The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หลักสูตรกลุ่มสาระวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 2567

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by เอกลักษณ์ ท่าทราย, 2024-05-11 08:37:58

หลักสูตรกลุ่มสาระวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 2567

หลักสูตรกลุ่มสาระวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 2567

๑ หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนวัดชัยมงคล พุทธศักราช ๒๕๖๗ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐)


๒ หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนวัดชัยมงคล พุทธศักราช ๒๕๖๗ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) คำนำ หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนวัดชัยมงคล พุทธศักราช ๒๕๖๗ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยีตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุงพ.ศ. ๒๕๖๐) นี้ได้ จัดทำขึ้นตามแนวทางที่กำหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) และเป็นไปตามมาตรา ๒๗ วรรคสองแห่งพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช ๒๕๕๒ ซึ่งกำหนดให้สถานศึกษามีหน้าที่จัดทำสาระของหลักสูตรสถานศึกษาตามวัตถุประสงค์ที่คณะกรรมการ การศึกษาขั้นพื้นฐานกำหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) โดยน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาบูรณาการในการจัดการเรียนการสอน ให้ สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมในชุมชน สังคม ภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อพัฒนาเด็กและเยาวชนไทยทุกคนในระดับ การศึกษาขั้นพื้นฐาน ให้มีคุณภาพด้านความรู้และทักษะที่จำเป็น สำหรับการดำรงชีวิตในสังคมที่มีการ เปลี่ยนแปลง และแสวงหาความรู้เพื่อพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต คณะกรรมการกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีโรงเรียนวัดชัยมงคล หวังเป็นอย่างยิ่ง ว่าหลักสูตร กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์เล่มนี้ จะเป็นประโยชน์สำหรับครูผู้สอนและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง นำไปใช้เป็นกรอบและทิศทางในการจัดการเรียนการสอนต่อไป คณะครูกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนวัดชัยมงคล ก


๓ หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนวัดชัยมงคล พุทธศักราช ๒๕๖๗ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) สารบัญ เรื่อง หน้า คำนำ......................................................................................................................... ..................... ก สารบัญ....................................................................................................................... .................... ข ส่วนที่ ๑ ส่วนนำ…………………………………………………………………………………………………………….. ๑ ความนำ....................................................................................................................... ........... ๒ วิสัยทัศน์…………………………………………………………………………………………………………………. ๓ พันธกิจ...................................................................................................................... ............. ๓ เป้าประสงค์.................................................................................................................. ......... ๓ หลักการ...................................................................................................................... ........... ๔ จุดมุ่งหมาย.................................................................................................................. ........... ๔ คุณลักษณะอันพึงประสงค์..................................................................................................... ๕ สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน.................................................................................................... ๕ ส่วนที่ ๒ ทำไมต้องเรียนวิทยาศาสตร์.......................................................................................... ๗ ทำไมต้องเรียนวิทยาศาสตร์.................................................................................................... ๗ เป้าหมายของวิทยาศาสตร์..................................................................................................... ๙ สาระและมาตรฐานการเรียนรู้................................................................................................ ๑๐ ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง.................................................................................... ๑๔ ส่วนที่ ๓ โครงสร้างหลักสูตรสถานศึกษา..................................................................................... ๕๐ ส่วนที่ ๔ คำอธิบายรายวิชา......................................................................................................... ๕๒ คำอธิบายรายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑.................................. ๕๖ คำอธิบายรายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒.................................. ๕๗ คำอธิบายรายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓.................................. ๕๘ คำอธิบายรายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔.................................. ๕๙ คำอธิบายรายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕.................................. ๖๐ คำอธิบายรายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖.................................. ๖๒ ข


๔ หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนวัดชัยมงคล พุทธศักราช ๒๕๖๗ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) สารบัญ (ต่อ) เรื่อง หน้า ส่วนที่ ๕ โครงสร้างรายวิชา......................................................................................................... ๖๔ โครงสร้างรายวิชา ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑.............................................................................. ๖๕ โครงสร้างรายวิชา ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒.............................................................................. ๖๗ โครงสร้างรายวิชา ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓.............................................................................. ๖๘ โครงสร้างรายวิชา ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔.............................................................................. ๗๐ โครงสร้างรายวิชา ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕.............................................................................. ๗๒ โครงสร้างรายวิชา ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖.............................................................................. ๗๔ ส่วนที่ ๖ เกณฑ์การวัดและประเมินการเรียนรู้............................................................................ ๗๖ เกณฑ์การให้คะแนนผลการเรียนรู้โดยการสอบ...................................................................... ๗๗ เกณฑ์การให้คะแนนด้านทักษะ / กระบวนการทางวิทยาศาสตร์แบบแยกองค์ประกอบ....... ๗๘ เกณฑ์การให้คะแนนด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์แบบแยกองค์ประกอบ.......................... ๘๐ เกณฑ์การประเมินชิ้นงานแบบองค์รวม................................................................................. ๘๑ เกณฑ์การให้คะแนนด้านคุณลักษณะที่พึงประสงค์แบบองค์รวม........................................... ๘๒ การตัดสินผลการเรียน.......................................................................................................... .. ๘๒ ระดับผลการเรียน.............................................................................................................. ..... ๘๓ การวัดและประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน........................................................... ๘๓ เกณฑ์การจบหลักสูตร........................................................................................................... . ๘๕ ภาคผนวก.............................................................................................................................. ........ ๘๖ คณะผู้จัดทำหลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี.................................. ๘๗ ค


๑ หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนวัดชัยมงคล พุทธศักราช ๒๕๖๗ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ส่วนที่ ๑ ส่วนนำ


๒ หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนวัดชัยมงคล พุทธศักราช ๒๕๖๗ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ความนำ จากการทบทวนหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุงพ.ศ. ๒๕๖๐) นำไปสู่การพัฒนา หลักสูตรสถานศึกษา พุทธศักราช ๒๕67 ที่มีความเหมาะสม ชัดเจน ทั้งเป้าหมาย ของหลักสูตร ในการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน และกระบวนการนำหลักสูตรไปสู่การปฏิบัติในสถานศึกษา โดยมี การกำหนดวิสัยทัศน์ จุดหมาย สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ มาตรฐานการเรียนรู้ และตัวชี้วัดที่ชัดเจน เพื่อใช้เป็นทิศทางในการจัดทำหลักสูตรสถานศึกษา นำมาจัดการเรียนการสอนในแต่ละ ช่วงชั้น นอกจากนั้นได้กำหนดโครงสร้างเวลาเรียน หน่วยกาเรียนรู้ ของแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ ในแต่ละ ช่วงชั้นไว้ ในหลักสูตรสถานศึกษา พุทธศักราช ๒๕67 และสถานศึกษาเป็นรายวิชาเพิ่มเติมตามความพร้อม และจุดเน้น อีกทั้งได้ปรับกระบวนการวัดผลและประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียน เกณฑ์การจบการศึกษาแต่ ละช่วงชั้น และเอกสารแสดงหลักฐานทางการศึกษา ให้มีความสอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้ และมีความ ชัดเจนต่อการนำไปปฏิบัติ โรงเรียนวัดชัยมงคล ได้นำหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) และกรอบหลักสูตรท้องถิ่น มาใช้เป็นกรอบและทิศทางในการจัดทำหลักสูตรสถานศึกษา พุทธศักราช ๒๕66 ในการจัดการเรียนการสอน เพื่อพัฒนาคุณภาพของเรียน ให้มีคุณภาพตามมาตรฐาน การศึกษา ด้านความรู้ทักษะที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตในสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลง และแสวงหาความรู้เพื่อ พัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต โดยการนำมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด ที่กำหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ มากำหนดการพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียนที่ชัดเจน โดยมีผู้ที่เกี่ยวข้องในระดับท้องถิ่นและ สถานศึกษาร่วมกันพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา ทำให้หลักสูตรสถานศึกษามีคุณภาพ และมีความเป็นเอกภาพ ยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีความชัดเจนในเรื่องการวัดผลและประเมินผลการเรียนรู้ ดังนั้นในการพัฒนาหลักสูตรในระดับ สถานศึกษาได้สะท้อนคุณภาพตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดที่กำหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุงพ.ศ. ๒๕๖๐) รวมทั้งมีกรอบทิศทางในการจัดการศึกษารายวิชา เพิ่มเติมตามความต้องการของท้องถิ่น ครอบคลุมสมรรถนะสำคัญของผู้เรียนและคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของ ผู้เรียนทุกกลุ่มเป้าหมาย การจัดหลักสูตรศึกษาจะประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่คาดหวังได้ ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้ง ระดับชาติ ชุมชน ครอบครัวและบุคคลต้องร่วมรับผิดชอบโดยร่วมกันทำงานอย่างเป็นระบบและต่อเนื่องใวาง แผนดำเนินการ ส่งเสริมสนับสนุน ตรวจสอบ ตลอดจนปรับปรุงแก้ไข เพื่อพัฒนาผู้เรียนไปสู่คุณภาพตาม มาตรฐานการเรียนรู้ที่กำหนดไว้


๓ หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนวัดชัยมงคล พุทธศักราช ๒๕๖๗ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) วิสัยทัศน์ ผู้เรียนมีคุณภาพ ก้าวทันเทคโนโลยี มีคุณธรรม ดำรงตนตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง คำขวัญ ใฝ่เรียนรู้ เชิดชูคุณธรรม ก้าวทันเทคโนโลยี เอกลักษณ์ ความรู้คู่คุณธรรม ก้าวทันเทคโนโลยี อัตลักษณ์ มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ อยู่อย่างพอเพียง พันธกิจ 1. จัดการศึกษาให้มีคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษา 2. จัดกระบวนการเรียนรู้ให้ผู้เรียน เรียนรู้ตามศักยภาพ และความสนใจ 3. จัดกระบวนการส่งเสริมการใช้สื่อและเทคโนโลยีในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนและ การบริหารจัดการ 4. จัดกระบวนการเรียนรู้ปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมที่พึงประสงค์ 5. ส่งเสริมให้มีสุขภาพกาย สุขภาพจิตที่ดี 6. ส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่นและจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 7. พัฒนาบุคลากรให้จัดการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ ตามมาตรฐานการศึกษา


๔ หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนวัดชัยมงคล พุทธศักราช ๒๕๖๗ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) เป้าประสงค์ โรงเรียนวัดชัยมงคล มุ่งเน้นพัฒนาผู้เรียนให้เป็นคนดีมีปัญญา มีความสุข มีศักยภาพ ในการศึกษาต่อและประกอบอาชีพ จึงกำหนดเป็นเป้าหมายเพื่อให้เกิดกับผู้เรียนทุกคน เมื่อจบการศึกษา ขั้นพื้นฐาน ดังนี้ ๑. นักเรียนมีคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษา ๒. นักเรียนคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมที่พึงประสงค์ดำรงชีวิตตามหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง ๓. นักเรียนมีสุขภาพกาย สุขภาพจิตที่ดี ๔. สถานศึกษามีเทคโนโลยีทันสมัย ๕. สถานศึกษามีสภาพแวดล้อมสะอาด ร่มรื่น ปลอดภัย และเอื้อต่อการเรียนรู้ ๖. ครูและบุคลากรทางการศึกษาทุกคนจัดการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ ตามมาตราฐาน การศึกษา ๗. สถานศึกษา มีระบบบริหารจัดการที่เข้มแข็ง ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม เพื่อสร้างโอกาส สิทธิ คุณภาพผู้เรียนและยกระดับมาตรฐานของสถานศึกษา หลักการ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีหลักการที่สำคัญ ดังนี้ ๑. เป็นหลักสูตรการศึกษาเพื่อความเป็นเอกภาพของชาติ มีจุดหมายและมาตรฐานการเรียนรู้เป็น เป้าหมายสำหรับพัฒนาเด็กและเยาวชน ให้มีความรู้ ทักษะ เจตคติ และคุณธรรมบนพื้นฐานของ ความเป็นไทยควบคู่กับความเป็นสากล ๒. เป็นหลักสูตรการศึกษาเพื่อปวงชน ที่ประชาชนทุกคนมีโอกาสได้รับการศึกษาอย่างเสมอภาคและ มีคุณภาพ ๓. เป็นหลักสูตรการศึกษาที่สนองการกระจายอำนาจ ให้สังคมมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา ให้สอดคล้องกับสภาพและความต้องการของท้องถิ่น ๔. เป็นหลักสูตรการศึกษาที่มีโครงสร้างยืดหยุ่นทั้งด้านสาระการเรียนรู้ เวลาและการจัดการเรียนรู้ ๕. เป็นหลักสูตรการศึกษาที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ


๕ หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนวัดชัยมงคล พุทธศักราช ๒๕๖๗ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ๖. เป็นหลักสูตรการศึกษาสำหรับการศึกษาในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย ครอบคลุมทุก กลุ่มเป้าหมาย สามารถเทียบโอนผลการเรียนรู้ และประสบการณ์ จุดมุ่งหมาย โรงเรียนวัดชัยมงคล มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้เป็นคนดี มีปัญญา มีความสุข มีศักยภาพในการศึกษาต่อ และประกอบอาชีพ จึงกำหนดเป็นจุดหมายเพื่อให้เกิดกับผู้เรียน เมื่อจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน ดังนี้ ๑. มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมที่พึงประสงค์ เห็นคุณค่าของตนเอง มีวินัยและปฏิบัติตนตาม หลักธรรมของพระพุทธศาสนา หรือศาสนาที่ตนนับถือ ยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ๒. มีความรู้ ความสามารถในการสื่อสาร การคิด การแก้ปัญหา การใช้เทคโนโลยี และมีทักษะชีวิต ๓. มีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดี มีสุขนิสัย และรักการออกกำลังกาย ๔. มีความรักชาติ มีจิตสำนึกในความเป็นพลเมืองไทยและพลโลก ยึดมั่นในวิถีชีวิตและการปกครอง ตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ๕. มีจิตสำนึกในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย การอนุรักษ์และพัฒนาสิ่งแวดล้อม มีจิตสาธารณะที่มุ่งทำประโยชน์และสร้างสิ่งที่ดีงามในสังคม และอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุข คุณลักษณะอันพึงประสงค์ โรงเรียนวัดชัยมงคล มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นใน สังคมได้อย่างมีความสุขในฐานะเป็นพลเมืองไทยและพลโลก ดังนี้ ๑. รักชาติศาสน์ กษัตริย์ ๒. ซื่อสัตย์สุจริต ๓. มีวินัย ๔. ใฝ่เรียนรู้ ๕. อยู่อย่างพอเพียง ๖. มุ่งมั่นในการทำงาน ๗. รักความเป็นไทย ๘. มีจิตสาธารณะ


