1
วิทยาศาสตร์ ม.3 เทอม 1
หน่วยท่ี 1 วทิ ยาศาสตรก์ บั การแก้ปญั หา
หน่วยที่ 2 พนั ธุศาสตร์
บทท่ี 1 การถา่ ยทอดลกั ษณะทางพันธกุ รรม
หนว่ ยที่ 3 คลืน่ และแสง
บทที่ 1 คล่ืน
บทท่ี 2 แสง
หน่วยที่ 4 ระบบสรุ ิยะของเรา
บทที่ 1 ปฏสิ ัมพนั ธ์ในระบบสรุ ิยะ
เพจวทิ ยาศาสตร์ ประถม ม.ตน้ 2
บทท่ี 1 คล่นื
เรื่องที่ 1 คล่ืนกล
ทบทวนความรกู้ อ่ นเรยี น
1. เมอื่ เปดิ สวติ ชใ์ หห้ ลอดไฟฟ้าสว่าง จะเขียนลูกศร
แสดงทศิ ทางการเคลื่อนทขี่ องแสงทีอ่ อกจากหลอดไฟฟ้าไดอ้ ยา่ งไร
2. เม่อื สนั่ กระดิ่งใหเ้ กิดเสยี งดัง จะเขียนลูกศรแสดงทิศทาง
การเคล่อื นท่ีของเสียงทีอ่ อกจากกระดงิ่ ได้อยา่ งไร
เพจวทิ ยาศาสตร์ ประถม ม.ต้น 3
บทที่ 1 คลื่น
เมื่อปล่อยกอ้ นหนิ ลงในนา้ นิง่ พลังงานจลนข์ องก้อนหนิ จะถ่ายโอนไปสู่อนุภาคของนา้ บริเวณที่กอ้ น
หินกระทบเกิดเปน็ รวิ คลน่ื แผ่ออกไปบนผิวนา้ รอบ ๆ
เพจวิทยาศาสตร์ ประถม ม.ตน้ 4
บทท่ี 1 คล่ืน
คล่นื กล (Mechanical Wave) คือคลืน่ ท่ีส่งผ่านพลังงานกลจากบรเิ วณหน่ึงไปยังอีกบรเิ วณหน่งึ
โดยอาศยั ตัวกลางซง่ึ อนุภาคตัวกลางไม่ไดเ้ คลอ่ื นท่ีไปตามคลื่นดว้ ย
คลืน่ กลแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
1. คลื่นตามขวาง (Transverse Wave) อนุภาคตัวกลางจะเคลื่อนทีใ่ นแนวตงั ฉากกับทศิ
การเคลอ่ื นทขี่ องคล่ืน
2. คลืน่ ตามยาว (Longitudinal Wave) อนุภาคตัวกลางจะเคลอ่ื นทก่ี ลับไปกลับมาใน
แนวเดียวกับทิศทางการเคลื่อนทข่ี องคลื่น
*อนุภาคของตวั กลางเคลอื่ นทก่ี ลบั ไปมาครบ 1 รอบ จะเกดิ คลนื่ ไดจ้ า้ นวน 1 ลูกคลื่นพอด*ี
เพจวิทยาศาสตร์ ประถม ม.ตน้ 5
บทที่ 1 คลน่ื
คล่นื กล (Mechanical Wave) แบ่งออกเปน็ 2 ประเภท คอื2. คล่นื ตามยาว
1. คลื่นตามขวาง
เพจวทิ ยาศาสตร์ ประถม ม.ตน้ 6
บทท่ี 1 คล่ืน
ทดสอบความเข้าใจ เมอื่ นกั เรียนใชด้ ินสอแตะทผ่ี วิ หนา้ ของน้าท่ีจุด A นักเรยี นจะสงั เกตเหน็
คลน่ื เคล่อื นที่จากจดุ A ไป B และพบวา่ เมด็ โฟมท่ีอยบู่ นผิวน้าเคลื่อนท่ขี นึ ลงในแนวดง่ิ ดงั ภาพ
