The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by [email protected], 2019-09-10 03:41:17

กลยุทธ์ในการส่งเสริมการดำเนินงานวิสาหกิจเพื่อสังคม จังหวัดพิษณุโลก

รายงานกลุ่ม (GP) กป.2 หลักสูตร นปส.71

Keywords: กลยุทธ์ในการส่งเสริมการดำเนินงาน

รายงานการศึกษาเอกสารวิชาการกลุ่ม
เรื่อง

กลยทุ ธใ์ นการส่งเสริมการดาเนินงานวิสาหกจิ เพ่อื สังคม (Social Enterprise)
จงั หวดั พิษณุโลก
โดย

กลุ่มปฏบิ ัติการ (กป.) ท่ี ๒

๑. นางกัลยารตั น์ นิลออ่ น หัวหนา้ สานักงานจงั หวัดประจวบคีรขี ันธ์

๒. นางสาวอังคณา ใจกจิ สุวรรณ พฒั นาสังคมและความมั่นคงของมนุษยจ์ ังหวดั ระนอง

๓. นายทองทศ อนิ ทุมาร หัวหน้าสานักงานจังหวัดพิจิตร

๔. นายอนชุ า อินทศร นายอาเภอสัตหีบ จังหวดั ชลบุรี

๕. นายสงั คม เกิดกอ่ นายอาเภอระแงะ จงั หวดั นราธวิ าส

๖. นายประยูร อรญั รทุ นายอาเภอดา่ นซา้ ย จงั หวัดเลย

๗. นายกฤตกร ถาศกั ดิ์ นายอาเภอเขมราฐ จังหวดั อุบลราชธานี

๘. นายปราโมช เจนธัญกรณ์ พัฒนาการจงั หวัดพิษณุโลก

๙. นายฐติ พิ ันธ์ จูจนั ทร์โชติ ผอ.สนง.ทรพั ยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดลอ้ มจังหวดั ลพบุรี

๑๐. นายแพทยอ์ ดุ ม อศั วฒุ มางกูร ผอ.กองออกกาลังกายเพ่อื สขุ ภาพ กรมอนามยั

รายงานน้ีเป็นสว่ นหนงึ่ ของการกศษึ าอบรมหลกั สตู รนักปกครองระดบั ส(ูงนปส.) รุ่นที่ ๗๑
สถาบันดารงราชานุภาพ กระทรวงมหาดไทย
พทุ ธศักราช ๒๕๖๑

สถาบันดารงราชานภุ าพ
กระทรวงมหาดไทย

เอกสารการศกึ ษากลมุ่ ปฏิบัตกิ ารท่ี ๒ นี้ อนมุ ตั ใิ ห้เปน็ ส่วนหนง่ึ ของการศึกษาอบรมหลกั สูตร
นกั ปกครองระดับสูง (นปส .) รนุ่ ที่ ๗๑ พุทธศักราช ๒๕๖๑ ของสถาบันดารงราชานภุ าพ
กระทรวงมหาดไทย

(ลงช่ือ)...................................................
(นายจาดุร อภชิ าติบุตร)
อาจารย์ท่ปี รกึ ษา

บทคดั ย่อ

การศกึ ษากลยทุ ธ์ในการสง่ เสรมิ การดาเนินงานวิสาหกิจเพอ่ื สงั คม (Social Enterprise)
จงั หวดั พิษณโุ ลก เป็นการวิจยั เชงิ คณุ ภาพ มีวัตถุประสงคก์ ารศกึ ษา เพอื่ ศึกษากลยทุ ธใ์ นการส่งเสรมิ

วสิ าหกจิ เพือ่ สงั คม (Social Enterprise) จงั หวดั พษิ ณุโลก และเพ่ือเสนอแนะแนวทางการ ส่งเสริม

วิสาหกิจเพื่อสงั คม (Social Enterprise) จงั หวัดพิษณโุ ลก ดาเนนิ การโดย ๑) การสัมภาษณ์ ๒) การ

สนทนากลมุ่ (Focus group) กับกลุ่มตัวอย่าง เปน็ ผแู้ ทนส่วนราชการ และคณะกรรมการบรษิ ัท

ประชารัฐรกั สามัคคีพษิ ณุโลก (วสิ าหกิจเพื่อสงั คม) จากดั

ผลการศึกษาโดยสรปุ จังหวัดพษิ ณุโลกมกี ระบวนการในการส่งเสริมวิสาหกจิ เพื่อสงั คม (Social

Enterprise) โดยการสรา้ งกลไกให้พรอ้ มปฏิบัติงาน มีการบรู ณาการการทางานรว่ มกันของกลไกระดบั

จังหวดั มกี ารประชาสัมพันธ์ มกี ารวิเคราะหศ์ ักยภาพ ปญั หาและความตอ้ งการของชุมชน โดยใช้
ประโยชนจ์ ากขอ้ มูล มกี ารร่วมกนั จดั ทา แผนปฏบิ ตั ิการการพฒั นาเศรษฐกิจฐานราก มี Road Map
ทร่ี ะบเุ ปา้ หมาย ผลสาเร็จ และกจิ กรรมท่เี ปน็ รูปธรรม และดาเนนิ การขับเคล่อื น บูรณาการการทางาน
ร่วมกัน มีการตดิ ตามและประเมินผล และสรปุ บทเรยี นเพือ่ การพัฒนากระบวนการทางานตอ่ ไป โดยการ
ดาเนนิ การส่งเสรมิ การ การดาเนินงานวสิ าหกจิ เพ่ือสงั คม (Social Enterprise) จงั หวัดพษิ ณุโลก

มกี ลยุทธใ์ นการดาเนินงานตามกระบวนงาน ๕ ด้าน ดังน้ี ๑) ด้านการเขา้ ถึงปัจจัยการผลิต มกี าร
ส่งเสริมให้กล่มุ เป้าหมายในการเข้าถึงปัจจยั การผลิต ทั้งด้านทรพั ยากรและโอกาสในการเขา้ ถงึ แหลง่ ทนุ
โดยการใช้ข้อมูลจากหนว่ ยงานทเี่ ก่ยี วขอ้ งมาวิเคราะห์ วางแผนในการส่งเสรมิ แก้ไขปญั หาเรื่องปจั จยั
การผลติ การให้สทิ ธพิ เิ ศษกบั ผปู้ ระกอบการ รวมถงึ การสง่ เสริมชมุ ชนใหผ้ ลติ ปจั จัย วัตถดุ ิบ เพื่อการ
ผลติ จากทุนชุมชน ๕ ด้าน การสนับสนนุ ขอ้ มลู ท่ีเปน็ ปัจจบุ นั และทาใหป้ ระชาชนเขา้ ถงึ ขอ้ มลู ที่จาเปน็
การส่งเสรมิ การรวมกลุ่ม การแสวงหาภาคีเครอื ขา่ ยเก้ือกลู ปัจจยั การผลิตซงึ่ กนั และกัน การแลกเปลยี่ น
เรยี นรู้จากกนั และกนั (Knowledge Sharing) ๒)ด้านการสรา้ งองคค์ วามรู้ มกี ารส่งเสริมการสร้าง
ความเช่ือมโยงองคค์ วามรูข้ องหนว่ ยงานภาคี ในการพฒั นาและบรหิ ารจดั การ แกป้ ญั หาดา้ นตา่ งๆ ของ
กล่มุ ใชร้ ะบบพี่เลี้ยง /ทีป่ รึกษาผูป้ ระกอบการ สรา้ งเสรมิ ทักษะใหก้ บั ผูป้ ระกอบการ โดยการสรา้ ง
องค์ความรู้ ท้งั ตน้ นา้ กลางนา้ ปลายน้า เพ่ือใหก้ ลุ่มเป้าหมาย เกษตรกรสามารถดาเนินการพัฒนาอาชีพ
ของตนเอง เกดิ รายได้ มคี ุณภาพชีวติ ท่ีดี สง่ เสริมใหผ้ นู้ ากลุ่มมีความรู้ทีเ่ หมาะสม สามารถถา่ ยทอด
ความร้แู ก่สมาชกิ กลมุ่ เพอ่ื นาไปปฏบิ ัติ สนบั สนุนการจดั ชอ่ งทางการเรียนรใู้ นหลากหลายรูปแบบ
การแลกเปลยี่ นความรู้กนั ระหวา่ งชมุ ชน และการสรุปบทเรียนจากการเรียนรู้ ๓) ดา้ นการตลาด มกี าร
สง่ เสรมิ เชื่อมโยงการตลาด วเิ คราะหข์ ้อมู ลการตลาด โดยให้ภาคเอกชนเขา้ มาเปน็ ผู้สนบั สนุน
ดา้ นการตลาดให้กบั กลุ่มเกษตรกรและผปู้ ระกอบการมกี ารสร้างตลาดในท้องถ่นิ สรา้ งตลาดในประเทศ
และตา่ งประเทศ โดยการส่งเสริมให้กล่มุ ผลติ ตามความตอ้ งการของตลาด ผลติ สนิ คา้ แบบครบวงจร
เพ่ือสรา้ งทางเลอื กแก่ลูกค้า ส่งเสริมการตลาดออนไลน์ การจบั คู่ต่อยอดธุรกิจ (Matching) และการ
สง่ เสริมการทอ่ งเทย่ี วในชุมชนใหม้ ีความโด ดเด่นและมีอตั ลกั ษณ์ เพือ่ ให้ชมุ ชนมรี ายได้อยา่ งทว่ั ถงึ
ตามแนวทางชุมชนท่องเท่ยี ว OTOP นวตั วถิ ี ๔) ด้านการสอื่ สารเพื่อสร้างการรบั รูท้ ย่ี ่งั ยนื มีการสรา้ ง
แบรนดข์ องจังหวัด เป็นหน่งึ เดียวเพื่องา่ ยตอ่ การประชาสัมพันธ์ โดยการใช้รหัสสขี องจังหวัดพิษณโุ ลก

4DNA มกี ารสร้างการสอื่ สารการรับรโู้ ดยผ่านช่องทางการประชาสัมพันธ์กิจกรรมทางหนงั สอื พิมพ์

สถานีวิทยุ โทรทัศน์ อยา่ งต่อเนอื่ ง รวมถึงการส่งขา่ ว การประชุม เพอื่ แลกเปลี่ยนเรยี นรรู้ ่วมกนั อยา่ ง

สม่าเสมอ และสรา้ งช่องทางการส่อื สารผา่ นแอพพลิเคช่ันLine, Facebook เพ่ือสือ่ สารระหวา่ งกลุ่ม

และบคุ คลภายนอก เป็นการประชาสมั พันธใ์ นการสร้างความยอมรบั ความเปน็ ชมุ ชน และผลิตภัณฑ์

ผา่ นสือ่ และ ๕) ด้านการบรหิ ารจัดการ สนบั สนุนให้บริษทั ประชารฐั รกั สามคั คีจังหวัดพิษณโุ ลก

(วิสาหกิจเพอื่ สังคม ) จากัด เขา้ มามสี ว่ นร่วมในการสง่ เสรมิ องค์ความร้ดู ้านการ บริหารจัดการ

สนับสนนุ การจดั โครงสรา้ งขององคก์ รให้เหมาะสมกบั บรบิ ทในแตล่ ะพนื้ ที่ มกี ารบรู ณาการ

ในการสง่ เสริมการบรหิ ารจดั การรว่ มกบั หนว่ ยงานภาคี ท้ังภาครฐั ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา และมี

การประเมนิ ผลการดาเนนิ งานทุกขน้ั ตอน เพ่ือร่วมกนั ปรงุ ปรุง แก้ไขปัญหา ให้สามารถพัฒนากลุม่ ไดต้ าม

เป้าหมาย แนวทางการส่งเสรมิ วิสาหกจิ เพ่อื สงั คมของจังหวัดพิษณุโลก ๑) การสง่ เสริมด้าน

การประชาสัมพนั ธเ์ พ่ือให้ประชาชนมีความรคู้ วามเขา้ ใจในการทางานของวสิ าหกจิ เพอ่ื สงั ค๒ม) ใช้กลยุทธ์

การสรา้ งแรงบนั ดาลใจ สือ่ สารกบั ชุมชนให้มคี วามเขม้ แขง็ เร่มิ ช่วยเหลอื ตนเองก่อนการสนบั สนนุ ของ

ภาครัฐ ๓) จดั ตั้งวสิ าหกจิ เพอื่ สังคมในระดับชมุ ชน /หมู่บา้ น และสร้างเครือข่ายของผู้ประกอบการ

วสิ าหกิจเพอื่ สงั คมในพน้ื ที่ มีกระบวนการ พฒั นาส่งเสริม ให้มคี วามเข้มแข็ง มกี ารบริหารจัดการท่มี ี

ประสทิ ธิภาพ เป็นกลไกสรา้ งชมุ ชนเข้มแข็งเพอื่ ประโยชนข์ องชมุ ชนอยา่ งแทจ้ ริง ๔) มกี ารบูรณาการการ

ทางาน เนน้ การมีสว่ นรว่ มของทุกภาคส่วน โดยใชแ้ ผนปฏิบตั กิ ารขบั เคล่ือนในทุกระดบั เปน็ เครอื่ งมอื

กากับการดาเนินงาน ๕) เสรมิ สร้างกลไกขับเคลื่อนวิสาหกจิ เพื่อสังคม ในการสรา้ งสัมมาชีพชมุ ชนระดบั

หมูบ่ า้ น/ชมุ ชน ด้วยการบรู ณาการกับทุกภาคส่วน ๖) เพม่ิ ศกั ยภาพชมุ ชนในการสร้างธุรกจิ ชุมชนด้วย

การประสานภาคีและบรษิ ทั ประชารัฐรกั สามคั คีจงั หวดั พิษณุโลก (วสิ าหกิจเพื่อสังคม ) จากัด

เพ่อื ยกระดบั การพัฒนาชุมชนและธรุ กจิ ๗)สง่ เสรมิ การบริหารและการพฒั นาบุคลากรให้มศี กั ยภาพ และ

๘) ประสานความรว่ มมือจากภาคธรุ กจิ ทม่ี ีความสามารถในการจัดการ และมคี วามพรอ้ มจะสนับสนนุ

ช่วยเหลือชมุ ชนใหเ้ ติบโตไปดว้ ยการรว่ มมอื กันสรา้ งความเขม้ แขง็ ให้ชุมชน ขอ้ เสนอแนะ

๑) ควรดาเนินงานส่งเสรมิ วิสาหกจิ เพือ่ สงั คม โดยการบรู ณาการการทางาน๕ ภาคส่วน โดยการกาหนด

บทบาทภารกจิ ความ รับผดิ ชอบที่ชัดเจน มเี ปา้ หมาย วตั ถุประสงคเ์ ดียวกนั มีการเช่ือมโยง ขอ้ มูล

ขา่ วสาร องคค์ วามรู้ บุคลากร มีการบรู ณาการงบประมาณ แผนงาน โครงการ กจิ กรรมต่างๆ๒) รัฐควร

สนับสนนุ ผลิตผลจากผปู้ ระกอบการในระบบการจัดซอ้ื จัดจา้ งของหน่วยงานรฐั ตามความเหมาะสมและ

สนบั สนนุ ภาคเอกชนใหม้ ีการย้ายฐานการผลติ ลงส่ชู มุ ชน ๓) มแี ผนปฏบิ ตั กิ ารขบั เคลอ่ื นทช่ี ดั เจน มีการ

กาหนดมเี จา้ ภาพรบั ผดิ ชอบ กาหนดเกณฑ์ประเมิน วางระบบการตรวจตดิ ตาม ควบคมุ อยา่ งใกล้ชดิ

และมีการนาเสนอผลการขบั เคล่อื นงานอยา่ งสม่าเสมอ เพือ่ รับทราบความก้าวหนา้ ปญั หา อปุ สรรคต่างๆ

ในการดาเนนิ งาน เพอ่ื รว่ มกนั แกไ้ ขปัญหาใหส้ ามารถดาเนินการตามแผน ๔) ใช้กลไก คสป . ให้เตม็

ศักยภาพ โดยสรา้ งความเขา้ ใจแก่ คสป. ให้เป็นเอกภาพและเปน็ ไปในทศิ ทางเดยี วกนั กาหนดเป้าหมาย

การพฒั นาเปน็ เปา้ หมายเดียวกนั ๕) ภาครฐั ควรสง่ เสริมการทา Big Data โดยมอบหมายให้หนว่ ยงาน

ที่เกยี่ วข้อง เชน่ พัฒนาชมุ ชน สถติ ิ เกษตร สถาบนั การเงนิ เป็นต้น ดาเนนิ การจดั เกบ็ วเิ คราะห์

ประมวลผลออกมาใหเ้ กษตรกร และผูป้ ระกอบการ สามารถใชป้ ระโยชน์ขอ้ มลู ในการตดั สินใจในการ

ประกอบอาชีพ การดาเนินธรุ กจิ ชมุ ชน

กติ ตกิ รรมประกาศ

การศกึ ษากลยุทธ์ในการส่งเสรมิ การดา เนนิ งานวสิ าหกิจเพือ่ สังคม (Social Enterprise)
จงั หวดั พิษณุโลก เป็นการวิจยั เชงิ คุณภาพ มีวัตถปุ ระสงค์การศกึ ษา เพ่ือศกึ ษากลยุทธใ์ นการสง่ เสรมิ
วิสาหกจิ เพอื่ สงั คม (Social Enterprise) จังหวดั พิษณุโลก และเพอ่ื เสนอแนะแนวทางการ สง่ เสริม
วิสาหกิจเพอื่ สงั คม (Social Enterprise) จังหวดั พิษณุโลก

การศกึ ษาครัง้ น้สี าเรจ็ ลุล่วงด้วยดีเนือ่ งจากได้รบั ความกรณุ าและความร่วมมือจากบคุ คลหลาย
ฝ่ายทีเ่ กย่ี วขอ้ ง ผ้ศู กึ ษาขอขอบคุณ นายจาดรุ อภิชาตบตุ ร อาจารย์ท่ีปรกึ ษา ท่ไี ด้ใหค้ าแนะนา
ขอขอบคุณผแู้ ทนส่วนราชการ คณะกรรมการบริษทั ประชารฐั รักสามัคคจี ังหวัดพษิ ณโุ ลก (วสิ าหกจิ
เพอ่ื สงั คม) จากดั ตลอดจนเจ้าหนา้ ท่ีพัฒนาชมุ ชนจังหวดั พิษณุโลก ที่ใหค้ วามอนุเคราะหร์ ่วมมือและ
ให้ความชว่ ยเหลือเป็นอย่างดีมาโดยตลอด ผู้วิจยั ขอระลกึ ถงึ ผทู้ ่ีเป็นเจ้าของแนวคดิ ทฤษฎีและงานวจิ ยั
ทผ่ี ้วู ิจัยนามาอา้ งอิงในการทารายงานการค้นคว้าอสิ ระฉบับน้ีไว้ในโอกาสน้ีด้วย

ผู้ศกึ ษาหวงั เป็นอย่างยิง่ ว่า รายงานการศึกษาวจิ ยั ฉบบั น้จี ะเปน็ ประโยชนก์ บั ผทู้ ี่เกี่ยวขอ้ งและ
บุคคลทสี่ นใจในด้านการสง่ เสรมิ การดาเนนิ งานวสิ าหกจิ ชุมชนเพอ่ื สงั คม (Social Enterprise) หากมี
ข้อผดิ พลาดประการใดขอนอ้ มรบั เพ่ือทาการปรบั ปรงุ แก้ไขตอ่ ไป

กลมุ่ ปฏิบัตกิ ารท่ี 2
ผู้ศกึ ษา

สารบัญ ก

บทคัดย่อ ค
กิตตกิ รรมประกาศ
สารบัญ ๑
บทที่ ๑ บทนา ๒

๑.๑ ความเปน็ มาและความสาคัญของปัญหา ๒
๑.๒ วัตถปุ ระสงค์ของการศกึ ษา ๓
๑.๓ ขอบเขตการศึกษา
๑.๔ นิยามศพั ท์เฉพาะ ๔
๑.๕ ประโยชนท์ คี่ าดว่าจะได้รบั ๘
บทท่ี ๒ เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวขอ้ ง ๙
2.1 ยุทธศาสตร์ชาติ20 ปี (พ.ศ. 2560-2579) ๑๓
2.2 นโยบายรัฐบาลไทยแลนด์4.0 ๑๕
2.3 นโยบายสานพลงั ประชารัฐ ๑๗
2.4 ยุทธศาสตร์กรมการพฒั นาชุมชน พ.ศ. 2560-2564 ๒๒
2.5 แนวคดิ วิสาหกจิ เพื่อสงั คม(Social Enterprise) ๒๔
๒.๖ การขบั เคลือ่ นการพฒั นาเศรษฐกจิ ฐานรากและประชารฐั ๒๖
๒.๗ แนวคิดเก่ยี วกบั กลยุทธ์ ๒๘
๒.๘ วรรณกรรมท่เี ก่ียวข้อง
บทที่ ๓ วิธดี าเนนิ การศกึ ษา ๓๓
บทท่ี ๔ ผลการศกึ ษา ๓๕
บทที่ ๕ สรุปผลการศึกษาและข้อเสนอแนะ
๕.๑ สรุปผลการศึกษา 39
๕.๒ ขอ้ เสนอแนะ 40
บรรณานุกรม
ภาคผนวก
- แบบสอบถาม
- แบบสอบถามที่ผ้เู กี่ยวขอ้ งกรอกแลว้
- สาเนาคาส่ังจงั หวดั พิษณุโลก ที่ 1400/2560

ลงวนั ที่ 18 เมษายน 2560

บรรณานกุ รม

กรมการพฒั นาชมุ ชน. (๒๕๕๙). แผนยทุ ธศาสตรก์ รมการพฒั นาชุมชน พ.ศ.๒๕๖๐-๒๕๖๔.
กรงุ เทพฯ

กรมการพัฒนาชุมชน. (๒๕๖๐). แผนปฏบิ ัตริ าชการกรมการพัฒนาชุมชน ประจาปี ๒๕๖๑.
กรงุ เทพฯ

กรมการพัฒนาชมุ ชน. (๒๕๖๐). การขับเคล่อื นการพัฒนาเศรษฐกจิ ฐานรากภายใต้กลไกประชารฐั .
กรุงเทพฯ

คณะทางานการพฒั นาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ. (๒๕๕๙). สานพลังประชารัฐ. กรงุ เทพฯ :
บรษิ ทั อมรินทร์พรนิ้ ติ้งแอนพับลชิ ชิง่ จากดั

ธงชัย สนั ติวงษ์. (๒๕๔๖). การบริหารสูศ่ ตวรรษที่ 21. กรุงเทพฯ : ประชุมช่าง.
เนตรพ์ ัณณา ยาวริ าช. (๒๕๕๒). ภาวะผนู้ าและผูน้ าเชิงกลยทุ ธ์. (พมิ พ์คร้งั ท่ี 7). กรุงเทพฯ :

ทรปิ เพล้ิ กรปุ๊ .
นันทยิ า หตุ านุวตั ร และณรงค์ หุตานวุ ตั ร. (๒๕๕๑). คดิ กลยุทธ์ด้วย SWOT. (พมิ พ์ครั้งที่ 7)

กรงุ เทพฯ : โรงพิมพ์มหาวทิ ยาลยั อบุ ลราชธานี.
นริ มติ เทียมทนั . (๒๕๔๘). ยทุ ธศิลป์การบรหิ ารจัดการ : ศาสตร์และศิลปส์ าหรบั ผูส้ ร้าง
อนาคตใหม่.กรงุ เทพฯ: ส.เอเชียเพลส.
วรนารถ แสงมณี. (๒๕๕๓). องค์การ : ทฤษฎี การออกแบบและการบริหารจดั การเชิงกลยุทธ์.
กรุงเทพฯ : สถาบนั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ เจ้าคณุ ทหารลาดกระบงั .
ศักดิ์ดา ศิรภิ ทั รโสภณ. (๒๕๕๘). การศกึ ษากรอบแนวคิดเพ่อื การพฒั นาวิสาหกจิ เพอื่ สังคม
ในประเทศไทย. วารสารสมาคมนกั วจิ ัย, ๒๐(๒). ๓๐-๔๖.
สุวัฒน์ ศริ นิ ิรันดร์. (๒๕๕๐). บทสรุปการวางแผนกลยุทธ์. (พมิ พ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ : ซี แอนด์ เอ็น.
สมชาย ภคภาสนว์ วิ ฒั น์. (๒๕๕๓). การบริหารเชิงกลยุทธ์. (พมิ พ์ครัง้ ท่ี 20). กรงุ เทพฯ : อมรนิ ทร์.
เสนาะ ติเยาว์. (๒๕๔๖). การบริหารกลยทุ ธ์. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พม์ หาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์.
เสาวนิตย์ ชัยมุสิก. (๒๕๔๕). การจัดทาแผนยทุ ธศาสตรร์ ะดบั สถานศึกษา. กรงุ เทพฯ : บุ๊ค พอยท์.
สานักงานสร้างเสริมกจิ การเพือ่ สงั คมแห่งชาติ (สกส.). (๒๕๕๗). ทิศทางการขบั เคลอื่ นประเด็น
วิสาหกิจเพ่อื สังคม (Social Enterprise) : บทเรียนและบทวิเคราะห์เพอื่ การปรบั ใชใ้ น
สังคมไทย คน้ เมอื่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๑ จากhttp://www.ba.cmu.ac.th/wp-
content/uploads/2016/11/STUDY-OF-THAI-SE-REPORT_19122014.pdf

อทุ ัย ปริญญาสุทธนิ นั ท์. (๒๕๕๘). วิสาหกจิ เพอ่ื สงั คม : การตอ่ ยอดวสิ าหกจิ ชุมชนเพ่ือการจัดการ

ชมุ ชนทุ่งตาเสา. ค้นเมื่อ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๑ จาก http://j-com-dev-and-life-
qua.oop.cmu.ac.th/uploads/file/aklnrtx23567.pdf

38

ภาคผนวก

บทท่ี 1

บทนา

๑.๑ ความเปน็ มาและความสาคญั ของปัญหา

รัฐบาลมนี โยบายลดความเหลอ่ื มล้า สรา้ งรายไดแ้ ละความเจรญิ ความเขม้ แขง็ ทางเศรษฐกจิ ให้

ครอบคลมุ ท้งั ประเทศโดยให้ภาคเอกชนและภาคประชาชนเข้ามามสี ว่ นร่วมด้าเนินการรว่ มกบั ภาครฐั เพ่ือให้

บรรลุวิสยั ทัศน์ของประเทศในเรือ่ ง ม่นั คง มงั่ คั่ง ยั่งยนื โดยคณะรัฐมนตรี ไดม้ ีมตเิ ม่ื อวันที่ 15 ธนั วาคม

2558 รับทราบการแต่งตง้ั คณะกรรมการภาครัฐและภาคเอกชน 12 คณะ ประกอบดว้ ย กล่มุ Value

Driver 7 คณะ และกลมุ่ Enable Driven 5 คณะ เพอ่ื ขบั เคลือ่ นนโยบายสานพลงั ประชารัฐของรัฐบาล ซึง่

คณะกรรมการท้ัง 12 คณะ มีบทบาทหน้าท่ี ดงั นี้

(1) ด้าเนนิ การในลกั ษณะหุน้ สว่ นภาครัฐ เอกชน และประชาชน

(2) เนน้ กจิ กรรมท่เี ป็น Action Based

(3) ครอบคลุม 4 เสาหลกั คือ ธรรมาภบิ าล นวัตกรรมและผลติ ภาพ การยกระดบั

คุณภาพทนุ มนษุ ย์ และการมสี ่วนร่วมในความมัง่ คงั่

(4) ภาคเอกชนน้า โดยภาครฐั เป็นผอู้ า้ นวยความสะดวกและสนับสนุน

กระทรวงมหาดไทยไดร้ ับมอบหมายภารกิจใหร้ ับผิดชอบการด้าเนินงานการพฒั นาเศรษฐกจิ ฐานราก

และประชารัฐ ซง่ึ คณะทา้ งานการพัฒนาเศรษฐกจิ ฐานรากและประชารัฐ (E3) มรี ัฐมนตรวี า่ การ

กระทรวงมหาดไทยเป็นหัวหนา้ ทมี ภาครฐั และนายฐาปน สริ ิวฒั น ภกั ดี กรรมการผูอ้ ้านวยการใหญ่ บมจ .

