ปลอกหมอนจากผ้าปักม้ง พงศกร ศุภากรสกุล โครงงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตร ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง สาขาวิชาการโรงแรม ประเภทวิชาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว วิทยาลัยอาชีวศึกษาเชียงใหม่ ปีการศึกษา 2566
ปลอกหมอนจากผ้าปักม้ง พงศกร ศุภากรสกุล โครงงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตร ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง สาขาวิชาการโรงแรม ประเภทวิชาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว วิทยาลัยอาชีวศึกษาเชียงใหม่ ปีการศึกษา 2566
ก ใบรับรองโครงงาน วิทยาลัยอาชีวศึกษาเชียงใหม่ เรี่อง ปลอกหมอนจากผ้าปักม้ง โดย นายพงศกร ศุภากรสกุล รหัส 66307010032 ได้รับการรับรองให้นับเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรประกาศนียบัตร วิชาชีพชั้นสูง สาขาวิชาการโรงแรม ประเภทวิชาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ........................................................ ...................................................... (นางสาวพรรณพ ดวงแก้วกูล) (นางสาวกัลญารัตน์ สุริยะธรรม) หัวหน้าแผนกวิชา รองผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการ วันที่.....เดือน...............พ.ศ......... วันที่.....เดือน...............พ.ศ........ ................................................. ครูประจำวิชา (นางสาวพรรณพ ดวงแก้วกูล)
ข กิตติกรรมประกาศ โครงงานเรื่อง ปลอกหมอนจากผ้าปักม้ง ได้จัดทำขึ้นมาเพื่อเป็นการตกแต่งบริเวณส่วน ต้อนรับ (ล็อบบี้) ให้กับแขกที่เข้ามาใช้บริการ การดำเนินงานครั้งนี้สามารถดำเนินไปได้ด้วยความ เรียบร้อยบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่คาดไว้โดยได้รับความอนุเคราะห์จาก คุณครูนัชพร สาครธำรง คุณครูที่ปรึกษารายวิชาโครงงาน และ คุณครูนพรรณพ ดวงแก้วกูล ให้คำปรึกษาและเสนอแนวคิด จนแก้ไขข้อบกพร่องต่าง ๆ มาโดยตลอดจนโครงงานชิ้นนี้เสร็จสมบูรณ์ผู้ตอบแบบสอบถาม และ เพื่อนร่วมชั้นเรียนที่ให้ข้อมูลตามความจริง ผู้จัดทำโครงงานจึงขอกราบพระคุณเป็นอย่างสูงที่ให้ข้อมูล เกี่ยวกับปลอกหมอนจากผ้าปักม้ง เพื่อให้สำเร็จลุล่วงรวมถึงขอบพระคุณ สถานที่ศึกษาหาความรู้การ ทำโครงงานปลอกหมอนจากผ้าปักม้ง ผู้ศึกษาขอบคุณคุณครูแผนกวิชาการโรงแรมที่ช่วยให้คำแนะนำดีๆ เกี่ยวกับข้อมูล ปลอกหมอนจากผ้าปักม้ง และให้คำปรึกษาเป็นอย่างดีจนโครงงานปลอกหมอนจากผ้าปักม้ง เสร็จสมบูรณ์ พงศกร ศุภากรสกุล
ค ชื่อ : นายพงศกร ศุภากรสกุล ชื่อโครงงาน : ปลอกหมอนจากผ้าปักม้ง สาขาวิชา : การโรงแรม ประเภทวิชา : อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว อาจารย์ประจำวิชาโครงงาน : นางสาวนพรรณพ ดวงแก้วกูล อาจารที่ปรึกษาโครงงาน : นางสาวนัชพร สาครธำรง ปีการศึกษา : 2566 บทคัดย่อ โครงงานเรื่องปลอกหมอนจากผ้าปักม้งมีวัตถุประสงค์1) เพื่อสืบทอดความเป็นมาของชน เผ่าม้งให้ผู้คนได้รับรู้2) เพื่อแสดงให้เห็นถึงความสวยงามของลวดลายของผ้าปักม้ง 3) เพื่อสร้างความ ประทับใจให้กับแขกที่เข้าพัก ตรวจสอบได้ง่ายดำเนินการโดยเก็บข้อมูลโดยเลือกกลุ่มตัวอย่าง คณะคุณครู , แขกผู้เข้าพัก , นักศึกษาระดับชั้นปวส.1 แผนกวิชาการโรงแรม วิทยาลัยอาชีวศึกษา เชียงใหม่ จำนวนทั้งหมด 50คน โดยใช้วิธีการเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง ระยะเวลาในการศึกษา โครงงานตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม 2566 สิ้นสุดถึงวันที่ 31 มกราคม 2567 เครื่องมือในในการเก็บ รวบรวมข้อมูลประกอบด้วย 1) แบบสอบถามรูปแบบผลิตภัณฑ์2) แบบสอบถามความพึงพอใจ พบว่า ผลสรุปความพึงพอใจโดยรวมของปลอกหมอนจากผ้าปักม้ง อยู่ในระดับ มากที่สุด (̅=4.82) เมื่อผลสรุปผลออกมาเป็นรายข้อ พบว่า ลวดลายของปลอกหมอนมีความสวยงาม อยู่ในระดับมาก ที่สุด (̅=4.98) รองลงมาคือ ปลอกหมอนสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าที่เข้ามาพัก อยู่ในระดับ มากที่สุด (̅=4.90) น้อยที่สุดคือ ผ้าที่ใช้ทำปลอกหมอนเหมาะกับการทำปลอกหมอน อยู่ในระดับ มาก (̅=4.33) แนวทางการพัฒนาชิ้นงานครั้งต่อไป ผู้จัดทำโครงงานมีแนวทางต่อยอดจาก ปลอกหมอนอิง เป็นปลอกหมอนข้าง
ง สารบัญตาราง เรื่อง หน้า หน้า ตารางที่ 1 ตารางแสดงผลการวิเคราะห์ข้อมูลของ คณะครู และนักเรียน นักศึกษาด้านเพศ จำนวน 50 ชุด 28 ตารางที่ 2 ตารางแสดงผลการวิเคราะห์ข้อมูลของ คณะครู และนักเรียน นักศึกษาด้านอายุ จำนวน 50 ชุด 29 ตารางที่ 3 ตารางแสดงผลการวิเคราะห์ข้อมูลของ คณะครู และนักเรียน นักศึกษาด้าน รายได้ จำนวน 50 ชุด 29 ตารางที่ 4 ตารางแสดงผลการวิเคราะห์ข้อมูลของ คณะครู และนักเรียน นักศึกษาด้าน ลวดลายของปลอกหมอนจากผ้าปักม้ง จำนวน 50 คน 30 ตารางที่ 5 ตารางแสดงผลการวิเคราะห์ความพึงพอใจปลอกหมอนจากผ้าปักม้งของ คณะครู และแขกผู้เข้ามาพัก จำนวน 40 คน 31
จ สารบัญรูปภาพ เรื่อง หน้า ภาพที่ 1 หมอนอิงโซฟา 4 ภาพที่ 2 หมอนพิงหลัง 5 ภาพที่ 3 การปักผ้าสมัยก่อน 6 ภาพที่ 4 ลวดลายของผ้าปักม้ง 7 ภาพที่ 5 การเขียนเทียนบนเนื้อผ้า 8 ภาพที่ 6 ลวดลายของการเขียนเทียน 9 ภาพที่ 7 ลวดลายวิธีชีวิตของชนเผ่าม้ง 10 ภาพที่ 8 ลวดลายของลายก้นหอย 11 ภาพที่ 9 ผ้าไหม 12 ภาพที่ 10 ผ้าฝ้าย 13 ภาพที่ 11 ผ้าลิลิน 13 ภาพที่ 12 เข็ม 14 ภาพที่ 13 กระดาษ 14 ภาพที่ 14 กล่องใส่อุปกรณ์เย็บผ้า 15 ภาพที่ 15 ด้ายหรือไหม 15 ภาพที่ 16 เข็มทับ 16 ภาพที่ 17 มีดตัดลวด 16 ภาพที่ 18 กรรไกล 17 ภาพที่ 19 เครื่องปักผ้าอัตโนมัติ 17 ภาพที่ 20 รูปแบบที่ 1 ภาพที่ 21 รูปแบบที่ 1 30 34
สารบัญ เรื่อง ใบรับรองโครงงาน กิตติกรรมประกาศ บทคัดย่อ สารบัญตาราง สารบัญภาพ บทที่ 1 บทนำ หน้า ก ข ค ง จ 1.1 ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา 1.2 วัตถุประสงค์ของโครงงาน 1.3 ขอบเขตของโครงงาน 1.4 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 1.5 นิยามศัพท์ 1 1 2 2 2 บทที่ 2 แนวคิดทฤษฎีและงานศึกษาที่เกี่ยวข้อง 2.1 สิ่งอำนวยความสะดวกและการตกแต่งบริเวรล็อบบี้ 2.2 ความรู้เกี่ยวกับหมอนอิง 2.3 ความเป็นมาของผ้าปักม้ง 2.4 ความรู้เกี่ยวกับผ้าปักม้ง 2.5 อุปกรณ์ใช้ในการปักผ้าม้ง 2.6 ขั้นตอนในการปักลายผ้าปักม้ง 2.7 งานศึกษาและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง บทที่ 3 วิธีดำเนินการศึกษา 3.1 กลุ่มตัวอย่าง 3.2 เครื่องมือที่ใช้ในดำเนินโครงงาน 3.3 การดำเนินโครงงาน 3.4 การเก็บรวบรวมข้อมูล 3.5 การวิเคราะห์และสรุปผล 3 4 5 12 12 18 19 24 24 26 26 26 บทที่ 4 ผลการศึกษาโครงงาน 4.1 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลแบบสอบถามรูปแบบผ้าคาดผ้าเช็ดตัว 4.2 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลแบบสอบถามความพึงพอใจ 4.3 ผลสรุปและข้อเสนอแนะ 28 31 32
สารบัญ (ต่อ) เรื่อง บทที่ 5 สรุปผล อภิปรายและข้อเสนอแนะ หน้า 5.1 สรุปผลการศึกษา 5.2 อภิปรายผล 5.3 ข้อเสนอแนะในการศึกษา บรรณานุกรม 33 34 36 ภาคผนวก ภาคผนวก ก แบบเสนอโครงร่างโครงงาน ภาคผนวก ข เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ภาคผนวก ค ภาพประกอบ ภาคผนวก ง แบบสอบถาม ภาคผนวก จ แบบรายงานผลการนำไปใช้ประโยชน์ ประวัติผู้จัดทำ
บทที่ บทนำ 1.1 ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา ตั้งแต่โบราณกล่าวว่า "ผู้หญิงปักผ้า ผู้ชายตีมีด" เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของชนเผ่าม้ง จึงนิยม สร้างลวดลายประดับด้วยลายปักที่ใช้เส้นด้ายสีสันสดใส ผ้าปักม้งจึงมีความสำคัญที่สะท้อนถึงวิถีชีวิต และเรื่องราวทางวัฒนธรรมของหญิงชาวม้งที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษรุ่นสู่รุ่นนับหลายร้อยปี เพื่อใช้ ติดประดับบริเวณต่าง ๆ ของเสื้อผ้า และสิ่งของเครื่องใช้ภายในบ้านที่ทำจากผ้า ศิลปะลวดลายบนผืน ผ้า ชนเผ่าม้ง มีทั้งการปักและการเย็บผ้าปักม้งส่วนใหญ่เป็นผ้าฝ้ายทอมือและผ้าใยกัญชง เทคนิคที่ใช้ ในการปักผ้าม้งโดยหลักจะมี 2 แบบคือ แบบปักเป็นกากบาทคล้ายลายปักครอสติช และอีกแบบหนึ่ง คือ การปักแบบเย็บปะติด เอกลักษณ์ลวดลายที่ปรากฏบนผืนผ้าของชาวเผ่าม้งก็มีหลากหลายลักษณะ ทั้งลวดลายดั้งเดิมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่สืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ ลวดลายที่ถูก สร้างสรรค์ จากจินตนาการเลียนแบบมาจากธรรมชาติสิ่งแวดล้อมรอบตัว วิถีชีวิต ลวดลายที่ได้รับอิทธิพลมาจาก ความเชื่อ ตํานาน หรือเรื่องเล่า และลวดลายที่มีการปรับประยุกต์ให้เข้ากับยุคสมัยตามความต้องการด ของกระแสความนิยมของผู้บริโภค ห้องโถง (ล็อบบี้) ส่วนต้อนรับของโรงแรมเป็นส่วนที่ให้สำหรับแขกไว้ติดต่อและไว้นั่งพักผ่อน ซึ่งในห้องโถง (ล็อบบี้) จะต้องมีความสะดวกหลายอย่างเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้เข้าพัก หรือ ใช้ บริการห้องพักของโรงแรม ได้แก่ ทีวี โซฟาและโต๊ะสำหรับวางของเล็กน้อย โดยบริเวรโซฟา หรือ ส่วน ต้อนรับจะมีหมอนเพื่อการประดับตกแต่งและเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้า ซึ่งบางครั้ง การ ถ่ายทอดวัฒนธรรมหรือการถ่ายทอดเอกลักษณ์ของโรงแรมก็จะมีการถ่ายทอดหลายรูปแบบ ซึ่ง ภาคเหนือเป็นภาคที่มีประชากรหลายชนเผ่า เช่น กะเหรี่ยง ลาหู่ ลีซอ อาข่า รวมถึงชนเผ่าม้ง ดังนั้นข้าพเจ้าจึงมีความสนใจที่จะถ่ายทอดลวดลายการปักผ้าของชาวม้งลงบนปลอกหมอน เพื่อวางไว้บนโซฟาส่วนที่ต้อนรับบริเวณส่วนหน้าโรงแรมเพื่อการสืบสารเอกลักษณ์วัฒนธรรมของ ชาวม้ง เพื่อความสวยงามและเพิ่มความสะดวกกับแขกที่ใช้บริการของโรงแรม 1.2 วัตถุประสงค์ของโครงงาน 1.2.1 เพื่อสืบทอดความเป็นมาของชนเผ่าม้งให้ผู้คนได้รับรู้ 1.2.2 เพื่อแสดงให้เห็นถึงความสวยงามของลวดลายผ้าปักม้ง 1.2.3 เพื่อสร้างความประทับใจให้กับแขกที่เข้าพัก
