๑๐สุดยอด
สมบตั ปิ ัตตานี
ประจ�ำ ปี ๒๕๖๒
ภายใต้โครงการ
“วฒั นธรรมเชื่อมใจ ชายแดนใตส้ ันตสิ ุข”
จงั หวดั ปตั ตานี ประจำ�ปีงบประมาณ 2562
สำ�นกั งานวัฒนธรรมจังหวัดปัตตานี
กระทรวงวฒั นธรรม
สำ�นักงานวฒั นธรรมจงั หวัดปัตตานีกระทรวงวฒั นธรรม 1
ที่มา: อาแซ แวดงิ
2 10 สดุ ยอดสมบัตปิ ตั ตานี ประจำ� ปี 2562
สำ�นักงานวัฒนธรรมจงั หวัดปัตตานกี ระทรวงวัฒนธรรม 3
กริชบนั ไดซาร๊ะ 9 คด ทมี่ า: อาแซ แวดงิ
ท่ีมา: อาแซ แวดงิ
4 10 สุดยอดสมบัตปิ ัตตานี ประจ�ำปี 2562
6 10 สดุ ยอดสมบตั ิปตั ตานี ประจำ� ปี 2562 มีดบาดิก (ฆาเยาะซงี อ)
ที่มา: อาแซ แวดิง
ท่มี า: อาแซ แวดงิ
สารบัญ
ค�ำน�ำ
สารบญั
17 10 10 สดุ ยอดสมบตั ปิ ตั ตานี
14 กรชิ ปตั ตานี
20 เคร่ืองทองเหลอื งปตั ตานี
26 เครอื่ งทองปัตตานี
32 ผ้าจวนตานี
54 38
กตี าบยาวี
(อลู ามะ : ชัยค์ดาวูด บนิ อับดลุ เลาะ อัลฟาตอน)ี
44 ศลิ ปะการแสดงสลี ะฆายง
50 พิธีกรรม (ประเพณแี ห่นก)
54 สถาปตั ยกรรม (สุเหรา่ อาโห)
67 60 จติ รกรรมฝาผนงั (วดั หงสาราม)
66 อาหารปตั ตานี
73 พิพิธภัณฑ์จงั หวัดปัตตาน ี
75 ประวตั ิศาสตรป์ ตั ตานี
46
สำ�นกั งานวัฒนธรรมจงั หวัดปัตตานกี ระทรวงวฒั นธรรม 9
21
5 47
10 10 สุดยอดสมบตั ิปตั ตานี ประจำ� ปี 2562 9
10 สุดยอดสมบัติปัตตานี ประจ�ำ ปี 2562
8 10
6
3
สำ�นักงานวฒั นธรรมจงั หวดั ปัตตานกี ระทรวงวฒั นธรรม 11
กรชิ ปัตตานี
12 10 สุดยอดสมบตั ปิ ัตตานี ประจำ� ปี 2562
กริชตะยง
ทมี่ า: อาแซ แวดิง
ส�ำ นกั งานวฒั นธรรมจงั หวัดปัตตานกี ระทรวงวัฒนธรรม 13
กรชิ ปัตตานี
กรชิ เปน็ มีดสัน้ แบบหนึง่ ใบมีดคด 1. ใชเ้ ปน็ อาวุธปอ้ งกนั ตวั
แบบลูกคลื่น เป็นเอกลักษณ์ 2. ใช้เป็นเครอื่ งรางของขลังและของศักดิ์สทิ ธ์ิท่ี
เฉพาะในหมู่ผู้คนในประเทศ สามารถป้องกันอาถรรพ์และส่ิงชั่วร้ายต่างๆตลอดถึง
มาเลเซีย อนิ โดนเี ซีย และจังหวัด การบันดาลโชคให้แก่เจ้าของ
ชายแดนภาคใต้ของไทย 3. ใช้เป็นเคร่ืองประดับที่สามารถบ่งบอกถึง
คำ� วา่ “ กริช” ในภาษาไทย น่าจะถอดมาจาก สถานภาพหรือยศ ชน้ั วรรณะของผเู้ ป็นเจา้ ของกรชิ
“keris” ในภาษามลายู ซ่ึงหมายถึง “มีดส้ัน” ค�ำนี้ การใชก้ รชิ ในบรเิ วณคาบสมทุ รมลายู และบรเิ วณ
ผ่านมาจากภาษาชวาโบราณอีกทอดหน่ึง คือ “งริช” ใกลเ้ คยี งมขี น้ึ อยา่ งกวา้ งขวางจากอทิ ธพิ ลของชวา ทำ� ให้
หรือ “เงอะริช” หมายถึง แทง ภาษาต่างๆ ในยุโรป เกิดการพัฒนารูปแบบของกริชไปตามกลุ่มวัฒนธรรม
ใชว้ ่า “kris” ตามมลายู (อับดลุ รอนิง ลาเด๊ะ, 2560) จนมลี กั ษณะเดน่ เฉพาะตวั ซง่ึ สามารถจำ� แนกโดยอาศยั
กริชเป็นศาสตราวุธ ประเภทมีดสองคมที่ได้ รปู แบบของดา้ มและฝักเป็นหลกั ดงั นี้
รับความนิยมและน�ำมาใช้กันมากในภูมิภาคเอเชีย - กรชิ สกุลชวา
ตะวันออกเฉยี งใต้ เม่ือครั้งอดตี ท่ผี า่ นมา โดยเฉพาะใน - กริชสกลุ ชา่ งบาหลี
กลุ่มชนชาวชวา มาลายู จะมีความนิยมและมีคติ - กริชสกุลชา่ งสุมาตรา (กรชิ อาเนาะแล)
ความเช่ือในเร่ืองกริชมากกว่าชนชาติอ่ืน ท�ำให้ในยุค - กรชิ สกลุ ชา่ งบกู สิ (กรชิ หวั นกแลเบง็ , กรชิ หวั
โบราณกริชได้รับความนิยมแพร่หลายไปเกือบท่ัว กะดะ๊ , กริชหวั จงั เหลน)
ภูมิภาคน้ี อาทิ สยาม กัมพูชา และชนชาติโมโรใน - กริชสกุลชา่ งโชลคุ (กรชิ ซนุ ดงั , ซุนแด)
เกาะมินดาเนาของฟิลิปปินส์ และนักวิชาการด้าน - กริชสกุลช่างคาบสมทุ ร (กรชิ หวั ลูกไก่, กริชหัว
ศาสตราวุธได้เชื่อในแนวทางเดียวกันว่า กริช เกิดข้ึน ลกู ไกต่ ายโคม, กริชชวาแดมมั หรอื ชวาป่วย)