ไทยเบฟเวอเรจ จ้ากดั เปน็ หัวหนา้ ทมี ภาคเอกชน มีเป้าหมายเดยี วกัน คอื “สรา้ งรายได้ให้กบั ชุมชนเพ่อื

ประชาชนมีความสขุ ” ดา้ เนนิ การ ๓ เรื่อง ประกอบด้วย การเกษตร การแปรรปู (SMEs/OTOP) และการ

ท่องเทย่ี วโดยชมุ ชน ในรปู แบบประชารัฐ ซงึ่ มีบรษิ ทั ประชารัฐรกั สามัคคจี ังหวดั (วสิ าหกจิ เพอ่ื สงั คม ) จ้ากัด

เปน็ เครือ่ งมือในการขับเคลอ่ื นงาน ภายใตแ้ นวคิด Social Enterprise (SE) มเี ป้าหมายหลักเพ่อื สงั คมไมใ่ ช่

เพื่อกา้ ไรสูงสุดรายได้หลกั มาจากการใหค้ า้ ปรกึ ษาแก่ชุมชนไมใ่ ชเ่ งินจากรัฐหรือเงนิ บรจิ าค ก้าไรต้องนา้ ไปใช้

ขยายผลไมใ่ ช่ปันผล มีการบรหิ ารจัดการตามหลกั ธรรมาภบิ าล และมกี ารจดทะเบยี นเป็นรูปแบบบรษิ ัท

ในการขับเคล่ือนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐในระดับจงั หวดั คณะทา้ งานการพัฒนา
เศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ (E3) รว่ มกบั คณะกรรมการประสานและขบั เค ล่ือนนโยบายสานพลัง
ประชารัฐประจา้ จังหวดั (คสป.) จดั ตงั้ บรษิ ัท ประชารัฐรักสามัคคจี ังหวดั (วิสาหกจิ เพ่อื สงั คม ) จา้ กดั ถือ
เปน็ กลไกส้าคัญในการขับเคลอ่ื นซง่ึ บรษิ ัทฯ จะเปน็ หนว่ ยทีเ่ ขา้ มาชว่ ยดา้ เนนิ ในการด้าเนนิ การคดั เลอื กเลือก
กลมุ่ เปา้ หมายรว่ มกบั คสป . และจะเขา้ ไปชว่ ยก ลมุ่ เปา้ หมายด้วยการทา้ หน้าท่เี ปน็ ทปี่ รกึ ษาในการพัฒนา
กลุ่มเปา้ หมาย ตามแนวทาง 5 กระบวนการโดยผลของการขบั เคลือ่ นการพัฒนาดังกลา่ ว กรรมการ /
ผู้จดั การ ของบริษัทฯ จะนา้ มาเสนอในการประชุม คสป. เปน็ ประจา้ ทกุ เดือนเพอื่ ท่จี ะเช่อื มโยงการทา้ งาน

ในการขับเคลอ่ื นนโยบายสานพลงั ประชารฐั ในระดับจงั หวดั คณะกรรมการประสานและขบั เคลอ่ื น
นโยบายสานพลังประชารัฐประจ้าจังหวัด (คสป .) คณะท้างานท่ี คสป . ได้แต่งตงั้ ข้ึนตามคา้ สง่ั สา้ นัก



นายกรฐั มนตรี ท่ี 106/2559 ลงวนั ท่ี 14 พฤษภาคม 2559 และบรษิ ัทประชารัฐรักสามัคคจี ังหวัด
(วิสาหกจิ เพื่อสังคม ) จา้ กัด ถอื เป็นกลไกที่สา้ คัญในการขบั เคล่ือนงานให้เกิดความส้าเรจ็ ขึ้น โดยจงั หวดั
พษิ ณโุ ลกได้มกี ารแต่งตงั้ คณะกรรมการประสานและขับเคล่อื นนโยบายสานพลังประชารฐั ประจ้าจงั หวัด
พษิ ณุโลก (คสป.) และมีการจัดตั้ง บริษัทประชารฐั รกั สามัคคจี งั หวัดพิษณุโลก (วิสาหกิจเพ่อื สังคม ) จา้ กดั
ข้นึ ตง้ั แตป่ ี ๒๕๕๘ และไดม้ ีการด้าเนนิ การขบั เคลือ่ นกิจกรรมต่างๆ จนประสบผลสา้ เร็จ กลมุ่ เปา้ หมายที่
ได้รบั การสง่ เสริมตามกระบวนงานตามแนวทางประชารัฐ มีรายได้เพ่มิ ขน้ึ และมีกจิ กรรมอยา่ งตอ่ เนื่อง
ได้รับการยอมรับในระดบั ประเทศ ดังนั้น การศึกษากลยุทธ์ในการสง่ เสรมิ การดา้ เนินงานวสิ าหกิจเพอื่ สงั คม
(Social Enterprise) จังหวดั พษิ ณุโลก จึงเป็นการศกึ ษาเพอื่ ค้นหารูปแ บบกลยุทธใ์ นการส่งเสรมิ เพอ่ื จะ
นา้ ไปเปน็ ต้นแบบต่อไป

1.2 วัตถปุ ระสงคก์ ารศกึ ษา
1.2.1. เพื่อศกึ ษา กลยทุ ธใ์ นการส่งเสริมวสิ าหกิจเพ่ือสงั คม (Social Enterprise) จังหวดั

พิษณุโลก
1.2.๒. เพ่อื เสนอแนะแนวทางการ สง่ เสรมิ วิสาหกิจเพ่ือสังคม (Social Enterprise) จงั หวัด

พษิ ณโุ ลก

1.3 ขอบเขตการศึกษา
1.3.1 ขอบเขตดา้ นเนอ้ื หา
การศึกษาครั้งนไ้ี ดก้ ้าหนดขอบเขตเนอื้ หาเก่ียวกบั กลยุทธ์ และปัจจยั สา้ เร็จในการส่งเสริม

วสิ าหกิจเพ่ือสังคม (Social Enterprise) จังหวดั พิษณโุ ลก
1.3.2 ขอบเขตด้านประชากร/พนื้ ท่ี
ประชากรทใ่ี ชใ้ นการศกึ ษาครงั้ น้ี เป็นหวั หน้าสว่ นและเจา้ หน้าทข่ี องส่วนราชการท่ี

เกีย่ วข้องในจงั หวัดพษิ ณุโลก คณะกรรมการบรษิ ัทประชารัฐรักสามคั คีพิษณโุ ลก (วสิ าหกจิ เพื่อสังคม)
จังหวัดพิษณุโลก จ้ากดั กลุ่มเปา้ หมายในการท้างานของบรษิ ัทประชารฐั ในพนื้ ทีจ่ ังหวดั พิษณุโลก ผนู้ ้า
กลุ่ม องคก์ ร เครอื ข่าย ของจงั หวัดพษิ ณุโลก

1.3.3 ขอบเขตดา้ นระยะเวลา
ระยะเวลาในการศึกษาคร้งั นี้ ระหวา่ งเดือน มิถุนายน-กรกฎาคม 2561

1.4 นิยามศัพท์เฉพาะทีใ่ ช้ในการวจิ ัย
วสิ าหกิจเพ่อื สงั คม หมายถงึ กิจการที่มีจุดมุ่งหมายหลกั ในการแก้ไขปัญหาสงั คมและ

ส่งิ แวดลอ้ มโดยใชก้ ลไกการบริหารจดั การทด่ี ขี องภาคธรุ กิจมาบวกกับความรู้และนวัตกรรมสงั คมมคี วาม
ย่ังยนื ทางการเงินจากรายไดห้ ลกั ทม่ี าจากสินคา้ หรอื บรกิ ารโดยไม่ต้องพง่ึ พาเงนิ บริจาคและมกี ารนา้ ผลกา้ ไร
ทเ่ี กิดข้ึนไปลงทุนซ้าเพ่ือขยายผลกระทบทางสังคมทีเ่ กิดขน้ึ

ประชารัฐ หมายถงึ ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน ภาคประชาสังคม และภาควชิ า
การ ร่วมมอื กันแก้ปญั หา และคดิ หาทางสรา้ งอนาคตใหป้ ระเทศไทย ผา่ นโครงสร้างการขับเคล่อื นเศรษฐกจิ
ของประเทศที่มุง่ ม่นั ลดความเหลื่อมลา้ พฒั นาคุณภาพคน และเพมิ่ ขดี ความสามารถในการแขง่ ขัน



บริษัทประชารัฐรักสามคั คจี งั หวดั (วิสาหกิจเพอื่ สังคม) จากดั หมายถึง บริษัททจ่ี ัดตง้ั ขน้ึ
เพอ่ื เปน็ เคร่ืองมือในการขบั เคล่ือนงาน ภายใต้แนวคิด Social Enterprise (SE) มีเปา้ หมายหลักเพอื่ สงั คม
ไมใ่ ช่เพ่อื กา้ ไรสงู สุด รายได้หลกั มาจากการใหค้ ้าปรกึ ษาแก่ชุมชน ไม่ใชเ่ งินจากรฐั หรือเงินบรจิ าค กา้ ไรตอ้ ง
น้าไปใช้ขยายผลไมใ่ ชป่ นั ผล มกี ารบริหารจดั การตามหลกั ธรรมาภิบาล และมีการจดทะเบียนเป็นรปู แบบ
บริษทั มเี ป้าหมาย คอื “สรา้ งรายไดใ้ ห้กบั ชมุ ชนเพื่อประชาชนมคี วามสขุ ” ด้าเนนิ การ ๓ เรือ่ ง
ประกอบด้วย การเกษตร การแปรรูป (SMEs/OTOP) และการท่องเที่ยวโดยชมุ ชน
1.5 ประโยชน์ทีค่ าดว่าจะไดร้ ับ

1.5.1 ทา้ ให้ทราบ กลยทุ ธ์ในการส่งเสรมิ วิสาหกจิ เพ่อื สังคม (Social Enterprise) จังหวัด
พิษณโุ ลก

1.5.๒ เพ่ือเสนอแนะแนวทางการสง่ เสริมวิสาหกิจเพื่อสงั คม (Social Enterprise) จังหวัด
พิษณโุ ลก

บทที่ 2

เอกสารและงานวิจยั ท่ีเก่ยี วขอ้ ง

การศกึ ษากลยทุ ธ์ในการสํงเสริมการดาเนนิ งานวสิ าหกจิ เพื่อสงั คม (Social Enterprise) จงั หวดั
พษิ ณุโลก เปน็ การศกึ ษาทมี่ ุงํ เน๎นเรือ่ ง รปู แบบความสาเร็จ ของกลยทุ ธ์ในการสํงเสรมิ วสิ าหกจิ เพ่อื สงั คม
(Social Enterprise) จงั หวดั พิษณุโลก เพื่อนาผลของการศึกษาไปใชใ๎ นการพัฒนา และเปน็ ตน๎ แบบตํอไป
ในการศกึ ษา กลยุทธใ์ นการสํงเสริมการดาเนินงานวสิ าหกิจเพ่อื สังคม (Social Enterprise) จังหวดั
พิษณุโลก ดงั กลําว ผู๎วิจยั ได๎ทบทวนวรรณกรรมทเี่ กี่ยวข๎องดงั น้ี

1. ยทุ ธศาสตร์ชาติ20 ปี (พ.ศ. 2560-2579)
2. นโยบายรฐั บาลไทยแลนด4์ .0
3. นโยบายสานพลงั ประชารฐั
4. ยทุ ธศาสตร์กรมการพฒั นาชุมชน พ.ศ. 2560-2564
5. แนวคิดวิสาหกจิ เพอ่ื สังคม (Social Enterprise)
๖. การขบั เคลอื่ นการพัฒนาเศรษฐกจิ ฐานรากและประชารฐั
๗. แนวคดิ เกี่ยวกบั กลยทุ ธ์
๘. งานวจิ ัยทเ่ี กย่ี วข๎อง

2.1 ยทุ ธศาสตรช์ าติ20 ปี (พ.ศ. 2560-2579)
ยุทธศาสตร์ชาติ ที่ครอบคลมุ ตั้งแตํปี พ.ศ. 2560-2579 สร๎างขนึ้ เพ่อื การขับเคลอื่ นการพัฒนา

และรักษาไวซ๎ ่งึ ผลประโยชนแ์ ละความกา๎ วหนา๎ ของประเทศเพอ่ื ใหบ๎ รรลุ วสิ ัยทัศน์ การนาประเทศไปสูํ
ความ “มั่นคง มงั่ ค่งั ยงั่ ยนื ” และเปน็ ประเทศท่พี ัฒนาดว๎ ยการนาหลักตามปรชั ญาแนวคดิ “เศรษฐกจิ
พอเพยี ง” ของพระบาทสมเด็จพระปรมินท รมหาภมู ิพลอดุลยเดช เป็นแนวการดารงอยแูํ ละปฏิบตั ติ นของ
ประชาชนในทุกระดบั ตั้งแตํระดับครอบครัว ชุมชน ไปจนถงึ ระดับรัฐ ท้ังในการพัฒนาและบริหารประเทศ
ให๎ดาเนนิ ไปในทางสายกลาง (กรมการพฒั นาชุมชน, ๒๕๖๐)

ม่ันคง หมายถงึ การมีความมน่ั คงปลอดภัยจากการเปล่ยี นแปลงทงั้ ภายในและภายนอก
ประเทศในทกุ ระดบั ต้งั แตปํ จั เจกบุคคลไปจนถงึ ระดบั สงั คม รวมไปถึงความมั่ นคงในมติ ิตําง ๆ ทั้งเศรษฐกจิ
สังคม สิ่งแวดลอ๎ มและการเมอื ง

มั่งคงั่ หมายถงึ ประเทศไทยจะตอ๎ งมีการขยายตัวของเศรษฐกิจอยํางตํอ เนือ่ งเพือ่
ยกระดบั ใหเ๎ ป็นกลํมุ ประเทศทีม่ รี ายได๎สงู ลดความเหลือ่ มล้าเพ่อื ให๎ประชาชนได๎รับผลประโยชน์จากการ
พฒั นาอยาํ งเทําเทียมกัน นอกจากนี้ เศรษฐกจิ ของประเทศจะต๎องมีความสามารถในการแขงํ ขันทีส่ งู ขึน้ ทัง้
จากภายในและภายนอกประเทศ สร๎างฐานเศรษฐกจิ และสังคมในอนาคต



ย่งั ยืน หมายถึงแผนพัฒนาตามกรอบท่ีวางไวจ๎ ะต๎องสรา๎ งความเจรญิ ท้ังรายได๎ และ
คณุ ภาพชีวิตของประชาชนให๎เพม่ิ ข้ึนอยํางตํอเน่ือง โดยการเจริญเตบิ โตทางเศรษฐกิจจะต๎องไมใํ ช๎
ทรัพยากรที่เกนิ พอดี การผลติ และการบรโิ ภคจะตอ๎ งเปน็ มติ รกับสง่ิ แวดล๎อมเพื่อให๎สอดคล๎องกับ
กฎระเบียบ ของประชาคมโลก มุํงประโยชน์สวํ นรวมเพือ่ ความย่ังยืน ทีส่ าคญั คอื ประชาชนทุกภาคสํวน
จะตอ๎ งยดึ ถอื และปฏิบตั ิตามปรชั ญาของ เศรษฐกจิ พอเพียง เพือ่ ความสขุ ทยี่ ั่งยืน

ยุทธศาสตรช์ าติ ๒๐ ปี ประกอบดว๎ ย ๖ ยุทธศาสตร์ ไดแ๎ กํ (๑) ยทุ ธศาสตรด์ า๎ นความมนั่ คง (๒)
ยุทธศาสตร์ดา๎ นการสรา๎ งความสามารถในการแขงํ ขัน (๓) ยทุ ธศาสตรก์ ารพัฒนาและเสรมิ สรา๎ งศกั ยภาพคน
(๔) ยทุ ธศาสตร์ด๎านการสรา๎ งโอกาสความเสมอภาคและเทาํ เทยี มกนั ทางสังคม (๕) ยทุ ธศาสตรด์ ๎านการ
สรา๎ งการเตบิ โตบนคณุ ภาพชีวิตทีเ่ ป็นมติ รกบั สง่ิ แวดล๎อม และ (๖) ยุทธศาสตรด์ ๎านการปรับสมดุลและ
พฒั นาระบบการบริหารจดั การภาครฐั โดยมสี าระสาคญั ของแตลํ ะยุทธศาสตร์ สรปุ ได๎ ดงั นี้

๑. ยทุ ธศาสตรด์ า้ นความมัน่ คง มเี ปูาหมายท้ังในการสร๎างเสถียรภาพภายในประเทศ
และชวํ ยลดและปอู งกนั ภัยคุกคามจากภายนอก รวมท้ังสร๎างความเชอื่ มั่นในกลมุํ ประเทศอาเซียนและ
ประชาคมโลกท่ีมตี อํ ประเทศไทย กรอบแนวทางทตี่ ๎องใหค๎ วามสาคัญ อาทิ

(๑) การเสริมสร๎างความมน่ั คงของสถาบันหลักและการปกครองระบอบ
ประชาธปิ ไตยอันมีพระมหากษัตรยิ ท์ รงเป็นประมุข

(๒) การปฏริ ปู กลไกการบริหารประเทศและพัฒนาความ ม่นั คงทางการเมือง
ขจัดคอร์รัปชั่น สรา๎ งความเชอ่ื มั่นในกระบวนการยุตธิ รรม

(๓) การรกั ษาความมน่ั คงภายในและความสงบเรียบร๎อยภายใน ตลอดจนการ
บริหารจดั การความมัน่ คงชายแดนและชายฝ่งั ทะเล

(๔) การพฒั นาระบบ กลไก มาตรการและความรวํ มมือระหวาํ งประเทศทุกระดบั
และรักษาดลุ ยภาพความสมั พันธ์กับประเทศมหาอานาจเพื่อปอู งกนั และแก๎ไขปญั หาความมัน่ คงรปู แบบใหมํ

(๕) การพฒั นาเสริมสร๎างศักยภาพการผนึกกา ลงั ปอู งกันประเทศ การรักษา
ความสงบเรียบร๎อยภายในประเทศสร๎างความรวํ มมอื กับประเทศเพอื่ นบ๎านและมติ รประเทศ

(๖) การพฒั นาระบบการเตรียมพรอ๎ มแหงํ ชาตแิ ละ ระบบบริหารจดั การภัยพบิ ตั ิ
รักษาความมน่ั คงของฐานทรพั ยากรธรรมชาตสิ งิ่ แวดลอ๎ ม

(๗) การปรบั กระบวนการทา งานของกลไกทเ่ี กีย่ วขอ๎ งจากแนวด่งิ สูแํ นวระนาบ
มากขนึ้

๒. ยทุ ธศาสตร์ด้านการสรา้ งความสามารถในการแขง่ ขนั เพื่อให๎ประเทศไทยสามารถ
พัฒนาไปสํกู ารเป็นประเทศพัฒนาแล๎ว ซง่ึ จาเป็นต๎องยกระดับผลิตภาพการผลิตและการใช๎นวัตกรรมใน
การเพม่ิ ความสามารถในการแขงํ ขนั และการพฒั นาอยํางยงั่ ยืนท้งั ในสาขาอุตสาหกรรม เกษตรและบริการ
การสรา๎ งความมัน่ คงและปลอดภัยดา๎ นอาหาร การเพ่มิ ขีดความสามารถทางการค๎าและการเปน็
ผปู๎ ระกอบการ รวมท้งั การพัฒนาฐานเศรษ ฐกจิ แหงํ อนาคต ท้ังน้ภี ายใตก๎ รอบการปฏิรปู และพัฒนาปจั จยั



เชงิ ยุทธศาสตรท์ กุ ด๎าน อันไดแ๎ กโํ ครงสรา๎ งพื้นฐานและระบบโลจิสตกิ ส์ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและ
นวัตกรรม การพัฒนาทุนมนุษย์ และการบริหารจัดการทัง้ ในภาครฐั และภาคธุรกิจเอกชน กรอบแนวทางที่
ต๎องให๎ความสาคัญ อาทิ

(๑) การพัฒนาสมรรถนะทางเศรษฐกิจ ไดแ๎ กกํ ารรกั ษาเสถยี รภาพเศรษฐกิจและ
สรา๎ งความเชื่อมัน่ การสํงเสรมิ การคา๎ และการลงทุนที่อยบํู นการแขงํ ขนั ทเ่ี ป็นธรรมและรบั ผิดชอบตํอสงั คม
ตลอดจนการพัฒนาประเทศสํคู วามเป็นชาติการคา๎ เพอื่ ให๎ไดป๎ ระโยชนจ์ ากหํวงโซมํ ูลคําในภูมิภาค และเปน็
การยกระดบั ไปสสูํ ํวนบนของหวํ งโซํมูลคํามากขึ้น

(๒) การพัฒนาภาคการผลิตและบรกิ าร บนฐานของการพัฒนานวัตกรรมและมี
ความเป็นมติ รตอํ สงิ่ แวดล๎อม โดยมกี ารใช๎ดิจิทัลและการคา๎ ที่เขม๎ ขน๎ เพื่อสร๎างมลู คาํ เพม่ิ และขยายกจิ กรรม
การผลติ และบรกิ าร โดยมํงุ สํคู วามเป็นเลศิ ในระดับโลกและในระดบั ภูมภิ าคในอตุ สาหกรรมหลายสาขา
และในภาคบรกิ ารที่หลากหลายตามรูปแบบการดาเนินชีวิตและการดาเนนิ ธุรกิจท่เี ปลีย่ นไป รวมท้ังเปน็
แหลงํ อาหารคุณภาพ สะอาดและปลอดภยั ของโลก

- ภาคเกษตร โดยเสริมสร๎างฐานการผลิตใหเ๎ ขม๎ แข็งและย่ังยืน เพม่ิ ขีด

ความสามารถในการแขงํ ขนั ของภาคเกษตรสํงเสริมเกษตรกรรายยํอยใหป๎ รับไปสํูการทาการเกษตรยงั่ ยืนท่ี

เปน็ มิตรกับส่ิงแวดลอ๎ มและรวมกลมํุ เกษตรกรในการพัฒนาอาชพี ท่เี ขม๎ แขง็ และการพฒั นาสินค๎าเกษตรทีม่ ี

ศักยภาพและอาหารคณุ ภาพ สะอาด และปลอดภัย

- ภาคอุตสาหกรรม โดยพฒั นาอุตสาหกรรมศักยภาพ ยกระดับการ
พัฒนาอุตสาหกรรมปัจจุบันทมี่ ศี ักยภาพสูง และพัฒนาอตุ สาหกรรมอนาคตทมี่ ศี กั ยภาพ โดยการใช๎ดิจิทัล
และการค๎ามาเพิม่ มลู คาํ และยกระดบั หวํ งโซํมลู คําในระดับสงู ข้นึ

- ภาคบรกิ าร โดยขยายฐานการบรกิ ารให๎มคี วามหลากหลาย มีความ
เปน็ เลศิ และเปน็ มิตรตอํ ส่ิ งแวดลอ๎ ม โดยการยกระดับบรกิ ารทเี่ ป็นฐานรายไดเ๎ ดมิ เชนํ การทอํ งเทยี่ ว และ
พัฒนาใหป๎ ระเทศไทยเปน็ ศูนย์กลางการให๎บริการสุขภาพ ธรุ กิจบรกิ ารดา๎ นการเงินและธุรกจิ บริการท่มี ี
ศักยภาพอื่นๆ เปน็ ต๎น

(๓) การพัฒนาผป๎ู ระกอบการและเศรษฐกิจชุมชน พัฒนาทกั ษะผ๎ูประกอบการ
ยกระดับผลิตภาพแรงงานและพัฒนาวิสาหกจิ ขนาดกลางและขนาดยอํ ม (SMEs) สํูสากล และพฒั นา
วิสาหกจิ ชมุ ชนและสถาบันเกษตรกร

(๔) การพฒั นาพ้นื ท่เี ศรษฐกิจพเิ ศษและเมอื งพฒั นาเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน
และพฒั นาระบบเมืองศนู ย์กลางความเจริญ จดั ระบบผังเมอื งทีม่ ีประสิทธภิ าพและมีสวํ นรํวม มกี ารจัดการ
สิ่งแวดล๎อมเมอื ง และโครงสร๎างพ้นื ฐานทางสังคมและเศรษฐกิจที่สอดคลอ๎ งกับศักยภาพ

(๕) การลงทุนพฒั นาโครงสร๎างพ้ืนฐาน ในดา๎ นการขนสงํ ดา๎ นพลังงาน ระบบ
เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สารและการวจิ ัยและพัฒนา



(๖) การเช่อื มโยงกับภูมิภาคและเศรษฐกิจโลกสร๎างความเป็นห๎นุ สวํ นการพฒั นา
กับนานาประเทศ สงํ เสรมิ ความรํวมมอื กบั นานาชาตใิ นการสรา๎ งความมัน่ คงดา๎ นตาํ งๆ เพ่ิมบทบาทของไทย
ในองคก์ รระหวํางประเทศ รวมถงึ สรา๎ งองค์ความรูด๎ า๎ นการตาํ งประเทศ

๓. ยทุ ธศาสตร์การพัฒนาและเสรมิ สรา้ งศกั ยภ าพคน เพ่ือพัฒนาคนและสังคมไทยให๎
เปน็ รากฐานท่แี ข็งแกรงํ ของประเทศมคี วามพร๎อมทางกาย ใจ สตปิ ญั ญา มคี วามเปน็ สากล มที ักษะการคดิ
วิเคราะห์อยํางมเี หตผุ ล มีระเบียบวินยั เคารพกฎหมาย มีคุณธรรมจริยธรรม รูค๎ ุณคาํ ความเปน็ ไทย มี
ครอบครวั ท่ีมัน่ คง กรอบแนวทางทตี่ อ๎ งให๎ความสาคัญ อาทิ

(๑) การพัฒนาศกั ยภาพคนตลอดชํวงชวี ิตให๎สนบั สนนุ การเจรญิ เตบิ โตของ

ประเทศ (๒) การยกระดับคุณภาพการศึกษาและการเรยี นร๎ใู หม๎ คี ุณภาพ เทาํ เทยี ม และ
ท่วั ถงึ
(๓) การปลูกฝังระเบียบวินยั คณุ ธรรม จริยธรรมคํานยิ มที่พงึ ประสงค์
(๔) การสร๎างเสริมใหค๎ นมสี ขุ ภาวะทีด่ ี
(๕) การสร๎างความอยูดํ มี ีสขุ ของครอบครวั ไทยเสรมิ สรา๎ งบทบาทของสถาบัน

ครอบครวั ในการบํมเพาะจติ ใจให๎เขม๎ แข็ง
๔. ยทุ ธศาสตร์ด้านการสรา้ งโอกาสความเสมอภาคและเท่าเทยี มกนั ทางสงั คม เพ่ือเรงํ

กระจายโอกาสการพฒั นาและสรา๎ งความมน่ั คงให๎ท่วั ถงึ ลดความเหลือ่ มลา้ ไปสูํสงั คมทีเ่ สมอ ภาคและเปน็

ธรรม กรอบแนวทางทตี่ ๎องใหค๎ วามสาคัญ อาทิ
(๑) การสรา๎ งความมนั่ คงและการลดความเหลื่อมลา้ ทางดา๎ นเศรษฐกจิ และสังคม
(๒) การพัฒนาระบบบรกิ ารและระบบบริหารจัดการสุขภาพ

(๓) การสร๎างสภาพแวดล๎อมและนวัตกรรมท่ีเอื้อตอํ การดารงชีวติ ในสงั คมสงู วยั
(๔) การสร๎างความเข๎ มแข็งของสถาบนั ทางสงั คมทนุ ทางวฒั นธรรมและความ

เขม๎ แขง็ ของชุมชน

(๕) การพัฒนาการส่อื สารมวลชนให๎เปน็ กลไกในการสนบั สนุนการพฒั นา

๕. ยุทธศาสตร์ด้านการสร้างการเติบโตบนคณุ ภาพชวี ิตทเ่ี ปน็ มติ รต่อสง่ิ แวดล้อม เพอ่ื
เรํงอนรุ ักษฟ์ นื้ ฟูและสรา๎ งความม่นั คงของฐานทรัพยากรธรรมชาติ และมีความมั่นคงด๎านน้า รวมทงั้ มี
ความสามารถในการปอู งกันผลกระทบและปรบั ตัวตอํ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมอิ ากาศและภัยพบิ ตั ิ

