The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by info_dlict, 2020-06-28 22:18:47

คู่มือการใช้ชุดกิจกรรมการวิจัยในชั้นเรียน

คู่มือการใช้



ชุดกิจกรรมการวิจัยในชั้นเรียน
































กลุ่มนิเทศ ติดตาม และประเมินผลการจัดการศึกษา


ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาล าปาง เขต 1

ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน

กระทรวงศึกษาธิการ



เอกสาร ศน.สพป.ลป.1
ที่ 8/2560







ค าน า





ั้

คมือการใชชดกิจกรรมการวิจยในชนเรียน เลมนี้จดทาขึ้น เพื่อใชเป็นเครื่องมือการนิเทศ
ู่




ู้

ี่

ู้
ตดตามของศกษานิเทศก์ ผบริหารสถานศกษาหรือผทเกี่ยวข้อง เกี่ยวกับการจดการเรียนรู้ของ

ู้
ู้
ู่

ครูผสอนวิทยาศาสตร์ และเป็นคมือให้ครูผสอนน าไปศกษาและน าวิธีการต่างๆ ไปใชแก้ปัญหา
การจัดการเรียนรู้ในกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์




ุ่
ี่
กลมนิเทศ ตดตามและประเมินผลการจดการศกษา สานักงานเขตพื้นทการศกษา

ู้
ประถมศึกษาล าปาง เขต 1 หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเอกสารเล่มนี้ คงมีประโยชน์ต่อศึกษานิเทศก์ ผบริหาร
ู้

สถานศึกษาในการน าไปใช้เป็นเครื่องมือในการนิเทศ ตดตาม ตลอดจนครูผสอนมีความรู้ ความเข้าใจ


สามารถน าวิธีการตางๆ ไปใชแก้ปัญหาการจดการเรียนรู้ในกลมสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์หรือ

ุ่

กลุ่มสาระการเรียนรู้อื่นๆ ให้เป็นไปอย่างมีประสทธิภาพ ต่อไป






กลุ่มนิเทศ ติดตาม และประเมินผลการจัดการศึกษา
ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาล าปาง เขต 1







ค าชี้แจง

จุดประสงค์

ู้


1. เพื่อให้ครูผสอนเข้าใจความหมาย เห็นความสาคญ และประโยชน์ของการวิจัยใน
ั้
ชนเรียน
2. เพื่อให้ครูผสอนเข้าใจ และดาเนินการแก้ปัญหาการเรียนรู้ของนักเรียน โดยใช ้

ู้

ั้
กระบวนการวิจยในชนเรียน ตลอดจนสามารถวิเคราะห์ปัญหา ก าหนดวิธีการแก้ปัญหาหรือ
พัฒนาการเรียนรู้ของนักเรียนไดเหมาะสม


3. เพื่อให้ครูผู้สอนมีความรู้ ความเข้าใจขั้นตอนนวัตกรรมการศกษา และ สามารถน าไป
แก้ปัญหาการเรียนรู้ที่พบในชั้นเรียนได้อย่างเหมาะสม
4. มีความรู้ ความเข้าใจ และสร้างเครื่องมือการเก็บรวบรวมข้อมูลได้เหมาะสมกับ


ปัญหาท่พบในช้นเรียน หาประสิทธิภาพวิธีการหรือนวัตกรรม คุณภาพของเครื่องมือวัดผล



การเรียนรู้ ค านวณหาคาสถิตพื้นฐาน และเลอกใชสถิตทเหมาะสมกับวัตถุประสงค์ของการวิจยใน



ี่
ชั้นเรียน



5. มีความรู้ ความเข้าใจ และสามารถเขียนรายงานการวิจยในชนเรียนไดถูกตองตาม
ั้
รูปแบบ

ผลที่คาดว่าจะได้รับ
ู้



1. ครูผสอนเขาใจความหมาย เหนความสาคญและประโยชน์ของการวิจยในชนเรียน


ั้
ั้

ั้
ตลอดจนดาเนินการวิจยในชนเรียนตามขั้นตอนของกระบวนการวิจยในชนเรียนไดถูกตองและ




เหมาะสม

ี่
2. ครูผู้สอนวิเคราะห์ สรุปปัญหาทเกิดจากการจดกระบวนการเรียนรู้ และก าหนดวิธีการ
แก้ปัญหาหรือพัฒนาการเรียนรู้ได้ถูกต้องและเหมาะสม
ู้

3. ครูผสอนมีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับนวัตกรรมการศกษา และน านวัตกรรมทได ้
ี่
พัฒนาขึ้น ไปแก้ปัญหาการเรียนรู้ของนักเรียนตามปัญหาที่พบในชั้นเรียนได้อย่างเหมาะสม

ี่
ู้
4. ครูผสอนสามารถสร้างเครื่องมือเก็บรวบรวมข้อมูลไดเหมาะสมกับปัญหาทพบใน
ั้


ชนเรียน หาประสทธิภาพวิธีการหรือนวัตกรรม คณภาพของเครื่องมือวัดผลการเรียนรู้ คานวณ


หาคาสถิตไดถูกตอง ตลอดจนเลอกใชสถิตไดเหมาะสมกับวัตถุประสงค์ของการวิจัยในชั้นเรียน







ู้

5. ครูผสอนสามารถเขียนรายงานการวิจยในชนเรียนไดถูกตองตามรูปแบบ
ั้









สารบัญ

เรื่อง หน้า


ค าน า ก
ค าชี้แจง ข
แบบทดสอบก่อนการพัฒนาการวิจัยในชั้นเรียน……….………………………………..…….. 1

เฉลยแบบทดสอบก่อนการพัฒนาการวิจัยในชั้นเรียน……….………………….………….... 7
ใบงานที่ 1 ...........................................................................……………………………………... 8
ใบงานที่ 2 ...........................................................................……………………………………... 13
ใบงานที่ 3 ........................................................................................…………………………... 16

ใบงานที่ 4 .........................................................................................…………………………... 38
แบบทดสอบหลังการพัฒนาการวิจัยในชั้นเรียน……….………………..………………..…….. 44
เฉลยแบบทดสอบหลังการพัฒนาการวิจัยในชั้นเรียน……….………………..…………….... 50


คณะผู้จดท า.............................................................................................................. 51

แบบทดสอบก่อนการพัฒนา

การวิจัยในชั้นเรียน



ค าชี้แจง 1. แบบทดสอบเป็นแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ จ านวน 4 ตัวเลือก (ก ข ค และง)
จ านวน 30 ข้อ เวลา 30 นาที

2. ขอให้ท่านเลือกคาตอบที่ถูกต้องที่สดเพียงข้อเดียว


1. ข้อใดเป็นความส าคัญของการวิจัยในชั้นเรียน
ก. เป็นการพัฒนางานหรือแก้ปัญหาผู้เรียนที่ดีที่สด

ข. เป็นการพัฒนาพฤติกรรมและวิถีการปฏิบัติตนในการพัฒนางานที่ถูกต้อง

ค. เป็นการส่งเสริม สนับสนุนความก้าวหน้าในการจัดท าเอกสารในชั้นเรียน
ง. ท าให้ครูผู้สอน เข้าใจที่จะใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในการพัฒนางาน

2. ข้อใดกล่าวถึงความหมายของการวิจัยในชั้นเรียนได้ถูกต้อง
ก. กระบวนการศึกษาค้นคว้าหาความรู้เกี่ยวกับการท างาน

ข. กระบวนการสืบค้นข้อเท็จจริงการจัดกิจกรรมนอกสถานท ี่
ค. กระบวนการสืบค้นหาข้อเท็จจริง และการสร้างองค์ความรู้ใหม่
ง. กระบวนการแก้ปัญหาหรือพัฒนาคุณภาพระบบข้อมูลสารสนเทศของครูผู้สอน


3. ข้อใดเรียงล าดับขั้นตอนกระบวนการวิจัยในชั้นเรียนได้ถูกต้อง
ก. ส ารวจและวิเคราะห์ปัญหา พัฒนาวิธีการหรือนวัตกรรม ก าหนดวิธีการหรือนวัตกรรม
น าวิธีการหรือนวัตกรรมไปใช สรุปผล