สมัยทีย่ ังนบั ถือศาสนาพรหม – ฮนิ ดู ในสมัยอาณาจักร - กริชสกุลช่างปัตตานี (กริชหัวนกพังกะ หรือ
มัชปาหิตบนเกาะชวาเรืองอ�ำนาจ ซึ่งได้สร้างค่านิยม กรชิ ตะยง)
และคติความเชื่อไว้สูงมาก กริชในยุคโบราณจึงได้แฝง - กริชสกุลชา่ งสงขลา – นครศรีธรรมราช
เอาไวด้ ว้ ยมติ ิความเชอ่ื 3 หลักใหญ่ๆ คือ
14 10 สดุ ยอดสมบตั ปิ ตั ตานี ประจ�ำปี 2562
กรชิ ปตั ตานี กริชหวั นกพังกะ หรอื กริชตะยง
ลักษณะเด่น คือ ด้ามที่มีการแกะสลักเป็นรูปยักษ์
กรชิ กลุม่ ปตั ตานี กรชิ กลมุ่ นี้มีการพฒั นารปู แบบ จนมี ทไี่ ดร้ บั อทิ ธพิ ลตงั หนงั วายงั ของชวา ตวั ยกั ษม์ จี มกู ยาว
เอกลกั ษณท์ งั้ ฝกั และดา้ ม จางเรยี กวา่ กรชิ แบบปตั ตานี งอน นยั นต์ าถลนดดุ นั ปากอา้ แสยะเหน็ เขย้ี วและไรฟนั
นิยมใช้กันในพื้นที่ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และบาง ชดั เจน สว่ นมอื และเทา้ ถกู ลดทอนหายไป ใตค้ างมเี ครา
พน้ื ทข่ี องสงขลาและสตลู กรชิ สกลุ ชา่ งปตั ตานมี ี 2 แบบ และผมบนศรษี ะเปน็ เสน้ หยกิ หยอง ตลอดจนเครอื่ งประดบั
คอื กรชิ แบบหวั นกพงั กะ หรอื กรชิ ตะยง และกรชิ แบบ ชา่ งรงั สรรคใ์ หเ้ ปน็ กระหนกเครอื เถาทม่ี คี วามงามวจิ ติ ร
แดแป๊ะ ซ่ึงปัจจุบันกริชแบบแดแป๊ะมีจ�ำนวนน้อยมาก แฝงดว้ ยอ�ำนาจและพลงั ลกึ ลบั เหนอื ด้าม
นอกจากนี้กริชปัตตานียังได้รับอิทธิพลของกริชจาก
วัฒนธรรมอน่ื เข้ามาอย่างตอ่ เนื่อง ช่างกรชิ ปัตตานจี งึ มี
การพัฒนาการท�ำกริชโดยท�ำตามความต้องการของ
ผใู้ ชง้ านซงึ่ ไดอ้ ทิ ธพิ ลจากการทำ� กรชิ มลายรู ปู แบบตา่ งๆ
อาทิ กริชปันจาง (กริชสกุลช่างสุมาตรา) กริชแบกอ
(กริชสกุลช่างคาบสมุทร) (สุทธิวงศ์ พงษ์ไพบูลย์,
2543: 86)
่ทีมา: อาแซ แว ิดง
สำ�นักงานวฒั นธรรมจังหวัดปัตตานกี ระทรวงวัฒนธรรม 15
่ทีมา: ิวธาน ิศริเบญจวรรณ
กริชปนั จาง
กริชปนั จางจากวงั สายบุรี เดมิ กริชเลม่ นี้เป็นกริชอาญา
สทิ ธริ าช (ใชใ้ นพธิ สี บื ทอดตำ� แหนง่ รายาของวงั สายบรุ )ี
ใบชนิดปันจางจริตอ (เซาะร่อง) รูปแบบปาเล่มบัง
(งานชา่ งปตั ตาน)ี ดา้ มเปน็ ไมแ้ กว้ โบราณแกะฉลทุ า้ ยดา้ ม
ปิดเงินสลักลายฝังพลอนนพเก้า (ขนบความเช่ือ
พราหมณ/์ ฮนิ ดู ใชท้ บั ทมิ เปน็ เมด็ ประธาน) ดอเกาะเงนิ
ฉลลุ าย (ลกู ถว้ ย5ชน้ั สอดรับกันเเต่ไมเ่ ชือ่ มตดิ ) ฝกั ทรง
สาลีบุหลัน (พระจันทร์เส้ียว) ใช้ไม้โบราณลายดั่งรัศมี
จันทร์ บอ้ งฝกั ห้มุ เงินสลกั ลายงานช่างปัตตาน/ี กลนั ตัน
16 10 สดุ ยอดสมบตั ปิ ัตตานี ประจ�ำปี 2562
ที่มา: ณรงค์ กรชิ ทองคำ�
กริชแบกอ (บีบตีนช้าง)
ลักษณะเด่นคือ ด้ามคล้ายคนนั่งกอดอก เอียงไหล่
ตะแคงหนา้ มหี วั จกุ ปากแหลม มองดผู วิ เผนิ จะคลา้ ยตวั
ลูกไกต่ ายโคม (ลูกไกท่ ฟี่ ักเปน็ ตัวเตม็ ตายอยใู่ นฟองไข)่
เปน็ กริชท่นี ยิ มใช้เฉพาะชนช้นั สงู
สำ�นักงานวัฒนธรรมจังหวดั ปัตตานีกระทรวงวฒั นธรรม 17
18 10 สดุ ยอดสมบตั ปิ ัตตานี ประจ�ำปี 2562
เคร่อื งทองเหลอื งปตั ตานี
กาทองเหลืองปตั ตานี
ทม่ี า: อาแซ แวดิง
สำ�นักงานวัฒนธรรมจังหวดั ปตั ตานกี ระทรวงวัฒนธรรม 19
เคร่ืองทองเหลอื งปัตตานี
เครอ่ื งทองเหลอื งปตั ตานีเปน็ ผลิตภัณฑ์เคร่ืองทองเหลืองปัตตานีแบ่งเป็น
หตั ถกรรมชา่ งฝมี อื ประเภท ประเภทต่างๆ ดงั นี้
เครอ่ื งทองเหลอื งของเมอื ง
ปัตตานี มีชื่อเสียงเลอี่ งลือ 1.เครอ่ื งครวั ไดแ้ ก่ หมอ้ กระทะ กระบอกอดั เสน้
ในด้านความประณีต ความสวยงาม และมีลักษณะท่ี ขนมจนี กาน�ำ้ แม่พิมพข์ นมไข่ ฯลฯ