ธรรมชาติ และพฒั นามุงํ สูกํ ารเปน็ สังคมสีเขยี ว กรอบแนวทางทีต่ อ๎ งใหค๎ วามสาคญั อาทิ
(๑) การจัดระบบอนุรักษ์ ฟน้ื ฟูและปูองกันการทาลายทรพั ยากรธรรมชาติ
(๒) การวางระบบบรหิ ารจัดการนา้ ให๎มปี ระสิทธิภาพท้ัง ๒๕ ลํมุ น้า เนน๎ การปรบั

ระบบการบรหิ ารจดั การอทุ กภยั อยํางบูรณาการ
(๓) การพฒั นาและใชพ๎ ลังงานท่ีเป็นมติ รกับสงิ่ แวดลอ๎ ม
(๔) การพฒั นาเมอื งอตุ สาหกรรมเชิงนิเวศและเมืองทเ่ี ปน็ มติ รกับส่งิ แวดล๎อม



ภูมอิ ากาศ (๕) การรวํ มลดปญั หาโลกร๎อนและปรับตัวใหพ๎ ร๎อมกับการเปล่ยี นแปลงสภาพ
(๖) การใช๎เครื่องมือทางเศรษฐศาสตร์และนโยบายการคลงั เพือ่ สิ่งแวดล๎อม

๖. ยทุ ธศาสตร์ด้านการปรบั สมดลุ และพัฒนา ระบบ การบรหิ ารจดั การภาครัฐ เพอ่ื ให๎
หนํวยงานภาครฐั มีขนาดทเี่ หมาะสมกบั บทบาทภารกจิ มีสมรรถนะสูง มีประสทิ ธิภาพและประสทิ ธผิ ล
กระจายบทบาทภารกจิ ไปสทํู ๎องถิ่นอยาํ งเหมาะสม มธี รรมาภบิ าล กรอบแนวทางทตี่ อ๎ งใหค๎ วามสาคัญ อาทิ

(๑) การปรับปรุงโครงสร๎าง บทบาท ภารกจิ ของหนวํ ยงานภาครฐั ให๎มขี นาดที่
เหมาะสม

(๒) การวางระบบบริหารราชการแบบบูรณาการ
(๓) การพฒั นาระบบบริหารจัดการกาลงั คนและพฒั นาบุคลากรภาครฐั
(๔) การตอํ ต๎านการทจุ ริตและประพฤตมิ ิชอบ
(๕) การปรับปรงุ กฎหมายและระเบียบตํางๆให๎ทนั สมัย เปน็ ธรรมและเป็นสากล
(๖) การพัฒนาระบบการใหบ๎ รกิ ารประชาชนของหนํวยงานภาครฐั
(๗) การปรับปรุงการบรหิ ารจดั การรายได๎และรายจํายของภาครฐั

กลไกการขับเคล่อื นกระบวนการพัฒนา

ยุทธศาสตร์ชาตจิ ะเปน็ แผนแมบํ ทหลกั ในการพฒั นาประเทศเพ่ือให๎สํวนราชการและ

หนวํ ยงานตํางๆ ใชเ๎ ป็นแนวทางในการจัดทา แผนยทุ ธศาสตร์การพฒั นาประเทศในดา๎ นตาํ งๆ อาทิ

แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแหํงชาติ แผนเฉพาะด๎านตาํ งๆ เชํน ด๎านความม่นั คง เศรษฐกิจ การศึกษา

ศิลปวฒั นธรรม ฯลฯ แผนปฏิบตั ิการในระดบั กระทรวงและในระดับพ้ืนท่ี ใหม๎ คี วามสอดคลอ๎ งกนั ตามห๎วง

เวลา นอกจากน้ียทุ ธศาสตรช์ าตจิ ะใช๎เปน็ กรอบในการจัดสรรงบประมาณและทรัพยากรอน่ื ๆ ของประเทศ

เพือ่ ขบั เคลอื่ นการพัฒนาอยํางมเี อกภาพให๎บรรลเุ ปาู หมาย โดยจะตอ๎ งอาศัยการประสานความรํวมมือจาก

หลายภาคสวํ น ภายใต๎ระบบประชารัฐ คือ ความรํวมมือของภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชนและประชา

สงั คม ท้งั นี้ รัฐธรรมนญู แหงํ ราชอาณาจักรไทยจะไดม๎ กี ารกาหนดเกี่ยวกับบทบาทของยทุ ธศาสตรช์ าตแิ ละ

แนวทางในการนา ยทุ ธศาสตรช์ าตไิ ปสกูํ ารปฏิบัติ เพอ่ื ที่สํวนราชการและหนวํ ยงานตํางๆ จะสามารถ

ขบั เคลือ่ นการพฒั นาได๎อยํางตํอเน่อื งและบรู ณาการ

2.2 นโยบายรฐั บาลไทยแลนด4์ .0

“ประเทศไทย 4.0” เป็นความมุํงม่นั ของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ท่ตี อ๎ งการ

ปรับเปลย่ี นโครงสรา๎ งเศรษฐกิจ ไปสํู “Value–Based Economy” หรือ “เศรษฐกิจท่ขี ับเคลอื่ นด๎วย

นวัตกรรม” โดยมฐี านคิดหลัก คอื เปล่ียนจากการผลิตสนิ ค๎า “โภคภัณฑ์” ไปสํสู ินค๎าเชิง “นวตั กรรม” .

เปล่ียนจากการขบั เคล่ือนประเทศด๎วยภาคอุตสาหกรรม ไปสูํการขบั เคลอื่ นด๎วยเทคโนโลยี ความคิด

สร๎างสรรค์ และนวตั กรรม และเปลย่ี นจากการเนน๎ ภ าคการผลิตสินค๎า ไปสกูํ ารเนน๎ ภาคบริการมากขึ้น



ดงั นัน้ “ประเทศไทย 4.0” จงึ ควรมกี ารเปล่ยี นวิธกี ารทาทมี่ ีลักษณะสาคัญ คือ เปลยี่ นจากการเกษตร

แบบด้งั เดิมในปัจจบุ ัน ไปสกูํ ารเกษตรสมยั ใหมํ ท่ีเนน๎ การบริหารจดั การ และเทคโนโลยี (Smart

Farming) โดยเกษตรกรตอ๎ งร่ารวยข้นึ และเปน็ เกษตรกรแบบเปน็ ผป๎ู ระกอบการ (Entrepreneur) เปลย่ี น

จาก Traditional SMEs หรือ SMEs ที่มอี ยแูํ ละรัฐตอ๎ งใหค๎ วามชํวยเหลืออยตํู ลอดเวลา ไปสํูการเป็นSmart

Enterprises และ Startups บริษัทเกิดใหมทํ ่ีมศี ักยภาพสูง เปลย่ี นจาก Traditional Services ซึ่งมีการ

สร๎างมูลคาํ คํอนขา๎ งตา่ ไปสูํ High Value Servicesและเปล่ยี นจากแรงงานทักษะต่าไปสแํู รงงาน ที่มีความร๎ู

ความเช่ยี วชาญ และทักษะสูง โดยไทยแลนด์ 4.0 มีเปาู หมายในการพัฒนากลํุมตาํ งๆ ดงั น้ี

1. กลมุ่ อาหาร เกษตร และเทคโนโลยชี วี ภาพ เชํน สร๎างเส๎นทางธรุ กจิ ใหมํ (New Startups)

ดา๎ นเทคโนโลยกี ารเกษตร เทคโนโลยอี าหาร เปน็ ตน๎

2. กลุ่มสาธารณสขุ สขุ ภาพ และเทคโนโลยที างการแพทย์ เชํน พัฒนาเทคโนโลยี สุขภาพ

เทคโนโลยกี ารแพทย์ สปา เปน็ ตน๎

3. กลุ่มเคร่ืองมือ อุปกรณอ์ จั ฉรยิ ะ หุ่นยนต์ และระบบเครอ่ื งกลท่ใี ช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์

ควบคุม เชํน เทคโนโลยีหนํุ ยนต์ เป็นต๎น

4. กลุ่มดิจติ อล เทคโนโลยอี ินเตอร์เนต็ ที่เชอ่ื มตอ่ และบังคับอุปกรณ์ต่างๆ ปัญญาประดษิ ฐ์และ

เทคโนโลยสี มองกลฝงั ตัว เชนํ เทคโนโลยดี ๎านการเงิน อปุ กรณเ์ ชอ่ื มตอํ ออนไลน์โดยไมํตอ๎ งใช๎คน

เทคโนโลยกี ารศึกษา อ–ี มาร์เกต็ เพลส อ–ี คอมเมิร์ซ เปน็ ตน๎

5. กลุ่มอตุ สาหกรรมสร้างสรรค์ วัฒนธรรม และบริการท่ีมีมูลคา่ สงู เชนํ เทคโนโลยีการ

ออกแบบ ธรุ กจิ ไลฟ์สไตล์ เทคโนโลยีการทอํ งเทีย่ ว การเพ่ิมประสิทธิภาพการบรกิ าร เป็นต๎น

2.3 นโยบายสานพลงั ประชารัฐ

ความเปน็ มา
รัฐบาลไดน๎ ๎อมนาหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง มาเปน็ แนวทางในการแกไ๎ ขปัญหา ซ่ึงท่ี

ผํานมามกี ารดาเนินการในหลายมาตรการ เพื่อชวํ ยเหลือเกษตรกรและประชาชนผมู๎ ีรายได๎น๎อยทัง้ ทางดา๎ น

การลดตน๎ ทุนการผลิต การใหค๎ วามร๎ู การสรา๎ งมูลคาํ เพิ่ม การตลาด การชวํ ยเหลือด๎านปัจจยั การผลติ และ
การใช๎แนวคิด "ประชารัฐ "มาเปน็ ตวั การ แกไ๎ ขปัญหา โดยอาศยั กลไกความรวํ มมอื จากทุกภาคสํวน
(กรมการพัฒนาชมุ ชน, ๒๕๖๐)

“ประชารฐั ” คือ ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาค ประชาชน ชํวยกนั แกป๎ ัญหา และคิดหาทางสรา๎ ง
อนาคตให๎ประเทศไทย ผาํ นโครงสรา๎ งการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศทีม่ งํุ มัน่ ลดความเหลือ่ มลา้
พัฒนาคณุ ภาพคน และเพมิ่ ขีดความสามารถในการแขํงขัน

๑๐

แนวคิดประชารฐั เปน็ การเอาจุดเดนํ ของแตลํ ะภาคสวํ นมารวมกนั 5 ภาคสํวน
ภาคราชการ จดุ เดนํ คอื มคี นมากกระจายอยเํู ตม็ พนื้ ที่ มีองค์ความรู๎ มีงบประมาณ

และบทบาทหน๎าทต่ี ามลักษณะงานท่รี ับผดิ ชอบ
ภาคเอกชน จุดเดํน คือ ทนั สมัย บรหิ ารจดั การเกํง มีทนุ ท่คี ลอํ งตัว
ภาคประชาชน จุดเดํน คือ มีฝีมอื มคี วามสามารถผลติ สนิ ค๎า รักบ๎านเกดิ
ภาควชิ าการ จุดเดํน คือ มีองค์ความร๎ู เทคโนโลยี การคน๎ ควา๎ วิจยั เพอ่ื ตํอยอด
ภาคประชาสังคม จดุ เดํน คอื ทางานเชิงลกึ เกาะตดิ มเี ครือขาํ ยมาก

กระบวนการและกลไกขับเคลื่อนนโยบาย
การขับเคล่อื นเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยบรู ณาการความรวํ มมอื ทุกภาคสํวนผาํ นการ

ดาเนินงานของ ๑๒ คณะทางานประกอบด๎วย กลุํม Value Driver 7 คณะ และกลุํม Enable Driven 5
คณะ ดงั นี้

1) คณะทางานการยกระดบั นวัตกรรมและผลติ ภาพ (Innovation& Productivity) :D1
มีรัฐมนตรวี ําการกระทรวงวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีเป็นหวั หน๎าทมี ภาครัฐ และนายกานต์ ตระกลู ฮนุ
กรรมการและประธานท่ีปรึกษาฝาุ ยจดั การบมจ.ปูนซีเมนตไ์ ทยเปน็ หัวหนา๎ ทมี ภาคเอกชนโดยมเี ปาู หมายหลกั
คือ

1) เพิม่ ขีดความสามารถในการแขํงขนั ของประเทศ
2) ลดความเหลอื่ มล้า
3) หลดุ กับดักประเทศรายไดป๎ านกลาง

๑๑

2) คณะทางานดา้ นการสง่ เสรมิ วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ มและวสิ าหกจิ เรมิ่ ตน้ :

D2 มีรัฐมนตรวี ําการกระทรวงพาณิชย์ เปน็ หวั หนา๎ ทีมภาครัฐ และนายสพุ นั ธ์ มงคลสุธี ประธานสภา

อตุ สาหกรรมแหงํ ประเทศไทย เปน็ หัวหน๎าทีมภาคเอกชน โดยมเี ปาู หมายหลกั คอื

1) เพ่ิม GDP ของ SMEs ใหถ๎ ึง 50%

2) มลู คําการสงํ ออก SME เพ่ิม 5%

3) SME เขา๎ สรํู ะบบ 50,000 รายตอํ ปี

3) คณะทางานดา้ นการสง่ เสริมการทอ่ งเที่ยวและ MICE : D3 มีรฐั มนตรีวําการกระทรวง

การทอํ งเท่ยี วและกฬี า เป็นหัวหนา๎ ทีมภาครฐั และนายชนินทธ์ โทณวณิก ประธานเจา๎ หน๎าท่ีบรหิ ารและ

กรรมการผจ๎ู ัดการ บมจ.ดุสิตธานี เป็นหัวหน๎าทีมภาคเอกชน โดยมีเปูาหมายหลัก คือ

1) เพ่มิ การกระจายรายได๎

2) ยกระดับรายได๎จากการทํองเทยี่ ว

3) เสริมสรา๎ งความยัง่ ยนื ของการทอํ งเทีย่ ว

4) คณะทางานด้านการส่งเสริมส่งออกและการลงทุนใ นต่างประเทศ :D4

มีรฐั มนตรวี ําการ กระทรวงพาณิชย์ เปน็ หวั หน๎าทมี ภาครัฐ และนายสนั่น อังอุบลกลุ ประธานกรรมการบริหาร

บมจ.ศรีไทยซุปเปอรแ์ วรเ์ ปน็ หัวหน๎าทีมภาคเอกชน โดยมเี ปูาหมายหลักคือ

1) การสงํ ออกปี 2559 เตบิ โต 5% (เบอื้ งตน๎ 2%)

2) สามารถระบุประเทศและกลํมุ ธุรกิจท่ีควรลงทนุ ในตํางประเทศ

5) คณะทางานด้านการพฒั นาคลัสเตอรภ์ าคอตุ สาหกรรมแห่งอนาคต : D5

มรี ัฐมนตรวี าํ การกระทรวงอตุ สาหกรรมเป็นหัวหนา๎ ทมี ภาครฐั และนายประเสรฐิ บญุ สัมพันธ์ ประธาน

กรรมการ บมจ.พีทีที โกลบอลเคมคิ อล เปน็ หัวหนา๎ ทีมภาคเอกชน มเี ปูาหมายหลักคือ ตอํ ยอด5 อตุ สาหกรรม

เดมิ เตมิ 5 อุตสาหกรรมใหมํ

6) คณะทางานดา้ นการพัฒนาการเกษตรสมัยใหม่ : D6 มรี ัฐมนตรีวําการกระทรวงเกษตร

และสหกรณ์ เปน็ หัวหนา๎ ทมี ภาครัฐ และนายอสิ ระ วํองกุศลกจิ ประธานกรรมการกลมํุ มิตรผล ประธาน

กรรมการหอการค๎าไทยและสภาหอการค๎าแหงํ ประเทศไทย เปน็ หวั หน๎าที มภาคเอกชน มีเปาู หมายหลกั

คือ

1) ลดความเหล่ือมล้าระหวํางภาคเกษตรและนอกภาคเกษตร

2) การพัฒนาเกษตรกรใหเ๎ ป็น Smart Famer และ SME เกษตร

3) การเพม่ิ ขดี ความสามารถในการแขํงขนั ภาคเกษตร

7) คณะทางานด้านการสรา้ งรายไดแ้ ละการกระตุ้นการใช้จา่ ยของประเทศ : D7

มรี ฐั มนตรวี าํ การกระทรวงการคลัง เป็นหัวหนา๎ ทีมภาครัฐ และนายทศ จิราธิวฒั น์ ประธาน

กรรมการบรหิ าร บจก.กลุํมเซ็นทรัล มเี ปูาหมายหลัก คือ

1) เพิ่ม GDP เปน็ สองเทํา (เพมิ่ GDP per Capita จาก $5,900 to $12,000)

2) หลดุ ออกจาก Middle Income Trap

3)เพ่ิมรายไดใ๎ นภาTคourism,เกษตร แลRะetail/WholesaleTradeเป็นสองเทํา(มูลคํา30%ของGDP)

๑๒

8) คณะทางานดา้ นการดึงดูดการลงทนุ และการพัฒนาโครงสร้างพ้นื ฐานของประเทศ :

E1 มีรฐั มนตรวี ําการกระทรวงการคลงั เป็นหัวหนา๎ ทมี ภาครฐั และ นายชาตศิ ิริ โสภณพ นชิ กรรมการ

ผ๎จู ดั การใหญํ บมจ.ธนาคารกรุงเทพ เป็นหวั หนา๎ ทีมภาคเอกชน มเี ปาู หมายหลกั คอื

1) ดึงดดู การลงทุนจากตาํ งประเทศเพือ่ สนบั สนนุ การยกระดบั อตุ สาหกรรมของไทยและ

เออื้ ตอํ การเปน็ Land-based ASEAN Center หรือศนู ย์กลางของ CLMV

2) ยกระดบั โครงสร๎างพนื้ ฐานของไทยให๎ เป็น Platform ใหมํท่ีทันสมัย ชวํ ยลดต๎นทุน

ลดความเหลอ่ื มลา้ เพิ่มการเชือ่ มโยงสภูํ มู ภิ าค และเพ่ิมความสามารถในการแขงํ ขัน

9) คณะทางานดา้ นการยกระดบั คณุ ภาพวิชาชีพ : E2 มีรัฐมนตรวี าํ การ

กระทรวงศึกษาธกิ าร เปน็ หัวหน๎าทมี ภาครัฐ และมนี ายรงํุ โรจน์ รงั สิโยภาส กรรมการผ๎ู จัดการใหญํ บมจ .

ปนู ซเิ มนต์ไทย เป็นหวั หน๎าทีมภาคเอกชน มีเปาู หมายหลกั คอื ยกระดับคุณภาพวชิ าชีพอาชีวศึกษา

(Competitive Workforce) เพอ่ื ให๎สามารถแขงํ ขนั ได๎ในตลาดโลกโดยมุํงเน๎นผลประโยชนข์ องประเทศเป็นหลกั

10) คณะทางานการพัฒนาเศรษฐกจิ ฐานรากและประชารัฐ : E3 มีรัฐมนตรวี าํ การ

กระทรวงมหาดไทย เปน็ หวั หน๎าทมี ภาครฐั และนายฐาปน สริ ิวฒั นภักดี กรรมการผ๎ูอานวยการใหญํ บมจ .

ไทยเบฟเวอเรจ เป็นหัวหนา๎ ทีมภาคเอกชนมีเปูาหมายหลัก คือ เศรษฐกิจชมุ ชนเข๎มแข็งประชาชนมคี วามสุข

และมีรายไดเ๎ พมิ่ ขน้ึ

11) คณะทางานดา้ นการปรบั แก้กฎหมายและกลไกล ภาครัฐ : E4 มนี ายวษิ ณุ เครืองาม

รองนายกรฐั มนตรี เปน็ หัวหนา๎ ทมี ภาครัฐ และนายกานต์ ตะกูลฮนุ กรรมการและประธานทป่ี รกึ ษาฝุาย

จัดการ บมจ. ปนู ซเี มนตไ์ ทย มีเปูาหมายหลกั คือ

1) เพม่ิ ขีดความสามารถในการแขงํ ขันทางการค๎า การลงทนุ ในประเทศไทย

(Competitiveness)

2) ยกระดบั Ease of Doing Business ของไทยสํู Top 20

3) แก๎ไขกลไกการทางานของภาครฐั (Efficiency)

12) คณะทางานดา้ นการศึกษาพนื้ ฐานและการพฒั นาผนู้ า: E5 มีรัฐมนตรีวําการกระทรวง

ศึกษาธิการ เป็นหวั หนา๎ ทีมภาครัฐ และนายศภุ ชยั เจียรวนนท์ ประธานกรรมการ บมจ.เครอื เจรญิ โภคภณั ฑ์

เปน็ หัวหน๎าทมี ภาคเอกชน มเี ปูาหมายหลกั คือ

1) พฒั นาโรงเรยี นตน๎ แบบ

2) พฒั นาผน๎ู า School Partner จากภาคเอกชน

3) พัฒนาหลักสตู ร

4) ระบบวดั ผลออนไลน์และการเปดิ เผยขอ๎ มลู โปรงํ ใส

5) ระบบการเรยี นโตะ๏ กลม

6) พัฒนาผู๎นาครตู ๎นแบบรวํ มกบั ผูบ๎ ริหารรนํุ ใหมํ

7) เปน็ ศูนย์กลางการศึกษาระดับภมู ิภาค

บทบาทหนา้ ท่คี ณะกรรมการประสานและขบั เคลือ่ นนโยบายสานพลงั ประชารัฐ ประจาจงั หวดั

(คสป.)

๑๓

คณะกรรมการประสานและขบั เคล่ือนนโยบายสานพลงั ประชารฐั ประจาจงั หวดั (คสป.)
คือ คณะกรรมกา รท่ีจะขบั เคลอ่ื นนโยบายสานพลังประชารฐั จากสํวนกลางลงไปสูํจงั หวัด มีผ๎ูวาํ ราชการ
จังหวดั ทาหน๎าทเ่ี ปน็ ประธาน

บทบาทหนา้ ที่ ประสานงานและขบั เคลื่อนการดาเนนิ งานสานพลังประชารัฐ บรู ณาการ
แผนงาน /โครงการท่ี 12 คณะจะลงไปในพน้ื ท่ี และรายงานผลการดาเนนิ งานตํอคณะทางานรวํ มรฐั –
เอกชน-ประชาชน ให๎กระทรวงมหาดไทยเพ่ือทราบอยาํ งตํอเน่อื งซึ่งมรี ายละเอยี ดการดาเนนิ การดังน้ี (นส.
มท ๐๔๐๙.๒/ว๕๒๑๖ ลงวนั ท่ี ๑๔ กย.๕๙)

(1) รวบรวมข๎อมูลและวเิ คราะหศ์ ักยภาพของพนื้ ทเี่ พอ่ื ใชป๎ ระโยชนใ์ นการขบั เคลอื่ นงาน

(2) กาหนด แนวทางปฏิบัตแิ ละแผนดาเนนิ งานในพื้นท่ี
(3) ประสานการปฏบิ ตั งิ าน และบูรณาการการทางานระหวํางหนํวยงานภาครัฐ ภาคเอกชน
และ ภาคประชาชนภายในจังหวัด
(4)ประชาสัมพนั ธ์และเผยแพรํขอ๎ มลู ขาํ วสารการดาเนนิ งานขับเคลอ่ื นนโยบายสาน พลงั

ประชารฐั

(5)รายงานผลการดาเนนิ งานปัญหาและอุปสรรคใหร๎ ฐั บาลทราบโดยผาํ นกระทรวงมหาดไทย

(6)แตงํ ตงั้ ทป่ี รึกษา และคณะทางานเพ่ือปฏบิ ตั ิงานตามที่ คสป.มอบหมาย

แนวทางการดาเนนิ งาน

(๑) ให๎ คสป. มกี ารจดั ประชุม เป็นประจาทุกเดือน เพ่อื ประสานการทางาน ติดตามผล
(๒) ให๎ คสป . เปน็ แกนหลัก ประสานบูรณาการการทางานของทุกภาคสวํ น วางแผน
สนบั สนุนการพัฒนาศักยภาพของชมุ ชน และผลิตภณั ฑ์

(3)ศกึ ษา ทาความเข๎าใจ และปฏิบตั ิตามบทบาท หน๎าที่ ของกลไกขับเคลื่อนการพฒั นา
เศรษฐกิจฐานรากและประชารฐั

(4) สนับสนนุ ให๎ อปท. สถาบันการศกึ ษา และองคก์ รทกุ ภาคสํวน ในจงั หวัดได๎สนับสนนุ การ

ดาเนนิ งาน ตามแผนงาน ใหเ๎ กิดผลเปน็ รปู ธรรม ๓ กลมุํ งาน ๕
(5) สนบั สนุนใหบ๎ ริษทั ฯ คดั เลือกชุมชนและผลิตภัณฑ์ ท่มี คี วามพรอ๎ มใน

กระบวนการ

(6) ใหจ๎ งั หวัดสนับสนุนดา๎ นการถาํ ยทอดแนวคิด องคค์ วามรู๎ ฯลฯ แกชํ มุ ชน
(7) เสนอปัญหา / ศกั ยภาพ (จดุ ออํ น จดุ แข็ง) / ความตอ๎ งการให๎ SE จงั หวัด
(8) ให๎คาแนะนาแนวทางในการดาเนนิ งานแกํ SE จังหวัด

2.4 ยทุ ธศาสตรก์ รมการพฒั นาชมุ ชน พ.ศ. 2560-2564
แผนยทุ ธศาสตร์กรมการพัฒนาชุมชน พ .ศ. 2560 – 2564 ไดน๎ าสถานการณ์ปัจจุบนั และ

สภาพแวดล๎อมของการบรหิ ารประเทศ นามาใชเ๎ ปน็ ข๎อมลู ในการจัดทาแผนยุทธศาสตรใ์ หส๎ อดคลอ๎ งกับ

สถานการณใ์ นชวํ งอนาคต ท่ีกอํ เกิดการเปลยี่ นแปลงของประเทศ ชุมชน ในดา๎ นที่มผี ลตอํ การปฏบิ ัติงาน
พฒั นาชมุ ชน ให๎มงุํ ไปสูเํ ปาู หมายสงู สดุ ภายใต๎วิสยั ทัศน์ “เศรษฐกจิ ฐานรากมั่นคงและชมุ ชนพึง่ ตนเองได๎

๑๔

ภายในปี ๒๕๖๔” กรมการพฒั นาชมุ ชนได๎มุํงขับเคล่อื นไปสูํการปฏบิ ตั ิให๎เกิดประโยชน์ตํอประชาชนอยาํ ง
แทจ๎ ริง ซึง่ ไดผ๎ ํานกระบวนการวิเคราะห์ ทาให๎มีความงําย ท๎าทาย และเปน็ ไปได๎ในการปฏบิ ัตใิ ห๎ สอดคล๎อง
กบั ทิศทางแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสั งคมแหํงชาตฉิ บับที่ ๑๒ (พ.ศ. 2560 – 2564) (กรมการพัฒนา
ชมุ ชน, ๒๕๕๙)

วสิ ยั ทศั น์ : เศรษฐกจิ ฐานรากมนั่ คงและชมุ ชนพ่ึงตนเองได้ภายในปี 2564
เป้าหมาย : ร๎อยละ 80 ของครวั เรือนในหมูบํ ๎านเศรษฐกจิ พอเพยี ง 23,589 หมบํู า๎ นมีรายได๎
เฉล่ยี สูงกวาํ เกณฑ์ความจาเปน็ ขั้นพื้นฐาน (จปฐ.)
พนั ธกิจ
1. พัฒนาระบบกลไกการมีสํวนรวํ มและการเรียนรก๎ู ารพ่ึงตนเอง
2. พฒั นาการบริหารจัดการชมุ ชนให๎พ่ึงตนเองได๎
3. สรา๎ งระบบกลไกและกิจกรรมทางเศรษฐกิจฐานรากใหม๎ ั่นคงตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจ
พอเพียง
4. พฒั นาองค์กรใหม๎ ขี ีดสมรรถนะสงู และบคุ ลากรมอี ุดมการณใ์ นงาน พัฒนาชมุ ชนและเช่ี ยวชาญ
การทางานเชิงบูรณาการ
ประเดน็ ยุทธศาสตร์
๑. สร๎างสรรคช์ ุมชนใหพ๎ ง่ึ ตนเองได๎
๒. สงํ เสรมิ เศรษฐกจิ ฐานรากใหข๎ ยายตัว
๓. เสรมิ สร๎างทนุ ชุมชนใหม๎ ีประสิทธภิ าพและมีธรรมาภบิ าล
๔. เสริมสร๎างองค์กรให๎มขี ีดสมรรถนะสงู
กลยุทธ์
ยุทธศาสตรท์ ี่ ๑ : สร้างสรรค์ชมุ ชนใหพ้ งึ่ ตนเองได้