ข. พัฒนาวิธีการหรือนวัตกรรม ส ารวจและวิเคราะห์ปัญหา ก าหนดวิธีการหรือนวัตกรรม
น าวิธีการหรือนวัตกรรมไปใช สรุปผล

ค. ส ารวจและวิเคราะห์ปัญหา ก าหนดวิธีการหรือนวัตกรรม พัฒนาวิธีการหรือนวัตกรรม


น าวิธีการหรือนวัตกรรมไปใช สรุปผล

ง. ส ารวจและวิเคราะห์ปัญหา พัฒนาวิธีการหรือนวัตกรรม น าวิธีการหรือนวัตกรรมไปใช
ก าหนดวิธีการหรือนวัตกรรม สรุปผล

4. ข้อใดตรงกับความหมายของนวัตกรรม

ก. สื่อการเรียนการสอนใหม่ ๆ เท่านั้น
ข. วัสดุหรืออุปกรณ์ที่น ามาใช้ประกอบการสอน
ค. เอกสารที่น ามาใช้ประกอบแผนการจัดการเรียนรู้

ง. เทคนิควิธีการหรือสิ่งประดิษฐ์ใหม่ ๆ ที่น ามาใช้แก้ปัญหาหรือพัฒนาการเรียนรู้

2





5. สิ่งใดเป็นสื่อทัศนูปกรณ ์
ก. สไลด ์
ข. สื่อสิ่งพิมพ์
ค. รายงานโครงการ

ง. บทเรียนส าเร็จรูป


6. ข้อใด ไม่ใช ประโยชน์ของนวัตกรรมทางการศึกษา
ก. ส่งเสริมให้นักเรียนได้เรียนรู้เร็วขึ้น

ข. ช่วยท าให้กิจกรรมการเรียนการสอนน่าสนใจเพิ่มขึ้น
ค. ท าให้บรรยากาศการเรียนการสอนสนุกสนาน เร้าความสนใจ


ง. ลดเวลาและคาใชจ่ายในการด าเนินกิจกรรมการเรียนการสอน

7. นวัตกรรมชนิดใดที่เหมาะสมส าหรับให้ผเรียนศึกษาและเรียนรู้ด้วยตนเอง
ู้
ก. ชุดการสอน
ข. บทเรียนส าเร็จรูป


ค. การแสดงบทบาทสมมุต
ง. การเรียนรู้โดยการใช้เกม

8. ข้อใดเป็นหมายถึงการออกแบบการทดลองนวัตกรรม
ก. การแก้ปัญหานวัตกรรม

ข. การหาประสิทธิภาพของนวัตกรรม
ค. การวิเคราะห์และสรุปผลนวัตกรรม
ง. การวางแผนเพื่อพัฒนานวัตกรรมการเรียนการสอน


9. ข้อใดเป็นการน าผลการวิจัยไปใช้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด
ก. น าไปปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการสอนที่เน้นแบบฝึก
ข. น าไปพัฒนาและจัดกิจกรรมให้เอื้อต่อการสอนของครู

ค. น าไปแก้ปัญหาและพัฒนาผู้เรียนเป็นรายบุคคลและกลุ่ม
ง. น าไปพัฒนาและแก้ปัญหานักเรียนที่เรียนอ่อนในชั้นเรียน

10. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ควรศึกษาจากแหล่งข้อมูลใดมากทสุด
ี่
ก. ผู้รู้
ข. สังคมมิต ิ
ค. สัมภาษณ์นักเรียน
ง. ศึกษาจากเอกสารประจ าชั้น

3





11. เครื่องมือชนิดใดที่เหมาะสมกับการเก็บข้อมูลพฤติกรรมนักเรียน

ก. สังคมมิต
ข. แบบสังเกต
ค. ศึกษาเอกสาร

ง. แบบสัมภาษณ ์


12. ข้อใด ไม่ใช องค์ประกอบส าคัญของปัญหา
ก. บุคคล

ข. วิธีการ
ค. เอกสาร
ง. สภาพแวดล้อม


13. การน าสื่อการเรียนการสอนมาใช้แก้ปัญหาอยู่ในขั้นตอนใด
ก. การน าทางเลือกไปใช ้
ข. ทางเลือกที่เหมาะสมทสุด
ี่
ค. วิเคราะห์สาเหตุของปัญหา
ง. แนวทางเลือกในการแก้ปัญหา

14. แบบทดสอบชนิดใดที่จะต้องสร้างเกณฑ์การตรวจให้ชัดเจน
ก. แบบจับค ู่


ข. แบบถูกผด
ค. แบบอัตนัย
ง. แบบเลือกตอบ



15. ข้อใด ไม่ใช แบบทดสอบแบบปรนัย
ก. แบบถูกผิด
ข. แบบเติมค า

ค. แบบเลือกตอบ
ง. แบบสร้างสถานการณ ์

16. ข้อใดใช้ค่าสถิต t - test (ส าหรับกรณี dependent group ) ได้ถูกต้อง

ก. ใช้กลุ่มตัวอย่าง 2 กลุ่ม มีการวัดผลครั้งเดียว
ข. ใช้กลุ่มตัวอย่างกลุ่มเดียว มีการวัดผลครั้งเดียว
ค. ใช้กลุ่มตัวอย่าง 2 กลุ่ม มีการวัดผล 2 ครั้ง คือ ก่อนและหลังทดลอง
ง. ใช้กลุ่มตัวอย่างกลุ่มเดียว มีการวัดผล 2 ครั้ง คือ ก่อนและหลังทดลอง

4





17. เครื่องมือชนิดใดเหมาะส าหรับวัดความรู้สึกของนักเรียน
ก. แบบสังเกต
ข. แบบทดสอบ
ค. แบบวัดเจตคต ิ

ง. แบบสอบถาม

18. ข้อใดกล่าว ไม่ ถูกต้อง
ก. E1 หมายถึง ประสิทธิภาพของกระบวนการ


ข. ค่าอ านาจจาแนกน้อยกว่า 0.20 ต้องปรับปรุงแก้ไข
ค.  หมายถึง ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานของเครื่องมือวัด
ง. E2 หมายถึง ประสิทธิภาพของผลลัพธ์ได้จากคะแนนเฉลี่ยของการท าแบบทดสอบ

หลังเรียนของผู้เรียนทั้งหมด
19. ข้อใดเกี่ยวข้องกับการหาคุณภาพของเครื่องมือวัด

ก. หาคาความยากง่าย
ข. หาความเชื่อมั่นของเนื้อหา
ค. หาค่าตรงระหว่างข้อสอบกับจุดประสงค์ทั่วไป
ง. หาค่าความสัมพันธ์ของระหว่างความเชื่อมั่นกับค่าอ านาจจ าแนก


20. ข้อใดไม่ใช หัวข้อการเขียนบทน า
ก. ขอบเขตการวิจัย
ข. สมมติฐานการวิจัย

ค. วิธีการวิเคราะห์ข้อมูล
ง. วัตถุประสงค์ของการวิจัย

21. ข้อใดกล่าวถึงการเขียนวัตถุประสงค์ได้ถูกต้อง
ก. เขียนให้สอดคล้องกับปัญหาการวิจัย


ข. เขียนเป็นภาษาที่เขาใจง่ายและพร้อมก าหนดค่าสถิต ิ
ค. เขียนประโยคบอกเล่าและอธิบายเนื้อหาให้ชัดเจนกี่บรรทัดก็ได ้
ง. เขียนเป็นภาษาเขียนทบ่งบอกถึงประชากรในการเก็บรวบรวมข้อมูล
ี่

22. ข้อใดเป็นจุดเน้นของการน าเสนอ แนวคิดหรือทฤษฎีหรืองานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัย
ก. สรุปเฉพาะกรอบแก้ปัญหาเท่านั้น

ข. สรุปแนวทางการวิเคราะห์ข้อมูลและการประเมินผลการวิจัยในชั้นเรียน
ค. ออกแบบและวางแผนการทดลองตลอดจนก าหนดประชากรและกลุ่มตวอย่าง

