หนังสืออ่านเพิ่มเติม เกร็ดความรู้ เรื่อง บทพากย์เอราวัณ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ผู้เรียบเรียง วรากร บัวกิ่ง ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะครูชำนาญการ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โรงเรียนวังวิเศษ อำเภอวังวิเศษ จังหวัดตรัง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาตรัง กระบี่
หนังสืออ่านเพิ่มเติม เกร็ดความรู้ เรื่อง บทพากย์เอราวัณ หนังสืออ่านเพิ่มเติม เกร็ดความรู้ เรื่อง บทพากย์เอราวัณ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ผู้เรียบเรียง วรากร บัวกิ่ง ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะครูชำนาญการ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โรงเรียนวังวิเศษ อำเภอวังวิเศษ จังหวัดตรัง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาตรัง กระบี่
หนังสืออ่านเพิ่มเติม เกร็ดความรู้ เรื่อง บทพากย์เอราวัณ คำนำ หนังสืออ่านเพ่ิมเติม เกร็ดความรู้เร่ือง บทพากย์เอราวัณ ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี๓ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เล่มนี้ จัดท าขึ้นเพื่อใช้ในการจัดการเรียนรู้รายวิชาภาษาไทย พ้ืนฐาน ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี๓ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือให้ นักเรียนได้ศึกษาเกร็ดความรู้ด้านต่าง ๆ ท่ีปรากฏในเน้ือหาวรรณคดีบทพากย์เอราวัณ อย่างละเอียด มุ่งเน้นให้นักเรียนเป็นผู้ค้นพบองค์ความรู้ด้วยตัวเอง โดยสามารถสรุปเนื้อหา ความรู้ ข้อคิด และวิเคราะห์คุณค่าจากวรรณคดีเรื่องบทพากย์เอราวัณได้ ซึ่งเป็นไปตาม มาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวัด ในสาระวรรณคดีและวรรณกรรมท่กีา หนดไว้ในหลักสตูร หนังสืออ่านเพิ่มเติม เกร็ดความรู้ เรื่อง บทพากย์เอราวัณ แบ่งเนื้อหาออกเป็น ๓ ตอน ได้แก่ ตอนที่ ๑ เปิ ดวิสูตรบทพากย์ ประกอบด้วย ความรู้ท่ัวไปเก่ียวกับบทพากย์เอราวัณ และเกรด็ความรู้เก่ยีวกบัตัวละครสา คัญท่ปีรากฏในเน้ือเร่ือง ตอนที่ ๒ อินทรชิตบิดเบือนกายิน ประกอบด้วย เกรด็ความรู้เก่ียวกับช้างเอราวัณ เครื่องประดับของช้าง การจัดทัพของอินทรชิต ประเภทของเทวดา และตอนที่ ๓ องค์อนุชานารายณ์ ประกอบด้วย เกร็ดความรู้เก่ียวกับ เครื่องสูงของกษัตริย์ส่วนประกอบของราชรถ เกร็ดความรู้เก่ียวกับเขาสัตภัณฑ์และ เกร็ดความรู้เก่ียวกับศรพรหมาสตร์ นอกจากนี้ท้ายเนื้อหายังประกอบด้วยกิจกรรมเสริม การเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรียนได้ฝึ กปฏิบัติสรุปเนื้อหา วิเคราะห์เนื้อหา น าความรู้และข้อคิด ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริงได้ ผู้จัดท าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าหนังสืออ่านเพิ่มเติม เกร็ดความรู้ เรื่อง บทพากย์เอราวัณ เล่มน้ีสามารถเป็นส่ือท่ีให้ความรู้เก่ียวกับเร่ืองราวต่าง ๆ ท่ีปรากฏในวรรณคดีบทพากย์ เอราวัณ ซึ่งน ามารวบรวมไว้ให้นักเรียนได้ศึกษาเรียนรู้ จนสามารถพัฒนาให้นักเรียนเกิดองค์ ความรู้ท่นอกเหนือจากเนื้อหาในบทเรียน และบรรลุเป้ าหมายของหลักสูตรได้เป็นอย่างดี ี วรากร บัวกิ่ง ๒๕๖๖
หนังสืออ่านเพิ่มเติม เกร็ดความรู้ เรื่อง บทพากย์เอราวัณ สารบัญ เรื่อง หน้า ค าแนะน าส าหรับครู ๑ ค าแนะน าส าหรับนักเรียน ๒ มาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัด สาระส าคัญ จุดประสงค์การเรียนรู้ ๓ แบบทดสอบก่อนเรียน ๔ ตอนท่ี๑ เปิดวิสตูรบทพากย์๙ ความรู้ท่วัไปเก่ยีวกบับทพากยเ์อราวัณ ๑๑ ตัวละครส าคัญ ๑๗ แบบฝึกหัดตอนท่ี๑ ๒๓ ตอนท่ี๒ อนิทรชิตบิดเบือนกายิน ๒๕ ช้างเอราวัณ ๒๗ เครื่องประดับของช้าง ๓๐ การจัดทัพ ๓๖ ประเภทของเทวดา ๔๒ แบบฝึกหัดตอนท่ี๒ ๖๑ ตอนท่ี๓ องค์อนุชานารายณ์ ๖๓ เครื่องสูงของกษัตริย์ ๖๕ ราชรถ ๗๒ เขาสัตภัณฑ์ ๗๖ ศรพรมาสตร์ ๗๘ แบบฝึกหัดตอนท่ี๓ ๘๓ กิจกรรมเสริมการเรียนรู้ ๘๕ แบบทดสอบหลังเรียน ๙๒ เฉลยแบบฝึกหัด ๙๗ เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน ๑๐๐ บรรณานุกรม ๑๐๑ บรรณานุกรมสื่อออนไลน์ ๑๐๖ บรรณานุกรมภาพประกอบ ๑๐๘
๑ หนังสืออ่านเพิ่มเติม เกร็ดความรู้ เรื่อง บทพากย์เอราวัณ คำแนะนำสำหรับครู เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการจัดการเรียนรู้โดยใช้หนังสืออ่านเพิ่มเติม เกร็ดความรู้ เรื่อง บทพากย์เอราวัณ สา หรับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี๓ ครูผู้สอนควรปฏบิัติตามคา แนะนา ดังน้ี ๑. จัดบรรยากาศห้องเรียนให้เอื้อต่อการเรียนรู้ และจัดเตรียมค าแนะน าส าหรับนักเรียน แบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน กระดาษค าตอบ ใบความรู้ ใบกิจกรรม และสื่อประกอบการจัด การเรียนอื่น ๆ ให้ครบถ้วน ๒. ชี้แจงสาระส าคัญ ตัวชี้วัด จุดประสงค์การเรียนรู้ และมอบหมายให้นักเรียนศึกษาค าแนะน า ให้เข้าใจ เพื่อให้นักเรียนได้ทราบขอบเขตเนื้อหาสาระและแนวทางในการเรียนรู้ ๓. ทดสอบความรู้ก่อนเรียนของนักเรียน โดยใช้แบบทดสอบก่อนเรียน ซึ่งเป็นแบบทดสอบชนิด เลือกตอบ ๔ ตัวเลือก จ านวน ๓๐ ข้อ ใช้เวลา ๓๐ นาที ๔. ด าเนินการจัดการเรียนรู้ตามข้ันตอนในแผนการจัดการเรียนรู้โดยครูมีหน้าท่ใีห้ข้อเสนอแนะ ให้ค าปรึกษา และอ านวยความสะดวกในการจัดการเรียนรู้ ๕. ในขณะท่ีนักเรียนปฏิบัติกิจกรรมและท าแบบฝึกหัด ครูควรให้การดูแลนักเรียนอย่างทั่วถึง และให้ค าแนะน ากรณีท่ีนักเรียนไม่เข้าใจในกิจกรรมต่าง ๆ และพยายามกระตุ้นให้นักเรียนปฏิบัติ กจิกรรมด้วยตนเองให้มากท่สีดุ ๖. เมื่อนักเรียนศึกษาเรียนรู้โดยใช้หนังสืออ่านเพิ่มเติมเสร็จเรียบร้อยแล้ว ควรให้นักเรียน ช่วยกนัสรุปประเดน็สาระสา คัญของเน้ือหา และความรู้ท่ไีด้รับจากการศึกษาเรียนรู้ด้วยตนเอง ๗. ทดสอบความรู้หลังเรียน เมื่อนักเรียนศึกษาและท าแบบฝึกหัดครบถ้วนเสร็จสิ้นเรียบร้อย แล้ว โดยใช้แบบทดสอบหลังเรียน ซึ่งเป็ นแบบทดสอบชนิดเลือกตอบ ๔ ตัวเลือก จ านวน ๓๐ ข้อ ใช้เวลา ๓๐ นาที ๘. เฉลยค าตอบของแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน พร้อมทั้งบันทึกคะแนนของนักเรียน แต่ละคนไว้ เพื่อประเมินความก้าวหน้าในการเรียน ๙. หากมีนักเรียนท่ท าแบบฝึกหัด ี และท าแบบทดสอบหลังเรียน ได้คะแนนต ่ากว่าเกณฑ์ ครูควร มอบหมายให้นักเรียนศึกษาหนังสืออ่านเพิ่มเติมอีกครั้ง โดยใช้เวลาว่างจากการเรียน จนกว่านักเรียน จะท าแบบฝึกหัดและทา แบบทดสอบหลังเรียนผ่านเกณฑท์ ่กีา หนด ๑๐. หลังจากเรียนจบในแต่ละแผนการจัดการเรียนรู้ ครูและนักเรียนควรร่วมกันสรุปผลการใช้ หนังสืออ่านเพ่ิมเติม ให้ข้อเสนอแนะ อุปสรรคปัญหาท่ีเกิดข้ึนหลังใช้หนังสืออ่านเพิ่มเติม เพื่อน าไป ปรับปรุงในการใช้ครั้งต่อไป
๒ หนังสืออ่านเพิ่มเติม เกร็ดความรู้ เรื่อง บทพากย์เอราวัณ คำแนะนำสำหรับนักเรียน หนังสืออ่านเพิ่มเติม เกร็ดความรู้ เรื่อง บทพากย์เอราวัณ สา หรับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี๓ ประกอบเน้ือหาออกเป็น ๓ ตอน ได้แก่ตอนท่ี๑ เปิดวิสูตรบทพากย์ตอนท่ี๒ อินทรชิตบิดเบือนกายิน และตอนท่ี๓ องค์อนุชานารายณ์นอกจากน้ีท้ายบทยังมีกิจกรรมเสริมการเรียนรู้เพื่อให้นักเรียนได้ฝึก ปฏิบัติสรุปเนื้อหา ความรู้ ข้อคิดน าไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริงได้ ในการใช้หนังสืออ่านเพิ่มเติมนักเรียน ควรปฏิบัติตามค าแนะน า ดังนี้ ๑. อ่านมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัด จุดประสงค์การเรียนรู้ ก่อนลงมือศึกษาและปฏิบัติกิจกรรม ๒. อ่านค าอธิบายให้เข้าใจและปฏิบัติกิจกรรมตามล าดับ ๓. ท าแบบทดสอบความรู้ก่อนเรียน จ านวน ๓๐ ข้อ ใช้เวลา ๓๐ นาทีลงในกระดาษคา ตอบท่ี เตรียมไว้ให้ ๔. ศึกษาความรู้จากหนังสืออ่านเพิ่มเติม และท าแบบฝึกหัดตามล าดับ ๕. เมื่อท าแบบฝึกหัดเสร็จสิ้นในแต่ละครั้ง ให้เปิ ดดูเฉลยท้ายเล่ม และตรวจค าตอบว่าถูกต้อง หรือไม่ หากตอบผิด หรือไม่แน่ในกลับไปศึกษาความรู้ในเนื้อหาใหม่อีกครั้ง ๖. ท าแบบทดสอบความรู้หลังเรียน จ านวน ๓๐ ข้อ ใช้เวลา ๓๐ นาทีลงในกระดาษคา ตอบท่ี เตรียมไว้ให้ ๗. ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยตนเอง ๘. เปรียบเทียบความก้าวหน้าของตนเอง ๙. ส่งแบบฝึกหัด ใบงาน ชิ้นงาน กระดาษค าตอบ ให้ครูผู้สอนอีกครั้ง เพื่อตรวจค าตอบอีก ครั้งหนึ่ง และบันทึกคะแนนเก็บระหว่างเรียน และคะแนนแบบทดสอบ ๑๐. หากนักเรียนท าแบบฝึ กหัด และท าแบบทดสอบหลังเรียนได้คะแนนต ่ากว่าเกณฑ์ ให้นักเรียนศึกษาความรู้จากเนื้ อหาในหนังสืออ่านเพิ่มเติมอีกครั้ง โดยใช้เวลาว่างจากการเรียน ท าแบบฝึกหัด และทา แบบทดสอบใหม่อกีคร้ังจนกว่าจะผ่านเกณฑท์ ่กีา หนดไว้
