The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รวมงานวิจารณ์ของนักศึกษาชั้นปีที่ ๓ สาชาวิชาภาษาไทย

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by manita1202, 2022-11-06 13:01:12

นัยวิจารณ์ กาลวรรณกรรม

รวมงานวิจารณ์ของนักศึกษาชั้นปีที่ ๓ สาชาวิชาภาษาไทย

ลูกชาวนาโตขึ้นทุกคนจะต้องเป็นเด็กเลี้ยงควาย ดังข้อความที่ว่า
“เราทุกคนต่างไม่อาจหลีกเลี่ยงคำสาปดึกดำบรรพ์ที่ครอบครัว
ชาวนาปฏิบัติสืบต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น โตขึ้นทุกคนจะต้องเป็นเด็ก
เลี้ยงควาย” (หน้า ๙ ) ทุ่งหญ้า ป่าข้าว เจ้าเขากางและผมนั้น
ผู้เขยี นไดบ้ รรยายใหเ้ หน็ ถงึ หลายประเด็นสำคัญดงั นี้

วิถีการใช้ชีวิตความเป็นอยู่ โข่งและครอบครัวมี
ความฝนั ท่วี า่ อยากมีควายเป็นของตัวเองไม่ใช่ควายทต่ี ้องเช่าเขามา
ทำนาแล้วก็คืน ซึ่งนอกจากการทำนาแล้วครอบครัวของโข่งยังทำ
อาชพี อ่นื อกี ด้วย ซง่ึ ทำใหเ้ หน็ ว่าชาวนาถงึ แมจ้ ะมีชว่ งเวลาที่ลำบาก
แต่พวกเขาก็มีความพยายาม ขยัน และอดทน ดังข้อความที่ว่า
“อยากขี่หลังควายของตัวเองก็ต้องอดทน”(หน้า ๑๙) และเขาก็
สามารถมีควายเป็นของตัวเองได้สำเร็จ ในเรื่องของอาหารนั้น
เน่อื งจากในบรเิ วณน้ันเป็นพืน้ ท่ที ตี่ ดิ กับป่ารกและหนาแนน่ จึงมีสัตว์
ป่าต่างๆอาศัยอยู่ ผู้เขียนบรรยายให้เห็นถึงวิถีชีวิตที่เรียบง่ายและ
บรรยากาศที่เต็มไปด้วยธรรมชาติที่มีความอุดมณ์สมบูรณ์ อาหาร
จะหาไดจ้ ากการจบั ปลา ปู กบ แมงดา และสัตว์อน่ื ๆตามท้องทุ่งนา
ดังข้อความที่ว่า “ผมออกไปจับกบจับปลาในรุ่งเช้า บางวันได้
แมงดามาให้แม่ตำน้ำพริกพร้อมปลาช่อนตัวโต”(หน้า ๑๕) และหา
ได้จากการล่าสัตว์และเก็บของป่า ดังข้อความที่ว่า “บางแห่งมี
ช่องว่างให้คนเดินเข้าไปล่าสัตว์และหาของป่า” (หน้า ๕๕) ผู้เขียน
ได้บรรยายให้เห็นถึงวิถีชีวิตความเป็นจริงของชาวนารวมถึงกลิ่น
อายความเป็นชนบทที่เต็มไปด้วยทงุ่ นา ที่จะไดย้ นิ เสีย่ งปีซ่ ังข้าวจาก

นยั วิจารณ์ กาลวรรณกรรม | ๙๖

เด็กเลี้ยงควายที่แว่วมาตามสายลมหนาว ในฤดูของการเก็บเกี่ยว
ข้าว ดังข้อความที่ว่า “กลางวันเกี่ยวข้าว ตกบ่ายขนข้าวสู่ลาน ค่ำ
ลงจุดตะเกียงตีมดั ข้าว” และยังมีญาติพี่น้องที่ตา่ งมาช่วยกันลงแขก
เกี่ยวข้าว รวมถึงเด็กๆลูกชาวนาที่เมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยวนั้นก็ต่างมา
รวมตัวกันเพ่ือทำกจิ กรรมต่างๆ

