The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ปฐมวัยน่าน 4.0, 2022-08-10 22:47:57

แผนพัฒนาเด็กปฐมวัย พ.ศ.2564-2570

แผนพัฒนาเด็กปฐมวัย

แพผ.ศน.พ๒ัฒ๕น๖า๔เด–็กป๒ฐ๕ม๗ว๐ัย

แผนพฒั นาเด็กปฐมวัย พ.ศ. ๒๕๖๔ – ๒๕๗๐


คณะกรรมการนโยบายการพฒั นาเด็กปฐมวัย

๖๔๙.๕๙๓ สำนักงานเลขาธกิ ารสภาการศึกษา

ค ๑๒๑ ผ แผนพัฒนาเด็กปฐมวยั พ.ศ. ๒๕๖๔ - ๒๕๗๐

๙๖ หนา้

ISBN 978-616-270-332-4

๑. แผนพฒั นาเด็กปฐมวัย ๒. ชอ่ื เรอื่ ง


แผนพัฒนาเด็กปฐมวยั พ.ศ. ๒๕๖๔ - ๒๕๗๐


สง่ิ พมิ พ์ สกศ. อนั ดับที่ ๒/๒๕๖๕


พิมพค์ รง้ั ที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๔


จำนวน ๕,๐๐๐ เลม่


ผู้จัดพิมพเ์ ผยแพร ่ สำนกั งานเลขาธกิ ารสภาการศึกษา

๙๙/๒๐ ถนนสโุ ขทัย เขตดสุ ติ กรงุ เทพฯ ๑๐๓๐๐

โทรศัพท์ ๐ ๒๖๖๘ ๗๑๒๓ ตอ่ ๒๔๙๘

โทรสาร ๐ ๒๒๔๑ ๕๑๕๒

Web site: http://www.onec.go.th


พมิ พ์ที ่ บริษทั พรกิ หวานกราฟฟคิ จำกดั

๙๐/๖ ซอยจรัญสนิทวงศ์ ๓๔/๒

ถนนจรญั สนทิ วงศ์ แขวงอรุณอมรินทร์

เขตบางกอกนอ้ ย กรงุ เทพฯ ๑๐๗๐๐

โทรศัพท์ ๐ ๒๔๒๔ ๓๒๔๙, ๐ ๒๔๒๔ ๓๒๕๒

โทรสาร ๐ ๒๔๒๔ ๓๒๔๙, ๐ ๒๔๒๔ ๓๒๕๒

E-mail: [email protected]

คำนำ




การพัฒนาเด็กปฐมวัยของประเทศไทย เป็นส่ิงท่ีรัฐบาลให้ความสำคัญมาอย่างต่อเน่ือง
เน่ืองจากเป็นช่วงเวลาที่ให้ผลของการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดต่อการสร้างรากฐานของชีวิต โดยเร่ิม

ตั้งแต่การพัฒนาเด็กปฐมวัยให้มีสุขภาพกายและใจที่ดี มีทักษะทางสมอง ทักษะการเรียนรู้ และ
ทักษะชีวิต เพื่อให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ และสามารถเข้าถึงบริการสุขภาพ การศึกษา และ
สวัสดิการสังคมได้อย่างเท่าเทียมกัน โดยมีการบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ มาตรา ๕๔ โดยในการดำเนนิ การดงั กล่าว รัฐบาลไดจ้ ดั ใหม้ ีการดำเนนิ งาน
หลายประการที่มงุ่ ผลการดำเนนิ งานทีเ่ ป็นรปู ธรรม ชดั เจน ในกรอบเวลาท่ีเร่งดว่ น

การดำเนินงานพัฒนาเด็กปฐมวัยมีความเชื่อมโยงกับหลายหน่วยงาน จึงจำเป็นต้อง
อาศัยความร่วมมือจากทุกกระทรวง/หน่วยงานท่ีเก่ียวข้องในการบูรณาการดำเนินงานร่วมกัน
เพอื่ ใหเ้ กดิ การขบั เคลอื่ นในทางปฏบิ ตั เิ ปน็ ไปในทศิ ทางเดยี วกนั และเพอ่ื ใหเ้ กดิ ความตอ่ เนอ่ื งในการ
ดำเนินงานพัฒนาเด็กปฐมวัยของประเทศ โดยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน คณะกรรมการ
นโยบายการพัฒนาเดก็ ปฐมวัยจึงจดั ทำแผนพฒั นาเดก็ ปฐมวัย พ.ศ. ๒๕๖๔ - ๒๕๗๐ เพือ่ กำหนด
นโยบายและยทุ ธศาสตรใ์ นการพฒั นาเดก็ ปฐมวยั ของประเทศใหเ้ ปน็ เอกภาพ และมคี วามเชอ่ื มโยง
กับทุกกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องท้ังภาครัฐและเอกชนในลักษณะของการบูรณาการ

เพื่อเป็นแนวทางการดำเนินงานสำหรับทุกหน่วยงาน โดยกำหนดยุทธศาสตร์เพ่ือการพัฒนา

เด็กปฐมวัยภายใต้แผนดังกล่าวไว้ท้ังส้ิน ๗ ยุทธศาสตร์หลัก ท่ีครอบคลุมต้ังแต่มารดาต้ังครรภ์
จนถึงเด็กมอี ายุ ๖ ปบี ริบรู ณ์ หรอื กอ่ นเข้าเรียนชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๑

คณะรฐั มนตรีมมี ตเิ ม่อื วนั ท่ี ๑๕ มิถุนายน ๒๕๖๔ เหน็ ชอบแผนพฒั นาเดก็ ปฐมวัย พ.ศ.
๒๕๖๔ - ๒๕๗๐ ที่ดำเนินการจัดทำโดยคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเด็กปฐมวัย เสนอโดย
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ เพื่อให้เด็กปฐมวัยทุกคนได้รับการ
พฒั นาอยา่ งรอบดา้ นเต็มตามศกั ยภาพ เปน็ พนื้ ฐานของความเปน็ พลเมืองคณุ ภาพ ภายใตป้ รัชญา
“เด็กปฐมวัยทุกคนต้องได้รับการดูแล พัฒนา และเรียนรู้อย่างรอบด้าน ท้ังด้านร่างกาย จิตใจ
วนิ ยั อารมณ์ สงั คม และสตปิ ญั ญาใหส้ มกบั วยั อยา่ งมคี ณุ ภาพ และเทา่ เทยี ม ตามศกั ยภาพ ตามวยั
และต่อเน่ือง บนพื้นฐานของการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ที่ดีที่สุดสอดคล้องกับหลักการพัฒนา
ศักยภาพและความต้องการจำเป็นพิเศษของแต่ละบุคคล โดยคำนึงถึงความสุข ความเป็นอยู่ท่ีดี
การคุ้มครองสิทธิ และความต้องการพื้นฐานของเด็กปฐมวัย รวมท้ังการปฏิบัติต่อเด็กทุกคน

โดยยึดหลักศกั ดิ์ศรขี องความเป็นมนุษย์ การมีสว่ นรว่ ม การเปน็ ทย่ี อมรับของผูท้ เ่ี ก่ยี วขอ้ งกับเด็ก

และการกระทำท้ังปวงเพ่ือประโยชน์สูงสุดของเด็กเป็นสำคัญ” อันจะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
สำหรับเด็กปฐมวัยให้เจริญเติบโตอย่างมีคุณภาพและมีพัฒนาการที่เหมาะสมตามวัย และเติบโต
เปน็ ผ้ใู หญ่ท่ดี ี เป็นกำลังสำคัญในการพฒั นาประเทศต่อไป

ในฐานะประธานกรรมการนโยบายการพัฒนาเด็กปฐมวัย หวังว่าเอกสารฉบับนี้จะเป็น
ประโยชน์ต่อหน่วยงานทุกสังกัดที่เก่ียวข้อง ในการขับเคลื่อนการพัฒนาเด็กปฐมวัยของประเทศ
เพื่อช่วยยกระดับคุณภาพเด็กปฐมวัยอย่างเป็นรูปธรรมในทุกมิติ และขอให้ทุกหน่วยงาน

ได้บรู ณาการการทำงานรว่ มกัน นำสกู่ ารปฏบิ ตั ิใหป้ ระสบผลสำเรจ็ ต่อไป









(นายวษิ ณุ เครอื งาม)

รองนายกรัฐมนตร ี

ประธานกรรมการนโยบายการพฒั นาเด็กปฐมวยั

กิตติกรรมประกาศ




รฐั บาลปจั จบุ นั (พลเอก ประยทุ ธ ์ จนั ทรโ์ อชา นายกรฐั มนตร)ี ไดใ้ หค้ วามสำคญั อยา่ งมาก
เกี่ยวกับการพัฒนาคนทุกช่วงวัย โดยเฉพาะอย่างย่ิงช่วงปฐมวัยอันหมายถึงเด็กแรกเกิด (รวมทั้ง
เด็กในครรภ์) จนถึงก่อนเข้าประถมศึกษาปีที่ ๑ และมีการบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ มาตรา ๕๔
วรรค ๑ และวรรค ๒ ทก่ี ำหนดใหร้ ฐั ตอ้ งดำเนนิ การใหเ้ ดก็ ทกุ คนไดร้ บั การศกึ ษาเปน็ เวลาสบิ สองปี
ต้ังแต่ก่อนวัยเรียนจนจบการศึกษาภาคบังคับอย่างมีคุณภาพ โดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย... รัฐต้อง
ดำเนินการให้เด็กเล็กได้รับการดูแลและพัฒนาก่อนเข้ารับการศึกษา เพ่ือพัฒนาร่างกาย จิตใจ
วินัย อารมณ์ สังคมและสติปัญญาให้สมกับวัย โดยส่งเสริมและสนับสนุนให้องค์กรปกครอง

ส่วนท้องถนิ่ และภาคเอกชนเขา้ มามีส่วนร่วมในการดำเนนิ การด้วย

พระราชบัญญัติการพัฒนาเด็กปฐมวัย พ.ศ. ๒๕๖๒ มาตรา ๑๔ (๑) กำหนดให้คณะ
กรรมการนโยบายการพัฒนาเด็กปฐมวัยมีหน้าที่และอำนาจจัดทำนโยบายระดับชาติด้านการ
พัฒนาเด็กปฐมวัยซึ่งต้องสอดคล้องกับกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติ ยุทธศาสตร์ชาติ และ
แผนการปฏิรูปประเทศ และให้ความเห็นชอบแผนพัฒนาเด็กปฐมวัย เสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพ่ือ
พิจารณาใหค้ วามเห็นชอบ เพ่อื ให้หน่วยงานและบุคลากรท่เี กยี่ วขอ้ งกับเด็กปฐมวัยได้นำไปปฏิบัติ
คณะกรรมการนโยบายการพฒั นาเด็กปฐมวัย โดยคณะอนุกรรมการเฉพาะกจิ จดั ทำแผน
พัฒนาเด็กปฐมวัยและกำหนดองค์ประกอบคณะอนุกรรมการที่เก่ียวข้อง จึงจัดทำแผนพัฒนา

เด็กปฐมวัย พ.ศ. ๒๕๖๔ - ๒๕๗๐ และกำหนดวิสัยทัศน์ “เด็กปฐมวัยทุกคนได้รับการพัฒนา
อย่างรอบด้านเต็มตามศักยภาพ เป็นพ้ืนฐานของความเป็นพลเมืองคุณภาพ” เพ่ือกำหนด
นโยบายและยุทธศาสตร์ในการพัฒนาเด็กปฐมวัยของประเทศให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน และมี
ความเชื่อมโยงกับทุกกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องท้ังภาครัฐและเอกชนในลักษณะของ
การบรู ณาการ เพอ่ื เปน็ แนวทางการดำเนนิ งานสำหรบั หนว่ ยงานทกุ ระดบั ทงั้ ในระดบั นโยบายจนถงึ
ระดับปฏิบัติ ลดความซ้ำซ้อน เพื่อเชื่อมต่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พ.ศ. ๒๕๖๐ ยทุ ธศาสตรช์ าติ นโยบาย และแผนพฒั นาตา่ ง ๆ ในการพฒั นาเดก็ ปฐมวยั ของประเทศ
ทั้งนี้ เพื่อเป็นแนวทางการดำเนินงานสำหรับหน่วยงานทุกสังกัดและทุกระดับ ซ่ึงจะทำให้การ
พัฒนาเด็กปฐมวัยเป็นไปอย่างมีเอกภาพ มีพลังท่ีสามารถผลักดันให้แผนและยุทธศาสตร์บรรลุ
ตามเป้าประสงค์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพ่ือให้เด็กทุกคนที่อยู่ในประเทศไทยสามารถเข้าถึง
บริการสุขภาพ การศกึ ษา และสวัสดิการสังคมไดอ้ ยา่ งเทา่ เทยี มกนั

ในฐานะกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเด็กปฐมวัย

ขอขอบคุณ คณะอนุกรรมการเฉพาะกิจจัดทำแผนพัฒนาเด็กปฐมวัยและกำหนดองค์ประกอบ
คณะอนุกรรมการที่เก่ียวข้อง ผู้แทนจากกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและ
ความม่ันคงของมนุษย์ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย กรุงเทพมหานคร รวมถึง

หน่วยงานอ่ืน ๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน ที่ร่วมกันจัดทำแผนพัฒนาเด็กปฐมวัย

พ.ศ. ๒๕๖๔ - ๒๕๗๐ ฉบับนี้ และดำเนินงานพัฒนาเด็กปฐมวัยมาอย่างต่อเนื่อง สำนักงานฯ

หวังเป็นอย่างย่ิงว่า ทุกหน่วยงานที่เก่ียวข้องจะบูรณาการการดำเนินงานร่วมกันในทุกภาคส่วน
เพ่ือให้เด็กปฐมวัยทุกคนได้รับการพัฒนาอย่างรอบด้าน และเติบโตเป็นกำลังคนคุณภาพ

ของประเทศตอ่ ไปในอนาคต











(นายอำนาจ วิชยานวุ ัติ)

เลขาธิการสภาการศกึ ษา

กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการพฒั นาเดก็ ปฐมวยั




บทสรปุ ผบู้ ริหาร


ความเป็นมา


ช่วงอายุในการพัฒนามนุษย์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดและเป็นรากฐานของการพัฒนา

อยา่ งยง่ั ยนื สงู สดุ คอื ชว่ งปฐมวยั ทเ่ี รม่ิ ตน้ ตงั้ แตม่ กี ารปฏสิ นธิ ซง่ึ เปน็ ชว่ งวยั ทพี่ ฒั นาการดา้ นสมอง
และการเรียนรู้เป็นไปอย่างรวดเร็วท่ีสุดในชีวิต และเป็นช่วงวัยที่เด็กมีความกระตือรือร้นและมี
ความสามารถในการเรียนรู้ทุกสิ่ง หากเด็กไม่ได้รับการเลี้ยงดูและพัฒนาอย่างถูกต้องเหมาะสม

ในช่วงปฐมวัย โอกาสทองของการพัฒนาก็จะไม่หวนกลับมาอีก ด้วยเหตุนี้ความสำคัญในการ
พฒั นาเดก็ ปฐมวยั ตง้ั แตใ่ นครรภม์ ารดาจงึ ไมใ่ ชเ่ พยี งวาระแหง่ ชาตอิ กี ตอ่ ไป แตเ่ ปน็ วาระการพฒั นา
ของโลก ดังปรากฏในคำรบั รองปฏิญญาแห่งสหัสวรรษ (Millennium Development Goals :
MDGs) จากการประชุมสุดยอดสหัสวรรษของสหประชาชาติซ่ึงประกอบด้วยผู้นำประเทศสมาชิก
จาก ๑๘๙ ประเทศ ได้ร่วมกันกำหนดเป้าหมายการพัฒนา โดยหนึ่งในเป้าหมายสำคัญด้าน

เดก็ ปฐมวัย คือ การลดอัตราการตายของเด็กและการพฒั นาสุขภาพของสตรีมคี รรภ์


การพัฒนาเด็กปฐมวัยของประเทศไทยเป็นส่ิงที่รัฐบาลให้ความสำคัญมาอย่างต่อเนื่อง
เน่ืองจากเป็นช่วงเวลาท่ีให้ผลของการลงทุนท่ีคุ้มค่าที่สุดต่อการสร้างรากฐานของชีวิต ท่ีผ่านมา

มีการดำเนินงานเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกันหลายภาคส่วน เน่ืองจากเด็กปฐมวัยเป็นวัยที่เร่ิมต้นต้ังแต่
ปฏิสนธิในครรภ์มารดา จนถึงอายุ ๖ ปีบริบูรณ์ หรือก่อนเข้าชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ จึงทำให

มหี ลายหนว่ ยงานทร่ี ว่ มจดั บรกิ ารพฒั นาเดก็ ปฐมวยั รวมทงั้ การใหค้ วามรแู้ กพ่ อ่ แม่ ผปู้ กครองและ

ผทู้ เี่ กย่ี วขอ้ งกบั การอบรมเลย้ี งดเู ดก็ ทง้ั ภาครฐั ภาคเอกชน และองคก์ รชมุ ชน ซง่ึ ในสว่ นของภาครฐั

มีกระทรวงการพฒั นาสงั คมและความมัน่ คงของมนุษย์ กระทรวงสาธารณสขุ กระทรวงมหาดไทย
และกระทรวงศึกษาธิการ เปน็ หนว่ ยงานหลัก


นอกจากนี้ยังมีกฎหมายนโยบายต่าง ๆ ท่ีเก่ียวข้องด้านเด็กปฐมวัย ต้ังแต่รัฐธรรมนูญ
แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ ยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๘๐)

แผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาติ ฉบบั ท่ี ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๖๔) แผนแม่บทภายใต้
ยุทธศาสตร์ชาติ แผนการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาต ิ

พ.ศ. ๒๕๔๒ และที่แกไ้ ขเพมิ่ เตมิ แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๗๙ รวมถงึ กฎหมาย
สำคัญด้านเด็กปฐมวัยฉบับปัจจุบัน คือ พระราชบัญญัติการพัฒนาเด็กปฐมวัย พ.ศ. ๒๕๖๒

สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเครื่องกำกับให้การดำเนินงานด้านเด็กปฐมวัยของประเทศเป็นไปในทิศทาง
เดียวกัน อย่างไรก็ตามแม้รัฐบาลพยายามระดมทรัพยากรและการลงทุนเพ่ือพัฒนาเด็กปฐมวัย

ข แผนพฒั นาเดก็ ปฐมวยั พ.ศ. ๒๕๖๔ - ๒๕๗๐


อย่างต่อเนื่อง แต่ยังมีอีกหลายปัจจัยท่ีทำให้การพัฒนาเด็กปฐมวัยดำเนินการได้ไม่เต็ม
ประสิทธิภาพเท่าที่ควร ดังปรากฏในผลสำรวจต่าง ๆ เช่น โครงการสำรวจสถานการณ์เด็ก

และสตรใี นประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๒ (Multiple Indicator Cluster Survey : MICS) ทดี่ ำเนนิ การ
สำรวจโดยสำนักงานสถิติแห่งชาติร่วมกับองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย การสำรวจของ

กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ซ่ึงได้ข้อมูลสอดคล้องกันหลายประการ เช่น ปัญหาด้าน
พัฒนาการ ภาวะทุพโภชนาการ ทั้งในส่วนของภาวะโภชนาการขาด (ปัญหาส่วนสูงไม่สมส่วน

ตามเกณฑ)์ และภาวะนำ้ หนกั เกนิ (อว้ น) ปญั หาความเหลอื่ มลำ้ ในการเขา้ ถงึ บรกิ ารปฐมวยั ปัญหา
คุณภาพการจัดบริการ รวมถึงปัญหาพ่อแม่ผู้ปกครองขาดความรู้ความเข้าใจและขาดทักษะ

การดูแลเล้ียงดูท่ีถูกต้องตามวัย นอกจากนั้นยังขาดการเตรียมความพร้อมระหว่างรอยเช่ือมต่อ
ปฐมวยั ไปยังระดับประถมศกึ ษา ปญั หากลุม่ เด็กไรส้ ญั ชาติ ชนกล่มุ นอ้ ย ซงึ่ ปญั หาตา่ ง ๆ ดงั กล่าว
ไม่สามารถลดหรือทำให้หมดลงไปได้ เนื่องจากขาดระบบที่จะทำให้ดำเนินการได้ เช่น ระบบ

การสำรวจคัดกรองวินิจฉัยศักยภาพของเด็กปฐมวัย ทำให้การพัฒนาแบบองค์รวมและเน้น

การดูแลเด็กแต่ละคนที่มีความแตกต่างกันเป็นไปได้ยาก ระบบการดำเนินงานทางกฎหมาย

ที่สามารถทำให้มีผลบังคับใช้กฎหมายได้จริง รวมถึงการบูรณาการการดำเนินงานระหว่าง

หน่วยงานอย่างเป็นระบบ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม สิ่งที่รัฐบาลได้รณรงค์และเกิดผลเป็นรูปธรรม

มีหลายประการเช่นกัน เช่น การให้เงินอุดหนุนเพ่ือการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด การส่งเสริมการได้รับ
วัคซีนครบตามเกณฑ์ การส่งเสริมการเล้ียงลูกด้วยนมแม่ การเฝ้าระวังโรคขาดสารไอโอดีน
เปน็ ต้น

ด้วยเหตุดังกล่าว คณะอนุกรรมการเฉพาะกิจจัดทำแผนพัฒนาเด็กปฐมวัยและกำหนด
องค์ประกอบคณะอนุกรรมการที่เก่ียวข้อง ในคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเด็กปฐมวัยจึงจัด
ทำแผนพัฒนาเด็กปฐมวัย พ.ศ. ๒๕๖๔ – ๒๕๗๐ เพ่ือกำหนดนโยบายและยุทธศาสตร์ในการ
พัฒนาเด็กปฐมวัยของประเทศให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน และมีความเชื่อมโยงกับทุกกระทรวง
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องท้ังภาครัฐและเอกชนในลักษณะของการบูรณาการ เพื่อเป็นแนวทาง
การดำเนินงานสำหรับหน่วยงานทุกระดับทั้งในระดับนโยบายจนถึงระดับปฏิบัติ ลดความซ้ำซ้อน
และสนองต่อเจตนารมณข์ องรฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทย พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ มาตรา ๕๔
ท่ีกำหนดให้รัฐต้องดำเนินการให้เด็กทุกคนได้รับการศึกษาเป็นเวลาสิบสองปี ต้ังแต่ก่อนวัยเรียน
จนจบการศึกษาภาคบังคับอย่างมีคุณภาพ โดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย... รัฐต้องดำเนินการให้เด็กเล็ก

ได้รับการดูแลและพัฒนาก่อนเข้ารับการศึกษา เพื่อพัฒนาร่างกาย จิตใจ วินัย อารมณ์ สังคม

และสติปัญญาให้สมกับวัย โดยส่งเสริมและสนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและ

ภาคเอกชนเขา้ มามีส่วนรว่ มในการดำเนนิ การดว้ ย

แผนพฒั นาเด็กปฐมวัย พ.ศ. ๒๕๖๔ - ๒๕๗๐


แผนพัฒนาเดก็ ปฐมวัย พ.ศ. ๒๕๖๔ – ๒๕๗๐


แผนพัฒนาเดก็ ปฐมวัย พ.ศ. ๒๕๖๔ – ๒๕๗๐ ประกอบด้วย นโยบาย วสิ ัยทัศน์ ปรชั ญา
เป้าประสงค์ ยุทธศาสตร์ และมาตรการ โดยมรี ายละเอียดดังน้

นโยบายดา้ นเดก็ ปฐมวยั ๓ ประการ

๑. เด็กปฐมวัยทุกคนต้องได้รับการพัฒนาอย่างรอบด้าน อย่างมีคุณภาพ ตามศักยภาพ
ตามวัยและต่อเนอ่ื ง

๒. การพัฒนาเด็กตามข้อ ๑ ต้องจัดให้เป็นระบบและมีความสัมพันธ์ระหว่างกัน โดย
บูรณาการชัดเจนระหว่างหน่วยงานราชการ และที่ไม่ใช่ราชการ ระหว่างวิชาชีพที่สัมพันธ์กับการ
พัฒนาเด็กปฐมวัย และระหว่างระดับต่าง ๆ ของการบริหารราชการแผ่นดินจากระดับชาต ิ