ง. สรุปกรอบความคิด หลักการ แนวทาง หรือรูปแบบของนวัตกรรมที่ใช้แก้ปัญหา

การเรียนการสอนที่น ามาใช้ในการแก้ปัญหาหรือทดลอง

5








23. สถิตที่น ามาใชในการวิจัยในชั้นเรียน ควรใชสถิติอย่างไร

ก. ใช้เฉพาะค่าร้อยละเทานั้น
ข. จะต้องเปรียบเทียบข้อมูลก่อนและหลังการทดลองทุกครั้ง
ค. จะต้องใช้สถิตที่มีความหลากหลายเพื่อความสมบูรณ์ของผลงาน

ง. จะต้องใช้สถิตที่ตอบสนองการตอบปัญหาในวัตถุประสงค์ของการวิจัย


24. ข้อใดเป็นการเขียนอภิปรายผลการวิจัยได้เหมาะสมมากที่สด

ก. เขียนอภิปรายทุกประเด็นของข้อมูลทศกษา
ี่

ข. เขียนอภิปรายให้ตรงกับสิ่งที่ผู้วิจัยต้องการ
ค. เขียนเพื่อชี้แจงให้เห็นว่าผลการวิจัยที่ไดสอดคล้องหรือขัดแย้งกับหลักการทฤษฎี

ง. เขียนอภิปรายให้มีความหลากหลายโดยไม่จ าเป็นต้องค านึงถึงวัตถุประสงค์ของการวิจัย


25. แบบสอบถามมีลักษณะตรงกับข้อใด
ก. สามารถตรวจคาตอบได้ง่าย

ข. มีค าตอบตายตัวแน่นอนอยู่เสมอ

ค. มีความเป็นปรนัยและมีความเชื่อมั่นสูง
ง. สร้างได้ทั้งแบบปลายปิดและแบบปลายเปิด

26. นวัตกรรมด้านความจ า ความรู้ ที่ได้รับการยอมรับว่ามีประสิทธิภาพ มีเกณฑ์อยู่ในระดับใด
ก. 70/70

ข. 70/75
ค. 75/80
ง. 80/80



27. นวัตกรรมด้านทักษะปฏิบัต ที่ได้รับการยอมรับว่ามีประสิทธิภาพ มีเกณฑ์อยู่ในระดับใด
ก. 60/60
ข. 70/70

ค. 75/80
ง. 85/80


28. ค่าดชนีความสอดคล้อง (IOC) ที่ยอมรับได้มีค่าตั้งแต่เท่าไร
ก. 0.50 เป็นต้นไป
ข. 0.55 เป็นต้นไป
ค. 0.60 เป็นต้นไป
ง. 0.75 เป็นต้นไป

6





29. แบบทดสอบ “ที่มีค่าอยู่ระหว่าง 0.20 – 0.80 เป็นค่าที่มีความเหมาะสมสามารถน าไปใช ้

เก็บรวบรวมข้อมูลได” ค่าที่กล่าวถึงหมายถึงค่าของอะไร
ก. ความเชื่อมั่น
ข. ค่าความยากง่าย

ค. ค่าอ านาจจ าแนก
ง. ค่าประสิทธิภาพของแบบทดสอบ

30. ข้อใดกล่าวได้ถูกต้อง

ก. ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานน้อย มีการกระจายมาก
ข. ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานมาก มีการกระจายน้อย
ค. ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานน้อย มีการกระจายน้อย
ง. ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานไม่เกี่ยวข้องกับการกระจายของข้อมูล

7






เฉลยแบบทดสอบก่อนการพัฒนา
การวิจัยในชั้นเรียน




ข้อ ค าตอบ ข้อ ค าตอบ
1 ง 16 ง

2 ค 17 ค
3 ค 18 ค
4 ง 19 ก

5 ก 20 ค
6 ง 21 ก
7 ข 22 ง

8 ง 23 ง
9 ค 24 ค
10 ง 25 ง

11 ข 26 ง
12 ง 27 ข
13 ก 28 ก

14 ค 29 ข
15 ง 30 ค

8






ี่
ใบงานท 1



ค าชี้แจง

ขอให้ทานศึกษาเอกสารการพัฒนาการวิจัยในชั้นเรียน เล่มที่ 1 กระบวนการวิจัยใน
ชั้นเรียน

1. เนื้อหาที่ให้ศึกษา
1.1 ความหมาย และประโยชน์ของการวิจัยในชั้นเรียน
1.2 กระบวนการวิจยในชั้นเรียน

1.3 การวิเคราะห์และก าหนดวิธีการแก้ปัญหาหรือพัฒนาการเรียนรู้

2. กิจกรรมที่ให้ครูผู้สอนฝึกปฏิบัติ มี 1 กิจกรรม คือ การวิเคราะห์และก าหนดวิธีการ
แก้ปัญหาหรือพัฒนาการเรียนรู้

9





กิจกรรม
การวิเคราะห์และก าหนดวิธีการแก้ปัญหา

หรือพัฒนาการเรียนรู้



ค าชี้แจง ขอให้ท่านวิเคราะห์ปัญหาการพัฒนาการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ตาม
ประเด็นหัวข้อ ดังนี้

กระบวนการ

วิเคราะห์ปัญหาเพื่อการวิจัย รายการ
...........................................................................................
...........................................................................................

...........................................................................................
...........................................................................................
...........................................................................................
ปัญหาที่เกิดจากกระบวนการเรียนรู้ ...........................................................................................


...........................................................................................
...........................................................................................
...........................................................................................

...........................................................................................

...........................................................................................
...........................................................................................

...........................................................................................
...........................................................................................
...........................................................................................

สาเหตของปัญหา ...........................................................................................
...........................................................................................
...........................................................................................
...........................................................................................
...........................................................................................

10






กระบวนการ
วิเคราะห์ปัญหาเพื่อการวิจัย รายการ
...........................................................................................
...........................................................................................

...........................................................................................
...........................................................................................
...........................................................................................

แนวทางเลือกในการแก้ปัญหา ...........................................................................................
...........................................................................................
...........................................................................................
...........................................................................................
...........................................................................................


...........................................................................................
...........................................................................................

...........................................................................................
...........................................................................................
...........................................................................................
ทางเลือกที่เหมาะสมทสุด ...........................................................................................
ี่
...........................................................................................
...........................................................................................
...........................................................................................

...........................................................................................

...........................................................................................
...........................................................................................

...........................................................................................
...........................................................................................
...........................................................................................
การน าทางเลือกไปใช้ เพื่อพัฒนา
กระบวนการเรียนรู้ในสถานศึกษา ...........................................................................................
...........................................................................................
...........................................................................................
...........................................................................................
...........................................................................................

11






แนวค าตอบกิจกรรม

การวิเคราะห์และก าหนดวิธีการแก้ปัญหา
หรือพัฒนาการเรียนรู้




กระบวนการวิเคราะห์ปัญหาเพื่อการวิจัย รายการ
ปัญหาที่เกิดจากกระบวนการเรียนรู้ นักเรียนขาดทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
1. ครูจัดกิจกรรมส่งเสริมทักษะกระบวนการทาง

วิทยาศาสตร์แก่นักเรียนน้อยมาก
สาเหตุของปัญหา 2. ครูจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยใช้การบรรยาย
ด้านเนื้อหามากกว่าฝึกทักษะกระบวนการ
ทางวิทยาศาสตร์

1. พัฒนาการเรียนรู้ของนักเรียน โดยใช ้
ชุดกิจกรรมทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
2. ครูปรับเปลี่ยนวิธีการสอนจากการบรรยายท ี่
เน้นเนื้อหา เป็นการจัดประสบการณ์ โดยให้
แนวทางเลือกในการแก้ปัญหา
ฝึกปฏิบัติกิจกรรม ที่เน้นทักษะกระบวนการ
ทางวิทยาศาสตร์
3. พัฒนารูปแบบการสอน โดยใช้ชุดกิจกรรม
โครงงานวิทยาศาสตร์

คือ การพัฒนาการเรียนรู้ของนักเรียนโดยใช ้
ชุดกิจกรรมทักษะกระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์
ทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด

ี่
เหตผลทเลอก : เป็นการจดการเรียนรู้ทนักเรียน

ี่




ไดฝกทกษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และ
สามารถสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง
การน าทางเลือกไปใช้ เพื่อพัฒนา การพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
กระบวนการเรียนรู้ในสถานศึกษา โดยใช้ชุดกิจกรรมที่เน้นทักษะการฝึกปฏิบัต ิ

