The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รายวิชาสังคมศึกษา
เรื่องการคุ้มครองผู้บริโภค ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by rfeghgsokoppo, 2024-06-21 17:52:57

การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รายวิชาสังคมศึกษา เรื่องการคุ้มครองผู้บริโภค ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E)

การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รายวิชาสังคมศึกษา
เรื่องการคุ้มครองผู้บริโภค ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E)

42 3.5 การวิเคราะห์ข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูลเรื่อง การคุ้มครองผู้บริโภค ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ผู้วิจัยได้ ด าเนินการ ดังนี้ 1) หาประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้ และแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 2) หาค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าร้อยละ ที่ได้จากการทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนตามแผนการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5E เรื่องการคุ้มครองผู้บริโภค ของ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ก่อนเรียนและหลังเรียน 3.6 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล 1) สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์หาคุณภาพของเครื่องมือ 1.1) ค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) IOC = ∑ R N เมื่อ IOC แทน ค่าดัชนีความสอดคล้อง ∑ R แทน ผลรวมของคะแนนการพิจารณาของผู้เชี่ยวชาญ N แทน จ านวนผู้เชี่ยวชาญ 1.2) ค่าความยากง่าย P = RH+RL NH+NL เมื่อ P คือ ความยากง่าย RH คือ จ านวนนักเรียนที่ตอบถูกในกลุ่มคะแนนสูง RL คือ จ านวนนักเรียนที่ตอบถูกในกลุ่มคะแนนต ่า NH คือ จ านวนนักเรียนทั้งหมดในกลุ่มคะแนนสูง NL คือ จ านวนนักเรียนทั้งหมดในกลุ่มคะแนนต ่า


43 1.3) ค่าอ านาจจ าแนก r = RH−RL NHorNL เมื่อ r คือ ค่าอ านาจจ าแนก RH คือ จ านวนนักเรียนที่ตอบถูกในกลุ่มคะแนนสูง RL คือ จ านวนนักเรียนที่ตอบถูกในกลุ่มคะแนนต ่า NH คือ จ านวนนักเรียนทั้งหมดในกลุ่มคะแนนสูง NL คือ จ านวนนักเรียนทั้งหมดในกลุ่มคะแนนต ่า 1.4) ค่าความเชื่อมั่น KR − 20 = [ k k−1 ][1 − ∑PiQi St 2 ] เมื่อ KR − 20 คือ สัมประสิทธิ์ความเชื่อมั่นของคูเดอร์-ริชาร์ดสัน 20 Pi คือ สัดส่วนของผู้ตอบถูกในข้อที่ i Qi คือ สัดส่วนของผู้ตอบผิดในข้อที่ i = 1-p k คือ จ านวนแบบทดสอบ St 2 คือ ความแปรปรวนของคะแนนรวม 1.5) ค านวณค่าความแปรปรวนของคะแนนรวมของแบบทดสอบ St 2 St 2 = N ∑x 2−(∑ x) 2 N(N−1) เมื่อ St 2 คือ ความแปรปรวนของคะแนนรวม N คือ จ านวนนักเรียนทั้งหมด ∑ x คือ ผลรวมของคะแนนสอบ ∑ x 2 คือ ผลรวมของคะแนนสอบยกก าลังสอง


44 2) สถิติพื้นฐาน 2.1) ค่าเฉลี่ย x̅ = ∑ x N เมื่อ x̅ คือ ค่าดัชนีความสอดคล้อง ∑ x คือ ผลรวมของคะแนนทั้งหมด N คือ จ านวนข้อมูล 2.2) ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) S. D. = √n ∑ x 2−(∑ x) 2 n(n−1) เมื่อ ∑ x 2 คือ ผลรวมของคะแนนแต่ละตัวยกก าลังสอง ∑ x คือ ผลรวมของคะแนนทั้งหมด n คือ จ านวนกลุ่มตัวอย่าง 3) การหาประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้ และแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการ เรียน ตามเกณฑ์ประสิทธิภาพ80/80 3.1) ประสิทธิภาพของกระบวนการ IOC = ∑ R N เมื่อ IOC คือ ค่าดัชนีความสอดคล้อง ∑ R คือ ผลรวมของคะแนนการพิจารณาของผู้เชี่ยวชาญ N คือ จ านวนผู้เชี่ยวชาญ


45 3.2) ประสิทธิภาพของผลลัพธ์ ใช้สูตร E1/E2 หาได้จาก E1 = ∑ x n A ×100 เมื่อ ∑ คือ คะแนนรวมของนักเรียนทุกคนจากการท ากิจกรรม ระหว่างเรียน n คือ จ านวนนักเรียน A คือ คะแนนเต็มระหว่างเรียน E2 = ∑ x n B ×100 เมื่อ ∑ x คือ คะแนนรวมของนักเรียนทุกคนจากการท า แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน n คือ จ านวนนักเรียน B คือ คะแนนเต็มแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 4) สถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐาน 4.1) เปรียบเทียบผลคะแนนระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน โดยพิจารณาให้ สอดคล้องกับเนื้อหา และจุดประสงค์การเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้สืบเสาะหาความรู้ (5E) ใช้สูตร E1/E2 หาได้จาก E1 = ∑ x n A ×100 เมื่อ ∑ คือ คะแนนรวมของนักเรียนทุกคนจากการท ากิจกรรม ระหว่างเรียน n คือ จ านวนนักเรียน A คือ คะแนนเต็มระหว่างเรียน


46 2 E2 = ∑ x n B ×100 เมื่อ ∑ คือ คะแนนรวมของนักเรียนทุกคนจากการท า แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน n คือ จ านวนนักเรียน B คือ คะแนนเต็มแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 4.2) เปรียบเทียบผลคะแนนระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน โดยการ ทดสอบทีแบบไม่อิสระ (t-test of Dependent Sample) ใช้สูตรดังนี้ สูตร T = ∑ D √n ∑ D 2 − (∑ D) n − 1 เมื่อ T คือ ค่าสถิติที่ใช้เปรียบเทียบกับค่าวิกฤตในการแจกแจง แบบ t เพื่อทราบความมีนัยส าคัญ D คือ ผลต่างของคะแนนสอบก่อนเรียนและหลังเรียน n คือ จ านวนนักเรียนทั้งหมดของกลุ่มตัวอย่าง


47 บทที่ 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล การวิจัยเรื่อง การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รายวิชาสังคมศึกษา เรื่องการคุ้มครอง ผู้บริโภค ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหา ความรู้(5E)รายวิชาสังคมศึกษา เรื่องการคุ้มครองผู้บริโภค ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ให้มี ประสิทธิภาพตามเกณฑ์80/80 และเพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาสังคมศึกษา เรื่องการคุ้มครองผู้บริโภค ของชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหา ความรู้(5E)ก่อนเรียนและหลังเรียน ซึ่งผลการวิเคราะห์ข้อมูล ดังรายละเอียดต่อไปนี้ ตอนที่ 1 ผลการพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสืบ เสาะหาความรู้(5E) ประสิทธิภาพตามเกณฑ์80/80 ตอนที่ 2 ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ สืบเสาะหาความรู้(5E) ก่อนเรียนและหลังเรียน ตอนที่ 1 ผลการพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 ผู้วิจัยได้น าแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้สืบเสาะหาความรู้(5E) เรื่องการคุ้มครองผู้บริโภค ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ประสิทธิภาพตามเกณฑ์80/80 น าไป ทดลองกับนักเรียนกลุ่มตัวอย่าง โดยน าแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้สืบ เสาะหาความรู้(5E) เรื่องการคุ้มครองผู้บริโภค ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ประกอบด้วยเนื้อหา สาระ จ านวน 6 แผนการจัดการเรียนรู้จ านวน 8 ชั่วโมง คือ 1) เรื่องสิทธิผู้บริโภค 2) เรื่องกฎหมาย คุ้มครองผู้บริโภค1 3) เรื่องกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค2 4) เรื่องหน่วยงานคุ้มครองผู้บริโภค 5)เรื่องปกป้องและคุ้มครองผู้บริโภค 6) เรื่อง ผู้บริโภคสู่ผู้ผลิต มาใช้สอนจนครบทุกแผน และท าการ ประเมินผู้เรียนโดยใช้ชิ้นงานที ่ท าในกิจกรรมการเรียนการสอน และให้ท าแบบทดสอบหลังเรียน จ านวน 20 ข้อ จากนั้นผู้วิจัยได้น าผลการทดสอบของนักเรียนรายบุคคลมาวิเคราะห์หาประสิทธิภาพ ของแผนการจัดการเรียนรู้โดยน าแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้สืบเสาะหา ความรู้(5E) แสดงผลการวิเคราะห์ข้อมูล ดังแสดงในตารางที่ 1-4