การศึกษา ถงึ แมใ้ นยุคสมัยนั้นยังไมม่ ีเรื่องของความ
สะดวกและเทคโนโลยีเข้ามามากทำให้เห็นว่าครอบครัว คนใน
ชุมชน นั้นล้วนมีบทบาทสำคัญที่คอยผลักดันและช่วยเหลือและให้
ความสำคัญกับการศึกษา ในตอนที่อาคารของโรงเรียนบ้านโนน
สามคั คีถกู ลมฝนและลมพายุพัดทำใหโ้ รงเรียนแทบไม่เหลือซาก แต่
คนในชุมชนก็ให้การช่วยเหลือโดยการช่วยกันสร้างโรงเรียนขึ้นมา
ใหม่ ดงั ขอ้ ความท่วี ่า “ชาวบา้ นกลุ่มใหญย่ กโขยงกันมาพร้อมเคร่ือง
ไม้เครื่องมือ บ้างแบกเสาร์ บ้างถือมืด บ้างแบกขวานกระจายกัน
ล้อมซากโรงเรยี น เรานั่งมองชาวบา้ นสร้างโรงเรยี นขึ้นใหม่” ( หน้า
๓๓ ) เรื่องของการศึกษาเด่นชัดขึ้นเมื่อครูโนรีได้ย้ายเข้ามาที่
โรงเรียนแทนครูบุญเลิศที่ได้เกษียณไป ครูโนรีเป็นครูที่เจ้าระเบียบ
จึงมีการตรวจระเบียบเครื่องแต่งกายของนักเรยี นและนักเรยี นส่วน
ใหญ่แต่งกายไมถ่ ูกระเบียบเนื่องจากบางคนไมม่ ีเข็มขัด บางคนไม่มี
รองเท้า ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาความยากจนอย่างเด่นชัดมากก็
คือ เด็กทุกคนต้องมแี บบเรียน สมุดของแตล่ ะวิชา อปุ กรณ์การเรยี น
รวมถึงเครื่องแต่งกาย ซึ่งจะเห็นได้ว่านักเรียนทุกคนต่างหน้า
เคร่งเครียดและปิดปากเงียบไม่กล้าที่จะบอกพ่อกับแม่ ดังข้อความ

นยั วิจารณ์ กาลวรรณกรรม | ๙๗

ที่ว่า “ผมไม่กล้าขอพ่อแม่ ถึงเอ่ยปากขอ ผมก็รู้ว่าพ่อแม่ไม่มีเงิน
มากพอซื้อให้”(หน้า ๗๑) นอกจากนี้แล้วครูโนรียังได้สอนนักเรียน
ให้เล่นกีฬาชนิดต่างๆและคัดเลือกนักเรียนที่มีความสามารถเพื่อไป
แข่งขัน ซึ่งเป็นจุดเริ่มที่ทำให้เด็กๆเริ่มรู้สึกดีกับครูโนรีและเข้าใจ
เรื่องกฎระเบียบมากขึ้น ดังข้อความที่ว่า “เราเริ่มรู้สึกดีกับครูโนรี
เขา้ ใจระเบียบบางอย่างท่ีครูพยายามบงั คบั ”

ความรัก ความผูกพัน มิตรภาพ เดิมบ้านของโข่ง
ไม่มีควายเป็นของตัวเอง “อีตู้” ควายเพศเมียที่ร่างกายเริ่มแก่ชรา
เป็นควายที่บ้านโข่งเช่าคนอื่นมาและอีกไม่นานมันก็จะต้องกลบั คืน
สู่เจ้าของหรือไม่ก็ไปอยู่กับคนเช่าคนใหม่ ในวันที่อีตู้จากไปทำให้
เห็นถึงความรักความผูกพันของโข่งทีม่ ีต่ออีตู้ ดังข้อความที่ว่า “ผม
นึกถึงถึงคราบน้ำตาและแผ่นหลังอันอบอุ่นของมัน”(หน้า ๑๕) ใน
ตลอดการดำเนินเรื่องนั้นผู้เขียนได้บรรยายให้เห็นถึงความรัก และ
มติ รภาพที่มากข้ึนทั้งกับครอบครวั คนในชมุ ชน และเพ่ือนในขณะท่ี
โข่งไม่สบาย ทุกคนต่างเป็นห่วงและคอยแวะเวียนมาเยี่ยมโข่งและ
ให้กำลังใจโข่งอยู่เสมอ นอกจากความรักและมิตรภาพระหว่าง
มนุษย์แล้วยังสะท้อนให้เห็นถึงความรักความผูกพันระหว่างมนุษย์
กับสัตว์เลี้ยงอีกด้วย “เจ้าเขากาง”ที่กินหญ้าได้น้อยลงและซูบผอม
นอนไม่มีแรงเหมือนก่อนบ่งบอกให้เห็นว่ามันกำลังป่วย พ่อ พี่เขย
และเพื่อนๆ ต่างมานอนเฝ้าไข้เจ้าเขากางเป็นเพื่อนโข่ง ดังข้อความ
ที่ว่า “โฮ่งบอกว่าจะมานอนเฝ้าควายเป็นเพื่อน ใกล้ค่ำทองแม้น
ดอม และสงั ข์ก็มาสมทบ” (หน้า ๑๒๘) ซ่ึงแสดงให้เห็นถึงมิตรภาพ

