The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ปรับปรุง ถอดบทเรียนโรงเรียนพิงครัตน์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by sfnanakorn, 2022-02-18 23:15:22

ถอดบทเรียนโรงเรียนพิงครัตน์

ปรับปรุง ถอดบทเรียนโรงเรียนพิงครัตน์

Keywords: ถอดบทเรียน โรงเรียนพิงครัตน์,สังคม,สันติ

ถอดบทเรียน
กระบวนการเสริมสร้าง
และพัฒนามนุษย์เพื่อ

สังคมสันติสุข
กรณีศึกษา

โรงเรียนพิงครัตน์
จังหวัดเชียงใหม่

ถอดบทเรียนกระบวนการเสรมิ สร้างและพัฒนามนษุ ยเ์ พ่ือสงั คมสันตสิ ุข
กรณศี ึกษา โรงเรียนพิงครัตน์ จงั หวดั เชียงใหม่

LESSON LEARNED FOR: THE PROCESS OF BUILDING AND
DEVELOPING HUMAN BEINGS FOR A PEACEFUL SOCIETY

IN THE CASE STUDY OF PINGKARATTANA SCHOOL
CHIANG MAI PROVINCE

สถาบนั วจิ ยั นานาชาติธรรมชัย
ประเทศออสเตรเลียและนวิ ซแี ลนด์

พทุ ธศักราช ๒๕๖๔ – ๒๕๖๕



ช่ือโครงการ : ถอดบทเรยี นกระบวนการเสริมสร้างและพัฒนามนษุ ย์
เพอื่ สังคมสนั ตสิ ุข กรณศี กึ ษา โรงเรยี นพงิ ครตั น์ จงั หวดั เชียงใหม่

ประธานโครงการ : พระสธุ รรมญาณวิเทศ วิ. (สุธรรม สธุ มโฺ ม)

คณะทำงาน : คณะผวู้ ิจัยสบาบันนานาชาติธรรมชยั ประเทศออสเตรเลียและนวิ ซีแลนด์

วันที่เสรจ็ สนิ้ โครงการ : ๑๕ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๕

บทคดั ย่อ

วัตถปุ ระสงค์การถอดบทเรียนฯ๑) เพอื่ สรปุ องค์ความรู้กระบวนการเสริมสร้างและพัฒนา
มนุษย์เพื่อสังคมสันติสุขของโรงเรียนพิงครัตน์ จังหวัดเชียงใหม่ ๒) เพื่อขยายองค์ความรู้ใน
กระบวนการเสริมสร้างและพัฒนามนุษย์เพื่อสังคมสันติสุข ไปสู่องค์กรอื่นๆ.๓) เพื่อการนำไป
ประยุกต์ใชแ้ ละพัฒนาต่อยอดองค์ความร้กู ระบวนการฯ สำหรับองคก์ รอนื่ ๆ โดยการใชเ้ ทคนคิ ทบทวน
หลังการปฏิบัติ (Retrospective Technique) กลุ่มเป้าหมายคือกลุม่ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียโรงเรียนพิงค
รตั น์ จังหวัดเชยี งใหม่ จำนวน ๕๖ คน จาก ๕ กลมุ่

ผลการถอดบทเรยี นพบวา่

๑) กระบวนการสร้างการเสริมสร้างและพัฒนามนุษย์เพื่อสังคมสันติสุขกรณีศึกษา
โรงเรยี นพิงครตั น์ จังหวัดเชียงใหมน่ น้ั ให้ผลเชิงบวกและสอดคลอ้ งกบั คา่ คาดหวังของฝ่ายท่ีเกี่ยวข้อง
คือ ผู้ก่อตั้ง ผู้บริหาร สถานศึกษา ครู ผู้ปกครอง และศิษย์ กับค่าคาดหวังที่ว่า คนดี มีคุณธรรม และ
อยใู่ นสงั คมได้อยา่ งสันติสุข ทงั้ นีม้ าจากความเขา้ ใจถึงจุดม่งุ หมายและวิธกี ารดำเนินเดยี วกนั เพ่อื บรรลุ
วัตถุประสงค์ การดำเนินโครงการ ถอดบทเรียนฯ มีดังนี้ ๑) กำหนดกรอบนโยบายการดำเนินการ๒)
กระบวนการสัมภาษณ์เชิงลึกและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ กลุ่มผู้ริเริ่มก่อตั้ง รร.พิงครัตน์,และครูใหญ่ รร.
พิงครตั น์ ๓) กระบวนการถอดบทเรียนกลุ่ม ครู รร.พงิ ครัตน๔์ ) กระบวนการถอดบทเรียนกลุ่มครูและ
พนักงาน รร.พิงครัตน์ ๕) กระบวนการถอดบทเรียนจากกลุ่ม ผู้ปกครอง นักเรียน รร.พิงครัตน์ ๖)
กระบวนการถอดบทเรียนจากกลมุ่ นักเรียน รร.พิงครตั น์ ๗) กระบวนการถอดบทเรยี นจากกลมุ่ อดีต
นักเรียนที่ศึกษาจบไปจาก รร.พิงครัตน์ มีทั้งสิ้น ๗ ระยะ ซึ่งตามกระบวนการดังกล่าวนั้น การสร้าง



การมีสว่ นรว่ มมีความสำคัญและมใี นทกุ ขน้ั ตอนโดยการทำให้ ผู้มสี ่วนไดส้ ่วนเสยี คำนงึ ถงึ ผลประโยชน์
ร่วมกันในการดำเนินการ มีการรับฟังเสียงสะท้อน การใช้กลุ่มในการช่วยตรวจสอบซึ่งกันและกัน ซ่ึง
ทำใหเ้ กดิ กาตระหนักถงึ ความร่วมมือ ร่วมใจในการดำเนินการ ในการขับเคล่อื นโครงการ
๒, ๓ ) การนำความรูไ้ ปขยายผล , ประยกุ ต์ใชเ้ ปน็ สิ่งทสี่ ามารถดำเนนิ การต่อไปไดใ้ นอนาคต

องค์ความรู้ทีไ่ ดจ้ ากการถอดบทเรยี นฯ
กระบวนการการเสริมสรา้ งและพัฒนามนุษย์เพื่อสังคมสันตสิ ุข โรงเรียนพงิ ครัตน์ จังหวัด

เชียงใหม่ ดำเนินการ ด้วยวิธกี าร จากกระบวนการดังกลา่ ว สรุปดังนี้งนี้พอสรุปกระบวนการฯดว้ ย
วิธีการ G-H-R-D ตามความหมายของคำดังนี้ : G = Goal Setting การตั้งเป้าหมายในการ
ดำเนินการที่ชัดเจน คือ สร้างคนดี มีน้ำใจ ใฝ่คุณธรรม โดย “สร้างโรงเรียนเพื่อเสริมสร้างคนดีสู่
สังคม” : H= How to ใช้หลักพุทธศาสนา ศีล๕ ร่วมกับหลักความดีสากล ๕ประการ UG 5 มาเป็น
แกนในการเรียนการสอนและกิจกรรมต่างๆของทางโรงเรียน เพื่อบ่มเพาะหล่อหลอมให้เป็นไปใน
เป้าหมายเดียวกนั ซงึ่ สง่ ผลรวมไปถึง ผู้บริหารโรงเรยี น ครู นกั เรยี น และยงั ให้ความสำคัญด้านทักษะ
ภาษาที่สำคัญ ๕ ภาษา ซึ่งนอกเหนือจากการดำเนินการสอนด้านวิชาการด้านต่างๆแล้ว : R=
Recruitment & Selection, Explanation การคัดสรรบุคลากรที่จะเข้ามาทำร่วมกัน และรวมไปถึง
การเลือกสรรผู้ปกครองนักเรียน ที่จะนำบุตรหลานเข้ามาศึกษาที่ โรงเรียน โดยการชี้แจงเป้าหมาย
ของโรงเรียนเพื่อให้เข้าใจตรงกันและดำเนินการวิธีการเดียวกันเพื่อการบรรลุวัตถุประสงค์ร่วมกัน :
D= Development Evaluation การประเมิณผลการดำเนินงานต่างๆเพื่อการพัฒนาให้ดีขึ้น โดยมี
การประเมิณผลเพื่อการปรับปรุงพัฒนาเป็นระยะเพื่อให้การดำเนินการบรรลุวัตถุประสงค์หลักของ
องคก์ ร โดยการมองยอ้ นกลับทจ่ี ุดเป้าหมายอีกครัง้

สารบญั ค

เรอ่ื ง หน้า
บทคดั ยอ่ ภาษาไทย ก
สารบัญ ค
สารบญั ตาราง จ
สารบญั แผนภมู ิ ฉ
สารบัญแผนภาพ ช

บทท่ี ๑ บทนำ ๑
๑.๑ ความเป็นมาและความสำคญั ของปัญหา ๔
๑.๒ วัตถปุ ระสงค์ของการถอดบทเรยี น ๕
๑.๓ ขอบเขตการถอดบทเรยี น ๖
๑.๔ ประโยชนท์ ่ีได้รบั จากการถอดบทเรียน

บทท่ี ๒ วิธีการดำเนินการถอดบทเรยี น ๗
๒.๑ รูปแบบการดำเนินการถอดบทเรียน ๙
๒.๒ กลุ่มเปา้ หมาย ๑๐
๒.๓ เครื่องมอื ท่ีใช้ ๑๕
๒.๔ การเกบ็ รวบรวมข้อมูล ๑๖
๒.๕ การวเิ คราะห์ข้อมูล
๒.๖ จริยธรรมการดำเนนิ การถอดบทเรยี น ๑๘
๒๓
บทท่ี ๓ ผลการวเิ คราะหข์ ้อมูล ๖๕
๓.๑ ผลการวเิ คราะหข์ อ้ มูลพ้ืนฐาน
๓.๒ ผลการวเิ คราะหต์ ามวตั ถุประสงค์
๓.๓ องค์ความรทู้ ี่ได้จากการถอดบทเรยี น

บทท่ี ๔ สรุป และข้อเสนอแนะ ง

๔.๑ สรุปการถอดบทเรยี น ๖๗
๔.๒ ขอ้ เสนอแนะ ๗๐
๗๐
๔.๒.๑ ขอ้ เสนอแนะเชงิ นโยบาย ๗๑
๔.๒.๒ ขอ้ เสนอแนะในการนำผลการถอดบทเรียนฯไปใช้
๗๒
บรรณานุกรม ๗๓

ภาคผนวก
ภาคผนวก ก. รายนามผู้ใหข้ อ้ มลู สำคัญ
ภาคผนวก ข. ตวั อย่าง กิจวัตร กจิ กรรมของโรงเรียนพิงครัตน์

สารบญั ตาราง จ

เร่ือง หน้า

๒.๑ ตารางสรปุ กรอบการดำเนนิ การถอดบทเรียนฯ ๘
๓.๑ จำนวนห้องและนกั เรยี น ๒๐
๓.๒ สรุปจำนวนครฯู ๒๑
๓.๓ ตารางการถอดบทเรยี นฯ ๒๓
๓.๔ นักเรียนปจั จุบันกลมุ่ ตัวอย่าง ๕๕
๓.๕ ศษิ ย์เก่ากลุ่มตัวอย่าง ๖๑

สารบัญแผนภูมิ ฉ

เร่อื ง หนา้
๔๕
๓.๑ กรอบการดำเนนิ การถอดบทเรียนฯ ๖๖
๓.๒ องคค์ วามรู้ ๖๙
๔.๑ องคค์ วามรู้

สารบัญภาพ ช

เรอ่ื ง หน้า
๓.๑ การสัมภาษณ์กลมุ่ ตวั อย่าง ครู ๔๔

ถอดบทเรยี นกระบวนการเสรมิ สร้างและพัฒนามนษุ ยเ์ พอ่ื สงั คมสันตสิ ุข
กรณศี กึ ษา “โรงเรียนพิงครตั น์” จงั หวัดเชียงใหม่

LESSON LEARNED FOR: THE PROCESS OF BUILDING AND
DEVELOPING HUMAN BEINGS FOR A PEACEFUL SOCIETY

IN THE CASE STUDY OF “PINGKARATTANA SCHOOL.”

CHIANG MAI PROVINCE

บทที่ ๑

๑.๑ บทนำ

เป็นที่ทราบกันดีว่า “สถานศึกษา” หรือ “โรงเรียน” เป็นสถานท่ี ที่มีความสำคัญในการ
บ่มเพาะบุคคลในการเรียนรู้ทั้งศาสตรแ์ ละศิลป์ เพื่อการเป็นทรัพยากรที่มีคณุ ภาพเหมาะสมต่อสังคม
ส่วนรวม โรงเรียนเปรียบเสมือนบ้านหลังที่สองที่เด็กๆในวัยเรียนได้ใช้ชีวิตอยู่ในแต่ละวันไม่น้อยกว่า
เจ็ดชั่วโมงต่อวันซึ่งนับเป็นร้อยละสามสิบเก้าของเวลาทั้งหมดต่อหนึ่งวัน สถานที่ดังกล่าวเป็นท้ัง
สถานที่ให้ความรู้ ใหป้ ระสบการณ์ที่ เป็นท้งั แหล่งให้ความบนั เทิง ได้พบปะกบั ผู้คน เป็นแหล่งสันทนา
การ รวมไปถึงแหล่งแห่งความทรงจำ และอื่นๆอีกมากมาย โรงเรียนควรเป็นที่ปลอดภัยและปลอด
กังวลของทั้งตัวเด็กที่เข้ามาศึกษาและผู้ปกครอง เพื่อให้สอดคล้องกับคำที่กล่าวมาข้างต้นว่าโรงเรียน
เปรียบเสมือนบ้านหลงั ทีส่ องของผู้ที่เขา้ มารับการศึกษา

ดงั จะพบไดว้ า่ มีผู้ปกครองจำนวนไม่นอ้ ยที่พยายามขวนขวายหาทรัพยเ์ พ่ือคัดสรรโรงเรียน
ที่เขาเหล่านั้นคิดว่าดีที่สุดสำหรบั บุตรหลานโดยคาดหวังว่าจะเปน็ การให้อนาคตที่ดีตอ่ บุตรหลาน ใน
ขณะเดียวกันก็มีโรงเรียนหลายโรงเรียนที่ตอบโจทย์ความต้องการดังกล่าวได้ไ ม่ครบถ้วนเพราะความ
ต้องการและนิยามความหมาย “โรงเรียนที่ดี”ในมุมมองของผู้ปกครองแตค่ นมีความแตกต่างกันไปแต่
อย่างไรก็ตามคนส่วนใหญ่ก็มิอาจปฏิเสธได้ว่า สิ่งหนึ่งที่ผู้ปกครองมีความปรารถนาอยากเห็นบุตร
หลานของตนเติบโตขึ้นแบบมีคุณภาพและมีคุณธรรมเพื่อเป็นคนที่ดีในสังคม ไม่เป็นภาระต่อสังคม



ฉะนั้นภารกิจอันยิ่งใหญ่ก็ยังคงเป็นของ “สถานศึกษา” อันเป็นสถานที่บ่มเพาะคนที่สำคัญต่อสังคม
โดยรวม

อนง่ึ โรงเรียนจงึ เป็นหนว่ ยหน่ึงในสังคมทสี่ ำคัญรองลงมาจากครอบครวั ในการดูแลพัฒนา
บุคคลอันเป็นทรัพยากรที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศหน่วยหนึ่งอย่างมิอาจปฏิเสธ
ได้ ฉะนั้นการให้ความสำคัญในการเสริมสร้างและพัฒนามนุษย์เพื่อให้เติบโตขึ้นแบบมีคุณภาพและ
เสริมสร้างให้สังคมเกิดสันติสุขจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งซึ่งสอดคล้องกับ ราชกิจจานุเบกษา ฉบับลง
วันที่ ๑๓ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๖๑ เรอื่ ง ยุทธศาสตรช์ าติ (พ.ศ.๒๕๖๑ - ๒๕๘๐) อนั มเี ปา้ หมายการพัฒนา
ประเทศหรือเรียกขานอีกชื่อหนึ่งว่า แผนยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี ดังนี้คือ“ประเทศชาติมั่นคง
ประชาชนมีความสุข เศรษฐกิจพัฒนาอย่างต่อเนื่อง สังคมเป็นธรรม ฐานทรัพยากรธรรมชาติยั่งยืน”
ทั้งนีม้ กี ารยกระดับศักยภาพของประเทศในหลายด้านมีการพัฒนาคนในหลากหลายมิติและในทุกช่วง
วยั ใหเ้ ป็นคนดีเก่งและมคี ุณภาพสรา้ งโอกาสและความเสมอภาคทางสงั คม สร้างการเตบิ โตบนคณุ ภาพ
ชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และมีภาครัฐของประชาชนเพื่อประชาชนและประโยชน์ส่วนรวม โดย
แผนพัฒนาตามยุทธศาสตร์ชาติ ประกอบด้วย แผนพัฒนาใน ๖ ด้านดังนี้คือ ๑) ความอยู่ดีมีสุขของ
คนไทยและสังคมไทย ๒) ขดี ความสามารถในการแขง่ ขัน การพฒั นาเศรษฐกิจ และการกระจายรายได้
๓) การพฒั นาทรัพยากรมนุษยข์ องประเทศ ๔) ความเทา่ เทยี มและความเสมอภาคของสังคม ๕) ความ
หลากหลายทางชีวภาพ คุณภาพสิ่งแวดล้อม และความยั่งยืนของทรัพยากรธรรมชาติ และ ๖)
ประสิทธิภาพการบริหารจดั การและการเข้าถงึ การใหบ้ รกิ ารของภาครัฐ

ทั้งนี้ จากแผนพัฒนาฯข้างต้นจะพบได้ว่าแผนด้านที่ ๓ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เป็น
หนึ่งในแผนยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งขยายความได้ดังน้ีการปรับเปลี่ยนค่านิยมและวัฒนธรรม มุ่งเน้นให้
สถาบันทางสังคมร่วมปลูกฝังค่านิยมวัฒนธรรมที่พึงประสงค์ โดยบูรณาการร่วมระหว่าง “ครอบครัว
ชมุ ชน ศาสนา การศึกษา และสื่อ” ในการหลอ่ หลอมคนไทยให้มคี ณุ ธรรม จริยธรรม ในลกั ษณะที่เป็น
‘วิถี’ การดำเนินชีวิต โดยจำเป็นต้องมุ่งเน้นการพัฒนาและยกระดับคนในทุกมิติและในทุกช่วงวัยให้
เป็นทรพั ยากรมนุษย์ทดี่ ี เก่ง และมคี ุณภาพพร้อมขับเคลอ่ื นการพัฒนาประเทศไปขา้ งหน้าได้อย่างเต็ม
ศักยภาพ ซึ่ง “คนไทยในอนาคตจะต้องมีความพร้อมทั้งกาย ใจ สติปัญญามีพัฒนาการที่ดีรอบด้าน
และมีสุขภาวะทด่ี ใี นทกุ ช่วงวัย มีจิตสาธารณะ รับผิดชอบตอ่ สังคมและผู้อืน่ มัธยสั ถ์ อดออม โอบอ้อม
อารี มวี นิ ัย รกั ษาศีลธรรม และเป็นพลเมืองดขี องชาติ มีหลักคิดที่ถกู ต้อง มีทักษะท่ีจำเป็นในศตวรรษ
ที่ ๒๑ มีทักษะสื่อสารภาษาอังกฤษและภาษาที่ ๓ และอนุรักษ์ภาษาท้องถิ่น มีนิสัยรกั การเรียนรูแ้ ละ
การพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต สู่การเป็นคนไทย ที่มีทักษะสูง เป็นนวัตกรรม นักคิด



ผู้ประกอบการ เกษตรกรยุคใหม่และอื่น ๆ โดยมีสัมมาชีพตามความถนัดของตนเอง๑ อีกทั้งยังมี
องค์กรที่ให้ความสำคัญในการพัฒนาในด้านต่างๆ เพื่อส่วนรวม ในที่นี้ขอกล่าวถึงองค์กร “เพื่อ
การศึกษาวิทยาศาสตาร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ” (Nations Educational, Scientific and
Cultural Organization) หรือ ยูเนสโก (UNESCO) โดยมีหลักการพัฒนาที่ยั่งยืนซึ่งมุ่งเน้นการพัฒนา
หลากหลายด้านอันรวมไปถึงการให้ความสำคัญในการพัฒนามนุษย์ด้วยเช่นกัน ทั้งน้ีเป้าหมายการ
พัฒนา ๑๗ ดา้ นจำแนกได้ดังน้ี

หลักการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์กร ยูเนสโก Sustainable Development Goals –SDGs
ประกอบด้วยเป้าหมาย ๑๗ ข้อ ดังนี้ ๑).No Poverty ขจัดความยากจนทุกรูปแบบทุกสถานที่ ๒).Zero
Hunger ขจัดความหิวโหย บรรลุความมั่นคงทางอาหาร ส่งเสริมเกษตรกรรมอย่างยั่งยืน ๓).Good
Health and well-being รับรองการมีสุขภาพ และความเป็นอยู่ที่ดีของทุกคนทุกช่วงอายุ ๔).Quality
Education รับรองการศึกษาที่เท่าเทียมและทั่วถึง ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตแก่ทุกคน ๕).Gender
Equality บรรลุความเท่าเทียมทางเพศ พัฒนาบทบาทสตรีและเด็กผู้หญิง ๖).Clean Water and
Sanitation รับรองการมีน้ำใช้ การจัดการน้ำและสุขาภิบาลที่ยั่งยืน ๗).Affordable and Clean Energy
รับรองการมีพลังงาน ที่ทุกคนเข้าถึงได้ เชื่อถือได้ยั่งยืน ทันสมัย ๘).Decent Work and Economic
Growth ส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ต่อเนื่องครอบคลุมและยั่งยืนการจ้างงานที่มีคุณค่า
๙).Industry Innovation and Infrastructure พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง
ส่งเสริมการปรับตัวให้เป็นอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืนทั่งถึง และสนับสนุนนวัตกรรม ๑๐).Reduced
Inequalities ลดความเหลื่อมล้ำทั้งภายในและระหว่างประเทศ ๑๑).Sustainable Cities and
Communities ทำให้เมืองและการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์มีความปลอดภัยทั่วถึง พร้อมรับความ
เปลี่ยนแปลง และการพัฒนาอย่างยั่งยืน ๑๒).Responsible Consumption and Production รับรอง
แผนการบริโภค และการผลิตที่ยั่งยืน ๑๓).Climate Action ดำเนินมาตรการเร่งด่วนเพื่อรับมือการ
เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและผลกระทบ ๑๔).Life Below Water อนุรักษ์และใช้ประโยชน์จาก
มหาสมุทรและทรัพยากรทางทะเล เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ๑๕). Life on Land ปกป้อง ฟื้นฟู และ
ส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากระบบนิเวศทางบกอย่างยั่งยืน ๑๖). Peace and Justice Strong
Institutions ส่งเสริมสังคมสงบสุข ยุติธรรม ไม่แบ่งแยกเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ๑๗.) Partnerships