1.1 สรา๎ งและพฒั นาผูน๎ าสัมมาชพี
1.2 พัฒนาเครื่องมอื เสริมสรา๎ งสมั มาชพี ชมุ ชน
1.3 สํงเสริมชุมชนและภาคีรวํ มพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก
1.4 พัฒนาการบรหิ ารจดั การชมุ ชน
1.5 บรหิ ารจดั การขอ๎ มูลสารสนเทศและเทคโนโลยีเพื่อการพัฒนาชมุ ชน
ยทุ ธศาสตรท์ ี่ ๒ : ส่งเสริมเศรษฐกจิ ฐานรากให้ขยายตวั
2.1 เพม่ิ ศกั ยภาพผู๎ผลิตผป๎ู ระกอบการ
2.2 พัฒนาผลิตภณั ฑ์ชุมชนดว๎ ยองค์ความร๎ูและนวตั กรรม
2.3 สงํ เสรมิ ชํองทางตลาด
ยุทธศาสตร์ท่ี ๓ : เสรมิ สร้างทุนชุมชนให้มปี ระสิทธิภาพและมธี รรมาภิบาล
3.1 พัฒนาระบบการจดั การและการเขา๎ ถึงแหลงํ ทุนชมุ ชน
ยทุ ธศาสตร์ท่ี ๔ : เสริมสร้างองค์กรให้มขี ดี สมรรถนะสูง
4.1 เสริมสร๎างศักยภาพองคก์ รเพ่อื ยกระดบั งานพัฒนาชุมชน

๑๕

4.2 พัฒนาบุคลากรใหม๎ คี ณุ ภาพ
4.3 ยกระดบั ภาพลักษณ์องคก์ ร

2.5 แนวคดิ วิสาหกจิ เพอื่ สงั คม(Social Enterprise)
ท่ีมา
Social Enterprise (SE) คอื กิจการที่มจี ุดมํงุ หมายหลกั ในการแก๎ไขปญั หาสงั คมและส่งิ แวดลอ๎ ม

โดยใชก๎ ลไกการบรหิ ารจดั การท่ีดีของภาคธุรกจิ มาบวกกับความรูแ๎ ละนวตั กรรมสังคมมคี วามยงั่ ยืนทาง
การเงินจากรายไดห๎ ลกั ทม่ี าจากสนิ คา๎ หรอื บรกิ ารโดยไมตํ อ๎ งพ่ึงพาเงินบรจิ าคและมีการนาผลกาไรทเ่ี กิดขน้ึ
ไปลงทนุ ซ้าเพื่อขยายผลกระทบทางสังคมทีเ่ กดิ ขน้ึ

กจิ การเพือ่ สังคมเกิดขนึ้ จากแนวคิดท่ีวําเมอ่ื สังคมก๎าวหน๎าขยายขนาด และมีความซับซ๎อนมาก
ยงิ่ ข้ึนปญั หาสังคมและส่งิ แวดลอ๎ มจงึ เกิดขึ้นตามมาโดยทวีความซบั ซ๎อน หลากหลายและความรุนแรง
เชํนเดยี วกนั จนยากทห่ี นวํ ยงานภาครัฐจะรบั มอื ได๎ ทง้ั หมดในขณะท่ีหนวํ ยงานเอกชนกม็ ักดาเนนิ งานเพือ่
ผลประโยชนข์ องหนวํ ยงานและผม๎ู สี ํวนไดเ๎ สีย (Stakeholders) โดยตรง เชํน ผถู๎ อื หุ๎น เทาํ นนั้ Social
Enterprise (SE)

ชํวงตน๎ ศตวรรษท่ี 20 จงึ เกดิ หนวํ ยงานท่เี รียกวาํ องค์การสาธารณประโยชน์ (Non-governmental
Organisation - NGO) ซ่ึงเป็นหนํวยงานทีไ่ ด๎รบั การรบั รองตามกฎหมายดาเนนิ การเพ่อื แกไ๎ ขปญั หาตาํ งๆ
ในสังคมตัง้ แตํระดับโลกไปจนถงึ ระดับทอ๎ งถนิ่

อยํางไรก็ตามการดาเนนิ งานขององคก์ รพัฒนาเอกชนมักต๎องพงึ่ พาแหลงํ ทุนจากภายนอกในลกั ษะ
ตาํ งๆ เชนํ การรับบริจาค การขอการสนับสนนุ แบบให๎เปลําทาใหป๎ ระส บปัญหาความตํอเน่อื งในการ
ดาเนนิ งาน ข๎อจากดั ในการขยายขอบเขตและงานและความยัง่ ยนื ขององค์กรนเ่ี ป็นข๎อจากดั ที่เปน็ จุดกาเนดิ
ของกิจการเพือ่ สงั คมทดี่ าเนินงานเพอ่ื เปูาหมายทางสงั คมหรอื ส่ิงแวดลอ๎ มโดยมีแผนธรุ กจิ ท่ีสามารถสรา๎ ง
รายได๎เพอ่ื หลํอเล้ียงการดาเนนิ งานและขยายงานให๎เตม็ ศกั ยภาพ

ลกั ษณะของกิจการเพื่อสงั คม
ดาเนนิ งานเพ่ือผลประโยชนท์ างสงั คมหรือส่ิงแวดล๎อมและมแี นวทางการหารายได๎ดว๎ ยตนเองเพ่ือ
หลํอเล้ียงการดาเนินงานอยํางยง่ั ยืนโดยทมี่ าของรายได๎สามารถอยูใํ นรูปแบบการขายผลติ ภณั ฑ์และ /หรอื
บรกิ ารการระดมทุนโดยให๎ผลตอบแทนแกํผูล๎ งทนุ จนถงึ การขอรับบริจาคหรือการสนบั สนุนทางการเงิน
แบบให๎เปลําเหมอื น องค์การสาธารณประโยชน์ เน๎นการใช๎นวัตกรรมเพือ่ แก๎ไขปัญหา นัน่ คือการคดิ คน๎
วธิ ีการใหมํๆทีส่ ามารถแกป๎ ัญหาท่ีเป็นเปาู หมายของการดาเนินงานได๎อยํางมีประสิทธิภาพได๎ผล ย่ังยืน และ
สามารถตอํ ยอดผลลัพธ์ได๎ ตวั อยํางเชํนการให๎เงินก๎ขู นาดยํอมสาหรับแมํบ๎านในบังกลาเทศเพือ่ ลงทุนสร๎าง
กิจการของตนเองโดยธนาคารกรามนี ของ มูฮมั หมัด ยูนูส, การสร๎างปั๊มนา้ ท่ใี ช๎พลังงานจากเคร่ืองเลนํ เด็ก
ของบรษิ ัท Playpumps ในประเทศแอฟริกาใต๎ การดาเนินงานโดยอาศยั ความรํวมมื ออยาํ งกวา๎ งขวาง
เพื่อใชศ๎ ักยภาพเฉพาะทางของหนวํ ยงานตํางๆ ในเครอื ขํายเพอ่ื รํวมแกไ๎ ขปญั หาทซ่ี บั ซอ๎ น

๑๖

นโยบายรฐั บาลกบั กจิ การเพื่อสงั คม
รฐั บาลของหลากหลายประเทศเห็นความสาคัญของกจิ การเพ่อื สังคม และมนี โยบายในการ
สนับสนนุ กิจการเพือ่ สงั คม เชํน
ประเทศองั กฤษมกี ารกํอตัง้ หนวํ ยงานชือ่ Office of the Third Sector (OTS) ซ่งึ อยํูภายใตก๎ าร
ดูแลของสานกั คณะรัฐมนตรี โดย OTS มนี โยบายหลักคอื การผลักดนั และสนับสนนุ กจิ การเพื่อสังคมและยงั
ชํวยเหลอื ในดา๎ นการใหข๎ อ๎ มลู และคาปรึกษาทด่ี ี การเขา๎ ถึงแหลงํ เงนิ ทนุ และลดอุปสรรคในการทางาน
รํวมกบั ภาคธรุ กิจเอกชนนอกจากนีย้ ังมคี ณะทางานเฉพาะกิจ Social Investment Task Force ซึ่งทา
หน๎าที่ให๎คาแ นะนาแกรํ ัฐบาลในเร่ืองการขยายตวั ของกองทุน Phoenix (กองทนุ เพ่อื เพ่ิมศกั ยภาพของ
ชุมชนโดยการกระตุ๎นการลงทนุ ผํานทางสงั คมและธรุ กจิ )การจัดตัง้ การให๎เครดติ ทางภาษขี องการลงทุนเพอื่
ชุมชนการใหค๎ วามชวํ ยเหลือของภาครัฐสํกู องทุนรวํ มพัฒนาชุมชนและการสนบั สนุนการพฒั นาทางดา๎ น
การเงนิ แกํชุมชน
ประเทศแคนาดามเี งินกองทุนสนับสนุน Social Enterprise ภายใต๎การดแู ลของรัฐมนตรดี ๎านการ
พฒั นาทรพั ยากรมนุษยแ์ ละศักยภาพพรอ๎ มท้ังมีการออกพระราชบัญญัติความรวํ มมอื ขององคก์ รไมแํ สวงหา
ผลกาไรโดยลดความแตกตํางของกฎระเบียบสาหรบั องคก์ รไมํแสวงหาผลกาไรและรัฐบาลปรบั ปรุงความนํา
เชอื่ ทางการเงนิ ทาใหบ๎ ทบาทและความรบั ผดิ ชอบของพนกั งานแ ละผ๎ูอานวยการมีความเข๎าใจงํายและ
ปกปูองสิทธขิ องสมาชกิ นอกจากนั้นยังกํอตัง้ Co-operative Development Initiative (CDI) ในปี 2003
ซ่ึงเป็นโครงการ5 ปี เพือ่ ชํวยพฒั นา ทาวิจัยรวมถึงทดลองใช๎นวัตกรรมกบั ของโมเดลขสอหงกรณต์ าํ งๆ
ในสํวนภมู ิภาคเอเชยี ประเทศสงิ คโปร์มีการจดั ตัง้ กองทุน Social Enterprise (Social Enterprise
Fund - SEF) ซ่ึงเปน็ ผู๎ให๎เงินทนุ สนับสนนุ เริ่มต๎นสาหรบั กจิ การเพือ่ สงั คมและยงั มกี ารจดั ต้งั คณะกรรม การ
Social Enterprise Committee (SEC) โดยมเี ปาู หมายเพอ่ื กระต๎นุ ความรับผิดชอบทางสังคมของธรุ กจิ
สรา๎ งกิจการเพ่ือสงั คมท่มี ีความชานาญด๎านส่ิงแวดล๎อมและสร๎างวัฒนธรรมของการเปน็ ผป๎ู ระกอบการด๎าน
สังคม
สาหรับ ประเทศไทย รฐั บาลไดม๎ ีการตงั้ คณะกรรมการสรา๎ งเสริมกจิ การเพื่อสงั คม และกาลังเรํง
จัดทาแผนแมํบทสรา๎ งเสรมิ กิจการเพอื่ สงั คม
ตัวอย่างกิจการเพ่ือสังคม ประเทศไทย
ภาคตะวันออกเฉียงเหนอื
Grassroots Innovation Network (GIN) พฒั นานวตั กรรมการเกษตรท่ตี น๎ ทุนตา่ แตํได๎ผลย่งั ยนื
บรษิ ทั ศนู ยค์ วามร๎พู ่ีจุฬา จากดั (Phi Chula Knowledge Center co., ltd)พฒั นาการศกึ ษาอยํางยั่งยนื
ผํานการพัฒนาบคุ คลากรทเ่ี ก่ียวกบั การศกึ ษาในโรงเรยี น ในมิติตาํ งๆ เชํนสงํ เสรมิ ความสามารถทกั ษะ
กระบวนการสอนเพม่ิ ทกั ษะ การจัดการห๎องเรยี นผาํ นเทคโนโลยที ่มี ีอยูํให๎ทันกับการเปล่ียนแปลงใน
ปจั จบุ นั สร๎างทศั นคติตํอการใชช๎ ีวติ และการประกอบอาชพี ให๎กับนกั เรียน

๑๗

ภาคเหนอื
Mirror Arts Group (MAG) ดาเนินงานโดยมลู นิธิกระจกเงาใช๎สอ่ื และจัดกิจกรรมเพ่ือการพฒั นา
สังคม เชนํ การใชก๎ ระบวนการละครและการจัดกิจกรรมคาํ ยเด็กและเยาวชน การทาโครงการตาํ งๆเพอ่ื
ชํวยเหลอื ชาวเขา
Chivalry Silk เปน็ บริษัทรํวมทนุ ทีน่ าผา๎ ไหมของชาวบ๎านในชนบท จังหวดั ลาพนู มาจาหนํายทาง
อนิ เทอร์เนต็ เพ่อื และเปน็ ตัวแทนจาหนํายในราคาทีเ่ ป็นธรรมกับชมุ ชน
TTCRAFTS: Thai Tribal Crafts Fair Trade เปน็ องค์กรเพื่อการชํวยเหลอื ตวั เองของชาวเขาทาง
ภาคเหนือของประเทศไทยสํงเสริมการผลติ สนิ ค๎ าหตั ถกรรมของชาวเขาและทาเปน็ ธรุ กิจสงํ ออกกบั องค์กร
ตาํ งๆในตาํ งประเทศ
มลู นิธโิ คมลอยเพ่ือการพัฒนาเปน็ องคก์ รท่ีไมํแสวงหาผลกาไร ให๎ความชํวยเหลอื ผูอ๎ พยพชาวพมํา
และชนกลมํุ นอ๎ ย ในเขตตาบลแมยํ าวและตาบลห๎วยชมพู จงั หวดั เชียงราย ใหส๎ ามารถพึ่งพาตนเองได๎ โดยมี
การพฒั นาในด๎านตํางๆ ท้งั เรือ่ งการเกษตร การเงิน การจดั การนา้ ในพื้นที่ สุ ขภาพอนามยั การศึกษาและ
งานหตั ถกรรมชาวบา๎ น เพอ่ื กระจายรายได๎แกํคนในชมุ ชนกลุํมน๎อย
วงษ์พาณชิ ย์ใหบ๎ รกิ ารจัดการวัสดุทไี่ มใํ ชแ๎ ล๎ว คดั แยก และ รีไซเคิลโดยผํานกระบวนการทเี่ ป็นมิตร
ตํอสิ่งแวดลอ๎ ม และชํวยอบรมวางแผนและตดิ ตามดูแลผล อีกท้งั ยังอบรมให๎ความรู๎ ฝกึ งานฝกึ อาชีพใหแ๎ กํ
พนกั งานในองค์กรและชมุ ชนเร่ืองการคดั แยกขยะและการสรา๎ งรายไดจ๎ ากขยะ สถาบนั ชมุ ชนเกษตรกรรม
ยั่งยืนภายใต๎มลู นิธพิ ัฒนาศักยภาพชุมชน สร๎างและพฒั นาชุมชนเกษตรกรรมยัง่ ยืนในจงั หวัดเชยี งใหมํ
ภาคใต้
Ecotourism Training Center เปน็ องคก์ รไมแํ สวงหากาไรในเขาหลัก จังหวดั พังงา ชํวยเหลือ
ประชาชนในท๎องถ่ินใหม๎ คี วามรู๎และทกั ษะเพยี งพอท่จี ะเปน็ ไกดด์ านา้ ลึก และสอนความร๎ูดา๎ นการดแู ลและ
อนรุ กั ษป์ ระการัง รวมไปถึงทักษะการใชค๎ อมพิวเตอรแ์ ละภาษาอังกฤษแกชํ มุ ชน เพอ่ื ให๎มีโอกาสเปน็ ไกด์ดา
น้าทอ๎ งถนิ่ และเขา๎ ใจถงึ คณุ คําของทรัพยากรทางนา้
ชุมพร คาบานํา รสี อรต์ และศูนยก์ ฬี าดานา้ จัดกิจกรรมดา๎ นการทเี่ ปน็ มติ รตํอสิง่ แวดล๎อมในทะเล
มีนโยบายชายหาด เชนํ ห๎ามกฬี าทางนา้ ท่ใี ช๎เครื่องยนตท์ ุกประเภท หา๎ มท้ิงขยะบริเวณชายหาด นอกจากนี้
ยังมกี ารปลูกขา๎ ว ปลกู ผกั ไร๎สารเคมี การบาบัดน้าเสยี การเล้ยี งไกํ การทาปุ๋ยหมกั ตลอดจนการผลิตสบูํ
เหลว แชมพู น้ายาล๎างรถ ฯลฯ ใช๎เองภายในโรงแรม และยงั สงํ เสรมิ แนวคดิ เศร ษฐกิจพอเพยี ง เกษตร
อนิ ทรยี แ์ ละเกษตรแบบผสมผสาน ภายในรีสอร์ต
๒.๖ การขับเคลอ่ื นการพฒั นาเศรษฐกจิ ฐานรากและประชารฐั

การพฒั นาเศรษฐกจิ ฐานราก เป็นเปาู หมายสาคัญประการหนึ่งตามนโยบายรัฐบาลปจั จบุ ัน
ดว๎ ยเหตทุ มี่ ีขอ๎ สรุปเชิงสถิตหิ ลายด๎านท่ีช้ีให๎เห็นพฒั นาการความเปน็ มาของปัญหาความเหลื่อมลา้ ใน
สังคมไทยหลายเรือ่ งจากผลพวงวธิ กี ารการพฒั นาทผ่ี ํานมา ท้งั ในด๎านชอํ งวํางรายได๎ โอกาสทางการศกึ ษา
การมงี านทาและความม่ั นคงในอาชพี ปัญหาเรอ่ื งทอ่ี ยํอู าศัยและการใชป๎ ระโยชนท์ ่ดี ิน ปญั หาดา๎ น
สาธารณสขุ ปัญหายาเสพติด ความปลอดภยั ในชีวติ และทรพั ยส์ ิน ความอบอุํนและและอยํูอยาํ งเป็นสุขของ
ครอบครวั ซึ่งท้งั หมดพันผูกกันซับซอ๎ นเปน็ ลกู โซจํ นยากท่จี ะหาจดุ เริม่ ตน๎ แก๎ไข ปญั หาอยํางหน่งึ อยํางใด

๑๘

แบบแยกสํวนคดิ ได๎ การพัฒนาเศรษฐกจิ ฐานราก จึงเปน็ ความคาดหวงั ความพยายามของรฐั บาลในการที่
จะคดิ หาวธิ ีจดั การแกไ๎ ขอยํางถูกตอ๎ งและมคี วามย่งั ยนื หรืออาจกลําวสรุปวาํ เปน็ การสรา๎ ง “ความม่ันคง
มงั่ คงั่ ทย่ี งั่ ยืน” ในระดับชุมชน (คณะทางานการพฒั นาเศรษฐกจิ ฐานรากและประชารฐั , ๒๕๕๙)

คณะทางานการพฒั นาเศรษฐกิจฐานรากและประชารฐั (E3) ได๎นอ๎ มนาปรชั ญาของเศรษฐกิจ
พอเพยี ง ทพ่ี ระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชพระราชทานไวป๎ ระกอบกับหลักการทรงงาน
ของพระองคท์ ํานมาเปน็ แนวคดิ การดาเนนิ การในทุกขั้นตอน ท้ังการคิดพจิ ารณา ระบุปัญหา คดิ ค๎น
แนวทางทจี่ ะแกไ๎ ขจนถงึ ขน้ั การปฏบิ ัติ การสรุปประเมินผล เรยี นรูข๎ ๎อมูลข๎อเทจ็ จริงจากสภาพภูมสิ งั คมคิด
อยํางรอบคอบ นาไปใชป๎ ฏบิ ัติอยํางระมัดระวงั มบี ททบทวนเรียนรู๎และปรบั แกใ๎ ห๎เหมาะสมยิง่ ขน้ึ ทีส่ าคัญ
คอื การน๎อมนาหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปใช๎ในพนื้ ทีก่ ารทา งาน ผาํ นการสื่อสารสร๎างความเขา๎ ใจ
เรียนรส๎ู ภาพปัญหา การแกป๎ ัญหาดว๎ ยขอ๎ มูล ขอ๎ เทจ็ จรงิ เหตุผล ใชห๎ ลักคิดพอประมาณตามสมควร ซึ่ง
นาไปสกูํ ารมหี รอื การสร๎างภมู คิ ๎ุมกนั ในตัวทดี่ ี กบั การเตรียมบคุ ลากรท่ีเกีย่ วข๎อง ท้งั ทีมขบั เคลอ่ื นและ
ชุมชน/ผูป๎ ระกอบการกลุํมเปูาหมายท่ีรวํ มงานกันในกระบวนงานการพฒั นาเศรษฐกิจฐานราก

ด๎านวัตถปุ ระสงค์การดาเนินงาน นอกเหนอื จาก วตั ถุประสงค์ของการดาเนนิ งานสานพลัง
ประชารัฐ คือ การลดความเหลอื่ มล้า พัฒนาคณุ ภาพคน และ เพ่ิมขีดความสามารถในการแขํงขนั แล๎ว
คณะทางานพฒั นาเศรษฐกจิ ฐานรากและประชารฐั ยงั มกี ารกา หนดเปูาหมายเฉพาะทชี่ ัดเจน คือ เศรษฐกิจ
ชุมชนเขม๎ แขง็ ประชาชนมรี ายเพม่ิ และมีความสุข

การดาเนนิ งานของคณะทางานการพฒั นาเศรษฐกจิ ฐานรากและประชารฐั (E3) ภายใต้

แนวคิด Social Enterprise (SE) (กรมการพัฒนาชุมชน, ๒๕๖๐)

การขับเคล่อื นงานของคณะทางานการพฒั นาเศรษฐกจิ ฐานรากและประชารฐั (E3)

กระทรวงมหาดไทยไดร๎ ับมอบหมายภารกิจให๎รบั ผิดชอบการดาเนนิ งานการพัฒนา

เศรษฐกิจฐานรากและประชารฐั ซงึ่ คณะทางานการพฒั นาเศรษฐกิจฐานรากและประชารฐั (E3) มี

รฐั มนตรีวําการกระทรวงมหาดไทย เปน็ หวั หนา๎ ทมี ภาครัฐ และนายฐาปน สิรวิ ัฒนภักดี กรรมการ

ผอ๎ู านวยการใหญํ บมจ .ไทยเบฟเวอเรจ จากัด เปน็ หวั หน๎าทมี ภาคเอกชน มีเปาู หมายเดยี วกัน คือ “สรา้ ง

รายไดใ้ หก้ บั ชมุ ชนเพื่อประชาชนมีความสขุ ” ดาเนินการ ๓ เรอื่ ง ประกอบด๎วย การเกษตร การแปรรปู

(SMEs/OTOP) และการทํองเทย่ี วโดยชุมชน ในรูปแบบประชารฐั ซงึ่ มีบรษิ ัทประชารฐั รักสามคั คีจังหวดั

(วสิ าหกิจเพอ่ื สังคม) จากัด เปน็ เครือ่ งมอื ในการขบั เคลอื่ นงาน ภายใต๎แนวคดิ Social Enterprise (SE) มี

เปาู หมายหลกั เพ่ือสงั คมไมํใชํเพอื่ กาไรสูงสุด รายไดห๎ ลกั มาจากการใหค๎ าปรึกษาแกํชมุ ชน ไมํใชํเงนิ จากรัฐ

หรอื เงนิ บริจาค กาไรตอ๎ งนาไปใช๎ขยายผลไมใํ ชํปันผล มกี ารบรหิ ารจดั การตามหลักธรรมาภบิ าล และมีการ

จดทะเบยี นเป็นรปู แบบบริษัท

๑๙

กล่มุ งานหรือกลุ่มกิจการท่ีเป็นเป้าหมายการดาเนนิ งาน เพื่อสร๎างรายได๎ทีย่ ่ังยนื ตามกรอบ
คิดของคณะทางานการพฒั นาเศรษฐกจิ ฐานรากและประชารฐั และบรษิ ัทประชารัฐรักสามัคคี จากดั มี 3
กลํมุ คือ

1) การเกษตร เป็นการสนับสนุนการสรา๎ งมลู คาํ เพม่ิ ผลผลติ ทางการเกษตรของ
ชุมชน อาจเปน็ พืชผลจากไรํ นา สวน ผลติ ภณั ฑ์ประมง ปศุสตั ว์ ทผ่ี กู โยงกับอตั ลกั ษณ์ คณุ คําในทางหนึง่
ทางใด เชนํ ประวตั ศิ าสตรช์ มุ ชน หรือวถิ ีชวี ติ ความเป็นอยูํของคนในชุมชน สายพันธท์ เ่ี ป็นเอกลกั ษณ์
รสชาติทโี่ ดดเดนํ เปน็ ผลิตภัณฑ์ที่ดตี ํอสขุ ภาพ ผลติ ภัณฑป์ ลอดภยั ปลูกหรอื เล้ียงด๎วยระบบอนิ ทรยี ์ การ
ดูแลเป็นพเิ ศษโดยใสใํ จตํอประ โยชน์สูงสดุ ของผ๎ูบริโภค รวมทั้งการดแู ลสงิ่ แวดลอ๎ ม เป็นต๎น สามารถผกู
เรือ่ งเปน็ ตานานเรอ่ื งเลาํ ใหเ๎ หน็ คุณคาํ ท่แี ตกตํางได๎ เพอ่ื สรา๎ งมลู คําเพ่ิมของผลติ ภณั ฑ์เกษตรจากระบบ
คณุ ภาพตํางๆ เชนํ มาตรฐานเกษตรอินทรยี ์แบบมี สวํ นรํวม (PGS : Participatory guarantee system)
มาตรฐานเกษตรอินทรยี ์ ที่พัฒนาข้นึ โดยสหพันธ์เกษตรอนิ ทรียน์ านาชาติ (IFOAM : International
Federation of Organic Agriculture Movements) มาตรฐานการปฏบิ ตั ทิ างการเกษตรท่ีดี(GAP : Good
Agriculture Practices) มาตรฐานสินคา๎ เกษตรและอาหาร(มาตรฐาน “Q”)เป็นตน๎ รวมถึงการสะสมชอ่ื เสียง
ของเกษตรกรในการดแู ลผลติ ภณั ฑข์ องตนให๎ดพี ร๎อมในทกุ ด๎านอยาํ งสมา่ เสมอ

2) การแปรรูป (SMEs/OTOP)เปน็ การสงํ เสรมิ การแปรรูปผลิตภัณฑจ์ ากวตั ถุดบิ ที่
มอี ยใํู นพนื้ ทีท่ ้งั ทีเ่ ป็นผลติ ภัณฑเ์ กษตรทุกกลํมุ (เกษตร ปศสุ ตั ว์ ประมง ) วัตถดุ ิบจากธรรมชาติอื่นท่มี ีอยูํใน
พ้นื ที่เพ่อื สร๎างมลู คําเพ่ิมจากกระบวนการแปรรปู ถนอมอาหารหรือปรบั - ปรุงรสชาตใิ นแบบผลิตภณั ฑ์

๒๐

เกษตรแปรรปู การผลิตงานฝมี อื จากทกั ษะภมู ิปัญญาชุมชน- ปราชญ์ชาวบา๎ น เปน็ ข๎าวของเครือ่ งใช๎ประดับ
ตกแตํง เครอื่ งแตงํ กาย ของฝากของที่ระลกึ ซ่ึงปรบั เปล่ียนจากผลติ ภัณฑช์ มุ ชนทผี่ ลติ เพอ่ื บรโิ ภค- เพอ่ื ใช๎ใน
ครัวเรอื น ในชมุ ชนท๎องถ่นิ ใหเ๎ ป็นท่ียอมรับของผบู๎ รโิ ภคจากภายนอกจนสามารถเป็นสินค๎าทม่ี ีช่อื เสียง
สร๎างรายไดแ๎ กคํ นในชุมชนได๎มากขึน้ ตัวอยาํ งทีเ่ ดนํ ชดั คือ ผลติ ภณั ฑโ์ อทอป ผลิตภณั ฑ์จากผ๎ปู ระกอบการ
SMEsหลายรายท่ีเติบโตอยํางมากจากการพฒั นาคุณภาพมาตรฐานการผลติ การทาบรรจภุ ณั ฑ์ การจัดการ
ทางการตลาดทีเ่ หมาะสม

