The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ภาษาอังกฤษธุรกิจอุตสาหกรรม สถาบัน กศน.ภาคตะวันออก

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

ภาษาอังกฤษธุรกิจอุตสาหกรรม

ภาษาอังกฤษธุรกิจอุตสาหกรรม สถาบัน กศน.ภาคตะวันออก

Keywords: industry,English

ชดุ วชิ า

ภาษาองั กฤษธรุ กจิ อตุ สาหกรรม

หลกั สตู รการศกึ ษานอกโรงเรยี นระดบั ประกาศนยี บตั รวชิ าชพี
พทุ ธศกั ราช 2539

ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนภาคตะวันออก
กรมการศึกษานอกโรงเรียน
กระทรวงศึกษาธิการ

3

ชดุ วิชา
ภาษาอังกฤษธุรกจิ อตุ สาหกรรม
หลกั สูตรการศึกษานอกโรงเรียน ระดบั ประกาศนยี บตั รวิชาชพี

พทุ ธศกั ราช 2539

ศนู ยก ารศกึ ษานอกโรงเรียนภาคตะวันออก
กรมการศกึ ษานอกโรงเรยี น
กระทรวงศกึ ษาธิการ

4

คํานํา

ภาษาอังกฤษธุรกิจอุตสาหกรรม ระดับประกาศนียบัตร เนื้อหาจะเกี่ยวกับสวนประกอบ
ของคําศัพท คําศัพทเทคนิค การอานเพื่อสื่อความการใชหนังสืออางอิง และการสนทนา
ภาษาอังกฤษ นอกจากผูเรียนจะอานชุดวิชาแลวจะตองพยายามอานเอกสาร หนังสือเพิ่มเติม
เพือ่ เพ่มิ พนู ความรแู ละทกั ษะใหก ับตนเอง

กรมการศึกษานอกโรงเรียนขอขอบคุณคณะกรรมการชุดวิชาทุกทานท่ีรวมจัดทําจนสําเร็จ
ไปไดดวยดี

กรมการศกึ ษานอกโรงเรยี น

สารบัญ 5

คําแนะนาํ ใชช ดุ วิชา หนา
โครงสรางชดุ วิชา ก
แบบทดสอบกอนเรยี น ข

ตอนท่ี 1 สว นประกอบของคําศพั ท
เร่อื งท่ี 1 สวนประกอบของคําศัพท 1
เร่ืองที่ 2 การแยกสว นประกอบจากคําศพั ท 2
6
ตอนท่ี 2 คําศพั ทเ ทคนคิ
เรื่องท่ี 1 ศพั ทเทคนิค 14
15
ตอนที่ 3 การอานเพ่ือสอื่ ความ
เรือ่ งท่ี 1 การแนะนําตวั 23
เรื่องท่ี 2 การเตอื น 24
เรือ่ งท่ี 3 การขอรอ ง 24
เร่ืองที่ 4 การหา ม 24
เรอื่ งที่ 5 การสง่ั 25
เรือ่ งท่ี 6 การใหขอมูล 25
เรื่องที่ 7 ประกาศ 25
เรื่องที่ 8 ปาย 26
เร่ืองที่ 9 การปฏบิ ตั งิ านตามคมู ือ 26
28
ตอนท่ี 4 การใชหนังสืออา งองิ
เรอื่ งที่ 1 การอา นเชงิ อรรถ 30
เร่ืองที่ 2 การอา นบรรณานุกรม 31
37

สารบญั (ตอ ) 6

ตอนที่ 5 การสนทนาภาษาองั กฤษ หนา
เรอ่ื งที่ 1 การทักทาย 41
เร่ืองที่ 2 การแนะนาํ ตวั 42
เร่ืองท่ี 3 การเสนอใหค วามชว ยเหลอื 44
เรอื่ งที่ 4 การเสนอแนะ 46
เร่อื งท่ี 5 การแสดงความคดิ เห็น 48
เรื่องท่ี 6 การกลา วขอบคณุ และตอบคาํ ขอบคุณ 50
เรื่องที่ 7 การกลาวลา 52
54
แบบทดสอบหลังเรียน
เฉลยแบบทดสอบกอน - หลังเรยี น 56
เฉลยกิจกรรม 58
บรรณานกุ รม 59
68



คําแนะนาํ ในการใชชุดวิชา

ชุดวิชาน้ีเปนชุดวิชาสําหรับใหนักศึกษา ศึกษาดวยตนเองนักศึกษาจะสามารถเรียนรูได
อยางถูกตอ งและครบกระบวนการควรปฏบิ ัตติ ามข้ันตอนดังน้ี

1. ศกึ ษาโครงสรางของชดุ วิชาใหเ ขาใจ เพอ่ื วางแผนการเรียนชุดวชิ านีไ้ ดอยา งถูกตอ ง
2. ทําแบบทดสอบกอนเรียน แลวตรวจคําตอบกับเฉลยทายชุดวิชา เพ่ือทราบวาทานมี
พื้นฐานความรูเกยี่ วกบั เนอื้ หาชุดวิชานเี้ พยี งใด
3. ศึกษาแนวคิด จุดประสงค และขอบขายเนื้อหาของแตละตอนใหเขาใจ เพื่อทราบ
สาระสําคัญและจดุ เนน ของตอนนนั้ ๆ ท่จี ะนําไปสูก ารศกึ ษาเน้ือหารายละเอียดของตอนน้ัน ๆ ได
อยา งเขาใจงา ยขึน้
4. ตองปฏิบัติตามกิจกรรมของแตละตอนท่ีกําหนดใหครบทุกกิจกรรม จึงจะทําใหเกิด
การเรยี นรคู รบถวนตามหลักสตู ร
5. ควรศึกษาหาความรคู วามเขาใจเน้ือหาชดุ วชิ านดี้ ขี นึ้ และมคี วามรูกวางขวางยง่ิ ขนึ้
6. เม่ือศึกษาเน้ือหาชุดวิชาและปฏิบัติกิจกรรมครบถวนแลวใหทําแบบทดสอบหลังเรียน
แลวตรวจคําตอบกับเฉลยทา ยชุดวชิ าเพ่อื ทราบวา ทานไดรับความรเู พม่ิ เติมจากเดิมเพียงใด



โครงสรา งชดุ วชิ า
ภาษาอังกฤษธุรกจิ อุตสาหกรรม

แนวคิด
ผูท่ีทํางานอยูในสถานประกอบการอุตสาหกรรม ภาษาอังกฤษที่ใชจะเปนศัพท เทคนิค

เฉพาะ และมปี า ยประกาศเตอื นในลกั ษณะตา งๆ ผทู ่ที าํ งานจงึ ควรขาใจสว นประกอบของคําศัพท
คําศัพทเทคนิคตางๆ การอานเนื้อหาในขอความ การอางอิงเชิงอรรถในหนังสือ และสนทนา
ภาษาอังกฤษได เพ่ือชวยใหผูทํางานเกิดความเขาใจในการส่ือสารภาษาอังกฤษ ซึ่งอาจเปน
สนทนากนั โดยตรงหรอื เปน เนอื้ หาจากเอกสาร

จุดประสงค
เมอ่ื เรยี นจบแลว นกั ศึกษาสามารถ
1. บอกสวนประกอบของคําศัพทได
2. เลอื กใชค ําศัพทเ ทคนิคตาง ๆ ได
3. สามารถอา นเพื่อสอื่ ความได
4. อานและเขยี นการอางอิงเชงิ อรรถได
5. สามารถสนทนาภาษาอังกฤษได

ขอบขา ยเน้อื หา
ชุดวชิ านี้ประกอบดว ยเนอ้ื หา จาํ นวน 5 ตอน ดงั นี้
ตอนที่ 1 สวนประกอบของคาํ ศพั ท
ตอนท่ี 2 คาํ ศัพทเทคนคิ
ตอนที่ 3 การอานเพือ่ ส่ือความ
ตอนท่ี 4 การใชหนงั สืออางองิ
ตอนท่ี 5 การสนทนาภาษาอังกฤษ