2 1.3 ขอบเขตโครงงาน เป้าหมายของโครงงาน 1.3.1 เชิงปริมาณ - ปลอกหมอนจากผ้าปักม้ง จำนวน 5 ใบ 1.3.2 เชิงคุณภาพ - ปลอกหมอนมีความสวยงามทนทานนุ่มสบาย 1.3.3 ระยะเวลาและสถานที่ในการดำเนินงาน ระยะเวลาดำเนินงาน ตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม 2566 ถึง วันที่ 19 มกราคม 2567 สถานที่ดำเนินงาน อาคารฝึกปฏิบัติการโรงแรม วิทยาลัยอาชีวศึกษาเชียงใหม่ 1.4 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 1.4.1 ผ้าปักม้งมีช่องทางในการตลาดมากขึ้น 1.4.2 ผ้าปักม้งได้รับความสนใจจากผู้คนต่าง ๆ 1.5 นิยามศัพท์ ปลอกหมอนจากผ้าปักม้ง จะมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า ยาว 30 ซม. กว้าง 20 ซม. จะมีลาย ดอกไม้ต่าง ๆ ที่มีลวดลายและสีสันสวยงาม เนื้อผ้ามีความหนานุ่มทนทันเหมาะสำหลับการใช้เป็น เวลานาน ๆ
บทที่ 2 แนวคิดทฤษฎีและงานศึกษาที่เกี่ยวข้อง ในการศึกษาเรื่อง ปลอกหมอนจากผ้าปักม้ง ผู้จัดทำโครงการได้รวบรวมแนวคิดทฤษฎีและ หลักการต่าง ๆ จากเอกสารและงานศึกษาที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ 2.1 สิ่งอำนวยความสะดวกและการตกแต่งบริเวณล็อบบี้ 2.2 ความรู้เกี่ยวกับหมอนอิง 2.3 ความเป็นมาของผ้าปักม้ง 2.4 ความรู้เกี่ยวกับผ้าปักม้ง 2.5 อุปกรณ์ที่ใช้ในการปักผ้าม้ง 2.6 ขั้นตอนในการปักลายผ้าม้ง 2.7 งานศึกษาและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 2.1 สิ่งอำนวยความสะดวกและการตกแต่งบริเวณล็อบบี้ 2.1.1 เฟอร์นิเจอร์: เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่สะดวกและนุ่มนวล เช่น โซฟาที่สบาย, เก้าอี้ Lounge, หรือที่นั่งแบบ bean bag เพื่อให้คนได้นั่งพักผ่อนได้อย่างสบาย 2.1.2 โต๊ะกาแฟ : มีโต๊ะกาแฟในบริเวณล็อบบี้เป็นที่ที่ดีในการวางเครื่องดื่ม, หนังสือ, หรือของเล่น 2.1.3 ไฟและแสงสว่าง : การใช้ไฟ LED หรือโคมไฟที่มีแสงอบอุ่นเพิ่มความอบอุ่นในบริเวณล็อบบี้ 2.1.4 การตกแต่งผนัง : ใช้ภาพวาด, กระจก, หรือของตกแต่งอื่นๆ เพื่อเพิ่มความน่าสนใจและ สวยงามในบริเวณนั้น 2.1.5 เครื่องเสียง : มีลำโพงหรือระบบเสียงที่ดีเพื่อให้คุณสามารถเพลิดเพลินกับเพลงหรือรับชม ภาพยนตร์ได้ 2.1.6 พื้นที่เก็บของ : การติดตั้งชั้นวางของหรือตู้เก็บของเพื่อรวมของเล่น, หนังสือ, หรือของ ตกแต่งเพิ่มเติม 2.1.7 พื้นที่หลังบ้าน : ถ้ามีพื้นที่นอกบ้าน, คุณสามารถตกแต่งด้วยพืชตกแต่ง, โต๊ะทานข้าว, หรือ แสงไฟสวยๆ
4 2.2 ความรู้เกี่ยวกับหมอนอิง หมอนอิง คือ หนึ่งในไอเท็มของแต่งบ้านที่สามารถนำไปปรับใช้ตกแต่งพื้นที่ต่างๆ ภายในบ้าน เพื่อให้เกิดความสวยงาม และสามารถใช้สอยได้จริง โดยในปัจจุบันนั้นมีตัวเลือกหมอน ให้เลือกซื้อ หลากหลายขนาด โทนสี ลวดลายและหลากหลายรูปแบบ เพื่อใช้ในการตกแต่งที่แตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่ กับความชื่นชอบ และรสนิยมของแต่ละบุคคล โดยรูปแบบของหมอนอิงนั้น สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 แบบ คือ หมอนอิงแบบถอดซักได้ และหมอนอิงแบบเย็บติดตาย ซึ่งถ้าหากคุณอยู่อาศัยอย่างเป็นส่วนตัว การ เลือกหมอนอิงแบบเย็บติดตายก็อาจจะไม่ใช่ปัญหาสักเท่าไหร่นักในแง่ของการทำความสะอาด แต่ถ้าหาก บ้านของคุณมีเด็กเล็กหรือสัตว์เลี้ยง การเลือกใช้หมอนอิงแบบแยกไส้หมอนกับตัวปลอกออกจากกัน อาจจะ เป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า เพราะง่ายต่อการดูแลรักษา และสามารถถอดซักเพื่อทำความสะอาดได้ ตลอดเวลา ชนิดของหมอนอิงสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทได้ดังนี้ 2.2.1 หมอนอิงโซฟา หมอนอิงโซฟา เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่จะช่วยในการเปลี่ยนสไตล์ของห้องคุณแบบที่ไม่ต้องคิดอะไร มากมาย แถมราคาของหมอนอิงโซฟานั้นยังมีหลายระดับให้เลือกตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักพัน และ แน่นอนว่ามาพร้อมตัวเลือกที่หลากหลายทั้งทางด้านสีสันและลวดลายใหม่ๆ ที่จะสามารถมอบความรู้สึกสด ใหม่ให้กับพื้นที่ต่างๆ ในบ้านของคุณได้ไม่ว่าจะเป็นห้องนั่งเล่น ห้องนอน หรือห้องรับแขก ภาพที่2.1 หมอนอิงโซฟา ที่มา https://nocnoc.com/blog/5-tips-to-choose-cushion-for-your-living-room
5 2.2.2 หมอนพิงหลัง หมอนพิงหลังหรือในภาษาอังกฤษเรียกว่า Backrest Pillow คือหมอนอิงที่มีความนุ่มในระดับที่ พอดี สามารถใช้ตกแต่งเพื่อความสวยงาม และใช้งานได้จริง ไม่ใช่แค่กับเฟอร์นิเจอร์ประเภทโซฟาเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการจับคู่หมอนพิงหลังเข้ากับเก้าอี้สำนักงาน เพื่อช่วยให้คุณสามารถจัดท่านั่งที่เหมาะสม เหมือนต้องนั่งทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ ภาพที่2.2 หมอนพิงหลัง ที่มา https://www.dohome.co.th/th/installment/home-lifestyles 2.3 ความเป็นมาของผ้าปักม้ง ม้ง (หรือที่มักมีการเรียกกันโดยทั่วไปว่า แม้ว) เป็นกลุ่มชนเผ่าที่สืบเชื้อสายมาจากบรรพบุรุษที่ อาศัยอยู่ในประเทศจีน และด้วยผลจากสงครามจึงค่อยๆ อพยพเข้าไปอาศัยอยู่ในพม่า ลาว เวียดนาม และ ประเทศไทย ปัจจุบันนม้งที่พบมากในประเทศไทยอาจแบ่งได้เป็น 3 กลุ่มหลัก คือ ม้งขาว ม้งดำ และม้งลาย (แต่คําว่า "แม้ว" เป็นคําเรียกที่ชนเผ่าม้งถือว่าไม่สุภาพ ชาวม้งจึงไม่เรียกตัวเองว่า แม้ว และชาวม้งส่วนใหญ่ จึงไม่ชอบถูก เรียกว่า แม้วด้วย) ชนเผ่าม้ง เป็นชนเผ่าชนหนึ่งที่มีความขยันขันแข็งมาก สมาชิกทุกคนในครอบครัวต่างต้องช่วยกัน ทำมาหากิน ในช่วงเวลาว่างหลังเสร็จงานเกษตรกรรมเพาะปลูกในไร่นา ผู้ชายชาวม้งจะทำงานตีเหล็กและ เครื่องเงิน ขณะที่ฝ่ายผู้หญิงจะเย็บปักเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม ดังที่มีคํากล่าวถึงวิถีชีวิตชาวม้งตั้งแต่โบราณกาล ว่า "ผู้หญิงปักผ้า ผู้ชายตีมีด" เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของชนเผ่าม้ง จึงนิยมสร้างลวดลายประดับด้วยลายปักที่ ใช้เส้นด้ายสีสันสดใส
6 ผ้าปักม้งจึงมความสำคัญที่สะท้อนถึงวิถีชีวิตและเรื่องราวทางวัฒนธรรมของหญิงชาวม้งที่สืบทอด มาจากบรรพบุรุษจากรุ่นสู่รุ่นนับหลายร้อยปีการปักผ้าม้ง เพื่อใช้ติดประดับบริเวณต่างๆ ของเสื้อผ้า เป็นสิ่ง ที่ผู้หญิงเผ่าม้งจะต้องทำเป็นทุกคน และต้องทำใส่เอง และสำหรับสามีลูกชายด้วย เพราะผู้ชายม้งจะไม่ ปักผ้า หญิงชาวม้งทุกคนจึงต้องร่ำเรียนวิชาปักผ้าจากผู้เป็นมารดาของตนตั้งแต่อายุยังไม่ถึงสิบปีแต่ชาวม้ง จะไม่นิยม ใช้สีแดงประดับบนเสื้อผ้า เพราะมีความเชื่อว่า สีแดงเป็นสีรุนแรง เป็นสีที่เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุ ไม่เป็นมงคลจะใช้เฉพาะในงานศพเท่านั้น ศิลปะลวดลายบนผืนผ้าชนเผ่าม้ง มีทั้งการปัก การเย็บ และการเขียนเทียน (การเขียนลายเทียน เฉพาะในกลุ่มม้งลาย ส่วนกลุ่มม้งดำ และม้งขาวจะไม่เขียนเทียน) ผ้าปักม้งส่วนใหญ่เป็นผ้าฝ้ายทอมือ และ ผ้าใยกัญชง เทคนิคที่ใช้ในการปักผ้าม้งโดยหลักจะมี 2 แบบคือ แบบปักเป็นกากบาทคล้ายลายปักครอสติช และอีกแบบหนึ่งคือ การปักแบบเย็บปะติด เอกลักษณ์ลวดลายที่ปรากฎบนผืนผ้าของชาวเผ่าม้งก็มี หลากหลาย ลักษณะ ทั้งลวดลายดั้งเดิมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่สืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ ลวดลายที่ถูก สร้างสรรค์จากจินตนาการเลียนแบบมาจากธรรมชาติสิ่งแวดล้อมรอบตัว วิถีชีวิต ลวดลายที่ ได้รับอิทธิพลมา จากความเชื่อ ตํานาน หรือเรื่องเล่า และลวดลายที่มีการปรับประยุกต์ให้เข้ากับยุคสมัย ตามความต้องการของ กระแสความนิยมของผู้บริโภค ภาพที่ 2.3 การปักผ้าสมัยก่อน ที่มา https://www.sacit.or.th/uploads/items/attachments/
