ลักษณะประจำวงศ์พรรณไม้ 51
พพี า่ ย
Elaeocarpus lanceifolius Roxb.
สะท้อนรอก เงาะป่า
Elaeocarpus robustus Roxb. Sloanea sigun (Blume) K. Schum.
52 ลกั ษณะประจำวงศพ์ รรณไม้
วงศก์ หุ ลาบปา่ ERICACEAE
ลักษณะประจำวงศ์
ไมพ้ มุ่ หรอื ไมต้ น้ ไมม่ หี ใู บ ใบ เดย่ี ว ตดิ แบบเรยี งเวยี นสลบั มตี อ่ มดา้ นลา่ ง เสน้ ใบ
ออกจากสองขา้ งของเสน้ กลางใบแบบขนนก บางครง้ั มเี สน้ ใบออกจากโคนใบ 3 เสน้
หรือมากกว่านั้น ดอก สมมาตรตามรัศมี สมบูรณ์เพศ กลีบดอกเป็นรูปท่อหรือรูปโถ
เกสรเพศผมู้ ี 10 อนั อบั เรณแู ตกโดยมรี เู ปดิ ทป่ี ลาย กา้ นเกสรเพศเมยี มี 1 อนั รงั ไขม่ ี
5 ชอ่ ง เมลด็ มจี ำนวนมาก
ลักษณะเด่นของวงศ์
บางชนิดเป็นพืชกินซาก ใบมีเกล็ดรังแค หรือมีต่อมที่ขอบใบตอนโคน ดอก
สมบรู ณเ์ พศ กลบี ดอกเปน็ รปู ทอ่ หรอื รปู โถ เกสรเพศผมู้ ี 10 อนั
การกระจายพันธุ์
ทว่ั โลก ในประเทศไทยมี 7 สกลุ เชน่
• สกุล Rhododendron เช่น กุหลาบแดง Rhododendron simsii Planch.
ดอกสามสี หรอื กหุ ลาบขาว Rhododendron lyi H. L v. กหุ ลาบพนั ปี Rhododen-
dron arboreum Sm. subsp. delavayi (Franch.) Champ.
• สกลุ Gaultheria พบในปา่ ดบิ เขาทางภาคเหนอื เชน่ ชา้ มะยมดอย Gaultheria
crenulata Kurz
• สกลุ Vaccinium พบทว่ั ไป สว่ นมากพบในปา่ ดบิ เขา ทง้ั ปา่ เดมิ และปา่ รนุ่ เชน่
หวั แหวน หรอื สม้ แปะ Vaccinium sprengelii (G. Don) Sleumer พบในภาคเหนอื
และภาคอีสาน ช่อไข่มุก Vaccinium eberhardtii Dop var. pubescens H. R.
Fletcher พบบนภกู ระดงึ จ.เลย
• สกลุ Lyonia พบในปา่ ดบิ เขาทางภาคเหนอื และภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ไดแ้ ก่
ดอกใตใ้ บ หรอื สม้ แปะ Lyonia foliasa (Fletcher) Sleumer
ประโยชน์
ดอกของสกุล Rhododendron กระจายพันธุ์โดยนกและแมลง หลายชนิดปลูก
เป็นไม้ประดับ ผลและใบของสกุล Vaccinium กินได้ สกุล Gaultheria
ให้น้ำมันเป็นสมุนไพร
ลักษณะประจำวงศ์พรรณไม้ 53
ประทดั ดอย
Agapetes megacarpa W. W. Sm.
กุหลาบพันปี ส้มแปะ
Rhododendron arboreum Sm. subsp. Lyonia foliasa (Fletcher) Sleumer
delavayi (Franch.) Champ.
กุหลาบแดง
Rhododendron simsii Planch.
ดอกสามสี Vaccinium eberhardtii Dop. var. pubescens
Rhododendron lyi H. L v. H. R. Fletcher
54 ลกั ษณะประจำวงศพ์ รรณไม้
วงศโ์ พกรง่ิ HERNANDIACEAE
ลักษณะประจำวงศ์
ไมต้ น้ ใบ เดย่ี ว ไมม่ หี ใู บ ดอก สมบรู ณเ์ พศ กลบี รวมแยกเปน็ พทู ป่ี ลาย โคนกา้ น
เกสรเพศผมู้ ตี อ่ ม อบั เรณเู ปดิ โดยมลี น้ิ 2 ลน้ิ รงั ไขต่ ดิ ใตว้ งกลบี มี 1 ชอ่ ง แตล่ ะชอ่ ง
มไี ขอ่ อ่ น 1 หนว่ ย หอ้ ยลง ผล มปี กี หรอื ลอ้ มรอบดว้ ยวงกลบี ประดบั มี 1 เมลด็
ลักษณะเด่นของวงศ์
ไมต้ น้ กลบี รวมแยกเปน็ พทู ป่ี ลาย โคนกา้ นเกสรเพศผมู้ ตี อ่ ม อบั เรณเู ปดิ โดยมลี น้ิ
2ลิ้น ผลล้อมรอบด้วยวงกลีบประดับ
วงศใ์ กลเ้ คยี ง – ลกั ษณะทแ่ี ตกตา่ ง
Lauraceae – พบน้อยที่รังไข่ติดใต้วงกลีบ ผลไม่มีปีกหรือล้อมรอบด้วย
วงกลีบประดับ
การกระจายพันธุ์
ในเขตรอ้ น ในประเทศไทยมี 3 สกลุ เชน่
• สกุล Hernandia ไม้ต้น ขึ้นอยู่ในป่าดิบที่ต่ำ เช่น โพกริ่ง Hernandia
nymphaeifolia (C. Presl.) Kubitzki พบทั่วไปตามชายหาด วงกลีบประดับมีเนื้อ
เป็นอาหารของค้างคาว และเป็นส่วนช่วยพยุงให้ลอยน้ำ
ปูแล โพกรง่ิ
Gyrocarpus americanus Jacq. Hernandia nymphaeifolia (C. Presl.) Kubitzki
ลักษณะประจำวงศ์พรรณไม้ 55
วงศค์ า่ หด JUGLANDACEAE
ลักษณะประจำวงศ์
ไม้ต้น ไม่มีหูใบ ใบ ประกอบแบบขนนก ติดเวียนสลับ ดอก ออกเป็นช่อแบบ
หางกระรอก ดอกมขี นาดเลก็ แยกเพศ ดอกเพศผแู้ ละดอกเพศเมยี อยใู่ นตน้ เดยี วกนั
หรือแยกต้นกัน กลีบเลี้ยง กลีบดอกและเกสรเพศผู้ มีอย่างละ 4 รังไข่ติดใต้วงกลีบ
มี 1 ชอ่ ง ไขอ่ อ่ นตง้ั ตรง ผล มปี กี 3 ปกี เกดิ จากใบประดบั ทเ่ี จรญิ ขน้ึ เปน็ ปกี
ลักษณะเด่นของวงศ์
ไมต้ น้ ผลดั ใบกอ่ นออกดอก สว่ นตา่ ง ๆ เมอ่ื ออ่ นอยมู่ เี กลด็ กลบี รวมลดรปู ผลมปี กี
3 ปกี
วงศใ์ กลเ้ คยี ง – ลกั ษณะทแ่ี ตกตา่ ง
Myricaceae – ใบเดย่ี ว ผลสดมเี นอ้ื เมลด็ เดยี ว
Sapindaceae – ไมพ่ บชอ่ ดอกทเ่ี ปน็ แบบหางกระรอก ผลไมม่ ปี กี
การกระจายพันธุ์
ในซีกโลกเหนือ ในประเทศไทยมีสกุลเดียว
• สกุล Engelhardtia ได้แก่ ค่าหด
Engelhardtia spicata Blume var. spicata
ส่วนใหญ่พบในป่าดิบเขา
ค่าหด
Engelhardtia spicata Blume var. spicata
56 ลกั ษณะประจำวงศพ์ รรณไม้
วงศอ์ บเชย LAURACEAE
ลักษณะประจำวงศ์
ไม้ต้น หรือไม้พุ่ม มีกลิ่นหอม เป็นไม้เนื้อแข็ง ไม่มีหูใบ ใบ เดี่ยว ติดเวียนสลับ
บางทีพบติดตรงข้าม ขอบเรียบ ดอก ออกเป็นช่อ ดอกสมบูรณ์เพศ หรือเพศเดียว
สมมาตรตามรศั มี ดอกมขี นาดเลก็ กลบี รวมมี 6 กลบี เกสรเพศผสู้ ว่ นมากมี 12 อนั
เรยี งเปน็ วง 4 วง ๆ ละ 3 อบั เรณเู ปดิ แบบชอ่ งหนา้ ตา่ ง รงั ไขต่ ดิ เหนอื วงกลบี มี 1 ชอ่ ง
ไขอ่ อ่ นมี 1 หนว่ ย ตดิ แบบหอ้ ยลง ผล มหี ลายเมลด็ หรอื เมลด็ เดยี วแขง็ มกี า้ น
ลักษณะเด่นของวงศ์
ไม้ต้น หรือไม้พุ่ม มีกลิ่นหอม ดอกขนาดเล็ก เกสรเพศผู้เรียงเป็นวง ๆ ละ 3
อับเรณูเปิดแบบช่องหน้าต่าง ผลมีก้านบวมพอง
วงศใ์ กลเ้ คยี ง – ลกั ษณะทแ่ี ตกตา่ ง
Icacinaceae – มไี ขอ่ อ่ น 2 หนว่ ย อบั เรณไู มม่ ลี น้ิ ปดิ เปดิ
Monimiaceae – ใบออกกง่ึ ตรงขา้ ม ขอบใบจกั ซฟ่ี นั
การกระจายพันธุ์
ทว่ั โลก ในประเทศไทยมี 20 สกลุ สว่ นมากอยใู่ นปา่ ดบิ เขาสงู ระดบั ปานกลาง เชน่
• สกลุ Actinodaphne ใบแนน่ เปน็ กลมุ่ มกั มขี นสนี ำ้ ตาล กา้ นผลบวมพอง ไดแ้ ก่
กาทดิ หนู Actinodaphne angustifolia (Blume) Nees
• สกลุ Cassytha ไมก้ าฝากเลอ้ื ยพนั ตน้ ไมอ้ น่ื รงั ไขต่ ดิ ใตว้ งกลบี ไดแ้ ก่ ฝอยทอง
Cassytha filiformis L.