48 ตารางที่ 1 ผลรวมของคะแนนก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการ จัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้(5E) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เลขที่ ผลการ วัดก่อน เรียน (20) ผลการวัดระหว่างเรียน รวม (30) ผลการ วัดหลัง เรียน (20) แผนที่ 1 (5) แผนที่ 2 (5) แผนที่ 3 (5) แผนที่ 4 (5) แผนที่ 5 (5) แผนที่ 6 (5) 1 10 3 3 3 5 4 5 23 16 2 10 4 4 4 4 5 5 26 16 3 10 3 3 3 5 5 5 24 17 4 11 3 4 4 4 5 5 25 15 5 12 4 4 4 4 5 4 25 16 6 10 3 5 4 5 5 5 27 16 7 13 4 3 4 4 5 5 25 17 8 11 4 4 3 3 4 5 23 16 9 12 5 4 4 4 5 5 27 19 10 11 5 5 5 3 5 5 28 18 11 12 4 3 5 5 5 5 27 16 12 10 3 4 4 4 5 5 25 16 13 12 3 3 4 5 5 4 24 17 14 10 4 3 4 4 5 5 25 15 15 8 3 3 3 3 5 5 22 16 16 10 4 4 4 5 4 5 26 16 17 10 5 3 4 4 5 5 26 17 18 12 4 4 3 5 5 5 26 16 19 10 3 3 4 4 5 4 23 17 20 11 4 5 5 5 5 5 29 16


49 ตารางที่ 1 ผลรวมของคะแนนก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการ จัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้(5E) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 (ต่อ) เลขที่ ผลการ วัดก่อน เรียน (20) ผลการวัดระหว่างเรียน รวม (30) ผลการ วัดหลัง เรียน (20) แผนที่ 1 (5) แผนที่ 2 (5) แผนที่ 3 (5) แผนที่ 4 (5) แผนที่ 5 (5) แผนที่ 6 (5) 21 10 4 4 3 3 5 4 23 15 22 12 5 5 3 5 5 5 28 16 23 11 4 4 4 5 4 5 26 15 24 10 5 3 4 4 5 5 26 16 25 12 4 4 4 4 5 5 26 17 26 12 5 5 5 3 4 5 27 16 27 10 4 4 5 3 5 4 25 18 28 11 2 5 4 4 5 5 25 16 29 13 4 3 3 3 4 5 22 16 30 12 4 4 4 4 5 5 26 17 31 10 4 5 5 3 5 4 26 18 32 10 4 4 5 5 4 4 26 16 33 14 5 4 4 4 5 5 27 18 34 12 5 4 5 3 4 5 26 16 35 12 4 5 5 5 5 5 29 16 36 10 5 4 5 3 5 5 27 15 37 10 4 4 5 5 4 5 27 17 38 10 5 5 5 3 5 5 28 16 39 12 4 5 5 4 4 5 27 17 40 10 5 5 5 4 4 4 27 16 41 11 4 5 4 3 5 5 26 15 42 10 4 4 4 4 4 4 24 15 43 10 4 5 4 4 4 4 25 14


50 ตารางที่ 1 ผลรวมของคะแนนก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการ จัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้(5E) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 (ต่อ) เลขที่ ผลการ วัดก่อน เรียน (20) ผลการวัดระหว่างเรียน รวม (30) ผลการ วัดหลัง เรียน (20) แผนที่ 1 (5) แผนที่ 2 (5) แผนที่ 3 (5) แผนที่ 4 (5) แผนที่ 5 (5) แผนที่ 6 (5) 44 11 5 4 5 4 5 5 28 15 ∑ 480 161 160 166 162 189 192 1133 714 X 10.91 3.66 3.64 3.77 3.68 4.30 4.36 25.75 16.23 S.D. 1.16 0.75 0.75 0.71 0.76 0.46 0.42 1.73 1.01 % 54.55 73.18 72.73 75.45 73.64 85.91 87.27 85.83 81.14 ประสิทธิภาพ(E) E1 = 85.83 ,E2 = 81.14 จากตารางที่ 1 พบว่า นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ได้คะแนนเฉลี่ยจากการท าชิ้นงานเรื่อง การคุ้มครองผู้บริโภค เท่ากับ 25.75 คิดเป็นร้อยละ 85.83 และคะแนนเฉลี่ยจากการท าแบบทดสอบ วัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน เท่ากับ 16.23 คิดเป็นร้อยละ 81.14 ดังนั้น แผนการจัดการ เรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้(5E) เรื่องการคุ้มครองผู้บริโภค ของ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์80/80


51 ตารางที่ 2 ประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหา ความรู้(5E) รายวิชาสังคมศึกษา เรื่องการคุ้มครองผู้บริโภค ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่2 คะแนนระหว่างเรียน (E 1 ) คะแนนวัดผลสัมฤทธิ์หลังเรียน(E 2 ) N คะแนนเต็ม X % คะแนนเต็ม X % 44 30 25.75 85.83 20 16.23 81.14 จากตารางที่ 2 แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) รายวิชาสังคมศึกษา เรื่องการคุ้มครองผู้บริโภค ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่2 มีระสิทธิภาพ ก่อนและหลังเรียน เท่ากับ 85.83/81.14 แสดงว่า แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัดการ เรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้(5E) รายวิชาสังคมศึกษา เรื่องการคุ้มมครองผู้บริโภค ของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่2 ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์80/80 ที่ตั้งไว้ ตอนที่ 2 ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหา ความรู้ (5E) ก่อนเรียนและหลังเรียน ผู้วิจัยได้น าคะแนนผลสัมฤทธิ์ก่อนเรียน และผลสัมฤทธิ์หลังเรียน เรื่องการคุ้มครองผู้บริโภค ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่2 โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้(5E) ของ นักเรียนจ านวน 44 คน คะแนนเต็ม 20 คะแนน แสดงผลการวิเคราะห์ข้อมูลดังแสดงในตารางที่ 3


52 ตารางที่ 3 คะแนนเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของผลสัมฤทธิ์ก่อนเรียน และผลสัมฤทธิ์หลังเรียน เรื่องการคุ้มครองผู้บริโภค ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 นักเรียน (เลขที่) คะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน D ผลต่างคะแนน D 2 ก่อนเรียน (20) หลังเรียน(20) 1 10 16 6.00 36.00 2 10 16 6.00 36.00 3 10 17 7.00 49.00 4 11 15 4.00 16.00 5 12 16 4.00 16.00 6 10 16 6.00 36.00 7 13 17 4.00 16.00 8 11 16 5.00 25.00 9 12 19 7.00 49.00 10 11 18 7.00 49.00 11 12 16 4.00 16.00 12 10 16 6.00 36.00 13 12 17 5.00 25.00 14 10 15 5.00 25.00 15 8 16 8.00 64.00 16 10 16 6.00 36.00 17 10 17 7.00 49.00 18 12 16 4.00 16.00 19 10 17 7.00 49.00 20 11 16 5.00 25.00 21 10 15 5.00 25.00 22 12 16 4.00 16.00 23 11 15 4.00 16.00 24 10 16 6.00 36.00 25 12 17 5.00 25.00


53 ตารางที่ 3 คะแนนเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของผลสัมฤทธิ์ก่อนเรียน และผลสัมฤทธิ์หลังเรียน เรื่องการคุ้มครองผู้บริโภค ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 (ต่อ) นักเรียน (เลขที่) คะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน D ผลต่างคะแนน D 2 ก่อนเรียน (20) หลังเรียน(20) 26 12 16 4 16 27 10 18 8 64 28 11 16 5 25 29 13 16 3 9 30 12 17 5 25 31 10 18 8 64 32 10 16 6 36 33 14 18 4 16 34 12 16 4 16 35 12 16 4 16 36 10 15 5 25 37 10 17 7 49 38 10 16 6 36 39 12 17 5 25 40 10 16 6 36 41 11 15 4 16 42 10 15 5 25 43 10 14 4 16 44 11 15 4 16 ∑ 480 714 234 1318 X 10.91 16.23 S.D. 1.16 1.01 ร้อยละ 54.55 81.14 ∑D = 234 ∑D = 1318


54 จากตารางที่ 3 พบว่า นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การ คุ้มครองผู้บริโภค โดยมีคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียน เท่ากับ 10.91 และคะแนนเฉลี่ยหลังเรียน เท่ากับ 16.23 คะแนนเฉลี่ยหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน ตารางที่ 4 ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องการคุ้มครองผู้บริโภค ของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 2 การทดสอบ N คะแนนเต็ม X S.D. Df T sig ก่อนเรียน 44 20 10.91 1.16 43 26.97 0.000 หลังเรียน 44 20 16.23 1.01 *มีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ .01 จากตารางที่ 4 พบว่า ค่า T ที่ค านวณได้เท่ากับ 26.97 ดังนั้นสรุปได้ว่าผลการเปรียบเทียบ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การคุ้มครองผู้บริโภคโดยมีคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียน เท่ากับ 10.91 และ คะแนนเฉลี่ยหลังเรียน เท่ากับ 16.23 ซึ่งมีคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยส าคัญ ทางสถิติที่ระดับ .01