7 ปัจจุบัน แม้ด้วยกระแสทางเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปจะทำให้วิถีชีวิตของชนเผ่าม้งจะมี การ เปลี่ยนแปลงไปมาก ม้งบางกลุ่ม บางพื้นที่มีวิถีชีวิตใกล้เคียงกับคนสังคมเมืองมากขึ้น แต่ถึงกระนั้นงาน ปักผ้าก็ยังคงมีการสืบทอดต่อกันมาในกลุ่มชนเผ่าม้ง และลวดลายบางลวดลายที่แสดงความเป็นเอกลักษณ์ ของชนเผ่าม้งก็ยังมีปรากฎอยู่ในผืนผ้าปักม้งร่วมอยู่ด้วยแทบจะทุกผืน ผ้าปักที่เคยทำกันเพียงเพื่อเป็นแค่ เครื่องแต่งกายในครอบครัวหรือในชนเผ่า ก็กลายเป็นสินค้าที่ถูกนํามาพัฒนาเป็นสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ที่มีความหลากหลาย จนเป็นที่นิยมทั้งกลุ่มคนไทยและชาวต่างชาติกันในปัจจุบันนี้ ภาพที่ 2.4 ลวดลายของผ้าปักม้ง ที่มา https://communityarchive.sac.or.th/community/rajaprajanugroh/ 2.3.1 ผ้าเขียนเทียน : ศิลปะบนผืนผ้าชนเผ่าม้ง การเขียนเทียน เป็นศิลปะการสร้างลวดลายบนผืนผ้าเป็นเอกลักษณ์อีกแบบหนึ่งของชาวม้งที่มีการ ทำกันในกลุ่มม้งลายเท่านั้น เป็นภูมิปัญญาและศิลปะโบราณดั้งเดิมที่เป็นมรดกตกทอดมาแต่บรรพบุรุษ ถ่ายทอดสืบต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่นหลายชั่วอายุคนจนถึงปัจจุบัน ผ้าเขียนเทียนเป็นผ้าที่ชนเผ่าม้งผูกพันธ์คู่มา กับความเป็นชนเผ่า ผู้หญิงชาวม้งลายทุกคนมีความสามารถในการวาดลวดลาย เขียนเทียนลงบนผืนผ้าที่ ตระเตรียมไว้ได้อย่างละเอียดซับซ้อน ผ่านกระบวนการจนเสร็จสิ้นเป็นผืนผ้าสำเร็จที่สวยงาม ผ้าม้งเขียน เทียน จึงเป็นที่รู้จักและนิยมกันอย่างแพร่หลาย ส่วนใหญ่นิยมนำมาใช้ตัดเย็บเป็นกระโปรงผู้หญิง ในอดีต นั้นหญิงชาวม้งจะบรรจงวาดลวดลาย เขียนเทียน แล้วนําไปย้อมสีและอัดกลีบแล้วจึงนําไปตัดเย็บ กว่าจะผ่านกระบวนการจนแล้วเสร็จเป็นกระโปรง 1 ตัว อาจต้องใช้เวลาในการทำยาวนานถึงเกือบ 1 ปี เพื่อให้ได้กระโปรงที่หญิงสาวชาวม้งจะใช้สวมใส่ที่สวยงามที่สุด
8 เทคนิคการเขียนเทียน มีลักษณะคล้ายการทำผ้าบาติกที่รู้จักกันแพร่หลายในปัจจุบัน โดยใช้ อุปกรณ์แท่งเล็กๆ ทำจากไม้กับทองแดงที่เรียกว่า หลาจัง จุ่มลงบนเทียนหรือขี้ผึงร้อนๆ แล้วนำมาวาด ลวดลายบนผ้าใยกัญชง หรือผ้าฝ้ายที่เตรียมไว้เมื่อเสร็จแล้วก็จะนําผ้าไปย้อมเย็นด้วยสีน้ำเงินธรรมชาติจาก ต้นกั้ง (หรือ ต้นห้อมที่ให้สีน้ำเงิน) เมื่อผ้าทั้งผืนกลายเป็นสีน้ำเงินเข้มตามต้องการแล้ว จึงนําผ้าไปต้มด้วย ความร้อนให้เทียน ละลาย ก็จะได้ผ้าสีน้ำเงินมีลวดลายเขียนเทียนเป็นสีขาวกระจายสวยงามอยู่ทั่วทั้งผืน แล้วนําไปพับอัดกลีบ เป็นกระโปรง หรืออาจนําไปปักลวดลายต่างๆ ด้วยด้ายหลากหลายสีสัน แล้วจึงนํามา สวมใส่เป็นชุดประจำชนเผ่าที่งดงาม ภาพที่ 2.5 การเขียนเทียนบนเนื้อผ้า ที่มา https://www.sacit.or.th/uploads/items/attachments/ ลวดลายบนผืนผ้าแต่ละผืนจะมีความแตกต่างกันไปตามแต่ความชํานาญของผู้วาด ลวดลายมีทั้ง ลาย ดั้งเดิมที่สืบทอดต่อๆ กันมา และลวดลายที่เกิดจากจิตนาการ การสร้างสรรค์ใหม่ๆ แต่กระนั้นก็ยังมี ลักษณะ ลวดลายที่สะทอนความเป็นชนเผ่าม้งให้ปรากฎอยู่บนผืนผ้าแต่ละผืน เช่น ลายกากบาทและลาย ก้นหอย
9 ภาพที่ 2.6 ลวดลายของการเขียนเทียน ที่มา https://www.sacit.or.th/uploads/items/attachments/ เทคนิคการเขียนเทียน ถือได้ว่ามีขั้นตอนที่ยุ่งยากและซับซ้อน และต้องใช้ทักษะฝีมือในการวาง ลวดลาย เมื่อในปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ และรสนิยมความต้องการของผู้บริโภคเชิงการค้า การ ขาย ชาวม้งเองก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนวิถีจากการทำผ้าเขียนลายเทียนเพื่อใช้ในกลุ่มหรือคนใน ครอบครัว ก็ทำเพื่อการค้ากันมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มม้งที่อยู่ในพื้นที่ราบ หรืออยู่ในแหล่งท่องเที่ยว จึงมีการ พัฒนาคิดผลิต อุปกรณ์แม่พิมพ์ปั้นลวดลายต่างๆ แทนการเขียนด้วยมือ ใช้วิธีการปั๊มลวดลายที่เกิดจากการ ใช้กราฟฟิค สมัยใหม่เพื่อความรวดเร็วเพื่อตอบสนองต่อผู้ซื้อ จนในอนาคตศิลปะการเขียนเทียนอันสะท้อน ถึงภูมิปัญญา ดั้งเดิมที่เป็นมรดกตกทอดมาแต่บรรพบุรุษของชนเผ่าม้ง คงจะสูญหายไปกับยุคไฮเทคเช่น ปัจจุบันนี้ก็เป็นได้ 2.3.2 ลวดลายปักวิถีชีวิต : ศิลปะบนผืนผ้าสะท้อนวิถิชนเผ้าม้ง นอกจากจะมีฝีมือและความชํานาญ ในการปักผ้า และการเขียนเทียน สร้างสรรค์ลวดลายที่ งดงาม ที่เลื่องลือ ตามแบบฉบับของชาวม้งแล้ว ชนเผ้าม้งกลุ่มม้งลาย ยังมีความชาญฉลาดในการเล่าเรื่องราวที่ แสดงออกถึงวิถีชีวิตของชนเผ่า ผ่านศิลปะงานปักบนผืนผ้า บอกเล่าถึงความเป็นไปในวิถีชีวิตความเป็นอยู่ การ ประกอบอาชีพ ลวดลายที่แสดงถึงการเล่าเรื่องราววิถีชีวิตเหล่านี้ใช้เทคนิคการปักลวดลายแบบทึบหรือ ที่ เรียกว่า เชี้ย ตามภาษาชนเผ่าม้ง บนผืนผ้า 1 ชิ้นนั้น อาจมีการปักผ้าเรื่องราวที่บอกเล่าเป็นลำดับเรื่อง ต่อเนื่องกันหลายเรื่อง เช่น ภาพปักวิถีชีวิตชาวม้งชายหญิงที่ดำเนินเรื่องตั้งแต่ออกจากบ้านไปไร่ไปนา ปลูก ข้าว ปลูกข้าวโพด เลี้ยงสัตว์หรือภาพปักแสดงวิถีการเพาะปลูก ตั้งแต่การเริ่มต้นปลูกต้นกล้า รดน้ำ ไปจนถึง การ เก็บเกี่ยวพืชผล เช่นนี้เป็นต้น ศิลปะและเทคนิคการปักลวดลายลักษณะเช่นนี้เป็นอีกเอกลักษณ์หนึ่ง ของชาวม้งที่มีการทำกันในกลุ่มหญิงชาวม้งลาย เป็นภูมิปัญญาและศิลปะดั้งเดิมที่สืบทอดมาแต่บรรพบุรุษ
10 จนถึงปัจจุบัน การปักต้องอาศัยทั้งจินตนาการ ความอดทน และฝีมือในการปักค่อนข้างสูง ปัจจุบันจึงมี ชาวม้งที่ปักผ้าในลักษณะนี้ได้เหลืออยู่ค่อนข้างน้อยมาก และอาจจะสูญหายไปตามกาลเวลาในที่สุด การปักศิลปะบนผ้าเป็นศิลปะที่มีมาตั้งแต่อดีต เป็นวิถีทางในการบันทึกประวัติ ประสบการณ์ และ วัฒนธรรมของชนเผ่าต่าง ๆ ผ้าม้งเป็นวัสดุที่สร้างขึ้นจากการทอด้วยมือ มีลักษณะทางศิลปะที่เฉพาะตัว เช่น ลวดลายที่ปักตามวิถีชีวิตและที่มีความหมายหลากหลาย ลวดลายที่ปักบนผ้าม้งอาจจะเป็นการสะท้อนวิถีชีวิตของชนเผ่าม้งที่อาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อม ธรรมชาติ การล่าสัตว์, การทำสวน, การเรือนกระจก, หรือสัญลักษณ์ที่เชื่อมโยงกับศาสนาและทัศนคติของ ชนเผ่าม้ง นอกจากนี้ยังมีการใช้ลวดลายบนผ้าม้งเพื่อแสดงความสำคัญของเหตุการณ์ประจำปี หรือสร้าง ผลงานที่ใช้เป็นเครื่องประดับ นอกจากนี้ยังมีการผสมผสานลวดลายที่มีลักษณะดั้งเดิมของชนเผ่าม้งร่วมกับสรรพสิ่งอื่น ๆ เพื่อ สร้างผลงานที่ทันสมัยและน่าสนใจต่อตา เช่น การใช้สีสันสดใส, การผสมผสานลวดลายทางศาสนาหรือ ศิลปะการตกแต่งอื่น ๆ ที่ทำให้ผลงานศิลปะบนผ้าม้งมีความหลากหลายและน่าทึ่งในทุกรายละเอียด ภาพที่ 2.7 ลวดลายวิถีชีวิตของชนเผ่าม้ง ที่มา https://www.sacit.or.th/uploads/items/attachments/
11 2.3.3 “ลายก้นหอย” เอกลักษณเฉพาะบนผืนผ้าปักที่สะท้อนชนเผ่าม้ง หญิงชาวเผ่าม้ง ต่างมีทักษะความเชี่ยวชาญในด้านการปักผ้า ไม่แพ้หญิงชนเผ่าอื่นๆ ศิลปะการปัก ผ้าของหญิงสาวชาวเผ่าม้งแบบหนึ่งที่แสดงถึงทักษะฝีมือของผู้ปักคือการปักแบบเย็บปะ หรือที่ชาวม้งเรียก เทคนิค การปักแบบนี้ว่า เจี๋ย ซึ่งถือว่าเป็นเทคนิคที่คอนข้างยากกว่าเทคนิคอื่นๆ ของชาวม้ง เจี๋ย หมายถึง เทคนิคการ ตัดผ้าเป็นลวดลายที่กำหนด แล้วนํามาเย็บติดซ้อนกับผ้าพื้นอีกชั้นหนึ่ง ความยากของเทคนิคนี้ อยู่ที่ความ ละเอียด ลวดลลายที่แสดงเอกลักษณ์ของเทคนิค เจี๋ย ที่นิยมของชาวม้ง คือ การปักลายก๊ากื้อ หรือลายก้นหอย ผู้ปักต้องใช้ทั้งฝีมือ ต้องมีทักษะความเชี่ยวชาญ ใช้ความละเอียดและความอดทนมากเป็น พิเศษจึงจะ ปักลวดลายนี้ได้สำเร็จ ประณีตและออกมาสวยงาม ลายก๊ากื้อ เป็นภาษาชนเผ่าม้ง ความหมายในภาษาไทยหมายถึง ก้นหอย เป็นลายหลักที่เป็น เอกลักษณ์ที่โดดเด่นและมีความชัดเจนที่สุดของชาวม้งในแทบทุกกลุ่ม เป็นลายโบราณดั้งเดิมที่สืบทอดมา จาก บรรพบุรุษของม้งหลายชั่วอายุคน ลายก๊ากื้อหรือลายก้นหอย พบได้ทั้งในงานปักแบบเจี๋ยหรือเย็บปะ งานปัก แบบคลอสติซ และงานเขียนเทียนของชาวม้งลาย ลายก๊ากื้อหรือลายก้นหอยนั้น อาจมีตามคติความ เชื่อของชาวม้งแฝงอยู่ซึ่งเชื่อว่ามีที่มาจากหอยสังข์ซึ่งมักถูกนำมาใช้ในการประกอบพิธีกรรมสำคัญๆ ทาง ศาสนา ลักษณะการวนของก้นหอยเปรียบเสมือนการโคจรของพระอาทิตย์พระจันทร์และดวงดาว เอกลักษณ์ลายก้นหอยนี้จึงเสมือนเป็นเอกลักษณ์เฉพาะบนผืนผ้าปักที่สะท้อนชนเผ่าม้ง และยังคงมีการสืบ ทอดมาจนถึงปัจจุบัน สามารถพบลายก๊ากื้อหรือลายก้นหอยนี้บนผืนผ้าของชาวม้งโดยทั่วไป ภาพที่2.8 ลวดลายของลายก้นหอย ที่มา https://www.sacit.or.th/uploads/items/attachments/