• สกุล Cinnamomum ไมต้ น้ ใบมกั ตดิ ตรงขา้ ม เสน้ ใบ 3 เสน้ ออกจากจดุ เดยี วกนั
ทโ่ี คนใบ เชน่ อบเชย Cinnamomum bejolghota (Buch.-Ham.) Sweet
• สกุล Cryptocarya พืชในเขตร้อน ไม้ต้นในที่ต่ำและป่าดิบเขาชื้น รังไข่
ตดิ ใตว้ งกลบี ไดแ้ ก่ ทงั ใบเลก็ Cryptocarya ferea Blume
• สกุล Dehaasia ใบแห้งสีออกดำ ได้แก่ กระตืด Dehaasia suborbicularis
(Lecomte) Kosterm.
• สกุล Litsea พืชในเขตร้อน ส่วนมากเป็นไม้ต้นขนาดเล็กในที่ต่ำ
และปา่ ดบิ เขาชน้ื ไดแ้ ก่ หมเี หมน็ Litsea glutinosa (Lour.) C. B. Rob.
ลักษณะประจำวงศ์พรรณไม้ 57
ประโยชน์
ผลที่เป็นอาหารสัตว์ พืชเครื่องเทศ ได้แก่ Cinnamomum เป็นสมุนไพร ได้แก่
Crytocarya Cinnamomum เปน็ พชื อาหารไดแ้ ก่ Persea americana ทใ่ี ชเ้ นอ้ื ไม้ ไดแ้ ก่
Litsea บางชนดิ
สกุล Actinodaphne หมเี หม็น
Litsea glutinosa (Lour.) C. B. Rob.
อบเชย Phoebe calthia (D. Don) Kosterm.
Cinnamomum bejolghota (Buch.-Ham.) Sweet
สกุล Dehaasia สกุล Persea
58 ลกั ษณะประจำวงศพ์ รรณไม้
วงศจ์ กิ LECYTHIDACEAE
ลักษณะประจำวงศ์
ไมต้ น้ ไมม่ หี ใู บ ใบ เดย่ี ว ตดิ เวยี นสลบั เสน้ ใบออกจากสองขา้ งของเสน้ กลางใบ
แบบขนนก ดอก ออกเป็นช่อที่ปลายยอด ดอกย่อยมีก้านดอก ดอกสมบูรณ์เพศ
กลบี เลย้ี งเชอ่ื มตดิ กนั ปลายแยกเปน็ 4-6 พู กลบี ดอกมี 4-6 กลบี โคนมกั เชอ่ื มตดิ กนั
เกสรเพศผมู้ จี ำนวนมาก รงั ไขต่ ดิ ใตว้ งกลบี หรอื กง่ึ ใตว้ งกลบี มี 2-6 ชอ่ ง ไขอ่ อ่ นมี 1
ถึงจำนวนมาก ก้านเกสรเพศเมียยาวมาก ยอดเกสรเพศเมียเป็นก้านหรือจักเป็นพู
ผล มีกลีบเลี้ยงติดอยู่ที่ปลาย
ลักษณะเด่นของวงศ์
ใบออกดกทโ่ี คนกง่ิ ขอบจกั ซฟ่ี นั ดอกใหญ่ เกสรเพศผจู้ ำนวนมาก ชน้ั กลางของผล
เปน็ เสน้ ใย ผลมกั เปน็ สนั หรอื เปน็ ปกี
วงศใ์ กลเ้ คยี ง – ลกั ษณะทแ่ี ตกตา่ ง
Combretaceae – ขอบใบเรยี บ มกั มจี ดุ โปรง่ แสงและตอ่ ม รงั ไขม่ ี 1 ชอ่ ง
Myrtaceae – ใบตดิ ตรงขา้ ม ขอบเรยี บ มจี ดุ โปรง่ แสง
การกระจายพันธุ์
ในเขตรอ้ น ในประเทศไทยมี 2 สกลุ
• สกลุ Barringtonia พบในปา่ ดบิ ทต่ี ำ่ ในปา่ พรุ ผลมกั เปน็ สนั หรอื เปน็ ปกี มี 1
เมล็ด ขนาดใหญ่ เช่น จิกนา Barringtonia acutangula (L.) Gaertn. จิกสวน
Barringtonia racemosa (L.) Spreng.
• สกลุ Careya พบในปา่ ดบิ ทต่ี ำ่ ผลมเี ปลอื กหนาเปน็ มนั เมลด็ จำนวนมาก เชน่
กระโดน Careya sphaerica Roxb.
ลักษณะประจำวงศ์พรรณไม้ 59
จิกนา จิกเขา
Barringtonia acutangula (L.) Gaertn. Barringtonia pendula (Griff.) Kurz
กระโดน จิกนมยาน
Careya sphaerica Roxb. Barringtonia macrocarpa Hassk.
60 ลกั ษณะประจำวงศพ์ รรณไม้
วงศก์ ะตงั ใบ LEEACEAE
ลักษณะประจำวงศ์
ไม้พุ่ม หรือไม้ต้นขนาดเล็ก ใบ ประกอบยอดเดี่ยว ติดเรียงสลับระนาบเดียว
แกนกลางใบเป็นข้อ โคนก้านใบแผ่ออกคล้ายเป็นหูใบโอบกิ่ง ขอบจักซี่ฟัน ดอก
ออกเป็นช่อตรงข้ามกับใบ ดอกสมบูรณ์เพศ สมมาตรตามรัศมี กลีบเลี้ยงและ
กลีบดอกมีอย่างละ 4 หรือ 5 กลีบ กลีบดอกแยก ท่อเกสรเพศผู้เชื่อมติดกับ
วงกลบี ดอก รงั ไขม่ ี 4-8 ชอ่ ง ไขอ่ อ่ นมี 1 หนว่ ยตอ่ หนง่ึ ชอ่ ง ผล มเี นอ้ื มหี ลายเมลด็
เนื้อเมล็ดย่น
ลักษณะเด่นของวงศ์
ใบประกอบยอดเดี่ยว โคนก้านใบแผ่ออกคล้ายเป็นหูใบโอบกิ่ง ขอบใบจักซี่ฟัน
ช่อดอกออกตรงข้ามกับใบ เกสรเพศผู้เชื่อมติดกัน
วงศใ์ กลเ้ คยี ง – ลกั ษณะทแ่ี ตกตา่ ง
Vitaceae – ไมเ้ ลอ้ื ย มมี อื เกาะ ไมม่ ที อ่ เกสรเพศผเู้ ทยี ม
การกระจายพันธุ์
ในเขตร้อนโลกเก่า พืชวงศ์นี้มีสกุลเดียว
• สกลุ Leea สว่ นมากพบเปน็ ไมพ้ น้ื ลา่ งในปา่ ดบิ ทต่ี ำ่ และปา่ ดบิ เขา เชน่ กะตงั ใบ
Leea indica (Burm.f.) Merr. พญารากหลอ่ หรอื กาสกั Leea macrophylla Roxb.
ex Hornem.
กะตงั ใบ กะตงั ใบแดง
Leea indica (Burm.f.) Merr. Leea rubra Blume ex Spreng.
ลักษณะประจำวงศ์พรรณไม้ 61
วงศล์ นิ นิ LINACEAE
ลักษณะประจำวงศ์
ไมล้ ม้ ลกุ หรอื ไมพ้ มุ่ เตย้ี หใู บขนาดเลก็ ใบ เดย่ี ว ตดิ เรยี งเวยี นสลบั เสน้ ใบออกจาก
สองข้างของเส้นกลางใบแบบขนนก ดอก สมบูรณ์เพศ กลีบเลี้ยงและกลีบดอก
มอี ย่างละ 5 กลบี สมมาตรตามรัศมี กลบี ดอกแยกจากกัน มกี า้ นกลบี เกสรเพศผูม้ ี
10 อนั สน้ั 5 อนั ยาว 5 อนั โคนเชอ่ื มตดิ กนั รงั ไขต่ ดิ เหนอื วงกลบี มเี กสรเพศเมยี 3-5
อนั ผล เปน็ แบบผลแหง้ แตก
ลักษณะเด่นของวงศ์
ใบเดย่ี ว กลบี เลย้ี งและกลบี ดอกมอี ยา่ งละ 5 กลบี เกสรเพศผสู้ น้ั 5 อนั ยาว 5 อนั
โคนเชื่อมติดกัน ผลแบบผลแห้งแตก
วงศใ์ กลเ้ คยี ง – ลกั ษณะทแ่ี ตกตา่ ง
Malphigiaceae – มขี นเปน็ รปู ตวั ที กลบี ดอกมกี า้ น
การกระจายพันธุ์
พบในเขตรอ้ น ในประเทศไทยมี 3 สกลุ สว่ นมากพบในปา่ ดบิ ทต่ี ำ่
• สกุล Linum มีชนิดเดียวที่เป็นพืชจากต่างประเทศ (Exotic plant) คือ ลินิน
หรอื หมู่ ว้ั Linum usitatissimum L.
• สกลุ Reinwardtia เชน่ คำปา่ Reinwardtia indica Dumort.
ประโยชน์
สกุลลินิน Linum ให้น้ำมันและเส้นใย
คำป่า
Reinwardtia indica Dumort.
62 ลกั ษณะประจำวงศพ์ รรณไม้
วงศโ์ คลงเคลง MELASTOMATACEAE
ลักษณะประจำวงศ์
ไมพ้ มุ่ ไมต้ น้ ไมล้ ม้ ลกุ หรอื ไมเ้ ลอ้ื ย ไมม่ หี ใู บ ใบ เดย่ี ว ตดิ ตรงขา้ ม บางทพี บมหี ลาย
ใบตดิ รอบขอ้ ดอก สมบรู ณเ์ พศ กลบี เลย้ี งและกลบี ดอกมอี ยา่ งละ 3, 4 หรอื 5 กลบี
แกนอับเรณูยืดยาวหรือเป็นรยางค์ อับเรณูแตกโดยมีรูที่ปลาย รังไข่ติดใต้วงกลีบ
หรือกึ่งใต้วงกลีบมี 4 หรือ 5 ช่อง ไข่อ่อนจำนวนมากติดที่แกนผนังรังไข่ ผล
แห้งแบบแก่แตก หรือผลมีเนื้อหลายเมล็ด
ลักษณะเด่นของวงศ์
ใบเดย่ี ว ตดิ ตรงขา้ ม กลบี ดอกเดน่ ชดั รงั ไขเ่ ชอ่ื มตดิ กบั ฐานดอก มรี ยางคย์ น่ื ออก
มาตรงโคนอับเรณู
การกระจายพันธุ์
ในเขตรอ้ น ในประเทศไทยมี 15 สกลุ
• สกุล Melastoma ไม้พุ่ม ขึ้นตามที่โล่งแจ้ง เช่น โคลงเคลง Melastoma
malabathricum L. subsp. malabathricum L. มงั เครช่ า้ ง Melastoma sanguineum
Sims.