นยั วจิ ารณ์ กาลวรรณกรรม | ๙๘

ของคนในครอบครัวและเพื่อนอย่างแท้จริง เมื่อเจ้าเขากางจากไป
ทุกคนต่างร่วมมาแสดงความเสียใจ โขง่ ได้ปลกู ตน้ ประดู่ไว้ท่ีบนเนิน
หลุมศพเจ้าเขากางและและหมั่นไปรดน้ำดูแลอยู่เสมอ ดังข้อความ
ที่ว่า “ผมหมั่นไปรดน้ำทุกเช้า จนกระทั่งต้นประดู่ที่ปลูกไว้ชูยอด”
(หน้า ๑๓๕) ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความรักความผูกพันที่โข่งมีต่อเจ้า
เขากาง ต้นประดูเปรียบเหมือนเจา้ เขากางซึ่งโข่งกไ็ ดด้ ูแลเป็นอยา่ ง
ดีเหมอื นกับทเี่ คยดแู ลเจา้ เขากาง

ทุ่งหญ้า ป่าข้าว เจ้าเขากางและผม เป็นเรื่องราวอัน
ทรงคุณค่าที่ทำให้ผู้อ่านได้เห็นถึงบรรยากาศวิถีชีวิตในสมัย พ.ศ.
๒๕๑๓ หมู่บ้านที่เต็มไปด้วยเความรัก ความผูกพัน และมิตรภาพ
อย่างแท้จริงแม้ในหมู่บ้านของโข่งนั้นจะยังไม่มีเรื่องของความ
เจริญรุ่งเรืองมีเทคโนโลยีที่เพียบพร้อม แต่ทุกคนก็สามารถมี
ความสุขและภมู ิใจในบ้านเกิดของตน “ผมจะไม่มวี นั กลายเป็นเด็ก
เมืองอยา่ งท่ีพ่อวติ ก ผมเกดิ ท่บี า้ นทุ่งชายป่า เปน็ ลูกชาวนา และ
ผมเปน็ คนของทนี่ ่ี” (หน้า ๑๔๐)

นยั วิจารณ์ กาลวรรณกรรม | ๙๙

ขอบคณุ ทอ่ี ยดู่ ว้ ยกนั

ผู้แต่ง : กนก วิบูลพฒั น์
ขอบคณุ ที่อย่ดู ้วยกัน เปน็ นวนิยายสำหรบั เยาวชนเลม่ แรก

ของ กนก วบิ ูลพัฒน์ ท่ีเธอเขียนด้วยความหวังวา่ จะมีเยาวชนสัก
คนได้อา่ นแล้วมกี ำลงั ใจทจี่ ะเปน็ ตัวของตัวเองและใหโ้ อกาสคนอนื่ ที่
จะเป็นตวั ของตัวเองตอ่ ไป
รางวลั ทไี่ ดร้ บั : แว่นแกว้ รองชนะเลิศอนั ดับที่ ๒ ประเภทนยิ าย
สำหรับเยาวชน
ผู้วจิ ารณ์ : นางสาวอารรี ตั น์ เพ็งหาจิตต์

ขอบคุณที่อยู่ด้วยกัน เป็นหนังสือที่เหมาะสำหรับเยาวชน
การเป็นการใช้ภาษาไม่เป็นทางการ เน้นเป็นการสนทนาของตัว