๖ หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนวัดชัยมงคล พุทธศักราช ๒๕๖๗ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน การพัฒนาผู้เรียนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน มุ่งเน้นพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพตาม มาตรฐานที่กำหนด มุ่งให้ผู้เรียนเกิดสมรรถนะสำคัญ ๕ ประการ ดังนี้ ๑. ความสามารถในการสื่อสาร เป็นความสามารถในการรับและส่งสาร มีวัฒนธรรมในการใช้ภาษา ถ่ายทอดความคิด ความรู้ความเข้าใจ ความรู้สึก และทัศนะของตนเองเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและ ประสบการณ์อันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองและสังคม รวมทั้งการเจรจาต่อรองเพื่อขจัดและ ลดปัญหาความขัดแย้งต่าง ๆ การเลือกรับหรือไม่รับข้อมูลข่าวสารด้วยหลักเหตุผลและความถูกต้อง ตลอดจน การเลือกใช้วิธีการสื่อสาร ที่มีประสิทธิภาพโดยคำนึงถึงผลกระทบที่มีต่อตนเองและสังคม ๒. ความสามารถในการคิด เป็นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิดอย่าง สร้างสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการคิดเป็นระบบ เพื่อนำไปสู่การสร้างองค์ความรู้หรือสารสนเทศ เพื่อการตัดสินใจเกี่ยวกับตนเองและสังคมได้อย่างเหมาะสม ๓. ความสามารถในการแก้ปัญหา เป็นความสามารถในการแก้ปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ที่เผชิญได้ อย่างถูกต้องเหมาะสมบนพื้นฐานของหลักเหตุผล คุณธรรมและข้อมูลสารสนเทศ เข้าใจความสัมพันธ์และการ เปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ต่าง ๆ ในสังคม แสวงหาความรู้ ประยุกต์ความรู้มาใช้ในการป้องกันและแก้ไขปัญหา และมีการตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพโดยคำนึงถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อตนเอง สังคมและสิ่งแวดล้อม ๔. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ความสามารถในการนำกระบวนการต่างๆ ไปใช้ในชีวิตประจำวัน การเรียนรู้ด้วยตนเอง การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง การทำงาน การอยู่ร่วมกันในสังคมด้วยการสร้างเสริม ความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคล การจัดการปัญหา ความขัดแย้งต่าง ๆ อย่างเหมาะสม การปรับตัวให้ทันกับ การเปลี่ยนแปลงของสังคม สภาพแวดล้อม และการรู้จักหลีกเลี่ยงพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ที่ส่งผลกระทบต่อ ตนเองและผู้อื่น ๕. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีเป็นความสามารถในการเลือกและใช้เทคโนโลยีด้านต่าง ๆ และมี ทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพื่อการพัฒนาตนเองและสังคม ในด้านการเรียนรู้ การสื่อสารการทำงาน การแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ ถูกต้อง เหมาะสม และมีคุณธรรม


๗ หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนวัดชัยมงคล พุทธศักราช ๒๕๖๗ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ส่วนที่ ๒ ทำไมต้องเรียนวิทยาศาสตร์


๘ หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนวัดชัยมงคล พุทธศักราช ๒๕๖๗ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ทำไมต้องเรียนวิทยาศาสตร์ ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลางกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี(ฉบับ ปรับปรุงพ.ศ.๒๕๖๐) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช ๒๕๕๑ ได้กำหนดสาระการ เรียนรู้ออกเป็น ๔ สาระได้แก่ สาระที่ ๑ วิทยาศาสตร์ชีวภาพ สาระที่ ๒ วิทยาศาสตร์กายภาพ สาระที่ ๓ วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศและสาระที่ ๔ เทคโนโลยีกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้ กำหนดตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลางที่ผู้เรียนจำเป็นต้องเรียนเป็นพื้นฐานเพื่อให้สามารถนำความรู้ นี้ไปใช้ในการดำรงชีวิตหรือศึกษาต่อในวิชาชีพที่ต้องใช้วิทยาศาสตร์ได้โดยจัดเรียงลำดับความยากง่ายของ เนื้อหาแต่ละสาระในแต่ละระดับชั้นให้มี การเชื่อมโยงความรู้กับกระบวนการเรียนรู้และการจัดกิจกรรมการ เรียนรู้ที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนพัฒนาความคิดทั้งความคิดเป็นเหตุเป็นผล คิดสร้างสรรค์คิดวิเคราะห์วิจารณ์ มีทักษะที่สำคัญทั้งทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และทักษะในศตวรรษที่ ๒๑ ในการค้นคว้าและ สร้างองค์ความรู้ด้วยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้สามารถแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบสามารถตัดสินใจโดยใช้ ข้อมูล หลากหลายและประจักษ์พยานที่ตรวจสอบได้ เพื่อให้มีความทันสมัยต่อการเปลี่ยนแปลงและความเจริญก้าวหน้าของวิทยาการต่างๆและ ทัดเทียมกับนานาชาติ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ สรุปเป็นแผนภาพได้ ดังนี้ วิทยาศาสตร์เพิ่มเติม • สาระชีววิทยา • สาระเคมี • สาระฟิสิกส์ • สาระโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ


๙ หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนวัดชัยมงคล พุทธศักราช ๒๕๖๗ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) เป้าหมายของวิทยาศาสตร์ ในการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์มุ่งเน้นให้ผู้เรียนได้ค้นพบความรู้ด้วยตนเองมากที่สุดเพื่อให้ได้ทั้ง กระบวนการและความรู้จากวิธีการสังเกตการสำรวจตรวจสอบการทดลองแล้วนำผลที่ได้ มาจัดระบบเป็นหลักการ แนวคิด และองค์ความรู้ การจัดการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์จึงมีเป้าหมายที่สำคัญ ดังนี้ ๑. เพื่อให้เข้าใจหลักการ ทฤษฎี และกฎที่เป็นพื้นฐานในวิชาวิทยาศาสตร์ ๒. เพื่อให้เข้าใจขอบเขตของธรรมชาติของวิชาวิทยาศาสตร์และข้อจำกัดในการศึกษา วิชา วิทยาศาสตร์ ๓. เพื่อให้มีทักษะที่สำคัญในการศึกษาค้นคว้าและคิดค้นทางเทคโนโลยี ๔.เพื่อให้ตระหนักถึงความสัมพันธ์ระหว่างวิชาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีมวลมนุษย์ และ สภาพแวดล้อมในเชิงที่มีอิทธิพลและผลกระทบซึ่งกันและกัน ๕. เพื่อนำความรู้ความเข้าใจในวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปใช้ให้เกิดประโยชน์ ต่อสังคมและ การดำรงชีวิต ๖.เพื่อพัฒนากระบวนการคิดและจินตนาการ ความสามารถในการแก้ปัญหาและการจัดการ ทักษะในการสื่อสาร และความสามารถในการตัดสินใจ ๗. เพื่อให้เป็นผู้ที่มีจิตวิทยาศาสตร์มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมในการใช้ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมุ่งหวังให้ผู้เรียนได้เรียนรู้วิทยาศาสตร์ ที่เน้นการ เชื่อมโยงความรู้กับกระบวนการ มีทักษะสำคัญในการค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ โดยใช้กระบวนการในการสืบ เสาะหาความรู้และแก้ปัญหาที่หลากหลาย ให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ทุกขั้นตอน มีการทำกิจกรรมด้วย การลงมือปฏิบัติจริงอย่างหลากหลาย เหมาะสมกับระดับชั้น โดยกำหนดสาระสำคัญ ดังนี้ ๑. วิทยาศาสตร์ชีวภาพ เรียนรู้เกี่ยวกับชีวิตในสิ่งแวดล้อม องค์ประกอบของสิ่งมีชีวิต การดำรงชีวิต ของมนุษย์และสัตว์ การดำรงชีวิตของพืช พันธุกรรม ความหลากหลายทางชีวภาพ และวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต ๒. วิทยาศาสตร์กายภาพ เรียนรู้เกี่ยวกับธรรมชาติของสาร การเปลี่ยนแปลงของสาร การเคลื่อนที่ พลังงาน และคลื่น ๓. วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ เรียนรู้เกี่ยวกับองค์ประกอบของเอกภพ ปฏิสัมพันธ์ภายในระบบ สุริยะ เทคโนโลยีอวกาศ ระบบโลก การเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยา กระบวนการเปลี่ยนแปลงลม ฟ้า อากาศ ส่งผลต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม


๑๐ หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนวัดชัยมงคล พุทธศักราช ๒๕๖๗ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ๔. เทคโนโลยี ๔.๑ การออกแบบและเทคโนโลยีเรียนรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยี เพื่อการดำรงชีวิตในสังคมที่มี การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ใช้ความรู้และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตร์อื่นๆ เพื่อ แก้ปัญหาหรือพัฒนางานอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เลือกใช้เทคโนโลยี อย่างเหมาะสม โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อชีวิต สังคม และสิ่งแวดล้อม ๔.๒ วิทยาการคำนวณ เรียนรู้เกี่ยวกับการคิดเชิงวิศวกรรม การคิดวิเคราะห์ แก้ปัญหาเป็น ขั้นตอนและเป็นระบบ ประยุกต์ใช้ความรู้ด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตประจำวัน สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ สาระที่ ๑ วิทยาศาสตร์ชีวภาพ มาตรฐาน ว ๑.๑ เข้าใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งไม่มีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต และความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ในระบบนิเวศการถ่ายทอดพลังงานการเปลี่ยนแปลง แทนที่ในระบบนิเวศ ความหมายของประชากร ปัญหาและผลกระทบที่มีต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แนวทางในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมรวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ มาตรฐาน ว ๑.๒ เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิตหน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต การลำเลียงสารเข้าและออกจาก เซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง หน้าที่ของระบบต่างๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทำงานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ ของโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะต่างๆ ของพืชที่ทำงานสัมพันธ์กัน รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ มาตรฐาน ว ๑.๓ เข้าใจกระบวนการและความสำคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม สารพันธุกรรม การเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมที่มีต่อสิ่งมีชีวิต ความหลากหลายทางชีวภาพและวิวัฒนาการของ สิ่งมีชีวิต รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ สาระที่ ๒ วิทยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว ๒.๑ เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสสาร กับโครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาคหลัก และธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การเกิดสารละลาย และการเกิดปฏิกิริยาเคมี มาตรฐาน ว ๒.๒ เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจำวัน ผลของแรงที่กระทำต่อวัตถุ ลักษณะ การเคลื่อนที่แบบต่างๆ ของวัตถุรวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ มาตรฐาน ว ๒.๓ เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงานปฏิสัมพันธ์ ระหว่างสสารและพลังงาน พลังงานในชีวิตประจำวัน ธรรมชาติของ คลื่น ปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเสียง แสง และคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ สาระที่ ๓ วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ มาตรฐาน ว ๓.๑ เข้าใจองค์ประกอบลักษณะกระบวนการเกิด และวิวัฒนาการของเอกภพ กาแล็กซี ดาวฤกษ์ ระบบสุริยะ รวมทั้งปฏิสัมพันธ์ภายในระบบสุริยะที่ส่งผลต่อสิ่งมีชีวิต การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอวกาศ


๑๑ หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนวัดชัยมงคล พุทธศักราช ๒๕๖๗ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) มาตรฐาน ว ๓.๒ เข้าใจองค์ประกอบและความสัมพันธ์ของระบบโลก กระบวนการเปลี่ยนแปลงภายใน โลก และบนผิวโลก ธรณีพิบัติภัย กระบวนการเปลี่ยนแปลงลมฟ้า อากาศ และภูมิอากาศโลก รวมทั้งผลต่อ สิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม สาระที่ ๔ เทคโนโลยี มาตรฐาน ว ๔.๑ เข้าใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยี เพื่อการดำรงชีวิตในสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลง อย่างรวดเร็ว ใช้ความรู้และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และศาสตร์อื่น ๆ เพื่อแก้ปัญหาหรือพัฒนา งานอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ ด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เลือกใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสมโดย คำนึงถึงผลกระทบต่อชีวิต สังคม และสิ่งแวดล้อม มาตรฐาน ว ๔.๒ เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคำนวณในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงอย่างเป็นขั้นตอน และเป็นระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรียนรู้การทำงานและการแก้ปัญหาได้อย่างมี ประสิทธิภาพ รู้เท่าทัน และมีจริยธรรม คุณภาพผู้เรียน จบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ ๑. เข้าใจลักษณะทั่วไปของสิ่งมีชีวิตและการดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิตรอบตัว ๒. เข้าใจลักษณะที่ปรากฏชนิด สมบัติบางประการของวัสดุที่ใช้ทำวัตถุ การเปลี่ยนแปลงของวัสดุ รอบตัว ๓. เข้าใจการดึง การผลักแรงแม่เหล็ก และผลของแรงที่มีต่อการเปลี่ยนแปลง การเคลื่อนที่ของวัตถุ พลังงานไฟฟ้าและการผลิตไฟฟ้า การเกิดเสียง แสง และการมองเห็น ๔. เข้าใจการปรากฏของดวงอาทิตย์ดวงจันทร์และดาว ปรากฏการณ์ขึ้นและตกของดวงอาทิตย์ การเกิดกลางวันกลางคืน การกำหนดทิศ ลักษณะของหิน การจำแนกชนิดดิน และการใช้ประโยชน์ลักษณะ และความสำคัญของอากาศ การเกิดลม ประโยชน์ และโทษของลม ๕. ตั้งคำถามหรือกำหนดปัญหาเกี่ยวกับสิ่งที่จะเรียนรู้ตามที่กำหนดให้ หรือตามความสนใจสังเกต สำรวจ ตรวจสอบ โดยใช้เครื่องมืออย่างง่าย รวบรวมข้อมูล บันทึก และอธิบายผลการสำรวจตรวจสอบ ด้วย การเขียนหรือวาดภาพ และสื่อสารสิ่งที่เรียนรู้ด้วยการเล่าเรื่อง หรือด้วยการแสดง ท่าทางเพื่อให้ผู้อื่นเข้าใจ ๖. แก้ปัญหาอย่างง่ายโดยใช้ขั้นตอนการแก้ปัญหา มีทักษะในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและ การสื่อสารเบื้องต้น รักษาข้อมูลส่วนตัว ๗. แสดงความกระตือรือร้น สนใจที่จะเรียนรู้มีความคิดสร้างสรรค์เกี่ยวกับเรื่องที่จะศึกษาตามที่ กำหนดให้หรือตามความสนใจ มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น และยอมรับฟังความคิดเห็นผู้อื่น ๘. แสดงความรับผิดชอบด้วยการทำงานที่ได้รับมอบหมายอย่างมุ่งมั่น รอบคอบ ประหยัดซื่อสัตย์ จนงานลุล่วงเป็นผลสำเร็จ และทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุข ๙. ตระหนักถึงประโยชน์ของการใช้ความรู้ และกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในการดำรงชีวิตศึกษาหา ความรู้เพิ่มเติม ทำโครงงานหรือชิ้นงานตามที่กำหนดให้หรือตามความสนใจ


๑๒ หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนวัดชัยมงคล พุทธศักราช ๒๕๖๗ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) จบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ ๑. เข้าใจโครงสร้างลักษณะเฉพาะและการปรับตัวของสิ่งมีชีวิต รวมทั้งความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตใน แหล่งที่อยู่การทำหน้าที่ของส่วนต่าง ๆ ของพืช และการทำงานของระบบย่อยอาหารของมนุษย์ ๒. เข้าใจสมบัติและการจำแนกกลุ่มของวัสดุสถานะและการเปลี่ยนสถานะของสสาร การละลาย การเปลี่ยนแปลงทางเคมีการเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับได้และผันกลับไม่ได้และการแยกสารอย่างง่าย ๓. เข้าใจลักษณะของแรงโน้มถ่วงของโลก แรงลัพธ์แรงเสียดทาน แรงไฟฟ้าและผลของแรงต่าง ๆ ผลที่เกิดจากแรงกระทำต่อวัตถุความดัน หลักการที่มีต่อวัตถุวงจรไฟฟ้าอย่างง่าย ปรากฏการณ์เบื้องต้นของ เสียง แสง ๔. เข้าใจปรากฏการณ์การขึ้นและตก รวมถึงการเปลี่ยนแปลงรูปร่างปรากฏของดวงจันทร์ องค์ประกอบของระบบสุริยะ คาบการโคจรของดาวเคราะห์ความแตกต่างของดาวเคราะห์ และดาวฤกษ์ การขึ้นและตกของกลุ่มดาวฤกษ์การใช้แผนที่ดาว การเกิดอุปราคา พัฒนาการและประโยชน์ของเทคโนโลยี อวกาศ ๕. เข้าใจลักษณะของแหล่งน้ำ วัฏจักรน้ำ กระบวนการเกิดเมฆหมอก น้ำค้าง น้ำค้างแข็ง หยาดน้ำฟ้า กระบวนการเกิดหิน วัฏจักรหิน การใช้ประโยชน์หินและแร่ การเกิด ซากดึกดำบรรพ์การเกิดลมบก ลมทะเล มรสุม ลักษณะและผลกระทบของภัยธรรมชาติธรณีพิบัติภัยการเกิดและผลกระทบของปรากฏการณ์เรือน กระจก ๖. ค้นหาข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ และประเมินความน่าเชื่อถือ ตัดสินใจเลือกข้อมูลใช้เหตุผลเชิง ตรรกะในการแก้ปัญหา ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการทำงานร่วมกัน เข้าใจสิทธิและหน้าที่ ของตน เคารพสิทธิของผู้อื่น ๗. ตั้งคำถามหรือกำหนดปัญหาเกี่ยวกับสิ่งที่จะเรียนรู้ตามที่กำหนดให้ หรือตามความสนใจคาดคะเน คำตอบหลายแนวทาง สร้างสมมติฐานที่สอดคล้องกับคำถาม หรือปัญหาที่จะสำรวจตรวจสอบ วางแผน สำรวจ ตรวจสอบโดยใช้เครื่องมืออุปกรณ์ และเครื่องมือสารสนเทศที่เหมาะสมในการเก็บรวบรวมข้อมูลทั้งเชิงปริมาณ และคุณภาพ ๘. วิเคราะห์ข้อมูล ลงความเห็นและสรุปความสัมพันธ์ของข้อมูลที่มาจากการสำรวจตรวจสอบใน รูปแบบที่เหมาะสม เพื่อสื่อสารความรู้จากผลการสำรวจตรวจสอบได้อย่างมีเหตุผลและหลักฐานอ้างอิง ๙. แสดงถึงความสนใจ มุ่งมั่น ในสิ่งที่จะเรียนรู้มีความคิดสร้างสรรค์เกี่ยวกับเรื่องที่จะศึกษาตาม ความสนใจของตนเอง แสดงความคิดเห็นของตนเอง ยอมรับในข้อมูลที่มีหลักฐานอ้างอิง และรับฟัง ความคิดเห็นผู้อื่น ๑๐. แสดงความรับผิดชอบด้วยการทำงานที่ได้รับมอบหมายอย่างมุ่งมั่น รอบคอบ ประหยัดซื่อสัตย์ จนงานลุล่วงเป็นผลสำเร็จ และทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์ ๑๑. ตระหนักในคุณค่าของความรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีใช้ความรู้และกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ในการดำรงชีวิต แสดงความชื่นชม ยกย่อง และเคารพสิทธิในผลงานของผู้คิดค้นและศึกษาหา ความรู้เพิ่มเติมทำโครงงาน หรือชิ้นงานตามที่กำหนดให้หรือตามความสนใจ ๑๒. แสดงถึงความซาบซึ้งห่วงใย แสดงพฤติกรรมเกี่ยวกับการใช้การดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมอย่างรู้คุณค่า