• สกุล Osbeckia ไม้พุ่ม ขึ้นตามที่โล่งแจ้ง เช่น โคลงเคลงตัวผู้ Osbeckia
cochinchinensis Cogn. เอน็ อา้ ขน หรอื เฒา่ นง่ั ฮงุ่ Osbeckia stellata Buch.-Ham.ex
Ker Gawl.
• สกุล Sonerila ไม้ล้มลุก เช่น แปร้น้ำเงิน Sonerila maculata Roxb.
พบตามปา่ ดบิ ชน้ื บนลานหนิ ทม่ี มี อสล์
ลักษณะประจำวงศ์พรรณไม้ 63
มังเคร่ช้าง
Melastoma sanguineum Sims.
เอ็นอ้าขน มังเคร่ช้าง
Osbeckia stellata Buch.-Ham. ex Ker Gawl. Melastoma sanguineum Sims.
เอ็นอ้าน้ำ
Osbeckia nepalensis Hook.f.
โคลงเคลงยวน สกุล Sonerila
Melastoma saigonense (Kuntze) Merr.
64 ลกั ษณะประจำวงศพ์ รรณไม้
วงศม์ ะรมุ MORINGACEAE
ลักษณะประจำวงศ์
ไมต้ น้ ขนาดเลก็ ผลดั ใบ ไมม่ หี ใู บ ใบ ประกอบมใี บยอ่ ย 2-4 คู่ แกนกลางใบบวม
ที่ข้อ ติดเวียนสลับ ดอก สมบูรณ์เพศ สมมาตรด้านข้าง กลีบเลี้ยงและกลีบดอกมี
อยา่ งละ 5 กลบี กลบี ดอกแยกจากกนั ตดิ ตรงขา้ มกบั เกสรเพศผู้ รงั ไขต่ ดิ เหนอื วงกลบี
มี 1 ชอ่ ง ไขอ่ อ่ นมจี ำนวนมาก ตดิ ทผ่ี นงั โดยรอบรงั ไข่ ผล เปน็ แบบแหง้ แตก รปู ยาวแคบ
เมล็ดมีปีก
ลักษณะเด่นของวงศ์
ไมต้ น้ ใบประกอบ ผลเปน็ แบบแกแ่ ตก รปู ยาวแคบ เมลด็ มปี กี
วงศใ์ กลเ้ คยี ง – ลกั ษณะทแ่ี ตกตา่ ง
Bignoniaceae – ใบตดิ ตรงขา้ ม ดอกมกี ลบี ดอกเชอ่ื ม
Capparaceae – ใบไมพ่ บเปน็ ใบประกอบ
Leguminosae – มหี ใู บ มพี ลาเซนตาเดยี ว
การกระจายพันธุ์
ในเขตรอ้ น ในประเทศไทยมี 1 ชนดิ
• มะรมุ Moringa oleifera Lam.
ประโยชน์
ใบอ่อนและฝักกินเป็นอาหาร รากและ
เปลอื ก เปน็ สมนุ ไพร ผลและเมลด็ ใชก้ รองนำ้
ให้บริสุทธิ์
มะรุม
Moringa oleifera Lam.
ลักษณะประจำวงศ์พรรณไม้ 65
วงศเ์ อย้ี บว๊ ย MYRICACEAE
ลักษณะประจำวงศ์
ไม้พุ่ม หรือไม้ต้นขนาดเล็ก ไม่มีหูใบ ใบ เดี่ยว ติดเวียนสลับ ขอบใบจักซี่ฟัน
เสน้ ใบออกจากสองขา้ งของเสน้ กลางใบแบบขนนก ดอก แยกเพศ ไมม่ กี ลบี เลย้ี งและ
กลบี ดอก เกสรเพศผมู้ ี 2-4 อนั รงั ไขต่ ดิ เหนอื วงกลบี มี 1 ชอ่ ง ไขอ่ อ่ นตดิ ทฐ่ี านของรงั ไข่
ยอดเกสรเพศเมยี เปน็ 2 ตมุ่ ผล มเี มลด็ เดยี วแขง็ ผวิ มขี น
ลักษณะเด่นของวงศ์
พชื มกี ลน่ิ หอม มตี อ่ มเปน็ จดุ ผลมขี น
วงศใ์ กลเ้ คยี ง – ลกั ษณะทแ่ี ตกตา่ ง
Aquifoliaceae – มีกลีบเลี้ยงและกลีบดอก รังไข่มี 3 ช่อง หรือมากกว่านั้น
ไม่มีก้านเกสรเพศเมีย
การกระจายพันธุ์
ในซีกโลกเหนือ มีสกุล Myrica สกุลเดียวที่กระจายลงมาในซีกโลกใต้
ประเทศไทยมี 1 ชนดิ
• เอย้ี บว๊ ย หรอื สม้ สา Myrica esculenta Buch.-Ham.
ประโยชน์
ในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ปลูกเป็นพืชกินผล
ส้มสา
Myrica esculenta Buch.-Ham.
66 ลกั ษณะประจำวงศพ์ รรณไม้
วงศบ์ านเยน็ NYCTAGINACEAE
ลักษณะประจำวงศ์
ไม้ล้มลุก ไม้พุ่ม หรือไม้ต้น ไม่มีหูใบ ใบ เดี่ยว ติดกึ่งตรงข้าม ขอบเรียบ ดอก
สมบูรณ์เพศ สมมาตรตามรัศมี กลีบรวมเป็นรูปท่อ รังไข่ติดเหนือวงกลีบ มี 1 ช่อง
ไขอ่ อ่ นตดิ ตง้ั ตรง ผล เปน็ แบบผลแหง้ เมลด็ ลอ่ น
ลักษณะเด่นของวงศ์
มักมีใบประดับคล้ายใบมีสีสรรสวยงามรองรับดอกแต่ละดอก ลำต้นมีหนาม
วงศใ์ กลเ้ คยี ง – ลกั ษณะทแ่ี ตกตา่ ง
Rubiaceae – มหี ใู บ ดอกมที ง้ั กลบี เลย้ี งและกลบี ดอก รงั ไขต่ ดิ ใตว้ งกลบี
Verbenaceae – ดอกมีทั้งกลีบเลี้ยงและกลีบดอก
การกระจายพันธุ์
ในเขตรอ้ น ในประเทศไทยมหี ลายชนดิ ทเ่ี ปน็ ไมป้ ระดบั เชน่
• เฟอ้ื งฟา้ Bougainvillea spectabilis Willd.
• บานเยน็ Mirabilis jalapa L.
• แสงจนั ทร์ Pisonia grandis R. Br.
บานเย็น สกุล Boerhavia
Mirabilis jalapa L.
ลักษณะประจำวงศ์พรรณไม้ 67
วงศค์ างคาก NYSSACEAE
ลักษณะประจำวงศ์
ไม้ต้น ไม่มีหูใบ ใบ เดี่ยว ติดเวียนสลับ ขอบเรียบ เส้นใบออกจากสองข้าง
ของเส้นกลางใบแบบขนนก ดอก ออกเป็นกลุ่ม ดอกแยกเพศ สมมาตรตามรัศมี
กลีบเลี้ยงและกลีบดอกมีอย่างละ 5 กลีบ กลีบดอกแยกจากกัน เกสรเพศผู้มี 8 อัน
ติดเป็น 2 วง วงในมักจะเป็นหมัน มีจานฐานดอกอยู่ระหว่างเกสรเพศผู้ รังไข่ติดใต้
วงกลบี มี 1 ชอ่ ง ไขอ่ อ่ น 1 หนว่ ย หอ้ ยลง ผล มเี มลด็ เดยี วแขง็
ลักษณะเด่นของวงศ์
ไมต้ น้ ใบเดย่ี ว ดอกออกเปน็ กลมุ่ ผลเมลด็ เดยี วแขง็
วงศใ์ กลเ้ คยี ง – ลกั ษณะทแ่ี ตกตา่ ง
Cornaceae – ใบมกั ตดิ แบบตรงขา้ ม ชอ่ ดอกไมเ่ ปน็ กลมุ่
Araliaceae – ใบมกั เปน็ ใบประกอบ โคนใบแผอ่ อกเปน็ กาบหมุ้ พชื มกี ลน่ิ หอม
การกระจายพันธุ์
พชื วงศน์ ม้ี สี กลุ เดยี วคอื Nyssa ในประเทศไทยมี 1 ชนดิ
• คางคาก Nyssa javanica (Blume) Wangerin ไมต้ น้ พบตามปา่ ดบิ ทต่ี ำ่ และ
ป่าดิบเขา ผลกินได้ แต่มักมีตุ่มที่เกิดจากแมลง
คางคาก
Nyssa javanica (Blume) Wangerin
68 ลกั ษณะประจำวงศพ์ รรณไม้
วงศก์ ระแจะ OCHNACEAE
ลักษณะประจำวงศ์
ไม้ต้นขนาดเล็ก มีหูใบ ใบ เดี่ยว ติดเวียนสลับ ขนเกลี้ยง ขอบใบจักซี่ฟัน ดอก
สมบูรณ์เพศ สมมาตรตามรัศมี สีเด่นชัด กลีบเลี้ยงมี 5 กลีบ ติดแน่น บิดเวียน
ก้านเกสรเพศเมียออกเยื้องจากปลายของรังไข่ ผล มีเนื้อเมล็ดแข็ง
ลักษณะเด่นของวงศ์
ไม้ต้น ใบเดี่ยว ดอกมีสีเด่นชัด กลีบเลี้ยงใหญ่และมีสีแดงเมื่อเป็นผล
เกสรเพศผู้ส่วนมากพบตั้งแต่ 10 ขึ้นไป ผลเมื่อแก่สีดำ หรือม่วงเข้ม
การกระจายพันธุ์
ในเขตรอ้ น ในประเทศไทยมี 4 สกลุ
• สกลุ Gomphia ไมพ้ มุ่ ไมต้ น้ พบในปา่ ดบิ ชน้ื ทต่ี ำ่ มเี สน้ เรยี บขอบใบสองเสน้ มี
1 ชนดิ คอื หางกวางผู้ Gomphia serrata (Gaertn.) Kanis
• สกุล Ochna ไม้ต้น พบในป่าที่ต่ำ และป่าดิบเขา มีชนิดเดียวคือ ตาลเหลือง
กระแจ หรอื ชา้ งนา้ ว Ochna integerrima (Lour.) Merr.
มิกกี้เม้าส์ มิกกี้เม้าส์
Ochna kirkii Oliv. Ochna kirkii Oliv.
ช้างน้าว ช้างน้าว
Ochna integerrima (Lour.) Merr. Ochna integerrima (Lour.) Merr.