1. ถ้าพิจารณาทศิ ทางการเคลอื่ นที่ของคลื่นและทิศทางการเคล่ือนท่ขี องอนุภาคของตัวกลาง คล่ืนดังกลา่ วจัดเป็นคล่นื
ประเภทใด เพราะเหตุใด
2. ถ้าพบวา่ ในเวลา 5 วินาที เมด็ โฟมเคลอ่ื นท่ีขนึ ลงครบ 8 รอบพอดี ในชว่ งเวลาดังกลา่ ว 7
เกิดคล่นื ขึนทังหมดกี่ลูกคล่ืน
เพจวิทยาศาสตร์ ประถม ม.ตน้
บทท่ี 1 คลืน่
สนั คลนื่ (Crest) คอื จุดที่อนุภาคเคล่ือนท่ขี ึนไปท่ีตา้ แหน่งสงู สุด
ท้องคล่นื (Trough) คอื จดุ ท่ีอนภุ าคเคลื่อนทล่ี งไปท่ตี า้ แหน่งต่า้ สดุ
แอมพลิจดู (Amplitude) คือ ความสูงของทอ้ งคลืน่ หรือสันคล่ืนที่วดั จากเสน้ แนวปกติ (หนว่ ยเมตร)
เพจวิทยาศาสตร์ ประถม ม.ตน้ 8
บทที่ 1 คลืน่
ความยาวคลน่ื (Wavelength) (λ) คอื ระยะทางท่คี ล่นื เคลอื่ นที่เม่ือตัวกลางสัน่ ครบ 1 รอบ (เมตร)
เพจวทิ ยาศาสตร์ ประถม ม.ต้น 9
บทที่ 1 คลืน่
ทดสอบความเข้าใจ คลืน่ ท่เี กดิ ขึนบนผิวน้าแหง่ หน่งึ เปน็ ดงั ภาพ
1. สันคลืน่ และทอ้ งคลื่นอยตู่ า้ แหน่งใด
2. คล่นื ทเี่ กิดขนึ มแี อมพลิจดู และความยาวคลน่ื เปน็ เทา่ ใด
เพจวิทยาศาสตร์ ประถม ม.ตน้ 10
บทที่ 1 คลืน่
แอมพลิจดู ของคลื่นจะขนึ อยกู่ บั พลงั งานท่ีใชใ้ นการรบกวนตัวกลาง
1. รบกวนตัวกลางของคลืน่ ดว้ ยพลงั งานนอ้ ย คลื่นมแี อมพลิจดู ต้า่
2. รบกวนตวั กลางของคลน่ื ดว้ ยพลงั งานมาก คลน่ื มแี อมพลิจดู สงู
เพจวิทยาศาสตร์ ประถม ม.ต้น 11
บทที่ 1 คล่ืน
ความถ่ี (Frequency) (f) คอื จ้านวนรอบทต่ี ัวกลางสัน่ ครบรอบหรอื จ้านวนลกู คลน่ื ที่เคล่ือนทผ่ี า่ นจุด
จดุ หนง่ึ ในตวั กลางใน 1 วินาที (รอบต่อวนิ าที = เฮริ ตซ์ (Hz))
เพจวิทยาศาสตร์ ประถม ม.ตน้ 12
บทท่ี 1 คล่ืน
การทา้ ใหต้ วั กลางสนั่ ดว้ ยความถที่ แี่ ตกตา่ งกนั
ทา้ ใหต้ ัวกลางส่ันดว้ ยความถี่นอ้ ย
คล่ืนมีความถตี่ า่้ ความยาวคล่นื มาก
ทา้ ใหต้ ัวกลางสัน่ ดว้ ยความถม่ี าก
คล่นื มีความถ่ีสงู ความยาวคลน่ื สนั
เพจวทิ ยาศาสตร์ ประถม ม.ตน้ 13
บทท่ี 1 คลื่น
