กลุ่มงานพัฒนาการเรียนรู้ตลอดชีวิต สถาบันส่งเสริมการเรียนรู้ภาคตะวันออก กรมส่งเสริมการเรียนรู้ กระทรวงศึกษาธิการ โครงการพัฒนาศักยภาพครูด้านการออกแบบการเรียนรู้ และแผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 รายงานการประเมิน
ค าน า สถาบัน กศน. ภาคตะวันออก ได้รับการจัดตั้งจากกรมส่งเสริมการเรียนรู้ (7 สิงหาคม 2566) เป็น สถาบันส ่งเสริมการเรียนรู้ภาคตะวันออก ซึ ่งได้ด าเนินการจัดโครงการพัฒนาศักยภาพครูด้าน การออกแบบการเรียนรู้และแผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ระหว่างวันที่ 24-26 พฤษภาคม 2566 ณ โรงแรม สตาร์ คอนเวนชั่น อ าเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง เพื่อให้ข้าราชการครูมีความรู้ความเข้าใจ มีทักษะและเจตคติที่ดีต่อการออกแบบการเรียนรู้และแผนการ จัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) รายงานการประเมินโครงการพัฒนาศักยภาพครูด้านการออกแบบการเรียนรู้และ แผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 เป็นการรายงานผล การด าเนินงาน และการประเมินด้านความรู้ ทักษะ เจตคติ และการประเมินพฤติกรรมหลังจบการอบรม ของผู้เข้ารับการอบรม ที่สอดคล้องกับการด าเนินงานตามเป้าหมาย ตัวชี้ความส าเร็จของโครงการ ประโยชน์ที่ได้รับ ปัญหาอุปสรรค รวมทั้งข้อสนอแนะส าหรับการพัฒนาปรับปรุงการด าเนินงานครั้งต่อไป กลุ ่มงานพัฒนาการเรียนรู้ตลอดชีวิต สถาบันส ่งเสริมการเรียนรู้ภาคตะวันออก ขอขอบคุณ ผู้บริหารสถานศึกษา ข้าราชการครู ลูกจ้างประจ า และเจ้าหน้าที่ ตลอดจนผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่าน ที่ให้ ความร่วมมือในการจัดท ารายงานการประเมินโครงการพัฒนาศักยภาพครูด้านการออกแบบการเรียนรู้ และแผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 จนส าเร็จเป็นอย ่างดี และหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารายงานการประเมินดังกล่าว จะเป็นข้อมูลสารสนเทศที่เป็นประโยชน์ส าหรับ การพัฒนาบุคลากรของสถานศึกษาในเขตภาคตะวันออกด้านการพัฒนาการออกแบบการเรียนรู้และ แผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ต่อไป สถาบันส่งเสริมการเรียนรู้ภาคตะวันออก กันยายน 2566
ข สารบัญ หน้า ค าน า ก สารบัญ ข สารบัญตาราง ง บทที่ 1 บทน า 1 1. ความเป็นมาและความส าคัญ 1 2. วัตถุประสงค์การประเมิน 2 3. ขอบเขตการประเมิน 2 4. นิยามศัพท์ 3 5. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 4 บทที่ 2 เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 5 1. รายละเอียดโครงการ 5 2. แนวคิดเกี่ยวกับโครงการฝึกอบรม 11 3. แนวคิดเกี่ยวกับการประเมินโครงการ 14 4. งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 27 บทที่ 3 วิธีการประเมินโครงการ 29 1. กลุ่มเป้าหมาย 29 2. เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูล 31 3. การเก็บรวบรวมข้อมูล 32 4. การวิเคราะห์ข้อมูล 33 5. สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล 34 6. กรอบการประเมินโครงการ 35 บทที่ 4 ผลการประเมินโครงการ 37 สัญลักษณ์ที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล 37 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล 38
ค สารบัญ (ต่อ) หน้า ตอนที่ 1 ผลการประเมินความรู้ของผู้เข้ารับการอบรมเกี่ยวกับการออกแบบการเรียนรู้ และแผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) 38 ตอนที่ 2 ผลการประเมินทักษะของผู้เข้ารับการอบรมเกี่ยวกับการออกแบบการเรียนรู้ และแผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) 40 ตอนที่ 3 ผลการประเมินเจตคติของผู้เข้ารับการอบรมต่อการออกแบบการเรียนรู้และ แผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) 42 ตอนที่ 4 ผลการประเมินพฤติกรรมของผู้เข้ารับการอบรมหลังจบการอบรมโครงการพัฒนา ศักยภาพครูด้านการออกแบบการเรียนรู้และแผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก 54 บทที่ 5 สรุปผล อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ 60 1. สรุปผลการด าเนินงาน 60 2. สรุปผลการประเมินโครงการ 61 3. อภิปรายผล 62 4. ข้อเสนอแนะ 64 บรรณานุกรม 66 ภาคผนวก 68 ภาคผนวก ก โครงการ 69 ภาคผนวก ข หลักสูตร 77 ภาคผนวก ค หนังสือราชการ 89 ภาคผนวก ง ผู้เข้ารับการอบรมและผู้เข้าร่วมการอบรม 97 ภาคผนวก จ สื่อการเรียนรู้ 102 ภาคผนวก ฉ การวัดและประเมินผล 108 ภาคผนวก ช วุฒิบัตรและเกียรติบัตร 111 ภาคผนวก ช ภาพกิจกรรม 116 คณะผู้จัดท า 142
ง สารบัญตาราง หน้า ตารางที่ 1 จ านวนกลุ่มเป้าหมายจ าแนกตามหน่วยงาน 29 ตารางที่ 2 รายชื่อผู้เข้ารับการอบรมโครงการพัฒนาศักยภาพครูด้านการออกแบบการเรียนรู้ และแผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) 30 ตารางที่ 3 กรอบการประเมินโครงการพัฒนาศักยภาพครูด้านการออกแบบการเรียนรู้และ แผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) 35 ตารางที่ 4 คะแนนการทดสอบก่อนอบรม หลังอบรม และร้อยละของพัฒนาการสัมพัทธ์ จ าแนกรายบุคคล 38 ตารางที่ 5 คะแนนและร้อยละการฝึกปฏิบัติกิจกรรมของผู้เข้ารับการอบรม 40 ตารางที่ 6 คะแนนและร้อยละการสังเกตพฤติกรรมของผู้เข้ารับการอบรม 42 ตารางที่ 7 ข้อมูลทั่วไปของผู้เข้ารับการอบรม 44 ตารางที่ 8 ผลการประเมินความพึงพอใจของผู้เข้ารับการอบรม 45 ตารางที่ 9 ค่าเฉลี่ยความคิดเห็นที่มีต่อการอบรมในภาพรวม 48 ตารางที่ 10 ค่าเฉลี่ยความคิดเห็นที่มีต่อการอบรมด้านวิทยากร 49 ตารางที่ 11 ค่าเฉลี่ยความคิดเห็นที่มีต่อการอบรมด้านสื่อ/เอกสารประกอบการอบรม 50 ตารางที่ 12 ค่าเฉลี่ยความคิดเห็นที่มีต่อการอบรมด้านความรู้ ความเข้าใจ 51 ตารางที่ 13 ค่าเฉลี่ยความคิดเห็นที่มีต่อการอบรมด้านทักษะ 52 ตารางที่ 14 ค่าเฉลี่ยความคิดเห็นที่มีต่อการอบรมด้านการน าความรู้และทักษะไปใช้ 53 ตารางที่ 15 ข้อมูลทั่วไปของผู้ผ่านการอบรม 54 ตารางที่ 16 จ านวนและร้อยละของการน าความรู้ไปใช้ 55 ตารางที่ 17 รายชื่อแผนการจัดการเรียนรู้/โครงการที่จัดท าหลังผ่านการอบรม 56
บทที่ 1 บทน า 1. ความเป็นมาและความส าคัญ ส านักงาน กศน. ได้ก าหนดหลักการ กศน. เพื่อประชาชน “ก้าวใหม่ : ก้าวแห่งคุณภาพ” และ ได้ก าหนดนโยบายและจุดเน้นการด าเนินงาน ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ที่เกี่ยวข้องกับออกแบบ การเรียนรู้และแผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) คือ 2.4 ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จาก การลงมือปฏิบัติจริง (Active Learning) และ 5.2 พัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาให้มีความ พร้อมด้านวิชาการและทักษะการจัดการเรียนรู้ การใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมผ ่านแพลตฟอร์ม ออนไลน์ต่าง ๆ รวมทั้งให้ค าปรึกษาเส้นทางการเรียนรู้ การประกอบอาชีพ และการด าเนินชีวิตของ ผู้เรียนได้ตามความสนใจและความถนัดของแต่ละบุคคล และภารกิจต่อเนื่อง 1.1 การศึกษานอกระบบ ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ข้อ 3) พัฒนาประสิทธิภาพ คุณภาพ และมาตรฐานการจัดการศึกษานอก ระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ทั้งด้านหลักสูตร รูปแบบ/กระบวนการเรียนการสอน สื ่อและ นวัตกรรม ระบบการวัดและประเมินผลการเรียน และระบบการให้บริการนักศึกษาในรูปแบบอื่น ๆ และ 2.1 ส่งเสริมการพัฒนาหลักสูตร รูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้และกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการศึกษา นอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยที่หลากหลาย ทันสมัย จากการปฏิรูปการเรียนการสอนในยุคประเทศไทย 4.0 ที่มุ่งเน้นการส่งเสริมให้ผู้เรียนได้ เรียนรู้อย ่างมีความหมาย ให้ผู้เรียนมีบทบาทในการเรียนรู้มากขึ้น ครูลดบทบาทการสอนด้วยการ บอกเล่า การให้ข้อความรู้แก่ผู้เรียนโดยตรง ไปเป็นการจัดกระบวนการเรียนรู้และกิจกรรมที่จะท าให้ ผู้เรียนเกิดความกระตือรือร้นในการเรียนรู้และปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้อย่างหลากหลาย จัดกิจกรรม ให้ผู้เรียนอยากเรียนรู้ตลอดเวลาเป็นการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) โดยผู้สอนสามารถน า การจัดการเรียนรู้เชิงรุกไปจัดกิจกรรมการเรียนการสอนตามมาตรฐานและตัวชี้วัดในทุกกลุ่มสาระการ เรียนรู้ ทุกรายวิชา รวมถึงน าไปใช้ในการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน และกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้อื่น ๆ ดังนั้น การออกแบบการเรียนรู้และแผนการเรียนรู้ ซึ่งเป็นกระบวนการวางแผนการสอนอย่างมีระบบ โดยมีการวิเคราะห์องค์ประกอบการเรียนรู้ ทฤษฎีการเรียนการสอน สื่อ กิจกรรมการเรียนรู้ รวมถึง การประเมินผล เพื่อให้ผู้สอนสามารถถ่ายทอดความรู้สู่ผู้เรียน และให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้อย ่าง มีประสิทธิภาพ การออกแบบการจัดการเรียนรู้ที่ดี จะช่วยผู้สอนวางแผนการสอนอย่างมีระบบ บรรลุ จุดมุ่งหมาย ช่วยให้ผู้เรียนเกิดการพัฒนาความรู้และทักษะตามมาตรฐานการเรียนรู้ รวมทั้งช่วยในการ ปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมที่พึงประสงค์ให้เกิดแก่ผู้เรียน
2 สถาบัน กศน. ภาคตะวันออก มีหน้าที่ภารกิจหลักส าคัญประการหนึ่ง คือ ส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาคุณภาพวิชาการ หลักสูตร สื่อ เทคโนโลยี นวัตกรรมทางการศึกษา บุคลากรและระบบข้อมูล สารสนเทศที่เกี่ยวกับการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยแก่สถานศึกษาในเขตภาคตะวันออก และภาคีเครือข ่าย จึงได้จัดท าโครงการพัฒนาศักยภาพครูด้านการออกแบบการเรียนรู้และ แผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) เพื่อส่งเสริม สนับสนุนให้ข้าราชการครูสามารถออกแบบ การเรียนรู้และเขียนแผนการจัดเรียนรู้ที่ท าให้ผู้สอนสามารถถ่ายทอดความรู้สู่ผู้เรียน และให้ผู้เรียน เกิดการเรียนรู้จากการลงมือปฏิบัติจริง (Active Learning) สถาบัน กศน. ภาคตะวันออก ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น สถาบันส่งเสริมการเรียนรู้ภาคตะวันออก โดยการจัดตั้งของกรมส่งเสริมการเรียนรู้ ณ วันที่ 7 สิงหาคม 2566 ซึ่งเป็นการจัดตั้งหลังจากด าเนินงาน โครงการดังกล่าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว เพื่อให้ทราบข้อมูลที่บ่งชี้ว่าโครงการที่ด าเนินการนั้นเป็นไปตาม วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้หรือไม่ การด าเนินการโครงการมีปัญหาที่ต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขในเรื่อง อะไรบ้าง และเป็นโครงการที่มีคุณค่ามากน้อยเพียงใด จึงได้จัดท ารายงานการประเมินโครงการพัฒนา ศักยภาพครูด้านการออกแบบการเรียนรู้และแผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ซึ่ง การประเมินโครงการครั้งนี้ เป็นการประเมินตามวัตถุประสงค์และตัวชี้วัดผลผลิตโครงการ ซึ่งเป็นรูปแบบ ของการประเมินที่เน้นวัตถุประสงค์เพื่อให้ได้ข้อมูลสารสนเทศที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนางานต่อไป 2. วัตถุประสงค์การประเมิน 2.1 เพื่อประเมินความรู้ของผู้เข้ารับการอบรมเกี่ยวกับการออกแบบการเรียนรู้และแผน การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) 2.2 เพื่อประเมินทักษะของผู้เข้ารับการอบรมเกี่ยวกับการออกแบบการเรียนรู้และแผน การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) 2.3 เพื ่อประเมินเจตคติของผู้เข้ารับการอบรมต ่อการออกแบบการเรียนรู้และแผน การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) 2.4 เพื ่อประเมินพฤติกรรมของผู้เข้ารับการอบรมหลังจบการอบรมโครงการพัฒนา ศักยภาพครูด้านการออกแบบการเรียนรู้และแผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) 3. ขอบเขตการประเมิน 3.1 ด้านเนื้อหา การประเมินโครงการครั้งนี้ มุ่งเน้นประเมินตามวัตถุประสงค์ของโครงการ ดังนี้ 3.1.1 การประเมินด้านความรู้ของผู้เข้ารับการอบรม ประเมินโดยการท าแบบทดสอบ ก่อนการอบรมและหลังการอบรม เป็นแบบทดสอบวัดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการออกแบบการเรียนรู้ และแผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) จ านวน 20 ข้อ จ านวน 20 คะแนน