๓ หนังสืออ่านเพิ่มเติม เกร็ดความรู้ เรื่อง บทพากย์เอราวัณ มาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัด สาระสำคัญ จุดประสงค์การเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเห็น คุณค่าและน ามาประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง ตัวชี้วัด ท ๕.๑ ม.๓/๑ สรุปเน้ือหาวรรณคดีวรรณกรรมและวรรณกรรมท้องถ่ินในระดบัท่ยีากย่ิงข้นึ ท ๕.๑ ม.๓/๒ วิเคราะห์วิถีไทยและคุณค่าจากวรรณคดีและวรรณกรรมท่อี่าน ท ๕.๑ ม.๓/๓ สรุปความรู้และข้อคิดจากการอ่านเพื่อน าไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง สาระสำคัญ บทพากย์เอราวัณ เป็นวรรณคดีท่มีีจุดประสงค์เพ่ือน าไปใช้ในการแสดงโขน โดยได้เค้าโครงเรื่อง มาจาก “รามายณะ” ของอินเดีย การจะเข้าใจเนื้อหาของวรรณคดีเรื่องนี้ได้น้ัน จา เป็นอย่างย่ิงท่นีักเรียน ต้องสรุปเนื้อหาของวรรณคดีเร่ืองน้ใีห้ได้รวมท้งัจะต้องวิเคราะห์วิถีไทยและคุณค่าจากวรรณคดที่อี่าน และ ท้ายสุดต้องสรุปความรู้และข้อคิดท่ีแฝงอยู่ในเน้ือเร่ือง เพ่ือจะได้น าความรู้และข้อคิดไปประยุกต์ใช้ใน ชีวิตประจ าวันให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่น จุดประสงค์การเรียนรู้ ๑. สรุปเนื้อหาวรรณคดีเรื่องบทพากย์เอราวัณได้ ๒. วิเคราะห์วิถีไทยและคุณค่าจากวรรณคดีเรื่องบทพากย์เอราวัณได้ ๓. สรุปความรู้และข้อคิดจากการอ่านเรื่องบทพากย์เอราวัณได้
๔ หนังสืออ่านเพิ่มเติม เกร็ดความรู้ เรื่อง บทพากย์เอราวัณ แบบทดสอบก่อนเรียน เรื่อง บทพากย์เอราวัณ ค ำชี้ แจง : ให้นักเรียนเลือกคา ตอบท่ถีูกเพียงคา ตอบเดียว แล้วกากบาทลงในกระดาษคา ตอบ (มาตรฐาน ท ๕.๑ ม.๓/๑ สรุปเนื้อหาวรรณคดี วรรณกรรม และวรรณกรรมท้องถิ่นในระดับที่ยากยิ่งขึ้น) ๑. เรื่องบทพากย์เอราวัณเป็นส่วนหนึ่งของวรรณคดีเรื่องใด ตอนใด ก. รามเกยีรต์ิตอน ศึกไมยราพ ข. รามเกยีรต์ิตอน ศึกอนิทรชิต ค. รามเกยีรต์ิตอน หนุมานถวายแหวน ง. รามเกยีรต์ิตอน พระลักษณ์ต้องหอกโมกขศักด์ิ ๒. ผู้แต่งบทพากย์เอราวัณคือใคร ก. พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ข. พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ค. พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ง. พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ๓. บทพากย์เอราวัณแต่งด้วยค าประพันธ์ประเภทใด ก. ร่ายยาว ข. กาพย์สุรางคนางค์ ๒๘ ค. กาพย์ยานี ๑๑ ง. กาพย์ฉบัง ๑๖ ๔. บทพากย์ใช้ส าหรับแสดงมหรสพประเภทใด ก. หุ่นละครเล็ก ข. หนังใหญ่และโขน ค. ละครนอก ง. ละครชาตรี ๕. ข้อใดสรุปเนื้อหาเรื่องบทพากย์เอราวัณได้ถูกต้อง ก. พระรามถูกศรพรหมาสตร์ของอินทรชิตกลางสนามรบ ข. พระลักษมณ์ตรัสถามสุครีพว่าพระอินทร์มากลางสนามรบด้วยเหตุอันใด ค. ทศกัณฐ์แปลงกายเป็นพระอินทร์เพื่อมาลวงกองทัพของพระรามให้หลงใหล ง. อินทรชิตแปลงกายเป็นช้างเอราวัณเพื่อมาท าศึกกับพระลักษมณ์ ๖. ข้อใดกล่าวถกูต้องเก่ยีวกบัช้างเอราวัณ ก. ช้างเอราวัณมีหัวทั้งหมด ๓ หัว ข. ช้างเอราวัณมีงาทั้งหมด ๗ งา ค. ช้างเอราวัณมีงาเป็นเพชร ง. ช้างเอราวัณมีกายสีทอง ๗. จากเรื่องบทพากย์เอราวัณ เหตุใดอินทรชิตจึงต้องแปลงกายเป็นพระอินทร์ ก. เพื่อลวงทศกัณฐ์ ข. เพื่อลวงพระลักษมณ์ ค. เพื่อลวงหนุมาน ง. เพื่อลวงพระอินทร์ ๘. อนิทรชิตมีฤทธ์มิากเพราะได้ศรวิเศษมาจากพระผู้เป็นเจ้าต่อไปน้ียกเว้นข้อใด ก. พระอินทร์ ข. พระอิศวร ค. พระพรหม ง. พระนารายณ์
๕ หนังสืออ่านเพิ่มเติม เกร็ดความรู้ เรื่อง บทพากย์เอราวัณ ๙. ข้อใดคือช่ือสระท่อียู่บนงาของช้างเอราวัณ ก. สระอโนดาต ข. สระฉัททันตะ ค. สระโบกขรณี ง. สระรถการะ ๑๐. ตอนสุดท้ายของเรื่องบทพากย์เอราวัณจบลงอย่างไร ก. พระรามสังหารอินทรชิตได้ส าเร็จ ข. พระลักษมณ์ถูกศรพรหมาสตร์สลบไป ค. สุครีพหักคอช้างเอราวัณได้ส าเร็จ ง. อินทรชิตพ่ายแพ้ศึกครั้งนี้แล้วหนีไป (มาตรฐาน ท ๕.๑ ม.๓/๒ วิเคราะห์วิถีไทยและคุณค่าจากวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน) ๑๑. “เมื่อนั้นจึงพระจักรี พอพระสุริย์ศรี อรุณเรืองเมฆา” ค าว่า “พระจักรี” ในท่นี้ีหมายถึงใคร ก. พระราม ข. พระลักษมณ์ ค. ทศกัณฐ์ ง. อินทรชิต ๑๒. “เมื่อนั้นพระศรีอนุชา เอื้อนอรรถวัจนา ตรัสถามสุครีพขุนพล” บทประพันธ์จากเรื่องบทพากย์เอราวัณข้างต้น ค าว่า “พระศรีอนุชำ” หมายถึงใคร ก. อินทรชิต ข. หนุมาน ค. พระลักษมณ์ ง. พระราม ๑๓. “ทัพหน้าอารักขไพรสัณฑ์ ทัพหลังสุบรรณ กินนรนาคนาคา” บทประพันธ์จากเรื่องบทพากย์เอราวัณข้างต้น ค าว่า “สุบรรณ” หมายความว่าอย่างไร ก. ช้าง ข. ครุฑ ค. กามเทพ ง. เทพารักษ์ ๑๔. ค าประพันธ์ในเรื่องบทพากย์เอราวัณข้อใดกล่าวถึงความยิ่งใหญ่ของกองทัพพระราม ก. เสียงพลโห่ร้องเอาชัย เลื่อนลั่นสนั่นใน พิภพเพียงท าลาย ข. เพลารอยพลอยประดับดุมวง กึกก้องก ากง กระทบกระทั่งธรณี ค. อากาศบดบังสุริย์ศรี เทวัญจันทรี ทุกชั้นอ านวยอวยชัย ง. บรรดาโยธาจัตุรงค์ เปล่ียนแปลงกายคง เป็นเทพไทเทวัญ
๖ หนังสืออ่านเพิ่มเติม เกร็ดความรู้ เรื่อง บทพากย์เอราวัณ ๑๕. ค าประพันธ์ในบทพากย์เอราวัณข้อใดหมายถึงพระอินทร์ ก. เหตุไฉนสหัสนัยน์เสด็จดล สมรภูมิไพรสณฑ์ เธอมาด้วยกลอันใด ข. ให้องค์อนุชานารายณ์ เคลิบเคลิ้มวรกาย จะแผลงซึ่งศัสตรศรพล ค. มาตลีสารถีเทวัญ กรกุมพระขรรค์ ขับรถมากลางจัตุรงค์ ง. โลทันสารถีขุนมาร เป็นเทพบุตรควาญ ขับท้ายท่นี่ังช้างทรง ๑๖. จากเรื่องบทพากย์เอราวัณ บทประพันธ์ในข้อใด ใช้โวหารภาพพจน์แบบบุคคลวัต ก. อึงอินทเภรีตีระงม แตรสังข์เสียงประสม ประสานเสนาะในไพร ข. เสียงพลโห่ร้องเอาชัย เลื่อนลั่นสนั่นใน พิภพเพียงท าลาย ค. สัตภัณฑ์บรรพตทั้งหลาย อ่อนเอียงเพียงปลาย ประนอมประนมชมชัย ง. พสุธาอากาศหวาดไหว เนื้อนกตกใจ ซุกซ่อนประหวั่นขวัญหนี ๑๗. จากเรื่องบทพากย์เอราวัณ ค าประพันธ์ในข้อใด ไม่ใช่ บทพรรณนาเก่ยีวกบัธรรมชาติ ก. ผี้งภู่หมู่คณาเหมหงส์ ร่อนราถลาลง แทรกไซ้ในสร้อยสุมาลี ข. ดุเหว่าเร้าเร่งพระสุรีย์ ไก่ขันปีกตี กู่ก้องในท้องดงดาน ค. ปักษาตื่นตาขันขาน หาคู่เคียงประสาน ส าเนียงเสนาะในไพร ง. ตาข่ายเพชรรัตน์ร้อยกรอง ผ้าทิพย์ปกตระพอง ห้อยพู่ทุกหูคชสาร ๑๘. “มยุรฉัตรชุมสายพรายศรี พัดโบกพัชนี กบ่ีระบายโบกลม” คา ประพันธน์ ้ีมีเคร่ืองสงูสา หรับแสดงอสิริยยศ ก่อีย่าง ก. ๑ อย่าง ข. ๒ อย่าง ค. ๓ อย่าง ง. ๔ อย่าง
๗ หนังสืออ่านเพิ่มเติม เกร็ดความรู้ เรื่อง บทพากย์เอราวัณ ๑๙. ค าประพันธ์ต่อไปนี้ใช้โวหารภาพพจน์แบบอุปมา ยกเว้น ข้อใด ก. เสียงพลโห่ร้องเอาชัย เลื่อนลั่นสนั่นใน พิภพเพียงท าลาย ข. จับระบ าร าร่ายส่ายหา ช าเลืองหางตา ท าทีดังเทพอัปสร ค. มีวิมานแก้วงามบวร ทุกเกศกุญชร ดังเวไชยันต์อมรินทร์ ง. อากาศบดบังสุริย์ศรี เทวัญจันทรี ทุกชั้นอ านวยอวยชัย ๒๐. ค าประพันธ์ในข้อใดต่อไปนี้ สะท้อนให้เห็นวัฒนธรรมการท าศึกสงครามในสมัยก่อน ก. บ้างเปิดแกลแก้วแววไว โปรยทิพมาลัย ซ้องสาธุการบูชา ข. อึงอินทเภรีตีระงม แตรสังข์เสียงประสม ประสานเสนาะในไพร ค. เมื่อนั้นอินทรชิตยักษี ตรัสสั่งเสนี ให้จับระบ าร าถวาย ง. เสด็จทรงรถแก้วโกสีย์ ไพโรจน์รูจี จะแข่งซึ่งแสงสุริย์ใส (มาตรฐาน ท ๕.๑ ม.๓/๓ สรุปความรู้และข้อคิดจากการอ่านเพื่อน าไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง) ๒๑. ข้อใดไม่ใช่คา ไวพจน์ท่แีปลว่า "ช้าง" ก. กุญชร ข. หัสดิน ค. ไอยรา ง. พานรินทร์ ๒๒. “เพลารอยพลอยประดับดุมวง กึกก้องก ากง กระทบกระทั่งธรณี” บทประพันธ์ข้างต้น ให้ความรู้เก่ยีวกบัเร่ืองใด ก. เรื่องช้างเอราวัณ ข. เรื่องเทวดา ค. เรื่องราชรถ ง. เรื่องอัญมณี ๒๓. ปุ่ มนูนสองข้างอยู่บนเศียรช้าง เรียกว่าอะไร ก. ชนัก ข. กระวิน ค. ซองหาง ง. ตระพอง ๒๔. เคร่ืองผูกช้าง ทา ด้วยเชือกเป็นปมหรือห่วงห้อยพาดลงมาเพ่ือให้คนท่ขี่ีคอช้างใช้หัวแม่เท้าคีบกันตก เรียกกว่าอะไร ก. ชนัก ข. โตมร ค. กระวิน ง. ซองหาง ๒๕. ข้อใดหมายถึง “ชาวสวรรค์พวกหนึ่ง มีความช านาญการในวิชาดนตรีและขับร้อง” ก. ครุฑ ข. วิทยาธร ค. กินนร ง. คนธรรพ์
๘ หนังสืออ่านเพิ่มเติม เกร็ดความรู้ เรื่อง บทพากย์เอราวัณ ๒๖. “ลอยฟ้ ามาในเวหน รีบเร่งรี้พล มาถึงสมรภูมิชัย” ตัวเลือกใดไม่ได้มีความหมายเช่นเดียวกับค าว่า “เวหน” ก. พยับ ข. โพยม ค. นภาลัย ง. ทิฆัมพร ๒๗. คา ประพันธใ์นข้อใด ให้ความรู้เก่ยีวกบั การจัดทัพ ก. ปีกซ้ายฤาษิตวิทยา คนธรรพ์ปีกขวา ตั้งตามต ารับทัพชัย ข. ช้างนิรมิตฤทธิแรงแข็งขัน เผือกผ่องผิวพรรณ สีสังข์สะอาดโอฬาร์ ค. เครื่องประดับเก้าแก้วโกมิน ซองหางกระวิน สร้อยสายชนักถักทอง ง. วานรส าแดงเดชา หักถอนพฤกษา ถือต่างอาวุธยุทธยง ๒๘. ข้อคิดท่วี่า “คนดีมีคุณธรรมอย่ำงเช่นพระรำมและพระลักษมณ์ แม้แต่เทวดำก็สรรเสริญยกย่อง คนดี” ตรงกับค าประพันธ์ในข้อใด ก. เสียงพลโห่ร้องเอาชัย เลื่อนลั่นสนั่นใน พิภพเพียงท าลาย ข. บ้างเปิดแกลแก้วแววไว โปรยทิพมาลัย ซ้องสาธุการบูชา ค. มาตลีสารถีเทวัญ กรกุมพระขรรค์ ขับรถมากลางจัตตุรงค์ ง. วานรส าแดงเดชา หักถอนพฤกษา ถือต่างอาวุธยุทธยง ๒๙. บุคคลในข้อใดนา ข้อคิดจากเร่ืองบทพากย์เอราวณั ไปใช้ในชีวติ ประจา ได้เหมาะสมท่สีดุ ก. ใบเตยใช้จ่ายเงินอย่างประหยัดไม่ฟุ่ มเฟื อย ข. ใบข้าวพยายามควบคุมตัวเองเมื่อมีอารมณ์โกรธ ค. ใบเฟิร์นชอบช่วยเหลือผู้ท่ลีา บากกว่าตนเองเสมอ ง. ใบบัวศึกษาข้อมูลของครีมหน้าขาวก่อนตัดสินใจซื้อ ๓๐. ข้อใดเป็นข้อคิดท่ไีด้จากบทพากย์เอราวัณ ก. ความประมาทเป็นหนทางแก่ความตาย ข. คนดีตกน ้าไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ ค. ผู้มีความโลภอาจสญูเสยีส่งิท่ตีนมีอยู่แล้ว ง. ความมีปัญญาท าสิ่งใดย่อมประสบผลส าเร็จ