ทดสอบความเขา้ ใจ นักเรยี นใชด้ นิ สอแตะผวิ หน้าของน้าที่จดุ A แลว้ สังเกตพบว่าเกิดคลน่ื
เคลื่อนทีจ่ ากจุด A ไปจดุ B และพบวา่ เมด็ โฟมทอี่ ยู่บนผวิ น้าเคล่ือนท่ีขึนลงในแนวดง่ิ ดังภาพ
ถ้าพบว่าในเวลา 5 วินาที เม็ดโฟมเคลอ่ื นทข่ี ึนลงครบ 8 รอบพอดี คลืน่ ดังกลา่ วมคี วามถเี่ ทา่ ใด
เพจวิทยาศาสตร์ ประถม ม.ตน้ 14
บทที่ 1 คลน่ื
ทดสอบความเขา้ ใจ นักเรียนสะบัดสปริงอย่างตอ่ เน่อื งใหเ้ กิดคลืน่ ตามขวาง เม่อื เวลาผา่ นไป
2 วินาที สงั เกตคล่ืนในสปรงิ ทเ่ี กิดขนึ เปน็ ดังภาพ คล่ืนดงั กล่าวมีความถีเ่ ทา่ ใด
เพจวิทยาศาสตร์ ประถม ม.ตน้ 15
บทท่ี 1 คลนื่
เรื่องที่ 2 คลื่นแมเ่ หลก็ ไฟฟา้
คล่ืนแมเ่ หล็กไฟฟา้ (Electromagnetic Wave) คือคลน่ื ทีส่ ่งผ่านพลงั งานจากบริเวณหนงึ่ ไปยัง
อีกบริเวณหน่ึงโดยไมอ่ าศัยตวั กลางแตจ่ ะอาศัยการเหน่ยี วน้าสนามแม่เหล็กและสนามไฟฟ้า
สเปกตรมั ของคล่นื แม่เหล็กไฟฟา้ เกดิ จากคล่นื แม่เหลก็ ไฟฟ้าแบง่ ออกเปน็ ชว่ งความถตี่ า่ ง ๆ
เพจวิทยาศาสตร์ ประถม ม.ต้น 16
บทท่ี 1 คลน่ื
ตวั อยา่ งการใชป้ ระโยชน์จากคลนื่ แม่เหลก็ ไฟฟา้
เพจวทิ ยาศาสตร์ ประถม ม.ตน้ 17
บทท่ี 2 แสง
เร่อื งท่ี 1 การสะท้อนของแสง ทบทวนความรู้ (ถูกหรอื ผิด)
1.1 การมองเหน็ วัตถทุ ี่เป็นแหลง่ กา้ เนิดแสงเพราะมีแสงจากวตั ถนุ ันเข้าสู่ตาโดยตรง
1.2 การมองเห็นวตั ถทุ ีไ่ ม่ใช่แหล่งกา้ เนิดแสง ตอ้ งมีแสงจากแหลง่ ก้าเนดิ แสงไปตกกระทบวัตถแุ ล้ว
สะท้อนเข้าตา
2. จากภาพ มุม A มมุ B และ มุม C มีคา่ เทา่ ใดตามลา้ ดบั
มมุ A =
มมุ B =
มุม C =
เพจวิทยาศาสตร์ ประถม ม.ตน้ 18
บทท่ี 2 แสง
ถา้ ฉายลา้ แสงเลก็ ๆ ลงบนกระจกเงาราบ จะพบวา่ ลา้ แสงจะสะทอ้ นออกจากผวิ ของกระจกเงาราบนนั
เพจวทิ ยาศาสตร์ ประถม ม.ต้น 19
บทท่ี 2 แสง
การสะทอ้ นของล้าแสงเมอื่ ตกกระทบกระจกเงาราบ กา้ หนดให้
i แทน รังสตี กกระทบ ซง่ึ เปน็ รงั สขี องแสงทตี่ กกระทบ
ผิวสะท้อนแสง
r แทน รังสีสะท้อน ซ่ึงเป็นรงั สีของแสงทสี่ ะทอ้ นออกจาก
ผิวสะทอ้ นแสง
N แทน เส้นแนวตังฉาก ซึ่งเป็นเสน้ สมมติที่ลากตังฉากกบั