3 3.1.2 การประเมินด้านทักษะของผู้เข้ารับการอบรม ประเมินโดยการฝึกปฏิบัติ ระหว่างการอบรม เป็นแบบประเมินกิจกรรมการฝึกปฏิบัติเกี่ยวกับการออกแบบการเรียนรู้และแผน การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) จ านวน 1 กิจกรรม จ านวน 60 คะแนน 3.1.3 การประเมินด้านเจตคติของผู้เข้ารับการอบรม ประเมินโดย 1) การสังเกตพฤติกรรมของผู้เข้ารับการอบรม เป็นแบบมาตราส่วนประมาณ ค่า 5 ระดับ (Rating Scale) 2) การท าแบบประเมินความพึงพอใจ เป็นแบบมาตราส ่วนประมาณค ่า 5 ระดับ (Rating Scale) 3.1.3 ประเมินพฤติกรรมของผู้เข้ารับการอบรม ประเมินโดยการท าแบบติดตาม การน าความรู้ไปใช้ เป็นแบบตรวจสอบรายการและตอบค าถาม 3.2 ด้านกลุ่มเป้าหมาย กลุ ่มเป้าหมาย ได้แก ่ ข้าราชการครูที ่เข้ารับการอบรมโครงการพัฒนาศักยภาพครู ด้านการออกแบบการเรียนรู้และแผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) จ านวน 39 คน 3.3 ด้านระยะเวลา 1) การประเมินด้านความรู้ ทักษะ และเจตคติเป็นการประเมินหลังเสร็จสิ้นโครงการ ซึ ่งได้ด าเนินการจัดโครงการระหว ่างวันที ่ 24-26 พฤษภาคม 2566 ณ โรงแรม สตาร์ คอนเวนชั่น อ าเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง 2) การประเมินด้านพฤติกรรม เป็นการประเมินหลังเสร็จสิ้นโครงการไปแล้ว ประมาณ 2 เดือน 3.4 ข้อตกลงเบื้องต้น การประเมินโครงการพัฒนาศักยภาพครูด้านการออกแบบการเรียนรู้และแผนการจัด การเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) เป็นการประเมินโครงการตามวัตถุประสงค์โครงการ 4. นิยามศัพท์ 4.1 โครงการพัฒนาศักยภาพครูด้านการออกแบบการเรียนรู้และแผนการจัดการเรียนรู้ เชิงรุก (Active Learning) หมายถึง การจัดกิจกรรมอบรมให้ความรู้และฝึกปฏิบัติเพื ่อพัฒนา ข้าราชการครู ตามหลักสูตรพัฒนาศักยภาพครูด้านการออกแบบการเรียนรู้และแผนการจัดการเรียนรู้ เชิงรุก (Active Learning) จ านวน 20 ชั่วโมง ประกอบด้วยเนื้อหา จ านวน 4 เรื่อง ได้แก่ เรื่องที่ 1 การวิเคราะห์และแก้ปัญหาการจัดการเรียนรู้จ านวน 5 ชั่วโมง เรื่องที่ 2 การจัดการเรียนรู้เชิงรุก จ านวน 2 ชั่วโมง เรื่องที่ 3 รูปแบบการจัดการเรียนรู้เชิงรุก จ านวน 7 ชั่วโมง เรื่องที่ 4 การออกแบบการเรียนรู้และ จ านวน 6 ชั่วโมง เขียนแผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก
4 4.2 การประเมินด้านความรู้หมายถึง การประเมินผลการเรียนรู้ที ่เกิดกับผู้เข้ารับ การอบรมเกี่ยวกับพฤติกรรมทางปัญญาของผู้เข้ารับการอบรม ซึ่งประกอบด้วยพฤติกรรม 6 ระดับ คือ ความรู้ ความเข้าใจ การน าไปใช้ การวิเคราะห์ การสังเคราะห์เกี่ยวกับการออกแบบการเรียนรู้และ แผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) โดยวัดผลและประเมินผลความรู้ความเข้าใจจาก การท าแบบทดสอบก่อนการอบรมและหลังการอบรม 4.3 การประเมินด้านทักษะ หมายถึง การประเมินผลการเรียนรูที่เกิดกับผู้เข้ารับการอบรม เกี ่ยวกับการตอบสนองทางกายของผู้เรียน ซึ ่งประกอบด้วยพฤติกรรม 5 ระดับ คือ การรับรู้ การท า ตามแบบ การท าด้วยความถูกต้อง การท าอย ่างต ่อเนื ่อง เกี ่ยวกับการออกแบบการเรียนรู้และแผน การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) โดยวัดผลและประเมินผลทักษะจากการฝึกปฏิบัติระหว่าง การอบรม 4.4 การประเมินด้านเจตคติ หมายถึง การประเมินผลการเรียนรู้ที่เกิดกับผู้เข้ารับการอบรม เกี่ยวกับความรู้สึกหรือทัศนคติของบุคคลที่มีต่อการออกแบบการเรียนรู้และแผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) โดยวัดผลจากแบบสังเกตพฤติกรรมและแบบประเมินความพึงพอใจ แบ ่งเป็น 5 ระดับ (Rating Scale) คือ มีความคิดเห็นในระดับมากที่สุด มาก ปานกลาง น้อย และน้อยที่สุด 4.5 การประเมินด้านพฤติกรรม หมายถึง การประเมินผลการเปลี่ยนแปลงในการปฏิบัติงาน เป็นไปตามความคาดหวังหลังเสร็จสิ้นโครงการในด้านต่าง ๆ ได้แก่ น าไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาตนเอง พัฒนาหน่วยงาน และน าไปเผยแพร่หรือถ่ายทอดความรู้ 5. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 5.1. เป็นข้อมูลสารสนเทศส าหรับการตัดสินใจในการออกแบบหลักสูตรเพื ่อพัฒนา ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาให้มีความรู้ ความสามารถในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ส าหรับ ผู้เรียนต่อไป 5.2 เป็นแนวทางในการจัดท ารายงานการประเมินโครงการที ่เน้นความสอดคล้องกับ การด าเนินงานตามเป้าหมาย ตัวชี้ความส าเร็จของโครงการ ให้กับสถานศึกษาในเขตภาคตะวันออกได้
บทที่ 2 เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง โครงการพัฒนาศักยภาพครูด้านการออกแบบการเรียนรู้และแผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ผู้ประเมินได้ศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ 1. รายละเอียดโครงการ 2. แนวคิดเกี่ยวกับโครงการฝึกอบรม 3. แนวคิดการประเมินโครงการ 4. งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 1. รายละเอียดโครงการ 1. ชื่อโครงการ พัฒนาศักยภาพครูด้านการออกแบบการเรียนรู้และแผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) 2. สอดคล้องกับนโยบาย และจุดเน้นการด าเนินงาน กศน. ปีงบประมาณ พ.ศ 2566 2.1) นโยบายเร่งด่วน 2. การยกระดับคุณภาพการศึกษา ข้อ 2.4 ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จาก การลงมือปฏิบัติจริง (Active Learning) และ 5. การพัฒนาบุคลากร ข้อ 5.2 พัฒนาครูและบุคลากร ทางการศึกษาให้มีความพร้อมด้านวิชาการและทักษะการจัดการเรียนรู้ การใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมผ่าน แพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ รวมทั้งให้ค าปรึกษาเส้นทางการเรียนรู้ การประกอบอาชีพ และการด าเนินชีวิต ของผู้เรียนได้ตามความสนใจและความถนัดของแต่ละบุคคล ภารกิจต่อเนื่อง 1. ด้านการจัดการศึกษาและการเรียนรู้ 1.1 การศึกษานอกระบบระดับ การศึกษาขั้นพื้นฐาน ข้อ 3) พัฒนาประสิทธิภาพ คุณภาพ และมาตรฐานการจัดการศึกษานอกระบบระดับ การศึกษาขั้นพื้นฐาน ทั้งด้านหลักสูตรรูปแบบ/กระบวนการเรียนการสอน สื่อและนวัตกรรม ระบบการวัด และประเมินผลการเรียน และระบบการให้บริการนักศึกษาในรูปแบบอื ่น ๆ และ 2. ด้านหลักสูตร สื่อ รูปแบบการจัดกระบวนการเรียนรู้ การวัดและประเมินผล งานบริการทางวิชาการ และการประกันคุณภาพ การศึกษา ข้อ 2.1 ส่งเสริมการพัฒนาหลักสูตร รูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้และกิจกรรมเพื่อส่งเสริม การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยที่หลากหลาย ทันสมัย 2.2) สอดคล้องกับบทบาทหน้าที่ (ตามกฎหมาย) ส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาคุณภาพวิชาการ หลักสูตร สื่อ เทคโนโลยี นวัตกรรมทาง การศึกษา บุคลากรและระบบข้อมูลสารสนเทศที่เกี่ยวกับการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย แก่สถานศึกษาในเขตภาคตะวันออกและภาคีเครือข่าย
6 2.3) มาตรฐานการศึกษาต่อเนื่อง - มาตรฐานที่ 1 คุณภาพของผู้เรียนการศึกษาต่อเนื่อง - มาตรฐานที่ 2 คุณภาพการจัดการเรียนรู้การศึกษาต่อเนื่อง - มาตรฐานที่ 3 คุณภาพการบริหารจัดการของสถานศึกษา 3. หลักการและเหตุผล ส านักงาน กศน. ได้ก าหนดหลักการ กศน. เพื่อประชาชน “ก้าวใหม่ : ก้าวแห่งคุณภาพ” และ ได้ก าหนดนโยบายและจุดเน้นการด าเนินงาน ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ที่เกี่ยวข้องกับออกแบบ การเรียนรู้และแผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) คือ 2.4 ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จาก การลงมือปฏิบัติจริง (Active Learning) และ 5.2 พัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาให้มีความ พร้อมด้านวิชาการและทักษะการจัดการเรียนรู้ การใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมผ ่านแพลตฟอร์ม ออนไลน์ต่าง ๆ รวมทั้งให้ค าปรึกษาเส้นทางการเรียนรู้ การประกอบอาชีพ และการด าเนินชีวิตของ ผู้เรียนได้ตามความสนใจและความถนัดของแต่ละบุคคล และภารกิจต่อเนื่อง 1.1 การศึกษานอกระบบ ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ข้อ 3) พัฒนาประสิทธิภาพ คุณภาพ และมาตรฐานการจัดการศึกษา นอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ทั้งด้านหลักสูตร รูปแบบ/กระบวนการเรียนการสอน สื่อและ นวัตกรรม ระบบการวัดและประเมินผลการเรียน และระบบการให้บริการนักศึกษาในรูปแบบอื่น ๆ และ 2.1 ส่งเสริมการพัฒนาหลักสูตร รูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้และกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการศึกษา นอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยที่หลากหลาย ทันสมัย จากการปฏิรูปการเรียนการสอนในยุคประเทศไทย 4.0 ที่มุ่งเน้นการส่งเสริมให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ อย่างมีความหมาย ให้ผู้เรียนมีบทบาทในการเรียนรู้มากขึ้น ครูลดบทบาทการสอนด้วยการบอกเล่า การ ให้ข้อความรู้แก่ผู้เรียนโดยตรง ไปเป็นการจัดกระบวนการเรียนรู้และกิจกรรมที่จะท าให้ผู้เรียนเกิดความ กระตือรือร้นในการเรียนรู้และปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้อย่างหลากหลาย จัดกิจกรรมให้ผู้เรียนอยาก เรียนรู้ตลอดเวลาเป็นการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) โดยผู้สอนสามารถน าการจัด การเรียนรู้เชิงรุกไปจัดกิจกรรมการเรียนการสอนตามมาตรฐานและตัวชี้วัดในทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ ทุกรายวิชา รวมถึงน าไปใช้ในการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน และกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้อื่นๆ ดังนั้น การออกแบบการเรียนรู้และแผนการเรียนรู้ ซึ่งเป็นกระบวนการวางแผนการสอนอย่างมีระบบ โดยมี การวิเคราะห์องค์ประกอบการเรียนรู้ ทฤษฎีการเรียนการสอน สื ่อ กิจกรรมการเรียนรู้ รวมถึง การประเมินผล เพื่อให้ผู้สอนสามารถถ่ายทอดความรู้สู่ผู้เรียน และให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้อย่างมี ประสิทธิภาพ การออกแบบการจัดการเรียนรู้ที่ดี จะช่วยผู้สอนวางแผนการสอนอย่างมีระบบ บรรลุ จุดมุ่งหมาย ช่วยให้ผู้เรียนเกิดการพัฒนาความรู้และทักษะตามมาตรฐานการเรียนรู้ รวมทั้งช่วยใน การปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมที่พึงประสงค์ให้เกิดแก่ผู้เรียน
7 สถาบัน กศน. ภาคตะวันออก มีหน้าที่ภารกิจหลักส าคัญประการหนึ่ง คือ ส่งเสริม สนับสนุน และ พัฒนาคุณภาพวิชาการ หลักสูตร สื ่อ เทคโนโลยี นวัตกรรมทางการศึกษา บุคลากรและระบบข้อมูล สารสนเทศที่เกี่ยวกับการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยแก่สถานศึกษาในเขตภาคตะวันออก และภาคีเครือข ่าย จึงได้จัดท าโครงการพัฒนาศักยภาพครูด้านการออกแบบการเรียนรู้และ แผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) เพื่อส่งเสริม สนับสนุนให้ข้าราชการครูสามารถออกแบบ การเรียนรู้และเขียนแผนการจัดเรียนรู้ที่ท าให้ผู้สอนสามารถถ่ายทอดความรู้สู่ผู้เรียน และให้ผู้เรียนเกิด การเรียนรู้จากการลงมือปฏิบัติจริง (Active Learning) ต่อไป 4. วัตถุประสงค์ 4.1 เพื ่อพัฒนาผู้เข้ารับการอบรมให้มีความรู้ความเข้าใจการออกแบบการเรียนรู้และ แผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) 4.2 เพื ่อพัฒนาผู้เข้ารับการอบรมให้มีทักษะการออกแบบการเรียนรู้และแผนการจัด การเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) 4.3 เพื ่อพัฒนาผู้เข้ารับการอบรมให้มีเจตคติที ่ดีต ่อการออกแบบการเรียนรู้และแผน การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) 5. เป้าหมาย 5.1 เชิงปริมาณ ข้าราชการครู จ านวน 40 คน 5.2 เชิงคุณภาพ ผู้เข้ารับการอบรมน าความรู้และทักษะการออกแบบการเรียนรู้และแผนการจัด การเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ไปพัฒนาการจัดการเรียนรู้ในสถานศึกษาได้ 6. วิธีด าเนินการ กิจกรรมหลัก วัตถุประสงค์ กลุ่ม เป้าหมาย เป้า หมาย พื้นที่ ด าเนินการ ระยะ เวลา งบ ประมาณ 6.1 การ อบรมเชิง ปฏิบัติการ พัฒนา ศักยภาพครู 1. เพื่อพัฒนาผู้ เข้ารับการ อบรมให้มี ความรู้ ความเข้าใจการ ออกแบบการ เรียนรู้ 1. ข้าราชการครู 2. บุคลากรของ สถาบัน กศน. ภาคตะวันออก 3. วิทยากร 1. 40คน 2. 16 คน 3. 1 คน โรงแรมใน จังหวัดระยอง ก.พ.- ส.ค. 2566 144,000.-
8 กิจกรรมหลัก วัตถุประสงค์ กลุ่ม เป้าหมาย เป้า หมาย พื้นที่ ด าเนินการ ระยะ เวลา งบ ประมาณ ด้านการ ออกแบบ การเรียนรู้ และแผนการ จัด การ เรียนรู้ เชิงรุก (Active Learning) และแผนการจัด การเรียนรู้ เชิงรุก (Active Learning) 2. เพื่อพัฒนา ผู้เข้ารับ การอบรมให้มี ทักษะการ ออกแบบ การเรียนรู้และ แผนการจัด การเรียนรู้ เชิงรุก (Active Learning) 3. เพื่อพัฒนา ผู้เข้ารับการ อบรมให้มี เจตคติที่ดีต่อ การออกแบบ การเรียนรู้และ แผนการจัดการ เรียนรู้ 6.2 การ ติดตามผล การอบรม เพื่อติดตามผล การน าความรู้ ไปใช้ของ ผู้เข้ารับ การอบรม 1. ข้าราชการครู 2. บุคลากร สถาบัน กศน. ภาคตะวันออก 1. 40คน 2. 8 คน สถาบัน กศน. ภาคตะวันออก ส.ค.-ก.ย. 2566 -