๑ ราชกิจจานเุ บกษา, ยทุ ธศาสตร์ ชาติ ( พ.ศ. ๒๕๖๑ ๒๕๘๐) เล่มท่ี ๑๓๕ ตอนที่ ๘๒ ก. ลงวนั ที่ ๑๓
ตลุ าคม พ..ศ. ๒๕๖๑, [ออนไลน]์ , แหลง่ ทีม่ า: http://www .ratchakitcha .soc.go.th /DATA/PDF/ 2561/A
/082/T_0001.PDF, [๒๒ กันยายน ๒๕๖๔].



for the Goals สร้างพลังแห่งการเป็นหุ้นส่วน ความร่วมมือระดับสากลต่อการพัฒนาที่ยั่งยืน๒ เป็น
เปา้ หมายทที่ างองค์กรสหประชาชาติปราถนาจะให้ครอบคลุมท่ัวโลกภายในปี ค.ศ. ๒๐๓๐ ดังจะเห็น
ได้วา่ การพัฒนามนษุ ยน์ ั้นเปน็ เร่อื งท่หี ลายฝา่ ยให้ความสำคัญและมงุ่ มน่ั ที่ดำเนนิ การใหเ้ กิดขึ้นจรงิ

ในการนี้ ความสำคัญของการเสริมสร้างและพัฒนามนุษย์เพื่อสังคมสันติสุข นอกจากมี
ความสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปีแล้วยังมีความสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาของ
องค์กรยูเนสโก ในด้านที่ ๑๖). Peace and Justice Strong Institutions ส่งเสริมสังคมสงบสุข
ยตุ ิธรรม ไมแ่ บง่ แยกเพื่อการพฒั นาทยี่ งั่ ยืน จาก ๑๗ ดา้ นในของแผนพัฒนา

ดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ความสำคัญและค่าคาดหวังจากสถานศึกษาจึงมีมากขึ้นในด้าน
การพัฒนามนุษย์ ในฐานะที่เป็นสถานที่บ่มเพาะความสามารถหลากหลายด้านให้กับมนุษย์ โดยทั้งน้ี
ทางสถาบันวิจัยนานาชาติธรรมชัย ประเทศนิวซีแลนด์, ออสเตรเลีย (Dhammachai International
Research Institute New Zealand, Australia) หรอื ดีริ (DIRI) จงึ เลง็ เห็นถึงความสำคญั ในด้านสถานศึกษา
หรือที่เรียกว่าเป็นบ้านหลังที่สองของเด็กๆ ที่ให้ความคำสัญเกี่ยวกับเรื่อง การพัฒนาบุคคล ให้มี
คุณธรรม จริยธรรม เพ่ือการสง่ ต่อความสันตสิ ุขสู่สังคม จึงดำเนินโครงการถอดบทเรียน “กระบวนการ
เสริมสร้างและพัฒนามนุษย์เพื่อสังคมสันติสุข”กรณีศึกษา “โรงเรียนพิงครัตน์” จังหวัดเชียงใหม่ ซ่ึง
เป็นหนึ่งในสถานศึกษาที่ใหค้ วามสำคัญในด้านเรื่องข้างตน้ มาอย่างยาวนานเป็นระยะเวลากว่า ๒๗ ปี
ซึ่งมีความมุ่งหมายในด้านการพัฒนามนุษย์เพื่อส่งต่อทรัพยากรที่มีคุณภาพสู่สังคม ด้วยแนวคิด
และปรัญชาที่ว่า “คุณธรรม นำความรู้ มุ่งสู่สากล” โรงเรียนดังกล่าวได้รับรางวัลด้านศีลธรรม และ
รวมไปถึงด้านวชิ าการ หลากหลายรางวลั ดว้ ยกัน รวมไปถึงการสอนภาษาตา่ งประเทศ เชน่ อังกฤษ จนี
ฝรั่งเศส และเยอรมัน๓ โดยมวี ัตปุ ระสงค์ ขอบเขต และประโยชน์ ดังนี้

๑.๒ วัตถุประสงค์

๑.๒.๑ เพอ่ื สรุปองคค์ วามรู้กระบวนการเสริมสร้างและพัฒนามนษุ ยเ์ พอ่ื สงั คมสนั ติสขุ
ของโรงเรยี นพิงครตั น์ จงั หวัดเชียงใหม่

๑.๒.๒ เพือ่ ขยายองคค์ วามรูใ้ นกระบวนการเสรมิ สร้างและพฒั นามนุษยเ์ พื่อสงั คมสันติ
สขุ ไปสูอ่ งค์กรอืน่ ๆ

๒ The United Nation, Sustainable Development Goals, [ออนไลน์], แหล่งทีม่ า: https://
www.un.org/sustainabledevelopment/sustainable-development-goals/, [๒๔ กันยายน ๒๕๖๔]

๓โรงเรียนพิงครัตน์ เชียงใหม,่ [ออนไลน์], แหล่งท่ีมา: http://www pingkarattana.ac.thping
karattana_hornor.php?hon=active, [๒๔ กนั ยายน ๒๕๖๔]



๑.๒.๓ เพื่อการนำไปประยกุ ต์ใชแ้ ละพฒั นาต่อยอดองค์ความร้กู ระบวนการฯ สำหรบั
องค์กรอืน่ ๆ

๑.๓ ขอบเขตการศกึ ษา

การศึกษาครั้งนี้เป็นการถอดบทเรียนกระบวนการเสริมสร้างและพัฒนามนุษย์เพื่อสังคม
สันติสุข (The Process of Building and Developing Human Beings For A Peaceful Society)ด้วยวิธีการ
มองย้อนกลับ(Retrospective technique) โดยการให้กลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในองค์กร
ร่วมแสดงความคิดเห็นและแบ่งปันประสบการณ์ต่างๆที่ได้รับผ่านมา เพื่อนำมากลั่นสกัดให้ได้องค์
ความรู้หรอื ชดุ ความรู้(Practical Knowledge) โดยมขี อบเขตการศกึ ษาดังน้ี

๑.๓.๑ ขอบเขตดา้ นประชากรเปา้ หมายและผู้ให้ข้อมูลสำคัญ (key informant) จำนวน
๕๖ คน โดยการคัดเลือกจากบุคคลซง่ึ เป็นผู้มีสว่ นได้สว่ นเสียขององค์กร โดยแบง่ เป็น ๕ กลุม่ ดงั นี้

๑) ผกู้ อ่ ตั้ง,ผไู้ ด้รบั ใบอนุญาตและครูใหญ่ จำนวน ๒ คน
๒) กลุ่มครูผสู้ อน จำนวน ๒๑ คน โดยทำการสอนอยูใ่ นชว่ งชัน้ ดงั นี้
- ครูผสู้ อน ระดับอนุบาล
- ครผู สู้ อน ระดบั ชน้ั ประถม
- ครูผู้สอน ระดับช้ันมัธยมศึกษาตอนตน้
- ครผู ู้สอน ระดบั ชั้นมธั ยมศึกษาตอนปลาย
๓) กลมุ่ ผู้ปกครองนักเรยี น จำนวน ๑๔ คน โดยเป็นผู้ปกครองนักเรยี นชว่ งชนั้ ดงั น้ี
- ผู้ปกครองนักเรยี น ระดับอนบุ าล
- ผปู้ กครองนักเรยี น ระดับประถม
- ผปู้ กครองนักเรยี น ระดับ มธั ยมต้น
- ผปู้ กครองนักเรยี น ระดับ มธั ยมปลาย
๔) กลมุ่ นักเรียนปัจจบุ ัน จำนวน ๑๒ คน โดยเปน็ นักเรียนช่วงช้นั ดงั นี้
- นักเรียนชน้ั อนบุ าล
- นักเรียนช้ันประถม
- นกั เรยี นชั้นมธั ยมต้น
- นักเรียนชนั้ มธั ยมปลาย
๕) ศษิ ยเ์ ก่า โรงเรยี นพงิ ครัตน์ ที่จบการศึกษาไปแลว้ จำนวน ๗ คน



๑.๓.๒ ขอบเขตด้านพืน้ ที่
พื้นที่ในการ ถอดบทเรียนกระบวนการเสริมสร้างและพัฒนามนุษย์เพื่อสังคมสันติสุข

กรณีศึกษา “โรงเรียนพิงครัตน์” จังหวัดเชียงใหม่ อยู่ในพื้นที่ เลขที่ ๙ มนตรี ซอย มนตรี ตำบลวัด
เกต อำเภอเมอื งเชียงใหม่ เชยี งใหม่ ๕๐๐๐๐ และพืน้ ทใี่ นจังหวัดเชยี งใหม่

๑.๓.๓ ขอบเขตด้านเวลา
ทำการศึกษารวบรวมข้อมลู เชิงเอกสาร การสนทนากลุ่ม การสัมภาษณ์ การสร้าง
เคร่อื งมือ และการดำเนนิ การ เรม่ิ ตั้งแต่ เดือน กนั ยายน ๒๕๖๔ ถงึ มกราคม ๒๕๖๔

๑.๔ ประโยชน์ท่ีได้รับ

๑.๔.๑ ได้ชุดความรู้กระบวนการเสริมสร้างและพัฒนามนุษย์เพื่อสังคมสันติสุขของ
โรงเรยี นพงิ ครัตน์ จังหวดั เชยี งใหม่

๑.๔.๒ การนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในองค์กรอื่นๆ เพื่อการเสริมสร้างและพัฒนามนุษย์
เพ่อื สังคมสนั ตสิ ขุ

๑.๔.๓ การนำความรู้ไปต่อยอดหรือพฒั นาเพือ่ ให้เหมาะสมกับองค์กรของตน

บทที่ ๒

วธิ กี ารดำเนนิ การถอดบทเรยี น

๒.๑ วธิ กี ารถอดบทเรียน

วธิ ีการดำเนินการถอดบทเรียน กระบวนการเสรมิ สร้างและพัฒนามนษุ ยเ์ พอ่ื สังคมสันติสุข

(THE PROCESS OF BUILDING AND DEVELOPING HUMAN BEINGS FOR A PEACEFUL SOCIETY)

กรณีศึกษา โรงเรียน พิงครัตน์ จังหวัดเชียงใหม่ ด้วยวิธีการการมีส่วนร่วมของกลุ่มเป้าหมายในการ
แสดงความคิดเห็นและบอกเล่าประสบการณ์ เกี่ยวกับระบบระเบียบวิธีการในการเสริมสร้างและ
พัฒนาฯ โดยการใช้เทคนิคทบทวนหลังการปฏิบัติ (Retrospective Technique) เพื่อบูรณาการความ
คิดเห็นและประเด็นต่างๆในการดำเนินการขน้ั ต่อไป ซึ่งในระยะที่ดำเนนิ การโครงการถอดบทเรียนฯนี้
ยงั เปน็ ช่วงของการแพร่ระบาดของโควดิ ๑๙ โดยแบง่ เปน็ การดำเนนิ การเปน็ ๗ ระยะดังนี้

กำหนดกรอบนโยบายการดำเนนิ การ
๑ กระบวนการสัมภาษณ์เชิงลึกและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ กลุ่มผู้ริเริ่มก่อตั้ง โรงเรียนพิงค
รัตน,์ และครใู หญ่ โรงเรยี นพงิ ครตั น์
๒ กระบวนการแลกเปลย่ี นเรียนรกู้ ลุ่ม ครู โรงเรยี นพิงครัตน์
๓ กระบวนการถอดบทเรยี นกลุ่มครูและพนักงาน โรงเรยี นพิงครตั น์
๔ กระบวนการถอดบทเรียนจากกล่มุ ผ้ปู กครอง นักเรียน โรงเรียนพิงครตั น์
๕ กระบวนการถอดบทเรยี นจากกลมุ่ นกั เรยี น โรงเรยี นพิงครตั น์
๖ กระบวนการถอดบทเรียนจากกลุ่ม อดีตนักเรียนที่ศึกษาจบไปจาก โรงเรียนพิงค
รตั น์

๒.๒ กล่มุ เปา้ หมาย/ผ้ใู ห้ขอ้ มูลหลัก(Key Informants)

ขอบเขตด้านประชากรเป้าหมายและผู้ให้ข้อมูลสำคัญ (key informant) จำนวน ๕๖ คน
โดยการคัดเลือกจากบุคคลซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียขององค์กร โดยในกรณีที่เป็นผู้ปฎิบัติงานที่
โรงเรยี นพงิ ครตั น์จะเปน็ ผทู้ ี่ทำหนา้ ไมน่ ้อยกว่า ๕ ปี ขนึ้ ไปโดยแบง่ เปน็ ๕ กลุม่ ดงั น้ี

๖) ผกู้ อ่ ตงั้ ,ผไู้ ดร้ บั ใบอนุญาตและครูใหญ่ จำนวน ๒ คน

๗) กลมุ่ ครผู ูส้ อน จำนวน ๒๑ คน โดยทำการสอนอยใู่ นช่วงช้ันดงั น้ี

- ครูผู้สอน ระดบั อนบุ าล



- ครูผสู้ อน ระดับชน้ั ประถม

- ครูผ้สู อน ระดบั ชัน้ มัธยมศึกษาตอนตน้

- ครผู ู้สอน ระดบั ชั้นมัธยมศกึ ษาตอนปลาย

๘) กลุ่มผู้ปกครองนักเรียน จำนวน ๑๔ คน โดยเป็นผู้ปกครองนกั เรยี นช่วงช้ันดงั นี้

- ผปู้ กครองนกั เรียน ระดบั อนุบาล

- ผู้ปกครองนักเรียน ระดบั ประถม

- ผู้ปกครองนกั เรยี น ระดับ มธั ยมตน้

- ผู้ปกครองนกั เรยี น ระดบั มัธยมปลาย

๙) กล่มุ นกั เรยี นปจั จุบัน จำนวน ๑๒ คน โดยเป็นนักเรียนชว่ งชัน้ ดังนี้

- นักเรียนช้นั อนุบาล

- นกั เรียนชั้นประถม

- นักเรียนชน้ั มัธยมตน้

- นกั เรยี นชน้ั มัธยมปลาย

๑๐)ศิษย์เกา่ โรงเรยี นพิงครัตน์ ท่จี บการศึกษาไปแล้วจำนวน ๗ คน

๒.๑ ตารางกรอบเวลาการดำเนนิ การถอดบทเรยี นฯ ดังนี้

ค ร้ั ง ช่วงเวลา หัวข้อ กลมุ่ จำนวน

ท่ี

๑ ๒๗/๐๙/๖๔ กำหนดกรอบ ผกู้ ่อตัง้ โรงเรยี นพิงครตั น,์ ๑๔

นโยบาย ผบู้ ริหาร สถาบนั วจิ ยั ดรี ิ,

นักวิจยั ดรี ิ

๒ ๑๑/๑๐/๖๔ สัมภาษณ์เชิงลึกและ ผกู้ อ่ ตั้ง โรงเรยี นพิงครัตน์,

แลกเปลยี นเรยี นรู้ ผู้อำนวยการโรงเรียน

๓ ๑๑, ๑๖/ ๑๐/ ๖๔ สัมภาษณ์กลุม่ และ ครผู ู้สอน โรงเรยี นพิงครตั น์

แลกเปล่ียนเรยี นรู้

ทางออนไลน์ ผา่ น

ชอ่ งทาง โทรศัพท์

และซมู



ค รั้ ง ช่วงเวลา หวั ข้อ กลุ่ม จำนวน
ที่
๔ ๑ - ๒๕ /๑๑ /๖๔ แบบสมั ภาษณ์ กูเกล้ิ ครูผสู้ อน โรงเรยี นพงิ ครัตน์ ๗
ฟอร์มออนไลน์ ๑๔
๕ ๑- ๒๕ /๑๐/๖๔ คำถามปลายเปิด ผปู้ กครอง นกั เรียน ๑๒
แบบสมั ภาษณ์ กูเก้ิล ๗
๖ ๑ - ๒๕ /๑๑/ ๖๔ ฟอรม์ ออนไลน์ นักเรียนปัจจุบัน โรงเรียนพิงค
คำถามปลายเปิด รตั น์
๗. ๑ - ๒๕ /๑๑/๖๔ แบบสัมภาษณ์ กูเกิ้ล ศษิ ยเ์ กา่ โรงเรยี นพิงครตั น์
ฟอรม์ ออนไลน์
คำถามปลายเปดิ
แบบสัมภาษณ์ กูเกล้ิ
ฟอร์มออนไลน์
คำถามปลายเปดิ

๒.๓ เครอื่ งมอื ทใ่ี ชใ้ นการถอดบทเรียนฯ

คณะผู้ดำเนินการใช้เครื่องมือในการดำเนินการ เพื่อให้ข้อมูลที่ได้เป็นไปอย่าง
ตรงไปตรงมาและสอดคล้องกบั วัตถุประสงคข์ องงานวจิ ยั จงึ เลอื กใช้เคร่อื งมือทหี่ ลากหลายตามระยะ
กจิ กรรมกระบวนการถอดบทเรยี นดงั น้ี

๑) การสัมภาษณ์เชิงลึก(In-Depth Interview) แบบมีโครงสร้าง (Structure interview) และ
เป็นคำถามปลายเปิด เพอื่ ใหผ้ ้ใู หข้ ้อมูลได้มีเสียงสะท้อนต่างๆได้อย่างกว้างมากขึน้

๒) การสนทนากลุ่ม (Focus Group Discussion) ในกลุ่มย่อย และการประชุมกลุ่ม (Group
Meeting) ในกลุ่มใหญ่ เป็นการเก็บข้อมูลเชิงคุณภาพ โดยมีผู้ดำเนินการสนทนาเป็นผู้นำประเด็นการ
พัฒนาและเสริมสร้างคนดสี สู่ งั คม

๓) การสังเกตการณ์อย่างมสี ว่ นร่วม และไมม่ ีสว่ นร่วม โดยคณะผูด้ ำเนินการถอดบทเรียน
และผูช้ ่วย

๔) การร่วมสะท้อนกิจกรรมด้วยเทคนิคทบทวนหลังการปฏิบัติ (Retrospective
Technique) กับคณะผู้ถอดบทเรียนและผู้เข้าร่วมกิจกรรม เพื่อสะท้อนถอดบทเรียน และแลกเปลี่ยน
เรียนรู้

๑๐

๒.๔ การเก็บรวบรวมข้อมูล

ผู้ดำเนินการกระบวนการถอดบทเรียนฯได้ดำเนินขออนุญาตในการขอบันทึกข้อมูลกับ
ทางผู้เข้าร่วมกระบวนการถอดบทเรียนฯ นัดสัมภาษณ์ นัดประชุมกลุ่ม และทำการบันทึกเสียง
บนั ทกึ ภาพ และจดบนั ทกึ โดยเกบ็ รวมรวมข้อมลู ตามระยะการถอดบทเรียนทอี่ อกแบบไว้ ๖ ระยะ

ระยะท่ี ๑. กำหนดกรอบนโยบาย
วันที่ ๒๖ กนั ยายน พศ.๒๕๖๔
โดยวิธปี ระชมุ ออนไลนผ์ ่านแอพพลเิ คชนั่ ซมู (Zoom)
ในกระบวนการนี้เป็นการระดมความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเพื่อกำหนดกรอบนโยบาย
ในการดำเนินการถอดบทเรียนฯ ในด้านวิธีการ กรอบเวลา และผลที่จะได้รับ จำนวน ๔ คน
ประกอบด้วย

๑) พระสุธรรมญาน วเิ ทศ วิ. (สธุ รรม สุธมโฺ ม)
ประธานสถาบันวิจยั นานาชาติ ธรรมชยั ประเทศออสเตเลยี , นิวซีแลนด์

๒) นางสาวสายพิณ สคุ นั ธา
ผูก้ ่อตง้ั และผ้ไู ดร้ บั ใบอนญุ าต โรงเรยี นพงิ ครตั น์ จังหวัดเชยี งใหม่

๓) ดร.สฟี ้า ณ นคร
หัวหน้าโครงการ

๔) นายสเุ ทพ ชลเวกสวุ รรณ
ผ้ชู ว่ ยนกั วจิ ยั และประสานงานโครงการ

ระยะที่ ๒. สัมภาษณเ์ ชิงลกึ และกระบวนการแลกเปลี่ยนเรยี นรู้
วันท่ี ๑๑ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๖๔
ด้วยวิธกี ารสัมภาษณ์เชิงลึกทางโทรศพั ท์
ในกระบวนการนี้เป็นการสัมภาษณ์เชิงลึก(In-depth interview) เพื่อให้ทราบความเป็นมา
แนวคิด วิธีการในการก่อตั้ง โรงเรียน พิงครัตน์ ซึ่งข้อมูลในชุดนี้ ถือเป็น ปฐมบทของ โรงเรียนพิงค
รัตน์ จังหวัดเชียงใหม่ โดยผู้ให้ข้อมูลสำคัญนี้ เป็นผู้ริเริ่มก่อตั้ง โรงเรียน และอีกหนึ่งท่านเป็นผู้เห็น
พ้องกับอดุ มการณ์ ปรชั ญา ของ โรงเรียน เป็นผรู้ ว่ มบกุ เบกิ มาตง้ั แตร่ ะยะแรกเรมิ่ โดยมีดังนี้

๑๑

๑) นางสาวสายพณิ สคุ นั ธา (Miss Saipin Sukunta)๔
ผูก้ ่อตัง้ และผ้ไู ด้รับใบอนญุ าต, ผู้บรหิ าร โรงเรียนพิงครตั น์ จงั หวดั เชยี งใหม่

๒) นางไพรวัลย์ แสงแก้ว (Mrs. Praiwan Sangkaew)๕
ครูใหญ่ โรงเรยี นพงิ ครตั น์ จงั หวดั เชยี งใหม่

ระยะท่ี ๓.กระบวนการถอดบทเรียนและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ กลมุ่ ครู โรงเรียนพิงครัตน์
จังหวัดเชยี งใหม่

วันที่ ๑๑ และ๑๖ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๖๔
ในกระบวนการนีด้ ำเนินการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ สมั ภาษณ์เชิงลึก (In-depth interview)
และ การใช้แอพพลิเคชั่นซูม(Zoom) โดยการสนทนากลุ่ม ( Group Meeting) แบบมีโครงสร้าง เพื่อให้
ทราบในบริบทตา่ งๆ โดยมกี รอบการสนทนาและแลกเปลี่ยนเรียนรู้มีดงั นี้

- ขอ้ มลู พื้นฐานบุคคล
- เหตปุ ัจจัยใดหรือแรงจูงใจใดทที่ ำให้ท่านเขา้ มาสมัครเป็นครทู ี่ โรงเรียนพงิ ครัตน์
- คา่ คาดหวังของทา่ นในการเปน็ ครพู ิงครตั น์คอื อะไร
- และความเปน็ จรงิ ท่ไี ดค้ อื อะไร
- เพราะเหตุปจั จัยใดจึงทำให้ความจรงิ ทเ่ี กดิ ขนึ้ เป็นเช่นนั้น
- ท่านได้เรยี นร้อู ะไรจากส่ิงทเี่ กดิ ขนึ้ หรือผล น้ัน, มีข้อเสนอแนะใด
ผู้ให้ข้อมูลสำคัญและร่วมกระบวนการถอดบทเรียนซึ่งเป็นกลุ่มครูผู้สอน ในระดับช่วงชนั้
ตา่ งๆดังทกี่ ลา่ วมาแลว้ ข้างตน้ มดี ังนี้
๑) น.ส.กันยา เอื้อสถิตพงค์ธร (Miss Kanya Ueasatidpongtorn)
๒) น.ส.อรอนงค์ ไชยแสน (Miss Onanong Chaisaen)
๓) น.ส.อัจฉราวรรณ สิทธิมงคล (Miss Atcharawan Sittimongkol)
๔) นางเกษณี วุฒิศรี (Mrs. Ketsanee Wuttisri)
๕) นางนราพร สงิ ควิรัตน์ (Mrs. Naraporn Singkivirat)
๖) นางนฤมล คำธรวงค์ (Miss Narumon Khamtornwong)

๔ สัมภาษณ์ นางสาวสายพิณ สุคันธา ผู้ก่อตั้งและผู้ได้รบั ใบอนุญาติ, ผู้บริหาร โรงเรียนพิงครัตน์ จังหวัด
เชียงใหม,่ ๑๒ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๖๔.