3) การท่องเทยี่ วโดยชุมชน เป็นการสํงเสริมใหช๎ มุ ชนไดป๎ ระโยชน์จากการจดั การ
ทอํ งเท่ยี วของชมุ ชนเอง ทงั้ ที่เปน็ การทํองเที่ยวแหลํงทํองเท่ียวตามธรรมชาตทิ ี่ชมุ ช นมอี ยํู หรือ การ
ทํองเทยี่ วท่ีชมุ ชนสร๎างขึ้นสรา๎ งข้ึน เช่อื มโยงกบั การสืบสานวัฒนธรรม ประเพณี ภูมปิ ญั ญา การประกอบ
อาชีพ วถิ ชี วี ติ พื้นถนิ่ ทีเ่ ป็นเอกลักษณเ์ ฉพาะถิ่น เป็นตน๎ โดยสรา๎ งความเชื่อมโยงกจิ กรรมการทอํ งเท่ยี วเขา๎
ดว๎ ยกนั คอื มีแหลํงทอํ งเทย่ี วหรอื กจิ กรรมทํอ งเที่ยว มบี ริการมคั คุเทศกน์ าเทยี่ ว มีร๎านอาหารหรอื บริการ
ตามสง่ั มบี ริการทพ่ี กั และสง่ิ อานวยความสะดวกอืน่ ที่เหมาะสม เชํน จกั รยานหรอื เรอื ใหเ๎ ชาํ มีผลิตภัณฑ์
ชุมชนทน่ี าํ สนใจ มรี า๎ นจาหนํายของฝาก- ของที่ระลกึ รวมท้งั ระบบการจดั การทํองเท่ยี วของชุมชน เชํน
โปรแกรมนาเทย่ี ว ราคา สถานทต่ี ดิ ตอํ การรักษาความปลอดภัย-การรกั ษาพยาบาลพื้นฐาน ซ่งึ เปน็ ไปตาม
ศกั ยภาพของชมุ ชนและควรตอ๎ งมีความพร๎อมทเ่ี อ้ือตํอการทํองเทยี่ วอยํูพอสมควร เพ่ือใหม๎ ีแรงดึงดูด
นกั ทอํ งเทีย่ วเขา๎ มาเท่ียว มาใช๎บริการและจบั จาํ ยสรา๎ งรายไดใ๎ หก๎ ับชุมชน

กระบวนการทดี่ าเนนิ การ
รูปแบบของวิสาหกจิ เพอื่ สงั คมท่บี ริษทั ประชารัฐรักสามคั คี จากดั ดาเนนิ การ คือ การเปน็ ที่

ปรกึ ษาในการพัฒนาตลอดเส๎นทางของกระบวนการดาเนนิ ธุรกิจแกํชุมชนและผู๎ประกอบการกลมุํ เปูาหมาย
จากตน๎ ทาง กลางทาง และปลายทาง รูปธรรมหนึ่ง คือ การพัฒนาแผนธรุ กิจทค่ี าดหวังประสิทธผิ ลในการ
สรา๎ งรายได๎เพม่ิ ของชมุ ชนและกจิ การท้ัง 3 กลํุมงาน ท่บี รษิ ัทฯ เขา๎ ไปรํวมพฒั นา ครอบคลมุ การเข๎าถงึ
ปัจจยั การผลิต การสร๎างองคค์ วามร๎ู การตลาด การส่อื สารเพอ่ื สร๎างการรับรู๎ท่ยี ่งั ยนื และ การบรหิ าร
จัดการ โดยในสวํ นของการขา ยสินค๎าและบริการอาจเปน็ ไปไดใ๎ นกรณที เ่ี ปน็ การสนับสนนุ การสรา๎ ง
เครือขํายการจดั จาหนําย และการสนบั สนนุ ตามอานาจหน๎าที่ของคณะทางานขับเคล่ือนการพัฒนา
เศรษฐกจิ ฐานรากและประชารัฐ ระดับจังหวดั

1) การเข้าถงึ ปัจจยั การผลิต หมายถงึ การเข๎าถึงทง้ั ด๎านทรัพยากรและโอกาสในก าร
เขา๎ ถึงแหลํงทุน

2) การสร้างองค์ความรู้ หมายรวมถงึ ทงั้ ความร๎จู ากในชมุ ชนและการสํงเสรมิ ความรู๎
ในการผลิตและพฒั นาธุรกจิ เพอ่ื สร๎างประโยชน์ตอํ ยอด

3) การตลาด มีวตั ถปุ ระสงค์ใหเ๎ กิดการพฒั นาแบบบูรณาการ ตั้งแตํการวเิ คราะห์
ตลาด ไปจนถงึ ชอํ งทางการขยายใหมๆํ

4) การสื่อสารเพอ่ื สร้างการรับรู้ทีย่ งั่ ยนื เพื่อสํงเสรมิ ความภาคภมู ใิ จภูมปิ ัญญาและ
ความเป็นชมุ ชน ตัวผลิตภณั ฑแ์ ละบรกิ ารท่ีชมุ ชนมีอยํู คนในชุมชนมีสวํ นรวํ มในการสร๎างความยอมรบั โดย

๒๑

เปน็ ผ๎ูบรโิ ภคและใชส๎ นิ ค๎าที่ผลิตได๎ การชวํ ยสร๎างการยอมรับในตราสินค๎า (การสร๎างแบร นด์ : Branding)
และหาชอํ งทางการประชาสมั พันธผ์ าํ นสือ่ ท๎องถนิ่ และสื่อระดบั ประเทศ

5) การบริหารจดั การ ครอบคลมุ ทัง้ ดา๎ นตน๎ ทุน บัญชี และการบริหารความเส่ียงใน
กระบวนการพฒั นาท้งั 5 ด๎าน เปรยี บกระบวนการขบั เคล่อื นดงั กลาํ ว เสมอื นฟนั เฟอื งของกลไกการทางาน
ของเครอ่ื งจักรทต่ี ๎องสอดประสานเก้อื หนนุ กัน สงํ ผลตํอกนั และกัน โดยท้งั 5 ฟนั เฟือง จะขับเคลื่อนไปดว๎ ย
รูปแบบของวสิ าหกิจเพ่ือสงั คม (Social Enterprise : SE)

เนือ่ งจากวัตถุประสงคส์ าคัญของการสานพลงั ประชารฐั คอื การลดความเหลอ่ื มลา้
พฒั นาคุณภาพคน และการเพิ่มความสามารถในการแ ขํงขัน และการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชา
รฐั ซง่ึ กลํมุ เปูาหมายสํวนมากอยูใํ นชุมชนชนบทและมอี าชีพพ้ืนฐานดา๎ นเกษตรกรรม เปาู หมายมุํงเนน๎ ที่การ
สร๎างอาชพี รายได๎เพม่ิ ขนึ้ และประชาชนมีความสขุ จงึ ยดึ ถอื ชมุ ชนเปน็ ศูนยก์ ลางการพฒั นาในการสงํ เสรมิ
อาชพี เพ่ือสรา๎ งรายได๎และการพฒั นาเศรษฐกจิ ของชุมชน

ความสัมพนั ธ์คณะทางานการพฒั นาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ (E3)กบั บรษิ ทั ประชารฐั
รกั สามคั คีจังหวดั (วสิ าหกจิ เพอื่ สังคม) จากัด

ในการขับเคล่อื นการพฒั นาเศรษฐกิจฐานรากและประชารฐั ในระดบั จังหวดั คณะทางานการ
พัฒนาเศรษฐกจิ ฐานรากและประชารัฐ (E3) รํวมกบั คณะกรรมการประสานและขับเคลอื่ นนโยบายสาน
พลังประชารฐั ประจาจงั หวดั (คสป.) จัดตัง้ บริษัท ประชารัฐรกั สามคั คจี งั หวดั (วสิ าหกจิ เพ่อื สังคม ) จากัด
ถอื เป็นกลไกสาคญั ในการขบั เคลื่อน ซ่งึ บรษิ ัทฯ จะเป็นหนวํ ยทเ่ี ข๎ามาชํวยดาเนินในการดาเนินการคัดเลอื ก
เลือกกลํุมเปู าหมายรํวมกับ คสป . และจะเขา๎ ไปชวํ ยกลํมุ เปาู หมายด๎วยการทาหนา๎ ท่เี ปน็ ท่ีปรึกษาในการ
พัฒนากลํุมเปูาหมาย ตามแนวทาง 5 กระบวนการโดยผลของการขับเคลอื่ นการพฒั นาดังกลําว
กรรมการ/ผจ๎ู ัดการ ของบริษัทฯ จะนามาเสนอในการประชมุ คสป . เป็นประจาทกุ เดือนเพอ่ื ทจี่ ะเชอ่ื มโยง
การทางาน

การขบั เคล่อื นเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ ในบทบาทของคสป . และ บริษัท ประชารฐั รัก
สามัคคจี งั หวดั (วิสาหกิจเพ่ือสงั คม) จากัด

ในการขบั เคลอ่ื นนโยบายสานพลังประชารัฐในระดับจังหวัด คณะกรรมการประสานและ
ขบั เคลื่อนนโยบายสานพลังประชารัฐประจาจังหวัด (คสป.) คณะทางานที่ คสป . ไดแ๎ ตํงตงั้ ขึน้ ตามคาสั่ง
สานกั นายกรฐั มนตรี ท่ี 106/2559 ลงวันที่ 14 พฤษภาคม 2559 และบริษทั ประชารฐั รกั สามัคคี
จงั หวัด (วิสาหกิจเพือ่ สงั คม) จากัด ถือเป็นกลไกที่สาคัญในการขบั เคลอ่ื นงานใหเ๎ กดิ ความสาเรจ็ ข้ึน

แนวทางการทางานระดบั จังหวดั ของ คสป. และคณะทางานขับเคลื่อนฯ ประชารฐั
1) สรา๎ งกลไกใหพ๎ ร๎อมปฏบิ ัติงาน โดยดาเนนิ การให๎มกี ลไกทงั้ 2 คณะ และบรู ณาการการ

ทางานรํวมกนั ของกลไกระดับจงั หวดั เพ่อื ใชใ๎ นการพฒั นาเศรษฐกิจฐานรากและศักยภาพของจงั หวดั
2) สรา๎ งคนให๎พร๎อมให๎เข๎าใจเปาู หมายและแนวทางการทางาน โดย (1) จดั ตั้งคณะกรรมการ

คณะทางาน และผปู๎ ฏบิ ัตงิ านมีความเขา๎ ใจพรอ๎ มในการพฒั นาเศรษฐกจิ ฐานรากรวํ มกนั (2) ประชาสัมพนั ธ์

๒๒

และสร๎างแนวรํวมและขยายผลตํอเนอ่ื ง (3) แบํงบทบาทภารกิจใหช๎ ดั เจนบูรณาการการทางาน กาหนด
ผรู๎ บั ผิดชอบ

3) วเิ คราะหศ์ ักยภาพ ปญั หาและความตอ๎ งการของชุ มชน จดั ลาดบั ความสาคญั และความ
เรงํ ดํวน โดย (1) ใชป๎ ระโยชน์จากข๎อมูล จปฐ. (2) ตรวจสอบพ้นื ท่ี คดั เลือกพนื้ ทเ่ี ปาู หมาย (3) จังหวดั และ
ภาคีสนับสนนุ รํวมวิเคราะห์ศกั ยภาพจังหวดั เชอ่ื มโยงชมุ ชนและธุรกิจชุมชนรูปแบบตํางๆท่ีมอี ยํเู ชํน กลํุม
OTOP/SMEsในการพัฒนาศักยภาพในเชงิ ธุรกิจ

4) กาหนดแผนปฏบิ ตั ิการ โดย (1) มแี ผนปฏิบัติการพฒั นาเศรษฐกจิ ฐานรากทคี่ รอบคลมุ
บทบาทของคสป. และบริษัทประชารฐั รกั สามัคคีจงั หวัด(วิสาหกิจเพ่อื สงั คม) จากัด(2) มี Road Map ท่รี ะบุ
เปูาหมาย ผลสาเรจ็ และกจิ กรรมทเี่ ปน็ รปู ธรรม

5) ขบั เคลอ่ื น บรู ณาการการทางานรวํ มกัน โดย (1) ใชก๎ ลไก 2 คณะ ผลกั ดันและขับเคลอ่ื น
อยาํ งตอํ เนือ่ ง (2) เชอ่ื มโยงเครือขํายธุรกจิ ทงั้ กลํุมผลิตภัณฑ์และพื้นท่ี (3) ขยายโอกาส สร๎างชํองทาง
การตลาดเพิม่ ขึน้ (4) ขยายผลการพฒั นาชุมชนและธรุ กิจชมุ ชนอยํางตํอเนื่อง

6) ติดตามและประเมนิ ผล โดย (1) ประชุมกาหนดแนวทางการทางานให๎เป็นไปตามแผน
อยํางน๎อยเดือนละ 1 ครั้ง (2) หาตัวแบบความสาเรจ็ (3) ประมวลผล 3 เปาู หมายหลัก คือ เพ่มิ รายได๎
เพม่ิ มูลคําสินคา๎ ลดความยากจน (4) สรปุ บทเรยี น

ท้ังนี้ เพ่ือให๎การขบั เคลอื่ นการพฒั นาเศรษฐกิจฐานรากและประชารฐั ระดบั จังหวดั ในสวํ น
ของ ภาคราชการมีความเปน็ รูปธรรมจงึ จาเป็นจะต๎องแบํงบทบาทภารหนา๎ ทีท่ ี่สาคญั ดังน้ี

บทบาทสาคญั ของผวู้ ่าราชการจงั หวัดคือ
1) ใช๎ คสป . และคณะทางานขับเคลือ่ นฯ ท่จี ัดต้ังข้นึ เป็นเครื่องมือหลกั ในการขับเคลื่อน
นโยบายเศรษฐกจิ ฐานราก
2) ศึกษา ทาความเข๎าใจ สนบั สนุนการดาเนินงานอยาํ งเต็มกาลงั ผลกั ดนั อยํางตอํ เนอ่ื ง
3) จดั ประชุม คสป . และ คณะทางานฯ ทกุ เดือน แบงํ บทบาทภารกจิ กันใหช๎ ัดเจน
มอบหมายผร๎ู บั ผดิ ชอบชุมชน ผลติ ภณั ฑ์ ตามข๎อเสนอของฝาุ ยเลขาฯ ตดิ ตามความคืบหนา๎ อยเูํ สมอ โดยยึด
ตวั อยํางลักษณะการบรหิ ารงานโครงการอันเน่อื งมาจากพระราชดาริ
4) ใช๎ 2 กลไก ทง้ั คสป . และคณะทางานขบั เคล่อื นฯ ประชารัฐ จังหวดั ดาเนนิ การคํขู นาน
ไปกับบรษิ ทั ประชารฐั รักสามัคคีจงั หวดั ฯ โดยดาเนนิ การใหค๎ รอบคลุมกลมุํ เปาู หมายอยาํ งกว๎างขวางทวั่ ถึง
มากขึน้
5) ประชาสมั พนั ธ์ ส่อื สารสรา๎ งความเขา๎ ใจให๎ทุ กภาคเี ครอื ขาํ ยในจังหวัดใหไ๎ ด๎มากทส่ี ดุ และ
ตอํ เน่อื ง
๒.๗ แนวคดิ เก่ยี วกับกลยทุ ธ์
คาวํา “ยุทธศาสตร์” หรอื “กลยุทธ์” หรอื “Strategy ในภาษาองั กฤษ” เป็นคาเดยี วกนั ซึ่งเปน็
คาศัพท์ในภาษากรกี สองคารวมกัน คือ “Stratos” ซึง่ หมายถงึ “กองทัพ ” และ “Legei”หมายถึง
“การนาหรือผน๎ู า” ซึง่ การดาเนินงานขององค์กรหรือหนวํ ยงานในสมยั ปัจจบุ นั ถือไดว๎ ําเปน็ การทาสงคราม

๒๓

ลกั ษณะหนงึ่ ทตี่ อ๎ งมกี ารตํอสแู๎ ละพัฒนาศักยภาพตนเอง เพอื่ การแขํงขันทีเ่ หนอื กวํา อันนาไปสูํชยั ชนะที่
วางเปูาหมายไว๎ดว๎ ยการใช๎ทรพั ยากรและสติปัญญาความรู๎ความสามารถในรปู แบบตําง ๆ ทม่ี ปี ระสทิ ธิภาพ
และประสทิ ธิผล (เรวตั ร์ ชาตรีวิศิษฎ์ และคนอืน่ ๆ,๒๕๕๓, หน๎า ๑๓)

2.๗.1 ความหมายของกลยุทธ์
พจนานกุ รมฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน ปี พ .ศ . ๒ ๕ ๔ ๒ ให๎คาจากดั ความวาํ “กลยทุ ธ์” (Strategy)
เป็นความหมายทเ่ี กย่ี วข๎องกับการสงครามหรือการตอํ สู๎ทตี่ อ๎ งใช๎ความคดิ ท่มี ีเลหํ ์เหลย่ี มหรือวธิ ีการทีต่ อ๎ งใช๎
อุบายตาํ ง โดยมนี ักวิชาการไดใ๎ หค๎ าจากัดความไว๎อยํางหลากหลาย ดังนี้
เสาวนิตย์ ชัยมสุ ิก (๒๕๔๕, หนา๎ ๑๒ ไดใ๎ หค๎ วามหมายของกลยุทธ์ หมายถึง วธิ กี ารดาเนนิ งาน
ของหนํวยงานท่ีผ๎บู ริ หารระดบั สงู คาดวําจะนา ไปสํูความสาเรจ็ ตามวตั ถุประสงคข์ ององคก์ รนา ไปสํูผลลพั ธ์
ตํางๆ ทีส่ อดคลอ๎ งกบั ภารกจิ และเปูาหมายขององค์กร
เสนาะ ติเยาว์ (๒๕๔๖, หน๎า ๒๐) กลําวไว๎วาํ กลยุทธเ์ ป็นคาท่ีใช๎ทางธรุ กจิ หมายถงึ การกาหนด
และประเมินทางเลอื กที่จะทาใหอ๎ งค์การสา เรจ็ ตามภาระและเปาู หมายที่กา หนดหรอื หมายถึงแผนซง่ึ รวม
เอาทุกอยํางไว๎เพอ่ื บรรลเุ ปาู หมายในระยะยาว คาวํากลยุทธ์มีความหมายอยํางเดียวกบั คาวาํ แผนกลยุทธ์
ธงชยั สนั ตวิ งษ์ (๒๕๔๖, หนา๎ ๓๗๐-๓๗๒) กลําวไว๎วํา กลยทุ ธ์ หมายถึง วธิ ที ่ชี าญฉลาดของ
นกั บริหารในการที่จะชํวยใหก๎ ารดา เนินการขององค์การเกดิ ประสิทธิผลและมีประสทิ ธภิ าพมากทสี่ ุดตาม
สถานการณ์ สาหรับให๎องคก์ ารปรบั ตวั สอดคล๎องตํอการเปล่ียนแปลงท้ังสภาพภายนอก และภายใน
นิรมิต เทียมทนั (๒๕๔๘, หน๎า ๒๒) ได๎กลาํ ววํา กลยทุ ธห์ รอื ยุทธศาสตร์ เปน็ การคดิ เผอ่ื ไป
ขา๎ งหน๎าโดยการคิดนั้นมคี วามหมายทม่ี งํุ หวัง (Vision) และ ต๎องวเิ คราะหเ์ ส๎นทางทจ่ี ะเดินไปนน้ั เปน็
ทางเลอื กทีด่ ีทีส่ ดุ (Optimal Means)
สมชาย ภคภาสววิ ฒั น์ (๒๕๕๓, หน๎า ๔-๕) ได๎ใหค๎ วามหมายของกลยทุ ธ์ หมายถงึ การตดั สินใจที่
สัมพันธเ์ ก่ยี วข๎องกบั การ วิเคราะหส์ ภาพแวดลอ๎ มภายนอกขององคก์ รเพอื่ พจิ ารณาหาโอกาส
(Opportunity) และภยันตราย (Threat) ตลอดจนการวเิ คราะหส์ ภาพแวดล๎อมภายในขององค์กรเพอ่ื หา
จดุ ออํ น (Weakness) และ จุดแข็ง (Strength)
2.๗.2 ความสาคญั ของกลยุทธ์
สวุ ฒั น์ ศริ ิรนั ดร์ (๒๕๕๐, หนา๎ ๒๑) กลาํ วถึงความสาคญั ของกลยุทธไ์ วว๎ ํา การวางแผนกลยุทธ์ ถือ
วําเปน็ กญุ แจสา คญั ของการดา เนนิ ธรุ กจิ เป็นการกา หนดแนวทางวิธีการเพอื่ ให๎องค์กรมคี วามได๎เปรยี บ
ทางการแขงํ ขนั และสมั ฤทธผิ์ ลตามวตั ถุประสงคห์ รอื เปาู หมายทก่ี า หนดไว๎ ดว๎ ยการประเมนิ ปรับเปลี่ยน
ศักยภาพของทรพั ยากรที่มอี ยํู ใหม๎ ีความสอดคล๎องกับสถานการณต์ ําง ๆ ทเ่ี กิดข้ึนอยํางเหมาะสม
นันทิยา หตุ านวุ ตั รและณรงค์ หุตานุวตั ร (๒๕๕๑, หน๎า ๔๑) กลาํ วไวว๎ าํ กลยุทธเ์ ป็นสงิ่ สาคญั และ
จาเปน็ สาหรบั องค์กร เพราะองคก์ รใชก๎ ลยุทธใ์ นการทา งานเพ่ือบรรลุวตั ถปุ ระสงคข์ องตน โดยกลยทุ ธข์ อง
แตํละองค์กรจะถูกกาหนดตามธรรมชาตแิ ละลกั ษณะขององคก์ รนน้ั ๆ ทัง้ นีอ้ งคก์ รจะกาหนดกลยุทธไ์ ด๎นน้ั
ต๎องรู๎สถานภาพหรือสภาวะขององคก์ รของตนเสียกํอนและยังต๎องมกี ระบวนการ กาหนด กลยทุ ธ์ที่
เหมาะสมสาหรับตนเอง

๒๔

เนตร์พัณณา ยาวริ าช (๒๕๕๒, หนา๎ ๔๓-๔๗) กลําวไว๎วํา ผ๎นู าในยุคปจั จบุ ันมรี ูปแบบของ
ความเป็นผ๎ูนาเชิงกลยุทธ์ (Strategic Leadership) เริ่มจากการมคี ุณสมบัตสิ าคัญคอื เปน็ ผมู๎ ีวิสยั ทัศน์
(Vision) กว๎างไกลและนาวิสัยทศั นม์ าสกํู ารปฏบิ ตั ิไดอ๎ ยาํ งเป็นผลสาเร็จ มีการวางแผนกลยทุ ธ์เพื่อไปสูํ
จดุ หมายปลายทางที่ตั้งใจ ผ๎ูนาเชงิ กลยุทธม์ คี วามสนใจตํอสภาพแวดล๎อมภายนอกท่มี ีผลกระทบตอํ การ
กาหนดกลยทุ ธ์

วรนารถ แสงมณี (๒๕๕๓, หนา๎ ๑๐) กลําวถึงความสาคญั ของกลยุทธ์ไวว๎ าํ ผู๎นาจะตอ๎ งพัฒนา
ทิศทางกลยุทธ์ขององค์การทส่ี ามารถกา หนดภาพพจนแ์ ละคณุ ลักษณะของเปูาหมายทอี่ งคก์ ารตอ๎ งการให๎
เกดิ ขน้ึ อยาํ งชดั เจน ซ่ึงในการดาเนนิ การเชนํ น้ี ผู๎นาเชงิ กลยทุ ธ์จะตอ๎ งประเมินด๎วยวสิ ัยทัศนท์ ่กี วา๎ งไกลใน
เงอื่ นไขของการวิเคราะหส์ ภาพแวดล๎อมรวมอยูดํ ๎วย อีกท้งั สามารถกระต๎นุ ให๎สมาชกิ ภายในองค์การไดเ๎ ห็น
ถงึ ทิศทางท่เี ปน็ เปาู หมายรวํ มกันทง้ั ในระยะสัน้ และระยะยาว
๒.๘ งานวิจัยทเี่ กย่ี วข้อง

ดร.ศักด์ิดา ศิริภัทรโสภณ (๒๕๕๘) ไดศ๎ ึกษา การศกึ ษากรอบแนวคดิ เพ่อื การพัฒนาวสิ าหกิจ
เพือ่ สังคมในประเทศไทย พบวา่ ในประเทศทีพ่ ฒั นาแล๎วหลายแหํงได๎มกี ารพัฒนาวสิ าหกจิ เพอื่ สงั คมจน
ประสบผลสาเร็จ จากการมบี ทบาทอยํางแข็งขันจากการสนบั สนุนและผลกั ดันของภาครัฐ โดยเฉพาะการ
พฒั นาหนวํ ยงานเฉพาะสาหรบั ดแู ลวิสาหกจิ เพื่อสังคม การกาหนดกลยุทธ์ระยะยาวของภาครฐั การออก
กฎหมายเฉพาะ การพฒั นานวัตกรรม การสร๎างองค์กรตัวกลางเพือ่ บมํ เพาะวิสาหกจิ เพือ่ สงั คม การจดั
กองทนุ ตลอดจนการสร๎างเครือขํายของวสิ าหกิจเพอ่ื สังคมทัง้ ในประเทศและตาํ งประเ ทศ ผลการสัมภาษณ์
เชิงลกึ ในประเทศไทยพบวาํ การดาเนินกิจกรรมเพอ่ื สังคมโดยภาคธรุ กิจสามารถสํงผลให๎เกิดภาพลักษณ์
ขององคก์ รที่ดีข้นึ การรวํ มมอื กนั ในกิจกรรมเพื่อสงั คมขององค์กรตาํ งๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน จะเกดิ ผล
กระทบเชิงบวกมากกวาํ ไดด๎ ีกวาํ เนอื่ งจากสามารถลดความส้นิ เปลื องและความซา้ ซอ๎ นไดโ๎ ดยใชค๎ วาม
ต๎องการของชุมชนเปน็ หลักและตอ๎ งทาแบบบูรณาการ นอกจากนแ้ี นวทางการพฒั นาวสิ าหกิจเพอ่ื สังคมใน
ประเทศไทย ควรมีการพฒั นาแหลํงเงินทนุ ทั้งตลาดเงนิ และตลาดทนุ ของวิสาหกิจเพอ่ื สงั คม โดยเฉพาะ
วสิ าหกจิ เพ่อื สังคมทตี่ ัง้ ขน้ึ โดยผปู๎ ระกอบการใหมํซง่ึ เ ปน็ กลุํมเปาู หมายสาคัญในการพัฒนาเศรษฐกจิ และ
ความมน่ั คงของประเทศไทย ท้งั น้ี ภาครฐั ควรเปน็ ผร๎ู เิ ริ่มโดยทากิจกรรมเพื่อสงั คมต๎นแบบเพอื่ ใหอ๎ งค์กร
ตาํ งๆ ได๎นาไปประยกุ ตใ์ ช๎ กาหนดมาตรการสํงเสริมการลงทนุ เชํน การให๎สิทธปิ ระโยชนด์ ๎านภาษี
ตลอดจนการออกกฎหมายเฉพาะเพ่อื ให๎ มีการพัฒนาวสิ าหกจิ เพ่อื สังคมในไทยมีการขยายตัวและสามารถ
เตบิ โตได๎อยาํ งยง่ั ยนื ตอํ ไป