12 2.4 ความรู้เกี่ยวกับผ้าปักม้ง ผ้าปักม้ง (Patchwork) คือกระบวนการสร้างผลงานทางศิลปะหรืองานฝีมือโดยการใช้ผืนผ้าหลาย ชิ้นที่ต่างกันในการประกอบกันเป็นลวดลายหรือรูปทรงบนผืนผ้าเดียว โดยทั่วไปแล้วเป็นการนำผ้าที่เหลือ จากการตัดเย็บเสื้อผ้าหรือชิ้นผ้าที่ไม่ได้ใช้แล้วมาประกอบเข้าด้วยกันเพื่อสร้างลวดลายหรือรูปทรงต่าง ๆ ที่ สวยงามและสีสันน่าดึงดูด การปักม้งมีลักษณะการใช้ผืนผ้าต่าง ๆ ที่มีลายต่าง ๆ และสีต่าง ๆ ในการประกอบกัน เป็นทั้ง ผ้าลายต่าง ๆ และผ้าที่ไม่มีลาย โดยปกติผู้ทำผ้าปักม้งจะใช้เทคนิคการเย็บเพื่อรัดผ้าให้สวยงามและมีความ แข็งแรง เพื่อให้ผลงานที่ได้มีความทนทานและใช้งานได้นาน ผ้าปักม้งมักถูกนำมาใช้ในการทำเสื้อผ้า ของตกแต่ง เครื่องประดับ หรืองานศิลปะแบบต่าง ๆ และ มักเป็นที่นิยมในงานฝีมือและศิลปะที่สร้างสรรค์และสร้างความสวยงามด้วยมือถือ 2.5 อุปกรณ์ที่ใช้ในการปักผ้าม้ง 2.5.1 ผ้าม้ง (Fabric) : เป็นวัสดุหลักที่ใช้ในการปัก สามารถเป็นผ้าธรรมชาติหรือผ้าที่ทำจากใย สังเคราะห์ เช่น ผ้าฝ้าย, ผ้าไหม, หรือผ้าลินิน ภาพที่ 2.9 ผ้าไหม ที่มา https://jigsawinnovation.com/cme5/osop/product/
13 ภาพที่ 2.10 ผ้าฝ้าย ที่มา https://www.dobbytexfabric.com/blogrp ภาพที่ 2.11 ผ้าลินิน ที่มา https://www.unlockmen.com/linen-fabric/ 2.5.2 ลวด (Thread) : ลวดคือวัสดุที่ใช้ในการปัก สามารถเป็นลวดธรรมดาหรือลวดที่ถูกตัดสี เพื่อให้ได้ลวดลายที่สวยงาม
14 2.5.3 เข็ม (Needle) : เข็มที่ใช้ในการปัก มีหลายขนาดและรูปร่างตามลักษณะของงานที่จะปัก ภาพที่ 2.12 เข็ม ที่มา https://tum-mue.blogspot.com/2018/09/blog-post_18.html 2.5.4 กระดาษสำเร็จรูป (Pattern Paper) : กระดาษที่ใช้ในการสร้างลวดลายหรือแบบตัดเกร็ด สำหรับนำไปปักบนผ้า ภาพที่ 2.13 กระดาษ ที่มา https://auto-sewing.com 2.5.5 กรอบ (Hoop) : กรอบที่ใช้ในการยืดผ้าและล็อกตำแหน่งของผ้าที่จะปัก เพื่อให้ง่ายต่อการ ทำงาน 2.5.6 ฐานเสื้อ (Stabilizer) : วัสดุที่ใช้เสริมความแข็งแรงของผ้าเวลาปัก เพื่อป้องกันการหดหรือ เปลี่ยนรูปร่างของผ้า
15 2.5.7 กระเป๋าใส่อุปกรณ์ (Sewing Kit) : กระเป๋าหรือกล่องที่ใช้ในการเก็บลวด, เข็ม, กระดาษ สำเร็จรูป และอุปกรณ์ทั้งหลาย ภาพที่ 2.14 กล่องใส่อุปกรณ์เย็บผ้า ที่มา https://pinnshop.com/product/ 2.5.8 สีลวด (Embroidery Floss) : สีลวดหรือไหมที่ใช้ในการปักลวดลาย มักมีให้เลือกหลายสี ภาพที่2.15 ด้ายหรือไหม ที่มา https://pinnembroidery.com/accessories-embroidered/
16 2.5.9 เข็มทับ (Thimble) : เป็นอุปกรณ์ที่ใส่นิ้วเพื่อป้องกันการบาดเจ็บขณะใช้เข็ม ภาพที่ 2.16 เข็มทับ ที่มา https://th.aliexpress.com/i/32856875209.html 2.5.10 มีดตัดลวด (Thread Snips): มีดเล็กที่ใช้ตัดลวดหลังจากการปัก ภาพที่ 2.17 มีดตัดลวด ที่มา https://www.vanidaquilts.com/th/products/
17 ภาพที่ 2.18 กรรไกร ที่มา https://www.vanidaquilts.com/th/products/ 2.5.11 เครื่องปักอัตโนมัติ (Embroidery Machine): ในกรณีที่ต้องการผลงานที่ซับซ้อนและ ซับซ้อนมาก, การใช้เครื่องปักอัตโนมัติสามารถช่วยลดเวลาและความละเอียดได้ ภาพที่ 2.19 เครื่องปักผ้าอัตโนมัติ ที่มา https://th.bordadorasorder.com/single-head-embroidery-machine/
18 2.6 ขั้นตอนในการปักลายผ้าม้ง การปักลายผ้าม้ง (Embroidery) เป็นศิลปะการปักถักร้อยที่มีมาตั้งแต่ยุคโบราณ มีหลายขั้นตอนที่ คุณต้องทำเพื่อสร้างลวดลายที่สวยงามบนผ้าม้งของคุณ นี่คือขั้นตอนพื้นฐาน: เตรียมผ้าปักมัง - เลือกผ้าม้งที่มีความหนาพอเหมาะต่อการปัก และติดโอ่งได้ง่าย - ควรรีบซื้อผ้าม้งที่มีขนาดใหญ่พอที่จะสามารถทำลวดลายที่คุณต้องการได้ เลือกลวดลายและเข็ม - เลือกลวดที่มีสีที่ต้องการตามลวดลาย - เลือกเข็มที่เหมาะสมกับลวดและผ้าม้ง วางแบบลาย - วางแบบลายลงบนผ้าม้ง โดยใช้ดินสอหรือปากกาที่หายไปได้ง่าย ตรวจสอบแบบลาย - ตรวจสอบให้แน่ใจว่าแบบลายถูกวางที่ตำแหน่งที่ต้องการและมีความสมดุล ย้อมสี (ถ้าต้องการ) - ถ้าคุณต้องการลวดลายที่มีหลายสี คุณต้องย้อมสีลวดก่อนที่จะปัก ปักลาย - ใช้เข็มและลวดเริ่มทำลวดลายตามที่วางแบบลาย - ในกรณีที่มีลายละเอียดมาก ควรใช้เข็มที่มีหัวเล็ก การปรับแต่ง - หากต้องการเปลี่ยนแปลงลายละเอียดหรือปรับปรุงส่วนที่ไม่ถูกต้อง คุณสามารถทำได้ตลอด ระหว่างกระบวนการ ติดโอ่ง - เมื่อการปักลายเสร็จสิ้นแล้ว คุณสามารถติดโอ่งที่ขอบของผ้าม้งเพื่อเสริมความแข็งแรงและ สวยงามของเนื้อผ้า แขวนผ้าม้ง - หลังจากที่ผ้าม้งถูกปักลายเรียบร้อยแล้ว คุณสามารถทำกรอบหรือแขวนผ้าม้งตามความชอบ
19 2.7 งานศึกษาและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง เพื่อออกแบบเว็บไซต์ที่สามารถจัดการ การทำงานได้ในรูปแบบต่างๆ เช่น การจัดการคลังสินค้า การแก้ไขข้อมูล การเพิ่มข้อมูลและการเรียกดูรายงานการซื้อขายได้ตามช่วงเวลา ช่วยอำนวยความสะดวก ให้แก่ลูกค้าที่เข้ามาชมเว็บไซต์หรือสนใจซื้อสินค้า สามารถซื้อสินค้าในช่องทางการสั่งซื้อสินค้าผ่านระบบ ออนไลน์หลากหลายแบบ เช่น facebook เว็บไซต์ได้ โดยใช้โปรแกรม WordPress , WooCommerce และ hostings.ruk-com.in.th ในการพัฒนาระบบร้านค้า ออนไลน์ เพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจในการเลือกสินค้าได้ ง่ายมากขึ้นผลการศึกษา พบว่า การพัฒนาระบบจัดการผ้าทอกะเหรี่ยง เป็นระบบที่พัฒนาขึ้นเพื่อการเลือก ซื้อสินค้าผ่านทางระบบออนไลน์สามารถเลือกซื้อสินค้าผ่านเพจ facebook ออนไลน์หรือเว็บไซต์ของทาง ร้าน https://karenwovencloth.com/ โดยไม่ต้องเดินทาง อีกทั้งยังประหยัดเวลาต่อการเลือกซื้อสินค้า และสะดวก ต่อการชำระเงิน สามารถตรวจสอบการสั่งซื้อ และข้อมูลต่างๆ ได้ง่ายผ่านเว็บไซต์ระบบขาย สินค้า ผลการประเมินความพึงพอใจต่อการใช้งานเว็บไซต์ด้านการออกแบบเว็บไซต์และระบบร้านค้า ออนไลน์พบว่ามีความพึงพอใจต่อการใช้งานเว็บไซต์อยู่ในระดับดี ปาริชาต เกษมสุข (2566) บทความวิจัยผ้าทอไทลื้อสื่อศรัทธาสู่ศิลปะร่วมสมัย มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาบริบทวัฒนธรรมผ้าทอไทลื้อ ในส่วนที่เกี่ยวกับประวัติความเป็นมา และรูปแบบ ตลอดจนความคิด ความเชื่อของการใช้ผ้าทอในวิถีชีวิตของชาวไทลื้อในภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย 2) เพื่อสร้างสรรค์ ศิลปะร่วมสมัย สื่อความหมายถึงพลัง ความศรัทธาในพุทธศาสนา ของผู้หญิงไทลื้อ โดยสังเคราะห์องค์ ความรู้ที่ได้จากการศึกษาวัฒนธรรมไทลื้อมาเป็นแรงบันดาลใจ มีลักษณะเป็นงานวิจัยเชิงสร้างสรรค์ศิลปะ โดยการศึกษาเอกสาร แนวคิด ทฤษฎี งานวิจัย และผลงานศิลปะที่เกี่ยวข้อง ในบริบทที่เกี่ยวกับประวัติ ความเป็นมา เทคนิค ลวดลาย และรูปแบบ ตลอดจนคติความเชื่อของการใช้ผ้าทอในวิถีชีวิตของชาวไทลื้อ ในภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย พื้นที่วิจัยคือจังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดน่าน และจังหวัดพะเยา เพื่อ นำมาวิเคราะห์ประมวลผลข้อมูล และนำมาสังเคราะห์กำหนดเป็นแนวความคิด และเทคนิคในการ สร้างสรรค์งานศิลปะร่วมสมัย นำเสนอในรูปแบบพรรณนาและข้อเสนอผลงานสร้างสรรค์ศิลปะ จากผลการศึกษาพบว่า 1) วัฒนธรรมการทอผ้ามีบทบาทสำคัญต่อชาติพันธุ์ไทลื้อมาตั้งแต่ในอดีต ความ เชื่อมโยงระหว่างผืนผ้า ลวดลาย และตัวผู้ทอ นั้นมีความสัมพันธ์กับแบบแผนในการดำเนินชีวิต ประเพณี พิธีกรรม และคติความเชื่อ ความศรัทธาในพุทธศาสนา โดยมีวิธีการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ผ่านตัวผ้าทอ ไม่ว่าจะเป็นลวดลายที่สื่อความหมาย สี องค์ประกอบในเชิงสุนทรียภาพ อันเป็นความงามที่จับต้องได้ และ ความงามในมิติทางคุณค่า ความเชื่อ และพุทธศาสนา เป็นการสื่อความหมายในมิติความศรัทธาในพุทธ ศาสนาของผู้หญิงไทลื้อ 2) ผู้วิจัยได้สร้างสรรค์งานศิลปะร่วมสมัยจากลวดลายหรือสัญลักษณ์ที่อยูบนตุง เพื่อสะท้อนความศรัทธาในพุทธศาสนาของผู้หญิงไทลื้อที่ครั้งหนึ่งในชีวิตจะต้องทอตุงถวายวัดเพื่อถวายเป็น