๑๓ หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนวัดชัยมงคล พุทธศักราช ๒๕๖๗ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระที่ ๑ วิทยาศาสตร์ชีวภาพ มาตรฐาน ว ๑.๑ เข้าใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งไม่มีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต และความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ในระบบนิเวศ การถ่ายทอด พลังงาน การเปลี่ยนแปลงแทนที่ใน ระบบนิเวศ ความหมายของประชากร ปัญหาและผลกระทบที่มีต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แนวทางใน การอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติและการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมรวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ชั้น ตัวชี้วัดระหว่างทาง ตัวชี้วัดปลายทาง สาระการเรียนรู้แกนกลาง ป.๑ ๑. ระบุชื่อพืชและสัตว์ที่ อาศัยอยู่บริเวณต่าง ๆ จาก ข้อมูลที่รวบรวมได้ ๒. บอกสภาพแวดล ้ อมที่ เหมาะสมกับการดำรงชีวิตของ สัตว์ในบริเวณที่อาศัยอยู่ - บริเวณต่าง ๆ ในท้องถิ่น เช่น สนาม หญ้า ใต้ต้นไม้ สวนหย่อม แหล่งน้ำ อาจพบพืชและสัตว์หลายชนิดอาศัย อยู่ - บริเวณที่แตกต่างกันอาจพบพืชและ สัตว์แตกต่างกัน เพราะสภาพแวดล้อม ของแต่ละบริเวณจะมีความเหมาะสม ต่อการดำรงชีวิตของพืชและสัตว์ที่ อาศัยอยู่ในแต่ละบริเวณ เช่น สระน้ำ มีน้ำเป็นที่อยู่อาศัยของหอย ปลา สาหร่ายเป็นที่หลบภัยและมีแหล่ง อาหารของหอยและปลา บริเวณต้น มะม่วงมีต้นมะม่วงเป็นแหล่งที่อยู่ และมีอาหารสำหรับ กระรอกและมด - ถ้าสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พืช และสัตว์อาศัยอยู่มีการเปลี่ยนแปลง จะมีผลต่อการดำรงชีวิตของพืช และ สัตว์ ป.๒ - - - ป.๓ - - - ป.๔ - - -


๑๔ หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนวัดชัยมงคล พุทธศักราช ๒๕๖๗ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ชั้น ตัวชี้วัดระหว่างทาง ตัวชี้วัดปลายทาง สาระการเรียนรู้แกนกลาง ป.๕ ๑. บรรยายโครงสร้างและ ลักษณะของสิ่งมีชีวิตที่ เหมาะสมกับการดำรงชีวิต ซึ่ง เป็นผลมาจากการปรับตัวของ สิ่งมีชีวิตในแต่ละแหล่งที่อยู่ - -สิ่งมีชีวิตทั้งพืชและสัตว์มีโครงสร้าง และลักษณะที่เหมาะสมในแต่ละ แหล่งที่อยู่ ซึ่งเป็นผลมาจากการ ปรับตัวของสิ่งมีชีวิต เพื่อให้ดำรงชีวิต และอยู่รอด ในแต่ละแหล่งที่อยู่ เช่น ผักตบชวามีช่องอากาศในก้านใบ ช่วย ให้ลอยน้ำได้ ต้นโกงกางที่ขึ้นอยู่ใน ป่าชายเลน มีรากค้ำจุนทำให้ลำต้นไม่ ล้ม ปลามีครีบ ช่วยในการเคลื่อนที่ใน น้ำ ๓. เขียนโซ่อาหาร และระบุ บทบาทหน้าที่ของสิ่งมีชีวิตที่ เป็นผู้ผลิต และผู้บริโภคในโซ่ อาหาร ๒. อธิบายความสัมพันธ์ระหว่าง สิ่งมีชีวิตกับ สิ่งมีชีวิต และ ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิต กับสิ่งไม่มีชีวิต เพื่อประโยชน์ต่อ การดำรงชีวิต ๔. ตระหนักในคุณค่าของ สิ่งแวดล้อมที่มีต่อ การดำรงชีวิต ของสิ่งมีชีวิต โดยมีส่วนร่วมใน การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม - ในแหล่งที่อยู่หนึ่ง ๆ สิ่งมีชีวิตจะมี ความสัมพันธ์ซึ่งกันและกันและ สัมพันธ์กับสิ่งไม่มีชีวิต เพื่อ ประโยชน์ต่อการดำรงชีวิต เช่น ความสัมพันธ์กัน ด้านการกินกันเป็น อาหาร เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยหลบภัย และเลี้ยงดูลูกอ่อน ใช้อากาศในการ หายใจ -สิ่งมีชีวิตมีการกินกันเป็นอาหารโดย กินต่อกันเป็นทอด ๆ ในรูปแบบของ โซ่อาหารทำให้สามารถระบุบทบาท หน้าที่ของสิ่งมีชีวิตเป็นผู้ผลิตและ ผู้บริโภค ป.๖ - - -


๑๕ หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนวัดชัยมงคล พุทธศักราช ๒๕๖๗ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) สาระที่ ๑ วิทยาศาสตร์ชีวภาพ มาตรฐาน ว ๑.๒ เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิต หน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต การลำเสียงสารผ่านเซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทำงานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของ โครงสร้าง และหน้าที่ของอวัยวะต่าง ๆ ของพืชที่ทำงานสัมพันธ์กัน รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ชั้น ตัวชี้วัดระหว่างทาง ตัวชี้วัดปลายทาง สาระการเรียนรู้แกนกลาง ป.๑ ๑. ระบุชื่อ บรรยายลักษณะ และบอกหน้าที่ของส่วนต่าง ๆ ของร่างกายมนุษย์ สัตว์ พืช รวมทั้งบรรยายการทำ หน้าที่ร่วมกัน ของส่วน ต่างๆ ของร่างกายมนุษย์ใน การทำ กิจกรรมต่างๆ จาก ข้อมูลที่รวบรวมได้ - - มนุษย์มีส่วนต่าง ๆ ที่มีลักษณะและ หน้าที่แตกต่างกัน เพื่อให้เหมาะสมใน การดำรงชีวิต เช่น ตามีหน้าที่ไว้มองดู โดยมีหนังตาและขนตาเพื่อป้องกัน อันตรายให้กับตา หูมีหน้าที่รับฟัง เสียง โดยมีใบหูและรูหู เพื่อเป็น ทางผ่านของเสียง ปากมีหน้าที่พูด กิน อาหารมีช่องปากและมีริมฝีปากบน ล่าง แขนและมือมีหน้าที่ยก หยิบ จับ มีท่อนแขนและนิ้วมือที่ขยับได้ สมอง มีหน้าที่ควบคุมการทำงานของส่วน ต่างๆ ของร่างกายเป็นก้อนอยู่ใน กะโหลกศีรษะ โดยส่วนต่างๆ ของ ร่างกายจะทำหน้าที่ร่วมกันในการทำ กิจกรรมในชีวิตประจำวัน - สัตว์มีหลายชนิด แต่ละชนิดมีส่วน ต่าง ๆ ที่มี ลักษณะและหน้าที่แตกต่าง กัน เพื่อให้เหมาะสมในการดำรงชีวิต เช่น ปลามีครีบเป็นแผ่น ส่วนกบ เต่า แมว มีขา ๔ ขาและมีเท้า สำหรับใช้ใน การเคลื่อนที่ - พืชมีส่วนต่าง ๆ ที่มีลักษณะและ หน้าที่แตกต่างกัน เพื่อให้เหมาะสมใน การดำรงชีวิตโดยทั่วไป รากมี ลักษณะ เรียวยาว และแตกแขนงเป็นรากเล็กๆ ทำ หน้าที่ดูดน้ำ ลำต้นมีลักษณะเป็น ทรงกระบอกตั้งตรง มีกิ่งก้าน ทำ หน้าที่ ชูกิ่งก้าน ใบ และดอก ใบมี


๑๖ หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนวัดชัยมงคล พุทธศักราช ๒๕๖๗ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ชั้น ตัวชี้วัดระหว่างทาง ตัวชี้วัดปลายทาง สาระการเรียนรู้แกนกลาง ลักษณะเป็นแผ่นแบน ทำหน้าที่สร้าง อาหารนอกจากนี้พืชหลายชนิดอาจมี ดอกที่มีสี รูปร่างต่าง ๆ ทำหน้าที่ สืบพันธุ์ รวมทั้งมีผลที่มีเปลือก มีเนื้อ ห่อหุ้ม เมล็ด และมีเมล็ดซึ่งสามารถ งอกเป็นต้นใหม่ได้ - ๒. ตระหนักถึงความสำคัญของส่วน ต่างๆ ของร่างกายตนเอง โดยการ ดูแลอย่างถูกต้องให้ปลอดภัย และ รักษาความสะอาดอยู่เสมอ - มนุษย์ใช้ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายใน การทำกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อการ ดำรงชีวิต มนุษย์จึงควรใช้ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายอย่างถูกต้อง ปลอดภัย และรักษาความสะอาดอยู่เสมอ เช่น ใช้ตามองตัวหนังสือในที่ ๆ มีแสง สว่างเพียงพอ ดูแลตาให้ปลอดภัย จากอันตราย และรักษาความสะอาด ตาอยู่เสมอ ป.๒ ๑. ระบุว่าพืชต้องการแสง และน้ำเพื่อการเจริญเติบโต โดยใช้ข้อมูลจากหลักฐาน เชิงประจักษ์ ๒. ตระหนักถึงความจำเป็น ที่พืชต้องได้รับน้ำ และแสง เพื่อการเจริญเติบโต โดย ดูแลพืชให้ได้รับสิ่งดังกล่าว อย่างเหมาะสม ๓. สร้างแบบจำลองที่บรรยายวัฏ จักรชีวิตพืชดอก - พืชต้องการน้ำ แสง เพื่อการ เจริญเติบโต - พืชดอกเมื่อเจริญเติบโตและมีดอก ดอกจะมี การสืบพันธุ์เปลี่ยนแปลงไป เป็นผล ภายในผลมีเมล็ดเมื่อเมล็ด งอกต้นอ่อนที่อยู่ภายในเมล็ดจะ เจริญเติบโตเป็นพืชต้นใหม่ พืชต้น ใหม่จะเจริญเติบโต ออกดอกเพื่อ สืบพันธุ์มีผลต่อไปได้อีกหมุนเวียน ต่อเนื่องเป็นวัฏจักรชีวิตของพืชดอก ป.๓ ๑. บรรยายสิ่งที่จำเป็นต่อ การดำรงชีวิตและการ เจริญเติบโตของมนุษย์และ สัตว์ โดยใช้ ข้อมูลที่ รวบรวมได้ 4. ตระหนักถึงคุณค่า ของชีวิต สัตว์ โดยไม่ทำให้วัฏจักร ชีวิตของ สัตว์เปลี่ยนแปลง - มนุษย์และสัตว์ต้องการอาหาร น้ำ และอากาศเพื่อการดำรงชีวิตและการ เจริญเติบโต -อาหารช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและ เจริญเติบโต น้ำช่วยให้ร่างกายทำงาน ได้อย่างปกติ อากาศใช้ในการหายใจ


๑๗ หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนวัดชัยมงคล พุทธศักราช ๒๕๖๗ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ชั้น ตัวชี้วัดระหว่างทาง ตัวชี้วัดปลายทาง สาระการเรียนรู้แกนกลาง ๒. ตระหนักถึงประโยชน์ ของอาหาร น้ำ และ อากาศ โดยการดูแลตนเองและ สัตว์ให้ได้รับ สิ่งเหล่านี้ อย่างเหมาะสม 3. สร้างแบบจำลองที่ บรรยายวัฏจักรชีวิตของ สัตว์ และปรียบเทียบวัฏ จักรชีวิตของสัตว์บางชนิด ป.๔ - ๑. บรรยายหน้าที่ของราก ลำต้น ใบ และดอกของพืชดอกโดย ใช้ข้อมูลที่รวบรวมได้ - ส่วนต่าง ๆ ของพืชดอกทำหน้าที่ แตกต่างกัน -รากทำหน้าที่ดูดน้ำและแร่ธาตุขึ้นไป ยังลำต้น - ลำต้นทำหน้าที่ลำเสียงน้ำต่อไปยัง ส่วนต่างๆ ของพืช - ใบทำหน้าที่สร้างอาหารอาหารพืช สร้างขึ้นคือน้ำตาลซึ่งจะเปลี่ยนเป็น แป้ง -ดอกทำหน้าที่สืบพันธุ์ ประกอบด้วย ส่วนประกอบต่าง ๆ ได้แก่ กลีบเลี้ยง กลีบดอก เกสรเพศผู้ และเกสรเพศ เมีย ซึ่งส่วนประกอบ แต่ละส่วนของ ดอกทำหน้าที่แตกต่างกัน ป.๕ - - - ป.๖ ๑. ระบุสารอาหารและบอก ประโยชน์ของ สารอาหารแต่ ละประเภทจากอาหารที่ ตนเอง รับประทาน ๒. บอกแนวทางในการเลือก รับประทานอาหารให้ได้ สารอาหารครบถ้ วนใน ๓. ตระหนักถึงความสำคัญของ สารอาหาร โดยการเล ื อก รับประทานอาหารที่มีสารอาหาร ครบถ้วนในสัดส่วนที่เหมาะสมกับ เพศและวัยรวมทั้งปลอดภัยต่อ สุขภาพ - สารอาหารที่อยู่ในอาหารมี ๖ ประเภท ได้แก่ คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน เกลือแร่ วิตามินและน้ำ - อาหารแต่ละชนิดประกอบด้วย สารอาหารที่ แตกต่างกัน อาหาร บางอย่างประกอบด้วยสารอาหาร ประเภทเดียว อาหารบางอย่าง