แบบทดสอบกอนเรียน

คาํ ช้แี จง ใหผ เู รยี นเลือกคําตอบโดยทําเครื่องหมาย X ลงในขอทถี่ ูกท่สี ุด

1. สวนทเี่ ตมิ หนารากศพั ทแ ละทาํ ใหความหมายของรากศพั ทเปล่ียนไปคอื ขอ ใด

a. prefix b. suffix

c. root d. stem

2. ขอใดคือ prefix b. geo
a. auto d. ist
c. er

3. ขอใดคือ root b. tri
a. micro d. um
c. struct
b. ment
4. ขอ ใดคอื suffix d. poly
a. sect
c. duce b. อโลหะ
d. โลหะผสม
5. alloy หมายถึงขอ ใด
a. โลหะ b. industry
c. เหล็กหลอ d. geography

6. ขอ ใดหมายถึงอุตสาหกรรม
a. technology
c. biology



7. ขอ ใดหมายถงึ ตาํ แหนง b. pole
a. put out d. pinpoint
c. position

8. ขอใดเปนการเขียนเชิงอรรถที่ถูกตอ ง
a. (Read, 1987 : 18 – 20) b. (Soo and Brown, 1983)
c. (McDonough : 115) d. (Brown and others 1965, 120)

9. “สว นทเี่ ขยี นบอกรายชื่อหนงั สอื ทใ่ี ชประกอบการเขียน” หมายถึง

a. เชิงอรรถ b. บรรณานกุ รม

c. ช่ือหนังสอื และชอ่ื ผูแตง d. ผแู ตง และสถานทพ่ี มิ พ

10. คํายอ “n.p.” หมายถึงขอ ใด b. ไมปรากฏสถานทพ่ี มิ พ
a. ไมปรากฏปท ี่พิมพ d. ไมปรากฏช่อื ผแู ตง
c. ไมปรากฏหนา

11. ขอ ใดเปนคาํ ทกั ทาย b. Thank you.
a. Hello, Sam. d. I’m well.
c. Sorry.

12. ขอใดเปนการเสนอใหความชวยเหลอื

a. Can I drink this water? b. Can I have breakfast?

c. Can I help you? d. Can I go with you?

13. “Would you like some coffee?”

“………………..”

a. Yes, thank you. b. Yes, tea please.

c. No. please. d. No, thank you.



14. “Shall we have a meeting next Friday?”

“………………..”

a. O.K. I’ m busy. b. Good. I will not go.

c. Good. What happen? d. O.K. What time?

15. ขอ ใดเปน การหา ม b. Don’t come in.
a. Please, sit down. d. Go along this road.
c. Walk slowly.

1

ตอนท่ี 1
สวนประกอบของคาํ ศัพท

แนวคิด

คําศัพทเปนสวนสําคัญที่ทําใหนักศึกษาสามารถเขาใจเน้ือหาตางๆ ได การเขาใจ
สวนประกอบของคําศัพทและความหมายของสวนประกอบของคําศัพทจะทําใหเขาใจความหมาย
ของคําศพั ทไ ด

จดุ ประสงค

เมอ่ื เรยี นจบตอนที่ 1 แลว นักศึกษาสามารถ
1. บอกความหมายสว นประกอบของคําศพั ทไ ด
2. แยกสว นประกอบจากคําศัพทและบอกความหมายของคาํ ศัพทไ ด

ขอบขา ยเนือ้ หา

เร่ืองท่ี 1 สว นประกอบของคาํ ศพั ท
เร่ืองท่ี 2 การแยกสว นประกอบจากคาํ ศัพท

2

เรอื่ งที่ 1 สวนประกอบของคาํ ศัพท

การเขาใจสวนประกอบของคําศพั ทแ ละความหมายของสวนประกอบของคาํ ศัพทจ ะทําให
เขาใจความหมายของคาํ ศพั ท

สวนประกอบของคําศัพท สามารถแบงไดด งั นี้
1. อุปสรรค หมายถึงสวนท่ีเติมหนารากศัพททําใหความหมายของรากศัพทเปล่ียนไป เชน
แบง อปุ สรรคเปน หมวดตามความหมายไดด งั น้ี

1.1 ใหความหมายเชงิ ปฏเิ สธ เชน
a_, anti_, de_, dis_, il_, im_, in_, ir_, non_, un_
ตวั อยา ง disagree ไมเห็นฟอ ง
insufficient ไมเพียงพอ

1.2 ใหความหมายในทางกลับกันหรือตรงกันขา ม เชน
ab_, ad_, anti_, com_, de_, en_, ex_, in_, mal_, mis_, pro_, un_
ตวั อยาง antibiotic ปฏิชวี นะ
unload เอาของออก

1.3 บอกระดบั ปรมิ าณ ขนาด จํานวน เชน
super_, sub_, sur_, out_, over_, under_, hyper_, hypo_, ultra_, mini_,
micro_, macro_, mega, meta_, extra_, uni_, mono_, bi_, di_, tri_,
milli_,semi_, multi_, poly_
ตัวอยา ง overload บรรทกุ มากเกินไป, ใชไ ฟฟามากเกินไป
multipurpose อเนกประสงค

1.4 บอกตําแหนง สถานที่ ทศิ ทาง เชน
super_, peri_, sub_, inter_, trans_, under_, intra_
ตัวอยาง perimeter เสน รอบรูป
underground ใตด ิน

3

1.5 บอกเวลา ลําดบั เชน
ante_, ex_, fore_, pre_, post_, re_
ตัวอยาง antedate ลงวนั ทก่ี อนวันจรงิ , มากอน, เกิดกอน
premature กอ นกาํ หนด

1.6 เบด็ เตล็ด เชน
auto_, neo_, pan_, proto_, vice_, retro_
ตวั อยา ง neophobia โรคกลวั ของใหม
vice-president รองประธานาธิบดี

2. รากศัพท (root, stem, base word) หมายถึงสวนที่มีความหมายอยูในตัวเอง ซึ่ง

ความหมายน้จี ะเปลีย่ นไปเม่ือเตมิ อปุ สรรคและปจ จยั เขาไป เชน

aqua ความหมาย water

ตัวอยา ง aquarium ตปู ลา, สถานท่ีเลีย้ งปลา

frig ความหมาย cool

ตวั อยาง refrigerator ตเู ยน็

ge, geo ความหมาย earth

ตัวอยา ง geology ธรณวี ทิ ยา

struct ความหมาย build

ตวั อยาง construct สรา ง

vid, vis ความหมาย look, see

ตัวอยาง visible การมองเหน็

3. ปจจัย (suffix) หมายถึงสวนที่เติมทายรากศัพท ทําใหหนาที่ทางไวยากรณของรากศัพทน้ัน

เปลีย่ นไป เชน

_ant ตวั อยา ง determinant ตวั กําหนด

_ee ตัวอยา ง employee ผูรับจาง, ลูกจา ง

_er, _ier ตวั อยา ง employer ผูวา จาง, นายจาง

_ist ตัวอยา ง specialist ผเู ช่ียวชาญ

_ure ตัวอยาง failure ความลมเหลว

4

กจิ กรรมท่ี 1
ใหผูเรยี นตอบคําถามตอไปน้ี

1. ในคาํ ศัพทอ าจจะมสี ว นประกอบไดดงั นี้
1.________________________________________________________________________
2. ________________________________________________________________________
3. ________________________________________________________________________

2. สวนที่เติมหนา รากศัพท ทาํ ใหค วามหมายของรากศัพทเปลยี่ นไป
หมายถงึ ________________________________________________________________

_______________________________________________________________________________
_______________________________________________________________________________
_______________________________________________________________________________
_______________________________________________________________________________
_______________________________________________________________________________
_______________________________________________________________________________
_______________________________________________________________________________
_______________________________________________________________________________

3. สว นทม่ี คี วามหมายอยใู นตวั เอง
หมายถึง_________________________________________________________________

_______________________________________________________________________________
_______________________________________________________________________________
_______________________________________________________________________________
_______________________________________________________________________________
_______________________________________________________________________________
_______________________________________________________________________________
_______________________________________________________________________________
_______________________________________________________________________________
_______________________________________________________________________________
_______________________________________________________________________________

5

4. สว นทีเ่ ตมิ ทา ยรากศัพท ทาํ ใหห นาที่ทางไวยากรณข องรากศัพทเ ปลีย่ นไป
หมายถึง_________________________________________________________________