สว่ นกลาง ส่วนภมู ิภาค และสว่ นท้องถิ่น

๓. รัฐและทุกภาคส่วนต้องร่วมกันระดมทรัพยากรให้เพียงพอแก่การพัฒนาเด็กปฐมวัย
ตามนโยบายข้อ ๑

วิสัยทศั น

“เด็กปฐมวัยทุกคนได้รับการพัฒนาอย่างรอบด้านเต็มตามศักยภาพ เป็นพ้ืนฐานของ
ความเป็นพลเมอื งคณุ ภาพ”

ปรชั ญา

เด็กปฐมวัยทุกคนมีความคิดสร้างสรรค์ จินตนาการ และเอกลักษณ์ มีความสามารถ

ในการเรยี นรทู้ กุ สงิ่ กระตอื รอื รน้ ในการเรยี นรู้ มจี ติ ทซ่ี มึ ซบั สงิ่ ทเี่ รยี นรจู้ ากประสบการณต์ รง ดงั นนั้
เด็กปฐมวยั ทกุ คนต้องได้รบั การดแู ล พัฒนา และเรียนร้อู ย่างรอบด้าน ทัง้ ดา้ นร่างกาย จติ ใจ วนิ ยั
อารมณ์ สังคม และสติปัญญาให้สมกับวัย อย่างมีคุณภาพ และเท่าเทียม ตามศักยภาพ ตามวัย
และต่อเนื่อง บนพื้นฐานของการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ที่ดีที่สุดสอดคล้องกับหลักการพัฒนา
ศักยภาพและความต้องการจำเป็นพิเศษของแต่ละบุคคล โดยคำนึงถึงความสุข ความเป็นอยู่ที่ดี
การคุ้มครองสิทธิ และความต้องการพื้นฐานของเด็กปฐมวัย รวมทั้งการปฏิบัติต่อเด็กทุกคน

โดยยดึ หลักศักดิศ์ รีของความเปน็ มนษุ ย์ การมีสว่ นร่วม การเป็นท่ยี อมรับของผ้ทู ่เี กีย่ วข้องกบั เด็ก
และการกระทำท้งั ปวงเพอ่ื ประโยชนส์ งู สุดของเด็กเป็นสำคัญ

เป้าประสงค

เด็กปฐมวัยทุกคน ซึ่งหมายถึงเด็กทุกคนท่ีอยู่ในประเทศไทย รวมถึงเด็กท่ีเป็นลูก

แรงงานต่างชาติและเด็กท่ีไม่ได้มาจากครอบครัวไทย ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ต้องได้รับ

การพฒั นาอย่างรอบด้าน อย่างมคี ณุ ภาพ ตามศกั ยภาพ ตามวยั และตอ่ เน่ือง และสามารถเข้าถึง
บริการสขุ ภาพ การศึกษา และสวัสดกิ ารสังคมไดอ้ ยา่ งเทา่ เทยี มกนั

ง แผนพัฒนาเด็กปฐมวยั พ.ศ. ๒๕๖๔ - ๒๕๗๐


เพ่ือให้นโยบายด้านเด็กปฐมวัยดังกล่าวข้างต้นสามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้อย่าง

เป็นรูปธรรม จงึ กำหนดให้มยี ุทธศาสตรเ์ พือ่ การพฒั นาเดก็ ปฐมวยั ๗ ยุทธศาสตร์ ดงั น้

ยทุ ธศาสตรท์ ี่ ๑ การจดั และการให้บริการแก่เดก็ ปฐมวยั

เปา้ ประสงค

๑. หญิงตั้งครรภ์ได้รับการดูแลในระหว่างตั้งครรภ์และหลังคลอดอย่างมีคุณภาพ

และเทา่ เทียม

๒. เด็กปฐมวัยได้รับการดูแล พัฒนาอย่างรอบด้าน ท้ังด้านสุขภาวะ การศึกษา

และสวัสดิการสังคม เพื่อให้มีพัฒนาการท่ีดีรอบด้าน ทั้งทางร่างกาย จิตใจ วินัย อารมณ์ สังคม

และสติปัญญาให้สมกบั วยั

๓. เด็กปฐมวัยทุกคนได้รับการสำรวจ คัดกรองและวินิจฉัยเพ่ือหาภาวะความต้องการ
พิเศษ/ด้อยโอกาสเพื่อให้สามารถรับบริการด้านต่าง ๆ ได้อย่างเท่าเทียมและมีคุณภาพ

และความพร้อมของระบบ เครื่องมือ บุคลากร เพ่ือสำรวจ คัดกรองและวินิจฉัยในการหาภาวะ

ความต้องการพิเศษ/ด้อยโอกาส

มาตรการ

๑. ให้มีการพัฒนาระบบการดูแลและให้ความรู้แก่ท้ังพ่อและแม่ของทารกในครรภ์
อย่างทว่ั ถึงและมปี ระสิทธิภาพ

๒. ส่งเสริมให้หญิงต้ังครรภ์และหลังคลอดทุกคนได้รับบริการทางสาธารณสุข

และสวัสดิการสังคมท่ีมีคุณภาพอย่างเท่าเทียม รวมไปถึงหญิงตั้งครรภ์ที่ไม่มีบัตรประชาชน

และอยใู่ นพน้ื ทีห่ า่ งไกล

๓. สร้างกลไกความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน และสถาบัน
ครอบครวั ในการดูแลและพัฒนาเดก็ ปฐมวยั ตงั้ แตอ่ ยูใ่ นครรภม์ ารดา

๔. พัฒนาระบบการดูแล พัฒนาเด็กปฐมวยั เพ่ือใหไ้ ด้รบั บริการดา้ นสขุ ภาวะ การศึกษา
และสวัสดกิ ารสังคม ท่มี ีประสทิ ธิภาพ

๕. จัดให้มีระบบการสำรวจ คัดกรองและวินิจฉัยเพื่อหาภาวะความต้องการพิเศษ/ด้อย
โอกาส และระบบสง่ ตอ่ ทมี่ ปี ระสทิ ธิภาพ

๖. พัฒนาบุคลากรท่ีเกี่ยวข้องให้มีความสามารถในการคัดกรองและวินิจฉัยเพื่อหา
ภาวะความตอ้ งการพเิ ศษ/ด้อยโอกาส

๗. สร้างความพร้อมเร่ืองเครื่องมือสำหรับสำรวจ คัดกรองและวินิจฉัยในการหาภาวะ
ความต้องการพเิ ศษ/ดอ้ ยโอกาสอย่างรอบดา้ น

๘. พฒั นาระบบในการเฝา้ ระวงั ชว่ ยเหลือ ฟืน้ ฟูและสง่ ตอ่ เด็กปฐมวยั ทมี่ คี วามตอ้ งการ
พิเศษ เพ่ือรบั บริการด้านสาธารณสขุ และการศึกษาอย่างตอ่ เนอื่ งและมีประสิทธภิ าพ

แผนพัฒนาเดก็ ปฐมวยั พ.ศ. ๒๕๖๔ - ๒๕๗๐


๙. ทุกกระทรวงดำเนินงานร่วมกันในการสำรวจ คัดกรองเด็กปฐมวัยที่มีความต้องการ
พเิ ศษ/ด้อยโอกาส

ยุทธศาสตร์ที่ ๒ การพัฒนาและสร้างความเข้มแข็งให้กับสถาบันครอบครัวในการ
อบรมเลี้ยงดเู ดก็ ปฐมวยั

เปา้ ประสงค

๑. พอ่ แม่ ผ้ปู กครอง และครอบครวั มีทกั ษะความเปน็ พอ่ แม่ (Parenting Skills)

๒. พอ่ แม่ ผูป้ กครอง และครอบครัวมีการดูแล พฒั นา และคมุ้ ครองสทิ ธิเดก็

๓. หญงิ วยั เจรญิ พนั ธแ์ุ ละครอบครวั ไดร้ บั ความรแู้ ละการเตรยี มความพรอ้ มกอ่ นตง้ั ครรภ

มาตรการ

๑. สร้างชุดอบรม/สื่อการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะความเป็นพ่อแม่ (Parenting Skills)
ใหแ้ กพ่ อ่ แม่ ผู้ปกครอง และครอบครัว

๒. ระดมความรว่ มมอื ของทกุ ภาคสว่ นในการสนบั สนนุ การจดั ทำหลกั สตู ร/สอื่ การเรยี นรู้
เพ่อื พฒั นาทกั ษะความเปน็ พอ่ แม่ (Parenting Skills) ใหแ้ ก่ พ่อแม่ ผู้ปกครอง และครอบครวั

๓. พัฒนาทักษะความเป็นพ่อแม่ (Parenting Skills) ให้แก่พ่อแม่ ผู้ปกครอง

และครอบครวั

๔. พัฒนาทักษะความเป็นพ่อแม่ (Parenting Skills) ให้แก่พ่อแม่ ผู้ปกครอง

และครอบครัวที่มีเด็กท่ีมีความต้องการพิเศษ/ด้อยโอกาส ในการดูแลเด็กปฐมวัยให้มีการพัฒนา
อยา่ งรอบดา้ น เตม็ ตามศกั ยภาพ โดยมกี ารสนับสนนุ งบประมาณ/ทรัพยากรอยา่ งเหมาะสม

๕. มีกลไกสนับสนุนการดำเนินงานของพ่อแม่ ผู้ปกครอง และครอบครัวในการดูแล
ปกปอ้ งสิทธิและพฒั นาเด็กปฐมวยั อยา่ งรอบดา้ นและมีประสิทธภิ าพ

๖. จัดหรือสนับสนุนให้มีบริการรับเลี้ยงและพัฒนาเด็กทารกวัยเตาะแตะในชุมชน/
สถานประกอบการ สำหรับช่วงกลางวันที่พ่อแม่ ผู้ปกครองทำงาน และสนับสนุนความร่วมมือ

กบั ภาคเอกชน/ภาคประชาชนในการจดั บรกิ ารรบั เลยี้ ง พฒั นาและอบรมเลยี้ งดเู ดก็ ในสถานทที่ ำงาน
อย่างเหมาะสม

๗. มีมาตรการส่งเสริมและสนับสนุนส่ือมวลชนหรือองค์กรเอกชนท่ีช่วยพัฒนาเด็ก

หรือสร้างความเขม้ แข็งใหก้ บั สถาบนั ครอบครวั ปกปอ้ งและพฒั นาเด็กปฐมวยั อย่างรอบดา้ น

๘. สร้างและพัฒนาชุดอบรม/ส่ือการเรียนรู้ เพ่ือให้ความรู้และเตรียมความพร้อม

กอ่ นตง้ั ครรภ์ของหญิงวยั เจรญิ พนั ธ์ุ และเยาวชนวัยเจรญิ พนั ธ์

๙. ส่งเสริมและสนับสนุนให้หญิงวัยเจริญพันธุ์มีความรู้ความเข้าใจและได้รับการเตรียม
ความพร้อมก่อนตง้ั ครรภ์ รวมไปถงึ เยาวชนวัยเจริญพันธ์ุ

ฉ แผนพัฒนาเด็กปฐมวยั พ.ศ. ๒๕๖๔ - ๒๕๗๐


๑๐. พัฒนาระบบการใหค้ วามชว่ ยเหลอื กบั ครอบครวั ทอ่ี ย่ใู นภาวะฉกุ เฉนิ

๑๑. ขบั เคลอ่ื นพระราชบญั ญตั กิ ารปอ้ งกนั และแกไ้ ขปญั หาการตงั้ ครรภใ์ นวยั รนุ่ พ.ศ. ๒๕๕๙

ยทุ ธศาสตรท์ ่ี ๓ การพฒั นาคุณภาพและมาตรฐานการใหบ้ ริการพฒั นาเด็กปฐมวัย

เป้าประสงค

๑. ระบบการพฒั นาเด็กปฐมวัยไดร้ บั การปรับปรุงพฒั นาให้มีประสทิ ธภิ าพ

๒. สถานพัฒนาเด็กปฐมวัยทุกแห่งได้รับการพัฒนาให้มีคุณภาพตามมาตรฐาน

สถานพฒั นาเด็กปฐมวยั แห่งชาต

๓. บุคลากรและผู้ท่ีเกี่ยวข้องกับการดูแล พัฒนา และจัดการเรียนรู้เด็กปฐมวัย ได้รับ
การพฒั นาศกั ยภาพและสนบั สนุนใหด้ ำเนนิ งานไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ

มาตรการ

๑. มีการบูรณาการระบบการพัฒนาเด็กปฐมวัย เพื่อให้เด็กปฐมวัยได้รับบริการ

ดา้ นสาธารณสุขและการศกึ ษาอย่างตอ่ เน่ืองและมีประสทิ ธภิ าพ

๒. สนบั สนนุ ให้หนว่ ยงานทเี่ ก่ียวขอ้ งมีการพัฒนาระบบการพัฒนาเด็กปฐมวยั

๓. จัดให้มีระบบการส่งเสริมพัฒนาการและระบบส่งต่อท่ีเหมาะสมต้ังแต่ก่อนระดับ
อนบุ าลจนถงึ ระดบั ประถมศึกษาอยา่ งตอ่ เนื่อง

๔. ส่งเสรมิ และสนบั สนนุ ทรพั ยากรให้สถานพัฒนาเดก็ ปฐมวยั ทุกแหง่ อยา่ งเพียงพอ

๕. มีการบูรณาการการดูแล กำกับติดตามการดำเนินงานตามมาตรฐานสถานพัฒนา
เด็กปฐมวัยแหง่ ชาติของสถานพัฒนาเดก็ ปฐมวัยโดยหน่วยงานที่เกยี่ วข้อง

๖. ส่งเสริมสนับสนุนให้สถานพัฒนาเด็กปฐมวัยพัฒนาสภาพแวดล้อมท่ีเอ้ือต่อการ

เรยี นรู้และการดูแลเด็กปฐมวยั

๗. สรา้ งระบบพฒั นาสมรรถนะบคุ ลากรและผทู้ เี่ กยี่ วขอ้ งกบั การดแู ล พฒั นาเดก็ ปฐมวยั

๘. จดั อบรมเพอื่ พฒั นาสมรรถนะบคุ ลากรและผทู้ เี่ กยี่ วขอ้ งกบั การดแู ล พฒั นาเดก็ ปฐมวยั

๙. มีการส่งเสริมและสนับสนุนการดำเนินงานของบุคลากรและผู้ที่เกี่ยวข้องกับการดูแล
พัฒนาเดก็ ปฐมวยั อยา่ งเป็นรูปธรรม

๑๐. สรา้ งระบบใหค้ ำปรกึ ษาแนะนำ (Coaching) และระบบพ่ีเล้ยี ง (Mentoring) ให้แก่
บคุ ลากรและผู้ทีเ่ ก่ยี วขอ้ งกับการดแู ล พฒั นาเด็กปฐมวัย

๑๑. ส่งเสริมสนับสนุนให้สถาบันอุดมศึกษาจัดให้มีการเรียนการสอนเพื่อเสริมสร้าง

จิตวิญญาณของความเป็นครู มีคุณธรรม จริยธรรม ความรู้ ทักษะ และความสามารถในการจัด

การเรยี นการสอนเพอ่ื ดแู ลและพฒั นาเดก็ ปฐมวยั ตามหลกั การและปรชั ญาของการพฒั นาเดก็ ปฐมวยั

๑๒. ส่งเสริมสนับสนุนให้บุคลากรและผู้ที่เก่ียวข้องได้รับการรับรองคุณวุฒิวิชาชีพ

ตามมาตรฐานอาชีพและคณุ วุฒวิ ิชาชพี สาขาวชิ าชพี บรกิ ารสขุ ภาพ อาชพี ผดู้ ูแลเดก็

แผนพฒั นาเด็กปฐมวยั พ.ศ. ๒๕๖๔ - ๒๕๗๐


ยุทธศาสตร์ที่ ๔ การพัฒนาระบบและกลไกการบูรณาการสารสนเทศเด็กปฐมวัย

และการนำไปใชป้ ระโยชน

เปา้ ประสงค

๑. การพัฒนาและบูรณาการระบบฐานข้อมูลรายบุคคลและสารสนเทศเด็กปฐมวัย

เพื่อการวางแผน การบริหารจัดการ การดำเนินการ การติดตามประเมินผลให้มีความถูกต้อง
ครอบคลมุ และเป็นปัจจบุ นั โดยเชอ่ื มโยงขอ้ มลู ตง้ั แตแ่ รกเกิด

๒. การนำระบบฐานข้อมูลและสารสนเทศที่พัฒนาแล้วไปใช้ในหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง
อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ

มาตรการ

๑. วิเคราะห์ และออกแบบโครงสร้างฐานข้อมูลรายบุคคลและสารสนเทศเด็กปฐมวัย

ท่ีสำคัญ ซงึ่ มาจากการบูรณาการจากหน่วยงานทเ่ี กย่ี วขอ้ งในการพฒั นาเดก็ ปฐมวยั อย่างรอบดา้ น
โดยคำนึงถึงการบูรณาการและส่งต่อข้อมูลของเด็กในช่วงรอยต่อการพัฒนาช่วงต่าง ๆ รวมถึง
ข้อมูลเดก็ ตกหล่นหรอื เดก็ ที่อยู่ในระบบทางเลอื กอนื่ ๆ

๒. กำหนดแนวทางในการบูรณาการจัดทำฐานข้อมูลรายบุคคลและสารสนเทศ

เดก็ ปฐมวยั และการนำขอ้ มูลไปใชป้ ระโยชน์ร่วมกนั ของหน่วยงานทเี่ กยี่ วข้อง

๓. สนับสนุนงบประมาณในการบูรณาการจัดทำฐานข้อมูลรายบุคคลและสารสนเทศ
เด็กปฐมวัย

๔. ให้หน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องนำฐานข้อมูลรายบุคคลและสารสนเทศเด็กปฐมวัยไปใช้

ในการวางแผน ติดตาม และประเมินผลการพฒั นาเด็กปฐมวัยอยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ

๕. สนับสนุนให้หน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องสามารถเข้าถึงและนำระบบฐานข้อมูลไปใช้
ประโยชน์อยา่ งมปี ระสิทธิภาพและสมบูรณ

ยทุ ธศาสตรท์ ่ี ๕ การจดั ทำและปรับปรงุ กฎหมาย กฎระเบยี บ ที่เก่ียวกับเด็กปฐมวัย
และการดำเนนิ การตามกฎหมาย

เปา้ ประสงค

๑. ให้มีกฎหมาย กฎระเบียบ เพ่ือให้เด็กปฐมวัยได้รับประโยชน์ตามสิทธิข้ันพื้นฐาน
และไดร้ บั ความคุ้มครองตามทกี่ ฎหมายกำหนด

๒. ระบบและกลไกในการบงั คบั ใชก้ ฎหมายและมาตรการทางกฎหมายทเ่ี ออื้ ใหห้ นว่ ยงาน
และองค์กรเพ่ือสง่ เสรมิ และพัฒนาเด็กปฐมวยั ตามศกั ยภาพของเด็กแต่ละคน

ซ แผนพัฒนาเด็กปฐมวยั พ.ศ. ๒๕๖๔ - ๒๕๗๐


มาตรการ

๑. รวบรวม จัดทำ ปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย กฎระเบียบของหน่วยงานที่เก่ียวข้อง

กับการพัฒนาเด็กปฐมวัย ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพ่ือลดความซ้ำซ้อน และให้เป็นไปตาม
เจตนารมณข์ องพระราชบัญญัติการพัฒนาเดก็ ปฐมวยั พ.ศ. ๒๕๖๒ และมาตรฐานสากล

๒. ทุกภาคส่วนของสังคมมีส่วนร่วมในการจัดทำและปรับปรุงกฎหมาย กฎระเบียบ

เพอื่ ใหเ้ ด็กปฐมวยั ได้รับประโยชน์ตามสทิ ธขิ องเดก็ ปฐมวัย ทางดา้ นสุขภาวะ และการศกึ ษา

๓. ปรับปรุงกฎหมาย กฎระเบียบ ที่เก่ียวกับเด็กปฐมวัย ควรเอ้ือต่อการเลี้ยงดูบุตร
อย่างเหมาะสม โดยเฉพาะการขยายสิทธิการลา การส่งเสริมให้มีระบบการทำงานที่ยืดหยุ่น

การทำงานจากท่บี ้าน (Work from Home)

๔. จดั ทำระบบและกลไกในการพทิ กั ษ์และค้มุ ครองสิทธิเด็กปฐมวัยตามกฎหมาย

๕. ผลักดันให้มีหน่วยงานซึ่งมีหน้าท่ีรับผิดชอบโดยตรงเก่ียวกับการรับเร่ืองร้องเรียน
ไกลเ่ กลี่ย และดำเนนิ การทางคดเี พ่ือพิทกั ษ์สิทธ์ิของเดก็ ปฐมวัย

๖. ผลกั ดนั ให้มีคณะกรรมการไกลเ่ กล่ีย ประกอบดว้ ย ๓ ฝา่ ย ได้แก่ คูก่ รณี กรรมการ
และคนกลาง

๗. จัดทำแผนการผลิต พัฒนา และกำหนดอัตรากำลังของบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ
เฉพาะดา้ นเพือ่ รองรับการดำเนินงานทางด้านกฎหมาย

๘. สร้างความตระหนักรู้ให้แก่ประชาชนท่ัวไปถึงหน้าท่ีในการพิทักษ์และคุ้มครองสิทธิ
เดก็ ปฐมวัยตามกฎหมาย

ยทุ ธศาสตรท์ ่ี ๖ การวจิ ยั พฒั นาและเผยแพรอ่ งค์ความรู

เป้าประสงค

๑. การพฒั นาองคค์ วามรู้ การวิจยั และนวัตกรรมดา้ นการพฒั นาเด็กปฐมวัย ทสี่ ามารถ
นำไปใชไ้ ด้จรงิ

๒. ระบบการจัดการความรู้ด้านการพัฒนาเด็กปฐมวัยเพ่ือพัฒนางานและสมรรถนะ

ของบุคลากรและหน่วยงานทเี่ กย่ี วขอ้ งกับการพฒั นาเดก็ ปฐมวยั อย่างตอ่ เนือ่ ง

๓. การเผยแพร่องค์ความรู้ งานวิจัย และนวัตกรรมผ่านเครือข่ายส่ือสาธารณะ

และหนว่ ยงานทเ่ี กย่ี วขอ้ งเพอ่ื ใหผ้ ดู้ แู ลเดก็ ปฐมวยั ไดร้ บั ความรู้ ทกั ษะ และเจตคตทิ ดี่ ใี นการพฒั นา
เด็กปฐมวยั

แผนพัฒนาเด็กปฐมวัย พ.ศ. ๒๕๖๔ - ๒๕๗๐

มาตรการ

๑. วิเคราะห์ สังเคราะห์งานวิจัย จากงานวิจัยท่ีมีคุณค่าและสอดคล้องกับการทำงาน
ของทกุ ยทุ ธศาสตร์ท่เี ก่ยี วกบั การพัฒนาเดก็ ปฐมวยั ในมติ ติ ่าง ๆ ท่มี ีคณุ ภาพ

๒. วิเคราะห์ สังเคราะห์ และจัดลำดับความสำคัญองค์ความรู้ท่ีจำเป็นเพ่ือส่ือสาร

ส่พู ่อแม่ ผปู้ กครอง ผู้ดแู ลเดก็ และผู้ทเ่ี กยี่ วข้องผา่ นสอื่ สาธารณะ

๓. ส่งเสรมิ ให้มกี ารสร้างและตอ่ ยอดองค์ความรู้ งานวิจยั และนวัตกรรมด้านการพฒั นา
เดก็ ปฐมวัยในมติ ิต่าง ๆ

๔. ให้การสนับสนุนองค์กรท่ีพัฒนาองค์ความรู้ การวิจัย และนวัตกรรมด้านการพัฒนา
เดก็ ปฐมวัยในมิตติ ่าง ๆ ท่สี อดคลอ้ งกับยุทธศาสตรพ์ ัฒนาเด็กปฐมวัยอย่างเร่งดว่ น

๕. สรา้ งมาตรการสนบั สนนุ องคก์ รทม่ี วี ตั ถปุ ระสงคใ์ นการวจิ ยั ดา้ นการพฒั นาเดก็ ปฐมวยั

๖. มีการพัฒนาระบบเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการของภาครัฐและเอกชน

ทัง้ ภายในและต่างประเทศ

๗. สร้างกลไกการบูรณาการองค์ความรู้ งานวิจัย และนวัตกรรมด้านการพัฒนา

เด็กปฐมวัยในมิติต่าง ๆ ระหว่างหน่วยงานที่เก่ียวข้อง เพ่ือจัดทำเป็นคลังความรู้ด้านการพัฒนา
เด็กปฐมวัยในมิตติ ่าง ๆ