๑๘ หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนวัดชัยมงคล พุทธศักราช ๒๕๖๗ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ชั้น ตัวชี้วัดระหว่างทาง ตัวชี้วัดปลายทาง สาระการเรียนรู้แกนกลาง สัดส่วนที่เหมาะสมกับเพศ และว ั ย รวมท ั ้ งความ ปลอดภัยต่อสุขภาพ ประกอบด้วยสารอาหารมากกว่าหนึ่ง ประเภท -สารอาหารแต่ละประเภทมีประโยชน์ ต ่ อร ่ างกายแตกต ่ างก ั น โดย คาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมันเป็น สารอาหารที่ให้พลังงานแก่ร่างกาย ส่วนเกลือแร่ วิตามินและน้ำ เป็น สารอาหารที่ไม่ให้พลังงานแก่ร่างกาย แต่ช่วยให้ร่างกายทำงานได้เป็นปกติ - การรับประทานอาหารเพื่อให้ ร่างกายเจริญ เติบโตมี การ เปลี่ยนแปลงของร่างกายตามเพศ และ วัย และมีสุขภาพดี จำเป็นต้อง รับประทานให้ได้พลังงาน เพียงพอกับ ความต้องการของร่างกาย และให้ได้ สารอาหารครบถ้วนในสัดส่วนที่ เหมาะสมกับเพศและวัย รวมทั้งต้อง คำนึงถึงชนิดและปริมาณของวัตถุเจือ ปนในอาหารเพื่อความปลอดภัยต่อ สุขภาพ ๔. สร้างแบบจำลองระบบ ย่อยอาหาร และบรรยาย หน้าที่ของอวัยวะในระบบ ย่อยอาหาร รวมทั้งอธิบาย การย่อยอาหารและการดูด ซึมสารอาหาร - - ระบบย่อยอาหารประกอบด้วย อวัยวะต่าง ๆ ได้แก่ ปาก หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ ทวารหนัก ตับ และตับอ่อน ซึ่งทำ หน้าที่ร่วมกันในการย่อยและดูดซึม สารอาหาร - ปาก มีฟันช่วยบดเคี้ยวอาหารให้มี ขนาดเล็กลง และมีลิ้นช่วยคลุกเคล้า อาหารกับน้ำลาย ในน้ำลาย มีเอนไซม์ ย่อยแป้งให้เป็นน้ำตาล - หลอดอาหาร ทำหน้าที่ลำเสียง อาหารจากปากไปยังกระเพาะอาหาร


๑๙ หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนวัดชัยมงคล พุทธศักราช ๒๕๖๗ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ชั้น ตัวชี้วัดระหว่างทาง ตัวชี้วัดปลายทาง สาระการเรียนรู้แกนกลาง ภายในกระเพาะอาหารมีการย่อย โปรตีนโดยกรดและเอนไซม์ที่สร้าง จากกระเพาะ - ลำไส้เล็กมีเอนไซม์ที่สร้างจากผนัง ลำไส้เล็กเอง และจากตับอ่อนที่ช่วย ย่อยโปรตีน คาร์โบไฮเดรตและไขมัน โดยโปรตีน คาร์โบไฮเดรตและไขมัน ที่ ผ่านการย่อยจนเป็นสารอาหารขนาด เล็กพอที่จะดูดซึมได้ รวมถึงน้ำ เกลือ แร่ และวิตามิน จะถูกดูดซึมที่ผนัง ลำไส้เล็กเข้าสู่กระแสเลือด เพื่อลำ เสียงไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ซึ่ง โปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมัน จะ ถูกนำไปใช้เป็นแหล่งพลังงานสำหรับ ใช้ ในกิจกรรมต่าง ๆ ส่วนน้ำ เกลือแร่ และวิตามินจะช่วยให้ร่างกายทำงาน ได้เป็นปกติ - ตับสร้างน้ำดีแล้วส่งมายังลำไส้เล็ก ช่วยให้ไขมันแตกตัว -ลำไส้ใหญ่ทำหน้าที่ดูดน้ำและเกลือ แร่ เป็น บริเวณที่มีอาหารที่ย่อยไม่ได้ หรือย่อยไม่หมดเป็นกากอาหาร ซึ่งจะ ถูกกำจัดออกทางทวารหนัก - ๕. ตระหนักถึงความสำคัญของ ระบบย่อย อาหาร โดยการบอก แนวทางในการดูแลรักษาอวัยวะใน ระบบย่อยอาหารให้ทำงานเป็น ปกติ -อวัยวะต่าง ๆ ในระบบย่อยอาหารมี ความสำคัญจึงควรปฏิบัติตน ดูแล รักษาอวัยวะให้ทำงานเป็นปกติ


๒๐ หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนวัดชัยมงคล พุทธศักราช ๒๕๖๗ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) สาระที่ ๑ วิทยาศาสตร์ชีวภาพ มาตรฐาน ว ๑.๓ เข้าใจกระบวนการและความสำคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม สารพันธุกรรม การเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมที่มีผลต่อสิ่งมีชีวิต ความหลากหลายทางชีวภาพ และวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต รวมทั้ง นำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ชั้น ตัวชี้วัดระหว่างทาง ตัวชี้วัดปลายทาง สาระการเรียนรู้แกนกลาง ป.๑ - - - ป.๒ - ๑. เปรียบเทียบลักษณะของ สิ่งมีชีวิตและ สิ่งไม่มีชีวิต จาก ข้อมูลที่รวบรวมได้ - สิ่งที่อยู่รอบตัวเรามีทั้งที่เป็น สิ่งมีชีวิตและ สิ่งไม่มีชีวิต สิ่งมีชีวิต ต้องการอาหาร มีการหายใจ เจริญเติบโต ขับถ่าย เคลื่อนไหว ตอบสนองต่อสิ่งเร้าและสืบพันธุ์ได้ ลูกที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับพ่อแม่ ส่วนสิ่งไม่มีชีวิตจะไม่มีลักษณะ ดังกล่าว ป.๓ - - - ป.๔ ๑. จำแนกสิ่งมีชีวิตโดยใช้ความ เหมือนและ ความแตกต่างของ ลักษณะของสิ่งมีชีวิตออกเป็น กลุ่มพืช กลุ่มสัตว์ และกลุ่มที่ ไม่ใช่พืชและสัตว์ - -สิ่งมีชีวิตมีหลายชนิด สามารถจัด กลุ่มได้โดยใช้ความเหมือนและ ความแตกต่างของลักษณะต่าง ๆ เช่น กลุ่มพืชสร้างอาหารเองได้ และเคลื่อนที่ด้วยตนเองไม่ได้ กลุ่ม สัตว์กินสิ่งมีชีวิตอื่นเป็นอาหาร และเคลื่อนที่ได้ กลุ่มที่ไม่ใช่พืช และสัตว์ เช่น เห็ดรา จุลินทรีย์ - ๒. จำแนกพืชออกเป็นพืชดอก และพืชไม่มีดอก โดยใช้การมีดอก เป็นเกณฑ์ โดยใช้ข้อมูลที่รวบรวม ได้ - การจำแนกพืช สามารถใช้การมี ดอกเป็นเกณฑ์ ใน การจำแนก ได้ เป็นพืชดอกและพืชไม่มีดอก ๔. บรรยายลักษณะเฉพาะที่ สังเกตได้ของสัตว์มี กระดูกสัน หลังในกลุ่มปลา กลุ่มสัตว์ สะเทินน้ำ สะเทินบก กลุ่ม สัตว์เลื้อยคลาน กลุ่มนก กลุ่ม ๓. จำแนกสัตว์ออกเป็นสัตว์มี กระดูกสันหลังและ สัตว์ไม่มี กระดูกสันหลัง โดยใช้การมี กระดูกสันหลังเป็นเกณฑ์ โดยใช้ ข้อมูลที่รวบรวมได้ -การจำแนกสัตว์ สามารถใช้การมี กระดูกสันหลัง เป็นเกณฑ์ในการ จำแนก ได้เป็นสัตว์มีกระดูกสัน หลังและสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง


๒๑ หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนวัดชัยมงคล พุทธศักราช ๒๕๖๗ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ชั้น ตัวชี้วัดระหว่างทาง ตัวชี้วัดปลายทาง สาระการเรียนรู้แกนกลาง สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม และ ยกตัวอย่างสิ่งมีชีวิตใน แต่ละ กลุ่ม -สัตว์มีกระดูกสันหลังมีหลายกลุ่ม ได้แก่ กลุ่มปลา กลุ่มสัตว์สะเทิน น้ำสะเทินบก กลุ่มสัตว์เลื้อยคลาน กลุ่มนก และกลุ่มสัตว์เลี้ยงลูกด้วย น้ำนม ซึ่งแต่ละกลุ่ม จะมีลักษณะ เฉพาะที่สังเกตได้ ป.๕ ๒. แสดงความอยากรู้อยากเห็น โดยการถามคำถามเกี่ยวกับ ลักษณะที่คล้ายคลึงกันของ ตนเองกับพ่อแม่ ๑. อธิบายลักษณะทางพันธุกรรม ที่มีการถ่ายทอดจากพ่อแม่สู่ลูก ของพืช สัตว์ และมนุษย์ -สิ่งมีชีวิตทั้งพืช สัตว์ และมนุษย์ เมื่อโตเต็มที่จะมี การสืบพันธุ์ เพื่อเพิ่มจำนวนและดำรงพันธุ์ โดย ลูกที่เกิดมาจะได้รับการถ่ายทอด ลักษณะทางพันธุกรรมจากพ่อแม่ ทำให้มีลักษณะทางพันธุกรรมที่ เฉพาะแตกต่างจากสิ่งมีชีวิตชนิด อื่น - พืชมีการถ่ายทอดลักษณะทาง พันธุกรรม เช่น ลักษณะของใบ สี ดอก - สัตว์มีการถ่ายทอดลักษณะทาง พันธุกรรม เช่น สีขน ลักษณะของ ขน ลักษณะของหู -มนุษย์มีการถ่ายทอดลักษณะทาง พันธุกรรม เช่น เชิงผมที่หน้าผาก ลักยิ้ม ลักษณะหนังตาการห่อลิ้น ลักษณะของติ่งหู ป.๖ - - -


๒๒ หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนวัดชัยมงคล พุทธศักราช ๒๕๖๗ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) สาระที่ ๒ วิทยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว ๒.๑ เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสสารกับ โครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การเกิด สารละลาย และการเกิดปฏิกิริยาเคมี ชั้น ตัวชี้วัดระหว่างทาง ตัวชี้วัดปลายทาง สาระการเรียนรู้แกนกลาง ป.๑ ๑. อธิบายสมบัติที่สังเกตได้ ของวัสดุที่ใช้ทำวัตถุ ซึ่งทำ จากวัสดุชนิดเดียว หรือหลาย ชนิด ประกอบกันโดยใช้ หลักฐานเชิงประจักษ์ ๒. ระบุชนิดของวัสดุและจัดกลุ่ม วัสดุตามสมบัติที่สังเกตได้ - วัสดุที่ใช้ทำวัตถุที่เป็นของเล่น ของใช้ มีหลายชนิด เช่น ผ้า แก้ว พลาสติก ยาง ไม้ อิฐ หิน กระดาษ โลหะ วัสดุแต่ละชนิดมีสมบัติที่ สังเกตได้ต่าง ๆ เช่น สี นุ่ม แข็ง ขรุขระ เรียบ ใส ขุ่น ยืดหดได้ บิดงอ ได้ -สมบัติที่สังเกตได้ของวัสดุแต่ชนิด อาจเหมือนกัน ซึ่งสามารถนำมาใช้ เป็นเกณฑ์ในการจัดกลุ่มวัสดุได้ - วัสดุบางอย่างสามารถนำมา ประกอบกันเพื่อทำเป็น วัตถุต่าง ๆ เช่น ผ้าและกระดุม ใช้ทำเสื้อ ไม้และ โลหะ ใช้ทำกระทะ ป.๒ ๑. เปรียบเทียบสมบัติการดูด ซับน้ำของวัสดุ โดยใช้ หลักฐานเชิงประจักษ์ และ ระบุการนำ สมบัติการดูดซับ น้ำของวัสดุไปประยุกต์ใช้ใน การทำวัตถุในชีวิตประจำวัน - - วัสดุแต่ละชนิดมีสมบัติการดูดซับ น้ำแตกต่างกัน จึงนำไปทำวัตถุเพื่อ ใช้ประโยชน์ได้แตกต่างกัน เช่น ใช้ ผ้าที่ดูดซับน้ำได้มากทำผ้าเช็ดตัว ใช้พลาสติก ซึ่งไม่ดูดซับน้ำทำร่ม ๒. อธิบายสมบัติที่สังเกตได้ ของวัสดุที่เกิดจากการนำวัสดุ มาผสมกัน โดยใช้หลักฐานเชิง ประจักษ์ - - วัสดุบางอย่างสามารถนำมาผสมกัน ซึ่งทำให้ได้สมบัติที่เหมาะสม เพื่อ นำไปใช้ประโยชน์ เช่น แป้งผสม น้ำตาลและน้ำกะทิใช้ทำขนมไทย ปูน ปลาสเตอร์ผสมเยื่อกระดาษทำ


๒๓ หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนวัดชัยมงคล พุทธศักราช ๒๕๖๗ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ชั้น ตัวชี้วัดระหว่างทาง ตัวชี้วัดปลายทาง สาระการเรียนรู้แกนกลาง กระปุกออมสิน ปูนผสมหิน ทราย น้ำ ทำคอนกรีต ๓. เปรียบเทียบสมบัติที่สังเกต ได้ของวัสดุ เพื่อนำมาทำเป็น ว ั ตถ ุ ในการใช ้ งานตาม วัตถุประสงค์ และอธิบายการ นำวัสดุที่ใช้แล้วกลับมาใช้ใหม่ โดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ - - การนำวัสดุมาทำเป็นวัตถุในการ ใช้งานตามวัตถุประสงค์ขึ้นอยู่กับ สมบัติของวัสดุ วัสดุที่ใช้ แล้วอาจ นำกลับมาใช้ใหม่ได้ เช่น - ๔. ตระหนักถึงประโยชน์ของการ นำวัสดุที่ใช้กลับมาใช้ใหม่ โดย การนำวัสดุกลับมาใช้ใหม่ - กระดาษ ดอกไม้ประดิษฐ์ ถุงใส่ ของ ป.๓ - ๑. อธิบายว่าวัตถุประกอบขึ้นจาก ชิ้นส่วนย่อย ๆ ซึ่งสามารถแยก ออกจากกันได้และประกอบกัน เป็นวัตถุชิ้นใหม่ได้ โดยใช้ หลักฐานเชิงประจักษ์ -วัตถุอาจทำจากชิ้นส่วนย่อย ๆ ซึ่ง แต่ละชิ้นมี ลักษณะเหมือนกันมา ประกอบเข้าด้วยกัน เมื่อแยกชิ้น ส่วนย่อย ๆ แต่ละชิ้นของวัตถุออก จากกันสามารถนำชิ้นส่วนเหล่านั้น มาประกอบเป็นวัตถุชิ้นใหม่ได้ เช่น กำแพงบ้านมีก้อนอิฐหลายๆ ก้อน ประกอบเข้าด้วยกัน และสามารถ นำก้อนอิฐจากกำแพงบ้านมา ประกอบเป็นพื้นทางเดินได้ - ๒. อธิบายการเปลี่ยนแปลงของ วัสดุเมื่อทำให้ร้อนขึ้นหรือทำให้ เย็นลง โดยใช้หลักฐานเชิง ประจักษ์ - เมื่อให้ความร้อนหรือทำให้วัสดุ ร้อนขึ้น และเมื่อ ลด ความร้อนหรือ ทำให้วัสดุเย็นลง วัสดุจะเกิดการ เปลี่ยนแปลงได้ เช่น สีเปลี่ยน รูปร่าง เปลี่ยน ป.๔ ๑. เปรียบเทียบสมบัติถาม กายภาพด้านความแข็ง สภาพ ยืดหยุ่น การนำความร้อน และการนำไฟฟ้าของวัสดุโดย ใช้หลักฐานเชิงประจักษ์จาก ๒. แลกเปลี่ยนความคิดกับผู้อื่น โดย การอภิปรายเกี่ยวกับสมบัติ ถามกายภาพของวัสดุอย่างมี เหตุผลจากการทดลอง - วัสดุแต่ละชนิดมีสมบัติถาม กายภาพแตกต่างกัน วัสดุที่มีความ แข็งจะทนต่อแรงขูดขีด วัสดุที่มี สภาพยืดหยุ่นจะเปลี่ยนแปลงรูปร่าง