๙ หนังสืออ่านเพิ่มเติม เกร็ดความรู้ เรื่อง บทพากย์เอราวัณ
๑๐ หนังสืออ่านเพิ่มเติม เกร็ดความรู้ เรื่อง บทพากย์เอราวัณ
๑๑ หนังสืออ่านเพิ่มเติม เกร็ดความรู้ เรื่อง บทพากย์เอราวัณ ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับบทพากย์เอราวัณ พระราชประวัติผู้ทรงพระราชนิพนธ์ ภาพที่ ๑ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้ า จุฬาโลกมหาราชกับสมเด็จพระอมรินทรามาตย์บรมราชินี มีพระนามเดิมว่า ฉิม ทรงพระราชสมภพเมื่อ วันท่ี๒๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๓๑๐ เสด็จเถลิงถวัลย์ราชสมบัติใน พ.ศ. ๒๓๕๒ ขณะพระชนมายุได้ ๔๒ พรรษา และเสด็จสวรรคต พ.ศ. ๒๓๖๗ รวมเวลาท่ดีา รงสริิราชสมบัตินาน ๑๖ ปี พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงประกอบพระราชกรณียกิจส าคัญหลายประการ เช่น ด้านการทูต ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ส่งคณะทูตอัญเชิญพระราชสาส์นไปถวายจักรพรรดิเกียเข้งแห่ง อาณาจักรจีน และทรงสร้างสัมพันธไมตรีกับประเทศตะวันตกทั้งอังกฤษและโปรตุเกส ด้านศาสนา ทรงส่ง พระสมณทูตไปประเทศลังกาให้สังคายนาบทสวดมนต์ รวบรวมนักปราชญ์ราชบัณฑิตให้แต่งซ่อมมหาชาติ ค าหลวง จัดให้มีการปรับปรุงการสอบปริยัติธรรมใหม่ ทรงสร้างและปฏิสังขรณ์วัดหลายแห่ง นอกจากนี้ ยังทรงฟื้ นฟูประเพณีวิสาขบูชาให้เป็นพิธีหลวง
๑๒ หนังสืออ่านเพิ่มเติม เกร็ดความรู้ เรื่อง บทพากย์เอราวัณ ในด้านศิลปวัฒนธรรม พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงท านุบ ารุงศิลปะทุกประเภท ให้เจริญรุ่งเรือง เช่น งานประติมากรรม พระองค์ทรงปั้นหุ่นพระพักตร์ของพระพุทธธรรมมิศรราชโลกธาตุ ดิลก พระประธานในพระอุโบสถวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร อันเป็นพระพุทธรูปท่ีสา คัญย่ิงองค์ หนึ่งของไทยด้วยพระองค์เอง งานดนตรี พระองค์ทรงพระราชนิพนธ์เพลงบุหลันลอยเลื่อน หรือบุหลัน (เลื่อน)ลอยฟ้ า แต่ต่อมามักจะเรียกว่าเพลงทรงพระสุบิน เพราะเพลงมีนี้มีก าเนิดมาจากพระสุบินของ พระองค์เอง ด้านกวีนิพนธ์ พระองค์มีพระราชนิพนธ์ท่ีเป็นบทกลอนมากมาย ทรงเป็นยอดกวีด้านการแต่ง บทละครท้งัละครในและละครนอก มีหลายเร่ืองท่มีีอยู่เดิมและทรงนา มาแต่งใหม่เพ่ือให้ใช้ในการแสดงได้ เช่น รามเกียรต์ิอุณรุท และอิเหนา โดยเร่ืองอิเหนาน้ีเร่ืองเดิมมีความยาวมาก ได้ทรงพระราชนิพนธ์ใหม่ ต้ังแต่ต้นจนจบ เป็นเร่ืองยาวท่ีสุดของพระองค์วรรณคดีสโมสรในรัชกาลท่ี๖ ได้ยกย่องให้เป็นยอด บทละครรา ท่แีต่งดียอดเย่ียมท้งัเน้ือความ ทา นองกลอนและกระบวนการเล่นท้งัร้องและรา นอกจากน้ียังมี ละครนอกอื่น ๆ เช่น ไกรทอง สังข์ทอง ไชยเชษฐ์ หลวิชัยคาวี มณีพิชัย สังข์ศิลป์ ชัย ได้ทรงเลือกเอา ของเก่ามาทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นใหม่บางตอน และยังทรงพระราชนิพนธ์บทพากย์โขนอีกหลายชุด เช่น ชุดนางลอย ชุดนาคบาศ และชุดพรหมาสตร์ ซึ่งล้วนมีความไพเราะซาบซึ้งเป็นอมตะใช้แสดงมาจนทุกวันนี้ พระอัจฉริยภาพด้านวรรณกรรมนี้เองท าให้องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่ง สหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก (UNESCO)ประกาศยกย่องให้ทรงเป็นบุคคลดีเด่นของโลกด้านวัฒนธรรม เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๑ นอกจากจะทรงเป็นอัครศิลปินแล้ว ยังทรงเป็นผู้อุปถัมภ์กวีในราชส านักหลายคนซึ่งได้ สร้างผลงานทางวรรคดีไว้ให้รุ่นหลังได้รู้จักในยุคต่อมา ได้แก่ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ สุนทรภู่ และ นายนรินทร์ธิเบศร์ (อิน) จนกล่าวได้ว่า รัชสมัยของพระองค์เป็น “ยุคทองแห่งวรรณคดี” และเนื่องด้วย พระองค์ทรงเป็นศิลปินหลายแขนง ทางราชการจึงประกาศให้วันคล้ายวันพระราชสมภพ คือ วันท่ี๒๔ กุมภาพันธ์ของทุกปีเป็นวัน “ศิลปินแห่งชาติ” ๑. ศึกษาเพิ่มเติม
๑๓ หนังสืออ่านเพิ่มเติม เกร็ดความรู้ เรื่อง บทพากย์เอราวัณ เนื้อเรื่องย่อ รามเกียรติ์ ตอน ศึกอินทรชิต รามเกียรต์ิเป็นวรรณกรรมท่ีมีเค้าโครงมาจากเร่ืองรามายณะของอินเดีย มีเน้ือหาเก่ียวกับ การท าศึกระหว่างพระรามกับทศกัณฐ์ เพื่อแย่งชิงนางสีดาผู้เป็นชายาของพระรามซึ่งทศกัณฐ์ลักพาตัว มาไว้ณ กรุงลงกา ทศกัณฐ์ได้ให้ลูกหลานและญาติของตัวเองออกรบกับพระรามหลายครั้งหลายคราและ เป็นฝ่ ายพ่ายแพ้เสมอมา จนถึงคราวให้อินทรชิตผู้เป็นโอรสของตนเองออกรบกับกองทัพพระราม ซึ่ง อินทรชิตได้ออกรบกับกองทัพของพระรามถึงส่ครั้ง ี ในศึกครั้งแรกของอินทรชิตนั้น ทศกัณฐ์ได้สั่งให้ไปแก้แค้นแทนกุมภกรรณ ฝ่ ายพระรามให้ พระลักษมณ์ออกรบ ศึกครั้งนี้อินทรชิตต้องศรพลายวาตของพระลักษมณ์เป็นฝ่ ายพ่ายแพ้ไป อินทรชิต คิดว่าศัตรูมีก าลังกล้าแข็งมาก จึงท าพิธีชุบศรนาคบาศ โดยให้ฝูงนาคมาคายพิษลงบนศรเป็นเวลาเจ็ดวัน จึงจะเสร็จพิธี พระรามรู้ว่าอินทรชิตไม่ยก ทัพมาเพราะไปตั้งพิธีชุบศรนาคบาศใน โพรงไม้โรทนัท่เีขาอากาศ กใ็ห้ชามพูวราช แปลงเป็นหมีไปกัดไม้ท่อีาศัยทา พิธีให้หัก โค่นลง การเรียกพิษนาคจึงไม่ต่อเนื่อง อ านาจจึงเสื่อม ท าให้พิธีชุบศรนาคบาศ ของอินทรชิตไม่ส าเร็จ ศึกคร้ังท่ีสอง เมื่อฝ่ ายอินทรชิต เสียพิธีแล้ ว จึงไปยังเขามรกตเพื่อไป สมทบกับทัพวิรุญมุข พระรามได้ ให้ พระลักษมณ์ออกไปรบอีก แต่ถูกศร นาคบาศของอินทรชิต พิเภกกลับมาบอก พระรามว่า พระลักษมณ์ต้องศรนาคบาศแต่ยังไม่ตาย ให้พระรามแผลงศรพลายวาตไปเรียกพระยาครุฑมา เหล่าพญานาคก็จะหนีไป พระลักษมณ์และไพร่พลลิงก็จะฟื้ น ศึกคร้ังท่สีาม หลังจากท่อีนิทรชิตใช้ศรนาคบาศไม่ได้ผล เพราะพิเภกบอกแก้กล คราวนี้อินทรชิต ได้ไปชุบศรพรหมมาสตร์ท่ีริมหาดมณีมรกต เมื่ออินทรชิตกลับมารบใหม่ ได้แปลงตัวเป็นพระอินทร์ เหล่ายักษ์แปลงเป็นเทวดา การุณราชแปลงเป็นช้างเอราวัณ ยกทัพมาเพื่อลวงกองทัพพระราม ในศึกครั้งนี้ อินทรชิตสามารถแผลงศรพรหมาสตร์ต้องพระลักษมณ์ได้ส าเร็จ แต่พิเภกแก้ไขโดยให้หนุมานไปหายาจาก ภูเขามาแก้ศรพิษได้จึงท าให้พระลักษมณ์ฟื้ นขึ้นมา ภาพที่ ๒ ชามพูวราชทำลายพิธีชุบศร
๑๔ หนังสืออ่านเพิ่มเติม เกร็ดความรู้ เรื่อง บทพากย์เอราวัณ ศึกคร้ังท่ีส่ีอินทรชิตทา พิธี“กุมภนิยา” คือพิธีชุบกายให้คงกระพัน ฆ่าไม่ตาย พระรามจึงให้ พระลักมษณ์พร้อมพิเภกคุมกองทัพไปท าลายพิธีดังกล่าว ระหว่างสู้รบกัน อินทรชิตบาดเจ็บสาหัสจึงหนี กลับกรุงลงกา และได้ดื่มน ้านมจากนางมณโฑผู้เป็นแม่ ซึ่งได้รับพรจากพระแม่อุมาท่ตีนเคยรับใช้ใกล้ชิด ให้น ้านมจากถันเป็นน ้าทิพย์ใช้ชุบชีวิตได้ จึงท าให้ร่างกายอินทรชิตฟื้ นคืนเป็นปกติ อินทรชิตออกไปรบ อีกครั้ง เมื่อร ่าลาพ่อแม่และลูกเมียแล้ว ได้น า “ศรสุรกานต์” ของทศกัณฐ์ไปรบด้วย แต่ศึกครั้งนี้กลับเป็น ศึกครั้งสุดท้าย เพราะอินทรชิตได้ถูกศรของพระลักษมณ์ตัดคอขาดถึงแก่ความตายกลางอากาศ พิเภกให้ องคตไปขอพานแว่นฟ้ ามาจากพระพรหมมารองรับศีรษะอินทรชิตไม่ให้ ตกไปยังพื้ นดินจนเกิด ไฟบรรลัยกัลป์ ขึ้น จากนั้นพระรามยังได้แผลงศรเผาท าลายศีรษะนั้นจนหมดสิ้น เนื้อเรื่องย่อ บทพากย์เอราวัณ บทพากย์เอราวัณนั้นเป็ นเรื่องราวการท าศึกคร้ังท่ีสามของศึกอินทรชิต กล่าวถึงอินทรชิต แปลงกายเป็ นพระอินทร์เพื่อออกสู้รบกับกองทัพของพระราม โดยมีการพรรณนาความงดงามและ ความยิ่งใหญ่ของช้างเอราวัณซึ่งเป็นช้างทรงของพระอินทร์ว่ามี ๓๓ เศียร แต่ละเศียรมี ๗ งา แต่ละงามีสระบัว ๗ สระ สระบัวแต่ละสระมีกอบัว ๗ กอ กอบัวแต่ละกอมีดอกบัว ๗ ดอก ดอกบัวแต่ละดอกมี ๗ กลีบ แต่ละกลีบบัว มีเทพธิดา ๗ องค์ แต่ละองค์มีบริวาร ๗ นาง และนอกจากนี้ยังกล่าวถึง เครื่องประดับของช้างท่ีตกแต่งด้วยแก้วนพรัตน์และประกอบผ้าทิพย์ ท่ีทา ด้วยเพชรคลุมตระพองช้าง มีชนัก กระวิน และซองหางท่ีทา ด้วยทอง นอกจากน้ียังมีพู่หูห้อยท่หีูของช้างเอราวัณทุกคู่ โดยยักษ์ชื่อโลทันแปลงกาย เป็นเทพบุตรทา หน้าท่เีป็นควาญช้างน่ังท้ายช้างทรง จากนั้นกล่าวพรรณนา การจัดทัพของอินทรชิต ประกอบด้วยทัพหน้า คือ เทพารักษ์ ทัพหลัง คือ ครุฑ กินนร นาค ปี กขวา คือ คนธรรพ์ ปี กซ้าย คือ วิทยาธร เทวดาแปลง ทุกตนล้วนถืออาวุธครบครัน ๒. ศึกษาเพิ่มเติม ภาพที่ ๓ ช้างเอราวัณ