_______________________________________________________________________________
_______________________________________________________________________________
_______________________________________________________________________________
_______________________________________________________________________________
_______________________________________________________________________________
_______________________________________________________________________________
_______________________________________________________________________________
_______________________________________________________________________________
_______________________________________________________________________________
_______________________________________________________________________________

6

เรอ่ื งท่ี 2 การแยกสวนประกอบจากคาํ ศัพท

คําศัพทในภาษาอังกฤษ อาจจะเปนคําท่ีประกอบดวยสวนตาง ๆ ตามท่ีผูเรียนไดศึกษา
มาแลว

คําศัพทเทคนิคสําหรับภาษาอังกฤษธุรกิจอุตสาหกรรมมีอยูเปนจํานวนมาก แตจะ
ยกตัวอยางเฉพาะที่สําคัญและผเู รียนสามารถนําไปใชไ ดด ังตอไปนี้

1. คําศัพทที่มอี ุปสรรค (prefix)

ลาํ ดบั ที่ อุปสรรค ความหมาย ตวั อยา ง
before antercom หองพกั รอเขาพบ
1. ante_ against, opposite anticorrosion กนั สนมิ
of hearing audiometer เครอื่ งวดั การไดยนิ
2. anti_ เครือ่ งฟง เสียง
self automatic อตั โนมัติ
3. audio_ two binocular กลองสองตา
around circumference เสนรอบวง
4. auto_ with, together combine รวมกนั
5. bi_ down, opposite of degrade ลดระดบั
6. circum_ before foretell บอกลวงหนา
7. co_, com_, con_ not improper ไมถ ูกตอง
8. de_ in, on, within inject ฉดี เขา ไป
9. fore_ small micrometer เครอื่ งมือวัด, ละเอยี ด
10. im_, in_, il_, ir_ wrong, bad mistake ผิด, พลาด
11. in_, im_ one monochrome สเี ดยี ว, เอกรงค
12. micro_ much, many multiply คณู
13. mis_ not nonsense ไรสาระ
14. mono_ much, many polymorphism พหุสณั ฐาน
15. multi_ after postscrip ปจ ฉมิ ลิขิต
16. non_
17. poly_
18. post_

7

ลําดบั ที่ อปุ สรรค ความหมาย ตัวอยา ง
before, early, predict ทาํ นาย
19. pre_ in front of
back, again reverse พลกิ กลบั
20. re_ half semicircular ครง่ึ วงกลม
21. semi_ with, together synchronous เกิดพรอ มกัน
22. sym_, syn_ across, beyond transparent โปรงแสง
23. trans_ three triangle รูปสามเหลย่ี ม
24. tri_ not, do the opposite unstable ไมแ นน อน
25. un_

กจิ กรรมที่ 2

ใหผ เู รียนแยกคาํ ศัพทตอไปนี้ โดยเขียนเปนอปุ สรรค + รากศัพท

ตวั อยาง microbus = micro + bus

1. transmit = ____________________________________________

2. anticyclone = ____________________________________________

3. biannual = ____________________________________________

4. disconnect = ____________________________________________

5. foreman = ____________________________________________

6. imperfect = ____________________________________________

7. independent = ____________________________________________

8. polytechnique = ____________________________________________

9. replace = ____________________________________________

10. telegram = ____________________________________________

11. untrue = ____________________________________________

12. automobile = ____________________________________________

13. non – metal = ____________________________________________

14. tricycle = ____________________________________________

15. semi – circle = ____________________________________________

2. คาํ ศัพทท ่เี ปนรากศัพท (root, stem) 8

ลําดับที่ รากศัพท ความหมาย ตัวอยาง
do, move activate กระตนุ
1. act year annual ประจาํ ป
life, living antibiotic ปฏชิ ีวนะ
2. ann, enn head capital เมอื งหลวง
take, hold, seize receive ไดร บั
3. bio
humdred per cent รอยละ
4. cap, capt, chap believe, trust credible นา เชอ่ื ถือ
run current กระแส
5. cap, capac, ceipt, tell, say, speak contradict พูดขัดแยง
lead, make produce ผลิต
ceive, cept equal equilibrium ความสมดลุ
carry, bring offer เสนอให
6. cent end, limit final สุดทาย
write telegram โทรเลข
7. cred throw reject โยนท้งิ , ไมย อมรับ
hand manual คมู ือ, ทําดวยมือ
8. cur, curs new innovate นํามาใหม
sound telephone โทรศพั ท
9. dic (t) carry transport ขนสง
mind psychology จิตวิทยา
10. duce, duct see microscope กลอ งจุลทรรศน
cut section สวน
11. equa, equi art, skill technician ชาง, ผูม ีฝมือ
hold contain บรรจุ
12. fer call vocal สง เสียง

13. fin

14. gram, graph

15. ject

16. man

17. neo, nov

18. phon, phono

19. port

20. psycho

21. scope

22. sect

23. techn

24. ten, tain

25. voc, voke

9

กจิ กรรมท่ี 3
ใหผูเ รยี นหารากศพั ทจ ากคําตอไปนี้

ตัวอยา ง active = act

1. transfer = ____________________________________________

2. annual = ____________________________________________

3. biology = ____________________________________________

4. credit = ____________________________________________

5. current = ____________________________________________

6. capacity = ____________________________________________

7. finishing = ____________________________________________

8. technical = ____________________________________________

9. container = ____________________________________________

10. import = ____________________________________________

11. graphics = ____________________________________________

12. curriculum = ____________________________________________

13. attainable = ____________________________________________

14. capital = ____________________________________________

15. psychologist = ____________________________________________

10

3. คําศัพททม่ี ีปจ จัย (suffix)
แบงไดห ลายชนิดดงั น้ี

1. เปนคํานาม หมายถงึ นกั , ผู เชน

ลําดบั ท่ี ปจ จัย ตวั อยาง
mathematician นักคณติ ศาสตร
1. _an, _ian participant ผูเขา รวม
liar คนโกหก
2. _ant employee ลกู จาง, ผูร ับจา ง
employer นายจา ง, ผูวาจา ง
3. _ar rocketeer นกั ขบั จรวด
correspondent ผทู ี่เขียนโตต อบจดหมาย
4. _ee hostess เจา บา น (หญงิ )
cashier คนเก็บเงนิ
5. _er, _yer specialist ผูเ ช่ยี วชาญ
operator ผูควบคุม
6. _eer youngster ผูเยาว

7. _ent

8. _ess

9. _ier

10. _ist

11. _or

12. _ster

11

2. เปนคาํ นาม แปลวา การ หรอื ความ เชน

ลําดับที่ ปจ จยั ตวั อยา ง
efficiency ความมปี ระสิทธิภาพ
1. _acy, _cy blockade การปด กนั้
linkage การเชอ่ื มโยง
2. _ade arrival การมาถงึ
reference การอา งอิง
3. _age slavery ความเปนทาส
freedom อิสรภาพ
4. _al neighbourhood ความเปนเพือ่ นบา น
capacity ความสามารถ
5. _ance, _ence transmission การถา ยทอด

6. _ery, _ry astrology ดาราศาสตร
agreement การตกลง
7. _dom cleanness ความสะอาด
relationship ความสัมพนั ธ
8. _hood closure การปด

9. _ity, _ty

10. _ion, _sion, _tion,

_ition, _ation

11. _logy

12. _ment

13. _ness

14. _ship

15. _ure

12
3. เปน คาํ คุณศพั ท หมายถงึ ที,่ ซ่งึ , อนั , เหมือน, ทมี่ ี, เต็มไปดวย, คลา ย เชน

ลําดับท่ี ปจ จัย ตวั อยาง
untouchable ไมสามารถแตะตอ งได
1. _able, _ible original มีมาแตเ ดิม
passionate เตม็ ไปดว ยความหลงใหล
2. _al different แตกตา ง
picturesque เหมอื นภาพ
3. _ate careful เตม็ ไปดวยความระมดั ระวงั
special มีลักษณะพิเศษ
4. _ent yellowish คลา ยสเี หลือง
careless ไมระวงั , ประมาท
5. _esque dangerous เปน อันตราย

6. _ful

7. _ial

8. _ish

9. _less

10. _ous

4. เปน คาํ กรยิ า หมายถงึ กระทาํ , ทําให, เปน เหตใุ ห เชน

ลาํ ดบั ท่ี ปจ จัย ตัวอยา ง
vibrate สน่ั สะเทอื น
1. _ate strengthen ทาํ ใหแ ขง็ แรง
solidify ทาํ ใหแ ข็ง
2. _en minimize ทําใหนอยลง