๒๔ หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนวัดชัยมงคล พุทธศักราช ๒๕๖๗ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ชั้น ตัวชี้วัดระหว่างทาง ตัวชี้วัดปลายทาง สาระการเรียนรู้แกนกลาง ก า ร ท ด ล อ ง แ ล ะ ร ะ บุ การนำสมบัติเรื่องความแข็ง สภาพยืดหยุ่น การนำความ ร้อน และการนำไฟฟ้าของ วัสดุไปใช้ในชีวิตประจำวัน ผ่านกระบวนการออกแบบ ชิ้นงาน เมื่อมีแรงมากระทำ และกลับสภาพ เดิมได้ วัสดุที่นำความร้อนจะร้อนได้ เร็วเมื่อได้รับความร้อน และวัสดุที่ นำไฟฟ้าได้ จะให้ กระแสไฟฟ้าไหล ผ่านได้ ดังนั้นจึงอาจนำสมบัติต่าง ๆ มาพิจารณาเพื่อใช้ในกระบวนการ ออกแบบชิ้นงานเพื่อใช้ประโยชน์ใน ชีวิตประจำวัน ๓. เปรียบเทียบสมบัติของ สสารทั้ง ๓ สถานะจากข้อมูลที่ ได้จากการสังเกต มวล การ ต้องการที่อยู่ รูปร่างและ ปริมาตรของสสาร ๔. ใช้เครื่องมือเพื่อวัดมวล และปริมาตรของ สสารทั้ง ๓ สถานะ - - วัสดุเป็นสสารเพราะมีมวลและ ต้องการที่อยู่ สสารมีสถานะเป็น ของแข็ง ของเหลว หรือแก๊ส ของแข็ง มีปริมาตรและรูปร่างคงที่ ของเหลว มีปริมาตรคงที่ แต่มีรูปร่างเปลี่ยนไป ตามภาชนะเฉพาะส่วนที่บรรจุ ของเหลว ส่วนแก๊สมีปริมาตรและ รูปร่างเปลี่ยนไปตามภาชนะที่บรรจุ ป.๕ ๑. อธิบายการเปลี่ยนสถานะ ของสสารเมื่อทำให้สสารร้อน ขึ้นหรือเย็นลง โดยใช้หลักฐาน เชิงประจักษ์ - - การเปลี่ยนสถานะของสสารเป็น การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ เมื่อ เพิ่มความร้อนให้กับสสารถึงระดับ หนึ่งจะทำให้สสารที่เป็นของแข็ง เปลี่ยนสถานะเป็นของเหลว เรียกว่า การหลอมเหลว และเมื่อเพิ่มความ ร้อนต่อไปจนถึงอีกระดับหนึ่ง ของเหลวจะเปลี่ยนเป็นแก๊ส เรียกว่า การกลายเป็นไอ แต่เมื่อลดความ ร้อนลงถึงระดับหนึ่งแก๊สจะเปลี่ยน สถานะเป็นของเหลว เรียกว่าการ ควบแน่น และถ้าลดความร้อน ต่อไป อีกจนถึงระดับหนึ่งของเหลวจะ เปลี่ยนสถานะเป็นของแข็ง เรียกว่า


๒๕ หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนวัดชัยมงคล พุทธศักราช ๒๕๖๗ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ชั้น ตัวชี้วัดระหว่างทาง ตัวชี้วัดปลายทาง สาระการเรียนรู้แกนกลาง การแข็งตัว สสารบางชนิดสามารถ เปลี่ยนสถานะจากของแข็งเป็นแก๊ส โดยไม่ผ่านการเป็นของเหลว เรียกว่า การระเหิด ส่วนแก๊สบางชนิด สามารถเปลี่ยนสถานะเป็นของแข็ง โดยไม่ผ่านการเป็นของเหลว เรียกว่า การระเหิดกลับ ๒. อธิบายการละลายของสาร ในน้ำ โดยใช้ หลักฐานเชิง ประจักษ์ - - เมื่อใส่สารลงในน้ำแล้วสารนั้นรวม เป็นเนื้อเดียวกันกับน้ำทั่วทุกส่วน แสดงว่าสารเกิดการละลาย เรียกสาร ผสมที่ได้ว่าสารละลาย ๓. วิเคราะห์การเปลี่ยนแปลง ข อ ง ส า รเ ม ื ่ อ เ ก ิ ด ก า ร เปลี่ยนแปลงทางเคมี โดยใช้ หลักฐานเชิงประจักษ์ - - เมื่อผสมสาร ๒ ชนิดขึ้นไปแล้วมี สารใหม่เกิดขึ้น ซึ่งมีสมบัติต่างจาก สารเดิม หรือเมื่อสารชนิดเดียว เกิด การเปลี่ยนแปลงแล้วมีสารใหม่ เกิดขึ้น การเปลี่ยนแปลงนี้เรียกว่า การเปลี่ยนแปลงทางเคมี ซึ่งสังเกต ได้จากมีสี หรือกลิ่นต่างจากสารเดิม หรือ มีฟองแก๊ส หรือมีตะกอน เกิดขึ้น หรือมีการเพิ่มขึ้น หรือลดลง ของอุณหภูมิ - ๔. วิเคราะห์และระบุการ เปลี่ยนแปลงที่ผันกลับได้และ การเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับไม่ได้ - เมื่อสารเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้ว สารสามารถเปลี่ยนกลับเป็น สารเดิมได้ เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ ผันกลับได้ เช่นการหลอมเหลว การ กลายเป็นไอ การละลาย แต่สาร บางอย่างเกิดการเปลี่ยนแปลง แล้ว ไม่สามารถกลับเป็นสารเดิมได้ เป็น การเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับไม่ได้ เช่น การเผาไหม้ การเกิดสนิม


๒๖ หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนวัดชัยมงคล พุทธศักราช ๒๕๖๗ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ชั้น ตัวชี้วัดระหว่างทาง ตัวชี้วัดปลายทาง สาระการเรียนรู้แกนกลาง ป.๖ - ๑. อธิบายและเปรียบเทียบการ แยกสารผสมโดยการหยิบออก การร่อน การใช้แม่เหล็กดึงดูด การรินออก การกรอง และการ ตกตะกอน โดยใช้หลักฐานเชิง ประจักษ์ รวมทั้งระบุวิธี แก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน เกี่ยวกับการแยกสาร -สารผสมประกอบด้วยสารตั้งแต่ ๒ ชนิดขึ้นไปผสมกัน เช่น น้ำมันผสม น้ำ ข้าวสารปนกรวดทราย วิธีการที่ เหมาะสมในการแยกสารผสมขึ้นอยู่ กับลักษณะและ สมบัติของสารที่ ผสมกันถ้าองค์ประกอบของสารผสม เป็นของแข็งกับของแข็งที่มีขนาด แตกต่างกันอย่างชัดเจน อาจใช้ วิธีการหยิบออกหรือการร่อนผ่าน วัสดุที่มีรู ถ้ามีสารใดสารหนึ่งเป็น สารแม่เหล็กอาจใช้วิธี การใช้ แม่เหล็กดึงดูด ถ้าองค์ประกอบเป็น ของแข็งที่ไม่ละลายในของเหลว อาจ ใช้วิธีการรินออก การกรอง หรือการ ตกตะกอน ซึ่งวิธีการแยกสาร สามารถนำไปใช้ประโยชน์ใน ชีวิตประจำวันได้ สาระที่ ๒ วิทยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว ๒.๒ เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจำวัน ผลของแรงที่กระทำต่อวัตถุ ลักษณะ การ เคลื่อนที่แบบต่าง ๆ ของวัตถุ รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ชั้น ตัวชี้วัดระหว่างทาง ตัวชี้วัดปลายทาง สาระการเรียนรู้แกนกลาง ป.๑ - - - ป.๒ - - - ป.๓ ๑. ระบุผลของแรงที่มีต่อการ เปลี่ยนแปลง การเคลื่อนที่ ของวัตถุจากหลักฐานเชิง ประจักษ์ - -การดึง หรือการผลัก เป็นการออก แรงกระทำต่อวัตถุ แรงมีผลต่อการ เคลื่อนที่ของวัตถุ แรงอาจทำให้ วัตถุ เกิดการเคลื่อนที่โดยเปลี่ยนตำแหน่ง จากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง - การเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ของ


๒๗ หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนวัดชัยมงคล พุทธศักราช ๒๕๖๗ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ชั้น ตัวชี้วัดระหว่างทาง ตัวชี้วัดปลายทาง สาระการเรียนรู้แกนกลาง วัตถุ ได้แก่ วัตถุ ที่อยู่นิ่งเปลี่ยนเป็น เคลื่อนที่ วัตถุที่กำลังเคลื่อนที่ เปลี่ยนเป็นเคลื่อนที่เร็วขึ้นหรือช้าลง หรือหยุดนิ่ง หรือเปลี่ยนทิศทางการ เคลื่อนที่ - ๒. เปรียบเทียบและยกตัวอย่างแรง สัมผัสและ แรงไม่สัมผัสที่มีผลต่อ การเคลื่อนที่ของวัตถุ โดยใช้ หลักฐานเชิงประจักษ์ -การดึงหรือการผลักเป็นการออกแรง ที่เกิดจากวัตถุหนึ่งกระทำกับอีกวัตถุ หนึ่ง โดยวัตถุทั้งสองอาจสัมผัส หรือไม่ต้องสัมผัสกัน เช่น การออก แรงโดยใช้มือดึง หรือการผลักโต๊ะให้ เคลื่อนที่เป็นการออกแรงที่วัตถุต้อง สัมผัสกัน แรงนี้จึงเป็นแรงสัมผัส ส่วน การที่แม่เหล็กดึงดูดหรือผลักธาตุ แม่เหล็กเป็นแรงที่เกิดขึ้นโดยแม่เหล็ก ไม่จำเป็นต้องสัมผัสกัน แรงแม่เหล็กนี้ จึงเป็นแรงไม่สัมผัส ๓. จำแนกวัตถุโดยใช้การ ดึงดูดกับแม่เหล็ก เป็น เกณฑ์จากหลักฐานเชิง ประจักษ์ ๔. ระบุขั้วแม่เหล็กและ พยากรณ์ผลที่เกิดขึ้น ธาตุ ขั้วแม่เหล็กเมื่อนำมาเข้าใกล้ กันจากหลักฐานเชิงประจักษ์ - -แม่เหล็กสามารถดึงดูดสารแม่เหล็ก ได้ - แรงแม่เหล็กเป็นแรงที่เกิดขึ้นธาตุ แม่เหล็กกับสารแม่เหล็ก หรือ แม่เหล็กกับแม่เหล็ก แม่เหล็กมี ๒ ข ั ้ วค ื อ ข ั ้ วเหน ือและขั้วใต้ ขั้วแม่เหล็กชนิดเดียวกันจะผลักกัน ต่างชนิดกันจะดึงดูดกัน ป.๔ ๑. ระบุผลของแรงโน้มถ่วงที่ มีต่อวัตถุจากหลักฐานเชิง ประจักษ์ ๒. ใช้เครื่องชั่งสปริงในการ วัดน้ำหนักของวัตถุ - -แรงโน้มถ่วงของโลกเป็นแรงดึงดูดที่ โลกกระทำต่อวัตถุ มีทิศทางเข้าสู่ ศูนย์กลางโลก และเป็นแรงไม่สัมผัส แรงดึงดูดที่โลกกระทำกับวัตถุหนึ่ง ๆ ทำให้วัตถุตกลง สู่พื้นโลก และทำให้ วัตถุมีน้ำหนัก วัดน้ำหนักของวัตถุได้ จากเครื่องชั่งสปริง น้ำหนักของวัตถุ ขึ้นกับมวลของวัตถุโดยวัตถุที่มีมวล มากจะมีน้ำหนักมาก วัตถุที่มีมวล น้อยจะมีน้ำหนักน้อย


๒๘ หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนวัดชัยมงคล พุทธศักราช ๒๕๖๗ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ชั้น ตัวชี้วัดระหว่างทาง ตัวชี้วัดปลายทาง สาระการเรียนรู้แกนกลาง - ๓. บรรยายมวลของวัตถุที่มีผลต่อ การเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ของ วัตถุจากหลักฐานเชิงประจักษ์ - มวล คือ ปริมาณเนื้อของสารทั้งหมด ที่ประกอบกันเป็นวัตถุ ซึ่งมีผลต่อ ความยากง่ายในการเปลี่ยนแปลง การ เคลื่อนที่ของวัตถุ วัตถุที่มีมวลมากจะ เปลี่ยนแปลง การเคลื่อนที่ได้ยากกว่า วัตถุที่มีมวลน้อย ดังนั้น มวลของวัตถุ นอกจากจะหมายถึงเนื้อทั้งหมดของ วัตถุนั้นแล้วยังหมายถึงการต้าน การเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ของ วัตถุนั้นด้วย ป.๕ ๑. อธิบายวิธีการหาแรงลัพธ์ ของแรงหลายแรง ในแนว เดียวกันที่กระทำต่อวัตถุใน กรณีที่วัตถุอยู่นิ่งจาก หลักฐานเชิงประจักษ์ ๒. เขียนแผนภาพแสดงแรงที่ กระทำต่อวัตถุที่อยู่ในแนว เดียวกันและแรงลัพธ์ที่ กระทำต่อวัตถุ ๓. ใช้เครื่องชั่งสปริงในการ วัดแรงกระทำต่อวัตถุ - -แรงลัพธ์เป็นผลรวมของแรงที่กระทำ ต่อวัตถุ โดยแรงลัพธ์ของแรง ๒ แรงที่ กระทำต่อวัตถุเดียวกันจะมีขนาด เท่ากับผลรวมของแรงทั้งสองเมื่อแรง ทั้งสองอยู่ในแนวเดียวกันและมี ทิศทางเดียวกัน แต่จะมี ขนาดเท่ากับ ผลต่างของแรงทั้งสองเมื่อแรงทั้งสอง อยู่ในแนวเดียวกันแต่มีทิศทางตรง ข้ามกัน สำหรับ วัตถุที่อยู่นิ่ง แรง ลัพธ์ที่กระทำต่อวัตถุมีค่าเป็นศูนย์ -การเขียนแผนภาพของแรงที่กระทำ ต่อวัตถุ สามารถเขียนได้โดยใช้ลูกศร โดยหัวลูกศรแสดงทิศทางของแรง และความยาวของลูกศรแสดงขนาด ของแรงที่กระทำต่อวัตถุ ๕. เขียนแผนภาพแสดงแรง เสียดทานและแรงที่อยู่ใน แนวเดียวกันที่กระทำต่อ วัตถุ ๔. ระบุผลของแรงเสียดทานที่มี ต่อการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ ของวัตถุจากหลักฐานเชิงประจักษ์ - แรงเสียดทานเป็นแรงที่เกิดขึ้นธาตุ ผิวสัมผัสของวัตถุ เพื่อต้านการ เคลื่อนที่ของวัตถุนั้น โดยถ้าออกแรง กระทำต่อวัตถุที่อยู่นิ่งบนพื้นผิวหนึ่ง ให้เคลื่อนที่แรงเสียดทานจากพื้นผิว