๘. สง่ เสริมและสนบั สนุนใหบ้ ุคลากรและหน่วยงานท่ีเกยี่ วข้องกับการพฒั นาเด็กปฐมวัย
นำองค์ความรู้ งานวจิ ยั และนวตั กรรมดา้ นการพัฒนาเดก็ ปฐมวัยไปใชใ้ นการพฒั นาเดก็ ปฐมวยั

๙. พฒั นาระบบการจัดการความรดู้ ้านการพฒั นาเดก็ ปฐมวยั ในมติ ติ ่าง ๆ

๑๐. สนับสนุนให้เกิดประชาคมการเรียนรู้ของผู้ปฏิบัติงานเกี่ยวกับเด็กปฐมวัยในทุกพ้ืนท่ี
เพื่อให้เกดิ การแลกเปลี่ยนเรียนร้รู ว่ มกนั และพฒั นาสมรรถนะในการทำงานอย่างต่อเนือ่ ง

๑๑. สง่ เสรมิ ให้มีการค้นหาสถานพฒั นาเด็กปฐมวัยท่ีมวี ธิ ปี ฏิบัติดเี ด่น (Best Practices)

เพอื่ สรา้ งสรรคพ์ ัฒนางานในด้านต่าง ๆ เชน่ ดา้ นสาธารณสขุ การศกึ ษา สังคม

๑๒. ส่งเสริมให้มีการเทียบเคียง (Benchmarking) กับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยอื่นท่ีม

วิธีปฏิบัติดีเด่น (Best Practices) เพ่ือให้เกิดการพัฒนาสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยอย่างต่อเน่ือง
สร้างประชาคมการเรียนรู้ในระดับพ้ืนที่และระดับชาติทั้งในรูปแบบออนไลน์ และการประชุม

แลกเปล่ยี นเรียนรู้รว่ มกนั

๑๓. สรา้ งระบบการเผยแพร่ท่ีมคี วามเชอื่ มโยงระหว่างภาคี ทัง้ ภาครัฐและเอกชน

๑๔. ผลักดันให้ส่ือสารมวลชนเข้ามามีบทบาทเชิงรุกในการเผยแพร่องค์ความร ู้

ดา้ นเดก็ ปฐมวยั สสู่ าธารณชนในหลากหลายรูปแบบ

๑๕. มีมาตรการส่งเสริมให้มีการเผยแพร่องค์ความรู้สู่พ่อแม่ ผู้ปกครอง และผู้ดูแล

เด็กปฐมวยั อยา่ งทัว่ ถึงและตอ่ เนื่องในทกุ ช่องทาง

ญ แผนพฒั นาเด็กปฐมวัย พ.ศ. ๒๕๖๔ - ๒๕๗๐


ยทุ ธศาสตร์ที่ ๗ การบริหารจัดการ การสร้างกลไกการประสานการดำเนินงาน

และการตดิ ตามประเมินผล

เปา้ ประสงค

๑. การบรู ณาการการบรหิ ารจดั การการดำเนนิ งานของหนว่ ยงานสว่ นกลาง สว่ นภมู ภิ าค
สว่ นทอ้ งถ่ิน และภาคเอกชนท่ีเกี่ยวข้องกบั การพัฒนาเดก็ ปฐมวยั อย่างมีประสทิ ธภิ าพ

๒. ระบบการประสานงานด้านการพัฒนาเดก็ ปฐมวัยทกุ ระดับ

๓. การติดตามประเมินผลการดำเนินงานด้านการพัฒนาเด็กปฐมวัยแบบบูรณาการ

ร่วมกนั ระหว่างหนว่ ยงานทเี่ กย่ี วข้อง

๔. แผนงบประมาณ และแผนการดำเนินงานประจำปีแบบบูรณาการของหน่วยงาน

ท่ีเกีย่ วข้องกับการพฒั นาเด็กปฐมวยั

มาตรการ

๑. พัฒนาระบบการบริหารจัดการการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับ

การพัฒนาเด็กปฐมวยั อย่างมีประสิทธิภาพ

๒. สร้างกลไกการประสานงานด้านการพัฒนาเด็กปฐมวัย เพื่อให้เกิดการบูรณาการ

รว่ มกนั ของหน่วยงานของรฐั องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน และภาคประชาสงั คม

๓. ส่งเสริมและสนับสนุนการสร้างเครือข่ายในระดับจังหวัดและระดับอำเภอ

เพ่อื การพัฒนาเดก็ ปฐมวยั

๔. กำหนดแนวทางการติดตามผลการดำเนินงานของหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องกับ

การพฒั นาเดก็ ปฐมวยั

๕. สรา้ งระบบตดิ ตามประเมนิ ผลการดำเนนิ งานดา้ นการพฒั นาเดก็ ปฐมวยั แบบบรู ณาการ
รว่ มกันระหว่างหนว่ ยงานทเี่ ก่ียวขอ้ ง

๖. กำหนดแนวทางการจัดสรรและแสวงหาทรัพยากรเพื่อส่งเสริม สนับสนุน

และพัฒนาเด็กปฐมวัยทช่ี ัดเจน

๗. สร้างกลไกการมีส่วนร่วมในการสนับสนุนงบประมาณและทรัพยากร ทั้งภาครัฐ

และภาคเอกชนเพอ่ื การพัฒนาเดก็ ปฐมวัย

แผนพัฒนาเด็กปฐมวัย พ.ศ. ๒๕๖๔ - ๒๕๗๐

ในส่วนแนวทางการขับเคลื่อนและการติดตามประเมินผล ประกอบด้วย ๑) การสร้าง
ความรู้และความเข้าใจเก่ียวกับนโยบาย วิสัยทัศน์ ปรัชญา เป้าประสงค์ ยุทธศาสตร์ ตัวชี้วัด

และมาตรการของแผนพัฒนาเด็กปฐมวัย พ.ศ. ๒๕๖๔ – ๒๕๗๐ รวมถึงการมีส่วนร่วมของ

ทุกภาคส่วนในการขับเคล่ือนแผนไปสู่การปฏิบัติ ท้ังส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และท้องถิ่น โดยใช้
กระบวนการจัดประชุมสร้างความเข้าใจ หรือ การประชาสัมพันธ์ผ่านทางส่ือออนไลน์ เป็นต้น

๒) การบรู ณาการระหวา่ งแผนพฒั นาเดก็ ปฐมวยั พ.ศ. ๒๕๖๔ – ๒๕๗๐ กบั แผนอน่ื ๆ ทเี่ กย่ี วขอ้ ง
กับการพัฒนาเด็กปฐมวัย เพ่ือจัดทำแผนปฏิบัติการตามแผนพัฒนาเด็กปฐมวัยท่ีมีรายละเอียด
ระดับโครงการ งบประมาณรายปี โดยการร่วมมือจากหน่วยงานรับผิดชอบหลักและหน่วยงาน
สนับสนุน ๓) การผลักดันให้มีงบประมาณเชิงบูรณาการด้านการพัฒนาเด็กปฐมวัยของทุก

หน่วยงานที่เก่ียวข้อง โดยการจัดประชุมหารือกับหน่วยงานส่วนกลาง เช่น สำนักงบประมาณ
กรมบัญชีกลาง สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ และหน่วยงานอ่ืน ๆ ท่ีเกี่ยวข้อง
เพื่อกำหนดแนววิธีการจัดสรรงบประมาณให้สอดคล้องกับการขับเคลื่อนแผนพัฒนาเด็กปฐมวัย
พ.ศ. ๒๕๖๔ – ๒๕๗๐ ๔) สร้างกลไกการประสานงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับ
องค์กรระหว่างประเทศ ความร่วมมือภาครัฐ – ภาคเอกชน (PPP) องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร
(NGOs) เช่น องค์การยูนิเซฟ องค์การยูเนสโก กลุ่มประเทศอาเซียน สำนักงานเลขาธิการ

รฐั มนตรศี กึ ษาแหง่ เอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้ (SEAMEO) เพอ่ื ชว่ ยสนบั สนนุ ตดิ ตามและประเมนิ ผล
การทำงานตามแผนพฒั นาเด็กปฐมวยั พ.ศ. ๒๕๖๔ – ๒๕๗๐ ๕) การกำหนดบทบาทหนา้ ท่ขี อง
หน่วยงานท่ีเก่ียวข้องในการขับเคลื่อนแผนไปสู่การปฏิบัติ ได้แก่ หน่วยงานระดับนโยบาย
(Regulator) หนว่ ยงานปฏบิ ตั ิ (Operator) และหนว่ ยงานสนบั สนนุ (Supporter) ๖) การตดิ ตาม
และประเมนิ ผลด้วยการมีสว่ นร่วมของหนว่ ยงานตา่ ง ๆ ทง้ั ส่วนกลางและระดับพื้นท่ี การกำหนด
ให้จัดทำรายงานผลการดำเนินงานเป็นประจำทุกปี รวมท้ังการติดตามและประเมินผลในการนำ
แผนพัฒนาเด็กปฐมวยั พ.ศ. ๒๕๖๔ – ๒๕๗๐ สู่การปฏบิ ัติในทุกระดบั ทงั้ ในช่วงกลางแผนและ
ปลายแผนเพ่ือเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาแนวทางในการปรับปรุงหรือทบทวนแผนต่อไป
และ ๗) การวิจัยและพัฒนา (Research & Development) เพื่อใช้ในการปรับปรุงระเบียบ
กฎหมาย และนโยบายต่าง ๆ ท่ีเกี่ยวข้อง ให้มีมาตรฐานและดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
มากย่งิ ขน้ึ  

ฏ แผนพฒั นาเด็กปฐมวยั พ.ศ. ๒๕๖๔ - ๒๕๗๐

สารบญั
หนา้






คำนำ


กิตติกรรมประกาศ


บทสรปุ ผู้บริหาร ก - ฏ


สว่ นที่ ๑ สภาวการณ์และบริบทแวดลอ้ มในการพัฒนาเดก็ ปฐมวัย ๑

๑. สภาวการณ์ด้านเด็กปฐมวัย ๑

การดำเนินงานพฒั นาเดก็ ปฐมวัยของกระทรวงและหน่วยงานทเ่ี ก่ยี วขอ้ ง ๒

ผลการดำเนนิ งานพัฒนาเดก็ ปฐมวยั ทผ่ี า่ นมา ๙

๒. บริบทแวดล้อมในการพัฒนาเดก็ ปฐมวัย ๑๒

บริบทแวดล้อมภายนอกและภายในประเทศ ๑๒

บริบทตามข้อกำหนดของรฐั ธรรมนูญฯ ๑๕

ข้อกฎหมายและนโยบายท่เี กี่ยวข้อง ๑๕

ความสอดคล้องกับยทุ ธศาสตรช์ าติ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๘๐) ๑๙

และ แผนพฒั นาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาต ิ

ฉบับท่ี ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๖๔)


สว่ นที่ ๒ ความทา้ ทายของการพัฒนาเด็กปฐมวยั ของประเทศ ๒๑

เหตุใดประเทศไทยจึงตอ้ งให้ความสำคญั กับการพัฒนาเด็กปฐมวยั ๒๑

ปัญหาและความทา้ ทาย ๒๑

โอกาสของการพฒั นาเดก็ ปฐมวัย ๒๔


สว่ นท่ี ๓ วิสัยทัศนแ์ ละเปา้ หมายของแผนพฒั นาเดก็ ปฐมวัย ๒๖

นโยบายดา้ นเดก็ ปฐมวยั ๒๖

วสิ ยั ทศั น์ ๒๖

ปรัชญา ๒๖

เป้าประสงค์ ๒๗

นยิ ามศัพท์ ๒๗

สารบัญ
หนา้






สว่ นท่ี ๔ ยุทธศาสตร์การพฒั นาเด็กปฐมวัย ๒๙

ยุทธศาสตร์ท่ี ๑ การจดั และการให้บริการแกเ่ ด็กปฐมวยั ๒๙

ยุทธศาสตรท์ ่ี ๒ การพฒั นาและสรา้ งความเขม้ แขง็ ใหก้ บั สถาบนั ครอบครวั ๓๓

ในการอบรมเลย้ี งดเู ดก็ ปฐมวัย
ยทุ ธศาสตรท์ ่ี ๓ การพัฒนาคณุ ภาพและมาตรฐานการให้บริการพัฒนา

เดก็ ปฐมวัย ๓๖

ยุทธศาสตรท์ ี่ ๔ การพฒั นาระบบและกลไกการบูรณาการสารสนเทศ
เดก็ ปฐมวยั และการนำไปใช้ประโยชน์

ยุทธศาสตร์ท่ี ๕ การจดั ทำและปรบั ปรุงกฎหมาย กฎระเบียบทเ่ี ก่ียวกบั ๓๘

เดก็ ปฐมวัยและการดำเนินการตามกฎหมาย
ยทุ ธศาสตร์ท่ี ๖ การวิจัยพัฒนาและเผยแพร่องค์ความร้ ู

ยทุ ธศาสตร์ท่ี ๗ การบรหิ ารจัดการ การสร้างกลไกการประสาน ๔๐

การดำเนินงาน และการติดตามประเมนิ ผล


๔๒

๔๖





สว่ นที่ ๕ การขบั เคล่ือนและการตดิ ตามประเมนิ ผล ๔๙


บรรณานุกรม ๕๓


ภาคผนวก ๕๕

สว่ นที่ ๑


สภาวการณ์และบรบิ ทแวดลอ้ มในการพัฒนาเด็กปฐมวยั


๑. สภาวการณด์ ้านเด็กปฐมวยั


การดำเนินงานด้านเด็กปฐมวัยของประเทศไทย มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกันหลาย
หน่วยงาน เนื่องจากเด็กปฐมวัยเป็นวัยท่ีเริ่มต้นตั้งแต่ปฏิสนธิในครรภ์มารดาจนถึงอายุ ๖ ปี
บริบูรณ์หรือก่อนเข้าชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๑ โดยมีหน่วยงานหลัก คือ กระทรวงสาธารณสุข
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความม่ันคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวง
ศึกษาธิการ สภาพการดำเนินงานพัฒนาเด็กปฐมวัยมีหลายรูปแบบ หากใช้เกณฑ์ตามอายุ

จากระบบการดแู ลและบรกิ ารจะจำแนกเดก็ ปฐมวยั ออกเปน็ สองกลมุ่ อายุ คอื กลมุ่ เดก็ อายตุ ำ่ กวา่
๓ ปี หรอื เด็กอายุ ๐ - ๓ ปี และกลุ่มเด็กอายุ ๓ - ๕ ปี ซึ่งเกณฑ์ตามอายุมีรูปแบบการดูแล

และส่งเสรมิ พฒั นาการเด็ก ดังน
้ี
๑. กลุ่มอายุต่ำกว่า ๓ ปี หรือเด็กอายุ ๐ - ๓ ปี เป็นช่วงวัยที่เด็กต้องได้รับการดูแล

และส่งเสริมพัฒนาการจากครอบครัวเป็นหลัก แต่จากสภาพลักษณะทางเศรษฐกิจและสังคม

ในปจั จบุ นั ทำใหโ้ ครงสรา้ งของสถาบนั ครอบครวั เปลยี่ นแปลงอยา่ งมาก พอ่ แมส่ ว่ นใหญไ่ มส่ ามารถ
เลี้ยงดูลูกด้วยตัวเอง โดยเฉพาะเด็กในช่วง ๐ - ๒ ปี ได้รับการเล้ียงดูหลากหลายรูปแบบ

ตามสภาพของแต่ละครอบครัว เช่น การให้ญาติดูแล การฝากเพ่ือนบ้านรับเล้ียง การฝากสถาน
รับเลี้ยงเด็กเอกชน ลักษณะการดูแลเด็กในช่วงต้นของชีวิตของเด็กไทยจึงเป็นโจทย์ใหญ่ที่ต้อง

หาทางปรับปรงุ ให้พ่อแมข่ องเด็กมโี อกาสเลยี้ งดูเด็กมากขนึ้

๒. กลุ่มอายุ ๓ - ๕ ปี ใช้บริการสถานพัฒนาเด็กหรือบริการรูปแบบอื่น ทั้งในระบบ
นอกระบบ และตามอัธยาศัย ที่อยู่ในกำกับของหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ซ่ึงมีความ

แตกต่างหลากหลายท้ังคุณภาพของสถานที่ บริการ อาหาร การกระตุ้นพัฒนาการและคุณภาพ
ของผู้ดแู ล รวมถึงระดับความร่วมมือของพ่อแม่ ผูป้ กครองและครอบครัวในการพฒั นาเดก็

2 แผนพฒั นาเดก็ ปฐมวยั พ.ศ. ๒๕๖๔ - ๒๕๗๐


การดำเนินงานพัฒนาเด็กปฐมวยั ของกระทรวงและหนว่ ยงานทเี่ ก่ียวขอ้ ง

การส่งเสริมและพัฒนาเด็กปฐมวัยได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง จากความร่วมมือของ ๔
กระทรวงหลกั ไดแ้ ก่ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการพัฒนาสังคมและความม่นั คงของมนษุ ย์
กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงศึกษาธิการ รวมถึงหน่วยงานอื่นที่มีการดำเนินงานเก่ียวข้อง
กับการพัฒนาเด็กปฐมวัย ได้แก่ กระทรวงแรงงาน กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย
และนวัตกรรม และกระทรวงยุตธิ รรม โดยมีรายละเอยี ดภารกิจและนโยบาย ดงั น
ี้
๑. กระทรวงสาธารณสุข เป็นหน่วยงานท่ีดูแลส่งเสริมสุขภาพประชากรทุกช่วงวัย

เรมิ่ ตง้ั แตท่ ารกอยใู่ นครรภ์ ชว่ งปฐมวยั วยั เรยี น วยั รนุ่ วยั ทำงาน และวยั สงู อายุ ตอ่ เนอ่ื งตลอดชวี ติ
อีกท้ังยังเป็นหน่วยงานท่ีให้บริการดูแลและประเมินพัฒนาการของทารกให้กับพ่อแม่และเด็ก

ต้ังแต่การบริการให้ข้อมูลความรู้ก่อนแต่งงาน การเตรียมตัวเป็นพ่อแม่ การดูแลแม่ที่ต้ังครรภ์
ตลอดจนครอบครัวที่มีบุตรอยู่ในช่วงปฐมวัย นอกจากน้ัน มีการดำเนินงานแบบบูรณาการ

เพื่อการพัฒนาเด็กปฐมวัยภายใต้โครงการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ

สยามบรมราชกุมารี เน่ืองในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ โดยติดตาม

คัดกรองเดก็ ปฐมวัยในชว่ ง ๕ อายุท่สี ำคญั ได้แก่ อายุ ๙ เดอื น ๑๘ เดือน ๓๐ เดอื น ๔๒ เดือน
และ ๖๐ เดอื น จากการใชค้ มู่ อื การเฝา้ ระวงั และสง่ เสรมิ พฒั นาการเดก็ ปฐมวยั (Developmental
Surveillance and Promotion Manual : DSPM) เพื่อดูแล ส่งเสริม กระตุ้นเด็กที่สงสัยว่า

มีพัฒนาการล่าช้า ท้ังนี้ หน่วยงานในสังกัดท่ีมีภารกิจเกี่ยวข้องกับการพัฒนาเด็กปฐมวัยยังม

การสนับสนุนการดำเนินงาน และการกำกับติดตามเชิงบริหารจัดการ เช่น การเยี่ยมเสริมพลัง

ในระดับพ้ืนที่ การดำเนินการเกี่ยวกับภาวะโภชนาการของแม่และเด็ก การเฝ้าระวังโรคขาดสาร
ไอโอดีน การส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพียงอย่างเดียวในช่วง ๖ เดือนแรก การส่งเสริม

การไดร้ ับวัคซนี ตามเกณฑ์ในเด็กและการขับเคล่อื นนโยบายเด็ก ๐ - ๕ ปี สูงดสี มส่วน

๒. กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นองค์กรที่ขับเคลื่อน

และสรา้ งระบบสวสั ดกิ ารใหป้ ระชาชนมหี ลกั ประกนั และมคี วามมน่ั คงในชวี ติ พฒั นาคนและสงั คม
ให้มีคุณภาพและมีภูมิคุ้มกันต่อการเปล่ียนแปลง และมีความสุขอย่างยั่งยืน ในส่วนการพัฒนา
กลุ่มเป้าหมายเด็กปฐมวัยมีการดำเนินงานทั้งในส่วนของนโยบาย มาตรการ กลไก วิชาการ

และการปฏิบัติ และมิติของการพัฒนาส่งเสริมศักยภาพ การคุ้มครอง และจัดสวัสดิการแก่

กล่มุ เป้าหมาย มกี ิจกรรมดังนี ้

๑) เป็นหน่วยงานหลักในการประสานความร่วมมือกับ ๔ กระทรวงหลัก ได้แก่
กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการพัฒนาสังคมและความม่ันคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย
และกระทรวงศึกษาธิการ ในการจัดทำและพัฒนามาตรฐานสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยแห่งชาติ
ตามภารกิจและนโยบายแห่งรัฐ เป็นมาตรฐานกลางของประเทศซ่ึงคณะรัฐมนตรีเห็นชอบ

เมือ่ วนั ท่ี ๒ มกราคม ๒๕๖๒

แผนพัฒนาเด็กปฐมวัย พ.ศ. ๒๕๖๔ - ๒๕๗๐
3
๒) ดำเนินงานสถานรับเลี้ยงเด็ก โดยส่งเสริมภาคเอกชนจัดตั้งสถานรับเลี้ยงเด็ก
เข้ารับการจดทะเบียนขอรับใบอนุญาตจัดต้ังสถานรับเล้ียงเด็ก ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก
พ.ศ. ๒๕๔๖ เมอื่ จดทะเบยี นถกู ต้อง จะได้รบั การส่งเสริมสนับสนนุ ความรวู้ ชิ าการดา้ นการพฒั นา
เด็กปฐมวัย การอบรมพัฒนาศักยภาพแก่ผู้ดำเนินกิจการ ผู้เลี้ยงดูเด็ก และผู้ปกครอง รวมถึง

ได้รับการตรวจเย่ียม ให้คำแนะนำการดำเนินงานอย่างใกล้ชิด โดยพื้นท่ีเขตกรุงเทพมหานคร

รับผิดชอบโดยกรมกิจการเด็กและเยาวชน ส่วนภูมิภาครับผิดชอบโดยสำนักงานพัฒนาสังคม

และความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด กิจกรรมภายในสถานรับเล้ียงเด็กเป็นการดูแล พัฒนา และ
จัดการเรียนรู้แก่เด็กอายุต้ังแต่แรกเกิดถึงก่อนเข้าประถมศึกษาปีท่ี ๑ ให้มีพัฒนาการสมวัยและ

มีความพร้อมสามารถเข้าเรียนต่อในระดับอนุบาล หรือประถมศึกษาปีที่ ๑ ปัจจุบันมีสถาน

รบั เลย้ี งเดก็ จำนวน ๑,๔๙๓ แหง่ มเี ดก็ จำนวน ๖๙,๕๓๐ คน (ขอ้ มลู จากกระทรวงการพฒั นาสงั คม
และความมั่นคงของมนษุ ย์ พ.ศ. ๒๕๖๓)

๓) จัดทำระบบข้อมูลสารสนเทศการพัฒนาเด็กปฐมวัยตามมาตรฐานชาติ (ระบบ
ประเมนิ ออนไลน)์ ในปี ๒๕๖๑ เปน็ ระบบฐานขอ้ มลู กลาง เพอื่ รองรบั การตดิ ตามผลการดำเนนิ งาน
ของสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย ตามมาตรฐานสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยแห่งชาติท่ัวประเทศ

ผ่านทางเว็บไซต์กรมกิจการเด็กและเยาวชน (https://ecd.dcy.go.th) เพื่อให้หน่วยงานได้ใช้
ประโยชนจ์ ากขอ้ มลู เพื่อยกระดับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยใหม้ คี ณุ ภาพตามมาตรฐาน

๔) จัดสวัสดิการแก่กลุ่มด้อยโอกาส โดยการส่งเสริม สนับสนุน คุ้มครอง

และจัดสวัสดิการแก่เด็กท่ีอยู่ในครอบครัวยากจน ขาดแคลน และประสบปัญหาทางสังคม

๒ กิจกรรม ไดแ้ ก ่

๔.๑ การอุปการะอบรมเล้ียงดูและพัฒนา รวมทั้งสนับสนุนทรัพยากรการ
ดำเนินงานในรูปแบบสถานสงเคราะห์เด็กของรัฐแก่เด็กกำพร้า เด็กถูกทอดท้ิง มารดาตั้งครรภ์