12





กระบวนการวิเคราะห์ปัญหาเพื่อการวิจัย รายการ
ปัญหาที่เกิดจากกระบวนการเรียนรู้ นักเรียนขาดทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
1. ครูจัดกิจกรรมส่งเสริมทักษะกระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์แก่นักเรียนน้อยมาก

สาเหตุของปัญหา 2. ครูจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยใช้การบรรยาย
ด้านเนื้อหามากกว่าฝึกทักษะกระบวนการ
ทางวิทยาศาสตร์

1. พัฒนาการเรียนรู้ของนักเรียน โดยใช ้
ชุดกิจกรรมทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
2. ครูปรับเปลี่ยนวิธีการสอนจากการบรรยายท ี่
เน้นเนื้อหา เป็นการจัดประสบการณ์ โดยให้
แนวทางเลือกในการแก้ปัญหา
ฝึกปฏิบัติกิจกรรม ที่เน้นทักษะกระบวนการ
ทางวิทยาศาสตร์
3. พัฒนารูปแบบการสอน โดยใช้ชุดกิจกรรม

โครงงานวิทยาศาสตร์
คือ การพัฒนาการเรียนรู้ของนักเรียนโดยใช ้
ชุดกิจกรรมทักษะกระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์
ทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด

เหตผลทเลอก : เป็นการจดการเรียนรู้ทนักเรียน
ี่


ี่



ไดฝกทกษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และ
สามารถสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง
การน าทางเลือกไปใช้ เพื่อพัฒนา การพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
กระบวนการเรียนรู้ในสถานศึกษา โดยใช้ชุดกิจกรรมที่เน้นทักษะการฝึกปฏิบัต ิ

13






ี่
ใบงานท 2



ค าชี้แจง

ขอให้ท่านศึกษาเอกสารการพัฒนาการวิจัยในชั้นเรียน เลมท 2 นวัตกรรมการศึกษา
ี่
มีรายละเอียด ดังนี้
1. เนื้อหาที่ให้ศึกษา
1.1 นวัตกรรมการศึกษา
1.2 ตัวอย่างนวัตกรรมการเรียนรู้ประเภทสื่อและเทคนิควิธีการ เพื่อน าไปแก้ปัญหา
การเรียนรู้ของนักเรียน โดยใช้การวิจัยในชั้นเรียน


2. กิจกรรมทให้ครูผสอนฝกปฏิบัต มี 1 กิจกรรม คอ การสรุปขั้นตอนการจัดการเรียนรู้

ี่
ู้


14






กิจกรรม

การสรุปขั้นตอนการจัดการเรียนรู้





ื่
ค าชี้แจง ขอให้ท่านเขียนชอนวัตกรรม ขั้นตอนการจดการเรียนรู้ เพื่อจะได้น าไปใชแก้ปัญหา
ี่
การเรียนรู้ของนักเรียน ตามปัญหาทพบในชั้นเรียนของตนเอง
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................

................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................

................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................

................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................

................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................

................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................

................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................

................................................................................................................................................................

15






แนวค าตอบกิจกรรม
การสรุปขั้นตอนการจัดการเรียนรู้



ชื่อนวัตกรรม การแก้ปัญหาการจัดการเรียนรู้ เรื่อง ประโยชน์ของพืชสมุนไพร โดยใช้กิจกรรม

โครงงานวิทยาศาสตร์

ขั้นตอนการจัดการเรียนร ู้
การแก้ปัญหาการจัดการเรียนรู้ เรื่อง ประโยชน์ของพืชสมุนไพร โดยใชกิจกรรมโครงงาน

วิทยาศาสตร์ประเภททดลองมีขั้นตอนส าคัญ ดังนี้


1. ตั้งค าถามเกี่ยวกับพืชสมุนไพร ว่าพืชสมุนไพรในทองถิ่นมีอะไรบ้าง และแตละชนิดมี
ประโยชน์อย่างไร พร้อมให้นักเรียนศึกษาค้นคว้า โดยมีครูผู้สอนกระตุ้นให้ผู้เรียนอยากรู้ อยากเห็น
2. แบ่งกลุ่มการเลือกหัวข้อเรื่องหรือปัญหาที่จะศึกษา
3. นักเรียนร่วมกันวางแผน/ออกแบบการทดลอง ประกอบดวย ก าหนดจดประสงค



การตั้งสมมุติฐาน การก าหนดวิธีการศึกษา
4. การลงมือปฏิบัตการทดลอง

5. การเขียนรายงาน
6. การน าเสนอผลงาน

16






ใบงานท 3
ี่



ค าชี้แจง
ั้
ขอให้ทานศึกษาเอกสารการพัฒนาการวิจัยในชนเรียน เล่มที่ 3 เครื่องมือ และ

การวิเคราะห์ข้อมูล
1. เนื้อหาที่ให้ศึกษา
1.1 เครื่องมือที่ใชในการเก็บรวบรวมข้อมูล


1.2 การหาประสทธภาพวิธการหรือนวตกรรม





1.3 การหาคณภาพของเครืองมอวดผลการเรยนรู ้




ี่
1.4 สถิตพื้นฐานทเหมาะสมกับการวิจัยในชั้นเรียน

2. กิจกรรมที่ให้ผู้ศึกษาฝึกปฏิบัต มี 7 กิจกรรม ดังนี้
กิจกรรมที่ 1 การสร้างเครื่องมือการเก็บรวบรวมข้อมูล
กิจกรรมที่ 2 การหาประสทธิภาพวิธีการหรือนวัตกรรม

กิจกรรมที่ 3 การหาค่า IOC

กิจกรรมที่ 4 การหาค่าความยากง่าย และคาอ านาจจ าแนก
กิจกรรมที่ 5 การหาค่าความเชื่อมั่น
กิจกรรมที่ 6 การหาค่าสถิติพื้นฐาน
กิจกรรมที่ 7 การเปรียบเทียบคะแนนก่อน – หลังเรียน

17






กิจกรรมที่ 1

การสร้างเครื่องมือการเก็บรวบรวมข้อมูล




ค าชี้แจง ขอให้ทานสร้างเครื่องมือทจะน าไปใชเก็บรวบรวมข้อมูลตามปัญหาที่พบในชั้นเรียน
ี่
………………………………………………………………………….....................…………………………………………………
…………………………………….....................………………………………………………………………………………………
….....................………………………………………………………………………………………….....................…………
………………………………………………………………………………………….....................…………………………………
……………………………………………………….....................……………………………………………………………………

…………………….....................…………………………………………………………………………………………...............
......………………………………………………………………………………………….....................……………………………
…………………………………………………………….....................………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………….....................…………………………………
……………………………………………………….....................……………………………………………………………………
…………………….....................…………………………………………………………………………………………...............
......………………………………………………………………………………………….....................……………………………
………………………………………………………………………………………….....................…………………………………

……………………………………………………….....................……………………………………………………………………
…………………….....................…………………………………………………………………………………………...............
......………………………………………………………………………………………….....................……………………………

………………………………………………………………………………………….....................…………………………………
……………………………………………………….....................……………………………………………………………………
…………………….....................…………………………………………………………………………………………...............
......………………………………………………………………………………………….....................……………………………

………………………………………………………………………………………….....................…………………………………
……………………………………………………….....................……………………………………………………………………
…………………….....................…………………………………………………………………………………………...............
......………………………………………………………………………………………….....................……………………………

………………………………………………………………………………………….....................…………………………………
……………………………………………………….....................……………………………………………………………………
…………………….....................…………………………………………………………………………………………...............
......………………………………………………………………………………………….....................……………………………

………………………………………………………………………………………….....................…………………………………
……………………………………………………….....................……………………………………………………………………

18





แนวค าตอบกิจกรรมที่ 1
การสร้างเครื่องมือการเก็บรวบรวมข้อมูล



ี่
ั้

ตัวอย่างแบบทดสอบวัดความรู้ เรื่อง ชีวิตกับสิ่งแวดลอมของนักเรียน ชนประถมศกษาปีท 6


ิ่

ิ่
เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของกลุ่มสิ่งมีชีวิตในแหล่งที่อยู่ต่างๆ และความสมพันธ์ของสงมีชวิตกับสงมีชวิต
ในรูปของโซ่อาหาร