9 กิจกรรมหลัก วัตถุประสงค์ กลุ่ม เป้าหมาย เป้า หมาย พื้นที่ ด าเนินการ ระยะ เวลา งบ ประมาณ 6.3 การ สรุปผลและ จัดท ารายงาน สรุปผลการ ด าเนินงาน เพื่อสรุปผล การด าเนินงาน ปัญหา อุปสรรค และแนวทาง แก้ไขเพื่อ การด าเนินงาน ในปีต่อไป บุคลากรสถาบัน กศน. ภาค ตะวันออก 8 คน สถาบัน กศน. ภาคตะวันออก ก.ย. 2566 6,000.- 7. งบประมาณ งบประมาณปี พ.ศ. 2566 แผนงานพื้นฐานด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพคน ผลผลิตที่ 4 ผู้รับบริการการศึกษานอกระบบ กิจกรรมจัดการศึกษานอกระบบ งบด าเนินงาน จ านวน ทั้งสิ้น 150,000 บาท (หนึ่งแสนห้าหมื่นบาทถ้วน) รายละเอียดดังนี้ 7.1 การอบรมเชิงปฏิบัติการออกแบบการเรียนรู้และแผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) 1) ค่าที่พัก (40 คน × 600 บาท × 2 คืน) = 48,000 บาท (1 คน × 1,200 บาท × 2 คืน) = 2,400 บาท 2) ค่าอาหารกลางวัน (57 คน × 300 บาท × 3 มื้อ) = 51,300 บาท 3) ค่าอาหารว่างและเครื่องดื่ม (57 คน × 50 บาท × 6 มื้อ) = 17,100 บาท 4) ค่าตอบแทนวิทยากร (1 คน × 1,200 บาท × 7 ชั่วโมง) = 8,400 บาท 5) ค่าพาหนะ (ค่ายานพาหนะชดเชย น ้ามันรถยนต์ส่วนตัว) = 3,000 บาท ค่าพาหนะ (น ้ามันรถยนต์ราชการ) = 1,000 บาท 6) ค่าวัสดุประกอบการอบรม = 12,800 บาท รวม = 144,000 บาท 7.2 การติดตามผลการอบรม (ไม่ใช้งบประมาณ) 7.3 การสรุปผลและจัดท ารายงานสรุปผลการด าเนินงาน ค่าวัสดุส านักงาน = 6,000 บาท รวมทั้งสิ้น = 150,000 บาท หมายเหตุ ขอถัวจ่ายทุกรายการเท่าที่จ่ายจริง
10 8. แผนการเบิกจ่ายงบประมาณ กิจกรรมหลัก ไตรมาส 1 ไตรมาส 2 ไตรมาส 3 ไตรมาส 4 (ต.ค.-ธ.ค.65) (ม.ค.-มี.ค.66) (เม.ย.-มิ.ย.66) (ก.ค.-ก.ย.66) 1. การอบรมเชิงปฏิบัติการพัฒนา ศักยภาพครูด้านการออกแบบ การเรียนรู้และแผนการจัด การเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) - - 144,000.- - 2. การติดตามผลการอบรม - - - - 3. การสรุปผลและจัดท ารายงาน สรุปผลการด าเนินงาน - - - 6,000.- 9. ผู้รับผิดชอบโครงการ นางสาวบุษยา ปิยารมย์ กลุ่มงานพัฒนาการเรียนรู้ตลอดชีวิต สถาบัน กศน. ภาคตะวันออก 10. เครือข่าย 10.1 ส านักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี นครนายก และสระแก้ว 10.2 ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอ าเภอในเขตภาคตะวันออก 10.3 ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาสระแก้ว 10.4 ศูนย์ฝึกและพัฒนาอาชีพราษฎรไทยบริเวณชายแดนสระแก้ว 10.5 ศูนย์ฝึกและพัฒนาอาชีพเกษตรกรรมวัดญาณสังวรารามวรมหาวิหารอันเนื่องมาจาก พระราชด าริ 11. โครงการที่เกี่ยวข้อง โครงการพัฒนาคุณภาพการศึกษา ของสถาบัน กศน. ภาคตะวันออกทุกโครงการ 12. ผลลัพธ์ (Outcomes) 12.1 ผู้เข้ารับการอบรมมีความรู้ความเข้าใจการออกแบบการเรียนรู้และแผนการจัด การเรียนรู้เชิงรุก(Active Learning) 12.2 ผู้เข้ารับการอบรมมีทักษะการออกแบบการเรียนรู้และแผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) 12.3 ผู้เข้ารับการอบรมมีความพึงพอใจต ่อการออกแบบการเรียนรู้และแผนการจัด การเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ในระดับดีขึ้นไป
11 13. ตัวชี้วัดผลส าเร็จของโครงการ 13.1 ตัวชี้วัดผลผลิต (Outputs) ร้อยละ 61 ของผู้เข้ารับการอบรมน าความรู้และทักษะการออกแบบการเรียนรู้และ แผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ไปพัฒนาการจัดการเรียนรู้ในสถานศึกษาได้ 13.2 ตัวชี้วัดผลลัพธ์ (Outcomes) 1) ร้อยละ 70 ของผู้เข้ารับการอบรมมีความรู้ความเข้าใจการออกแบบการเรียนรู้และ แผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) 2) ร้อยละ 70 ของผู้เข้ารับการอบรมมีทักษะการออกแบบการเรียนรู้และแผนการจัด การเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) 3) ร้อยละ 90 ของผู้เข้ารับการอบรมมีความพึงพอใจต่อการออกแบบการเรียนรู้และ แผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ในระดับดีขึ้นไป 14. การติดตาม ประเมินผลโครงการ 14.1 ประเมินความรู้โดยใช้การทดสอบด้วยแบบทดสอบ 14.2 ประเมินทักษะโดยใช้การประเมินผลงานด้วยแบบประเมินผลงาน 14.3 ประเมินความพึงพอใจโดยใช้การสอบถามด้วยแบบสอบถาม 14.4 ติดตามการน าความรู้ไปใช้ของผู้เข้ารับการอบรมโดยใช้แบบติดตามการน าความรู้ไปใช้ 2. แนวคิดเกี่ยวกับโครงการฝึกอบรม 2.1 ความหมายของโครงการฝึกอบรม มีนักวิชาการได้ให้ความหมายของโครงการฝึกอบรมไว้หลายท่าน ดังนี้ สมชาติ กิจยรรยง และ อรจรีย ณ ตะกั่วทุง (2550, น. 14) ได้ให้ความหมายของโครงการ ฝึกอบรมว่า เป็นกระบวนการที่จะท าให้ผู้เข้ารับการอบรมเกิดความรู้ความเข้าใจ ความช านาญและ ทัศนคติที ่ดีเกี ่ยวกับเรื่องใดเรื ่องหนึ ่ง จนกระทั ่งผู้เข้ารับการอบรมเกิดการเรียนรู้หรือเปลี ่ยนแปลง พฤติกรรมไปตามวัตถุประสงค์ของการฝึกอบรมอย่างมีประสิทธิผลและประสิทธิภาพ พิสณุ ฟองศรี (2553, น. 1-2) ได้ให้ความหมายของโครงการฝึกอบรมว ่า โครงการ ฝึกอบรมจะเพิ่มพฤติกรรมหรือคุณลักษณะของผู้เข้ารับการอบรมใน 3 ด้าน ได้แก่ ด้านความรู้ ด้าน ทักษะ และด้านจิตใจ ที่มีความเกี่ยวของกับการน าไปปฏิบัติงานทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยบางครั้งก็ จะเน้นด้านหนึ่งด้านใดเพียงด้านเดียว บางโครงการก็เน้นหลาย ๆ ด้านพร้อมกัน และหากต้องการจะ ทราบว ่าโครงการฝึกอบรมที ่จัดขึ้นมีประโยชนแก่ผู้เขารับการอบรมและผู้เกี ่ยวข้อง หรือหน่วยงาน ต้นสังกัดอย่างไร มีความคุ้มค่าหรือไม่เพียงใด ก็ต้องอาศัยการประเมินเป็นกลไกส าคัญ
12 สมคิด บางโม (2553, น. 13) ได้ให้ความหมายของโครงการฝึกอบรมว่า เป็นกระบวนการ เพิ่มประสิทธิภาพในการท างานเฉพาะด้านของบุคคลโดยมุงเพิ่มพูนความรู้ทักษะ และทัศนคติ อันจะ น าไปสู่การยกมาตรฐานการท างานให้สูงขึ้น ท าให้บุคคลมีความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน และ องค์กรบรรลุเป้าหมายที่ก าหนดไว้ สรุปได้ว ่าโครงการฝึกอบรมเป็นการจัดการเรียนรูอย่างเป็นระบบเพื ่อเปลี ่ยนแปลง พฤติกรรมที่ท าให้ผู้เขารับการอบรมเกิดความรู้ทักษะ และเจคติที่ดีตามวัตถุประสงค เป็นการพัฒนาคน เพื่อให้เกิดการพัฒนางานให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด 2.2 วัตถุประสงค์ของโครงการฝึกอบรม สมคิด บางโม (2553, น. 14) ได้อธิบายการฝึกอบรมจะมีวัตถุประสงค์3 ประเภทใหญ่ๆ ดังนี้ 1. เพื่อเพิ่มพูนความรู้ให้มีความรู้ หลักการ ทฤษฎีแนวคิดในเรื่องที่อบรมเพื่อน าไปใช้ใน การท างาน 2. เพื่อเพิ่มพูนความเข้าใจ เป็นลักษณะที่ต่อเนื่องจากความรู้กล่าวคือ เมื่อรู้หลักการและ ทฤษฎีแล้วสามารถตีความ แปลความ ขยายความ และอธิบายให้คนอื่นทราบได้รวมทั้งสามารถน าไป ประยุกต์ได้ 3. เพื่อเพิ่มพูนทักษะ ทักษะคือความช านาญหรือความคล่องแคล่วในการปฏิบัติอย่างใด อย่างหนึ่งได้โดยอัตโนมัติ แช่น การใช้เครื่องมือต่าง ๆ การขับรถ การขี่จักรยาน เป็นต้น 4. เพื่อเปลี่ยนแปลงเจตคติ เจตคติหรือทัศนคติ คือความรู้สึกที่ดีหรือไม่ดีต่อสิ่งต่าง ๆ การ ฝึกอบรมมุ่งให้เกิดหรือเพิ่มความรูสึกที่ดีต่อองค์การ ตอผู้บังคับบัญชา ต่อเพื่อนร่วมงาน และต่องานที่มี หน้าที่รับผิดชอบ เชน ความจงรักภักดีต่อบริษัท ความภาคภูมิใจต่อสถาบัน ความสามัคคีในหมู่คณะ ความรับผิดชอบต่องาน ความเอาใจใส่ต่องาน ความกระตือรือร้น เป็นต้น เพ็ชรี รูปะวิเชตร (2554, น. 18) ได้กล่าวถึงวัตถุประสงค์การฝึกอบรม มีดังนี้ 1. เป็นการปรับปรุงจิตส านึกหรือความตระหนักในตนเอง 2. เป็นการกระตุ้นนศักยภาพสวนบุคคลให้ท างานอย่างเต็มที่ 3. เป็นการผสมผสาน ทักษะ ความรู้และทัศนคติที่ถูกต้องของตนเองและกลุ่ม 4. เป็นการเพิ่มพูนทักษะการท างานของบุคคล 5. เป็นการเพิ่มพูนแรงจูงใจของบุคคล สรุปได้ว่า การฝึกอบรมเป็นการอบรมเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงของบุคลากรในทางที่ดีต่อ องค์การและตนเอง ในด้านการเพิ่มพูนความรู้ ทักษะการปฏิบัติน าไปประยุกต์ใช้ในงาน ตลอดจน เปลี่ยนแปลงเจตคติที่ดีต่อองค์การ
13 2.3 ประโยชน์ของโครงการฝึกอบรม สมชาติ กิจยรรยง และ อรจรีย ณ ตะกั่วทุง (2550, น. 15-16) ได้อธิบายถึงประโยชน์ของ การอบรมใน 3 ส่วนหลัก คือ 1. ประโยชน์ในระดับพนักงาน 1) ช่วยส่งเสริมความรู้ความเข้าใจ ซึ่งเป็นการเพิ่มคุณค่าใหแก่ตัวเอง 2) ช่วยลดอุบัติเหตุหรือการท างานที่ผิดพลาด 3) ช่วยทบทวนแนวคิดและทัศนคติ 4) ช่วยเสริมสร้างทักษะและความสามารถที่สูงขึ้น 2. ประโยชน์ในระดับผู้บังคับบัญชา 1) ช่วยท าให้เกิดผลงานที่ดีขึ้น เมื่อตระหนักในบทบาท หน้าที่และความรับผิดชอบ 2) ลดปัญหาและแก้ไขงานที่ผิดพลาด 3) ช่วยเสริมสร้างภาวการณ์เป็นผู้น าที่เก่งงาน เก่งคน และเก่งคิด 3. ประโยชนในระดับหน่วยงานหรือองค์การ 1) ช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านแรงงาน 2) ช่วยลดความสูญเสียวัสดุอุปกรณ์และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ 3) ช่วยเพิ่มผลผลิตทั้งทางตรงและทางอ้อม 4) ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในส านักงาน เพ็ชรี รูปะวิเชตร ( 2554, น. 21) ให้ความส าคัญของการฝึกอบรม ดังนี้ 1. ท าให้องค์การสามารถด ารงกิจการอยู่ได้และมีศักยภาพในการแข่งขัน 2. ท าให้องค์การเจริญเติบโต มีการขยายการผลิต การตลาดหรือขยายงานด้านต่าง ๆ ออกไป 3. ท าให้บุคลากรใหม่และบุคลากรที่ท างานอยู่แล้วในองค์การได้เข้าใจสภาพการท างานของ องค์การและสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ 4. ท าให้บุคลากรท างานกับองค์การในระยะเวลานาน ด้วยความรักในองค์การ 5. การฝึกอบรมเป็นสิ่งส าคัญในการปรับเปลี่ยนต าแหน่งได้อย่างถูกต้องและเป็นระบบ สรุปได้ว ่า การฝึกอบรมจึงมีบทบาทส าคัญในการพัฒนาบุคลากรในองค์การให้มีความรู้ ความสามารถ ความช านาญอยู่เสมอ และสร้างความพร้อมให้กับบุคลากรในการท างาน
14 3. แนวคิดเกี่ยวกับการประเมินโครงการ 3.1 ความหมายการประเมินโครงการ มีนักวิชาการได้ให้ความหมายของการประเมินโครงการไว้หลายท่าน ดังนี้ สมหวัง พิธิยานุวัฒน์ (2549, น. 11) ให้ความหมายการประเมินโครงการว่า เป็น กระบวนการที่ก่อให้เกิดสารสนเทศในการปรับปรุงโครงการ และสารสนเทศในการตัดสินผลสัมฤทธิ์ของ โครงการ พงษ์เทพ จิระโร (2554, น. 7) ให้ความหมายการประเมินโครงการว ่า เป็นกระบวนการ วัดตัวบ่งชี้คุณภาพโครงการที่ก าหนดไว้ และน าเกณฑ์มาเทียบกับผลการวัด ท าให้ได้ผลการประเมินที่ น าไปใช้ในการปรับปรุง พัฒนาโครงการหรือน าไปสู่การตัดสินใจในการด าเนินโครงการ ธีรศักดิ์ อุ ่นอารมณ์เลิศ (2556, น. 6) ให้ความหมายของการประเมินโครงการว่า เป็น กระบวนการตัดสินคุณค่าของกิจกรรมหรือผลที่เกิดขึ้นจากโครงการในด้านความส าเร็จ ความล้มเหลว จุดแข็ง จุดอ่อน ปัญหา อุปสรรค โดยมีกระบวนการรวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ พิชิต ฤทธิ์จรูญ (2557, น. 4) ได้ให้ความหมายของการประเมินโครงการไว้ว ่า เป็น กระบวนการเชิงระบบเพื่อการตรวจสอบหรือชี้บ่งถึงประสิทธิภาพและประสิทธิผลของโครงการ ซึ่งจะ ช่วยให้ได้ข้อมูลสารสนเทศที่เป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจเกี่ยวกับการบริหารจัดการ ปรับปรุงและ พัฒนาโครงการ สรุปได้ว ่า การประเมินโครงการ หมายถึง กระบวนการเก็บรวบรวมข้อมูลที ่เกี ่ยวกับ โครงการ แล้วน าข้อมูลมาประมวลผล วิเคราะห์ผล และน าเสนอผลการประเมินโครงการอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ได้ข้อมูลสารสนเทศมาตัดสินคุณค่า คุณภาพ คุณประโยชน์ ประสิทธิผล หรือข้อควรปรับปรุง พัฒนาโครงการของผู้บริหารโครงการ 3.2 ความส าคัญของการประเมินโครงการ ธีรศักดิ์อุ่นอารมณ์เลิศ (2556, น. 24-25) ได้สรุปประโยชน์ของการประเมินโครงการไว้ ดังนี้ 1. ช่วยให้การก าหนดวัตถุประสงค์ มีความชัดเจน เหมาะสม สอดคล้องกับความต้องการ ของกลุ่มเป้าหมาย และมีความเป็นไปได้ในการด าเนินการ 2. ช่วยให้สารสนเทศเพื่อเป็นทางเลือกในการตัดสินใจเกี่ยวกับการวางแผนโครงการ การ ปรับรื้อโครงสร้างองค์การ การจัดสรรทรัพยากรอย่างเหมาะสม 3. ช ่วยให้ทราบความก้าวหน้า ปัญหาและอุปสรรค ตลอดจนการปรับปรุง แก้ไขและ ป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้
15 4. ช่วยประหยัด ค่าใช้จ่ายในการด าเนินโครงการ เนื่องจากการประเมินผล ท าให้ทราบถึง ปัญหาอุปสรรค จุดแข็ง จุดอ่อนของการด าเนินโครงการ โดยการน าระบบการก ากับติดตามผลเข้าร่วม ในการบริหารโครงการ จะก่อให้เกิดการบรรลุทั้งประสิทธิภาพและประสิทธิผล 5. ช ่วยให้ข้อมูลเกี ่ยวกับความส าเร็จ ความล้มเหลว ผลกระทบ และผลลัพธ์เพื ่อการ ตัดสินใจที่ถูกต้อง 6. ช ่วยให้ได้ข้อมูลที่บ ่งบอกประสิทธิภาพ ความคุ้มค ่า ความเป็นธรรม ความเสมอภาค หรือไม่ 7. เพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับโครงการ ตลอดจนเป็นแรงจูงใจให้ผู้ปฏิบัติโครงการ เพราะ จะท าให้ทราบจุดเด่น จุดด้อย เพื่อพัฒนาและปรับปรุงโครงการ 8. เพื่อช่วยหาหลักฐานสนับสนุนเกี่ยวกับการด าเนินกิจกรรมของโครงการด้านต่าง ๆ เช่น ด้านสาธารณชน การเมือง เศรษฐกิจ และด้านวิชาชีพเฉพาะ 9. เพื่อเป็นบทเรียนในการขยายผลไปสู่สภาพการณ์อื่น ๆ ในวงกว้างมากขึ้น พิชิต ฤทธิ์จรูญ (2557, น. 47) การประเมินโครงการฝึกอบรมมีความส าคัญต่อการตัดสินใจ ของผู้บริหารและผู้รับผิดชอบโครงการโดยสรุป ดังนี้ 1. ช่วยให้ได้สารสนเทศต่าง ๆ เกี่ยวกับสภาพความต้องการจ าเป็นในการฝึกอบรม ซึ่งจะ น าไปใช้ในการตัดสินใจก าหนดโครงการฝึกอบรมให้เหมาะสม ตอบสนองความต้องการของบุคลากรและ องค์การมีการวางแผนการฝึกอบรมและการบริหารจัดการโครงการฝึกอบรมให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น 2. ช่วยให้ได้สารสนเทศที่สะท้อนถึงสภาพการบริหารจัดการโครงการฝึกอบรมว่ามีปัญหา และอุปสรรคในการด าเนินโครงการหรือไม่ อย่างไร ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการปรับเปลี่ยนกระบวนการ บริหารจัดการโครงการ และการจัดกิจกรรมการฝึกอบรมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น 3. ช่วยให้ได้สารสนเทศเพื่อตัดสินสินความส าเร็จหรือความล้มเหลวของโครงการฝึกอบรม ซึ่งจะบ่งชี้ถึงประสิทธิภาพ และประสิทธิผลที่เกิดผลการเปลี ่ยนแปลงพฤติกรรมการท างานหรือเพิ่ม ศักยภาพในการท างานของบุคลากรหรือไม่ อย่างไร คุ้มค่ากับการลงทุนหรือไม่ โดยจะน ามาใช้ในการ ตัดสินใจและวินิจฉัยว่าจะด าเนินโครงการฝึกอบรมในช่วงต่อไปอย่างไร จะยุติหรือปรับขยายการด าเนิน โครงการฝึกอบรมต่อไปอีก 4. ช่วยเสริมแรง สร้างพลังจูงใจให้กับผู้รับผิดชอบโครงการฝึกอบรม เมื่อทราบผลส าเร็จ จุดเด่น หรือจุดที่ควรปรับปรุงพัฒนาโครงการ ผู้รับผิดชอบโครงการฝึกอบรมก็จะมุ่งมั่นปรับปรุง และ พัฒนาการบริหารจัดการโครงการให้มีคุณภาพและมาตรฐานสูงขึ้น ซึ่งจะเกิดคุณค่าและประโยชน์สูงสุด ต่อบุคลากรหรือองค์การ