ไมพ่ ร้อม เดก็ ตดิ เชอ้ื HIV เดก็ ท่ปี ระสบปัญหาเดือดรอ้ น และปัญหาทางสังคมดา้ นตา่ ง ๆ รวมถึง
การหาครอบครัวทดแทนแก่เด็กท้ังชาวไทยและชาวต่างประเทศ ตลอดจนส่งเด็กที่อยู่ในวัยเรียน
เข้าสถานศึกษาเพื่อให้เด็กได้รับความรู้และเรียนรู้การใช้ชีวิตประจำวัน และการเข้าสังคม

กบั บคุ คลภายนอก ปจั จบุ นั มสี ถานสงเคราะห์ ๘ แหง่ ในจงั หวดั ตา่ ง ๆ ดงั นี้ จงั หวดั สงขลา อดุ รธานี
นครศรีธรรมราช เชียงใหม่ ขอนแก่น นนทบุรี และปทุมธาน ี มีเด็กอยู่ภายใต้การคุ้มครอง
จำนวน ๑,๒๑๕ คน

๔.๒ การจัดสวัสดิการแก่เด็กท่ีอยู่ในครอบครัวยากจน การให้การอุดหนุน

เพอื่ การเลี้ยงดเู ด็กแรกเกิดตามนโยบายของรัฐ โดยรฐั จดั ใหม้ โี ครงการเงนิ อุดหนุนเพื่อการเลยี้ งดู
เด็กแรกเกิด ซ่ึงนับเป็นโครงการที่เป็นรูปธรรมชัดเจนในช่วงระยะที่ผ่านมา โดยให้เงินอุดหนุน

เดก็ แรกเกดิ ทอี่ ยใู่ นครวั เรอื นยากจน หรอื ครวั เรอื นทเ่ี สย่ี งตอ่ ความยากจนทเี่ กดิ ระหวา่ งวนั ท่ี ๑ ตลุ าคม
๒๕๕๘ ถงึ วันท่ี ๓๐ กนั ยายน ๒๕๕๙ รายละ ๔๐๐ บาทตอ่ เดอื น เป็นระยะเวลา ๑ ปี และเมื่อ

4 แผนพัฒนาเดก็ ปฐมวยั พ.ศ. ๒๕๖๔ - ๒๕๗๐


วันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๕๙ คณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้ดำเนินโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเล้ียงด

เด็กแรกเกิดต่อเนื่อง โดยให้เงินอุดหนุนต้ังแต่แรกเกิดจนครบอายุ ๓ ปี และเพ่ิมเงินอุดหนุนเป็น
รายละ ๖๐๐ บาท ต่อคน ต่อเดือน เริ่มต้ังแต่เดือนตุลาคม ๒๕๕๙ เป็นต้นไป และมต

คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๖๒ ได้เห็นชอบการขยายระยะเวลาการให้เงินอุดหนุน
เพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด ตั้งแต่แรกเกิดจนถึง ๖ ปี และขยายฐานรายได้ครอบครัว ไม่เกิน
๑๐๐,๐๐๐ บาท/คน/ปี โดยเร่มิ ตัง้ แต่ปีงบประมาณ ๒๕๖๒ เปน็ ตน้ ไป


ตาราง ๑ ผลการดำเนนิ งานโครงการเงินอดุ หนนุ เพื่อการเลี้ยงดูเดก็ แรกเกดิ


ปงี บประมาณ
จำนวนผู้ลงทะเบยี น (คน)
จำนวนผูม้ สี ิทธิ (คน)
จำนวนผูไ้ ดร้ บั เงนิ (คน)


๒๕๕๙ ๒๐๕,๘๑๒ ๒๐๒,๗๑๖ ๙๐,๒๑๖

๒๕๖๐ ๔๒๘,๘๑๑ ๔๑๕,๑๖๙ ๓๑๐,๐๔๑

๒๕๖๑ ๗๖๑,๘๓๙ ๖๘๑,๖๒๙ ๕๑๘,๑๗๔

๒๕๖๒ ๑,๐๘๐,๑๔๗ ๘๘๐,๘๙๓ ๕๑๓,๗๐๒


หมายเหตุ : จำนวนผู้ลงทะเบยี น จำนวนผู้มสี ิทธิ และจำนวนผูไ้ ด้รบั เงิน เป็นจำนวนสะสมมาจากปีท่ผี ่านมา

(ข้อมูล ณ วนั ที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๒)


๕) ส่งเสริมและพัฒนากลไกการพัฒนาเด็กปฐมวัย ในปี ๒๕๕๘ คณะกรรมการ

ส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ (กดยช.) จัดตั้งคณะอนุกรรมการ ๓ ระดับ

ประกอบด้วย (๑) คณะอนุกรรมการประสานและส่งเสริมการพัฒนาเด็กปฐมวัย (ส่วนกลาง)

(๒) คณะอนกุ รรมการสง่ เสรมิ การพฒั นาเดก็ ปฐมวยั ระดบั จงั หวดั ๗๖ จงั หวดั (ซงึ่ มเี ลขานกุ ารรว่ ม
๔ หน่วยงานหลัก ที่ดำเนินงานเก่ียวกับการพัฒนาเด็กปฐมวัยในจังหวัด ได้แก่ สำนักงาน

พัฒนาสังคมและความม่ันคงของมนุษย์จังหวัด สำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถ่ินจังหวัด
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด และสำนักงานศึกษาธิการจังหวัด) และ (๓) คณะอนุกรรมการ

ส่งเสริมการพัฒนาเด็กปฐมวัยกรุงเทพมหานคร เพ่ือรับผิดชอบงานด้านเด็กปฐมวัยและเชื่อมโยง
การพัฒนาเด็กปฐมวัยระดับนโยบายจากส่วนกลาง ขับเคล่ือนไปสู่การปฏิบัติในระดับจังหวัดให้มี
ความชัดเจนเปน็ รปู ธรรม

๖) ดำเนินงานตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. ๒๕๔๖ มาตรา ๒๓

มีเจตนารมณ์ให้บุคคลแวดล้อมเด็กมีความสามารถในการดูแล อุปการะเลี้ยงดู อบรมสั่งสอน

และพัฒนาเด็กที่อยู่ในความปกครองดูแลของตนตามสมควร ทั้งน้ีต้องไม่ต่ำกว่ามาตรฐานขั้นต่ำ
ตามทก่ี ำหนดในกฎกระทรวง รวมไปถงึ ตอ้ งคมุ้ ครองสวสั ดภิ าพเดก็ ทอ่ี ยใู่ นความปกครองดแู ลของตน

มิให้ตกอยู่ในภาวะอันน่าจะเกิดอันตรายแก่ร่างกายหรือจิตใจ โดยการทำงานร่วมกับอาสาสมัคร

แผนพัฒนาเด็กปฐมวัย พ.ศ. ๒๕๖๔ - ๒๕๗๐
5

และองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน จำนวน ๕๖๒ แห่ง รวมไปถึงมีพนักงานเจ้าหน้าท่ีทำหน้าท
่ี
ใหค้ วามรแู้ ละคำปรกึ ษาแกพ่ อ่ แมผ่ ปู้ กครองใหส้ ามารถดแู ลเดก็ ได้ หากพอ่ แมผ่ ปู้ กครองไมส่ ามารถ
ดูแลเด็กได้จะมีการจัดบริการการเล้ียงดูทดแทนเพ่ือให้เด็กได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีความเป็น
ครอบครวั มากทส่ี ดุ เช่น การจดั หาครอบครัวอุปถัมภ์ หรอื การจัดหาครอบครวั บุญธรรมให้กบั เด็ก
ตามพระราชบญั ญตั กิ ารรบั เด็กเป็นบตุ รบญุ ธรรม พ.ศ. ๒๕๒๒

๗) ดำเนินงานด้านครอบครัวเก่ียวกับประเด็นเด็กปฐมวัย การดำเนินงานของ

กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (สค.) ในการส่งเสริมและพัฒนาองค์ความรู้ให้แก่พ่อแม ่

ผู้ปกครอง จะดำเนินกิจกรรมผ่านกลไกในระดับพื้นท่ี ได้แก่ ทีมวิทยากรด้านครอบครัวระดับ
จังหวัด และคณะทำงานศูนย์พัฒนาครอบครัวในชุมชน (ศพค.) โดย สค. ได้ดำเนินโครงการ/
กิจกรรมต่าง ๆ ดังนี้ ๑) พัฒนาหลักสูตรโรงเรียนครอบครัวสำหรับบุคลากรท่ีทำงานเกี่ยวกับ
ครอบครวั ๒ หลักสูตร ได้แก่ การเตรียมความพรอ้ มก่อนมคี รอบครวั และการเตรยี มความพร้อม

พ่อแม่มือใหม่และทั่วไป ๒) ฝึกอบรมเพิ่มทักษะทีมวิทยากรด้านครอบครัวระดับจังหวัด

๔๒ จังหวัด เพ่ือให้ทีมวิทยากรด้านครอบครัวระดับจังหวัดไปจัดกิจกรรมการส่งเสริมบทบาท

พ่อแม่ ผู้ปกครองในการดูแลเด็กเล็กในชุมชน ๓) สนับสนุนงบเงินอุดหนุนให้กลไกระดับพ้ืนท่ี
ได้แก่ ศูนย์พัฒนาครอบครัวในชุมชน (ศพค.) จัดกิจกรรมตามกรอบกิจกรรมท่ีทาง สค. กำหนด
ทั้งนี้ พ้ืนท่ีสามารถเลือกจัดกิจกรรมตามบริบทและปัญหาของพ้ืนที่ ๔) จัดทำสื่อสารคดีสั้น

เพื่อเสรมิ สร้างครอบครวั คณุ ภาพ ชดุ “โรงเรยี นครอบครัว”

๓. กรมส่งเสริมการปกครองทอ้ งถน่ิ กระทรวงมหาดไทย มกี ารจดั ศูนยพ์ ฒั นาเด็กเล็ก
โดยองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินจำนวนมาก นับเป็นหน่วยงานสำคัญท่ีดูแลการจัดการศึกษา
ปฐมวัยของประเทศ ทั้งนี้ ในปีการศึกษา ๒๕๕๙ มีการจัดการเรียนการสอนโดยใช้หลักสูตร

การศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐ ท่ีกระทรวงศึกษาธิการกำหนด และแบ่งออกเป็น

๒ ประเภท คอื

๑) การจัดการศึกษาปฐมวัย สำหรับเด็กปฐมวัย อายุ ๒ - ๕ ปี ในรูปแบบ

ศนู ยพ์ ฒั นาเดก็ เลก็ ปจั จบุ นั องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ มศี นู ยพ์ ฒั นาเดก็ เลก็ อยใู่ นความรบั ผดิ ชอบ

ทง้ั ทอ่ี งคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ จดั ตงั้ เองและรบั ถา่ ยโอนจากสว่ นราชการอน่ื ทส่ี ำรวจในปี ๒๕๖๓
มีศูนย์พัฒนาเด็กจำนวน ๑๘,๘๑๐ แห่ง มีนักเรียนในศูนย์พัฒนาเด็กจำนวน ๗๙๘,๔๖๔ คน
(กรมสง่ เสรมิ การปกครองท้องถน่ิ , ๒๕๖๓)

๒) การจัดการศึกษาปฐมวยั สำหรับเดก็ อายุ ๔ - ๖ ปี ในรปู แบบโรงเรยี นอนุบาล
ปัจจุบันองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินที่จัดการศึกษาปฐมวัยในโรงเรียนอนุบาล มีจำนวนนักเรียนท่ี
อยู่ในความรับผิดชอบ จำนวน ๑๗๑,๖๗๑ คน ใน ๑,๓๓๘ โรงเรียน (กรมส่งเสริมการปกครอง
ทอ้ งถิ่น, ๒๕๖๓)

6 แผนพัฒนาเด็กปฐมวยั พ.ศ. ๒๕๖๔ - ๒๕๗๐


นอกจากน้ี กรมส่งเสริมการปกครองท้องถ่ินมีการจัดทำมาตรฐานการดำเนินงาน
ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน เพื่อยกระดับการพัฒนาศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก

ใหม้ มี าตรฐานและมคี ณุ ภาพย่ิงขนึ้ โดยกำหนดมาตรฐานออกเป็น ๖ ดา้ น ไดแ้ ก่ ดา้ นการบริหาร
จัดการ ด้านบุคลากร ด้านอาคารสถานที่ ส่ิงแวดล้อมและความปลอดภัย ด้านวิชาการ

และกจิ กรรมตามหลกั สตู ร ดา้ นการมสี ว่ นรว่ มและการสนบั สนนุ จากทกุ ภาคสว่ น และดา้ นสง่ เสรมิ
เครือข่ายการพัฒนาเด็กปฐมวัย รวมถึงสนับสนุนส่งเสริมให้ใช้มาตรฐานสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย
แห่งชาติ เพื่อให้ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใช้เป็นมาตรฐานสำหรับการ
ประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา รวมถึงเป็นการยกระดับการจัดการศึกษาได้อย่างมีคุณภาพ
และมมี าตรฐานเป็นทยี่ อมรบั

๔. กระทรวงศึกษาธิการ มีหน่วยงานท่ีดำเนินการเก่ียวกับการจัดการศึกษาหรือการ
พัฒนาเด็กปฐมวัย ได้แก่ หน่วยงานที่ดำเนินการจัดการศึกษาปฐมวัยหรือก่อนประถมศึกษา คือ
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ท่ีกำกับดูแลการจัดการศึกษาระดับ

กอ่ นประถมศกึ ษาของสถานศกึ ษาของรฐั สำนกั งานคณะกรรมการสง่ เสรมิ การศกึ ษาเอกชน (สช.)

ที่กำกับดูแลการจัดการศึกษาปฐมวัยของสถานศึกษาเอกชน และสำนักงานส่งเสริมการศึกษา
นอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) ที่กำกับดูแลการจัดการศึกษาให้กับเด็กปฐมวัย

ในรปู แบบศนู ยก์ ารเรยี นรใู้ นพน้ื ทที่ ไี่ มม่ สี ถานศกึ ษาใหบ้ รกิ ารการศกึ ษาได้ และมหี นว่ ยงานทด่ี ำเนนิ งาน
เก่ียวกับการพัฒนาเด็กปฐมวัยในด้านนโยบาย แผน หลักสูตร หรือการวิจัยที่เก่ียวข้องกับ

การจัดการศึกษาปฐมวัย รวมถึงข้อมูลสารสนเทศทางการศึกษาเด็กปฐมวัย คือ สำนักงาน

ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (สป.) และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน (สพฐ.) โดย
สพฐ. ได้จัดทำหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐ เพ่ือให้สถานศึกษาและ

สถานพัฒนาเด็กปฐมวัยทุกสังกัดนำไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับบริบท และจัดการศึกษาระดับ
ปฐมวยั หลักสตู ร ๓ ปี (อนุบาล ๓ - ๕ ปี) ปัจจุบนั มนี กั เรียนจำนวน ๘๙๗,๕๖๓ คน

ในส่วนของสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) ได้เร่งผลักดันการจัดทำ

(ร่าง) แผนพัฒนาเด็กปฐมวัย มาตรฐานสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยแห่งชาติ การจัดทำระบบ

สารสนเทศและฐานข้อมูลกลางด้านเด็กปฐมวัยของประเทศ รวมถึงสมรรถนะของเด็กปฐมวัย

ช่วงอายุ ๐ - ๕ ปี ภายใต้การขับเคลื่อนของคณะกรรมการพัฒนาเด็กปฐมวัยแห่งชาติชุดเดิม
และมีการดำเนินงานต่อเน่ืองตามอำนาจหน้าท่ีของคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเด็กปฐมวัย
ชดุ ใหม่ ท่ีแตง่ ตั้งภายใตพ้ ระราชบญั ญตั ิการพัฒนาเดก็ ปฐมวยั พ.ศ. ๒๕๖๒ เพ่อื ใหก้ ารดำเนินงาน
ดา้ นเด็กปฐมวยั ของประเทศมแี นวทางและมาตรฐานเดยี วกัน

สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (สป.) มีหน่วยงานที่ดำเนินการจัดการศึกษา
ปฐมวยั ไดแ้ ก่ สำนกั งานคณะกรรมการสง่ เสริมการศึกษาเอกชน (สช.) จดั การศึกษาระดบั ปฐมวัย
หลักสูตร ๓ ปี (อนุบาล ๓ - ๕ ปี) ปัจจุบันมีนักเรียนจำนวน ๕๕๖,๖๗๒ คน (ข้อมูลจากสถิต


แผนพฒั นาเด็กปฐมวยั พ.ศ. ๒๕๖๔ - ๒๕๗๐
7
การศึกษา ประจำปี ๒๕๖๒ สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ) ในส่วนของการดำเนินการท่ี
เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเด็กปฐมวัย สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ได้จัดทำแผนปฏิบัติการ
ด้านการจัดการศึกษาปฐมวัยของกระทรวงศึกษาธิการ (พ.ศ. ๒๕๖๓ – ๒๕๖๕) ซ่ึงรัฐมนตรี
วา่ การกระทรวงศกึ ษาธกิ ารได้ให้ความเหน็ ชอบ และให้มกี ารดำเนนิ การขับเคล่อื นแผนปฏิบตั ิการ

ด้านการจัดการศึกษาปฐมวัยของกระทรวงศึกษาธิการ (พ.ศ. ๒๕๖๓ – ๒๕๖๕) สู่การปฏิบัต ิ

โดยแต่งตั้งคณะกรรมการขับเคล่ือนแผนปฏิบัติการด้านการจัดการศึกษาปฐมวัยของกระทรวง
ศึกษาธิการ (พ.ศ. ๒๕๖๓ – ๒๕๖๕) สู่การปฏิบัติ ประกอบด้วย คณะกรรมการอำนวยการ

และคณะกรรมการดำเนนิ งาน ทง้ั นี้ คณะกรรมการขบั เคลอื่ นแผนปฏบิ ตั กิ ารฯ ไดใ้ หค้ วามเหน็ ชอบ
นโยบายและแนวปฏิบัติในการจัดการศึกษาและการเรียนรู้สำหรับเด็กปฐมวัยและรัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงศึกษาธิการได้ลงนามในประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง นโยบายและแนวปฏิบัต

ในการจัดการศึกษาและการเรียนรู้สำหรับเด็กปฐมวัย เมื่อวันท่ี ๗ สิงหาคม ๒๕๖๓ รวมทั้ง

ให้ความเห็นชอบ Roadmap การขับเคลื่อนนโยบายและแนวปฏิบัติในการจัดการศึกษา

และการเรียนรู้สำหรับเด็กปฐมวัยสู่การปฏิบัติ เพื่อใช้เป็นกรอบแนวทางในการดำเนินงานของ
หน่วยงานที่เกยี่ วข้อง

นอกจากนี้ สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการได้ดำเนินงานด้านการพัฒนา

เด็กปฐมวัยในระดับพ้ืนที่อย่างต่อเนื่อง ได้แก่ การดำเนินการโครงการส่งเสริมและพัฒนา

การจัดการศกึ ษาเดก็ ปฐมวัย (อนุบาล ๑ - ๓) ในปีงบประมาณ ๒๕๖๑ และโครงการขับเคล่อื น
การพัฒนาการจัดการศึกษาปฐมวัยในระดับพ้ืนที่ (ภาคและจังหวัด) ในปีงบประมาณ ๒๕๖๒

โดยสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สป. เป็นหน่วยงานรับผิดชอบการดำเนินงานภาพรวม
โครงการ มีสำนักงานศึกษาธิการภาค ๑๘ ภาค และสำนักงานศึกษาธิการจังหวัด ๗๗ จังหวัด
เป็นหน่วยงานรับผิดชอบการดำเนินงานในระดับพ้ืนท่ี และในปีงบประมาณ ๒๕๖๓ สำนัก

บูรณาการกิจการการศึกษาเป็นหน่วยงานรับผิดชอบการดำเนินงานภาพรวมโครงการขับเคลื่อน
การพัฒนาการจัดการศึกษาปฐมวัยในระดับพ้ืนท่ี (ภาคและจังหวัด) มีสำนักงานศึกษาธิการภาค

๑๘ ภาค และสำนกั งานศกึ ษาธกิ ารจังหวัด ๗๗ จงั หวดั เป็นหนว่ ยงานรบั ผดิ ชอบการดำเนนิ งาน
ในระดับพ้ืนท่ี โดยกำหนดวัตถุประสงค์และเป้าหมายในการดำเนินการในระดับพ้ืนที่ท่ีสำคัญ
ได้แก่ การจัดทำข้อมูลสารสนเทศตามระบบฐานข้อมูลสารสนเทศการพัฒนาเด็กปฐมวัย

การนิเทศ ติดตาม และประเมินผลการดำเนินงานของหน่วยงาน/สถานศึกษา/สถานพัฒนา

เด็กปฐมวัยในจังหวัด การจัดเก็บรวบรวมรูปแบบและวิธีปฏิบัติท่ีเป็นเลิศ (Best Practices)
สำหรับการพัฒนาเด็กปฐมวัย รวมทั้งการสร้างความรู้ความเข้าใจแนวนโยบายและเป้าหมาย

การพัฒนาเด็กปฐมวยั ท่ถี ูกต้องให้กบั ทุกภาคส่วนทีเ่ กีย่ วขอ้ งในระดบั พ้ืนที


8 แผนพัฒนาเด็กปฐมวยั พ.ศ. ๒๕๖๔ - ๒๕๗๐


๕. กระทรวงแรงงาน มกี รมสวสั ดกิ ารและคมุ้ ครองแรงงานเปน็ หนว่ ยงานเดยี วทร่ี บั ผดิ ชอบ
ในการพัฒนาเด็กปฐมวัย โดยดำเนินการส่งเสริมการพัฒนาเด็กปฐมวัยที่เป็นบุตรของผู้ใช้แรงงาน
จัดต้ังศูนย์เด็กเล็กวิทยาเขตสิรินธรราชวิทยาลัย ในพระราชูปถัมภ์ ซึ่งเป็นโครงการที่จัดตั้งขึ้น

ตามพระราชดำริในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เริ่มดำเนินงานตั้งแต่

ปี พ.ศ. ๒๕๓๖ เพื่อดูแลเด็กก่อนวัยเรียนซึ่งเป็นบุตรของผู้ใช้แรงงานให้ได้รับการพัฒนา

ดา้ นรา่ งกาย อารมณ์ จติ ใจ สงั คม และสตปิ ญั ญา อยา่ งถกู ตอ้ งและเหมาะสม เพอื่ เตรยี มความพรอ้ ม
สูก่ ารศกึ ษาภาคบงั คับ ปัจจุบนั มีสถานประกอบกจิ การที่จัดตัง้ มุมนมแมแ่ ล้ว จำนวน ๑,๒๖๔ แหง่
มีลูกจ้างมาใช้บริการทงั้ หมด ๙,๐๕๘ คน และมีการจัดต้ังศนู ยเ์ ลยี้ งดูบตุ รของผูใ้ ชแ้ รงงานในสถาน
ประกอบกจิ การและชุมชน จำนวน ๗๙ แหง่ มเี ดก็ ได้รบั การเลีย้ งดู จำนวน ๒,๐๑๑ คน

๖. กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม มีสถาบันอุดมศึกษา

ท่ีผลิตบุคลากรด้านการพัฒนาเด็กปฐมวัยในมหาวิทยาลัยของรัฐ มหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ
และสถาบนั ราชภฏั จำนวน ๓๘ แห่ง ที่ผลิตบัณฑติ ดา้ นการศึกษาปฐมวยั รวมทงั้ เป็นหลักในการ
ดำเนนิ งานวจิ ัย พฒั นา และเผยแพร่องค์ความรรู้ ว่ มกับหน่วยงานอื่น ๆ

๗. กระทรวงยุติธรรม มีการดำเนินงานที่สำคัญกับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ คือ ผู้ต้องขัง
หญิงตั้งครรภ์และเด็กติดผู้ต้องขัง โดยกระทรวงยุติธรรมได้ดำเนินการจัดสรรงบประมาณให้แก่
เรือนจำและทัณฑสถานที่ควบคุมผู้ต้องขังหญิงตั้งครรภ์และเด็กติดผู้ต้องขัง และให้บุคลากรใน