๕ สัมภาษณ์ นางไพรวลั ย์ แสงแกว้ ครใู หญแ่ ละผบู้ ริหาร โรงเรียนพงิ ครัตน์ จังหวดั เชยี งใหม,่ ๑๒ ตุลาคม
พ.ศ.๒๕๖๔.

๑๒

๗) นางพกั ตรว์ ไิ ล แสงสวุ รณ (Mrs. Phakwilai Sangsuwan)
๘) นางวชั รา ศิรินริ ันดร์ (Mrs. Watchara Sirinirun)
๙) นางศุภณี อัจฉริยชยั บดี (Mrs. Suphani Oatchariyachaibodi)
๑๐) นางสธุ ดิ า บวั ลอยลม (Mrs. Sutida Bualoilom)
๑๑) นางอมรา มหามิตร (Mrs. Amara Mahamit)
๑๒) นายกติ ติพงษ์ ประจิต (Mr.Kittipong Prajit)
๑๓) นายไกรราช ขำรอด (Mr. Krairach Komerod)
๑๔) นายอทุ ยั ตันกรุ ะ (Mr. Uathai Tangura)

ระยะที่ ๔ ถอดบทเรียนโดยการใชแ้ บบสอบถามปลายเปดิ กลุ่มครู

วันท่ี ๑ - ๒๕ ตลุ าคม พ.ศ.๒๕๖๔

โดยวิธี อเี ล็กทรอนกิ ส์ แอพพลิเคชัน่ กเู กลิ้ ฟอรม์

กระบวนการนีเ้ ป็นการเปิดพื้นทีใ่ หก้ ลุม่ ครผู ู้สอนและผู้ปฎบิ ตั ิงานที่ โรงเรียนพิงครัตน์ อีก
ส่วนหนึ่งสามารถให้ความคิดเห็นโดยลำพังส่วนตัวได้ โดยสามารถระบุว่ายินดีในการเปิดเผยรรายชื่อ
หรอื ไม่ โดยกรอบคำถามดังนี้

- ข้อมูลพ้ืนฐาน บคุ คล
- เหตุปัจจัยใดหรือแรงจูงใจใดที่ทำให้ท่านเข้ามาสมัครเป็นครู,ทำงานที่ โรงเรียน

พิงครตั น์
- คา่ คาดหวงั ของท่านในการเปน็ ครูพงิ ครตั น์คอื อะไร
- และความเป็นจริงทไี่ ด้คอื อะไร
- เพราะเหตุปัจจยั ใดจงึ ทำใหค้ วามจริงท่เี กิดขนึ้ เป็นเช่นนนั้
- ทา่ นได้เรียนรอู้ ะไรจากส่ิงที่เกดิ ข้นึ หรอื ผล นนั้ , มีข้อเสนอแนะใด

โดยมีผูก้ รอกแบบสอบถามและส่งกลบั จำนวนทั้งสิ้น ๗ คน ไม่ประสงค์ระบุช่ือ จำนวน ๓
คน ยนิ ดรี ะบชุ อ่ื จำนวน ๔ คนดังรายชื่อนี้

๑) นางสุภาพร จันทร์สนุ ทร
๒) สกุ ิจ จนิ ะเปง็ กาศ
๓) กญั ญารัตน์ เมืองอดุ ม
๔) Ms. Yuting Li

ระยะที่ ๕ ถอดบทเรยี นจากผู้ปกครองนักเรยี น โรงเรียนพงิ ครตั น์

วนั ท่ี ๑-๒๕ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๖๔

๑๓

โดยวิธี อเี ล็กทรอนิกส์ แอพพลเิ คชัน่ กเู ก้ิลฟอร์ม

กระบวนการเปน็ การถอดบทเรยี นโดยการใชแ้ บบสอบถามปลายเปิดเพ่ือให้

ผู้ปกครองนักเรียนไดแ้ สดงความคดิ โดยเป็นผู้ปกครองของนกั เรียน ที่กำลังศึกษาอยูท่ ี่ โรงเรียนพิงค
รตั น์ ตั้งแตช่ ั้น เตรียมอนุบาล อนบุ าล ประถมศกึ ษา และมธั ยมศึกษา โดยมีกรอบคำถามดังนี้

- เหตุปัจจยั ใจหรือแรงจูงใจใดทีท่ ำให้ทา่ นนำบตุ รหลานของทา่ นเข้าศึกษาที่ โรงเรียนพิงค
รัตน์

- คา่ คาดหวงั ของทา่ นในการนำบตุ รหลานเขา้ ศกึ ษาท่ี โรงเรยี นพิงครตั น์คืออะไร
- ความเป็นจรงิ ท่ีเกิดขึ้นเป็นอยา่ งไรเมื่อเปรยี บเทยี บกับค่าคาดหวัง
- .เพราะเหตปุ จั จยั ใดจงึ ทำให้ความจรงิ ทีเ่ กดิ ขน้ึ เปน็ เชน่ น้นั
- ท่านได้เรยี นรอู้ ะไรจากสิ่งทเ่ี กดิ ขึน้ หรือผลนน้ั , ข้อเสนอแนะ

ผู้ปกครองเขา้ ร่วมตอบแบบสอบถาม จำนวน ทัง้ ส้นิ ๑๔ คน และยินดเี ปดิ เผยรายชือ่ ๑๓ คนดงั น้ี

๑) คณุ ชรนิ รัตน์ คำศรี
๒) คุณชัณญาพทั ธ์ กาญจนารัณย์
๓) คุณนนั ทนธิ ิ์ สทุ ธศิ ักด์ิเสรี
๔) คณุ บงกช วีลเลอร์
๕) คณุ ปริยานชุ กีฬาแปง
๖) คณุ พัลยมล ลิม้ ศักดากลุ
๗) คุณมาลนิ ตรียาวรกุล
๘) คณุ วชิ ติ แจง้ ประจกั ษ์
๙) คุณวิภารตั น์ สมบูรณ์
๑๐) คณุ สภุ ิดา พฒุ ดิ าพิภาค
๑๑) คณุ สมุ นชาติ ยาวิราช
๑๒) ดร.วีรศักด์ิ ปรกติ
๑๓) นางศริ ิพร วรรณประเสรฐิ

ระยะที่ ๖. ถอดบทเรียนจากกลุ่ม นักเรียนที่กำลังศึกษาอยู่ที่ โรงเรียนพิงครัตน์ใน
ปจั จบุ นั

วนั ที่ ๑- ๒๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๔

โดยวธิ ี อีเลก็ ทรอนิกส์ แอพพลเิ คชน่ั กเู กล้ิ ฟอร์ม

๑๔

กระบวนการเป็นการถอดบทเรียนโดยการใช้แบบสอบถามปลายเปิดเพื่อให้แสดงความ
คดิ เห็นผู้ โดยเป็นนักเรียน ท่กี ำลงั ศกึ ษาอยู่ท่ี โรงเรียนพงิ ครัตน์ ต้ังแต่ชัน้ อนบุ าล ประถมศกึ ษา และ
มัธยมศกึ ษา โดยมีกรอบคำถามดังน้ี

- ถา้ กลา่ วถงึ คำว่า “โรงเรยี นพิงครัตน์” ทำให้ท่านนึกถงึ ส่งิ ใด?
- ทา่ นรสู้ ึกถึงความเปล่ียนแปลงอยา่ งไรบา้ ง ในด้านความคิด, การกระทำบ้างหลังจากเข้า
มาศึกษาแล้ว ขอตวั อย่างอย่างนอ้ ย ๓ อย่าง
- จากการที่ท่านเคยได้รับการศึกษาท่ีโรงเรยี น พิงครัตน์ ในด้านวชิ าการทา่ นคิดวา่ สิ่งใดท่ี
สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวนั ได้ หรือตอ่ ยอดได้ และเปน็ ประโยชนต์ อ่ ตนเองรวมถึงผอู้ ่ืนในสังคม
- จากการที่ทา่ นเคยไดร้ บั การบ่มเพาะกิจวตั ร กจิ กรรม ดา้ นอืน่ ๆจากโรงเรียน พิงครัตน์ซ่ึง
นอกเหนือไปจากวิชาการ ท่านได้นำสิ่งใดไปใช้ในชีวิตประจำวันและเป็นประโยชน์ต่อตนเองรวมถึง
ผู้อ่ืนในสงั คม
- มสี ่งิ ใดทที่ ่านต้องการจะบอกอะไรกับเราหรือผ้อู ืน่ บ้าง? เกี่ยวกับ โรงเรยี นของทา่ น
โดยมผี ู้เขา้ ร่วมออกแบบสอบถาม จำนวนทั้งสิน้ ๑๒ คน โดยไม่ระบชุ ่อื
ระยะท่ี ๗. ถอดบทเรยี นจากกลุม่ นักเรียนทีส่ ำเรจ็ การศกึ ษาจาก โรงเรียนพงิ ครัตน์
วันที่ ๑- ๒๕ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๕๖๔
โดยวิธี อเี ล็กทรอนิกส์ แอพพลเิ คช่ัน กูเกิล้ ฟอรม์
กระบวนการเป็นการถอดบทเรียนโดยการใช้แบบสอบถามปลายเปิดเพื่อให้แสดงความ
คิดเห็นผู้ โดยเป็นนักเรียน ที่สำเร็จการศึกษาจาก โรงเรียนพิงครัตน์ และเคยศึกษาที่ โรงเรียนพิงค
รตั น์ ตัง้ แตช่ ้นั อนุบาล ประถมศึกษา และมธั ยมศกึ ษา โดยมกี รอบคำถามดังนี้
- ถ้ากล่าวถงึ คำว่า “โรงเรียนพงิ ครตั น์” ทำใหท้ า่ นนึกถงึ สิง่ ใด?
- ท่านร้สู ึกถึงความเปลี่ยนแปลงอย่างไรบา้ ง ในด้านความคิด, การกระทำบา้ งหลังจากเข้า
มาศกึ ษาแลว้ ขอตวั อยา่ งอย่างนอ้ ย ๓ อยา่ ง
- จากการที่ท่านเคยไดร้ ับการศึกษาท่ีโรงเรียน พิงครัตน์ ในด้านวิชาการท่านคิดวา่ สิ่งใดที่
สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ หรือต่อยอดได้ และเป็นประโยชนต์ ่อตนเองรวมถงึ ผูอ้ ่นื ในสงั คม
- จากการท่ีทา่ นเคยได้รับการบ่มเพาะกิจวัตร กิจกรรม ดา้ นอ่นื ๆจากโรงเรียน พงิ ครัตน์ซ่ึง
นอกเหนือไปจากวิชาการ ท่านได้นำสิ่งใดไปใช้ในชีวิตประจำวันและเป็นประโยชน์ต่อตนเองรวมถึง
ผูอ้ ่นื ในสังคม

๑๕

- มสี ิ่งใดท่ที ่านอยากจะบอกอะไรกบั เราหรือผอู้ ืน่ บา้ ง? เกี่ยวกบั โรงเรียนของท่าน

โดยมีผู้เข้าร่วมออกแบบสอบถาม จำนวนทั้งสิ้น ๗ คน โดยยินดีให้เปดิ เผยรายชื่อจำนวน
๖ คนดังนี้

๑) คณุ วรพล ยะมะกะ
๒) คณุ ณฎั ฐา สนุ ทรวิเนตร์
๓) คณุ ศรัณยพงศ์ แจง้ ประจกั ษ์
๔) คุณจินต์จฑุ า สมหวงั ประเสรฐิ
๕) คุณกาณฑ์ นุ่นงาม
๖) คุณมุขแก้ว สทิ ธิสมบัติ

๒.๕ การวเิ คราะหข์ อ้ มลู

การวิเคราะห์ข้อมูลในการถอดบทเรียนฯครั้งนี้ใช้วิธีการวิเคราะห์แบบอุปนัยโดยการ
ตคี วามสรา้ งขอ้ สรปุ จากขอ้ มลู จากเอกสารที่เก่ยี วข้อง และท่ไี ดจ้ ากแบบสมั ภาษณ์ ดูความสมบูรณ์ของ
ข้อมูลนั้น ว่าสามารถตอบคำถามตามวัตถปุ ระสงค์ของโครงการอดบทเรยี นฯ เมื่อได้ครบแล้วนำเสนอ
ผลการวิเคราะห์ในรูปแบบการบรรยาย โดยมีขน้ั ตอน ดังนี้

๒.๕.๑ ข้อมูลที่ได้จากการศึกษาเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง นำมาจัดแยกประเด็นและจัด
หมวดหมตู่ ามความม่งุ หมายในการดำเนินการ

๒.๕.๒ ข้อมูลจากการสัมภาษณ์ นำมาวิเคราะห์เชิงพรรณนา (Descriptive and analytic
Study) โดยการนำข้อมูลเบื้องต้นมาวิเคราะห์แยกประเภทหาข้อสรปุ แล้วเกบ็ ขอ้ มูลเพ่ิมเติมเพื่อนำมา
วเิ คราะหข์ นั้ สุดทา้ ย สำหรับการสรา้ งข้อสรปุ เพอ่ื ตอบวัตถุประสงคง์ านถอดบทเรยี นฯ

๒.๕.๓ สรุปผลการถอดบทเรียนฯตามหลักอุปนัยวิธี โดยวิเคราะห์ตามหลักการสร้าง
ข้อสรปุ แบบอปุ นยั

๑) การสร้างกรอบแนวคิดสำหรับการวิเคราะห์ โดยมี ๓ ขั้นตอน คือ ก่อนการรวบรวม
ข้อมูล เพื่อให้มีกรอบกว้าง ๆ และมีระบบในการศึกษาปรากฏการณ์ ระหว่างการรวบรวมข้อมูล
เพื่อให้สามารถสร้างสมมติฐานชั่วคราวหรือวัตถุประสงค์ได้อย่างมีทิศทางและขั้นวเิ คราะหข์ ้อมูลและ
การสรา้ งบทสรุปกระบวนการเสริมสร้างและพัฒนามนษุ ย์เพื่อสังคมสนั ตสิ ขุ

๒) การตรวจสอบข้อมูล เพื่อให้มั่นใจในความเชื่อถือได้และความครบถ้วนของข้อมูล
และเพอื่ ประเมนิ คณุ ภาพของข้อมลู ว่าอยูใ่ นระดับทจ่ี ะนำมาวเิ คราะห์และตอบปัญหาการถอดบทเรียน
ได้โดยผู้วิจัยใช้วิธีตรวจสอบแบบสามเส้า (Triangulation) ได้แก่ (๑) การตรวจสอบสามเส้าด้านข้อมูล

๑๖

(๒) การตรวจสอบสามเส้าด้านผู้ดำเนินการ โดยการเปลี่ยนตัวผู้สังเกตหรือสัมภาษณ์ และ (๓) การ
ตรวจสอบสามเส้าด้านวิธีรวบรวมข้อมูล โดยใช้วิธีเก็บรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ กัน เพื่อรวบรวมข้อมูล
เรือ่ งเดยี วกัน เชน่ ใช้วธิ ีสังเกตควบคู่ไปกบั การซกั ถาม

๓) การจดบันทึกและทำดัชนีข้อมูล หลังจากการจดบันทึกข้อมูลแล้ว ผู้ดำเนินการถอด
บทเรียนฯจะทำดัชนีข้อมูลเพื่อจัดหมวดหมู่ของข้อมูลที่ได้มาเป็นการสะสางข้อมูลพร้อมกับปูพื้น
สำหรับการวิเคราะห์โดยทำดัชนีข้อมูล ๓ ชนิด คือ ดัชนีเชิงบรรยาย ดัชนีเชิงตีความ และดัชนีเชิง
อธบิ าย

๔) การทำข้อสรุปชั่วคราว เป็นการนำความคิดที่ได้จากการทำดัชนีข้อมูลและเชื่อมโยง
ดัชนีนั้นเข้าด้วยกัน โดยการเขียนประโยค หรือข้อความเชิงแนวคิดทฤษฎีเกี่ยวกับลักษณะของดัชนี
หรือข้อมูลที่ศึกษาเชื่อมโยงกับดัชนีเหล่านี้หรือบางครั้งอาจสร้างข้อสรุปชั่วคราวเป็นย่อหน้าหรือ
ข้อความยาว สว่ นขอ้ มูลใดไม่ต้องการหลงั จากทำขอ้ สรุปช่วั คราวแล้วกก็ ำจดั ออกไป

๕) การสร้างข้อสรุปและพิสูจน์บทสรุป เป็นการนำข้อสรุปย่อย ๆ เหล่านั้นเชื่อมโยงเป็น
บทสรปุ เพ่ือนำสรุปผล

๒.๖ จรยิ ธรรมในการดำเนนิ การกระบวนการถอดบทเรยี นฯ

ในการดำเนินการถอดบทเรียนฯครั้งนี้คณะผู้ดำเนินการฯให้ความสำคัญและตระหนักถึง
สิทธิส่วนบุคคลของกลุ่มตัวอย่างที่เข้าร่วมกระบวนการฯในครั้งนี้เป็นอย่างยิ่ง และเพื่อป้องกันมิให้
เกิดผลเชิงลบต่อกลุ่มตัวอย่างโดยมิได้เจตนาจึงกำหนดแนวทางการศึกษาด้านจริยธรรมในการ ถอด
บทเรยี นฯไว้ดงั นี้

๑) ผู้ดำเนนิ การถอดบทเรียนฯทำการเชญิ กลุ่มผู้ใหข้ ้อมูลสำคัญ และกลมุ่ เป้าหมาย พร้อม
กับชี้แจงวัตถุประสงค์กระบวนการถอดบทเรียนฯให้ทราบ และอธิบายให้เข้าใจ เปิดโอกาสให้ซักถาม
และให้เวลาสำหรับการตัดสินใจ เพื่อให้การตัดสินใจเข้าร่วมโครงการเป็นไปด้วยความเข้าใจ เต็มใจ
และสมคั รใจ

๒) กระบวนการและขั้นตอนการการดำเนินการถอดบทเรียนจะไม่ก่อให้เกิดความ
เดือดรอ้ นทางรา่ งกายและจติ ใจต่อผเู้ ขา้ ร่วมกิจกรรม โดยผู้ดำเนินการฯจะไมบ่ งั คับใหเ้ ข้าร่วมกิจกรรม
หากไมพ่ ร้อม หรอื ไมส่ มัครใจ เมือ่ แสดงความคิดเห็น ผดู้ ำเนินการฯต้องรบั ฟังความคิดเห็นของทุกคน
และวางตวั เปน็ กลาง ไมต่ ัดสนิ ความคดิ เหน็ ใครว่าถกู หรือผิด

๓) ระหว่างการจัดประชุมวางแผนตามเทคนิคกระบวนการ Appreciation-Influence-
Control (A-I-C) ซึ่งเน้นให้ผู้เข้าร่วมประชุมได้พูด และแสดงออกอย่างเท่าเทียมกันโดยเสรี ผู้เข้าร่วม

๑๗

กิจกรรมมสี ิทธทิ ่จี ะไมเ่ ปิดเผยข้อมลู ส่วนตวั ต่อท่ีประชมุ ได้ คณะผู้ดำเนนิ การฯ ซง่ึ เปน็ ผู้จัดประชุมและ
ผดู้ ำเนินการประชุมไม่รุกเรา้ ใหเ้ กยี รตแิ ละคำนึงถึงสทิ ธสิ ่วนบคุ คลของผู้เข้าร่วมประชุมทกุ คน