ค าชี้แจง ให้นักเรียนเลือกคาตอบทถูกที่สดเพียงคาตอบเดียว



ี่
1. รูปแบบความสมพันธ์ซึ่งกันและกันของสงมีชวิตในข้อใด คลายความสมพันธ์ระหว่าง

ิ่



เหาฉลามกับปลาฉลาม
ก. แมวกับหนู
ข. นกท ารังกับต้นไม้ใหญ่
ค. แมลงกับดอกไม้
ง. พยาธิกับคน

2. โซ่อาหารในข้อใดเขียนถูกต้อง
ก. ต้นพืช  ตั๊กแตน  นก
ข. นก  ผึ้ง  ดอกไม้
ค. ใบไม้  ตั๊กแตน  กบ

ง. เสือ  ปลา  งู


ใช้แผนภาพ ตอบค าถามข้อ 3

ใบไม้อ่อน  A  นก  งู

A
3. น่าจะเป็นสัตว์ในข้อใด
ก . มด
ข. จิ้งหรีด
ค. หนอน
ง. กบ

19






ี่
กิจกรรมท 2
การหาประสิทธิภาพของวิธีการหรือนวัตกรรม


ค าชี้แจง ขอให้ท่านหาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะการคิดกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
ี่
ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีท 6 จ านวน 10 คน ข้อมูลดังนี้

นักเรียนคนท ี่ คะแนนระหว่างเรียน (40) ทดสอบหลังเรียน(20)
1 35 16

2 36 17
3 32 18
4 38 16

5 34 15
6 35 14
7 33 16

8 32 15
9 34 14
10 30 15

รวม

…………………………………………………………………………………………..................……………………………………
…………………………………………………….................…………………………………………………………………………

………………................………………………………………………………………………………………….................………
………………………………………………………………………………….................……………………………………………
…………………………………………….................…………………………………………………………………………………

……….................………………………………………………………………………………………….................……………
…………………………………………………………………………….................…………………………………………………
……….................………………………………………………………………………………………….................……………
…………………………………………………………………………….................…………………………………………………
……….................………………………………………………………………………………………….................……………

…………………………………………………………………………….................…………………………………………………
……….................………………………………………………………………………………………….................……………
…………………………………………………………………………….................…………………………………………………

……….................………………………………………………………………………………………….................……………
…………………………………………………………………………….................…………………………………………………

20






เฉลยกิจกรรมที่ 2

การหาประสิทธิภาพของวิธีการหรือนวัตกรรม



นักเรียนคนท ี่ คะแนนระหว่างเรียน (40) ทดสอบหลังเรียน (20)
1 35 16
2 36 17

3 32 18
4 38 16
5 34 15

6 35 14
7 33 16
8 32 15

9 34 14
10 30 15
รวม 339 156



339
10
E =
 100
1
40
= 84.75

156

E =
10  100
2
20
= 78.00


E /E = 84.75/78.00
1 2

21






กิจกรรมท 3
ี่
การหาคา IOC



ค าชี้แจง ขอให้ท่านหาค่า IOC จากแบบทดสอบและข้อมูลในตารางที่ก าหนดให้

น าแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ จ านวน 5 ข้อ ให้ผู้เชี่ยวชาญ
3 คน เพื่อตรวจสอบความสอดคล้องกับจุดประสงค์ โดยก าหนดคะแนนเป็น +1 หรือ 0 หรือ –1
ได้ผล ดังนี้


ผู้เชี่ยวชาญ ( R ) ผลรวมของ  R
ข้อท ี่ IOC = หมายเหต ุ
คนที่ 1 คนที่ 2 คนที่ 3 คะแนน (R) N

1 +1 0 +1 ………… …………
2 +1 0 -1 ………… …………
3 +1 +1 0 ………… …………
4 +1 +1 +1 ………… …………

5 +1 0 +1 ………… …………

จากตารางสรุปได้ว่า


ี่
1. แบบทดสอบทมีคา IOC ต่ ากว่า 0.50 มีข้อ……………………………….
2. แบบทดสอบที่มีคา IOC ตั้งแต่ 0.50 ขึ้นไป มีข้อ………………………….


22






เฉลยกิจกรรมที่ 3
การหาค่า IOC




ผู้เชี่ยวชาญ ( R ) ผลรวมของ  R
ข้อท ี่ IOC = หมายเหต ุ
คนที่ 1 คนท 2 คนที่ 3 คะแนน (R) N
ี่
1 +1 0 0 1 0.33 ปรับปรุง

2 +1 +1 -1 1 0.33 ปรับปรุง
3 +1 +1 +1 3 1.00
4 +1 +1 0 2 0.67
5 +1 0 -1 0 0.00 ปรับปรุง


จากตารางสรุปได้ว่า

1. แบบทดสอบที่มีคา IOC ต่ ากว่า 0.50 มีข้อ 1, 2 และ 5
2. แบบทดสอบที่มีคา IOC ตั้งแต่ 0.50 ขึ้นไป มีข้อ 3 และ 4


23






ี่
กิจกรรมท 4
การหาค่าความยากง่าย และค่าอ านาจจ าแนก





ค าชี้แจง ขอให้ท่านหาค่าความยากง่ายและคาอ านาจจาแนกจากข้อมูล ดังนี้

แบบทดสอบวิชาวิทยาศาสตร์ ชดหนึ่งมี 10 ข้อ เป็นข้อสอบปรนัยชนิด 4 ตวเลอก



น าไปใช้ทดสอบนักเรียนกลุ่มหนึ่ง 20 คน เมื่อตรวจให้คะแนน และน ามาเรียงตามคะแนนมากไปน้อย
ุ่
แบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มสูงประมาณ 27 % และกลุ่มต่ าประมาณ 27 % จะไดกลมละ 6 คน ผลปรากฏ

ดังนี้

ข้อ P P P + P P - P p r
H
L
H
L
L
H
1 5 3
2 4 1
3 5 2
4 6 3
5 6 2
6 3 3

7 6 4
8 5 3
9 3 4

10 4 1

จากตารางเมื่อพิจารณาค่า P และ ค่า r จากการวิเคราะห์แล้วจะเห็นได้ว่า
1. แบบทดสอบที่ใช้ได้มีข้อที่ …………………………………………………

ี่
2. แบบทดสอบที่ต้องปรับปรุงหรือตัดทิ้งมีข้อท………………………………

24






เฉลยกิจกรรมท 4
ี่
การหาค่าความยากง่าย และค่าอ านาจจ าแนก




ข้อ P P P + P P - P p r
H
L
H
L
H
L
1 5 3 8 2 0.67 0.33
2 4 1 5 3 0.42 0.50
3 5 2 7 3 0.58 0.50
4 6 3 9 3 0.75 0.50
5 6 2 8 4 0.67 0.67

6 3 3 6 0 0.50 0.00
7 6 4 10 2 0.83 0.33
8 5 3 8 2 0.67 0.33

9 3 4 7 -1 0.58 -0.17
10 4 1 5 3 0.42 0.50


จากตารางเมื่อพิจารณาค่า P และ ค่า r จากการวิเคราะห์แล้วจะเห็นได้ว่า
1. แบบทดสอบที่ใช้ได้มีข้อที่ 1, 2, 3, 4, 5, 7, 8,10
2. แบบทดสอบที่ต้องปรับปรุงหรือตัดทิ้งมีข้อ 6, 9

25






กิจกรรมท 5
ี่
การหาค่าความเชื่อมั่น









ื่

ค าชี้แจง ขอใหทานหาคาความเชอมันของเครื่องมือวดแบบคเดอร์ - ริชารดสน

Kuder -Richardson-21 (KR - 21) จากข้อมูล ดงนี้

น าแบบทดสอบวิชาวิทยาศาสตร์ ไปทดลองใช้กับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีท 5 จ านวน 20 คน
ี่
แบบทดสอบมี 10 ข้อ ๆ ละ 1 คะแนน จากนั้นน าแบบทดสอบมาหาค่าความเชื่อมั่น ได้ผลดังนี้

ข้อ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 X X
2
คนท ี่
1
1 0 1 0 0 0 0 0 0 1
2 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1
3 1 1 1 1 1 1 1 0 1 1