นยั วิจารณ์ กาลวรรณกรรม | ๑๐๐

ละคร ที่ทำให้ผู้อ่านเกิดจินตนาการให้คล้อยตามตัวละคร ในเรื่อง
เป็นการสื่อถึงเรื่องราวของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง มีนามว่า ปัณณ์ มี
ความหมายว่า หนังสือ ซึ่งในเรื่องจะสอดคล้องเกี่ยวกับการอ่าน
การเขียน ปัณณ์เป็นเด็กที่มีปัญหาทางด้านครอบครัว ที่พ่อแม่แยก
ทางกนั ซึ่งเธอต้องมาอยู่กบั น้าสาวที่กรุงเทพ และทำใหเ้ ธอต้องย้าย
โรงเรียนอยู่บ่อยๆ ซึ่งทำให้เธออ่านเขียนไม่ได้ ตามหลักจิตวิทยา
ปัญหาทางภาษา จะพบอุปสรรคในการทำความเข้าใจคำพูดหรือ
กลุ่มคำ ทั้งการเขียน และการอ่าน เพราะนอกจากจะมีปัญหาใน
การจดจำตัวอักษรแล้ว ยังมีปัญหาในการเชื่อมโยงคำกับการอ่าน
ออกเสียง สำหรับเด็กบางคน สาเหตุของปัณณ์ เกิดจาก
สภาพแวดล้อมที่ต้องย้ายโรงเรียนบ่อยๆ ทำให้ไม่ได้เรียนต่อเนื่อง
ซ่ึงขดั ต่อการเรียนรู้ และปัญหาทางด้านครอบครัวที่ไม่มีเวลาให้หรือ
ความใส่ใจมากพอ ในการเรียนของปัณณ์เกิดการทะเลาะกับเพื่อน
ร่วมชั้นที่เกิดมากลั่นแกล้ง ทำให้ปัณณ์ต้องถูกย้ายมาเรียนที่
ห้องเรียนพิเศษ ทำให้ปัณณ์คิดว่าห้องเรียนเด็กพิเศษเป็นห้องเรยี น
ประหลาด แต่จริงๆแล้วไม่ใช่ ภายในห้องเรียนจะมีเด็กหลายแบบ
มากมาย ซึ่งหนึ่งในนั้นปัณณ์ได้พบกับข้าวปั้น เพื่อนที่มีเสียงดัง
โวยวายอยู่ ทำให้ครูหรรษาต้องนำหูฟังมาใส่ให้ข้าวปั้น ในที่นี้ข้าว
ปั้นถึงจะเป็นเด็กพิเศษแต่มีความสามารถต่อตัวต่อเป็นรูปต่างๆได้
อยา่ งเหลอื เชอ่ื แถมยงั อา่ นหนังสือได้คล่องอีก ทำใหป้ ัณณ์ตกใจ ว่า
ข้าวปั้นทำได้ไง ฉากในตอนห้องเรียนเด็กพิเศษ จะเน้นไปการทำ
กิจกรรมต่างๆให้เด็กเกิดพัฒนาการ และดึงจุดเด่นของเด็กนั้น
ออกมาว่ามีความสามารถพิเศษในจุดใด ซึ่งเด็กพิเศษจะมี
ความสามารถพิเศษในตัวของเขาว่าเขาเก่งด้านใดด้านหนึ่งเป็น

