The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

Wathanatham62

Wathanatham62

สเุ หร่าอาโหสถาปตั ยกรรมปตั ตานี :
สำ�นักงานวัฒนธรรมจงั หวดั ปัตตานีกระทรวงวัฒนธรรม 53

สุเหรา่ อาโห

สุเหรา่ อาโหเปน็ ศาสนสถานอกี แหง่ หนงึ่ ท่มี า: กามารดู ิง มูซอ กำ�นันตำ�บลมะนงั ยง
ที่มีสถาปัตยกรรมใกล้เคียงกับมัสยิด อำ�เภอยะหริ่ง จงั หวัดปตั ตานี
ตะโล๊ะมาเน๊าะ และมัสยิดในต�ำบล
ทรายขาว เป็นสถานที่ส�ำคัญทาง มีอายุ ๔๐๐ ปี จากการบอกเล่าของปราชญ์ท้องถ่นิ
ประวตั ศิ าสตร์ ท่เี ป็นตวั บอกเล่ารากเหงา้ ของคนมลายู เดมิ ที สเุ หรา่ แหง่ นต้ี ง้ั อยใู่ นบรเิ วณรมิ คลองตนั หยง และ
ได้อยา่ งดี ซึ่งสเุ หร่าท�ำด้วยไม้ ลกั ษณะยกพืน้ ใตถ้ ุนสงู มีสเุ หร่าอีกแหง่ ต้ังขนานกันรมิ ฝ่ังคลองช่ือ สเุ หร่าสุไหง
พอสมควร ตัวสุเหร่ามีลักษณะลวดลายแกะสลักเหนือ ยาลอ แต่สุเหร่าอีกแห่งหนึ่งได้ผุพังไปตามเง่ือนไขตาม
ลกู กรง ฝาผนังเป็นแบบฉบับหรือรูปแบบเสมือนบ้าน กาลเวลา สาเหตุท่ีสุเหร่าดังกล่าวตั้งอยู่ริมน้�ำสันนิฐาน
สมยั โบราณ (ดา้ นหนา้ มี ๒ ขา้ งประตทู างเขา้ ) สเุ หรา่ อาโห ได้ว่าน่าจะเป็นเพราะการคมนาคม ค้าขายทางน�้ำ
เมื่อคร้ังปัตตานีรุ่งเรืองมีการติดต่อระหว่างชวา และ
มะละกา

54 10 สดุ ยอดสมบัติปตั ตานี ประจ�ำปี 2562

ตอ่ มาเมอื่ กาลเวลาเปลยี่ นแปลงผคู้ นเรมิ่ สญั จรทาง โบราณ ผกู้ ่อสร้างสุเหรา่ แห่งนี้คือ โตะ๊ ลางิตีแต เป็นผ้นู ำ�
นำ�้ นอ้ ยลงและหนั มาใชถ้ นนหนทางมากขนึ้ ทำ� ให้ ชาวบา้ น ชา่ งจากชวามาก่อสร้าง หลกั ฐานทย่ี ืนยนั ข้อมูลน้คี ือหลุม
ในขณะนนั้ ไดย้ า้ ยสเุ หรา่ ดงั กลา่ วทอ่ี ยรู่ มิ นำ�้ มาตง้ั ไวใ้ นพน้ื ที่ ฝังศพ (กโุ บร์) ของโตะ๊ ลางอิ แี ตท่ีออยู่ใกล้กับหมู่บา้ นท่ตี ง้ั
ปัจจุบัน โดยมีชาวบ้านในพื้นท่ีน้ัน ได้ยกท่ีดินให้เป็นท่ี สุเหรา่ และอายขุ องสุเหร่าน่าจะมอี ายุใกล้เคยี งกบั มัสยิด
สาธารณะและตงั้ สเุ หร่าดังกลา่ ว ตอนย้ายสุเหรา่ ดังกลา่ ว ตะโละ๊ มาเนา๊ ะ และมสั ยดิ ตำ� บลทรายขาว แตช่ าวบา้ นบาง
มาน้ันมิได้ท�ำการรื้อถอนสุเหร่าแล้วน�ำมาประกอบใหม่ คนก็มองว่าน่าจะเก่าแก่กว่าน้ัน จน เมื่อประมาณเดือน
แต่ใชว้ ิธกี ารยกมาทัง้ หลงั สเุ หร่าอาโห นนั้ ถกู สร้างด้วยไม้ มิถุนายนที่ผ่านมา ศอ.บต. มีโครงการบูรณะฟื้นฟูสุเหร่า
ตะเคียนทั้งหลังโดยไม่มีการใช้ตะปูแม้แต่ดอกเดียว ดังกล่าว โดยได้ส่งสัญญาณริเร่ิมโครงการผ่าน
ศลิ ปะการกอ่ สรา้ งเปน็ แบบชวาดงั้ เดมิ มลี วดลายทบ่ี ง่ บอก เทศบาลต�ำบล เพอื่ ใหท้ างเทศบาลตำ� บล ประชาสมั พนั ธ์
ทม่ี าทไ่ี ป และอายขุ องสเุ หรา่ โบราณนไี้ ดอ้ ยา่ งดหี ลงั คาทำ� ผ่านทางชมุ ชนว่ามโี ครงการพฒั นาดงั กลา่ ว
ด้วยกระเบ้ืองโบราณ เสาทุกต้นใช้วิธีการเข้าสลักแบบ

ส�ำ นักงานวฒั นธรรมจงั หวัดปัตตานกี ระทรวงวัฒนธรรม 55

56 10 สดุ ยอดสมบตั ปิ ัตตานี ประจ�ำปี 2562

ลกั ษณะสถาปตั ยกรรมเปน็ แบบชาวชวาโบราณหลงั คาทรงชวาโบราณตง้ั บนเรอื นยกสงู ชอ่ งลมประตหู นา้ ตา่ งมกี ารแกะสลกั
ไมท้ ส่ี วยงามมาก ขนาดกวา้ ง 4 เมตร ยาว 11 เมตร สงู 10 เมตร สรา้ งจากไมต้ ะเคยี นโดยไมใ่ ชต้ ะปู มปี ระตู หนา้ ตา่ งและชอ่ งลม
ทำ� จากไมท้ แี่ กะลวดลายมลายู หลงั คา 3 ชนั้ บรเิ วณดา้ นหนา้ ของสเุ หรา่ ยงั มบี อ่ โบราณซงึ่ ใชใ้ นการอาบนำ�้ ละหมาดเปน็ เอกลกั ษณ์
ของภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถนิ่ ทโี่ ดดเดน่ สวยงามและนา่ ภาคภมู ใิ จ