55 บทที่ 5 สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ ในการวิจัย เรื่อง การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รายวิชาสังคมศึกษา เรื่องการคุ้มครอง ผู้บริโภค ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ในครั้งนี้ผู้วิจัยขอน าเสนอ การสรุปผลการวิจัย ดังต่อไปนี้ วัตถุประสงค์ 1. พัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) รายวิชาสังคมศึกษา เรื่องการคุ้มครองผู้บริโภค ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ให้มีประสิทธิภาพ ตามเกณฑ์ 80/80 2. เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาสังคมศึกษา เรื่องการคุ้มครองผู้บริโภค ของ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ก่อนเรียนและ หลังเรียน สมมติฐานการวิจัย 1.ประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้ โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหา ความรู้ (5E) รายวิชาสังคมศึกษา เรื่องการคุ้มครองผู้บริโภค ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มี ประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่เรียนด้วยการจัดการเรียนโดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) รายวิชาสังคมศึกษา เรื่องการคุ้มครองผู้บริโภค มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน วิธีด าเนินการวิจัย 1. ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ประชากรในการวิจัยครั้งนี้ เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จ านวน 633 คน ซึ่ง กลุ่มตัวอย่างได้จากการเลือกแบบเจาะจง 1 ห้องเรียน คือนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/8 จ านวน 44 คน เพื่อเป็นกลุ่มตัวอย่างในการวิจัยครั้งนี้


56 2. เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยในครั้งนี้ ประกอบด้วย 2.1 แผนการจัดการเรียนรู้วิชาสังคมศึกษา ที่จัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยใช้รูปแบบ การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) รายวิชาสังคมศึกษา เรื่องการคุ้มครองผู้บริโภค ที่ผู้วิจัย สร้างขึ้นประกอบ จ านวนทั้งสิ้น 6 แผน รวม 8 ชั่วโมง มีค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) เท่ากับ 1.00 2.2 แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาสังคมศึกษา เรื่องการคุ้มครองผู้บริโภค ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นเป็นแบบทดสอบปรนัยมี 4 ตัวเลือก จ านวน 20 ข้อ แต่ละข้อมีค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) เท่ากับ 1.00 มีความยากง่ายระหว่าง 0.50 – 0.60 ค่าอ านาจจ าแนกของข้อสอบรายข้อ มีค่า ตั้งแต่ 0.50 ขึ้นไป และค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบทั้งฉบับมีค่า 0.88 หรือ 88% 3. การเก็บรวบรวมข้อมูล การด าเนินการวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยด าเนินการทดลองและเก็บข้อมูลกับนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 2 การด าเนินการทดลองและเก็บข้อมูลในแต่ละขั้น มีดังนี้ 3.1 เตรียมนักเรียนก ่อนด าเนินการสอน โดยแนะน าวิธีการเรียนโดยใช้รูปแบบการ จัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ให้นักเรียนมีความรู้การสร้างข้อตกลงเบื้องต้นเกี่ยวกับการ เรียน ขั้นตอนการเรียนและบทบาทวิธีการปฏิบัติตนในการเรียนวิชาสังคมศึกษา และท าการทดสอบ ก ่อนเรียน (Pretest) โดยใช้แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาสังคมศึกษา เรื ่องการ คุ้มครองผู้บริโภค ใช้เวลา 1 ชั่วโมงในสัปดาห์แรก 3.2 ด าเนินการทดลองการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนวิชาสังคมศึกษา ใช้รูปแบบการ จัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) เรื่องการคุ้มครองผู้บริโภค กับนักเรียนกลุ่มตัวอย่างตาม แผนการจัดการเรียนรู้ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น จ านวน 6 แผน ใช้เวลา 6 ชั่วโมง 3.3 ท าการทดสอบหลังเรียน (Posttest) หลังจากการทดลองสอนสิ้นสุดลง โดยใช้ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาสังคมศึกษา เรื่องการคุ้มครองผู้บริโภค ฉบับเดียวกันกับที่ ใช้ทดสอบก่อนการทดลอง โดยใช้เวลา 1 ชั่วโมง และใช้แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชา สังคมศึกษา เรื่องการคุ้มครองผู้บริโภค ผู้วิจัยสร้างขึ้น


57 สรุปผลการวิจัย ผลการวิจัยครั้งนี้สรุปได้ดังนี้ 1. แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้(5E) รายวิชา สังคมศึกษา เรื่องการคุ้มครองผู้บริโภค ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่2 มีประสิทธิภาพก่อนและ หลังเรียน เท่ากับ 85.83/81.14 แสดงว่า แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัดการ เรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้(5E) รายวิชาสังคมศึกษา เรื่องการคุ้มมครองผู้บริโภค ของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์ 80/80 2. ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การคุ้มครองผู้บริโภคโดยมีคะแนนเฉลี่ย ก่อนเรียน เท่ากับ 10.91 และคะแนนเฉลี่ยหลังเรียน เท่ากับ 16.23 ซึ่งมีคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนสูงกว่า ก่อนเรียนอย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ .01 อภิปรายผล จากผลการวิจัยในครั้งนี้ผู้วิจัยขออภิปรายผลตามผลการวิจัย ดังต่อไปนี้ 1) ผลการพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหา ความรู้(5E) รายวิชาสังคมศึกษา เรื ่องการคุ้มครองผู้บริโภค ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่2 มี ประสิทธิภาพก่อนและหลังเรียน เท่ากับ 85.83/81.14 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ก าหนด 80/80 ทั้งนี้อาจเป็น เพราะแผนการจัดการเรียนรู้ที ่ผู้วิจัยได้จัดท าขึ้นมีกระบวนการท าอย ่างเป็นระบบและวิธีการที่ เหมาะสม โดยผู้วิจัยเริ่มต้นจากการศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหา ความรู้(5E) ซึ่งมีความหมายว่า เป็นการจัดการเรียนการสอนที่ให้นักเรียนได้คิดวิเคราะห์ด้วยตนเอง ทั้งในเรื่องที่นักเรียนสนใจที่จะศึกษาเพื่อหาค าตอบ โดยใช้กระบวนการสืบค้นหรือค้นคว้าหาความรู้ ท าให้นักเรียนเกิดความคิดสร้างสรรค์และได้ใช้ความคิดของตนเอง ได้เรียนรู้ด้วยตนเองมากที่สุด เมื่อ ผู้วิจัยมีความเข้าใจเกี่ยวกับรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะ(5E)แล้ว จึงได้ท าการเลือกเนื้อหา สาระ ศึกษาเอกสารหลักสูตรแกนกลาง หลักสูตรโรงเรียนของกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม การวิเคราะห์เนื้อหา การก าหนดหน่วยย่อย ก าหนดความคิดรวบยอด จุดประสงค์การ เรียนรู้และการวัดประเมินผลการจัดการเรียนรู้เพื่อจัดท าเป็นแผนการจัดการเรียนรู้โดยแผนการ จัดการเรียนรู้ที ่ผู้วิจัยได้สร้างขึ้นต้องได้ผ ่านการทดลองกับกลุ ่มตัวอย ่างนักเรียนหลายคน ผ ่าน กระบวนการตรวจสอบและปรับปรุงแก้ไข จากผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในการสอนในกลุ่มสาระ การเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม จ านวน 3 ท่าน ประเมินค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) ของแผนการจัดการเรียนรู้ก ่อนที ่จะน าไปทดลองจริง ซึ ่งจากเหตุผลที ่กล ่าวมาท าให้การพัฒนา แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้(5E) รายวิชาสังคมศึกษา