๔) ผู้ดำเนินการถอดบทเรียนฯ ที่ทำหน้าที่กระบวนกร (Facilitator) ต้องทำความเข้าใจ
ขั้นตอนของกระบวนการ Appreciation-Influence-Control (A-I-C) มีไหวพริบในการแก้ไขปัญหา
เฉพาะหนา้ และสามารถจดั การกับความขัดแย้งท่ีอาจเกดิ ขึน้ ไดอ้ ย่างเหมาะสม ไกล่เกลย่ี และหาข้อยุติ
ให้ได้ แกไ้ ขปัญหาเฉพาะหน้าไดอ้ ยา่ งเหมาะสมสรา้ งบรรยากาศทีเ่ ป็นกันเองในการประชุม เพื่อคลาย
ความเครียด และเกิดสัมพันธภาพที่ดรี ะหว่างผู้เขา้ ประชุมรับฟังความคิดเหน็ ของผู้เข้ารว่ มประชุมทกุ
คน วางตัวเปน็ กลาง ไมต่ ดั สินความคดิ เห็นว่าใครถกู หรือผิด

๕) หากจะต้องมีการถ่ายภาพ หรือจดบันทึก จะแจ้งให้ผู้เข้าร่วมประชุมทราบ และขอ
อนุญาตกอ่ นทุกครงั้

๖) สร้างความมั่นใจให้แก่ผู้เข้าประชุมเกี่ยวกับข้อมูลที่ผู้เข้าประชุมให้ความร่วมมือ
จะนำไปใชใ้ นการศกึ ษากระบวนการเสริมสร้างและพฒั นามนุษย์เพอ่ื สังคมสนั ติสุขเท่าน้นั

บทที่ ๓

ผลการวิเคราะห์ข้อมลู

๓.๑ ผลการวเิ คราะหข์ ้อมูลพนื้ ฐาน

ผลการวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐาน โดยการวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานของ โรงเรียนพิงครัตน์
จงั หวดั เชียงใหม่ /ผลการวเิ คราะห์ตามวัตถุประสงคแ์ ละองค์ความรทู้ ี่ได้จากการถอดบทเรยี นกระบวน
กระบวนการเสริมสร้างและพัฒนามนุษย์เพื่อสังคมสันติสุข กรณีศึกษา โรงเรียนพิงครัตน์ จังหวัด
เชยี งใหม่

โรงเรียนพิงครัตน์ เป็น โรงเรียนสังกัด สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน
กระทรวงศึกษาธิการ ตั้งอยู่เลขที่ ๙ ถนน มนตรี ตำบลวัดเกต อำเภอ เมือง จังหวัดเชียงใหม่

รหัสไปรษณีย์ ๕๐๐๐๐, โทรศัพท์ ๐๕๓ – ๒๔๐๐๙๙ โทรสาร ๐๕๓ – ๒๔๐๑๐๐, email:

pingkarattana.๒๐๑๗@gmail.com, website : www.pingkarattana.ac.th .ได้รับอนุญาตจัดตั้ง เมื่อวันท่ี
๑๖ พฤษภาคม ๒๕๓๗ เปิดสอนระดับชั้นอนุบาล ๑ ถึงระดับ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ จำนวน
นักเรียน ๑๕๒ คน จำนวนบุคลากรของโรงเรียน ๓๐ คน ข้อมูล (ณ ๑ พฤศจิกายน พ.ศ.
๒๕๖๔). ผู้รบั ใบอนุญาต : บริษัทพิงครตั นจ์ ำกดั โดย นางสาวสายพิณ สคุ ันธา , ผูจ้ ดั การสถานศกึ ษา
นางสาวสายพณิ สคุ นั ธา และ ผอู้ ำนวยการ นางไพรวัลย์ แสงแก้ว

ปรัชญาของโรงเรียนมีดังนี้ “สร้างคนดี มีน้ำใจ ใฝ่คุณธรรม เลิศล้ำปัญญา”
โรงเรียนพิงครัตน์ ตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๗ จนปัจจุบัน พ.ศ. ๒๕๖๔ กว่า ๒๗ ปี โดยการใช้
หลักการและแนวคิด “คุณธรรม นำความรู้ มุ่งสู่สากล” ผู้บริหาร จึงให้ความสำคัญกับการ
เรียนการสอนที่ไม่ได้มุ่งเน้นเฉพาะด้านวิชาการอย่างเดียว ทั้งนี้มีการมุ่งพัฒนาให้เด็กได้เรียนรู้
วิชาชีวติ และทักษะชวี ิตเพอื่ การเตบิ โตอย่างมีคุณภาพในสงั คมโลก จึงได้ปลกู ฝงั คา่ นยิ มทางการ
ศึกษาที่แตกต่างให้กับผู้ปกครองและนักเรียนในแง่ของการเอาความดีชนะการเรียนเก่งแบบมุ่ง
แต่การแข่งขันกันเพียงอย่างเดียว โดยเน้นไปที่ความสุขและความเป็นคนดีในระดับสากล
ปัจจุบันโรงเรียนพิงครัตน์ เปิดสอนตั้งแต่ระดับอนุบาล – มัธยมศึกษาตอนปลายและเพื่อ
พัฒนาการด้านการศึกษา โรงเรียนพิงครัตน์ จึงได้วางหลักสูตรการศึกษาแนวใหม่ โดยมีความ
เชื่อมั่นว่าวิธีการศึกษาที่ดีควรอยู่ในชีวิตประจำวัน โดยส่งเสริมความรู้และพัฒนาการของ
นกั เรียนทส่ี ง่ ผ่านการสอนอยา่ งรอบด้านโดยมี ๔ ด้านดังนี้

๑) พฒั นาทางด้านสุขภาพ พัฒนาการดา้ นสรรี ะ ( Health Education )
๒) พฒั นาการดา้ นองค์ความรู้ ( Head Education )

๑๙

๓) พฒั นาการด้านทกั ษะตา่ งๆ ในการเรียนรูก้ ารลงมอื ปฏิบตั ิ (Hand Education)
๔) พัฒนาการด้านความดี ( Heart Education ) และเสริมความแข็งแกร่งในด้านความรู้
เพื่อมุ่งสู่การใช้ชีวิตในยุคสมัยใหม่ด้วยการสอนภาษาแบบพหุภาษา ( Plurilingualism ) ถึง ๕ ภาษา
ดว้ ยกนั ในแต่ระดบั ชน้ั เรียนจนกระทง่ั จบการศกึ ษา
การเสริมทักษะด้านภาษา โดยครทู เ่ี ปน็ เจา้ ของภาษา เร่มิ เรียนตามช่วงชนั้ ต่างๆดงั น้ี

- ภาษาไทยและภาษาองั กฤษ ช่วงชนั้ อนุบาลและประถมศกึ ษาตอนต้น

- ภาษาจีน เสริมเพิ่มเตมิ เข้ามาในช่วงชน้ั ประถมศึกษาตอนปลาย ( ป. ๔ )
- ภาษาเยอรมัน เรยี นท่ีพื้นฐานในระดับช่วงชัน้ มธั ยมศกึ ษาตอนต้นข้ึนไป ( ม. ๑ )
- ภาษาฝร่งั เศส เร่มิ เรยี นในระดบั ชว่ งช้ันมัธยมศึกษาตอนปลาย
ท้งั น้ใี นคาบเรยี นแตล่ ะสปั ดาหย์ ังคงให้มีการเรียนการสอนภาษาต่างๆ ท่ีเรียนมาตง้ั แต่ต้น
อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะภาษาเยอรมัน ที่เมื่อนักเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ แล้ว เท่ากับสอบได้
ระดับท่สี ามารถไปศึกษาต่อ ณ ประเทศเยอรมนีได้ โดยทง้ั นี้ ดังตัวอยา่ งของนักเรนี นของโรงเรียนพิงค
รัตน์ ที่จบการศึกษาชั้น ม.๖ ไปแล้วสามารถได้รับการสนับสนุนในการเรียนต่อที่ มหาวิทยาลัยชั้นนำ
ในประเทศเยอรมนั นี เชน่ มหาวิทยาลัย Ludwig – Maximilians เมืองมิวนคิ ( LMU ) เป็นตน้
โครงการแลกเปลี่ยนนักเรียน ( Student Exchange Program ) ทางโรงเรียนพิงค
รัตน์ยังมีโครงการดังกล่าว กับโรงเรียน Rodolf – Steiner Schule : Grobenzell ปีละ ๖ – ๑๒
ทุน ซึ่ง โรงเรียนดังกล่าว ถือว่าเป็น โรงเรียนมีมาตรฐานดีเป็นที่ยอมรับในระดับสากล เพื่อเป็นการ
เตรยี มนักเรียนเขา้ ส่กู ารแขง่ ขนั ในสงั คมโลกอยา่ งมีคณุ ภาพ๖

๖ โรงเรียนพิงครตั น์,ประวัตโิ รงเรยี นพงิ ครตั น์, [ออนไลน์], แหล่งท่มี าhttp://www.pingkarattana
.ac.th /pingkarattana_intro.php?lng=th&int=active. [๒ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๖๔.]

๒๐

ตารางที่ ๓.๑ จำนวนหอ้ งและนักเรยี น๗ จำนวนผู้เรียน จำนวนผู้เรียนท่ีมี รวม
ระดับท่เี ปดิ สอน จำนวนหอ้ งเรยี น ความต้องการ จำนวน
ห้องปกติ EP ผเู้ รยี น
พิเศษ
เตรยี มอนบุ าล ปกติ EP ชาย หญงิ ชาย หญิง ชาย หญงิ ๔
ระดับก่อน ๓
ประถมศึกษา ๑ - ๒๒ - - -- ๓
อนบุ าลปที ่ี ๑ ๑ - ๓๐ - - -- ๑๐
อนบุ าลปที ่ี ๒ ๑ - ๒๑ - - -๑
อนุบาลปีที่ ๓ ๓ ๗๓ - - -๑ ๙

รวม ๑ - ๕๔ - - -- ๑๑
ระดบั ประถมศึกษา ๑ - ๒๒ - - ๑- ๑๐
ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ ๑ - ๙๒ - - -- ๑๒
ประถมศกึ ษาปที ่ี ๒ ๑ - ๖๔ - - -- ๑๗
ประถมศกึ ษาปที ่ี ๓ ๑ - ๕๗ - - ๑๑ ๖๓
ประถมศกึ ษาปีที่ ๔ ๑ - ๗ ๑๐ - - ๑-
ประถมศึกษาปีที่ ๕ ๖ ๓๔ ๒๙ ๓๑ ๘
ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ ๑๙
๑ - ๖๒ - - ๒- ๑๒
รวม ๑ - ๑๑ ๘ - - -๑ ๓๙
ระดบั มัธยมศึกษา ๑ - ๘๔ - - ๑-
ตอนต้น ๓ ๒๕ ๑๔ ๒๑
มัธยมศึกษาปีที่ ๑
มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๒
มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๓

รวม

๗ โรงเรียนพิงครัตน์, Self - Assessment Report : SAR ประจำปีการศึกษา ๒๕๖๓,
ดำเนนิ การตามระบบประกนั คณุ ภาพสถานศึกษาตามกฏกระทรวง, หนา้ ๗ – ๙.(อดั สำเนา).

๒๑

จำนวนผเู้ รยี น จำนวนผเู้ รยี นทม่ี ี รวม
ความตอ้ งการ จำนวน
ระดับทเี่ ปดิ สอน จำนวนหอ้ งเรียน ห้องปกติ EP ผู้เรียน
พิเศษ
ระดับมธั ยมศึกษาตอน ปกติ EP ชาย หญงิ ชาย หญิง ชาย หญงิ
ปลาย
มธั ยมศึกษาปที ่ี ๔ ๑- ๕๖ - - - - ๑๑
มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๕ ๑-
มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๖ ๑- ๔ ๙ - - ๒ ๒ ๑๓

รวม ๑๕ ๑๐ ๖ - - ๑ - ๑๖
รวมทั้งสนิ้
๑๙ ๒๑ - - ๓ ๑ ๔๐

๘๕ ๖๗ ๘ ๗ ๑๕๒

ตารางที่ ๓.๒ สรุปจำนวนครูและบุคลากรทางการศึกษาจำแนกวุฒิการศึกษาและประเภท/

ตำแหน่ง

จำนวนครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา

ประเภท/ ตำ่ กวา่ ป. ป.เอก รวม
ตำแหนง่ ตรี ป.ตรี ป.บัณฑิต ป.โท

ชาย หญิง ชาย หญงิ ชาย หญงิ ชาย หญิง ชาย หญงิ

๑. ผู้บริหาร

สถานศึกษา

- ผูร้ บั - - - - - - - ๑ - - ๑

ใบอนุญาต/

ผจู้ ัดการ

- ผู้อำนวยการ - - - - - - - ๑ - - ๑

- รอง - - ๑ ๒ - - - - - - ๓

ผอู้ ำนวยการ

รวม - - ๑ ๒ - - - ๒ - - ๕

๒. ผู้สอน

การศกึ ษา

ปฐมวัย

๒๒

จำนวนครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา

ประเภท/ ตำ่ กว่า ป. ป.เอก รวม
ตำแหนง่ ตรี ป.ตรี ป.บณั ฑิต ป.โท

ชาย หญงิ ชาย หญิง ชาย หญิง ชาย หญงิ ชาย หญงิ

- ครูไทย - - -๓- - - - - -๓

- ครูชาว ---------- -

ตา่ งประเทศ

๓. ผู้สอน

การศึกษาข้ัน

พนื้ ฐาน

ระดับ

ประถมศึกษา

- ครไู ทย - - - ๑๐ - - - ๑ - - ๑๑

- ครูชาว - -๑- - - - - - -๑

ตา่ งประเทศ

ระดับ

มธั ยมศกึ ษา

- ครไู ทย - - ๓ ๘ - - - ๒ - - ๑๓

- ครชู าว - - ๑๑ - - - - - - ๒

ตา่ งประเทศ

รวม ๕ ๒๒ ๓ ๓๐

๔. บุคลากร - - - - - - - - - - -

ทางการศึกษา

- เจา้ หน้าท่ี - - - - - - - - - - -

๕.อื่นๆ - - - - - - - - - - -

(ระบุ)...

รวม - - - - - - - - - - -

รวมท้งั ส้นิ ๖ ๒๔ ๕ ๓๕

๒๓

๓.๒ สรปุ ผลตามวัตถปุ ระสงค์การถอดบทเรียนฯ

(๑) เพื่อสรุปองค์ความรู้กระบวนการเสริมสร้างและพัฒนามนุษย์เพื่อสังคมสันติสุขของ
โรงเรียนพิงครตั น์ จังหวัดเชยี งใหม่

(๒) เพื่อนำไปองค์ความรู้ “กระบวนการเสริมสร้างและพัฒนามนุษย์เพื่อสังคมสันติสุข”
ขยายไปสู่องค์กรอืน่ ๆ

(๓) เพื่อการนำไปประยกุ ต์ใชแ้ ละพัฒนาตอ่ ยอดองคค์ วามรู้กระบวนการฯ สำหรับองค์กร
อ่นื ๆ

๓.๒.๑ สรุปผลการวิเคราะห์ตามวัตถุประสงค์ข้อ (๑)ในด้านการสรุปองค์ความรู้
กระบวนการเสรมิ สร้างและพฒั นามนุษยเ์ พ่อื สงั คมสันสขุ ของ โรงเรียนพิงครัตน์ จงั หวัดเชยี งใหม่

อนึ่ง การดำเนินการโครงการถอดบทเรียนฯ “โรงเรียนพิงครัตน์”ด้วยวิธีการเทคนิค
ทบทวนหลังการปฏิบัติ (Retrospective Technique) จากมุมมองและเสียงสะท้อนของผู้มีส่วนได้ส่วน
เสียทั้งผู้บริหาร โรงเรียน ครู นักเรียน ผู้ปกครองนักเรียน และศิษย์เก่า ซึ่งรวมไปถึงจากการ
สัมภาษณ์เชิงลึก (In-Depth Interview) ในแต่ละบุคคล และการทำกระบวนการกลุ่มเฉพาะแบบมีส่วน
ร่วม จำนวน ๗ กล่มุ รวมทง้ั ส้ินทง้ั กระบวนการจำนวน ๕๖ คน ตามตารางดงั น้ี

๓.๓ ตาราง กระบวนการถอดบทเรยี นฯ

ครัง้ ชว่ งเวลา หัวข้อ กลุ่ม จำนวน

ที่ ผู้ก่อตงั้ โรงเรียนพิงครตั น,์ ๒
ผูบ้ ริหาร สถาบันวจิ ยั ดีริ, ๑๔
๑ ๒๗/๐๙/๖๔ กำหนดกรอบ นักวิจยั ดรี ิ
ผ้กู อ่ ตัง้ โรงเรยี นพิงครัตน,์ ๗
นโยบาย ผู้อำนวยการโรงเรยี น
ครผู สู้ อน โรงเรียนพงิ ครัตน์
๒ ๑๑/๑๐/๖๔ สมั ภาษณเ์ ชิงลึกและ
ครผู ู้สอน โรงเรียนพิงครตั น์
แลกเปลียนเรียนรู้

๓ ๑๑, ๑๖/ ๑๐/ ๖๔ สัมภาษณ์กลุ่มและ

แลกเปล่ยี นเรยี นรู้

ทางออนไลน์ ผ่าน

ชอ่ งทางโทรศัพท์

และซมู

๔ ๑ - ๒๕ /๑๑ /๖๔ แบบสมั ภาษณ์ กูเกล้ิ

ฟอร์มออนไลน์

คำถามปลายเปิด

๒๔

คร้งั ช่วงเวลา หัวข้อ กล่มุ จำนวน

ที่

๕ ๑- ๒๕ /๑๐/๖๔ แบบสมั ภาษณ์ กูเก้ลิ ผู้ปกครอง นักเรียน ๑๔

ฟอรม์ ออนไลน์

คำถามปลายเปดิ

๖ ๑ - ๒๕ /๑๑/ ๖๔ แบบสัมภาษณ์ กูเก้ิล นักเรียนปจั จุบัน โรงเรยี นพงิ ค ๑๒

ฟอรม์ ออนไลน์ รตั น์

คำถามปลายเปิด

๗. ๑ - ๒๕ /๑๑/๖๔ แบบสัมภาษณ์ กูเกล้ิ ศษิ ย์เกา่ โรงเรียนพิงครัตน์ ๗

ฟอรม์ ออนไลน์

คำถามปลายเปิด

การดำเนินการกระบวนการดังกล่าวข้างต้นเพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วม โดยการใช้คำถาม
ปลายเปิดเพื่อให้ได้รับคำตอบที่หลากหลายไม่ปิดกั้นทางความคิด จากการศึกษาพบว่าเสียงสะท้อน
จากกลุ่มผู้ให้ข้อมูลสำคัญ อันรวมไปถึงการสัมภาษณ์เชิงลึกรายบุคล ซึ่งมีหลากหลายประเด็นที่
เกี่ยวเน่อื งกบั โรงเรยี นพิงครัตน์ ทงั้ ต้งั แตก่ ารรเิ ร่ิมในการตั้งโรงเรียนพิงครัตน์ ระหว่างดำเนินการเปิด
สอน และหลังจากการศึกษาที่จบไปแล้ว โดยทั้งนี้คณะผู้ถอดบทเรียนกระบวนการเสริมสร้างและ
พัฒนามนุษย์ เพื่อสังคมสันติสุข กรณีศึกษา “โรงเรียน พิงครัตน์ จังหวัดเชียงใหม่” ได้สรุปและ
แบ่งเปน็ หวั ข้อหลกั ๆดังต่อไปนี้

ผ้บู ริหาร ผไู้ ด้รับใบอนญุ าต

๑) ปฐมบท โรงเรียนพิงครัตน์ จงั หวัดเชยี งใหม่

กลมุ่ ครู

๒) เหตุปัจจยั ใดหรือแรงจูงใจใดท่ที ำใหท้ า่ นเขา้ มาสมัครเปน็ ครูท่ี โรงเรียนพิงครัตน์
๓) คา่ คาดหวงั ของท่านในการเปน็ ครูพิงครัตน์คืออะไรและความเปน็ จรงิ ทีไ่ ด้คอื อะไร
๔) เพราะเหตปุ จั จัยใดจงึ ทำใหค้ วามจริงที่เกดิ ข้นึ เปน็ เชน่ น้นั
๕) ท่านไดเ้ รียนรอู้ ะไรจากสง่ิ ท่เี กิดข้นึ หรอื ผล นนั้ , มีข้อเสนอแนะใด

กลุ่มผ้ปู กครองนกั เรียน

๑) เหตุปัจจยั ใจหรือแรงจูงใจใดที่ทำใหท้ ่านนำบตุ รหลานของท่านเข้าศึกษา

ท่ี โรงเรียนพงิ ครตั น์

๒๕

๒) ค่าคาดหวังของท่านในการนำบุตรหลานเข้าศึกษาที่ โรงเรียนพิงครัตน์คือ
อะไรความเป็นจรงิ ที่เกดิ ขึ้นเปน็ อย่างไรเมือ่ เปรยี บเทยี บกบั คา่ คาดหวงั

๓) เพราะเหตปุ จั จัยใดจึงทำให้ความจรงิ ทเี่ กดิ ข้นึ เปน็ เช่นน้นั
๔) ท่านไดเ้ รียนรอู้ ะไรจากส่ิงที่เกิดขึ้นหรือผลนนั้ , ขอ้ เสนอแนะ

กลุ่มศิษย์เก่าท่จี บการศกึ ษา และศษิ ย์ปจั จบุ ัน ของโรงเรียนพิงครตั น์ จังหวัดเชยี งใหม่

