The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

โครงการออกแบบหนังสือภาพถ่ายเชิงสารคดีเรื่อง “ผืนภู” อนุรักษ์ภูพานผ่านผืนผ้าย้อมคราม

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Kritsanaphong Tong, 2024-03-22 06:21:51

PHUEN BHU.

โครงการออกแบบหนังสือภาพถ่ายเชิงสารคดีเรื่อง “ผืนภู” อนุรักษ์ภูพานผ่านผืนผ้าย้อมคราม

4 3


“ เห็นเศษผ้ามันเยอะ ไม่รู้จะทำยังไง ก็คิดว่าเอามา ต่อแบบนี้จะได้มั้ย พอต่อออกมาก็เอาไปให้เขาดู ก็ ลองทำขึ้นมาดูชิ้นนั้นชิ้นนี้ เขาก็ว่าโอเค ป้าก็คิด เอาเอง เสื้อผ้าก็ดี ทำผ้าถุงให้เขาด้วยก็ดี ป้าจะทำ อยู่สักสองตัว ที่มาทำ เนี่ยมันเป็นธุรกิจของหลาน อยากช่วยหลาน เขาบอกจะเอาไปรีไซเคิลก็เอาไป ไม่หมดสักทีเลยเอามาต่อ เศษผ้ากองอยู่ในบ้านก็ เยอะมาก ”


45


4 7


“ เย็บเศษผ้า ป้าก็คิดเองทำ เอง เศษผ้า ชิ้นใหญ่ชิ้นเล็กก็โต้ไป ทำ เหมือนเสื้อที่ทำ อยู่ ทำ ไปตามความคิดที่ตัวเองคิดออกมา ไม่ได้มีแบบให้ดู ทำ เสร็จแล้วก็เอาไปให้ เขาดู เขาก็ว่าสวยอยู่ ก็ทำ ไป เขาสั่งก็ไม่ ได้เยอะหรอก ทำ พอให้เขาได้ขายไม่ได้ทำ เยอะเท่าไหร่ เขาก็ไม่ได้บังคับเรา เราทำ ได้ แค่ไหนเขาก็เอา ตามกำลังคนแก่ แต่ก็นะ อยากทำ เราแก่แล้วไปทำ งานไหนไม่ได้เรา ก็ทำอยู่บ้าน เขาก็ให้ทำอยู่บ้าน ไม่ได้ไปทำ ที่อื่น สะดวกอยู่ เวลาเราไม่มีเงิน ขอร้อง เขาช่วยเขาก็ช่วยได้ ถ้ามีงานเขาก็เอามา ให้ทำ ถ้าไม่มีป้าก็ต่อเศษผ้านี่แหละ ”


49


“ ย้อมผ้าหรือการทำ งาน จะให้เป็นไปตามอารมณ์ ความรู้สึก และ ตาที่เรามองเห็น พี่เหมี่ยวก็เลยให้สังเกตเวลาเข้าป่า ฤดูกาลนี้ บรรยากาศมันเป็นยังไง ตาเรามองเห็นยังไง แล้วสีตรงหน้าเราเป็นสี อะไร เวลามาย้อมก็จะใช้ความรู้สึกที่มันอยู่ในหัวเรา จะพยายามให้ ได้สีแบบนี้นะ ที่เราเห็นมา พยายามให้มันได้ แล้วอารมณ์ที่เราทำสี ตอนนั้น ความรู้สึกมันมานะ อากาศร้อน หนาว มันอยู่ในอารมณ์ใน การย้อมทุกครั้งหมดเลย ”