โรงพยาบาลหรอื สาธารณสขุ เปน็ ผจู้ ดั อบรมใหแ้ กผ่ ตู้ อ้ งขงั หญงิ ตง้ั ครรภ์ และเจา้ หนา้ ทท่ี ป่ี ฏบิ ตั งิ าน
ด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ต้องขังหญิงต้ังครรภ์และเด็กติดผู้ต้องขัง เพื่อการต้ังครรภ์ที่มี
คุณภาพและการดูแลหลังคลอด ท้ังด้านโภชนาการ และการตรวจสุขภาพ ซ่ึงมีการดูแลเด็กปีละ
ประมาณ ๒๕๖ คน ทงั้ น้ี ในช่วงปีงบประมาณ ๒๕๕๖ - ๒๕๕๘ มกี ารจัดอบรมให้ความรู้จำนวน
๒๕๒ แห่ง

การพัฒนาเด็กปฐมวัยของแต่ละกระทรวงและหน่วยงานที่เก่ียวข้องท้ังในระดับนโยบาย
และระดับปฏิบัติ มีการดำเนินการตามภารกิจหน้าที่รับผิดชอบหลักของตน อย่างไรก็ตาม

การปฏิบัติงานดังกล่าวยังขาดระบบการดูแลและการพัฒนาเด็กปฐมวัยแบบองค์รวมท่ีมุ่งเน้น
การบูรณาการการดำเนินงานระหว่างกระทรวงท่ีเกี่ยวข้องทั้งหมด เพ่ือลดการทำงานท่ีซ้ำซ้อน
และไม่เป็นเอกภาพ เช่น มาตรฐานการพัฒนา ระบบการสำรวจพัฒนาการ/ศักยภาพ ระบบการ
ประเมินการดำเนินงาน ฯลฯ อันจะนำไปสู่ประโยชน์ในการผลักดันขับเคล่ือนการดำเนินงานให้
เปน็ ไปในทิศทางเดียวกันอย่างมีประสิทธภิ าพและเห็นผลอย่างเปน็ รูปธรรม

แผนพฒั นาเดก็ ปฐมวยั พ.ศ. ๒๕๖๔ - ๒๕๗๐
9
ผลการดำเนินงานพัฒนาเดก็ ปฐมวัยที่ผา่ นมา

รัฐบาลมีความพยายามในการระดมทรัพยากรและการลงทุนเพ่ือพัฒนาเด็กปฐมวัยอย่าง
ต่อเน่ือง โดยมีกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องท้ังในระดับนโยบายและระดับปฏิบัติเข้ามามี
ส่วนเก่ียวข้องและร่วมรับผิดชอบในการดำเนินงาน แต่ยังมีอีกหลายปัจจัยที่ทำให้การพัฒนา

เดก็ ปฐมวยั ไมไ่ ดป้ ระสทิ ธภิ าพเทา่ ทคี่ วร ดงั เหน็ ไดจ้ ากแผนการศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๗๙
ทก่ี ล่าวไว้วา่ คุณภาพของคนไทยทกุ กลมุ่ วยั ยงั มีปัญหา และสง่ ผลตอ่ การยกระดบั ขดี ความสามารถ
ในการแข่งขันของประเทศในอนาคต เช่น พัฒนาการและสติปัญญาต้ังแต่วัยเด็ก กลุ่มเด็กเล็ก

(๐ - ๓ ปี) พัฒนาการไม่สมวัย และพัฒนาการล่าช้า โดยพัฒนาการท่ีล่าช้าสุดคือ พัฒนาการ

ดา้ นภาษา สาเหตสุ ว่ นใหญ่ มาจากครอบครวั ไมม่ คี วามรแู้ ละเวลาในการเลยี้ งดู ทงั้ ทชี่ ว่ งวยั ๐ - ๓ ปี
สมองของเดก็ จะมีพัฒนาการสงู สุด ปญั หานีส้ ่งผลตอ่ ระดับสตปิ ญั ญา บคุ ลกิ ภาพ และความฉลาด
ทางอารมณใ์ นระยะยาว สว่ นกลุม่ เดก็ ปฐมวยั ช่วงอายุ ๓ - ๕ ปี ที่ตอ้ งเรมิ่ พัฒนาทักษะทางสงั คม
พบว่า เดก็ ไทยส่วนใหญอ่ ยู่ในสถานพัฒนาเดก็ ปฐมวยั ทม่ี ีปญั หาดา้ นคณุ ภาพและมาตรฐาน ทงั้ ใน
กระทรวงศึกษาธกิ าร กระทรวงสาธารณสขุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความม่นั คงของมนษุ ย์
และองค์กรปกครองสว่ นท้องถนิ่ ซงึ่ สง่ ผลต่อรปู แบบการจัดการเรียนการสอน นอกจากนย้ี งั พบว่า
มาตรฐานของครูมีความแตกต่างกัน ส่งผลต่อพัฒนาการท่ีเหมาะสมกับแต่ละช่วงวัยของ

เดก็ ปฐมวัย (สำนกั งานเลขาธิการสภาการศกึ ษา, ๒๕๖๐)

อย่างไรก็ตาม มีผลการสำรวจสถานการณ์เด็กและสตรีในประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๒
(Multiple Indicator Cluster Surveys: MICS) ซึง่ ดำเนินการสำรวจโดยสำนกั งานสถิติแห่งชาติ
ระหว่างเดือนตุลาคม – ธันวาคม ๒๕๖๑ โดยได้รับการสนับสนุนหลักในด้านวิชาการ

และงบประมาณจากองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย เป็นการสำรวจครัวเรือนตัวอย่างที่สัมภาษณ์

ได้สมบรู ณ์ จำนวน ๓๕,๖๐๔ ครัวเรอื น โดยมขี ้อคน้ พบสำคญั และมีแนวโน้มไปในทศิ ทางที่ดี คอื
เด็กร้อยละ ๙๘.๕ ได้รับการชั่งน้ำหนักเม่ือแรกเกิด โดยมีเด็กเพียงร้อยละ ๙.๕ มีน้ำหนักเม่ือ

แรกเกิดต่ำกว่า ๒,๕๐๐ กรัม สำหรับภาวะน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานปานกลางหรือรุนแรง
พบเพียงรอ้ ยละ ๗.๗ ในเดก็ อายตุ ่ำกว่า ๕ ป ี

การสำรวจของ MICS ยังพบข้อมูลท่ีน่าสนใจว่า เด็กแรกเกิดเกือบท้ังหมด (ร้อยละ
๙๖.๘) เคยกินนมแม่ และเด็กที่ได้กินนมแม่ในเวลาท่ีเหมาะสม คือ ภายใน ๑ ชั่วโมงหลังคลอด
คิดเป็นร้อยละ ๓๔ ส่วนเด็กที่มีอายุน้อยกว่า ๖ เดือนที่กินนมแม่อย่างเดียว คิดเป็นร้อยละ ๑๔
เด็กท่ีกินนมแม่เป็นหลัก คิดเป็นร้อยละ ๔๐.๗ และเด็กอายุ ๑๒-๑๕ เดือนท่ียังคงกินนมแม่

คดิ เปน็ ร้อยละ ๒๔.๖ ในสว่ นขอ้ มลู การไดร้ บั วคั ซีน จากการสำรวจพบว่า เด็กอายุ ๑๒-๒๓ เดือน
ที่ได้รับวัคซีนครบทุกชนิดก่อนอายุครบ ๑๒ เดือน คิดเป็นร้อยละ ๗๖.๗ ขณะท่ีเด็กอายุ

๒๔ - ๒๕ เดือน ท่ีได้รับวัคซีนครบทุกชนิดก่อนอายุครบ ๑๒ เดือน คิดเป็นร้อยละ ๗๒.๓

จากผลการสำรวจของ MICS แสดงใหเ้ หน็ ว่า เด็กสามารถเข้าถึงบรกิ ารสาธารณสุขได้ดียิ่งขนึ้

10 แผนพัฒนาเดก็ ปฐมวยั พ.ศ. ๒๕๖๔ - ๒๕๗๐


ท้ังน้ี จากการสำรวจสถานการณ์พัฒนาการเด็กของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข

ปี พ.ศ. ๒๕๖๑ – ๒๕๖๔ พบว่าสถานการณ์พัฒนาการเด็กปฐมวัย มีแนวโน้มพัฒนาการสมวัย

เพ่ิมสูงข้ึนอย่างต่อเน่ือง เป็นไปตามแนวทางการพัฒนาเด็กปฐมวัยมีพัฒนาการสมวัย โดยใน

ปี พ.ศ. ๒๕๖๔ มีพัฒนาการสมวัยรวมร้อยละ ๘๗.๔ มีพัฒนาการสงสัยล่าช้าร้อยละ ๒๗.๘

และพฒั นาการสงสัยลา่ ชา้ ตดิ ตามได้ร้อยละ ๙๑.๙ ดงั ภาพที่ ๑




รอ้ ยละ
83.6
89.4
90.2
89.9
90%
86.1
92.3
93.2
91.9
90%
80.7
87.1
88.1
87.4
85%

100


50
21.2
25.6
26.6
27.8
ติดตามได
้ สมวยั รวม

0
20%
2564 (ไตรมาส1)


คดั กรอง
สงสัยลา่ ช้า

2561
2562
2563


ภาพท่ี ๑ แสดงผลการประเมินพฒั นาการเด็กปฐมวยั ณ สถานบริการสาธารณสุข ปี พ.ศ. ๒๕๖๑ -๒๕๖๔

ที่มา: แบบรายงานความก้าวหน้าผลการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ กระทรวงสาธารณสขุ , ๒๕๖๔


นอกจากน้ี ด้านโอกาสทางการศึกษาของเด็กปฐมวัย จากข้อมูลการสำรวจสถิติ

การศึกษาประจำปี ๒๕๖๒ ของสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ พบว่า จากจำนวนเด็กอาย ุ

๓ ขวบท้ังหมด ๗๔๑,๐๐๗ คน มีเด็กที่ไม่ได้เข้าเรียนประมาณ ๗๐,๐๐๐ กว่าคน หรือคิดเป็น

รอ้ ยละ ๑๐ และจากผลการติดตามการดำเนนิ งานตามมาตรฐานสถานพฒั นาเด็กปฐมวยั แหง่ ชาติ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ พบว่า องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ (อปท.) มกี ารจัดการศกึ ษา
ระดับปฐมวัยมากที่สุดในรูปแบบศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก จำนวน ๒๐,๐๗๗ แห่ง มีเด็กอายุ ๓ ขวบ
ประมาณ ๓๘๑,๘๖๓ คน รองลงมาคือ สังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน
(สช.) มีสถานศึกษา จำนวน ๓,๔๔๔ แห่ง มีเด็กอายุ ๓ ขวบประมาณ ๑๙๙,๔๒๖ คน

ส่วนสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีสถานศึกษา จำนวน ๒๖,๐๔๒ แห่ง มีเด็ก
อายุ ๓ ขวบ ประมาณ ๗๑,๐๓๔ คน อย่างไรก็ตาม ในจำนวนเด็กท่ีไม่ได้เข้าเรียนในระบบมิได้
หมายความว่าเด็กขาดโอกาสทางการศึกษาแต่อย่างใด เน่ืองจากโดยหลักการเด็กอายุ ๓ ขวบ

จะตอ้ งไดร้ บั การดแู ลจากพอ่ แม่และครอบครวั เปน็ หลกั จึงไมม่ คี วามจำเปน็ ต้องเขา้ เรียน ในกรณีที่
พ่อแม่มีศักยภาพและความพร้อมที่จะดูแลเด็ก เด็กก็สามารถอยู่กับครอบครัวได้ ทว่าหน่วยงาน
ควรต้ังข้อสังเกตและสำรวจข้อมูลว่าเด็กท่ีไม่ได้เข้าสู่สถานศึกษาได้รับการพัฒนาหรือไม่ อย่างไร
เพื่อเก็บเปน็ หลักฐานขอ้ มลู ในการวางแผนพัฒนาเดก็ ปฐมวัยต่อไป

แผนพัฒนาเดก็ ปฐมวยั พ.ศ. ๒๕๖๔ - ๒๕๗๐
11
จากข้อมูลดังกล่าวจะเห็นได้ว่าหน่วยงานที่เก่ียวข้องกับการพัฒนาเด็กปฐมวัยยังขาด

การจัดการกับระบบฐานข้อมูล (Big Data) และนำฐานข้อมูลไปใช้ในการวางแผนที่สำคัญ

หลายประการ อาทิ สุขภาวะรอบด้าน (พฒั นาการทางกาย อารมณ์ สังคม สติปัญญา และสมอง)
ข้อมูลด้านความต้องการพิเศษ หรือภาวะเส่ียงที่ควรเฝ้าระวังเป็นพิเศษ (Children at Risk)
ข้อมูลจำนวนเด็กท่ีผู้ดูแลและให้การศึกษา ฯลฯ และยังไม่มีการจัดการอย่างเป็นระบบร่วมกันท่ี
สามารถใช้วางแผนพัฒนาไดอ้ ยา่ งมีประสทิ ธิภาพ

จากองค์ความรู้ในปัจจุบันเป็นที่ประจักษ์ชัดว่าการดำเนินงานด้านเด็กปฐมวัยเป็น

เป้าหมายการพัฒนาในระดับโลกที่ประเทศไทยต้องให้ความสำคัญไม่น้อยกว่าการพัฒนาด้านอื่น
เม่ือสภาวการณ์ของโลกส่งผลต่อประเทศไทยอย่างไม่อาจปฏิเสธได้ การขับเคล่ือนเร่ือง

เด็กปฐมวัยจึงเป็นวาระสำคัญของประเทศท่ีส่งผลสำคัญต่อดัชนีความเปลี่ยนแปลงในอนาคตตาม

ยุทธศาสตรช์ าติดา้ นการพฒั นาทรพั ยากรมนุษย์ ดา้ นความเสมอภาค และดา้ นการแขง่ ขนั

เพื่อให้การดำเนินงานบรรลุผลอย่างเป็นรูปธรรม จึงควรมีการปรับโครงสร้างการพัฒนา
ด้วยการบูรณาการระบบความร่วมมือของ ๔ กระทรวงหลัก ภายใต้บันทึกข้อตกลงความร่วมมือ
การบูรณาการความร่วมมือการพัฒนาคนตลอดช่วงชีวิต (กลุ่มเด็กปฐมวัยและผู้สูงอายุ) เมื่อวันที่
๓๐ มีนาคม ๒๕๖๐ ระหว่างกระทรวงการพัฒนาสังคมและความม่ันคงของมนุษย์ กระทรวง
ศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงสาธารณสุข มีเจตจำนงท่ีจะส่งเสริมความร่วมมือ
ระหว่างกันในการขับเคลื่อนการดำเนินงานการพัฒนาคนตลอดช่วงชีวิต (กลุ่มเด็กปฐมวัย

และผู้สูงอายุ) และเพ่ือให้พระราชบัญญัติการพัฒนาเด็กปฐมวัย พ.ศ. ๒๕๖๒ และแผนพัฒนา

เด็กปฐมวัยมีผลใช้บังคับและนำสู่การปฏิบัติได้จริง จึงมีคำส่ังแต่งต้ังกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใน
คณะกรรมการปฐมวยั เมือ่ วนั ท่ี ๓๐ มนี าคม ๒๕๖๓ โดยมเี ป้าหมายใหเ้ กิดการบรู ณาการพัฒนา
เดก็ ปฐมวยั ไปในทศิ ทางเดยี วกนั รว่ มกนั ผลกั ดนั ในระดบั นโยบายจนถงึ ระดบั ปฏบิ ตั อิ ยา่ งเปน็ รปู ธรรม
ไมซ่ ำ้ ซ้อน และสามารถขับเคลอื่ นงานในทางปฏบิ ตั ไิ ดจ้ รงิ รวมถงึ สรา้ งกลไกการดำเนินงานใหเ้ ออื้
ตอ่ การดแู ลกลมุ่ เปา้ หมายในระดบั พน้ื ทท่ี เี่ ชอ่ื มโยงสอดรบั แนวนโยบายรฐั บาลและแผนยทุ ธศาสตร์

ท่ีเก่ียวข้อง เพ่ือให้เกิดการดำเนินงานแบบบูรณาการท่ีมีประสิทธิภาพบรรลุตามเป้าหมาย

ท่กี ำหนดไว้อย่างยงั่ ยนื

12 แผนพัฒนาเดก็ ปฐมวัย พ.ศ. ๒๕๖๔ - ๒๕๗๐


๒. บรบิ ทแวดล้อมในการพฒั นาเด็กปฐมวัย


Ø บรบิ ทแวดลอ้ มภายนอกและภายในประเทศ

ท่ีประชุมสุดยอดสหัสวรรษของสหประชาชาติ United Nations (Millennium
Summit) เมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. ๒๕๔๓ ซ่ึงประกอบด้วยผู้นำประเทศสมาชิก จำนวน ๑๘๙
ประเทศ ได้ใหค้ ำรับรองปฏิญญาแหง่ สหสั วรรษ (Millennium Declaration) ของสหประชาชาติ
โดยกำหนดวาระการพัฒนาเพื่อส่งเสริมการพัฒนาคนและลดช่องว่างการพัฒนาให้เป็น

จุดเร่ิมต้นศตวรรษใหม่ ปฏิญญาดังกล่าวเป็นที่มาของเป้าหมายของการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ
(Millennium Development Goals: MDGs) เป็นวาระการพัฒนาของโลก และที่ประชุมได้
ตกลงร่วมกันที่จะใช้เป้าหมายการพัฒนาที่กำหนดกรอบระยะเวลาชัดเจนและวัดผลได้ในการต่อสู้
กับความยากจน ความอดอยากหิวโหย การไม่รู้หนังสือ โรคภัยต่าง ๆ ความไม่เท่าเทียมกัน

ทางเพศ และความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม (ข้อมูลจากเว็บไซต์

กรมองคก์ ารระหวา่ งประเทศ, กระทรวงการตา่ งประเทศ) ซงึ่ ภายหลงั จาก MDGs ไดส้ นิ้ สดุ ระยะเวลา
เป้าหมายในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ จึงได้มีการกำหนดเป้าหมายใหม่ คือ เป้าหมายการพัฒนาท่ียั่งยืน
(Sustainable Development Goals : SDGs) โดยเฉพาะในส่วนท่ีเก่ียวข้องกับเด็กปฐมวัย

คอื ข้อ ๔.๒ สร้างหลกั ประกันว่าเดก็ ชายและเดก็ หญิงทุกคนเข้าถึงการพัฒนา การดูแล และการ
จัดการศกึ ษาระดบั ก่อนประถมศกึ ษา สำหรบั เด็กปฐมวยั ท่มี ีคณุ ภาพภายในปี ๒๕๗๓ เพอื่ ใหเ้ ดก็
เหล่าน้นั มคี วามพร้อมสำหรบั การศึกษาระดบั ประถมศกึ ษา

สำหรับเป้าหมายของการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ ประกอบด้วยเป้าหมายหลัก ๘ ข้อ
ไดแ้ ก่ (๑) ขจดั ความยากจนและความหวิ โหย (๒) ใหเ้ ดก็ ทกุ คนไดร้ บั การศกึ ษาระดบั ประถมศกึ ษา
(๓) ส่งเสริมความเท่าเทียมกันทางเพศและบทบาทสตรี (๔) ลดอัตราการตายของเด็ก

(๕) พฒั นาสขุ ภาพของสตรมี คี รรภ์ (๖) ตอ่ สกู้ บั โรคเอดส์ มาลาเรยี และโรคสำคญั อนื่ ๆ (๗) รกั ษา
และจดั การสง่ิ แวดลอ้ มอยา่ งยงั่ ยนื และ (๘) สง่ เสรมิ การเปน็ หนุ้ สว่ นเพอื่ การพฒั นาในประชาคมโลก
โดยในส่วนของประเทศไทย รัฐบาลได้มอบหมายให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจ

และสงั คมแหง่ ชาติ (สศช.) เปน็ แกนกลางในการจดั ทำรายงานผลการดำเนนิ การตามเปา้ หมาย MDGs
ของประเทศไทย โดยสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้จัดทำ
รายงานฉบับแรกเม่ือปี พ.ศ. ๒๕๔๗ และนำเสนอผลการพัฒนาความก้าวหน้าและความท้าทาย
ในการดำเนินงาน เพือ่ บรรลุเปา้ หมาย MDGs โดยประเทศไทยดำเนนิ การตามแนวทางการพฒั นา
ที่สอดคล้องกับหลักการด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development) จะเห็นได้ว่า
หนึ่งในประเด็นสำคัญเพื่อการบรรลุเป้าหมาย MDGs คือ การลดอัตราการตายของเด็กและการ
พัฒนาสุขภาพของสตรีมีครรภ์ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขในฐานะท่ีมีภารกิจหน้าท่ีโดยตรงกับ

เป้าหมายดังกล่าวได้ติดตามผลการดำเนินงานตามเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ MDGs

แผนพฒั นาเด็กปฐมวัย พ.ศ. ๒๕๖๔ - ๒๕๗๐
13
สรุปได้วา่ ภาวะโภชนาการในเด็ก พบวา่ กลมุ่ ทีม่ ีปัญหามากทสี่ ุดคอื เด็กชาวไทยภูเขา โดยข้อมูล
จากศูนย์การเรียนรู้ชุมชนชาวไทยภูเขา “แม่ฟ้าหลวง” ๒๔๓ แห่ง ท่ีปฏิบัติงานในพื้นที่โครงการ

แผนพัฒนาเด็กและเยาวชนในถ่ินทุรกันดารตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ

สยามบรมราชกุมารี ซ่ึงเป็นพื้นที่ทุรกันดารได้ประเมินภาวะโภชนาการเด็กโดยใช้มาตรฐาน

การเจรญิ เตบิ โต พบวา่ กลมุ่ หญงิ ตงั้ ครรภแ์ ละทารกแรกเกดิ จนถงึ ๓ ปี อยใู่ นหมบู่ า้ นเขตบรกิ ารของ
สถานศึกษาในโครงการตามพระราชดำริ หลายหมู่บ้านยังเป็นพื้นท่ีท่ีเข้าถึงยาก โดยเฉพาะพื้นที่

ที่เป็นภูเขาสูงทางภาคเหนือ มีอัตราตายทารกต่อการเกิดมีชีพพันคนและอัตราทารกแรกเกิด

มีน้ำหนักน้อยกว่า ๒,๕๐๐ กรัม เพ่ิมสูงข้ึน โดยใน พ.ศ. ๒๕๕๘ พบว่า อัตราตายทารกสูงถึง
๑๙.๐ ต่อการเกิดมีชีพพันคน และอัตราทารกแรกเกิดมีน้ำหนักน้อยกว่า ๒,๕๐๐ กรัม คิดเป็น
ร้อยละ ๑๑.๖ สะท้อนถึงคุณภาพของการให้บริการแม่และเด็กท่ียังไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่ และ
ปัญหาการขาดอาหารของหญิงต้ังครรภ์ที่ยังคงมีอยู่ในบางพื้นที่ นอกจากน้ียังพบว่า เด็กแรกเกิด
จนถึง ๓ ปี มีภาวะเตี้ยมากถึงร้อยละ ๘.๑ และมีจำนวนสูงกว่ากลุ่มอ่ืน ๆ แสดงถึงการขาด

สารอาหารอย่างเร้ือรังมานาน อย่างไรก็ตามร้อยละ ๙๔.๒ ของเด็กกลุ่มนี้ยังมีพัฒนาการตามวัย
ตามเกณฑ์ กลุ่มเด็กเล็กหรือเด็กปฐมวัย ครอบคลุมเด็กที่อยู่ในช่วงอายุ ๓ ถึงต่ำกว่า ๖ ปี

ผลการดำเนนิ งานพบวา่ ในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ เดก็ มภี าวะเตยี้ เหลอื เพยี งรอ้ ยละ ๗.๑ แตเ่ รมิ่ มปี ญั หาอว้ น
โดยร้อยละของภาวะเริ่มอ้วนและอ้วนรวมกันเป็น ๓.๑ ขณะเดียวกันสมรรถภาพทางกาย

ตามเกณฑ์มีเพียงร้อยละ ๖๕.๒ เท่าน้ัน เด็กและเยาวชนด้อยโอกาสมีโอกาสได้รับบริการ

ทางการศกึ ษาในรปู แบบทเี่ หมาะสมเพิ่มข้นึ ในปี ๒๕๕๘ เด็กกอ่ นวยั เรยี นทไ่ี ดเ้ ขา้ เรยี นชน้ั อนุบาล