๒๙ หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนวัดชัยมงคล พุทธศักราช ๒๕๖๗ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ชั้น ตัวชี้วัดระหว่างทาง ตัวชี้วัดปลายทาง สาระการเรียนรู้แกนกลาง นั้นก็จะต้านการเคลื่อนที่ของ วัตถุ แต่ถ้าวัตถุกำลังเคลื่อนที่ แรงเสียด ทานก็จะทำให้วัตถุนั้นเคลื่อนที่ช้าลง หรือหยุดนิ่ง ป.๖ - ๑. อธิบายการเกิดและผลของแรง ไฟฟ้าซึ่งเกิด จากวัตถุที่ผ่านการ ขัดถูโดยใช้หลักฐานเชิง ประจักษ์ - วัตถุ ๒ ชนิดที่ผ่านการขัดถูแล้ว เมื่อนำเข้าใกล้กัน อาจดึงดูดหรือผลัก กัน แรงที่เกิดขึ้นนี้เป็นแรงไฟฟ้า ซึ่ง เป็นแรงไม่สัมผัส เกิดขึ้นธาตุวัตถุที่มี ประจุไฟฟ้าซึ่งประจุไฟฟ้ามี ๒ ชนิด คือ ประจุไฟฟ้าบวกและประจุไฟฟ้า ลบ วัตถุที่มีประจุไฟฟ้าชนิดเดียวกัน ผลักกัน ชนิดตรงข้ามกันดึงดูดกัน สาระที่ ๒ วิทยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว ๒.๓ เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ ระหว่างสสารและพลังงาน พลังงานในชีวิตประจำวัน ธรรมชาติของคลื่น ปรากฏการณ์ ที่เกี่ยวข้องกับเสียง แสง และ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ชั้น ตัวชี้วัดระหว่างทาง ตัวชี้วัดปลายทาง สาระการเรียนรู้แกนกลาง ป.๑ - ๑. บรรยายการเกิดเสียงและทิศ ทางการเคลื่อนที่ของเสียงจาก หลักฐานเชิงประจักษ์ - เสียงเกิดจากการสั่นของวัตถุ วัตถุที่ ทำให้เกิดเสียง เป็นแหล่งกำเนิดเสียง ซึ่งมีทั้งแหล่งกำเนิดเสียงตาม ธรรมชาติและแหล่งกำเนิดเสียงที่ มนุษย์สร้างขึ้น เสียงเคลื่อนที่ออกจาก แหล่งกำเนิดเสียงทุกทิศทาง ป.๒ ๑. บรรยายแนวการเคลื่อนที่ ของแสงจากแหล่งกำเนิด แสง และอธิบายการมองเห็น วัตถุ จากหลักฐานเชิง ประจักษ์ ๒. ตระหนักในคุณค่าของความรู้ ของการมองเห็น โดยเสนอแนะแนว ทางการป้องกันอันตรายจากการ มองวัตถุที่อยู่ในบริเวณที่มีแสง สว่างไม่เหมาะสม - แสงเคลื่อนที่จากแหล่งกำเนิดแสง ทุกทิศทางเป็นแนวตรง เมื่อมีแสงจาก วัตถุมาเข้าตาจะทำให้มองเห็นวัตถุนั้น การมองเห็นวัตถุที่เป็นแหล่งกำเนิด แสง แสง จากวัตถุนั้นจะเข้าสู่ตา โดยตรง ส่วนการมองเห็นวัตถุที่ไม่ใช่


๓๐ หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนวัดชัยมงคล พุทธศักราช ๒๕๖๗ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ชั้น ตัวชี้วัดระหว่างทาง ตัวชี้วัดปลายทาง สาระการเรียนรู้แกนกลาง แหล่งกำเนิดแสง ต้องมีแสงจาก แหล่งกำเนิดแสงไปกระทบวัตถุแล้ว สะท้อนเข้าตาถ้ามีแสงที่สว่างมาก ๆ เข้าสู่ตาอาจเกิดอันตรายต่อตาได้ จึง ต้องหลีกเลี่ยงการมองหรือใช้แผ่น กรองแสงที่มีคุณภาพ เมื่อจำเป็น และ ต้องจัดความสว่างให้เหมาะสมกับการ ทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การอ่านหนังสือ ก า ร ดูจ อ โ ท ร ท ั ศ น ์ ก า ร ใ ช้ โทรศัพท์เคลื่อนที่และแท็บเล็ต ป.๓ ๑. ยกตัวอย่างการเปลี่ยน พลังงานหนึ่งไปเป็นอีก พลังงานหนึ่งจากหลักฐาน เชิงประจักษ์ - - พลังงานเป็นปริมาณที่แสดงถึง ความสามารถในการทำงาน พลังงานมี หลายแบบ เช่น พลังงานกล พลังงาน ไฟฟ้า พลังงานแสง พลังงานเสียง และ พลังงานความร้อน โดยพลังงาน สามารถเปลี่ยนจากพลังงานหนึ่งไป เป็นอีกพลังงานหนึ่งได้ เช่น การถูมือ จนรู้สึกร้อน เป็นการเปลี่ยนพลังงาน กลเป็นพลังงานความร้อน แผงเซลล์ สุริยะเปลี่ยนพลังงานแสงเป็นพลังงาน ไฟฟ้า หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าเปลี่ยน พลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานอื่น - ๒. บรรยายการทำงานของเครื่อง กำเนิดไฟฟ้า ระบุแหล่งพลังงานใน การผลิตไฟฟ้าจากข้อมูลที่รวบรวม ได้ - ไฟฟ้าผลิตจากเครื่องกำเนิดไฟฟ้าซึ่ง ใช้พลังงานจากแหล่งพลังงาน ธรรมชาติหลายแหล่ง เช่น พลังงาน จากลม พลังงานจากน้ำ พลังงานจาก แก๊สธรรมชาติ


๓๑ หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนวัดชัยมงคล พุทธศักราช ๒๕๖๗ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ชั้น ตัวชี้วัดระหว่างทาง ตัวชี้วัดปลายทาง สาระการเรียนรู้แกนกลาง - ๓. ตระหนักในประโยชน์และโทษ ของไฟฟ้าโดยนำเสนอวิธีการใช้ ไฟฟ้าอย่างประหยัด ปลอดภัย - พลังงานไฟฟ้ามีความสำคัญต่อ ชีวิตประจำวัน การใช้ไฟฟ้า นอกจากต้องใช้อย่างถูกวิธี ประหยัด และคุ้มค่าแล้ว ยังต้อง คำนึงถึงความปลอดภัยด้วย ป.๔ - ๑. จำแนกวัตถุเป็นตัวกลาง โปร่งใส ตัวกลางโปร่งแสง และ วัตถุทึบแสง จากลักษณะ การ มองเห็นสิ่งต่าง ๆ ผ่านวัตถุนั้น เป็นเกณฑ์ โดยใช้หลักฐานเชิง ประจักษ์ - เมื่อมองสิ่งต่าง ๆ โดยมีวัตถุต่าง ชนิดกันมากั้นแสง จะทำให้ลักษณะ การมองเห็นสิ่งนั้นๆ ชัดเจนต่างกัน จึงจำแนกวัตถุที่มากั้นออกเป็น ตัวกลางโปร่งใส ซึ่งทำให้มองเห็น สิ่งต่าง ๆ ได้ชัดเจน ตัวกลางโปร่ง แสงทำให้มองเห็น สิ่งต่าง ๆ ได้ไม่ ชัดเจน และ วัตถุทึบแสงทำให้มอง ไม่เห็นสิ่งต่าง ๆ ป.๕ ๑. อธิบายการได้ยินเสียงผ่าน ตัวกลางจากหลักฐานเชิง ประจักษ์ - - การได้ยินเสียงนั้นต้องอาศัย ตัวกลางโดยอาจเป็นของแข็ง ของเหลว หรืออากาศ เสียงจะ ส่งผ่านตัวกลางมายังหู ๒. ระบุตัวแปร ทดลองและ อธิบาย ลักษณะ และการเกิด เสียงสูง เสียงต่ำ ๓. ออกแบบการทดลองและ อธิบาย ลักษณะและการเกิด เสียงดัง เสียงค่อย ๔. วัดระดับเสียงโดยใช้ เครื่องมือวัดระดับเสียง ๕. ตระหนักคุณค่าความรู้เรื่อง ระดับเสียงเสนอแนะแนวทางการ หลีกเลี่ยงลดมลพิษทางเสียง - เสียงที่ได้ยินมีระดับสูงต่ำของ เสียงต่างกันขึ้นกับความถี่ของการ สั่นของแหล่งกำเนิดเสียง โดยเมื่อ แหล่งกำเนิดเสียงสั่นด้วยความถี่ต่ำ จะเกิดเสียงต่ำ แต่ถ้าสั่นด้วย ความถี่สูงจะเกิดเสียงสูง ส่วนเสียง ดังค่อยที่ได้ยินขึ้นกับพลังงานการ สั่นของแหล่งกำเนิดเสียง โดยเมื่อ แหล่งกำเนิดเสียงสั่นพลังงานมาก จะเกิด เสียงดัง แต่ถ้าแหล่งกำเนิด เสียงสั่นด้วยพลังงานน้อยจะเกิด เสียง


๓๒ หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนวัดชัยมงคล พุทธศักราช ๒๕๖๗ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ชั้น ตัวชี้วัดระหว่างทาง ตัวชี้วัดปลายทาง สาระการเรียนรู้แกนกลาง - เสียงดังมาก ๆ เป็นอันตรายต่อ การได้ยินและเสียงที่ก่อให้เกิด ความรำคาญเป็นมลพิษทางเสียง เด ซิเบล เป็นหน่วยที่บอกถึงความดัง ของเสียง - เสียงดังมาก ๆ เป็นอันตรายต่อ การได้ยินและเสียงที่ก่อให้เกิด ความรำคาญเป็นมลพิษทางเสียง เด ซิเบล เป็นหน่วยที่บอกถึงความดัง ของเสียง ป.๖ ๑. ระบุส่วนประกอบและ บรรยายหน้าที่ของแต่ละ ส่วนประกอบของวงจรไฟฟ้า อย่างง่ายจากหลักฐานเชิง ประจักษ์ ๒. เขียนแผนภาพและต่อ วงจรไฟฟ้าอย่างง่าย - - วงจรไฟฟ้าอย่างง่ายประกอบด้วย แหล่งกำเนิดไฟฟ้าสายไฟฟ้า และ เครื่องใช้ไฟฟ้าหรืออุปกรณ์ไฟฟ้า แหล่งกำเนิดไฟฟ้า เช่น ถ่านไฟฉาย หรือแบตเตอรี่ ทำหน้าที่ให้พลังงาน ไฟฟ้า สายไฟฟ้าเป็นตัวนำไฟฟ้า ทำหน้าที่เชื่อมต่อธาตุแหล่งกำเนิด ไฟฟ้า และเครื่องใช้ไฟฟ้าเข้า ด้วยกัน เครื่องใช้ไฟฟ้ามีหน้าที่ เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงาน อื่น ๓. ออกแบบการทดลองและ ทดลองด้วยวิธีที่เหมาะสมในการ อธิบายวิธีการและผลของการต่อ เซลล์ไฟฟ้าแบบอนุกรม ๔. ตระหนักถึงประโยชน์ของ ความรู้ของการต่อ เซลล์ไฟฟ้า แบบอนุกรมโดยบอกประโยชน์ และ การประย ุ กต ์ ใช ้ ใน ชีวิตประจำวัน - เมื่อนำเซลล์ไฟฟ้าหลายเซลล์มา ต่อเรียงกัน โดยให้ขั้วบวกของ เซลล์ไฟฟ้าเซลล์หนึ่งต่อกับขั้วลบ ของอีกเซลล์หนึ่งเป็นการต่อแบบ อนุกรม ทำให้มีพลังงานไฟฟ้า เหมาะสมกับเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งการ ต่อเซลล์ไฟฟ้าแบบอนุกรมสามารถ นำไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน


๓๓ หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนวัดชัยมงคล พุทธศักราช ๒๕๖๗ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ชั้น ตัวชี้วัดระหว่างทาง ตัวชี้วัดปลายทาง สาระการเรียนรู้แกนกลาง เช่น การต่อเซลล์ไฟฟ้าในไฟฉาย ๕. ออกแบบการทดลองและ ทดลองด้วยวิธีที่เหมาะสมในการ อธิบายการต่อหลอดไฟฟ้าแบบ อนุกรมและแบบขนาน ๖. ตระหนักถึงประโยชน์ของ ความรู้ของการต่อหลอดไฟฟ้า แบบอนุกรม และแบบขนาน โดย บอกประโยชน์ ข้อจำกัด และ การประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน - การต่อหลอดไฟฟ้าแบบอนุกรม เมื่อถอดหลอดไฟฟ้าดวงใดดวงหนึ่ง ออกทำให้หลอดไฟฟ้าที่เหลือดับ ทั้งหมด ส่วน การต่อหลอด ไฟฟ้าแบบขนาน เมื่อถอด หลอด ไฟฟ้าดวงใดดวงหนึ่งออก หลอด ไฟฟ้าที่เหลือ ก็ยังสว่างได้ การต่อ หลอดไฟฟ้าแต่ละแบบสามารถ นำไปใช้ประโยชน์ได้ เช่น การต่อ หลอดไฟฟ้าหลายดวงในบ้านจึงต้อง ต่อหลอดไฟฟ้าแบบขนาน ๘. เขียนแผนภาพรังสีของแสง แสดงการเกิดเงามืดเงามัว ๗. อธิบายการเกิดเงามืดเงามัว จากหลักฐานเชิงประจักษ์ - เมื่อนำวัตถุทึบแสงมากั้นแสงจะ เกิดเงาบนฉากรับแสงที่อยู่ด้านหลัง วัตถุ โดยเงามีรูปร่างคล้ายวัตถุที่ทำ ให้เกิดเงาเงามัวเป็นบริเวณที่มีแสง บางส่วนตกลงบนฉาก ส่วนเงามืด เป็นบริเวณที่ไม่มีแสงตกลงบนฉาก เลย สาระที่ ๓ วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ มาตรฐาน ว ๓.๑ เข้าใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และวิวัฒนาการของเอกภพ กาแล็กซี ดาวฤกษ์ และระบบสุริยะ รวมทั้งปฏิสัมพันธ์ภายในระบบสุริยะที่ส่งผลต่อสิ่งมีชีวิต และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี อวกาศ ชั้น ตัวชี้วัดระหว่างทาง ตัวชี้วัดปลายทาง สาระการเรียนรู้แกนกลาง ป.๑ ๑. ระบุดาวที่ปรากฏบน ท้องฟ้าในเวลากลางวัน และ กลางคืนจากข้อมูลที่รวบรวม ได้ ๒. อธิบายสาเหตุที่มองไม่เห็นดาว ส่วนใหญ่ ในเวลากลางวันจาก หลักฐานเชิงประจักษ์ - บนท้องฟ้ามีดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดาวซึ่งในเวลากลางวันจะ มองเห็นดวงอาทิตย์และอาจ มองเห็นดวงจันทร์บางเวลาในบาง วัน แต่ไม่สามารถมองเห็นดาว


๓๔ หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนวัดชัยมงคล พุทธศักราช ๒๕๖๗ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ชั้น ตัวชี้วัดระหว่างทาง ตัวชี้วัดปลายทาง สาระการเรียนรู้แกนกลาง - ในเวลากลางวันมองไม่เห็นดาวส่วน ใหญ่เนื่องจากแสงอาทิตย์สว่างกว่า จึงกลบแสงของดาว ส่วนในเวลา กลางคืนจะมองเห็นดาวและมองเห็น ดวงจันทร์เกือบทุกคืน ป.๒ - - - ป.๓ ๑. อธิบายแบบรูปเส้นทางการ ขึ้นและตกของดวงอาทิตย์โดย ใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ ๓. ตระหนักถึงความสำคัญของ ดวงอาทิตย์ โดย บรรยาย ประโยชน์ของดวงอาทิตย์ต่อ สิ่งมีชีวิต ๒. อธ ิ บายสาเหต ุ การเกิ ด ปรากฏการณ์การขึ้น และตกของ ดวงอาทิตย์ การเกิดกลางวัน กลางคืน และการกำหนดทิศโดยใช้ แบบจำลอง - คนบนโลกมองเห็นดวงอาทิตย์ ปรากฏขึ้นถามด้านหนึ่งและตกถาม อีกด้านหนึ่งทุกวัน หมุนเวียนเป็น แบบรูปซ้ำ ๆ -โลกกลมและหมุนรอบตัวเองขณะ โคจรรอบดวง อาทิตย์ ทำให้บริเวณ ของโลกได้รับแสงอาทิตย์ไม่พร้อม กัน โลกด้านที่ได้รับแสงจากดวง อาทิตย์จะเป็นกลางวัน ส่วนด้าน ตรงข้ามที่ไม่ได้รับแสงจะเป็น กลางคืน นอกจากนี้คนบนโลกจะ มองเห็นดวงอาทิตย์ ปรากฏขึ้นถาม ด้านหนึ่งซึ่งกำหนดให้เป็นทิศ ตะวันออก และมองเห็นดวงอาทิตย์ ตกถามอีกด้านหนึ่ง ซึ่งกำหนดให้ เป็นทิศตะวันตก และเมื่อให้ด้าน ขวามืออยู่ทางทิศตะวันออก ด้าน ซ้ายมืออยู่ถามทิศ ตะวันตก ด้านหน้าจะเป็นทิศเหนือ และ ด้านหลังจะเป็นทิศใต้