๑๕ หนังสืออ่านเพิ่มเติม เกร็ดความรู้ เรื่อง บทพากย์เอราวัณ ต่อจากนั้นได้กล่าวถึงกองทัพของพระราม โดยมีการพรรณนาธรรมชาติยามเช้าเมื่อพระอาทิตย์ขึ้น มีลมพัดกลิ่นดอกไม้หอมตลบอบอวล มีฝูงผึ้งแมลงภู่ก าลังดูดน ้าหวานจากเกสรดอกไม้ ฝูงนก ไก่ขัน ประสานเสียงดังก้องทั่วป่ า และบรรยายถึงพระรามตื่นขึ้นมาเพื่อเสด็จออกรบ มีการพรรณนาความยิ่งใหญ่ ของกองทัพพระราม ในการเคลื่อนก าลังพลและเสียงพลทหารโห่ร้องดังสนั่นราวกับแผ่นดินจะพังทลาย เทพเทวดานางฟ้ าบนสวรรค์ต่างโปรยดอกไม้อ านวยอวยพรให้แก่กองทัพพระราม ตอนสุดท้ายของบทพากย์เอราวัณ กล่าวถึงพระลักษมณ์ออกรบกับกองทัพพระอินทร์แปลง พระลักษมณ์ได้ถามสุครีพว่าเหตุใดพระอินทร์จึงเสด็จมายังสนามรบ สุครีพจึงเตือนพระลักษมณ์ให้ระวังตน เพราะอาจจะเป็นกลศึกของศัตรูหรือพระอินทร์อาจจะไปเข้ากับฝ่ ายทศกัณฐ์ ฝ่ ายพระอินทร์แปลงหรือ อินทรชิตสั่งให้เสนายักษ์จัดระบ าถวาย พระลักษมณ์และกองทัพลิงต่างเคลิบเคลิ้มด้วยระบ า อินทรชิตจึง แผลงศรพรหมาสตร์ต้องพระลักษมณ์สลบไป ลักษณะคำประพันธ์ บทพากย์เอราวัณแต่งด้วยค าประพันธ์ ประเภทกาพย์ฉบัง ๑๖ มีทั้งหมด ๔๐ บท มีลักษณะบังคับ ดังนี้ ๑. บทหน่ึงมี๓ วรรค วรรคท่ี๑ มี๖ คา วรรคท่ี๒ มี๔ คา และวรรคท่ี๓ มี๖ คา รวมทั้ง ๓ วรรค มีจ านวนค าทั้งสิ้น ๑๖ ค า ๒. มีสัมผัสระหว่างวรรค โดยค าสดุท้ายของวรรคท่ี๑ ส่งสมัผัสไปยังคา สดุท้ายของวรรคท่ี๒ ๓. มีสัมผัสระหว่างบท คือ คา สุดท้ายของวรรคท่ี๓ ส่งสัมผัสระหว่างบทไปยังคา สุดท้ายของ วรรคท่ี๑ ในบทต่อไป ๓. ศึกษาเพิ่มเติม
๑๖ หนังสืออ่านเพิ่มเติม เกร็ดความรู้ เรื่อง บทพากย์เอราวัณ แผนผังกาพย์ฉบัง ๑๖ บทที่ ๑ O O O O O O O O O O O O O O O O บทที่ ๒ O O O O O O O O O O O O O O O O บทที่ ๑ เมื่อนั้นจึงพระจักรี พอพระสุริย์ศรี อรุณเรืองเมฆา บทที่ ๒ ลมหวนอวลกลิ่นมาลา เฟื่ องฟุ้ งวนา นิวาสแถวแนวดง ๔. ศึกษาเพิ่มเติม
๑๗ หนังสืออ่านเพิ่มเติม เกร็ดความรู้ เรื่อง บทพากย์เอราวัณ ตัวละครสำคัญ พระราม ภาพที่ ๔ พระราม พระราม คือ พระนารายณ์อวตาร (แบ่งภาค) ลงมา ถือก าเนิดเป็นพระราชโอรสของท้าวทศรถ กับ นางเกาสุริยา แห่งกรุงอโยธยา พระรามมีพระอนุชาต่างพระมารดา ๓ พระองค์ คือ พระพรต พระลักษมณ์ และพระสัตรุต ซึ่งต่างก็มีความรักใคร่กันอย่างมาก พระมเหสีของพระราม คือ นางสีดา พระรามมีกายสีเขียว สามารถปรากฏร่างเป็นพระนารายณ์มีส่ีกรได้ อาวุธประจา พระองค์คือ ศร ซ่ึงเป็นอาวุธวิเศษ ท่ีได้ประทานมาจากพระอิศวร พระรามต้องสละราชสมบัติและเดินป่ า เป็นเวลา ๑๔ ปี เนื่องจากนางไกยเกษี พระมารดาของพระพรตทูลขอท้าวทศรถ ด้วยความดีความชอบท่ีเคยช่วยท้าว ทศรถเมื่อครั้งไปปราบยักษ์ปทูตทันต์ พระราม นางสีดา และพระลักษมณ์ จึงต้องเดินป่ า จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ทศกัณฐ์ลักพาตัวนางสีดา พระรามจึง ต้องท าสงครามกับทศกัณฐ์เพื่อชิงนางสีดาคืนมา ๕. ศึกษาเพิ่มเติม
๑๘ หนังสืออ่านเพิ่มเติม เกร็ดความรู้ เรื่อง บทพากย์เอราวัณ พระลักษมณ์ ภาพที่ ๕ พระลักษมณ์ พระลักษมณ์ เป็ นอวตารของพญาอนันตนาคราช แท่นบรรทมของพระนารายณ์กับสังข์ของ พระนารายณ์ มีพระวรกายสีเหลืองดั่งทองทา เป็ นโอรสของท้าวทศรถและนางสมุทรชา มีพระอนุชา ร่วมพระมารดา คือ พระสัตรุด พระลักษมณ์มีความจงรักภักดีต่อพระรามมาก เมื่อพระรามต้องออกเดินป่ าถึง ๑๔ ปี พระลักษมณ์ได้ขอติดตามไปเพื่ออารักขาและปรนนิบัติ และยังช่วยออกรบกับกองทัพของกรุงลงกาอย่าง กล้าหาญหลายครั้งหลายหน ทรงเคียงคู่พระรามเสมอ ร่วมผจญหมู่มารและเหล่าศัตรูเคียงคู่พระรามหลาย ครั้งหลายครา พระลักษมณ์ออกรบจนถูกอาวุธได้รับบาดเจ็บเกือบสิ้นพระชนม์ ถึง ๕ คร้ัง จากหอกโมกขศักด์ิของกุมภกรรณ ศรนาคบาศกบัศรพรหมาสตร์ของ อินทรชิต หอกแก้ววราวุธของมูลพลัม และหอกกบิลพัทของทศกัณฐ์ แต่ฝีมือก็ ไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร พระลักษมณ์ได้สังหารกุมภกาศ อินทรชิต มูลพลัม จิตรไพรี ทศคีรีวัน ทศคีรีธร หลังเสร็จศีกกรุงลงกาพระลักษมณ์ได้รับ ปูนบ าเหน็จให้ไปครองเมืองโรมคัล แต่หนุมานทูลคัดค้านว่าเมืองโรมคัลเป็น เมืองยักษ์ ไม่ควรให้พระลักษมณ์ไปครอง ควรจะอยู่ใกล้ชิดพระรามจะดีกว่า พระลักษมณ์จึงได้เป็นอุปราชฝ่ายหน้าของเมืองอโยธยา ๖. ศึกษาเพิ่มเติม
๑๙ หนังสืออ่านเพิ่มเติม เกร็ดความรู้ เรื่อง บทพากย์เอราวัณ สุครีพ ภาพที่ ๖ สุครีพ สุครีพ เป็นพญาวานร มีกายสีแดง เป็นลูกชายของพระอาทิตย์กับนางกาลอัจนา เป็นทหารเอกของ พระราม มีศักด์ิเป็นน้าของหนุมาน เมื่อพระฤๅษีโคดมสามีของนางกาลอัจนา รู้ความจริงจากนางสวาหะว่า สุครีพไม่ใช่ลูกของตน จึงสาปให้กลายเป็นลิงพร้อมกับพาลีผู้เป็นพ่ีชายซ่ึงเป็นลูกชู้กับพระอินทร์แล้วไล่ เข้าป่ าไป พระอินทร์กับพระอาทิตย์ได้เนรมิตเมืองขีดขินให้ปกครอง โดยมีพาลีเป็นกษัตริย์และสุครีพเป็น อุปราช พาลีกับสุครีพได้เคยไปช่วยชะลอเขาพระสุเมรุ พระอิศวรหวังจะมอบนางดาราเป็นรางวัลให้แก่ สุครีพ แต่ครั้งนั้นมีพาลีมารับรางวัลผู้เดียว พาลีสาบานว่าหากตนเอารางวัลของน้องมาเป็นของตนขอให้ถูก ศรพระนารายณ์สิ้นชีพ แต่สุดท้ายพาลีก็ผิดสัตย์เอานางดารามาเป็นชายาของตน วันหนึ่งควายทรพีเดินทางมาท้าสู้กับพาลี พาลีจึงสั่งสุครีพไว้ว่าตอนท่ตีัวเองเข้าไปสู้กับทรพีในถา ้ หากเลือดท่ไีหลออกจากถา ้มีสจีาง ให้ปิดปากถา ้เสยีเพราะเป็นเลือดพาลีพาลีฆ่าทรพีตาย เลือดท่ไีหลออก จากถ ้าเป็นเลือดของทรพีซึ่งมีสีเข้ม แต่เกิดฝนตกลงมาจนท าให้เลือดมีสีจางลง สุครีพเข้าใจผิดคิดว่าพาลีตายจึงเอาหินปิดปากถ ้า พาลีโกรธสุครีพมากจึงพังถ ้า ออกมาและขับไล่สุครีพออกจากเมือง ต่อมาหนุมานได้พาสุครีพไปพบพระราม สคุรีพขอพระรามให้สงัหารพาลีท่ผีิดคา สาบานเร่ืองนางดารา เมื่อพาลีตายแล้ว สุครีพก็ขึ้นเป็นเจ้าเมืองขีดขินและรวบรวมไพร่พล วานรเพื่อช่วยพระรามท าศึก สุครีพได้รับความไว้วางพระทัยจากพระรามให้ เป็นผู้จัดการกองทัพ ออกรบสู้กับกองทัพของกรุงลงกาอยู่เสมอ ครั้งเสร็จศึก กรุงลงกา สุครีพได้รับแต่งตั้งเป็น พญาไวยวงศามหาสุรเดช ครองกรุงขีดขิน ๗. ศึกษาเพิ่มเติม
๒๐ หนังสืออ่านเพิ่มเติม เกร็ดความรู้ เรื่อง บทพากย์เอราวัณ ทศกัณฐ์ ภาพที่ ๗ ทศกัณฐ์ ทศกัณฐ์เดิมเป็นยักษ์ช่ือ “นนทก” กลับชาติมาเกดิซ่ึงนนทกมีหน้าท่ลี้างเท้าให้กบัเทวดาท้งัหลาย ท่ีมาเข้าเฝ้าพระอิศวรอยู่บริเวณตีนเขาไกรลาส เทวดาเหล่าน้ันกม็ักจะจับหัวของนนทก ตบหัวเล่น และท่ี สา คัญคือจะถอนผมของนนทกติดมือไปด้วยทุกคร้ังท่ีนนทกก้มหน้าล้างเท้าให้จนหัวล้าน นนทกจึงเกิด ความแค้น เลยไปขอน้ิวเพชรจากพระอิศวร แล้วทา ร้ายพวกเทวดาท่ีมาลูบหัวตน นนทกได้เข่นฆ่าเหล่า เทวดาตายนับไม่ถ้วน ท าให้พระอิศวรต้องร้องขอพระนารายณ์ให้มาช่วยปราบนนทก พระนารายณ์จัดการกบันนทก โดยการจา แลงองค์เป็นนางเทพอปัสรดักอยู่ตรงทางท่นีนทกเดินผ่าน เป็นประจ า ฝ่ ายยักษ์นนทกเมื่อได้เห็นนางจ าแลงจึงเกิดความหลงใหลและเข้าไปเกี้ยวพาราสี นางจ าแลง แสร้งท ายินดี โดยยื่นข้อเสนอว่าให้นนทกร่ายร าตามนางทุกท่าแล้วจะยินดีผูกมิตรด้วย และแล้วยักษ์นนทกก็ ท าตามนาง โดยหารู้ไม่ว่านั่นเป็นเล่ห์กล จนกระทั่งถึงท่านาคาม้วนหางนิ้วเพชรของนนทกช้ีไปท่ขีาของตวัเอง ขานนทกก็หักลงทันใด นนทกล้มลง ทันใดนั้นนางแปลงกลายเป็นพระนารายณ์เหยียบหน้าอกของนนทกไว้ ก่อนตาย นนทกอ้ างว่าพระนารายณ์มีหลายมือตนสู้ ไม่ได้ พระนารายณ์จึงให้ค าสัตย์ว่า ให้นนทกไปเกดิใหม่มีสิบเศียรสิบพักตร์ย่ีสบิมือ เหาะเหินเดินอากาศได้ มีอาวุธนานาชนิดครบทุกมือ ส่วนพระนารายณ์จะไป เกิดเป็นมนุษย์มีสองมือและตามไปฆ่านนทกให้ได้ นนทกจึงไปจุติในครรภ์พระนางรัชฎา มเหสีท้าวลัสเตียน เจ้ากรุงลงกา เกิดมาเป็นโอรสนามว่า “ทศกัณฐ์” และเป็นบุตรคนโต มีรูปงาม มี ๑๐ หน้า ๒๐ กร ปากแสยะ ตาโพลง มีกายเป็นสเีขียว แต่มีนิสยัเจ้าชู้ตอนท่เีก้ยีวพาราสี ได้เนรมิตร่างตนเองให้เป็นสีทอง ๘. ศึกษาเพิ่มเติม
๒๑ หนังสืออ่านเพิ่มเติม เกร็ดความรู้ เรื่อง บทพากย์เอราวัณ อินทรชิต ภาพที่ ๘ อินทรชิต อินทรชิต เดิมมีชื่อว่า รณพักตร์ เป็นบุตรทศกัณฐ์กับนางมณโฑ มีมเหสีชื่อ นางสุวรรณกันยุมา มีบุตรช่ือยามลิวันและกันยุเวก มีกายสีเขียว มีฤทธ์ิเก่งกล้ามาก เม่ือโตข้ึนจึงทูลลาพระบิดาและพระมารดา เพื่อไปศึกษาวิชากับพระฤๅษีโคบุตรจนส าเร็จวิชามนต์มหากาลอัคคี จึงกราบลาอาจารย์เพื่อไปบ าเพ็ญตบะ เมื่อบ าเพ็ญจนเก่งกล้าแล้ว จึงท าพิธีขออาวุธวิเศษต่อมหาเทพทั้ง ๓ มหาเทพจึงประทานอาวุธวิเศษให้ คือ พระอิศวรประทานศรพรหมาสตร์ และมอบพรสามารถแปลงร่างเป็นพระอินทร์ได้พระพรหมประทานศร นาคบาศ และมอบพรหากเศียรตกลงพื้น จะเกิดไฟบรรลัยกัลป์ ล้างโลก ต้องน าพานแว่นฟ้ าของพระพรหม เท่านั้นมารองรับเศียรจึงจะระงับเหตุได้พระนารายณ์ประทานศรวิษณุปาณัม เมื่อได้รับพรและอาวุธวิเศษแล้ว รณพักตร์เกิดความฮึกเหิมยกทัพบุกสวรรค์และรบกับพระอินทร์ จนชนะ เม่ือทศกณัฐ์ทราบข่าวบุตรของตนมีชัยชนะกด็ีใจมาก จึงเปล่ียนชื่อใหม่จากรณพักตร์เป็นอินทรชิต หมายถึง “ผู้พิชิตพระอินทร์” อินทรชิตได้ท าสงครามกับกองทัพพระลักษมณ์หลายครั้ง เอาชนะได้ในศึก นาคบาศและศึกพรหมาสตร์ อินทรชิตได้ท าพิธีกุมภนิยาแต่ก็ถูกพระลักษมณ์ ทา ลายพิธีจนเม่ืออินทรชิตหมดส้ินอาวุธท่จีะต่อกร จึงกลับกรุงลงกาไปลาพ่อ แม่ลูกเมียก่อนยกทัพออกมารบครั้งสุดท้าย อินทรชิตถูกศรพรหมาสตร์ของ พระลักษมณ์ตัดคอขาด โดยมีองคตถือพานแว่นฟ้ ามารองรับเศียรเอาไว้ อินทรชิตมีกายสีเขียว หนึ่งหน้า สองกร ตาโพลง เขี้ยวคุด (เขี้ยวดอกมะลิ) ปากหุบ ทรงชฎาเดินหน หรือ กาบไผ่ยอดปัด จอนหูมี ๒ แบบ คือ จอนหู แบบมนุษย์และจอนหูแบบยักษ์ ๙. ศึกษาเพิ่มเติม