16 สรุปได้ว่า การประเมินโครงการมีความส าคัญและมีประโยชน์ท าให้ได้สารสนเทศที่ถูกต้อง เหมาะสม สามารถน าไปวิเคราะห์วางแผนโครงการ เพื่อพัฒนาปรับปรุงโครงการให้มีประสิทธิภาพและ ประสิทธิผลสูงสุด 3.3 ประเภทของการประเมินโครงการ การประเมินโครงการเป็นการตัดสินคุณค่าของหลักการและเหตุผล นโยบาย วัตถุประสงค์ ความพร้อมของทรัพยากร กิจกรรม วิธีการด าเนินงาน ผลผลิต และผลต่อเนื่องจากโครงการ ซึ่งสามารถ จ าแนกประเภทของการประเมินโครงการได้ ดังนี้ (ธีรศักดิ์ อุ่นอารมย์เลิศ, 2556, น. 11-15) 1. แบ่งตามจุดมุ่งหมายของการประเมิน แบ่งได้ 2 ประเภท ดังนี้ 1.1 การประเมินความก้าวหน้า (Formative Evaluation) เป็นการประเมินโครงการ ขณะที ่โครงการเริ ่มด าเนินการหรือก าลังด าเนินการเพื ่อให้ได้รับสารสนเทศเพื ่อน าไปสู ่การเตรียม ความพร้อมหรือปรับปรุงและพัฒนาการด าเนินโครงการเพื่อการบรรลุเป้าหมาย 1.2 การประเมินสรุปผลรวม (Summative Evaluation) เป็นการประเมินโครงการใน ระยะเวลาโครงการสิ้นสุดวงจรของโครงการเพื่อสรุปตัดสินความส าเร็จหรือความล้มเหลวของโครงการ เพื่อน าไปสู่การยุติหรือขยายผลโครงการต่อไปเป็นงานประจ า 2. แบ่งตามหลักยึดในการประเมิน แบ่งได้ 2 ประเภท ดังนี้ 2.1 การประเมินที่อิงวัตถุประสงค์ (Goal – Based Evaluation) เป็นการประเมินผล ตามวัตถุประสงค์ของโครงการที่ตั้งไว้ 2.2 การประเมินที ่ไม ่อิงวัตถุประสงค์ (Goal – Free Evaluation) เป็นการประเมิน โครงการที่นอกเหนือจากวัตถุประสงค์ของโครงการที่ตั้งไว้ ท าให้การประเมินมีความครอบคลุมมาก ยิ่งขึ้น 3. แบ่งตามล าดับเวลาที่ประเมิน แบ่งได้ 5 ประเภท ดังนี้ 3.1 การประเมินก่อนเริ่มโครงการ (Preliminary Evaluation, Pre – Implementation Evaluation) ได้แก่ การศึกษาความเป็นไปได้ (Feasibility Study) และความต้องการจ าเป็นเร่งด ่วน (Needs Assessment) และความพร้อมของปัจจัยน าเข้า (Input Evaluation) หรืออาจจะเรียกรวม ๆ กันว่าการวิเคราะห์โครงการ (Project Analysis/Project Appraisal) 3.2 การประเมินระหว่างการด าเนินงาน (Formative, Implementation, On – going, Process Evaluation) ได้แก่ การปรับปรุงเปลี่ยนแปลงแผนงาน/โครงการ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ ของโครงการ 3.3 การประเมินหลังการด าเนินงาน (Summative Evaluation) ได้แก ่ การสรุปผล ตามวัตถุประสงค์ ความส าเร็จ/ล้มเหลว การขยายหรือยุติโครงการ
17 3.4 การประเมินเพื่อการติดตามผล (Follow – up Evaluation) ได้แก่ การประเมินผล กระทบ (Impact Evaluation) และการประเมินผลลัพธ์ (Outcome Evaluation) เป็นต้น 3.5 การประเมินงานประเมิน (Meta Evaluation) หรือการประเมินอภิมาน ซึ่งเป็นการ ประเมินคุณภาพของรายงานประเมินอีกครั้งหนึ่ง สามารถประเมินได้ทั้งโครงการเดียวหรือหลาย ๆ โครงการพร้อมกัน ซึ่งเป็นการประเมินเพื่อการตรวจสอบความถูกต้องคุณภาพ และความเหมาะสมของ งานประเมิน ซึ่งนิยมประเมินใน 4 มาตรฐานดังนี้ 1) มาตรฐานด้านการใช้ประโยชน์ (Utility Standards) 2) มาตรฐานด้านความเป็นไปได้ (Feasibility Standards) 3) มาตรฐานด้านความเหมาะสม (Propriety Standards) 4) มาตรฐานด้านความถูกต้อง (Accuracy Standards) 4. แบ่งตามลักษณะของกิจกรรมที่ต้องการประเมิน แบ่งได้ 6 ประเภท ดังนี้ 4.1 การประเมินองค์กร (Organization Evaluation) ได้แก่ การประเมินประสิทธิภาพ หรือประสิทธิผลในการด าเนินงานขององค์กร เช่น การประเมินคุณภาพการศึกษา การประเมินบุคลากร การประเมินผลสัมฤทธิ์ขององค์การ เป็นต้น 4.2 การประเมินการวางแผน (Planning Evaluation) ได้แก ่ การประเมินความ เหมาะสมของการวางแผนในแต่ละระดับของการด าเนินงาน หรือประเมินความเหมาะสมของแผนการ ด าเนินงาน 4.3 การประเมินนโยบาย (Policy Evaluation) ได้แก่ การประเมินผลความเหมาะสม ในการน านโยบายสู่การปฏิบัติ 4.4 การประเมินแผนงาน (Program Evaluation) ได้แก ่ การประเมินแผนงานของ หน่วยงานซึ่งมีโครงการหลายๆโครงการอยู่ภายใต้แผนงาน 4.5 การประเมินโครงการ (Project Evaluation) ได้แก ่ การประเมินโครงการแต ่ละ โครงการซึ่งอยู่ภายใต้แผนงานหรืออาจจะเป็นโครงการหลักสูตรก็ได้ 4.6 การประเมินกิจกรรม (Activity Evaluation) ได้แก่ การประเมินกิจกรรมที่จัดขึ้น อาจจะอยู่ภายใต้โครงการหรือไม่อยู่ในโครงการก็ได้ 5. แบ่งตามลักษณะรูปแบบการประเมิน แบ่งได้ 6 ประเภท ดังนี้ 5.1 รูปแบบการประเมินเน้นวัตถุประสงค์ (Objective based Model) โดยนักประเมิน กลุ ่มนี้มีแนวคิดว ่า การประเมินคุณค ่าของสิ ่งใดก็ตามก็จะต้องประเมินที ่ผลผลิตหรือผลลัพธ์ของ การด าเนินว่ามีความสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้หรือไม่ นักประเมินกลุ่มนี้ ได้แก่ ไทเลอร์ (Tyler) ครอนบาค (Cronbach) และเคิร์กแพททริก (Kirkpatick) เป็นต้น
18 5.2 รูปแบบการประเมินที่เน้นการตัดสินคุณค ่า (Judgmental Evaluation Model) โดยที่นักประเมินกลุ่มมีแนวความคิดว่า การประเมินใดก็ตามเพื่อประเมินผลแล้วจะต้องมีความตัดสิน คุณค่าโดยนักประเมิน ถ้านักประเมินไม่ได้ตัดสินคุณค่าถือว่ายังคงท าหน้าที่ไม่สมบูรณ์ นักประเมินกลุ่มนี้ ได้แก่ สเตค (Stake) โพรวัส (Provus) และสคริฟเว่น (Scriven) เป็นต้น 5.3 รูปแบบการประเมินที่เน้นการตัดสินใจ โดยที่นักประเมินกลุ่มนี้มีแนวความคิดว่า การประเมินควรเป็นไปเพื่อให้ได้สารสนเทศแก่ผู้บริหารในการตัดสินใจ และก าหนดเกณฑ์การตัดสิน ความส าเร็จของโครงการภายใต้สภาพแวดล้อมของสิ่งที่ประเมิน นักประเมินกลุ่มนี้ ได้แก่ สตัฟเฟิลบีม (Stufflebeam) อัลคิน (Alkin) และไทเลอร์ใหม่ (New Tyler) เป็นต้น 5.4 รูปแบบการประเมินที ่ม ุ ่งเน้นสัมฤทธิ์ผลขององค์การ (Results –Oriented Evaluation Model) โดยที่นักประเมินกลุ่มนี้มีแนวคิดว่าการประเมินความส าเร็จ ควรประเมินผลลัพธ์ การด าเนินทุกมิติที ่สนับสนุนความส าเร็จซึ ่งกันและกันของแต ่ละงานต ่างๆแล้วน าไปสู ่การบรรลุ เป้าหมายขององค์การในภาพใหญ่ โดยมุ่งเน้นการประเมินผลตัววัดความส าเร็จ (Key Performance Indicators: KPI) ของการปฏิบัติงาน โดยการประเมินผลจะมีความสัมพันธ์กับการวางแผนปฏิบัติงาน ขององค์การ รูปแบบการประเมินกลุ่มนี้ ได้แก่ รูปแบบการประเมินองค์การแบบสมดุล (Balanced Scorecard) การบริหารแบบมุ่งเน้นผลงาน (Result – Based Management) และการบริหารงานตาม วัตถุประสงค์ (Management by Objective) เป็นต้น 5.5 รูปแบบการประเมินอิงผู้เชี ่ยวชาญ (Connoisseurship Model) เป็นรูปแบบ การประเมินโดยผู้เชี่ยวชาญ โดยมองว่าผู้เชี่ยวชาญมีความสามารถในการวิพากษ์วิจารณ์สิ่งที่ประเมิน จากประสบการณ์ เป็นการใช้วิจารณญาณในการบรรยายคุณภาพของสิ่งที่ศึกษา (Descriptive Aspect) และตีความหมายของสิ ่งที ่ศึกษา (Interpretive Aspect) ออกมาในเชิงประจักษ์ตามการรับรู้ของ ผู้เชี่ยวชาญและตัดสินคุณค่าของสิ่งนั้น เพื่อให้ข้อเสนอแนะ มุมมองที่เป็นประโยชน์ส าหรับผู้ปฏิบัติงาน โครงการ ได้แก่ แนวคิดการประเมินของไอส์เนอร์ (Elliot W.Eisner) 5.6 รูปแบบการประเมินแบบสร้างสรรค์นิยมแบบตอบสนอง (Responsive Constructivist Evaluation Model/Approach) ซึ ่งเป็นการประเมินทางเลือก (Alternative Evaluation) ที ่เป็น มโนทัศน์การประเมิน (Concept) หรือมุมมอง (Approach) มากกว่าการเป็นรูปแบบ (Model) หรือ เป็นการประเมินที ่เน้นการประเมินเพื ่อตอบสนองผู้ที่ต้องการใช้สารสนเทศ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ การพัฒนาและการน าไปใช้ประโยชน์ได้จริงมากกว ่าการประเมินเพื่อการตัดสินคุณค่า การประเมิน เชิงสร้างสรรค์นิยมแบบตอบสนอง (Responsive Constructivism Evaluation) โดยกระบวนการ การประเมินที ่นักประเมินอาชีพมีความเป็นกัลยาณมิตรที ่พร้อมด าเนินการประเมินร ่วมกันกับ นักประเมินของชุมชนเพื่อการไปสู่เป้าหมายร่วมกัน ได้แก่ การประเมินแบบมีส่วนร่วม การประเมินแบบ อิงผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย การประเมินแบบเสริมสร้างพลังอ านาจ และการประเมินแผนที่ผลลัพธ์ เป็นต้น
19 7. แบ่งตามขอบข่ายของการประเมิน แบ่งได้ 6 ประเภท ดังนี้ 7.1 การประเมินสื่อการสอน วัสดุ และอุปกรณ์/นวัตกรรมทางการศึกษา และนวัตกรรม การพัฒนาสังคม (Material & Innovation Evaluation) เป็นการประเมินสิ ่งประดิษฐ์ที ่ถูกคิดค้น ใช้แก้ปัญหา ในรูปที่วัตถุหรือวิธีการ ได้แก่ การประเมินนวัตกรรมทางการศึกษา หรือนวัตกรรมทาง สังคม ทั้งที่เป็นกระบวนการและผลผลิตหรือผลิตภัณฑ์ 7.2 การประเมินการเรียนรู้/สัมฤทธิ์ผลทางการเรียน (Learning Evaluation) เป็น การประเมินผลการเรียนรู้ที่เกิดจากการจัดกระบวนการเรียนรู้หรือการจัดประสบการณ์ให้แก่กลุ่มผู้เรียน ผู้เข้ารับการอบรม หรือกลุ่มเป้าหมาย 7.3 การประเมินการปฏิบัติงาน (Performance Evaluation) เป็นการประเมิน ประสิทธิภาพการปฏิบัติงานในหน ่วยงาน หรือองค์การทั้งภาครัฐและเอกชน เช ่น การประเมิน ประสิทธิภาพการสอนของครู การประเมินประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของพนักงานอาจจะใช้การประเมิน จากหลายฝ ่ายร ่วมกัน การประเมิน 80 องศา 180 องศา หรือ 360 องศา เป็นต้น เพื ่อการปรับปรุง การปฏิบัติงานและเพื่อการสร้างการจูงใจหรือผลตอบแทนการปฏิบัติงาน 7.4 การประเมินหลักสูตร (Curriculum Evaluation) เป็นการประเมินหลักสูตร ที่จัดการเรียนรู้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว หรือหลักสูตรฝึกอบรมต่าง ๆ ในด้านของการริเริ่มจัดท า การน าไปใช้และการประเมินผลสัมฤทธิ์ ของหลักสูตรและตลอดจนการปรับปรุงหลักสูตร เป็นต้น 7.5 การประเมินโครงการและแผนงาน (Project/Program Evaluation) เป็นการ ประเมินโครงการทางการศึกษาหรือโครงการทางการพัฒนาในระดับต ่างๆ เพื ่อสะท้อนการบรรลุ เป้าหมายตามวิสัยทัศน์ พันธกิจ ของหน่วยงานและองค์กร 7.6 การประเมินองค์การ (Organization Evaluation) เป็นการประเมินผลสัมฤทธิ์หรือ ผลการด าเนินงานตามเป้าหมาย และยุทธศาสตร์ขององค์การ ทั้งที ่เป็นองค์การแสวงหาก าไร และ องค์การที่ไม่แสวงหาก าไร โดยน าผลการประเมินมาพัฒนาองค์การรวมทั้งการประเมินเพื่อขอรับรางวัล ต่างๆหรือขอรับรองมาตรฐาน เช่น ISO มาตรฐานวิชาชีพต่างๆ การจัดอันดับ หรือการประกันคุณภาพ การศึกษาของหน่วยงานที่เป็นสถานศึกษา สรุปได้ว ่า ประเภทของการประเมินมีหลายประเภทขึ้นอยู ่กับว ่าใช้เกณฑ์ใดเป็นหลักใน การแบ ่งการประเมิน ซึ ่งการประเมินโครงการพัฒนาศักยภาพครูด้านการออกแบบการเรียนรู้และ แผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) เป็นการประเมินที่เน้นการประเมินผลผลิตหรือผลลัพธ์ ของการด าเนินงานว่ามีความสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้หรือไม่