5 1 พี่ เจน - เจนจิรา อุทุมกา ช่างย้อมฝ้ ายปั กแบรนด์ภูคราม


53 “ เวลาทำ งาน เราแค่คิดว่าอยากรู้สึกสนุก คิดว่าตัว เองเป็นแม่มด เพราะว่าเวลาที่จะย้อมผ้าจะมีหม้อ มีนํ้าแล้วก็มีพวกเครื่องปรุงที่มีอยู่แล้ว พวกเกลือ พวกสารส้ม เวลาจะย้อมผ้าเราจะมีภาพในหัวอยู่ แล้วว่าเราอยากได้สีอะไร แล้วเราก็จะปรุงหม้อไป เหมือนแม่มดน้อย ปรุงไปเคี่ยวไปเรื่อย ๆ แล้วพอ มันได้สีที่เราต้องการแล้ว มันก็เหมือนเราปรุงยา สำ เร็จ แต่พอบางครั้งที่เราพยายามปรุงแล้วมันไม่ สำ เร็จมันเหมือนเป็นยาพิษ แต่สุดท้ายแล้วไม่ว่าจะ เป็นยาพิษหรือสีที่เราถูกใจ สุดท้ายช่างเขาก็เอาไป เชื่อมต่อในงานเขาได้อยู่ดี ”


55


5 7


59 BHUKRAMTONE สีสันภูคราม


A A, คราม สีโทนนํ้าเงิน ซึ่งได้มาจากการนำกิ่งครามทั้งใบ มาแช่นํ้าด่าง เพื่อหมักเอานํ้าครามมาย้อมจน ได้เป็นสีนํ้าเงินเข้ม ความเข้มของสีจะแตกต่าง กันไปแล้วแต่จำ นวนครั้งในการย้อม


6 1


B C D E B, ใบมะม่วง D, เข C, แก่นขนุน E, เพกา ให้สีโทนเหลือง-นํ้าตาล ถ้านำ ไปชุบ สารช่วยย้อมจะได้เฉดสีที่เพิ่มขึ้น และใบมะม่วงชนิดต่าง ๆ ก็อาจให้สี ที่แตกต่างกันไป ทั้งสีเหลือง เหลือง อมเขียว และสีนํ้าตาล แต่ก็ยังเป็น เฉดสีที่ใกล้เคียงกันทั้งหมด ภาคกลางเรียกว่า แกแล ส่วนที่ให้ สีจะเป็นเปลือกและแก่นของต้น สี ที่ย้อมด้วยเข โดยใช้สารส้มเป็นตัว ช่วยติดสีจะได้เป็นสีเหลือง หรือเรียกอีกอย่างว่า “กรัก” ได้มา จากต้นขนุนที่พบเห็นได้ทั่วไป ให้ สีเหลืองแก่ หรือสีกรัก นอกจากนี้ ส่วนของใบและรากขนุน ก็ให้โทน สีเหลืองหรือเหลืองเขียวได้เช่นกัน สีสันอาจแตกต่างกันขึ้นอยู่กับสาร ช่วยย้อม เพกา หรือลิ้นฟ้า จะใช้เปลือกสด และเปลือกแห้งในการย้อมสีก็ได้ หากใช้เปลือกสดกับสารส้มช่วยย้อม จะให้สีเหลืองสดใส แต่ถ้าต้องการ โทนสีเขียว อาจใช้สารติดสีจำ พวก โซเดียมคาร์บอเนต นํ้าสนิมเหล็ก หรือจุนสีลงไปขณะย้อม


63


B C D E A


65 พืชที่ให้สีโทนเหลืองบางชนิดก็อาจจะให้สีในโทนเขียวได้อยู่แล้ว แต่สีของภูคราม นั้น ช่างย้อมต่างสร้างสรรค์สีใหม่ ๆ ออกมาได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด จากการเลือก ผสมวัตถุดิบที่ให้สีต่างกัน เหมือนกับการผสมสีนํ้าระบายพู่กัน โทนสีเขียวของภู ครามจึงมีความสวยงามและหลากหลาย จากการนำ พืชที่ให้สีเหลืองและสีนํ้าเงิน มาผสมกัน


F G F, ประดู่ G, ตะคร้อ เปลือกต้นใช้สกัดทำสีย้อมจะได้สีนํ้า ตาล โทนสีนํ้าตาลจนกระทั่งชมพู ส่วน หนึ่งของภูครามได้มาจากต้นประดู่ สามารถใช้ได้ทั้งส่วนเปลือกและ แก่น โดยส่วนเปลือกจะให้สีนํ้าตาล แก่นจะให้สีแดงแก่