20 พุทธบูชา ด้วยเทคนิคศิลปะจัดวาง ให้ผู้ชมรู้สึกเหมือนเดินเข้าไปสัมผัสและเรียนรู้ลวดลายที่อยู่ในตุง ใน รูปแบบสามมิติ ที่แฝงไปด้วยเรื่องราววัฒนธรรม จากการสร้างสรรค์งานศิลปะครั้งนี้ส่งผลให้เกิดการเรียนรู้ และต่อยอดองค์ความรู้ด้านศิลปะและวัฒนธรรม ให้แก่สังคม คนรุ่นใหม่และผู้ที่สนใจ ไอรดา สุดสังข์(2566) บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของงานวิจัย เรื่องการออกแบบอัตลักษณ์ ผ้าไหม มัดหมี่ บ้านลานไผ่ จังหวัดกำแพงเพชร ตามแนวคิดเศรษฐกิจสร้างสรรค์ มีวัตถุประสงค์ 1)เพื่อศึกษาและ รวมรวมข้อมูลผ้าไหมมัดหมี่ บ้านลานไผ่ จังหวัดกำแพงเพชร 2) เพื่อออกแบบและพัฒนาลวดลายผ้าไหม มัดหมี่ บ้านลานไผ่ จังหวัดกำแพงเพชร และ 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจในลวดลายผ้าไหมมัดหมี่ บ้านลาน ไผ่ จังหวัดกำแพงเพชร กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา คือผู้ทรงคุณวุฒิหรือผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบ ลวดลายผ้าไหมมัดหมี่ จำนวน 5 คน และประธานกลุ่มหรือสมาชิกกลุ่ม ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการผลิต งานหัตถกรรมผ้าทอ จำนวน 20 คน รวมทั้งสิ้น 25 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถาม ผลการวิจัย พบว่า 1) การศึกษาและรวมรวมข้อมูลผ้าไหมมัดหมี่ บ้านลานไผ่ จังหวัดกำแพงเพชร พบว่า มี ลายผ้ามัดหมี่ จำนวนทั้งสิ้น 23 ลาย แบ่งตามลักษณะของลายผ้าที่ได้จากลายธรรมชาติ จำนวน 11 ลาย ลายของใช้ จำนวน 9 ลาย ลายศาสนา จำนวน 6 ลาย และลายประดิษฐ์ จำนวน 3 ลาย 2) การออกแบบ และพัฒนาลวดลายผ้าไหมมัดหมี่ บ้านลานไผ่ จังหวัดกำแพงเพชร พบว่า จากการออกแบบลายผ้าได้มีลาย แม่แบบ จำนวน 6 ลาย ประกอบด้วยลายกระต่าย ลายใบไผ่ ลายปลาตะพาก ลายดอกพิกุล ลายวัดไตรภูมิ และลายเห็ดโคน นำมาออกแบบโดยใช้ทฤษฎีสามเหลี่ยมด้านเท่า (Triaxial blend) มีจำนวนทั้งสิ้น 120 ลาย 3) การศึกษาความพึงพอใจในลวดลายผ้าไหมมัดหมี่ บ้านลานไผ่ จังหวัดกำแพงเพชร พบว่า จากลาย จำนวนทั้งสิ้น 120 ลาย ทำการคัดเลือกโดยผู้เชี่ยวชาญเหลือ 5 ลาย พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีความพึง พอใจอยู่ในระดับมาก โดยลายพฤกษ์ศาศะ มีคะแนนความพึงพอใจสูงที่สุด รองลงมา คือ ลายมัจฉาศาศะ ลายมัสยาพฤกษ์ ลายรุกษ์ศาศะ และลายศาศะทอง โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.54, 4.38, 4.29, 4.23 และ 4.08 ตามลำดับ วราภรณ์ บันเล็งลอย (2565) การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อออกแบบและตัดเย็บเสื้อผ้าชุด ครอบครัวมุสลิมจากผ้าปาเต๊ะและสํารวจความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อชุดครอบครัวมุสลิมจากผ้าปาเต๊ะ จากกลุ่มตัวอย่างเจาะจง เฉพาะผู้สนใจผ้าปาเต๊ะจำนวน 100 คนอุปกรณ์ที่ใช้ในการวิจัย คือแบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าความถี่ ค่าร้อยละ และหาค่าเฉลี่ยผลการวิจัยด้านการออกแบบตัดเย็บเสื้อผ้าชุด ครอบครัวมุสลิมซึ่งได้เป็นชุดต้นแบบ 5 ชุด ด้านผลสํารวจความพึงพอใจ พบว่าผู้ตอบแบบสอบถามส่วน ใหญ่เป็นเพศหญิงอายุ21-30 ปี ด้านความรู้เรื่องผ้าปาเต๊ะพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่รู้จักผ้าปาเต๊ะ เคยศึกษาเกี่ยวกับผ้าปาเต๊ะ เคยเห็นวิธีการผลิตผ้าปาเต๊ะ มีความชอบลวดลายของผ้าปาเต๊ะ ชอบสีสันของ ผ้าปาเต๊ะ และส่วนใหญ่ชื่นชอบผ้าปาเต๊ะคิดเป็นร้อยละ 90 ผลการวิจัยด้านความพึงพอใจต่อการออกแบบ
21 และตัดเย็บชุดครอบครัวมุสลิมจากผ้าปาเต๊ะทั้ง 5 ชุด พบว่ามีความพึงพอใจต่อชุดครอบครัวมุสลิมโดย รวมอยู่ในระดับความพึงพอใจมากที่สุดอันดับหนึ่งคือ ด้านความสวยงาม มีค่าเฉลี่ย 4.60 รองลงมาคือ ด้าน ความประณีตในการตัดเย็บมีค่าเฉลี่ย 4.59 รองลงมาคือ ด้านเทคนิคและวิธีการตกแต่งมีค่าเฉลี่ย 4.49 และ ด้านประโยชน์ใช้สอย มีค่าเฉลี่ย 4.45 ทั้ง 4 ด้านมีระดับความพึงพอใจมากที่สุด ธวัชชัย จิตวารินทร์(2565) การวิจัยครั้งนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสมบัติทางกายภาพของ ผ้าทอผสมเส้นใยจากก้านช่อดอกชก และ 2) ศึกษาความพึงพอใจที่มีต่อผ้าทอผสมเส้นใยก้านช่อดอกชก ผลการวิจัยพบว่า ผ้าทอผสมเส้นใยก้านช่อดอกชกที่พัฒนาขึ้นใช้เส้นใยก้านช่อดอกชกเป็นเส้นด้ายพุ่งใน การทอผสมกับเส้นฝ้ายที่ใช้เป็นเส้นด้ายยืน ผิวสัมผัสมันวาวเล็กน้อย ลักษณะผิวสัมผัสค่อนข้างหยาบ จึง เหมาะที่จะนำไปใช้ในการพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์สิ่งทอสำหรับตกแต่ง หรือใช้เพื่อสร้างเอกลักษณ์ให้กับ ผลิตภัณฑ์ชุมชนมากกว่าที่จะนำไปใช้เพื่อพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องนุ่งห่ม น้ำหนักผ้าเท่ากับ 190.71+8.10 กรัมต่อตารางเมตร ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มผ้าที่มีน้ำหนัก ปานกลาง มีค่าแรงดึงสูงสุดแนวเส้นด้ายยืนและแนว เส้นด้ายพุ่งเท่ากับ 254.08+8.52 นิวตัน และ 433.12+9.45 นิวตัน ตามลำดับ ผ้าทอผสมเส้นใยก้านช่อ ดอกมีจำนวนเส้นด้าย 78 เส้นต่อตารางนิ้ว โดยเป็นจำนวนเส้นด้ายยืนและเส้นด้ายพุ่ง เท่ากับ 31 และ 47 เส้นต่อตารางนิ้ว ตามลำดับ ความพึงพอใจที่มีต่อผ้าทอเส้นใยก้านช่อดอกชกในระดับมากที่สุดในทุกด้าน ทั้งนี้ด้านความพึงพอใจภาพรวมมีค่าเฉลี่ยสูงที่สุด และแตกต่างกับค่าเฉลี่ยความพึงพอใจด้านสี ด้านลักษณะ ปรากฏ ด้านน้ำหนักผ้า และด้านผิวสัมผัสอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ส่วนค่าเฉลี่ยความพึงพอใจ ด้านสี ด้านลักษณะปรากฏ ด้านน้ำหนักผ้า และด้านผิวสัมผัสไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 รสา สุนทรายุทธ (2565) โครงการวิจัยการออกแบบผลิตภัณฑ์และการบริการสำหรับชุมชน หัตถกรรมท้องถิ่นผ้าจก ไทยวน จังหวัดราชบุรี เพื่อขยายกลุ่มงานผลิตภัณฑ์ออกแบบตกแต่งภายในด้วย นวัตกรรมขึ้นรูปผ้าด้วยแม่พิมพ์และสิ่งทอสีเขียว เป็นโครงการที่นำเอาภูมิปัญญางานหัตถกรรมท้องถิ่นมาใช้ ร่วมกับนวัตกรรมการออกแบบในระบบอุตสาหกรรมที่ชุมชนสามารถเข้าถึงได้ง่ายด้วยตนเอง เพื่อเป็นการ เปิดตลาดสินค้าใหม่ ๆ และมีการนำระบบการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมมาใช้ รวมไปถึงการใช้แนวคิดการ ออกแบบการบริการมาช่วยจัดการและบริหารทรัพยากรให้เกิดคุณค่าสูงสุด โดยกระบวนการทำการวิจัย เป็นไปตามรูปแบบของการศึกษาเชิงชาติพันธุ์วรรณนา (Ethnographic Studies) เป็นวิธีการศึกษาของ สาขาวิชามานุษยวิทยา (Anthropological Method) และมีแนวทางการดำเนินงานตามกระบวนการคิดเชิง ออกแบบ (Design Thinking) การเก็บรวบรวม ข้อมูลมาจากการลงพื้นที่สำรวจ การสัมภาษณ์เชิงลึก รวม ไปถึงการทำกิจกรรมเชิงปฏิบัติการกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องซึ่งประกอบไปด้วยกลุ่มชาวบ้านช่างฝีมือ ผู้ประกอบการหัวหน้ากลุ่มนักท่องเที่ยว อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญและนักออกแบบ เพื่อหาแนวทางการพัฒนา
22 งานออกแบบด้วยความคิดสร้างสรรค์ การดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ของโครงการนำไปสู่การตอบวัตถุประสงค์ ของโครงการได้ดังต่อไปนี้ 1) เพื่อศึกษาและนำเอาเทคโนโลยีความคิดสร้างสรรค์รูปแบบใหม่ ๆ เข้ามาร่วม ออกแบบผลิตภัณฑ์จากผ้าทอจก ที่สามารถนำไปสู่การพัฒนาต่อยอด ขยายกลุ่มเป้าหมายและเพิ่มศักยภาพ ในการผลิต และ 2) เพื่อศึกษาและพัฒนาการผลิตวัตถุดิบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตามแนวคิดของ นวัตกรรมสิ่งทอสีเขียว (Eco - Innovative textile) และการควบคุมดูแลระบบการจัดการธุรกิจด้วยการ ออกแบบการบริการที่ทำให้ธุรกิจมีโอกาสดำเนินไปสู่การขายได้ทั้งในและต่างประเทศ ผลผลิตของโครงการ นี้ที่แสดงออกมาอย่างเป็นรูปธรรมได้แก่ 1) ก่อให้เกิดแนวทางการผลิตของผลิตภัณฑ์งานหัตถกรรมโดย นวัตกรรมสิ่งทอสีเขียว ได้ผลงานการย้อมฝ้ายและไหมธรรมชาติด้วยสีสกัดจากธรรมชาติที่มีความสวยงาม ค่าและปลอดภัยต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม 2) ผลงานผลิตภัณฑ์เพื่อการออกแบบตกแต่งภายในที่ประกอบ ไปด้วย ตู้เก็บของ ชั้นวางของ งานตกแต่งผนัง งาน partition wall โต๊ะข้าง โคมไฟ และงานโครงสร้าง บล็อกปูน จากการผสมผสานเทคนิควิธีการขึ้นรูปผ้าในแบบต่าง ๆ และ 3) การออกแบบอัตลักษณ์องค์กร แนวทางการออกแบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการสื่อสารและพื้นที่เรียนรู้สร้างสรรค์ รวมไปถึงต้นแบบ ธุรกิจที่สามารถนำเอาไปพัฒนาต่อยอดได้อีกต่อไป สำหรับแนวทางการพัฒนาต่อยอดในอนาคต สามารถทำ ได้โดยการนำเอากระบวนทำงานจากโครงการวิจัยนี้มาพัฒนาสร้างสรรค์ต่อเนื่องในด้านต่าง ๆ ทั้งด้าน เครื่องมือ เทคนิควิธีการผลิต รวมไปถึงการกระจายสินค้าในรูปแบบต่าง ๆ จัดให้เกิดกิจกรรมความร่วมมือ กับกลุ่มนักออกแบบ ศิลปิน และ นักเรียน นักศึกษาด้านการออกแบบ และผู้เชี่ยวชาญในด้านที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้ต่อกัน ส่งผลให้เกิดการพัฒนาชุมชนหัตถกรรมท้องถิ่นที่ยั่งยืนต่อไป วิฑูรย์ ชุนโทน (2557) การวิจัยนี้เป็นการวิจัยที่ผ่านกระบวนการสังเคราะห์ข้อมูลด้านการออกแบบ และทดลองสร้างชิ้นงานจริงออกมาเชิงประจักษ์ซึ่งมีวัตถุประสงค์หลัก คือ การดำเนินการสานต่อและ สร้างสรรค์ศิลปะการออกแบบ ผ้าจกผ่านมุมมองใหม่ที่แสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างหัตถศิลป์และการ ออกแบบสร้างสรรค์ที่สื่อภาษาร่วมสมัยมีการผสมผสานแนวคิดการออกแบบผ่านรูปทรงทางศิลปะภายใต้ แรงบันดาลใจจาก“The beauty of Imperfection and the Flow” การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติ ผสมผสานกับการวิจัยประยุกต์ ใช้วิธีการเก็บข้อมูล คือ การจดบันทึก, การบันทึกเสียง, การสัมภาษณ์, การ สังเกตการณ์, การถ่ายภาพ, การถ่ายวีดิโอ และจัดทำแบบสอบถาม เพื่อหาข้อมูลเชิงความหมายของ “ศิลปะผ้าจกร่วมสมัย” ความเจริญทางเทคโนโลยี ค่านิยมทางสังคม และสภาพเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงในปัจจุบันส่งผลให้ศิลปะผ้า จกซึ่งเป็นมรดกทางหัตถศิลป์อันล้ำค่าของชาวไทยวน ค่อย ๆ ลดบทบาทหน้าที่ลงจากวัตถุประสงค์ หลัก ดั้งเดิมที่ทอผ้าเพื่อใช้ในครัวเรือนและพิธีกรรมทางศาสนา เป็นการทอผ้าเพื่อสร้างรายได้เสริมในครัว เรือน ดังเช่น โครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ซึ่งเป็นนโยบายจากภาครัฐที่สนับสนุนให้เกิดการสร้าง