๑) ถา้ กลา่ วถงึ คำว่า “โรงเรยี นพิงครัตน์” ทำให้ทา่ นนกึ ถงึ ส่งิ ใด?
๒) ท่านรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง ในด้านความคิด, การกระทำบ้าง
หลังจากเข้ามาศึกษาแลว้ ขอตวั อยา่ งอย่างน้อย ๓ อยา่ ง
๓) จากการทีท่ ่านเคยไดร้ บั การศึกษาท่ีโรงเรียน พิงครัตน์ ในดา้ นวิชาการท่านคิดว่า
สงิ่ ใดท่ีสามารถนำไปใชใ้ นชีวติ ประจำวนั ได้ หรือตอ่ ยอดได้ และเปน็ ประโยชนต์ ่อตนเองรวมถึงผู้อื่นใน
สังคม
๔) จากการที่ท่านเคยได้รับการบ่มเพาะกิจวัตร กิจกรรม ด้านอื่นๆจากโรงเรียน
พิงครัตน์ซึ่งนอกเหนือไปจากวิชาการ ท่านได้นำสิ่งใดไปใช้ในชีวิตประจำวันและเป็นประโยชน์ต่อ
ตนเองรวมถึงผอู้ น่ื ในสังคม
๕) มีสิ่งใดที่ท่านต้องการจะบอกอะไรกับเราหรือผู้อื่นบ้าง? เกี่ยวกับ โรงเรียนของ
ทา่ นบ้าง

ทงั้ น้ี ไดส้ ังเคราะหด์ ังรายละเอยี ดตามหวั ข้อ ตอ่ ไปน้ี

๑)ปฐมบท โรงเรียนพิงครตั น์ จงั หวัดเชียงใหม่

ผลการวเิ คราะหส์ รปุ ในหวั ขอ้ ปฐมบท ได้แบ่งเปน็ ประเดน็ หลักๆดังน้ี

เหตุปจั จยั และแรงจงู ใจใดท่ที ำใหค้ ดิ ก่อตงั้ โรงเรียนพงิ ครตั น์

สังเคราะห์จากข้อมูลการให้สัมภาษณ์เชิงลึกของ นางสาว สายพิณ สุคันธา ผู้ได้รับ
ใบอนุญาต โรงเรียนพิงครัตน์ จังหวัดเชียงใหม่ ว่าท่านได้เริ่มมาจากแรงบันดาลใจจากการที่ตนเอง
ได้รับการหล่อหลอมจากสองสถาบันการศึกษา คือ โรงเรียน เรยีนาเชลีวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
สถาบันที่เคยได้รับการศึกษาตั้งแต่ เยาว์วัยจนกระสำเร็จการศึกษามัธยมปลาย ซึ่งนับได้ว่าเป็นการ
อบรมบ่มเพาะอย่างต่อเน่ืองต้งั แต่อายุ๔ปีจนถงึ ๑๘ปี ทำใหไ้ ด้พบเห็นบริบทในการอบรมบ่มเพาะหล่อ
หลอมของโรงเรียน ดังกล่าว ซึ่งเป็น โรงเรียนในคริสต์ศาสนา เมื่อสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมปลาย
จึงเข้ารับการศึกษาในขั้นอุดมศกึ ษา จากมหาวิทยาลยั เชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ จนสำเร็จการศกึ ษา
ปริญญาตรี และได้มีโอกาสกลับไปช่วยงานที่ โรงเรียน เรยีนาเชลีวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่ ในฐานะ
ศษิ ยเ์ กา่ โดยการเปน็ ประธานชมรมศษิ ยเ์ ก่าเปน็ ระยะเวลา ๖ ปี

๒๖

ทั้งนี้ โดยส่วนตัวผู้ให้สัมภาษณ์เป็นพุทธศาสนิกชนแต่ก็ไม่ได้มีความเข้าใจหรือปฏิบัติ
ลึกซึ้งในด้านพุทธศาสนาเท่าใดนักจนกระทั่งได้มีโอกาสได้พบครูบาอาจารย์ทางธรรม คือหลวงพ่อธัม
ชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ที่ได้ให้แนวคิดวิธีการดำเนินชีวิตและการปฏิบัติตนในการเป็น
พทุ ธศาสนิกชนทีด่ ที ำให้ตนเองสนใจเขา้ มาศกึ ษาเร่ืองพุทธศาสนาจนมีความรูเ้ ร่ืองพุทธศาสนาได้กว้าง
และลุ่มลึกมากขึ้นกว่าเดิม กอรปกับ ความเชื่อส่วนตัวที่ว่าการจะหล่อหลอมคนหนึ่งคนให้เป็นไปใน
ทศิ ทางใดๆนนั้ มาจากการหล่อหลอมบ่มเพาะดวั ยปจั จัยตา่ งๆรวมไปถงึ ระยะเวลาในการหล่อหลอม ซงึ่
เป็นปัจจัยที่มีความสำคัญยิ่ง รวมไปถึงจากการที่ได้ทำงานเป็นประธานชมรมศิษย์เก่า โรงเรียนเยริ
นาเชลีวิทยาลัย ทำใหป้ ระจักษ์ว่า ความตอ้ งการ และค่าคาดหวงั ของผู้ปกครองทตี่ อ้ งการใหบ้ ุตรหลาน
ได้เข้ารับการศึกษาที่ดเี หมาะสมในมุมมองของเขาเหล่านัน้ เพื่อเป็นสถานที่ในการบ่มเพาะบุตรหลาน
ของพวกเขาแต่ก็มีจำนวนไม่เพียงพอต่อความต้องการดังกล่าวอันมาจากข้อจำกัดในด้านจำนวนการ
รบั นกั เรียน ทัง้ นมี้ าจากแนวคิดทางตะวันตกที่มีแนวคดิ วา่ “ถา้ มีจำนวนนกั เรยี นมากเกนิ ไปก็จะทำให้
การเรียน การสอนไม่ได้คุณภาพตามที่ผู้ปกครองและผู้บริหารสถานศึกษาคาดหวังไว้ แต่จะกลับ
กลายเป็นสถานกักกันเดก็ ไป” โดยทัง้ หมดทีก่ ล่าวมารวมเป็นผลให้ตนเองเกดิ แรงบนั ดาลใจในการคิดท่ี
จะสร้างโรงเรียนเพื่อบ่มเพาะให้เกิดการเสริมสร้างคนดีสู่สังคม เรื่อยมา จนกระทั่งปีพ.ศ.๒๕๓๖ ซ่ึง
นบั วา่ เปน็ เวลาและโอกาสที่เหมาะสม ในการเร่ิมตน้ เพื่อทำใหค้ วามคิดเริ่มมรี ูปร่างข้ึน โดยมีอาจารย์ท่ี
กำลังจะเกษียณอายุงานจากโรงเรียนเดิมทต่ี นเองได้รับการศึกษาในวัยเยาว์และมีความคุ้นเคยกันเป็น
อยา่ งดีและไดเ้ ห็นแนวคิดวธิ ีการสอนของท่านซ่งึ สอดคล้องกับตนเอง ทา่ นก็คอื อาจารย์ใหญ่ อาจารย์
ทองพันธ์ุ ภัคเกษม อาจารยท์ า่ นเปน็ ครู ตั้งแต่อายุ ๑๗ปี จนกระทง่ั อายุ ๔๕ปีกไ็ ด้เป็นครูใหญ่ และได้
มีการทำงานร่วมกันมา ๖ ปีในช่วงที่ได้เข้าไปเป็นประธานชมรมศิษย์เก่า และท่านเกษียณตอนอายุ
๖๓ปี แต่ยังมีพลังในการทำงาน จึงมีแนวคิดชวนกันมาร่วมก่อตั้งโรงเรียนซึ่งมีความตั้งใจไว้ว่าจะเป็น
โรงเรยี นเล็กๆ ทำในสง่ิ ทค่ี รใู หญเ่ คยคิดอยากทำแลว้ ยงั ไม่ได้ดำเนินการ โดยจะเป็นโรงเรียนทมี่ ีแนวคิด
ในการเสริมสร้างคนดี มีสัมมาทิฐิ มีความเมตตา กรุณามีนำใจ และมีการวินิจฉัยที่ถูกต้อง อันสืบ
เนื่องมาจากที่ตนเองได้มาศึกษาทางพุทธศาสานาจึงได้นำแนวคิดทางพุทธศาสนามาศึกษาเพื่อนำมา
ประยุกต์ใช้ เนื่องจากพบว่าหลักธรรมทางพุทธศาสนาเป็นสิ่งที่ดีงาม สอนให้คนพึ่งตนเองได้ และ
สามารถควบคุมตนเองได้ มีศีลเป็นตัวนำทาง ไม่ไปก่อกวนผู้อื่นในสังคม เป็นผู้ที่สามารถพึ่งพาตนเอง
ได้ ดแู ลระมดั ระวงั กายวาจาได้ เรากจ็ ะมสี ังคมทส่ี ุขสงบ โดยท่ีไม่ไปเบยี ดเบยี นและทำความเดือดร้อน
ให้ตนเองและผู้อื่น อกี ทั้งตนเองขณะน้ัน ก็มอี ายุ ๔๐กวา่ ปแี ลว้ และมีความประสงค์ท่ีต้องการจะฝาก
ชีวิตไว้กับสังคมที่ดีๆ ก็เลยคิดเป็นหนึ่งคนที่จะช่วยสร้างสังคมให้มีคนดี อันมาจากแนวคิดที่ว่า “ถ้า
เราอยากอย่ใู นสังคมอย่างไร ก็ไมค่ วรเรียกร้องเพียงอย่างเดยี ว แต่ควรชว่ ยกนั คดิ และสร้างสังคมท่ี
เราอยากอยู่และประสงค์ให้เป็นเช่นนั้นด้วย” จึงคิดชักชวนผู้คนที่มีแนวคิดเดียวกันมาช่วยกัน
สร้างสัมคมดีและคิดดีต่อสังคม โดยที่ผู้คนที่มีความคิดดังกล่าวนั้นมีอยู่กระจัดกระจาย ฉะนั้นควรมา

๒๗

ทำงานร่วมกัน ซึ่งโดยส่วนตัวเคยได้รับการศึกษาจากโรงเรียนคณะแม่ชี โดยเขามีแนวคิดปนิธานว่า
“อยากใหผ้ ้หู ญงิ ท้ังโลกมีการศึกษา” สำหรับส่วนตวั มีแนวคิดว่าจะ “สร้างโรงเรียนเพ่อื เสริมสร้างคนดี
ส่สู งั คม โดยไม่จำกัดว่าเป็น หญงิ หรอื ชาย” จงึ มแี นวคดิ จะขยายความคิดดังกล่าว โดยชักชวนคนมา
ร่วมกันสร้างคนดี สร้างโรงเรียน เพื่อให้เกิดคนดีสู่สังคม ซึ่งเพียงความคิดนั้นดูง่าย แต่จริงๆแล้วไม่
ง่ายอย่างทค่ี ดิ ไว้ เพราะว่าต้องใช้ทนุ ทรัพยส์ ูง แตท่ ้ังน้ตี นมแี นวคิดว่าจะทำให้สำเร็จโดยการมองไปยัง
เป้าหมายที่ต้องการเห็น จึงไม่ได้มองเพียงอุปสรรคในด้านทุน อันเนื่องจากในสังคมเชียงใหม่ เป็น
สังคมพหุวัฒณธรรมมีผู้คนอยู่ร่วมกันแบบหลากหลายจึงเร่ิมหาทุนโดยการเชิญชวนคนที่มีแนวคิด
เดยี วกนั มาสรา้ งโรงเรียนโดยม่งุ เนน้ เพื่อเป้าหมายเดียวกันคือการ “สร้างโรงเรยี นเพ่ือเสริมสร้างคนดี
ส่สู ังคม” และคดิ จะถ่ายทอดให้คนร่นุ ต่อๆไป เพื่อสืบทอดเจตนารมณ์ให้เป็นสมบัติของเมืองเชียงใหม่
ให้ลูกหลานรุ่นต่อๆไปได้ประกอบอาชีพสำหรับผู้ใดท่ีรักการเป็นครูผู้ซึ่งมีแนวคิดเดียวกัน ในการ
“อยากเห็นสังคมที่ดีมีความสุข”และมีความเชื่อในแนวคิดดังกล่าว ทั้งนี้จากสังคมของเมืองเชียงใหม่
ดงั ทกี่ ล่าวมาแลว้ ข้างตน้ เปน็ ถ่นิ ทีม่ ผี ู้คนอย่รู ่วมกนั หลากหลาย จึงมคี ดิ วา่ ไม่นา่ จะเป็นการยากท่ีควรจะ
ได้รับความร่วมมือจากคนที่มีแนวคิดเดียวกันและเปน็ คนดีๆมาช่วยกันดำเนนิ การทำให้องค์กรเกิดขน้ึ
ได้จรงิ ทเ่ี ชียงใหม่น้ี โดยกลมุ่ ตนเองเป็นผูเ้ ริ่มสรา้ ง โดยจะดำเนนิ กจิ การไป และสามารถถา่ ยทอดให้รุ่น
ต่อๆไป เพื่อเป็นองค์กรสำหรับคนที่มีแนวคิดเดียวกันได้มีสถานที่ทำงาน และคิดว่าคงไม่ขาดทุนแต่
ขอให้เลยี้ งตวั เองได้กเ็ พยี งพอแลว้

“เร่ิมจากความใฝ่ฝัน ถา้ เราไมท่ ำกเ็ ปน็ เพยี งความเพอ้ ฝนั ” จงึ เรมิ่ ลงมอื ทำ

เมื่อเริ่มดำเนินการ ก็พบความจริงว่า จำเป็นต้องมีทุน จึงมีคำถามว่า จะหาทุนจากแหล่ง
ใด และใครจะเป็นผู้ร่วมลงทุน ในคราวแรกก็เริ่มเหมือนองค์กรทั่วๆไป คือการไปขอกู้กับสถาบัน
การเงิน แต่ถูกปฏิเสธ เนื่องจากทางสถาบนั การเงินแจ้งกลบั มาวา่ เขาไม่สามารถใหก้ ูก้ ับองค์กรที่คาด
ว่าจะไม่ได้กำไร เนื่องจากเขาพิจารณาแล้วว่าสถาบันนี้ไม่ใช่ โรงเรียนนานาชาติ แต่เป็นโรงเรียนไทย
ธรรมดา ซง่ึ รายรบั จะถูกควบคุมจากรฐั บาล ในขณะที่โรงเรียนนานาชาติจะสามารถเรียกเกบ็ ค่าเทอม
ได้ตามที่ฝ่ายบริหารโรงเรียนมีความประสงค์เห็นเหมาะสม ทั้งนี้โรงเรียนไทยธรรมดาไม่สามารถทำ
เช่นนั้นได้ รวมถึงการมีมาตรการควบคุมรายรับจากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องอีกด้วย จึงเป็นเหตุ
ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ โรงเรียนไทยส่วนใหญ่ จึงต้องเพิ่มจำนวนนักเรียนต่อห้อง ซึ่งก็เป็นปฏิปักร์กับ
แนวคดิ เดิมของตนเองเน่ืองจากจะทำใหก้ ารดูแลไม่ทวั่ ถึงและการเรียนการสอนมีคณุ ภาพลดนอ้ ยลง

ทง้ั น้ีในทศั นะส่วนตัวของผู้ให้สัมภาษณ์ มีความเหน็ ว่า การวดั ด้านคุณภาพ หรือการสร้าง
ความดีนั้นไม่สามารถมีมาตราวัดที่เป็นตัวเลขได้ แต่ต้องให้เวลาวิธีการที่เหมาะสมในการบ่มเพาะ
ในขณะทผ่ี ปู้ กครองทว่ั ไปมีความประสงค์ต้องการใหล้ ูกอยูใ่ นสงั คมดีๆแต่กลับให้ผู้อน่ื เป็นผู้ลงทุน และ
เมื่อพิจารณาใคร่ครวญแล้วพบว่าผู้ที่ควรจะเป็นผู้ลงทุนกับบุตรหลานของตนนั้นควรเป็นผู้ปกครอง

๒๘

ส่วนหนึ่งก็มาจากแรงบันดาลใจในการสร้าง โรงเรียนจิตรลดา โดยพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ ของ
ประเทศไทย มีพระราชดำริการสร้างโรงเรียนเพื่อให้สมเด็จเจ้าฟ้าหญิงอุบลรัตน์ ซึ่งเป็นพระราชธิดา
ของท่านเข้ารับการศึกษาในขณะยังทรงพระเยาว์ ทั้งนี้ท่านเองเป็นกษัติย์ ท่านก็มีพระประสงค์ให้
ผู้สอนลูกของท่านบ่มเพาะปลูกฝังเพื่อให้เป็นแบบราชวงศ์ เช่นเดียวกันในสายวิชาชีพต่างๆ
สถานศกึ ษาสำหรับวิชาชีพใดๆเชาก็ให้ครูทเ่ี ปน็ อาชพี นั้นๆหรือความชำนาญแบบนั้นมาเปน็ ผ้สู อน เช่น
โรงเรยี นตำรวจ กต็ ำรวจเปน็ ครู โรงเรียนแพทยก์ ใ็ ห้แพทย์เปน็ ครผู ู้สอน

ผปู้ กครองเป็นผู้ร่วมสรา้ งและลงทนุ การลงทุนกับบุตรหลานในด้านสถานศึกษา ถือเป็นการลงทุน
ชนิดหน่ึง ซึง่ ไมไ่ ดห้ วงั ผลกำไร

อนึ่ง ผู้ปกครองควรทำความเข้าใจก่อนว่าการท่ีจะผลิตบุตรหลานให้ได้ตามใจตามเกณฑ์
ที่ผู้ปกครองมีความปราถนานั้น มิใช่เพียงการกดปุ่มออกมาได้ในทันทีเหมือนกับการผลิตสินค้าโดย
เครืองจักร ฉะนั้นการให้การศึกษาอบรมบ่มเพาะลูกจึงเป็นปัจจัยท่ีสำคัญมาก ทั้งนี้สิ่งท่ีผู้ปกครองมี
ความคาดหวังจากบุตรหลานส่วนใหญ่จะมีแนวโน้มสอดคล้องกันคือ การให้ลูกสามารถทำงานเลี้ยง
ตัวเองได้ ดูแลจนเองได้ ไม่ขัดสนไม่ลำบาก เรียนเก่ง ประกอบอาชีพที่มั่นคง และร่ำรวย, ประการ
ต่อมาคือ การให้ลูกเป็นคนดี ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมากประการหนึ่งที่ผู้ปกครองมีความคาดหวังจาก
โรงเรียนวา่ ควรเปน็ สถานที่ ทส่ี ามารถทำให้บตุ รหลานของพวกเขาเปน็ คนดี มุมมองของผูใ้ หข้ ้อมูลเห็น
ว่าการทจ่ี ะให้คนเป็นคนดีนน้ั มสิ ามารถทำได้เพยี งบุคคลคนเดียว ตอ้ งมีสภาพแวดล้อมทเ่ี อ้ือต่อการให้
เกิดสังคมดีได้ การที่จะดูแลบุตรหลานนั้นผู้ปกครองมีเป้าหมายท่ีแตกต่างกันในเป้าหมายท่ีจะให้บุตร
หลานประกอบอาชีพใด หรือเป็นอย่างไรในอนาคตนั้น ผู้ปกครองเองมีความจำเป็นต้องทำตัวอย่างท่ี
ดีๆให้ลูกได้เห็นและเรียนรู้ด้วย ทั้งนี้ควรทำความเข้าใจก่อนว่าลูกเป็นสิ่งที่มีการลงทุนหรือการใช้
งบประมาณ เหมือนกับการทำสิ่งใดๆก็ต้องใช้งบประมาณทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็นบ้านหรือรถ และผู้ที่จะ
เป็นผู้สืบสกุลของเรานั้นเขาควรเป็นคนดี และ “การที่จะให้ลูกหนึ่งคนเป็นคนดี คุณพ่อคุณแม่ มี
งบประมาณเท่าไหร่หรือไม่อย่างไร” จึงเป็นคำถามท่ีชวนให้คิดพิจารณาเช่นกัน ซง่ึ ในช่วงเวลาน้ันมี
แนวคิดเรื่อง ทฤษฎีการมีส่วนร่วม ไม่ว่าจะเป็นสนามกอล์ฟ หรือ บางโรงพยาบาล ก็ใช้แนวคิดทฤษฎี
นี้ จึงได้นำแนวคิดการมีส่วนร่วมนี้มาประยุกต์ใช้ในการดำเนินงานเพื่อสร้างโรงเรียน โดยจัดตั้งเป็น
บริษัทจำกัด เริ่มตอกเสาเข็ม เดือนธันวาคม พ.ศ.๒๕๓๖ เพื่อให้สามารถเปิดโรงเรียนเพื่อดำเนินการ
สอนได้ใน พ.ศ..๒๕๓๗ ทั้งนี้ต้องแข่งกับเวลาของอาจารย์ทองพรรณ ซึ่งกำลังจะเกษียณจากโรงเรยี น
เดิมอีกด้วย รวมไปถึงการได้รับแรงบันดาลใจจากคุณยายแม่ชีจันทร์ ขนนกยูง ผู้ริเริ่มสร้างวัด
พระธรรมกาย จงั หวัดปทุมธานี ประเทศไทย เพ่ือมอบไว้ในพทุ ธศาสนา ดว้ ยวัย ๖๐ปี กย็ งั สามารถทำ
ไดจ้ นสำเร็จเหน็ เป็นรปู ธรรมจวบจนปัจจุบันน้ี