3. _fy, _ify

4. _ise, _ize

5. เปนคํากริยาวิเศษ หมายถึง อยา ง เชน

ลําดบั ที่ ปจ จยั ตวั อยาง
1. _ably, _ibly comfortably อยา งสะดวกสบาย
2. _ily hastily อยางรีบรอน
3. _ly slowly อยา งชา ๆ
4. _ward downward ตรงลงไป

13

กจิ กรรมที่ 4
ใหผูเรยี นแยกคาํ ศัพทต อ ไปนี้ โดยเขียนเปนรากศัพท + ปจจยั

ตัวอยา ง quickly = quick + ly

1. arrival = ____________________________________________

2. employment = ____________________________________________

3. examination = ____________________________________________

4. indicator = ____________________________________________

5. lengthen = ____________________________________________

6. kindness = ____________________________________________

7. careless = ____________________________________________

8. dependent = ____________________________________________

9. comfortable = ____________________________________________

10. teacher = ____________________________________________

11. columnist = ____________________________________________

12. package = ____________________________________________

13. friendship = ____________________________________________

14. countable = ____________________________________________

15. performance = ____________________________________________

14

ตอนที่ 2
คาํ ศพั ทเทคนคิ

แนวคดิ

คําศัพทเปนสวนสําคัญท่ีทําใหนักศึกษาสามารถเขาใจเน้ือหาตางๆ ได การเขาใจ
สวนประกอบของคําศัพทและความหมายของสวนประกอบของคําศัพทจะทําใหเขาใจความหมาย
ของคําศพั ทได

จุดประสงค

เม่ือเรียนจบตอนที่ 2 แลว นกั ศกึ ษาสามารถ
1. บอกความหมายของคาํ ศพั ทเ ทคนิคได
2. เขียนคําศพั ทเ ทคนคิ และเลือกใชคาํ ศัพทเ ทคนคิ ได

ขอบขายเนื้อหา

เรอื่ งที่ 1 คาํ ศพั ทเทคนิค

15

เร่ืองที่ 1 คาํ ศัพทเ ทคนิค

คําศัพทเทคนิคในการอุตสาหกรรมมีอยูมากมาย แตในชุดวิชานี้จะอธิบายเฉพาะคําท่ี
ผเู รียนจะพบบอ ย และมปี ระโยชนใ นการปฏิบตั งิ านเทานน้ั

กอนท่ีจะศกึ ษาคาํ ศัพทเทคนิคตาง ๆ ผูเรียนตองศึกษาประเภทของคําเหลาน้ันกอน เพื่อ
จะไดเขาใจย่งิ ขนึ้ ประเภทของคาํ ท่จี ะศกึ ษามดี ังน้ี

1. คาํ นาม หรือ noun จะใชตวั ยอ n. หมายถงึ คําทีเ่ รยี กชื่อ เชน

stool อานวา สตลู ความหมาย มานัง่
ซีล่ อ จักรยาน
spoke อา นวา สโปก ความหมาย

2. คาํ กริยา หรอื verb จะใชตวั ยอ v. หมายถึง คําทแ่ี สดงการกระทาํ เชน
order อา นวา ออเดอร ความหมาย ส่ัง
install อา นวา อินสตอล ความหมาย ติดต้งั

3. คําคุณศัพท หรือ adjective จะใชตัวยอ adj. หมายถึง คําท่ีขยาย สวนใหญจะขยาย

คาํ นาม เชน

harmful อานวา ฮารมฟลู ความหมาย อนั ตราย

narrow อานวา แนโร ความหมาย แคบ

ประเภทของคํานี้จะพบมากในคําศัพทเทคนิค และในชุดวิชานี้จะเขียนไวทายคําศัพทวา
เปนคําประเภทใด เชน เปนคํานาม (n.) เปน คํากรยิ า (v.) หรือเปนคาํ คณุ ศพั ท (adj.)

ในการศึกษาคําศัพทเทคนิคจะเรียงตามลําดับอักษรและในคําแตละคําจะบอกคําอาน
และในแตล ะคําจะบอกคําอา นและความหมาย

1. คาํ ศัพทท ขี่ นึ้ ตน ดว ยตวั a 16

คําศัพท คําอา น ความหมาย
ability (n.) อะบลิ – อิติ ความสามารถ
accessory (n.) แอค็ เซซ – โซะริ อปุ กรณป ระกอบ, สวนประกอบ
alignment (n.) อะลาย – เมนท แนว, ระดบั
alloy (n.) แอล็ – ลอย โลหะผสม
appliance (n.) แอพ็ ไล – แอน็ ซ เครือ่ งมือเครื่องใช (เกี่ยวกับไฟฟา )
add (v.) แอด็ เพ่ิม, เตมิ
adjust (v.) แอะจัซท ปรับ, จัด, ต้ังใหเขา ท่ี
appear (v.) แอพ็ เพีย – ปรากฏขึ้น, ปรากฏตัว
apply (v.) แอ็พไพ – สมัคร, ใชใหประโยชน
avoid (v.) อะฝอยด – หลีกเลย่ี ง
apart (adj.) อะพาท – หา งกนั , แยกกนั
appropriate (adj.) เอะพโร – พริเอท เหมาะสม

2. คาํ ศพั ทที่ขนึ้ ตน ดวยตัว b ความหมาย
แถบคลน่ื วิทยุ, แถบเคร่ืองหมาย
คําศพั ท คาํ อา น ฐาน, พืน้
band (n.) แบ็นต เคร่อื งต,ี เครือ่ งนวด
base (n.) เบซ ดอกสวา น
beater (n.) บีท – เทอะ แขนรองรบั
bit (n.) บิท ทองเหลอื ง
bracket (n.) บแรค – เค็ท กะเปาะ, หลอดไฟฟา
brass (n.) บราซ ปมุ กดสวทิ ซห รอื สัญญาณในทต่ี าง ๆ
bulb (n.) บัลบ งอ, โกง , ดดั ใหโคงงอ
button (n.) บทั – ทิน ชาํ รดุ , ใชการไมไ ด
bend (v.) เบ็นด เปราะ, แตกงา ย
break down (v.) เบรก – เดาน
brittle (v.) บริท - เทิล

3. คําศัพทท ่ีขึ้นตน ดว ยตัว c คําอา น 17
คําศัพท แคน – อเิ นท็
คาซท – ไอ – เอิน ความหมาย
cabinet (n.) แคท – อะ – ลซิ ท ตู โตะ
cast iron (n.) เคม – อิ – แค็ล ริ – แอค – ชนั เหลก็ หลอ
catalyst (n.) คลอ สารเคมที ีเ่ ปน ตวั เรง ปฏกิ ริ ยิ าทางเคมี
chemical reaction (n.) เคลีย – แร็นซ ปฏิกิรยิ าทางเคมี
claw (n.) คลั – เออะ – โคดอิ่ง สวนของฆอนใชถ อนตะปู
clearance (n.) คอล – ลัม ชองวา ง, ระยะหาง
colour coding (n.) ค็อมโพ – เน็นท การใชสบี อกรหัส
column (n.) แคน – เซล็ เสาตอมอ
component (n.) ค็อมแพ – สว นประกอบ
cancel (v.) ค็อมพไรส ยกเลกิ
compare (v.) คอนดัดท – เปรียบเทียบ
comprise (v.) ประกอบดวย
conduct (v.) นํา (ไฟฟา, ความรอ น)