เป็นเอกลักษณ์ท่ีเกิดจากการผสมผสานศิลปะของชาติ
ตา่ งๆ เชน่ จีน อาหรบั ยุโรป สยาม ผสมผสานเข้ากับ 2. เครอื่ งเชี่ยนหมาก ได้แก่ เชีย่ นหมาก เตา้ ปนู
ศิลปะแบบมลายูท้องถ่ิน แหล่งผลิตเครื่องทองเหลือง ตะบนั หรอื ยน ฯลฯ
ปัตตานีแหล่งใหญ่ คือ จะบังติกอ ปัจจุบันอยู่ในเขต
เทศบาลเมืองปัตตานี ซึ่งจะบังติกอเคยเป็นศูนย์กลาง 3. เคร่ืองให้แสงสว่าง เช่น ตะเกียงจุดน�้ำมัน
การปกครองของเมอื งปัตตานี ระหวา่ งปี พ.ศ.2388 – มะพรา้ ว
2445 และเปน็ ทตี่ งั้ ของวงั เจา้ เมอื งปตั ตานใี นยคุ นนั้ ดว้ ย
ก า ร ท� ำ เ ค ร่ื อ ง ท อ ง เ ห ลื อ ง ท่ี จ ะ บั ง ติ ก อ เ ป ็ น แ บ บ 4. เคร่อื งประทบั ตกแตง่ อาวุธ เชน่ คอเก๊าะกริช
อตุ สาหกรรมในครวั เรอื น ปลอกหอก ฝกั ดาบ โกร่งไกปืน ฯลฯ
5. เครื่องใช้อ่ืนๆ เช่น ขอช้าง ปลอกเขาวัว
หลกั วัว
ผลิตภัณฑ์เคร่ืองทองเหลืองปัตตานีแพร่หลาย
ออกไปไกลมากรวมทั้งช่างจากปัตตานีบางส่วนได้ไป
ประกอบอาชีพในเมืองอื่นๆ เช่น นครศรีธรรมราช
กลนั ตนั ฯลฯ แตค่ นท่ัวไปก็ยงั เรยี กว่าช่างปตั ตานี หรือ
เคร่ืองทองเหลืองปัตตานี ต่อมาเมื่อมีความนิยมใช้
ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ลดน้อยลง ช่างก็ลดก�ำลังการผลิตลง
ไปด้วย ในที่สุดก็ค่อยๆ เลิกการผลิตไป (กระทรวง
วฒั นธรรม, 2556)
20 10 สดุ ยอดสมบัตปิ ตั ตานี ประจำ� ปี 2562
่ทีมา: อาแซ แว ิดง
กาน�้ำทองเหลอื ง
กาน�้ำทองเหลืองปัตตานีเป็นภาชนะใส่น้�ำ
ไวใ้ ชใ้ นโอกาสตา่ งๆ ของคนมลายูสมัยก่อน
กาใบน้ีมีความพิเศษ เน่ืองจากมีการแกะ
ลายที่ตัวกาซ่ึงพบน้อยมาก ส่วนใหญ่นิยม
ใชใ้ นวงั รายอในอดตี สว่ นแบบไมม่ แี กะลาย
จะใช้กันโดยทว่ั ไป
ส�ำ นักงานวฒั นธรรมจงั หวดั ปัตตานกี ระทรวงวัฒนธรรม 21
ดูร์แล หรือตะลุ่ม
เป็นภาชนะ ท่ีใส่อาหารอีกชนิด
หนง่ึ ของคนมลายปู ตั ตานใี นอดตี
ชนิดท่ีมีลายส่วนใหญ่ใช้กันใน
วังรายา เป็นงานที่ส่ังท�ำพิเศษ
เจาะจง สว่ นที่ไมม่ ีลายใช้กับคน
ท่ัวๆ ไป
่ทีมา: อาแซ แว ิดง
ปโู ยะลือกา
เปน็ หมอ้ ทองเหลอื งชนดิ หนงึ่ มพี านรองหมอ้ ใชส้ ำ� หรบั ใสอ่ าหาร
ชนดิ ต่างๆ สว่ นใหญ่จะใชใ้ นวังสมยั ก่อน บา้ นคหบดี และบ้านคน
ท่ีค่อนข้างมีฐานะ มี 2 รูปแบบ คือ แบบตัวหม้อมีหูจับและ
แบบไมม่ ีหจู ับ
22 10 สดุ ยอดสมบตั ปิ ัตตานี ประจ�ำปี 2562
่ทีมา: อาแซ แว ิดง
หม้อคอทองเหลืองปัตตานี
เป็นภาชนะชนิดหม้อ ส�ำหรับหุงข้าว
ประกอบอาหารชนิดต่างๆ มีหลายขนาด
ตะเกียงน�้ำมันทองเหลืองปัตตานี
มีหลายแบบ เช่น ตะเกียงชวาลา ใช้ในงาน
พิธีมงคลต่างๆ ตามประเพณีของแต่ละ
ท้องถ่ิน โดยสมัยก่อนใช้กับไขมันสัตว์
น�้ำมันมะพร้าว จุดเป็นเช้ือเพลิง
ส�ำ นักงานวัฒนธรรมจังหวัดปัตตานกี ระทรวงวัฒนธรรม 23
ลูกสนทองค�ำ
ทีม่ า: ยามลี า กรชิ ทองค�ำ
24 10 สดุ ยอดสมบัตปิ ัตตานี ประจ�ำปี 2562
เครอื่ งทองปัตตานี
สำ�นักงานวัฒนธรรมจงั หวัดปตั ตานกี ระทรวงวัฒนธรรม 25
เครื่องทองปัตตานี
ทองค�ำถือเป็นสิ่งหนึ่งท่ีไม่เคย อย่างไรก็ตามเคร่ืองทองก็จะมีลวดลายและ
เส่ือมคา่ สมดงั่ สมบตั ิของโลหะ เอกลักษณ์เฉพาะตัวของแต่ละยุคแต่ละสมัย แต่
ธาตุท่ีมีความสุกใสเหลืองอร่าม วตั ถปุ ระสงคแ์ ละการใชง้ านไมแ่ ตกตา่ งกนั เชน่ เดยี วกบั
อยเู่ ปน็ นริ นั ดร์ ทองไมห่ มองแม้ เครื่องทองปัตตานีที่มีการน�ำทองค�ำมาใช้เป็นเคร่ืองใช้
ถกู ฝังอยูใ่ นดนิ โคลนนับรอ้ ยนบั พันปี เครอื่ งประดบั อาทิ เหรยี ญทองคำ� สรอ้ ยคอ แหวนทอง