๒๙

จากแนวคิดทฤษฏีการมีส่วนร่วม๘ จึงได้นำมาประยุกต์ใช้เพื่อให้เกิดความยั่งยืน จึงมี
แนวคิดให้ผู้ปกครองมีส่วนร่วม และเป็นคนที่ควรจะเป็นผู้ลงทุนกับลูกตนเองในด้านการศึกษา ทั้งน้ี
เริ่มคิดว่าด้านทุนควรมีทุนจดทะเบียนที่ ๑๕๐ ล้านบาท โดยการวางแผนเงิอ่ นไขดังนี้ แบ่งเป็นหุ้นละ
๑ แสน มีจำนวนทั้งสิ้น ๑,๕๐๐หุ้น มี ๑๕ ชั้นเรียน ชั้นเรียนละ ๑๐๐ หุ้น ก็จะได้ครบตามเกณฑ์ท่ี
คาดหวังไว้ โดยผู้ร่วมทุนต้องถือหุ้นไว้อย่างน้อย ๑๐ ปี ไม่มีเงินปันผล เมื่อครบแล้วคืนหุ้นได้เต็ม
จำนวน และสามารถฝากเด็กได้โดยไม่ต้องสอบคัดเลือก ทั้งนี้ในความเป็นจริงก็ไม่ได้เป็นไปตาม
คาดหวงั ในด้านเงินทุน เพราะวา่ ปญั หาด้านเงินทุน(หุ้น)นั้น ไดร้ บั เงินหุน้ มาไม่พร้อมกันเนื่องจากว่าจะ
เริ่มมีเงินหุ้นเข้ามาได้ก็เป็นในช่วงที่ผู้ปกครองจะนำเด็กเข้ามาเรียน แต่ก็ยังนับว่ามีโอกาสที่ดีเช่นกัน
เพราะในช่วงระยะเวลาที่ระดมทุนดังกล่าวมีผู้ปกครองนักเรียนได้ขอลงทุนเป็นที่ดินเพื่อการสร้าง
อาคารเรียน และให้ใช้ได้ ๑๐ปี ซึ่งถือวา่ เป็นคุณูประการในการทำให้โรงเรียนสามารถเปิดขึ้นได้ โดย
ไม่ต้องกังวลเรื่อง ที่ดิน และสามารถนำเงินหุ้นที่ระดมได้มาดำเนินการสร้างอาคารเรียน โดยเปิดการ
เรยี นการสอนปแี รก ในพ.ศ.๒๕๓๗ มนี ักเรยี น ๒๐ คน เร่ิมจาก อนุบาล ๑ ถงึ ๓ คุณครู ๒๐ คน และ
ขยายปลี ะ ๑ ชน้ั เรยี น ในปจั จุบันมกี ารเรียนการสอนถึงมัธยมศึกษาปีท่ี ๖ และไดพ้ บความเป็นจริงที่
ส่งผลในด้านความมั่นคงทางทุนที่เกิดขึ้นช่วงวิกฤติต้มยำกุ้งในประเทศไทย ในช่วงปีพ.ศ. ๒๕๔๐
ในขณะที่โรงเรียนกำลังจะเปิดการเรียนการสอนเพิ่มในช่วงชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ พบว่ามีผู้ปกครอง
นำบุตรหลานของตนออกจากโรงเรียนไปเป็นจำนวนมาก อันส่งผลให้โรงเรียนได้รบั ผลกระทบในด้าน
เงนิ ทนุ มาก ในช่วงดงั กลา่ ว โดยทงั้ นว้ี ัตถุประสงค์ของการมานำบุตรหลานออกจากโรงเรียนกเ็ พ่ือจะได้
นำเงินที่เป็นหุน้ ของตนเองออกไปด้วยสืบเน่ืองจากการขาดสภาพคล่องของผู้ปกครองนักเรียนที่ไดร้ บั
ผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจในช่วงดังกล่าว แต่ในขณะเดียวกันทางโรงเรียนเองก็ยังต้องดำเนินการ
ก่อสร้างอาคารเรียนเพื่อรองรับการขยายช่วงชั้นเรียนที่เพิ่มขึ้น รวมไปถึงการเตรียมสร้างตึกของ
มัธยมศึกษาปีที่๑ ซึ่งต้องตอบโจทย์ในการใช้งานได้จนกระทั่งถึงช่วงชั้นเรียนของมัธยมศึกษาปีที่ ๖
ดงั นัน้ ในชว่ งระยะเวลาดงั กล่าวจงึ เป็นการดำเนนิ งานแบบสวนกระแส ได้มกี ารปรึกษากบั หลายฝ่ายจึง
มผี ้ปู กครองแนะนำให้ทางโรงเรยี น ออกหุน้ กเู้ พื่อนำปจั จัยมาสร้างอาคารเรยี น จึงมีการระดมความคิด
กับผู้ปกครองนักเรียน ๘ ชัน้ เรยี น ทุกวัน จนกระทงั่ ได้ออกหนุ้ กู้สำเร็จ แต่ในขณะเดียวกันทางโรงเรียน
กต็ ้องมกี ารชำระดอกเบย้ี เพือ่ ใหโ้ รงเรียนไดด้ ำเนนิ การก่อสร้างและดำเนนิ การต่อไปได้

ม่งุ สสู่ ากลในการเสรมิ สรา้ งศกั ยภาพนักเรียนดา้ นทกั ษะภาษา

ด้วยความประสงค์ที่จะแข่งขันในระดับสากลซึ่งไม่มีการแบ่งสายวิทย์สายศิลป ฉะนั้น
โรงเรียนพิงครตั น์ จึงต้องสอนทักษะภาษาใหค้ รบ และที่ภาษาสำคญั อันดับแรกคือ ภาษาไทย ต้องให้

๘ James. L. Creighton, การมีส่วนรว่ มของประชาชน การตดั สินใจที่ดกี ว่าโดยชมุ ชนมีส่วนร่วม,
แปลโดย วนั ชัย วัฒนศพั ท์ และคณะ, (ขอนแกน่ : โรงพมิ พศ์ ิรภิ ัณฑ์ ออฟเซท, ๒๕๕๑), หนา้ ๓-๖.

๓๐

แตกฉาน เพื่อให้มีความแน่นมั่นคง โดยประสงค์ให้เด็กนักเรียนที่เรียนภาษาไทย สามารถสื่อสารได้
ชัดเจน และเข้าใจด้านวัฒนธรรม เน้นทักษะ การฟัง การอ่าน และการเขียน เพราะวัฒนธรรมจะมา
พรอ้ มกบั ภาษา เช่นเดียวกนั กบั ภาษาอ่ืนๆ ดังทีก่ ลา่ วมาแล้วว่าทางโรงเรียนพิงครัตน์นั้นไม่ได้แบ่งเป็น
สายวทิ ย์และสายศิลปะ จงึ ใหเ้ ด็กทุกคนเรียนเหมือนกัน และมีแนวคดิ ทักษะ ๔ อย่าง ที่สำคัญในด้าน
ภาษาคือ ทกั ษะการ ฟัง พดู อ่าน และเขยี น โดยการสอนภาษาตา่ งประเทศ จะเรม่ิ จากการเน้นทักษะ
การฟังและการพูดก่อนแลว้ จึงเข้ามาท่ีทักษะการอ่านและเชียน ซงึ่ ทางโรงเรียนพงิ ครตั นใ์ ห้นักเรียนได้
ศึกษาภาษาต่างประเทศถึง๔ภาษาคือ ภาษาอังกฤษ จีน เยอรมันและฝรั่งเศส โดยการเริ่มเรียนแต่
ละภาษาในแต่ละช่วงชั้นดังที่นำเสนอไปแล้วข้างต้น และรวมไปถึงโครงการแลกเปลี่ยนนักเรียนกับ
สถานศกึ ษาช้ันนำในประเทศเยอรมนั อกี ด้วย

การคัดสรรผู้ที่เข้ารว่ มอุดมการณเ์ สริมสรา้ งคนดีสสู่ ังคมมาสู่องคก์ รเป็นสิ่งสำคญั มาก

บคุ คลากรทีจ่ ะเข้ามามีส่วนรว่ มในโรงเรยี นพิงครัตน์นัน้ ถือเป็นผู้ท่มี ีความสำคัญมากเพราะ
เป็นผู้ที่ใกล้ชิดกับบุตรหลานอันเป็นที่รักของผู้ปกครองรวมไปถึงยังเป็นผู้ถ่ายทอดวิชาความรู้และ
พฤติกรรมต่างๆไปสู่เด็กๆอีกด้วย ทางผู้บริหารโรงเรียนฯจึงเล็งเห็นว่าจะต้องเป็นผู้ที่เข้าใจในปนิธาน
ของโรงเรียนอย่างลึกซึ้งและสามารถดำเนินวิถีให้เป็นแบบอยา่ งที่ดตี ่อเด็กๆได้ การสรรหาบุคคลากรที่
จะมาเป็นต้นแบบให้ นักเรียนเป็นคนดี ก็ต้องคัดสรร แตใ่ นขณะเดยี วกนั ทาง โรงเรยี นเองก็ไม่สามารถ
ให้อตั ราการจ้างโดยการให้เงินเดือนสูงๆมากไดแ้ ตก่ ็ใหอ้ ัตราสูงกว่าเกณฑร์ าชการ และเพม่ิ เติมโดยการ
ใชแ้ นวทางบรหิ ารในการลดคา่ ใช้จ่ายของครโู ดยการเนน้ ไปทสี่ วสั ดิการ ครู เน้นทีส่ วัสดกิ าร เชน่ เสือ้ ผา้
อาหาร และจะดแู ลเรอื่ งการควบคุม ในด้านทีค่ รจู ะต้องไม่มีการทำงานมากไป ไมม่ กี ารรับผดิ ชอบดูแล
นักเรียนมากเกินไปต่อครูหนึ่งท่าน เพื่อไม่ให้ครูเกิดภาวะความเครียด และจะทำอย่างไรใหค้ รูมกี ติกา
ในการเข้ามาร่วมทางกันโดยการเน้นที่การดำเนินชวี ิต และเน้นเรื่องศีล ถ้าคนในองค์กรมีศีลเสมอกัน
แล้วก็จะทำให้มีแนวคิดในการดำเนินชีวิตคล้ายคลึงกันและทำให้ลดความขัดแย้งได้ จึงเน้นการรักษา
ศลี ๕ในหมู่บคุ ลากรขององค์กรให้บริสทุ ธ์ิ มคี วามประสงค์ให้ครูมีความสุขมีรายได้ท่ีพอสมควร ฉะนั้น
ทโ่ี รงเรียนพิงครัตน์จะให้เงนิ เดอื นมากกวา่ ทีท่ างราชการกำหนด

ใช้แนวคดิ ของพุทธศาสนามาเปน็ แนวทางในการคัดสรรหาทีมครูท่ีจะมาชว่ ยกันทำงาน
ซึ่งเริ่มจาก ทาน ศีล สมาธิและปัญญา โดยการรับ ครูจะเน้นเรื่องการคัดสรร บุคลากร ใช้หลัก พุทธ
ศาสนามาเป็นแนวทาง ฉะนั้นจงึ มีแนวคิดวา่ ครูจะต้องเปน็ มีศลี เสมอกันก่อน โดยการเร่ิมจาการรักษา
ศีล๕ และเมื่อครูมีความสุขก็จะส่งผลในการสอน และตั้งเงินเดือนให้มากกว่าที่ทางราชกำหนดไว้เมอ่ื
เขานำไปเปรียบเทียบกบั ผู้อื่นในวิชาชีพเดยี วกันเพื่อให้ครไู ด้มปี ัจจัยเพียงพอมีรายได้ที่พอสมควร การ
รับสมัครครู พิจารณาจากการดูทัศนคติ ดูใบแสดงผลการศกึ ษา ดูจากวิธีการสอนท่ีให้ทดลองทำให้ดู
การดูทศั นคติคือพิจารณาวา่ ครู เป็นไปตามปรัชญาของโรงเรียนในการ สรา้ งคนดี มนี ้ำใจ ใฝ่คุณธรรม

๓๑

เลิศล้ำปัญญา หรือไม่ โดยการน้อมนำพระสุทธิคุณของพระพุทธเจ้ามาเป็นแนวทางที่ตั้ง พระ
กรณุ าธิคุณ พระบรสิ ทุ ธคิ ณุ พระปัญญาธคิ ุณ เพอ่ื ใหง้ า่ ยตอ่ การเข้าใจในคำวา่ “เปน็ คนดี”คอื สะอาด
ท้งั กายวาจาและใจ โดยการใช้ ศีล๕ คือการเจตนางดเวน้ การฆ่าสตั ว์ การลกั ทรพั ย์ การประพฤติ
ผิดในกาม การพูดปด และการด่ืมน้ำเมา ร่วมกับ ยูนิเวอร์แซลกูดเนส (Universal Goodness๕ คือ
หลักความดีสากล ๕ ประการดังน้ี ความสะอาด เปน็ ระเบยี บ สภุ าพ ตรงต่อเวลา สมาธิการจดจ่อ
ตงั้ ใจ)ความดีพ้นื ฐานสากล ๕ ประการ คือ คุณลกั ษณะพ้ืนฐานทม่ี นษุ ยท์ ุกคนต้องมี เพ่ือพัฒนาตนเอง
ใหม้ ีคุณภาพ และพฒั นาสังคมใหม้ คี วามเจริญงอกงาม และอยู่รว่ มกนั อยา่ งมคี วามสุข โดยคณุ ลักษณะ
เหล่านี้จะต้องฝึกฝนเป็นประจำทุกวันจนเป็นนิสัย ผ่านห้องต่างๆ ในชีวิตประจำวัน ๕ ห้อง คือ (๑)
ห้องนอน (๒) ห้องน้ำ (๓) ห้องแต่งตัว (๔) ห้องอาหาร (๕) ห้องทำงานหรือห้องเรียน ๑) ความสะอาด
หมายถึง ปราศจากส่งิ แปลกปลอม อันจะทำใหเ้ สยี คุณภาพ ๒)ความเป็นระเบยี บ หมายถึง เป็นไป
ในทิศทางเดียวกัน ถูกลำดับ เป็นแถว เป็นแนว ไม่ขัดขวาง ไม่สับสน ๓ )ความสุภาพ หมายถึง
ความสามารถในการควบคุมกิริยาทางกาย วาจาให้เป็นปกติ ไม่ทำให้ผู้อื่นเกิดความรู้สึกในทางไม่ดี
๔) ความตรงต่อเวลาหมายถึง ความสามารถในการควบคมุ ตนเอง ในการ เรมิ่ ทำหรือการเลิกทำงานให้
เป็นไปตามที่กำหนด และ ๕) การมสี มาธิ หมายถงึ ความสามารถในการควบคุมจิตใจ อารมณ์ให้ต้ัง
มั่นเป็นหนึ่ง เพื่อให้เกิดความบริสุทธิ์ผ่องใสขึ้นจากภายใน๙ โดยมี สะอาดกาย สะอาดวาจา การใช้
วาจาที่ดีไม่ทำร้ายกันด้วยวาจา สะอาดใจ จะอธิบายกับผู้ปกครองว่าใจมีความสำคัญอย่าง เช่น
ผู้ปกครอง จะบอกเด็กว่า “ตั้งใจเรียนน่ะ” คำถามต่อมาคือแล้วต้องทำอย่างไรจึงจะได้ตั้งใจเรียน?
หลักก็คือ การทำสมาธิหาท่ีตั้งของใจ โดยการให้เด็กได้ผา่ นบริบทตา่ งๆข้างต้น การอบรมครู โดยการ
ทำกิจวัตรประจำวันเพื่อให้เกิดการสร้างนิสัย เช่นการทำกิจวัตรปฏิบัติต่างๆประจำวัน คือการสร้าง
นิสัย เพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคมจะอยู่แบบใด อยู่แบบเป็นที่รักหรือเป็นที่เกลียดของสังคม
จุดมุ่งหมายในการนำลูกมาโรงเรียน ส่วนหนึ่ง คือรู้จักการบริหารเวลา การบริหารเวลาให้เป็นให้
เหมาะสม เวลาใด ควรทำอะไร และทาง โรงเรียนจะอบรมบุตรหลานของท่านให้เป็นคนตรงเวลาใน
การดำเนินกิจวัตร ประจำวัน ,การฝึกร่างกายให้แข็งแรงและเพื่อการมีสุขภาพท่ีดีเมื่อเติบโตขึ้น โดย
ขอความรว่ มมือจากผู้ปกครองให้ดำเนนิ การตามกจิ วัตร ต่างๆเช่นกนั ในวันหยุดทเี่ ด็กอยู่กับผู้ปกครอง
ด้วย โดยในทุกๆวัน ทางโรงเรียนเราจะมีระบบการบริหารเวลา เช่นการเข้าห้องน้ำเพื่อทำภารกิจ
สว่ นตวั โดยหลังจากเรยี นไป๒ ชม.จะให้นักเรยี นเข้าห้องน้ำ กรอบเวลาในการรับประทานอาหาร การ
ใช้กรอบเวลาเป็นตัวกำหนดเพื่อให้เด็กเป็นผู้รับผิดชอบต่อตนเองและผู้อื่น ทางโรงเรียนได้ขอความ
ร่วมมือจากผู้ปกครองให้มีส่วนร่วมในการเสริมสร้างโดยการ ทำตารางเวลาให้ลูกในแต่กิจกรรมของ

๙ UG 5 ความดีพื้นฐาน ๕ประการ, [ออนไลน์] แหล่งที่มา: https://www.dmc.tv/, (๔ มกราคม

๒๕๖๕)

๓๒

หนึ่งวันด้วยในช่วงวันหยุด วันเสาร์อาทิตย์ที่เด็กอยู่กับผู้ปกครอง เกณฑ์การวัดว่าเขาสามารถ
รับผิดชอบได้หรือไมนั้นก็ไม่ซับซ้อนมากไป เช่นถ้าภายใน๕วันต่อสัปดาห์ นักเรียนไม่มาโรงเรียนสาย
และเขาสามารถดำเนนิ กิจวตั รกิจกรรมท่ีทางโรงเรียนมอบหมายไดน้ ่ันกห็ มายไดว้ ่าทางบ้านก็มีส่วนใน
การฝึกมาแล้วเช่นกัน การใช้กรอบเวลาในการฝึกเด็กจะช่วยให้เด็กเป็นคนรับผิดชอบในด้านการ
ตรงเวลาต่อตนเองและผู้อื่นในสังคมส่วนรวม วิธีวัดด้านความสะอาด เช่น ห้องน้ำ พื้นห้องน้ำต้อง
แห้งไม่เปียก และผนังสะอาด อุปกรณ์ สะอาดที่ใช้ต้องอยู่ในสภาพพร้อมใช้ โรงเรียนพิงครัตน์เป็น
โรงเรียนแรกในเชยี งใหม่ ท่ีใช้ชักโครก , อุปกรณท์ ำความสะอาดต้องพอเพยี ง และพรอ้ มใช้ และต้องมี
กลิ่นสะอาด ที่ โรงเรียนพิงครัตน์ ในชั้นอนุบาล จะมีห้องน้ำอยู่ในห้องเรียน ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัย
ของเดก็ เล็ก เปิดครงึ่ พอบังตาเพื่อความปลอดภยั ของเด็กๆเพราะว่าครูสามารถเข้าไปชว่ ยเหลือดูแลได้
ฉะนั้นเด็กจึงคุ้นเคยกับคำว่ากลิ่นสะอาด ทางโรงเรียนดำเนินการเพื่อให้นำให้เห็นและทราบว่าค่า
ปกติ น้ันเปน็ อยา่ งไร เดก็ เลก็ ๆจะสอนต้ังแต่การดูแลตนเอง ทำอย่างไรจึงจะมีมารยาท การแต่งกาย
อย่างไรจะดูสุภาพ เหมาะสม มิดชิด ทางโรงเรียนจะเน้นเป็นจุดๆ เช่นเด็กผู้หญิงต้องใส่เสื้อทับและ
เสิอ้ กล้ามสำหรับเด็กผู้ชาย ใช้กางเกงช้ันในสีขาวเพ่ือสามารถตรวจสอบด้านความผิดปกติของสุขภาพ
เด็กได้ การใช้ห้องนำ้ การทำความสะอาดห้องนำ้ โดยให้รจู้ ักก่อนว่าคา่ ปกตเิ ป็นอย่างไร และเป็นการ
เช็คคุณครูด้วยว่าดูแลห้องเรียนเป็นอย่างไร การรู้จักดูแลตนเองตั้งแต่ข้างในมาข้างนอก จะมีการเล่า
ใหเ้ ด็กๆฟังเร่ืองการรกั ตัวเอง ดูแลตวั เอง ใหเ้ รียบรอ้ ยสะอาด , การไมล่ ะเมดิ ซึ่งกนั และกัน ทุกคนมี
เจ้าของ เชน่ เรายงั เป็นเด็ก ตวั เราเปน็ ของมีค่าสำหรับพ่อแม่ ฉะน้ันเราตอ้ งรักษารา่ งกายให้สะอาด ไม่
ละเมดิ ตนเองและผู้อื่น สง่ิ ที่เราจะสอนนกั เรยี นคณุ ครูต้องกระทำก่อน โดย การรกั ษาศลี ๕ การใส่เส้ือ
ทบั การแต่งกายสภุ าพ รดั กุม เปน็ ต้น ท้ังนกี้ ไ็ มใ่ ชเ่ ร่ืองงา่ ยในการทำความเขา้ ใจ แตพ่ วกเขาก็ให้ความ
ร่วมมอื ทำตามหลกั เกณฑ์ของโรงเรยี น

คา่ คาดหวังในการสรา้ งโรงเรียนพิงครัตน์คืออะไร ผลลัพธ์คืออะไร และเพราะเหตปุ จั จัย
ใดผลจงึ เปน็ เช่นน้ัน

ทั้งนี้ ส่วนตัวรู้สึกดีใจท่ีได้ทดลองใช้ทฤษฏีการมีส่วนร่วม แต่ผลลัพธ์ความเป็นจริงก็ไม่ได้
เช่นน้ันเสียท้ังหมด แตอ่ ยา่ งไรก็ตามมีหลายดา้ นทไ่ี ด้รับผลตามทีค่ าดหวังไว้เปน็ ส่วนมาก

สรปุ ได้เปน็ ดา้ นตา่ งๆดังนี้

อาคารสถานที่ สร้างโรงเรียนที่มีอาคารสิ่งแวดล้อมที่ดีเอื้อต่อการเรียน สัปปายะต่อ
การเรยี น เดก็ มีความสขุ การทจี่ ะพฒั นาเด็กๆท่ีดแี ละต้องทำใหอ้ ยูใ่ นสภาพพร้อมใชแ้ ละอยู่ได้อย่างดี
เช่นมีความสะอาด, สงบ, มีสระวา่ ยน้ำ,ลานกีฬา,ซึง่ ไดร้ ับผลตามคาดหมายไว้

