แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ 1
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 3 การใช้งานอนิ เตอรเ์ น็ต เวลา 3 ชั่วโมง
เรือ่ ง ความนา่ เช่ือถอื ของขอ้ มลู เวลา 3 ชว่ั โมง
รายวชิ า วิทยาการคำนวณ กลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ 4
1. มาตรฐานการเรียนร้/ู ตัวช้ีวัด
สาระท่ี 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใชแ้ นวคดิ เชงิ คำนวณในการแก้ปัญหาท่พี บในชีวติ จริงอยา่ งเป็นข้นั ตอนและ
เปน็ ระบบ ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสอ่ื สารในการเรยี นรู้ การทำงาน และการแก้ปญั หา
ได้อย่างมีประสิทธภิ าพ รเู้ ทา่ ทันและมีจรยิ ธรรม
ตวั ชวี้ ัด ป.4/3 ใชอ้ ินเทอร์เน็ตค้นหาความรู้ และประเมนิ ความน่าเชอ่ื ถือของข้อมูล
2. จุดประสงค์การเรยี นรู้
1. นักเรียนสามารถอธิบายความหมายของอนิ เทอร์เนต็ และประเมนิ ความน่าเชื่อถือของข้อมูลได้ (K)
2. นกั เรยี นสามารถใช้งานอนิ เทอรเ์ นต็ ในการคน้ หาขอ้ มูลได้ (P)
3. นกั เรียนสามารถยกตัวอย่างการนำอนิ เทอร์เน็ตไปใชป้ ระโยชนใ์ นชีวิตประจำวันได้ (A)
3. สาระสำคัญ
อนิ เทอร์เนต็ (Internet) คือ เครอื ข่ายคอมพิวเตอรท์ เี่ ช่ือมต่อกนั จำนวนมากและครอบคลุมไปทัว่ โลก โดย
เครือข่ายนีจ้ ะเชอื่ หากันภายใต้กฎเกณฑท์ เี่ ป็นมาตรฐานเดียวกัน ทำให้สามารถแลกเปล่ียนขอ้ มลู และส่งผา่ นข้อมลู
ระหวา่ งกันได้
ในปัจจบุ นั มีฐานข้อมูลทเ่ี ก็บไวใ้ นอินเทอรเ์ นต็ จำนวนมาก ดงั นนั้ การค้นหาข้อมลู จากอินเทอรเ์ นต็ จะต้อง
ประเมนิ ความนา่ เชอื่ ถือของข้อมูล โดยจะต้องศึกษาเรียนรเู้ กี่ยวกับการค้นหาข้อมูลจากอินเทอร์เนต็
4. สาระการเรยี นรู้
• การใช้อินเทอร์เน็ตในการคน้ หาข้อมูล
5. รปู แบบการสอน/วิธกี ารสอน
• เกม
• วธิ ีการสอนแบบสมุ่
• วิธกี ารสอนแบบกลมุ่
6. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน
ความสามารถในการส่ือสาร
ความสามารถในการคิด
ความสามารถในการแกป้ ัญหา
ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต ซ่ือสัตย์ สจุ รติ
ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี ใฝเ่ รียนรู้
7. ทกั ษะ 4 Cs มงุ่ ม่นั ในการทำงาน
ทกั ษะการคิดวจิ ารณญาณ (Critical Thinking) มจี ิตสาธารณะ
ทักษะการทำงานรว่ มกนั (Collaboration Skill)
ทกั ษะการสื่อสาร (Communication Skill)
ทักษะความคิดสรา้ งสรรค์ (Creative Thinking)
8. คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์
รักชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์
มีวนิ ัย
อยู่อย่างพอเพียง
รกั ความเปน็ ไทย
9. การจดั กระบวนการเรยี นรู้
ช่วั โมงที่ 1
1. ครใู ห้นกั เรยี นทำแบบทดสอบก่อนเรยี นหนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 3 การใช้งานอินเตอรเ์ นต็ เพ่ือเข้าใจระดับ
ความรู้เดมิ ของนักเรยี นก่อนเขา้ สูก่ จิ กรรม
ขั้นนำ (10 นาที)
1. ครูสอบถามนักเรยี นว่ารู้จักอนิ เทอร์เนต็ หรือไม่ อนิ เทอร์เนต็ มีลกั ษณะเปน็ อย่างไร
(แนวคำตอบ เปน็ เครือขา่ ยคอมพิวเตอร์ท่เี ช่อื มต่อกันจำนวนมากและครอบคลมุ ไปทั่วโลก ทำให้สามารถ
แลกเปล่ยี นข้อมูลและส่งผ่านขอ้ มลู ระหว่างกนั ได้)
ขนั้ สอน (40 นาที)
1. ครสู ่มุ นักเรียนมาทำกิจกรรม 6 คนโดยแบ่งออกเป็น 2 กลุม่ คละความสามารถ
2. ใหแ้ ตล่ ะกลุ่มนั่งเก้าอี้ แล้วหันหลงั เข้าหากนั โดยไม่ให้เห็นว่าอีกกลุม่ ด้านหลงั กำลงั ทำอะไรอยู่
3. ครอู ธบิ ายกติกาวา่ จะมโี จทย์ปัญหาใหแ้ ต่ละกลมุ่ ตอบปัญหาภายในเวลาทก่ี ำหนด หากตอบได้จะไดร้ บั 1
คะแนน โดยการเขียนคำตอบลงบนกระดาษ A4 และชูคำตอบข้นึ
4. ครูเรม่ิ กิจกรรม รอบที่1 ใชค้ ำถามงา่ ยท่ีเปน็ ความรู้พื้นฐาน คำถามมีดังน้ี
1) ประเพณบี ญุ บั้งไฟเป็นประเพณโี ด่งดังจากภาคใด
2) ประเทศไทยมีกีจ่ ังหวดั
3) จงั หวดั เหนอื สุดเขตแดนไทยคอื จังหวัดอะไร
4) นายกคนปัจจบุ ันคอื คนทเ่ี ท่าไหร่
5)แม่น้ำท่ียาวทสี่ ุดในโลกคือแมน่ ้ำใด
5. ก่อนเร่มิ กจิ กรรมรอบท่ี 2 ใหค้ รูนำหนังสอื ท่เี ตรียมไว้ 3-5 เล่มเกี่ยวหรอื ไม่เกีย่ วกบั เนอ้ื หาท่ีใชก้ ไ็ ด้ไปวาง
ให้กลุม่ หนง่ึ และให้ครูนำโนต้ บุ๊ก 1-2เคร่ือง ไปวางใหก้ ลมุ่ สอง โดยหา้ มทั้งสองกลุ่มเหน็ ว่าอกี กลมุ่ ไดร้ ับ
อะไร
6. ในรอบท่ี 2 ครูใช้คำถามยากข้ึน คำถามดังน้ี
1) สตั วท์ มี่ ขี นาดใหญท่ สี่ ุดในโลกคอื ชนิดใด
2) แม่น้ำที่มขี นาดกวา้ งทส่ี ุดในโลกคือแมน่ ้ำใด
3) มหาสมุทรที่ใหญท่ ี่สุดในโลกคอื ท่ีใด
4) สงครามโลกครงั้ ทีส่ องกินระยะเวลานานก่ีปี
5) ประเทศไทยมพี น้ื ทีท่ ั้งหมดเท่าใด
6) ทวปี ยโุ รปมปี ระเทศทัง้ หมดกปี่ ระเทศ
7) ใครคือนักบินที่เหยียบดวงจันทร์เป็นคนแรก
8) หากเดินทางจากไทยไปลาสเวกัสด้วยเครอื่ งบินต้องใชเ้ วลากชี่ ่วั โมง
9) ภเู ขาไฟฟจู สิ ูงจากระดับน้ำทะเลเท่าใด
10) จงบอกชื่อเครอ่ื งบนิ ทเ่ี ร็วทีส่ ดุ ในโลก
(คำถามทเี่ ลือกใชข้ ึน้ อย่กู ับความเหมาะสม และวิจารณญาณของครูผสู้ อน)