6 7


H H, มะเกลือ ผลของมะเกลือให้สีดำสนิท เมื่อย้อมหลายหน จนสีติดดีแล้ว สีจะไม่ตก ยิ่งถูกแดดยิ่งดำ ผ้าที่ ย้อมจะมีคุณภาพดี


69


7 1 “ เวลาย้อมฝ้าออกมาก็เลยพยายามคิดถึงช่างด้วย คิดว่าเออ ช่างเค้า น่าจะเอาไปเล่นสีประมาณนี้ พี่ช่างแต่ละคนเขาก็จะมีงานประมาณ ที่เขาอยากทำ แล้วเราก็จะย้อมประมาณนี้ให้เขา เหมือนให้มันเชื่อม ต่ออารมณ์กัน พอช่างเขาได้เส้นฝ้ายปักเราไปเขาก็จะบอกว่า นี่เลย สีนี้เลยที่อยากได้ ความรู้สึกอย่างนี้เลย มันก็จะเป็นการเชื่อมการ ทำ งานแบบนี้ด้วยกัน ”


“ ก่อนทำ งานกับภูครามเมื่อก่อนเราก็อยู่กรุงเทพ แต่กลับมาอยู่บ้าน เพราะแม่ป่วยแล้วก็มาเลี้ยงลูก ทีแรกก็ยังไม่รู้จักงานปักของภูคราม พอไปซื้อของก็เห็นเขาปักกันอยู่ตามร้านค้า เป็นรูปดอกไม้ ส่วนตัวก็ ชอบงานปักอยู่แล้ว ก็อยากจะลองอะไรใหม่ ๆ ก็เลยไปของาน งาน ชิ้นแรกเป็นผ้าพันคอ ซึ่งปักช่วงแรก ๆ ก็ยังเป็นงานกอง (ลายปักที่ ดอกไม้กองอยู่ข้างล่าง และปลิวกระจายอยู่ข้างบน หรือเรียกกันว่า หนาชายกระจายบน เป็นลายปักแบบแรก ๆ ของภูคราม) ”


73 พี่ ไข่ดาว - อารีณา ตะบองเหล็ก ช่างปั กผ้าแบรนด์ภูคราม


75 “ ในงานชิ้นแรกก็มีความประทับใจที่ได้ทำ เพราะ ว่าได้เงินเยอะกว่าเพื่อนในตอนนั้น ปกติเขาให้ใน ราคาเท่านึง เราจะได้เพิ่มมาประมาณ 20-30 บาท คือดีใจมาก เป็นงานชิ้นแรกที่มีรายได้ในชุมชน ก็ เลยมองเห็นช่องทางการทำ เงินของตัวเองเพื่อจะ เลี้ยงลูก ในตอนทำแรก ๆ ยังไม่ได้มองเห็นแรง บันดาลใจหรือว่าอยากจะถ่ายทอดอะไร แค่คิดว่า ตรงไปตรงมา เราได้เงินเขาได้สิ่งที่เขาอยากได้ ”


“ จนหลัง ๆ มาเริ่มเห็นช่างหลาย ๆ คน เริ่มมีใบไม้ มีต้นไม้ เราก็มาทางอาร์ตเนอะ(หัวเราะ) อยากปัก อยากเล่า เหมือนการระบายสีตอนเด็กๆ เลยเริ่ม มองสิ่งรอบข้าง และเราเป็นคนชอบธรรมชาติอยู่ แล้ว ก็มีความชอบในช่วงวัยเด็ก เช่นการไปไร่ไปนา กับพ่อแม่ พอมาอยู่สกลนครจริง ๆ เราได้เห็นป่า เห็นธรรมชาติ เห็นชุมชน ก็เลยเริ่มจากปักต้นไม้ ดู ว่าต้นไม้เป็นแบบไหน ลายเส้นในการปักต้นไม้เป็น ยังไง จะถ่ายทอดออกมายังไง ”