กจิ กรรมท่ี 5

ใหผ เู รียนจบั คคู ําศพั ทเ ทคนิคใหตรงกบั ความหมาย

คาํ ศัพท ความหมาย

…………1. ability a. เปรียบเทยี บ

…………2. add b. ดอกสวา น

…………3. appropriate c. ประกอบดว ย

…………4. base d. ฐาน, พื้น

…………5. bit e. ความสามารถ

…………6. bracket f. เหมาะสม

…………7. brass g. เพิ่ม, เติม

…………8. cast iron h. แขนรองรบั

…………9. claw i. เหล็กหลอ

…………10. colour coding j. การใชส ีบอกรหสั

…………11. compare k. สว นของฆอนใชถอนตะปู

…………12. comprise l. ทองเหลือง

4. คาํ ศัพทที่ขึ้นตน ดวยตัว e 18

คําศพั ท คําอา น ความหมาย
emery paper (n.) เอม็ – เออะริ เพ – เพอะ กระดาษทรายขดั โลหะ
expert (n.) เอคซ – เพทิ ผูช ํานาญการ, ผเู ชี่ยวชาญ
extinguisher (n.) เอ็คซทิงกวชิ เชอ เครอ่ื งดับเพลงิ
elevate (v.) เอล – อเิ ฟท ยก, ทําใหส งู ขนึ้
engage (v.) เอน็ เกจ ประสานกนั , ขบกนั
enter (v.) เอ็นเทอะ เขา ไป
exchange (v.) เอ็คซเชนจ แลกเปลี่ยน
explode (v.) เอ็คซพโลด ระเบดิ
efficient (adj.) เอพพชิ – เอ็นท มีประสทิ ธิภาพ
extreme (adj.) เอ็คซทรีม ท่ีสดุ , ตอนปลายสุด

5. คําศพั ทท่ขี ้ึนตนดวยตวั f ความหมาย
ขอบกพรอง, เสยี หาย
คําศพั ท คาํ อา น ลักษณะเดนสําคัญ, ลกั ษณะพเิ ศษ
fault (n.) ฟอลท ไฟฟา ติดเพดาน
feature (n.) ฟ – เชอะ การคาดคะเน, การทาํ นาย
fixture (n.) ฟก – เชอะ กรอบ, โครงรถจักรยาน
forecast (n.) โฟคาซท หนา ท่ี
frame (n.) เฟรม จับ, ยึด, มดั , ผูกใหแ นน
function (n.) ฟง – ชัน ตรงึ กับท่,ี ทาํ ใหค บื ดี
fasten (v.) ฟาซ – อัน เกิดแสงสวา งวาบ
fix (v.) ฟคซ สราง, กอตวั , กอรปู
flash (v.) ฟแลซ บิดงอได, ออน, ยดื หยุน
form (v.) ฟอม
flexible (adj.) เฟล็ค - ซบิ ลึ

6. คําศพั ททขี่ นึ้ ตนดว ยตัว i 19

คําศพั ท คาํ อา น ความหมาย
image (n.) อมิ – อจิ รปู , ภาพ
industry (n.) อิน – ดซั ทริ อตุ สาหกรรม
insulator (n.) อนิ – ซวิ เลเทอะ ฉนวนกันไฟฟา
invention (n.) อนิ เวนชนั สิ่งประดิษฐ, การประดษิ ฐค ดิ คน
idle (v.) ไอ – ดึล หมนุ เปลา, เนินผา
inflate (v.) อินฟเลท – สบู ลม, เปาลม
imagine (v.) อิมแมจ – อนิ จินตนาการ
install (v.) อินสทอล – ตดิ ต้งั , ตอ (ไฟฟา , นํา้ ประปา)
insulate (v.) อิน – ซิวเลท เปน ฉนวนปองกันกระแสไฟฟา
intermediate (adj.) อนิ เทอะมี - ดอิ ทิ อยูระหวางกลาง

7. คาํ ศพั ททข่ี นึ้ ตน ดว ยตวั m ความหมาย
แมเ หลก็
คําศัพท คําอาน การบํารงุ รักษา
magnet (n.) แมค – เน็ท จดุ หลอมเหลวของวัตถุ
maintenance (n.) เมน – ทแิ น็นซ ปรอท
melting point (n.) เมล็ – ทงิ – พอยนท เศษโลหะ
mercury (n.) เมอ – ควิ รี ความชืน้
metal chip (n.) เม – ทัน – ชิพ ทําเครอื่ งหมาย
moisture (n.) มอยซ – เชอะ ช่ัง, ตวง, วดั
mark (v.) มาค พลาด, หายไป
measure (v.) เมช – เออะ วาง, เกาะ, ติด
miss (v.) มิซ เก่ยี วกับความเคลอ่ื นไหวหรอื เคลื่อนท่ี
mount (v.) เมานท
mobile (adj.) โม - บิล

20

กจิ กรรมที่ 6

ใหผ เู รียนจับคูค าํ ศัพทเทคนคิ ใหตรงกบั ความหมาย

คําศัพท ความหมาย

…………1. elevate a. แมเ หลก็

…………2. enter b. เขาไป

…………3. explode c. ฉนวนกนั ไฟฟา

…………4. fault d. ระเบดิ

…………5. flash e. เกิดแสงสวางวาบ

…………6. form f. ปรอท

…………7. industry g. อุตสาหกรรม

…………8. insulator h. สูบลม

…………9. inflate i. เศษโลหะ

…………10. magnet j. ยก, ทาํ ใหส ูงขึน้

…………11. mercury k. สราง, กอ ตวั , กอรูป

…………12. metal chip l. ขอ บกพรอ ง

8. คาํ ศพั ทท่ขี น้ึ ตนดว ยตวั p

คาํ ศัพท คาํ อาน ความหมาย
หีบหอ, บรรจภุ ณั ฑ
package (n.) แพค – คจิ กลองแบน ๆ
ทาง, ทางเดิน
packet (n.) แพด – เค็ท หลอดไฟฟาที่แสดงวาอุปกรณไฟฟาทํางานอยู
ลูกสบู
path (n.) พาธ ขวั้ แมเหลก็ , เสา
ตําแหนง , ฐานะ
pilot lamp (n.) ไพ – ลทั – แล็มพ การปฏิบตั ิงาน
ปะ, แปะ
piston (n.) พซี – ทัน เจาะจงหาตาํ แหนงอยางแนน อน
เท, ไหลออกมา
pole (n.) โพล ดาํ เนินการ, กระทาํ ตอ ไป
ดบั ไฟ
position (n.) โพซิ – ชัน

practice (n.) พแรด – ทิซ

patch (v.) แพ็ซ

pinpoint (v.) พินพอยนท

pour (v.) โพ

proceed (v.) พโระซดี

put out (v.) พุท - เอา ท

9. คําศพั ทท ข่ี ้นึ ตนดว ยตัว r 21

คําศพั ท คาํ อา น ความหมาย
reel (n.) รลี มว น, ขด (ดา ย, เทป, ฟลม )
reserve (n.) รเิ สิฝ อะไหล, สว นสํารอง
resource (n.) รี – โซซ ทรัพยากร
roll (n.) โรล มว น, หอ
rust (n.) รซั ท สนิม
react (v.) รแิ อคท – ทําปฏิกริ ิยา, แสดงอาการโตตอบ
reduce (v.) รดิ ยซู ลด
relay (v.) รเิ ล ผลดั , ผลดั เปล่ยี น, ถายทอด
resist (v.) ริซซิ ท ตา นทาน (ไฟฟา, นาํ้ )
reverse (v.) รเิ ฝซ ยอนกลบั
revolve (v.) ริฝอลฝ หมนุ
rear (adj.) เรีย ดา นหลัง, ขางหลัง
reliable (adj.) รไี ล – อะบึล ไวใ จได, พึ่งพาได
rough (adj.) รฟั ขรขุ ระ, หยาบ

10. คําศัพทท ีข่ น้ึ ตน ดว ยตวั t ความหมาย
ฟน (ซ่หี ว,ี ฟนเลอื่ น, เฟอ ง)
คําศพั ท คาํ อาน อุณหภมู ิ
teeth (n.) ทีธ กระปอ งดบี กุ
temperature (n.) เทม – เพอะระเชอะ หลอด
tin (n.) ทิน ฉีก, ขาด
tube (n.) ทยูบ ขลบิ , ตกแตง
tear (v.) แท เกลาไมใ หเ รียบดว ยส่ิว
transform (v.) ทแรน็ สฟอม บิด, บิดเบีย้ ว
trim (v.) ทรมิ เก่ยี วกับความรอนหรอื อณุ หภูมิ
twist (v.) ทวิซท โปรงใส
thermal (adj.) เธอ – แมล็
transparent (adj.) ทแรน็ สแพ - เรน็ ท