23 รายได้ในชุมชน โดยการพัฒนางานผ้าทอมือในระดับครัวเรือนขยายสู่การผลิตเชิงพานิชย์แต่จากข้อ จำกัด หลาย ๆ ด้าน เช่น การขาดแคลนช่างทอผ้าฝีมือดี ข้อจำกัดด้านวัสดุอุปกรณ์ในการทอผ้า และความไม่เข้าใจ ในอัตลักษณ์ทำให้ผ้าทอพื้นเมืองในปัจจุบันนั้นขาดเอกลักษณ์ และขณะเดียวกันยังละเลยในราย ละเอียด และขาดความประณีต ทำให้คุณค่าทางสุนทรียะในงานหัตถศิลป์ยังลดน้อยลงอีกด้วย สมมุติฐานของการ วิจัยนี้ คือ การนำเสนอแนวคิดใหม่ในการออกแบบผ้าจกร่วมสมัย และการสร้าง - สรรค์รูปลักษณ์ใหม่ของ ศิลปะการออกแบบสิ่งทอให้เกิดการยอมรับในสังคมปัจจุบัน ตลอดจนการแสดงออกซึ่งภาพลักษณ์ใหม่ของ ศิลปะผ้าจกร่วมสมัยที่แสดงความเป็นสากล และสอดคล้องกับกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกโลกาภิวัฒน์ ซึ่งผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่านอกจากการปฏิวัติแนวคิดในการออกแบบผ้าจกใหม่แล้วอุปกรณ์การทอผ้า หรือ “กี่” แนวตั้งที่ประดิษฐ์ขึ้นมาใหม่นั้นเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้เกิดการสร้างสรรค์โครงสร้างผ้าทอแบบ ใหม่ ๆ ขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้ผู้วิจัยคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ในกลุ่มคนสร้างสรรค์ที่ตระหนักถึงคุณค่าทางศิลปะ เช่น นักออกแบบตกแต่งภายใน และนักสะสมงานศิลปะร่วมสมัย
บทที่ 3 วิธีดำเนินการศึกษา ในการดำเนินโครงการ ปลอกหมอนจากผ้าปักม้ง มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อสืบทอดความเป็นมา ของชนเผ่าม้งให้ผู้คนได้รับรู้ 2) เพื่อแสดงให้เห็นถึงความสวยงามของลวดลายผ้าปักม้ง 3) เพื่อสร้างความ ประทับใจให้กับแขกที่เข้าพัก ซึ่งผู้จัดทำโครงการได้คำเนินการศึกษาดังนี้ 3.1 กลุ่มประชากร 3.2 เครื่องมือที่ใช้ในดำเนินโครงการ 3.3 ขั้นตอนการดำเนินโครงการ 3.4 การเก็บรวบรวมข้อมูล 3.5 สถิติและการวิเคราะห์ข้อมูล 3.1 กลุ่มตัวอย่าง กลุ่มตัวอย่าง ครูอาจารย์ เจ้าหน้าที่ วิทยาลัยอาชีวศึกษาเชียงใหม่ จำนวน 50 คน โดยวิธีการเลือก กลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง 3.2 เครื่องมือในโครงงาน 3.2.1 แบบสำรวจ ข้อมูลเกี่ยวกับความคิดเห็นการออกแบบรูปแบบของปลอกหมอนจากผ้าปักม้ง จำนวน 50 ชุด 3.2.2 แบบสอบถามความพึงพอใจ ผู้ทดลองใช้ครูอาจารย์ เจ้าหน้าที่ วิทยาลัยอาชีวศึกษาเชียงใหม่ ผู้จัดทำโครงการใช้แบบสอบถาม เป็นเครื่องมือเพื่อรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างเพื่อสอบถามความ คิดเห็น เกี่ยวกับรูปแบบ และการใช้งานของปลอกหมอนจากผ้าปักม้ง โดยผู้จัดทำโครงการได้แยกแบบ สำรวจและแบบสอบถามความพึงพอใจ แบบสำรวจ ข้อมูลเกี่ยวกับปลอกหมอนจากผ้าปักม้ง ส่วนที่ 1 ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ตอบแบบสำรวจ ประกอบด้วย เพศ อายุรายได้ ส่วนที่ 2 ข้อมูลเกี่ยวกับการแสดงความคิดเห็น รูปแบบการใช้ สี ลวดลายของปลอกหมอน และ ขนาดของปลอกหมอนจากผ้าปักม้ง ส่วนที่ 3 ข้อมูลเกี่ยวกับการแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ
25 แบบสอบถามความพึงพอใจ ต่อปลอกหมอนจากผ้าปักม้ง ส่วนที่ 1 ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ตอบแบบสอบถาม โดยสอบถามเกี่ยวกับเพศ อายุ รายได้อาชีพ โดยที่ผู้ตอบตามความเป็นจริง (Chech-list) ส่วนที่ 2 ข้อมูลเกี่ยวกับระดับความพึงพอใจต่อปลอกหมอนจากผ้าปักม้ง ผู้จัดทำโครงการได้ใช้ มาตราวัดแบบ Rating scale 5 ระดับ ตามมาตราวับแบบลิเคิร์ท (Likert's Scale) อ้างจาก บุรินทร์ รุจจน พันธุ์ (2553) ในการวัดระดับความพึงพอใจ ดังนี้ 5 หมายถึง มากที่สุด 4 หมายถึง มาก 3 หมายถึง ปานกลางหรือพอใช้ 2 หมายถึง น้อยหรือต่ำกว่ามาตรฐาน 1 หมายถึง น้อยที่สุดหรือต้องปรับปรุงแก้ไข เกณฑ์การประเมินแบบสอบถามความคิดเห็น มี 5 ระดับโดยผู้จัดทำโครงการได้เลือกวิธีการของ เร็นสิส เอ ลิเคิร์ท ตังนี้ (Likert, Rensis A 2504) 4.50 - 5.00 หมายถึง เห็นด้วยอยู่ระดับมากที่สุด 3.50 - 4.49 หมายถึง เห็นด้วยอยู่ระดับมาก 2.50 - 349 หมายถึง เห็นด้วยอยู่ระดับปานกลาง 1.50 - 2.49 หมายถึง เห็นด้วยอยู่ระดับน้อย 1.00 - 1.49 หมายถึง เห็นด้วยอยู่ระดับน้อยมาก ส่วนที่ 3 ข้อเสนอแนะซึ่งเป็นคำถามปลายเปิดเพื่อให้ผู้ตอบแบบสอบถามแสดงความคิดเห็น การสร้างเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลครั้งนี้ โดยมีการสร้างเครื่องมือดังนี้ 1) ผู้จัดทำโครงการได้จัดทำแบบสำรวจการออกแบบเกี่ยวกับปลอกหมอนจากผ้าปักม้ง 2) ศึกษาแนวคิด ทฤษฎีเกี่ยวกับปลอกหมอนจากผ้าปักม้ง และความพึงพอใจต่อผลิตภัณฑ์และ ความคิดเห็นของผู้ตอบแบบสอบถาม 3) นำแบบสอบถามที่จัดทำขึ้นให้กับครูประจำวิชา เพื่อตรวจสอบความถูกต้องตามเนื้อหาและ นำมาปรับปรุงแก้ไขให้สมบูรณ์ 4) นำแบบสอบถามความพึงพอใจต่อปลอกหมอนจากผ้าปักม้ง ทดลองใช้กับกลุ่มตัวอย่างจากนั้น เสนอต่อครูประจำวิชาอีกครั้ง เพื่อตรวจสอบเนื้อหาพร้อมพิจารณาความถูกต้องชัดเจนของภาษาที่ใช้
26 3.3 การดำเนินโครงการ ศึกษาลวดลายผ้าปักม้งที่มีความนิยมในตลาด เตรียมอุปกรณ์ที่จะนำมาทำปลอกหมอน ให้พร้อม แล้วนำผ้าปักม้งที่เราได้เตรียมไว้นำมาทำเป็นหมอนตามที่เราต้องการ แล้วเก็บรายละเอียดของผ้า ปักม้งให้สวยงาม 3.4 การเก็บรวบรวมข้อมูล ผู้จัดทำโครงการได้ดำเนินการเก็บรวบข้อมูลการทำโครงการนี้ อย่างเป็นขั้นตอนดังนี้ 3.4.1 ผู้จัดทำโครงงานทำการแจกแบบสอบถามความพึงพอใจต่อปลอหมอนจากผ้าปักม้ง ไปยัง คณะครู นักศึกษาสาขาวิชาการโรงแรม วิทยาลัยอาชีวศึกษาเชียงใหม่โดยวิธีการแบบ google Form ให้ ผู้ตอบแบบสอบถามตอบแบบสอบถามด้วยตนเอง 3.4.2 การเก็บรวบรวมแบบสอบถามความพึงพอใจต่อปลอกหมอนจากผ้าปักม้ง ผู้จัดทำโครงงาน ได้เก็บรวบรวมแบบสอบถามด้วยตนเองจำนวน 50 ชุด 3.4.3 ตรวจสอบความสมบูรณ์ของแบบสอบถาม เพื่อนำข้อมูลไปวิเคราะห์ทางสถิติ 3.5 การวิเคราะห์และสรุปผล ข้อมูลที่ได้จากการเก็บรวบรวม ผู้จัดทำโครงการได้ทำการตรวจสอบความเรียบร้อยสมบูรณ์ของ แบบสอบถาม และนำข้อมูลมาประมวลผลวิเคราะห์ด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์สำเร็จรูปการคิดค่า ร้อยละ การหาคำเฉลี่ย (Mean) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D) ดังนี้ 3.5.1 การวิเคราะห์ข้อมูลส่วนที่ 1 ข้อมูลส่วนบุคคลในการวิเคราะห์ ได้แก่ การหาค่าความถี่ (Frequency) และร้อยละ (Percentage) สูตรการหาค่าร้อยละ เมื่อ P แทน ร้อยละ F แทน ความถี่ที่ต้องการแปลค่าให้เป็นร้อยละ n แทน จำนวนข้อมูลทั้งหมด
27 3.5.2 การวิเคราะห์ข้อมูลส่วนที่ 2 แบบสอบถามความพึงพอใจของผู้ทดลองใช้ปลอกหมอนจาก ผ้าปักม้ง ผู้ทดลองใช้ครูอาจารย์ เจ้าหน้าที่ วิทยาลัยอาชีวศึกษาเชียงใหม่จำนวน 50 คน ในการวิเคราะห์ ได้แก่ การหาค่าเฉสี่ย (Mean) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D) สูตรการหาค่าเฉลี่ย เมื่อ X แทน ค่าเฉลี่ย ∑x แทน ผลรวมทั้งหมดของความถี่ คูณ คะแนน N แทน ผลรวมทั้งหมดของความถี่ซึ่งมีค่าเท่ากับจำนวนข้อมูลทั้งหมด สูตรการหาส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เมื่อ S.D. แทน ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน N แทน จำนวนคู่ทั้งหมด X แทน คะแนนแต่ละตัวในกลุ่มข้อมูล ∑x แทน ผลรวมของความตกต่างของคะแนนแต่ละคู่ 3.5.3 การวิเคราะห์ข้อมูล ส่วนที่ 3 ข้อเสนอแนะ ซึ่งเป็นคำถามปลายเปิดเพื่อให้ผู้ตอบ แบบสอบถามแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับปลอกหมอนจากผ้าปักม้ง จากข้อเสนอแนะของผู้ตอบ โดยผู้จัดทำ โครงการได้วิเคราะห์ข้อมูลในรูปแบบเชิงพรรณนาบรรยายตามเหตุผลของผู้ตอบ แบบสอบถาม