๓๕ หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนวัดชัยมงคล พุทธศักราช ๒๕๖๗ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ชั้น ตัวชี้วัดระหว่างทาง ตัวชี้วัดปลายทาง สาระการเรียนรู้แกนกลาง -ในเวลากลางวันโลกจะได้รับพลังงาน แสงและพลังงานความร้อนจากดวง อาทิตย์ ทำให้สิ่งมีชีวิตดำรงชีวิตอยู่ ได้ ป.๔ ๑. อธิบายแบบรูปเส้นทางการ ขึ้นและตกของดวงจันทร์ โดย ใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ - -ดวงจันทร์เป็นบริวารของโลก โดย ดวงจันทร์หมุนรอบตัวเองขณะโคจร รอบโลก ขณะที่โลกก็หมุนรอบ ตัวเองด้วยเช่นกัน การหมุนรอบ ตัวเองของโลกจากทิศตะวันตกไปทิศ ตะวันออกในทิศทางทวนเข็มนาฬิกา เมื่อมองจากขั้วโลกเหนือ ทำให้ มองเห็นดวงจันทร์ปรากฏขึ้น ทางด้านทิศตะวันออกและตก ทางด้านทิศตะวันตกหมุนเวียนเป็น แบบรูปซ้ำ ๆ - ๒. สร้างแบบจำลองที่อธิบายแบบ รูป การเปลี่ยนแปลงรูปร่างปรากฏ ของดวงจันทร์และพยากรณ์ รูปร่างปรากฏของดวงจันทร์ -ดวงจันทร์เป็นวัตถุที่เป็นทรงกลม แต่รูปร่างของดวงจันทร์ที่มองเห็น หรือรูปร่างปรากฏของดวงจันทร์ บนท้องฟ้าแตกต่างกันไปในแต่ละ วัน โดยในแต่ละวัน ดวงจันทร์จะมี รูปร่างปรากฏเป็นเสี้ยวที่มีขนาด เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนเต็มดวง จากนั้นรูปร่างปรากฏของดวงจันทร์ จะแหว่งและมีขนาดลดลงอย่าง ต่อเนื่องจนมองไม่เห็นดวงจันทร์ จากนั้นรูปร่าง ปรากฏของดวงจันทร์ จะเป็นเสี้ยวใหญ่ขึ้นจนเต็มดวงอีก ครั้ง การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้เป็นแบบ รูปซ้ำกันทุกเดือน


๓๖ หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนวัดชัยมงคล พุทธศักราช ๒๕๖๗ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ชั้น ตัวชี้วัดระหว่างทาง ตัวชี้วัดปลายทาง สาระการเรียนรู้แกนกลาง - ๓. สร ้ างแบบจำลองแสดง องค์ประกอบของ ระบบสุริยะ และ อธิบายเปรียบเทียบคาบการโคจร ของดาวเคราะห์ต่าง ๆ จาก แบบจำลอง - ระบบสุริยะเป็นระบบที่มีดวง อาทิตย์เป็นศูนย์กลางและมีบริวาร ประกอบด้วย ดาวเคราะห์แปดดวง และ บริวาร ซึ่งดาวเคราะห์แต่ละดวง มีขนาดและระยะห่างจากดวงอาทิตย์ แตกต่างกัน และยังประกอบด้วย ดาว เคราะห์แคระ ดาวเคราะห์น้อย ดาว หาง และ วัตถุขนาดเล็กอื่น ๆ โคจร อยู่รอบดวงอาทิตย์ วัตถุขนาดเล็กอื่น ๆ เมื่อเข้ามาในชั้นบรรยากาศ เนื่องจาก แรงโน้มถ่วงของโลก ทำให้ เกิดเป็นดาวตกหรือผีพุ่งไต้ และ อุกกาบาต ป.๕ ๑. เปรียบเที ยบความ แตกต่างของดาวเคราะห์และ ดาวฤกษ์จากแบบจำลอง - - ดาวที่มองเห็นบนท้องฟ้าอยู่ใน อวกาศซึ่งเป็นบริเวณที่อยู่นอก บรรยากาศของโลกมีทั้งดาวฤกษ์และ ดาวเคราะห์ดาวฤกษ์เป็นแหล่งกำเนิด แสงจึงสามารถมองเห็นได้ ส่วนดาว เคราะห์ ไม่ใช่แหล่งกำเนิดแสง แต่ สามารถมองเห็นได้เนื่องจากแสงจาก ดวงอาทิตย์ตกกระทบดาวเคราะห์ แล้วสะท้อนเข้าสู่ตา - ๒. ใช้แผนที่ดาวระบุตำแหน่งและ เส้นทางการขึ้นและตกของกลุ่ม ดาวฤกษ์บนท้องฟ้าและอธิบาย แบบรูปเส้นทางการขึ้นและตกของ กลุ่มดาวฤกษ์บนท้องฟ้าในรอบปี - การมองเห็นกลุ่มดาวฤกษ์มีรูปร่าง ต่าง ๆ เกิดจากจินตนาการของผู้ สังเกต กลุ่มดาวฤกษ์ ต่าง ๆ ที่ ปรากฏในท้องฟ้าแต่ละกลุ่มมีดาว ฤกษ์แต่ละดวงเรียงกันที่ตำแหน่งคงที่ และมีเส้นทางการขึ้นและตกตาม


๓๗ หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนวัดชัยมงคล พุทธศักราช ๒๕๖๗ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ชั้น ตัวชี้วัดระหว่างทาง ตัวชี้วัดปลายทาง สาระการเรียนรู้แกนกลาง เส้นทางเดิมทุกคืน ซึ่งจะปรากฏ ตำแหน่งเดิมการสังเกตตำแหน่ง และ การขึ้นและตกของดาวฤกษ์ และกลุ่ม ดาวฤกษ์สามารถทำได้โดยใช้แผนที่ ดาวซึ่งระบุ มุม ทิศและมุมเงยที่กลุ่ม ดาวนั้นปรากฏ ผู้สังเกตสามารถ ใช้มือในการประมาณค่าของมุมเงย เมื่อสังเกตดาวในท้องฟ้า ป.๖ - ๑. สร้างแบบจำลองที่อธิบายการ เกิดและเปรียบเทียบปรากฏการณ์ สุริยุปราคาและจันทรุปราคา - เมื่อโลกและดวงจันทร์ โคจรมาอยู่ ในแนวเส้นตรงเดียวกันกับดวง อาทิตย์ในระยะทางที่เหมาะสม ทำให้ ดวงจันทร์บังดวงอาทิตย์ เงาของดวง จันทร์ทอดมายังโลก ผู้สังเกตที่อยู่ บริเวณเงาจะมองเห็น ดวงอาทิตย์มืด ไป เกิดปรากฏการณ์สุริยุปราคา ซึ่งมี ทั้งสุริยุปราคาเต็มดวง สุริยุปราคา บางส่วน และสุริยุปราคาวงแหวน - หากดวงจันทร์และโลกโคจรมาอยู่ ในแนวเส้นตรงเดียวกันกับดวง อาทิตย์ แล้วดวงจันทร์เคลื่อนที่ผ่าน เงาของโลก จะมองเห็นดวงจันทร์มืด ไป เกิดปรากฏการณ์จันทรุปราคา ม ี ท ั ้ งจ ั นทร ุ ปราคาเต ็ มดวง จันทรุปราคาบางส่วน - ๒. อธ ิ บายพ ั ฒนาการของ เทคโนโลยีอวกาศ และยกตัวอย่าง การนำเทคโนโลยีอวกาศมาใช้ ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน จาก ข้อมูลที่รวบรวม - เทคโนโลยีอวกาศเริ่มจากความ ต้องการของมนุษย์ในการสำรวจวัตถุ ท้องฟ้าโดยใช้ตาเปล่า กล้อง โทรทรรศน์ และได้พัฒนาไปสู่การ ขนส่งเพื่อสำรวจอวกาศด้วยจรวดและ ยานขนส่งอวกาศ และยังคงพัฒนา


๓๘ หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนวัดชัยมงคล พุทธศักราช ๒๕๖๗ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ชั้น ตัวชี้วัดระหว่างทาง ตัวชี้วัดปลายทาง สาระการเรียนรู้แกนกลาง อย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมี การ นำเทคโนโลยีอวกาศบางประเภทมา ประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น การใช้ดาวเทียมเพื่อการสื่อสาร การพยากรณ์อากาศ หรือการสำรวจ ทรัพยากรธรรมชาติ การใช้อุปกรณ์ วัดชีพจรและการเต้นของหัวใจ หมวก นิรภัย ชุดกีฬา สาระที่ ๓ วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ มาตรฐาน ว ๓.๒ เข้าใจองค์ประกอบ และความสัมพันธ์ของระบบโลก กระบวนการเปลี่ยนแปลงภายในโลก และบนผิวโลก ธรณีพิบัติภัย กระบวนการเปลี่ยนแปลงลมฟ้าอากาศและภูมิอากาศโลก รวมทั้งผลต่อสิ่งมีชีวิตและ สิ่งแวดล้อม ชั้น ตัวชี้วัดระหว่างทาง ตัวชี้วัดปลายทาง สาระการเรียนรู้แกนกลาง ป.๑ ๑. อธิบายลักษณะภายนอก ข อ ง ห ิ น จ า ก ล ั ก ษ ณ ะ เฉพาะตัวที่สังเกตได้ - - หินที่อยู่ในธรรมชาติมีลักษณะ ภายนอกเฉพาะตัวที่สังเกตได้ เช่น สี ลวดลาย น้ำหนัก ความแข็ง และเนื้อ หิน ป.๒ ๑. ระบุส่วนประกอบของดิน และจำแนกชนิด ของดินโดย ใช้ลักษณะเนื้อดินและการ จับตัว เป็นเกณฑ์ ๒. อธิบายการใช้ประโยชน์จาก ดิน จากข้อมูลที่รวบรวมได้ -ดินประกอบด้วยเศษหิน ซากพืชซาก สัตว์ผสมอยู่ในเนื้อดิน มีอากาศและน้ำ แทรกอยู่ตามช่องว่างในเนื้อดิน ดิน จำแนกเป็น ดินร่วน ดินเหนียว และดิน ทรายตามลักษณะเนื้อดินและการจับ ตัวของดิน ซึ่งมีผลต่อการอุ้มน้ำที่ แตกต่างกัน - ดินแต่ละชนิดนำไปใช้ประโยชน์ได้ แตกต่างกันตามลักษณะและสมบัติของ ดิน


๓๙ หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนวัดชัยมงคล พุทธศักราช ๒๕๖๗ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ชั้น ตัวชี้วัดระหว่างทาง ตัวชี้วัดปลายทาง สาระการเรียนรู้แกนกลาง ป.๓ ๑. ระบุส่วนประกอบของ อากาศบรรยายความสำคัญ ของอากาศ และผลกระทบ ของ มลพิษทางอากาศต่อ สิ่งมีชีวิต จากข้อมูลที่ รวบรวมได้ ๒. ตระหนักถึงความสำคัญของ อากาศ โดยนำเสนอแนวทางการ ปฏิบัติตนในการลดการเกิดมลพิษ ทางอากาศ - อากาศโดยทั่วไปไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ประกอบด้วย แก๊สไนโตรเจน แก๊ส ออกซิเจน แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ แก๊ส อื่น ๆ รวมทั้งไอน้ำ และ ฝุ่น ละออง อากาศมีความสำคัญต่อ สิ่งมีชีวิต หากส่วนประกอบของ อากาศไม่เหมาะสม เนื่องจากมีแก๊ส บางชนิดหรือฝุ่นละอองในปริมาณมาก อาจเป็น อันตรายต่อสิ่งมีชีวิตชนิด ต่าง ๆ จัดเป็นมลพิษทางอากาศ - แนวทางการปฏิบัติตนเพื่อลดการ ปล่อยมลพิษทางอากาศ เช่น ใช้ พาหนะร่วมกัน หรือเลือกใช้เทคโนโลยี ที่ลดมลพิษทางอากาศ - ๓. อธ ิบายการเกิดลมจาก หลักฐานเชิงประจักษ์ - ลม คืออากาศที่เคลื่อนที่ เกิดจาก ความแตกต่างกันของอุณหภูมิอากาศ บริเวณที่อยู่ใกล้กัน โดยอากาศ บริเวณที่มีอุณหภูมิสูงจะลอยตัว สูงขึ้น และอากาศบริเวณที่มีอุณหภูมิ ต่ำกว่าจะเคลื่อนเข้าไปแทนที่ ๔. บรรยายประโยชน์และโทษ ของลมจากข้อมูลที่รวบรวม ได้ - - ลมสามารถนำมาใช้เป็นแหล่ง พลังงานทดแทนในการผลิตไฟฟ้า และ นำไปใช้ประโยชน์ ในการทำกิจกรรม ต่าง ๆ ของมนุษย์ หากลมเคลื่อนที่ ด้วยความเร็วสูงอาจทำให้เกิด อันตรายและความเสียหายต่อชีวิต และทรัพย์สินได้ ป.๔ - - - ป.๕ ๑. เปรียบเทียบปริมาณน้ำใน - - โลกมีทั้งน้ำจืดและน้ำเค็มซึ่งอยู่ใน


๔๐ หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนวัดชัยมงคล พุทธศักราช ๒๕๖๗ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ชั้น ตัวชี้วัดระหว่างทาง ตัวชี้วัดปลายทาง สาระการเรียนรู้แกนกลาง แต่ละแหล่ง และระบุปริมาณ น้ำที่มนุษย์สามารถนำมาใช้ ประโยชน์ได้ จากข้อมูลที่ รวบรวมได้ แหล่งน้ำต่าง ๆ ที่มีทั้งแหล่งน้ำผิวดิน เช่น ทะเล มหาสมุทร บึง แม่น้ำ และ แหล่งน้ำใต้ดิน เช่น น้ำในดิน และน้ำ บาดาล น้ำทั้งหมดของโลกแบ่งเป็น น้ำเค็มประมาณ ร้อยละ ๙๗.๕ ซึ่งอยู่ ในมหาสมุทรและแหล่งน้ำอื่น ๆ และ ที่เหลืออีกประมาณร้อยละ ๒.๕ เป็น น้ำจืด ถ้าเรียงลำดับปริมาณน้ำจืดจาก มากไปน้อยจะอยู่ที่ ธารน้ำแข็งและ พืดน้ำแข็ง น้ำใต้ดิน ชั้นดินเยือกแข็ง คงตัวและน้ำแข็งใต้ดิน ทะเลสาบ ความชื้นในดิน ความชื้นในบรรยากาศ บึง แม่น้ำ และน้ำในสิ่งมีชีวิต - ๒. ตระหนักถึงคุณค่าของน้ำโดย นำเสนอแนวทางการใช้น้ำอย่าง ประหยัดและการอนุรักษ์น้ำ - น้ำจืดที่มนุษย์นำมาใช้ได้มีปริมาณ น้อยมาก จึงควรใช้น้ำอย่างประหยัด และร่วมกันอนุรักษ์น้ำ - ๓. สร้างแบบจำลองที่อธิบายการ หมุนเวียน ของน้ำในวัฏจักรน้ำ -วัฏจักรน้ำ เป็นการหมุนเวียนของน้ำ ที่มีแบบรูปซ้ำเดิม และต่อเนื่องธาตุ น้ำในบรรยากาศน้ำผิวดินและน้ำใต้ ดิน โดยพฤติกรรมการดำรงชีวิตของ พืชและสัตว์ส่งผลต่อวัฏจักรน้ำ ๔. เปรียบเทียบกระบวนการ เกิดเมฆ หมอก น้ำค้าง และ น้ำค้างแข็ง จากแบบจำลอง - - ไอน้ำในอากาศจะควบแน่นเป็น ละอองน้ำเล็ก ๆ โดยมีละอองลอย เช่น เกลือ ฝุ่นละออง เกสรดอกไม้ เป็น อนุภาคแกนกลาง เมื่อละอองน้ำ จำนวนมากเกาะกลุ่มรวมกันลอยอยู่ สูงจากพื้นดินมาก เรียกว่า เมฆ แต่ ละอองน้ำที่เกาะกลุ่ม รวมกันอยู่ใกล้ พื้นดิน เรียกว่าหมอก ส่วนไอน้ำที่ ควบแน่นเป็นละอองน้ำเกาะอยู่บน