ลักษณะประจำวงศ์พรรณไม้ 69
วงศผ์ กั หวาน OPILIACEAE
ลักษณะประจำวงศ์
ไมพ้ มุ่ ไมต้ น้ หรอื ไมเ้ ลอ้ื ย ไมม่ หี ใู บ ใบ เดย่ี ว ตดิ เวยี นสลบั ขอบใบเรยี บ เสน้ ใบ
ออกจากสองข้างของเส้นกลางใบแบบขนนก ดอก ออกเป็นช่อ สมมาตรตามรัศมี
มีกลีบรวมวงเดียว โคนกลีบมักเชื่อมติดกัน เกสรเพศผู้มีจำนวนเท่ากับกลีบรวม
และตดิ ตรงขา้ มกบั กลบี รวม มจี านฐานดอก รงั ไขต่ ดิ เหนอื วงกลบี มี 1 ชอ่ ง ไขอ่ อ่ นมี
1 หนว่ ย ตดิ หอ้ ยลง ผล มเี นอ้ื เมลด็ เดยี วแขง็
ลักษณะเด่นของวงศ์
ใบเมอ่ื แหง้ สเี ขยี วมะกอก ผวิ ใบมตี มุ่ เลก็ ๆ ดอกสมบรู ณเ์ พศ กลบี รวมแยกจากกนั
วงศใ์ กลเ้ คยี ง – ลกั ษณะทแ่ี ตกตา่ ง
Olacaceae – มที ง้ั กลบี เลย้ี งและกลบี ดอก กลบี เลย้ี งตดิ แนน่ และมกั เจรญิ ใหญ่
ขน้ึ เมอ่ื เปน็ ผล มไี ขอ่ อ่ นมากกวา่ 1
Santalaceae – รังไข่ติดใต้วงกลีบ
การกระจายพันธุ์
ในเขตรอ้ น ในประเทศไทยมี 5 สกลุ 7 ชนดิ
• ผักหวาน Melientha suavis Pierre subsp. suavis ไม้ต้นขนาดเล็ก
ดอกออกตามลำต้น ใบกินได้
• ผักหวานเมา Urobotrya siamensis Hiepko ไม้พุ่ม มักพบบนเขาหินปูน
ใช้เป็นสมุนไพร
• นางจุ่ม Cansjera rheedei J. F. Gmel. ไม้เลื้อย ลำต้นมีหนาม ผลสีส้ม
พบตามป่าผลัดใบ
ผักหวานเมา ผลของพชื วงศผ์ กั หวาน
Urobotrya siamensis Hiepko
70 ลกั ษณะประจำวงศพ์ รรณไม้
วงศน์ ำ้ ใจใคร่ OLACACEAE
ลักษณะประจำวงศ์
ไม้ต้น ไม้พุ่ม หรือไม้เลื้อย ไม่มีหูใบ ใบ เดี่ยว ติดเวียนสลับ ขอบเรียบ เส้นใบ
ออกจากสองข้างของเส้นกลางใบแบบขนนก หรือออกจากจุดเดียวกันที่โคนใบ ดอก
สมบูรณ์เพศ สมมาตรตามรัศมี กลีบเลี้ยงและกลีบดอกมีอย่างละ 4-6 กลีบ
กลบี เลย้ี งเชอ่ื มตดิ กนั กลบี ดอกแยกจากกนั เรยี งจรดกนั มกั มขี นดา้ นใน เกสรเพศผมู้ ี
2 เทา่ ของกลบี ดอก ตดิ ตรงขา้ มกบั กลบี ดอก รงั ไขม่ กั ตดิ ใตว้ งกลบี มี 3-5 ชอ่ ง หรอื 1
ช่องเนื่องจากผนังกั้นไม่สมบูรณ์ ไข่อ่อนห้อยลง ผล มีเมล็ดเดียวแข็ง มักล้อมรอบ
ด้วยกลีบเลี้ยงที่ขยายใหญ่ขึ้น
ลักษณะเด่นของวงศ์
ใบเดี่ยว ติดเวียนสลับ กลีบดอกแยกจากกัน เกสรเพศผู้มี 2 เท่าของกลีบดอก
รังไข่ติดใต้วงกลีบ ผลมีเมล็ดเดียวแข็ง ล้อมรอบด้วยกลีบเลี้ยง
วงศใ์ กลเ้ คยี ง – ลกั ษณะทแ่ี ตกตา่ ง
Opiliaceae – เกสรเพศผู้มีจำนวนเท่ากับกลีบรวม ไม่มีกลีบเลี้ยง รังไข่ติดเหนือ
วงกลบี มี 1 ชอ่ ง
Santalaceae – ไมม่ กี ลบี ดอก รงั ไขต่ ดิ ใตว้ งกลบี ไขอ่ อ่ นตดิ ทฐ่ี านรงั ไข่
การกระจายพันธุ์
ในเขตรอ้ น ในประเทศไทยมอี ยปู่ ระมาณ 3 สกลุ 7 ชนดิ เชน่
• นำ้ ใจใคร่ Olax psittacorum (Willd.) Vahl ไมเ้ ลอ้ื ย
• กระเทยี มตน้ Scorodocarpus borneensis Becc. ไมต้ น้ เมอ่ื ขยส้ี ว่ นของพชื
จะมีกลิ่นกระเทียม พบตามป่าดิบที่ต่ำ
• พทุ ราทะเล Ximenia americana L. ไมพ้ มุ่ มหี นาม กลบี ดอกมหี นวดดา้ นใน
พบตามป่าชายหาด
• ผักรด Erythropalum scandens Blume ไม้เลื้อย เลื้อยโดยใช้มือเกาะ
เส้นใบออกจากจุดเดียวกันที่โคนใบ
ลักษณะประจำวงศ์พรรณไม้ 71
น้ำใจใคร่
Olax psittacorum (Willd.) Vahl
น้ำใจใคร่
Olax psittacorum (Willd.) Vahl
72 ลกั ษณะประจำวงศพ์ รรณไม้
วงศก์ ระทบื ยอด OXALIDACEAE
ลักษณะประจำวงศ์
ไม้ล้มลุก ไม้พุ่ม หรือไม้ต้น ไม่มีหูใบ ใบ ประกอบ ติดเวียนสลับ ดอก
สมมาตรตามรัศมี กลีบเลี้ยงและกลีบดอกมีอย่างละ 5 กลีบ กลีบดอกแยกจากกัน
เกสรเพศผมู้ ี 10 อนั กา้ นชเู กสรเพศผโู้ คนเชอ่ื มตดิ กนั รงั ไขต่ ดิ เหนอื วงกลบี มี 5 ชอ่ ง
กา้ นเกสรเพศเมยี มี 5 อนั ผล เปน็ แบบผลแหง้ แตก เมลด็ มเี นอ้ื
ลักษณะเด่นของวงศ์
ไม้ล้มลุก มีหัวใต้ดิน ใบประกอบ มักจะหุบเมื่อถูกสัมผัส เกสรเพศผู้เชื่อมติดกัน
ผลมีรสเปรี้ยว
วงศใ์ กลเ้ คยี ง – ลกั ษณะทแ่ี ตกตา่ ง
Connaraceae – รงั ไขม่ ี 1 ชอ่ ง
Linaceae – ใบเดย่ี ว พวกทเ่ี ปน็ ไมเ้ ลอ้ื ยจะมหี นามเปน็ ตะขอ
การกระจายพันธุ์
ในเขตรอ้ นทว่ั ไป ในประเทศไทยมี 3 สกลุ 8 ชนดิ เชน่
• สกลุ Averrhoa ไดแ้ ก่ มะเฟอื ง Averrhoa carambola L. และ ตะลงิ ปลงิ Averrhoa
bilimbi L. ทง้ั สองชนดิ นผ้ี ลกนิ ได้
• สกลุ Biophytum กระทบื ยอด Biophytum sensitivum (L.) DC. เปน็ ไมล้ ม้ ลกุ
มีหัวใต้ดิน
กระทืบยอด ตะลงิ ปลงิ
Biophytum sensitivum (L.) DC. Averrhoa bilimbi L.
ลักษณะประจำวงศ์พรรณไม้ 73
วงศส์ มุ ตน้ PITTOSPORACEAE
ลักษณะประจำวงศ์
ไม้พุ่ม หรือไม้ต้นขนาดเล็ก ไม่มีหูใบ ใบ เดี่ยว ติดเวียนสลับ เส้นใบออกจาก
สองข้างของเส้นกลางใบแบบขนนก ดอก ออกเป็นช่อ ดอกสมบูรณ์เพศ
สมมาตรตามรัศมี กลีบเลี้ยงและกลีบดอกมีอย่างละ 5 กลีบ เรียงซ้อนเหลื่อมกัน
มักแยกจากกัน ก้านชูอับเรณูติดกับอับเรณูที่โคน ผล เป็นแบบผลแห้งแตก
มเี กสรเพศเมยี 2 อนั เมลด็ จำนวนมาก มเี นอ้ื เหนยี ว
ลักษณะเด่นของวงศ์
พชื มกี ลน่ิ หอม ใบดกหนาแนน่ ทย่ี อด ขอบเรยี บ เปน็ ไมพ้ มุ่ มหี นาม
วงศใ์ กลเ้ คยี ง – ลกั ษณะทแ่ี ตกตา่ ง
Goodeniaceae – ดอกสมมาตรด้านข้าง กลีบเลี้ยงและกลีบดอกเชื่อมติดกัน
การกระจายพันธุ์
ในเขตโลกเกา่ สว่ นมากพบในเขตรอ้ น ในประเทศไทยมี 1 สกลุ ประมาณ 5 ชนดิ
เช่น
• ผักไผ่ต้น Pittosporum nepaulense
(DC.) Rehd. & Wilson ไม้พุ่ม พบในป่าดิบ
ที่ต่ำถึงป่าดิบเขา ผลสีสดตัดกันกับเมล็ดสีดำ
เป็นอาหารของนกบางชนิด
ผกั ไผ่ตน้
Pittosporum nepaulense (DC.) Rehd. &
Wilson
74 ลกั ษณะประจำวงศพ์ รรณไม้
วงศต์ า่ งไกป่ า่ POLYGALACEAE
ลักษณะประจำวงศ์
ไมล้ ม้ ลกุ ไมพ้ มุ่ หรอื ไมเ้ ลอ้ื ย ไมม่ หี ใู บ ใบ เดย่ี ว ตดิ เวยี นสลบั ขอบเรยี บ ดา้ นลา่ ง
มีต่อมกระจายทั่วไป ดอก ออกเป็นช่อเชิงหลั่น ดอกย่อยมีก้าน ดอกสมบูรณ์เพศ
สมมาตรด้านข้าง กลีบเลี้ยงและกลีบดอกมีอย่างละ 5 กลีบ เกสรเพศผู้มี 4-8 อัน
ก้านเกสรเพศผู้เชื่อมติดกัน หรือแยกกัน ก้านเกสรเพศผู้ติดกับอับเรณูที่โคน
รังไข่ติดเหนือวงกลีบ รังไข่มี 2 ช่อง ไข่อ่อนมี 1 หน่วยต่อหนึ่งช่อง ผล
เปน็ แบบผลแหง้ แตก มปี กี หรอื แบบมเี นอ้ื หลายเมลด็
ลักษณะเด่นของวงศ์
พืชไม่มีเนื้อไม้ ดอกสีสด กลีบเลี้ยงและกลีบดอกดัดแปลงไปคล้ายกับรูปเรือ
เมล็ดมีเนื้อหุ้ม
วงศใ์ กลเ้ คยี ง – ลกั ษณะทแ่ี ตกตา่ ง
Leguminosae (Papilionoideae) – ใบมกั เปน็ ใบประกอบ มหี ใู บ รงั ไขม่ ี 1 ชอ่ ง
รังไข่มีก้าน
Trigoniaceae – ใบมขี นปกคลมุ สขี าวดา้ นลา่ ง ผลมี 3 ปกี
การกระจายพันธุ์
ทว่ั โลก โดยเฉพาะในเขตรอ้ น ในประเทศไทยมี 5 สกลุ 36 ชนดิ
• สกุล Polygala ไม้พุ่ม ไม้ล้มลุก พบบ้างที่เป็นไม้เลื้อย พบในป่าดิบและที่โล่ง
เชน่ ตา่ งไกป่ า่ Polygala arillata Buch.-Ham. ex D. Don
• สกุล Xanthophyllum ไม้พุ่ม หรือไม้ต้น พบตามป่าดิบที่ต่ำ ใบเปลี่ยนเป็น
สเี หลอื งเมอ่ื แหง้ ใชเ้ นอ้ื ไม้ เชน่ ชมุ แสง Xanthophyllum lanceatum (Miq.) J. J. Sm.