58 เรื่องการคุ้มครองผู้บริโภค ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีประสิทธิภาพ 85.83/81.14 สูงกว่า เกณฑ์80/80 ที่ก าหนดไว้ จากผลการวิจัยดังกล่าวสอดคล้องกับผลการศึกษาของ ปฏิภาณ สร้างค า (2560 : บทคัดย่อ) ได้ท าวิจัยเรื ่องการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื ่อง พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ไทยสมัย ประชาธิปไตย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้5 ขั้น (5E) ผลการวิจัยพบว่า แผนการจัดการเรียนรู้เรื่อง พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ไทยสมัยประชาธิปไตย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้5 ขั้น (5E) มีประสิทธิภาพ (E1/E2) เท่ากับ 83.00/80.81 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ก าหนดไว้80/80 พร้อมทั้งสอดคล้องกับ ติณณ์ณภัทร เพชรศิริวรรณ์(2563 : บทคัดย่อ) ได้วิจัยเรื่องการพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้แบบ 5E เรื่อง ภูมิศาสตร์ทวีปยุโรป รายวิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ส าหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 2 ผลการวิจัยพบว่า กิจกรรมการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้น มีประสิทธิภาพ เท่ากับ 82.70/86.80 ซึ่งผ่าน เกณฑ์ที่ตั้งไว้ที่ 80/80 และสอดคล้องกับ เดือนเพ็ญ สังข์งาม (2563 : บทคัดย่อ) ได้วิจัยเรื่องการ พัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สาระภูมิศาสตร์ เรื่อง ทวีปอเมริกาเหนือ ที่จัดการเรียนรู้แบบสืบ เสาะหาความรู้(5E) ส าหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ผลการวิจัยพบว่า ประสิทธิภาพส าหรับการ จัดการเรียนรู้สาระภูมิศาสตร์เรื่อง ทวีปอเมริกาเหนือ ที่จัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้(5E) ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีค่าเท่ากับ 85.61/82.61 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์80/80 ที่ตั้งไว้ แสดงว่าการเรียนการสอนโดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้(5E) ช่วยพัฒนาการ เรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น 2) การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การคุ้มครองผู้บริโภค โดยมีคะแนนเฉลี่ย ก่อนเรียน เท่ากับ 10.91 และคะแนนเฉลี่ยหลังเรียน เท่ากับ 16.23 ซึ่งมีคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนสูงกว่า ก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ทั้งนี้เนื่องมาจาก ความสามารถหรือผลสำเร็จที่ได้รับ จากกิจกรรมการเรียนการสอนเป็นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและประสบการณ์เรียนรู้ทางด้านพุทธิ พิสัยจิตพิสัย และทักษะพิสัย และยังได้จำแนกผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนไว้ตามลักษณะของ วัตถุประสงค์ของการเรียนการสอนที่แตกต่างกัน สอดคล้องกับแนวคิดของ ทิศนา แขมมณี(2545) ที่ กล่าวไว้ว่า การเรียนรู้เป็นกระบวนการที่ตื่นตัวมีชีวิตชีวา (Active Leaning) การเรียนรู้จะเกิดขึ้นได้ดี เมื่อผู้เรียนมีบทบาทรับผิดชอบต่อการเรียนรู้ของตนและมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนของตน การ เรียนรู้เกิดขึ้นได้จากแหล่งต่างๆ กันมิใช่จากแหล่งใดแหล่งหนึ่งเพียงแหล่งเดียวประสบการณ์ความรู้สึก นึกคิดของแต่ละบุคคลถือว่าเป็นแหล่งการเรียนรู้ที่สำคัญ การเรียนรู้กระบวนการมีความสำคัญ กระบวนการเป็นเครื่องมือในการแสวงหาความรู้และคำตอบต่างๆ ที่ตนต้องการ ผลงานต่างๆ จะมี ประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใดขึ้นกับกระบวนการเป็นสำคัญดังนั้น การเรียนรู้ที่ดีจึงต้องเน้น กระบวนการด้วย การเรียนรู้ที่มีความหมายต่อผู้เรียนคือการเรียนรู้ที่สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน


59 ได้การช่วยให้ผู้เรียนได้ใช้ความรู้จะช่วยให้ผู้เรียนเกิดความเข้าใจในสิ่งนั้นมากขึ้น และเกิดความรู้ เพิ่มขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับผลการศึกษาของ พุทธิพงษ์ศุภมัสดุอังกูร (2557 : บทคัดย่อ) ได้วิจัยเรื่อง การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความสามารถในการคิดวิเคราะห์เรื่องภัยพิบัติทางธรรมชาติ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ด้วยการจัดการเรียนรู้แบบวัฏจักรการสืบเสาะหาความรู้(5E) ผลการวิจัยพบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง ภัยพิบัติทางธรรมชาติของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที ่เรียนด้วยการจัดการเรียนรู้แบบวัฏจักรการสืบเสาะหาความรู้(5E) สูงกว ่าก ่อนเรียนอย ่างมี นัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ .05 พร้อมทั้งสอดคล้องกับ ซูไรดา จารง และคณะ (2559 : บทคัดย่อ) ได้ วิจัยเรื่องผลการจัดการเรียนรู้แบบวัฏจักรการสืบเสาะหาความรู้5 ขั้น (5E)สาระเศรษฐศาสตร์เรื่อง การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ส าหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนคณะราษฏร บ ารุง จังหวัดยะลา ผลการวิจัยพบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสาระเศรษฐศาสตร์เรื่องการรวมกลุ่ม ทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบสืบ เสาะหาความรู้แบบวัฏจักรการเรียนรู้5 ขั้น (5E) หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยส าคัญที่ระดับ .05 และสอดคล้องกับ วชิระ สามกองาม (2561 : ง) ) ได้วิจัยเรื่องการศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และความใฝ่รู้ใฝ่เรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้(5E) ร่วมกับการใช้เทคโนโลยี สารสนเทศเพื่อจัดการเรียนการเรียนรู้วิชาสังคมศึกษา ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ผลการวิจัย พบว่า นักเรียนที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยวิธีการสอนแบบสืบเสาะหา ความรู้(5E) ร่วมกับ การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ หลังเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงกว่าก่อน เรียนอย่างมีนัยส าคัญทาง สถิติที่ระดับ .05 ข้อเสนอแนะ 1.ข้อเสนอแนะที่ได้จากการวิจัย 1.1 การจัดการเรียนการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้(5E) ครูต้องมีการเตรียมตัวและ วางแผนให้พร้อม เช่น เนื้อหาที่ต้องสอน สื่อการสอน และการล าดับขั้นตอนในการเรียนการสอน เพื่อให้การเรียนการสอนเป็นไปตามแผนการจัดการเรียนรู้อย่างราบรื่น 1.2 ครูผู้สอนต้องอธิบายขั้นตอนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้(5E) ให้กับนักเรียน และอธิบายถึงความส าคัญของทักษะต่างๆ ที่ต้องการให้เกิดกับนักเรียน เพื่อให้นักเรียน ได้เข้าใจ


60 1.3 จากผลการวิจัยพบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/8 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน หลังจากการเรียนโดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ครั้งต่อไปหากครูผู้สอนต้องการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้(5E) ครูควรมี การอธิบายขั้นตอนในการจัดการเรียนการสอนที่ชัดเจน และควรส่งเสริมให้ผู้เรียนได้พัฒนาทักษะใน การท างานทั้งต่อตนเอง หรือพัฒนาทักษะในการท างานร่วมกับผู้อื่น เพื่อให้ผู้เรียนได้เกิดการเรียนรู้ อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น 2. ข้อเสนอแนะส าหรับการท าวิจัยครั้งต่อไป 2.1 ควรมีการวิจัยที่บูรณาการเทคนิคต่างๆ เช่น การใช้โปรแกรมPowerPoint การใช้ เกมส์ร่วมกับการจัดการเรียนโดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้(5E) 2.2 ครูผู้สอนควรติดตามและศึกษารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้(5E) เพื่อให้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และทันสมัยอยู่ตลอดเวลา


61 เอกสารอ้างอิง กมล โพธิเย็น. (2559).การจัดการเรียนรูเพื่อน าความสุขสู่ผู้เรียน.วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยศิลปากร. กระทรวงศึกษาธิการ. (2551).หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้น พุทธศักราช2551. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ครุสภาลาดพร้าว. กระทรวงศึกษาธิการ. (2559).เทคนิค วิธีการจัดกิจกรรมการเรียนรูเพื่อขับเคลื่อนจุดเนนการพัฒนา คุณภาพผู้เรียน.กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทยจ ากัด. จันทร์จิรา ดินเตบ และคณะ. (2564).การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้ รูปแบบสืบเสาะหาความรู้(5E) ร่วมกับ การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการจัดการเรียนรู้ รูปแบบออนไลน์รายวิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรมเรื่อง กฎหมายกับชีวิต ของ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3.งานวิจัยในชั้นเรียนโรงเรียนหาดใหญ่พิทยาคม จังหวัดสงขลา. จรรยา โท๊ะนาบุตร. (2560).รูปแบบการเรียนด้วยกระบวนการสืบเสาะหาความมรู้แบบ 5E ในศตวรรษที่ 21.ล าปาง: มหาวิทยาลัยสวนดุสิต. ซูไรดา จารง และคณะ. (2559).ผลการจัดการเรียนรู้แบบวัฏจักรการสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5E) สาระเศรษฐศาสตร์ เรื่องการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศส าหรับนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนคณะราษฎรบ ารุง จังหวัดยะลา.วิทยานิพนธ์หลักสูตร สังคมศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา. ฐากร สิทธิโชค. (2564).แนวทางการจัดการเรียนรู้สังคมศึกษายุคใหม่. สงขลา: มหาวิทยาลัยทักษิณ เดือนเพ็ญ สังข์งาม. (2563).การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สาระภูมิศาสตร์ เรื่องทวีปอเมริกา เหนือที่จัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E)ชั้นมัธยมศึกษาปีที่3.งานวิจัยในชั้นเรียน โรงเรียนโกสุมวิทยาสรรค์จังหวัดมหาสารคาม. ติณณ์ณภัทร เพชรศิริวรรณ. (2563).การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้แบบ 5E เรื่อง ภูมิศาสตร์ ทวีปยุโรป รายวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมส าหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2.วิทยานิพนธ์ของการศึกษาหลักสูตรปริญญาครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาวิจัยหลักสูตรและการสอน มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร. ทิศนา แขมมณี. (2557). ศาสตร์การสอน:องค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ, พิมพ์ครั้งที่ 18. กรุงเทพมหานคร : ส านักพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.