เคร่ืองทองปัตตานีถือเป็นงานศิลป์ชั้นสูงที่ผ่าน และเครอื่ งใชอ้ น่ื ๆ เปน็ ตน้ เปน็ เครอื่ งบง่ บอกชนชนั้ ทาง
การเดินทางมาอย่างยาวนาน เป็นสมบัติอันล�่ำค่าท่ีบ่ง สังคมของผู้สวมใส
บอกถึงเอกลักษณ์และความเจริญรุ่งเรืองของปัตตานี
ซึ่งคุณค่าทางศิลปะของเครื่องทองโบราณนั้นอยู่ท่ี
สนุ ทรยี ภาพของลวดลาย ความออ่ นชอ้ ย ตามแบบสมยั
โบราณ คุณลักษณะของงานเคร่ืองทองโบราณคือเป็น
งานหัตกรรมล้วนๆไม่ใช่งานท่ีท�ำมาจากเครื่องจักร
ตงั้ แตก่ ารคดิ ลาย การรดี เสน้ ทอง การขนึ้ รปู การทำ� งาน
ออกมาในแต่ละชิ้นต้องอาศัยความแม่นย�ำในการสร้าง
รปู ทรงตามทีไ่ ดก้ �ำหนดข้ึนมาให้เป็นไปตามนน้ั ใหไ้ ด้
เข็มกลดั ทองค�ำ
ทม่ี า: ยามีลา กรชิ ทองคำ�
26 10 สุดยอดสมบตั ิปัตตานี ประจำ� ปี 2562
ท่ีมา: ยามีลา กริชทองคำ�
กระดุมฝาหมอ้
เป็นเคร่ืองประดับทองส�ำหรับติดบนเสื้อ
ของสตรีชนชนั้ สงู สมัยมลายูโบราณ
สำ�นกั งานวฒั นธรรมจังหวัดปตั ตานีกระทรวงวฒั นธรรม 27
ลกู สน (เวาะฆ)ู
เปน็ ลกู สนทองคำ� ใชส้ ำ� หรบั หอ้ ยกบั ถงุ ผา้ ใสห่ มาก
ใช้ในขนุ นางช้นั ผูใ้ หญ่เพ่อื ประดบั บารมี
แหวนทอง 3 หวั (แหวนทอง หัวทบั ทิมพมา่ )
แกะเป็นลายดอกพกิ ุล
28 10 สุดยอดสมบัตปิ ตั ตานี ประจำ� ปี 2562 ทีม่ า: ยามลี า กริชทองคำ�
่ีทมา: ยามีลา กริชทองคำ� แหวนทองลายเมล็ดแตงโม
แกะลวดลายโดยใชว้ ธิ เี ปา่ ลมเพอื่
ก�ำหนดลวดลายของแหวน
แหวนทองลายหนามทุเรียน
ปน่ิ ปักผมนาค (ปอเจาะซาโฆ)
สำ�นกั งานวฒั นธรรมจังหวดั ปตั ตานกี ระทรวงวัฒนธรรม 29
30 10 สดุ ยอดสมบตั ปิ ัตตานี ประจ�ำปี 2562
ผา้ จวนตานี
ส�ำ นักงานวัฒนธรรมจังหวดั ปตั ตานีกระทรวงวัฒนธรรม 31
ผา้ จวนตานี
ผ้าจวนตานี หน่ึงในภูมิปัญญาทาง ผู้หญิงบรรจงเกศเกล้า ผัดผอ่ งพักตรส์ ดศรี
วัฒนธรรมท่ีรังสรรค์ข้ึนมาด้วย นุง่ จวนชวาตานี ใส่เสอ้ื สอดสจี ับตา
ความประณีต ลวดลาย สีสนั และ
เทคนิคท่ีปรากฏบนผืนผ้าแต่ละ ในวรรคดไี ทย เรื่อง ดาหลัง ในพระบาทสมเดจ็
ผืนนั้น ได้สะท้อนให้เห็นถึงสภาพทางสังคม วิถีชีวิต พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ตอน อิเหนาปลอม
ความเป็นอยู่และสอดแทรกคติความเชื่อของคนผู้คน ตัวเป็นดาหลังไปเล่นหนังให้ท้าวดาหาดู พระองค์ทรง
ในอดีต พระราชนิพนธ์ให้อิเหนาแต่งกายด้วยผ้าจวนตานีท่ีมี
ปตั ตานี ในสมยั อยธุ ยา ถอื เปน็ ยคุ ทองทางดา้ น สีสนั ไม่ซำ้� กนั ในแตล่ ะคืน
การคา้ และพาณชิ ยน์ าวี และเปน็ รฐั ทา่ เรอื ทคี่ วามสำ� คญั
ทางด้านการค้าระหว่างจีนกับอินเดีย โดยมีพ่อค้าจาก จงึ ยาตราเขา้ มาทีส่ รง
นานาประเทศเขา้ มาทำ� การซอ้ื ขายแลกเปลยี่ นสนิ คา้ กนั ช�ำระองค์ด้วยชลอนั ใสศรี
อยา่ งเนอื งแนน่ สนิ คา้ ทส่ี ำ� คญั ในการนำ� เขา้ และสง่ ออก แล้วทรงสำ� อางกลิ่นทัง้ อนิ ทรยี ์
ไดแ้ ก่ ไมจ้ นั ทน์ พรกิ ไทย หนงั กวาง ชนั เกลอื ขา้ ว ดบี กุ แล้วทรงผ้าตานมี ่วงล่องจวนทอง ฯลฯ
อาหารแหง้ ไหมดบิ ผา้ ไหม ผา้ อนิ เดยี ผา้ ลนิ นิ ผา้ ซอแกะ๊
และผ้าจวนตานี ส�ำหรับผ้าจวนตานีและผ้าซอแก๊ะนั้น (พระบาทสมเดจ็ พระพุทธยอดฟา้ จุฬาโลก, 2514: 339)
ถือเป็นผ้าท่ีได้รับความนิยมและใช้สอยกันอย่าง
แพรห่ ลายในราชสำ� นกั และผมู้ ฐี านะดี (จรุ รี ตั น์ บวั แกว้ , นุ่งจวนตานีสีตอง
2556) โดยผ้าจวนตานี จัดเป็นผา้ ทอท่ีมคี ณุ ภาพ มีการ ยกเป็นตะเกียงทองเฉิดฉาย
ออกแบบลวดลายและใหส้ สี นั ทแ่ี ปลกตา รปู ลกั ษณข์ อง พระนุ่งใหเ้ ฟื้อยเลอื้ ยลอยชาย
ผ้าเป็นแบบที่ใช้กันในหมู่ชวา-มลายู จึงเป็นเหตุให้ผ้า คาดปั้นเหน่งสายลายทองเรอื งฯลฯ