สานักง านสร้างเสริมกจิ ก ารเพอื่ สังคมแห่งช าติ (สกส.) (๒๕๕๗ ) ได๎ศกึ ษา ทิศทางการ
ขบั เคลือ่ นประเดน็ วิสาหกิจเพือ่ สงั คม (Social Enterprise) : บทเรียนและบทวิเคราะห์เพ่ือการปรบั ใช้
ในสงั คมไทย พบวํา วิสาหกิจเพอื่ สงั คม หรอื SOCIAL ENTERPRISE เป็นปรากฏการณท์ เี่ กดิ ขนึ้ เพอื่
ตอบสนองกับประเดน็ คาถ ามทีม่ ตี อํ กระแสทศิ ท างการพฒั นาหลักในชํวงหล ายทศวรรษหลงั ทที่ ง้ั ภาครัฐ
เอกชน และ ประชาสงั คม ตํางพยายามเข๎ามามีสํวนในการพฒั นาสังคมทีย่ ัง่ ยืนโดยใชร๎ ปู แบบวิธีก ารท่ี
แตกตํางกันออกไป อยํางไรกด็ พี บวําภายใตโ๎ มเดลการดาเนินการทมี่ อี ยํใู นปัจจุบันของทกุ ภ าคสํวนกลับพบ
ข๎อจากดั สาคญั ท่ที าใหไ๎ มํส ามารถเปล่ยี นความพยายามดงั กลําวสูผํ ลลัพธอ์ ันพงึ ประสงค์ได๎ เชํน การขาด

๒๕

ประสิทธิภาพและนวัตกรรมของภาครัฐ การพ่ึงพาเงินบริจาคขององคก์ รภาคสังคม หรือ การสร๎างปญั หา
และขาดความรบั ผดิ ชอบทางสังคมของภาคธรุ กิจ ภายใต๎ข๎อจากดั ดังกลํ าว “วสิ าหกจิ เพื่อสงั คม” จึงได๎ถูก
พฒั นาขึ้นจากแนวคว ามคิดสาคญั วํ าหากนาเอาจดุ แขง็ ของกลไกก ารบริหารจดั การท่มี ปี ระสิทธิภ าพและ
พง่ึ พาตนเองของภาคธรุ กิจมาดาเนนิ การภายใต๎การกาหนดโจทย์ทางสังคมเป็นเปูาหมายเหมอื นองค์กรทาง
สังคม โดยมกี ลไกรฐั ใช๎อาน าจหน๎าทีเ่ ชงิ นโยบ ายเข๎ามาสนบั สนุนอยํางตงั้ ใจ จะสามารถนาสํูผลลัพธ์ท่ี
แตกตํางและนาสกํู ารเปลี่ยนแปลงสงั คมไดม๎ ากนอ๎ ยเพยี งใด แมว๎ ําจะมกี ารใช๎ชือ่ และรปู แบบก ารดาเนนิ การ
ที่แตกตํางกนั ไปบ๎างในแตํละที่ แตํสํวนใหญวํ ิสาหกจิ เพ่ือสังคมตํางมีหลกั การสาคญั รํวมกันคอื การใชก๎ ลไก
และรปู แบบทางธุรกจิ เข๎ามาแก๎ไขปญั หาสงั คมอยํางมีประสิทธภิ าพ ภายหลังจากการดาเนินการมาในชํวง
2-3 ทศวรรษหลังพบวํ าเกดิ ขอ๎ มลู เชงิ ประจักษ์ จานวนม ากทวั่ โลกทยี่ ืนยนั ได๎ถงึ ผลลพั ธ์ต ามสมมตุ ิฐ าน
ดงั กลําวข๎างตน๎ วิสาหกจิ เพอื่ สังคม (รวมไปถงึ กระแสเรือ่ งก ารประกอบการสังคม) ไดถ๎ กู พูดถงึ และ
ดาเนนิ การอยาํ งกว๎างขวางทง้ั จากภาครฐั เอกชน และ ประชาสงั คม วําเปน็ หนง่ึ ในโมเดลท างเลอื กสาคญั ท่ี
เปน็ คาตอบสาหรับการพฒั นาอยํางย่ังยนื ในศตวรรษหน๎า

อุทยั ปรญิ ญาสทุ ธินนั ท์ (๒๕๕๘) ได๎ศึกษาวจิ ยั เรื่อง วิสาหกิจเพื่อสงั คม : การต่อยอด
วสิ าหกจิ ชมุ ชนเพือ่ การจัดการชมุ ชนท่งุ ตาเสา พบวาํ วสิ าหกิจเพ่อื สงั คมของชมุ ชนทํุงตาเสา ทง้ั ใน
รูปแบบสถาบนั การเงิน สหกรณ์ และกลุํมอาชพี ซง่ึ มีลักษณะการดาเนินกิจการเพือ่ แกไ๎ ขปัญหาทีเ่ กดิ ขึ้นใน
ชมุ ชน รวมทงั้ เพอ่ื พฒั นาเศรษฐกิจภายในทอ๎ งถ่ิน แม๎จะให๎ผลดี แตกํ ย็ ังไมสํ ามารถสรา๎ งผลลพั ธ์ทางสงั คมที่
โดดเดํนได๎ เนื่องจากกจิ การสํวนใหญมํ ขี นาดเลก็ หรือเปน็ ธรุ กิจที่อยํูในระยะเริ่มตน๎ ซึง่ ยังตอ๎ งมกี าร
สนับสนุน ทงั้ เชงิ นโยบายและแหลํงเงินทนุ เพ่อื ทาใหเ๎ กดิ การพฒั นาวสิ าหกจิ เพ่อื สงั คมอยาํ งตอํ เนื่อง อัน
จกั ชํวยให๎ชุมชนมีความเข๎มแขง็ และมีคณุ ภาพชีวติ ทดี่ ี

บทที่ 3

วธิ ีการดาเนนิ การวิจัย

ในการดาเนนิ การศกึ ษาเร่ือง การศกึ ษากลยุทธใ์ นการสง่ เสรมิ การดาเนนิ งานวิสาหกิจเพ่อื สังคม
(Social Enterprise) จงั หวดั พษิ ณุโลก ผูศ้ กึ ษาไดก้ าหนดระเบียบวิธีการวิจัยเชงิ คุณภาพ (Qualitative
research) ตามกรอบและขอบเขตของระเบยี บวธิ ีวิจัย โดยสรปุ ดังตอ่ ไปน้ี

การวจิ ัยเชิงเอกสาร (documentary research)
การศกึ ษาและวิเคราะหข์ อ้ มูลจากเอกสารหรอื การวิจยั เชงิ เอกสาร (documentary research)
โดยการทบทวนแนวความคิด ทฤษฎี และวรรณกรรมทเ่ี กย่ี วขอ้ ง
การสัมภาษณ์ (in-depth interview)
โดยการใชแ้ บบสัมภาษณ์แบบมีโครงสรา้ งลักษณะเปน็ การสัมภาษณ์โดยใช้คาถาม เปน็ การ
สัมภาษณ์แบบปลายเปดิ ซง่ึ เปน็ กระบวนวธิ ีการวจิ ัย (methodology) ท่ีมีความยืดหยนุ่ และเปิดกวา้ ง
การสนทนากล่มุ (FocusGroup)
โดยการใช้ประเดน็ การสนทนาแบบปลายเปิดทบท วนถึงความต้องการในการขอรับการสนับสนนุ
จากภาคีต่างๆ ของบรษิ ทั ประชารฐั รกั สามคั คี(พิษณโุ ลก) จากดั

๓.๑ ประชากรกลุ่มตัวอย่าง
ประชากรที่ใช้ในการศึกษาคร้งั นี้ เป็นหัวหนา้ สว่ นและเจา้ หน้าที่ของส่วนราชการทเี่ กีย่ วขอ้ งใน

จังหวดั พิษณุโลก คณะกรรมการบรษิ ัทประชารฐั รักสามคั คพี ษิ ณุโลก (วสิ าหกิจเพื่อสงั คม ) จงั หวดั พษิ ณโุ ลก
จากัด กลมุ่ เป้าหมายในการทางานของบริษัทประชารฐั ในพื้นทจี่ ั งหวัดพษิ ณโุ ลก ผนู้ ากลุ่ม องค์กร
เครือข่าย ของจงั หวดั พิษณโุ ลก

๓.๒ ข้ันตอนการดาเนินการวิจัย
การเก็บรวบรวมขอ้ มูลครงั้ น้ีผู้ศกึ ษาใช้แบบสอบถามในการเกบ็ รวบรวมข้อมลู ซ่ึงมีขัน้ ตอนดังน้ี
1) ศึกษาเอกสารและงานวิจยั ทีเ่ กย่ี วข้อง
๒) กาหนดประเดน็ ในการสอบถาม
3) กาหนดรูปแบบสอบถาม
4) สร้างแบบสอบถามตามประเด็นและรูปแบบคาถามท่ีกาหนด
5) แบบสอบถามทสี่ ร้างข้ึนนา ไปใหอ้ าจารย์ท่ีปรกึ ษาพจิ ารณาตรวจสอบความถกู ต้อง ของเนือ้ หา

(Content Validity)
6) นา ผลจากขอ้ 5 มาปรบั ปรงุ แก้ ไขเปน็ แบบสอบถามฉบบั จริง
7) พจิ ารณาปรบั ขอ้ คาถามมีความชดั เจนมากยง่ิ ขึ้น
8) พมิ พ์แบบสอบถามฉบับสมบรู ณ์เพือ่ นาไปใช้ในการเก็บข้อมูลจริงต่อไป

๒๗

๓.๓ เครื่องมอื การวิจยั
๑) ข้อมูลปฐมภูมิ เกบ็ รวบรวมข้อมูลโดยวิธีการสัมภาษณ์แบบมโี ครงสร้างหรือการสมั ภาษณแ์ บบ

เปน็ ทางการ (Structured Interview or Formal Interview) จากผู้ใหก้ ารสมั ภาษณ์ การสมั ภาษณ์มี
ลกั ษณะคล้ายกับการใชแ้ บบสอบถาม โดยกาหนดเปน็ คาถามปลายเปิด คาถามต่างๆ ไดถ้ กู กาหนดเปน็
แบบสัมภาษณ์ขึน้ เพอื่ ใช้ประกอบการสมั ภาษณไ์ ว้ล่วงหนา้ แล้ว

๒) ข้อมลู ทุตยิ ภมู ิ เกบ็ รวบรวมข้อมูลจากหนงั สอื วารสาร เอกสารทางวชิ าการต่างๆ และ สืบค้น
ขอ้ มูลจาก Internet ทเี่ ก่ียวขอ้ งกบั แนวคดิ ทฤษฎแี ละผลงานวจิ ัยทีเ่ ก่ยี วข้อง

๓.๔ การรวบรวมขอ้ มลู
การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู จากการศกึ ษาค้นคว้าข้อมูลจากเอกสาร ทางวชิ าการและขอ้ มลู จากสอื่

เทคโนโลยีสารสนเทศ และการเก็บรวบรวมข้อมลู จากแบบสัมภาษณแ์ ละสนทนากลุ่ม

๓.๕ สถิตทิ ่ใี ช้ในการวิเคราะหข์ ้อมูล
ใช้วธิ ดี าเนนิ การศกึ ษา 2 วธิ ี คือ
๑) วิธีการวิจยั เอกสาร (Documentary Research)
เปน็ การค้นคว้าเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ทั่วไปจากหนังสือ เอกสารวชิ าการต่างๆ งานวจิ ัยท่ีเกยี่ วขอ้ ง

วารสาร บทความ และสบื ค้นขอ้ มูลจาก Internet เป็นข้อมลู ทีเ่ กยี่ วขอ้ งกบั แนวคิด ทฤษฎี และผลงานวจิ ัย
ท่เี กีย่ วขอ้ ง

๒) วิธวี ิจัยภาคสนาม (Field Research)
เปน็ การศกึ ษาวิธีการสมั ภาษณแ์ บบมโี ครงสรา้ งท่ีแน่นอน (Structured Interview) ในการ
สมั ภาษณ์ เปน็ การสมั ภาษณ์ตามแบบสัมภาษณท์ ไ่ี ดส้ รา้ งข้ึนไวล้ ่วงหน้ าเรยี บร้อยแล้ว ซงึ่ เป็นการสอบถาม
แบบปลายเปดิ และใชเ้ ปน็ เคร่อื งมอื ในการรวบรวมข้อมูลจากกลุม่ ตัวอย่าง

๓.๖ การวเิ คราะห์ขอ้ มูล
การวเิ คราะห์ข้อมูลเชงิ คุณภาพ มีลาดบั ข้นั ตอนในการวเิ คราะห์ ดังน้ี
๑) นาขอ้ มูลที่ไดจ้ ากการสมั ภาษณ์ โดยนาคาสมั ภาษณจ์ ากผู้ถูกสัมภาษณ์มาเปรียบเทยี บความ

เหมือนและความต่างของแตล่ ะบคุ คล และจัดลาดบั ความสาคัญและคณุ ลกั ษณะของข้อมลู
๒) นาข้อมลู จากการสมั ภาษณ์ที่จดั ลาดับความสาคัญแล้วนามาเปรียบเทยี บกับข้อมูลทางเอกสาร

ต่างๆ ที่เกยี่ วข้อง ไมว่ ่าจะเปน็ แนวคดิ ทฤษฎี ผลงานวจิ ัยทเี่ กีย่ วข้องเพอื่ ทีจ่ ะทราบถึงลักษณะ ท่คี ลา้ ยคลงึ
กันและแตกต่างกนั ของข้อมลู

๓) นาข้อมลู ท่ไี ดจ้ ากการสมั ภาษณแ์ ละจากการศกึ ษาต่างๆ มาทา การวเิ คราะหข์ ้อมลู รว่ มกันอย่าง
เปน็ ระบบเป็นขอ้ มลู เชงิ พรรณนา

3.๗ การนาเสนอข้อมลู
ใชว้ ธิ กี ารพรรณนาวิเคราะห์ (Descriptive Analysis) และสรุปผลการศึกษา พร้ อมรายงานผล

การศึกษาและใหข้ ้อเสนอแนะ

บทที่ ๔

ผลการศกึ ษา

การศึกษากลยุทธ์ในการสง่ เสรมิ การดาเนนิ งานวิสาหกิจเพอ่ื สงั คม (Social Enterprise) จังหวัด

พษิ ณุโลก เปน็ การวจิ ยั เชิงคุณภาพ มีวตั ถุประสงค์การศึกษา เพ่ือศกึ ษากลยุทธ์ในการสง่ เสริมวิสาหกิจเพอ่ื

สงั คม (Social Enterprise) จังหวดั พษิ ณุโลก และเพอ่ื เสนอแนะแนวทางการ สง่ เสริมวสิ าหกิจเพอ่ื สังคม

(Social Enterprise) จงั หวัดพษิ ณุโลก มีผลการศกึ ษาดงั นี้

ผลการศกึ ษาตามวัตถุประสงคท์ ี่๑ กลยทุ ธ์ในการสง่ เสรมิ วสิ าหกิจเพ่ือสังคม (Social Enterprise)

จังหวัดพิษณุโลก จากการสมั ภาษณผ์ ู้แทนส่วนราชการ คณะกรรมการ บรษิ ทั ประชารัฐรักสามคั คพี ิษณุโลก

(วิสาหกจิ เพ่ือสังคม ) จากัด เครอื่ งมือที่ใช้ คอื การสนทนากลมุ่ (Focus group) โดยศกึ ษาในประเด็น

กลยุทธ์ในการส่งเสริมวสิ าหกจิ เพอ่ื สงั คม (Social Enterprise) จังหวดั พษิ ณโุ ลก สรุปผลการศึกษาไดด้ งั น้ี

จงั หวดั พิษณโุ ลกมีแนวทางในการ สง่ เสรมิ วสิ าหกิจเพ่อื สงั คม (Social Enterprise) โดยการสร้าง

กลไกให้พรอ้ มปฏิบตั งิ าน คอื การแตง่ ต้ังคณะกรรมการประสานและขับเคลอื่ นนโย บายสานพลงั ประชารฐั
ประจาจังหวดั พษิ ณุโลก (คสป.) โดยมผี ้วู ่าราชการจังหวดั เป็นประธาน เพื่อ บูรณาการการทางานรว่ มกัน
ของกลไกระดบั จังหวั ด แบง่ บทบาทภารกิจใหช้ ัดเจน กาหนดผรู้ ับผิดชอบ เพอ่ื ใชใ้ นการพฒั นาเศรษฐกจิ
ฐานรากและศกั ยภาพของจังหวดั มกี ารประชาสมั พนั ธ์ และสร้างแนวร่วมและขยายผลตอ่ เนอื่ ง ดาเนนิ การ
วิเคราะหศ์ กั ยภาพ ปญั หาและความตอ้ งการของชมุ ชน จดั ลาดับความสาคัญ และความเร่งดว่ น โดยใช้
ประโยชน์จากข้อมูล จปฐ. ตรวจสอบพ้นื ท่ี คดั เลอื กพืน้ ที่เปา้ หมาย แลว้ แจง้ หนว่ ยงาน ภาคีสนบั สนนุ รว่ ม
วเิ คราะห์ศักยภาพจงั หวัด เชือ่ มโยงชมุ ชนและธุรกิจชุมชน รปู แบบต่างๆทม่ี อี ยู่เช่น กลุ่ม OTOP/SMEsใน
การพัฒนาศักยภาพในเชิงธรุ กจิ มีการร่วมกันจดั ทา แผนปฏิบัติการ การพฒั นาเศรษฐกิจฐานร ากท่ี
ครอบคลมุ บทบาทของ คสป. และบรษิ ทั ประชารฐั รกั สามัคคจี ังหวัด(วิสาหกจิ เพือ่ สงั คม) จากัด มี Road Map
ท่รี ะบุเป้าหมาย ผลสาเร็จ และกิจกรรมทเ่ี ป็นรูปธรรม ดาเนินการขับเคล่อื น บูรณาการการทางานรว่ มกัน
มกี ารเชอื่ มโยงเครือข่ายธรุ กิ จทงั้ กล่มุ ผลิตภณั ฑ์และพน้ื ที่ ขยายโอกาส สรา้ งช่องทางการตลาดเพมิ่ ข้ึน
ขยายผลการพฒั นาชุมชนและธรุ กจิ ชุมชนอย่างตอ่ เนอื่ ง มกี ารตดิ ตามและประเมนิ ผล โดย จัดประชมุ
กาหนดแนวทางการทางานใหเ้ ป็นไปตามแผนอย่างนอ้ ยเดือนละ 1 คร้งั เพ่อื สรุปประมวลผล 3 เป้าหมาย
หลัก คอื เพิม่ รายได้ เพ่ิมมลู ค่าสินคา้ ลดความยากจน และสรุปบทเรียนเพื่อการพัฒนากระบวนการทางาน
ตอ่ ไป โดยในการดาเนินการส่งเสรมิ การ การดาเนินงานวิสาหกจิ เพ่อื สังคม (Social Enterprise) จงั หวัด

พิษณโุ ลก มีกลยทุ ธใ์ นการดาเนินงานตามกระบวนงาน ๕ ด้าน คอื 1) การเข้าถึงปจั จัยการผลิต 2) การ

สร้างองคค์ วามรู้ 3) การตลาด4) การส่ือสารเพอื่ สรา้ งการรบั รูท้ ่ียง่ั ยนื และ 5) การบริหารจัดการ ดงั นี้
ด้านการเข้าถึงปัจจัยการผลิต

๒๙

การสง่ เสริมใหก้ ลมุ่ เปา้ หมายในการถงึ ปจั จัยการผลิต ท้ังด้านทรพั ยากรและโอกาสในการเขา้ ถึง
แหล่งทุน มกี ลยทุ ธใ์ นการดาเนนิ การคอื การใชข้ ้อมูลจากหนว่ ยงานที่เกย่ี วขอ้ งเช่น พัฒนาชุมชน จงั หวัด,
สภาเกษตรจังหวัด, พาณิชยจ์ ังหวัด, คลังจังหวัด, เกษตรและสหกรณจ์ งั หวดั , ธกส., มหาวทิ ยาลยั ตา่ งๆ มา
วิเคราะห์ วางแผนในการส่งเสริม การเข้าถงึ เกษตรกร ผปู้ ระกอบการในชุมชน เพือ่ คน้ หาปญั หาดา้ นปจั จัย
การผลิตและส่งเสริมด้านปจั จยั การผลติ จากปญั หาท่ีได้รับจากการเข้าถงึ กล่มุ เกษตรกร หรอื ผปู้ ระกอบการ
เพ่อื ให้สามารถแกไ้ ขเรื่องปัจจัยการผลิตให้กบั กล่มุ เกษตรกร กลมุ่ ผปู้ ระกอบการ การใหส้ ทิ ธพิ ิเศษกับ
ผู้ประกอบการ ทมี่ ีแนวทางวิสาหกิจเพ่อื สงั คมให้เปน็ แรงจูงใจในการดาเนินการ และสามารถลดต้นทนุ ของ
ผู้ประกอบการ รวมถึงการส่งเสริมชมุ ชนใหผ้ ลติ ปจั จัย วัตถดุ บิ เพือ่ การผลติ เอง เป็นการลดต้นทุนในการ
ผลิต สนับสนุนวิสาหกิจชุมชนเพอ่ื สงั คมใชป้ ัจจัยการผลติ ท่มี ใี นชมุ ชน จากทุนชุมชน ๕ ดา้ น ประกอบดว้ ย
ทนุ ชุมชนที่เป็นทุนการเงนิ ทนุ ทางวัฒนธรรม ทนุ ทรพั ยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม ทนุ ทางสังคม และ
ทนุ มนุษย์ เปน็ ต้น การให้ความรู้ความเขา้ ใจในการเลอื กปัจจัยการผลิตที่ชว่ ยใหก้ ารผลติ มีประสิทธิภาพ
และประสทิ ธผิ ลสงู ขน้ึ การสนบั สนุนข้อมูลทเ่ี ป็นปัจจบุ ัน และทาใหป้ ระชาชนเข้าถึงขอ้ มลู ท่จี า เป็น เพื่อให้
ประชาชนไดค้ ิดสร้างสรรค์และเลือกส่งิ ทดี่ ีท่สี ดุ ราคาเหมาะสมทสี่ ดุ ในการสรา้ งผลผลิต รวมถึงการส่งเสริม
การรวมกลุ่ม ทั้งนี้เพือ่ ใหไ้ ดป้ ระโยชน์ในหลายดา้ นเช่น การเพ่ิมอานาจการต่อรอง (Bargaining Power)
การแสวงหาภาคีเครือขา่ ยเกอื้ กูลปจั จยั การผลิตซึ่งกั นและกัน การแลกเปลยี่ นเรียนรจู้ ากกนั และกัน
(Knowledge Sharing) รวมถึงการช่วยเหลอื เกือ้ กูลกันเมอื่ จาเปน็

ด้านการสร้างองค์ความรู้
๑. ส่งเสรมิ การสร้างความเช่อื มโยงของหน่วยงานภาคี ในแตล่ ะองค์ความรู้ ทกี่ ล่มุ เกษตรกรและ
กลุ่มผู้ประกอบการมีปญั หาหรือขาดองคค์ วามรใู้ นเรื่องน้นั ๆ เพื่อใหส้ ามารถตอบสนองในส่วนองค์ความร้ทู ี่
กลมุ่ เป้าหมายขาดในสว่ นนัน้ ๆ ได้ เมอ่ื นามาซึ่งการการแก้ไขปญั หา
๒. ใชร้ ะบบพี่เลี้ยง /ที่ปรึกษาผู้ประกอบการ และมีการวัดกระบวนการสรา้ งเสรมิ ทักษะให้ กบั
ผปู้ ระกอบการใหส้ ามารถมีความเขา้ ใจในการดาเนินการ
๓. สรา้ งองคค์ วามรู้ ท้ังต้นนา้ กลางนา้ ปลายนา้ เพือ่ ใหก้ ลุ่มเป้าหมาย เกษตรกรสามารถ
ดาเนนิ การพัฒนาอาชีพของตนเอง เกดิ รายได้ มคี ุณภาพชีวิตทด่ี ี
๔. จดั ยุทธศาสตร์ส่งเสรมิ วสิ าหกิจชุมชน ในการส่งเสริมความรู้ในการผลิตการขับเคลื่อนกจิ กรรม
โดยการฝึกอบรม การจดั กจิ กรรมเพอื่ สรา้ งแรงจงู ใจผู้ร่วมลงทุน
๕. ส่งเสรมิ ใ ห้ผูน้ ากลมุ่ มคี วามรทู้ ่ีเหมาะสม จาเปน็ ต่อการพัฒนาวสิ าหกิจเพอ่ื สงั คม สามารถ
ถ่ายทอดความรู้แกส่ มาชิกกลมุ่ ทุกรปู แบบ ให้นาความรู้ไปปฏบิ ัติ และมกี ารสรุปบทเรยี นจากการเรียนรู้
๖. สนับสนุนการจดั ช่องทางการเรยี นรู้ในหลากหลายรูปแบบ เชน่ workshop seminar ในเรือ่ งท่ี
สนใจเป็นพเิ ศษการดูงานหรือแลกเปล่ยี นความร้กู นั ระหว่างชุมชน , ตาราเอกสาร , สื่อออนไลน์ตา่ งๆ และ
แอพพลิเคช่นั
ด้านการตลาด
๑. ศึกษาช่องทางการตลาดในส่วนทเ่ี กษตรกรหรือผปู้ ระกอบการยังไม่สามารถเขา้ ถงึ ได้เชื่อมโยง
ภาคการตลาดในสว่ นของเอกชนเขา้ มาพบปะกับกลุ่มเกษตรกรและผู้ประกอบการ

๓๐

๒. กระจายสินค้า/ผลผลติ จากผปู้ ระกอบการให้ลงสชู่ ุมชนอย่างเป็นระบบเพ่ือเป็นการสร้างตลาด
ใหก้ บั ผปู้ ระกอบการ มกี ารสร้างตลาดในทอ้ งถิน่ สร้างตลาดในประเทศ และสรา้ งตลาดต่างประเทศ

๓. ส่งเสรมิ ให้กลุม่ ผลิตตามความต้องการของตลาด ผลติ สนิ ค้าแบบครบวงจรเพื่อสรา้ งทางเลอื ก
แกล่ ูกคา้ มีการสร้างทมี การตลาด และสนบั สนนุ ให้ทมี กา รตลาดร่วมกจิ กรรมทางการตลาดกับภาค รัฐ
ภาคเอกชน จัดตลาดนดั สองแคว และตลาดประชารฐั ของดจี งั หวดั ตลอดจนการแสวงหาตลาดทุกรูปแบบ
เช่น ส่งเสริมการตลาดออนไลน์ เพอ่ื เพมิ่ ขนาดของตลาด

๔. การพัฒนาตลาดแบบบรู ณาการ (ดา้ นการวิเคราะหต์ ลาดดา้ นช่องทางการตลาด ) มีการ
เช่อื มโยงต้นนา้ กลางน้า ปลายนา้ ใหร้ ู้จักกัน และมีการจับคู่ตอ่ ยอดธรุ กิจกันได้ (Matching)

๕. ส่งเสรมิ การทอ่ งเทยี่ วในชุมชนใหม้ ีความโดดเด่นและมีอตั ลักษณ์ เพ่อื ใหช้ มุ ชนมีรายได้อยา่ ง
ทวั่ ถงึ ตามแนวทางนวตั วิถี

๖. สร้างพนั ธมติ รใหเ้ กดิ การทางานร่วมกัน เพ่ือ Win-Win เชน่ สถานีบริการนา้ มนั ตอ้ งการร้านคา้
และสินคา้ ที่ดๆี เพอ่ื ดึงดูดคนไป ส่วนผปู้ ระกอบการก็ต้องการสถานทที่ ีด่ ีทีเ่ ปน็ เป้าหมายนักเดนิ ทาง