• สกุล Securidaca ไม้เลื้อย มีต่อมที่ข้อ ผลมีปีก มี 1 ชนิด ได้แก่ ชองระอา
Securidaca inappendiculata Hassk.
ลักษณะประจำวงศ์พรรณไม้ 75
เนียมนกเขา
Salomonia cantoniensis Lour.
Polygala umbonata Craib
คำเตี้ย ต่างไก่ป่า
Polygala chinensis L. Polygala arillata Buch.-Ham. ex D. Don
76 ลกั ษณะประจำวงศพ์ รรณไม้
วงศเ์ หมอื ดคน PROTEACEAE
ลักษณะประจำวงศ์
ไม้ต้น เป็นไม้เนื้อแข็ง ไม่มีหูใบ ใบ เดี่ยว ติดเวียนสลับ ดอก ออกเป็นช่อ
ดอกสมบรู ณเ์ พศ มกี ลบี รวม 4 กลบี แยกจากกนั เกสรเพศผมู้ ี 4 อนั ตดิ บนกลบี รวม
รังไข่มักติดเหนือวงกลีบ มี 1 ช่อง ก้านเกสรเพศเมียยาวและติดแน่น ผล
เมล็ดเดียวแข็ง หรือแบบผลแห้งแตก
ลักษณะเด่นของวงศ์
ไม้ต้น เนื้อไม้มีเส้นรัศมีกว้าง ใบติดเวียนสลับ ขอบใบเรียบ มักจะเปลี่ยนเป็น
สีเหลืองเมื่อแห้ง ก้านใบหนาที่โคน ช่อดอกเป็นแบบช่อเชิงหลั่น ดอกย่อยมีก้าน
ดอกสมบูรณ์เพศ ผลเมล็ดเดียวแข็ง หรือเป็นแบบผลแห้งแตก
วงศใ์ กลเ้ คยี ง – ลกั ษณะทแ่ี ตกตา่ ง
Loranthaceae – ไมพ้ มุ่ เบยี น ใบตดิ ตรงขา้ ม รงั ไขต่ ดิ ใตว้ งกลบี
Aralidiaceae – สกุล Aralidium มักจะสับสนกับ สกุล Heliciopsis ที่มีก้านใบ
โอบรอบกิ่ง และผลมีเนื้อหลายเมล็ด
การกระจายพันธุ์
ทว่ั ไป โดยเฉพาะในซกี โลกใต้ ในประเทศไทยมี 4 สกลุ
• สกลุ Grevillea ไมพ้ มุ่ ไมต้ น้ ใบจกั เปน็ พรู ปู ขนนกละเอยี ด พบในปา่ เขตลมมรสมุ
• สกุล Helicia ไมต้ น้ พบตามปา่ ดบิ ทต่ี ำ่ และปา่ ดบิ เขา
• สกลุ Heliciopsis ใบออ่ นมขี นาดใหญ่ จกั ลกึ แบบขนนก ผลชน้ั กลางเปน็ เสน้ ใย
• สกลุ Macadamia ไมต้ น้ ใบตดิ เปน็ วงรอบขอ้ มยี างสแี ดง พบตามปา่ ดบิ ทต่ี ำ่
และป่าดิบเขาสูงระดับปานกลาง
ประโยชน์
สกลุ Grevillea มศี กั ยภาพเปน็ ไมป้ ระดบั ผลของ Macadamia ternifolia F. Muell.
รับประทานได้
ลักษณะประจำวงศ์พรรณไม้ 77
เหมอื ดคนตวั ผู้ เหมอื ดคนตวั ผู้
Helicia nilagirica Bedd. Helicia nilagirica Bedd.
สนอินเดีย สนอินเดีย
Grevillea robusta Cunn. ex R. Br. Grevillea robusta Cunn. ex R. Br.
แมกคาดาเมีย
Macadamia ternifolia F. Muell.
78 ลกั ษณะประจำวงศพ์ รรณไม้
วงศพ์ ทุ รา RHAMNACEAE
ลักษณะประจำวงศ์
ไม้ต้น ไม้พุ่ม ไม้พุ่มรอเลื้อย หูใบมีขนาดเล็ก ใบ เดี่ยว ติดสลับระนาบเดียวกัน
ขอบใบจักซี่ฟันแกมฟันเลื่อย เส้นใบออกจากจุดเดียวกันที่โคน เส้นแขนงใบ
เป็นแบบขั้นบันได ดอก สมบูรณ์เพศ สมมาตรตามรัศมี กลีบเลี้ยงและกลีบดอก
มีอย่างละ 5 กลีบ กลีบแยกจากกัน เกสรเพศผู้มี 4-5 อัน ขนาดเท่ากัน
ติดตรงข้ามกับกลีบดอก มีจานฐานดอกอยู่ระหว่างเกสรเพศผู้ รังไข่ติดใต้วงกลีบ
ไข่ออ่ นตดิ ทฐ่ี านรงั ไข่ ผล เมลด็ เดยี วแขง็
ลักษณะเด่นของวงศ์
ไม้ต้น ไม้พุ่ม และไม้พุ่มรอเลื้อย ใบมีหูใบ กลีบดอกมีก้านกลีบ ไข่อ่อนติดที่ฐาน
รังไข่ ผลเมล็ดเดียวแข็ง
วงศใ์ กลเ้ คยี ง – ลกั ษณะทแ่ี ตกตา่ ง
Celastraceae – ใบมักติดตรงข้าม เกสรเพศผู้ติดตรงข้ามกับกลีบดอก
Euphorbiaceae – ดอกแยกเพศ เกสรเพศผู้ไม่ติดตรงข้ามกับกลีบดอก ไข่อ่อน
ติดที่ปลายรังไข่
การกระจายพันธุ์
ทว่ั ไปในเขตรอ้ นและเขตอบอนุ่ ทว่ั โลก ในประเทศไทยมี 7 สกลุ 30 ชนดิ เชน่
• สกุล Colubrina ไม้เลื้อย พบตามป่าเดิมและป่ารุ่นในที่ต่ำ เช่น คันทรง
Colubrina asiatica L. ex Brongn.
• สกลุ Gouania ไมเ้ ลอ้ื ย มมี อื เกาะตามงา่ มใบ เชน่ นำ้ ดบั ไฟ Gouania javanica
Miq. ผลมปี กี 3 ปกี
• สกุล Ventilago มีหนามเป็นตะขอ ผลมีปีกล้อมรอบ เช่น รางแดง Ventilago
denticulata Willd.
• สกุล Ziziphus ไม้พุ่ม หรือไม้เลื้อย
มีหนาม พบตามป่าเดิมและป่ารุ่น ป่าหญ้า
มีชนิดที่ผลกินได้คือ พุทรา Ziziphus
mauritiana Lam.
สกุล Ziziphus
ลักษณะประจำวงศ์พรรณไม้ 79
พุทรา
Ziziphus mauritiana Lam.
คันทรง
Colubrina asiatica L. ex Brongn.
เล็บเหยี่ยว
Ziziphus oenoplia (L.) Mill. var. oenoplia
80 ลกั ษณะประจำวงศพ์ รรณไม้
วงศเ์ ขม็ RUBIACEAE
ลักษณะประจำวงศ์
ไม้ต้น ไม้พุ่ม ไม้ล้มลุก หรือไม้เลื้อย มีหูใบร่วมระหว่างโคนก้านใบ ใบ เดี่ยว
ติดตรงข้าม แต่ละคู่ตั้งฉากกัน บางครั้งพบออกเป็นกระจุกที่ข้อเดียวกัน
บางครั้งใบหนึ่งที่ข้อจะลดรูปไป ดอก สมบูรณ์เพศ สมมาตรตามรัศมี กลีบดอกมี 4
หรอื 5 กลบี กลบี ดอกโคนเชอ่ื มตดิ กนั เปน็ หลอด ปลายจกั เปน็ พู เกสรเพศผเู้ ปน็ 2 คู่
ติดสลับกับพูกลีบดอก รังไข่ติดใต้วงกลีบ รังไข่มี 2 ช่อง ไข่อ่อนติดรอบแกน ผล
เป็นแบบแห้งแตก ผลมีเนื้อหลายเมล็ด หรือผลเมล็ดเดียวแข็ง
ลักษณะเด่นของวงศ์
ไมพ้ มุ่ หรอื ไมล้ ม้ ลกุ ใบตดิ ตรงขา้ ม มหี ใู บรว่ มระหวา่ งโคนกา้ นใบ กลบี ดอกเชอ่ื ม
ตดิ กนั ปลายมี 4-5 แฉก ใบมกั มผี ลกึ รปู เขม็
วงศใ์ กลเ้ คยี ง – ลกั ษณะทแ่ี ตกตา่ ง
Caprifoliaceae – ไมม่ หี ใู บ
Loganiaceae – ใบไม่มีผลึกรูปเขม็ และรังไขต่ ดิ เหนอื วงกลีบ
Rhizophoraceae – กลีบดอกแยกจากกัน
การกระจายพันธุ์
พบทว่ั ไปในเขตรอ้ น ในประเทศไทยมปี ระมาณ 100 สกลุ 600 ชนดิ
• สกลุ Argostemma ใบออกเปน็ คทู่ ข่ี อ้ เดยี วกนั มกั จะไมเ่ ทา่ กนั ดอกจะคลา้ ยกบั
ดอกมะเขือ
• สกุล Gardenia ไมพ้ มุ่ หรอื ไมต้ น้ ขนาดเลก็ พบในปา่ ดบิ ชน้ื ทต่ี ำ่
• สกุล Hedyotis ไม้ล้มลุกและไม้พุ่ม พบในป่าดิบชื้นที่ต่ำ หรือป่าดิบเขาต่ำ
และที่ที่โดนบุกรุก
• สกลุ Hydnophytum ไม้อิงอาศัยที่มีลำต้นกลวงเป็นที่อาศัยของมด
• สกลุ Ixora ไมพ้ มุ่ หรอื ไมต้ น้ ขนาดเลก็ พบในปา่ ดบิ ชน้ื ทต่ี ำ่
• สกุล Mitragyna ไม้ต้น พบในป่าดิบชื้นที่ต่ำ เช่น กระทุ่มนา Mitragyna
diversifolia (Wall. ex G. Don) Havil.