บทที่ 4 ผลการศึกษาโครงงาน ในการศึกษาโครงงาน ปลอกหมอนจากผ้าปักม้ง ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อสืบทอดความ เป็นมาของชนเผ่าม้งให้ผู้คนได้รับรู้ 2) เพื่อแสดงให้เห็นถึงความสวยงามของลวดลายของผ้าปักม้ง 3) เพื่อสร้างความประทับใจให้กับแขกที่เข้าพัก โดยสามารถแสดงผลการศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลได้ ดังนี้ 4.1 ผลการสอบถามรูปแบบลวดลายของปลอกหมอนจากผ้าปักม้ง 4.2 ผลการประเมินความพึงพอใจปลอกหมอนจากผ้าปักม้ง 4.3 ผลสรุปข้อเสนอแนะ 4.1 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลแบบสอบถามรูปแบบลวดลายปลอกหมอนจากผ้าปักม้ง ส่วนที่ 1 ผลการสอบถามรูปแบบลวดลายของปลอกหมอนจากผ้าปักม้ง จำนวน 50 ชุด จากผลการสอบถามรูปแบบลวดลายของปลอกหมอนจากผ้าปักม้งได้วิเคราะห์ข้อมูลของ คณะครูนักเรียน และนักศึกษา ที่ทำแบบสอบถาม ซึ่งประกอบด้วยข้อมูลเกี่ยวกับเพศ อายุ รายได้และ รูปแบบผลิตภัณฑ์ปลอกหมอนจากผ้าปักม้ง โดยหาค่าร้อยละซึ่งผลการวิเคราะห์ปรากฏ ดังนี้ ตารางที่ 1 ตารางแสดงผลการวิเคราะห์ข้อมูลของ คณะครู และนักเรียน นักศึกษาด้านเพศ เพศ จำนวน(คน) ร้อยละ ชาย 18 36 หญิง 32 64 รวม 50 100 จากตารางที่ 1 ตารางแสดงผลการวิเคราะห์ของ คณะครู และนักเรียน นักศึกษาด้านเพศ ได้ สรุปผลการวิเคราะห์พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามรูปแบบลวดลายของปลอกหมอนจากผ้าปักม้ง ส่วนใหญ่ เป็นเพศหญิง คิดเป็นร้อยละ 64 และ เพศชาย คิดเป็นร้อยละ 36 ตามลำดับ
29 ตารางที่ 2 ตารางแสดงผลการวิเคราะห์ข้อมูลของ คณะครู และนักเรียน นักศึกษา ด้านอายุ อายุ จำนวน(คน) ร้อยละ 16 - 20 ปี 36 72 21 - 25 ปี 8 16 26 - 30 ปี 1 2 31 - 35 ปี 2 4 36 - 40 ปี 1 2 41 ปีขึ้นไป 2 4 รวม 50 100 จากตารางที่ 2 ตารางแสดงผลการวิเคราะห์ข้อมูลของ คณะครู และนักเรียน นักศึกษาด้าน อายุได้สรุปผลการวิเคราะห์ข้อมูลพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถาม ส่วนใหญ่อยู่ในช่วงอายุ 16 - 20 ปีคิดเป็น ร้อยละ 72 รองลงมาช่วงอายุ 21 - 25 ปีคิดเป็นร้อยละ 16 ช่วงอายุ 31 - 35 ปี คิดเป็นร้อยละ 4 ช่วง อายุ 36 - 40 ปี คิดเป็นร้อยละ 4 ช่วงอายุ 26 - 30 ปีคิดเป็นร้อยละ 2 และ ช่วงอายุ 36 - 40 ปี คิดเป็นร้อยละ 2 ตามลำดับ ตารางที่ 3 ตารางแสดงผลการวิเคราะห์ข้อมูลของ คณะครู และนักเรียน นักศึกษา ด้านรายได้ รายได้ จำนวน(คน) ร้อยละ ต่ำกว่า 5,000 บาท 3 6 10,000 - 15,000 บาท 25 50 15,001 - 25,000 บาท 3 6 25,001 บาทขึ้นไป 4 8 ไม่มีรายได้ 15 30 รวม 50 100 จากตารางที่ 3 ตารางแสดงผลการวิเคราะห์ข้อมูลของ คณะครู และนักเรียน นักศึกษา ด้าน รายได้สรุปผลการวิเคราะห์ข้อมูลพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถาม ส่วนใหญ่มีรายได้ 10,000 – 15,000 บาท คิดเป็นร้อยละ 50 รองลงมาไม่มีรายได้ คิดเป็นร้อยละ 30รายได้ 25,001 ขึ้นไป คิดเป็นร้อยละ 8 รายได้ ต่ำกว่า 5,000 บาท คิดเป็นร้อยละ 6 รายได้ 15,001 – 25,000 บาท คิดเป็นร้อยละ 6 ตามลำดับ
30 ตารางที่ 4 ตารางแสดงผลการวิเคราะห์ข้อมูลของ คณะครู และนักเรียน นักศึกษา ด้านลวดลายของ ปลอกหมอน รูปแบบลวดลาย จำนวน(คน) ร้อยละ รูปแบบที่ 1 27 54 รูปแบบที่ 2 8 16 รูปแบบที่ 3 3 6 รูปแบบที่ 4 3 6 รูปแบบที่ 5 5 10 รูปแบบที่ 6 4 8 รวม 50 100 จากตารางที่ 4 ตารางแสดงผลการวิเคราะห์ข้อมูลของ คณะครู และนักเรียน นักศึกษา ด้าน ลวดลายของปลอกหมอน สรุปผลการวิเคราะห์ข้อมูลพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถาม ส่วนใหญ่เลือกตอบ แบบที่ 1 คิดเป็นร้อยละ 54 รองลงมาเลือกตอบ แบบที่ 2 คิดเป็นร้อยละ 16 รูปแบบที่ 5 คิดเป็นร้อยละ 10 รูปแบบที่ 6 คิดเป็นร้อยละ 8 รูปแบบที่ 3 คิดเป็นร้อยละ 6 รูปแบบที่ 4 คิดเป็นร้อยละ 6ตามลำดับ ภาพที่ 4.1 รูปแบบที่ 1
31 4.2 ผลการประเมินความพึงพอใจปลอกหมอนจากผ้าปักม้ง ส่วนที่ 2 ผลการประเมินความพึงพอใจปลอกหมอนจากผ้าปักม้ง จำนวน 40 คน จากผลการสอบถามแบบประเมินความพึงพอใจปลอกหมอนจากผ้าปักม้ง โดยการหาค่าเฉลี่ย (̅ ) และ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D) จากแบบประเมินความพึงพอใจปลอกหมอนจากผ้าปักม้ง ของ คณะครู และนักเรียน นักศึกษาจำนวน 40 คน ข้อมูลปรากฏดังนี้ ตารางที่ 5 ตารางแสดงผลการวิเคราะห์ความพึงพอใจปลอกหมอนจากผ้าปักม้งของ คณะครู และ นักเรียน นักศึกษา รายการประเมิน ผลการประเมิน ̅ S.D ผลการ ประเมิน 1. ลวดลายของปลอกหมอนมีความสวยงาม 4.98 0.16 มากที่สุด 2. ปลอกหมอนมีความหนานุ่ม 4.85 0.36 มากที่สุด 3. ผ้าที่ใช้ทำปลอกหมอนเหมาะกับการทำปลอกหมอน 4.33 0.47 มาก 4. ขนาดของปลอกหมอนมีความพอดีกับการใช้งาน 4.75 0.44 มากที่สุด 5. ปลอกหมอนทำให้เกิดความสวยงามของสถานที่ 4.83 0.38 มากที่สุด 6. ปลอกหมอนทำให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อยขึ้น 4.83 0.38 มากที่สุด 7. ปลอกหมอนสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าที่เข้ามาพัก 4.90 0.30 มากที่สุด 8. ลวดลายของปลอกหมอนสื่อถึงความเป็นชาวม้ง 4.88 0.33 มากที่สุด 9. ปลอกหมอนสามารถนำไปใช้ได้จริง 4.83 0.38 มากที่สุด 10. ภาพรวมของปลอกหมอน 4.80 0.41 มากที่สุด รวม 4.82 0.36 มากที่สุด จากตารางที่ 5 ตารางแสดงผลการวิเคราะห์ข้อมูลของ คณะครู และนักเรียน นักศึกษาจำนวน 40 คน พบว่า ผลสรุปการประเมินความพึงพอใจของปลอกหมอนจากผ้าปักม้ง ลวดลายของ ปลอกหมอนมีความสวยงาม อยู่ในระดับ มากที่สุด (̅ =4.98) ปลอกหมอนมีความหนานุ่ม อยู่ในระดับ มากที่สุด (̅ =4.85) ผ้าที่ใช้ทำปลอกหมอนเหมาะกับการทำปลอกหมอน อยู่ในระดับ มาก (̅ =4.33) ขนาดของปลอกหมอนมีความพอดีกับการใช้งาน อยู่ในระดับ มากที่สุด (̅ =4.75) ปลอกหมอนทำให้ เกิดความสวยงามของสถานที่ อยู่ในระดับ มากที่สุด (̅ =4.83) ปลอกหมอนทำให้เกิดความเป็น ระเบียบเรียบร้อยขึ้น อยู่ในระดับ มากที่สุด (̅ =4.83) ปลอกหมอนสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า
32 ที่เข้ามาพัก มากที่สุด (̅ =4.90) ลวดลายของปลอกหมอนสื่อถึงความเป็นชาวม้ง อยู่ในระดับ มากที่สุด (̅ =4.88) ปลอกหมอนสามารถนำไปใช้ได้จริง อยู่ในระดับ มากที่สุด (̅ =4.83) ภาพรวมของ ปลอกหมอน อยู่ในระดับ มากที่สุด (̅ =4.80) 4.3 ผลสรุปข้อเสนอแนะ ส่วนที่ 3 ผลสรุปข้อเสนอแนะ ผลสรุปความพึงพอใจของ คณะครู และนักเรียน นักศึกษาในการทำแบบประเมินความพึงพอใจ ปลอกหมอนจากผ้าปักม้ง ผู้จัดทำได้รวบรวมข้อเสนอจาก คณะครู และนักเรียน นักศึกษาได้ 2 หัวข้อ ดังนี้ 1. ภาพรวมของปลอกหมอนจากผ้าปักม้ง ผู้จัดทำโครงงานได้รวบรวมข้อเสนอแนะด้านบวกของปลอกหมอนจากผ้าปักม้ง ทั้งหมดได้ว่า สามารถนำไปใช้ได้จริง และขนาดของปลอกหมอนพอดีกับการใช้งาน 2. ภาพรวมที่ควรปรับปรุงและพัฒนาของปลอกหมอนจากผ้าปักม้ง -
บทที่ 5 สรุป อภิปรายผลและข้อเสนอแนะ ในการศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ของการศึกษา คือ 1) เพื่อสืบทอดความเป็นมาของชนเผ่าม้งให้ ผู้คนได้รับรู้ 2) เพื่อแสดงให้เห็นถึงความสวยงามของลวดลายผ้าปักม้ง 3) เพื่อสร้างความประทับใจให้กับ แขกที่เข้าพัก กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ประกอบด้วย คณะครู และแขกผู้เข้ามาพัก จำนวน 40 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา 1) แบบสอบถามรูปแบบผลิตภัณฑ์ปลอกหมอนจากผ้าปักม้ง 2) แบบประเมินความพึงพอใจปลอกหมอนจากผ้าปักม้ง ผลของการศึกษามีดังนี้ 5.1 สรุปผลการศึกษา 5.2 อภิปรายผล 5.3 ข้อเสนอแนะในการศึกษา 5.1 สรุปผลการศึกษา จากการศึกษาโครงงาน “ปลอกหมอนจากผ้าปักม้ง” ได้สรุปผลการวิเคราะห์ดังนี้ 5.1.1 ผลการวิเคราะห์แบบสอบถามรูปแบบผลิตภัณฑ์ ปลอกหมอนจากผ้าปักม้ง มีกลุ่ม ตัวอย่างทำการตอบแบบสอบถามรูปแบบผลิตภัณฑ์ ปลอกหมอนจากผ้าปักม้ง จำนวน 50 คน ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง 32 คน คิดเป็นร้อยละ 64 ด้านการจำแนกอายุ พบว่า กลุ่มตัวอย่าง ในช่วงอายุ 16-20 ปี คิดเป็นร้อยละ 72 ผลการวิเคราะห์ผู้ตอบแบบสอบถาม ด้านรายได้พบว่า สีที่ผู้ตอบแบบสอบถามมี รายได้ 10,000-15,000 จำนวน 25 คน คิดเป็นร้อยละ 50 ผลการวิเคราะห์ผู้ตอบแบบสอบถาม ลวดลายของปลอกหมอน พบว่า รูปแบบที่ผู้ตอบแบบสอบถามเลือกตอบมากที่สุด คือรูปแบบที่ 1 จำนวน 27 คน คิดเป็นร้อยละ 54