นยั วิจารณ์ กาลวรรณกรรม | ๑๐๑

อย่างมาก ซึ่งปัณณ์เห็นข้าวปั้นแล้วทำให้มีกำลังใจว่าข้าวปั้นทำได้
แลว้ ทำไมเราจะทำไม่ได้ ซงึ่ เปน็ จุดประกายความคิดและแรงกระตุ้น
ของปัณณ์ หลังจากนั้นครูหรรษาที่อยู่ห้องเรียนพิเศษในปัณณ์
ให้ปัณณ์เขียนจดหมายขอโทษเพื่อนที่ทะเลาะกัน ซึ่งปัณณ์ได้บอก
ครหู รรษาไปตรงๆว่า “หนูอ่านหนังสือไม่ออกและจะเขียนจดหมาย
ไดไ้ งคะ”ครูหรรษาเลยแนะนำแอปชว่ ยเขียนให้ปัณณ์ โดยที่ต้องพูด
ประโยคที่ต้องการและกับจะถอดคำออกมาให้ ทให้ปัณณ์อึ้งใน
เทคโนโลยีที่ทันสมัย เพราะเป็นสื่อช่วยในการเรียนรู้และสะดวก
เป็นการช่วยเบื้องต้นแต่ปัณณ์ต้องพัฒนาตัวเองด้านการอ่านและ
การเขยี นเพอ่ื นำไปใช้ในชีวติ ประจำวนั จากน้ันปณั ณ์กล็ อกข้อความ
จากที่ใช้แอปถอดคำ และนำไปขอโทษเพื่อน ต่อมาปัณณ์ต้องมา
เรียนการอ่านการเขียนกับครูหรรษาอย่างจริงจัง ซึ่งค้นพบปัญหา
จริงๆคือปัณณ์ผสมคำไม่เป็น แต่บางคำที่ปัณณ์อ่านได้เกิดจากการ
คำจากคนอื่นมา ซึ่งปัณณ์คิดว่าปัณณ์โง่ แต่จริงๆแล้วพัฒนาการ
สมอของคนเราไม่เหมือนกัน การทำงานที่ไม่เหมือนกัน ทำให้เกิด
ความแตกตา่ ง เปรียบเทยี บ บางคนเกง่ กฬี า บางคนไม่เก่งกีฬา บาง
คนเก่งวาดภาพ บางคนวาดภาพได้แค่เป็นก้างปลา ซึ่งแสดงให้เห็น
ว่าความถนัดของแต่ละคนไม่เหมือนกัน การที่เราทำไม่ได้ไม่ได้
แปลวา่ เราโง่ ทำให้ปัณณเ์ ร่ิมเขา้ ใจแลว้ ดงั นัน้ ปณั ณต์ ้องหม่ันฝึกฝน
และพัฒนาการอ่านการเขียนเพราะสำคัญมากในการใช้เรียน ใน
ต่อมาปัณณ์ต้องไปบำเพ็ญประโยชน์สาธารณะ ซึ่งปัณณ์ได้ไป
บำเพ็ญประโยชน์กับพี่สายลม โดยการไปวิ่งการกุศล ครั้งแรก
ที่ปัณณ์เห็นพี่สายลม ตกใจมาก เพราะพี่สายลมนั่งวิลแชร์ ไม่
สามารถเดินได้ เลยคิดในใจว่าพี่สายลมจะวิ่งได้หรอ ปัณณ์ต้องไป

นยั วิจารณ์ กาลวรรณกรรม | ๑๐๒

ช่วยเหลือพี่สายลม ซึ่งเขาบอกว่าสบายมาก พ่ีสามารถช่วยเหลือ
ตัวเองได้ ซึ่งในการเริ่มวิ่ง ปัณณ์กับพี่สายลมวิง่ ไปพร้อมๆกัน จนถึง
เส้นชัย ลมที่กระทบมาตรงหน้าปัณณ์ทำให้ปัณณ์รู้สึกเย็นสบาย
อย่างที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน หลังจากการวิ่งเสร็จ ปัณณ์ได้มีโอกาส
ไปหาอะไรกินกับพี่สายลม ทำให้ปัณณ์รู้สึกดีใจที่ได้เป็นเพ่ือนกับพี่
สายลม และมีแรงบัลดาลใจในการพัฒนาตัวเอง เพราะมีพี่สายลม
เปน็ ไอดอล หลงั จากทป่ี ดิ เทอม น้เี ป็นเวลาเปดิ ภาคเรียนใหม่ ปัณณ์
ได้มาเล่านิทานที่ห้องสมุด ซึ่งมีนักเรียนมากมายมาดูเธอเล่า และ
ต่างคนก็เอ่ยปากชมว่า ปณั ณเ์ ลา่ นทิ านได้สนุกมาก ทำให้เธอรู้สึกดี
ใจมากเพราะปัณณ์ไม่เคยไดร้ ับคำชมแบบน้ีมาก่อนเลย เพราะทำ
ใหเ้ หน็ วา่ จรงิ ๆแลว้ เรามีความสามารถมีคุณคา่ ในตัวเอง หลงั จากนั้น
มา ปัณณ์ก็ได้ทำงานต่างๆในโรงเรียนมากมายเพราะเธอพัฒนา
ตัวเอง นำความสามารถพิเศษของตัวเองดึงออกมาใช้ได้อย่าง
ถูกต้องและสุดท้ายการที่ปัณณ์ได้รู้จักเพื่อน หรือ ผู้คนอื่นๆใน
โรงเรียนมากมาย ทำให้มีแรงบันดาลในที่อยากพัฒนาตัวเอง อยาก
เป็นคนที่เก่ง และรู้คุณค่าของตัวเอง และปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นใน
ชวี ิตนำมาเป็นข้อเตือนใจและไมน่ ำมาเปน็ ปมของตนเองเร่ืองราวใน
เรื่องเป็นการสะท้อนความเท่าเทียมกันในสังคม การยอมรับความ
แตกต่างเพื่อนำมาปรับใช้ในชวี ิตประจำวัน และเคารพช่วยเหลือซ่ึง
กันและกนั มากกวา่ การนำปมดอ้ ยมาเปน็ แผลในใจ