ผวิ สะท้อนแสง ณ จดุ ทีแ่ สงตกกระทบ
θi แทน มุมตกกระทบ ซง่ึ เป็นมุมระหว่างรงั สีตกกระทบ
กบั เสน้ แนวตังฉาก
θr แทน มุมสะทอ้ น ซึ่งเปน็ มุมระหว่างรงั สีสะทอ้ น
กบั เส้นแนวตังฉาก
เพจวิทยาศาสตร์ ประถม ม.ตน้ 20
บทท่ี 2 แสง
ทดสอบความเขา้ ใจ
1. จากภาพ รงั สหี มายเลข 1 และ 2 2. จากภาพมมุ สะทอ้ นคอื หมายเลขใด ทราบไดอ้ ย่างไร
คอื รังสอี ะไร ทราบไดอ้ ย่างไร
เพจวิทยาศาสตร์ ประถม ม.ต้น 21
บทที่ 2 แสง
กฎการสะท้อน (Law of Reflection) มี 2 ข้อ ดงั นี
1. รังสีตกกระทบ เสน้ แนวตังฉาก และรงั สีสะท้อนอยูใ่ นระนาบเดยี วกัน
2. มมุ ตกกระทบเทา่ กบั มมุ สะทอ้ น ณ ตา้ แหน่งที่แสงตกกระทบ
เพจวทิ ยาศาสตร์ ประถม ม.ตน้ 22
บทท่ี 2 แสง
ตวั อยา่ งการสะทอ้ นของแสงเมอ่ื ตกกระทบกบั วตั ถผุ วิ เรยี บและผวิ ขรุขระ
เพจวิทยาศาสตร์ ประถม ม.ตน้ 23
บทที่ 2 แสง
ทดสอบความเข้าใจ
เมื่อฉายล้าแสงเลก็ ๆ ให้ตกกระทบกระจกเงาราบ โดยรังสตี กกระทบทา้ มมุ กับกระจกเงาราบดงั ภาพ ก) และ
ข) เขยี นเสน้ แนวฉากและรงั สสี ะทอ้ นเมื่อแสงกระทบกระจกแตล่ ะบานไดอ้ ยา่ งไร และมมุ ตกกระทบและมุมสะทอ้ นของ
กระจกแตล่ ะบานมีค่าเท่าใด
ก) กระจกเงาราบ ข) กระจกเงาราบ 2 บานทท่ี ้ามุมกนั 45 องศา
เพจวทิ ยาศาสตร์ ประถม ม.ต้น 24
บทที่ 2 แสง
ระยะวตั ถุ (Object Distance) คอื ระยะห่างจากผวิ ของแผ่นสะท้อนแสงถึงต้าแหน่งของวตั ถุ
ระยะภาพ (Image Distance) คือ ระยะหา่ งจากผิวสะท้อนแสงถงึ ต้าแหนง่ ภาพ
ภาพทเี่ กดิ จากการสะทอ้ นแสงของแผน่ สะทอ้ นแสงผวิ ราบจะมขี นาดของภาพเท่ากบั ขนาดของวัตถุเสมอ
เพจวิทยาศาสตร์ ประถม ม.ต้น 25
บทท่ี 2 แสง
ภาพเสมอื น (Virtual Image) เกิดจากแนวรงั สีสะท้อนไปตัดกนั หลงั กระจกเงาราบ โดยที่รงั สีสะท้อน
ไมไ่ ดต้ ดั กนั จริง
- ภาพทเ่ี กดิ ขึนจะอย่หู า่ งจากกระจกเท่ากบั
ระยะหา่ งจากวัตถุถงึ กระจก
จงึ ทา้ ให้ไดภ้ าพทม่ี ขี นาดเท่ากบั ขนาดวัตถุ
ตวั อยา่ งการเขียนรงั สีของแสงแสดงการเกดิ ภาพในกระจกเงาราบของวตั ถทุ เ่ี ปน็ จดุ