• สกุล Mussaenda ไม้พุ่ม ไม้พาดเลื้อย กลีบเลี้ยง 1 กลีบใหญ่ขึ้นและบาน
สะดดุ ตา พบในปา่ ดบิ ชน้ื ทต่ี ำ่ หรอื ปา่ ดบิ เขาตำ่ ทง้ั ทเ่ี ปน็ ปา่ เดมิ หรอื ปา่ รนุ่
• สกลุ Psychotria ไมพ้ มุ่ ไมเ้ ลอ้ื ย และไมต้ น้ พบในปา่ ดบิ ชน้ื ทต่ี ำ่ หรอื ปา่ ดบิ เขาตำ่
• สกุล Uncaria ไม้เลื้อย โดยมีตะขอเกาะ พบในป่าดิบชื้นที่ต่ำ ทั้งที่เป็น
ป่าเดิมหรือป่ารุ่น
ลักษณะประจำวงศ์พรรณไม้ 81
• สกุล Urophyllum ไม้พุ่ม หรือไม้ต้นขนาดเล็ก พบในป่าดิบชื้นที่ต่ำและ
ป่าดิบเขาต่ำ
ประโยชน์
เปน็ สมนุ ไพร ไดแ้ ก่ สกลุ Cinchona, Mussaenda, Uncaria, Coffea ใชเ้ ปน็ สยี อ้ ม
ไดแ้ ก่ สกลุ Morinda ใชเ้ นอ้ื ไม้ ไดแ้ ก่ สกลุ Anthocephalus (Neolamarckia), Nauclea
เปน็ ไมป้ ระดบั เชน่ สกลุ Gardenia, Ixora, Mussaenda
สกุล Chassalia ยอย่าน
Morinda umbellata L.
กระทุ่มนา หมักหม้อ
Mitragyna diversifolia (Wall. ex G. Don) Havil. Rothmannia wittii (Craib) Bremek.
สกุล Pavetta สกุล Ixora
82 ลกั ษณะประจำวงศพ์ รรณไม้
วงศส์ ม้ RUTACEAE
ลักษณะประจำวงศ์
ไมพ้ มุ่ หรอื ไมต้ น้ มกี ลน่ิ หอม มกั เปน็ ไมเ้ นอ้ื แขง็ ไมม่ หี ใู บ ใบ เดย่ี ว มจี ดุ ใสบนใบ
(บางครง้ั เหน็ ไมช่ ดั ) ดอก ออกเปน็ ชอ่ ดอกสมบรู ณเ์ พศ หรอื แยกเพศ สมมาตรตามรศั มี
กลบี เลย้ี งและกลบี ดอกมอี ยา่ ง 4 หรอื 5 กลบี แยกจากกนั มจี านดอก เกสรเพศผมู้ ี 4
หรือ 5 อัน รังไข่ติดเหนือวงกลีบ รังไข่มี 4 ช่อง หรือมากกว่านั้น ที่ปลายยอด
เกสรเพศเมียเป็นตุ่ม ผล มีผิวหนาเป็นมัน มีเนื้อหยาบ เป็นแบบผลแห้งแตก
ผลเมล็ดเดียวแข็ง หรือผลแบบส้ม
ลักษณะเด่นของวงศ์
ไมพ้ มุ่ หรอื ไมต้ น้ มกี ลน่ิ หอม ใบเดย่ี ว หรอื ใบประกอบ ใบมตี อ่ มนำ้ มนั เปน็ จดุ ใส
กลีบดอกส่วนมากมีสีขาว ที่จานฐานดอกมีต่อมน้ำหวาน รังไข่จักเป็นพูลึก 2-5 พู
วงศใ์ กลเ้ คยี ง – ลกั ษณะทแ่ี ตกตา่ ง
Burseraceae – ไมม่ จี ดุ ใสบนใบ พชื มนี ำ้ ยาง
Meliaceae – อาจมจี ดุ ใสทใ่ี บ แตเ่ กสรเพศผเู้ ชอ่ื มตดิ กนั เปน็ มดั
Simaroubaceae – ไม่มีจุดใสที่ใบ เกสรเพศเมียแยกจากกัน
การกระจายพันธุ์
• สกลุ Acronychia ไมต้ น้ ไมพ้ มุ่ พบในปา่ ดบิ ชน้ื ทต่ี ำ่ และปา่ ดบิ เขาตำ่
• สกลุ Citrus ไมพ้ มุ่ ไมต้ น้ ขนาดเลก็ ตามลำตน้ หรอื กง่ิ มหี นาม พบในปา่ ดบิ ชน้ื
ทีต่ ่ำ มกั นิยมปลกู
• สกลุ Glycosmis ไมพ้ มุ่ พบในปา่ ดบิ ชน้ื ทต่ี ำ่ และเขาหนิ ปนู
• สกลุ Melicope ไมต้ น้ ขนาดเลก็ พบในปา่ ดบิ ชน้ื ทต่ี ำ่ และปา่ ดบิ เขาตำ่ มกั พบใน
ป่ารุ่นสอง
• สกลุ Zanthoxylum ไมเ้ ลอ้ื ย ไมต้ น้ ตามลำตน้ หรอื กง่ิ มหี นาม พบในปา่ ดบิ ชน้ื
ที่ต่ำที่เป็นป่ารุ่นสอง
ประโยชน์
ผลกินได้ ได้แก่ สกุล Aegle, Citrus, Fortunella, Limonia เป็นสมุนไพร ได้แก่
สกลุ Ruta, Citrus, Clausena, Murraya, Zanthoxylum เปน็ ไมป้ ระดบั ไดแ้ ก่ สกลุ
Murraya, Skimmia ใชเ้ นอ้ื ไม้ ไดแ้ ก่ สกลุ Flindersia, Zanthoxylum
ลักษณะประจำวงศ์พรรณไม้ 83
หสั คณุ หสั คณุ
Micromelum minutum (G. Forst.) Wight & Arn. Micromelum minutum (G. Forst.) Wight & Arn.
ส้มมือ เพี้ยกระทิง
Citrus medica L. var. sarcodactylis Swing. Euodia meliaefolia Benth.
สกลุ Glycosmis สีสม
Clausena excavata Burm.f.
ส้มเขียวหวาน กะอวม
Citrus reticulata Blanco Acronychia pedunculata (L.) Miq.
84 ลกั ษณะประจำวงศพ์ รรณไม้
วงศล์ ะมดุ SAPOTACEAE
ลักษณะประจำวงศ์
ไม้ต้น หรือไม้พุ่ม มีน้ำยางขาว อย่างน้อยก็ต้องพบที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของพืช ใบ
เดี่ยว ติดเวียนสลับ ขอบเรียบ เนื้อหนามัน ดอก สมบูรณ์เพศ สมมาตรตามรัศมี
กลบี ดอกเชอ่ื มตดิ กนั รงั ไขต่ ดิ เหนอื วงกลบี มี 4 หรอื 5 ชอ่ ง แตล่ ะชอ่ งมไี ขอ่ อ่ น 1 หนว่ ย
กา้ นเกสรเพศเมยี มี 1 ผล ผวิ หนา มี 1-3 เมลด็ มนั เปน็ เงามรี อยแผลเปน็
ลักษณะเด่นของวงศ์
ไม้ต้น ใบเดี่ยว ติดเวียนสลับ มีหูใบ มีขนปกคลุมสีทองถึงสีน้ำตาล ดอกออก
เปน็ ชอ่ แนน่ ทง่ี า่ มใบ ดอกสมบรู ณเ์ พศ เกสรเพศผทู้ ต่ี ดิ สลบั กบั กลบี ดอก จะเปน็ หมนั
มีจานฐานดอก และมักจะติดกับรังไข่ เมล็ดมันเป็นเงามีรอยแผลเป็นใหญ่
วงศใ์ กลเ้ คยี ง – ลกั ษณะทแ่ี ตกตา่ ง
Ebenaceae – ไมม่ ยี างขาว เปลอื กและใบแหง้ มกั มสี ดี ำ
Myrsinaceae – ใบไมม่ จี ดุ ดำและไมม่ หี ใู บ
การกระจายพันธุ์
ในเขตรอ้ น ในประเทศไทยมี 17 สกลุ
• สกุล Madhuca ไม้ต้น มีกลีบเลี้ยงเรียงเป็น 2 แถว ๆ ละ 2 พบในป่าที่ต่ำ
และป่าดิบเขา ที่สูงปานกลาง
• สกลุ Palaquium ไมต้ น้ มกี ลบี เลย้ี งเรยี งเปน็ 2 แถว ๆ ละ 3 พบในปา่ ดบิ ทต่ี ำ่
และป่าดิบเขาที่สูงปานกลาง
• สกลุ Planchonella ไมต้ น้ มกี ลบี เลย้ี ง 5 กลบี หายากทเ่ี ปน็ ไมพ้ มุ่ พบในปา่ ทต่ี ำ่
• สกลุ Pouteria เมลด็ สว่ นทเ่ี ปน็ มนั มขี นาดเลก็
• สกลุ Sarcosperma ไมต้ น้ ใบตดิ ตรงขา้ ม ชอ่ ดอกแตกกง่ิ กา้ น
ประโยชน์
พืชในวงศ์นี้มีหลายชนิดที่มีเนื้อไม้ที่ดี ได้แก่ สกุล Palaquium, Planchonella,
Madhuca พวกที่ใช้ยางที่เรียกว่า gutta percha ได้แก่ สกุล Palaquium ผลกินได้
ไดแ้ ก่ ละมดุ ฝรง่ั Manilkara zapota (L.) P. Royen ละมดุ ไทย Manilkara kauki (L.)