จวนตานกี ลายเปน็ ผา้ ทมี่ เี อกลกั ษณเ์ ฉพาะตวั และเปน็ ที่
จดจ�ำได้ง่ายแก่ผู้ที่พบเห็น ดังท่ีได้ปรากฏในบทละคร (พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟา้ จฬุ าโลก, 2514: 339)
อเิ หนาใหญห่ รอื ดาหลงั ในพระราชนพิ นธข์ องเจา้ ฟา้ หญงิ
กุณฑลคร้ังแผ่นดินพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศแห่ง
กรุงศรอี ยธุ ยา (พิชัย แก้วขาว, 2541) ดงั นี้
32 10 สุดยอดสมบตั ปิ ัตตานี ประจ�ำปี 2562
การสร้างสรรคล์ วดลายในผา้ จวนตานี แตท่ ว่ายงั พบเทคนิควธิ กี ารอน่ื ๆ อกี เชน่ การจก
ผ้าจวนตานี เป็นผ้าไหมมัดหม่ีชนิดหนึ่งที่มี เป็นลายดอกดวงผสมผสานกับการมัดหมี่โดยการจก ก็
คือการควัก ขุด คุ้ย โดยผู้ทอจะต้องใช้วิธีการล้วง ดึง
เอกลกั ษณเ์ ฉพาะตวั ทป่ี รากฏอยา่ งเดน่ ชดั คอื หวั ผา้ สแี ดง เส้นพุ่งพิเศษข้ึน-ลงเพื่อให้เกิดเป็นลวดลาย ดังเช่น ผา้
และลอ่ งจวนทปี่ รากฏอยา่ งเดน่ ชดั ในผา้ จวนตานที กุ ผนื จวนตานีลายดวงดาว (บนิ ตัง) ผืนนี้
ในอดีตช่างทอปัตตานี มักเรียกผ้าจวนตานีกันว่า
ผ้า“จวู า” ซงึ่ หมายถงึ ลวดลายลอ่ งจวนหรอื รอ่ งรว้ิ ทก่ี น้ั
ระหวา่ งตวั ผา้ กบั หวั ผา้ รปู แบบ ลวดลายและเทคนคิ วธิ ี
การต่างๆ เกิดการจากการเรียนรู้และความคิด
สร้างสรรค์ โดยได้รับแรงบันดาลจากสิ่งรอบตัวในชีวิต
ประจ�ำวนั วัฒนธรรม คติความเชื่อ มาสร้างสรรคเ์ ปน็
ลวดลายอนั บง่ บอกถึงอตั ลักษณป์ ระจ�ำถน่ิ
ผา้ จวนตานี ใน 1 ผนื จะประกอบดว้ ยสว่ นหลกั ๆ
3 สว่ นคอื คอื หวั ผา้ (เชงิ ผา้ ) ลอ่ งจวน และตวั ผา้ ในการ
สรา้ งสรรคผ์ นื ผา้ จวนตานี โดยทว่ั ไปจะใชเ้ ทคนคิ มดั หม่ี
(เป็นกรรมวิธีการสร้างลายโดยนำ� เชือกกล้วยตานี หรือ
ในปจั จบุ นั ใชเ้ ชอื กฟางฉกี เปน็ เสน้ เลก็ ๆ แลว้ มดั เสน้ ไหม
(หม)่ี ฝา้ ยเปน็ เปลาะๆ ตามลวดลายทกี่ �ำหนด
ทม่ี า: ผา้ จวนตานี เทคนิคมัดหมี่ ทรัพยส์ นิ สว่ นบุคคลของ ทีม่ า: ผา้ จวนตานลี ายดวงดาว (บนิ ตัง) ทรพั ยส์ ินสว่ นบคุ คลของ
คณุ ทศวรรษ ลาเฮศักดิส์ ทิ ธ์ิ คณุ ทศวรรษ ลาเฮศกั ด์สิ ทิ ธิ์
ส�ำ นักงานวัฒนธรรมจงั หวดั ปัตตานกี ระทรวงวัฒนธรรม 33
เทคนิคการยก ถอื “ยกทองลอ่ งจวน”
เป็นวิธีการเพิ่ม
มิติให้กับตัวผ้า ทม่ี า: ผ้าจวนตานี “ยกทองลอ่ งจวน” (ทรัพย์สนิ สว่ นบุคคลของอาจารย์กนั ต์ พูล
โ ด ย ใ ช ้ วิ ธี เ ก็ บ พพิ ัฒน)์
ตะกอลาย เพ่ือจัดแบ่งหรือแยกให้เส้นยืนยก
ขึ้นหรือข่มลงตามจังหวะลาย วิธีการนี้ต้อง ผา้ จวนตานหี รอื ผา้ ยกตานผี นื นี้ จดั เปน็ ผา้ ยกทองลวดลายจูวาหรือ
อาศัยเชิงช่างชั้นสูงในการถักทอเพ่ือให้ผืนผ้า ลอ่ งจวน ถอื เป็นลวดลายท่โี ดดเดน่ และมกี ารกลา่ วถงึ กันลายจูวาหรอื ลาย
มคี วามวจิ ติ รงดงามซงึ่ เปน็ อกี หนงึ่ วธิ กี ารทพี่ บ จวน มีการวางลายเป็นร่องร้ิว วางตัวขนานไปกบั ผนื ผ้าตลอดท้ังตัวผ้า ตวั
ไดน้ อ้ ยในผ้าจวนตานี ผนื ผา้ เปน็ สเี ขยี วตดั กบั หวั ผา้ (เชงิ ผา้ ) ทม่ี สี แี ดง ซง่ึ จดั วา่ เปน็ คสู่ ที ต่ี ดั กนั และ
ทำ� ไดย้ าก
ส�ำหรับการถักทอผืนผ้าจวนตานีด้วย
กรรมวธิ กี ารยกนน้ั จะเรยี กกนั วา่ “ผา้ ยกตาน”ี ทั้งนี้ ผ้าในลักษณะดังกล่าวนี้ ยังได้ปรากฏชื่อและถูกกล่าวขานไว้
จะใชไ้ หมทองในการทอ ไหมทองชนดิ นเี้ กดิ จาก ในบทละครเร่ืองอเิ หนา ในพระบาทสมเด็จพระพทุ ธเลิศหลา้ นภาลยั ดังนี้
การน�ำเส้นทองค�ำแท้หรือเส้นโลหะอย่างอ่ืน
เช่น ทองแดง น�ำมากะไหล่ทองมาดึงให้ นาวาค้าขายพายขน้ึ ลอ่ ง ตามแมน่ �้ำล�ำคลองแนน่ เนือ่ ง