62 ปฏิภาณ สร้างค า. (2560).การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ไทย สมัยประชาธิปไตย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5E).งานวิจัยในชั้นเรียน โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยมหาสารคาม (ฝ่ายมัธยม). ประหยัด พิมพา. (2560).การศึกษาไทยในปัจจุบัน.วารสารมหาวิทยาลัยมหามงกุฎราชวิทยาลัย วิทยาเขตร้อยเอ็ด.ร้อยเอ็ด: มหาวิทยาลัยมหามกุฎราชวิทยาลัย วิทยาเขตร้อยเอ็ด. พระปรัชญา ชยวุฑฺโฒ และคณะ. (2561).ความส าคัญของวิชาสังคมศึกษาและพัฒนาการของ วิชาสังคมศึกษา.สุรินทร์: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตสุรินทร์. พุทธิพงษ์ศุภมัสดุอังกูร. (2557).การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความสามารถในการคิด วิเคราะห์เรื่องภัยพิบัติทางธรรมชาติ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ด้วยการจัดการเรียนรู้ แบบวัฏจักรการสืบเสาะหาความรู้ (5E).วิทยานิพนธ์ระดับปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการสอนสังคมศึกษา มหาวิทยาลัยศิลปากร. รุ่งทิวา จักรกร. (2527).วิธีการสอนทั่วไป.กรุงเทพฯ: คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร. วชิระ สามกองาม. (2561).การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความใฝ่รู้ใฝ่เรียนที่ได้รับ การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้(5E) ร่วมกับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อจัดการ เรียนการเรียนรู้ วิชาสังคมศึกษาของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่4.ปริญญานิพนธ์หลักสูตร การศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาวิทยาการทางการศึกษาและการจัดการเรียนรู้ คณะศึกษาศาสตร์มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. สมนึก ภัททิยธนี. (2546).การวัดผลการศึกษา,(พิมพ์ครั้งที่4).กาฬสินธุ์: ประสานการพิมพ์. สมบัติการจนารักพงค์. (2545). เทคนิคการสอนให้ผู้เรียนเกิดทักษะการคิด. กรุงเทพฯ : ธารอักษร. สุกัญญา เพ็ชรนาค. (2562).การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5E รายวิชา ภูมิศาสตร์ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3.วิทยานิพนธ์ของการศึกษาหลักสูตรปริญญา ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาสังคมศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม. สุพิน บุญชูวงศ์. (2538). หลักการสอน.กรุงเทพฯ:ภาควิชาหลักสูตรและการสอน วิทยาลัยครูสวนดุสิต. เสาวณีย์ปฐมนรา และคณะ. (2564).การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความสามารถในการ ท างานกลุ่มโดยการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะร่วมกับการเรียนรู้แบบร่วมมือในสาระ ภูมิศาสตร์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6.งานวิจัยในชั้นเรียนโรงเรียนบ้านทุ่งตาแก้ว.


63 อนุรักษ์สวัสดี. (2562).การพัฒนาการคิดวิเคราะห์การเรียนรู้โดยใช้การสืบเสาะหาความรู้ในวิชา สังคมศึกษาของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4.วิทยานิพนธ์ของการศึกษาหลักสูตร ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน วิทยาลัยครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์.


64 ภาคผนวก


65 ภาคผนวก ก รายชื่อและประวัติผู้เชี่ยวชาญ ที่ตรวจสอบเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย


66 ประวัติผู้เชี่ยวชาญ 1. นางสุกิต โสภิณ ต าแหน่ง : ครู (หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ฯ) วิทยฐานะ : ช านาญการพิเศษ โรงเรียนหนองหานวิทยา ส านักงานเขตพื้นที ่การศึกษามัธยมศึกษา อุดรธานี เขต 20 ประวัติการศึกษา : ปริญญาตรี ครุศาสตรบัณฑิต (ค.บ.) สังคมศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี


67 ประวัติผู้เชี่ยวชาญ 2. นายกนกพล เมืองแก้ว ต าแหน่ง : ครู วิทยฐานะ : ยังไม่มีวิทยฐานะ โรงเรียนหนองหานวิทยา ส านักงานเขตพื้นที ่การศึกษามัธยมศึกษา อุดรธานี เขต 20 ประวัติการศึกษา : ปริญญาตรี ศึกษาศาสตร์ สาขาสังคมศึกษา มหาวิทยาลัยรามค าแหง


68 ประวัติผู้เชี่ยวชาญ 3. นางสาวทองม้วน โยธชัย ต าแหน่ง : ครู วิทยฐานะ : ช านาญการ โรงเรียนหนองหานวิทยา ส านักงานเขตพื้นที ่การศึกษามัธยมศึกษา อุดรธานี เขต 20 ประวัติการศึกษา : ปริญญาตรี การศึกษาบัณฑิต (กศ.บ.) สังคมศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, ปริญญาโท การศึกษามหาบัณฑิต (กศ.ม.) การบริหารและพัฒนาการศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม


69 ภาคผนวก ข เครื่องมือที่ใช้ในงานวิจัย - แผนการจัดการเรียนรู้ โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้สืบเสาะหาความรู้ 5E - แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน


70 ตัวอย่างแผนการจัดการเรียนรู้


71 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 รหัสวิชา ส22101 รายวิชา สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม จ านวน 1.5 หน่วยกิต หน่วยการเรียนรู้ที่ 9 เรื่อง การคุ้มครองผู้บริโภค เวลาเรียน 6 ชั่วโมง แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง สิทธิผู้บริโภค เวลาเรียน 1 ชั่วโมง สอนวันที่ เดือน พ.ศ. ภาคเรียนที่ 1. สาระส าคัญ การคุ้มครองสิทธิของตนเองในฐานะผู้บริโภคนั้น จะต้องร่วมมือกันด าเนินการภายในขอบเขต ของกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสิทธิผู้บริโภค 2. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ส 3.1 เศรษฐศาสตร์ เข้าใจและสามารถบริหารจัดการทรัพยากรในการผลิตและการบริโภค การใช้ทรัพยากร ที่มีอยู่จ ากัดได้อย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่า รวมทั้งเข้าใจหลักการของเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อการ ด ารงชีวิตอย่างมีดุลยภาพ ตัวชี้วัด มฐ.ส 3.1 ม.2/4 อภิปรายแนวทางการคุ้มครองสิทธิของตนเองในฐานะผู้บริโภค 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. นักเรียนเข้าใจสิทธิของผู้บริโภค (K) 2. นักเรียนสามารถสืบค้นความรู้เกี่ยวกับสิทธิผู้บริโภคได้ (P) 3. นักเรียนเห็นความส าคัญของสิทธิของผู้บริโภค (A) 4. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1.มีวินัย 2.ใฝ่เรียนรู้ 3.มุ่งมั่นในการท างาน


72 ขั้นนำ 5. สมรรถนะส าคัญของผู้เรียน ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 6. สาระการเรียนรู้สู่การบูรณาการ บูรณาการกับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง บูรณาการโรงเรียนวิถีพุทธ/โรงเรียนคุณธรรม/โรงเรียนสุจริต บูรณาการโรงเรียนส่งเสริมสิ่งแวดล้อมศึกษาและการพัฒนาที่ยั่งยืน บูรณาการเพศวิถี/เพศศึกษา บูรณาการข้ามกลุ่มสาระการเรียนรู้ (ระบุ)....................................... อื่น ๆ (ระบุ)....................................... 7. สาระการเรียนรู้ การรักษาและคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของผู้บริโภค 8. กิจกรรมการเรียนรู้ วิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ขั้นที่ 1 กระตุ้นความสนใจ (Engage) 1. ครูแจ้งให้นักเรียนทราบถึงวิธีการสอน โดยจะใช้การจัดการเรียนการสอนแบบสืบ เสาะหาความรู้ (5E) 2. น าภาพสินค้าและบริการที่มีการโฆษณาที่เกินจริงมาให้นักเรียนดู จากนั้นจะให้นักเรียน ภายในห้องช่วยกันวิเคราะห์ว่าสินค้าและบริการเหล่านี้เป็นอย่างไร โดยครูจะใช้การตั้งค าถามกับ นักเรียน เช่น 1.นักเรียนคิดว่าสินค้าเหล่านี้มีความเกี่ยวข้องกันเรื่องใด 2.หากนักเรียนเป็นผู้บริโภค นักเรียนจะเลือกบริโภคสินค้าเหล่านี้หรือไม่ 3.นักเรียนจะมีวิธีการเลือกซื้อสินค้าและบริการอย่างไร ให้ปลอดภัยและมีคุณภาพ