20 3.4 รูปแบบการประเมินของเคิร์กแพทริค (Kirkpatrick) Kirkpatrick (1998, น. 19 อ้างถึงใน พิชิต ฤทธิ์จรูญ, 2560, น. 48) ได้เสนอแนวคิดและ วิธีการประเมินประสิทธิผลของโครงการฝึกอบรม โดยก าหนดประเด็นการประเมินออกเป็น 4 ระดับ คือ (1) การประเมินปฏิกิริยา (reaction evaluation) เป็นการตรวจสอบความรู้สึกหรือความพอใจของ ผู้เข้ารับการอบรมต ่อโครงการฝึกอบรม (2) การประเมินผลการเรียนรู้(learning evaluation) เป็น การตรวจสอบผลการเรียนรู้ที่ได้จากโครงการฝึกอบรมโดยควรตรวจสอบให้ครอบคลุมทั้งด้านความรู้ (knowledge) ทักษะ (skills) และเจตคติ (attitude) (3) การประเมินพฤติกรรม (behavior evaluation) เป็นการตรวจสอบว่าผู้ผ่านการอบรมได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการท างานเป็นไปตามความคาดหวังของ โครงการหรือไม ่ และ (4) การประเมินผลลัพธ์ที ่เกิดขึ้นต ่อองค์การ(results evaluation) เป็น การตรวจสอบว่าผลจากการอบรมได้เกิดผลดีต่อองค์กรหรือเกิดผลกระทบต่อองค์กรในลักษณะใดบ้าง คุณภาพขององค์กรดีขึ้นหรือไม่ รายละเอียดของแนวทางการด าเนินการประเมินในแต่ละระดับ มีดังนี้ 1. การประเมินปฏิกิริยา มีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการทราบความรู้สึกหรือความพึงพอใจของผู้เข้ารับการอบรมที่มี ต่อโครงการฝึกอบรม เช่น ความพึงพอใจต่อหลักสูตรเนื้อหาสาระ กิจกรรม และวิธีการฝึกอบรม รวมทั้ง ความรู้ ความสามารถและเทคนิควิธีการจัดกิจกรรมการฝึกอบรมของวิทยากรว่า ตรงตามความต้องการ หรือท าให้ผู้เข้าอบรมมีความพึงพอใจหรือไม่ เพียงใด การประเมินปฏิกิริยาต้องการได้รับข้อมูลที่เป็นปฏิกิริยาตอบสนองของผู้เข้ารับการอบรม ที่มีความหมายและความเป็นจริง เพราะข้อมูลเหล่านี้จะเป็นตัวบ่งชี้ประสิทธิผลของการฝึกอบรมใน ระดับแรก ผู้บริหารต้องอาศัยข้อมูลจากผลการประเมินปฏิกิริยาเป็นพื้นฐานในการตัดสินใจ วิธีการที่จะ ช่วยให้ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับปฏิกิริยาตอบสนองที่มีความหมายและตรงตามความเป็นจริงจากผู้เข้ารับ การอบรม มีดังนี้(Kirkpatrick, 1988, น. 26-38 อ้างถึงใน พิชิต ฤทธิ์จรูญ, 2560, น. 48-49) 1.1 ก าหนดประเด็นการประเมินให้แน่นอนชัดเจนว่านักประเมินต้องการได้รับข้อมูล อะไร เช่น ปฏิกิริยาตอบสนองต่อเนื้อหาสาระการฝึกอบรม วิธีการจัดกิจกรรมการฝึกอบรมของวิทยากร สถานที่การฝึกอบรม ระยะเวลาที่ใช้ในการฝึกอบรม เป็นต้น 1.2 ก าหนดรูปแบบของเครื่องมือหรือข้อค าถามในแบบสอบถามที่จะใช้เก็บรวบรวม ข้อมูลให้ตรงและครอบคลุมประเด็นที่ต้องการวัดประเมินปฏิกิริยาตอบสนอง ข้อค าถามที่ใช้ต้องให้ได้ ค าตอบที่สามารถน ามาแปลงเป็นตัวเลข แจกแจงความถี่และวิเคราะห์ในเชิงปริมาณได้ ไม่ควรใช้ค าถาม ประเภทปลายเปิด 1.3 กระตุ้นให้ผู้เข้ารับการอบรมเขียนแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเพิ่มเติมใน ข้อค าถามต่าง ๆ 1.4 พยายามให้ผู้เข้ารับการอบรมตอบแบบสอบถามให้ครบถ้วนและส่งกลับคืนทันที เพื่อให้ได้รับแบบสอบถามกลับคืนครบทุกคน
21 1.5 การแจกแบบสอบถามเพื ่อให้ผู้เข้ารับการอบรมตอบ นักประเมินต้องให้เวลาแก่ ผู้เข้ารับการอบรมอย่างเพียงพอที่จะให้ตอบค าถามครบทุกข้อและควรแจกแบบสอบถามก่อนที่ผู้เข้ารับ การอบรมจะออกไปจากห้องฝึกอบรมเมื่อสิ้นสุดโครงการ ไม่ควรให้ผู้เข้ารับการอบรมน าแบบสอบถาม ติดตัวออกไปและส่งคืนกลับมาในภายหลัง 1.6 พยายามให้ผู้เข้ารับการอบรมแสดงปฏิกิริยาผ่านแบบสอบถามด้วยความซื่อสัตย์ หรือตามความเป็นจริง โดยไม่ควรให้ผู้เข้ารับการอบรมเขียนชื่อของตนเองลงไปในแบบสอบถาม 1.7 ควรสื ่อสารผลการประเมินปฏิกิริยาโดยมีรายละเอียดที ่เหมาะสมให้กับบุคคลที่ เกี ่ยวข้องทุกฝ ่าย ได้รับทราบและน าผลการประเมินไปใช้ประโยชน์ในการตัดสินใจเกี ่ยวกับโครงการ ฝึกอบรม 2. การประเมินผลการเรียนรู้ จากผลการประเมินปฏิกิริยาในระดับแรก ถ้ามีข้อมูลสะท้อนว่า ผู้เข้ารับการอบรมมี ปฏิกิริยาต่อการฝึกอบรมในทางบวก หรือมีความพึงพอใจต่อการฝึกอบรม อาจกล่าวได้ว่า การฝึกอบรม ตามโครงการนั้นประสบความส าเร็จในขั้นต้นเท่านั้น ไม่อาจกล่าวได้ว่าผู้เข้ารับการอบรมมีความรู้ และ เกิดทักษะปฏิบัติจากการฝึกอบรมหรือไม่ เพียงใด Kirkpatrick เชื ่อว่าในการฝึกอบรมสามารถที ่จะสอนหรือพัฒนาบุคคลให้มีความรู้ เกิดทักษะและเปลี่ยนแปลงเจตคติได้ จึงต้องมีการประเมินในระดับที่สองคือ การประเมินผลการเรียนรู้ เพื่อต้องการทราบว่า ผู้เข้ารับการอบรมได้รับความรู้เกิดทักษะอะไรบ้างและมีเจตคติต่อการท างานที่ เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมหรือไม่ เพียงใด เพราะว่าถ้าบุคคลมีการเรียนรู้น้อยหรือไม่มีการเรียนรู้ก็จะพบว่า ไม่มีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ความรู้ ทักษะและเจตคติจึงเป็นองค์ประกอบพื้นฐานส าคัญที่จะช่วยให้ เกิดการเปลี ่ยนแปลงพฤติกรรมการท างานของผู้เข้ารับการอบรมในโอกาสต ่อไป Kirkpatrick ได้ให้ ข้อเสนอแนะส าหรับการประเมินผลการเรียนรู้ไว้ ดังนี้(Kirkpatrick, 1998, น. 40-47 อ้างถึงใน พิชิต ฤทธิ์จรูญ, 2560, น. 49-50) 2.1 การประเมินผลการฝึกอบรมขององค์การขนาดใหญ่ หากเป็นไปได้ควรออกแบบ การประเมินโดยก าหนดให้มีกลุ่มทดลองซึ่งเป็นกลุ่มผู้เข้ารับการอบรมและกลุ่มควบคุมซึ่งไม่ได้เข้ารับ การอบรมแล้วเปรียบเทียบผลการเรียนรู้ (คะแนนความรู้ ทักษะและ/หรือเจตคติ) ระหว่างสองกลุ่มว่า แตกต่างกัน หรือไม่ อย่างไร 2.2 ในทางปฏิบัติที่สามารถท าได้จริงและสะดวกต่อการประเมิน ควรวัดผลการเรียนรู้ ซึ่งประกอบด้วย ความรู้ ทักษะและ/หรือเจตคติของผู้เข้ารับการอบรมทั้งก่อนและหลังการฝึกอบรม แล้ววิเคราะห์เปรียบเทียบคะแนนระหว่างก่อนและหลังการฝึกอบรม 2.3 การใช้แบบทดสอบวัดความรู้ อาจใช้แบบทดสอบมาตรฐานที่ตรงกับความรู้ที่ก าลัง อบรมในโครงการฝึกอบรม หรือแบบทดสอบที ่สร้างขึ้นเอง ซึ ่งอาจเป็นข้อสอบแบบถูก-ผิด แบบ
22 เลือกตอบ แบบเติมค าตอบ/ตอบสั้น หรือแบบอัตนัยแบบใดแบบหนึ่งหรือหลายแบบผสมกัน ส ่วน การวัดเจตคติให้ใช้แบบวัดเจตคติ ซึ่งอาจสร้างขึ้นตามวิธีการของลิเคอร์ท (Likert’s scale) หรือวิธีของ ออสกูด (Osgood’s scale) 2.4 ควรเก็บรวบรวมข้อมูลจากผู้เข้ารับการอบรมทุกคน เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วนสมบูรณ์ 2.5 ผลการประเมินผลการเรียนรู้จะสะท้อนถึงคุณภาพและประสิทธิภาพของวิธีการ กิจกรรม สื่อเอกสารการฝึกอบรมและวิทยากรการฝึกอบรม จึงควรน าผลการประเมินไปใช้เพื่อปรับปรุง และพัฒนาสาระ วิธีการที ่เกี ่ยข้องกับการฝึกอบรมให้เหมาะสม มีคุณภาพและประสิทธิภาพใน การฝึกอบรมครั้งต่อไป 3. การประเมินพฤติกรรม จากการประเมินผลการเรียนรู้ระดับที่สองดังกล่าวข้างต้น ถ้ามีสารสนเทศสะท้อนว่า ผู้เข้ารับการอบรมในโครงการนั้น มีความรู้ มีทักษะ และเจตคติที่ดีในเรื่องที่ได้รับการฝึกอบรมไปแล้ว องค์กรหรือผู้ที่จัดการฝึกอบรมก็คาดหวังว่า เมื่อผู้เข้ารับการอบรมกลับไปท างานแล้วน่าจะมีพฤติกรรม การท างานเปลี ่ยนแปลงไปในทางที ่ดีขึ้น กล ่าวคือได้น าความรู้และทักษะที ่ได้จากการฝึกอบรม ไปปรับปรุง และพัฒนางานให้ดีขึ้นกว่าเดิม รวมทั้งมีเจตคติต่อการท างานดีขึ้นกว่าเดิม แต่สภาพจริงอาจ เป็นได้ว่าผู้เข้ารับการอบรมยังมีพฤติกรรมการท างานเหมือนเดิม ซึ่งเป็นการบ่งชี้ว่า การฝึกอบรมตาม โครงการนั้น ๆ ไม่ประสบผลส าเร็จตามวัตถุประสงค์ และเป็นการด าเนินโครงการฝึกอบรมที่ไม่คุ้มค่า หรือเกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาบุคลากร ตามแนวคิดของ Kirkpatrick จึงต้องมีการประเมินระดับที่สาม คือ การประเมินพฤติกรรมการท างานหลังการฝึกอบรม โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อต้องการทราบว่า เมื่อ ได้รับการฝึกอบรมไปแล้ว ผู้เข้ารับการอบรมได้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการท างานไปในทิศทาง ที่พึงประสงค์หรือไม่ อย่างไร การประเมินผลในระดับนี้ค่อนข้างยากและใช้เวลามากกว่าการประเมินผล ในสองระดับแรก เพราะอาจต้องออกไปติดตามประเมินผลในสถานที ่ท างานจริง ๆ ของผู้เข้ารับ การอบรมซึ ่งท างานอยู่ในพื้นที ่ต ่าง ๆ กัน ในทางปฏิบัติอาจใช้การติดตามประเมินผลโดยใช้ แบบสอบถามไปยัง หน่วยงานของผู้เข้ารับการอบรม เพื่อสอบถามจากผู้บังคับบัญชา หัวหน้างาน เพื่อน ร่วมงาน และ/หรือผู้เข้ารับการอบรม ข้อมูลที่ได้จะน่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับผู้ให้ข้อมูลว่าให้ ข้อมูลตรงกับสภาพความเป็นจริงหรือไม ่ ดังนั้น เพื ่อให้ได้ข้อมูลที ่น ่าเชื ่อถือมากขึ้น ในบางกรณี จึงออกแบบวิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลเพิ่มขึ้น โดยการออกไปติดตามเยี่ยมชมการปฏิบัติงานในสถานที่ ท างานจริง Kirkpatrickได้ให้ข้อเสนอแนะส าหรับการประเมินพฤติกรรมการท างานไว้ ดังนี้ (Kirkpatrick, 1998, น. 48-57 อ้างถึงใน พิชิต ฤทธิ์จรูญ, 2560, น. 50-51) 3.1 การประเมินพฤติกรรมการท างานหลังการฝึกอบรมขององค์การขนาดใหญ่ ถ้า เป็นไปได้ควรออกแบบการประเมินผลโดยใช้กลุ ่มควบคุมซึ่งเป็นกลุ ่มผู้ที ่ไม ่ได้เข้ารับการอบรม แล้ว เปรียบเทียบพฤติกรรมการท างานกับกลุ่มผู้เข้ารับการอบรมว่าแตกต่างกันหรือไม่ อย่างไร
23 3.2 ระยะเวลาระหว ่างการฝึกอบรมกับการประเมินผลหลังการฝึกอบรม ควรเว้น ระยะเวลาให้ห่างกันพอสมควร เพื่อให้แน่ใจว่าผู้เข้ารับการอบรมได้น าความรู้ไปใช้ในการปฏิบัติงานหรือ มีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการท างานได้เกิดขึ้นจริง ๆ เช่น ก าหนดระยะเวลาภายหลังการฝึกอบรม แล้ว 1 เดือน 3 เดือน ครึ่งปี หรือ 1 ปี เป็นต้น 3.3 ควรจะประเมินพฤติกรรมการท างานของผู้เข้ารับการอบรมทั้งก ่อนและหลัง การอบรม เพื่อเปรียบเทียบให้เห็นพฤติกรรมการท างานที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม 3.4 เก็บรวบรวมข้อมูลโดยการส ารวจ หรือสัมภาษณ์จากบุคคลหลายคน หรือหลาย กลุ ่มที ่มีโอกาสเกี ่ยวข้องใกล้ชิดกับผู้เข้ารับการอบรมและสามารถที ่จะให้ข้อมูลได้อย ่างน ่าเชื ่อถือ มากที่สุด เช่น ผู้บังคับบัญชา เพื่อนร่วมงาน หรือจากผู้เข้ารับการอบรม เป็นต้น 3.5 เก็บรวบรวมข้อมูลจากผู้เข้ารับการอบรมทั้งหมดหรือจากกลุ่มตัวอย่างที่สามารถ เป็นตัวแทนของผู้เข้ารับการอบรมได้ 3.6 ควรมีการประเมินพฤติกรรมการท างานหลาย ๆ ครั้งเป็นระยะ ๆ เพื่อติดตามดู การเปลี ่ยนแปลงพฤติกรรมการท างานของผู้เข้ารับการอบรม เพราะผู้เข้ารับการอบรมจะมีการ เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการท างานไม่พร้อมกัน บางคนหรือบางกลุ่มมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการ ท างานทันทีหลังการอบรม ในขณะที่บางกลุ่มต้องรอเวลาถึง 6 เดือน หรือ 1 ปี จึงจะมีการเปลี่ยนแปลง พฤติกรรมการท างาน หรืออาจจะไม่เปลี่ยนแปลงเลยก็ได้ ดังนั้น จึงควรมีการประเมินพฤติกรรมเป็น ระยะ ๆ เช่น ประเมินทุก ๆ 3 เดือน เป็นต้น 3.7 การประเมินพฤติกรรมการท างานแต่ละครั้ง จ าเป็นต้องลงทุน เสียค่าใช้จ่ายและ เวลาในการด าเนินงาน จึงต้องค านึงถึงผลประโยชน์ที่ได้รับจากการประเมินว่าช่วยให้ได้ค าตอบหรือ ท าให้ทราบการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการท างานหรือผลที่จะเกิดขึ้นต่อองค์การหรือไม่ และจะต้อง น าผลการประเมินมาใช้เพื่อการตัดสินใจปรับปรุงและพัฒนาโครงการฝึกอบรมให้คุ้มค่าต่อไป 4. การประเมินผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นต่อองค์กร เป้าหมายสูงสุดของการฝึกอบรมคือ มุ่งหวังให้บุคลากรท างานอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะ ส่งผลต่อประสิทธิผลขององค์การ กล่าวคือ องค์การจะต้องมีผลผลิตที่มีคุณภาพหรือการให้บริการที่ดีขึ้น ลูกค้าหรือผู้รับบริการยอมรับในผลผลิตหรือมีความพึงพอใจต ่อการรับบริการมากขึ้น ในทัศนะของ Kirkpatrick เห็นว่า วัตถุประสงค์ของโครงการฝึกอบรมโดยภาพรวมทั้งหมดนั้น มุ่งให้เกิดผลลัพธ์ที่มีคุณค่า ต่อองค์การ จึงเสนอให้มีการประเมินระดับที่สี่คือ การประเมินผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นต่อองค์การ มีวัตถุประสงค์ เพื ่อต้องการทราบว ่า ในที ่สุดแล้วการฝึกอบรมได้ก ่อให้เกิดผลดีต ่อองค์การอย ่างไรบ้าง ซึ่งนับเป็น การประเมินผลที่มีความส าคัญมากและยากที่สุดเพราะในความเป็นจริงนั้น อาจมีตัวแปรอื่น ๆ อีกมากมาย นอกเหนือการฝึกอบรมที่มีผลกระทบต่อองค์การ และตัวแปรเหล ่านั้นบางทีก็ยากต่อการควบคุม ดังนั้น ผลลัพธ์ต่าง ๆ ที่เกิดต่อองค์การในทางที่ดีจึงสรุปได้ค่อนข้างยากว่า เป็นผลจากโครงการฝึกอบรมโดยตรง
24 ในการประเมินผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นต่อองค์การ Kirkpatrick ได้ให้ข้อเสนอแนะไว้ ดังนี้(Kirkpatrick, 1998 , น. 61-64 อ้างถึงใน พิชิต ฤทธิ์จรูญ, 2560, น. 51-52) 4.1 พยายามหาทางควบคุมตัวแปรอื่น ๆ ที่คาดว่าน่าจะมีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลง ในผลลัพธ์ที ่เกิดขึ้นองค์การ วิธีการหนึ ่งที ่สามารถท าได้คือ การใช้กลุ ่มควบคุมที ่เป็นผู้ไม ่ได้เข้ารับ การอบรมส าหรับเปรียบเทียบผลลัพธ์ที ่เกิดขึ้นต ่อองค์กร กับกลุ ่มผู้เข้ารับการอบรม หรืออาจ จัดสภาวการณ์หรือเงื่อนไขต่าง ๆ ก่อนการฝึกอบรมเอาไว้แล้วน าไปเปรียบเทียบกับสภาวการณ์ภายหลัง การฝึกอบรมโดยใช้ข้อมูลที่สังเกตได้หรือสอบวัดได้ 4.2 ควรเว้นระยะเวลาระหว่างการฝึกอบรมกับการประเมินผลหลังการฝึกอบรมให้ ห่างกันพอสมควร เพื่อให้แน่ใจว่ามีผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นต่อองค์กรจริง 4.3 ควรประเมินผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นต่อองค์การทั้งก่อนและหลังการจัดโครงการฝึกอบรม เพื่อเปรียบเทียบให้เห็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน 4.4 ควรมีการประเมินผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นต่อองค์การเป็นระยะ ๆ ตามช่วงระยะเวลาที่ เหมาะสม ซึ่งอาจจะมีผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นทั้งทางบวกและทางลบ 4.5 ควรพิจารณาค ่าใช้จ่ายโดยเทียบกับผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการ ฝึกอบรมว ่าคุ้มค ่าหรือไม ่ เพียงใด เพื ่อจะน าผลการประเมินมาใช้ส าหรับการตัดสินใจในการด าเนิน โครงการฝึกอบรมต่อไป สรุปได้ว่า แนวคิดและวิธีการประเมินตามรูปแบบการประเมินประสิทธิผลการฝึกอบรมของ Kirkpatrick ดังกล ่าว มาประยุกต์ในการประเมินโครงการพัฒนาศักยภาพครูด้านการออกแบบ การเรียนรู้และแผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) โดยก าหนดรูปแบบการประเมินของ Kirkpatrick เพื ่อประเมินการเรียนรู้ ในด้านความรู้ ทักษะ และเจตคติของผู้เข้ารับการอบรม และ การประเมินพฤติกรรมหลังการเข้าร่วมโครงการ 3.5 ขั้นตอนการประเมินผลโครงการการฝึกอบรม พิชิต ฤทธิ์จรูญ (2560, น. 54-56) ได้เสนอขั้นตอนของการประเมินผลโครงการฝึกอบรม มีขั้นตอนการด าเนินงาน ดังนี้ ขั้นที่ 1 ศึกษาวิเคราะห์โครงการฝึกอบรม หลักการส าคัญในการประเมิน คือ ก่อนการประเมินสิ่งใด นักประเมินต้องท าความรู้จักกับ สิ่งนั้นให้ดีเสียก ่อน คือ ก่อนการประเมินโครงการฝึกอบรมใด ๆ นักประเมินจะต้องศึกษาวิเคราะห์ โครงการฝึกอบรมนั้นให้เข้าใจอย่างชัดเจน โดยการศึกษาสาระส าคัญของโครงการฝึกอบรมที่จะประเมิน ว่า มีหลักการและเหตุผลของโครงการฝึกอบรมอย่างไร มีวัตถุประสงค์และเป้าหมายอะไร มีวิธีการและ การจัดกิจกรรมอย่างไร มีการวัดประเมินผล และตัวชี้วัดผลส าเร็จของโครงการหรือไม่ อย่างไร ซึ่งจะ