๒๒ หนังสืออ่านเพิ่มเติม เกร็ดความรู้ เรื่อง บทพากย์เอราวัณ มาตลี, มาตุลี ภาพที่ ๙ มาตุลี พระมาตุลี เป็นเทพบุตรผู้เป็นสารถีของพระอินทร์ เทวราชตามคติศาสนาฮินดู (หรือท้าวสักกะ ตามคติศาสนาพุทธ) นอกจากนี้พระองค์ยังทรงมีฐานะเป็นราชทูตส าคัญอันน าราชสาส์นของพระอินทร์ เพื่อเชิญท้าวทุษยันต์ (สามีนางศกุนตลา) มาเป็ นจอมทัพเพื่อปราบปรามบรรดาอสูรในบทละคร อภิชญานศากุนตลัมของมหากาพย์มหาภารตะในปัทมะปุราณะ พระองค์เป็นคู่ปุจฉาวิสัชนากับท้าวยยาติ ในด้านปรัชญาแนวทางโลกิยะกับโลกุตรธรรมในด้านต่าง ๆ พระองค์มีบทบาทอย่างมากในทศชาติชาดก เรื่องพระเนมิราช และพระองค์เป็ นสัญลักษณ์ของกรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม และกรมการขนส่งทหารบก รวมถึงหน่วยบัญชาการรักษาดินแดนของประเทศไทยด้วย นอกจากนี้ ในโองการไหว้ครูบวงสรวงเซ่นวักบัตรพลีชุมนุมเทวดาของศาสนาฮินดูในประเทศไทยและศาสนาผีรวมถึง คนทรงพื้นเมืองท้องถิ่นของไทยยังปรากฏนามของพระองค์ในฐานะสักขีพยานเช่นกัน ในเรื่องบทพากย์เอราวัณ มาตุลีปรากฎในเรื่องและมีบทบาทเป็นสารถีขับราชรถให้แก่พระราม เพื่อออกท าศึกกับทศกัณฐ์ ซ่ึงราชรถของพระรามน้ันเป็นราชรถท่พีระอนิทร์ประทานมาให้ ๑๐. ศึกษาเพิ่มเติม
๒๓ หนังสืออ่านเพิ่มเติม เกร็ดความรู้ เรื่อง บทพากย์เอราวัณ แบบฝึกหัดตอนที่ ๑ ค าชี้ แจงตอนที่ ๑ : ให้นักเรียนอ่านข้อความต่อไปนี้ แล้วท าเครื่องหมาย ✓ หน้าข้อความท่ถีูก และทา เครื่องหมาย หน้าข้อความท่ผีิด ๑. พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้ าจุฬาโลกมหาราชทรงพระราชนิพนธ์ เรื่อง บทพากย์เอราวัณ ๒. เร่ืองรามเกยีรต์ิมเีค้าโครงมาจากเร่ืองมหาภารตะของอินเดีย ๓. บทพากย์เอราวัณแต่งด้วยค าประพันธ์ ประเภทกาพย์ฉบัง ๑๖ ๔. อนิทรชิตออกรบกบักองทพัของพระรามถึงส่คีร้ัง ๕. ช้างเอราวัณเป็นช้างท่มีี๓ เศียร ๖. พระรามเป็นพระราชโอรสของท้าวทศรถและนางสมุทรชา ๗. พระลักษมณ์มีพระอนุชาร่วมพระมารดา คือ พระสัตรุด ๘. สุครีพเป็นลูกชายของพระอาทิตย์กับนางกาลอัจนา ๙. ทศกัณฐ์เป็นบุตรคนสุดท้องของท้าวลัสเตียนและนางรัชฎา ๑๐. อินทรชิตได้รับพรจากพระอิศวรให้สามารถแปลงร่างเป็นพระอินทร์ได้ ค าชี้ แจงตอนที่ ๒ : ให้นักเรียนตอบค าถามต่อไปนี้ ๑. บทพากย์โขนชุดนางลอย ชุดนาคบาศ และชุดพรหมาสตร์ เป็นบทพากย์พระราชนิพนธ์ของใคร ตอบ............................................................................................................................................ ................................................................................................................................................... ๒. อนิทรชิตใช้กลอบุายในการทา ศึกคร้ังท่สีามกบักองทพัของพระรามอย่างไร ตอบ............................................................................................................................................ ................................................................................................................................................... ๓. พิธีกุมภนิยาของอินทรชิต คือพิธีอะไร ตอบ............................................................................................................................................ ................................................................................................................................................... ๔. ช้างเอราวัณเป็นช้างทรงของใคร ตอบ............................................................................................................................................ ................................................................................................................................................... ๕. กาพย์ฉบัง ๑๖ จา นวน ๑ บท มีก่วีรรค แต่ละวรรคมีก่คีา ตอบ............................................................................................................................................ ...................................................................................................................................................
๒๔ หนังสืออ่านเพิ่มเติม เกร็ดความรู้ เรื่อง บทพากย์เอราวัณ ๖. เหตุใดพระรามต้องเดินป่ าเป็นเวลา ๑๔ ปี ตอบ............................................................................................................................................ ................................................................................................................................................... ๗. พระลักษมณ์ออกรบจนได้รับบาดเจบ็เกอืบส้นิพระชนม์ก่คีร้ัง และได้รับบาดเจบ็จากอาวธุของใครบ้าง ตอบ............................................................................................................................................ ................................................................................................................................................... ๘. สคุรีพมีพ่ีช่ือว่าอะไร และมีความสมัพันธอ์ย่างไรกบหนุมานั ตอบ............................................................................................................................................ ................................................................................................................................................... ๙. ทศกัณฐ์มีลักษณะอย่างไร ตอบ............................................................................................................................................ ................................................................................................................................................... ๑๐. อินทรชิตมีชื่อเดิมว่าอย่างไร และบุตรของใครกับใคร ตอบ............................................................................................................................................ ................................................................................................................................................... ภาพที่ ๑๐ มัจฉานุ
๒๕ หนังสืออ่านเพิ่มเติม เกร็ดความรู้ เรื่อง บทพากย์เอราวัณ
๒๖ หนังสืออ่านเพิ่มเติม เกร็ดความรู้ เรื่อง บทพากย์เอราวัณ
๒๗ หนังสืออ่านเพิ่มเติม เกร็ดความรู้ เรื่อง บทพากย์เอราวัณ ช้างเอราวัณ ภาพที่ ๑๑ ช้างเอราวัณ “อินทรชิตบิดเบือนกายิน เหมือนองค์อมรินทร์ ทรงคชเอราวัณ ช้างนิรมิตฤทธิแรงแข็งขัน เผือกผ่องผิวพรรณ สีสังข์สะอาดโอฬาร์ สามสิบสามเศียรโสภา เศียรหนึ่งเจ็ดงา ดั่งเพชรรัตน์รูจี” ในภาษาสันสกฤต เรียก ช้างเอราวัณ ว่า ไอราวต ไอราวณ ภาษาบาลีเรียก เอราวณ ส่วนใน ภาษาไทยเรียกว่า ไอราพต ไอราวัต ไอราวัณ และ เอราวัณ ชื่อต่าง ๆ ทั้งหมดนี้มีความหมายถึง น ้า เมฆ ฝน รุ้ง แปลรวมว่า กลุ่มก้อนเมฆท่ีมีฟ้าแลบ และทา ให้เกิดฝนตก โดยมีความสอดคล้องท่ีว่า พระอินทร์ ทรงช้างเอราวัณท่องเท่ยีวไปบนสวรรค์แล้วทรงโปรยฝนให้ตกลงมายังโลก บางต านานก็ว่า พระอิศวรได้ประทานช้างเอราวัณให้เป็ นช้างทรงของพระอินทร์ บ้างก็ว่า ช้างเอราวัณน้ันเป็นเทพบุตร อยู่บนสวรรค์ช้ันดาวดึงส์เม่ือพระอินทร์จะเสดจ็ไปท่ใีด เทพบุตรเอราวัณจะ แปลงกายเป็นช้างเผือกสขีาว ช่ือว่า เอราวัณ และบ้างกว็่าช้างท่มีาฆมานพใช้ในการสร้างศาลาบนมนุษย์โลก นั้น เมื่อตายไปได้ไปเกิดเป็นเทพบุตรเอราวัณและคอยเนรมิตกายเป็นช้างทรงของพระอินทร์บนสวรรค์ ชั้นดาวดึงส์