7 7


79


“ เราเลยคิดว่างานปักส่วนใหญ่เราถ่ายทอดจากป่าเรา สิ่งที่เห็น สิ่ง ที่มีความสุขในวัยเด็ก สิ่งที่เราอยากจำ เห็นแม่นํ้า เห็นเป็ด เห็น ต้นไม้ที่ไม่มีใบไม้มันก็มีความสวยของมัน จนเราได้เก็บมาถ่ายทอด บนผืนผ้าอย่างที่เห็น ส่วนใหญ่ในความคิดของเรามันมีความสมดุล สมบูรณ์ เราไม่ได้เน้นวิถีชีวิต แต่เราเน้นธรรมชาติรอบตัวเรา จากสิ่ง ที่เราเห็น เพราะจริง ๆ ก็ไม่ได้เก่งในการเล่าวิถีชีวิต สิ่งที่อยู่ในความ ทรงจำจะเป็นต้นไม้ เป็นรั้วไม้หรืออะไรเก่า ๆ เรามีความภาคภูมิใจที่ อยากจะเล่า อยากถ่ายทอดสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากชุมชนเรา ”


81


“ ตอนแรกไม่รู้สึกว่าอยากปักผ้าเลยนะ อยากขี่ม้า อยากขี่มอไซ อยากทำอะไรที่ผู้หญิงเขาไม่ทำกัน แต่พอได้มาปักผ้ามันหยุดไม่ได้ แค่ผืนเดียว จบผืนนี้ก็อยากปักต่อ ยังไม่ได้ใส่อันนั้นเลย ดอกนี้ก็ยัง ไม่ได้วางเลย อยากเอาดอกแบบนี้ใส่ งานก็จะมีหลากหลายไม่ซ้ำกัน ในตอนนั้น ตอนนี้มันคือชีวิตจิตใจแล้ว อยากปักผ้าคือหัวใจมาทาง ผ้าแล้ว ถึงแม้จะทำ งานประจำแต่หัวใจมันอยู่ตรงนี้ เข้าใจว่าเวลา ทำ งานประจำ มันต้องมีสมาธิ แต่มันก็หลุดออกมา อย่างที่พี่กรีดยาง พี่กรีดไป ความคิดแวบนึงมันจะไม่มีสมาธิ บางครั้งมีดก็หลุดมือ โดน เท้า เกี่ยวมือ โดนนิ้วโดนอะไรบ้างก็มี แต่ว่าพี่ก็ยังแวบออกมาว่าเรา จะเอาอะไรใส่ผ้าผืนนั้นดี จะเอาอะไรใส่ต่อไปดี หัวใจยังอยากมีงาน ปักผ้าเป็นงานที่หนึ่ง ไม่ใช่งานที่สอง ”


83 พี่ บวบ - เทวี มีบุตร ช่างปั กผ้าแบรนด์ภูคราม


85 “ เริ่มจากตอนที่พี่บวบเกิดอุบัติเหตุ ขาข้างซ้าย หลุดออกไปเลย นั่ง ๆ นอน ๆ อยู่เหมือนคนไร้ค่า ยิ่งเป็นคนไม่ชอบอยู่นิ่ง ๆ อยากทำ งาน ตอนนั้น เลยไม่ได้คิดอะไรแค่อยากได้ตัง อยากหารายได้ให้ กับตัวเอง ซึ่งเราทำ งานไม่ได้ไง นั่งกินนอนกินอยู่ เป็นเดือนสองเดือน จนเห็นเขามาปักผ้ากันที่ร้าน อา อาเปิดร้านเสริมสวย ก็ปกติของร้านเสริมสวย คนก็จะเยอะ เลยคุยกัน เอาผ้ามาจากไหน ปักยังไง พี่บวบก็เลยไปของานภูครามทำ จำ ได้ว่าในงานชิ้น แรกมันเป็นดอกเลาปักเต็มผืน ได้ 350 บาท ราคา 350 คือเวอร์วังอลังการมากในตอนนั้น โห ได้ขนาด นี้เลยหรอ แล้วเราเป็นคนที่ได้ทำแล้วอยากทำอีก ขออีกผืนหนึ่งแล้วจะทำ ให้สวยกว่านี้ ”