นยั วจิ ารณ์ กาลวรรณกรรม | ๑๐๓

เสน่หานุสรณ์

ตอน : รักทต่ี ำบลริมแมน่ ำ้
ผแู้ ต่ง : อำไพ สังข์สขุ
ประเภท : เรอื่ งส้ัน
รางวลั ท่ไี ดร้ ับ : รางวลั วรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยยี่ มแห่ง
อาเซยี น (ซีไรต์) ปี 2560
ผวู้ ิจารณ์ : นางสาวขวัญฤทยั ดอกเกษ

การตงั้ ชือ่ หนังสือ เสน่หห์ านสุ รณ์ ก็จะเห็นได้ว่าเปน็ เรือ่ ง
เกีย่ วกบั ความรักความหลงใหล และในหนังสือเสน่หห์ านุสรณ์เล่มน้ี
กจ็ ะเปน็ หนังสือรวมเรอื่ งส้ันรักโศก และเป็นเรอื่ งท่ีเกีย่ วกบั ความรกั
ทไี่ ม่สมหวงั

นยั วิจารณ์ กาลวรรณกรรม | ๑๐๔

หากพูดถึงความรักคงไม่มีใครอยากผิดหวงั กับความรกั ท่ี
ตัวเองได้เจอ ทุกคนก็อยากสมหวงั กบั ความรักกันทั้งนั้น โดยใน
“รักท่ตี ำบลริมบึง” นบั เปน็ เร่ืองสั้นเรื่องหน่ึงท่ีนา่ สนใจกบั คนที่ชอบ
อ่านเร่อื งสน้ั รักโศก ซ่ึงผ้เู ขยี นได้ถา่ ยทอดอารมณ์ และความรสู้ ึก
ของตวั ละครออกมาได้ดีอย่างลึกซ้งึ

เนื้อเรื่องของเรื่องสั้นเล่มนี้ได้เล่าถึง ความรักของหญิงสาว
นักแปลภาษา ที่ได้พบรักกับชายคนหนึ่งที่มาจ้างเธอแปลภาษาแต่
ชายคนนั้นได้มีภรรยาอยู่แล้ว จึงเป็นเหตุให้เกิดเรื่องราวสุดเศร้าใจ
ในระหว่างทห่ี ญิงสาวเปน็ นักแปลนั้น แต่เธอก็ชอบการเป็นนักเขียน
และความอยากเป็นนักเขียนของเธอก็มักแย่งเวลาความเป็น นัก
แปล จนเธอทำงานแปลไม่เสร็จตามกำหนดเวลา ด้วยความที่เขาไม่
อยากกลับมาอีกเธอจึงให้เขาไปรองานที่บ้านริมแม่น้ำกับเธอ และ
เรอื่ งราวทัง้ หมดได้เกิดข้ึน ณ บา้ นรมิ แมน่ ้ำ ในขณะนนั้ เธอได้ให้เขา
รอในห้องพักและแล้วก็นั่งลงทำงานในห้องโถงกลางบ้านเขาก็ได้
แอบมองเธอและตกหลุมรักเธอโดยท่ีไม่รู้ตวั และท้งั สองได้มีสนทนา
กันถามไถ่เรื่องต่าง ๆ ยิ่งทำให้ทั้งสองมีความรู้สึกใหก้ ันมากขึ้น เธอ
ได้ออกไปตามหาแมวของเธอ และได้เจอกบั คนตกปลาที่มาจอดเรื่อ
ที่ท่าน้ำเขาได้พูดเตือนใจเธอ “พระจันทร์ของคู่รัก มันทำให้คนรัก
ยิ่งคิดถึงกัน”ตาเศร้าคู่นั้นมองเลยมาที่เขาราวกับจะกล่าวโทษ มัน
ทำให้เขาทั้งโกรธและอึดอัด เพราะเหมือนชายคนนี้กำลังเตือนเขา
ให้นึกว่าป่านนภี้ รรยาของเขากำลังมองดูดวงจันทร์จากระเบียงบ้าน
พลางคิดถึงเขาอยู่เช่นเดียวกันก็เป็นได้ ตกกลางดึกเขาได้สารภาพ