๓๓

การคัดสรรบุคคลกรที่ดี เพื่อเป็นแบบอย่างต่อนักเรียน คัดสรรครูที่ดี เพื่อให้เป็น
ต้นแบบ ตามที่ไดก้ ล่าวมาแลว้ ขา้ งต้น ซ่ึงก็ได้รบั ความรว่ มมือจากบุคลากรเปน็ อย่างดี เพราะก่อนที่จะ
รบั เขา้ มาทำงานได้มกี ารทำความเขา้ ใจถึงจดุ ม่งุ หมายรว่ มกนั กอ่ น

การอบรมบ่มเพาะ การพัฒนาคน เพื่อให้เป็นคนดีสู่สังคม, ให้เด็กมีความสุข มาจาก
การใช้ความใส่ใจจากการสอบถามว่าผู้ปกครองต้องการพัฒนาลูกของเขาอย่างไร โรงเรียนก็จะช่วย
พัฒนาจุดนั้น การรับเด็กที่จะมาเรียน ควรให้พ่อแม่มีสัมมาทิฐิด้วย มีการพูดคุยกันโดยการหยิบยก
ปัญหาของสังคมที่เกิดขึ้นในปัจจุบันเพื่อขอความร่วมมือจากผู้ปกครองในการป้องกันปัญหาร่วมกัน
เช่น เรื่องของเงิน ทเี่ ขา้ มาเกี่ยวข้องในการมาโรงเรียนของเด็ก อนั เปรยี บเสมือนการจ้างลูกมาโรงเรียน
เป็นการสอนใหเ้ ด็กใช้เงิน ให้เงนิ ไป โรงเรียนทุกวันและเริ่มให้มากขน้ึ ตามชนั้ เรยี น ซ่งึ ทางโรงเรียนเอง
มีทุกอย่างพร้อมแล้วในการให้บริการด้านอาหารเครื่องดื่มซึ่งก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องให้เด็กใช้เ งิน
ซื้อใดๆ และเด็กส่วนใหญ่ก็จะไม่ทราบว่าการบริหารจัดการเงินควรเป็นอย่างไร และยังเพื่อเป็นการ
ป้องกันด้าน ปัญหายาเสพติด อีกด้วย เพราะจะได้ไม่มีการซื้อขายกัน รวมไปถึงการไม่แนะนำให้นำ
โทรศัพท์มาที่โรงเรียนเพราะว่าไม่จำเป็นและอาจจะทำให้เกิดการถ่ายรูปหรือทำสิ่งที่ไม่เหมาะสม ไม่
นำรถส่วนตัวมาโรงเรียน ที่นี่จะเน้นว่าเด็กไม่ต้องมีเงินมาโรงเรียรและไม่มีความฟุ้งเฟ้อเข้ามาข้อง
เกี่ยว เพื่อป้องกันปัญหาที่กล่าวมาแล้วข้างต้นและไม่ก่อให้เกิดความแตกต่างกันอีกด้วย ซึ่งเม่ือ
ผู้ปกครองรับรูร้ บั ทราบปัญหาสงั คมร่วมกนั กไ็ ด้รับความร่วมมือจากผู้ปกครองเป็นอยา่ งดี

มุ่งเนน้ ทเี่ ป้าหมายเดียวกนั ก่อนการรบั นักเรยี นเขา้ รบั การศึกษาท่ีโรงเรียนพงิ ครตั น์ จะมี
การคุยกับผู้ปกครองทุกราย เพื่อให้เข้าใจแนวทางของโรงเรียน ในการขอความร่วมมือดังที่กล่าว
มาแล้วข้างต้น ในด้านเงิน มือถือ และรถส่วนตัว เป็นต้น รวมไปถึงปนิธานของ โรงเรียน ที่ว่า “สร้าง
คนดี มีน้ำใจ ใฝ่คุณธรรม เลศิ ล้ำปัญญา” โดยเริม่ จากศีล ๕ เม่ือเด็กรักษาศลี ได้ จติ ใจก็จะนุ่มนวล มี
การนง่ั สมาธิกอ่ นเขา้ เรยี น ซง่ึ เราต้องการให้เด็กมีบญุ ด้วย โดยการให้เด็กรู้จักการใหก้ ารทำทาน โดย
มีการให้เด็กใส่บาตรทุกวนั .ศกุ ร์. โดยเร่มิ ใหเ้ ด็กชนั้ ป.๔ เปน็ ผู้ดำเนนิ การเพราะว่าเด็กเริ่มอ่านหนังสือ
ได้อย่างแตกฉานซึ่งได้รับความร่วมมืออย่างดี รวมถึง ผู้ปกครองที่ต่างศาสนิกก็ยินดีไม่ปิดกั้น , มีการ
นำเดก็ เข้าค่าย เพ่ือศึกษาเร่อื ง นรก,สวรรค์ บุญบาป ซ่งึ กไ็ ดร้ ับความสำเรจ็ ตามท่คี าดหวงั อนั เกิดมา
จากความร่วมมือของทุกฝ่าย จากตัวนักเรียน ผู้ปกครองครูและผู้บริหารโรงเรียนที่มีแนวคิดเดียวกัน
และมองทีเ่ ปา้ หมายเดียวกนั

ในขณะที่ในปัจจุบันน้ีมีการแข่งขันสูงที่จังหวัดเชียงใหม่ ในการสร้างโรงเรียนเพิ่มขึ้น ใน
รูปแบบนานาชาติ ในส่วนตัวนั้นอยากให้สังคมได้รบั รู้ว่า “การมีลูกนั้นควรมีเป้าหมาย การมีลูกน้ัน
พ่อแม่ต้องเป็นแบบอย่างที่ดี ต้นแบบที่สำคัญของลูกคือพ่อแม่ และการมีลูกที่ดีเป็นการสร้างคน
ดีๆให้ประเทศซึ่งมีความสำคัญมากและเป็นประโยชน์ ควรความพร้อมในการมีลูก พร้อมในการ

๓๔

ให้ลกู มีการศกึ ษาที่ดี” การศึกษานน้ั เป็นการสรา้ งคณุ ค่าในตัวลูก จะตอ้ งมกี ารลงทนุ การสอนทน่ี ่ีมี ๕
ภาษา เริ่ม มนุษย์เราความรูด้ ้านวิชาการสามารถทันกัน แต่คนถ้าไม่เรียนตั้งแตเ่ ลก็ สำเนียงจะไม่ได้ดี
เริ่ม ไทย อังกฤษ จีน เริ่มตั้งแต่อนุบาล ป.๖ เริ่มสอนภาษาเยอรมัน เป้าหมายก็คือท่ีเยอรมันเป็นรัฐ
สวัสดิการเดก็ ทีส่ นใจก็สามารถที่จะไปขอทนุ ได้ และเรมิ่ ภาษาฝรงั่ เศส

ผลสรปุ ไดว้ ่า ผลลัพธ์ คอื ครูดี, เดก็ ด,ี อาคารสถานท่ี สปั ปายะ เปา้ หมายเดยี วกนั เป็นไป
ตามท่ีคาดหวงั ไว้ ดงั ตัวอยา่ ง ในขณะน้ี ปญั หาเร่อื งโรคระบาดโควิด๑๙ ทำให้เกดิ ปญั หาท่ีสถานศึกษา
อ่นื ๆ ไมส่ ามารถเปิดการเรยี นท่โี รงเรียนได้ เพราะมจี ำนวนนักเรยี นหนาแน่นและไม่สามารถเข้าเกณฑ์
ได้ แต่ในขณะเดียวกัน โรงเรียนพิงครัตน์เปน็ โรงเรียนเดียวท่ีสามารถเปิดการเรียนการสอนที่โรงเรยี น
ได้ ตง้ั แตเ่ ดอื น ตค. พ.ศ.๒๕๖๔ เพราะไม่หนาแนน่ และมีความสะอาด ทงั้ นโ้ี รงเรยี นเคยไดร้ ับ รางวัล
ดา้ นความสะอาดในระดบั ประเทศมาก่อนในการแข่งขนั เนน้ สะอาด สวา่ ง สงบ ส่งิ แวดล้อมมีอิทธิพล
บรรทัดฐาน (norm) ของสังคมนั้นเป็นอย่างไร เด็กๆ จะได้รับการหล่อหลอมไป เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว
ทำให้เด็กสามารถดำเนินชีวิตได้ในสังคมอย่างมีคุณภาพ และเด็กนักเรียนของโรงเรียนก็ได้รับรางวัล
ตา่ งๆมากมาย ดังกลา่ วมาแล้วขา้ งต้น

สาเหตุที่ทำให้ผลตรงกับความคาดหวงั คือ มีอย่สู องปัจจยั คือเรื่องเศรษฐกจิ และสงั คม (๑)
เรื่องปัญหาเศรษฐกิจ เช่นโควดิ นักเรียนภาคเอกชน นักเรียนหายไป ๖หมี่นคน, โรงเรีน พิงครัตน์ ไม่
ประสบปัญหาด้านเด็กออกจากสถานศึกษาในช่วงปญั หาโรคระบาดโควิด โดยผู้ปกครองเริ่มตระหนกั
ถึงความสำคัญของจำนวนนักเรียนที่พอเหมาะสมกับจำนวนครู รวมไปถึงการให้ค่านิยมกับโรงเรียน
ขนาดใหญ่ที่มีจำนวนนักเรียนปริมาณมากเกินไปนั้นเป็นสิ่งที่ควรปรับเปลี่ยนค่านิยมในเรื่องดังกล่าว
เพราะว่าครูหนึ่งคนดูแลเด็กจำนวน มากเกินไปทำให้ขาด เรื่อง การมี ความฉลาดทางอารมณ์ (อีคิว
Emotional Quotient), เอ็มคิว (Moral Quotient) หรือ ค่าชี้วดั ความมีคุณธรรม การควบคุมตัวเองให้อยู่
(๒) ด้านสังคม ไม่เน้นเรื่องการแข่งขันมากไปหรือการให้คุณค่ากับบางอาชีพเกินไป แต่ควรให้คุณค่า
กับทุกๆอาชีพ ไม่ควรมีช่องว่างมากเกินไป การให้เกียรติในทุกอาชีพ ผู้ปกครองดูแลลูกชื่นชมลูกบ้าง
ควรจับถูกบ้าง ไม่ใช่เพียงแต่จับผิด, อย่าไปยัดเยียดความหวังของตัวเองใส่เข้าไปให้ลูก เพราะว่าลูก
อาจจะไม่ได้อยากเป็นอยากตามทีผ่ ู้ปกครองต้องการให้เป็น ผู้ปกครองควรมีทศั นคติท่ีมองว่าการที่ให้
เป็นลูกคนดีนั้นมคี วามสำคัญ การเก่งรอบด้านในพ้ืนฐานของความสามารถพึ่งพาตวั เองได้ โดยไม่เน้น
ที่รูปร่างหน้าตาเป็นสำคัญเพียงอย่างเดียว ที่สำคัญคือการสร้างผู้คนที่ดีสู่สังคมเพื่อเป็นผู้นำที่มี
คุณภาพในอนาคต ซึ่งสองปัจจัยนี้เป็นส่ิงทีท่ ำให้เกิดความผลลพั ธ์ตามที่คาดหวัง โดยทั้งสองปจั จัยนั้น
ประกอบไปด้วยความรว่ มมือกันท้งั นกั เรยี น ผ้ปู กครอง ครูและผบู้ รหิ ารโรงเรียน

บางส่วนที่ขาดหาย ของค่าคาดหวัง: มีบางส่วนที่อยู่ไม่ครบ ประมาณ๑๐ ถึง ๒๐
เปอร์เซ็นต์ คือประสงค์ ใหเ้ ด็กมกี ารเรยี นครบตั้งแต่อนบุ าลจนถึงอายุ ๑๘ปี อยู่ในบริบทที่ดี เพือท่ีจะ

๓๕

พสิ ูจน์ให้เห็นว่า การอบรมบ่มเพาะจนครบระยะเวลาท่ีควรจะเป็น จะได้เด็กทีเ่ ป็นคนดีต่อสังคมได้ แต่
ก็ไม่ได้รับความเป็นจริงเพราะพ่ายแพ้ต่อความหวังของผู้ปกครองบางราย ในการให้ลกู เขา้ ไปสอบเพอื่
วัดผลการแข่งขันในสถานศึกษาอื่นๆและทำให้เด็กต้องย้ายโรงเรียนไปทำให้ไม่ครบ จำนวนปีท่ี
คาดหมาย , และความเดอื ดร้อนของผ้ปู กครองในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ มีผู้ปกครองจำนวนไมน่ ้อยที่ต้อง
นำลูกออกจากโรงเรียนเพื่อนำเงินที่เข้าหุ้นไว้คืน ทางโรงเรียนก็เลยต้องรับนักเรียนทุกระดับชั้นไม่ได้
รับตั้งแต่อนุบาลและได้รับการศึกษาจนจบ มัธยมศึกษาปีที่หก ตามที่คาดหวังไว้ แต่อย่างไรก็ตามใน
ส่วนตวั ก็มีความรู้สึกที่ดีในการได้ดำเนินการสร้างโรงเรียนแห่งนี้มีความรู้สึกว่ามีการทำโรงเรียน ทำให้
ตนเองแขง็ แรง สขุ ภาพดี และอายุยนื

ผลจากการทำ Focus Group ผ้ใู หข้ ้อมลู สำคญั

ประมวลผลจาก กล่มุ ครูจำนวนทัง้ ส้นิ ๒๑ คน จากแนวคำถามดังน้ี

๑) เหตปุ ัจจยั ใดหรือแรงจูงใจใดทท่ี ำให้ทา่ นเขา้ มาสมคั รเป็นครูที่ โรงเรยี นพงิ ครัตน์

๒) ค่าคาดหวังของทา่ นในการเปน็ ครูพิงครตั น์คืออะไร และความเปน็ จริงท่ีได้คืออะไร

๓) เพราะเหตุปัจจยั ใดจงึ ทำใหค้ วามจริงท่ีเกิดขน้ึ เปน็ เช่นนนั้

๔) ท่านไดเ้ รยี นรู้อะไรจากสงิ่ ทเ่ี กิดข้นึ หรือผล น้ัน, มขี ้อเสนอแนะใด

จากการผลประมวลผลทีส่ อดคลอ้ งกนั ในแตล่ ะบุคคล สรุปได้ดงั น้ี

เหตปุ ัจจยั ใดหรอื แรงจงู ใจใดทีท่ ำใหท้ า่ นเข้ามาสมัครเปน็ ครทู ่ี โรงเรยี นพิงครตั น์

- อยากเป็นครปู ระถม เพราะเลือกเรยี นเอกปฐมศึกษา
- เพอ่ื ประกอบอาชพี ท่ตี รงสายการเรียนมา
- ปนิธานของโรงเรียนพิงครัตน์ เมื่อได้รับฟังแล้วจึงเห็นว่ามิติของความเป็นครูมีมากกว่าที่
เรียนมา
- รับรู้ถึงว่า การเป็นครูนั้นยิ่งใหญ่มาก คือการสร้างคน และมีความเอาจริงเอาจังเกี่ยวกับ
เรื่องนี้ ซึ่งไม่ได้เน้นเพียงวิชาการเท่านั้น ครูจึงต้องเป็นต้นแบบในการสร้างคนให้เป็นคนดี จากการ
อบมบ่มเพาะ จากการไดร้ บั ฟังจาก อาจารยส์ ายพิณ สคุ นั ธา
- เคยเป็นครูฝึกสอน ที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง ได้พบเห็นอะไรบางอย่าง ที่ควรปรับปรุงพัฒนา
และเมอื่ มาเห็นที่โรงเรียนพิงครตั น์กำลังทำ จึงเลง็ เห็นถงึ คำว่า “การศกึ ษา” และความหมายของคำว่า
“คร”ู นั้นย่ิงใหญ่

๓๖

- พบว่ามีความไม่ธรรมดาสำหรับ โรงเรียน พิงครัตน์ การทำงานที่ใดนัน้ ควรมีปนิธาน และ
คุณค่าของความเปน็ ครูมใิ ชเ่ พยี งแค่หาเงนิ เท่าน้ัน การสรา้ งคนดีน้นั เปน็ ส่งิ ทสี่ ำคัญมาก ฉะน้ันครูท่ีจะ
เป็นต้นแบบจงึ มคี วามสำคญั มาก

- มผี ู้ปกครอง ทม่ี บี ตุ รหลานเรยี นที่นี่แนะนำให้มาเปน็ ครูทนี่ ่ี
- เพราะเปน็ โรงเรียนชาวพทุ ธและดูจากวิสัยทศั น์ ตา่ งๆ
- อยากหาอาชพี ท่มี ีเกียรตมิ ีศักด์ิศรี
- อยากหาอาชีพทที่ ำให้ครอบครวั มีความภาคภูมใิ จ
- โรงเรยี นอยู่ใกลบ้ ้าน
- ญาตซิ ง่ึ เปน็ ครแู นะนำมาใหล้ องมาสมคั รดู
- จากการเคยเป็นครูที่ได้มาช่วยเป็นพี่เลี้ยงเพื่อประกบเด็กพิเศษได้พบเห็นครูที่โรงเรียน
พงิ ครตั นเ์ หน็ แบบอยา่ งทีด่ ี เป็นครทู ีด่ ีมาก เมอื่ มโี อกาสจงึ มาสมัคร
- ตอ้ งการอาชีพทม่ี ่ันคง
- ตอ้ งการเป็นครใู นเมอื ง
- คนรจู้ กั แนะนำให้มาสมัคร
- อยากหาประสบการณท์ ี่อ่นื ๆบา้ ง
- พบรายละเอียดในใบสมัครที่ทำให้รู้สึกประทับใจ ที่มีคำถามว่า “เมื่อท่านมาเป็นครูท่ี
โรงเรยี นพงิ ครัตนแ์ ล้วจะสามารถเปน็ แบบอย่างทดี่ ีให้กับนักเรยี นไดห้ รอื ไม่”เปน็ คำถามทีท่ ้าทาย
- มีความรักเด็กเป็นพนื้ ฐาน และมคี วามอยากถ่ายทอดความรู้จึงมาเรียนครู
- มาสมัคร ทโ่ี รงเรยี นพิงครัตน์ เม่อื ได้ ฟงั วสิ ยั ทัศน์ของ โรงเรยี น แลว้ รสู้ ึกวา่ มันใชเ่ ลย
- คาดหวงั วา่ เด็กจะไดพ้ ัฒนาในทางที่ถนดั เขามกี ารเรยี นรู้ที่ได้พัฒนา
- อยากมอี าชพี ทดี่ ี
- พอ่ แม่จะได้ภาคภูมิใจ
- ลูกจะไดภ้ มู ใิ จ
- มีโอกาสในการถ่ายทอดความดไี ปส่เู ดก็ ๆ
- ต้องการค้นหาตวั ตนวา่ สงิ่ ที่อยากทำจริงๆคืออะไร
- เริ่มมาจากอ.สายพิณ ที่เป็นรุ่นพี่ที่โรงเรียนเดิม และเห็นการทำงานของอาจารย์ ชอบ
แนวคดิ และแตเ่ ดมิ ตนเองเป็นครูมาต้งั แต่ปี ๒๕๑๘ เคยสอนโรงเรียนคริสต์
- อยากสอนโรงเรยี นพทุ ธ
- เปน็ แนวร่วมมีความคิดเดยี วกัน

๓๗

จากการประมวลผลข้างต้นของครูผู้สอนในด้านความแรงจูงใจ ส่วนใหญ่ก็มีแนวโน้
ใกล้เคียงกัน ในด้านความมั่นคงทางอาชีพ ความภาคภูมิใจ และพบว่ามีการแนะนำจากคนใกล้ชิดให้
มาสมัครเปน็ ครูทีโ่ รงเรยี นพงิ ครตั น์ ซึง่ นัน่ ก็หมายถงึ การไดร้ ับความไว้วางใจจากบุคคลท่ีสามน่ันเอง

ในด้านค่าหวังและผลท่ีไดร้ บั จริงๆเปน็ อยา่ งไร พบวา่

- ค้นพบว่าไม่ว่าจะเป็นสถานที่ต่างๆสัปปายะก็สมกับความคาดหวังมาพบเพื่อนๆครู
ไดร้ ับการต้อนรับอย่างดี

- โรงเรียนไมใ่ ชเ่ พียงเป็นสถานทีใ่ หว้ ชิ าความรู้เทา่ นั้น แตย่ งั ม่งุ เน้นการเป็นคนดีอีก
ดว้ ย ศลี ธรรมทีเ่ น้นมากๆ ก็เลยลองเรมิ่ ต้นตรงน้ัน ก็เปน็ ไปตามคาดหวัง

- เพราะคิดว่าการเริ่มต้นที่ดีก็จะสามารถทำให้ ก้าวไปในอนาคตที่ดีได้ มองเห็น
นโยบายของ โรงเรียน ที่ตรงกบั ส่ิงท่คี าดหวงั

- มาพบ โรงเรียนรสู ึกชอบ และคิดอยากพฒั นาเด็กใหเ้ ป็นคนดีมวี ินัย
- โรงเรียนอลังการ ครูสวย เรียบร้อยทุกคน และ เมื่อมาพบอาจารย์ สายพิณ ก็ได้
รับทราบว่าเรามาช่วยกนั สรา้ ง โรงเรยี นเพื่อให้เติบโตเป็นคนที่ดี ของ เชยี งใหม่ และ ทน่ี ีม่ ีแนวคิดให้
ผูป้ กครอง.เป็นผ้มู สี ่วนร่วมในการสร้างโรงเรยี น
- ครั้งแรกพบถึงความสวยงาม ของอาคารเรียน ใหญ่ โตสวยงาม เมื่อเดินเข้ามารู้สึก
สบาย ของโรงเรยี น สปั ปายะ ๔ อ.สายพณิ มคี วามตอ้ งการสร้างคนเปน็ คนดี มีความกตญั ญูซึ่งเป็น
เครื่องหมายของคนดี รู้สึกประทับใจ เมื่อทำงานด้วยก็รู้สึกผูกพัน ก็เลยอยากมาสานต่อความคิดนี้
และทำได้
- คาดหวังว่าเด็กจะได้พัฒนาในทางที่ถนัด เขามีการเรียนรู้ที่ได้พัฒนา และผลงานก็
พบว่าได้เหน็ พัฒนาการของเด็กแต่ละคน และกส็ มหวงั ด้วยเชน่ กนั
- คาดหวังจะให้คนเป็นคนดี ความกตัญญู พบว่าเด็กที่จบไปก็กลับมาหา และเชามา
บอกเล่าเรอื่ งความสำเร็จชองเขา
- คาดหวัง มีอาชีพมั่นคง,ดูแลครอบครัวได้เป็นกำลังสำคัญได้, ความจริงคือโรงเรียน
ให้ไปฝึกฝนปฏิบัติตนการเป็นครู ที่มีศีล เสมอกัน เพื่อหล่อหลอมทางด้านจิตใจ มีความเป็น
กัลยาณมิตร เพราะว่าทาง โรงเรยี นต้องการสร้างคนใหค้ นเป็นคนดี ผ่านกิจกรรมต่างๆ มีการสวัสดี
กัน การรู้จักพี่น้อง การมีน้ำใจต่อกัน ,ทำความสะอาดมีความรับผิดชอบเช่นการทำความสะอาด
ห้องน้ำ , ผ่านครูที่เป็นตัวกลาง และเข้ากระบวนการต่างๆจากการอบรม เพื่อสามารถไปถ่ายทอด
กับศิษย์ได้
- ต้องการอาชีพที่มีเกียรติ เป็นเกียรติภูมิของครอบครัว อยากสอนให้เด็กเป็นคนเก่ง
แต่เมื่อผู้บริหารมีการพูดถึงเป้าหมายบ่อยๆมีการอบรมธรรมะบ่อยๆ เมื่อเราอายุมากขึ้นทำให้การ