73 ขั้นสอน ขั้นที่ 2 ส ารวจค้นหา (Explore) 1. นักเรียนแบ่งกลุ่ม โดยมีสมาชิกกลุ่มละ 5-6คน ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับสินค้าแลบริการที่ ดี และไม่ดี โดยนักเรียนสามารถสืบค้นได้จากหนังสือเรียนสังคมศึกษาฯ ม.2 หรือจากแหล่งการเรียนรู้ อื่น ๆ เช่น หนังสือในห้องสมุด เว็บไซต์ในอินเทอร์เน็ต ตามประเด็น ดังนี้ 1) สินค้าและบริการที่ดี 2) สินค้าและบริการที่ไม่ดี 2. เมื่อนักเรียนแบ่งกลุ่มเรียบร้อย ครูให้นักเรียนออกมาจับฉลากหัวข้อที่แต่ละกลุ่มจะได้ น าไปศึกษา 3. แนะน าแหล่งข้อมูลสารสนเทศที่น่าเชื่อถือให้กับนักเรียนเพิ่มเติม ขั้นที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain) 1. สมาชิกแต่ละคนในกลุ่มน าข้อมูลที่ตนได้จากการรวบรวม มาอธิบายแลกเปลี่ยนความรู้ ระหว่างกัน 2. จากนั้นสมาชิกในกลุ่มช่วยกันคัดเลือกข้อมูล และให้นักเรียนแต่ละกลุ่มออกแบบสินค้า ตามที่กลุ่มของตัวเองได้รับ โดยท าลงในกระดาษบรู๊ฟ 3. นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนน าเสนอข้อมูลหน้าชั้นเรียนตามหัวข้อที่ได้รับ โดยเริ่ม จากกลุ่มที่ ที่ได้รับหัวข้อเกี่ยวกับสินค้าและบริการที่ไม่ดี 4. นักเรียนน าเสนอสินค้าของกลุ่มตัวเอง จากนั้นครูและนักเรียนกลุ่มที่ไม่ใช่กลุ่มน าเสนอ จะมีการตั้งค าถาม เช่น 1)นักเรียนคิดว่าสินค้าเหล่านี้มีความเหมือนกันตรงไหนบ้าง 2)นักเรียนคิดว่าสินค้าของกลุ่มนักเรียนมีจุดเด่นและจุดด้อยอย่างไร 3)หากผู้บริโภคเห็นสินค้าและบริการของกลุ่มนักเรียน นักเรียนคิดว่าผู้บริโภคจะมีผล ตอบรับอย่างไร 4)หากนักเรียนเป็นผู้บริโภค จะซื้อสินค้าและบริการเหล่านี้หรือไม่ เพราะเหตุใด 5. ครูมีการอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินค้าและบริการที่ไม่ดี เพื่อให้นักเรียนได้เข้าใจ 6. จากนั้นนักเรียน กลุ่มที่ได้รับหัวข้อเกี่ยวกับสินค้าและบริการที่ดีโดยให้นักเรียนออกมา น าเสนอสินค้าและบริการของกลุ่มตัวเองได้รับ 7. ครูและนักเรียนกลุ่มที่ไม่ใช่กลุ่มน าเสนอจะมีการตั้งค าถาม เช่น 1)นักเรียนคิดว่าสินค้าเหล่านี้มีความเหมือนกันตรงไหนบ้าง


74 ขั้นสรุป ขั้นประเมิน 2)นักเรียนคิดว่าสินค้าของกลุ่มนักเรียนมีจุดเด่นและจุดด้อยอย่างไร 3)หากผู้บริโภคเห็นสินค้าและบริการของกลุ่มนักเรียน นักเรียนคิดว่าผู้บริโภคจะมีผล ตอบรับอย่างไร 4)หากนักเรียนเป็นผู้บริโภค จะซื้อสินค้าและบริการเหล่านี้หรือไม่ เพราะเหตุใด 8. เมื่อนักเรียนทั้ง 6 กลุ่ม น าเสนอสินค้าและบริการของกลุ่มตัวเองเรียบร้อย ครูและ นักเรียนร ่วมกันอภิปรายเกี ่ยวกับสินค้าและบริการที ่ดีและไม ่ดี โดยครูจะมีการใช้ค าถามเพื ่อให้ นักเรียนร่วมกันอภิปราย เช่น 1)หากนักเรียนเป็นผู้บริโภคนักเรียนคิดว่าการโฆษณามีผลต่อการเลือกซื้อสินค้าและ บริการหรือไม่ 2)ในการเลือกซื้อสินค้าและบริการนักเรียนจะมีวิธีการเลือกซื้ออย่างไรเพื่อให้ได้สินค้า และบริการที่ดีและมีคุณภาพ 9. ครูมีการอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับ เรื่อง สิทธิผู้บริโภค ขั้นที่ 4 ขยายความเข้าใจ (Expand) 1.ครูให้นักเรียนร่วมกันท าใบงาน เรื่อง สิทธิผู้บริโภค 2.ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับกิจกรรมออกแบบสินค้าและบริการทั้งดีและไม่ดี เพื่อให้นักเรียนเห็นข้อ แตกต่างและสามารถน าความรู้ไปปรับใช้ในชีวิตประจ าวัน ขั้นที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. นักเรียนร่วมกันตรวจสอบผลจากการตอบค าถาม การท าใบงาน 2. นักเรียนท าชิ้นงาน ออกแบบสินค้าและบริการที่ดีและไม่ดี


75 9. สื่อและแหล่งเรียนรู้ 1) หนังสือเรียนสังคมศึกษาฯ ม.2 2) หนังสือค้นคว้าเพิ่มเติม 3) ภาพสินค้าและบริการที่มีการโฆษณาที่เกินจริง 4) ใบงาน เรื่อง สิทธิผู้บริโภค 5) โปรแกรมPower Point เรื่อง การคุ้มครองผู้บริโภค 10. การวัดและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธีการ/เครื่องมือ ผลงาน/ชิ้นงาน เกณฑ์การผ่าน K-ความรู้ 1. นักเรียนเข้าใจสิทธิของ ผู้บริโภค (K) 1. การตรวจใบงาน เรื่อง สิทธิผู้บริโภค 1. ใบงาน เรื่อง สิทธิผู้บริโภค ตั้งแต่ระดับ ผ่านขึ้นไป P-ทักษะกระบวนการ 2. นักเรียนสามารถสืบค้น ความรู้เกี่ยวกับสิทธิ ผู้บริโภคได้ (P) 2.ประเมินชิ้นงาน (รายกลุ่ม) 2. แบบประเมิน ชิ้นงาน (ราย กลุ่ม) ตั้งแต่ระดับ ผ่านขึ้นไป A-คุณลักษณะ 3. นักเรียนเห็นความส าคัญ ของสิทธิของผู้บริโภค (A) 3. ประเมินสังเกต พฤติกรรมรายบุคคล 3. แบบประเมิน สังเกตพฤติกรรม รายบุคคล ตั้งแต่ระดับ ผ่านขึ้นไป ลงชื่อ………………………………………….ผู้สอน ( นายวีระพล วะดวงชัย ) วันที่............เดือน........................พ.ศ..............


76 ข้อเสนอแนะ/ความคิดเห็นของครูพี่เลี้ยง ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ…………………………………………………. (นายกนกพล เมืองแก้ว) ครูพี่เลี้ยง วันที่............เดือน........................พ.ศ..............


77 บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้ ผลการจัดกิจกรรม ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................ ................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. .................................. ปัญหา/อุปสรรค ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................... ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ .................................................................................................................................................... ........... ลงชื่อ………………………………………….ผู้สอน (นายวีระพล วะดวงชัย) วันที่............เดือน........................พ.ศ..............


78 ข้อเสนอแนะ/ความคิดเห็นของครูพี่เลี้ยง ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ…………………………………………………. (นายกนกพล เมืองแก้ว ) ครูพี่เลี้ยง วันที่............เดือน........................พ.ศ.............. ข้อเสนอแนะ/ความคิดเห็นของหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ………………………………………………… (นางสุกิต โสภิณ ) หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม วันที่............เดือน........................พ.ศ.............. ข้อเสนอแนะ/ความคิดเห็นของรองผู้อ านวยการกลุ่มบริหารงานวิชาการ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ............................................................................................................................. ................................... ลงชื่อ…………………………………………… (นายกฤษณะ อรัญสาร) รองผู้อ านวยการกลุ่มบริหารงานวิชาการ วันที่............เดือน........................พ.ศ..............


79 ตัวอย่างใบงาน


80 แบบประเมินชิ้นงาน (รายกลุ่ม) กลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 สาระการเรียนรู้ที่ 3 เศรษฐศาสตร์ ภาคเรียน 2 ปีการศึกษา 2565 สมาชิกกลุ่มที่…………………… 1……………………………………………………………………………………………………………… 2……………………………………………………………………………………………………………… 3……………………………………………………………………………………………………………… 4……………………………………………………………………………………………………………… 5……………………………………………………………………………………………………………… ที่ รายการประเมิน ชื่อกลุ่ม ความถูกต้อง ของเนื้อหาสาระ ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ความสะอาด เรียบร้อยสวยงาน ความรับผิดชอบ การตรงต่อเวลา หมาย เหตุ 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 1 2 3 4 5 เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคะแนน 16 - 20 ดี 11 - 15 พอใช้ 0 - 10 ปรับปรุง เกณฑ์การให้คะแนน ดีมาก 4 ดี 3 ปานกลาง 2 ปรับปรุง 1 (ลงชื่อ)................................................... (............................................................) ครูผู้สอน ................./......................../..................