7. ครูใหน้ กั เรียนในห้องเรียนช่วยกันสรปุ คะแนนจากการตอบคำถามของทง้ั สองกลมุ่
ข้นั สรุป (10 นาที)
1. ครใู หน้ ักเรยี นหันดูอุปกรณ์ท่ีอีกกลุ่มที่ใช้
2. ครสู อบถามทั้งสองกลมุ่ และให้วิเคราะหก์ ล่มุ ตนเองวา่ ทำไมถึงแพ้ หรือชนะ
ชัว่ โมงที่ 2
ขัน้ สอน (60 นาที)
1. ครใู หน้ กั เรียนทบทวนกจิ กรรมทท่ี ำจากสปั ดาห์ทผ่ี ่านมา
2. ครูตั้งคำถามวา่ จากการทเี่ ราเห็นความแตกต่างระหวา่ งการใช้ประโยชนจ์ ากหนงั สือ และอินเทอร์เน็ต
นกั เรียนสังเกตเห็นอะไรบ้าง
(แนวตอบ ข้อมลู จากหนังสอื ไม่ครอบคลมุ คำถามที่คณุ ครถู าม หาข้อมูลได้ชา้ ข้อมลู บางอยา่ งไม่อัพเดท
สว่ นอินเทอร์เนต็ สะดวกในการค้นหาขอ้ มูล รวดเร็ว ข้อมูลมาจากหลายแหลง่ และคลอบคลมุ ทุกคำถาม)
3. ครูถามคำถามกระตุ้นนักเรยี นจากหนงั สือเรยี น รายวชิ าพนื้ ฐาน เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ป.4
หน้า 61 ว่า อนิ เทอร์เน็ตจำเป็นตอ่ ชวี ติ เราอยา่ งไร
(แนวตอบ ในปจั จบุ ันอนิ เทอร์เน็ตมบี ทบาทและมีความสำคัญต่อชีวติ ประจำวันของคนเราเปน็ อยา่ ง
มาก เพราะทำให้วถิ ชี ีวติ เราทันสมัยและทันเหตกุ ารณอ์ ย่เู สมอ อินเทอร์เนต็ จงึ เปน็ แหล่งสารสนเทศท่ี
สำคัญเพราะสารถคน้ หาส่งิ ที่สนใจไดใ้ นทันที โดยไมต่ ้องเสียเวลาในการเดนิ ทางไปศึกษาค้นควา้ จากแหลง่
ตา่ ง ๆ แม้แต่การรบั รขู้ า่ วสารท่วั โลกสามารถหาอ่านได้จากอินเทอร์เน็ต)
4. ครูต้ังคำถามวา่ นักเรียนคดิ วา่ การคน้ หาข้อมูลในอินเทอรเ์ น็ตควรทำอยา่ งไร
(แนวตอบ เน่ืองจากขอ้ มูลในอนิ เทอร์เนต็ มีมากมายหลากหลาย การคน้ หาข้อมูลน้นั จะตอ้ งใชค้ ำคน้ หาที่
ตรงประเดน็ กระชับ จงึ จะทำให้ได้ข้อมูล หรือผลลพั ธท์ ่ีรวดเร็วและตรงตามความต้องการ)
5. ครูใหน้ กั เรียนจบั คู่กนั จากนนั้ ใหน้ กั เรยี นคนท่ีหน่ึงกำหนดโจทย์ สง่ิ ท่ีต้องการทราบ หรือคำถามที่สงสยั
อยากรู้คำตอบ สว่ นคนท่สี องทำหน้าทเ่ี ปน็ คนค้นหาข้อมลู ให้คนท่ีสองใชค้ อมพวิ เตอร์ หรือมือถอื ในการ
สบื คน้ ข้อมูลจากระบบอินเทอร์เนต็ เพอ่ื ให้คำตอบคนท่ี 1 ภายในเวลา 2 นาที จากนน้ั สลบั หนา้ ท่กี ัน
6. ครูใหแ้ ต่ละคู่รว่ มกันสร้างคำถาม หรือตง้ั โจทย์ทีต่ ้องการทราบคำตอบรว่ มกนั อยา่ งอิสระ
7. ครูให้แตล่ ะคสู่ ลับโจทยข์ องกลุ่มตนเองกับกลุ่มขา้ ง ๆ หรือกลมุ่ ทีใ่ กลท้ ่ีสุด จากนนั้ ให้แลกกันหาคำตอบที่
ไดร้ ับ
8. ครแู ละนกั เรียนทุกกลุ่มรว่ มกันอภปิ รายสรปุ สิง่ ท่ไี ดจ้ ากการทำกิจกรรม