ส�ำ นกั งานวัฒนธรรมจังหวดั ปัตตานีกระทรวงวัฒนธรรม 57

58 10 สดุ ยอดสมบตั ปิ ัตตานี ประจ�ำปี 2562

จติ รกรรมฝาผนัง: วัดหงสาราม

ส�ำ นกั งานวัฒนธรรมจังหวดั ปตั ตานีกระทรวงวัฒนธรรม 59

วดั หงสาราม

อ.ปานาเระ จ.ปัตตานี

วัดหงสาราม (วดั ทา่ ขา้ มหรอื วดั ใหม)่ พระอธกิ ารสู วัดใหม่เป็นที่พระสมุห์ของเจ้าคณะใหญ่เมือง
วัดที่ได้รับพระราชทานพระบรม ยะหรงิ่ เมอื่ ปี พ.ศ. ๒๔๔๒ เมอ่ื พระรตั นธชั มนุ ี (มว่ ง รตนธโช)
ร า ช า นุ ญ า ต ใ ห ้ อั ญ เ ชิ ญ เจ้าคณะมณฑลนครศรีธรรมราชและปัตตานีได้มาตรวจตรา
ประปรมาภไิ ธยไปประดิษฐานท่ีหน้าพระอุโบสถ สังกัด คณะสงฆแ์ ละไดจ้ ำ� วดั ทว่ี ดั ใหม่ ไดเ้ ปลย่ี นชอื่ วดั ใหม่ วดั ทา่ ขา้ ม
คณะสงฆธ์ รรมยุต ปจั จุบนั เป็นวัดราษฎร์ ตามชื่อหมู่บ้าน ต่อมาเม่ือปี พ.ศ. ๒๔๔๕ พระปลัดแดง
วัดหงสารามสร้างเมื่อประมาณปี พ.ศ.๒๒๐๐ อินฺทวโส ซ่ึงเป็นพระภิกษุสังกัดคณะสงฆ์ธรรมยุต เข้ามา
ชาวบา้ นเรยี กกนั วา่ วดั ใหม่ เพราะยา้ ยมาตงั้ ขน้ึ ใหมจ่ าก พ�ำนักที่วัดท่าข้าม นับแต่น้ันมาวัดท่าข้ามก็สังกัดคณะสงฆ์
วดั เดมิ ชอ่ื วา่ วดั ทา่ กนุ ใกลอ้ ำ� เภอยะหรง่ิ และอยบู่ รเิ วณ ธรรมยุตและต่อมาพระปลัดแดงได้เปล่ียนช่ือวัดเป็น
ใกล้เคียงกับวัดทุ่งคา แต่เดิมวัดใหม่สังกัดคณะสงฆ์ วดั หงสาราม เพราะเน้อื ทีว่ ดั มลี ักษณะเปน็ รปู หงสข์ นาดใหญ่
มหานิกาย ต่อมาไดม้ พี ระภกิ ษุสงั กดั คณะสงฆธ์ รรมยตุ และหมู่บ้านแถบนี้มีชื่อเกี่ยวข้องกับหงส์ เช่น บ้านตาหงส์
ได้เข้ามาพ�ำนักและได้เปล่ียนสังกัดเป็นธรรมยุต จาก บ้านน่องหงส์ ที่ส�ำคัญท่ีสุดหน้าวัดมีเสาหงส์ขนาดใหญ่ซึ่ง
หลกั ฐานทป่ี รากฏชดั เจนในจารกึ การสรา้ งกฏุ ไิ ม้ ๓ หลงั ปจั จบุ ันช�ำรุดหมดแล้ว เท่าทป่ี รากฏหลักฐานวดั แถบจังหวัด
ของวัดใหม่ เมื่อวันที่ ๘ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๓๒ ในสมัย ชายแดนภาคใต้มเี สาหงสเ์ กอื บทกุ วดั
พระปลดั หนเู ปน็ เจา้ อาวาส และเมอ่ื สรา้ งเสรจ็ ไดจ้ ดั งาน
ฉลองสมโภชกุฏิ ในวันที่ ๑๒ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๓๗ ปัจจุบันมีหลักฐานปรากฏอยู่คือ มีการสลักรูปหงส์ไว้
สมยั พระปลดั สู เปน็ เจ้าอาวาส ตามทตี่ ่าง ๆ เช่น ทเี่ สาธง ทป่ี ้ายหนา้ วัด ชาวบ้านเลา่ ว่ารปู ท่ี
ในหลกั ฐานการจดั การคณะสงฆใ์ นปี พ.ศ. ๒๔๓๐ สลักเหล่าน้ีมีอายุมากกว่า ๑๐๐ ปี ปัจจุบันยังเหลือซากอยู่
พระครูธรรมโมลี (ก้มิ เสง้ ) วัดมชั ฌิมาวาส เมืองสงขลา วัดหงสารามยังมีกุฏิและศาลาทรงไทยซ่ึงเป็นสถาปัตยกรรม
ได้มาจัดการคณะสงฆ์หัวเมืองปัตตานี ได้ต้ัง ท่ีมอี ายุมากกวา่ ๑๐๐ ปีเหลอื อยู่ ทไี่ ดม้ ีการบรู ณะและสร้าง
พระอธิการนุ้ย วัดมะปรางทอง (วัดบ้านนอก) เป็น ใหมบ่ ้าง
พระครูธรรมวิโรจน์ เจ้าคณะใหญ่เมืองยะหร่ิงและ
เลือกพระฐานานุกรม ๕ ต�ำแหน่งตามอัธยาศัยของ
เจ้าคณะใหญ่ หลักฐานกล่าวถึงวัดใหม่ในปีน้ีว่า

60 10 สดุ ยอดสมบตั ปิ ัตตานี ประจำ� ปี 2562

กฏุ ไิ มท้ รงไทยทเ่ี ขยี นภาพจติ รกรรมฝาผนงั

กฏุ ไิ มห้ ลงั นเ้ี รมิ่ สรา้ งขนึ้ ในเดอื น ๑๑ ขนึ้ ๑๓ คำ�่ ปฉี ลู
(พ.ศ. ๒๕๓๑) แลว้ สรา้ งแลว้ เสรจ็ สมบรู ณใ์ นปี พ.ศ. ๒๕๓๗
ซง่ึ ตรงกบั สมยั รชั กาลท่ี ๕ โดยมกี ารจารกึ การสรา้ งไวอ้ ยา่ ง
ชดั เจนดว้ ยอกั ขระไทยชว่ งสมยั รชั กาลที่ ๕ ถงึ รชั กาลที่ ๖ ตดิ
ไวห้ นอื กรอบประตู ภายในตวั เรอื นกฏุ ิ (จอมขวญั สวุ รรณ
รตั น,์ 2547)