4 1 1 0 1 1 0 1 1 1 1
5 1 1 1 1 1 1 1 1 0 1
6 1 0 1 0 1 0 1 0 0 0
7 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1

8 1 1 1 1 1 0 1 1 1 1
9 1 0 0 0 0 0 1 0 0 0

10 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1
11 1 0 0 0 0 0 0 0 1 0
12 1 1 1 1 1 0 1 1 1 1
13 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1

14 1 1 1 1 1 1 1 1 1 0
15 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1
16 1 1 0 0 0 0 1 0 0 0

17 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1
18 0 0 1 0 1 0 0 0 0 1
19 1 1 1 1 0 1 0 1 1 1

20 1 1 1 0 1 1 1 1 1 1
2
รวม X= X =

26





………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

27






เฉลยกิจกรรมที่ 5

การหาค่าความเชื่อมั่น



ข้อ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 X X
2
คนท ี่

1
1 0 1 0 0 0 0 0 0 1 3 9
2 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1 10 100
3 1 1 1 1 1 1 1 0 1 1 9 81

4 1 1 0 1 1 0 1 1 1 1 8 64
5 1 1 1 1 1 1 1 1 0 1 9 81
6 1 0 1 0 1 0 1 0 0 0 4 16

7 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1 10 100
8 1 1 1 1 1 0 1 1 1 1 9 81
9 1 0 0 0 0 0 1 0 0 0 2 4

10 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1 10 100
11 1 0 0 0 0 0 0 0 1 0 2 4
12 1 1 1 1 1 0 1 1 1 1 9 81

13 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1 10 100
14 1 1 1 1 1 1 1 1 1 0 9 81
15 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1 10 100

16 1 1 0 0 0 0 1 0 0 0 3 9
17 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1 10 100
18 0 0 1 0 1 0 0 0 0 1 3 9

19 1 1 1 1 0 1 0 1 1 1 8 64
20 1 1 1 0 1 1 1 1 1 1 9 81
2
รวม 19 15 16 13 15 11 16 13 14 15 X= 147 X =1,265

28





จากตารางผลการทดสอบวิชาวิทยาศาสตร์ ดังที่กล่าวมาข้างต้น ก่อนการค านวณหาค่า
ู้
ความเชื่อมั่นผสอนจะต้องหาค่าเฉลี่ย และความแปรปรวนเสียก่อน ดังนี้

คะแนนรวมของนักเรียนทั้งหมด
X =
จ านวนนักเรียน
X = 3+10+9+8+9+4+10+9+2+10+2+9+10+9+10+3+10+3+8+9
20

X = 7.35


2
 = N X   2  X  2
X
 N N 1 

N คือ จ านวนนักเรียน

X 2 คือ ผลรวมของคะแนนของนักเรียนแต่ละคนยกก าลังสอง

2
(X) คือ ก าลังสองของผลรวมของคะแนนที่นักเรียนทุกคนได ้

(20  1265) – (147)
2
2
 = = 9.71
x
20 (20 - 1)


n 
จากสูตร r = n 1    1  X n X X     

n
2
tt
 
r คือ ค่าความเชื่อมั่นของเครื่องมือวัด
tt
n คือ จ านวนข้อในของเครื่องมือวัด

2
 คือ ความแปรปรวนของคะแนนทั้งหมด
x
X คือ ค่าเฉลี่ยของคะแนนทั้งหมด
2
จากนั้นแทนค่า n = 10, X = 7.35, และ  = 9.71 ในสูตร
x

7
.
r tt = 10  1  . 7 35 10  35 

.
10 1   10  71 
9
= 0.89

จะเห็นว่าคาความเชอมั่นของแบบทดสอบวิชาวิทยาศาสตร์ เทากับ 0.89 ซึ่งสูงกว่า
ื่

เกณฑ์ที่ก าหนด คือ 0.80 ดังนั้น ผู้สอนสามารถน าแบบทดสอบชุดนี้ไปปรับปรุงแก้ไข

29






ี่
กิจกรรมท 6
การหาค่าสถติพื้นฐาน




ค าชี้แจง ขอให้ทานหาค่าสถิติพื้นฐานจากข้อมูลที่ก าหนดให้ ดังนี้

1. ค่าเฉลี่ย
1.1 ค่าเฉลี่ยกรณีข้อมูลที่ไม่แจกแจงความถ ี่
ข้อมูลที่ไดจากการสอบวิชาวิทยาศาสตร์ห้องหนึ่ง มี 10 คน ไดคะแนน จากคะแนน


เต็ม 10 คะแนน ดังนี้

คนท ี่ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10

คะแนน 8 7 8 6 5 7 6 7 9 8

………………………………………………………………………………………….....................…………………………………
……………………………………………………….....................……………………………………………………………………

…………………….....................…………………………………………………………………………………………...............
......…………………………………………………………………………………………....................……………………………
…………………………………………………………….....................………………………………………………………………

………………………….....................………………………………………………………………………………………….........
............………………………………………………………………………………………….....................………………………
………………………………………………………………….....................…………………………………………………………

1.2 ค่าเฉลี่ยกรณที่ข้อมูลมีการแจกแจงความถ ี่
ข้อมูลการสอบวิชาวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จากคะแนน
เต็ม 10 คะแนน

คะแนน (x) 14 10 12 13 9 รวม

ความถี่ (f) 5 6 4 3 2
fx fx =


………………………………………………………………………………………….....................…………………………………
……………………………………………………….....................……………………………………………………………………
…………………….....................…………………………………………………………………………………………...............

…………………………………………………………………………………………....................…………………………………

30





2. ค่ามัธยฐาน (Median)
2.1 4 6 7 8 9 10 11

ค่ามัธยฐาน คือ………………..

2.2 3 5 6 8 9 10 11 12 13 14

ค่ามัธยฐาน คือ………………..


3. ค่าฐานนิยม
3 4 5 6 4 3 2 3 5 4 8 3
ฐานนิยม คือ……………………


4. ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน
4.1 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานกรณีที่ไม่มีการแจกแจงความถี่
คะแนนสอบวิชาวิทยาศาสตร์ของชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ของนักเรียน 10 คน

จากคะแนนเต็ม 10 คะแนน ปรากฏ ดังนี้

คะแนน (X) 8 9 6 5 7 8 3 4 6 5 X =
2
X 2 X =


………………………………………………………………………………………….....................…………………………………
……………………………………………………….....................……………………………………………………………………
…………………….....................…………………………………………………………………………………………...............
......………………………………………………………………………………………….....................……………………………
………………………………………………………………………………………….....................…………………………………

……………………………………………………….....................……………………………………………………………………
…………………….....................…………………………………………………………………………………………...............
......………………………………………………………………………………………….....................……………………………

………………………………………………………………………………………….....................…………………………………
……………………………………………………….....................……………………………………………………………………
…………………….....................…………………………………………………………………………………………...............
......………………………………………………………………………………………….....................……………………………

…………………….....................…………………………………………………………………………………………...............
......………………………………………………………………………………………….....................……………………………
…………………….....................…………………………………………………………………………………………...............
......………………………………………………………………………………………….....................……………………………

31





4.2 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานกรณีที่มีการแจกแจงความถี่
การสอบถามความคิดเห็นวิธีสอนของครูผู้สอนวิชาวิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษา

ปีที่ 6 จ านวน 30 คน เมื่อก าหนดระดับความคดเห็น 5 ระดับ คือ
5 = มากที่สุด 4 = มาก

3 = ปานกลาง 2 = น้อย
1 = น้อยที่สุด

ี่
ความคิดเห็น (x) ความถ (f) fx x 2 fx 2
5 8
4 6
3 6

2 3
1 7
2
f = 30 fx = f x =

………………………………………………………………………………………….....................…………………………………
……………………………………………………….....................……………………………………………………………………

…………………….....................…………………………………………………………………………………………...............
………………………………………………………………………………………….....................…………………………………
……………………………………………………….....................……………………………………………………………………

…………………….....................…………………………………………………………………………………………...............
………………………………………………………………………………………….....................…………………………………
……………………………………………………….....................……………………………………………………………………
…………………….....................…………………………………………………………………………………………...............