๒๘ หนังสืออ่านเพิ่มเติม เกร็ดความรู้ เรื่อง บทพากย์เอราวัณ เอราวัณ เป็นช้างท่มีีรูปร่างสงูใหญ่เหมือนภเูขา ผิวกายเผือกผ่องเม่ือเทยีบกบัภเูขาไกรลาสซึ่งเป็น ภเูขาเงิน ภเูขาน้ันจะมีสีหมองคลา ้ลง เป็นช้างท่มีีพลังมาก เป็นเจ้าแห่งช้างท้งัหลาย ในคัมภีร์มหาภารตะ กล่าวว่า "ช้างไอราวตะมีงา ๔ งา มี ๓ งวง รูปร่างใหญ่มหึมา และเป็นช้างเผือก" ในไตรภูมิพระร่วงได้พรรณนาถึงความใหญ่โตโอฬารของช้างเอราวัณไว้อย่างละเอียดดังนี้ ...และว่ายังมีเทพยดาองค์ ๑ ชื่อ ไอยราวรรณเทพบุตร ผิแลเมื่อพระอินทร์เจ้าแลมีที่สเด็จไปเล่น แห่งใดๆ ก็ดี แล ธ จะใคร่ขี่ช้างไปเล่นจึงไอยราวรรณเทพบุตรก็นิมิตรตัวเป็นช้างเผือกตัว ๑ ใหญ่นักโดย สูงได้ ๑,๒๐๐,๐๐๐ วา แลมีหัวได้ ๓๓ หัวๆ น้อยๆ อยู่สองหัวอยู่สองข้าง นอกหัวทั้งหลายนั้นแลว่าหัว ใหญ่ได้ ๒,๐๐๐ วา แลหัวถัดเข้าไปทั้งสองข้างแลหัวแล ๓,๐๐๐ วา ถัดนั้นเข้าไปแลหัวแล ๔,๐๐๐ วา ถัดนั้นเข้าไปแลหัวแล ๕,๐๐๐ วา ถัดนั้นเข้ากว้างแลหัวแล ๖,๐๐๐ วา เร่งเข้าไปเถิงในก็เริงใหญ่ตัดกันเข้า ไปดังกล่าวนี้แล ส่วนหัวอันใหญ่ที่อยู่ท่ามกลางทั้งหลายชื่อ สุทัศ เป็นพระที่นั่งแห่งพระอินทร์โดยกว้างได้ ๒,๔๐๐,๐๐๐ วาแลฯ เหนือหัวตัวนั้นแลมีแท่นแก้วหนึ่งกว้างได้ ๙๖,๐๐๐ วา แลมีปราสาทกลางแท่นแก้วนั้นมีทั้งสองแก้วฝูงนั้น โดยสูงได้ ๘,๐๐๐ วา ทั้งฝูงนั้นเทียรย่อมแก้ว ๗ สิ่ง แลมีพรวน ทองค าห้อยย้อยลงทุกแห่งแกว่งไปมา แลมีเสียงนั้นไพเราะ นักหนาดังเสียงพาทย์พิณในเมืองฟ้ า ในปราสาทนั้นเทียรย่อมดัด เพดานผ้าทิพย์แลมีแท่นนอนอยู่ในที่นั้นกว้างได้ ๘,๐๐๐ วา แลมี ราชอาสน์หนาหมอนใหญ่หมอนน้อย หมอนอิง องค์พระอินทร์ นั้นสูงได้ ๖,๐๐๐ วา แลประดับนี้ด้วยแก้วถนิอาภรณ์ทั้งหลายแล ธ นั่งเหนือแท่นแก้วนั้น หัวช้างได้ ๓๓ หัวไส้ พระอินทร์ให้ เทพยดาทั้งหลายขี่ ๒๒ หัวนั้น มีบุญเพียงประดุจพระอินทร์ไส้ฯ อันว่าหัวช้างทั้ง ๓๓ หัว แลหัวๆ มีงา ๗ อันแลงาแต่ละอันยาวได้ ๔๐๐,๐๐๐ วา แลงานั้น มีสระได้ ๗ สระๆ แลสระนั้นมีบัวได้ ๗ กอๆ บัวแลกอนั้นมีดอก ๗ ดอกๆ แลอันนั้นมีกลีบ ๗ กลีบๆ แลอันๆ มีนางฟ้ ายืนร าระบ าบรรพต แล ๗ คน แลนางแลคนๆ นั้นมาสาวใช้ได้ ๗ คนโสด... กล่าวโดยสรุป ช้างเอราวัณเป็นช้างท่มีีขนาดใหญ่มาก ผิวกายสขีาว มีหัว ๓๓ หัว แต่ละหัวมีงาเจด็ งา แต่ละอันยาวส่ีล้านวา แต่ละงามีสระโบกขรณีเจด็สระ แต่ละสระมีกอบัวเจ็ดกอ แต่ละกอมีดอกบัวเจ็ด ดอก แต่ละดอกมีกลีบเจ็ดกลีบ แต่ละกลีบมีเทพธิดาฟ้ อนร าอยู่เจ็ดองค์ แต่ละองค์มีบริวารอีกเจ็ดนาง รวมได้ว่า ช้างเอราวัณมี ๓๓ หัว มีงา ๒๓๑ งา มีสระบัว ๑,๖๑๗ สระ มีกอบัว ๑๑,๓๑๙ กอ มีดอกบัว ๗๙,๒๓๓ ดอก กลีบบัว ๕๕๔,๖๓๑ กลีบ เทพธิดา ๓,๘๘๒,๔๑๗ องค์ และบริวารของเทพธิดาอีก ๒๗,๑๗๖,๙๑๙ นาง ภาพที่ ๑๒ พระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ
๒๙ หนังสืออ่านเพิ่มเติม เกร็ดความรู้ เรื่อง บทพากย์เอราวัณ บทบาทและหน้าท่อีันสา คัญย่ิงของช้างเอราวัณ คือ เป็นพาหนะท่นีา เสดจ็พระอินทร์ไปยังสถานท่ี ต่าง ๆ ทั้งบนสวรรค์และมนุษย์โลก เพื่อดูแลทุกข์สุขของชาวโลก เป็นช้างศึกให้พระอินทร์ออกไปท า การรบกับพวกอสูร ทา หน้าท่ีดูแลโลกทางด้านตะวันออกควบคู่กับพระอินทร์และเน่ืองจากพระอินทร์ ทรงเป็นหัวหน้าเทพท่ีก ากับดูแลดินฟ้าอากาศ มีวัชระสายฟ้าเป็นอาวุธ เป็นศัตรูกับความแห้งแล้ง น าความอุดมสมบูรณ์และความชุ่มฉ่ าสู่โลกมนุษย์ช้างเอราวัณจึงมีหน้าท่ีดูดนา ้จากโลกขึ้นไปบนสวรรค์ ให้พระอินทร์บันดาลให้เกิดน ้าจากฟ้ าตกลงสู่โลกมนุษย์ โดยเฉพาะประเทศทางเอเชียและเอเชียตะวันออก เฉียงใต้จึงประทบัใจและช่ืนชมในตัวช้างเอราวัณท่ทีา ประโยชน์ให้แก่ชาวโลก ช้างเอราวัณถือว่าเป็นเจ้าแห่งช้างทั้งปวงในสากลจักรวาล เป็นพาหนะคู่พระทัยของพระอินทร์ ด้วยเหตุนี้ช้างเอราวัณจึงเป็นสัญลักษณ์ส าคัญอย่างหนึ่งของพระอินทร์ สัญลักษณ์ของการกระท าดี และ สัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ ในงานศิลปกรรมต่าง ๆ จึงนิยมท ารูปช้างเอราวัณควบคู่ไปกับพระอินทร์ หรือบางทีก็ท าแต่เพียงรูปช้างสามเศียรอันเป็นสัญลักษณ์ของช้างเอราวัณเท่าน้ัน เหตุท่ีทา เป็นรูปช้าง สามเศียรแทน ๓๓ เศียรนั้นคงเป็นเพราะรูปแบบทางด้านศิลปะน่าจะมีความงดงามลงตัวมากกว่า ภาพที่ ๑๓ พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ ๑๑. ศึกษาเพิ่มเติม
๓๐ หนังสืออ่านเพิ่มเติม เกร็ดความรู้ เรื่อง บทพากย์เอราวัณ เครื่องประดับของช้าง ภาพที่ ๑๔ หุ่นจำลองช้างทรงเครื่องคชาภรณ์ “เครื่องประดับเก้าแก้วโกมิน ซองหางกระวิน สร้อยสายชนักถักทอง ตาข่ายเพชรรัตน์ร้อยกรอง ผ้าทิพย์ปกตระพอง ห้อยพู่ทุกหูคชสาร” เคร่ืองประดับช้าง หรือ ท่ีเรียกว่า “คชาภรณ์” ค าว่า คชาภรณ์ มาจากค าว่า คช (คะ-ชะ) แปลว่า ช้าง กบัคา ว่า อาภรณ์แปลว่า เคร่ืองประดับ เป็นชุดเคร่ืองแต่งตัวของช้างเผือกท่พีระมหากษัตริย์ พระราชทานให้ในวันสมโภชขึ้นระวางเพื่อเป็นเครื่องยศส าหรับช้างต้นของพระมหากษัตริย์ ประกอบด้วย ผ้าปกกระพอง พู่หู ทามคอ พานหน้า พานหลัง ส าอาง พนาศ เสมาคชาภรณ์ และเครื่องยศ เครื่องคชาภรณ์จะแตกต่างกันไปตามล าดับชั้นยศของช้างต้น และความเหมาะสมในการใช้งาน การสร้างและประดับเครื่องคชาภรณ์แก่ช้างส าคัญหรือช้างต้นในราชส านักไทยเกิดขึ้นครั้งแรก เม่ือใด ไม่พบหลักฐานท่ีชัดเจน สันนิษฐานว่าน่าจะได้รับอิทธิพลมาจากอินเดีย พร้อมกับคติความเชื่อใน เร่ืองช้างเผือกตามตา ราคชศาสตร์ท่มีีการยกย่องให้ความสา คัญกบัช้างเผือกหรือช้างมงคล ซ่ึงเก่ียวข้องกบั สถาบันพระมหากษัตริย์ โดยพบหลักฐานการสร้างเครื่องคชาภรณ์ประดับช้างเผือกหรือช้างส าคัญในศิลปะ อินเดียโบราณท่มีีการประดับด้วยเคร่ืองคชาภรณ์
๓๑ หนังสืออ่านเพิ่มเติม เกร็ดความรู้ เรื่อง บทพากย์เอราวัณ ในราชส านักไทยการประดับเครื่องคชาภรณ์แก่ช้างส าคัญ ในสมัยรัตนโกสินทร์พระมหากษัตริย์ จะพระราชทานเครื่องคชาภรณ์แก่ช้างส าคัญประจ ารัชกาลในวันสมโภชขึ้นระวางช้างต้นมีส่วนประกอบส าคัญ ต่าง ๆ แตกต่างกนัตามช้ันยศเคร่ืองคชาภรณ์จึงถูกแบ่งตามลา ดับช้ันยศของช้างต้นท่ไีด้รับพระราชทาน ดังน้ี ๑. ช้างเผือกหรือช้างพระท่นี่ัง จะได้รับพระราชทานให้ใช้เคร่ืองกุดั่น เป็นชุดเครื่องแต่งกายของ ช้างเผือก ตาข่ายท าด้วยกุดั่น คือ ลูกปัดแก้วเจียระไนประดับตุ้งติ้งทองค า หรือแก้วแกมทอง ๒. ช้างต้นหรือช้างของพระมหากษัตริย์ท่ีไม่ได้เป็นช้างพระท่ีน่ัง พระราชทานเป็นเคร่ืองถมปัด ตาข่ายท าด้วยถมปัด คือ โลหะทองแดง ถมด้วยน ้ายาผสมลูกปัดสี ป่ นให้เป็นผงถมให้เป็นสีและลวดลายต่าง ๆ ๓. ช้างดั้งหรือช้างศึก พระราชทานเป็นเครื่องลูกพลู ส่วนตาข่าย ท าด้วยผ้าปักดิ้นทองฉลุเป็น ลวดลายมีพู่ห้อยเรียงรายตามส่วนต่าง ๆ เช่น พู่ห้อยท่ตีาข่ายข้างตะเกียบหูขอบชายของพนาศ ข้างซองหาง เป็นต้น ทั้งสามประเภทมีองค์ประกอบของเครื่องเหมือนกัน แต่ต่างกันเฉพาะวัสดุและรูปแบบ ซึ่งมีค่าสูง มากน้อยกว่ากนัตามช้ันยศท่ไีด้รับพระราชทาน เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๑ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ได้รับการน้อมเกล้าฯ ถวาย ช้างเผือกท่ีมีคชลักษณะหรือลักษณะพิเศษท่ีเป็นมงคล คือ มีสีกายดังดอกโกมุท หรือบัวสายแดง จากนายแปลก ราษฎรจังหวัดกระบ่ีเป็นผู้คล้องได้ในป่าจังหวัดกระบ่ี หลังจากนั้นทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ประกอบพระราชพิธีสมโภชข้ึนระวาง เม่ือวันท่ี๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๐๒ ณ โรงช้างต้น พระราชวังดุสิต ได้พระราชทานเครื่องคชาภรณ์เป็น เครื่องกุดั่น และพระราชทานนามช้างเผือกว่า “พระเศวตอดุลยเดชพาหน ภูมิพลนวนาถบารมี ทุติยเศวตกรีกมุทพรรโณภาส บรมกมลาสนวิศุทธวงศ์ สรรพมงคลลักษณคเชนทรชาต สยามราษฎรสวสัดิประสิทธ์ิรตันกุญชรนิมิตบุญญาธิการ ปรมินทร บพิตรสารศกัด์ิเลิศฟ้า” เป็นพระยา ช้างต้นในรัชกาลปัจจุบัน โดยพระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ ถือเป็นช้างเผือกท่เีข้ามาเป็นช้างแรกในสมัยรัชกาล ท่ี๙ ภาพที่ ๑๕ รัชกาลที่ ๙ กับพระพระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ
๓๒ หนังสืออ่านเพิ่มเติม เกร็ดความรู้ เรื่อง บทพากย์เอราวัณ ภาพที่ ๑๖ คชาภรณ์ของพระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ คชาภรณ์ของพระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ ท่ีกรมศิลปากร โดยสา นักช่างสิบหมู่สร้างทูลเกล้าฯ ถวาย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ประกอบด้วย ๑. ผ้าปกกระพอง ๒. ตาข่ายกุดั่น ๓. พู่จามรี (พู่หู) ๔. ทามคอ ๕. สร้อยเสมาคชาภรณ์ ๖. เสมาคชาภรณ์ ๗. ห่วงสายพาน ๘. ตาบ ๙. พานหน้า ๑๐. พนาศ (ผ้าคลุมหลัง) ๑๑. คันชีพ ๑๒. พานหลัง ๑๓. สายยึดพานหลัง ๑๔. ส าอาง ๑๕. วลัย (สนับงา)
๓๓ หนังสืออ่านเพิ่มเติม เกร็ดความรู้ เรื่อง บทพากย์เอราวัณ “เครื่องประดับเก้าแก้วโกมิน ซองหางกระวิน สร้อยสายชนักถักทอง ตาข่ายเพชรรัตน์ร้อยกรอง ผ้าทิพย์ปกตระพอง ห้อยพู่ทุกหูคชสาร” จากค าประพันธ์ ในเรื่องบทพากย์เอราวัณ นอกจากจะมีการบรรยายถึงความยิ่งใหญ่อลังการของ ช้างเอราวัณวัณแล้ว ยังมีการกล่าวถึงความวิจิตรอลังการของเครื่องคชาภรณ์ของช้างเอราวัณอีกด้วย ซ่ึงกล่าวถึงการประดับประดาเคร่ืองทรงของช้างท่ีสร้างด้วยเพชรพลอยอัญมณีท้ัง ๙ ชนิด หรือนพรัตน์ ประกอบด้วย ทับทิม มุกดา เพทาย มรกต บุษราคัม เพชร ไพลิน โกเมน ไพฑูรย์นอกจากนี้ยังมีซองหาง กระวิน สายชนัก ซ่ึงถักทอข้ึนมาจากทอง มีผ้าปกตระพองช้างท่ีทา ด้วยเพชรมาทา เยบ็ร้อยเข้าด้วยกัน และมีพู่ห้อยประดับหูช้างอยู่ทุกหู เครื่องประดับของช้างหรือเครื่องคชาภรณ์ของช้างเอราวัณ มีลักษณะ ดังต่อไปนี้ ภาพที่ ๑๗ ซองหาง และ กระวิน ๑. ซองหาง หมายถึง เคร่ืองผูกสปัคับ (ท่นี่ังของกษัตริย์บนหลังช้าง) เป็นสายคล้องโคนหางช้าง ๒. กระวิน หมายถึง ห่วงท่เีก่ยีวกนัสา หรับโยงสปัคับช้าง ติดห่วงคล้องกบัซองหาง ๑. ๒.