นยั วจิ ารณ์ กาลวรรณกรรม | ๑๐๕

รักกับเธอ และทั้งสองก็ได้จูบปากกัน จากนั้นก็แยกย้ายกันไปนอน
เธอไดฉ้ ุดคิดขน้ึ จากคำเตือนของคนตกปลา เธอร้องไห้เพราะเธอไม่รู้
ว่าหลังจากนี้เธอจะแยกจากเขาอย่างไร หรือเธอร้องไห้เพราะว่า
ที่สุดแล้วเขาจะเลือกที่จะจากไป วันต่อมางานที่เธอได้ทำนั้นกเ็ สรจ็
แล้วถึงเวลาที่เขาก็ต้องกลับไปหาภรรยาของเขาแล้ว แต่เขาขอร้อง
เธอรอเพราะเขาจะกลับมาหาเธออีกครั้งแต่เธอก็ได้ ปฏิเสธเขา
และบอกให้เขากลับไปหาภรรยาซะ และเธอไปส่งเขาขึ้นรถกลับไป
หาภรรยาของเขา เมื่อเขาเหลียวกลับไปมองอีกครั้งก็เห็นแต่ผ้าผูก
ผมสีฟา้ อ่อนของเธอปลิวไหว ๆ คนหาปลามาถึงต้ังแต่เมื่อไรนะ เขา
อุ้มแมวของเธอไว้ในอ้อมแขนและยืนอยู่ที่นั่นราวกับผู้พิทักษ์ อีก
ครัง้ ทเี่ ขาอจิ ฉาชายผูน้ ้ันจับหัวใจรู้สึกพ่ายแพ้และเจ็บปวดอย่างท่ีไม่
เคยเป็นมาก่อน

เรื่องสั้นเรื่องนี้ได้เล่าถึงความรักของหนุ่มสาวที่พบเจอกับ
ความผิดหวัง ถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกออกมาได้ดี น่าสนใจ น่า
อ่าน และน่าติดตามเป็นอย่างมากกับเรื่องสั้นรักโสก นอกจากจะ
นำเสนอความรักท่ไี ม่สมหวงั ผู้เขียนตระถึงความถกู ต้องของความรัก
จึงมีการสอดแทรกข้อคิดหรือศีลธรรมมาให้ผู้อ่านได้เห็นและเข้าใจ
ในเน้ือเรอื่ งมากยงิ่ ขน้ึ

การใช้ภาษา เป็นการใช้ภาษาที่เรียบง่าย อ่านง่ายชวนให้
น่าติดตาม และน่าอ่าน เนื่องจากผู้เขียนเป็นคนเล่าเรื่องราวถึงตัว
ละคร และในเรื่องราวความรักท่ีไม่สมหวัง หรือรักโศก มีการใช้บท

นยั วิจารณ์ กาลวรรณกรรม | ๑๐๖

สนทนาให้เห็นการใช้ภาษาที่เรียบง่าย และเห็นความเป็นธรรมชาติ
ของตัวละครแตล่ ะตัวละคร

เช่น บทสนทนาของตัวละคร ที่สนทนากันด้วยการใช้ภาษาที่เรียบ
ง่าย

“ฉันมีหอ้ งวา่ งห้องหนง่ึ คุณคา้ งในหอ้ งนนั้ ได”้

“คนทจ่ี ้างคุณแปลงานมกั จะคา้ งคนื ที่นีห่ รือ”

“ไม่หรอก ฉันให้คุณค้างเพราะฉันผิดสัญญาต่างหาก ฉัน
ไมล่ ืมหรอกว่าเรากำลงั ทำธรุ กจิ กนั ”

และตัวอย่างอีกบทสนทนาที่ทำให้เห็นการใช้ภาษาของผู้เขียนที่มี
ความเรียบง่าย น่าอา่ น นา่ ติดตาม

“เพ่อื นคุณไปไหนเสียละ่ ”

“เขาเอาเรื่องที่ฉันเขียนไปอ่าน ที่จริงเขาเช่าห้องพักไว้นะ
แตเ่ ขาชอบนอนในเรอื ”