ด้านการสอื่ สารเพ่ือสร้างการรับรู้ท่ยี ่งั ยนื
เป็นการส่งเสรมิ ความภาคภมู ใิ จภมู ิปัญญาและความเปน็ ชุมชน ตวั ผลติ ภณั ฑ์และบริการที่ชมุ ชนมี
อยู่ คนในชุมชนมีส่วนรว่ มในการสรา้ งความยอมรับโดยเป็นผู้บรโิ ภคแล ะใช้สนิ ค้าทผ่ี ลติ ได้ การช่วยสร้าง
การยอมรบั ในตราสินค้า (การสร้างแบรนด์ : Branding) และหาชอ่ งทางการประชาสัมพันธ์ผา่ นสือ่ ท้องถิน่
และสอื่ ระดับประเทศ โดยจังหวดั พิษณโุ ลกมีกลยทุ ธใ์ นการดาเนินงาน ดงั นี้
๑. การสรา้ งแบรนดข์ องจังหวัด เป็นหนึ่งเดยี วเพอื่ ง่ายต่อการประชาสัมพนั ธ์ โดยการใชร้ หัสสขี อง
จังหวัดพษิ ณุโลก 4DNA เป็นการสร้างอัตลักษณ์ของผลติ ภัณฑ์และบรกิ ารต่างๆ ในจงั หวัดพษิ ณโุ ลก
๒. การส่อื สารการรบั รู้โดยผา่ นช่องทางการประชาสัมพันธผ์ ่านกลุ่มผ้ปู ระกอบการกลุม่ เกษตรกร
จากส่วนการทางานท่เี กดิ ข้ึ นในบทบาทที่บริษัทเข้าไปสนบั สนนุ เพอ่ื ใหเ้ กิดการรับรู้ ใหเ้ ขา้ ใจแนวทางการ
ดาเนนิ การ ประโยชน์ เป้าประสงค์ของการ ส่งเสริมการดาเนนิ งานวิสาหกจิ ชุมชน เพอื่ เปิดโอกาสให้
หนว่ ยงาน องค์กรต่างๆ เขา้ มาร่วมกนั ขับเคลอ่ื น สนบั สนุนการดาเนนิ งาน
๓. หน่วยงานในจงั หวดั พษิ ณุโลกท่ีมีการดาเนนิ กจิ กรรมการสง่ เสรมิ การขับเคลอ่ื นการดาเนินงาน
ส่งเสรมิ วสิ าหกิจชุมชน ไดม้ ีการประชาสัมพนั ธ์เผยแพรก่ ิจกรรมทางหนงั สอื พิมพ์ สถานีวทิ ยุ โทรทศั น์ อยา่ ง
ต่อเน่ือง รวมถึงการสง่ ข่าว การประชุม เพือ่ แลกเปลี่ยนเรยี นรู้รว่ มกนั อยา่ งสมา่ เสมอ
๔. สรา้ งช่องทางการสื่ อสารผ่านแอพพลิเคช่ั น Line, Facebook เพอื่ สื่อสารระหว่างกลมุ่ และ
บคุ คลภายนอก เป็นการประชาสมั พนั ธ์ในการสร้างความยอมรับความเปน็ ชมุ ชน และผลิตภัณฑ์ ผ่านสื่อ
ด้านการบริหารจัดการ
เป็นการสง่ เสรมิ การบริหารจัดการที่ ครอบคลุมท้ังด้านตน้ ทุน บัญชี และการบรหิ ารความเสย่ี ง ใน
กระบวนการพัฒนาทั้ง 5 ดา้ น เปรียบกระบวนการขบั เคลื่อนดังกลา่ ว เสมอื นฟันเฟืองของกลไกการทางาน
ของเคร่ืองจกั รทตี่ อ้ งสอดประสานเกือ้ หนนุ กนั สง่ ผลต่อกันและกัน โดยท้ัง 5 ฟันเฟือง จะขบั เคลอื่ นไปดว้ ย
รปู แบบของวสิ าหกิจเพ่ือสงั คม (Social Enterprise : SE) ดงั น้ี

๓๑

๑. บริษัทประชารฐั รักสามัคคีพิษณโุ ลก (วิสาหกจิ เพ่ือสงั คม ) จากัด ไดเ้ ข้ามามสี ่วนสง่ เสรมิ องค์
ความรดู้ า้ นการบริหารจัดการ รวมถึงการเป็นตวั กลางในการ ประสานงาน กล่มุ เกษตรกรและกลมุ่
ผูป้ ระกอบการทข่ี าดความรใู้ นดา้ นน้ันๆ ให้ไดร้ บั การสนับสนนุ องคค์ วามรตู้ ามทีก่ ลมุ่ ต้องการ

๒. สนบั สนนุ การจดั โครงสร้างขององค์กรใหเ้ หมาะสมกบั บริบทในแต่ละพน้ื ท่ี เปน็ ลกั ษณะเลก็ ๆ
หรือขนาดทีเ่ หมาะสมก่อนในชว่ งแรก เมือ่ เดนิ ได้แล้วก็ขยายกจิ การภายใตก้ ารสนบั สนนุ ของภาครัฐและ
เอกชน

๓. มกี ารบูรณาการในการส่งเสริมการบรหิ ารจัดการร่วมกบั หนว่ ยงานภาคี ทัง้ ภาครัฐ ภาคเอกชน
สถาบันการศึกษา ท่มี บี คุ ลากรทีม่ ีความรู้ ความเชยี่ วชาญ เขา้ ร่วมสนบั สนุนองค์ความรู้ให้แกก่ ลมุ่ เป้าหมาย
ตามความตอ้ งการ

๔. มีการประเมนิ ผล การดาเนิ นงานทุกขนั้ ตอน เพอ่ื ร่วมกบั ปรบั ปรงุ แก้ไขปัญหา ใหส้ ามาร ถ
พฒั นากลุ่มได้ตามเป้าหมาย

ผลการศึกษาตามวัตถุประสงคท์ ี่ ๒ การเสนอแนะแนวทางการส่งเสริมวิสาหกจิ เพือ่ สงั คม (Social
Enterprise) จังหวัดพษิ ณโุ ลก จากการสมั ภาษณ์ผ้แู ทนสว่ นราชการ คณะกรรมการบรษิ ัทประชารัฐรกั

สามคั คีพิษณุโลก (วิสาหกจิ เพ่อื สังคม ) จากดั เครอ่ื งมอื ที่ใช้ คอื การสนทนากลมุ่ (Focus group) โดย

ศกึ ษาในประเด็น แนวทางและข้อเสนอแนะในการส่งเสรมิ วสิ าหกิจเพือ่ สงั คม (Social Enterprise) จงั หวดั
พิษณโุ ลก มีผลการศกึ ษาดงั นี้

แนวทางการสง่ เสริมวสิ าหกิจเพ่ือสังคม (Social Enterprise)
จากการสมั ภาษณ์ผู้แทนสว่ นราชการ คณะกรรมการบรษิ ทั ประชารฐั รักสามัคคพี ษิ ณุโลก

(วิสาหกจิ เพื่อสังคม) จากัด ใดยใช้เคร่ืองมอื คือ การสนทนากลุม่ (Focus group) กลุ่มเป้าหมายดังกล่าวได้

เสนอแนวทางในการสง่ เสริมวิสาหกจิ เพื่อสังคมของจังหวดั พษิ ณโุ ลก สรปุ ไดด้ ังน้ี
๑. การส่งเสริมด้านการประชาสมั พนั ธ์เพื่อให้ประชาชนมคี วามร้คู วามเข้าใจในการทางานของ

วสิ าหกจิ เพ่อื สงั คม ที่มีแนวคิดในการสนบั สนนุ การ ขับเคลือ่ นการพฒั นาชมุ ชนในการพฒั นาอาชีพ รายได้
คุณภาพชวี ิต ความเขม้ แข็งของชมุ ชน โดยการใชท้ นุ ชุมชนในการพัฒนาชมุ ชนของตนเอง

๒. ใช้กลยทุ ธก์ ารสร้างแรงบันดาลใจ ส่ือสารกบั ชุมชนให้มคี วามเข้มแข็ง เร่ิมช่วยเหลือตนเองกอ่ น
และนาเอานโยบายของภาครัฐมาเป็นเครอ่ื งมือในการพฒั นาของกลุม่ เกษตรกรและกลมุ่ ผปู้ ระกอบการ เพอื่
ทาใหเ้ กิดการพัฒนาอยา่ งการบูรณาการ ใหก้ ารพัฒนามคี วามมนั่ คงแข็งแรงและย่งั ยนื

๓. จัดตงั้ วิสาหกจิ เพื่อสังคมในระดับชุมชน/หมบู่ ้าน และสรา้ งเครอื ขา่ ยของผปู้ ระกอบการวิสาหกจิ
เพื่อสงั คมในพ้นื ท่ี มีการ กาหนดระเบียบการบรหิ าร จัดการ ใหต้ รง ตามวตั ถุประสงคข์ องการจัดต้งั
มกี ระบวนการพฒั นา ส่งเสรมิ กลุ่ม/เครือขา่ ยวิสาหกจิ เพ่ือสงั คม ให้มคี วามเขม้ แขง็ มีการบรหิ ารจัดการ ท่ีมี
ประสิทธภิ าพ เป็นกลไกสรา้ งชมุ ชนเข้มแข็งเพ่อื ประโยชนข์ องชุมชนอยา่ งแท้จรงิ

๓๒

๔. มีการบรู ณาการการทางาน เน้นการมสี ่วนร่วมของทุกภาคสว่ น โดยการ แสวงหาหน่วยงานรว่ ม

พฒั นาเพ่อื การขบั เคล่ือนความเข้มแข็งของวิสาหกิจเพอ่ื สังคม โดยใช้แผนปฏบิ ัติการขับเคล่ื อนในทกุ ระดับ

เป็นเคร่อื งมอื กากบั การดาเนินงาน

๕. เสรมิ สร้างกลไกขับเคลื่อนวสิ าหกิจเพื่อสังคม ในการสรา้ งสมั มาชีพชมุ ชน โดยพฒั นาการ

บริหารจดั การของกลไกขับเคลือ่ นวิสาหกจิ ชมุ ชนเพ่ือสังคมในทกุ ระดบั ด้วยการบูรณาการกับทุกภาคส่วน

๖. เพ่ิมศกั ยภาพชมุ ชนในการสรา้ งธรุ กจิ ชุ มชนด้วยการ ประสานภาคี และบริษทั ประชารฐั รกั

สามัคคจี ังหวดั พิษณโุ ลก (วสิ าหกิจเพื่อสังคม ) จากดั เพื่อ ยกระดับการพฒั นาชมุ ชนและธรุ กิจ มกี าร

เชือ่ มโยงการพฒั นาชมุ ชนกับการพฒั นาเศรษฐกจิ ฐานรากผ่านการพัฒนาสนิ ค้าและบรกิ ารของชุมชน

โดยการส่งเสริมการพฒั นาผลิตภณั ฑใ์ หมท่ ่สี อดคลอ้ งกบั พน้ื ที่

๗. สง่ เสรมิ การบรหิ ารและการพฒั นาบุคลากรทาใหต้ น้ ทนุ ในการพฒั นาคนของผูป้ ระกอบการ

SMEs มปี ระสิทธภิ าพ ผู้ประกอบการ สามารถ พฒั นาแรงงานในสถานประกอบการให้เปน็ แรงจูงใจทมี่ ี

คุณภาพ มีจติ สานึกทด่ี ี ที่จะช่วยเหลือ พง่ึ พากนั และกัน

๘. ประสาน ความร่วมมอื จาก ภาคธุรกิจที่มคี วามสามารถในการจดั การ และ มีความ พรอ้ มจะ

สนบั สนนุ ช่วยเหลอื ชมุ ชนให้เตบิ โตไปด้วยการร่วมมอื กนั สร้างความเข้มแขง็ ให้ชุมชน

ขอ้ เสนอแนะ ในการส่งเสริม วิสาหกิจเพอื่ สังคม ( Social Enterprise)

๑. ควรดาเนินงานสง่ เสริมวสิ าหกจิ เพ่ือสงั คม โดยการบรู ณาการการทางาน ๕ ภาคสว่ น โดยการ
กาหนดบทบาทภารกจิ ความรับผิดชอบท่ชี ดั เจน มเี ป้าหมาย วัตถปุ ระสงค์เดียวกัน แตม่ ีเอกภาพในการ
ทางาน มีการเช่อื มโยง ขอ้ มลู ขา่ วสาร องค์ความรู้ บุคลากร มกี ารบูรณาการงบประมาณ แผนงาน
โครงการ กจิ กรรมต่างๆ เพ่ือร่วมกนั พัฒนาเศรษฐกิจฐานราก สง่ ผลใหป้ ระชาชน มีรายได้และคุณภาพชีวิต
ท่ีดีขน้ึ

๒. รัฐควรสนับสนนุ ผลติ ผลจากผู้ประกอบการในระบบการจัดซ้อื จดั จา้ งของหนว่ ยงานรัฐตาม
ความเหมาะสม และสนบั สนนุ ภาคเอกชนให้มีการย้ายฐานการผลิตลงสู่ชุมชน

๓. ในการดาเนินงาน ควรมีแผนปฏิบตั กิ าร ขับเคลือ่ นที่ชดั เจน มกี ารกาหนด เจ้าภาพรบั ผิดชอบ
กาหนดเกณฑ์ประเมนิ วางระบบ การตรวจติดตาม ควบคุม อยา่ งใกล้ชดิ และ มกี ารนาเสนอผลการ
ขับเคลื่อนงานอย่างสม่าเสมอ เพอื่ รบั ทราบความกา้ วหนา้ ปัญหา อปุ สรรคตา่ งๆ ในการดาเนนิ งาน เพ่ือ
รว่ มกนั แกไ้ ขปญั หาให้สามารถดาเนินการตามแผน

๔. ใช้กลไก คสป . ให้เต็มศกั ยภาพ โดย สร้างความเข้าใจแก่ คสป . ให้เป็นเอกภาพและเปน็ ไปใน
ทิศทางเกียวกัน กาหนดเปา้ หมายการพฒั นาเปน็ เปา้ หมายเดียวกันและช่ว ยสนับสนนุ บคุ ลากรของ
หน่วยงานทีม่ ีหน้าทใ่ี นการสง่ เสรมิ

๕. ภาครฐั ควรสง่ เสริมการทา Big Data เพื่อเก็บขอ้ มูล และใชข้ ้อมลู เพอ่ื การตัด สินใจในการ
ประกอบการ ของเกษตรกรและผู้ประกอบการ SMEs โดยมอบหมายใหห้ น่วยงานทเ่ี กยี่ วข้อง เชน่ พัฒนา
ชมุ ชน สถิติ เกษตร สถาบันการเงนิ เปน็ ต้น ดาเนนิ การจดั เกบ็ วเิ คราะห์ ประมวลผลออกมาใหเ้ กษตรกร
และผู้ประกอบการ สามารถใชป้ ระโยชนข์ ้อมูลในการตดั สินใจในการประกอบอาชีพ การดาเนนิ ธรุ กจิ ชมุ ชน

บทที่ ๕

สรปุ ผลการศึกษาและข้อเสนอแนะ

การศึกษากลยทุ ธ์ในการส่งเสรมิ การดาเนนิ งานวิสาหกิจเพอื่ สงั คม (Social Enterprise) จงั หวัด

พิษณุโลก เปน็ การวจิ ยั เชิงคณุ ภาพ มีวัตถปุ ระสงค์การศึกษา เพื่อศกึ ษากลยุทธใ์ นการส่งเสริมวิสาหกจิ เพอ่ื

สังคม (Social Enterprise) จงั หวดั พษิ ณุโลก และเพอื่ เสนอแนะแนวทางการ ส่งเสรมิ วิสาหกิจเพือ่ สงั คม

(Social Enterprise) จงั หวดั พิษณโุ ลก สรปุ ผลการศึกษาและขอ้ เสนอแนะไดด้ ังนี้

๕.๑ สรุปผลการศึกษา

จากการสมั ภาษณ์ และ การสนทนากลุ่ม (Focus group) พบวา่ จงั หวัดพษิ ณโุ ลกมีกระบวนการใน

การสง่ เสริมวสิ าหกจิ เพือ่ สงั คม (Social Enterprise) โดยการสรา้ งกลไกใหพ้ ร้อมปฏิบตั ิงาน เพอื่ บูรณา

การการทางานรว่ มกนั ของกลไกระดบั จังหวดั มกี ารประชาสมั พนั ธ์ สร้างแนวรว่ ม และขยายผลตอ่ เนอื่ ง มี
การวิเคราะห์ศกั ยภาพ ปัญหาและความตอ้ งการของชมุ ชน โดยใช้ประโยชนจ์ ากข้อมลู มีการเชอื่ มโยง
ชุมชนและธุรกิจชุมชน รูปแบบต่างๆ มีการร่วมกนั จดั ทา แผนปฏิบัติการ การพฒั นาเศรษฐกจิ ฐานราก มี
Road Map ทร่ี ะบเุ ป้าหมาย ผลสาเรจ็ และกจิ กรรมท่เี ปน็ รูปธรรม และดาเนินการขับเคล่ือน บูรณาการ
การทางานรว่ มกนั มกี ารติดตามและประเมินผล โดย จัดประชมุ กาหนดแนวทางการทางานให้เปน็ ไปตาม
แผนอย่างน้อยเดือนละ 1 ครัง้ และสรุปบทเรยี น เพ่อื การพฒั นากระบวนการทางานต่อไป โดยในการ
ดาเนนิ การส่งเสรมิ การ การดาเนินงานวสิ าหกจิ เพอ่ื สงั คม (Social Enterprise) จงั หวดั พษิ ณโุ ลก มีกลยุทธ์

ในการดาเนินงานตามกระบวนงาน ๕ ด้าน คอื 1) การเข้าถึงปัจจัยการผลิต 2) การสร้างองค์ความรู้
3) การตลาด 4) การส่อื สารเพือ่ สรา้ งการรบั รูท้ ีย่ ั่งยนื และ 5) การบรหิ ารจัดการ ดังน้ี

ด้านการเขา้ ถึงปัจจัยการผลิต มีการสง่ เสริมใหก้ ลุม่ เป้าหมายในการถึงปัจจยั การผลิต ทงั้ ด้าน
ทรพั ยากรและโอกาสในการเขา้ ถึงแหลง่ ทุน มีกลยทุ ธใ์ นการดาเนนิ การคอื การใชข้ ้อมลู จากหนว่ ยงานที่
เกย่ี วข้องมาวเิ คราะห์ วางแผนในการสง่ เสริม แกไ้ ขเร่ืองปัจจัยการผลติ ให้กบั กลมุ่ เกษตรกร กลุ่ม
ผู้ประกอบการ การใหส้ ิทธพิ ิเศษกับผ้ปู ระกอบการ รวมถึงการส่งเสรมิ ชมุ ชนใหผ้ ลติ ปจั จัย วตั ถุดิบเพ่ือ
การผลติ จากทุนชมุ ชน ๕ ดา้ น ประกอบด้วย ทุนชมุ ชนทเี่ ปน็ ทุนการเงิน ทนุ ทางวฒั นธรรม ทนุ
ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดล้อม ทนุ ทางสังคม และทุนมนุษย์ เปน็ ต้น การให้ความรูค้ วามเขา้ ใจในการ
เลือกปัจจัยการผลติ ท่ีชว่ ยให้การผลิ ตมีประสทิ ธิภาพและประสิทธผิ ลสูงขึ้น การ สนับสนนุ ข้อมลู ท่ีเปน็
ปจั จุบัน และทาใหป้ ระชาชนเขา้ ถึงข้อมลู ทจี่ าเป็น การสง่ เสริมการรวมกลมุ่ การแสวงหาภาคีเครือขา่ ย
เกอื้ กลู ปจั จัยการผลิตซึง่ กนั และกัน การแลกเปล่ียนเรยี นรจู้ ากกนั และกัน (Knowledge Sharing)

ดา้ นการสร้างองคค์ วามรู้ มกี ารส่งเสริมการสรา้ งความเช่ือมโยงของหน่วยงานภาคี ในแตล่ ะองค์
ความรู้ เพือ่ ใหก้ ล่มุ เปา้ หมายใช้ในการพัฒนาและบรหิ ารจดั การ รวมถงึ การใชอ้ งค์ความรู้ในการแกป้ ัญหา
ดา้ นต่างๆ ของกลมุ่ ใช้ระบบพี่เลย้ี ง /ทป่ี รึกษาผู้ประกอบการ และมกี ารวัดกระบวน การสร้างเสริมทกั ษะ

๓๔

ใหก้ บั ผู้ประกอบการให้สามารถมีความเขา้ ใจในการดาเนนิ การ โดยการสรา้ งองค์ความรู้ ทั้งต้นน้า กลางน้า
ปลายน้า เพ่อื ใหก้ ลมุ่ เป้าหมาย เกษตรกรสามารถดาเนินการพัฒนาอาชพี ของตนเอง เกดิ รายได้ มีคุณภาพ
ชวี ติ ท่ดี ี สง่ เสรมิ ใ ห้ผู้นากลุม่ มีความรทู้ ่ีเหมาะส ม สามารถ ถ่ายทอดความรแู้ กส่ มาชิกกลุม่ ทุกรปู แบบ ให้
สามารถ นาความรู้ไปปฏบิ ตั ิ และมกี าร สรปุ บทเรียนจากการเรยี นรู้ และ สนบั สนุนการ จดั ชอ่ งทางการ
เรยี นร้ใู นหลากหลายรูปแบบ หรือแลกเปลย่ี นความรกู้ นั ระหว่างชมุ ชน

ดา้ นการตลาด ส่งเสรมิ เชอ่ื มโยงการตลาด วเิ คราะหข์ อ้ มลการตลาด โดยให้ภาค เอกชนเข้ามาเป็น
ผู้สนับสนนุ ดา้ นการตลาดใหก้ บั กลุ่มเกษตรกรและผู้ประกอบการ มกี ารสร้างตลาดในท้องถิ่น สรา้ งตลาด
ในประเทศ และต่างประเทศ โดยการสง่ เสรมิ ให้กลุ่มผลติ ตามความต้องการของตลาด ผลติ สินค้าแบบ
ครบวงจรเพอ่ื สร้างทางเลอื กแก่ลูกค้ า สง่ เสริมการตลาด ออนไลน์ การจับค่ตู อ่ ยอดธรุ กจิ (Matching) และ
การสง่ เสริมการทอ่ งเทีย่ วในชุมชนใหม้ คี วามโดดเดน่ และมอี ัตลักษณ์ เพ่อื ใหช้ ุมชนมรี ายไดอ้ ยา่ งทัว่ ถึง ตาม
แนวทางชมุ ชนท่องเทีย่ ว OTOP นวตั วถิ ี

ดา้ นการส่ือสารเพ่ือสรา้ งการรับรู้ทยี่ ั่งยืน มกี ารสรา้ งการยอมรบั ในตราสนิ คา้ (การสร้างแบรนด์ :
Branding) โดยการสรา้ งแบรนด์ของจังหวัด เป็นหนึง่ เดยี วเพือ่ ง่ายต่อการประชาสมั พันธ์ โดยการใช้รหัสสี
ของจงั หวัดพิษณุโลก 4DNA มกี ารสรา้ งการส่อื สารการรับร้โู ดยผา่ นชอ่ งทางการประชาสัมพนั ธ์ กจิ กรรม
ทางหนงั สือพิมพ์ สถานีวทิ ยุ โทรทัศน์ อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการส่งขา่ ว การประชุม เพือ่ แลกเปลย่ี นเรียนรู้
รว่ มกนั อย่างสมา่ เสมอ และสรา้ งชอ่ งทางการสอื่ สารผา่ นแอพพลเิ คช่ั น Line, Facebook เพื่อส่ือสาร
ระหวา่ งกลุ่มและบุคคลภายนอก เป็นการประชาสมั พันธใ์ นการสร้างความยอมรบั ความเป็นชุมช น และ
ผลติ ภณั ฑ์ ผา่ นสือ่

ด้านการบรหิ ารจดั การ สนับสนุนให้ บรษิ ทั ประชารัฐรักสามคั คี จังหวดั พษิ ณุโลก (วสิ าหกิจเพื่อ
สังคม) จากดั เข้ามามสี ่วนรว่ มในการส่งเสรมิ องคค์ วามรู้ดา้ นการบริหารจัดการ สนับสนนุ การจดั โครงสร้าง
ขององคก์ รให้เหมาะสมกับบริบทในแต่ละพนื้ ท่ี เปน็ ลกั ษณะเลก็ ๆ หรือขนาดทเี่ หมาะสมกอ่ นในช่วงแรก
เม่อื เดนิ ไดแ้ ล้วก็ขยายกิจการภายใตก้ ารสนบั สนุนของภาครัฐและเอกชน มกี ารบรู ณาการในการสง่ เสรมิ
การบรหิ ารจดั การร่วมกบั หน่วยงานภาคี ทัง้ ภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศกึ ษา ท่มี ีบคุ ลากรทีม่ ีความรู้
ความเชยี่ วชาญ เขา้ รว่ มส นับสนุนองค์ความรใู้ ห้แกก่ ลมุ่ เปา้ หมายตามความตอ้ งการ และมีการประเมินผล
การดาเนนิ งานทกุ ข้นั ตอน เพ่ือร่วมกบั ปรงุ ปรงุ แก้ไขปญั หา ใหส้ ามารถพฒั นากลุม่ ได้ตามเปา้ หมาย

แนวทาง การสง่ เสริมวสิ าหกิจเพื่อสงั คมของจังหวดั พิษณุโลก ๑) การ ส่งเสรมิ ดา้ นการ
ประชาสมั พนั ธ์เพอ่ื ใหป้ ระชาชนมีความรู้ความเข้าใจในการทางานของวิสาหกิจเพือ่ สงั คม ๒) ใช้กลยทุ ธ์การ
สร้างแรงบันดาลใจ สอื่ สาร กับชุมชนให้มีความเขม้ แขง็ เร่ิมช่วยเหลือตนเองกอ่ น การสนบั สนุนของภาครฐั
เพื่อทาใหเ้ กิดการพฒั นาอยา่ งการบรู ณาการ ให้การพัฒนามี ความมนั่ คงแขง็ แรงและยัง่ ยนื ๓) จัดต้ัง
วิสาหกจิ เพอ่ื สังคมในระดบั ชมุ ชน/หม่บู ้าน และสร้างเครือข่ายของผปู้ ระกอบการวิสาหกจิ เพื่อสงั คมในพ้นื ท่ี
มกี ระบวนการพฒั นาส่งเสริม ให้มีความเขม้ แข็ง มกี ารบริหารจัดการทม่ี ีประสทิ ธิภาพ เปน็ กลไกสร้างชุมชน
เข้มแข็งเพ่อื ประโยชนข์ องชุมชนอยา่ งแทจ้ ริง ๔) มกี ารบรู ณาการการทางาน เน้นการมสี ่วนรว่ มของทกุ ภาค
ส่วน โดยใช้แผนปฏบิ ัตกิ ารขบั เคลือ่ นในทุกระดับเปน็ เครือ่ งมือกากบั การดาเนนิ งาน ๕) เสริมสรา้ งกลไก
ขบั เคลอ่ื นวสิ าหกจิ เพ่ือสงั คม ในการสร้างสัมมาชีพชุมชน ระดับหมู่บา้ น /ชมุ ชน ดว้ ยการบรู ณาการกบั ทุก

๓๕

ภาคสว่ น ๖) เพ่ิมศักยภาพชุมชนในการสรา้ งธรุ กจิ ชุมชนด้วยการ ประสานภาคี และบริษทั ประชารฐั รัก
สามคั คจี งั หวัดพษิ ณโุ ลก (วสิ าหกจิ เพอ่ื สงั คม ) จากัด เพื่อ ยกระดับการพฒั นาชมุ ชนและธรุ กิจ ๗)ส่งเสริม
การบริหารและการพัฒนาบคุ ลากร ให้มีศกั ยภาพ และ ๘) ประสาน ความร่วมมือจาก ภาค ธรุ กิจทมี่ ี
ความสามารถในการจัดการ และ มีความพร้อมจะสนับสนุนชว่ ยเหลือชุมชนใหเ้ ติบโตไปด้วยการ ร่วมมอื กนั
สร้างความเขม้ แขง็ ให้ชมุ ชน