๓๔ หนังสืออ่านเพิ่มเติม เกร็ดความรู้ เรื่อง บทพากย์เอราวัณ ภาพที่ ๑๘ ชนัก ภาพที่ ๑๙ วิธีการผูกชนัก ๓. ชนัก หมายถึง เครื่องผูกคอช้างท าด้วยเชือกเป็นปมหรือห่วงห้อยพาดลงมา เพ่ือให้คนท่ีข่ีคอใช้ หัวแม่เท้าคีบกันตก ภาพที่ ๒๐ ผ้าปกตระพอง ภาพที่ ๒๑ ผ้าปกตระพอง และ พู่จามรี ๔. ผ้าทิพย์ หรือ ผ้าปกกระพอง หมายถึง เครื่องคลุมหัวช้าง หรือ แผ่นผ้าท่ปีิดตรงกระหม่อมของช้าง ซ่ึงกระพองคอืส่วนท่นีูนเป็นปุ่มสองข้างหัวช้าง (ตระพอง ตะพอง กระพอง กะพอง)
๓๕ หนังสืออ่านเพิ่มเติม เกร็ดความรู้ เรื่อง บทพากย์เอราวัณ ภาพที่ ๒๒ พู่จามรี ภาพที่ ๒๓ พู่หู หรือ พู่จามรี ๕. พู่หู หรือ พู่จามรี หมายถึง พู่ประดับหูช้างท าจากขนจา ๑๒. ศึกษาเพิ่มเติม
๓๖ หนังสืออ่านเพิ่มเติม เกร็ดความรู้ เรื่อง บทพากย์เอราวัณ การจัดทัพ ภาพที่ ๒๔ กระบวนทัพแบบตรีเพชรพยุหะ “บรรดาโยธาจัตุรงค์ เปลี่ยนแปลงกายคง เป็นเทพไทเทวัญ ทัพหน้าอารักขไพรสัณฑ์ ทัพหลังสุบรรณ กินนรนาคนาคา ปีกซ้ายฤาษิตวิทยา คนธรรพ์ปีกขวา ตั้งตามต ารับทัพชัย” ต าราพิชัยสงครามของไทย มีมาต้ังแต่ในสมัยโบราณ นอกจากจะมีเน้ือหาเก่ียวกับยุทธวิธีการรบ แล้ว ยังมีความเชื่อทางด้านฤกษ์ยามและโหราศาสตร์รวมอยู่ด้วย ในตา ราพิชัยสงครามจะมีเร่ืองเก่ียวกับ วิชาโหราศาสตร์แทรกอยู่และดูเหมือนจะมีอิทธิพลอย่างยิ่งในการพิชัยสงคราม ดังนั้นจึงต้องมีโหราจารย์ ประจ ากองทัพเปรียบประดุจดวงตาของกองทัพ โดยกา หนดว่าผู้ท่ีทา หน้าท่ีต้องมีดวงชะตาให้คุณแก่ พระมหากษัตริย์หรือประมุขของประเทศ นอกจากนี้การคัดเลือกทหารเข้าประจ าในกองทัพต้องน าชื่อของคนเหล่านั้นมาค านวณทาง มหาทักษาพยากรณ์ซึ่งเป็นวิชาโหราศาสตร์แขนงหนึ่งเพื่อหาตัวเลขมาใช้เป็นชื่อ เช่น เลข ๑ ชื่อครุฑนาม เลข ๒ ชื่อพยัคฆนาม เป็นต้น แล้วจึงให้ผู้มีนามต่างๆ เหล่านั้นเข้าประจ าต าแหน่งของกระบวนทัพ
๓๗ หนังสืออ่านเพิ่มเติม เกร็ดความรู้ เรื่อง บทพากย์เอราวัณ ถ้าฝ่ายข้าศึกเป็นมุสิกนาม ให้ใช้ขุนพลท่ีมีช่ือพยัคฆนามออกสู้รบ ถ้านามฝ่ ายข้าศึกเป็นสุนัขนาม ให้ใช้ขุนพลสีหนามออกต่อสู้ ถ้าข้าศึกเป็นอชนามให้ใช้คชนามออกต่อสู้ เมื่อจัดการดังนี้แล้วก็จะได้ชัยชนะ และเม่ือจะเคล่ือนทัพไปหนใดกต็้องกา หนดเวลาท่ีเช่ือว่าดีท่ีสุดเป็นชัยมงคลแก่กองทัพ หรือท่ีเรียกว่า ฤกษ์พิชัยสงคราม ซ่ึงโหราจารย์ประจา กองทพัจะเป็นผู้หาฤกษ์ให้โดยเช่ือกนัว่าฤกษ์เคล่ือนทพัมีอทิธิพลท่ี จะช่วยส่งเสริมให้มีชัยชนะหรือปราชัยแก่ข้าศึก และยังมีพระราชพิธีตัดไม้ข่มนามประกอบฤกษ์ด้วย การจัดการกองทัพและการเคลื่อนทัพในต าราพิชัยสงครามระบุได้ชัดเจนว่า กระบวนพยุหยาตราทัพ ต้องประกอบด้วย ริ้วขบวน ขนาบ ขนาน ของเหล่าทหารตามล าดับ เพียบพร้อมด้วยระเบียบวินัยอันดียิ่ง มีแสนยานุภาพเข้าท าศึก มียุทธานุภาพอันเกรียงไกร มีเสบียงอาหารส่งก าลังบ ารุงเสริมพลังรบอย่างพร้อมเพรียง ด่ังคา ประพันธท์ ่ปีรากฏอยู่ในหนังสอืสมุดไทยเร่ืองตา ราพิชัยสงครามเขียนไว้ว่า “จัดแจงแต่งพยู่ห์โยธา พลช้างพลม้า อีกพลรบครบครันจัดทหารชาญเข้มแขงขยัน เร่งรัดเลือกสัน ผู่ไวผู่แว่นแก่นการเกนไว้ให้เสรจ์โดยวาร ส าเนียงเสียงสาร ให้รู้การศึกทุกอัน ปื นใหญ่หน้าไม้เกาทัน ใหญ่น้อยจงสัน ให้เลือกแต่ล้วนหย่างดี แหลนหลาวทวนง้าวตาวจรี กันถัศหัดถี ทังไล่แลหนีวชาญฯ…” ในการจัดกองทัพนั้นต้องมีก าลังศึก ๘ ประการ ได้แก่ หัวศึกคือแม่ทัพ, มือศึกคือกองหัวป่ า, ตีนศึกคือช้างม้า, ตาศึกคือโหราจารย์, หูศึกคือกองสอดแนม, ปากศึกคือทูต, เขี้ยวศึกคือทหาร, ก าลังศึกคือไพร่พล ภาพที่ ๒๕ การจัดทัพรูปประทุมพยุห์
๓๘ หนังสืออ่านเพิ่มเติม เกร็ดความรู้ เรื่อง บทพากย์เอราวัณ ในระหว่างเคล่ือนทพัชัยภมูิท่ตี้ังกองทพัต้องพิจารณาให้รอบคอบ ตัวอย่างเช่น ภมูิประเทศเป็นแม่นา ้ ล าธาร ห้วย หนอง การจะตั้งกองทัพให้ไว้ช้างอยู่ข้างในไว้ม้าและพลเดินเท้าชั้นนอก แล้วให้ขุดคูท าเป็นก าแพง รอบให้มีหอรบบนก าแพง เป็นต้น ส่วนแบบแผนกระบวนทัพ ต้องจัดแต่พหุยาตราทัพเป็นรูปต่างๆ เช่น แต่งเป็นรูปปราสาทพยุห์ คือเคลื่อนทัพเป็นกระบวนริ้วปราสาท แต่งเป็นรูปจังโกทะกะพยุห์ คือเคลื่อนทัพเป็น ริ้วขบวนรูปกระถางดอกไม้ เป็นต้น การด าเนินศึกตามหลักวิชากลยุทธ์โบราณในต าราพิชัยสงครามกล่าวไว้หลายประการ ตัวอย่างเช่น ดา เนินดุจหงส์บิน ให้กองทัพหลวงและพลช้างเดินทัพไปก่อน แล้วให้จตุรงค์พลท้ังส่ีแยกออกเป็นสองส่วน ยกตามไปเป็นซ้าย ขวาแล้วให้ทัพหลวงเฉวียนฉวัดหกคืนตาม ภาพที่ ๒๖ การจัดทัพรูปจุลคชสีห์พยุห์ ยุทธวิธีด าเนินศึกอีกประการหนึ่งคือการจัดกระบวนทัพเพื่อการตั้งรับและเข้าตีขณะประจัญหน้ากัน กอปรด้วยแสนยานุภาพอันมีเปรียบเสียเปรียบเช่น จัดรูปทัพรูปสีหนามพยุห์ เป็ นการตั้งรับรูปสิงห์ใน อิริยาบถก้าวเดิน ใช้สา หรับการต้ังทัพในพ้ืนท่ีอันมีชัยภูมิประกอบด้วยป่าชายเขาดงใหญ่ โดยก าหนดให้ ทพัหน้าอยู่ท่คีอสงิห์ทพัหลวงอยู่ท่ที้องสงิห์ทพัหลังอยู่ท่หีางสงิห์และมีกองแซงล้อมรอบอยู่๔ ทศิจัดทพัรูป ปทุมพยุห์เป็นการต้ังทพัรูปดอกบัว ใช้ได้ท้งัต้ังทพัและเดินทพั ในพ้ืนท่อีันมีชัยภมูิอันเป็นท่รีาบกลางทุ่งโล่ง และถ้าจัดทัพตั้งรับรูปปมธุกพยุห์มีรูปดั่งรวงผึ้งย้อย ให้จัดพลรบเข้าตีด้วย ธนุกะพยุห์ มีรูปดั่งคันธนูเป็นต้น ตา ราพิชัยสงครามท่มีีฉบับในปัจจุบัน ถึงแม้จะไม่ให้รายละเอียดเชิงปฏิบัติอย่างชัดเจนแต่ก็จัดว่าเป็น เอกสารโบราณท่มีีคุณค่าย่ิงในประวัติศาสตร์ของชาติไทยเพ่ือชนพ้ืนหลังได้ศึกษาเป็นพื้นฐานทางการรบ
๓๙ หนังสืออ่านเพิ่มเติม เกร็ดความรู้ เรื่อง บทพากย์เอราวัณ “บรรดาโยธาจัตุรงค์ เปลี่ยนแปลงกายคง เป็นเทพไทเทวัญ” จากเรื่องบทพากย์เอราวัณ อินทรชิตได้แปลงกายเป็นพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณเพื่อไปท าศึกกับ กองทัพพระราม ได้มีการจัดทัพโดยจัดกองทัพเป็ น ๔ เหล่าทัพ คือ เหล่าช้าง เหล่าม้า เหล่ารถ และเหล่าราบ กองทัพ ๔ เหล่านี้เรียกว่า จตุรงคินีเสนา จตุรงคเสนา หรือ จตุงรงคโยธา มีดังนี้ ๑. หัตถิกายะ เหล่าช้าง, กองทัพช้าง ๒. อัสสกายะ เหล่าม้า, กองทัพม้า ๓. รถกายะ เหล่ารถ, กองทัพรถ ๔. ปัตติกายะ เหล่าราบ, กองพลเดินเท้า เหล่าช้าง ทฺวาทสปุริโส หตฺถี ช้าง ๑ เชือก มีทหารประจ า ๑๒ นาย อย่างน้ีคือ พลขับข่ี๔ คน พลรักษา ประจ าเท้าช้างเท้าละ ๒ คน เหล่าม้า ติสฺโส อสฺโส ม้า ๑ ม้า มีทหารประจ า ๓ คน อย่างน้ีคือ พลขับข่ี๑ คน พลรักษาประจ าเท้า ๒ คน เหล่ารถ จตุปฺปุริโส รโถ รถ ๑ คัน มีทหารประจ า ๔ คน อย่างนี้ คือ สารถี(พลขับ) ๑ คน นักรบ (นายทหาร) ๑ คน พลรักษาสลักเพลา ๒ คน เหล่าราบ จตฺตาโร ปุริสา สรหตฺถา เหล่าราบ หรือ พลเดินเท้า มีพลอย่างนี้ คือ ทหารถืออาวุธครบมือ ๔ คน ภาพที่ ๒๗ ทหารของกองทัพอินทรชิต