เสน้ เลก็ บางลงแลว้ นำ� ไปปน่ั หรอื พนั กบั เสน้ ดา้ ย แพจอดตลอดท่าหน้าเมือง นองเนืองเป็นขนัดในนที
โดยใชด้ ้ายเป็นแกน เรยี กวา่ ไหมทองจดั เป็น ข้าวของตา่ งตา่ งเอาวางขาย แพรมว้ นมากมายหลายสี
วตั ถดุ บิ อยา่ งดแี ละมีราคาสูง ส่วนใหญ่น�ำเข้า ยกทองลอ่ งจวนเจด็ ตะคลี พลอยมณีเพชรนิลจนิ ดา
จากอินเดีย จีน และมผี ลติ ขน้ึ เองในอาณาจกั ร บริบูรณพ์ นู สขุ ด้วยสมบตั ิ แก้วเกา้ เนาวรตั น์วตั ถา
เพียงเล็กน้อย มาใช้เป็นวัตถุดิบในการทอยก ทกุ สง่ิ สรรพ์เอมโอชโภชนา ยอ่ มเยาราคาสารพัน ฯ
จึงเป็นท่ีมาของ ผ้ายกทอง ซ่ึงจัดเป็นผ้าท่ีมี
การทอที่มีความซับซ้อนยุ่งยากเพื่อเพิ่ม ฯ๑๖ ค�ำฯ
ลวดลายในเนอ้ื ผา้ ใหง้ ดงามพเิ ศษยงิ่ ขน้ึ การทอ
ผา้ ยกนใ้ี ชเ้ วลานานมาก ดงั นนั้ จงึ มกั ทอผา้ ยก (ทม่ี า: บทละครเรื่องอิเหนา โดยพระบาทสมเด็จ
ส�ำหรับใช้ในโอกาสพิเศษเท่านั้น (ธีรพันธุ์ พระพทุ ธเลิศหล้านภาลยั , 2464: 5)
จนั ทร์เจรญิ , 2560)
34 10 สดุ ยอดสมบัติปัตตานี ประจำ� ปี 2562
ท่มี า: ผ้าจวนตานเี ทคนิคมดั ยอ้ ม ผสมผสานกับการมดั หม่ี
(ทรพั ย์สนิ ส่วนบคุ คลของอาจารย์กันต์ พลู พพิ ฒั น์)
และปรากฏในวรรณคดเี ร่ืองขนุ ช้างขุนแผน กลา่ ววา่
“ผ้ายกตานี นุง่ พงุ่ ทอง สอดสองซบั สีดสู ดใส
กรองบอกดอกฉลดุ วงละไม เสน้ ไหมย้อมปอ้ งเปน็ มันยบั ”
สำ� หรบั อกี หนง่ึ เทคนคิ ทนี่ า่ สนใจทพ่ี บไดน้ อ้ ยมากทส่ี ดุ
ในผา้ จวนตานี คอื เทคนคิ มดั ยอ้ ม ผสมผสานกบั การมดั หมโ่ี ดย
มกี ารมดั ยอ้ มหรอื เยบ็ ยอ้ มบรเิ วณตวั ผา้ (ทอ้ งผา้ ) และใชว้ ธิ กี าร
มัดหมี่บริเวณหัวผ้า เทคนิคน้ีมัดย้อมนี้ เป็นวิธีการเดียวกันที่
พบในผา้ เปอลางิ (ปลาง)ิ ซึง่ เป็นอกี หนึง่ ผ้าโบราณทน่ี ิยมกันใช้
ในปตั ตานี
สำ�นกั งานวฒั นธรรมจงั หวดั ปตั ตานีกระทรวงวฒั นธรรม 35
กีตาบยาวี
(อลู ามามอ: ชัยคด์ าวดู บินอับดุลเลาะ อลั ฟาตอน)ี
36 10 สดุ ยอดสมบัตปิ ตั ตานี ประจ�ำปี 2562
เขยี นด้วยลายมือในปีฮิจเราะห์ศักราช 1224
ภาพ : อาแซ แวดงิ
ส�ำ นักงานวัฒนธรรมจังหวัดปัตตานกี ระทรวงวฒั นธรรม 37
กตี าบยาวี
(อูลามะฮ:์ ชัยคด์ าวดู บินอบั ดลุ เลาะ อัลฟาตอน)ี
กีตาบยาวีเปน็ งานวรรณกรรมศาสนา ชยั คด์ าวดู บนิ อบั ดลุ เลาะ อลั ฟาตอนมี ชี อื่ เตม็ วา่
หรอื เรยี กอกี อยา่ งหนงึ่ วา่ ตำ� ราทาง ดาวูด บิน อลั ดลุ ลอฮ บิน อติ รีสอัล-ยาวียอ์ ัลฟะฎอนีย์
ศาสนาอสิ ลาม ทเี่ ขยี นขน้ึ ดว้ ยภาษา
มลายูอักษรยาวี ท่ีมีความพิถีพิถัน อลั มลายูวีย์ กำ� เนิดในปัตตานี ซ่ึงเป็นรฐั ทเี่ จรญิ
เ ป ็ น อ ย ่ า ง ย่ิ ง ใ น ก า ร เ รี ย บ เ รี ย ง รุ่งเรืองทางด้านประวัติศาสตร์และเป็นศูนย์กลางการ
ประเด็น ประโยค ตลอดจนความคดิ ที่ผ้เู ขยี นปรารถนา ศึกษาอิสลามในเอเชยี ตะวันออกเฉยี งใต้
จะสื่อออกไป ด้วยการอาศัยหลักไวยกรณ์เช่นเดียวกับ
ตำ� ราศาสนาในภาษาอาหรับ ทต่ี อ้ งเขียนอิงอยบู่ นหลกั ทง้ั นชี้ ยั คด์ าวดู บนิ อบั ดลุ เลาะ อลั ฟาตอนถี อื เปน็
การของไวยกรณท์ ตี่ อ้ งมคี วามถกู ตอ้ งตามหลกั ไวยกรณ์ อุลามะฮ์มีผลงานโดดเด่น และเป็นที่รู้จักกันโดยท่ัวใน
อาหรับ หมู่นักศึกษา นักวิจัยกีตาบยาวี ในเอเชียตะวันออก
ต�ำราศาสนาท่ีเรียกว่ากีตาบยาวีจึงเป็นเอกสาร เฉยี งใต้ ตำ� ราของทา่ นไดร้ บั การตพี มิ พแ์ ละนำ� มาใชเ้ ปน็
หลักฐานส�ำคัญท่ีบ่งบอกว่าปัตตานีเป็นแหล่งวิชาการ หนังสือแบบเรียนเป็นต�ำราหลักในสถาบันการศึกษา