จากผลการศกึ ษา จะเหน็ ไดว้ ่าในการดาเนนิ ส่งเสริมวสิ าหกิจเพ่ือสังคม ของหน่วยงานภาครัฐ
จาเป็นตอ้ งมกี ารบรู ณาการการทางานร่ วมกัน มีกลไกที่เขม้ เข็ง มีแผนปฏบิ ัตกิ าร และมกี ลยทุ ธใ์ นการ
ดาเนนิ งานเพ่ือใหบ้ รรลุเป้าหมายตามวัตถปุ ระสงค์ เนอื่ งจากกลุม่ เปา้ หมายในชุมชนยงั มีขนาดเลก็ และอยู่
ระยะแรกในการดาเนนิ การขบั เคลื่อน จึงจาเปน็ ตอ้ งมกี ารสนับสนนุ จากภาครัฐ และเอกชน ซึ่ง สอดคล้อง
กับผลการวจิ ยั ของ อุทยั ปรญิ ญาสทุ ธินนั ท์ (๒๕๕๘) ท่ีได้ศกึ ษาวิจัย เรอ่ื ง วิสาหกิจเพอ่ื สงั คม : การต่อ
ยอดวสิ าหกจิ ชมุ ชนเพอื่ การจัดการชุมชนทุง่ ตาเสา พบว่า วสิ าหกิจเพอื่ สังคมของชุมชนทงุ่ ตาเสา ทั้งใน
รูปแบบสถาบนั การเงนิ สหกรณ์ และกลุ่มอาชีพ ซงึ่ มลี ักษณะการดาเนินกิจการเพ่อื แก้ไขปญั หาทีเ่ กดิ ขึน้ ใน
ชมุ ชน รวมทั้งเพือ่ พฒั นาเศรษฐกจิ ภายในทอ้ งถ่ิน แม้จะใหผ้ ลดี แตก่ ็ยงั ไมส่ ามารถสร้างผลลพั ธท์ างสงั คมท่ี
โดดเดน่ ได้ เนือ่ งจากกจิ การส่วนใหญ่มีขนาดเลก็ หรอื เป็นธรุ กิจที่อย่ใู นระยะเรมิ่ ต้น ซ่ึงยังต้องมกี าร
สนับสนนุ ทั้งเชงิ นโยบายและแหลง่ เงินทนุ เพ่อื ทาให้เกิดการพฒั นาวสิ าหกจิ เพ่อื สังคมอยา่ งต่อเนื่อง อนั จัก
ช่วยให้ชมุ ชนมีความเขม้ แข็งและมคี ณุ ภาพชีวิตทดี่ ี และสอดคล้องกบั ผลการศึกษาของ ดร.ศักด์ดิ า ศริ ภิ ทั ร
โสภณ (๒๕๕๘) ท่ีได้ศกึ ษากรอบแนวคิดเพ่อื การพัฒนาวิสาหกิจเพอื่ สงั คมในประเทศไทย พบวา่ การ
ร่วมมอื กันในกิจกรรมเพื่อสังคมขององคก์ รต่างๆ ทงั้ ภาครัฐและเอกชน จะเกดิ ผลกระทบเชิงบวกมากกวา่
ไดด้ ีกว่า เนอ่ื งจากสามารถลดความสิน้ เปลืองและความซ้าซอ้ นได้โดยใช้ความตอ้ งการของชุมชนเป็นหลกั
และตอ้ งทาแบบบูรณาการ นอกจากนแ้ี นวทางการพฒั นาวสิ าหกิจเพ่อื สังคมในประเทศไทย ควรมีการ
พฒั นาแหล่งเงนิ ทุนทั้งตลาดเงนิ และตลาดทนุ ของวิสาหกจิ เพอื่ สังคม โดยเฉพาะวสิ าหกิจเพ่อื สงั คมทต่ี ้ังขน้ึ
โดยผปู้ ระกอบการใหมซ่ ง่ึ เปน็ กลมุ่ เป้าหมายสาคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศไทย
ทงั้ น้ี ภาครฐั ควรเปน็ ผู้ริเริม่ โดยทากจิ กรรมเพ่ือสังคมตน้ แบบเ พื่อใหอ้ งคก์ รตา่ งๆ ไดน้ าไปประยุกต์ใช้
กาหนดมาตรการสง่ เสริมการลงทนุ เช่น การใหส้ ิทธิประโยชน์ด้านภาษี ตลอดจนการออกกฎหมายเฉพาะ
เพอื่ ใหม้ ีการพัฒนาวิสาหกจิ เพือ่ สงั คมในไทยมกี ารขยายตัวและสามารถเตบิ โตไดอ้ ยา่ งยงั่ ยนื ต่อไป

๕.๒ ขอ้ เสนอแนะ
๑. ควรดาเนนิ งานสง่ เสริมวสิ าหกิจเพ่ือสังคม โดยการบรู ณาการการทางาน ๕ ภาคส่วน โดยการ

กาหนดบทบาทภารกิจ ความรบั ผดิ ชอบท่ีชดั เจน มเี ป้าหมาย วตั ถปุ ระสงค์เดียวกัน แต่มเี อกภาพในการ
ทางาน มกี ารเชอื่ มโยง ข้อมลู ข่าวสาร องค์ความรู้ บุคลากร มกี ารบรู ณาการงบประมาณ แผนงาน
โครงการ กจิ กรรมตา่ งๆ เพ่อื ร่วมกนั พัฒนาเศรษฐกจิ ฐานราก ส่งผลใหป้ ระชาชน มรี ายได้และคุณภาพชีวิต
ท่ีดีข้ึน

๒. รฐั ควรสนบั สนุนผลติ ผลจากผปู้ ระกอบการในระบบการจัดซอ้ื จัดจา้ งของหนว่ ยงานรัฐตาม
ความเหมาะสม และสนบั สนนุ ภาคเอกชนใหม้ ีการย้ายฐานการผลติ ลงสู่ชมุ ชน

๓๖

๓. ในการดาเนนิ งาน ควรมแี ผนปฏิบตั ิการ ขับเคล่อื นท่ีชดั เจน มกี ารกาหนด มเี จ้าภาพรับผิดชอบ
กาหนดเกณฑ์ประเมิน วางระบบ การตรวจตดิ ตาม ควบคุม อยา่ งใกลช้ ิด และ มกี ารนาเสนอผลการ
ขบั เคลอ่ื นงานอย่างสม่าเสมอ เพอ่ื รบั ทราบความก้าวหน้า ปญั หา อปุ สรรคต่างๆ ในการดาเนินงาน เพือ่
รว่ มกันแกไ้ ขปัญหาให้สามารถดาเนนิ การตามแผน

๔. ใช้กลไก คสป . ให้เตม็ ศกั ยภาพ โดย สรา้ งความเขา้ ใจแก่ คสป . ใหเ้ ปน็ เอกภาพและเปน็ ไปใน
ทิศทางเดี ยวกนั กาหนดเป้าหมายการพฒั นาเปน็ เปา้ หมายเดยี วกันและช่วยสนับสนนุ บุคลากรของ
หน่วยงานที่มีหนา้ ทีใ่ นการส่งเสริม

๕. ภาครฐั ควรส่งเสริมการทา Big Data เพอ่ื เก็บขอ้ มูล และใชข้ อ้ มลู เพ่ือการในการตดั สนิ ใจใน
การประกอบการ ของเกษตรกรและผ้ปู ระกอบการ SMEs โดยมอบหมายใหห้ น่วยงานท่เี ก่ียวข้อง เชน่
พัฒนาชมุ ชน สถิต เกษตร สถาบนั การเงิน เป็นต้น ดาเนินการจัดเก็บ วิเคราะห์ ประมวลผลออกมาให้
เกษตรกร และผปู้ ระกอบการ สามารถใช้ประโยชน์ข้อมูลในการตดั สนิ ใจในการประกอบอาชีพ การดาเนิน
ธุรกิจชมุ ชน

๖. การนอ้ มนาหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวทางในการขบั เคลอื่ นเพ่อื ให้สามารถ
พึ่งตนเองใหไ้ ด้ ซึง่ จะทา ให้มีภมู คิ มุ้ กนั หรอื ปอ้ งกนั ความเส่ยี งท่ีเกดิ ขึ้น โดยเฉพาะในเรอ่ื งของเงอ่ื นไข 2

ประเดน็ คอื ๑) เงือ่ นไขความรู้ เก่ยี วกับวชิ าการตา่ ง ๆ ทเี่ กย่ี วข้องในการประกอบกจิ การของวิสาหกจิ เพอ่ื
สังคมอย่างรอบดา้ น มีความรอบคอบ ท่ีจะนาความรู้ เหลา่ นี้มาพิจารณาใหเ้ ชื่อมโยงกัน เพ่อื ประกอบการ
วางแผน และความระมดั ระวงั ในขน้ั ปฏบิ ัติ ๒) เง่ือนไขเร่อื งคณุ ธรรม ที่จะต้องเสริมสร้าง ประกอบด้วย
มคี วามตระหนกั ในคณุ ธรรม มีความซือ่ สตั ย์สจุ ริต มคี วามอดทน มคี วามเพียร ใช้สติปญั ญาในการดาเนนิ
ชีวติ ไมโ่ ลภ มีความซือ่ สัตยต์ อ่ ลูกคา้ ต่อลูกค้าและองคก์ ร เพื่อจะนาไปสชู่ วี ิต เศรษฐกิจ สังคม สง่ิ แวดล้อม
ให้เกิดความสมดุล ม่นั คง ยง่ัยนื

๗. การส่งเสรมิ ให้กลุม่ วสิ าหกิจเพอ่ื สังคมมีความเข้มแขง็ สามารถยนื ได้ดว้ ยตนเอง โดยท่ไี ม่ตอ้ งไป
พึง่ สว่ นราชการ และนโยบายรฐั บาล เพราะรัฐบาลมีการเปลย่ี นบอ่ ยซงึ่ จะทาใหน้ โยบายเปล่ยี นไป ฉะนนั้
วิสาหกิจเพ่อื สงั คมจะต้องมีแนวทาง มีกลไก องคก์ ร และเครือข่ายท่ีพ่งึ ตนเองใหไ้ ด้ จะตอ้ งบริหารจัดการใน
เร่อื ง

๗.๑ งาน คือ งานท่ที าคืออะไร ผลติ ภัณฑ์อะไร การปรบั ปรงุ ประสิทธภิ าพ คุณภาพให้ได้
มาตรฐาน การใช้นวัตกรรม และเทคโนโลยีเข้าช่วยในการผลิตผลิตภณั ฑ์

๗.๒ งบประมาณ คอื จะต้องประชาสมั พันธ์ประโยชนท์ ไ่ีด้จากการทาวิสาหกิจเพอ่ื สังคมเพ่ือให้
บุคคลเข้ารว่ ม ระดมทนุ เปน็ เครือข่าย เปน็ หนุ้ ส่วน

๗.๓ ระบบ คือ จะตอ้ งวางระบบการบรหิ ารจดั การตัง้ แต่ต้นจนนาไปสู่ผบู้ รโิ ภคและมกี าร
ตดิ ตามประเมนิ ผล

๗.๔ คน คือ จะตอ้ งพฒั นาคนในองค์กรวสิ าหกิจเพ่ือสังคม ใหม้ ีความรูค้ วามเข้าใจ มคี วาม
ซือ่ สตั ยส์ จุ รติ รกั องค์กร และสร้างเครอื ขา่ ยเพ่อื ใหเ้ กิดประโยชนต์ อ่ สงั คม มีผู้นาในการขบั เคล่ือนท่ีชัดเจน
และเป็นที่ยอมรบั ของกลมุ่

๓๗

๘. การประชาสัมพันธส์ รา้ งการรบั รู้เกีย่ วกบั การดาเนินการ เปา้ หมาย เพ่ือสร้างเครือขา่ ยให้
ประชาชนในชุมชน สงั คม รบั รู้ เข้าใจ และให้ชุมชนสงั คมเขา้ มามสี ่วนร่วมในการพฒั นาและดาเนนิ การ

40

แบบสอบถาม

กลยทุ ธ์ในการส่งเสริมวสิ าหกิจเพ่ือสังคม

โดยคณะกรรมการประสานและขบั เคลอ่ื นนโยบายสานพลงั ประชารฐั (คสป.) จังหวัดพิษณุโลก

*************************************

1. ข้อมูลท่วั ไป

ช่อื นางสาววรัญญา นามสกลุ หอมธปู อายุ – ปี

ตาแหน่ง กรรมการผจู้ ดั การ สังกดั บรษิ ัทประชารัฐรักสามัคคีจังหวัดพษิ ณุโลก (วิสาหกิจเพือ่ สังคม) จากัด

2. ข้อมลู ด้านกลยุทธใ์ นการส่งเสริมวสิ าหกิจเพื่อสงั คม

(1) ท่านมกี ลยุทธ์ในการส่งเสริมวิสาหกจิ เพอื่ สังคม ดังนี้

ด้านการเข้าถงึ ปจั จัยการผลติ

การเข้าถงึ เกษตรกร ผู้ประกอบการ เพอื่ คน้ หาปัญหาด้านปจั จยั การผลิตและส่งเสริมด้านปัจจัยการ

ผลิตจากปัญหาทไี่ ดร้ ับจาการเข้าถงึ กลมุ่ เกษตรกร หรอื ผู้ประกอบการ เพ่อื ใหส้ ามารถแก้ไขเรอ่ื งปัจจัยการผลิต

ให้กับกลมุ่ เกษตรกร กลมุ่ ผปู้ ระกอบการ

ด้านการสรา้ งองคค์ วามรู้

ส่งเสริมการสร้างความเชอื่ มโยงของหน่วยงานภาคที อี่ ยู่ใน คสป. ในแตล่ ะองคค์ วามรู้ ท่กี ลุ่มเกษตรกร

และกล่มุ ผปู้ ระกอบการมีปัญหาหรือขาดองค์ความร้ใู นเร่ืองน้นั ๆ เพอ่ื ให้สามารถตอบสนองในส่วนองค์ความรู้ที่

กลมุ่ เปา้ หมายขาดในส่วนนั้นๆ ได้ เม่อื นามาซึง่ การการแกไ้ ขปญั หา

ด้านการตลาด

ศึกษาช่องทางการตลาดในส่วนทเ่ี กษตรกรหรือผ้ปู ระกอบการยังไมส่ ามารถเขา้ ถึงได้เชอ่ื มโยงภาค

การตลาดในส่วนของเอกชนเขา้ มาพบปะกับกลุ่มเกษตรกรและผปู้ ระกอบการ

ดา้ นการส่อื สารการรบั รู้

การสื่อสารการรบั รโู้ ดยผา่ นชอ่ งทางการประชาสมั พันธ์ผ่านกลุม่ ผ้ปู ระกอบการกลมุ่ เกษตรกรจากส่วน

การทางานทเ่ี กดิ ขน้ึ ในบทบาทท่บี ริษัทเข้าไปสนับสนนุ เพอื่ ให้เกิดการรับรู้

ด้านการบรหิ ารจดั การ

ทางบรษิ ทั ฯ ไดเ้ ขา้ มามีส่วนสง่ เสรมิ องคค์ วามรู้ดา้ นการบริหารจดั การ รวมถึงการเป็นตัวกลางในการ

ชว่ ยกลมุ่ เกษตรกรและกลุ่มผูป้ ระกอบการยังขาดความรใู้ นดา้ นน้นั ๆ

(2) ถา้ ทา่ นมีโอกาสสง่ เสริมวสิ าหกจิ เพ่ือสงั คมเพ่ิมเตมิ ทา่ นจะส่งเสริม ดังน้ี

สง่ เสริมดา้ นการประชาสัมพนั ธ์เพอ่ื ให้ประชาชนมีความรู้ความเขา้ ใจในการทางานของวิสาหกิจเพื่อ

สงั คมมาชว่ ยในการขับเคลือ่ นแนวคิดการนาเอาทรัพยากรชวี ภาพทอ้ งถน่ิ มาพฒั นาชมุ ชน

ทา่ นมกี ลยุทธ์อย่างไร

ใช้กลยทุ ธก์ ารสร้างแรงบันดาลใจ สอ่ื การกบั ชมุ ชนใหม้ ีความเขม้ แข็ง เริม่ ชว่ ยเหลือตนเองก่อน และ

นาเอานโยบายของภาครฐั มาเป็นเครอ่ื งมือในการพฒั นาของกลุ่มเกษตรกรและกลมุ่ ผูป้ ระกอบการ เพอ่ื ทาให้

เกดิ การพัฒนาอย่างการบูรณาการ ใหก้ ารพัฒนามีความมน่ั คงแข็งแรงและยง่ั ยืน

ลงชอื่ วรัญญา หอมธูป ผู้ใหข้ อ้ มูล
(นางสาววรญั ญา หอมธูป)

ลงชอื่ ผู้เก็บข้อมลู
()

41

แบบสอบถาม

กลยุทธ์ในการสง่ เสริมวสิ าหกจิ เพือ่ สงั คม

โดยคณะกรรมการประสานและขบั เคลอ่ื นนโยบายสานพลงั ประชารัฐ (คสป.) จงั หวดั พิษณุโลก

*************************************

1. ข้อมลู ทั่วไป

ช่อื พลตรี ดร. ศิลปานันต์ นามสกุล สากุล อายุ 59 ปี

ตาแหน่ง ผูเ้ ชีย่ วชาญดา้ นจติ วิทยาสังคม/การจัดการความรู้ สังกัด มหาวทิ ยาลยั นเรศวร

2. ขอ้ มลู ดา้ นกลยุทธ์ในการสง่ เสริมวสิ าหกิจเพือ่ สังคม

(1) ท่านมีกลยุทธใ์ นการส่งเสรมิ วสิ าหกิจเพื่อสงั คม ดงั นี้

ด้านการเข้าถึงปจั จยั การผลติ

การใหส้ ทิ ธิพิเศษกับผู้ประกอบการ ทีม่ ีแนวทางวสิ าหกจิ เพอื่ สงั คมให้เปน็ แรงจูงใจในการดาเนนิ การ

และสามารถลดต้นทุนของผปู้ ระกอบการ

ดา้ นการสร้างองคค์ วามรู้

- วัดกระบวนการสรา้ งเสรมิ ทักษะใหก้ บั ผปู้ ระกอบการให้สามารถมีความเข้าใจในการดาเนนิ การใน

ลกั ษณะนี้

- ใชร้ ะบบพเี่ ลี้ยง/ที่ปรึกษาผปู้ ระกอบการ

ดา้ นการตลาด

กระจายสินค้า/ผลผลติ จากผู้ประกอบการให้ลงสชู่ มุ ชนอยา่ งเป็นระบบเพ่ือเป็นการสร้างตลาดให้กบั

ผปู้ ระกอบการ

ด้านการสอื่ สารการรับรู้

ประชาสมั พนั ธใ์ หส้ าธารณะไดเ้ ข้าใจกบั แนวทางการดาเนนิ การผลประโยชน์ เป้าประสงคข์ องการ

ประกอบธรุ กิจประเภทนีใ้ ห้เขา้ ใจเพอื่ การเขา้ มารว่ มมอื กนั สนับสนนุ

ดา้ นการบริหารจัดการ

- วดั โครงสรา้ งขององค์กรใหเ้ หมาะสมกับบรบิ ทในแตล่ ะพ้ืนท่ี เปน็ ลกั ษณะเล็กๆ หรอื ขนาดที่

เหมาะสมก่อนในชว่ งแรก เมื่อเดินได้แลว้ ก็ขยายกจิ การภายใต้การสนบั สนนุ ของภาครัฐและเอกชน

- จัดหาคนกลางในการระดมทุนให้องคก์ ร

(2) ถา้ ท่านมีโอกาสสง่ เสรมิ วสิ าหกจิ เพ่อื สังคมเพ่มิ เติมทา่ นจะสง่ เสรมิ ดงั นี้

- สร้างเครอื ข่ายของผปู้ ระกอบการวิสาหกิจเพอ่ื สงั คมในพ้นื ที่

- จดั ตง้ั วิสาหกิจเพื่อสังคมในระดับชุมชน/หมู่บาน

ท่านมกี ลยุทธ์อย่างไร

- สร้างการมีสว่ นร่วมของทุกภาคสว่ น

- สร้างสญั ญาลักษณะของวสิ าหกิจเพอื่ สงั คม (ประชารัฐ) ให้ได้รบั การยอมรับในวงกว้าง

3. ข้อเสนอแนะ

-รฐั ควรสนับสนุนผลติ ผลจากผ้ปู ระกอบการในระบบการจัดซ้อื จัดจ้างของหน่วยงานรฐั ตามความเหมาะสม

- ยา้ ยฐานการผลติ ลงสชู่ ุมชน

ลงชอื่ พลตรี ดร. ศลิ ปานนั ต์ สากลุ ผู้ใหข้ ้อมูล

(ศลิ ปานนั ต์ สากุล)

ลงชื่อ ผูเ้ กบ็ ข้อมูล

()

42

แบบสอบถาม

กลยทุ ธ์ในการส่งเสรมิ วสิ าหกจิ เพอ่ื สังคม

โดยคณะกรรมการประสานและขับเคลื่อนนโยบายสานพลงั ประชารัฐ (คสป.) จงั หวัดพิษณโุ ลก

*************************************

1. ขอ้ มูลทั่วไป

ช่ือ พลเอก ดร. ศริ ิ นามสกุล พละพันธุ์ อายุ 84 ปี

ตาแหนง่ กรรมการ คสป. สงั กัด จังหวัดพิษณุโลก

2. ข้อมูลด้านกลยุทธ์ในการสง่ เสริมวสิ าหกิจเพื่อสังคม

(1) ท่านมีกลยุทธ์ในการส่งเสริมวสิ าหกิจเพอื่ สังคม ดังนี้

ด้านการเขา้ ถึงปัจจัยการผลติ

ขอ้ มูลจากพฒั นาชมุ ชน, สภาเกษตรจังหวัด, พาณิชยจ์ ังหวัด, คลงั จงั หวัด, สนง.การเกษตรและสหกรณ์

ธกส. , มหาวิทยาลัยตา่ งๆ

ดา้ นการสร้างองคค์ วามรู้

- สร้างองค์ความรู้ ทัง้ ตน้ นา้ กลางนา้ ปลายน้า

- จัดยุทธศาสตร์สง่ เสรมิ วสิ าหกจิ ชุมชน

- จัดอบรมเพือ่ สร้างแรงจงู ใจผรู้ ่วมลงทนุ

ด้านการตลาด

- สร้างตลาดในท้องถน่ิ

- สรา้ งตลาดในประเทศ

- สรา้ งตลาดตา่ งประเทศ

ดา้ นการสื่อสารการรับรู้

- การแพร่ภาพกิจกรรมทางหนังสือพมิ พ์

- การแพร่ภาพกจิ กรรมทางสถานีวทิ ยุ, โทรทศั น์

- การแพรภ่ าพกจิ กรรมเสน้ คมนาคม

- การแพรภ่ าพกิจกรรมตอ้ งดาเนินการอยา่ งตอ่ เน่ือง

ดา้ นการบริหารจัดการ

- จดั องค์กรให้มีความเหมาะสม

- จดั บุคลากรใหเ้ หมาะกับงาน

- มีการบรู ณาการในการปฏบิ ัติการ

- มีการประเมนิ ผลทกุ ขน้ั ตอน

(2) ถา้ ทา่ นมีโอกาสส่งเสรมิ วสิ าหกิจเพื่อสงั คมเพม่ิ เตมิ ท่านจะสง่ เสรมิ ดงั นี้

- ส่งเสรมิ การจดั งานในการเสยี สละเพื่อสงั คม

- พฒั นาการพฒั นาวิสาหกิจชมุ ชนใหค้ รบความมุง่ หมาย คือไม่มาหากาไร หากมีกาไรจะต้องลงทุน

วิสาหกิจอ่ืนๆ เพื่อสังคม

- กากับ ดแู ล การบรหิ ารดา้ นการเงนิ ใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพและมธี รรมาภิบาล

ทา่ นมกี ลยทุ ธอ์ ย่างไร

- สรา้ งบคุ ลากรในการเสยี สละเพ่อื สังคม โดยมุง่ อบรมผู้ถอื หนุ้

- บริหารให้ตรงความมุ่งหมาย ของประชารฐั เพ่อื สงั คม มุง่ เน้น ชุมชนเปน็ หลกั

- กาหนดระเบียบการบริหาร งบประมาณ ใหต้ รงความมุ่งหมาย

43

3. ข้อเสนอแนะ
-ตอ้ งหาบคุ คลท่ปี ระสบความสาเร็จ เป็นต้นแบบให้มากขนึ้
- ตอ้ งควบคมุ การบรหิ ารงบประมาณใหม้ ีประสทิ ธิภาพ

ลงชื่อพลเอก ดร. ศริ ิ พละพนั ธ์ุ ผู้ใหข้ อ้ มลู
(ศริ ิ พละพันธ์ุ)

ลงช่อื ผ้เู ก็บขอ้ มลู
()

44

แบบสอบถาม

กลยทุ ธ์ในการส่งเสรมิ วสิ าหกจิ เพอื่ สังคม

โดยคณะกรรมการประสานและขบั เคลื่อนนโยบายสานพลังประชารฐั (คสป.) จงั หวดั พษิ ณุโลก

1. ขอ้ มลู ท่ัวไป *************************************

ชื่อ นางสาวโสภิต นามสกุล ภูริสวสั ดิ์ อายุ 54 ปี
ตาแหน่ง พัฒนาการอาเภอวงั ทอง สังกัด สานกั งานพัฒนาชุมชนจงั หวัดพษิ ณุโลก
2. ขอ้ มลู ดา้ นกลยุทธ์ในการส่งเสรมิ วสิ าหกิจเพื่อสังคม
(1) ท่านมีกลยทุ ธ์ในการส่งเสริมวสิ าหกจิ เพอ่ื สังคม ดังน้ี
ดา้ นการเขา้ ถงึ ปจั จัยการผลติ
- ส่งเสริมชมุ ชนให้ผลติ ปัจจยั /วัตถุดิบเพื่อการผลิตเอง
- สนบั สนุนวิสาหกิจชุมชนเพอ่ื สังคมใชป้ จั จัยการผลิตทม่ี ีในชุมชน
- แสวงหาภาคีเครอื ขา่ ยเก้ือกูลปจั จยั การผลิตซ่งึ กันและกัน
ด้านการสร้างองค์ความรู้
- ส่งเสริมใหผ้ ้นู ากลมุ่ มคี วามรูท้ ีเ่ หมาะสม/จาเป็นตอ่ การพัฒนาวิสาหกิจเพือ่ สงั คม
-สนับสนุนให้ผนู้ ากลมุ่ ถ่ายทอดความรแู้ กส่ มาชิกกลุม่ ทกุ รปู แบบ
- สนับสนุนใหผ้ ู้นากลุ่มและสมาชกิ นาความรูปไปปฏบิ ัติ
- สนับสนนุ ให้ผ้นู ากลุ่มและสมาชกิ สรุปบทเรยี นจากการเรยี นรู้
ด้านการตลาด
- สง่ เสริมใหก้ ลมุ่ ผลิตตามความต้องการของตลาด
- ส่งเสริมใหก้ ลมุ่ ผลิตสินค้าแบบครบวงจรเพอื่ สรา้ งทางเลอื กแก่ลูกคา้
- ส่งเสรมิ ให้กลมุ่ สร้างทีมการตลาด
- สนบั สนุนให้ทมี การตลาดรว่ มกจิ กรรมทางการตลาดกบั ภารรฐั ภาคเอกชน
- สนบั สนุนใหท้ มี การตลาดแสวงหาตลาดทกุ รปู แบบ
ดา้ นการส่ือสารการรบั รู้
- ภายในระหว่างผู้นาและสมาชกิ
* การส่งการแลกเปลี่ยน ประชมุ รว่ มกนั อย่างสมา่ เสมอ
* สร้างช่องทางการสอื่ สารผา่ นแอพพลิเคชัน่ , ไลน์, เฟสบคุ
- ภายนอกระหวา่ งกลุ่มและบุคคลภายนอก
* สรา้ งชอ่ งทางการส่อื สารผา่ นแอพพลิเคช่ัน, ไลน์, เฟส
ด้านการบรหิ ารจัดการ
- ส่งเสริมการบริหารจดั การในรปู แบบกลุ่ม
- สง่ เสริมการแบ่งหน้าทคี่ วามรับผดิ ชอบ/งานตามความรคู้ วามสามารถ
- สง่ เสรมิ ใหม้ กี ารแบ่งปันผลประโยชนเ์ พ่ือความเป็นธรรม
- สง่ เสรมิ ให้มีการเสียสละเพื่อประโยชน์ส่วนรวม
(2) ถา้ ท่านมีโอกาสสง่ เสรมิ วิสาหกจิ เพ่อื สังคมเพิ่มเติมท่านจะส่งเสรมิ ดังนี้
- สง่ เสริมใหว้ ิสาหกิจเพอ่ื สังคมมีความเข้มแข็ง
- ส่งเสริมการบรหิ ารจดั การวสิ าหกิจเพอ่ื สงั คมมีประสทิ ธภิ าพ
- ส่งเสริมใหว้ สิ าหกจิ เพื่อสังคมเปน็ องค์กรเพอื่ ประโยชนข์ องชมุ ชนอย่างแท้จริง
- สง่ เสริมใหว้ สิ าหกจิ เพ่ือสงั คมเปน็ กลไกสรา้ งชุมชนเขม้ แข็ง


Click to View FlipBook Version