22

กิจกรรมท่ี 7

ใหผเู รียนจับคคู ําศัพทเทคนิคใหต รงกับความหมาย

คําศัพท ความหมาย

…………1. package a. หลอด

…………2. pilot lamp b. ทาํ ปฏิกิรยิ า

…………3. piston c. ลด

…………4. practice d. ฉกี , ขาด

…………5. react e. กระปอ งดีบกุ

…………6. reduce f. ตานทาน

…………7. resist g. อุณหภูมิ

…………8. revolve h. หลอดไฟฟา ท่แี สดงวา อปุ กรณไ ฟฟา ทํางานอยู

…………9. temperature i. หมุน

…………10. tin j. การปฏบิ ตั งิ าน

…………11. tube k. ลูกสูบ

…………12. tear l. หบี หอ

23

ตอนที่ 3
การอานเพอ่ื ส่ือความ

แนวคดิ

การทราบคําศัพทและประโยคภาษาอังกฤษในการแนะนํา การเตือน การขอรอง การ
หามและการส่ัง การใหขอมูล ประกาศ ปาย และการปฏิบัติงานตามคูมือ จะเปนสวนชวยให
นักศึกษาสามารถนําความรูไปใชในการพัฒนาตนในการปฏิบัติงานในธุรกิจอุตสาหกรรมมาก
ย่งิ ขึ้น

จุดประสงค

เม่อื เรียนจบตอนที่ 3 แลว นกั ศกึ ษาสามารถ
1. บอกประโยคการแนะนํา การเตือน การขอรอง การหา มและการสง่ั ได
2. บอกประโยคการใหขอมูล ประกาศ ปาย และการปฏบิ ัตงิ านตามคมู อื ได

ขอบขายเนื้อหา

เรอื่ งท่ี 1 การแนะนํา (advice)
เรือ่ งที่ 2 การเตือน (warning)
เรือ่ งที่ 3 การขอรอ ง (requesting)
เรื่องท่ี 4 การหาม (prohibition)
เร่อื งท่ี 5 การสง่ั (order, command)
เรื่องที่ 6 การใหขอ มูล (giving information)
เรอ่ื งท่ี 7 ประกาศ (notice)
เรอื่ งท่ี 8 ปา ย (sign)
เรอ่ื งท่ี 9 การปฏิบัตงิ านตามคูมือได (operating instructions)

24

เรอื่ งที่ 1 การแนะนาํ

การแนะนํา หรือ advice หมายถึง การช้ีแนะส่ิงท่ีควรทําอาจขึ้นตนดวย should ซ่ึง
หมายถึงควรจะ เชน

Should put on the shoes.
ควรใสรองเทา
Should use a hammer of the correct size.
ควรใชฆอ นใหถ กู ขนาด
แตในบางครงั้ อาจจะไมตอ งใช Should ขึ้นตน กไ็ ด เชน
Store cord in a manner provided
ควรเก็บสายไฟตามวิธที ่กี ําหนด

เรื่องที่ 2 การเตือน

การเตือน หรือ warning เปนการแจงวาควรปฏิบัติหรือไมควรปฏิบัติ แตไมถึงกับ
บงั คับใหทาํ หรือหา มทาํ เชน

Be careful.
ระวัง
Mind your head.
ระวงั ศรี ษะ

เรื่องท่ี 3 การขอรอ ง

การขอรอง หรือ requesting เปนการขอรองใหปฏิบัติหรือไมปฏิบัติ ซึ่งข้ึนอยูกับเราวา
จะทาํ หรือไม มักจะขึ้นตนดว ยคําวา Please หรอื Could เชน

Please form queue.
โปรดเขา แถว
Could you turn off the light.
ชวยปด ไฟใหด ว ย
Could you turn the radio down.
ชว ยเบาวทิ ยดุ ว ย

25

เรื่องท่ี 4 การหา ม

การหา ม หรือ prohibition เปน การสงั่ ไมใหท ํา ถือเปน ขอ ปฏิบตั ิ หลกี เลยี่ งไมไ ด เชน
No smoking.
หา มสูบบุหร่ี
Do not talk in this room.
หามคุยกันในหองน้ี

เรื่องท่ี 5 การส่ัง

การสั่ง หรือ order หรือ command หมายความวา ตองทําถาไมทําแลวจะเกิด
อันตราย หรอื ถกู ลงโทษ น่นั คอื เปนกฎเกณฑท ี่ตอ งปฏบิ ัติ หลีกเล่ยี งไมได เชน

Masks must be used where metal chips might fly.
สวมหนากากเมือ่ อยใู นบริเวณที่เศษโลหะอาจปลวิ มาถกู
You must go into this room.
คุณตอ งเขา ไปในหองน้ี

เรอื่ งที่ 6 การใหข อมูล

การใหข อมูล หรือ giving information เพื่อใหร ูรายละเอียดหรอื เพ่อื แจง ใหทราบ เชน
Go along this road.
ไปตามถนนสายนี้
To parking area.
ไปท่จี อดรถ
Out of order.
(เครอ่ื ง) เสีย
Not drinking water.
ไมใ ชน้ําด่มื

26

เรื่องท่ี 7 ประกาศ

ประกาศ หรอื notice คอื ขอความทบี่ อกไวเ พ่ือทราบ เชน
Closed October 1 – 5
ปด ตง้ั แตวันที่ 1 – 5 ตุลาคม
Wet paint
สียังไมแ หง
Only students
เฉพาะนกั เรียนเทา น้นั

เร่ืองที่ 8 ปาย

ปาย หรือ signs สวนใหญจะเปนสัญลักษณและไมมีคําเขียนบอกอธิบาย ผูอานจะ
เขา ใจไดโดยทนั ที เชน

เลี้ยวขวา

หา มเลี้ยวซา ย

หา มกลับรถไปทางขวา

หามเขา

27

กจิ กรรมที่ 8

ใหผูเรียนจบั คูภาษาองั กฤษใหต รงกับขอ ความภาษาไทย

…………1. Closed. a. ปด

…………2. Shoplifters will be prosecuted. b. หามทิ้งขยะ

…………3. No littering. c. ขโมยของจะถูกดาํ เนนิ คดี

…………4. Queue this side. d. เขาแถวทางน้ี

…………5. Please don’t feed the animals. e. โปรดอยาใหอ าหารสตั ว

…………6. Members only. f. อยายน่ื ศรี ษะออกนอกหนาตา ง

…………7. Do not lean out of the window. g. เฉพาะสมาชิกเทา นน้ั

กิจกรรมที่ 9

ใหผเู รยี นจบั คูภาษาอังกฤษใหตรงกับขอ ความภาษาไทย

…………1. No entry. a. อยาเดนิ ลัดสนาม

…………2. Non smoking area. b. หามแตะตอง

…………3. Speed caution. c. หา มเขา

…………4. Fasten your seat belt. d. ตรวจจบั ความเรว็

…………5. Do not touch. e. หามสูบบหุ รบ่ี รเิ วณนี้

…………6. Keep off the grass. f. หา มพูดคุย

…………7. Tyres fitted here. g. ทน่ี ่รี บั ประยาง

…………8. No talking. h. คาดเข็มขัดนิรภัย

28

เร่อื งท่ี 9 การปฏบิ ัติตามคมู อื การใชงาน

คูมือเคร่ือง (instruction manual) เปนเอกสารท่ีใหมาพรอมกับเคร่ืองเพ่ือบอกใหผูใช
ทราบถงึ ชอื่ และหนาทข่ี องช้ินสวนตา ง ๆ วิธีตดิ ตั้ง วิธีใชงาน วิธีบํารุงรักษา ขอควรระวัง ปญหา
ในการใชงานและวธิ ีแกไข ฯลฯ

ภาษาที่ใชมีลักษณะเปนการบรรยาย บอกวิธีปฏิบัติ และเตือน โดยมีตารางและ
ภาพประกอบ มักเขียนเปนขอ ๆ มีเลขบอกข้ันตอน เพ่ือใหอานงายชัดเจน เชน Replacement
of batteries :

การเปลย่ี นถา น (เครอื่ งคิดเลข)
1. Open the back cover of the unit by loosening the screws with a screwdrive.

เปดฝาหลงั ของเครอ่ื งโดยใชไ ขควงคลายสกรู
2. Unscrew the battery cover plate. Slide it off while pressing gently.

คลายสกรยู ึดแผน ปดถาน กดไวเ บา ๆ ขณะเลอื่ นแผนปดถา นออก
3. Remove dead batteries.