Dubard สตารแ์ อปเปล้ิ Chrysophyllum cainito L. นอกจากนท้ี เ่ี ปน็ ไมป้ ระดบั เชน่
พกิ ลุ Mimosops elengi L.
ลักษณะประจำวงศ์พรรณไม้ 85
ละมุดเขมร
Xantolis burmanica (Collett & Hemsl.) P. Royen
ละมุดสีดา
Madhuca esculenta H. R. Fletcher
86 ลกั ษณะประจำวงศพ์ รรณไม้
วงศส์ นนุ่ SALICACEAE
ลักษณะประจำวงศ์
ไมพ้ มุ่ หรอื ไมต้ น้ หใู บเลก็ หรอื ไมม่ ี ใบ เดย่ี ว ตดิ เวยี นสลบั ขอบใบจกั ซฟ่ี นั ดอก
ออกเปน็ ช่อ ดอกแยกเพศ ดอกเพศผแู้ ละดอกเพศเมยี อยู่คนละต้นกนั ไม่มีกลบี เลี้ยง
และกลีบดอก เกสรเพศผู้มี 2 อัน หรือมากกว่า รังไข่ติดเหนือวงกลีบ มี 1 ช่อง
มไี ขอ่ อ่ นจำนวนมาก ตดิ ทฐ่ี านรงั ไข่ ผล เปน็ ผลแหง้ แตก เมลด็ มขี น
ลักษณะเด่นของวงศ์
ไมต้ น้ เปน็ พชื โตเรว็ ใบเดย่ี ว ขอบใบจกั ดอกแยกเพศ ดอกเพศผแู้ ละดอกเพศเมยี
อยู่คนละต้นกัน ผลเป็นผลแห้งแตก เมล็ดมีขน
วงศใ์ กลเ้ คยี ง – ลกั ษณะทแ่ี ตกตา่ ง
Fagaceae – ผลมีกาบรูปถ้วยรองรับ
การกระจายพันธุ์
ในซกี โลกภาคเหนอื ในประเทศไทยมเี ฉพาะสกลุ Salix มี 2 ชนดิ ไดแ้ ก่
• หลวิ Salix babylonica L. เปน็ ไมน้ ำเขา้ มกั ปลกู เปน็ แนวรว้ั หรอื กำแพง
• สนุ่น Salix tetrasperma Roxb. มกั พบตามรมิ ธารนำ้
ลักษณะประจำวงศ์พรรณไม้ 87
หลิว
Salix babylonica L.
สนุ่น
Salix tetrasperma Roxb.
88 ลกั ษณะประจำวงศพ์ รรณไม้
วงศอ์ สั ดง SAXIFRAGACEAE
ลักษณะประจำวงศ์
ไม้ล้มลุก ไม่มีหูใบ ใบ เดี่ยว หรือใบประกอบ ติดเวียนสลับ ขอบใบจักฟันเลื่อย
หรอื ซฟ่ี นั ดอก สมบรู ณเ์ พศ สมมาตรตามรศั มี กลบี เลย้ี งและกลบี ดอกมอี ยา่ งละ 5-
10 กลีบ ติดอยู่ที่ขอบฐานรองดอก เกสรเพศผู้มี 5-10 อัน เกสรเพศเมียมี 2 อัน
มีจานฐานดอก รังไข่ติดกึ่งใต้วงกลีบ ก้านเกสรเพศเมียมี 2-5 อัน ผล แห้งแตก
มีหลายเมล็ด
ลักษณะเด่นของวงศ์
ไม้ล้มลุก ขอบใบจัก เกสรเพศเมียมี 2 อัน รังไข่ติดกึ่งใต้วงกลีบ ผลแห้งแตก
มีหลายเมล็ด
วงศใ์ กลเ้ คยี ง – ลกั ษณะทแ่ี ตกตา่ ง
Cunoniaceae – มหี ใู บ ใบตดิ ตรงขา้ ม
Rosaceae – มหี ใู บ รงั ไขต่ ดิ เหนอื วงกลบี
การกระจายพันธุ์
ทว่ั ไป ในประเทศไทยมี 3 สกลุ เชน่
• สกุล Saxifraga ไม้พุ่ม ดอกสีขาว มีจุดสีเขียวปนเหลือง หรือสีม่วง พบในป่า
ดิบเขาและป่ากึ่งอัลไพน์ ตามเขาหินปูนปนอยู่กับพวกมอสส์
• สกลุ Astibile ไมล้ ม้ ลกุ ใบประกอบ ขอบใบจกั ฟนั เลอ่ื ย มเี กสรเพศเมยี แยก
ลักษณะประจำวงศ์พรรณไม้ 89
อสั ดง
Astilbe rivularis Buch.-Ham.
Saxifraga gemmipara Pers.
90 ลกั ษณะประจำวงศพ์ รรณไม้
วงศม์ ณเฑยี รทอง SCROPHULARIACEAE
ลักษณะประจำวงศ์
ไม้ล้มลุก อายุปีเดียวหรือหลายปี หรือไม้พุ่มขนาดเล็ก ลำต้นมักเลื้อย ใบ เดี่ยว
ติดเวียนสลับ หรือตรงข้าม หรือติดเป็นกลุ่มที่ข้อเดียวกัน ขอบเรียบ หรือจักเป็นพู
แบบขนนก ดอก สมบูรณ์เพศ มักสมมาตรด้านข้าง ดอกเป็นรูปกระเป๋าปากเปิด
มพี บู นและพลู า่ ง เกสรเพศผมู้ ี 4 อนั สน้ั 2 ยาว 2 มจี านฐานดอก รงั ไขต่ ดิ เหนอื วงกลบี
มี 2 ช่อง ก้านเกสรเพศเมียมี 1 อัน ยอดเกสรเพศเมียเป็นก้อน หรือเป็น 2 พู
ไขอ่ อ่ นมจี ำนวนมาก ตดิ ตามแนวแกน ผล เปน็ แบบผลแหง้ แตก แตกตามรอยประสาน
หรือแตกระหว่างพู มีเมล็ดจำนวนมาก
ลักษณะเด่นของวงศ์
ไม้ล้มลุก ใบเดี่ยว ดอกสมบูรณ์เพศ มักสมมาตรด้านข้าง ดอกเป็นรูปกระเป๋า
ปากเปดิ มพี บู นและพลู า่ ง เกสรเพศผมู้ ี 4 อนั สน้ั 2 ยาว 2 รงั ไขต่ ดิ เหนอื วงกลบี
การกระจายพันธุ์
ทว่ั ไป ในประเทศไทยมี 30 สกลุ 106 ชนดิ เชน่
• สกุล Limnopila สาหร่ายพุงปลาชะโด หรือสาหร่ายฉัตร Limnopila
heterophylla (Roxb.) Benth. เป็นไม้ล้มลุกในน้ำ มีส่วนที่ชูในอากาศ ดอกสีม่วง
พบในน้ำกร่อย ในบ่อและนาข้าว
• สกลุ Lindenbergia หญา้ ดบั ไฟ Lindenbergia philippensis (Cham.) Benth.
ลำต้นตรง แตกกิ่งก้านกระจาย มีขน ดอกสีเหลือง พบสองข้างทาง บนหินในธารน้ำ
บนเขาหนิ ปนู
• สกุล Pedicularis ชมพูเชียงดาว Pedicularis siamensis Tsoong
ดอกสีม่วงเข้ม พบเป็นพืชเฉพาะถิ่นบนดอยเชียงดาว
• สกุล Torenia มณเฑียรทอง Torenia hirsutissima Bonati ดอกสีเหลือง
แววมยุรา Torenia violacea (Azaola ex Blanco) Pennell ดอกสีขาว
มสี ว่ นทเ่ี ปน็ สมี ว่ งเขม้ ทพ่ี ดู า้ นขา้ ง พบตามทงุ่ หญา้ ชน้ื ตามพน้ื ทราย หรอื นำ้ แฉะ เชน่
บนภกู ระดงึ ภหู ลวง ภเู มย่ี ง
• สกลุ Wightia ชมพพู าน หรอื ตมุ กาแดง Wightia speciosisima (D. Don) Merr.
ดอกสีชมพู เป็นพืชอิงอาศัยบนไม้ใหญ่ในป่าดิบเขา
ลักษณะประจำวงศ์พรรณไม้ 91
แววมยุรา
Torenia fournieri Lindl. ex E. Fourn.
ชมพูเชียงดาว ผักนมหิน
Pedicularis siamensis Tsoong Cyrtandromoea grandiflora C. B. Clarke
ชมพูพาน
Wightia speciosisima (D. Don) Merr.
92 ลกั ษณะประจำวงศพ์ รรณไม้
วงศม์ ะกอกพราน STAPHYLEACEAE
ลักษณะประจำวงศ์
ไม้ต้น หูใบเชื่อมติดกันเวลาร่วงหลุดจะทิ้งรอยแผลเป็นไว้รอบกิ่ง ใบ ประกอบ
แบบขนนก มีใบย่อย 3-11 ใบ แกนกลางใบบวมพองที่ข้อ ติดแบบตรงข้ามแต่ละคู่
ตง้ั ฉากกนั ขอบจกั ซฟ่ี นั มตี อ่ มเลก็ ๆ ทป่ี ลายของแกนกลางชอ่ ใบ ดอก สมบรู ณเ์ พศ
สมมาตรตามรัศมี กลีบเลี้ยงและกลีบดอกมีอย่างละ 5 กลีบ แยกจากกัน
เรียงซ้อนเหลื่อมกัน มีจานฐานดอก รังไข่ติดเหนือวงกลีบ รังไข่มี 3 ช่อง ผล
มีเมล็ดเดียวแข็ง
ลักษณะเด่นของวงศ์
ไม้ต้น หูใบเชื่อมติดกันเวลาร่วงหลุดจะทิ้งรอยแผลเป็นไว้รอบกิ่ง ใบประกอบ
แบบขนนก ขอบจกั ซฟ่ี นั มตี อ่ มเลก็ ๆ ทป่ี ลายของแกนกลางชอ่ ใบ ผลมเี มลด็ เดยี วแขง็
วงศใ์ กลเ้ คยี ง – ลกั ษณะทแ่ี ตกตา่ ง
Euphorbiaceae – สกลุ Bischofia ใบตดิ เวยี นสลบั
Caprifoliaceae – สกลุ Sambucus กลบี ดอกเชอ่ื มตดิ กนั รงั ไขต่ ดิ ใตว้ งกลบี
Cunoniaceae – เกสรเพศผตู้ ดิ เปน็ สองแถว รงั ไขม่ ี 2 ชอ่ ง
การกระจายพันธุ์
ในซกี โลกเหนอื ในประเทศไทยมี 1 สกลุ
• สกุล Turpinia ไม้ต้น พบในป่าดิบที่ต่ำ และป่าดิบเขา ได้แก่ มะกอกพราน
Turpinia pomifera (Roxb.) DC. มว่ งกอ้ ม Turpinia cochinchinensis (Lour.) Merr.