ภาพจติ รกรรมวดั หงสาราม

ภาพจิตรกรรมวัดหงสาราม สันนิษฐานว่าได้รับ
อิทธิพลจากช่างหลวงหรือได้รับแบบแผนท่ีสืบทอดจาก
ราชธานี อายสุ มยั รชั กาลท่ี ๔ถงึ ตน้ รชั กาลท่ี ๕ เปน็ ผลงาน
จิตรกรรมที่ถูกต้องขนบเดิมของช่างหลวง สกุลช่าง
รตั นโกสนิ ทร์ ทงั้ การตดั เสน้ การใชส้ ี การจดั ทา่ ทางของบคุ คล
โดยอาศยั ทา่ ทางจากนาฎศลิ ปม์ าประกอบการเขยี น ทง้ั นยี้ งั
สนั นษิ ฐานไดว้ า่ ชา่ งทท่ี ำ� การเขยี นภาพจติ รกรรมนี้ อาจจะ
เปน็ ฝมี อื ของชา่ งพระในภาคใต้ ทข่ี น้ึ ไปเรยี นวชิ าศลิ ปะการ
คดั ลอกภาพจติ รกรรม ทก่ี รงุ เทพมหานคร โดยสงั เกตจากการ
ตดั เสน้ องคป์ ราสาท ตวั บคุ คล องคป์ ระกอบมสี ดั สว่ นทลี่ งตวั
งดงามและอ่อนช้อย คล้ายคลึงกับวัดสุทัศน์เทพวราราม
กรงุ เทพมหานคร

อกี ทงั้ รปู แบบการแตง่ กายของตวั พระตวั นางมคี วาม
วิจิตรงดงาม กลา่ วคอื ผ้ชู าย ตดั ทรงผมมหาดไทย นุ่งโจง
ด้วยผา้ ลายอย่าง ซง่ึ ได้รบั อทิ ธิพลมาจากสมยั อยธุ ยา ส่วน
บคุ คลท่ัวไป นุง่ โจงด้วยผา้ พื้นธรรมดา ส�ำหรบั ผหู้ ญิง โดย
ส่วนใหญจ่ ะแตง่ กายโดยการนงุ่ โจงลายอย่าง ห่มสไบ และ
นุ่งผ้าจีบลายอย่าง ห่มสไบตามแบบฉบบั ภาคกลาง

สำ�นกั งานวัฒนธรรมจังหวัดปัตตานีกระทรวงวัฒนธรรม 61

ส�ำหรับในการเขียนภาพจิตรกรรมของวัดหงสารามน้ัน ช่างได้ใช้เทคนิค
การเขยี นภาพด้วยสีฝุ่นบนพื้นไม้ โทนสีท่ใี ช้เขยี นภาพจติ กรรม ได้รับอทิ ธิพลมาจาก
ช่างหลวงตามขนบเดิมของการเขียนงานจิตรไทยในสมัยรัตนโกสินทร์ สีที่ใช้เขียน
เช่น สีแดง ด�ำ คราม น้�ำตาล เหลือง ส้มฯลฯ ผสมผสานกับการปิดทองด้วย
แผน่ ทองคำ� เปลว

เรอื่ งราวในภาพจติ รกรรม

เรอื่ งราวของภาพจติ รกรรมไทยของวดั หงสาราม แบง่ ออกไดเ้ ปน็ ๒ ตอน ดงั น้ี
จติ รกรรมไทยโถงกลางของตวั เรอื น แสดงเรื่องราวพุทธประวตั ิ

62 10 สุดยอดสมบัติปตั ตานี ประจำ� ปี 2562

จิตรกรรมไทยชานพาไลตวั เช่ือมระหวา่ งโถงของตวั เรือน แสดงเรื่องราวพุทธชาติชาดก

จติ รกรรมไทยชานพาไลตัวเช่ือมระหวา่ งโถงของตัวเรือน แสดงเรอ่ื งราวพุทธชาติชาดก

ตอนมารพจญ : ฝา่ ยพญามารวัสวดี ต้องการทจ่ี ะขัดขวางการบรรลพุ ระสัมมาสมั โพธิญาณ
ของพระบรมโพธิสัตว์ จึงเรียกประชุมไพรพ่ ลเหลา่ เสนามาร ส่งั ให้แสรง้ นิรมิตกายให้น่าสะพรึงกลวั
พญามารวัสวดีประทับบนหลัง ช้างคีรเี มขล์ อันเป็นคชสารพาหนะสงู ๑๕๐ โยชน์นริ มติ รา่ งของตน
ให้สูงใหญ่มีมือนับพันถือศาสตราวุธพร้อมสรรพ น�ำพลเหล่าเสนามารอันมีจ�ำนวนประมาณมิได้
พากันตะโกนโห่ร้องเหาะเรียงรายกันมามืดฟ้ามัวดิน จนบรรดาเหล่าเทพยดาที่ถวายนมัสการ
พระบรมโพธสิ ตั ว์เกิดความเกรงกลัวพากนั เหาะหนไี ปจนหมดสนิ้

พญามารส่ังเหล่าไพร่พลให้ล้อมเขตรัตนบัลลังก์ไว้อย่างแน่นหนา แต่พระบรมโพธิสัตว์
มหาบุรุษแม้จะอยู่ล�ำพังเพียงพระองค์เดียวก็มิได้สะดุ้งหวาดกลัว ด้วยมีพระบารมี ๑๐ ทัศ คอย
คุ้มครอง

สำ�นกั งานวฒั นธรรมจังหวัดปตั ตานกี ระทรวงวฒั นธรรม 63

ตปู ๊ะซตู ง

หรอื ปลาหมกึ ยัดไส้ข้าวเหนยี ว

อาหารปัตตานี

64 10 สุดยอดสมบตั ิปตั ตานี ประจ�ำปี 2562

ส�ำ นกั งานวฒั นธรรมจงั หวดั ปตั ตานกี ระทรวงวัฒนธรรม 65

อาหารปตั ตานี

ปัตตานีเป็นจังหวัดที่มีประวัติศาสตร์ ปัตตานีมีความหลากหลายน้ันเกิดจากการสั่งสมทาง
มายาวนาน เป็นดินแดนท่มี ผี คู้ นจาก ภูมิปัญญาที่ถ่ายทอดกันมารุ่นสู่รุ่นเพ่ือรักษาอัตลักษณ์
ต่างถ่ิน หลายชาติ หลายภาษา ท้ัง ด้านอาหารของปตั ตานใี ห้คงอยูส่ บื ไป
ชาวตะวันตกและชาวตะวันออก
เข้ามาท�ำการค้าขาย ตั้งถ่นิ ฐาน ก่อเกิดการหล่อหลอม สดุ ยอดอาหารปตั ตานที ส่ี ะทอ้ นการใชช้ วี ติ การอยรู่ ว่ ม
ทางวฒั นธรรมอาหารจากพชื พรรณธญั ญาหารทนี่ ำ� เขา้ มา กันแบบพหุวัฒนธรรมของคนในปัตตานีต้ังแต่อดีตจนถึง
และท่ีมีอยู่เดิมอย่างอุดมสมบูรณ์ในท้องถ่ิน การท�ำ ปจั จบุ นั นน่ั กค็ อื ขา้ วยำ� ไกฆ่ อและ ปลาหมกึ ยดั ไสข้ า้ วเหนยี ว
อาหารแบบงา่ ยดว้ ยวธิ กี าร ปง้ิ ยา่ ง หรอื ทอด ทำ� ใหเ้ กดิ อาเกา๊ ะและฮลู ูบอื ฆะ
การผสมผสารวิธีการปรุงอาหาร จึงถือได้ว่าอาหาร
ข้าวย�ำ หรือ นาซกิ าบู (Black herbal rice with

mixed sliced vegetables and boodu sauce)