………………………………………………………………………………………….....................…………………………………
……………………………………………………….....................……………………………………………………………………
…………………….....................…………………………………………………………………………………………...............
………………………………………………………………………………………….....................…………………………………

……………………………………………………….....................……………………………………………………………………
…………………….....................…………………………………………………………………………………………...............
………………………………………………………………………………………….....................…………………………………
……………………………………………………….....................……………………………………………………………………

…………………….....................…………………………………………………………………………………………...............
………………………………………………………………………………………….....................…………………………………
……………………………………………………….....................……………………………………………………………………
…………………….....................…………………………………………………………………………………………...............

32






ี่
เฉลยกิจกรรมท 6

การหาค่าสถติพื้นฐาน


1. ค่าเฉลี่ย
1.1 ค่าเฉลี่ยกรณีข้อมูลที่ไม่แจกแจงความถ ี่
ข้อมูลที่ได้จากการสอบวิชาวิทยาศาสตร์ห้องหนึ่ง มี 10 คน ได้คะแนน จาก
คะแนนเต็ม 10 คะแนน ดังนี้


คนท ี่ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10
คะแนน 8 7 8 6 5 7 6 7 9 8


X = 8 + 7 + 8 + 6 + 5 + 7 + 6 + 7 + 9 + 8

10
X
= 7.1


1.2 ค่าเฉลี่ยกรณที่ข้อมูลมีการแจกแจงความถ ี่

ข้อมูลการสอบวิชาวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จากคะแนน

เต็ม 20 คะแนน

คะแนน (x) 14 10 12 13 9 รวม
ความถี่ (f) 5 6 4 3 2 20

fx 70 60 48 39 18 fx = 235
จากคะแนนเต็ม 20 คะแนน

= (5  14) + ( 6  10) + (4  12) + (3  13) + (2  9)
20
= 235

20
= 11.75
2. ค่ามัธยฐาน (Median)
2.1 4 6 7 8 9 10 11

ค่ามัธยฐาน คือ 8
2.2 3 5 6 8 9 10 11 12 13 14
ค่ามัธยฐาน คือ 9.5

33





3. ค่าฐานนิยม
3 4 5 6 4 3 2 3 5 4 8 3
ฐานนิยม คือ 3
4. ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน

4.1 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานกรณีที่ไม่มีการแจกแจงความถี่
คะแนนสอบวิชาวิทยาศาสตร์ของชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ของนักเรียน 10 คน
จากคะแนนเต็ม 10 คะแนน ปรากฏ ดังนี้


คะแนน (X) 8 9 6 5 7 8 3 4 6 5 X = 61
2
X 2 64 81 36 25 49 64 9 16 36 25 X = 405



S.D. = (10 405) (61) 2 (กรณีข้อมูลที่ไม่ได้แจกแจงความถี่)

10(10 1)
S.D. = 1.91


ี่
4.2 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานกรณีทมีการแจกแจงความถี่
การสอบถามความคิดเห็นวิธีสอนของครูผู้สอนวิชาวิทยาศาสตร์ชั้นประถมศึกษา

ปีที่ 6 จ านวน 30 คน เมื่อก าหนดระดับความคดเห็น 5 ระดับ คือ


5 = มากที่สุด 4 = มาก
3 = ปานกลาง 2 = น้อย

1 = น้อยที่สุด

ความคิดเห็น (x) ความถ (f) fx x 2 fx 2
ี่
5 8 40 25 200
4 6 24 16 96
3 6 18 9 54
2 3 6 4 12

1 7 7 1 7
2
f = 30 fx = 95 f x = 369



(30 369) (95) 2
S.D. = (กรณีข้อมูลที่แจกแจงความถ)
ี่

30(30 1)

S.D. = 1.53

34






ี่
กิจกรรมท 7
การเปรียบเทียบคะแนนก่อน - หลังเรียน



ค าชี้แจง ขอให้ท่านหาค่า t แสดงการเปรียบเทียบความแตกต่างผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
เรื่อง สารและสมบัติของสาร ก่อนและหลังเรียนจากชุดการเรียนการสอนของนักเรียน
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ดังนี้



คะแนนสอบก่อนเรียน คะแนนสอบหลังเรียน ผลตางของ 2
คนท ี่ D
(เต็ม 10) (เต็ม 10) คะแนน ( D)
1 6 8

2 5 7
3 7 8
4 4 8

5 5 9
6 5 7
7 4 7

8 4 8
9 6 8
10 4 7

รวม

35






ี่
เฉลยกิจกรรมท 7
การเปรียบเทียบคะแนนก่อน - หลังเรียน




คนท ี่ คะแนนสอบก่อนเรียน คะแนนสอบหลังเรียน ผลตางของ D

2
(เต็ม 10) (เต็ม 10) คะแนน ( D)
1 6 8 2 4
2 5 7 2 4

3 7 8 1 1
4 4 8 4 16
5 5 9 4 16

6 5 7 2 4
7 4 7 3 9
8 4 8 4 16

9 6 8 2 4
10 4 7 3 9
รวม 50 77 27 83



จากสตร t =  D

2
n D ( D) 2

 

n 1

= 27

10(83) (27) 2
9


= 27
3.35

= 8.06


ค่า t จากตาราง (เมื่อ df = 9,  = .05) เทากับ 1.833

ค่า t ที่ค านวณได้ (8.06) มีค่ามากว่า t จากตาราง (1.833) แสดงว่าหลังการเรียนจาก

36







ชุดการเรียนการสอน นักเรียนมีผลสมฤทธิ์ทางการเรียน สารและสมบัตของสาร สงกว่าก่อนเรียน



อย่างมีนัยสาคัญทางสถิตที่ระดบ .05 ซึ่งน าเสนอผลการวิเคราะห์ขอมูล ดังนี้




ตาราง แสดงผลการเปรียบเทยบผลสมฤทธิ์ทางการเรียน สารและสมบัติของสารของ
นักเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ก่อนและหลังเรียนจากชดการเรียนการสอน


2
สภาพการเรียน N X D D t
ก่อนการเรียน 10 3.0 22 58 6.73*
หลังการเรียน 10 6.8

*มีนัยส าคัญทางสถิตที่ระดับ .05

จากตาราง พบว่า นักเรียนชนประถมศกษาปีท 6 มีผลสมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง สารและ


ั้
ี่


สมบัตของสาร สูงกว่า ก่อนเรียนอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติท่ระดับ.05 แสดงว่า ชุดการเรียน


การสอน ท าให้นักเรียนมีผลสมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้นจริง

37

38






ใบงานท 4
ี่


ค าชี้แจง
ขอให้ทานศึกษาเอกสารการพัฒนาการวิจัยในชั้นเรียน เล่มที่ 4 การเขียนรายงานการวิจัย

ในชั้นเรียน
1. เนื้อหาที่ให้ศึกษา

การเขียนรายงานการวิจัยในชั้นเรียน



ั้

1.1 การเขียนรายงานวจยในชนเรยนแบบไม่เนนวิชาการ
1.2 การเขียนรายงานวจยในชนเรยนแบบกึ่งวิชาการ


ั้






1.3 การเขียนรายงานวจยในชนเรยนแบบเชงวชาการ
ั้
2. กิจกรรมที่ให้ผู้ศึกษาฝึกปฏิบัต มี 2 กิจกรรม คือ

กิจกรรมที่ 1 การเขียนงานวิจัยในชั้นเรียนแบบไม่เน้นวิชาการ
กิจกรรมที่ 2 การเขียนงานวิจัยในชั้นเรียนแบบกึ่งวิชาการ

39






กิจกรรมที่ 1
การเขียนรายงานการวิจัยในชั้นเรียนแบบไม่เน้นวิชาการ




ค าชี้แจง ขอให้ท่านเขียนรายงานการวิจัยในชั้นเรียนแบบไม่เน้นวิชาการจากการแก้ปัญหา
การเรียนรู้ของนักเรียน โดยใช้ขั้นตอนการวิจัยในชั้นเรียนในโรงเรียนของท่าน