1. ครูสรปุ ลกั ษณะและวิธีการใชค้ ำ การใช้งาน Search Engine เพอ่ื ใชใ้ นการค้นหาท่ีมปี ระสทิ ธภิ าพ
ชว่ั โมงที่ 3
ขน้ั สอนตอ่ (60 นาท)ี
1. ครูตัง้ คำถามวา่ จากการทำกจิ กรรมท่ีผา่ นมานักเรียนใชเ้ คร่ืองมืออะไรในการสืบค้นบา้ ง
(แนวคำตอบ Google chrome ,Firefox ,Yahoo ,Internet Explorer)
2. ครูถามว่าแตล่ ะเครื่องมือแตกตา่ งกันอยา่ งไร
3. ครสู มุ่ นกั เรียนประมาณ 4-5 คน ให้เล่าประสบการณ์เก่ยี วกบั การใช้งานอินเทอรเ์ น็ตว่า นกั เรียนใช้งาน
อินเทอร์เน็ตรปู แบบใดบ้าง อยา่ งไร
4. ครใู ห้นกั เรียนแบ่งกลมุ่ กลุ่มละ 3-5 คน แลว้ ให้นักเรียนแต่ละกลุม่ สืบค้นเกยี่ วกับรปู แบบการให้บริการ
อินเทอรเ์ น็ตวา่ มีอะไรบา้ ง สรุปใสล่ งสมดุ โดยให้ใช้เครอื่ งคอมพวิ เตอร์หรือสมาร์ตโฟนในการสืบคน้ หรือ
หนงั สอื เรียน รายวชิ าพ้นื ฐาน เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ป.4 หนา้ 63-67
5. ครสู รปุ รปู แบบการคน้ หาข้อมูลจากอินเทอรเ์ น็ตมี 2 รปู แบบ คือ
1) การคน้ หาในรูปแบบ Index Directory เป็นการคน้ หาข้อมลู โดยการคลกิ เลอื กข้อมูลที่ตอ้ งการดใู น
เวบ็ บราวเซอร์ จากนน้ั หนา้ จอก็จะแสดงรายละเอยี ดของหัวข้อปลกี ย่อยมาให้เลือก
2) การค้นหาในรูปแบบ Search Engine เป็นการค้นหาข้อมูลผ่านเว็บไซต์ในอินเทอร์เน็ต โดยใช้
ซอฟต์แวรค์ ้นผ่านเวบ็
11.การวัดและการประเมินผล
จดุ ประสงค์ วธิ กี ารประเมนิ เครอื่ งมือการประเมิน เกณฑก์ ารประเมนิ
- รอ้ ยละ 50 ขึ้นไป
1. นกั เรียนสามารถอธบิ าย - ตรวจแบบฝึกหัดรายวชิ า - แบบฝึกหดั รายวชิ า
ความหมายของ ผ่านเกณฑ์
อนิ เทอร์เน็ต และประเมนิ วทิ ยาการคำนวณ เรื่อง วทิ ยาการคำนวณ เรื่อง - คุณภาพระดับดี
ความน่าเชอื่ ถือของข้อมูล
ได้ (K) การใช้งานอนิ เทอร์เน็ต การใชง้ านอนิ เทอรเ์ น็ต ผา่ นเกณฑ์
หน้า29-32 หนา้ 29-32 - ร้อยละ 50 ขน้ึ ไป
ผา่ นเกณฑ์
- การนำเสนอวิธีการ - แบบประเมินการ
แยกแยะความนา่ เชื่อถือ นำเสนอ - คุณภาพระดบั ดี
ผ่านเกณฑ์
ของข่าวและข้อมูล
2.นักเรียนสามารถใชง้ าน - แบบฝึกหดั รายวิชา - แบบฝกึ หดั รายวชิ า
อนิ เทอร์เนต็ ในการค้นหา วทิ ยาการคำนวณ เรื่อง วทิ ยาการคำนวณ เรื่อง
ข้อมูลได้ (P) การใช้งานอนิ เทอรเ์ น็ต การใช้งานอนิ เทอร์เน็ต
หน้า29-32 หนา้ 29-32
3.นกั เรียนสามารถ - ยกตวั อย่างการนำ - แบบประเมินพฤติกรรม
ยกตัวอยา่ งการนำ อนิ เทอร์เนต็ ไปใช้
อนิ เทอร์เน็ตไปใชป้ ระโยชน์ ประโยชน์ใน