ขา้ วยำ� หรอื นาซกิ าบู นาซิ แปลวา่ ขา้ ว กาบู แปลวา่
ย�ำ เป็นอาหารประจ�ำท้องถิ่นภาคใต้ ในอดีตมักนิยม
รบั ประทานเปน็ อาหารเชา้ เปน็ อาหารจานเดยี วทน่ี ำ� ผกั มา
ห่ันผสมกับข้าวสวยที่หุงด้วยใบยอ มีเคล็ดลับความอร่อย
ของข้าวย�ำ คือ “น้�ำบูดู” สูตรเฉพาะ มีเรื่องเล่าว่าคือ
ข้าวย�ำมีต้ังแต่สมัยราชอาณาจักรของพระยานคร ในช่วง
เดือนถือศิลอดประชาชนมีอาการปวดท้องจากการ
รับประทานอาหารหลาหลายชนิด หลังจากต้องถือศิลอด
มาท้ังวัน บางคนเร่ิมกินไก่ย่างทันทีที่ละศิลอด กระเพาะอาหารยังปรับไม่ได้หลังจากการอดอาหารมาทั้งวัน หมอหลวงจึงหา
สาเหตุ โดยใหป้ ระชาชนมารว่ มละศลิ อดพร้อมกันและรับประทานข้าวยำ� สตู รดัง้ เดมิ ทีค่ ิดค้นข้ึนมากค็ ือ ข้าวตอ้ งมี 2 สี คอื เปน็
ขา้ วสดี ำ� ใชน้ ำ�้ ใบยอคนั้ ซงึ่ มสี รรพคณุ ตา้ นอนมุ ลู อสิ ระ หรอื เตยหอม (ชนดิ เลก็ ) ชว่ ยขบั ปสั สาวะและบำ� รงุ หวั ใจ และขา้ วสเี หลอื ง
ใช้น้ำ� ขมิน้ ซ่ึงมสี รรพคุณแกท้ ้องอดื เพราะมีรสฝาดและสมานแผลภายในลำ� ไส้ ข้าวยำ� จึงเปน็ อาหารเพ่ือสุขภาพทมี่ ีคณุ ค่าทาง
อาหารสงู

66 10 สุดยอดสมบตั ปิ ัตตานี ประจำ� ปี 2562

ไก่ฆอและ หรอื อาแยฆอและ (Grilled chicken with chilili curry)

อาแยฆอและ เปน็ ภาษาท้องถน่ิ ทใี่ ชเ้ รียกกัน ซง่ึ อาแย หมายถงึ ไก่ ฆอและ
หมายถึง โคลงเคลงหรืออาหารกลิ้งไปกล้ิงมาบนเต่าถ่าน สาเหตุที่ใช้ ฆ. แทน ก.
เพราะเสียงในการออกเสียงของคนมาลายู หมายถึงการกลิ้งไปกลิ้งมา ไก่ฆอและ
เป็นอาหารทพ่ี ฒั นาจากฆอและขาวหรือฆอและปูเต๊ะ เม่อื เริ่มมีพรกิ แหง้ เข้ามาเปน็
เคร่ืองปรุงอาหาร เป็นอาหารต้นเครื่องในวังจะบังติกอหรือนางเม๊าะเต๊ะ (แม่สามี
ของนางรอกเี ย๊าะ อีซอ ผสู้ ืบทอดไก่กอและเม๊าะเตะ๊ 1 และ 2 ) ทำ� มาจ�ำหนา่ ยใน
ทกุ ๆ เยน็ หนา้ โรงภาพยนตรว์ คิ คงิ ก์ โรงหนงั เกา่ ในเมอื งปตั ตานี เปน็ แมค่ า้ ไกฆ่ อและ
ตน้ ฉบบั และได้ถ่ายทอดสูตรตอ่ ๆ กันมา

สำ�นกั งานวฒั นธรรมจังหวัดปัตตานีกระทรวงวัฒนธรรม 67

ตปู ะ๊ ซตู ง หรือ ปลาหมกึ ยดั ไส้ขา้ วเหนียว

(Steamed sticky rice in squid with coconut milk)

ตูป๊ะซูตง หรือ ปลาหมึกยัดไส้ข้าวเหนียว มีรสชาติ
หวานน�ำ ตูป๊ะซูตง เป็นภาษามาลายูถิ่น ตูป๊ะหรือตูปัต
หมายถึง ขนมต้นใบกะพ้อ มีลักษณะเป็นข้าวเหนียวห่อใบ
กะพ้อแล้วน�ำไปต้มคล้ายข้าวต้มมัด ซูตง คือปลาหมึก เม่ือ
รวมกันจงึ หมายถงึ ปลาหมกึ ยดั ไสข้ า้ วเหนยี ว ตปู ะ๊ ซตู ง จดั เปน็
อาหารหวาน อาหารคาว เปน็ อาหารวา่ งยามบา่ ย อาจใชแ้ ทน
อาหารมื้อใดมื้อหน่ึงได้ การท�ำตูป๊ะซูตงต้องคัดสรรปลาหมึก
สดๆ และขนาดตัวสวยๆ ยาวๆ จึงจะได้ตูป๊ะซูตงสวยงาม
นา่ รบั ประทาน

68 10 สุดยอดสมบัตปิ ตั ตานี ประจำ� ปี 2562

อาเกา๊ ะ (Local egg custard in oval or flower

shape “AR-KoRH”)