81 แบบประเมินสังเกตพฤติกรรมรายบุคคล กลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 สาระการเรียนรู้ที่ 3 เศรษฐศาสตร์ ภาคเรียน 2 ปีการศึกษา 2565 ค าชี้แจง ให้ผู้ประเมิน ท าเครื่องหมาย ✓ ลงในช่องตามความจริง เกณฑ์การให้คะแนน ระดับ 3 หมายถึง มีพฤติกรรมในระดับ ดี ระดับ 2 หมายถึง มีพฤติกรรมในระดับ ปานกลาง ระดับ 1 หมายถึง มีพฤติกรรมในระดับ ปรับปรุง ล าดับ ที่ ชื่อ – สกุล พฤติกรรม / ระดับคะแนน ความ สนใจใน การท า กิจกรรม การมี ส่วนร่วม ในการ แสดง ความ คิดเห็น การตอบ ค าถาม การยอมรับฟัง ความคิดเห็นผู้อื่น ท างานตามที่ได้รับ มอบหมาย รวม 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 เกณฑ์การประเมิน คะแนนเต็ม 15 คะแนน คะแนน 13 – 15 หมายถึง ดี คะแนน 9 – 12 หมายถึง ปานกลาง คะแนน 5 – 8 หมายถึง ปรับปรุง เกณฑ์การผ่าน ร้อยละ 60 ( 9 คะแนน ) ลงชื่อ ................................................ ( ) ครูผู้สอน / ผู้ประเมิน


82 แบบประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ค าชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ลงใน ช่องที่ตรงกับระดับคะแนน คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ด้าน รายการประเมิน ระดับคะแนน 3 2 1 1. รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 1.1 ยืนตรงเคารพธงชาติและร้องเพลงชาติ 1.2 เข้าร่วมกิจกรรมที่สร้างความสามัคคี ปรองดอง และเป็น ประโยชน์ ต่อโรงเรียน 1.3 เข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาที่ตนนับถือ ปฏิบัติตามหลักศาสนา 1.4 เข้าร่วมกิจกรรมที่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ตามที่ โรงเรียนจัดขึ้น 2. ซื่อสัตย์ สุจริต 2.1 ให้ข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นจริง 2.2 ปฏิบัติในสิ่งที่ถูกต้อง 3. มีวินัย รับผิดชอบ 3.1 ปฏิบัติตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบังคับ 3.2 มีความตรงต่อเวลาในการปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ ใน ชีวิตประจ าวัน 4. ใฝ่เรียนรู้ 4.1 รู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์และน าไปปฏิบัติได้ 4.2 ศึกษาค้นคว้าความรู้จากสื่อและเทคโนโลยีสารสนเทศอย่าง สม ่าเสมอ 5. อยู่อย่างพอเพียง 5.1 ใช้ทรัพย์สินและสิ่งของของตนเองและส่วนรวมอย่างประหยัด 5.2 ใช้อุปกรณ์การเรียนอย่างประหยัดและรู้คุณค่า 5.3 ใช้จ่ายอย่างประหยัดและมีการเก็บออมเงิน 6. มุ่งมั่นในการท างาน 6.1 มีความตั้งใจและพยายามในการท างานที่ได้รับมอบหมาย 6.2 มีความอดทนและไม่ท้อแท้ต่ออุปสรรคเพื่อให้งานส าเร็จ 7. รักความเป็นไทย 7.1 มีจิตส านึกในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย 7.2 เห็นคุณค่าและปฏิบัติตนตามวัฒนธรรมไทย 8. มีจิตสาธารณะ 8.1 อาสาท างาน ช่วยคิด ช่วยท ากิจกรรมเพื่อส่วนรวม 8.2 เข้าร่วมกิจกรรม เพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ เกณฑ์การให้คะแนน พฤติกรรมที่ปฏิบัติชัดเจนและสม ่าเสมอให้ 3 คะแนน พฤติกรรมที่ปฏิบัติชัดเจนและบ่อยครั้งให้ 2 คะแนน พฤติกรรมที่ปฏิบัติบางครั้งให้ 1 คะแนน ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ................/.................../.............


83 ตัวอย่าง แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ก่อน – หลังเรียน


84 โรงเรียนหนองหานวิทยา จังหวัดอุดรธานี แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์เรื่อง การคุ้มครองผู้บริโภค รายวิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ค าชี้แจง 1. ข้อสอบเป็นแบบทดสอบปรนัย จ านวน 20 ข้อ 20 คะแนน 2. ให้นักเรียนเลือกค าตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว ค าสั่ง ให้นักเรียนกากบาท (X) ข้อที่ถูกต้องที่สุดลงในกระดาษค าตอบเพียงข้อเดียว 1.ข้อใดเป็นการให้ความหมายของค าว่า “ผู้บริโภค” ได้ถูกต้อง ก. ผู้ประกอบการที่ขายสินค้าและบริการ ข. ผู้ประกอบการที่ผลิตสินค้าและบริการ ค.ผู้ที่ซื้อสินค้าและบริการจากผู้ประกอบการ ง.ผู้ที่ขายสินค้าและบริการให้ผู้ประกอบการ 2. เพราะเหตุใด จึงต้องมีการคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภค ก.เพื่อเป็นการป้องกันและปลอดภัยจากการใช้สินค้า และบริการ ข.เพื่อเป็นการลดการป้องกันและเข้าถึงสินค้าและ บริการได้ง่าย ค.เพื่อเป็นการลดราคาท าให้ได้ซื้อสินค้าและบริการมี ราคาถูกลง ง.เพื่อเป็นการเพิ่มราคาท าให้ได้ซื้อสินค้าและบริการมี ราคาแพงขึ้น 3. ข้อใดไม่ใช่บทบัญญัติสิทธิผู้บริโภค ก.การรับข้อมูลข่าสาร ข.บริโภคสามารถก าหนดราคาซื้อเองได้ ค.อิสระในการเลือกซื้อสินค้าและบริการ ง.ความปลอดภัยจากการใช้สินค้าและบริการ 4. แต้มซื้อนมกล่องมาดื่ม โดยดูฉลากว่า เป็นนมชนิด พร่อง มันเนย และมีรสจืดตามที่ต้องการ ข้อความ ดังกล่าวสอดคล้องกับสิทธิผู้บริโภคในข้อใด ก.สิทธิในการเลือกซื้อสินค้า ข.สิทธิที่จะได้รับการพิจารณาความเสียหาย ค.สิทธิที่จะได้รับความปลอดภัยจากการใช้สินค้า ง.สิทธิที่จะได้รับข้อมูลข่าวสาร สรรพคุณของสินค้า อย่างถูกต้อง 5. ข้อใดจัดเป็นเป้าหมายส าคัญในการคุ้มครอง ผู้บริโภค ก.ความเป็นธรรม ความปลอดภัย ความคุ้มค่า ข.ความสะดวก ความปลอดภัย คุณภาพสินค้าดี ค.บริโภคสินค้าราคาถูก สินค้ามีคุณภาพ สะดวก รวดเร็ว ง.ความปลอดภัย ความเป็นธรรม บริโภคสินค้าที่มี คุณภาพในราคาเหมาะสม 6. การควบคุมดูแลการโฆษณาสินค้าและบริการ มี บทบาทอย่างไรกับสังคมปัจจุบัน ก.ท าให้ผู้ประกอบการสามารถอวดอ้างสรรพคุณได้ ข.ท าให้ผู้ประกอบการสามารถลดภาษีได้ ค.ท าให้ผู้ประกอบการตระหนักถึงการน าเสนอสินค้า และบริการต่อผู้บริโภคอย่างเป็นธรรม ง.ท าให้ผู้ประกอบการตระหนักถึงผลประโยชน์ของ สินค้าและบริการของตัวเองอย่างเต็มที่ 7. ข้อใดไม่ใช่ข้อมูลที่แสดงในฉลากที่ติดกับสินค้าและ บริการ ก.แสดงคุณสมบัติ ข.แสดงชื่อผู้ซื้อ ค.แสดงสรรพคุณ ง.แสดงข้อควรระวัง