๓๘

สอนลุ่มลึกมากขึ้น เป็นผู้มีคุณธรรม การมองเห็นบุญ เข้าใจเรื่องบุญต่างๆ และพูดให้เด็กๆซึมซับ
ความดีได้งา่ ยและตัวเองเป็นต้นแบบ ผลลัพธ์ เห็นว่าเด็กที่จบไป แล้ว เขาเป็นคนมีคุณธรรมมีความ
อ่อนโยน เป็นทั้งคนเก่งและดี มีความดีตดิ ตัวไป สว่ นใหญแ่ ลว้ พบว่าเปน็ เชน่ นนั้ จรงิ เช่นกนั

- ตามนโยบาย โรงเรียนคือ ตอ้ งการใหก้ ารศึกษากับนกั เรียนท้ังชายและหญงิ ซง่ึ ก็เป็น
เช่นนั้นจริง โรงเรียนพิงครรัตน์รับหมดเลย ทั้งเด็ก พิเศษ ต่างๆ เช่น การเรียนรู้ช้า ,การรับฟัง
เพราะโรงเรียนให้โอกาสในการเข้าถึงการศึกษา เพราะว่าทุกคนมีความเป็นมนุษย์เช่นกนั ,พวกเด็ก
ที่เรยี นรว่ มกย็ ังกลบั มาแสดงความขอบคณุ สมกบั ความคาดหวงั

- คาดหวังว่า จะให้เด็กๆเป็นคนดี และได้ผลเชน่ สอนให้เด็กกราบเท้า พ่อแม่ , แม่มา
บอกคุณครูว่าลูกทำ ครูรู้สึกปลม้ื และทราบวา่ เดก็ ๆ ก็ทำตามครู ฉะนนั้ ครตู ้องเปน็ ต้นแบบทีด่ ี

- คาดหวังว่าจะสอนให้เด็กๆเล่นเครื่องดนตรีได้เป็นทุกคน โดยที่ไม่ทราบบริบทของ
พิงครัตน์มาก่อน แต่เมื่อพบทั้งอุปกรณ์ พบว่าสถานที่เป็นที่สบาย เลยสนใจ และเชื่อว่าดนตรี
สามารถกล่อมเกลาให้เด็กๆอ่อนโยนขึ้นได้ และได้สมความคาดหวังเด็กๆได้เล่นเครื่องดนตรีตั้งแต่
ชั้นอนุบาล ได้เห็นเด็กๆร้องเพลงให้เราฟัง สามารถเล่นเครื่องดนตรี และในส่วนตัวได้หลักในการ
ดำเนินชีวตทิ ่ดี ี ได้เห็นคณุ คา่ ในตวั เอง และเป็นต้นแบบใหเ้ ด็กได้

- จงึ คดิ ว่าจะตอ้ งเน้นท่ีวนิ ัย ฉะนั้น สิง่ ทีจ่ ะมอบใหค้ อื ความดสี ากล ๕ อย่าง (UG 5) ถ้า
เบื้องต้นนี้ถ้านักเรียนมีแล้วก็จะสามารถ รับความรู้ต่างๆได้ง่าย และที่มาคือโรงเรียนพิงครัตน์มี
ความสามารถและมีชื่อเสียงด้านภาษาอังกฤษ และผลคือได้ตามค่าคาดหวัง และสร้างชื่อเสียงให้
พิงครตั น์

- คา่ คาดหวงั คอื อยากให้เด็กเป็นคนเกง่ แตโ่ รงเรยี นเน้นในเร่ืองความดีที่สามารถจะอยู่
ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้ และเด็กๆก็สามารถทำได้ โดยได้รับคำชมจากภายนอก ต่างๆมากมายซึ่งก็
คือไดเ้ ปน็ ท้ังเด็กแก่งและดี ตามหวงั

- อยากสอนให้เด็กให้ได้ความรู้ด้านคณิตสาตร์ และให้เรียนรู้ได้ง่ายๆ ขึ้น สนใจวิชานี้
แต่ส่ิงทไ่ี ด้รบั คอื โอกาส ทง้ั ตัวนกั เรยี น ผ้ปู กครอง, ครู โดยการใหโ้ อกาสสำหรบั ครใู หม่, ให้ความสนิท
สมนกับนักเรียน , ผู้ปกครอง. ให้โอกาสในการอบรมบุตรหลานของท่าน ทั้งที่เราเป็นครูใหม่
ผู้บริหารให้โอกาสให้ครูได้รับธรรมะ ฝึกตัว ในการเป็นทีมในการทำงานร่วมกัน ได้รับโอกาสจาก
เพื่อนครูด้วยกัน มีการให้อภัยกันให้โอกาสในการทำงานร่วมกัน ได้รับคำชมจากบุคคลภายนอก ว่า
เด็กพิงครัตน์เก่ง นักเรียนมารยาทดีน่ารัก ได้รับคำชมในเชิงบวก และนักเรียนที่จบไปแล้วนักเรียน
ยงั มคี วามสมั พันธท์ ่ดี ีกับคณุ ครู

- การได้รับความวางใจรุ่นต่อรุ่น เราอยากให้ตัวเองมีความสุข และแผ่ขยายความสุข
ตอ่ ไปยังนกั เรียน และทำ ผู้ปกครอง, อยากใหล้ ูกมาอยูก่ ับเรา ปจั จุบันสอน ไปถงึ รุ่น ลูกของลูกศิษย์
แลว้ โดยการช่วยดูแลเดก็ ๆดว้ ยความใสใ่ จ สมกับความคาดหวัง

๓๙

- ความคาดหวงั คือ ต้องดูแลตนเองและรอบตัวได้ อยากใหเ้ ปน็ องคก์ รท่ีไม่ย่ำอยู่กับท่ี
สิ่งที่มุ่งหวังให้เด็กเป็นคนเก่ง และ ตนเองทำประโยชน์ให้องค์กรมากที่สุด ,ผล คือเกินกว่า ๑๒๐
เปอร์เซ็นต์ โดยการเผื่อแผ่ไปยังครอบครัว , ที่โรงเรียน พิงครัตน์มีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา และใน
ด้านที่จะทำให้เด็กเป็นคนเก่งน้ัน บางครงั้ เดก็ แตล่ ะคนอาจเก่งได้ไม่เท่ากนั และเด็กสามารถเป็นคน
ดที เ่ี ทา่ กัน เปน็ เร่ืองสำคัญ ตามท่อี .สายพณิ เคยกล่าว เชื่อว่า เดก็ ท่เี ป็นคนดจี ะสามารถพัฒนาให้เป็น
คนเก่งได้ และตัวเองสามารถเป็นตัวเชื่อมระหว่างนักเรียนกับผู้ปกครอง.ได้ ในด้าน ช่องว่างปัญหา
ระหว่างวัยท่ี ผู้ปกครอง.ไม่สามารถคยุ ไดแ้ ตค่ รูเราสามารถทำได้

- จากความคาดหวังอยู่ที่ตัวเด็กเป็นส่วนใหญ่ โดยทางครูเราเป็นแม่พิมพ์ ครูต้องเป็น
ต้นบุญต้นแบบที่ดี ถึงจะสามารถส่งต่อไปสู่เด็กได้ ขอให้เด็กได้ความรู้ตามที่ครูได้สอนมา ตาม
ศักยภาพของตัวเชา แต่สงิ่ หนง้ึ ทีค่ วรมคี ือมีเกราะปอ้ งกันคือศีล ตอ้ งการใหเ้ ด็กเป็นทงั้ คนเกง่ และดี

- อยากให้องค์กรน้ีคงอยู่ได้นานท่สี ดุ เพราะมปี นธิ านที่ไมธ่ รรมดาเลย ซึ่งรวมไปถงึ การ
บริหาร ทมี งาน ซึ่งในช่วงแรกๆมีการหล่อหลอมทีค่อนข้างเขม้ ขน้ แต่ระยะหลังมแี ผว่ ลงไปบ้าง จาก
สถานการณ์ของโรคระบาด โควิด ๑๙ ในปัจจบุ นั และตอ้ งการให้เกิดทีมงานทเี ข้มแข็งและมปี นิธาน
รว่ มกันอยา่ งจริงจังและต่อเน่ืองไมม่ องขา้ มในส่ิงเลก็ ๆน้อย

- ในเร่ืองของการเปน็ คนดี ไม่มที ฤษฏใี ดท่ีบอกวา่ การเป็นคนดีแล้วจะไมเ่ กง่ เพราะคน
ดีจะสามารถพัฒนาตนเองได้ แต่เราไม่สามารถประกันได้ว่าคนเก่งจะเป็นคนดีได้, ในส่วนตัวมองว่า
นิสัยท่ดี ี ขยันเอาใจใส่รับผดิ ชอบ ก็จะสามารถดงึ ดดู ความรู้ทักษะตา่ งๆเข้ามาสตู่ นเองได้ ในทางตรงกัน
ข้ามถ้าคุณไม่มีความรู้ทักษะ,ไม่ขยันแม้ความรู้ตา่ งๆอยู่ตรงหน้าก็ไม่สามารถนำมาเขา้ มาสู่ตนเองได้ใน
เรื่องผลสัมฤทธิ์ นั้นได้ผลดีมาก แต่เรายังขาดในการใช้พลังของศิษย์เก่าให้เป็นระบบระเบียบในด้าน
การประชาสมั พันธ์

- ด้านความยั่งยืนของค่าคาดหวัง คงต้องดูกันต่อไปเพราะวา่ เราเป็น โรงเรียนเอกชน
ไม่มีการโยกย้าย ตำแหน่ง ไม่มีบุคลากรรุ่นใหม่ที่เป็นเลือดใหม่ อาจจะขาดอยู่ ,ใน โรงเรียนรัฐ จะมี
การโยกย้ายเพอ่ื ได้คนร่นุ ใหม่, ครบู างทา่ น ท่ีเข้ามากบ็ างท่านกจ็ ะไปสอบบรรจุราชการเพื่อความม่ันคง
และรู้สกึ เสียดาย แตใ่ นอกี แง่หนงึ่ คือการส่งต่อบคุ คลากรครูทีด่ ี สู่โรงเรยี นอื่นๆได้

- หวังอยากสอนนักเรียน โดยอยากเห็นนักเรียนเป็นคนดี ,นิสัยดี มีความประพฤติดี
อ่อนน้อม เพราะพื้นฐานการเปน็ คนดีแล้วกจ็ ะสามารถเป็นคนที่เก่งได้เช่นกนั ผลทไ่ี ด้รบั คอื นกั เรียน
ที่สำเร็จไปก็ยังกลับมาเล่าถึงการที่เขาประสบความเส็จในการหน้าที่การงานและการดำเนินชีวิต
พดู จาดี นิสยั ดี

สรปุ ผลจากการประมวลด้านคา่ คาดหวงั มีความสอดคล้องกนั มากในด้านการพัฒนาคนให้
เป็นทั้งคนเก่งและดี เพื่อเติบโตไปเสริมสร้างสังคมที่ดี ด้วยการบ่มเพาะที่ดีเหมาะสมทั้ งในด้าน

๔๐

อาคารสถานที่ วิสัยทัศน์ วิธีการ การเป็นต้นแบบของครูบาอาจารย์ต่างๆ และส่วนใหญ่ในมุมมอง
ของคณะครูก็ได้รบั ความสมหวังตามท่ีคาดไว้

เพราะเหตุปัจจัยใดทำให้ผลเป็นเชน่ นั้น

- องค์ประกอบเข้ากันมองเห็นไปในทิศทางเดียวกัน ทั้งโรงเรียน ผู้ปกครองและ เด็ก
สง่ิ ทีไ่ ด้เรียนรู้คือ ความพร้อมเพรียง ร่วมใจ จะทำให้สำเรจ็

- ทุกคนในโรงเรียนบุคลากรมีความเห็นเหมอื นกนั มศี ลี เสมอกนั ทำให้เป็นไปได้งา่ ย

ใจตรงกนั ในด้านทง้ั นโยบายความคาดหวงั ของผู้ปกครองการรว่ มมือของนักเรยี น มีการสงั่ สมบญุ
รว่ มกนั มกี ารฟังธรรมร่วมกัน มีการบ่มเพาะด้านจิตใจ รว่ มกนั และเมื่อมธี รรมะทำใหเ้ กิดหลกั การ
ดำเนินชีวติ ทด่ี ี อกี ทั้งยังพราะวา่ มีผู้ปกครองใหค้ วามเชื่อใจวางใจในการให้ดแู ลบตุ รหลาน

- ความรว่ มมอื การมเี ป้าหมายเดียวกัน วิสยั ทัศน์ ของ โรงเรียน เคยมีคำถามจากผู้อื่น
ว่า ทำไมพิงครัตน์ อยากให้เด็กเป้นคนดีด้วยมากกว่าคนเก่งเพียงอย่างเดียว จึงอธิบายว่า คนที่เป็น
คนเก่งแต่ถ้าเป็นคนไม่ดีก็จะเป็นปัญหาต่อสังคมได้ แต่ถ้าลูกเป็นคนดี ก็จะสามาถเป็นคนเก่งได้
เชน่ กนั

- การฝึกตนเองและถ่ายทอดไปสู่เดก็
- ให้ทำความดีผ่านกิจวัตร ประจำวันเช่น ล้างห้องน้ำ ล้างจาน ใส่บาตร มารยาท ทำ
ใหเ้ กดิ ความสำเร็จ
- เกิดจากความร่วมมือ จากผู้ปกครอง. นักเรียน. ครู และผู้บริหารโรงเรียน. แต่สิ่งท่ี
สำคัญคือการท่ีมีผู้เริ่มสร้าง โรงเรียน มี วิสัยทัศน์ท่ีดี อย่างไร จึงเริ่มต้นจากการ คัดสรร คัดเลือกทั้ง
บุคลากร ผู้ปกครอง มารว่ มกัน การเห็นถูกวา่ ต้องการใหเ้ กดิ คนดใี นสังคม
- โรงเรียนพิงครัตน์มีเป้าหมายเดียว ทุกส่วนตาม ปรัชญา โรงเรียน การสร้างคนเป้
นคนดีไม่ยากแต่ไม่ง่าย การปลูกฝังเรื่องการมีศีล ให้เป็นเรื่องปกติ การที่เด็กจะเป็นคนดีมีศีล
นักเรียนกจ็ ะเป็นคนดีได้ เพราะเด็กจะเลยื นแบบครู ได้ ครูดี เด็กดี ถ้านึกย้อนไป ๒๐ปีก่อน พวกเรา
ยงั เดก็ แต่อ.สายพณิ พาไปรกั ษาศลี ปฏบิ ตั ธิ รรมเพ่ือให้มีศีลเสมอกัน เพอ่ื การครองตน ครองงานได้ มี
การแต่งกายและบุคคลกิ ภาพที่เรียบร้อย และไม่ว่าจะมคี รูพิเศษท่ีมาสอนถ้ามีสิง่ ใดไม่เหมาะสมเราก็
จะแนะนำไป เพ่ือเปน็ กลยั าณมิตรทด่ี ตี อ่ กัน
- นอกจากมวี ัฒณธรรมชาวพุทธแล้วยังมี วฒั ณธรรมของพิงครัตน์ โดยทุกท่าน ก่อนท่ี
จะเขา้ มาทำงานทพี่ งิ ครัตนต์ ้องพบอ.สายพณิ เพ่อื ให้ซาบซึ้งและเขา้ ใจนโยบายของโรงเรยี น เป็นเวลา
ไม่น้อยกวา่ ๒ ช่วั โมง ซึ่งโดยปกตแิ ล้วทาง โรงเรียนจะมีกิจกรรมที่สอดคล้องกับธรรมะมีการไปอบรม
นอกสถานท่ี และจะมโี ครงการท่ีสอดคล้องกับหลกั ธรรมเพอ่ื นำมาใช้ฝึก

๔๑

- ปัจจัย มาจากคำว่า ความเสียสละของครู เช่นเวลา และอื่นๆ เช้า หรือ เย็น ใน
บางครง้ั มีการซอ้ มนอกเวลาเรียน

- ปรัชญาโรงเรียน เปน็ ปรชั ญาที่ดมี าก แต่ ผปู้ กครอง.จะนำนักเรียนออกในชั้น ป.๖ ผู้
ปกครอง.มองว่า ทางพิงครัตนใ์ หไ้ ด้ไม่เตม็ ท่ี เพราะวา่ ผู้ปกครอง.สนใจเรอื่ งความเก่ง มาก ส่วนใหญ่

- ความต้องการตรงกัน จึงทำให้มาทำงานร่วมกัน และทำให้เกิดความสำเร็จ มีการ
พัฒนาตนเอง พิงครัตน์ เป็นโรงเรียนเดียวใน จว.เชียงใหม่ ๑๕ กย.๖๔ ที่สามารถเปิดการเรียนการ
สอนท่ีโรงเรยี นได้ (On-Site)

- เกิดจากความไว้วางใจของทุกฝา่ ย ในกิจกรรมต่างๆของ โรงเรียนทม่ี งุ่ เนน้ ความดี
- แบ่งเป็น ๓ ประเด็น ต้น กลาง ปลายทาง คือต้นทางมีนโยบาย ที่เข้าใจเป้าหมาย
เดียวกัน,การให้ครูทราบว่าความต้องการ ผู้ปกครอง.และเด็ก ต้องการอะไร, การทำกิจวัตรประจำวนั
เพอื่ ให้เกิดเป้นทักษะผ่านการเรียน ผ่านกิจวัตร กิจกรรมใหเ้ ป้นนสิ ัย น่คี ือกลางทาง , ปลายทางคือผล
ที่ตัวเด็กว่าเป็นอย่างที่เราต้องการหรือไม่ , การที่มีการหล่อหลอมบุคลากร ถึงเป้าหมายขององค์กร
เพื่อใหม้ งุ่ มั่นในปนิธานของโรงเรียน
- ครูทสี่ อนเด็กไปในทศิ ทางเดยี วกันกับผ้บู ริหาร และไม่มีการทง้ิ เดก็ คนใดไวข้ ้างหลัง มี
การประคับประคองไปด้วยกัน มีการอบรมสั่งสอน เด็กแบบมีทักษะ ไม่มีการทำให้เด็กรู้สึกเสียหน้า
หรอื แย่
- หลกั เกณฑ์ ตอ้ งอยู่บนพื้นฐานการทำหน้าท่คี รรู ักทจี่ ะเปน็ ครู
- มคี วามสามารถและสามารถท่จี ะพฒั นาได้
- เปน็ ครไู ด้ ๒๔ ชว่ั โมงมีความประพฤตทิ ด่ี ี เรยี บร้อย มสี ัมมาคาราวะ รกั ษาศลี ๕ ได้
- มกี ารตกั เตอื นกันได้ ไมม่ ีการแสดงสหี นา้ ไมพ่ อใจเลย มคี วามร่วมมือกนั อย่างดี
- หลักเกณฑ์หลักการ สอน การสอนในแนวพุทธศาสนาเข้ามามีส่วนร่วม มีการนั่ง
สมาธิก่อนเข้าเรียน หลังเคารพธงชาติ ,ถ้ามีเกิดเหตุไม่พึงประสงค์ จะมีใช้หลักธรรมเข้ามาสอนเพ่ือ
ปรับปรุง ในช่วง โฮมรูม โดยไม่มีการบง่ ช้ีว่าเป็นใคร และหลังจากอบรมแล้วมีการเปลีย่ นแปลง ก็จะ
ช่ืนชมแตถ่ า้ ยังไมป่ รับปรงุ กจ็ ะมีการเชิญมาคุยกนั เป็นรายบุคคลเพื่อปรบั ปรงุ พัฒนาต่อไป

สรุปผลจากการประมวลด้านเหตุปัจจัยแห่งผลสำเร็จ ก็คือ การที่มาจากแนวคิดใน
การตอ้ งการสร้างคนดีสสู่ งั คมดีของผู้ริเร่ิมก่อตั้ง จึงทำใหเ้ กิด ปรัชญาของโรงเรยี นท่ีเด่นชัด มีเป้าหมาย
ที่ชัดเจน การคัดสรรบุคคลากรที่มีวิสัยทัศน์เดียวกัน การขยายแนวความคิดไปสู่ ผู้ปกครอง การนำ
กิจวัตร กิจกรรมที่สอดคล้องกับปรัชญาของโรงเรียน มาดำเนินการควบคู่ไปกับการเรียนการสอนมี
ทิศทางเป้าหมายเดียวกัน ทั้งครู ผู้ปกครอง นักเรียนและผู้บริหารโรงเรียนทำให้นักเรียนได้รับการ ซึม
ซบั และบ่มเพาะ ซึ่งรวมไปถึงการการบ่มเพาะหล่อหลอมบุคลากรของโรงเรียนใหส้ อดคล้องกับปรัญชา


Click to View FlipBook Version