25 ช่วยให้นักประเมินระบุรายละเอียด และบรรยายโครงการที่มุ่งประเมินได้อย่างชัดเจน ท าให้ได้ข้อมูล เพื่อการออกแบบและวางแผนการประเมินโครงการฝึกอบรมได้อย่างรอบคอบ ขั้นที่ 2 ก าหนดวัตถุประสงค์ของการประเมิน วัตถุประสงค์ของการประเมินเป็นประเด็นการประเมินที่ท าให้นักประเมินรู้ว่า จะประเมิน โครงการนั้นเพื่อมุ่งตอบค าถามเรื่องอะไร จึงต้องวิเคราะห์ความต้องการผลการประเมินเพื่อการตัดสินใจ ของผู้บริหาร หรือผู้ที ่เกี ่ยวข้องกับโครงการเพื ่อน าไปสู่การก าหนดวัตถุประสงค์ของการประเมินที่ เหมาะสม วัตถุระสงค์ของการประเมินก าหนดได้หลายแนวทาง อาจก าหนดจากวัตถุประสงค์ของ โครงการ (goal-based evaluation) เช่น วัตถุประสงค์ของโครงการฝึกอบรมก าหนดว่า “เพื่อพัฒนา ทักษะการจัดการเรียนรู้ของครู...” วัตถุประสงค์ของการประเมิน อาจก าหนดเป็น “เพื่อประเมินทักษะ การจัดการเรียนรู้ของครู....” กล่าวโดยสรุปวัตถุประสงค์ของการประเมินโครงการฝึกอบรมมีลักษณะ ดังนี้ 2.1 เป็นประเด็นในการตรวจสอบหรือประเมินโครงการฝึกอบรมว่ามุ่งศึกษาตรวจสอบ หรือประเมินอะไรบ้าง 2.2 เป็นลักษณะหนึ่งของวัตถุประสงค์ของการวิจัย (the research goal) ที่มุ่งค้นหา ค าตอบเกี่ยวกับโครงการฝึกอบรมที่มุ่งประเมิน 2.3 เป็นวัตถุประสงค์เพื่อการตรวจสอบหรือค้นหาค าตอบในสิ่งที่นักประเมินอยากรู้ ต้องทราบเกี่ยวกับโครงการฝึกอบรมที่มุ่งประเมิน 2.4 ค าส าคัญในการเขียน มักขึ้นต้นด้วยค าว่า“เพื่อศึกษา... เพื่อประเมิน...เพื่อวิเคราะห์... เพื่อตรวจสอบ...หรือเพื่อเปรียบเทียบ...” ขั้นที่ 3 ศึกษาแนวคิดของรูปแบบการประเมิน การศึกษาในขั้นตอนนี้ จะท าให้นักประเมินมีฐานความคิดและมองเห็นแนวทางการประเมิน โครงการได้ชัดเจนมากขึ้น สามารถออกแบบและวางแผนการประเมินได้ครอบคลุม และเป็นประโยชน์ ต ่อการใช้ผลการประเมินได้มากขึ้น โดยเฉพาะรูปแบบการประเมินจะเป็นกรอบแนวความคิดใน การประเมินที่บ่งบอกให้ทราบว่า ในการประเมินโครงการนั้น ควรพิจารณาประเมินอะไรบ้าง (what) ใน บางรูปแบบการประเมินอาจเสนอแนะถึงวิธีการประเมิน ตรวจสอบด้วยว ่าควรท าอย ่างไร (how) ดังตัวอย่าง รูปแบบการประเมินซิปป์ ของ Stufflebeam ได้เสนอแนะให้ประเมินโครงการใน 4 ประเด็น คือ การประเมินบริบทหรือสภาวะแวดล้อมของโครงการ การประเมินปัจจัยหรือทรัพยากรที ่ใช้ใน โครงการ การประเมินกระบวนการด าเนินโครงการ และการประเมินผลผลิตของโครงการ การศึกษา เรียนรู้เกี ่ยวกับรูปแบบการประเมินต ่าง ๆ จะช ่วยให้นักประเมินสามารถออกแบบและวางแผน การประเมินได้อย่างสมเหตุสมผล มีความเชื่อมั่นในการด าเนินการประเมินโครงการให้บรรลุผลส าเร็จได้
26 ขั้นที่ 4 การออกแบบการประเมิน การออกแบบการประเมินโครงการเป็นการวางแผนการประเมินเพื ่อก าหนดรูปแบบ ขอบเขตและแนวทางการประเมินเพื ่อให้ได้สารสนเทศเกี ่ยวกับโครงการที ่มุ ่งประเมิน ซึ ่งจะเน้น ประโยชน์ต่อการตัดสินใจปรับปรุงและพัฒนาโครงการต่อไปการออกแบบการประเมินที่มีประสิทธิภาพ ที ่จะให้ได้ค าตอบตรงตามวัตถุประสงค์ของการประเมินหรือได้ข้อมูลสารสนเทศที่เป็นประโยชน์ต่อ การตัดสินใจจะต้องมีองค์ประกอบที ่ส าคัญ 3 ประการ คือ (1) การออกแบบการวัดตัวแปร (measurement design) เป็นการวางแผนเพื ่อก าหนดว ่า ในการประเมินโครงการครั้งนี้ มุ ่งศึกษา ประเด็นการประเมินตัวแปรหรือตัวบ่งชี้ใดบ้าง และจะใช้เครื่องมือและเทคนิควิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล ชนิดใดบ้าง (2) การออกแบบการสุ่มตัวอย่าง (sampling design) หรือการเลือกผู้ให้ข้อมูลส าคัญ (key informants) เป็นการวางแผนเพื่อก าหนดว่า จะเก็บรวบรวมข้อมูลจากแหล่งข้อมูลหรือกลุ่มตัวอย่างใด หรือใครจะเป็นผู้ให้ข้อมูลได้อย่างชัดเจน ถูกต้อง และตรงประเด็น (3) การออกแบบการวิเคราะห์ข้อมูล (analysis design) เป็นการวางแผนเพื ่อก าหนดว ่า ข้อมูลที่เก็บรวบรวมมาได้นั้นจะวิเคราะห์ข้อมูล อย่างไร หรือวิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติชนิดใด ขั้นที่ 5 พัฒนาเครื่องมือเก็บรวบรวมข้อมูล เมื่อนักประเมินออกแบบหรือก าหนดเครื่องมือเก็บรวบรวมข้อมูลไว้แล้วต้องตรวจสอบว่า เครื่องมือเก็บรวบรวมข้อมูลที่ก าหนดไว้นั้นมีหรือยัง หากเครื ่องมือที ่มีอยู ่ไม่เหมาะสมที ่จะน ามาใช้ นักประเมินจะต้องสร้างเครื่องมือเก็บรวบรวมข้อมูลขึ้นมาใหม่ เครื่องมือที่น ามาใช้เก็บรวบรวมข้อมูล จะต้องวัดได้ตรง สอดคล้อง และครอบคลุมประเด็นการประเมินหรือตัวแปรที ่ศึกษา โดยจะต้องมี การตรวจสอบคุณภาพของเครื ่องมือวัด เช ่น ความเป็นปรนัย (objectivity) ความยาก (difficulty) ความตรง (validity) ความเที่ยง (reliability) เป็นต้น ขั้นที่ 6 เก็บรวบรวมข้อมูล เป็นการด าเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลจริง โดยใช้เครื่องมือเก็บรวบรวมข้อมูลแต่ละชนิดซึ่ง จะต้องมีการวางแผน ประสานงานกับผู้ให้ข้อมูลส าคัญ ก าหนดช่วงระยะเวลา วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล ให้ชัดเจน เพื่อให้การเก็บรวบรวมข้อมูลมีความถูกต้องและสมบูรณ์ครบถ้วนมากที่สุด ขั้นที่ 7 วิเคราะห์ข้อมูล เป็นขั้นตอนของการวิเคราะห์ข้อมูลและแปลความหมายของข้อมูลเพื่อให้ได้ข้อสรุปค าตอบ ตามวัตถุประสงค์ของการประเมินโครงการ วิธีการวิเคราะห์ข้อมูลต้องพิจารณาให้สอดคล้องกับลักษณะ ของข้อมูล โดยทั่วไปการวิเคราะห์ข้อมูลมี 2 ลักษณะคือ ถ้าเป็นข้อมูลเชิงปริมาณ การวิเคราะห์จะใช้สถิติ เป็นเครื่องมือช่วย ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบนัยส าคัญทางสถิติด้วย t–test F–test เป็นต้น ถ้าเป็นข้อมูลเชิงคุณลักษณะหรือเชิงคุณภาพ ได้แก่ ข้อมูลที่ไม่ได้วัดออกมาเป็น ตัวเลขแต่อาจจะอยู่ในรูปการบรรยายสถานการณ์ ความรู้สึก ความคิดเห็นหรือคุณลักษณะของสิ่งต่าง ๆ การวิเคราะห์ข้อมูลประเภทนี้ส่วนมากใช้เทคนิคการวิเคราะห์เนื้อหา (content analysis)
27 ขั้นที่ 8 รายงานผลการประเมิน เป้าหมายส าคัญของการประเมินโครงการก็เพื่อน าข้อมูลผลการประเมินไปใช้ประกอบการ ตัดสินใจเกี่ยวกับการปรับปรุงและพัฒนาโครงการให้เกิดประโยชน์ต่อกลุ่มเป้าหมายหรือการบริหาร จัดการโครงการ การรายงานผลการประเมินจึงเป็นขั้นตอนที่มีความส าคัญอย่างยิ่งที่นักประเมินจะต้อง จัดท ารายงานผลการประเมินเพื่อน าเสนอต่อผู้บริหารหรือผู้มีอ านาจในการตัดสินใจเกี่ยวกับโครงการ ฝึกอบรม สิ่งที่นักประเมินต้องพิจารณาในการน าเสนอผลการประเมินโครงการฝึกอบรม มีดังนี้ 8.1 ผู้ใช้ผลการประเมินเป็นใครและต้องการสารสนเทศจากการประเมินไปใช้ท าอะไร เมื่อไร 8.2 รูปแบบการน าเสนอผลการประเมินในลักษณะใด จึงจะเหมาะสมมากที่สุด เช่น จัดท า เป็นรายงานเชิงการบริหาร หรือบทสรุปส าหรับผู้บริหาร ใช้วิธีการบรรยายสรุปเสนอต ่อที ่ประชุม คณะกรรมการหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องหรือจัดท ารายงานฉบับสมบูรณ์ เป็นต้น 8.3 การเสนอผลการประเมิน ควรยึดหลักส าคัญคือ มีความถูกต้อง ความชัดเจน ความ สมบูรณ์ครบถ้วน ความมีเหตุผลและความเป็นปัจจุบันทันต่อการน าผลการประเมินไปใช้ สรุปได้ว่า การประเมินโครงการฝึกอบรมสามารถด าเนินการได้ทั้งก่อนการฝึกอบรม ระหว่าง ด าเนินโครงการฝึกอบรมและหลังสิ้นสุดโครงการฝึกอบรม โดยสามารถประยุกต์ใช้รูปแบบการประเมิน ต่าง ๆ เพื่อเป็นแนวทางประเมิน และต้องด าเนินการประเมินอย่างเป็นระบบตามขั้นตอนการประเมิน ที่ดีและน าผลการประเมินไปใช้ประโยชน์เพื่อการตัดสินใจเกี่ยวกับโครงการฝึกอบรมต่อไป 4. งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ค าปัน ศรีมหาไชย (2560, น. บทคัดย ่อ) การประเมินโครงการสร้างข้อสอบมาตรฐาน วัดความรู้ความสามารถในการคิดขั้นสูงของนักเรียนโรงเรียนในสังกัดเมืองพัทยา โดยบูรณาการรูปแบบ การประเมินของเคิร์กแพทริกและการประเมินอภิมาน ผลการวิจัยพบว ่า ด้านปฏิกิริยาตอบสนอง ผู้เข้าอบรมมีความพึงพอใจในสิ่งอ านวยความสะดวกต ่าง ๆ ที่ใช้ในการฝึกอบรมเหมาะสมเพียงพอ พร้อมทั้งมีความคิดเห็นว่าควรปรับระยะเวลาในการอบรมให้กระชับ ด้านการเรียนรู้ผู้เข้าอบรมมี ความพึงพอใจในความรู้ ความเข้าใจการสร้างข้อสอบมากยิ่งขึ้นเพราะในเนื้อหามีการน าสาระแกนกลาง มาใช้ออกข้อสอบในแต ่ละตัวชี้วัดด้วย ด้านพฤติกรรมผู้เข้ารับการอบรมสามารถน าความรู้ที่ได้รับ ไปประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนการสอนรวมถึงการปฏิบัติงาน และมีความเป็นไปได้ว่าข้อสอบที่สร้างมี คุณภาพและสามารถวัดผู้เรียนได้ตรงตามมาตรฐาน และสุดท้ายด้านผลลัพธ์ที่เกิดต ่อองค์กร ผู้เข้าอบรมมีความพึงพอใจในการปฏิรูประบบการท างานเพื่อน าไปใช้ในการปฏิบัติงานจริงและ ประโยชน์ที่ได้ ได้รับความรู้ เทคนิค และขั้นตอนการออกข้อสอบซึ่งสามารถน าไปใช้ได้จริง
28 ศุทธินีเกตุพรหมมา (2558, น. บทคัดย ่อ) ได้ท าการประเมินหลักสูตรฝึกอบรมทักษะ การซ่อมเครื่องถ่ายเอกสารส าหรับช่างบริการบริษัท ดิทโต้(ประเทศไทย) จ ากัด ผลการวิจัยพบว่า 1. ด้าน ปฏิกิริยา พนักงานแผนกช่างบริการเห็นว่าหลักสูตรทักษะการซ่อมเครื่องถ่ายเอกสารส าหรับช่างบริการ มี ความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด 2. ด้านการเรียนรู้พบว่า พนักงานแผนกช่างบริการมีความรู้หลังการ ฝึกอบรมสูงกว ่าเกณฑ์อย ่างมีนัยส าคัญทางสถิติที ่ระดับ 0.05 การฝึกปฏิบัติพบว ่า พนักงานแผนก ช่างบริการมีทักษะการปฏิบัติงานหลังการฝึกอบรมสูงกว่าเกณฑ์อย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 และเจตคติหลังฝึกอบรมของพนักงานช่างบริการอยู่ในระดับสูงมาก 3. ด้านพฤติกรรมของพนักงานหลัง ฝึกอบรมในด้านการถ่ายทอดความรู้และพฤติกรรมด้านการปฏิบัติงาน อยู่ในระดับมากที่สุด 4. ด้านผลลัพธ์ ที่เกิดต่อองค์กร พบว่า ภาพรวมของผลลัพธ์ต่อองค์กรในด้านต่าง ๆ มีความเหมาะสมอยูในระดับมาก สุภาภรณ์ เหรียญประดับ (2560, น. บทคัดย ่อ) ได้ท าการพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรม การจัดการเรียนการสอนรายวิชาเพื ่อเสริมสร้างผลการเรียนรู้ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับ อุดมศึกษาแห ่งชาติผลการวิจัยพบว ่า ผลการประเมินหลักสูตรฝึกอบรมเมื ่อน าไปใช้ ตามแนวคิด การประเมินของ Kirkpatrick (1998) พบว่า 1) ผลการประเมินปฏิกิริยาตอบสนอง (Reaction Evaluation) ของผู้เข้ารับการฝึกอบรมที่มีต่อหลักสูตรอยู่ในระดับมาก 2) ผลการประเมินผลการเรียนรู้ (Learning Evaluation) ของผู้เข้ารับการฝึกอบรม ด้านความรู้ ทักษะ และเจตคติ พบว ่า หลังการฝึกอบรมมี พัฒนาการสูงกว่าก่อนการฝึกอบรม 3) ผลการประเมินพฤติกรรม (Behavior Evaluation) ของผู้เข้ารับ การอบรมภายหลังการฝึกอบรม พบว ่า พฤติกรรมทางการสอนของผู้เข้ารับการฝึกอบรมมี การเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น 4) ผลการประเมินผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับองค์กร (Results Evaluation) พบว่า ผู้เข้ารับการฝึกอบรมมีการน าความรู้ไปใช้ในหน ่วยงาน และมีพฤติกรรมการท างานที่ส ่งผลดี ต่อองค์กร ทั้งต่อเพื่อนร่วมงาน และผู้เรียน ดนุพงษ์ บูรณะพิมพ์ (2561, น. บทคัดย่อ) ได้ท าการประเมินโครงการจัดการศึกษาอาชีพ เพื ่อการมีงานท าของศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย อ าเภอหางดง จังหวัด เชียงใหม่ ผลการวิจัยพบว ่า การประเมินโครงการจัดการศึกษาอาชีพเพื ่อการมีงานท าของ ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย อ าเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ โดยรวมทั้ง 4 ด้าน ผ่านเกณฑ์การประเมินทุกด้าน เมื่อพิจารณารายด้านพบว่า 1) ด้านปฏิกิริยาตอบสนองมีผลการประเมิน อยู่ในระดับมากที่สุด 2) ด้านการประเมินผลการเรียนรู้ พบว่า ผู้เข้ารับการอบรมร้อยละ 100 มีคะแนน สอบสูงกว่าเกณฑ์ที่ก าหนด 3) ด้านพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปหลังการอบรมของผู้เข้ารับการอบรมพบว่า มี การวางแผนว่าจะน าเอาความรู้และทักษะที่ได้เรียนรู้น าไปใช้ในการประกอบอาชีพหลักและอาชีพเสริม 4) ด้านผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นต่อหน่วยงานพบว่า ผู้เข้ารับการอบรมมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก
บทที่ 3 วิธีการประเมินโครงการ การประเมินโครงการพัฒนาศักยภาพครูด้านการออกแบบการเรียนรู้และแผนการจัด การเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ซึ่งผู้ประเมินด าเนินการประเมินตามรูปแบบการประเมินของ Kirkpatrick เพื่อประเมินผลการเรียนรู้ ในด้านความรู้ ทักษะ เจตคติและเพื่อประเมินด้านพฤติกรรม หลังการอบรมของผู้เข้ารับการอบรม โดยผู้ประเมินได้ด าเนินการ ดังนี้ 1. กลุ่มเป้าหมาย 2. เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูล 3. การเก็บรวบลรวมข้อมูล 4. การวิเคราะห์ข้อมูล 5. สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล 6. กรอบการประเมินโครงการ 1. กลุ่มเป้าหมาย การประเมินนี้ใช้กลุ ่มเป้าหมาย คือ ผู้เข้ารับการอบรมโครงการพัฒนาศักยภาพครูด้าน การออกแบบการเรียนรู้และแผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ซึ่งเป็นข้าราชการครู สังกัด สกร. จังหวัด 8 จังหวัดและสถานศึกษาขึ้นตรง 2 แห่ง จ านวน 39 คน จ าแนกตามสถานศึกษา แสดงดังตารางที่ 1 ดังนี้ ตารางที่ 1 จ านวนกลุ่มเป้าหมายจ าแนกตามหน่วยงาน ที่ หน่วยงาน จ านวน (คน) 1 สกร. จังหวัดจันทบุรี 5 2 สกร. จังหวัดฉะเชิงเทรา 5 3 สกร. จังหวัดชลบุรี 4 4 สกร. จังหวัดนครนายก 5 5 สกร. จังหวัดปราจีนบุรี 4 6 สกร. จังหวัดตราด 1 7 สกร. จังหวัดระยอง 5 8 สกร. จังหวัดสระแก้ว 5 9 ศฝช. สระแก้ว 1 10 สถาบัน กศน. ภาคตะวันออก 4 รวม 39
30 ตารางที่ 2 รายชื่อผู้เข้ารับการอบรมโครงการพัฒนาศักยภาพครูด้านการออกแบบการเรียนรู้และ แผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ที่ ชื่อ-สกุล ต าแหน่ง จังหวัด สกร. อ าเภอ 1 นางสาวจริยา รุ่งสว่าง ครู จันทบุรี สกร. อ าเภอท่าใหม่ 2 นายพีรพงษ์ สิงห์สุขสวัสดิ์ ครูช านาญการ จันทบุรี สกร. อ าเภอโป่งน ้าร้อน 3 นายจรูญศักดิ์ โกยรัมย์ ครู จันทบุรี สกร. อ าเภอนายายอาม 4 นางสาวธนัญญา กินเสน ครู จันทบุรี สกร. อ าเภอมะขาม 5 นางสาวจุฑารัตน์ โสภะบุญ ครู จันทบุรี สกร. อ าเภอแก่งหางแมว 6 นางสาวมินตรา ทรัพย์โสม ครูผู้ช่วย ฉะเชิงเทรา สกร. อ าเภอ สนามชัยเขต 7 นางสาวจุฑารัตน์ น้อยชิน ครู ฉะเชิงเทรา สกร. อ าเภอบางปะกง 8 นางสาวสุรีรัตน์ พิทักษ์ธิติกุล ครู ฉะเชิงเทรา สกร. อ าเภอบางน ้าเปรี้ยว 9 นางสาวภาวิณี ผมงาม ครู ฉะเชิงเทรา สกร. อ าเภอเมืองฉะเชิงเทรา 10 นางปทุมวดี เพลงสันเทียะ ครู ฉะเชิงเทรา สกร. อ าเภอบ้านโพธิ์ 11 นายณภัทรศกรณ์ โพธิ์งาม ครู ชลบุรี สกร. อ าเภอเมืองชลบุรี 12 นางสาวปณัฐตา วิลาวัลย์บุปผา ครู ชลบุรี สกร. อ าเภอบางละมุง 13 นางสุพัด น าเจริญลาภ ครูช านาญการ ชลบุรี สกร. อ าเภอสัตหีบ 14 นายอาทิตย์ พิมพ์โคตร ครู ชลบุรี สกร. อ าเภอบ่อทอง 15 นายมนตรี ศรีบุญเรือง ครู ตราด สกร. อ าเภอเกาะช้าง 16 นางสาวพรพัชร ปิ่นทอง ครูผู้ช่วย นครนายก สกร. อ าเภอปากพลี 17 นางสาวพิชยา พูลทวี ครูช านาญการ นครนายก สกร. อ าเภอเมืองนครนายก 18 นางพุทธชาด ทะลิ ครูช านาญการ นครนายก สกร. อ าเภอองครักษ์ 19 นางสาวอมรินทร์ แสนอุดมสุข ครู นครนายก สกร. อ าเภอบ้านนา 20 นายธนารัตน์ พละอาจ ครู นครนายก สกร. อ าเภอองครักษ์ 21 นางสาวจิดาภา จันทร์เถื่อน ครู ปราจีนบุรี สกร. อ าเภอเมืองปราจีนบุรี 22 นางปณิฎฐา ศิริมุม ครู ปราจีนบุรี สกร. อ าเภอประจันตคาม 23 นายวินสรรค์ เสนาะวาที ครู ปราจีนบุรี สกร. อ าเภอศรีมหาโพธิ 24 นายจ าลอง ปัดนา ครู ปราจีนบุรี สกร. อ าเภอกบินทร์บุรี
31 ตารางที่ 2 (ต่อ) ที่ ชื่อ-สกุล ต าแหน่ง จังหวัด กศน.อ าเภอ 24 นายจ าลอง ปัดนา ครู ปราจีนบุรี สกร. อ าเภอกบินทร์บุรี 25 นางเขมจิรา เวชกามา ครู ระยอง สกร. อ าเภอนิคมพัฒนา 26 นางสาวชลธิชา สืบเสนาะ ครู ระยอง สกร. อ าเภอบ้านค่าย 27 นางสาวชลจีรัศมิ์ ชิตเจริญอยู่ ครู ระยอง สกร. อ าเภอเมืองระยอง 28 นายขวัญชัย วงษ์หาร ครู ระยอง สกร. อ าเภอเขาชะเมา 29 นางสาวสิรินิภา สิงหเลิศ ครู ระยอง สกร. อ าเภอปลวกแดง 30 นางสาวเพชรปวีณ์ ศิริโชตินอก ครูผู้ช่วย สระแก้ว สกร. อ าเภอวังสมบูรณ์ 31 นายศุภชัย แย้มศรี ครู สระแก้ว สกร. อ าเภอโคกสูง 32 นางสาวปรีดา สีเหลี่ยม ครู สระแก้ว สกร. อ าเภอวังน ้าเย็น 33 นางสาวเกษศิรินทร์ สายสังข์ ครู สระแก้ว สกร. อ าเภอตาพระยา 34 นายสุทิพย์ แสงใส ครู สระแก้ว สกร. อ าเภอวัฒนานคร 35 นายสมชิด บัวผัน ครูช านาญการ สระแก้ว ศฝช. สระแก้ว 36 นางกมลชนก วิสิษฐด ารงค์กุล ครู ระยอง สถาบัน กศน. ภาคตะวันออก 37 นายอดิศักดิ์ ฉันทวิเศษกุล ครูผู้ช่วย ระยอง สถาบัน กศน. ภาคตะวันออก 38 นางสาววัณณิตา มหาวรรณ์ ครูผู้ช่วย ระยอง สถาบัน กศน. ภาคตะวันออก 39 นางสาววรารัตน์ ชูกรณ์ ครูผู้ช่วย ระยอง สถาบัน กศน. ภาคตะวันออก 2. เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูล เครื่องมือที่ใช้ในการประเมินโครงการพัฒนาศักยภาพครูด้านการออกแบบการเรียนรู้และ แผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) 2.1 เพื ่อประเมินการเรียนรู้ในด้านความรู้ ทักษะ และเจตคติของผู้เข้ารับการอบรม ผู้ประเมินได้ออกแบบเครื่องมือในการเก็บข้อมูล 4 ชนิด ดังนี้ 1) การประเมินด้านความรู้ของผู้เข้ารับการอบรม ประเมินโดยการท าแบบทดสอบ ก่อนการอบรมและหลังการอบรม ลักษณะของแบบทดสอบเป็นแบบเลือกตอบ 4 ตัวเลือก ก าหนดให้ ข้อที่ตอบถูกเป็น 1 คะแนน และข้อที่ตอบผิดเป็น 0 คะแนน จ านวน 20 ข้อ 20 คะแนน ซึ่งมีเกณฑ์ การวัดความรู้ต้องไม ่น้อยกว่าร้อยละ 70 ของคะแนนเต็ม โดยแบบทดสอบสร้างในรูปแบบ Google Form และน าส่งลิงก์แบบทดสอบในกลุ่ม Line “Active Learning”
32 2) การประเมินด้านทักษะของผู้เข้ารับการอบรม ประเมินโดยการฝึกปฏิบัติระหว่าง การอบรม ด้วยแบบประเมินกิจกรรมการฝึกปฏิบัติเกี ่ยวกับการเขียนแผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) จ านวน 1 กิจกรรม 60 คะแนน ซึ่งเป็นการประเมินของวิทยากรที ่ปรึกษา ประจ ากลุ่มต่อผลการปฏิบัติของผู้เข้ารับการอบรม โดยมีเกณฑการวัดทักษะต้องไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 ของคะแนนเต็ม 3) การประเมินด้านเจตคติของผู้เข้ารับการอบรม ประเมินจากการสังเกตพฤติกรรม ระหว่างการอบรม ด้วยแบบสังเกตพฤติกรรมมีลักษณะเป็นมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ คือ ดีมาก ดีปานกลาง น้อย และน้อยที่สุด จ านวน 8 ข้อ ซึ่งเป็นการประเมินของวิทยากรที่ปรึกษาประจ ากลุ่ม ต่อผลการปฏิบัติของผู้เข้ารับการอบรม โดยมีเกณฑ์การสังเกตพฤติกรรมไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 ของ คะแนนเต็ม 4) การประเมินด้านเจตคติของผู้เข้ารับการอบรม ประเมินโดยการท าแบบประเมิน ความพึงพอใจ มีลักษณะเป็นมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ คือ มากที่สุด มาก ปานกลาง น้อย และ น้อยที่สุด จ านวน 14 ข้อ ซึ่งมีเกณฑ์ความพึงพอใจต่อการอบรมในภาพรวมระดับดีขึ้นไปไม่น้อยกว่า ร้อยละ 90 โดยแบบประเมินสร้างในรูปแบบ Google Form และน าส ่งลิงก์แบบประเมินเข้า ในกลุ่ม Line “ Active Learning” 2.2 เพื่อประเมินด้านพฤติกรรมหลังการอบรมของผู้เข้ารับการอบรม ผู้ประเมินได้ออกแบบเครื่องมือในการเก็บข้อมูล เป็นแบบติดตามการน าความรู้ไปใช้ มีลักษณะเป็นแบบตรวจสอบรายการ และการตอบค าถาม โดยแบบติดตามการน าความรู้ไปใช้ สร้าง ในรูปแบบ Google Form และน าส่งลิงก์แบบติดตามการน าความรู้ใช้ในกลุ่ม Line “Active Learning” 3. การเก็บรวบรวมข้อมูล ผู้ประเมินรวบรวมข้อมูลที่ใช้ในการประเมินครั้งนี้ และได้ด าเนินการตามขั้นตอน ดังนี้ 1. ผู้ประเมินชี้แจง ท าความเข้าใจกับผู้เข้ารับการอบรมถึงวัตถุประสงค์ของการอบรม และ เกณฑ์การวัดและประเมินผลของการอบรม 2. ด าเนินการทดสอบวัดความรู้ก่อนอบรม โดยให้ผู้เข้ารับการอบรมท าแบบทดสอบก่อน อบรม จ านวน 20 ข้อ 3. ด าเนินการอบรมตามหลักสูตรพัฒนาศักยภาพครูด้านการออกแบบการเรียนรู้และ แผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) จ านวน 20 ชั่วโมง และให้ผู้เข้ารับการอบรมฝึกปฏิบัติ ด้วยการเขียนแผนการจัดการเรียนรู้ จ านวน 1 แผน 4. สังเกตพฤติกรรมของผู้เข้ารับการอบรมโดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรม เพื ่อสังเกต พฤติกรรมของผู้เข้ารับการอบรมระหว่างการอบรม
33 5. ด าเนินการเก็บรวบรวมกิจกรรมการฝึกปฏิบัติระหว่างอบรมแล้วส่งให้วิทยากรที่ปรึกษา ประจ ากลุ่มประเมินผลการฝึกปฏิบัติและให้คะแนนกิจกรรมเป็นคะแนนระหว่างการอบรม 6. หลังจากที่ผู้เข้ารับการอบรมได้เรียนรู้จนครบเนื้อหาแล้ว ด าเนินการทดสอบวัดความรู้ หลังอบรม โดยให้ผู้เข้ารับการอบรมท าแบบทดสอบหลังอบรม จ านวน 20 ข้อ 7. ด าเนินการเก็บรวบรวมผลการประเมินความพึงพอใจของผู้เข้ารับการอบรม โดยใช้ แบบประเมินความพึงพอใจให้ผู้เข้ารับการอบรมทุกคนตอบแบบประเมิน แล้วน ามาวิเคราะห์ผล 8. ด าเนินการเก็บรวบรวมผลการติดตามการน าความรู้ไปใช้ของผู้เข้ารับการอบรม หลังจาก ผ่านการอบรมไปแล้ว 2 เดือน โดยใช้แบบติดตามการน าความรู้ไปใช้ให้ผู้เข้ารับการอบรมทางกลุ่ม Line “Active Learning” 9. เก็บรวบรวมขอมูลจากแบบทดสอบ แบบประเมินกิจกรรม แบบสังเกต แบบประเมิน ความพึงพอใจ และแบบติดตามการน าความรู้ไปใช้ ตรวจสอบความสมบูรณ์และความครบถ้วนของ ข้อมูลที่เก็บรวบรวมจากผู้เข้ารับการอบรม แลวน าข้อมูลไปวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติ 4. การวิเคราะห์ข้อมูล 1. การวิเคราะห์ข้อมูลจากแบบทดสอบก่อนอบรมและหลังการอบรม ผู้ประเมินได้น าแนวคิดของ ศิริชัย กาญจนวาสี (2556, น. 277-279) มาวิเคราะห์หาคะแนน พัฒนาการเรียนรู้ของผู้เข้ารับการอบรม โดยใช้สูตรคะแนนพัฒนาการสัมพัทธ์ (Relative gain score) ซึ่งเป็นวิธีที่ประมาณค่าอัตราส่วนร้อยละระหว่างผลต่างของคะแนนสอบครั้งหลังกับคะแนนสอบครั้งแรก กับผลต่างของคะแนนเต็มกับคะแนนสอบครั้งแรก โดยแบ่งระดับพัฒนาการ ดังนี้ คะแนนพัฒนาการ 0.00 – 25.00 หมายถึง มีพัฒนาการระดับต้น คะแนนพัฒนาการ 25.01 – 50.00 หมายถึง มีพัฒนาการระดับกลาง คะแนนพัฒนาการ 50.01 – 75.00 หมายถึง มีพัฒนาการระดับสูง คะแนนพัฒนาการ 75.01 – 100.00 หมายถึง มีพัฒนาการระดับสูงมาก 2. การวิเคราะห์ข้อมูลจากแบบประเมินกิจกรรมการฝึกปฏิบัติและแบบสังเกตพฤติกรรม ผู้ประเมินได้น าข้อมูลการประเมินกิจกรรมการฝึกปฏิบัติของผู้เข้ารับการอบรมมา วิเคราะห์โดยการหาค่าร้อยละ 3. การวิเคราะห์ข้อมูลจากแบบประเมินความพึงพอใจ ผู้ประเมินได้น าข้อมูลจากการสังเกตพฤติกรรมและการประเมินความพึงพอใจของ ผู้เข้ารับการอบรมมาวิเคราะห์โดยการหาค่าเฉลี่ย ( X ) และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) แล้วน าค่าเฉลี่ย มาเทียบกับเกณฑ์การประเมิน (ชูศรี วงศ์รัตนะ, 2553, น. 69) ดังนี้
34 พึงพอใจมากที่สุด ระดับคะแนนเฉลี่ย 4.50 - 5.00 พึงพอใจมาก ระดับคะแนนเฉลี่ย 3.50 - 4.49 พึงพอใจปานกลาง ระดับคะแนนเฉลี่ย 2.50 - 3.49 พึงพอใจน้อย ระดับคะแนนเฉลี่ย 1.50 - 2.49 พึงพอใจน้อยที่สุด ระดับคะแนนเฉลี่ย 1.00 - 1.49 4. การวิเคราะห์ข้อมูลจากแบบติดตามการน าความรู้ไปใช้ ผู้ประเมินได้น าข้อมูลจากแบบติดตามการน าความรู้ไปใช้ของผู้เข้ารับการอบรมมา วิเคราะห์โดยการหาค่าร้อยละ 5. สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล 1. สถิติที ่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลจากแบบทดสอบก ่อนอบรมและหลังการอบรม โดย วิเคราะห์จากการหาคะแนนพัฒนาการสัมพัทธ์ (Relative gain score) (ศิริชัย กาญจนวาสี, 2556, น. 278) สูตร DS (%) = 100 (F- X) (Y- X) เมื่อ DS (%) แทน คะแนนร้อยละของพัฒนาการของผู้เรียน X แทน คะแนนวัดครั้งก่อน Y แทน คะแนนวัดครั้งหลัง F แทน คะแนนเต็ม 2. สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลจากแบบประเมินกิจกรรมการฝึกปฏิบัติแบบสังเกต พฤติกรรมและแบบติดตามการน าความรู้ไปใช้โดยวิเคราะห์จากการหาค่าร้อยละ สูตรค่าร้อยละ (บุญชม ศรีสะอาด, 2545, น. 104) P = f N × 100 เมื่อ P แทน ค่าร้อยละ f แทน ความถี่ที่ต้องการแปลงเป็นค่าร้อยละ N แทน จ านวนกลุ่มตัวอย่าง
35 3. สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลจากแบบประเมินความพึงพอใจ โดยวิเคราะห์จาก การหาค่าเฉลี่ย ( X ) และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) สูตรค่าเฉลี่ย ( X ) (บุญชม ศรีสะอาด, 2545, น. 105) X = N X เมื่อ X แทน ค่าเฉลี่ย X แทน ผลรวมของคะแนนทั้งหมด N แทน จ านวนกลุ่มตัวอย่าง สูตรค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) (บุญชม ศรีสะอาด, 2545, น. 106) S.D. = √ N ∑ X2−(∑ X) 2 (N−1) เมื่อ S.D. แทน ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน X แทน ผลรวมของคะแนนทั้งหมด 2 x แทน ผลรวมของคะแนนแต่ละตัวยกก าลังสอง n แทน จ านวนกลุ่มตัวอย่าง 6. กรอบการประเมินโครงการ การประเมินโครงการพัฒนาศักยภาพครูด้านการออกแบบการเรียนรู้และแผนการจัด การเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ใช้วิธีการก าหนดกรอบการประเมินโครงการตามแนวคิดของ ศุทธินี เกตุพรหมมา (2558, น. 57-58) ตารางที่ 3 กรอบการประเมินโครงการพัฒนาศักยภาพครูด้านการออกแบบการเรียนรู้และ แผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) วัตถุประสงค์การ ประเมิน ตัวชี้วัด เครื่องมือวัด แหล่งข้อมูล การวิเคราะห์ เกณฑ์การ ประเมิน 1. เพื่อประเมิน ความรู้ ได้คะแนน การทดสอบ ตามเกณฑ์ที่ ก าหนด แบบทดสอบ ก่อน-หลัง การอบรม ผู้เข้ารับการ อบรม คะแนน พัฒนาการ สัมพัทธ์ ไม่น้อยกว่า ร้อยละ 70