๔๑ หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนวัดชัยมงคล พุทธศักราช ๒๕๖๗ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ชั้น ตัวชี้วัดระหว่างทาง ตัวชี้วัดปลายทาง สาระการเรียนรู้แกนกลาง พื้นผิววัตถุใกล้พื้นดิน เรียกว่า น้ำค้าง ถ้าอุณหภูมิ ใกล้พื้นดินต่ำกว่าจุด เยือกแข็ง น้ำค้างก็จะกลายเป็นน้ำค้าง แข็ง ๕. เปรียบเทียบกระบวนการ เกิดฝน หิมะ และ ลูกเห็บ จากข้อมูลที่รวบรวมได้ - -ฝน หิมะ ลูกเห็บ เป็นหยาดน้ำฟ้าซึ่ง เป็นน้ำที่มีสถานะต่าง ๆ ที่ตกจากฟ้า ถึงพื้นดิน ฝน เกิดจากละอองน้ำใน เมฆที่รวมตัวกันจนอากาศไม่สามารถ พยุงไว้ได้จึงตกลงมา หิมะเกิดจากไอ น้ำในอากาศระเหิดกลับเป็นผลึก น้ำแข็ง รวมตัวกันจนมีน้ำหนักมากขึ้น จนเกินกว่าอากาศจะพยุงไว้ จึงตกลง มาลูกเห็บเกิดจากหยดน้ำที่เปลี่ยน สถานะเป็นน้ำแข็ง แล้วถูกพายุพัดวน ซ้ำไปซ้ำมาในเมฆฝนฟ้าคะนองที่มี ขนาดใหญ่และอยู่ในระดับสูงจนเป็น ก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่ขึ้น แล้วตกลง มา ป.๖ - ๑. เปรียบเทียบกระบวนการเกิด หินอัคนี หินตะกอน และหินแปร และอธิบายวัฏจักรหินจาก แบบจำลอง - หินเป็นวัสดุแข็งเกิดขึ้นเองตาม ธรรมชาติประกอบ ด้วยแร่ตั้งแต่หนึ่ง ชนิดขึ้นไป สามารถจำแนกหินตาม กระบวนการเกิดได้เป็น ๓ ประเภท ได้แก่ หินอัคนี หินตะกอน และหิน แปร - หินอัคนีเกิดจากการเย็นตัวของแมก มา เนื้อหิน มีลักษณะเป็นผลึก ทั้ง ผลึกขนาดใหญ่และขนาดเล็ก บาง ชนิดอาจเป็นเนื้อแก้ว หรือมีรูพรุน - หินตะกอน เกิดจากการทับถมของ


๔๒ หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนวัดชัยมงคล พุทธศักราช ๒๕๖๗ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ชั้น ตัวชี้วัดระหว่างทาง ตัวชี้วัดปลายทาง สาระการเรียนรู้แกนกลาง ตะกอนเมื่อถูกแรงกดทับและมีสาร เชื่อมประสานจึงเกิดเป็นหิน เนื้อหิน กลุ่มนี้ส่วนใหญ่มีลักษณะเป็นเม็ด ตะกอน มีทั้งเนื้อหยาบและเนื้อ ละเอียด บางชนิดเป็นเนื้อผลึก ที่ยึด เกาะกันเกิดจากการตกผลึกหรือ ตกตะกอนจากน้ำโดยเฉพาะน้ำทะเล บางชนิดมีลักษณะเป็นชั้น ๆ จึงเรียก อีกชื่อว่าหินชั้น -หินแปร เกิดจากการแปรสภาพของ หินเดิมซึ่งอาจเป็นหินอัคนี หิน ตะกอน หรือหินแปร โดยการกระทำ ของความร้อน ความดันและปฏิกิริยา เคมี เนื้อหิน ของหินแปรบางชนิด ผลึกของแร่เรียงตัวขนานกัน เป็นแถบ บางชนิดแซะออกเป็นแผ่นได้ บาง ชนิดเป็นเนื้อผลึกที่มีความแข็งมาก - หินในธรรมชาติทั้ง ๓ ประเภท มีการ เปลี่ยนแปลงจากประเภทหนึ่งไปเป็น อีกประเภทหนึ่ง หรือประเภทเดิมได้ โดยมีแบบรูปการเปลี่ยนแปลงคงที่ และต่อเนื่องเป็นวัฏจักร ๒. บรรยายและยกตัวอย่าง การใช้ประโยชน์ ของหินและ แร่ในชีวิตประจำวันจาก ข้อมูลที่รวบรวมได้ - - หินและแร่แต่ละชนิดมีลักษณะและ สมบัติแตกต่างกัน มนุษย์ใช้ประโยชน์ จากแร่ในชีวิตประจำวัน ในลักษณะ ต่าง ๆ เช่น นำแร่มาทำเครื่องสำอาง ยาสีฟัน เครื่องประดับ อุปกรณ์ทาง


๔๓ หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนวัดชัยมงคล พุทธศักราช ๒๕๖๗ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ชั้น ตัวชี้วัดระหว่างทาง ตัวชี้วัดปลายทาง สาระการเรียนรู้แกนกลาง การแพทย์ และนำหินมาใช้ในงาน ก่อสร้างต่าง ๆ - ๓. สร้างแบบจำลองที่อธิบายการ เกิดซากดึกดำบรรพ์และคาดคะเน สภาพแวดล้อมในอดีตของซากดึก ดำบรรพ์ - ซากดึกดำบรรพ์เกิดจากการทับถม หรือการประทับรอยของสิ่งมีชีวิตใน อดีต จนเกิดเป็นโครงสร้างของซาก หรือร่องรอยของสิ่งมีชีวิตที่ปรากฏอยู่ ในหิน ในประเทศไทยพบซากดึกดำ บรรพ์ที่หลากหลาย เช่น พืช ปะการัง หอย ปลาเต่าไดโนเสาร์ และรอยตีน สัตว์ - ซากดึกดำบรรพ์สามารถใช้เป็น หล ั กฐานหน ึ ่ งท ี ่ ช ่ วยอธ ิ บาย สภาพแวดล้อมของพื้นที่ในอดีตขณะ เกิดสิ่งมีชีวิตนั้น เช่น หากพบซากดึก ด ำ บ ร ร พ ์ ข อ ง ห อ ย น ้ ำ จื ด สภาพแวดล้อมบริเวณนั้นอาจเคยเป็น แหล่งน้ำจืดมาก่อน และหากพบซาก ดึกดำบรรพ์ของพืช สภาพแวดล้อม บริเวณนั้นอาจเคยเป็นป่ามาก่อน นอกจากนี้ซากดึกดำบรรพ์ของพืช สภาพแวดล้อมบริเวณนั้นอาจเคยเป็น ป่ามาก่อน นอกจากนี้ซากดึกดำบรรพ์ ยังสามารถใช้ระบุอายุของหิน และ เป็นข้อมูลในการศึกษาวิวัฒนาการ ของสิ่งมีชีวิต - ๔. เปรียบเทียบการเกิดลมบก ลม ทะเล และ มรสุม รวมทั้งอธิบาย ผลท ี ่ ม ี ต ่ อส ิ ่ งม ี ช ี ว ิ ตและ สิ่งแวดล้อม จากแบบจำลอง -ลมบก ลมทะเล และมรสุม เกิดจาก พื้นดินและ พื้นน้ำร้อนและเย็นไม่ เท่ากันทำให้อุณหภูมิอากาศเหนือ พื้นดินและพื้นน้ำแตกต่างกัน จึงเกิด การเคลื่อนที่ของอากาศจากบริเวณที่


๔๔ หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนวัดชัยมงคล พุทธศักราช ๒๕๖๗ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ชั้น ตัวชี้วัดระหว่างทาง ตัวชี้วัดปลายทาง สาระการเรียนรู้แกนกลาง มีอุณหภูมิต่ำไปยังบริเวณที่มี อุณหภูมิสูง - ลมบกและลมทะเล เป็นลมประจำ ถิ่นที่พบบริเวณชายฝั่ง โดยลมบกเกิด ในเวลากลางคืน ทำให้มีลมพัด จาก ชายฝั่งไปสู่ทะเล ส่วนลมทะเลเกิดใน เวลากลางวันทำให้มีลมพัดจากทะเล เข้าสู่ชายฝั่ง - ๕. อธิบายผลของมรสุมต่อการ เกิดฤดูของ ประเทศไทย จาก ข้อมูลที่รวบรวมได้ - มรสุมเป็นลมประจำฤดูเกิดบริเวณ เขตร้อนของโลก ซึ่งเป็นบริเวณกว้าง ระดับภูมิภาค ประเทศไทยได้รับผล จากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือในช่วง ประมาณ กลางเดือนตุลาคมจนถึง เดือนกุมภาพันธ์ ทำให้เกิดฤดูหนาว และได้รับผลจากมรสุมตะวันตกเฉียง ใต้ ในช่วงประมาณกลางเดือน พฤษภาคมจนถึงกลางเดือนตุลาคม ทำให้เกิดฤดูฝน ส่วนช่วงประมาณ กลางเด ื อนก ุ มภาพ ั นธ ์ จนถึ ง กลางเดือนพฤษภาคม เป็นช่วงเปลี่ยน มรสุม และประเทศไทยอยู่ใกล้เส้น ศูนย์สูตรแสงอาทิตย์เกือบตั้งตรงและ ตั้งตรงประเทศไทย ในเวลาเที่ยงวัน ทำให้ได้รับความร้อนจากดวงอาทิตย์ อย่างเต็มที่อากาศจึงร้อนอบอ้าวทำ ให้เกิดฤดูร้อน ๖. บรรยายลักษณะและ ผลกระทบของน้ำท่วม การ กัดเซาะชายฝั่ง ดินถล่ม ๗. ตระหนักถึงผลกระทบของภัย ธรรมชาติและธรณีพิบัติภัย โดย - น้ำท่วม การกัดเซาะชายฝั่ง ดินถล่ม แผ่นดินไหว และสึนามิ มีผลกระทบ


๔๕ หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนวัดชัยมงคล พุทธศักราช ๒๕๖๗ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ชั้น ตัวชี้วัดระหว่างทาง ตัวชี้วัดปลายทาง สาระการเรียนรู้แกนกลาง แผ่นดินไหว สึนามิ นำเสนอแนวทางในการเฝ้าระวัง และปฏิบัติตนให้ปลอดภัยจากภัย ธรรมชาติและธรณีพิบัติภัยที่อาจ เกิดในท้องถิ่น ต่อชีวิตและสิ่งแวดล้อมแตกต่างกัน - มนุษย์ควรเรียนรู้วิธีปฏิบัติตนให้ ปลอดภัย เช่น ติดตามข่าวสารอย่าง สม่ำเสมอ เตรียมถุงยังชีพ ให้พร้อมใช้ ตลอดเวลา และปฏิบัติตามคำสั่งของ ผู้ปกครองและเจ้าหน้าที่อย่าง เคร่งครัดเมื่อเกิดภัยทางธรรมชาติ และธรณีพิบัติภัย ๘. สร้างแบบจำลองที่อธิบาย การเกิด ปรากฏการณ์เรือน ก ร ะ จ ก แ ล ะ ผ ล ข อ ง ปรากฏการณ์เรือนกระจกต่อ สิ่งมีชีวิต ๙. ตระหนักถึงผลกระทบของ ปรากฏการณ์ เรือนกระจกโดย นำเสนอแนวทางการปฏิบัติตน เพื่อลดกิจกรรมที่ก่อให้เกิดแก๊ส เรือนกระจก - ปรากฏการณ์เรือนกระจกเกิดจาก แก๊สเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศของ โลก กักเก็บความร้อนแล้ว คายความ ร้อนบางส่วนกลับสู่ผิวโลก ทำให้ อากาศบนโลกมีอุณหภูมิเหมาะสมต่อ การดำรงชีวิต - หากปรากฏการณ์เรือนกระจก รุนแรงมากขึ้น จะมีผลต่อการ เปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลก มนุษย์จึง ควรร่วมกันลดกิจกรรมที่ก่อให้เกิด แก๊สเรือนกระจก สาระที่ ๔ เทคโนโลยี มาตรฐาน ว ๔.๑ เข้าใจแนวคิดของเทคโนโลยี เพื่อการดำรงชีวิตในสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ใช้ความรู้และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตร์อื่นๆ เพื่อแก้ปัญหาหรือพัฒนางานอย่างมีความคิด สร้างสรรค์ด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เลือกใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสม โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อชีวิต สังคม และสิ่งแวดล้อม ชั้น ตัวชี้วัดระหว่างทาง ตัวชี้วัดปลายทาง สาระการเรียนรู้แกนกลาง ป.๑ - - - ป.๒ - - - ป.๓ - - - ป.๔ - - - ป.๕ - - -


๔๖ หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนวัดชัยมงคล พุทธศักราช ๒๕๖๗ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ชั้น ตัวชี้วัดระหว่างทาง ตัวชี้วัดปลายทาง สาระการเรียนรู้แกนกลาง ป.๖ - - - สาระที่ 4 เทคโนโลยี มาตรฐาน ว ๔.๒ เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคำนวณในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงอย่างเป็นขั้นตอนและเป็น ระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรียนรู้ การทำงาน และการแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ รู้เท่าทัน และมีจริยธรรม ชั้น ตัวชี้วัดระหว่างทาง ตัวชี้วัดปลายทาง สาระการเรียนรู้แกนกลาง ป.๑ - ๑. แก้ปัญหาอย่างง่ายโดยใช้การ ลองผิดลองถูก การเปรียบเทียบ -การแก้ปัญหาให้ประสบความสำเร็จ ทำได้โดยใช้ขั้นตอน การแก้ปัญหา - ปัญหาอย่างง่าย เช่น เกมเขาวงกต เกมหาจุด แตกต่างของภาพการจัดหนังสือใส่ กระเป๋า - ๒. แสดงลำดับขั้นตอนการทำงาน หรือการแก้ปัญหาอย่างง่ายโดยใช้ ภาพ สัญลักษณ์ ข้อความ - การแสดงขั้นตอนการแก้ปัญหาทำ ได้โดยการเขียน บอกเล่า วาดภาพ หรือใช้สัญลักษณ์ - ปัญหาอย่างง่าย เช่น เกมเขาวงกต เกมหาจุด แตกต่างของภาพการจัดหนังสือใส่ กระเป๋า ๓. เขียนโปรแกรมอย่างง่าย โดยใช้ซอฟต์แวร์สื่อ - - การเขียนโปรแกรมเป็นการสร้าง ลำดับของคำสั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงาน - ตัวอย่างโปรแกรม เช่น เขียน โปรแกรมสั่งให้ ตัวละครย้ายตำแหน่ง ย่อขยายขนาด เปลี่ยนรูปร่าง -ซอฟต์แวร์ หรือสื่อที่ใช้ในการเขียน โปรแกรม เช่น ใช้บัตรคำสั่งแสดงการ เขียนโปรแกรม , Code.org


Click to View FlipBook Version