๔๐ หนังสืออ่านเพิ่มเติม เกร็ดความรู้ เรื่อง บทพากย์เอราวัณ “ทัพหน้าอารักขไพรสัณฑ์ ทัพหลังสุบรรณ กินนรนาคนาคา ปีกซ้ายฤาษิตวิทยา คนธรรพ์ปีกขวา ตั้งตามต ารับทัพชัย” การจัดทัพของอินทรชิต นอกจากจะแบ่งเป็น ๔ เหล่าทัพแล้ว อินทรชิตยังให้พลทหารยักษ์ทุกตน แปลงกายเป็นเทวดาจ าพวกต่าง ๆ เช่น รุกขเทวดา เทพารักษ์ ครุฑ นาค กินนร ฤาษี วิทยาธร คนธรรพ์ ซึ่งจะกล่าวถึงรายละเอียดในตอนต่อไป และอินทรชิตได้จัดกระบวนทัพเพื่อออกศึก ดังนี้ ภาพที่ ๒๘ การจัดทัพของอินทรชิต ทัพหลวง ทัพหน้า ทัพหลัง ปีกขวา ปีกซ้าย พระอินทร์แปลง รุขเทวดา, เทพารักษ์ คนธรรพ์ ฤาษี นักสิทธิ์, วิทยาธร ครุฑ, กินนร, นาค
๔๑ หนังสืออ่านเพิ่มเติม เกร็ดความรู้ เรื่อง บทพากย์เอราวัณ จากภาพท่ี๒๘ การจัดทัพของอินทรชิต แสดงให้เห็นว่าเหล่าทัพท้ัง ๔ เหล่าทัพของอินทรชิตท่ี เป็นเทวดาแปลงนั้น มีเทวดาประจ าเหล่าทัพดังนี้ รุกเทวดาเป็นทัพหน้า ครุฑ นาค กินนร เป็นทัพหลัง คนธรรพ์ เป็นปีกขวา ฤๅษีนักสิทธ์ิวิทยาธร เป็นปีกซ้าย เทวดาแปลงทุกตนล้วนถืออาวุธครบมือเตรียม ทา ศึก ดังคา ประพันธท์ ่วี่า “ล้วนถืออาวุธเกรียงไกร โตมรศรชัย พระขรรค์คทาถ้วนตน” จากคา ประพันธข์้างต้น สามารถจา แนกได้ว่าอาวุธท่เีหล่าเทวดาแปลงถือมาน้ัน มีอาวุธดังต่อไปน้ี ๑. โตมร หมายถึง อาวุธส าหรับซัด, หอกซัด ๒. ศร หมายถึง อาวุธชนิดหน่ึง ประกอบด้วยคันสา หรับยิง เรียกว่า คันศร กับลูกท่ีมี ปลายแหลม เรียกว่า ลูกศร ๓. พระขรรค์ หมายถึง ศัสตราวุธชนิดหนึ่ง มีคม ๒ ข้าง ท่กีลางใบมีดท้งัหน้าและหลัง เป็นสันเล็กคล้ายคมรูปหอก ด้ามสั้น ๔. คทา หมายถึง ตะบอง ภาพที่ ๒๙ โตมร ภาพที่ ๓๐ ศร ภาพที่ ๓๑ พระขรรค์ ภาพที่ ๓๒ คทา ๑๓. ศึกษาเพิ่มเติม
๔๒ หนังสืออ่านเพิ่มเติม เกร็ดความรู้ เรื่อง บทพากย์เอราวัณ ประเภทของเทวดา ภาพที่ ๓๓ กองทัพเทวดาแปลงของอินทรชิต “บรรดาโยธาจัตุรงค์ เปลี่ยนแปลงกายคง เป็นเทพไทเทวัญ ทัพหน้าอารักขไพรสัณฑ์ ทัพหลังสุบรรณ กินนรนาคนาคา ปีกซ้ายฤาษิตวิทยา คนธรรพ์ปีกขวา ตั้งตามต ารับทัพชัย” ตามคติศาสนาพุทธ เทวดา หมายถึง ชาวสวรรค์ ถ้าเป็นเพศชายเรียกว่าเทพบุตร เพศหญิงเรียกว่า เทพธิดา และเรียกโดยรวมว่าเทวดา ในบางกรณีอาจครอบคลุมถึงพระพรหมทั้งหลายในพรหมโลกด้วย เทวดา แบ่งเป็น ๓ ชั้น ได้แก่ ๑. เทวดาชั้นฉกามาพจร (ผู้ท่ียังเก่ียวข้องกับกาม) อยู่บนสวรรค์ช้ันฉกามาพจร หรือ สวรรค์ท่ียังเก่ียวข้องกับกามซ่ึงแบ่งออกเป็น ๖ ชั้น คือ จาตุมหาราชิกา ดาวดึงส์ ยามา ดุสิต นิมมานรดี และปรนิมมิตวสวัตดี ๒. เทวดาชั้นรูปาวจรภูมิ หรือ รูปพรหม ๑๖ ช้ัน เป็นเทวดาท่ยีังมีกายทิพย์อยู่ ๓. เทวดาชั้นอรูปาวจรภูมิหรือ อรูปพรหม เป็นเทวดาซึ่งไม่มีกายทิพย์
๔๓ หนังสืออ่านเพิ่มเติม เกร็ดความรู้ เรื่อง บทพากย์เอราวัณ ในท่ีน้ีจะกล่าวรายละเอียดเฉพาะเทวดาชั้นฉกามาพจรท้ัง ๖ ช้ัน ซ่ึงเก่ียวข้องกับเทวดาในเร่ือง บทพากย์เอราวัณ ตามคติจักรวาลวิทยาในศาสนาพุทธ ฉกามาพจร คือ สวรรค์ ๖ ชั้น ท่ยีังเก่ียวข้องกับ กาม หรือ สวรรค์ท่ีอยู่ในกามภมูิเมื่อนับรวมกับมนุสสภูมิจะเรียกว่า กามสุคติภูมิ ๗ สวรรค์ทั้ง ๖ ชั้น มีดังนี้ สวรรค์ชั้นที่ ๑ จาตุมหาราชิกา เป็นช้ันท่ีอยู่บริเวณรอบ ๆ เขาพระสุเมรุแบ่งออกเป็น ๔ อาณาบริเวณ คือ เขตการปกครองคนธรรพ์ ยักษ์ นาค และผีเสื้อกับกุมภัณฑ์ เทวดาชั้นนี้จะมีอายุ หรือ ๙ ล้านปี มนุษย์ มีท้าวโลกบาลทั้ง ๔ คือ ท้าวธตรฐ ท้าววิรุฬหก ท้าววิรูปักษ์ และท้าวกุเวร เป็นจอมเทพในทิศ ของตน ดังนี้ ๑. ท้าวธตรฐ มหาราช เป็นผู้ปกครอง คันธัพพเทวดา ทั้งหมด อยู่ทางทิศตะวันออก ๒. ท้าววิรุฬหก มหาราช เป็นผู้ปกครอง กุมภัณฑ์เทวดา ทั้งหมด อยู่ทางทิศใต้ ๓. ท้าววิรูปักษ์ มหาราช เป็นผู้ปกครอง นาคะเทวดา ทั้งหมด อยู่ทางทิศตะวันตก ๔. ท้าวเวสสุวรรณ หรือท้าวกุเวร มหาราช เป็นผู้ปกครอง ยักขเทวดา ทั้งหมด อยู่ทางทิศเหนือ ท้าวมหาราช ทั้ง ๔ องค์นี้ เป็นผู้รักษาโลกมนุษย์ด้วย จึงชื่อว่า ท้าวจตุโลกบาล หรือ ท้าวโลกบาล สวรรค์ชั้นที่ ๒ ดาวดึงส์ เป็นสวรรค์ช้ันท่ีอยู่ของพระอินทร์หรือท้าวสักกะเป็นจอมเทพ และ มีบริวารอีก ๓๒ องค์ร่วมดูแล ซึ่งในอดีตชาติเป็นมฆมานพและสหายอีก ๓๒ คนท่รี่วมกันทา ความดีด้วย การสร้างถนนสาธารณะ สวรรค์ชั้นที่ ๓ ยามา เป็นสวรรค์ช้ันท่ีอยู่สูงกว่าวงโคจรของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ทา ให้ ไม่มีแสงสว่าง เทวดาเห็นกันด้วยรัศมีของตนเอง ผู้ปกครองยามาภูมิคือท้าวสุยามะ สวรรค์ชั้นที่ ๔ ดุสิต เป็นสวรรค์ท่ปีระทบัพระโพธิสัตว์และว่าท่พีระพุทธบิดาและพระพุทธมารดา มีท้าวสันดุสิตเป็นจอมเทพ สวรรค์ชั้นที่ ๕ นิมมานรดี เป็นช้ันท่เีทวดาสามารถเนรมิตส่ิงของตามประสงค์ได้มีท้าวสุนิมมิต เป็นจอมเทพ สวรรค์ชั้นที่ ๖ ปรนิมมิตวสวัตดี เป็นสวรรค์ช้ันท่ปีระเสริฐท่สีดุมีท้าววสวัตตีซึ่งเป็นเทพบุตรมาร เป็นจอมเทพ จากบทพากย์เอราวัณ ในบรรดากองทัพเทวดาแปลงของอินทรชิตเป็นเทวดาท่ีอยู่ณ สวรรค์ช้ัน จาตุมหาราชิกาท้งัส้นิยกเว้นพระอนิทร์เพียงองค์เดียวท่อียู่ณ สวรรค์ช้ันดาวดึงสซ์ ่ึงเหนือข้ึนไปอกีช้นัหน่งึ เหล่าเทวดาท่ปีรากฏในบทพากย์เอราวัณมีเกรด็ความรู้เร่ืองราวต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
๔๔ หนังสืออ่านเพิ่มเติม เกร็ดความรู้ เรื่อง บทพากย์เอราวัณ รุกขเทวดา ภาพที่ ๓๔ รุกขเทวดา “ทัพหน้าอารักขไพรสัณฑ์ ทัพหลังสุบรรณ กินนรนาคนาคา” อารักขไพรสัณฑ์หมายถึง เทวดาท่ีรักษาป่า หรือท่ีเรียกว่า รุกขเทวดา ส่วนเทพารักษ์น้ันเป็น การเรียกรวมเทวดาต่าง ๆ ท่ทีา หน้าท่รีักษาสถานท่ตี่าง ๆ หรือสิงสถิตเป็นเจ้าของท่ใีดท่หีน่ึง รุกขเทวดาเป็น เทวดาท่อียู่ภายใต้การปกครองดูแลของท้าวธตรฐ ๑ ใน ๔ ท้าวจตุโลกบาล ผู้ปกครอง คันธัพพเทวดา ทั้งหมด อยู่ทางทิศตะวันออก ซึ่งคันธัพพเทวดานี้ ได้แก่ เทวดาคันธัพพะ ท่ีถือกา เนิดภายในต้นไม้ท่ีมีกล่ินหอม ยังรวมถึง คนธรรพ์ วิทยาธร นางไม้ และอื่น ๆ อีกด้วย นอกจากเทวดาจะแบ่งเป็น ๔ จ าพวกตามการปกครอง ของท้าวจตุโลกบาลแล้ว ยังแบ่งตามท่อียู่อาศัยของเทวดาออกเป็น ๓ ประเภท ดังน้ี ๑. ภุมมเทวดา เทวดาท่อาศัยอยู่ตามพื้นดิน เช่น ภูเขา แม่น ้า มหาสมุทร ใต้พื้นดิน บ้านเรือน ซุ้ม ี ประตูเจดีย์ศาลา เป็นต้น ถือว่าท่นี้ัน ๆ เป็นวิมานของตน ๒. รุกขเทวดา เทวดาท่อาศัยอยู่ตามต้นไม้ มี ๒ จ าพวก คือ ี ๒.๑ มีวิมานอยู่บนต้นไม้ ถ้าอยู่บนยอดต้นไม้ เรียกว่า รุกขวิมาน ถ้าอยู่บนสาขาของต้นไม้ เรียกว่า สาขัฏฐวิมาน ๒.๒ อยู่บนต้นไม้แต่ไม่มีวิมาน (ท่อียู่ของเทวดา) ๓. อากาศเทวดา เทวดาท่มีีวิมานอยู่ในอากาศ
๔๕ หนังสืออ่านเพิ่มเติม เกร็ดความรู้ เรื่อง บทพากย์เอราวัณ รุกขเทวดา เป็นเทวดาท่สีิงสถิตอยู่ตามต้นไม้ ซ่ึงแบ่งออกเป็น ๒ จา พวกอีก คือ พวกท่มีีวิมานอยู่บน ต้นไม้และพวกท่ีอยู่บนต้นไม้แต่ไม่มีวิมาน ในคัมภีร์ธัมมปทัฏฐกถา ถือว่ารุกขเทวดาอยู่จ าพวกเดียวกับ พระภูมิ ส่วนนางไม้นั้นเป็นผีผู้หญิงท่ีสิงสถิตตามต้นไม้ใหญ่ศาสนาพุทธถือว่านางไม้เป็นคนธรรพ์ท่ีถือ ก าเนิดอยู่ภายในต้นไม้และต่างจากรุกขเทวดาตรงท่ีเม่ือต้นไม้ท่สีิงสถิตน้ันล้มลง รุกขเทวดาจะย้ายไปอาศัย ต้นไม้อื่นต่อ แต่นางไม้ยังคงสถิตในต้นไม้นั้นเรื่อยไปแม้ไม้นั้นจะถูกแปรรูปแล้วก็ตาม ภาพที่ ๓๕ รุกขเทวดา ๑๔. ศึกษาเพิ่มเติม