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

40






แนวค าตอบกิจกรรมที่ 1
การเขียนรายงานการวิจัยในชั้นเรียนแบบไม่เน้นวิชาการ










ดังตัวอย่าง
หน้า 2 เล่มที่ 4 ครับ

41






กิจกรรมที่ 2
การเขียนรายงานการวิจัยในชั้นเรียนแบบกึ่งวิชาการ




ค าชี้แจง ขอให้ท่านเขียนรายงานการวิจัยในชั้นเรียนแบบกึ่งวิชาการจากการแก้ปัญหาการเรียนรู้
ของนักเรียน โดยใช้ขั้นตอนการวิจัยในชั้นเรียนในโรงเรียนของท่าน
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

42





………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

43






แนวค าตอบกิจกรรมที่ 2
การเขียนรายงานการวิจัยในชั้นเรียนแบบกึ่งวิชาการ











ดังตัวอย่าง
หน้า 4 เล่มที่ 4 ครับ

44





แบบทดสอบหลังการพัฒนา
การวิจัยในชั้นเรียน




ค าชี้แจง 1. แบบทดสอบเป็นแบบปรนัยชนิดเลอกตอบ จ านวน 4 ตัวเลือก (ก ข ค และง)

จานวน 30 ข้อ เวลา 30 นาที
2. ขอให้ท่านเลือกคาตอบที่ถูกต้องที่สดเพียงข้อเดียว



1. ข้อใดกล่าวถึงความหมายของการวิจัยในชั้นเรียนได้ถูกตอง

ก. กระบวนการศึกษาค้นคว้าหาความรู้เกี่ยวกับการท างาน

ข. กระบวนการสืบค้นข้อเท็จจริงการจัดกิจกรรมนอกสถานท ี่
ค. กระบวนการสืบค้นหาข้อเท็จจริง และการสร้างองค์ความรู้ใหม่
ง. กระบวนการแก้ปัญหาหรือพัฒนาคุณภาพระบบข้อมูลสารสนเทศของครูผู้สอน


2. ข้อใดเรียงล าดับขั้นตอนกระบวนการวิจัยในชั้นเรียนได้ถูกต้อง
ก. ส ารวจและวิเคราะห์ปัญหา พัฒนาวิธีการหรือนวัตกรรม ก าหนดวิธีการหรือนวัตกรรม
น าวิธีการหรือนวัตกรรมไปใช สรุปผล

ข. พัฒนาวิธีการหรือนวัตกรรม ส ารวจและวิเคราะห์ปัญหา ก าหนดวิธีการหรือนวัตกรรม


น าวิธีการหรือนวัตกรรมไปใช สรุปผล
ค. ส ารวจและวิเคราะห์ปัญหา ก าหนดวิธีการหรือนวัตกรรม พัฒนาวิธีการหรือนวัตกรรม
น าวิธีการหรือนวัตกรรมไปใช สรุปผล


ง. ส ารวจและวิเคราะห์ปัญหา พัฒนาวิธีการหรือนวัตกรรม น าวิธีการหรือนวัตกรรมไปใช
ก าหนดวิธีการหรือนวัตกรรม สรุปผล

3. ข้อใดเป็นความส าคัญของการวิจัยในชั้นเรียน


ก. เป็นการพัฒนางานหรือแก้ปัญหาผู้เรียนที่ดีที่สด
ข. เป็นการพัฒนาพฤติกรรมและวิถีการปฏิบัติตนในการพัฒนางานที่ถูกต้อง
ค. เป็นการส่งเสริม สนับสนุนความก้าวหน้าในการจัดท าเอกสารในชั้นเรียน
ง. ท าให้ครูผู้สอน เข้าใจที่จะใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในการพัฒนางาน


4. ข้อใดเป็นการน าผลการวิจัยไปใช้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด
ก. น าไปปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการสอนที่เน้นแบบฝึก
ข. น าไปพัฒนาและจัดกิจกรรมให้เอื้อต่อการสอนของครู

ค. น าไปแก้ปัญหาและพัฒนาผู้เรียนเป็นรายบุคคลและกลุ่ม
ง. น าไปพัฒนาและแก้ปัญหานักเรียนที่เรียนอ่อนในชั้นเรียน

45






5. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ควรศึกษาจากแหล่งข้อมูลใดมากที่สด
ก. ผู้รู้
ข. สังคมมิต ิ
ค. สัมภาษณ์นักเรียน

ง. ศึกษาจากเอกสารประจ าชั้น

6. เครื่องมือชนิดใดที่เหมาะสมกับการเก็บข้อมูลพฤติกรรมนักเรียน

ก. สังคมมิต
ข. แบบสังเกต
ค. ศึกษาเอกสาร
ง. แบบสัมภาษณ ์


7. ข้อใด ไม่ใช่ องค์ประกอบส าคัญของปัญหา
ก. บุคคล
ข. วิธีการ

ค. เอกสาร
ง. สภาพแวดล้อม

8. การน าสื่อการเรียนการสอนมาใช้แก้ปัญหาอยู่ในขั้นตอนใด
ก. การน าทางเลือกไปใช ้

ี่
ข. ทางเลือกที่เหมาะสมทสุด
ค. วิเคราะห์สาเหตุของปัญหา
ง. แนวทางเลือกในการแก้ปัญหา


9. ข้อใดตรงกับความหมายของนวัตกรรม
ก. สื่อการเรียนการสอนใหม่ ๆ เท่านั้น
ข. วัสดุหรืออุปกรณ์ที่น ามาใช้ประกอบการสอน

ค. เอกสารที่น ามาใช้ประกอบแผนการจัดการเรียนรู้
ง. เทคนิควิธีการหรือสิ่งประดิษฐ์ใหม่ ๆ ที่น ามาใช้แก้ปัญหาหรือพัฒนาการเรียนรู้

10. สิ่งใดเป็นสื่อทัศนูปกรณ ์

ก. สไลด ์
ข. สื่อสิ่งพิมพ์
ค. รายงานโครงการ
ง. บทเรียนส าเร็จรูป

46






11. ข้อใด ไม่ใช ประโยชน์ของนวัตกรรมทางการศึกษา
ก. ส่งเสริมให้นักเรียนได้เรียนรู้เร็วขึ้น
ข. ช่วยท าให้กิจกรรมการเรียนการสอนน่าสนใจเพิ่มขึ้น
ค. ท าให้บรรยากาศการเรียนการสอนสนุกสนาน เร้าความสนใจ



ง. ลดเวลาและคาใชจ่ายในการด าเนินกิจกรรมการเรียนการสอน

12. นวัตกรรมชนิดใดที่เหมาะสมส าหรับให้ผู้เรียนศึกษาและเรียนรู้ด้วยตนเอง
ก. ชุดการสอน

ข. บทเรียนส าเร็จรูป

ค. การแสดงบทบาทสมมุต
ง. การเรียนรู้โดยการใช้เกม


13 ข้อใดเป็นหมายถึงการออกแบบการทดลองนวัตกรรม
ก. การแก้ปัญหานวัตกรรม
ข. การหาประสิทธิภาพของนวัตกรรม

ค. การวิเคราะห์และสรุปผลนวัตกรรม
ง. การวางแผนเพื่อพัฒนานวัตกรรมการเรียนการสอน


14. ข้อใดใช้ค่าสถิต t - test (ส าหรับกรณี dependent group ) ได้ถูกต้อง
ก. ใช้กลุ่มตัวอย่าง 2 กลุ่ม มีการวัดผลครั้งเดียว

ข. ใช้กลุ่มตัวอย่างกลุ่มเดียว มีการวัดผลครั้งเดียว
ค. ใช้กลุ่มตัวอย่าง 2 กลุ่ม มีการวัดผล 2 ครั้ง คือ ก่อนและหลังทดลอง
ง. ใช้กลุ่มตัวอย่างกลุ่มเดียว มีการวัดผล 2 ครั้ง คือ ก่อนและหลังทดลอง


ี่
15. แบบทดสอบชนิดใดทจะต้องสร้างเกณฑ์การตรวจให้ชัดเจน
ก. แบบจับค ู่
ข. แบบถูกผด

ค. แบบอัตนัย
ง. แบบเลือกตอบ

16. ข้อใด ไม่ใช แบบทดสอบแบบปรนัย

ก. แบบถูกผิด
ข. แบบเติมค า
ค. แบบเลือกตอบ
ง. แบบสร้างสถานการณ ์


Click to View FlipBook Version