อาเกา๊ ะ เปน็ ขนมพน้ื เมืองขน้ึ ชอ่ื ใน 3 จังหวัด
ชายแดนภาคใต้ จากค�ำบอกกล่าวของคนสมัยก่อน
คำ� วา่ “อาเกา๊ ะ” อาจจะเพยี้ นมาจากคำ� วา่ อาเกะ๊ หรอื
อาก๊ะ ซึ่งแปลวา่ “ยกขนึ้ ” จากกรรมวิธกี ารผลติ ของ
อาเก๊าะท่ีต้องยกไฟด้านบนลงมาทุกคร้ังเม่ือขนมสุก
แล้ว ขนมอาเกา๊ ะเปน็ ขนมที่ปรงุ จากแปง้ ไข่ น้ำ� ตาล
และกะทิ เนอ้ื ขนมคลา้ ยขนมหมอ้ แกงสงั ขยา รูปรา่ ง
คล้ายขนมไข่ เพราะจะหยอดแป้งลงในพิมพ์ขนม
เหมือนกัน แต่พิมพ์ทองเหลืองของขนมอาเก๊าะใหญ่
กว่า ท�ำให้สุกด้วยการผิงไฟท้ังด้านบนและล่าง นิยม
รับประทานในเดือนรอมฎอน อาเก๊าะเป็นมรดกขนม
หวานของชาวไทยมุสลิมในพื้นท่ีภาคใต้ ที่มีมากว่า
100 ปี แล้ว มีหลักฐานว่าเป็นขนมจากวังจะบังติกอ
ปัตตานี เนื่องจากพบพิมพ์ขนมท�ำจากทองเหลือง
ซ่ึงแสดงให้เห็นถึงความรุ่งเรืองย่านทองเหลืองของ
หมู่บา้ นจะบังตกิ อมากอ่ น

ส�ำ นักงานวฒั นธรรมจังหวดั ปตั ตานกี ระทรวงวฒั นธรรม 69

ฮูลบู ือระ หรือ ขนมไข่ (Tepun Hulu Berah)

ฮลู บู อื ฆะ หรอื ขนมไข่ เปน็ ขนมโบราณดงั้ เดมิ ชาวปตั ตานี
ฮูลู หรืออาจเรียกว่า เวาะห์ฮูลู ส่วนผสมของ “ฮูลูบือฆะ”
ประกอบด้วย ไข่ไก่ แป้งสาลี น�้ำตาล โดยใชว้ ธิ ีอบแบบโบราณ
คือท�ำให้สุกดว้ ยการผิงไฟท้งั ด้านบนและลา่ ง ท�ำใหร้ สชาตขิ อง
ขนมมีรสชาติพิเศษและอร่อยกว่าขนมท่ีอบด้วยเตาอบไฟฟ้า
“ฮูลูบือฆะ” เป็นขนมที่นิยมรับประทานเป็นอาหารว่างกับชา
กาแฟ และใช้ในงานพธิ ีต่างๆ

ท่ีมาอาหารปัตตานี : เมนปู ัตตานี 2561

70 10 สุดยอดสมบัติปัตตานี ประจำ� ปี 2562

ส�ำ นกั งานวฒั นธรรมจงั หวดั ปตั ตานกี ระทรวงวัฒนธรรม 71

72 10 สดุ ยอดสมบตั ปิ ัตตานี ประจ�ำปี 2562

พิพธิ ภณั ฑ์จังหวัดปตั ตานี

พพิ ธิ ภณั ฑจ์ งั หวดั ปตั ตานี ตง้ั อยบู่ นถนนสฤษด์ิ ตำ� บลสะบารงั อำ� เภอเมอื งปตั ตานี จงั หวดั ปตั ตานี เดมิ เปน็ บา้ นพกั
ปลัดจงั หวดั ปตั ตานี ซ่งึ เปน็ อาคารทก่ี ่อสรา้ งโดยใชส้ ถาปตั ยกรรมท่ีเป็นทีน่ ิยมในสมยั รัชกาลที่ 5 ซึง่ ได้รบั อิทธิพลมาจาก
ตะวนั ตก

และด้วยนโยบายของนายวีรนันทน์ เพ็งจันทร์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ที่จะด�ำเนินการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์
จงั หวดั ปตั ตานี ไดเ้ ลง็ เหน็ ถงึ คณุ คา่ ความงดงามของบา้ นพกั ปลดั จงั หวดั ปตั ตานี (หลงั เกา่ ) ซง่ึ ยงั คงรกั ษาไวซ้ ง่ึ สถาปตั ยกรรม
ในสมัยรัชกาลที่ 5 ใหล้ กู หลานชาวปัตตานีได้ใช้เปน็ แหลง่ เรียนรู้ศึกษาข้อมลู ทางด้านประวตั ศิ าสตรข์ องปตั ตานี และเม่ือ
วันท่ี 25 กันยายน 2561 ได้มีพิธีเปิดพิพิธภัณฑ์จังหวัดปัตตานีอย่างเป็นทางการ เพื่อเป็นศูนย์กลางการแลกเปล่ียน
เรียนรทู้ างดา้ นศาสนา ศลิ ปะ และวฒั นธรรม ของสงั คมพหุวัฒนธรรมของจงั หวัดปตั ตานี เป็นแหล่งเรียนรู้ขอ้ มูลตา่ ง ๆ
ทางเช้ือชาติศาสนา ภาษา ความเชื่อ และวิถีชีวิตของประชาชนชาวปัตตานี และเพื่อเป็นสถานที่จัดแสดงผลิตภัณฑ์
ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถนิ่ กอ่ ใหเ้ กดิ มลู คา่ เพมิ่ ทางเศรษฐกจิ แกภ่ มู ปิ ญั ญาทอ้ งถนิ่ ในพน้ื ท่ี ถอื เปน็ การสรา้ งสรรคใ์ หพ้ พิ ธิ ภณั ฑแ์ หง่
น้ีเป็นอีกหนึ่งเรียนรู้ของผู้คนในการท�ำความเข้าใจและเข้าถึงความเป็นอยู่ที่งดงามและน่าค้นหาของชาวปัตตานีท่ีมีมาแต่
อดีต และเป็นแหล่งบูรณาการความรู้เก่ากับความรู้ใหม่เพ่ือบ่มเพาะความคิดที่ทันสมัยให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีและ
บริบทของโลกสมยั ใหม่ เพอ่ื ความเป็นสังคมแหง่ สันติภาพ สนั ติสขุ และเป็นสังคมแห่งความรู้ อย่างยง่ั ยนื สบื ไป

สำ�นักงานวฒั นธรรมจงั หวดั ปัตตานกี ระทรวงวฒั นธรรม 73

จิตรกรรมฝาผนงั วดั เทพนมิ ติ อำ�เภอปะนาเระ จงั หวดั ปัตตานี
74 10 สุดยอดสมบตั ิปตั ตานี ประจ�ำปี 2562