ศาสนาอิสลามในเอเชียอาคเนย์โดยอุลามปะฮ์ปัตตานี ปอเนาะท้ังในและต่างประเทศ นับตั้งแต่อดีตจนถึง
หลายท่านเป็นผู้แปลจากภาษาอาหรับ รวมทั้งที่แต่ง ปัจจุบัน ซ่ึงนับว่าในสมัยของท่านจนถึงปัจจุบันยังไม่มี
เรยี บเรยี ง แลว้ นำ� เผยแพรไ่ ปยงั ภมู ภิ าคตา่ งๆ ทง้ั โลกมลายู ผู้แต่งต�ำราคนใดจากโลกมาลายูที่สามารถแต่งต�ำราท่ี
โลกอสิ ลาม และสถานทอ่ี น่ื ๆ ทวั่ โลก (จำ� รูญ เด่นอุดม, มากลน้ ด้วยปรมิ าณและคุณภาพได้
2552) และอุลามะฮก์ ตี าบยาวที ีไ่ ดร้ บั การยอมรับและ
แพร่หลายในโลกมาลายู คือ กีตาบยาวีของชัยค์ดาวูด
บินอับดุลเลาะ อัลฟาตอนียอดนักปราชญ์แห่งปัตตานี
ดารสุ ลาม
38 10 สดุ ยอดสมบัตปิ ัตตานี ประจ�ำปี 2562
เขียนดว้ ยลายมอื ในปฮี ิจเราะหศ์ ักราช 1244
สำ�นกั งานวัฒนธรรมจังหวดั ปตั ตานีกระทรวงวัฒนธรรม 39
เขียนดว้ ยลายมือในปีฮิจเราะหศ์ ักราช 1244
เขียนด้วยลายมอื ในปีฮิจเราะหศ์ กั ราช 1250
40 10 สดุ ยอดสมบัตปิ ตั ตานี ประจ�ำปี 2562
ทีม่ ากตี าบยาวีฯ: อาแซ แวดิง
สำ�นักงานวฒั นธรรมจงั หวดั ปตั ตานกี ระทรวงวฒั นธรรม 41
ศลิ สปะีลกะารฆแสาดยง ง
42 10 สุดยอดสมบัตปิ ตั ตานี ประจ�ำปี 2562
ศลิ ปะการแสดงสีละฆายง
ท่ีมา: มฮู �ำหมัด อมุ ะ
สำ�นักงานวฒั นธรรมจงั หวดั ปัตตานกี ระทรวงวฒั นธรรม 43
ศิลปะการแสดงสลี ะฆายง
ปันจกั สลี ตั (Pencak S ilat) เปน็ คำ�
ท่ีมาจากภาษาอินโดนีเซียมาจาก
คำ� วา่ “ปนั จกั ” (Pencak) หมายถงึ
การป้องกันตนเองและค�ำว่า
“สีลัต” (Silat) หมายถึงศิลปะ
รวมความแล้วหมายถึงศิลปะการป้องกันตนเองกีฬา
ประเภทนเ้ี ดมิ เปน็ ศลิ ปะการตอ่ สขู้ องคนเชอื้ สายมาลายู
ในภาคพ้ืนเอเชียอาคเนย์ ได้แก่ มาเลเซีย อินโดนีเซีย
ฟลิ ิปปินส์ สงิ คโปร์ บรไู น และพ้ืนท่ใี นจังหวัดชายแดน
ภาคใต้ของประเทศไทย คือ ปัตตานี ยะลา สตูล
นราธิวาส และสงขลา เรียกว่า “สิละ” “ดีกา” หรือ
“บือดีกา” เป็นศิลปะการต่อสู้ด้วยมือเปล่าเท้าเปล่า
เน้นให้เห็นลีลาการเคลื่อนไหวที่สวยงาม มีบางท่าน
กล่าวว่า สิละมีรากค�ำว่า ศิละ ภาษาสันสกฤต ท้ังนี้
เพราะดินแดนของมลายูในอดีตเคยเป็นดินแดน
อาณาจักรศรีวิชัยท่ีมีวัฒนธรรมอินเดียเข้ามามีบทบาท
ท่ีส�ำคัญจึงมีค�ำสันสกฤตปรากฏอยู่มาก ประวัติความ
เป็นมาของปันจักสีลัตนั้นมีต�ำนานเล่าต่อกันมา
หลายตำ� นาน ซง่ึ มีส่วนตรงกนั และแตกตา่ งกนั บา้ ง
44 10 สดุ ยอดสมบัติปัตตานี ประจ�ำปี 2562
่ทีมา: ูมฮ�ำหมัด ุอมะ
สิลัตมาลายู มีต้นก�ำเนิดมาจากความรู้ ประโยชน์ในการน�ำไปใช้ เช่น เซอกัต
เกยี่ วกบั ศาสตร์และศิลป์ในการท�ำสงคราม sekat, เซนิ ตกั sentak, เกอดู kedu, ตนิ ดฮิ ฺ
ของชาวมาลายูโบราณเสมือนหน่ึงอาภรณ์ tindih, ซีซิป sisip, ซาฆัง sagang และ
คลุมกายเพ่ือปกป้องพ้ืนที่แหลมมลายูใน ปอตง potong. คณุ ลกั ษณะประโยชน์ของ
เอเซียตะวันออกเฉียงใต้ความรู้เก่ียวกับ ศิลปะต่อสู้ตัวเชิงรับได้พัฒนาไปสู่การ
ศาสตร์และศิลป์ในการท�ำสงครามเหมือน ป้องกันตวั ท่ไี รอ้ าวธุ
กับวัฒนธรรมทางสังคมอ่ืนๆ ที่เคยมี
ประสบการณ์ในการทำ� สงคราม ด้วยเหตุนี้
สิลัตจึงมีความเด่นชัดในการใช้ศิลปะของ
อาวธุ ในการตอ่ สู้ เชน่ ศลิ ปะการตอ่ สเู้ ชงิ รกุ
อยา่ ง ตีกมั tikam, ปารัง parang, เตอตัก
tetak. ศลิ ปะการตอ่ สเู้ ชงิ รบั 7 คณุ ลกั ษณะ
สำ�นักงานวัฒนธรรมจงั หวดั ปัตตานกี ระทรวงวัฒนธรรม 45
ความชดั เจนของประวตั ศิ าสตรส์ ลิ ตั ไดร้ บั แรงขบั จาก ชาวมาลายูได้สร้างและปฏิบัติสืบทอด