“เขาเป็นนกั อา่ นคนแรกของคณุ สินะ”

“อ๋อ นั่นคือสิ่งที่เขาบอกว่าเป็นความชื่นใจของเขา เขา
ชอบเรื่องของฉัน เขาเป็นคนมาจากที่อื่น ฉันไม่รู้หรอกว่าเขามี
ความรู้ มากแคไ่ หน รู้แตว่ า่ เขาใชช้ ีวิตหมดไปกบั การตกปลาและเฝ้า
พิจารณาชีวติ เขาล่องเรอื ตกปลามาที่นี่เขามีบางอย่างทีพ่ ิเศษ ที่ทำ
ให้ฉันประทบั ใจ”

นยั วิจารณ์ กาลวรรณกรรม | ๑๐๗

เรื่องสั้นเรื่องนี้มีการใช้ภาษาที่ไพรเราะสวยงาม โดยมีการ
ใช้พรรณนาโวหารเข้ามาช่วยบรรยายให้เห็นภาพหรือช่วยให้ผู้อ่าน
ใหจ้ นิ ตนาเห็นถงึ ความสวยงามของตัวละคร เชน่

ใบหน้าที่มีผิวอ่อนลออซึ่งเขาจำได้เจนตาไม่ว่า จะอยู่
ห่างไกลเพียงไหน จมูกเล็กๆโด่งสวยรับกับริมฝีปากงามได้รูป แต่ท่ี
น่ามองที่สุดคือดวงตากลมโตแวววาวและผมสีดำยาวที่ดกหนาเป็น
พิเศษ ตลอดเวลาที่พบกัน เธอชอบรวบผมสูง อวดใบหน้า
ผดุ ผอ่ ง และคองามระหงที่ทำใหเ้ ขาตนื่ ใจ

รา่ งบอบบางในชุดกระโปรงยาวกรอมเท้าตัดเยบ็ จากผ้าทอ
พื้นบ้าน ตัวเสื้อรัดรูปแบบมอญติดกระดุมเรียงชิดนับ ร้อยเม็ด
ผิวเนียนสะอาดและผมดำยาวทำให้เธอมองดูเหมือนผู้หญิงจาก
ภาพวาดของหนังสือโบราณ

นอกจากนี้ยังมีการใช้พรรณนาโวหารบรรยายฉากให้เห็น
ภาพและเห็นถึงบรรยากาศบ้านที่ริมแม่น้ำชวนให้หลงใหลในความ
ร่มเย็นของแม่น้ำทำใหผ้ ู้อ่านคล้อยตาม ทำให้ผู้อ่านเกิดจินตนาการ
ตามผ้เู ขียน และยังเป็นสถานที่ทเี่ ร่อื งราวทุกอย่างที่ได้เกิดข้ึน เชน่

เป็นตำบลริมแม่น้ำที่เงียบสงบ สายน้ำโบราณที่ฉ่ำเย็น
สะท้อน เงาท้องฟ้าสีน้ำเงินอ่อนที่มีเมฆบาง ๆ ไหลผ่านใต้สะพาน
มืด ๆ ผ่านกอตน้ จากทีล่ ูกดกเปน็ ชอ่ สีนำ้ ตาล ผ่านวัดเกา่ แกส่ วยงาม
แล้วก็ไหลผ่านหน้าบ้านเธอไป คลองอรรถสิทธิ์หรือที่เรียกกันว่า
คลองขุดใหม่ อ้อมโค้งไปใต้ระเบียงบ้านของเธอซึ่งมีเงาต้นนุ่นใหญ่
คลุมลงมาร่มรื่น แมวสีขาวของเธอมักนอนหลับสนิทหงายหน้า อยู่

นยั วจิ ารณ์ กาลวรรณกรรม | ๑๐๘

โคนตน้ ขนนุ ท่ีมีลกู ดกระพ้นื แดดยามบ่ายคล้อยของเดือน มกราคม
เป็นสีทองอาบไล้ฝั่งโรงสีตรงข้าม บ้านเรือนทรงไทยริมน้ำดูนุม่ นวล
ลงด้วยเงาท่ีทอดยาว

นยั วิจารณ์ กาลวรรณกรรม | ๑๐๙

นยั วจิ ารณ์ กาลวรรณกรรม | ๑๑๐


Click to View FlipBook Version