เพจวทิ ยาศาสตร์ ประถม ม.ตน้ 26
บทท่ี 2 แสง
ตวั อยา่ งการเขยี นรังสขี องแสงแสดงการเกดิ ภาพในกระจกเงาราบของวตั ถทุ ี่มขี นาด
เพจวิทยาศาสตร์ ประถม ม.ตน้ 27
บทที่ 2 แสง
ตวั อยา่ งการหาตา้ แหนง่ ของภาพและลกั ษณะของภาพ
1. วางเทียนไขหน้ากระจกเงาราบ
2. ลากรงั สขี องแสงเสน้ หน่งึ จากปลายเปลวเทียนไขใหต้ กกระทบกระจก
ทา้ มุมฉากกบั ระนาบกระจกเงาราบหรือมมุ ตกกระทบเปน็ 0๐
เพจวทิ ยาศาสตร์ ประถม ม.ตน้ 28
บทที่ 2 แสง
ตวั อยา่ งการหาตา้ แหนง่ ของภาพและลกั ษณะของภาพ
3. รังสีของแสงจะสะทอ้ นออกมาในแนวเดมิ หรอื มมุ สะทอ้ นเปน็ 0๐
4. ลากรงั สขี องแสงอกี เส้นหนึ่งจากปลายเปลวเทยี นไขให้ตกกระทบกระจก
ท้ามุมใด ๆ กบั ระนาบกระจกเงาราบ
เพจวิทยาศาสตร์ ประถม ม.ตน้ 29
บทที่ 2 แสง
ตวั อยา่ งการหาตา้ แหนง่ ของภาพและลกั ษณะของภาพ
5. เขียนเสน้ แนวฉาก ณ จุดท่ีแสงตกกระทบ วัดขนาดของมุมตกกระทบ (θi)
6. รงั สขี องแสงจะสะทอ้ นจากกระจกด้วยมมุ สะท้อน (θr) ท่เี ท่ากับมุมตกกระทบ
เพจวิทยาศาสตร์ ประถม ม.ตน้ 30
บทท่ี 2 แสง
ตวั อยา่ งการหาตา้ แหนง่ ของภาพและลกั ษณะของภาพ
7. ลากเสน้ ประต่อแนวของรังสีสะท้อนทังสองเสน้ มาด้านหลังกระจก เสน้ ประ
ทังสองเสน้ จะตดั กนั ท่จี ุดจุดหน่งึ จุดทแี่ นวรงั สีสะทอ้ นเสมือนตดั กันจะเปน็
ต้าแหนง่ ของภาพเสมอื น ภาพทเ่ี กดิ ขนึ จงึ เป็นภาพเสมือนของปลายเปลวเทียน
8. การหาตา้ แหนง่ ของภาพสว่ นอน่ื ๆ ของเทยี นไข เช่น ฐานเทียนไข
กท็ า้ ไดใ้ นท้านองเดยี วกัน
เพจวทิ ยาศาสตร์ ประถม ม.ตน้ 31
บทที่ 2 แสง
ตวั อยา่ งการหาตา้ แหนง่ ของภาพและลกั ษณะของภาพ
9. ภาพของเทยี นไขทีเ่ กดิ ขึนในกระจกจึงเป็นภาพเสมอื น ขนาดภาพเท่ากับ
ขนาดวัตถแุ ละระยะภาพเทา่ กบั ระยะวัตถุ
เพจวทิ ยาศาสตร์ ประถม ม.ตน้ 32
บทที่ 2 แสง
ตัวอยา่ งการใชป้ ระโยชน์จากกระจกเงาราบ
เพจวิทยาศาสตร์ ประถม ม.ตน้ 33
บทท่ี 2 แสง
กระจกเงาเวา้ (Concave Mirror) คอื กระจกเงาที่ใชผ้ ิวโคง้ เวา้ เปน็ ผิวสะทอ้ นแสง