ประวัติศาสตรป์ ตั ตานี

หลกั ฐานเอกสารโบราณปรากฏนามเมอื งหรอื รฐั สำ� คญั แหง่ หนง่ึ บนแหลมมาลายู ซงึ่ ออกเสยี งตามสำ� เนยี งในแตล่ ะ
ภาษา เชน่ หลงั ยาซวู หลงั ยาซเี จยี (ภาษาจนี ) ลงั คาโศกะ อลิ งั คาโศกะ (ภาษาสนั สกฤต ภาษาทมฬิ ) เลง็ กะสกุ ะ (ภาษาชวา)
ลังคะศุกะ (ภาษาอาหรบั ) ลังกะสกุ ะ สงั กาสุกะ (ภาษามลาย)ู โดยนักวชิ าการสันนิษฐานว่านา่ จะเปน็ ชอ่ื เมืองเดยี วกนั ท่ี
นา่ จะเคยตง้ั อยใู่ นรฐั เคดาร์ ประเทศสหพนั ธรฐั มาเลเซยี และจงั หวดั ปตั ตานใี นปจั จบุ นั นกั วชิ าการทางประวตั ศิ าสตรแ์ ละ
โบราณคดี เชอ่ื วา่ ปตั ตานี เปน็ ทแ่ี วะพกั จอดเรอื เพอื่ แลกเปลย่ี นซอ้ื – ขายสนิ คา้ ระหวา่ งพอ่ คา้ ชาวอนิ เดยี ตะวนั ตกกบั พอ่ คา้
ชาวจีนทางตะวนั ออก ชนพืน้ เมืองบนแผ่นดนิ และหมู่เกาะใกลเ้ คยี งต่างๆ

นอกจากนี้ยังเช่ือว่า เดิมปัตตานีเป็นอาณาจักรเก่าแก่และมีความเจริญรุ่งเรืองในอดีต เน่ืองจากมีหลักฐานทาง
โบราณคดวี า่ บริเวณอำ� เภอยะรัง มซี ากร่องรอยของเมอื งโบราณขนาดใหญซ่ อ้ นทับกนั ของโบราณสถานและศาสนาสถาน
หลายแหง่ นอกจากนยี้ งั คน้ พบโบราณวตั ถจุ ำ� นวนมาก โดยวตั ถบุ างชนิ้ มตี วั อกั ษร ซงึ่ นกั ภาษาโบราณอา่ นและแปลวา่ เปน็
อกั ษรปลั ลวะ (อนิ เดยี ใต้) ภาษาสนั สกฤตเขยี นเปน็ คาถาในพทุ ธศาสนาลทั ธมิ หายานพระโพธสิ ตั ว์สมั ฤทธิ์และเศษภาชนะ
ดนิ เผาท่ีมอี ายใุ นราวพุทธศตวรรษที่ 12 – 13 สอดคลอ้ งกบั จดหมายเหตจุ ีนทไ่ี ด้กล่าวถงึ ไว้ นอกจากน้ันหลกั ฐานท่ีไดข้ ดุ
ค้นพบยังแสดงให้เห็นด้วยว่าบริเวณที่ตั้งอ�ำเภอยะรังในปัจจุบันเป็นชุมชนที่มีความเจริญรุ่งเรืองในอดีตและต่อมาได้ย้าย
เมืองปัตตานีมาบริเวณบ้านกรือเซะ สันนิษฐานว่าเกิด
จากการเปล่ียนแปลงทางภูมิศาสตร์ท�ำให้เมืองเดิมไม่
เหมาะในการเป็นเมอื งท่าการค้า

เมืองปัตตานีได้ชื่อว่าเป็นหัวเมืองฝ่ายใต้ปลาย < สุเหรา่ อาโห
แหลมมาลายูที่มีฐานะเป็นเมืองประเทศราชของ
กรงุ ศรอี ยธุ ยามาตง้ั แตส่ มยั สมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถ อำ�เภอยะหริง่ จังหวดั ปตั ตานี
(พ.ศ. 1991 – 2031) เปน็ ต้นมา จนในปี พ.ศ. 2054
โปรตเุ กสยดึ ครองมะละกาไดส้ ำ� เรจ็ และพยายามขยาย
อิทธิพลทางการค้าข้ึนมาทางตอนเหนือของคาบสมุทร
มลายู ประกอบกับพระรามาธิบดีที่ 2 (พ.ศ. 2034 –
2072) ทรงยนิ ยอมใหโ้ ปรตเุ กสเขา้ มาตง้ั สถานกี ารคา้ ใน
เมอื งชายฝง่ั ทะเล เชน่ นครศรธี รรมราช มะรดิ ตะนาวศรี
และปัตตานี ท�ำให้ปัตตานีกลายเป็นเมืองท่าหลัก
เมืองหนึ่ง แม้ว่าปัตตานีจะเป็นเมืองประเทศราชของ
กรุงศรีอยุธยา แต่ด้วยเหตุท่ีบ้านเมืองท่ีมีความเจริญ
มงั่ คงทางเศรษฐกจิ ทำ� ใหเ้ จา้ เมอื งปตั ตานตี อ้ งการความ
เปน็ อสิ ระ และทำ� การแขง็ เมอื งอยบู่ อ่ ยครงั้ เมอ่ื มโี อกาส

ส�ำ นกั งานวฒั นธรรมจงั หวดั ปัตตานกี ระทรวงวฒั นธรรม 75

จากหลักฐานทางโบราณคดีท่ีพบที่เมืองโบราณยะรังทราบว่า แต่เดิมชาวเมืองปัตตานี < วัดหงสาราม
นบั ถอื ศาสนาพทุ ธและพรหมณ์ และเปลยี่ นมานบั ถอื ศาสนาอสิ ลาม หลงั จากทอ่ี าณาจกั รศรวี ชิ ยั
เสอ่ื มอำ� นาจ โดยไดร้ บั อทิ ธพิ ลจากราชวงศม์ ชั ปาหติ ในชวาทแ่ี ผอ่ ำ� นาจเขา้ มาสแู่ หลมลายู กอ่ ให้ อำ�เภอปะนาเระ จงั หวดั ปัตตานี
เกิดความร่วมมือด้านการเมืองและด้านเศรษฐกิจ ท�ำให้การค้าในภูมิภาคเข้มแข็งและส่งผลให้
ศาสนาอิสลามมีความเจริญรุ่งเรืองข้ึน นอกจากน้ีมีการก่อสร้างมัสยิดเพ่ือใช้ประกอบศาสนกิจ
ท่ีส�ำคัญคือ มัสยิดกรือเซะ และมัสยิดบ้านดาโต๊ะ ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธ
ยอดฟา้ จฬุ าโลกมหาราช (พ.ศ. 2325 – 2352) ทางโปรดเกล้าฯ ใหส้ มเดจ็ กรมพระราชวงั บวร
มหาสรุ สงิ หนาทยกทพั หลวงมาปราบปรามพมา่ ทม่ี าตหี วั เมอื งทางแหลมมลายจู นเรยี บรอ้ ย และ
ในปี พ.ศ. 2329 กรมพระราชวังฯ เสด็จลงไปประทบั ท่เี มืองสงขลา ได้มกี ระแสรบั ส่งั ออกไปยงั
หวั เมอื งปตั ตานี เมอื งไทรบรุ ี และเมอื งตรงั กานใู หม้ ายอมเปน็ เมอื งขน้ึ เชน่ เดมิ แตส่ ลุ ตา่ นมฮู มั หมดั
พระยาปตั ตานีในขณะนนั้ ขดั ขนื กรมพระราชวังบวรฯ จงึ มีรบั ส่ังให้พระยากลาโหม ยกกองทพั
ไปตเี มอื งปตั ตานไี ดใ้ นปี พ.ศ. 2329 โดยไดก้ วาดตอ้ นครอบครวั และศาสตรวธุ มาเปน็ จำ� นวนมาก
รวมท้งั ปนื ใหญ่ 2 กระบอก แต่สามารถนำ� มาไดเ้ พียงกระบอกเดียว จงึ น�ำขน้ึ ทลู เกล้าฯ ถวาย
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก และทรงโปรดเกล้าฯ ให้จารึกช่ือปืน “พญาตานี”
นับว่าเป็นปืนใหญ่กระบอกใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ปัจจุบันต้ังอยู่หน้ากระทรวงกลาโหม
กรุงเทพมหานคร
76 10 สดุ ยอดสมบัตปิ ัตตานี ประจ�ำปี 2562

ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ท้ัง 7 ออกจากมณฑลนครศรีธรรมราช มาต้ังเป็นมณฑล
(พ.ศ. 2352 – 2367) เกดิ ความไมส่ งบบอ่ ยครง้ั จงึ โปรดเกลา้ ฯ ปัตตานี พร้อมท้ังเปล่ียนฐานะเมืองเป็นอ�ำเภอและจังหวัด
ใหม้ ีผ้กู �ำกบั ดูแลหัวเมืองมลายู โดยแบ่งเมืองตานอี อกเป็น 7 ไดแ้ ก่
หวั เมอื ง ประกอบดว้ ย เมอื งปตั ตานี เมอื งยะหรง่ิ เมอื งสายบรุ ี
เมอื งหนองจกิ เมอื งระแงะ เมอื งรามนั หแ์ ละเมอื งยะลา ตอ่ มา จงั หวัดปตั ตานี รวมเมอื งหนองจิกและเมืองยะหรง่ิ
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรง จงั หวดั สายบรุ ี รวมเมืองระแงะ
โปรดเกล้าฯ ใหย้ กเลกิ วธิ กี ารปกครองแบบจตสุ ดมภ์ (เวยี ง วงั จงั หวัดยะลา รวมเมอื งรามนั ห์
คลัง นา) ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2435 เป็นต้นมา โดยจัดจัดการ
ปกครองแบบ 12 กระทรวง มีกระทรวงมหาดไทย ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
เป็นกระทรวงแผ่นดนิ จดั การปกครองเป็นระบบเทศาภบิ าล ป ร ะ เ ท ศ เ กิ ด ภ า ว ะ เ ศ ร ษ ฐ กิ จ ต ก ต่� ำ ภ า ย ห ลั ง จ า ก ก า ร
โดยจัดแบ่งเป็นมณฑล ทรงใช้นโยบายประนีประนอมและ เปลีย่ นแปลงการปกครองในปี พ.ศ. 2475 รัฐบาลจำ� เปน็ ต้อง
ดำ� เนนิ การเปน็ ขน้ั ตอน เพอื่ ไมใ่ หเ้ กดิ การกระทบกระเทอื นตอ่ ตัดทอนรายจ่ายให้น้อยลงเพื่อรักษาเสถียรภาพทางการคลัง
การปกครองของเจา้ เมอื งทงั้ 7 หวั เมอื ง ประกอบดว้ ย ปตั ตานี ของประเทศ จึงให้ยบุ เลิกมณฑลปตั ตานคี งสภาพเป็นจังหวดั
ยะหริ่ง สายบุรี หนองจกิ ระแงะ รามนั ห์ และยะลา ซ่ึงขน้ึ กับ ยุบจังหวัดสายบุรีเป็นอ�ำเภอตะลุบัน (ภายหลังชื่ออ�ำเภอ
มณฑลนครศรีธรรมราช มีข้าหลวงเทศาภิบาลมณฑลเป็น สายบุรี) และแบ่งพ้ืนท่ีบางส่วนของสายบุรี คือ ระแงะและ
ผวู้ า่ ราชการเมอื งดแู ล ตอ่ มาในปี พ.ศ. 2449 ไดแ้ ยกหวั เมอื ง บาเจาะไปข้นึ กบั จังหวดั นราธวิ าส

ทมี่ า : สมบตั ิปัตตานี 2557 หนา้ 197

< วัดเทพนิมติ

อำ�เภอปะนาเระ จังหวดั ปตั ตานี

สำ�นกั งานวฒั นธรรมจังหวดั ปัตตานกี ระทรวงวัฒนธรรม 77

78 10 สดุ ยอดสมบตั ปิ ัตตานี ประจ�ำปี 2562

ส�ำ นกั งานวฒั นธรรมจงั หวดั ปตั ตานกี ระทรวงวัฒนธรรม 79

80 10 สดุ ยอดสมบตั ปิ ัตตานี ประจ�ำปี 2562

ส�ำ นกั งานวฒั นธรรมจงั หวดั ปตั ตานกี ระทรวงวัฒนธรรม 81

ชอื่ หนังสือ
10 สดุ ยอดสมบตั ิปัตตานี ประจำ�ปี 2562

ท่ปี รกึ ษา ผวู้ ่าราชการจงั หวดั ปัตตานี
นายไกรศร วิศษิ ฎ์วงศ ์ รองผวู้ ่าราชการจงั หวัดปัตตาน ี
ดร.พงศ์เทพ ไขม่ ุกด ์ รองผวู้ า่ ราชการจงั หวัดปัตตานี
นายสมนึก พรหมเขียว รองผู้วา่ ราชการจงั หวดั ปตั ตานี
นายพรหมพิรยิ ะ กิจนสุ นธิ ์ ปลดั จงั หวัดปตั ตานี
นายบญุ พาส รกั นยุ้