ระเบียบประเพณีท่ีสืบสานกันมา คือ มีรากฐานมาจาก ศลิ ปะปอ้ งกนั ตวั สลิ ตั ตง้ั แตก่ อ่ นทจี่ ะมอี ทิ ธพิ ล
วัฒนธรรมชาวมลายูท่ีปฏิบัติตามหลักการแห่งอิสลาม ของวัฒนธรรมจากภายนอก หลังจากนัน้ สิลัต
ประวัติวัฒนธรรมชาวมลายูไม่สามารถแยกออกจากสังคม ได้แพร่พร้อมกับการย้ายภูมิล�ำเนาของ
วัฒนธรรมและความเชื่อความพิเศษโดดเด่นของส�ำนัก ชาวมลายูจากทวปี เอเชยี ไปตามพนื้ ทีต่ ่างๆ ใน
เซอนีกายงฟาตานี ได้ก�ำหนดความรู้เก่ียวกับการยกระดับ ดินแดนแหลมมลายูท้ังหมด อาณาจักรของ
จิตวิญญาณโดยมีฐานรากมาจากอิสลาม ดั่งค�ำกล่าวท่ี ชาวมลายูได้ถูกเปล่ียนผ่านไปตามกาลเวลา
วัฒนธรรมมลายูทีป่ ฏิบตั ิตามหลกั การแหง่ อิสลาม ดังเช่น อาณาจักรมาลายูฌามปา Kerajaan
Melayu Champa, กมั พชู า Kamboja, เคดาห์
โบราณ Kedah Tua, ลงั กาสกุ ะ Langkasuka,
46 10 สุดยอดสมบตั ปิ ตั ตานี ประจ�ำปี 2562
่ทีมาศิลปะการแสดงสีละฆายง ้ทังหมด: มูฮ�ำหมัด ุอมะ
อณาจกั รศรวี ชิ ยั Beruas Srivijaya, มะละกา และองค์ความรู้ในการท�ำสงคราม
Melaka, ปาตานดี ารสุ สาลาม Patani Darus- ของชาวมลายโู บราณไมไ่ ดถ้ กู คน้ พบ
salam และแหลมมาลายู Semananjung แบบเจาะจง แต่ประวัติเกี่ยวกับ
Tanah Melayu, แต่ประชาชนท้ังหลายมา ก า ร เ กิ ด ขึ้ น แ ล ะ ดั บ สู ญ ข อ ง
จากตน้ ตระกลู ชาวมาลายู แตล่ ะอาณาจกั รทง้ั อาณาจกั รตา่ งๆ ไมส่ ามารถแยกออก
ปวงกม็ แี มท่ พั , นายพลและพลเมอื งในการทำ� จากสาเหตุการท�ำสงครามและ
สงครามเพ่ือความม่ันคงทางการทหารเพื่อ การสร้างความย่ิงใหญ่ให้กับตนเอง
สรา้ งความมน่ั คงปลอดภยั ใหก้ บั ประเทศชาติ ในฐานะการเป็นผู้น�ำแห่งนักรบ
แม้นว่างานเขียนเกี่ยวกับประวัติศาสตร์สิลัต ทั้งมวล
ส�ำ นกั งานวัฒนธรรมจังหวดั ปตั ตานกี ระทรวงวัฒนธรรม 47
ประเพณแี หน่ ก
ท่ีมา: มฮู ำ� หมดั อุมะ
48 10 สดุ ยอดสมบตั ิปตั ตานี ประจำ� ปี 2562
ประเพณีแห่นก
ส�ำ นักงานวัฒนธรรมจงั หวัดปตั ตานีกระทรวงวัฒนธรรม 49
ประเพณแี ห่นก
เป็นประเพณพี น้ื เมอื งของชาวสาม การแกะสลักนกข้ึนมา เม่ือเวลาผ่านไปมีการแข่งขันที่สูงขึ้น
จังหวัดชายแดนใต้ท่ีสืบทอด ความต้องการในชัยชนะจึงเพิ่มข้ึน จึงมีการบูชาและการใช้
ม า จ า ก อ ดี ต จ น ถึ ง ป ั จ จุ บั น ไสยศาสตร์มาเก่ียวข้องในการแข่งขัน จึงเป็นจุดเร่ิมต้นของ
ซ่ึงปัจจุบันประเพณีด่ังกล่าวจะจัดข้ึนเพ่ือการแก้บน พธิ กี รรมเปน็ ตน้ มา แตใ่ นปจั จบุ นั การแขง่ ขนั ดงั กลา่ วไดก้ ลาย
ต่าง ๆ ในงานเขา้ สนุ ตั ของผทู้ ไี่ ดเ้ ชอื้ สายจากบรรพบรุ ษุ เป็นประเพณีที่จัดขึ้นเพื่อความสนุกสนานเท่านั้น และไม่มี
ในอดีต และตามงานวัฒนธรรมของจังหวัด ประเพณี พธิ กี รรมมาเกีย่ วข้องแตอ่ ยา่ งใด
การแห่นกมีต�ำนานเล่าขานสืบทอดกันมาว่า มีกษัตริย์
พระองค์หนึ่งได้นิมิตเห็นนกตัวหนึ่งที่มีลักษณะ
ทพี่ เิ ศษมาก และมรี ปู ลักษณ์ที่แปลกประหลาดจากนก
ท่ัวไป ต่อมากษตั ริยพ์ ระองค์นั้นจึงประสงค์ให้ช่างศลิ ป์
เข้าเฝ้าเพื่อวาดรูปนกดังกล่าวตามลักษณะที่พระองค์
ทรงอธิบาย แต่ปรากฏว่าภาพท่ีออกไม่เหมือนกัน
ซึ่งภาพออกมาเป็นนก 2 ตัวทีม่ ีลักษณะะทแ่ี ตกต่างกนั
และทรงให้ช่างแกะสลักรูปนกตามภาพที่ได้วาดมา
ทรงตง้ั ชือ่ ใหน้ กทง้ั สองตัวว่า “บูรงซีงอ” กบั “ฆาเฆาะ
ซูรอ” และหลังจากนั้นพระองค์จึงจัดให้มีการแข่งขัน
50 10 สุดยอดสมบตั ปิ ตั ตานี ประจำ� ปี 2562
ทม่ี าพิธีแหน่ กทง้ั หมด: มฮู ำ�หมดั อุมะ
ส�ำ นกั งานวัฒนธรรมจงั หวัดปัตตานกี ระทรวงวัฒนธรรม 51
52 10 สดุ ยอดสมบตั ปิ ัตตานี ประจ�ำปี 2562