นําถา นที่หมดสภาพแลว ออกจากเครอ่ื ง
4. Insert new batteries with polarity as indicated.

ใสถ า นใหมเ ขาเครื่อง ใหขว้ั บวก – ลบ ตารางตามที่ระบไุ ว
5. Replace the plate and the cover by screwing carefully.

ปดแผน ปดถานและฝาหลังเขาที่โดยขันสกรูดว ยความระมัดระวัง

29

นอกจากนน้ั จะมกี ารอา นเพือ่ ปฏบิ ตั ิตามขัน้ ตอน โดยบอกวธิ ีการปฏบิ ตั ิ เชน การปะยาง
รถจักรยาน

First remove the wheel from the bicycle. Next remove the inner – tube
from the wheel. Then find the hole and mark it with a pencil. After that apply
glue to a rubber patch and place it over the puncture. Allow about ten minutes
for the glue to dry. Then replace the inner – tube on the wheel and replace the
wheel on the bicycle.

ใหผูเรยี นฝกสรุปขั้นตอนการปะยางเปนภาษาไทย
_______________________________________________________________________________
_______________________________________________________________________________
_______________________________________________________________________________
_______________________________________________________________________________
_______________________________________________________________________________
_______________________________________________________________________________
_______________________________________________________________________________
_______________________________________________________________________________
_______________________________________________________________________________

30

ตอนท่ี 4
การใชหนงั สืออางอิง

แนวคิด

การอานเชิงอรรถและบรรณานุกรม จะชวยใหทราบรายช่ือเอกสาร ผูเขียน หนังสือที่ใช
ประกอบการเขียน สถานท่พี ิมพ สํานกั พิมพ ปทีพ่ ิมพ ซง่ึ การอานเชงิ อรรถและบรรณานกุ รมเปน จะ
เปนประโยชนใหกับนักศึกษาที่สนใจคนควาศึกษาเพ่ิมเติมจะไดไปศึกษารายละเอียดจากหนังสือ
เลมทีอ่ า งในเชงิ อรรถหรอื บรรณานกุ รมไดตอ ไป

จุดประสงค

เมอ่ื เรยี นจบตอนที่ 4 แลว นักศกึ ษาสามารถ
1. อา นเชงิ อรรถได
2. อา นบรรณานกุ รมได

ขอบขา ยเนอื้ หา

เรือ่ งท่ี 1 การอานเชงิ อรรถ
เรอ่ื งท่ี 2 การอานบรรณานุกรม

31

เร่ืองที่ 1 การอา นเชิงอรรถ

เชิงอรรถ หรือ footnote ใชเขียนเพื่อบอกวาขอความท่ีเขียนข้ึนนํามาจากแหลงใด ชื่อ
หนังสืออะไร และใครเปนผูแตง

การเขียนเชงิ อรรถเปนท่นี ิยมมี 2 แบบ คือ
1. การอางอิงแบบนาม – ป
2. การอา งอิงแบบเชิงอรรถ
ผูเ รยี นจะไดศึกษาการเขยี นเชงิ อรรถทั้ง 2 แบบ ดังน้ี

1. การอางองิ แบบนาม - ป
ผูเรียนจะไดศ กึ ษาจากเชงิ อรรถท่ีผูแตง 1 คน, 2 คน, 3 คน และมากกวา 3 คน

1. ผูแ ตง 1 คน
จะเขยี นนามสกุล, ปที่พิมพและหมายเลขหนา เชน
(Fontana, 1985 : 91)
ขอความน้ันนํามาจากชาวตางประเทศที่นามสกุล Fontana ในเอกสาร/หนังสือท่ี
พมิ พในป ค.ศ.1985 จากหนา 91

2. ผแู ตง 2 คน
จะเขยี นเชนเดียวกบั ผแู ตง 1 คน เชน

(Schlachter and Thompson, 1974 : 126)

3. ผูแตง 3 คน
3.1 เวลาอางถึงเอกสารที่มีผูแตง 3 คน ครั้งแรกระบุนามสกุลผูแตงทุกคน เชน
ase, Borgman, and Meadow (1986 : 31)
3.2 ถาอางถึงครั้งตอไป จะระบุนามสกุลของคนแรก และตามดวย et al. หรือ
nd others. เชน (Case et al. 1986 : 45)

4. ผูแ ตงมากกวา 3 คน
จะเขียนเชนเดียวกับผูแ ตง 3 คน

32

5. เอกสารหลายเรอ่ื งโดยผูแตงคนเดยี ว แตป ท่ีพิมพต า งกัน
ระบุนามสกุลของผูแตงคร้ังเดียว แลวระบุปท่ีพิมพตามลําดับ โดยใชเครื่องหมาย
จุลภาค (,) กั้นระหวางปท่ีพิมพ โดยไมตองระบุนามสกุลผูแตงซ้ําอีก เชน
Massam, 1981 : 56, 1982 : 154

6. เอกสารหลายเร่อื งโดยผแู ตงหลายคน
ใหระบุนามสกุลผูแตงโดยเรียงตามลําดับตัวอักษร ตามดวยปท่ีพิมพและใส
เครื่องหมายอัฒภาค (;) ค่ันเอกสารท่ีอางแตละเร่ือง เชน (Fiedler, 1967 : 15;
Rast and Rosenzmeig, 1973 : 46-49; Thompson, 1967 : 125;
Woodward, 1965 : 77-78)

กิจกรรมที่ 10
ใหผ เู รยี นเขียนอธบิ ายเชิงอรรถตอ ไปน้ี

ตวั อยาง เชน (Bradley, 1983 : 16)
หมายถงึ ผแู ตงนามสกุล Bradley หนังสอื พิมพป  ค.ศ.1983 จากหนา 16
1. (Read, 1987 : 18-20)
_______________________________________________________________________________
_______________________________________________________________________________

2. (McDonough, 1984 : 115)
_______________________________________________________________________________
_______________________________________________________________________________

3. (Lansteiner and Willmarth, 1995 : 118)
_______________________________________________________________________________
_______________________________________________________________________________

4. (Soo and Brown, 1983 : 6)
_______________________________________________________________________________
_______________________________________________________________________________

33

5. (Schlachter and Thompson, 1974 : 25)
_______________________________________________________________________________
_______________________________________________________________________________

6. (Sorensen, Campbell and Ross, 1975 : 8-10)
_______________________________________________________________________________
_______________________________________________________________________________

7. (Bradley, Ramirez and Soo, 1986 : 6-7)
_______________________________________________________________________________
_______________________________________________________________________________

8. (Bradley and others, 1996 : 38)
_______________________________________________________________________________
_______________________________________________________________________________

9. (Brown and others, 1965 : 120)
_______________________________________________________________________________
_______________________________________________________________________________

10. (Ramirez et al. 1986 : 35)
_______________________________________________________________________________
_______________________________________________________________________________

34

2. การอา งอิงแบบเชงิ อรรถ
ผูเรียนจะพบวาการอางอิงแบบเชิงอรรถนี้จะละเอียดมากกวาแบบนาม – ป โดยจะเขียน

หมายเลขกํากับในเนื้อความ ณ ตําแหนงท่ีตองการอางอิงแลวจึงเขียนเชิงอรรถอางอิงดวยหนา
โดยหมายเลขกํากบั จะตรงกันในขอ ความ

การศกึ ษาเอกสารอางอิง ผูเรยี นจะศกึ ษา 2 แบบ คอื
1. การอางองิ จากหนังสือ
2. การอางองิ จากวารสารและสารานกุ รม
1. การอางอิงจากหนงั สอื
การเขียนระบุผูแตง ช่ือหนังสือ สถานท่ีพิมพ สํานักพิมพ ปท่ีพิมพ เลขหนา ตัวอยาง
เชน
6Carter V.Good and Douglad E.Scated, Methods of research : educational
psychologioal sociological (New York : Appleton – Century – Crafts 1959), P.29
หมายถึง ขอความที่อางอิงมาจากหนังสือท่ีแตงโดยนาย Carter V.Good และนาย
Douglad E.Scated ช่ือหนังสือ Methods of research : educational psychologioal
sociological พิมพที่ New York โดยสํานักพิมพ Appleton – Century – Crafts เม่ือป ค.ศ.
1959 อา งอิงจากหนา 29.