กระจกเงานูน (Convex Mirror) คอื กระจกเงาทีใ่ ชผ้ ิวโค้งนนู เปน็ ผวิ สะท้อนแสง
จดุ ศูนยก์ ลางความโค้ง คือ ผิวโค้งของทรงกลมมจี ดุ ศนู ยก์ ลางของทรงกลมท่ตี ้าแหน่ง C
จุดยอด คือ จดุ ทอ่ี ยบู่ ริเวณก่งึ กลางบนผวิ โค้งทีต่ า้ แหน่ง V
รศั มีความโคง้ ของกระจก คือ ระยะจากจุด V ถึงจุด C
เพจวิทยาศาสตร์ ประถม ม.ตน้ 34
บทที่ 2 แสง
จุดโฟกัส (Focus Point) แทนด้วยสญั ลักษณ์ F คอื มมุ ตกกระทบเทา่ กับมมุ สะทอ้ น ท้าให้แสง
สะทอ้ นไปรวมกันทจี่ ุดจุดหนง่ึ
จุดโฟกัสเสมอื น (Virtual Focus Point) แทนดว้ ยสญั ลักษณ์ f คอื เส้นประด้านหลังของกระจกทีไ่ ป
ตัดกนั ทจ่ี ุดจุดหน่ึง
เพจวิทยาศาสตร์ ประถม ม.ตน้ 35
บทท่ี 2 แสง
ทดสอบความเขา้ ใจ เม่อื ฉายล้าแสงเลก็ ๆ ตกกระทบแผน่ สะท้อนแสงผวิ โค้งแบบตา่ ง ๆ ดังภาพ
จงเขียนเสน้ แนวฉาก แนวรังสสี ะท้อนในแต่ละกรณไี ด้อย่างไร และมมุ ตกกระทบและมุมสะทอ้ นมคี า่ เทา่ ใด
เพจวทิ ยาศาสตร์ ประถม ม.ต้น 36
บทที่ 2 แสง
ภาพจรงิ เกดิ จากรังสสี ะทอ้ นตัดกนั จรงิ
ภาพเสมือน เกิดจากการตอ่ แนวรงั สีสะท้อนใหต้ ดั กัน
เพจวทิ ยาศาสตร์ ประถม ม.ตน้ 37
บทท่ี 2 แสง
ตัวอยา่ งการเขยี นแผนภาพรงั สขี องแสง
เพจวทิ ยาศาสตร์ ประถม ม.ตน้ 38
บทท่ี 2 แสง
ตัวอยา่ งการเขยี นแผนภาพรงั สขี องแสง
เพจวทิ ยาศาสตร์ ประถม ม.ตน้ 39
บทท่ี 2 แสง
ตัวอยา่ งการเขยี นแผนภาพรงั สขี องแสง
เพจวทิ ยาศาสตร์ ประถม ม.ตน้ 40
บทท่ี 2 แสง
ตวั อยา่ งการเขยี นแผนภาพ กรณีรงั สตี กกระทบ 2 เส้น เป็นรังสตี กกระทบทขี่ นานกบั แกน
มุมส้าคญั และรงั สีตกกระทบทผ่ี า่ นจดุ โฟกสั
เพจวิทยาศาสตร์ ประถม ม.ต้น 41
บทที่ 2 แสง
ตวั อยา่ งการเขยี นแผนภาพ กรณรี ังสตี กกระทบ 2 เส้น เป็นรังสตี กกระทบทผี่ า่ นศนู ยก์ ลาง
ความโคง้ และรงั สตี กกระทบท่ผี า่ นจดุ โฟกสั
เพจวทิ ยาศาสตร์ ประถม ม.ตน้ 42
บทท่ี 2 แสง
ทดสอบความเขา้ ใจ ถ้าวางเทียนไขไว้หน้ากระจกเงาเว้าและกระจกเงานนู ดังภาพ
เขียนแผนภาพรงั สขี องแสงเพือ่ หาต้าแหน่ง ชนิดและลักษณะภาพของเทียนไขไดอ้ ย่างไร