คิดเป็นร้อยละ ๙๔.๐ เม่ือพิจารณาถึงสถานการณ์โดยรวมของประเทศพบว่า เด็กปฐมวัยซ่ึง

นับตั้งแต่แรกเกิดจนถึง ๕ ปี ยังมีพัฒนาการที่ล่าช้ากว่าวัย สาเหตุมาจากครอบครัวไม่มีความรู้

และขาดเวลาในการเลยี้ งดอู ยา่ งเหมาะสม และจากการสำรวจสภาวะสขุ ภาพชาวไทยภเู ขาภาคเหนอื
ตอนบนปี ๒๕๕๖ พบว่า อัตราชาวไทยภูเขาอายุต่ำกว่า ๕ ปี มีน้ำหนักตามเกณฑ์อายุ ร้อยละ
๖๗.๓ น้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ ร้อยละ ๑๖.๗ ส่วนสูงตามเกณฑ์อายุ ร้อยละ ๕๕.๓ น้ำหนัก

ตามเกณฑ์ความสูง (สมส่วน) ร้อยละ ๑๑.๕ ซึ่งข้อมูลท้ังสองแหล่งสะท้อนให้เห็นว่า ภาวะ
โภชนาการเด็กแรกเกิดถึง ๕ ปี ยังไม่บรรลุเป้าหมาย คือ เด็กน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ต้องน้อยกว่า
รอ้ ยละ ๑๐ นำ้ หนกั ตามเกณฑอ์ ายเุ ปา้ หมาย รอ้ ยละ ๙๐ สว่ นสงู ตามเกณฑอ์ ายเุ ปา้ หมายรอ้ ยละ ๗๐
(กระทรวงสาธารณสุข, ๒๕๕๗) และจากการสำรวจภาวะโภชนาการของเด็กอายุ ๐ - ๕ ปี
ปีงบประมาณ ๒๕๕๙ - ๒๕๖๒ (ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร สำนักงานปลัด
กระทรวงสาธารณสขุ กระทรวงสาธารณสขุ , ๒๕๖๒) พบวา่ แม้เด็กอายุ ๐ - ๕ ปี จะมรี ้อยละ

สูงดีสมส่วนเพิ่มข้ึนเป็นร้อยละ ๕๗.๕๐ แต่เด็กมีภาวะเตี้ยเพ่ิมขึ้นร้อยละ ๕ และภาวะอ้วน

จากไมเ่ กนิ รอ้ ยละ ๑๐ เพม่ิ ขน้ึ เปน็ รอ้ ยละ ๑๑.๒๘ สว่ นเดก็ ภาวะผอมไมม่ กี ารเปลย่ี นแปลงมากนกั

14 แผนพฒั นาเดก็ ปฐมวยั พ.ศ. ๒๕๖๔ - ๒๕๗๐

- ร้อยละของเดก็ อายุ ๐ - ๕ ปี สูงดสี มส่วน พบวา่ ปี ๒๕๕๙ รอ้ ยละ ๔๗.๘๖ ปี ๒๕๖๐
ร้อยละ ๔๙.๙๔ ปี ๒๕๖๑ ร้อยละ ๔๘.๘๒ และปี ๒๕๖๒ รอ้ ยละ ๕๗.๕๐

- ร้อยละเด็กปฐมวัยมีภาวะเตี้ย พบว่า ปี ๒๕๕๙ ร้อยละ ๑๐.๘๕ ปี ๒๕๖๐ ร้อยละ
๘.๙๐ ปี ๒๕๖๑ ร้อยละ ๑๐.๙๑ และปี ๒๕๖๒ ร้อยละ ๑๕.๙๘

- ร้อยละเด็กปฐมวัยมีภาวะผอม พบว่า ปี ๒๕๕๙ ร้อยละ ๖.๑๗ ปี ๒๕๖๐ ร้อยละ
๕.๖๓ ปี ๒๕๖๑ ร้อยละ ๖.๐๐ และปี ๒๕๖๒ รอ้ ยละ ๖.๕๙

- ร้อยละเด็กปฐมวัยมีภาวะอ้วน ไม่เกินร้อยละ ๑๐ พบว่า ปี ๒๕๕๙ ร้อยละ ๓.๕๓

ปี ๒๕๖๐ รอ้ ยละ ๓.๑๘ ปี ๒๕๖๑ รอ้ ยละ ๘.๘๐ และปี ๒๕๖๒ รอ้ ยละ ๑๑.๒๘

นอกจากน้ี บรบิ ทแวดลอ้ มภายนอกประเทศอกี เรอ่ื งทสี่ ำคญั คอื อนสุ ญั ญาวา่ ดว้ ยสทิ ธเิ ดก็
(Convention on the Rights of the Child) เป็นข้อตกลงระหว่างประเทศสมาชิกของ
สหประชาชาติ จำนวน ๑๙๖ ประเทศ ได้ลงมติรับรองอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก เมื่อวันที่

๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๓๒ และมีผลบังคับใช้ เมื่อวันที่ ๒ กันยายน พ.ศ. ๒๕๓๓ ประกอบด้วย
บทบัญญัติ ๕๔ ข้อ โดยมีสาระสำคัญเร่ืองสิทธิเด็กและเน้นหลักพ้ืนฐาน ๔ ประการ เพื่อเป็น
แนวทางในการตีความสัญญาทั้งฉบับ ได้แก่ ๑) การห้ามเลือกปฏิบัติต่อเด็กและการให้ความ
สำคัญแกเ่ ด็กทุกคนอยา่ งเทา่ เทียมกัน โดยไม่คำนงึ ถงึ ความแตกต่างของเด็ก ในเรอ่ื งเชอ้ื ชาติ สีผวิ
เพศ ภาษา ศาสนา ความคิดเหน็ ทางการเมือง ชาตพิ นั ธ์ุ หรอื สังคม ทรพั ย์สิน ความทพุ พลภาพ
การเกิด หรือสถานะอน่ื ๆ ของเดก็ หรอื บดิ ามารดา หรอื ผูป้ กครองทางกฎหมาย ทง้ั นี้ เพอื่ ใหเ้ ด็ก
มีโอกาสท่ีเท่าเทียมกัน ๒) การกระทำหรือดำเนินการท้ังหลายต้องคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของ
เดก็ เปน็ อนั ดับแรก ๓) สทิ ธิในการมชี ีวิต การอยรู่ อด และการพฒั นาทางด้านจิตใจ อารมณ์ สงั คม
และ ๔) สิทธิในการแสดงความคิดเห็นของเด็ก และการให้ความสำคัญกับความคิดเหล่านั้น

โดยในอนสุ ัญญาได้ระบคุ วามหมายของเด็ก ไว้ในบทบัญญัตขิ ้อที่ ๑ เด็ก หมายถึง มนษุ ยท์ ุกคนท่ี
อายตุ ำ่ กวา่ สิบแปดปี เว้นแตจ่ ะบรรลุนติ ิภาวะก่อนหน้าน้นั ตามกฎหมายทบี่ ังคับแกเ่ ด็กน้ัน

การพัฒนาเด็กปฐมวัยของประเทศไทย เป็นสิ่งที่ทุกรัฐบาลให้ความสำคัญมาอย่าง

ต่อเน่ือง เพราะถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าท่ีสุด เน่ืองจากเป็นช่วงวัยที่พัฒนาการด้านสมองและ

การเรียนรู้เป็นไปอย่างรวดเร็วที่สุดในชีวิต เป็นรากฐานในการพัฒนามนุษย์ให้เติบโตได้เต็มตาม
ศักยภาพ เป็นพลเมืองคุณภาพของประเทศในอนาคต ปัจจุบันจึงมีหน่วยงานที่จัดบริการพัฒนา
เด็กปฐมวัย ๐ - ๕ ปี รวมทั้งการให้ความรู้พ่อแม่ ผู้ปกครอง และผู้ที่เกี่ยวข้องกับการอบรม

เล้ียงดเู ดก็ ทงั้ ภาครัฐ ภาคเอกชน และองคก์ รชุมชนจำนวนหลายหน่วยงาน รวมทัง้ ยังมกี ฎหมาย
นโยบายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องด้านเด็กปฐมวัย ดังปรากฏสาระสำคัญในรัฐธรรมนูญแห่ง

ราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๖๐ พระราชบัญญัติ นโยบายและแผนสำคัญของประเทศ ซ่ึงส่งผล
ต่อการพฒั นาเด็กปฐมวยั

แผนพฒั นาเดก็ ปฐมวยั พ.ศ. ๒๕๖๔ - ๒๕๗๐
15

Ø บรบิ ทตามขอ้ กำหนดของรัฐธรรมนูญฯ

รัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๕๔ วรรคสอง กำหนดวา่
“...รฐั ต้องดำเนนิ การใหเ้ ดก็ เล็กได้รับการดแู ลและพัฒนาก่อนเขา้ รับการศกึ ษา เพ่ือพัฒนาร่างกาย
จิตใจ วนิ ัย อารมณ์ สังคม และสติปญั ญาให้สมกบั วัย โดยสง่ เสรมิ ให้องคก์ รปกครองสว่ นท้องถ่ิน
และภาคเอกชนเข้ามสี ว่ นร่วมในการดำเนินการด้วย...” นอกจากนี้ กำหนดวา่ “ในการดำเนนิ การ
ใหเ้ ดก็ เลก็ ไดร้ บั การดแู ลและพฒั นา...รฐั ตอ้ งดำเนนิ การใหผ้ ขู้ าดแคลนทนุ ทรพั ยไ์ ดร้ บั การสนบั สนนุ
ค่าใช้จ่ายในการศึกษาตามความถนัดของตน” ส่วนในมาตรา ๒๕๘ ให้ดำเนินการปฏิรูปประเทศ
ให้เกิดผล จ. ด้านการศึกษา “(๑) ให้สามารถเร่ิมดำเนินการให้เด็กเล็กได้รับการดูแลและพัฒนา
ก่อนเข้ารับการศึกษาตามมาตรา ๕๔ วรรคสอง เพ่ือให้เด็กเล็กได้รับการพัฒนาร่างกาย จิตใจ
วินัย อารมณ์ สังคม และสตปิ ัญญาให้สมกับวยั โดยไม่เก็บค่าใชจ้ ่าย”

Ø ข้อกฎหมายและนโยบายทีเ่ ก่ยี วขอ้ ง

พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ และท่ีแก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ ๒
(พ.ศ. ๒๕๔๕) มาตรา ๑๘ (๑) กำหนดใหก้ ารจดั การศกึ ษาปฐมวัยจดั ในสถานพัฒนาเด็กปฐมวยั
ได้แก่ ศูนยเ์ ด็กเล็ก ศูนย์พัฒนาเดก็ เล็ก ศนู ยพ์ ฒั นาเด็กก่อนเกณฑ์ของสถาบนั ศาสนา ศูนย์บริการ
ช่วยเหลือระยะแรกเรม่ิ ของเดก็ พิการและเดก็ ซึ่งมคี วามต้องการพิเศษหรือสถานพัฒนาเดก็ ปฐมวยั

ที่เรียกชอ่ื อยา่ งอ่นื และมาตรา ๑๓ (๑) ให้บิดา มารดา หรือผปู้ กครอง มสี ทิ ธิไดร้ ับสทิ ธปิ ระโยชน์
ในการสนับสนุนจากรัฐ ให้มีความรู้ความสามารถในการอบรมเล้ียงดู และการให้การศึกษา

แก่บตุ รหรือบคุ คลซงึ่ อยใู่ นความดูแล

พระราชบัญญัติการพัฒนาเด็กปฐมวัย พ.ศ. ๒๕๖๒ เป็นพระราชบัญญัติที่มี
เจตนารมณ์เพ่ือยกระดับความสำคัญของการพัฒนาเด็กปฐมวัยให้อยู่ในลำดับต้นของวาระ

แห่งชาติ และเพือ่ ใหเ้ ดก็ ปฐมวัยทุกคนในประเทศได้รับการดูแล พฒั นา และจดั การเรยี นรอู้ ย่างมี
คุณภาพตามหลักวิชาการที่กล่าวว่าช่วงปฐมวัย เป็นช่วงวัยท่ีมีความสำคัญอย่างย่ิง เพราะเป็นวัย
ท่ีสมองพัฒนาสูงสุดและการเรียนรู้เป็นไปอย่างรวดเร็วที่สุด การมีกฎหมายว่าด้วยการพัฒนา

เด็กปฐมวัย จะเป็นหลักประกันให้เด็กปฐมวัยที่อยู่ช่วงวัยสำคัญได้รับการอบรมเล้ียงดู พัฒนา
ให้การศึกษา และไดร้ ับการปกป้องเปน็ พิเศษ โดยมีวัตถปุ ระสงค์สำคญั ได้แก่ ๑) ใหม้ ารดาไดร้ ับ
การดแู ลในระหวา่ งตงั้ ครรภเ์ พอ่ื ใหบ้ ตุ รทอี่ ยใู่ นครรภม์ สี ขุ ภาวะและพฒั นาการทด่ี ี ๒) ใหเ้ ดก็ ปฐมวยั
อยรู่ อดปลอดภยั และไดร้ บั ความคมุ้ ครองใหพ้ น้ จากการลว่ งละเมดิ ไมว่ า่ ในทางใด ๓) ใหเ้ ดก็ ปฐมวยั
มีพัฒนาท่ีดีรอบด้านท้ังทางร่างกาย จิตใจ วินัย อารมณ์ สังคมและสติปัญญาให้สมกับวัย

เพ่ือให้เกิดทักษะพ้ืนฐานในการเรียนรู้อย่างต่อเน่ืองตลอดชีวิต สามารถเรียนรู้อย่างสอดคล้อง

กบั หลกั การพฒั นาศกั ยภาพของแตล่ ะบุคคลและความต้องการจำเปน็ พิเศษ ๔) สร้างคณุ ลกั ษณะ
ให้เด็กปฐมวัยมีอุปนิสัยใฝ่ดี มีคุณธรรม มีวินัย ใฝ่รู้ มีความคิดสร้างสรรค์ และสามารถซึมซับ

16 แผนพัฒนาเดก็ ปฐมวัย พ.ศ. ๒๕๖๔ - ๒๕๗๐

สุนทรียะและวัฒนธรรมที่หลากหลายได้ ๕) บ่มเพาะเจตคติของเด็กปฐมวัยให้เคารพคุณค่าของ
บุคคลอื่น มีจิตวิญญาณของการอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างเสมอภาค และมีจิตสำนึกในความเป็น
พลเมืองไทยและพลโลก และ ๖) ให้ผู้ดูแลเด็กปฐมวัยได้รับความรู้ ทักษะ และเจตคติที่ดีในการ
พัฒนาเดก็ ปฐมวัย

พระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชน พ.ศ. ๒๕๕๐ และที่แก้ไข

เพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๐ ได้ให้หลักการคำนึงถึงประโยชน์สูงสุด ท้ังในด้านการ

จดทะเบียนรับรองการเกิด การพัฒนา การยอมรับ การคุ้มครองและโอกาสในการมีส่วนร่วม

โดยไม่มีการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม มีสิทธิด้านการศึกษา โดยเฉพาะเด็กพิการหรือเด็กที่มี
ความสามารถพเิ ศษ มสี ทิ ธไิ ดร้ บั การศกึ ษาพเิ ศษทเ่ี หมาะสมกบั ตน ไดร้ บั บรกิ ารสาธารณสขุ การเลน่
การพักผ่อน การเข้าร่วมกิจกรรมนันทนาการ วัฒนธรรมและศิลปะ ส่งเสริมให้มีความผูกพัน

ต่อครอบครัว ภูมิใจในชาติไทยและวิถีชีวิตแบบประชาธิปไตย มีสุขภาพแข็งแรง มีวุฒิภาวะ

ทางอารมณ์สมควรแก่วัย รู้จักคิดอย่างมีเหตุผล มีเจตคติและทักษะที่ดีต่อการทำงาน มีจิตสำนึก
ในการให้และการอาสาสมัคร รับผิดชอบต่อตนเอง ผู้อื่น และต่อส่วนรวม มีส่วนร่วมในการ
แสดงออกทง้ั โดยสว่ นบคุ คลและเปน็ หมคู่ ณะ ในรปู ของสภาเดก็ และเยาวชนระดับตำบล เทศบาล
อำเภอ เขต จังหวัด กรงุ เทพมหานคร และประเทศ โดยการสนับสนนุ จากทุกภาคส่วน

ยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๘๐) ในยุทธศาสตร์การพัฒนา

และเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ กำหนดให้มีการพัฒนาศักยภาพคนตลอดช่วงชีวิต โดย
มุ่งเน้นการพัฒนาคนเชิงคุณภาพในทุกช่วงวัย ตั้งแต่ช่วงการต้ังครรภ์ วัยเรียน วัยรุ่น/นักศึกษา

วัยแรงงาน และวัยผู้สูงอายุ เพ่ือสร้างทรัพยากรมนุษย์ที่มีศักยภาพ มีทักษะความรู้ และความ
สามารถในการดำรงชีวิตอย่างมคี ุณคา่ ทงั้ นี้ ในช่วงการต้ังครรภ์/แรกเกดิ /ปฐมวัย เนน้ การเตรยี ม
ความพร้อมให้แก่พ่อแม่ก่อนการต้ังครรภ์ ส่งเสริมอนามัยแม่และเด็กตั้งแต่เริ่มต้ังครรภ์ ส่งเสริม
การเกิดอย่างมีคุณภาพ สนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ การส่งเสริมการให้สารอาหารที่จำเป็น
ต่อสมองเดก็ และใหม้ กี ารลงทนุ เพ่อื การพัฒนาเด็กปฐมวัยใหม้ พี ฒั นาการท่สี มวัยในทกุ ดา้ น

แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ (๑๑) การพัฒนาศักยภาพคนตลอดช่วงชีวิต
(พ.ศ. ๒๕๖๑ – ๒๕๘๐) แผนยอ่ ย ๒ การพฒั นาเดก็ ต้งั แต่ช่วงการต้งั ครรภจ์ นถึงปฐมวยั ช่วงการ
ตั้งครรภ์/ปฐมวัยเน้นการเตรียมความพร้อมให้แก่พ่อแม่ก่อนการต้ังครรภ์ ส่งเสริมอนามัย

แม่และเด็กต้ังแต่เริ่มตั้งครรภ์ ส่งเสริมการเกิดอย่างมีคุณภาพ สนับสนุนการเล้ียงลูกด้วยนมแม ่

การส่งเสริมการให้สารอาหารท่ีจำเป็นต่อสมองเด็ก และให้มีการลงทุนเพ่ือการพัฒนาเด็กปฐมวัย
ให้มีพัฒนาการท่ีสมวัยในทุกด้าน ซึ่งปัจจัยสำคัญคือ การพัฒนาศักยภาพและความรอบร้

ดา้ นอนามยั การเจรญิ พนั ธแุ์ กพ่ อ่ แม่ มกี ารออกแบบกระบวนการพฒั นาทกั ษะทางสมองและทกั ษะ
ทางสงั คมแก่กลมุ่ เดก็ ปฐมวยั และมสี ถานพัฒนาเดก็ ปฐมวัยที่มคี ณุ ภาพและมีมาตรฐานเดียวกนั

แผนพัฒนาเดก็ ปฐมวัย พ.ศ. ๒๕๖๔ - ๒๕๗๐
17
แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ (๑๒) การพัฒนาการเรียนรู้ (พ.ศ. ๒๕๖๑ –
๒๕๘๐) แผนยอ่ ย ๑ การปฏริ ปู กระบวนการเรยี นรู้ที่ตอบสนองต่อการเปลย่ี นแปลงในศตวรรษท่ี
๒๑ การปรับเปลี่ยนระบบการเรียนรู้สำหรับศตวรรษที่ ๒๑ โดยออกแบบกระบวนการเรียนร
ู้
ในทุกระดับชั้นอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่ระดับปฐมวัยจนถึงอุดมศึกษาที่มุ่งเน้นการใช้ฐานความร
ู้
และระบบคิดในลักษณะสหวิทยาการ และแผนย่อย ๒ การตระหนักถึงพหุปัญญาของมนุษย์ท่ี
หลากหลาย พัฒนาและส่งเสริมพหุปัญญา โดยพัฒนาระบบบริหารจัดการกลไกการคัดกรองและ
การส่งต่อเพื่อส่งเสริมการพัฒนาคนไทยตามพหุปัญญาให้เต็มตามศักยภาพ ส่งเสริมสนับสนุน
ครอบครวั ในการเสรมิ สรา้ งความสามารถพเิ ศษตามความถนัดและศักยภาพ

แผนการปฏริ ปู ประเทศดา้ นการศกึ ษา เรอื่ งและประเดน็ การปฏริ ปู ที่ ๒ : การปฏริ ปู
การพัฒนาเด็กเล็กและเด็กก่อนวัยเรียน ๑) การพัฒนาระบบการดูแล พัฒนา และจัดการเรียนรู้
เพอื่ ให้เด็กปฐมวยั ได้รับการพัฒนา ร่างกาย จิตใจ วนิ ยั อารมณ์ สงั คม และสติปัญญาให้สมกบั วัย
เพ่ือให้เด็กปฐมวัย ท้ังเด็กกลุ่มทั่วไป และกลุ่มที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษ สามารถเข้าถึง

และได้รับการดูแลและการศึกษาระดับปฐมวัยอย่างเหมาะสม มีคุณภาพ ท่ัวถึง และเท่าเทียม
รวมถึงมีระบบคัดเลือกเด็กเข้าเรียนระดับช้ัน ป.๑ และการจัดการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับช่วงวัย

มีระบบฐานข้อมูลที่เอื้อต่อการดูแลที่เช่ือมโยงกันได้ระหว่างหน่วยงาน และมีการพัฒนาบุคลากร
ทเ่ี กยี่ วขอ้ ง มกี ลไกขบั เคลอื่ นและบรู ณาการการทำงานระหวา่ งกระทรวงและหนว่ ยงานทเ่ี กย่ี วขอ้ ง
ให้สอดคล้องเปน็ เอกภาพ และ ๒) การส่อื สารสังคมเพือ่ สรา้ งความเข้าใจในการพฒั นาเดก็ ปฐมวยั
เพื่อให้พ่อ แม่ ผู้ปกครองและบุคลากรท่ีเก่ียวข้องปรับเปล่ียนกรอบคิด (Mindset) เก่ียวกับ

ความรคู้ วามเขา้ ใจทถ่ี กู ตอ้ งในการเตรยี มความพรอ้ มกอ่ นการตงั้ ครรภ์ การเลยี้ งดู ดแู ล และพฒั นา
เด็กปฐมวัย ประกอบกับแผนการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา ฉบับปรับปรุง ซึ่งมุ่งเน้นกิจกรรม
ปฏิรูปที่จะส่งผลให้เกิดการเปล่ียนแปลงของภาคการศึกษาท่ีจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้เรียน
ประชาชนอย่างมีนัยสำคัญ ๕ กิจกรรม ซ่ึงกิจกรรมปฏิรูปที่ ๑ คือ การสร้างโอกาสและความ
เสมอภาคทางการศกึ ษาต้งั แต่ระดับปฐมวัย

แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับท่ี ๑๒ พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๖๔

มีจุดเน้นการพัฒนาคนที่สำคัญท่ีเก่ียวกับเด็กปฐมวัย คือ การพัฒนากลุ่มเด็กปฐมวัยให้มีสุขภาพ
กายและใจที่ดี มีทกั ษะทางสมอง ทักษะการเรียนรู้ ทกั ษะชวี ิตและทกั ษะทางสงั คม เพ่อื ให้เติบโต
อย่างมีคุณภาพ และในยุทธศาสตร์ท่ี ๑ การเสริมสร้างและพัฒนาศักยภาพทุนมนุษย์ “ให้ความ
สำคัญกับการวางรากฐานการพัฒนาคนให้มีความสมบูรณ์ เร่ิมตั้งแต่กลุ่มเด็กปฐมวัยท่ีต้องพัฒนา
ให้มีสุขภาพกายและใจที่ดี มีทักษะทางสมอง ทักษะการเรียนรู้ และทักษะชีวิต เพื่อให้เติบโต
อย่างมคี ุณภาพ ...”