ในชวี ติ ประจำวันได้ (A) ชีวติ ประจำวนั
แบบประเมนิ การนำเสนอ
ประเด็นการประเมิน การใหค้ ะแนน
(3 คะแนน) (2 คะแนน) (1 คะแนน)
1.ความถูกต้องของเนื้อหา
.2ประเมินความน่าเช่ือถือของข้อมลู ได้และขา่ วสารที่ไดร้ บั
3.วธิ กี ารนำเสนอ
4.ใช้ภาษาถูกต้องเหมาะสม
รวมคะแนน
เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ
10 – 12 ดี
6–9
1–5 พอใช้
ปรับปรงุ
เกณฑ์การใหค้ ะแนน
ประเดน็ การประเมิน คำอธบิ ายระดบั คุณภาพ / ระดับคะแนน
ช้ินงาน
ดี (3 คะแนน) พอใช้ (2 คะแนน) ปรับปรงุ (1 คะแนน)
1.ความถกู ต้องของ เนอ้ื หาถูกต้องครบถว้ น เน้ือหาถูกตอ้ งค่อนขา้ ง มเี นือ้ หาไมค่ รบถ้วนแต่
เน้ือหา สมบูรณ์ สามารถตอบ ครบถว้ น ตอบคำถามได้ ภาพรวมของเนื้อหาทั้งหมด
คำถามไดท้ ุกข้อ เป็นสว่ นใหญ่ อยูใ่ นเกณฑ์พอใช้
2.ประเมนิ ความ สามารถแยกแยะ และ สามารถแยกแยะ และ สามารถแยกแยะ และ
น่าเช่อื ถอื ของข้อมูลได้ ประเมนิ ความน่าเชอ่ื ถือ ประเมินความน่าเชื่อถือ ประเมนิ ความนา่ เชอ่ื ถือของ
และข่าวสารท่ีได้รับ ของข้อมูล ขา่ วสารทีไ่ ดร้ บั ของขอ้ มลู ขา่ วสารท่ไี ด้รับ ขอ้ มลู ข่าวสารที่ได้รับจาก
จากอินเทอรเ์ น็ตไดท้ ั้งหมด จากอนิ เทอร์เน็ตไดเ้ ป็น อินเทอร์เน็ตได้เพยี งบางสว่ น
ส่วนใหญ่
3.วิธกี ารนำเสนอ รูปแบบการนำเสนอ รูปแบบการนำเสนอ รปู แบบการนำเสนอพอใช้
นา่ สนใจ ลำดับเรอ่ื งราวได้ นา่ สนใจ ลำดบั เรือ่ งราวได้ ลำดบั เรื่องราวได้พอใช้
4.ใช้ภาษาถกู ต้อง ดีมาก ดี
เหมาะสม
ใชภ้ าษาถกู ต้องเหมาะสม ใช้ภาษาถกู ต้องเหมาะสม ใชภ้ าษาถูกต้องเหมาะสม
ออกเสียงได้ถกู ต้องดีมาก ออกเสยี งได้ถูกต้องดี ออกเสียงได้ถกู ต้องพอใช้
ลำดบั ความได้ชัดเจน ลำดับความไดด้ ี พอใช้ ลำดับความได้พอเขา้ ใจ
เข้าใจง่าย
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียน
คำชแ้ี จง : ครพู จิ ารณาใหค้ ะแนนนักเรยี นรายบุคคลตามข้อคำถามที่กำหนดให้ในใบรายช่ือนักเรียน
โดยใชเ้ กณฑใ์ นการประเมนิ ดงั นี้
3 = มาก 2 = ปานกลาง 1 = น้อย
พฤติกรรมที่สังเกต ระดับคะแนน
(3 คะแนน) (2 คะแนน) (1 คะแนน)
1. แสวงหาขอ้ มลู จากแหลง่ เรยี นรตู้ ่างๆ
2. ยกตวั อย่างการนำอนิ เทอร์เน็ตไปใชป้ ระโยชนใ์ น
ชวี ติ ประจำวนั
3. มวี ินัย และมงุ่ มั่นในการทำงาน
4. เขา้ ร่วมกิจกรรมการเรียนรู
5. แลกเปล่ยี นเรียนรู้
รวมคะแนน
เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ
14 – 15 ดีมาก
11 – 13 ดี
8 – 10 พอใช้
1–7 ปรบั ปรงุ