เพจวิทยาศาสตร์ ประถม ม.ต้น 43
บทท่ี 2 แสง
การใชป้ ระโยชนข์ องกระจกนนู
เพจวิทยาศาสตร์ ประถม ม.ต้น 44
บทที่ 2 แสง
การใชป้ ระโยชนข์ องกระจกเงาเวา้
เพจวทิ ยาศาสตร์ ประถม ม.ตน้ 45
บทที่ 2 แสง
เรอ่ื งท่ี 2 การหกั เหของแสง ทบทวนความรู้กอ่ นเรยี น
เติมค้าเหล่านลี งในชอ่ งวา่ งใหถ้ ูกต้อง
ตวั กลางโปรง่ ใส ตัวกลางโปรง่ แสง วัตถุทึบแสง
1. เมอ่ื แสงกระทบกระเบอื ง แสงไมส่ ามารถทะลุผา่ นไปได้แต่จะเกดิ การสะทอ้ น กระเบืองจึงจดั เป็น
...........................................
2. เราสามารถมองเห็นวัตถุทอ่ี ย่หู ลังกระจกใสได้อย่างชัดเจน กระจกใสจัดเปน็ ....................................
3. แสงสามารถเคล่อื นทผ่ี า่ น.......................................... และ ...............................................
แต่ไมส่ ามารถเคลื่อนท่ีผา่ น......................................... ได้
เพจวิทยาศาสตร์ ประถม ม.ตน้ 46
บทท่ี 2 แสง
การหกั เหของแสง (Refraction of Light) เกดิ ขนึ เมือ่ แสงเคลอ่ื นท่ผี า่ นจากตวั กลางหนึ่งไปยังอีกตัวกลางหน่งึ โดย
จะเกดิ ทบ่ี ริเวณรอยต่อระหว่างตวั กลาง
มุมตกกระทบ คือ มุมทร่ี งั สตี กกระทบท้ากบั
เสน้ แนวฉาก
มุมหกั เห คือ มุมท่ีรังสหี กั เหทา้ กับเส้นแนวฉาก
รงั สีตกกระทบ คอื รังสขี องแสงที่ผ่านเขา้ ไปในตวั กลางท่ี 1
รังสหี กั เห คอื รังสขี องแสงทผ่ี ่านเข้าไปในตัวกลางที่ 2
เสน้ แนวตงั ฉาก คือเสน้ ตังฉากกับผวิ รอยตอ่ ณ จดุ ทีแ่ สงตกกระทบ
เพจวทิ ยาศาสตร์ ประถม ม.ตน้ 47
บทท่ี 2 แสง
ตวั อย่างการหกั เหของแสง 2 ครงั เม่ือแสงเคลอ่ื นทเ่ี ขา้ และออกจากแทง่ พลาสตกิ
เพจวิทยาศาสตร์ ประถม ม.ตน้ 48
บทท่ี 2 แสง
ตาราง อตั ราเรว็ ของแสงในตัวกลางโปรง่ ใสชนดิ ตา่ ง ๆ
เพจวทิ ยาศาสตร์ ประถม ม.ตน้ 49
บทที่ 2 แสง
แสงเคลอ่ื นทจี่ ากตวั กลางท่แี สงมอี ัตราเรว็ มากไปยงั ตวั กลางทแี่ สงมีอตั ราเรว็ น้อย
รงั สีหกั เหจะเบนเขา้ หาเสน้ แนวฉาก
เพจวิทยาศาสตร์ ประถม ม.ต้น 50