ลักษณะประจำวงศ์พรรณไม้ 93
มะกอกพราน
Turpinia pomifera (Roxb.) DC.
94 ลกั ษณะประจำวงศพ์ รรณไม้
วงศก์ ำยาน STYRACACEAE
ลักษณะประจำวงศ์
ไม้ต้น ไม่มีหูใบ ใบ เดี่ยว ติดสลับ เส้นใบออกจากสองข้างของเส้นกลางใบ
แบบขนนก ดอก สมบูรณ์เพศ สมมาตรตามรัศมี ไม่มีจานฐานดอก รังไข่ติดเหนือ
วงกลบี รงั ไขม่ ี 3-5 ชอ่ ง ผล เปน็ แบบผลแหง้ แตก มเี มลด็ เดยี ว
ลักษณะเด่นของวงศ์
มีขนรูปดาว ใบด้านล่างมีสีออกขาว กลีบดอกเป็นรูปท่อ ปลายจักเป็น 4-7 แฉก
เกสรเพศผู้มีจำนวนเท่าหรือเป็นสองเท่าของกลีบดอก เชื่อมติดกับท่อกลีบดอก
วงศใ์ กลเ้ คยี ง – ลกั ษณะทแ่ี ตกตา่ ง
Symplocaceae – ไม่มีขนรูปดาว เกสรเพศผู้มีจำนวนมาก รังไข่ติดใต้วงกลีบ
การกระจายพันธุ์
พบในซกี โลกเหนอื ในประเทศไทยมี 1 สกลุ
• สกลุ Styrax พบในปา่ ดบิ ชน้ื ทต่ี ำ่
ประโยชน์
สกุล Styrax บางชนดิ มยี างที่มีกลิ่นหอม ปลกู เปน็ พืชกสิกรรม
ลักษณะประจำวงศ์พรรณไม้ 95
เอนอ้าขาว
Styrax rugosus Kurz
กำยาน
Styrax benzoides Craib
96 ลกั ษณะประจำวงศพ์ รรณไม้
วงศเ์ หมอื ด SYMPLOCACEAE
ลักษณะประจำวงศ์
ไม้พุ่ม หรือไม้ต้นขนาดใหญ่ เป็นไม้เนื้อแข็ง ไม่มีหูใบ ใบ เดี่ยว เส้นใบออกจาก
สองข้างของเส้นกลางใบแบบขนนก ดอก สมบูรณ์เพศ สมมาตรตามรัศมี
กลีบเลี้ยงและกลีบดอกเชื่อมติดกัน ส่วนมากมักที่โคน เกสรเพศผู้มีจำนวนมาก
เชื่อมติดกันเป็นท่อ รังไข่ติดใต้วงกลีบ ไข่อ่อนมี 2-4 หน่วยในแต่ละช่องของรังไข่
โดยตดิ หอ้ ยแขวน ผล มเี นอ้ื เมลด็ แขง็ มี 2-5 ชอ่ ง
ลักษณะเด่นของวงศ์
ใบตดิ เวยี นสลบั ขอบใบจกั ซฟ่ี นั เมอ่ื แหง้ สเี ขยี วออกเหลอื ง เสน้ กลางใบจมดา้ นบน
ดอกสมบูรณ์เพศ เกสรเพศผู้มีจำนวนมากเชื่อมติดกันเป็นท่อ แต่ละดอกมีใบประดับ
รองรบั 1 ใบและมใี บประดบั ยอ่ ย 2 ใบ ผนงั ผลชน้ั ในมลี ายสลกั
วงศใ์ กลเ้ คยี ง – ลกั ษณะทแ่ี ตกตา่ ง
Alangiaceae – กลีบดอกแยก มีไข่อ่อน 1 หน่วยต่อ 1 ช่องของรังไข่ ผลมีเนื้อ
หลายเมล็ด
Ebenaceae – ขอบใบเรยี บ รงั ไขต่ ดิ เหนอื วงกลบี ผลมเี นอ้ื หลายเมลด็
Rosaceae – มหี ใู บ
Theaceae – พลาเซนตาเป็นแบบติดรอบแกนร่วม ผลมีเนื้อหลายเมล็ด
หรือแบบแห้งแตก
การกระจายพันธุ์
ในเขตร้อน มีสกุลเดียว
• สกุล Symplocos เช่น เหมือดหอม Symplocos racemosa Roxb.
เหมือดลูกใหญ่ Symplocos henschelii (Moritzi) Benth. ex C. B. Clarke var.
henschelii เหมอื ดยอดเกลย้ี ง Symplocos hookeri C. B. Clarke
ลักษณะประจำวงศ์พรรณไม้ 97
เหมือดหอม
Symplocos racemosa Roxb.
เหมอื ดยอดเกลย้ี ง
Symplocos hookeri C. B. Clarke
98 ลกั ษณะประจำวงศพ์ รรณไม้
วงศม์ ะยมหนิ SABIACEAE
ลักษณะประจำวงศ์
ไม้ต้น ไม่มีหูใบ ใบ ประกอบ บวมพองที่ข้อ ใบย่อยติดตรงข้าม ติดเวียนสลับ
ขอบเรียบ เส้นใบออกจากสองข้างของเส้นกลางใบแบบขนนก ดอก สมบูรณ์เพศ
สมมาตรตามรัศมี มีกลีบเลี้ยงและกลีบดอกอย่างละ 5 กลีบ เกสรเพศผู้ติดตรงข้าม
กับกลีบดอก และทั้งคู่นี้ติดตรงข้ามกับกลีบเลี้ยง กลีบเลี้ยงและกลีบดอก
ซอ้ นเหลอ่ื มกนั คอ่ นขา้ งแยกจากกนั มจี านฐานดอก เกสรเพศผมู้ ี 3-5 อนั บางทพี บ
เกสรเพศผู้เป็นหมัน รังไข่ติดเหนือวงกลีบ ก้านเกสรเพศเมียติดเยื้องศูนย์กลาง
ของรงั ไข่ รงั ไขม่ ี 2 ชอ่ ง ผล มเี นอ้ื มสี นั ตามยาว มหี ลายเมลด็
ลักษณะเด่นของวงศ์
ไม้ต้น ใบประกอบมีใบย่อยติดตรงข้าม เกสรเพศผู้ติดตรงข้ามกับกลีบดอก
รังไข่ติดเหนือวงกลีบ
วงศใ์ กลเ้ คยี ง – ลกั ษณะทแ่ี ตกตา่ ง
Anacardiaceae – มียางเมื่อถูกอากาศเป็นสีดำ เกสรเพศผู้ไม่ติดตรงข้าม
กับกลีบดอก
Burseraceae – มยี าง ดอกแยกเพศ เกสร เพศผไู้ มต่ ดิ ตรงขา้ มกบั กลบี ดอก
Menispermaceae – ใบมีเส้นใบออกจาก
จุดเดียวกันที่โคนใบ ดอกแยกเพศ
Sapindaceae – ใบประกอบมีใบย่อย
ติดสลับ ดอกมักแยกเพศ เกสรเพศผู้ไม่ติด
ตรงข้ามกับกลีบดอก
การกระจายพันธุ์
พบในเขตร้อนของทวีปเอเซียและอเมริกา
ในประเทศไทยมี 2 สกลุ 5 ชนดิ เชน่
• สกลุ Meliosma ไมต้ น้ ใบเปน็ ใบประกอบ
เช่น มะยมหิน Meliosma pinnata Walp.
พบในป่าดิบที่ต่ำถึงป่าดิบเขา
มะยมหิน
Meliosma pinnata Walp.
ลักษณะประจำวงศ์พรรณไม้ 99
วงศใ์ บพาย VIOLACEAE
ลักษณะประจำวงศ์
ไม้ต้น ไม้พุ่ม และไม้ล้มลุก มีหูใบ ใบ เดี่ยว ติดเวียนสลับ ขอบใบจักซี่ฟัน ดอก
สมบูรณ์เพศ สมมาตรด้านข้าง กลีบเลี้ยงและกลีบดอกมีอย่างละ 5 กลีบ
กลีบเลี้ยงและกลีบดอกแยกจากกัน ก้านเกสรเพศผู้เชื่อมติดกันโดยมีเนื้อเยื่อเชื่อม
เปน็ รยางค์ ผล เปน็ แบบผลแหง้ แตก แตกเปน็ 3 เสย่ี ง
ลักษณะเด่นของวงศ์
พืชล้มลุกอายุหลายปี ดอกสมมาตรด้านข้าง กลีบดอกและอับเรณูมีจงอย
เกสรเพศผู้เชื่อมติดกันโดยมีเนื้อเยื่อเชื่อมเป็นรยางค์
วงศใ์ กลเ้ คยี ง – ลกั ษณะทแ่ี ตกตา่ ง
Euphorbiaceae – ดอกแยกเพศ พลาเซนตาไม่ติดตามแนวแกน
Flacourtiaceae – เกสรเพศผู้มีจำนวนมาก ผลไม่ค่อยพบเป็นผลแห้งแตก
การกระจายพันธุ์
ทว่ั ไป ในประเทศไทยมปี ระมาณ 3 สกลุ 17 ชนดิ
• สกลุ Rinorea พบในเขตรอ้ น เชน่ เงาะปา่ Rinorea arguifera (Lour.) Kuntze
ไม้พุ่ม หรือไม้ต้น มีรอยแผลเป็นของหูใบชัดเจน ผลมีรยางค์คล้ายมอสส์ พบตาม
ป่าดิบที่ต่ำ
• สกลุ Viola พบทว่ั ไป เชน่ ใบพาย Viola betonicifolia Sm. ไมล้ ม้ ลกุ ตามพน้ื ดนิ
พบตามป่าดิบเขาและเขตอัลไพน์ บางชนิดนำเข้ามาปลูกเป็นไม้ประดับ เช่น ผีเสื้อ
Viola tricolor L.
ผเี สอ้ื วาสุกรี
Viola tricolor L. Viola pilosa Blume
ภาคผนวก
ลกั ษณะโครงสรา้ งภายนอกของพชื