34 ภาพที่ 5.1 รูปแบบที่ 1 5.1.2 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลแบบประเมินของปลอกหมอนจากผ้าปักม้ง มีกลุ่มตัวอย่างที่มีจำนวน จำกัด ทำการตอบแบบประเมินความพึงพอใจจำนวน 40 คน ส่วนใหญ่เป็น เพศชาย 21 คน คิดเป็นร้อยละ 52.5 ด้านการจำแนกอายุ พบว่าส่วนใหญ่อายุ 26-30 ปีจำนวน 19 คน คิดเป็นร้อยละ 47.5 ด้านการ จำแนกการประกอบอาชีพ พบว่าส่วนใหญ่ประกอบอาชีพอิสระ จำนวน 23 คน คิดเป็นร้อยละ 57.5 และผลการวิเคราะห์แบบประเมิณประสิทธิภาพ ปลอกหมอนจากผ้าปักม้ง ทั้งหมดอยู่ในระดับ มากที่สุด โดยมีค่าเฉลี่ยทั้งหมด ( ̅ = 4.82 ) และรายการประเมินที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุดคือ ลวดลาย ของปลอกหมอนมีความสวยงาม โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ( ̅ = 4.98 ) 5.2 อภิปรายผล จากการศึกษาโครงงานเรื่อง ปลอกหมอนจากผ้าปักม้ง ในครั้งนี้สำเร็จตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ เพราะมีการศึกษาการปฏิบัติงานเกี่ยวกับห้องพัก และปฏิบัติตามขั้นตอนการดำเนินงาน โดยรวมสามารถ สรุปได้เป็นรายการดังนี้ 5.2.1 เพื่อสืบทอดความเป็นมาของชนเผ่าม้งให้ผู้คนได้รับรู้ อภิปรายผลได้ว่า ปัจจุบันปลอกหมอน ที่ใช้ตกแต่งโซฟามีลวดลายหลายแบบ และทันสมัย ทำให้คนสมัยนี้ยังไม่ค่อยรู้จัก และไม่เคยเห็นลวดลายอัน สวยงามของผ้าปักม้ง ผู้จัดทำโครงงานจึงอยากสืบทอดลวดลายของผ้าปักม้งให้กับคนรุ่นหลังได้รับรู้และได้ เห็นถึงความสวยงามของผ้าปักม้ง โดยสำรวจจากจากการตอบแบบประเมินความพึงพอใจ ปลอกหมอนจาก
35 ผ้าปักม้ง พบว่า ลวดลายของปลอกหมอนสื่อถึงความเป็นชาวม้ง ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ให้ความ คิดเห็นอยู่ในระดับ มากที่สุด (̅ =4.88) 5.2.2 เพื่อแสดงให้เห็นถึงความสวยงามของลวดลายผ้าปักม้ง อภิปรายผลได้ว่า ในปัจจุบันผ้าปักม้ง มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบลวดลายให้ดูทันสมัยมากขึ้น แต่ลวดลายยังคงสื่อถึงชาวม้ง เพื่อดึงดูดให้คนใน ปัจจุบันสนใจในความสวยงามของลวดลายผ้าปักม้งที่ดูทันสมัยมากขึ้น โดยรวบรวมข้อมูลจากการสำรวจ การตอบแบบประเมินความพึงพอใจ พบว่า ลวดลายของปลอกหมอนมีความสวยงาม ผู้ตอบแบบสอบถาม ส่วนใหญ่ให้ความคิดเห็นอยู่ในระดับ มากที่สุด (̅ =4.98) 5.2.3 เพื่อสร้างความประทับใจให้กับแขกที่เข้าพัก อภิปรายผลได้ว่า ผู้จัดทำได้นำหมอนที่ใส่ปลอก หมอนจากผ้าปักม้งมาวางไว้บนโซฟาโซนรับแขก จากนั้นจัดหมอนให้เป็นระเบียบเพื่อความเรียบร้อย และ สวยงาม เพื่อแขกที่เข้ามาพักจะได้เห็นถึงความสวยงามของปลอกหมอนจากผ้าปักม้ง โดยรวบรวมข้อมูลจาก การสำรวจการตอบแบบประเมินความพึงพอใจ พบว่า ปลอกหมอนสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าที่ เข้ามาพัก ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ให้ความคิดเห็นอยู่ในระดับ มากที่สุด (̅ =4.90) เมื่อผลสรุปผล ออกมาเป็นรายข้อ พบว่า ลวดลายของปลอกหมอนมีความสวยงามอยู่ในระดับ มากที่สุด(̅ =4.98) เนื่องจากลวดลายของผ้า ปักม้งมีความสวยงาม และมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ปลอกหมอนสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าที่เข้ามาพักอยู่ในระดับ มากที่สุด(̅ =4.90) เนื่องจาก ปลอกหมอนมีความสวยงาม และเป็นที่น่าดึงดูดของลูกค้าที่เข้ามาพัก จึงทำให้ปลอกหมอนสร้างความประทับใจ ให้กับลูกค้าที่เข้ามาพัก ลวดลายของปลอกหมอนสื่อถึงความเป็นชาวม้งอยู่ในระดับ มากที่สุด (̅ =4.88) เนื่องจาก ลวดลายของปลอกหมอนถูกออกแบบมาเพื่อแสดงถึงความเป็นเอกลักษณ์และความเป็นม้งที่มีความสำคัญ ต่อชุมชน ปลอกหมอนมีความหนานุ่มอยู่ในระดับ มากที่สุด (̅ =4.85) เนื่องจากปลอกหมอนทำมาจากวัสดุ ผ้าที่ไม่มีความแข็งมากจึงทำให้ปลอกหมอนมีความนุ่ม ปลอกหมอนทำให้เกิดความสวยงามของสถานที่อยู่ในระดับ มากที่สุด (̅ =4.83) เนื่องจาก ปลอกหมอนมีความสวยงาม และโดดเด่นในลวดลายของผ้าปักม้ง
36 ปลอกหมอนทำให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อยขึ้นอยู่ในระดับ มากที่สุด (̅ =4.83) เนื่องจากการ ใส่ปลอกหมอนทำให้เกิดความเป็นระเบียบมากขึ้น ปลอกหมอนสามารถนำไปใช้ได้จริงอยู่ในระดับ มากที่สุด(̅ =4.83) เนื่องจากได้ผ่านการทดลองใช้ แล้ว จึงรู้ว่าใช้ได้จริงตามที่คาดไว้ ภาพรวมของปลอกหมอนอยู่ในระดับ มากที่สุด (̅ =4.80) เนื่องจากปลอกหมอนมีลวดลายที่สวย และ มีเอกลักษณ์ที่สื่อถึงความเป็นชาวม้งมาก ขนาดของปลอกหมอนมีความพอดีกับการใช้งานอยู่ในระดับ มากที่สุด (̅ =4.75) เนื่องจากขนาดของ ปลอกหมอนมีขนาดพอดีกับหมดที่วางไว้บนโซฟา จึงทำให้การใช้งานมีความสะดวกในการใช้ ผ้าที่ใช้ทำปลอกหมอนเหมาะกับการทำปลอกหมอนอยู่ในระดับ มาก (̅ =4.33) เนื่องจากผ้าที่ นำมาใช้ทำปลอกหมอนมีความหนาหนุ่ม และไม่แข็งเกินไป อ้างอิงจากการสำรวจผู้ตอบแบบสอมถามที่เลือก รูปแบบมากที่สุด 5.3 ข้อเสนอแนะในการศึกษา 5.3.1 ข้อเสนอแนะ การศึกษาโครงงานเรื่อง “ ปลอกหมอนจากผ้าปักม้ง ” ปัญหาที่เจอคือ ในการออกแบบ ปลอกหมอนมีความยากในการออกแบบส่วนของลวดลายปลอกหมอน เพราะลวดลายของผ้าปักม้งมี ลวดลายที่ซับซ้อนค่อยข้างมาก จึงต้องมีการปรับเปลี่ยนลวดลายให้ดูง่าย ไม่ซับซ้อนเกินไป และมีความ ทันสมัยมากขึ้นจากเดิม 5.3.2 ข้อเสนอแนะในการศึกษาครั้งต่อไป การศึกษาโครงงานเรื่อง “ ปลอกหมอนจากผ้าปักม้ง ” โดยรวมพบว่า ปลอกหมอนจากผ้าปักม้ง มีลวดลายที่สวยงามอยู่แล้ว แต่สีของปลอกหมอนมีความโดดเด่นเกินไป และควรปรับสีของผ้าให้จางลง
บรรณานุกรม อ้างอิงจากเว็บไซต์ “ประวัติความเป็นมาของผ้าปักม้ง” (ระบบออนไลน์) แหล่งข้อมูล https://www.sacit.or.th/uploads/items/attachments/สืบค้น 3 พฤศจิกายน 2566 “ความรู้เกี่ยวกับหมอนองโซฟา” (ระบบออนไลน์) แหล่งข้อมูล ที่มา https://nocnoc.com/blog/5-tips-to-choose-cushion-for-your-living-room สืบค้น 17 พฤศจิกายน 2566 “ความรู้เกี่ยวกับหมอนพิง” (ระบบออนไลน์) แหล่งข้อมูล https://www.dohome.co.th/th/installment/home-lifestyles สืบค้น 17 พฤศจิกายน 2566 “ความรู้เกี่ยวกับลวดลายของผ้าปักม้ง” (ระบบออนไลน์) แหล่งข้อมูล https://communityarchive.sac.or.th/community/rajaprajanugroh/ สืบค้น 17 พฤศจิกายน 2566 “อุปกรณ์ที่ใช้ในการทำปลอกหมอนจากผ้าปักม้ง” (ระบบออนไลน์) แหล่งข้อมูล https://jigsawinnovation.com/cme5/osop/product/ สืบค้น 17 พฤศจิกายน 2566 แหล่งข้อมูล https://www.dobbytexfabric.com/blogrp สืบค้น 17 พฤศจิกายน 2566 แหล่งข้อมูล https://www.unlockmen.com/linen-fabric/ 17 พฤศจิกายน 2566 แหล่งข้อมูล https://tum-mue.blogspot.com/2018/09/blog-post_18.html สืบค้น 17 พฤศจิกายน 2566 แหล่งข้อมูล https://auto-sewing.com สืบค้น 17 พฤศจิกายน 2566 แหล่งข้อมูล https://pinnshop.com/product/ สืบค้น 17 พฤศจิกายน 2566 แหล่งข้อมูล https://pinnembroidery.com/accessories-embroidered/ สืบค้น 17 พฤศจิกายน 2566 แหล่งข้อมูล https://th.aliexpress.com/i/32856875209.htmlสืบค้น 17 พฤศจิกายน 2566 แหล่งข้อมูล https://www.vanidaquilts.com/th/products/สืบค้น 17 พฤศจิกายน 2566 แหล่งข้อมูล https://th.bordadorasorder.com/single-head-embroidery-machine/ สืบค้น 17 พฤศจิกายน 2566
รัชชานนท์ ใจหมื่น (2566) การพัฒนาระบบจัดการผ้ากะเหรี่ยงมีวัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนาระบบร้านขาย สินค้า OTOP ประเภท เสื้อกะเหรี่ยง กระเป๋า ผ้าทอกำไล แบบออนไลน์ แหล่งข้อมูล https://li02.tci-thaijo.org/index.php/STC/article/view/ สืบค้น 1 ธันวาคม 2565 ปาริชาต เกษมสุข (2566) บทความวิจัยผ้าทอไทลื้อสื่อศรัทธาสู่ศิลปะร่วมสมัย แหล่งข้อมูล https://so03.tci-thaijo.org/index.php/journal-peace/article/view/264298 สืบค้น 1 ธันวาคม 2565 ไอรดา สุดสังข์ (2566) บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของงานวิจัย เรื่องการออกแบบอัตลักษณ์ ผ้าไหมมัดหมี่ บ้านลานไผ่ จังหวัดกำแพงเพชร ตามแนวคิดเศรษฐกิจสร้างสรรค์ แหล่งข้อมูลhttps://so02.tci-thaijo.org/index.php/JRKSA/article/view/265236 สืบค้น 1 ธันวาคม 2565 วราภรณ์ บันเล็งลอย (2565) การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อออกแบบและตัดเย็บเสื้อผ้าชุดครอบครัว มุสลิมจากผ้าปาเต๊ะ แหล่งข้อมูล http://journalgrad.ssru.ac.th/index.php/8thconference/article/view/1101 สืบค้น 1 ธันวาคม 2565 ธวัชชัย จิตวารินทร์ (2565) การวิจัยครั้งนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสมบัติทางกายภาพของผ้าทอผสม เส้นใยจากก้านช่อดอกชก และ 2) ศึกษาความพึงพอใจที่มีต่อผ้าทอผสมเส้นใยก้านช่อดอกชก ผลการวิจัย พบว่า ผ้าทอผสมเส้นใยก้านช่อดอกชกที่พัฒนาขึ้นใช้เส้นใยก้านช่อดอกชกเป็นเส้นด้ายพุ่งในการทอผสมกับ เส้นฝ้ายที่ใช้เป็นเส้นด้ายยืน ผิวสัมผัสมันวาวเล็กน้อย ลักษณะผิวสัมผัสค่อนข้างหยาบ จึงเหมาะที่จะนำไปใช้ ในการพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์สิ่งทอสำหรับตกแต่ง แหล่งข้อมูล https://so06.tci-thaijo.org/index.php/vrurdistjournal/article/view/256646 สืบค้น 1 ธันวาคม 2565 รสา สุนทรายุทธ (2565) โครงการวิจัยการออกแบบผลิตภัณฑ์และการบริการสำหรับชุมชนหัตถกรรม ท้องถิ่นผ้าจก ไทยวน จังหวัดราชบุรี แหล่งข้อมูล https://ojs.lib.buu.ac.th/index.php/art/article/view/7209 สืบค้น 1 ธันวาคม 2565
ภาคผนวก
ภาคผนวก ก แบบเสนอโครงร่างโครงงาน