18 แผนพัฒนาเดก็ ปฐมวัย พ.ศ. ๒๕๖๔ - ๒๕๗๐


แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๗๙ ยุทธศาสตร์ที่ ๓ การพัฒนา
ศักยภาพคนทุกช่วงวัยและการสร้างสังคมแห่งการเรียนร้ ู กำหนดเป้าหมายของการพัฒนาการ
ศึกษาในระยะ ๒๐ ปี โดยเป้าหมายหน่ึงคือ ประชากรทุกคนเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ

และมาตรฐานอย่างทั่วถึง ส่วนเป้าหมายย่อยส่วนที่เกี่ยวข้อง คือ “เด็กปฐมวัยมีพัฒนาการสมวัย
ประชากรทุกคนมีโอกาสได้รับบริการทางการศึกษาตั้งแต่ปฐมวัยถึงมัธยมศึกษาตอนปลาย

หรือเทียบเท่าท่มี คี ณุ ภาพและมาตรฐาน ...” โดยแนวทางการพฒั นาส่งเสรมิ ให้เด็กเล็ก (๐ - ๒ ป)ี
ไดร้ บั การดแู ลและพฒั นาทส่ี มวยั รอบดา้ นอยา่ งมคี ณุ ภาพและตอ่ เนอ่ื ง มกี ารปรบั ระบบการบรหิ าร
จัดการการดูแลและพัฒนาเด็กเล็ก (๐ - ๒ ปี) และการศึกษาปฐมวัย (๓ - ๕ ปี) ให้มีคุณภาพ

และมาตรฐาน รวมทั้งพัฒนาหลักสูตรและคู่มือการเตรียมความพร้อมพ่อแม่ และการเลี้ยงด

และพัฒนาเด็กเล็กให้มีพัฒนาการตามวัย และพัฒนาหลักสูตรการศึกษาระดับปฐมวัย สมรรถนะ
เด็กปฐมวัยที่สอดคล้องกับมาตรฐานอาเซียนและระดับสากล เพื่อการพัฒนาคุณภาพและ
พฒั นาการรอบด้านสมวยั ของเด็กปฐมวยั

แผนพัฒนาเดก็ และเยาวชนแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๖๔ เป็นแผนยทุ ธศาสตร์
ท่ีจัดทำข้ึนตามพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๐

เพ่ือเป็นกรอบแนวทางให้ทุกภาคส่วนท่ีเก่ียวข้องนำไปสู่การปฏิบัติ และเป็นกรอบแนวทางในการ
พัฒนาเด็กและเยาวชน และเพื่อใช้ในการติดตามประเมินผลด้านการพัฒนาเด็กและเยาวชน

แผนพฒั นาเดก็ และเยาวชนแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๖๔ โดยมเี ปา้ หมายหลกั ใหเ้ ดก็ และเยาวชน
มีคุณภาพชีวิตที่ดีและมีพัฒนาการตามช่วงวัย ได้รับการพัฒนาให้เป็นพลเมือง สร้างสรรค์และมี
ส่วนร่วมในการพัฒนาสังคม ภายใต้สภาพแวดล้อมท่ีเหมาะสม มีกฎหมายท่ีทันต่อสถานการณ์
ปัจจุบัน และแนวโน้มด้านเด็กและเยาวชนในอนาคต ทุกภาคส่วนมีการทำงานเชิงบูรณาการ

รวมทงั้ มีองค์ความร้ใู หม่ ๆ เกีย่ วกบั การพัฒนาเด็กและเยาวชน ประกอบดว้ ย ๔ ยทุ ธศาสตร ์ คอื

ยทุ ธศาสตรท์ ี่ ๑ การเสริมศกั ยภาพและสร้างภูมคิ มุ้ กนั เด็กและเยาวชน

ยทุ ธศาสตรท์ ี่ ๒ การพฒั นากลไกสภาพแวดล้อมในการดำรงชีวติ ของเด็ก

และเยาวชน

ยทุ ธศาสตรท์ ่ี ๓ การระดมสรรพกำลงั และทรัพยากร

ยทุ ธศาสตร์ท่ี ๔ การตดิ ตามประเมนิ ผล และการสรา้ งความรู้


นโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาอนามัยการเจริญพันธ์ุแห่งชาติ ฉบับท่ี ๒
(พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๖๙) ว่าด้วยการส่งเสริมการเกิดและการเจริญเติบโตอย่างมีคุณภาพ

มแี นวคดิ และหลกั การทสี่ ำคญั คอื ๑) คำนงึ ถงึ สทิ ธมิ นษุ ยชน ๒) ความสอดคลอ้ งกบั แผนประชากร
ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ๓) ความสอดคล้องกับสนธิสัญญา นโยบาย

และคำรับรองในระดับนานาชาติท่ีประเทศไทยได้ลงนามไว้ มีกลุ่มเป้าหมายสำคัญ ๒ กลุ่มคือ
กลุม่ หญงิ ชายวัยเจรญิ พนั ธุ์ และเด็กอายุ ๐ - ๕ ปี โดยมีเป้าประสงค์ ๒ ประการ คือ ๑) เพอื่ ให้

แผนพัฒนาเดก็ ปฐมวัย พ.ศ. ๒๕๖๔ - ๒๕๗๐
19

การเกิดทุกรายมีการวางแผน มีการเตรยี มความพรอ้ มตัง้ แต่กอ่ นตัง้ ครรภ์ และไดร้ ับการชว่ ยเหลือ
ในการมีบุตร และ ๒) เพ่ือส่งเสริมให้ลูกเกิดรอด แม่ปลอดภัย ได้รับการดูแลหลังคลอดที่ด ี

เด็กได้รับการเลี้ยงดูในสิ่งแวดล้อมท่ีเอื้อต่อการเจริญเติบโต และการมีพัฒนาการสมวัย

พรอ้ มที่จะเรียนร้ใู นชว่ งวัยต่อไปอยา่ งมน่ั คง

Ø ความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๘๐)

และ แผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๖๔)

การพฒั นามนษุ ย์อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพจำเป็นต้องเร่มิ ตง้ั แตป่ ฏสิ นธิ โดยเฉพาะในชว่ ง
ปฐมวัยซึ่งเป็นรากฐานของการพัฒนาท่ียั่งยืนและป้องกันปัญหาสังคมในระยะยาวโดยเน้นให้
ครอบครัวเป็นแกนหลักในการพัฒนาเด็ก และให้ชุมชนและสังคมมีส่วนร่วมอย่างแท้จริงในการ
พัฒนาเลี้ยงดูเด็กทกุ ข้ันตอน

จากทฤษฎีองค์ความรู้เร่ืองพัฒนาการเด็ก รวมท้ังงานวิจัยต่าง ๆ ทั้งในประเทศ

และต่างประเทศท่ีเกี่ยวกับเด็กปฐมวัยชี้ให้เห็นว่าช่วงปฐมวัยเป็นช่วงเวลาที่สำคัญและจำเป็นท่ีสุด
ของการวางรากฐานการพัฒนาความเจริญเติบโตของมนุษย์ในทุกด้าน ฉะน้ัน หากเด็กได้รับการ
เล้ียงดูที่ดีและถูกต้องตามหลักจิตวิทยาและหลักวิชาการอื่น ๆ ท่ีเก่ียวข้องแล้ว เด็กจะเกิด

การพัฒนาได้เต็มตามศักยภาพ ในทางตรงกันข้าม หากเด็กไม่ได้รับการเล้ียงดูและพัฒนา

อย่างถูกต้องเมื่อพ้นวัยน้ีไปแล้ว โอกาสทองของการพัฒนาก็จะไม่หวนกลับมาอีก แม้ว่าระบบ

การศกึ ษาตามทกี่ ำหนดไวใ้ นรฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พ.ศ. ๒๕๖๐ หรอื ในพระราชบญั ญตั ิ
การศกึ ษาแหง่ ชาติจะไมจ่ ดั ว่าการศกึ ษาปฐมวยั เป็นการศึกษาภาคบงั คับกต็ าม

การจัดทำแผนพัฒนาเด็กปฐมวัย พ.ศ. ๒๕๖๔ - ๒๕๗๐ ในครั้งน้ี นอกจาก
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๖๐ แล้ว ยังมียุทธศาสตร์ระดับชาติท่ีสอดคล้อง

และสนบั สนนุ การจดั ทำแผนใหเ้ ปน็ รปู ธรรม ไดแ้ ก่ ยทุ ธศาสตรช์ าติ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๘๐)
ยุทธศาสตร์ชาติด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ และยุทธศาสตร์ชาต

ด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม เพราะทรัพยากรมนุษย์ที่จะเป็นกำลังสำคัญ
ของประเทศในอนาคตจำเป็นต้องสร้างต้ังแต่ทารกอยู่ในครรภ์มารดา การพัฒนาเด็กตั้งแต่ระดับ
ปฐมวัยจึงถือเป็นการลงทุนท่ีให้ผลคุ้มค่ามากท่ีสุดต่อการสร้างรากฐานของชีวิตอย่างยั่งยืน

โดยเฉพาะในช่วง ๑,๐๐๐ วันแรกของชีวิต การสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีต้ังแต่เริ่มต้น การส่งเสริม
พัฒนาการตามวัย การสร้างโอกาสและความเสมอภาคในการเข้าถึงบริการทางสังคมของรัฐ

อย่างทั่วถึง เช่น ด้านสาธารณสุข ด้านการศึกษา ด้านสวัสดิการสังคม รวมถึงการให้ความร
ู้
แก่พ่อแม่ ผู้ปกครอง ครู ผู้ดูแลเด็ก จะเป็นรากฐานสำคัญให้เด็กสามารถพัฒนาได้เต็ม

ตามศกั ยภาพ ท้งั ทางดา้ นร่างกาย จติ ใจ วนิ ยั อารมณ์ สงั คม และสติปญั ญา มีพัฒนาการสมวยั
และเติบโตเป็นกำลงั สำคญั ของประเทศ

20 แผนพัฒนาเดก็ ปฐมวยั พ.ศ. ๒๕๖๔ - ๒๕๗๐

นอกจากน้ี (รา่ ง) แผนพฒั นาเด็กปฐมวัย พ.ศ. ๒๕๖๔ - ๒๕๗๐ ยงั มคี วามสอดคลอ้ ง
กับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๖๔) ยุทธศาสตร์ที่ ๑
การเสริมสร้างและพัฒนาศักยภาพทุนมนุษย์ โดยมีเป้าหมายการพัฒนาให้หน่วยงานของรัฐ

และเอกชนมกี ารทำงานรว่ มกนั ดว้ ยระบบบรู ณาการ โดยใชอ้ งคค์ วามรแู้ ละเทคโนโลยใี หมท่ อี่ ยบู่ น
รากฐานของงานวิจัยและพัฒนาจากศาสตร์ท่ีหลากหลาย เช่น ศาสตร์ด้านสมองและการเรียนรู้
จิตวิทยาพัฒนาการ จิตวิทยาปัญญา การจัดการศึกษาและการเรียนรู้สำหรับเด็กปฐมวัย

การพัฒนาความแข็งแรงทางกายที่ส่งผลถึงการพัฒนาสมอง ซ่ึงศาสตร์ดังกล่าวจะช่วยให้เกิดการ
พัฒนาเด็กและเยาวชนของชาติให้มีขีดศักยภาพสูงขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง

เด็กปฐมวัยจะต้องมีพฒั นาการอย่างรอบดา้ น ทงั้ กาย สมอง สติปัญญา อารมณ์ และสงั คมตามขดี
ศักยภาพของเด็กแต่ละคน ท่ีจะส่งผลให้คนไทยในอนาคตอันใกล้มีสุขภาวะที่ดีขึ้น ซ่ึงสอดคล้อง

กับตัวช้ีวัดที่กำหนดไว้ในแผนพัฒนาเด็กปฐมวัย พ.ศ. ๒๕๖๔ - ๒๕๗๐ ยุทธศาสตร์ที่ ๑

เด็กปฐมวัยมพี ฒั นาการท่ดี ีรอบดา้ น ท้งั ทางร่างกาย สมอง จติ ใจ อารมณ์ สังคม และสติปญั ญาให้
สมกับวัย ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๘๕ มีบริการด้านสุขภาวะ การศึกษา และสวัสดิการสังคมแก

เด็กปฐมวัยอยา่ งมีคณุ ภาพ ทว่ั ถึง และเท่าเทียม 

ส่วนท่ี ๒


ความท้าทายของการพัฒนาเดก็ ปฐมวัยของประเทศ


เหตใุ ดประเทศไทยจึงตอ้ งให้ความสำคญั กับการพฒั นาเดก็ ปฐมวัย


๑. เป็นชว่ งวัยทพี่ ัฒนาการด้านสมองและการเรยี นร้เู ปน็ ไปอยา่ งรวดเร็วทีส่ ุดในชีวติ

๒. เป็นช่วงเวลาที่ให้ผลของการลงทุนที่คุ้มค่าท่ีสุด เพื่อพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้เต็ม
ศักยภาพ

๓. เปน็ สทิ ธขิ นั้ พนื้ ฐานของเดก็ ตามอนสุ ญั ญาวา่ ดว้ ยสทิ ธเิ ดก็ ทพ่ี งึ ไดร้ บั สทิ ธทิ จ่ี ะมชี วี ติ รอด
ไดร้ บั การพัฒนา คมุ้ ครอง ตลอดจนมสี ่วนร่วมต่าง ๆ

๔. เป็นรากฐานของการพัฒนาท้ังปวง ซ่ึงเป็นการพัฒนาคุณภาพมนุษย์ที่ย่ังยืน

และป้องกนั ปญั หาสงั คมในระยะยาว

๕. เป็นการสรา้ งรากฐานของชวี ติ (Foundation/Building Blocks) เพราะเป็นช่วงวยั
ท่ีต้องการปลูกฝังและบ่มเพาะเป็นพิเศษ และหากมีภาวะความต้องการพิเศษด้านใดก็ตาม วัยน้ี
เปน็ วยั ท่สี ามารถจัดการไดอ้ ย่างเห็นผลที่สดุ

๖. เป็นการสร้างความพร้อมในการเรียนรู้และเช่ือมโยงกับการเรียนรู้ตลอดชีวิต
สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาท่ีย่ังยืน (Sustainable Development Goals : SDGs)

เป้าหมายที่ ๔ ในเรื่องการได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง และส่งเสริม
โอกาสในการเรียนรู้ตลอดชีวิตแก่ทุกคน ลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเป็นธรรมในสังคม
(Equity and Equality)


ปญั หาและความท้าทาย


๑. ภาวะทุพโภชนาการยังเป็นส่ิงท้าทายในการพัฒนาเด็กปฐมวัย ถึงแม้ว่าในรอบ

สองทศวรรษทผี่ า่ นมา ภาวะโภชนาการเดก็ ปฐมวยั ไดร้ บั การเอาใจใสจ่ ากหลายภาคสว่ น แตป่ จั จบุ นั
ยงั พบปญั หาทพุ โภชนาการสองดา้ น ไดแ้ ก่ ภาวะโภชนาการขาด เชน่ การทเี่ ดก็ ปฐมวยั ปว่ ยอนั มผี ล
จากการไม่ได้รับสารอาหารท่ีครบถ้วน การขาดไอโอดีน น้ำหนักที่ไม่อยู่ในเกณฑ์ และปัญหา

สงู ไมส่ มสว่ นตามเกณฑ์ (เตย้ี แคระแกรน็ ) และ ภาวะนำ้ หนกั เกนิ เชน่ การทเ่ี ดก็ ปว่ ยจากภาวะอว้ น
และโรคขา้ งเคยี ง รวมถึงการที่เดก็ บรโิ ภคนำ้ ตาลมากเกนิ ไป ซึ่งเปน็ ปญั หาทยี่ ังรอการแก้ไข

22 แผนพัฒนาเด็กปฐมวยั พ.ศ. ๒๕๖๔ - ๒๕๗๐


๒. การสร้างความเข้าใจถึงประเด็นความสำคัญของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ การส่งเสริม
การเล้ียงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวในช่วง ๖ เดือนแรก และการให้ทุกภาคส่วนระดมสรรพกำลัง
เพ่ือสนับสนุนให้การเล้ียงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวในช่วง ๖ เดือนแรก เพ่ือให้เด็กได้รับอาหารท่ี
เพียงพอต่อการพัฒนาการเติบโตตามวัย ยังเป็นส่ิงที่ทำได้ไม่ทั่วถึงกับประชาชนท่ัวไป ตามการ
สำรวจสถานการณ์เดก็ และสตรีในประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๖ - ๒๕๖๒ แสดงดงั ตาราง


ตาราง ๒ ร้อยละของเด็กแรกเกิด - ต่ำกว่า ๖ เดือนท่ีกินนมแม่อย่างเดียว และการรับวัคซีน
แต่ละชนดิ ครบตามเกณฑ์ปีงบประมาณ ๒๕๕๖ - ๒๕๖๒ (ไม่รวมกรงุ เทพมหานคร)


ร้อยละของเด็กแรกเกิด- การรบั วัคซนี แตล่ ะชนดิ ครบตามเกณฑ์

ปงี บประมาณ
ตำ่ กว่า ๖ เดอื นที่กนิ นม
อายคุ รบ ๑ ปี
อายคุ รบ ๒ ป
ี อายุครบ ๓ ปี
อายคุ รบ ๕ ป

แมอ่ ยา่ งเดียว


๒๕๕๖ ๔๔.๓๑ ๔๑.๑๕ ๖๑.๔๔ ๑.๘๙ ๕๔.๒๐

๒๕๕๗ ๕๖.๒๔ ๒๔.๓๕ ๖๓.๓๐ ๒.๒๓ ๒๘.๘๗

๒๕๕๘ ๖๖.๒๗ ๑๗.๔๘ ๖๙.๙๙ ๔๑.๗๘ ๓๑.๑๗

๒๕๕๙ ๖๑.๑๓ ๒๒.๖๓ ๗๓.๐๑ ๕๘.๖๔ ๓๕.๙๑

๒๕๖๐ ๖๒.๖๖ ๗๗.๐๖ ๗๖.๖๗ ๖๓.๑๑ ๔๕.๕๒

๒๕๖๑ ๕๐.๘๙ ๘๐.๕๗ ๗๕.๙๕ ๖๖.๗๕ ๕๙.๙๒

๒๕๖๒ ๕๗.๘๑ ๘๓.๙๙ ๗๙.๔๓ ๗๔.๖๐ ๖๗.๐๑


๓. พอ่ แม่ ผู้ปกครองในปัจจบุ นั ไม่มเี วลา ขาดความรู้ เจตคติ และทกั ษะการดูแลเล้ียงดู
เด็กเพ่ือท่ีจะดูแลเด็กตามความต้องการ กระตุ้นพัฒนาการตามวัย และส่งเสริมให้เด็กปฐมวัย
เจริญเติบโต แข็งแรงและสมบูรณ์ อีกทั้งยังขาดความเข้าใจในการเข้าถึงการใช้บริการปฐมวัย

และทำงานร่วมกันกับบุคลากรทางปฐมวัยไม่ว่าจะเป็นผู้ให้คำแนะนำด้านสุขภาพ และการศึกษา
เพ่ือประสานการทำงานร่วมกับชุมชน ท้องถิ่นให้สามารถพัฒนาเด็กแบบองค์รวม และสอดคล้อง
กับบริบทของท้องถ่ิน วัฒนธรรมและภูมิปัญญาพ้ืนบ้าน และให้การช่วยเหลือเด็กอย่างทันท่วงที
หากพบความผิดปกต

๔. ปัจจุบันประเทศไทยประสบปัญหาความเหล่ือมล้ำในการเข้าถึงบริการปฐมวัย

และความเหล่ือมล้ำของคุณภาพการจัดบริการ ซ่ึงจากผลการประเมินคุณภาพภายนอกรอบสาม
(พ.ศ. ๒๕๕๔ - ๒๕๕๘) ของสำนกั งานรบั รองมาตรฐานและประเมนิ คณุ ภาพการศกึ ษา (องคก์ าร
มหาชน) พบว่า ศูนย์พัฒนาเด็กในภาพรวมทุกตัวบ่งช้ี อยู่ในระดับพอใช้ และมีศูนย์พัฒนาเด็กที่
ต้องปรับปรุง และต้องปรบั ปรุงเรง่ ดว่ น รอ้ ยละ ๑๐.๗๘ หรือ ๒,๒๖๖ แห่ง จาก ๒๑,๐๓๖ แหง่

แผนพฒั นาเดก็ ปฐมวัย พ.ศ. ๒๕๖๔ - ๒๕๗๐
23
ในส่วนของการรับรองผลการประเมินคุณภาพภายนอกรอบ ๔ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๒

ของศนู ยพ์ ฒั นาเดก็ เลก็ จำนวน ๑๒ แหง่ ตามมาตรฐานทศ่ี นู ยพ์ ฒั นาเดก็ กำหนด คอื การประเมนิ
ใน ๓ มาตรฐานประกอบด้วยมาตรฐานที่ ๑ ด้านคุณภาพของผู้เรียน มาตรฐานท่ี ๒ ด้าน
กระบวนการบริหารและการจัดการ และมาตรฐานที่ ๓ ด้านการจัดประสบการณ์ท่ีเน้นเด็กเป็น
สำคญั โดยผลการประเมนิ คุณภาพมี ๕ ระดบั คือ ระดบั ดีเยีย่ ม ระดบั ดีมาก ระดบั ดี ระดับพอใช้
และระดับปรับปรุง ในส่วนของผลการประเมินมาตรฐานท่ี ๑ มีศูนย์พัฒนาเด็กเล็กได้ผลการ
ประเมินระดับดีมาก ๗ แห่ง และระดบั ดี ๕ แหง่ มาตรฐานที่ ๒ ผลประเมนิ ระดับดีมาก ๘ แหง่
ระดับดี ๓ แห่ง และระดบั พอใช้ ๑ แห่ง และมาตรฐานท่ี ๓ ระดบั ดมี าก ๖ แหง่ ระดับดี ๕ แห่ง
และ ระดับพอใช้ ๑ แห่ง ซึ่งก่อให้เกิดผลของการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กปฐมวัยอย่างไม่

เท่าเทียม จึงมีความจำเป็นที่ต้องสร้างพ้ืนฐานท่ีสำคัญในการพัฒนาเด็กตั้งแต่แรกเกิดที่มีคุณภาพ
อย่างเท่าเทียม นอกจากนัน้ การลงทุนเพอ่ื พัฒนาเดก็ ปฐมวัยถือเป็นการลงทุนอยา่ งค้มุ คา่ และได้
รับการยอมรับจากนานาประเทศว่าผลสัมฤทธ์ิของการลงทุนกับการพัฒนาเด็กให้ผลแก่ตัวเด็กเอง
ในการพฒั นาสมองใหเ้ ตม็ ศกั ยภาพ สรา้ งพน้ื ฐานทด่ี ใี นการศกึ ษาในระดบั ทส่ี งู ขนึ้ สรา้ งงาน สรา้ งรายได้
ในอนาคต และเกิดผลลพั ธ์ทางสงั คมเชิงบวก เช่น ลดภาระการแบกรับปัญหาทางสงั คม สนับสนนุ
รายได้และเศรษฐกิจของประเทศ ศ.ดร.เจมส์ เจ เฮคแมน กล่าวว่า การลงทุนพัฒนาเด็กปฐมวัย
เป็นการลงทุนท่ีคุ้มค่าให้ผลตอบแทนแก่สังคมดีที่สุดในระยะยาว โดยมีผลตอบแทนกลับคืนมา

ในอนาคตมากถึง ๗ เท่า การศึกษาครัง้ ลา่ สดุ ในปี พ.ศ. ๒๕๕๙ พบวา่ การลงทนุ ในการใหบ้ ริการ
คุณภาพแก่เด็กปฐมวยั ตัง้ แต่แรกเกดิ ถึง ๕ ปี ให้ผลตอบแทนสงู สุดถึงร้อยละ ๑๓

๕. ขาดความเข้าใจในการประสานงานอย่างเป็นระบบของกระทรวงหลักที่เกี่ยวข้องกับ
ด้านปฐมวัย (กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการพัฒนาสังคมและความม่ันคงของมนุษย์
กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศกึ ษาธกิ าร) ถงึ แมว้ า่ มกี ารประสานการดำเนนิ งานระหวา่ งกระทรวง
หน่วยงานทั้งภาครัฐ และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับเด็กปฐมวัย แต่การประสานงานดังกล่าว