36 ตารางที่ 3 (ต่อ) วัตถุประสงค์การ ประเมิน ตัวชี้วัด เครื่องมือวัด แหล่งข้อมูล การวิเคราะห์ เกณฑ์การ ประเมิน 2. เพื่อประเมิน ทักษะ ได้คะแนน การฝึกปฏิบัติ ตามเกณฑ์ที่ ก าหนด แบบประเมิน กิจกรรมการ ฝึกปฏิบัติ วิทยากรที่ ปรึกษา ค่าร้อยละ ไม่น้อยกว่า ร้อยละ 70 3. เพื่อประเมิน เจตคติ ได้คะแนน พฤติกรรม แสดงออกของ ผู้เข้ารับการ อบรม แบบสังเกต พฤติกรรม วิทยากรที่ ปรึกษา ค่าร้อยละ ไม่น้อยกว่า ร้อยละ 70 4. เพื่อประเมิน เจตคติ มีความ พึงพอใจต่อ การอบรมใน ภาพรวม ระดับดีขึ้นไป แบบประเมิน ความพึง พอใจ ผู้เข้ารับการ อบรม ค่าเฉลี่ย และ ค่าเบี่ยงเบน มาตรฐาน ไม่น้อยกว่า ร้อยละ 90 5. เพื่อประเมิน พฤติกรรม พฤติกรรม การน าความรู้ ไปใช้ของ ผู้เข้ารับการ อบรม แบบติดตาม การน าความรู้ ไปใช้ ผู้เข้ารับการ อบรม ค่าร้อยละ ไม่น้อยกว่า ร้อยละ 60
บทที่ 4 ผลการประเมินโครงการ การประเมินโครงการพัฒนาศักยภาพครูด้านการออกแบบการเรียนรู้และแผนการจัด การเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ซึ่งผู้ประเมินด าเนินการตามรูปแบบการประเมินของ Kirkpatrick เพื ่อประเมินผลการเรียนรู้ ในด้านความรู้ ทักษะ เจตคติและพฤติกรรมหลังการอบรมของผู้เข้ารับ การอบรม ซึ่งผลการวิเคราะห์ข้อมูลจะน าเสนอข้อมูลแบบตารางประกอบค าบรรยาย โดยแบ่ง การวิเคราะห์ข้อมูลเป็น 5 ตอน ดังนี้ ตอนที่ 1 ผลการประเมินความรู้ของผู้เข้ารับการอบรมเกี่ยวกับการออกแบบการเรียนรู้ และแผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ตอนที่ 2 ผลการประเมินทักษะของผู้เข้ารับการอบรมเกี่ยวกับการออกแบบการเรียนรู้ และแผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ตอนที่ 3 ผลการประเมินเจตคติของผู้เข้ารับการอบรมต่อการออกแบบการเรียนรู้และ แผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ตอนที่ 4 ผลการประเมินพฤติกรรมของผู้เข้ารับการอบรมหลังจบการอบรมโครงการ พัฒนาศักยภาพครูด้านการออกแบบการเรียนรู้และแผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) สัญลักษณ์ที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อความเข้าใจตรงกันในการแปลความหมายข้อมูล ผู้ศึกษาจึงก าหนดสัญลักษณ์ ที่ใช้ใน การเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลไว้ ดังนี้ N แทน จ านวนผู้เข้ารับการอบรมทั้งหมด X แทน ค่าเฉลี่ย S.D. แทน ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
38 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล ตอนที่ 1 ผลการประเมินความรู้ของผู้เข้ารับการอบรมเกี่ยวกับการออกแบบการเรียนรู้ และแผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ตารางที่ 4 คะแนนการทดสอบก่อนอบรม หลังอบรม และร้อยละของพัฒนาการสัมพัทธ์ จ าแนกรายบุคคล ที่ ชื่อ-สกุล คะแนน ก่อนอบรม คะแนน หลังอบรม คะแนนร้อยละของ พัฒนาการสัมพัทธ์ 1 นางสาวจริยา รุ่งสว่าง 16 19 75.00 2 นายพีรพงษ์ สิงห์สุขสวัสดิ์ 16 19 75.00 3 นายจรูญศักดิ์ โกยรัมย์ 11 18 77.78 4 นางสาวธนัญญา กินเสน 14 18 66.67 5 นางสาวจุฑารัตน์ โสภะบุญ 15 18 60.00 6 นางสาวมินตรา ทรัพย์โสม 12 16 50.00 7 นางสาวจุฑารัตน์ น้อยชิน 11 17 66.67 8 นางสาวสุรีรัตน์ พิทักษ์ธิติกุล 12 16 50.00 9 นางสาวภาวิณี ผมงาม 15 17 40.00 10 นางปทุมวดี เพลงสันเทียะ 13 18 71.43 11 นายณภัทรศกรณ์ โพธิ์งาม 14 20 100.00 12 นางสาวปณัฐตา วิลาวัลย์บุปผา 12 17 62.50 13 นางสุพัด น าเจริญลาภ 9 17 72.73 14 นายอาทิตย์ พิมพ์โคตร 14 16 33.33 15 นายมนตรี ศรีบุญเรือง 16 19 75.00 16 นางสาวพรพัชร ปิ่นทอง 11 19 88.89 17 นางสาวพิชยา พูลทวี 12 17 62.50 18 นางพุทธชาด ทะลิ 15 17 40.00 19 นางสาวอมรินทร์ แสนอุดมสุข 12 19 87.50 20 นายธนารัตน์ พละอาจ 6 18 85.71
39 ตารางที่ 4 (ต่อ) ที่ ชื่อ-สกุล คะแนน ก่อนอบรม คะแนน หลังอบรม คะแนนร้อยละของ พัฒนาการสัมพัทธ์ 21 นางสาวจิดาภา จันทร์เถื่อน 12 17 62.50 22 นางปณิฎฐา ศิริมุม 14 20 100.00 23 นายวินสรรค์ เสนาะวาที 15 16 20.00 24 นายจ าลอง ปัดนา 13 19 85.71 25 นางเขมจิรา เวชกามา 14 18 66.67 26 นางสาวชลธิชา สืบเสนาะ 10 18 80.00 27 นางสาวชลจีรัศมิ์ ชิตเจริญอยู่ 16 18 50.00 28 นายขวัญชัย วงษ์หาร 14 17 50.00 29 นางสาวสิรินิภา สิงหเลิศ 16 19 75.00 30 นางสาวเพชรปวีณ์ ศิริโชตินอก 15 19 80.00 31 นายศุภชัย แย้มศรี 13 19 85.71 32 นางสาวปรีดา สีเหลี่ยม 6 19 92.86 33 นางสาวเกษศิรินทร์ สายสังข์ 12 19 87.50 34 นายสุทิพย์ แสงใส 12 18 75.00 35 นายสมชิด บัวผัน 14 20 100.00 36 นางกมลชนก วิสิษฐด ารงค์กุล 15 19 80.00 37 นายอดิศักดิ์ ฉันทวิเศษกุล 9 19 90.91 38 นางสาววัณณิตา มหาวรรณ์ 12 18 75.00 39 นางสาววรารัตน์ ชูกรณ์ 14 17 50.00 ค่าเฉลี่ย 12.87 18.05 70.45 S.D. 2.46 1.13 19.08 จากตารางที ่ 4 พบว่า การทดสอบความรู้ก่อนการอบรมและหลังการอบรมของผู้เข้ารับ การอบรมโครงการพัฒนาศักยภาพครูด้านการออกแบบการเรียนรู้และแผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) พบว่า ผู้เข้ารับการอบรมมีค่าเฉลี่ยของคะแนนการทดสอบก่อนอบรมเท่ากับ 12.87 และหลังอบรมเท่ากับ 18.05 และได้คะแนนการทดสอบความรู้ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 70 (คะแนนเต็ม 20 ได้คะแนนไม่น้อยกว่า 14 คะแนน) จ านวน 39 คน คิดเป็นร้อยละ 100
40 เมื่อพิจารณาพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เข้ารับการอบรม พบว่า ผู้เข้ารับการอบรมมีค่าเฉลี่ย ของคะแนนร้อยละของพัฒนาการสัมพัทธ์ เท่ากับ 70.45 แสดงว่า มีพัฒนาการระดับสูง และพิจารณา จากระดับคะแนนพัฒนาการสัมพัทธ์ พบว่า ผู้เข้ารับการอบรมที่มีคะแนนร้อยละของพัฒนาการระดับ สูงมาก (75.01 – 100.00) จ านวน 15 คน คิดเป็นร้อยละ 38.46 รองลงมามีพัฒนาการระดับสูง (50.01 – 75.00) จ านวน 15 คน คิดเป็นร้อยละ 38.46 รองลงมามีพัฒนาการระดับกลาง (25.01 – 50.00) จ านวน 8 คน คิดเป็นร้อยละ 20.52 และมีพัฒนาการระดับต้น (0.00 – 25.00) จ านวน 1 คน คิดเป็น ร้อยละ 2.56 ตามล าดับ ตอนที่ 2 ผลการประเมินทักษะของผู้เข้ารับการอบรมเกี่ยวกับการออกแบบการเรียนรู้ และแผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ตารางที่ 5 คะแนนและร้อยละการฝึกปฏิบัติกิจกรรมของผู้เข้ารับการอบรม (คะแนนเต็ม 60 คะแนน) ที่ ชื่อ - สกุล คะแนนทักษะ (60 คะแนน) ร้อยละ 1 นางสาวจริยา รุ่งสว่าง 48 80.00 2 นายพีรพงษ์ สิงห์สุขสวัสดิ์ 49 81.67 3 นายจรูญศักดิ์ โกยรัมย์ 52 86.67 4 นางสาวธนัญญา กินเสน 52 86.67 5 นางสาวจุฑารัตน์ โสภะบุญ 52 86.67 6 นางสาวมินตรา ทรัพย์โสม 55 91.67 7 นางสาวจุฑารัตน์ น้อยชิน 49 81.67 8 นางสาวสุรีรัตน์ พิทักษ์ธิติกุล 53 88.33 9 นางสาวภาวิณี ผมงาม 55 91.67 10 นางปทุมวดี เพลงสันเทียะ 53 88.33 11 นายณภัทรศกรณ์ โพธิ์งาม 42 70.00 12 นางสาวปณัฐตา วิลาวัลย์บุปผา 49 81.67 13 นางสุพัด น าเจริญลาภ 53 88.33 14 นายอาทิตย์ พิมพ์โคตร 53 88.33 15 นายมนตรี ศรีบุญเรือง 56 93.33 16 นางสาวพรพัชร ปิ่นทอง 53 88.33 17 นางสาวพิชยา พูลทวี 54 90.00 18 นางพุทธชาด ทะลิ 53 88.33 19 นางสาวอมรินทร์ แสนอุดมสุข 52 86.67
41 ตารางที่ 5 (ต่อ) ที่ ชื่อ - สกุล คะแนนทักษะ (60 คะแนน) ร้อยละ 20 นายธนารัตน์ พละอาจ 54 90.00 21 นางสาวจิดาภา จันทร์เถื่อน 55 91.67 22 นางปณิฎฐา ศิริมุม 50 83.33 23 นายวินสรรค์ เสนาะวาที 54 90.00 24 นายจ าลอง ปัดนา 53 88.33 25 นางเขมจิรา เวชกามา 54 90.00 26 นางสาวชลธิชา สืบเสนาะ 55 91.67 27 นางสาวชลจีรัศมิ์ ชิตเจริญอยู่ 57 95.00 28 นายขวัญชัย วงษ์หาร 50 83.33 29 นางสาวสิรินิภา สิงหเลิศ 55 91.67 30 นางสาวเพชรปวีณ์ ศิริโชตินอก 55 91.67 31 นายศุภชัย แย้มศรี 45 75.00 32 นางสาวปรีดา สีเหลี่ยม 50 83.33 33 นางสาวเกษศิรินทร์ สายสังข์ 55 91.67 34 นายสุทิพย์ แสงใส 50 83.33 35 นายสมชิด บัวผัน 53 88.33 36 นางกมลชนก วิสิษฐด ารงค์กุล 58 96.67 37 นายอดิศักดิ์ ฉันทวิเศษกุล 51 85.00 38 นางสาววัณณิตา มหาวรรณ์ 59 98.33 39 นางสาววรารัตน์ ชูกรณ์ 49 81.67 ค่าเฉลี่ย 52.44 87.39 S.D. 3.34 5.56 จากตารางที่ 5 พบว่า การฝึกปฏิบัติกิจกรรมของผู้เข้ารับการอบรมโครงการพัฒนาศักยภาพครู ด้านการออกแบบการเรียนรู้และแผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) มีค ่าเฉลี ่ยของ คะแนนการฝึกปฏิบัติกิจกรรม เท่ากับ 52.44 คิดเป็นร้อยละ 87.39 เมื่อเปรียบเทียบกับเกณฑ์คะแนนการฝึกปฏิบัติกิจกรรม ที่ก าหนดให้มีคะแนนไม่น้อยกว่า ร้อยละ 70 ของคะแนนเต็ม (คะแนนเต็ม 60 ได้คะแนนไม่น้อยกว่า 42 คะแนน) พบว่า ผู้เข้ารับการอบรม ผ่านเกณฑ์ จ านวน 39 คน คิดเป็นร้อยละ 100
42 ตอนที่ 3 ผลการประเมินเจตคติของผู้เข้ารับการอบรมต่อการออกแบบการเรียนรู้และ แผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) การประเมินเจตคติของผู้เข้ารับการอบรมมีการก าหนดเกณฑ์การวัดจาก 1) พฤติกรรม แสดงออกของผู้เข้ารับการอบรม และ 2) ความพึงพอใจของผู้เข้ารับการอบรมต่อการอบรม มีผล การประเมิน ดังนี้ 3.1 การสังเกตพฤติกรรมของผู้เข้ารับการอบรม มีผลการประเมิน ดังตารางที่ 6 ตารางที่ 6 คะแนนและร้อยละการสังเกตพฤติกรรมของผู้เข้ารับการอบรม (คะแนนเต็ม 40 คะแนน) ที่ ชื่อ - สกุล คะแนน ร้อยละ 1 นางสาวจริยา รุ่งสว่าง 40 100.00 2 นายพีรพงษ์ สิงห์สุขสวัสดิ์ 40 100.00 3 นายจรูญศักดิ์ โกยรัมย์ 40 100.00 4 นางสาวธนัญญา กินเสน 40 100.00 5 นางสาวจุฑารัตน์ โสภะบุญ 40 100.00 6 นางสาวมินตรา ทรัพย์โสม 39 97.50 7 นางสาวจุฑารัตน์ น้อยชิน 39 97.50 8 นางสาวสุรีรัตน์ พิทักษ์ธิติกุล 40 100.00 9 นางสาวภาวิณี ผมงาม 39 97.50 10 นางปทุมวดี เพลงสันเทียะ 40 100.00 11 นายณภัทรศกรณ์ โพธิ์งาม 40 100.00 12 นางสาวปณัฐตา วิลาวัลย์บุปผา 40 100.00 13 นางสุพัด น าเจริญลาภ 40 100.00 14 นายอาทิตย์ พิมพ์โคตร 40 100.00 15 นายมนตรี ศรีบุญเรือง 40 100.00 16 นางสาวพรพัชร ปิ่นทอง 40 100.00 17 นางสาวพิชยา พูลทวี 40 100.00 18 นางพุทธชาด ทะลิ 40 100.00 19 นางสาวอมรินทร์ แสนอุดมสุข 40 100.00 20 นายธนารัตน์ พละอาจ 40 100.00
43 ตารางที่ 6 (ต่อ) ที่ ชื่อ - สกุล คะแนน ร้อยละ 21 นางสาวจิดาภา จันทร์เถื่อน 40 100.00 22 นางปณิฎฐา ศิริมุม 38 95.00 23 นายวินสรรค์ เสนาะวาที 39 97.50 24 นายจ าลอง ปัดนา 39 97.50 25 นางเขมจิรา เวชกามา 39 97.50 26 นางสาวชลธิชา สืบเสนาะ 39 97.50 27 นางสาวชลจีรัศมิ์ ชิตเจริญอยู่ 38 95.00 28 นายขวัญชัย วงษ์หาร 40 100.00 29 นางสาวสิรินิภา สิงหเลิศ 39 97.50 30 นางสาวเพชรปวีณ์ ศิริโชตินอก 39 97.50 31 นายศุภชัย แย้มศรี 38 95.00 32 นางสาวปรีดา สีเหลี่ยม 38 95.00 33 นางสาวเกษศิรินทร์ สายสังข์ 38 95.00 34 นายสุทิพย์ แสงใส 40 100.00 35 นายสมชิด บัวผัน 38 95.00 36 นางกมลชนก วิสิษฐด ารงค์กุล 39 97.50 37 นายอดิศักดิ์ ฉันทวิเศษกุล 40 100.00 38 นางสาววัณณิตา มหาวรรณ์ 40 100.00 39 นางสาววรารัตน์ ชูกรณ์ 40 100.00 ค่าเฉลี่ย 39.44 98.59 S.D. 0.74 1.88 จากตารางที่ 6 พบว่า การสังเกตพฤติกรรมของผู้เข้ารับการอบรมโครงการพัฒนาศักยภาพครู ด้านการออกแบบการเรียนรู้และแผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) มีค่าเฉลี่ยของคะแนน การสังเกตพฤติกรรม เท่ากับ 39.44 คิดเป็นร้อยละ 98.59 เมื่อเปรียบเทียบกับเกณฑ์คะแนนการสังเกตพฤติกรรม ที่ก าหนดให้มีคะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 ของคะแนนเต็ม (คะแนนเต็ม 40 ได้คะแนนไม ่น้อยกว ่า 28 คะแนน) พบว ่า ผู้เข้ารับการอบรม ผ่านเกณฑ์ จ านวน 39 คน คิดเป็นร้อยละ 100
44 3.2 ความพึงพอใจของผู้เข้ารับการอบรม มีผลการประเมิน ดังตารางที่ 7-8 ตารางที่ 7 ข้อมูลทั่วไปของผู้เข้ารับการอบรม ข้อมูล N (คน) ร้อยละ 1. เพศ ชาย 13 33.33 หญิง 26 66.67 รวม 39 100.00 2. อายุ น้อยกว่า 30 ปี 2 5.13 30 - 40 ปี 16 41.03 41 - 50 ปี 17 43.59 มากกว่า 50 ปี 4 10.26 รวม 39 100.00 3. ระดับการศึกษา ปริญญาตรี 24 61.54 ปริญญาโท 15 38.46 รวม 39 100.00 4. ต าแหน่ง ครูผู้ช่วย 6 15.38 ครู 28 71.79 ครูช านาญการ 5 12.82 รวม 39 100.00 จากตารางที ่ 7 พบว ่า ผู้เข้ารับการอบรมโครงการพัฒนาศักยภาพครูด้านการออกแบบ การเรียนรู้และแผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง คิดเป็นร้อยละ 66.67 เป็นเพศชาย คิดเป็นร้อยละ 33.33 มีอายุระหว่าง 41 – 50 ปี มากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 43.59 จบการศึกษาในระดับปริญญาตรี คิดเป็นร้อยละ 61.54 ท างานในต าแหน่ง ครูมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 71.79