คณะทำ�งาน วฒั นธรรมจังหวดั ปัตตาน ี
นางศศเิ พญ็ ละม้ายพนั ธ ุ์ ประธานหลักสูตรปรชั ญาดษุ ฎีบณั ฑิณคณะบัณฑติ วทิ ยาลัย
ศ.ดร.ครองชยั หตั ถา สาขาการพฒั นาทย่ี ัง่ ยืนมหาวทิ ยาลยั ทักษิณ
ข้าราชการบำ�นาญ/ศิลปิน
ดร.นพิ นธ์ นกิ าจ ิ ผเู้ ชีย่ วชาญด้านศาสตราวุธและวฒั นธรรมชาวใต้
นายพิชยั แก้วขาว ผู้เชย่ี วชาญดา้ นอาวุธโบราณ
นายวธิ าน ศริ เิ บญจวรรณ ผเู้ ชยี่ วชาญด้านกริช
นายณรงค์ กรชิ ทองคำ� ผเู้ ชีย่ วชาญด้านผ้าโบราณมลายู
นางยามลี า กรชิ ทองคำ� อาจารยป์ ระจำ� มหาวทิ ยาลัยราชภฎั ยะลา
นายธนวฒั น์ พรหมสุข นายสัตวแพทยช์ ำ�นาญการ/นกั สะสมของเกา่ มลายู
นายอาแซ แวดิง นายกสมาคมธุรกิจอาหารจังหวดั ปตั ตาน ี
นางสาวกำ�แก้ว เมนาคม รักษาการนายกสมาคมธุรกิจทอ่ งเท่ียวจงั หวดั ปัตตานี
นางสาววรรณา อาลตี ระกูล นกั วิจยั /เจา้ ของแบรนดเ์ สอื้ ผา้ บานง
นางสาวปยิ รตั น์ เพชรหน ู นายกสมาคมสืบสานภมู ปิ ญั ญาฆายง จังหวดั ปัตตานี
นายมูฮำ�หมดั อมุ ะ ทายาทช่างทองเหลืองปตั ตาน ี
นายสนิท เจ๊ะม ุ ท่ีปรกึ ษานายกเทศมนตรเี มืองปัตตาน/ี ทายาทชา่ งทองเหลอื งปัตตานี
นายแวฮารน แวมามะ นักวิชาการวฒั นธรรมชำ�นาญการพเิ ศษ
นายมยั ดิง เบญญธาดา นกั วิชาการวัฒนธรรมชำ�นาญการ
นางสวรรยา โตะ๊ จิ นกั วิชาการวัฒนธรรมชำ�นาญการ
นางคนงึ นจิ สาโร นักวชิ าการวัฒนธรรมปฏบิ ัตกิ าร
นางสาวจฑุ าภรณ์ หวงั กหุ ลำ�

เรียบเรยี ง นกั วชิ าการวัฒนธรรมปฏบิ ตั กิ าร ผจู้ ดั พมิ พ ์
นางสาวจฑุ าภรณ์ หวงั กุหลำ� สำ�นกั งานวัฒนธรรมจังหวดั ปตั ตานี

ถ่ายภาพ ชา่ งภาพ พมิ พท์ ี่
ซอแร เจ้าหน้าทบ่ี ันทึกขอ้ มูล โรงพิมพม์ ิตรภาพ ปตั ตานี
นายนิอามัน นิดาเห พนักงานขับรถ 5/49 ถ.เจริญประดษิ ฐ์ ต.รูสะมิแล อ.เมือง จ.ปตั ตานี
นายบอื ราเฮง เจะโวะ โทร. 073-331429, 081-5409486

82 10 สดุ ยอดสมบัติปัตตานี ประจ�ำปี 2562

“เมอื งงามสามวัฒนธรรม
ศูนยฮ์ าลาลเลศิ ล้ำ�
ชนนอ้ มน�ำศรทั ธา
ถ่นิ ธรรมชาตงิ ามตา

ปตั ตานีสันติสขุ แดนใต”้

สำ�นักงานวัฒนธรรมจงั หวดั ปัตตานกี ระทรวงวฒั นธรรม 83

เอกสารอ้างอิง

กระทรวงวัฒนธรรม. (2556). เครื่องทองเหลืองปัตตานี (ออนไลน์). http://www.m-culture.go.th
[ 2 มกราคม 2562 ]

จรุ ีรตั น์ บัวแกว้ และคณะ. (2556). ผ้ายก ภูษานคราแดนใต.้ นครศรีธรรมราช: อาศรมวฒั นธรรมวลัลักษณ์
มหาวทิ ยาลัยวลยั ลกั ษณ์.

จงั หวดั ปตั ตาน.ี (2557). สมบตั ปิ ัตตานี 2557. สมทุ รสาคร: พิมพด์ ี.
จังหวดั ปัตตาน.ี (2561). เมนูปัตตานี : ต้นตำ�รบั อาหารปตั ตาน.ี สงขลา: ไอคิว มเี ดยี .
จังหวดั ปัตตานี. สำ�นกั งานวัฒนธรรมจังหวัดปตั ตานี. (2561). กริชาภรณ์ ภมู ปิ ัญญาอาเซียน.(สูจบิ ัตร).

สงขลา: ม.ป.พ.
จังหวัดปัตตานี. ที่ทำ�การปกครองจงั หวัดปตั ตานี. (2561). พพิ ิธภณั ฑจ์ งั หวัดปัตตานี. (สจู ิบัตร). ปตั ตาน:ี

ม.ป.พ.
จำ�รูญ เด่นอุดม. (2552). บทบาทอูลามาฮปัตตานีในเอซัยตะวันออกเฉียงใต้, ใน เอกสารประกอบการ

สัมมนา : ภาพหลอกหลอน ณ ชายแดนใต้ ; การเขียนประวัติศาสตร์ปาตานีและ
โลกอิสลาม เล่ม 2. กรุงเทพฯ: จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั .
จอมขวัญ สุวรรณรัตน์. (2547). “รูปแบบและความหมายของจิตรกรรมฝาผนังที่กุฏิสงฆ์ ในเขตจังหวัด
ปัตตานีและจังหวัดนราธิวาส.” วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต สาขาวิชาประวัติศาสตร์
ศิลปะ มหาวทิ ยาลัยศิลปากร.
ธรี พันธุ์ จนั ทรเ์ จรญิ . (2560). ผ้ายก. กรุงเทพฯ: อัมรินทรพ์ ร้นิ ตง้ิ แอนด์พบั ลิชช่งิ .
พิชยั แกว้ ขาว. (2541). ร่องรอยของการทอผ้าและผา้ โบราณที่พบในปตั ตาน.ี โครงการปัตตานีศึกษา.
ปตั ตาน:ี มหาวิทยาลัยสงขลานครนิ ทร์.
พุทธเลศิ หลา้ นภาลัย, พระบาทสมเดจ็ พระ. (2464). อิเหนา. กรงุ เทพฯ: โรงพมิ พไ์ ทย.
พทุ ธยอดฟา้ จุฬาโลกมหาราช, พระบาทสมเด็จพระ. (2514). ดาหลัง. กรุงเทพฯ: แพรพ่ ทิ ยา.
อับดลุ รอนิง ลาเดะ๊ . (2560). กริช อาวุธและวัตถุมงคลของชาวมลายู (ออนไลน)์ . http://yala-pattani-
naratiwat.blogspot.com/2017/03//blog-post_stml. [ 2 มกราคม 2562]

84 10 สุดยอดสมบัตปิ ัตตานี ประจ�ำปี 2562


Click to View FlipBook Version