ใหเ้ ปน็ ระบบยงั ตอ้ งการความเขา้ ใจเพอื่ ผนกึ กำลงั การวางแผน ตดิ ตามประเมนิ ผล และการรายงาน
ผลการประสานการทำงานที่สร้างกลไกทางนโยบายสังคมท่ีช่วยเหลือประชาชนที่ยากจนและไม่
สามารถเข้ารับบริการด้านสุขภาพ การปกป้องสิทธิเด็ก การให้บริการการศึกษา และการพัฒนา
เด็กปฐมวยั ทีม่ คี ณุ ภาพไดอ้ ยา่ งเทา่ เทียม

๖. การจัดประสบการณ์และการเตรียมความพร้อมเด็กปฐมวัยนั้นต้องทำตั้งแต่แรกเกิด
และเชื่อมต่อไปยังระดับประถมศึกษาปีท่ี ๑ อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตามในปี ๒๕๖๒

เด็กแรกเกดิ ถึงอายุ ๕ ปี มพี ฒั นาการสมวยั ร้อยละ ๘๕.๐ และยงั มีเด็กอายุ ๒ - ๕ ปี ประมาณ
ร้อยละ ๑๓.๓๔ (ประมาณ ๔.๑ แสนคน) ท่ีไม่ได้เข้าเรียนในศูนย์เด็กเล็กหรือโรงเรียนอนุบาล

เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเข้าเรียนระดับประถมศึกษาจึงต้องจัดการศึกษาและประสบการณ์ให้
สามารถกระตุ้นพัฒนาการ เตรียมความพร้อมรอบด้านให้เด็กปฐมวัยสามารถก้าวเข้าสู่การเรียนรู้

24 แผนพัฒนาเด็กปฐมวยั พ.ศ. ๒๕๖๔ - ๒๕๗๐


ในระบบโรงเรียนท่ีเปน็ การเปลี่ยนแปลงทีเ่ กิดขึ้นกบั เดก็ ทกุ คน ใหเ้ ป็นประสบการณ์สำคัญสำหรับ
เด็กที่จะเรียนรู้และปรับตัวเพื่อก้าวผ่านการเปล่ียนแปลงน้ีไปได้ ด้วยความร่วมมือของพ่อแม่

ผู้ปกครอง สถานศกึ ษา ชุมชน และสังคม

๗. ปญั หากลุ่มเด็กไร้รัฐ ไรส้ ัญชาติ กลมุ่ ชาตพิ ันธุ์ และชนกลุ่มนอ้ ย เกอื บ ๗๐,๐๐๐ คน
ซ่ึงไม่อาจเข้าถึงสิทธิข้ันพื้นฐานด้านการบริการสาธารณสุขได้ โดยเฉพาะในพื้นที่แนวตะเข็บ
ชายแดน พบความเหล่อื มล้ำของการเขา้ ถึงบริการสุขภาพและการพัฒนาคุณภาพชีวิต ดว้ ยปญั หา
ของสทิ ธติ ามกฎหมาย และการพสิ จู นส์ ถานะบคุ คลเพอ่ื การเข้าถงึ สิทธปิ ระโยชน์อืน่ ๆ ทีเ่ กยี่ วข้อง
ซึ่งเป็นปัญหามายาวนานและส่งผลกระทบกับการพัฒนาประเทศในระยะยาวหากไม่ได้รับการ
แก้ไขอย่างเป็นระบบ กลมุ่ เดก็ นักเรยี นรหสั G หมายถึง เดก็ นักเรียนในระบบการศึกษาขนั้ พื้นฐาน
ของประเทศไทยท่ียังไม่ได้ถือครองสัญชาติไทย ซ่ึงเป็นกลุ่มท่ีมีปัญหาสถานะและสิทธิที่ตกหล่น
จากมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เม่ือวันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๕๓ และมติคณะรัฐมนตรีเม่ือวันที่ ๒๐
เมษายน ๒๕๕๘ จำนวน ๖๗,๔๓๓ คน ท่ีเข้าไม่ถึงสิทธิขน้ั พ้นื ฐานด้านสาธารณสุข


โอกาสของการพฒั นาเด็กปฐมวัย


รัฐบาลปัจจุบันภายใต้การนำของพลเอก ประยทุ ธ์ จนั ทร์โอชา นายกรฐั มนตรี ได้กำหนด
นโยบายการปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้และการพัฒนาศักยภาพของคนไทยทุกช่วงวัย ส่งเสริม

การพัฒนาเด็กปฐมวัย โดยจัดให้มีระบบพัฒนาเด็กแรกเกิดอย่างต่อเนื่องจนถึงเด็กวัยเรียน

ใหม้ โี อกาสพฒั นาตามศกั ยภาพ และในปี ๒๕๖๒ พระราชบญั ญตั กิ ารพฒั นาเดก็ ปฐมวยั พ.ศ. ๒๕๖๒
ได้มีผลบังคับใช้และกำหนดให้มีคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเด็กปฐมวัย เพื่อทำหน้าท
่ี
ในการจดั ทำนโยบายระดบั ชาตดิ า้ นการพฒั นาเดก็ ปฐมวยั ใหค้ วามเหน็ ชอบแผนพฒั นาเดก็ ปฐมวยั
อนุมัติแผนงบประมาณและแผนการดำเนินงานประจำปีแบบบูรณาการของหน่วยงานของรัฐ

และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นท่ีเก่ียวข้อง รวมถึงการเสนอแนะและให้คำปรึกษาแก

คณะรัฐมนตรีในการพัฒนาเด็กปฐมวัยและการจัดการศึกษาของเด็กปฐมวัยตั้งแต่ระดับอนุบาล
จนถึงระดับประถมศกึ ษาให้เชื่อมโยงกบั พฒั นาการของเด็ก

คณะกรรมการระดับชาติด้านเด็กปฐมวัยอีกคณะหน่ึง คือ คณะกรรมการส่งเสริม

การพฒั นาเดก็ และเยาวชนแห่งชาติ (กดยช.) ซ่ึงตงั้ ขนึ้ ตามพระราชบญั ญัตสิ ่งเสรมิ การพัฒนาเด็ก
และเยาวชนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๐ มีหน้าที่ในการเสนอนโยบายและแผนพัฒนาเด็กและเยาวชน
แห่งชาติต่อคณะรัฐมนตรี รวมถึงการส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชน วิเคราะห์สถานการณ์
ด้านเด็กและเยาวชนของประเทศ โครงการสำคัญท่ีเป็นผลจากการพิจารณาของ กดยช. ตามที่
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ คือ โครงการเงินอุดหนุนเพ่ือเลี้ยงดู
เด็กแรกเกิดต่อเน่ือง เพื่อเป็นหลักประกันสิทธิข้ันพ้ืนฐาน ลดความเหลื่อมล้ำ รวมทั้งคุ้มครอง

เดก็ แรกเกดิ และเด็กปฐมวยั ใหไ้ ดร้ บั การดูแลและมีคุณภาพชีวิตท่ดี ี

แผนพฒั นาเด็กปฐมวยั พ.ศ. ๒๕๖๔ - ๒๕๗๐
25
บันทึกข้อตกลงความร่วมมือการพัฒนาคนตลอดช่วงชีวิต (กลุ่มเด็กปฐมวัยและผู้สูงอายุ)
เป็นอีกหน่ึงกลไกหลักท่ีรัฐบาล โดยการบูรณาการการดำเนินงานของ ๔ กระทรวงหลัก ได้แก่
กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย
และกระทรวงศึกษาธิการ มีเจตจำนงท่ีจะส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกันในการขับเคล่ือนการ
ดำเนินงานการพัฒนาคนตลอดช่วงชีวิต (กลุ่มเด็กปฐมวัยและผู้สูงอายุ) โดยร่วมกันผลักดัน

ในระดับนโยบายจนถึงระดับปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม โดยในส่วนของกลุ่มเด็กปฐมวัย

ท้ัง ๔ กระทรวงจะร่วมกันดำเนินงานภายใต้วิสัยทัศน์คนไทยเป็นมนุษย์ท่ีสมบูรณ์ และเป็น
พลเมืองที่มีวินัย ตื่นรู้ และเรียนรู้ด้วยตนเองตลอดชีวิต มีความรู้ มีทักษะและทัศนคติท่ีเป็น

คา่ นยิ มทด่ี ี มสี ขุ ภาพรา่ งกายและจติ ใจทส่ี มบรู ณต์ ามกรอบการบรู ณาการความรว่ มมอื การพฒั นาคน
ตลอดช่วงชีวิตในกลุ่มเด็กปฐมวัย ๔H ประกอบด้วย ๑) Heart (ดี มีวินัย) ๒) Head (เก่ง)

๓) Hand (ใฝ่เรียนรู้ มีทักษะ) และ ๔) Health (แข็งแรง) โดยดำเนินงานเสริมหนุนกัน

ในลักษณะของการบรู ณาการทกุ กระทรวง

นอกจากการจัดทำนโยบาย แผนและมาตรการต่าง ๆ ท่ีเก่ียวข้องกับการส่งเสริม

และพฒั นาเดก็ ปฐมวยั แลว้ ปจั จบุ นั รฐั บาลยงั ไดม้ คี วามพยายามปดิ ชอ่ งวา่ งของระบบการคมุ้ ครอง
ทางสังคมของไทยอย่างเป็นรูปธรรม โดยการให้เงินอุดหนุนเด็กแรกเกิดในครอบครัวที่ยากจน
หรอื เสยี่ งจน เป็นรายเดอื นจำนวน ๖๐๐ บาท จนกระท่งั บุตรอายุ ๖ ปี อยา่ งไรกต็ าม นโยบาย

ดังกล่าวเป็นเพียงมติคณะรัฐมนตรีและอาจขาดความย่ังยืน ดังน้ัน รัฐควรหาแนวทางเพ่ือสร้าง
ความยั่งยืนทางนโยบายโดยพิจารณาบรรจุไว้ในพระราชบัญญัติท่ีเก่ียวข้อง นอกจากนี้รัฐยังควรมี
การประเมินนโยบายการคุ้มครองทางสังคมท่ีมุ่งเน้นเด็กอ่ืน ๆ เพ่ือให้แน่ใจว่าเด็กได้รับประโยชน์
สูงสดุ จากนโยบายการคุ้มครองจากรัฐกรณเี งินอดุ หนุนเด็กแรกเกิดให้ครอบคลุมและเทา่ เทียม

ส่วนที่ ๓


วิสยั ทัศนแ์ ละเปา้ หมายของแผนพัฒนาเดก็ ปฐมวัย


นโยบายดา้ นเด็กปฐมวัย


๑. เด็กปฐมวัยทุกคนต้องได้รับการพัฒนาอย่างรอบด้าน อย่างมีคุณภาพ ตามศักยภาพ
ตามวยั และต่อเน่ือง

๒. การพัฒนาเด็กตามข้อ ๑ ต้องจัดให้เป็นระบบและมีความสัมพันธ์ระหว่างกัน

โดยบูรณาการชัดเจนระหว่างหน่วยงานราชการและท่ีไม่ใช่ราชการ ระหว่างวิชาชีพท่ีสัมพันธ์กับ
การพัฒนาเด็กปฐมวัย และระหว่างระดับต่าง ๆ ของการบริหารราชการแผ่นดินจากระดับชาติ
ส่วนกลาง ส่วนภูมภิ าค และสว่ นท้องถ่นิ

๓. รัฐและทุกภาคส่วนต้องร่วมกันระดมทรัพยากรให้เพียงพอแก่การพัฒนาเด็กปฐมวัย
ตามนโยบายข้อ ๑


วสิ ยั ทัศน


“เด็กปฐมวัยทุกคนได้รับการพัฒนาอย่างรอบด้านเต็มตามศักยภาพ เป็นพ้ืนฐานของ
ความเปน็ พลเมืองคณุ ภาพ”


ปรชั ญา


เด็กปฐมวัยทุกคนมีความคิดสร้างสรรค์ จินตนาการ และเอกลักษณ์ มีความสามารถ

ในการเรยี นรทู้ กุ สง่ิ กระตอื รอื รน้ ในการเรยี นรู้ มจี ติ ทซี่ มึ ซบั สงิ่ ทเ่ี รยี นรจู้ ากประสบการณต์ รง ดงั นน้ั
เดก็ ปฐมวัยทุกคนตอ้ งได้รับการดแู ล พัฒนา และเรยี นรู้อยา่ งรอบด้าน ทง้ั ด้านรา่ งกาย จิตใจ วนิ ัย
อารมณ์ สังคม สมอง และสติปัญญาให้สมกับวัย อย่างมีคุณภาพ และเท่าเทียม ตามศักยภาพ
ตามวัย และต่อเน่ือง บนพ้ืนฐานของการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ที่ดีที่สุดสอดคล้องกับหลัก
การพัฒนาศักยภาพและความต้องการพิเศษของแต่ละบุคคล โดยคำนึงถึงความสุข ความเป็นอยู่
ท่ีดี การคุ้มครองสิทธิ และความต้องการพ้ืนฐานของเด็กปฐมวัย รวมทั้งการปฏิบัติต่อเด็กทุกคน
โดยยึดหลักศักด์ศิ รขี องความเป็นมนษุ ย์ การมสี ว่ นร่วม การเป็นท่ยี อมรบั ของผทู้ ่เี กี่ยวขอ้ งกับเดก็
และการกระทำทง้ั ปวงเพอื่ ประโยชน์สงู สุดของเดก็ เป็นสำคญั

แผนพัฒนาเดก็ ปฐมวยั พ.ศ. ๒๕๖๔ - ๒๕๗๐
27
การพัฒนาดังกล่าวให้เด็กปฐมวัยได้พัฒนาเต็มตามศักยภาพจะต้องอาศัยกลไกการ
บริหารจัดการในการขับเคลอ่ื นสามดา้ น ดังต่อไปน ้ี




เป้าประสงค


เด็กปฐมวัยทุกคน ซง่ึ หมายถงึ เด็กทกุ คนท่ีอยู่ในประเทศไทย รวมถงึ เด็กท่ีเป็นลกู แรงงาน
ต่างชาติและเด็กท่ีไม่ได้มาจากครอบครัวไทย ท่ีอาศัยอยู่ในประเทศไทย ต้องได้รับการพัฒนา

อยา่ งรอบดา้ น อยา่ งมคี ุณภาพ ตามศกั ยภาพ ตามวัย ตอ่ เนอื่ ง และสามารถเขา้ ถึงบรกิ ารสขุ ภาพ

การศึกษา และสวัสดิการสังคมไดอ้ ยา่ งเท่าเทียมกัน


นิยามศัพท


เด็กปฐมวัย หมายถึง เด็กซึ่งมีอายุต่ำกว่าหกปีบริบูรณ์ และให้หมายความรวมถึงเด็ก

ซึ่งตอ้ งได้รบั การพฒั นากอ่ นเข้ารบั การศึกษาในระดบั ประถมศึกษา

สุขภาวะ หมายถึง การดำรงชีพของบุคคลอย่างมสี ขุ ทงั้ กาย และจติ อาจกล่าวได้ว่ามใิ ช่
เพียงไมม่ โี รคภยั ไขเ้ จ็บ แตร่ วมถงึ การมีชวี ิตทม่ี ีร่างกายแข็งแรง จิตแขง็ แรง มคี วามสุขอยูใ่ นสงั คม
โลกในปัจจบุ นั ซึ่งมกี ารเปลีย่ นแปลงตา่ ง ๆ เกิดขนึ้ อยา่ งรวดเร็ว

การพัฒนาเต็มตามศักยภาพ หมายถึง การพัฒนาเด็กให้เกิดพัฒนาการรอบด้าน
สอดคล้องตามหลกั จติ วทิ ยาพัฒนาการเดก็ ตามความสนใจและความตอ้ งการของเดก็ โดยรวมถึง
พัฒนาการด้านร่างกายให้เด็กเจริญเติบโต สูงดีสมส่วน ด้านอารมณ์ สังคมให้เด็กสามารถอยู่ร่วม
และมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข ด้านสติปัญญาให้เด็กสามารถรับรู้และเกิด
กระบวนการเรียนตามวัยอย่างมีประสิทธิภาพ ท้ังหมดนี้เป็นเคร่ืองมือในการแสวงหาความรู้

และเป็นทักษะในการเรยี นรใู้ นอนาคต โดยพอ่ แม่ หรอื ผเู้ ล้ยี งดูหลักมีทกั ษะการเปน็ พ่อเปน็ แม


28 แผนพัฒนาเด็กปฐมวยั พ.ศ. ๒๕๖๔ - ๒๕๗๐

เด็กที่มีภาวะเสี่ยง หมายถึง เด็กท่ีเกิดจากลักษณะการคลอดที่เส่ียงจนอาจเป็นผลถึง
พัฒนาการโดยรวมของเดก็ เชน่ คลอดกอ่ นกำหนด ทารกที่คลอดมนี ำ้ หนักต่ำกวา่ ๒,๕๐๐ กรัม
คลอดในคุก คลอดในขณะที่แม่มีอาการเจ็บป่วยท่ีมีผลกระทบกับทารกในครรภ์ ได้รับอุบัติเหตุ
หรืออยใู่ นสภาพแวดล้อมท่อี าจเป็นอนั ตรายต่อสุขภาวะของเดก็

เดก็ ดอ้ ยโอกาส หมายถึง เด็กที่มีอายตุ ่ำกว่า ๑๘ ปี ที่ประสบปัญหาหรือตกอยู่ในภาวะ
ยากลำบากหรืออยู่ในสถานภาพท่ีด้อยกว่าเด็กท่ัวไปจากฐานะทางเศรษฐกิจ สภาพภูมิศาสตร์
ภาษา วฒั นธรรม การเลีย้ งดูหรอื อยู่ในสิ่งแวดล้อมท่อี าจเปน็ อันตราย หรอื บน่ั ทอนการพัฒนาของ
เด็กโดยรวม ที่จำเป็นต้องให้ความช่วยเหลือเป็นพิเศษเพื่อให้มีชีวิตและความเป็นอยู่ท่ีดีข้ึน

มีพัฒนาการท่ีถูกต้องและเหมาะสมกับวัย สามารถบรรลุถึงศักยภาพสูงสุดของตนเองได้ เช่น

เด็กถูกปล่อยปละละเลย เด็กถูกละเมิดสิทธิ เด็กประพฤติตนไม่เหมาะสม เด็กขาดโอกาส/อยู่ใน
สภาวะยากลำบากเข้าไม่ถึงบริการ เด็กท่ีได้รับผลกระทบจากเอดส์หรือโรคติดต่ออันตราย เด็กท่ี
เจบ็ ป่วยเร้อื รงั

เด็กท่ีมีความต้องการพิเศษ หมายถึง เด็กท่ีมีพัฒนาการทางร่างกาย อารมณ์ สังคม
หรือสติปัญญาซ่ึงแตกต่างจากเด็กทั่วไปจนมีความต้องการการดูแล และการศึกษาท่ีแตกต่างจาก
เด็กอนื่ ๆ เปน็ พิเศษ เชน่ เด็กที่มีความบกพร่องทางการเหน็ การได้ยนิ การสอื่ สาร ภาวะความผดิ
ปกติทางสมองและการรับรู้ ภาวะความผิดปกติทางร่างกายและการเคล่ือนไหว ทางอารมณ์และ
พฤติกรรม ทางสติปัญญา ทางการเรียนรู้ และเด็กท่ีมีความต้องการพิเศษซ้อน รวมถึงเด็กที่มี
ความสามารถพิเศษ ซึ่งต้องได้รับการดูแล ส่งเสริมพัฒนาการ การศึกษา การเรียนรู้ หรือการ
ฟืน้ ฟเู ปน็ พิเศษ

ครัวเรือนยากจน หมายถงึ ครัวเรือนที่สมาชกิ ในครวั เรือนมีรายได้เฉลยี่ ตำ่ กวา่ ๓,๐๐๐
บาท ต่อคนต่อเดอื น หรอื ตำ่ กวา่ ๓๖,๐๐๐ บาท ตอ่ คน ต่อป

พอ่ แม ่ หมายถึง ผู้ให้กำเนดิ และมหี น้าท่ีโดยตรงในการใหก้ ารเล้ียงดู ปกป้อง คุม้ ครอง
สิทธิของเด็กและสร้างการมีส่วนร่วมให้เด็กมีโอกาสพัฒนาตนเต็มตามศักยภาพ ทั้งนี้ รวมถึง

พอ่ แมท่ กุ คนทอี่ ยใู่ นประเทศไทยทม่ี าจากกลมุ่ ยากจน ดอ้ ยการศกึ ษา แรงงานตา่ งดา้ ว อยใู่ นสภาวะ
ยากลำบาก อยใู่ นทณั ฑสถาน อย่ใู นกล่มุ เสี่ยง มีสภาวะจิตใจบกพรอ่ ง

ผปู้ กครอง หมายถงึ ผทู้ มี่ หี นา้ ทต่ี ามกฎหมายในการเลยี้ งดู ปกปอ้ ง คมุ้ ครองสทิ ธขิ องเดก็
และสรา้ งการมีสว่ นรว่ มให้เด็กมีโอกาสพฒั นาตนเตม็ ตามศกั ยภาพ

สถานบรกิ าร หมายถงึ สถานบรกิ ารสาธารณสขุ ของรฐั ของเอกชน และของสภากาชาดไทย
หรอื หนว่ ยบรกิ ารประกอบโรคศลิ ปะสาขาตา่ ง ๆ และสถานบรกิ ารสาธารณสขุ อน่ื ทคี่ ณะกรรมการ
กำหนดเพิม่ เตมิ

หน่วยบริการ หมายถึง สถานบริการที่ข้ึนทะเบียนในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
(ขอ้ บงั คบั คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๕๘)

ส่วนที่ ๔


ยทุ ธศาสตร์การพัฒนาเด็กปฐมวยั


(ร่าง) แผนพัฒนาเด็กปฐมวัย พ.ศ. ๒๕๖๔ - ๒๕๗๐ กำหนดให้มียุทธศาสตร์เพ่ือการ
พัฒนาเด็กปฐมวยั ทง้ั สิน้ ๗ ยุทธศาสตร์ ดงั น
ี้
ยุทธศาสตรท์ ่ี ๑ การจัดและการให้บรกิ ารแก่เด็กปฐมวยั

ยุทธศาสตร์ที่ ๒ การพัฒนาและสรา้ งความเข้มแข็งใหก้ ับสถาบนั ครอบครวั

ในการอบรมเล้ียงดเู ด็กปฐมวยั

ยทุ ธศาสตรท์ ่ี ๓ การพฒั นาคุณภาพและมาตรฐานการให้บรกิ ารพัฒนาเดก็ ปฐมวัย

ยทุ ธศาสตรท์ ี่ ๔ การพัฒนาระบบและกลไกการบูรณาการสารสนเทศเด็กปฐมวัย

และการนำไปใชป้ ระโยชน ์

ยทุ ธศาสตรท์ ่ี ๕ การจดั ทำและปรบั ปรุงกฎหมาย กฎระเบียบทีเ่ ก่ียวกับเดก็ ปฐมวัย

และการดำเนนิ การตามกฎหมาย

ยทุ ธศาสตร์ที่ ๖ การวจิ ัยพฒั นาและเผยแพรอ่ งคค์ วามรู

ยทุ ธศาสตร์ท่ี ๗ การบริหารจัดการ การสร้างกลไก การประสานการดำเนินงาน

และการติดตามประเมนิ ผล


ในแต่ละยุทธศาสตร์มีสาระสำคัญประกอบด้วย เป้าประสงค์ ตัวชี้วัด และมาตรการ

โดยกรอบระยะเวลาตามแผนพัฒนาเด็กปฐมวัย พ.ศ. ๒๕๖๔ - ๒๕๗๐ มีระยะเวลา ๗ ป ี

ซึง่ มีสาระสำคัญดังน้ี




ยุทธศาสตรท์ ี่ ๑ การจัดและการใหบ้ ริการแกเ่ ดก็ ปฐมวัย


เปา้ ประสงค

๑. หญิงต้ังครรภ์ได้รับการดูแลในระหว่างตั้งครรภ์และหลังคลอดอย่างมีคุณภาพ

และเท่าเทยี ม

๒. เด็กปฐมวัยได้รับการดูแล พัฒนาอย่างรอบด้าน ท้ังด้านสุขภาวะ การศึกษา

และสวัสดิการสังคม เพ่ือให้มีพัฒนาการท่ีดีรอบด้าน ท้ังทางร่างกาย จิตใจ วินัย อารมณ์ สังคม
และสตปิ ัญญาให้สมกบั วยั


Click to View FlipBook Version