“ ปักผ้าแต่ละชิ้นงานไม่ได้ลอกจากโทรศัพท์ ไม่ ได้ลอกมาจากไหนเลย ไม่ได้ดูจากเพจจากอะไรทั้ง นั้น มันมาจากความรู้สึก มาจากมุมมองที่เราเห็น ปัจจุบันนี้คืออยากถ่ายทอดสิ่งที่เรามี สิ่งที่อยากให้ คนที่เอางานเราไป อยากกระซิบข้างหูเขาว่าเรามี พื้นที่แบบนี้นะ มีต้นกรุง มีต้นยางนา มีต้นไม้แบบ นี้นะ พี่ชอบทำ งานวิถี ไม่ชอบทำ งานแบบที่ปัก แล้วเราไม่ได้มีความสุขเท่าทำ งานวิถี เพราะงาน วิธีนี้เหมือนกับเราหลุดเข้าไปอยู่ในความทรงจำ วัยเด็กหรือว่าหลุดเข้าไปในปัจจุบัน หลุดเข้าไปใน ธรรมชาติหลุดเข้าไปในที่นาของเรา รู้สึกผูกพันกับ เขา พื้นที่นี้ที่เห็น ๆ กันเนี่ย ไม่มีตารางวาไหนที่พี่ บวบไม่ได้เหยียบ ไม่มีที่ไหนที่พี่บวบไม่ได้สัมผัส ดัง นั้นงานพี่บวบจะอยู่ทุกที่ อยู่ทุกมุม อยู่ทุกมุมมอง ที่เราเห็น เดินไปทางนี้ก็ได้งานจากตรงนี้ ไปอีกมุม นั้นก็จะได้งานจากมุมนั้น เพราะว่าเราเหยียบทุก ตาราง ทุกพื้นที่ ”


8 7


89


9 1


“ ถ้าเลือกได้นะพี่ไม่อยากเข้าไปในเมือง ไม่ได้ชอบเมือง ไม่ได้ชอบ ความศรีวิไล พี่อยากอยู่ตรงนี้ อยากถ่ายทอดสิ่งที่มองเห็นให้กับ เจ้าของผ้า ให้เขารู้ว่ามันมาจากชีวิตจริงของเรา มันมาจากภาพที่ เราเห็น ไม่ได้มาจากการจินตนาการ เวลาเราปักงานต้นไม้ มันก็ มีต้นไม้แบบนั้นจริง ๆ มีลักษณะของต้นไม้จริง ๆ บรรยากาศมัน ก็มีบรรยากาศจริง ๆ อาจจะมีใส่จริตนิดนึงดอกไม้เล็ก ๆ แต่เป็น ดอกไม้ที่ไม่ได้เป็นทุ่งกุหลาบไม่ได้เป็นทุ่งใหญ่ แต่มันเป็นดอกไม้ดิน ดอกดินเล็ก ๆ ถ้าเราพิจารณาก้มลงที่ปลายเท้าของเรา เราจะเห็น ดอกไม้สีส้ม สีแดง สีม่วงเยอะแยะ เราก็จะเห็นว่ามันเป็นดอกไม้ แบบนี้ แค่เราเอามาปักใส่ผืนผ้า มันเป็นดอกดิน มันเป็นดอกเล็ก ๆ ในพื้นดินของเราเอง ถ้าเราสังเกตทางที่เราเดินมามันก็จะมีดอกดิน เต็มไปหมด สีม่วง สีเหลือง แค่เราไม่สังเกตเขา แต่พี่บวบสังเกต ”


Click to View FlipBook Version