85 8. กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคด้านสัญญา มีเป้าหมาย ส าคัญอย่างไร ก.ต้องการให้ผู้บริโภคท าสัญญากับผู้ผลิต ข.ต้องการให้ผู้ซื้อและผู้ขายท าสัญญากันให้ถูกต้อง ค.คุ้มครองทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภคให้ได้รับความเป็น ธรรม ง.คุ้มครองผู้บริโภคมิให้ถูกเอาเปรียบจากการท าสัญญา ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม 9. สินค้าที่ได้รับการรับรองฉลากเขียว แสดงว่า สินค้า นั้นมีลักษณะส าคัญอย่างไร ก.สินค้านั้นมีผู้นิยมจ านวนมาก ข.มีคุณภาพของสินค้าอยู่ในระดับดี ค.วิธีการผลิตมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด ง.สถาบันต่าง ๆ ยอมรับว่า เป็นสินค้าที่ได้มาตรฐาน 10. วัตถุประสงค์ส าคัญของพระราชบัญญัติราคาสินค้า และบริการ คือข้อใด ก.ผู้ผลิตก าหนดราคาสินค้าให้ถูกมากที่สุด ข.ราคาสินค้ากับคุณภาพสินค้าเหมาะสมกัน ค.ผู้บริโภคได้รับความเป็นธรรมจากการซื้อสินค้าและ บริการ ง.คณะกรรมการว่าด้วยราคาสินค้าและบริการมีเกณฑ์ ก าหนดราคาสินค้าชัดเจน 11. พระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้ามี ความส าคัญอย่างไร ก.ปกป้องผู้บริโภคถูกเอาเปรียบจากผู้ผลิต ข.ให้ความเป็นธรรมกับผู้ที่ท าการค้าและผู้บริโภค ค.มีการแข่งขันทางการค้าอย่างเสรีส่งผลดีต่อผู้บริโภค ง.ผู้ผลิตสามารถพัฒนาคุณภาพของสินค้าตาม มาตรฐาน 12. การปฏิบัติในข้อใดที่ฝ่าฝืนพระราชบัญญัติยา ก.แสดงสรรพคุณยาแต่ละชนิด ข.มีฉลากยาติดที่ขวดยาหรือในกล่องยา ค.บอกสรรพคุณของยาตามค าสั่งแพทย์ผู้รักษาโรค ง.โฆษณาขายยาโดยมีของแถม เพื่อดึงดูดใจผู้บริโภค 13. พระราชบัญญัติอาหารในข้อใด มีความส าคัญต่อ ผู้บริโภคมากที่สุด ก.ควบคุมคุณภาพและความปลอดภัย ข.ควบคุมวัตถุดิบในการผลิตให้เหมือนเดิม ค.ควบคุมรสชาติของอาหารให้คงที่และเหมือนเดิม ง.ควบคุมความเป็นธรรมต่อผู้บริโภคในการเลือกซื้อ 14. พระราชบัญญัติเครื่องส าอาง มีบทบาทส าคัญ อย่างไร ก.ท าให้บริษัทเครื่องส าอางต้องท าสินค้าที่มีลักษณะ เหมือนกัน ข.สามารถควบคุมและดูแลความปลอดภัยของการใช้ เครื่องส าอาง ค.คุ้มครองผู้บริโภคมิให้ถูกเอาเปรียบจากการท าสัญญา ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ง.คุ้มครองผู้บริโภคให้ถูกเอาเปรียบจากการการท า สัญญาที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม 15. หากไม่มีกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค นักเรียนคิดว่า จะส่งผลต่อการบริโภคสินค้าและบริการอย่างไร ก.ได้สินค้าและบริการที่มีคุณภาพ ข.เกิดสินค้าใหม่ๆที่อาจไม่มีคุณภาพ ค.สินค้าและบริการมีราคาลดลง ง.สินค้าและบริการมีราคาเพิ่มขึ้น 16. ถ้านักเรียนไปซื้อผลไม้แล้วปรากฏว ่า แม ่ค้าโกง ตาชั่ง นักเรียนควรไปร้องทุกข์กับหน่วยงานใด ก.ส านักงานมาตรฐานอาหาร ข.ส านักงานกรมการค้าภายใน ค.ส านักงานคณะกรรมการอาหารและยา ง.ส านักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค 17. ชื่อย่อ “อย.” เป็นชื่อของส านักงานใด ก.ส านักงานอากาศและยานพาหนะ ข.ส านักงานคณะกรรมการอาหารและยา ค.ส านักงานคณะกรรมควบคุมอาหารและยา ง.ส านักงานคณะกรรมการควบคุมความอร่อยและ ยับยั้ง


86 18. จากภาพ คือ หน่วยงานใด ก.กรมการค้าภายใน ข.ส านักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม (สมอ.) ค.ส านักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ง.ส านักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) 19. นักเรียนคิดว่าบทบาทส าคัญของกรมการค้าภายใน คืออะไร ก.จัดส่งสินค้าภายในประเทศ ข.ผูกขาดสินค้าและบริการในตลาด ค.เสริมสร้างประสิทธิภาพของการค้าในประเทศ ง.แปรรูปและส่งออกสินค้า และบริการไปต่างประเทศ 20. หน่วยงานใด เป็นหน่วยงานคุ้มครองผู้บริโภคของ ภาคเอกชน ก.มูลนิธิผู้บริโภค ข.กรมการค้าภายใน ค.ส านักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ง.ส านักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.)


87 ภาคผนวก ค ข้อมูลการหาคุณภาพของเครื่องมือที่ใช้ในงานวิจัย


88 ผลการวิเคราะห์แบบประเมินค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) ของแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่องการคุ้มครองผู้บริโภค รายวิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ตารางที่5 ผลการวิเคราะห์แบบประเมินค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) ของแผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 9 เรื่อง การคุ้มครองผู้บริโภค โดยผู้เชี่ยวชาญ 3 คน สร ุปจากตารางการค านวณค ่าความสอดคล้อง ( IOC) ของแผนการจัดการเรียนรู้ จาก ผู้เชี่ยวชาญทั้งหมด พบว่า แผนการจัดการเรียนรู้ทั้ง 6 แผน มีค่าความสอดคล้อง (IOC) เท่ากับ 1.00 สามารถน าไปใช้สอนได้ แผนการจัดการเรียนรู้ คะแนนความเห็นของ ผู้เชี่ยวชาญ รวม ค่า IOC แปลค่า คนที่ 1 คนที่ 2 คนที่ 3 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง สิทธิผู้บริโภค +1 +1 +1 3 1 ใช้ได้ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค 1 +1 +1 +1 3 1 ใช้ได้ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค 2 +1 +1 +1 3 1 ใช้ได้ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4 เรื่อง หน่วยงานคุ้มครองผู้บริโภค +1 +1 +1 3 1 ใช้ได้ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 5 เรื่อง ปกป้องและคุ้มครองผู้บริโภค +1 +1 +1 3 1 ใช้ได้ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 6 เรื่อง ผู้บริโภคสู่ผู้ผลิต +1 +1 +1 3 1 ใช้ได้


89 ผลการประเมินดัชนีความสอดคล้องของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การคุ้มครองผู้บริโภค รายวิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ตารางที่6 ผลการประเมินความสอดคล้อง (IOC) ของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยผู้เชี่ยวชาญ 3 คน ข้อที่ ความคิดเห็น ผู้เชี่ยวชาญ ความคิดเห็น ผู้เชี่ยวชาญ ความคิดเห็น ผู้เชี่ยวชาญ คะแนน เฉลี่ย แปลผล คนที่ 1 คนที่ 2 คนที่ 3 +1 0 -1 +1 0 -1 +1 0 -1 1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ 2 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ 3 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ 4 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ 5 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ 6 +1 +1 0 0.67 ใช้ได้ 7 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ 8 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ 9 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ 10 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ 11 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ 12 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ 13 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ 14 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ 15 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้


90 ตารางที่6 ผลการประเมินความสอดคล้อง (IOC) ของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยผู้เชี่ยวชาญ 3 คน (ต่อ) ข้อที่ ความคิดเห็น ผู้เชี่ยวชาญ ความคิดเห็น ผู้เชี่ยวชาญ ความคิดเห็น ผู้เชี่ยวชาญ คะแนน เฉลี่ย แปลผล คนที่ 1 คนที่ 2 คนที่ 3 +1 0 -1 +1 0 -1 +1 0 -1 16 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ 17 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ 18 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ 19 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ 20 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ 21 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ 22 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ 23 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ 24 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ 25 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ 26 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ 27 +1 +1 0 0.67 ใช้ได้ 28 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ 29 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ 30 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ สรุปค ่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) ของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้โดย ผู้เชี่ยวชาญมีค่าตั้งแต่ 0.67-1.00 เป็นแบบทดสอบที่มีความสอดคล้องกับเนื้อหา และสามารถน าไปใช้ ได้จริง


91 ผลการวิเคราะห์ค่าความยากง่าย (p) และค่าอ านาจจ าแนก (r) ของแบบทดสอบ วัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การคุ้มครองผู้บริโภค รายวิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ตารางที่ 7 แสดงการค านวณค่าความยากและอ านาจจ าแนกของข้อสอบ โดยใช้เทคนิค 25% แบบทดสอบ ข้อที่สอบ กลุ่มสูง กลุ่มต ่า ค่าความยาก (P) อ านาจจ าแนก (R) การแปลผล 1 9 2 9 + 2 10 + 10 = 0.55 9 − 2 10 = 0.70 คัดเลือกไว้ 2 9 3 9 + 3 10 + 10 = 0.60 9 − 3 10 = 0.60 คัดเลือกไว้ 3 9 2 9 + 2 10 + 10 = 0.55 9 − 2 10 = 0.70 คัดเลือกไว้ 4 9 2 9 + 2 10 + 10 = 0.55 9 − 2 10 = 0.70 คัดเลือกไว้ 5 8 2 8 + 2 10 + 10 = 0.50 8 − 2 10 = 0.60 คัดเลือกไว้ 6 8 3 8 + 3 10 + 10 = 0.55 8 − 3 10 = 0.50 คัดเลือกไว้ 7 9 2 9 + 2 10 + 10 = 0.55 9 − 2 10 = 0.70 คัดเลือกไว้ 8 9 1 9 + 1 10 + 10 = 0.50 9 − 1 10 = 0.80 คัดเลือกไว้ 9 8 2 8 + 2 10 + 10 = 0.50 8 − 2 10 = 0.60 คัดเลือกไว้ 10 9 2 9 + 2 10 + 10 = 0.55 9 − 2 10 = 0.70 คัดเลือกไว้ 11 9 2 9 + 2 10 + 10 = 0.55 9 − 2 10 = 0.70 คัดเลือกไว้


Click to View FlipBook Version