ถาหนังสือที่มาอางอิงมีมากกวา 1 หนา ใหใส pp. และระบุเลขหนา เชน pp. 25-26
จะหมายถงึ หนังสอื เลมนัน้ ใชข อความมาอา งอิงจากหนา 25 และ 26

2. การอางอิงจากวารสารและสารานกุ รม
การเขียนระบุผูแตง ช่ือบทความ ชื่อวารสาร ปท่ีหรือเลมท่ี เดือนปท่ีพิมพ เลขหนา

ตวั อยาง เชน
5Herbert McClosky, “Political participation.” International Encyclopedia of

Social Sciences 12 (1968) : 252–265.
หมายถึง นาย Herbert McClosky เขียนเร่ือง Political participation จากวารสาร

International Encyclopedia of Social Sciences ปที่ 12 ปท่ีพิมพ ค.ศ.1968 จากหนา
252–265

35

2Robert K.Lane and Daniel A.Livingstone, “Lakes and lake systems”
Encyclopaedia Britannica (Macropaedia) 10 (1974) : 613.

หมายถึง นาย Robert K.Lane และนาย Daniel A.Livingstone เขียนเร่ือง Lakes
and lake systems จาก Encyclopaedia Britannica (Macropaedia) ปท่ี 10 พิมพป ค.ศ.
1974 หนา 613

กิจกรรมท่ี 11
ใหผเู รียนเขยี นอธบิ ายเชิงอรรถตอไปน้ี

ตัวอยางเชน 1Chun Shin Yong, Korean folk tales (Seoul : International
Cultural Foundation, 1973, pp. 61-65)

หมายถึง Chun Shin Yong เขียนเรื่อง Korean folk tales พิมพที่ Seoul โดย
สํานักพมิ พ International Cultural Foundation เมอ่ื ป ค.ศ.1973 อางอิงจากหนา 61 ถึง 65

1. 4Harold Burris Meyer and Edward C.Call, Theatres and auditoriums, (New York
: Robert E.Krieger, 1975), p. 92.
_______________________________________________________________________________
_______________________________________________________________________________
_______________________________________________________________________________
_______________________________________________________________________________

2. 3Michel Foucault, The archaeology of knowledge, (London : Tavistock
Publications, 1972) : p. 68.
_______________________________________________________________________________
_______________________________________________________________________________
_______________________________________________________________________________
_______________________________________________________________________________

36

3. 2Cooray Jane “Horizontal fields generated by return stokes,“ Radio Science 27,
(July – August 1992) : 529 – 537.
_______________________________________________________________________________
_______________________________________________________________________________
_______________________________________________________________________________
_______________________________________________________________________________

4. 1Eileen M.Trauth. “Information resource management” Encyclopedia of Library
and Information Science 43 (1988) : 93 – 111.
_______________________________________________________________________________
_______________________________________________________________________________
_______________________________________________________________________________
_______________________________________________________________________________

5. 2Eric Savareid, “What’s right with sight and sound Journalism,” Saturday
Review (2 October 1976 : 20.)
_______________________________________________________________________________
_______________________________________________________________________________
_______________________________________________________________________________
_______________________________________________________________________________

37

เรอ่ื งท่ี 2 การอา นบรรณานกุ รม

บรรณานุกรม หรือ bibliography เปนการเขียนชื่อเอกสาร หนังสือที่ใชประกอบการ
เขียนจะเขียนไวหนา หลัง ๆ โดยมวี ัตถปุ ระสงคเพอ่ื
1. แสดงรายช่ือเอกสาร หนงั สอื ท่ีใชป ระกอบการเขยี น
2. ผเู รียนสนใจท่จี ะศึกษาเพ่มิ เตมิ จะสามารถศกึ ษาจากรายช่อื ดังกลาวได

บรรณานุกรมภาษาอังกฤษจะเริ่มดวยชื่อผูแตงโดยจะมีการเรียงลําดับอักษรจาก A – Z
ตามดวยช่อื หนังสอื สถานที่พิมพ สาํ นักพมิ พ และปท ่ีพิมพ

บรรณานกุ รมบางเลม จะมเี ลม ที,่ จาํ นวนเลม และคร้ังท่ีพิมพดวย

ตัวอยา ง บรรณานุกรม เชน
Beeler, Sammuel C. Understanding Your Car. Illinois : McKnight &
McKnight Publishing Co, 1990
หมายถึง Beeler, Sammuel C. เขียนหนังสือช่ือ Understanding Your Car. พิมพ
ทร่ี ัฐ Illinois โดยสํานกั พมิ พ McKnight & McKnight Publishing เม่ือป ค.ศ.1990
Perazzo, James. Practical Electronics Troubleshooting. New York : Delmar
Publishers, 1992.
หมายถึง Perazzo, James ไดเขียนหนังสือชื่อ Practical Electronics
Troubleshooting พิมพท ่ี New York โดยสาํ นักพมิ พ Delmar Publishers เมื่อป ค.ศ.1992

Lauer, J.M., and other. Four worlds of Writing. 2nd. New York : Harper
& Row, 1985.

หมายถึง Lauer, J.M., และคนอื่น ๆ ไดเขียนหนังสือเร่ือง Four worlds of Writing
พมิ พค รง้ั ที่ 2 พิมพท ่ี New York โดยสาํ นกั พมิ พ Harper & Row เมือ่ ป ค.ศ.1985.

38

กิจกรรมท่ี 12
ใหผ ูเรียนอธบิ ายบรรณานุกรมตอไปน้ี

ตัวอยาง เชน Collins Cobuild. English Language Dictionary. London :
Collins Publishers, 1992.

หมายถึง Collins Cobuild เขียน English Language Dictionary พิมพที่ London
โดยสํานกั พิมพ Collins Publishers เม่อื ป ค.ศ.1992

1. Callender, John Hancock. Time – Saver Standards : A Handbook of
Architectural Design. New York : McGraw – Hill, 1990.
_______________________________________________________________________________
_______________________________________________________________________________
_______________________________________________________________________________
_______________________________________________________________________________

2. Coren, Richard L., Basic Engineering Electromagnetic. New Jersey : Prentice –
Hill, 1989.
_______________________________________________________________________________
_______________________________________________________________________________
_______________________________________________________________________________
_______________________________________________________________________________

3. Ladd, James. A Job in the Factory. Singapore : Pitman Scope Books, 1992.
_______________________________________________________________________________
_______________________________________________________________________________
_______________________________________________________________________________
_______________________________________________________________________________

39

4. Leeming, D.J. and Hartly., R.Heavy Vehicle Technology. London : Hutchinson,
1981.
_______________________________________________________________________________
_______________________________________________________________________________
_______________________________________________________________________________
_______________________________________________________________________________

5. Stephenson, George E., Power Technology. New York : Delmar Publishers
Inc., 1989.
_______________________________________________________________________________
_______________________________________________________________________________
_______________________________________________________________________________
_______________________________________________________________________________

40

ในการเขียนอางอิงเอกสารและหนังสือบางเลมจะใชตัวยอ ซ่ึงผูเรียนจะพบไดในเชิงอรรถ
หรือบรรณานุกรม

คาํ ยอตาง ๆ มดี ังนี้

คํายอ คาํ เตม็ ความหมาย หมายเหตุ
comp. compiler ผรู วบรวม พหพู จนใช comps
ed. editor บรรณาธิการ พหพู จนใช eds.
edited by ผูจัดพมิ พ, จัดพมิ พโ ดย
enl. ed. enlarged edition ฉบับพมิ พใ หม, มกี ารเพ่ิมเติม ภาษาไทยใช ม.ป.พ.
rev. ed. revised edition ฉบบั พมิ พใหม, มีการแกไข ภาษาไทยใช ม.ป.ท.
2nd. ed second edition พมิ พคร้งั ท่ี 2 หลายหนา ใช pp.
3rd. ed. third edition พมิ พคร้งั ท่ี 3
et. al. et alii และคนอนื่ ๆ (and others)
ibid. ibidem เร่ืองเดยี วกัน (in the same place)
n.d. no date ไมป รากฏปที่พมิ พ
n.p. no place ไมปรากฏสถานท่พี มิ พ
p. page หนา
vol. volume เลม ที่ (เชน vol.4)
vols. volumes จาํ นวนเลม (เชน 4 vols.)


Click to View FlipBook Version