The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by [email protected], 2019-09-10 03:48:50

กลไกป้องกันและขจัดความทุจริตและประพฤติมิชอบในหน่วยงานภาครัฐ

รายงานกลุ่ม (GP) กป.3 หลักสูตร นปส.71

Keywords: กลไกป้องกัน

รายงานการศกึ ษาเอกสารวชิ าการกลุ่ม

เรื่อง

กลไกป้องกนั และขจัดการทุจริตและประพฤติมชิ อบในหนว่ ยงานรฐั ศึกษากรณอี านาจ

หน้าที่ของนายอาเภอในการกากับดูแลองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาบล

โดย

๑. นางสาวชไมพร อาไพจติ ร หวั หน้าสานกั งานจงั หวดั อ่างทอง

๒. พนั ตารวจโทหญงิ พรทิพย์ ล.วีระพรรค ผ้อู านวยการกองพฒั นาและสนบั สนุนคดีพเิ ศษ

๓. นายณัฐภัทร์ เอมอ่อน นายอาเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม

๔. นายเรอื งฤทธิ์ ประกอบธรรม นายอาเภอเขาคิชฌกฏู จังหวัดจันทบรุ ี

๕. นายชอบ จนั ทรฉ์ าย นายอาเภอเขาชยั สน จงั หวดั พทั ลุง

๖. นายพรชัย พดุ ซ้อน นายอาเภอคาชะอี จังหวดั มกุ ดาหาร

๗. นายวชิ ัย หนเู จริญ เจา้ พนักงานทด่ี นิ จงั หวัดตาก

๘. นายพงษน์ รา เย็นยง่ิ ผู้อานวยการสานกั สนับสนุนและพฒั นาตามผังเมือง

๙. นายอรรณพ คณานุรักษ์ ท้องถิน่ จังหวัดสรุ าษฎร์ธานี

๑๐.นายจักรชยั ชมุ่ จิตต์ ผอู้ านวยการสานกั งานทรัพยากรธรรมชาติและ

สงิ่ แวดล้อมจงั หวดั สกลนคร

รายงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของการศกึ ษาอบรมหลกั สตู รนกั ปกครองระดบั สูง (นปส.) รนุ่ ท่ี ๗๑
สถาบันดารงราชานุภาพ กระทรวงมหาดไทย
พุทธศกั ราช ๒๕๖๑

สถาบนั ดารงราชานุภาพ
วทิ ยาลัยมหาดไทย กระทรวงมหาดไทย

เอกสารการศึกษาวิชาการกลมุ่ เร่ือง กลไกป้องกันและขจัดการทุจรติ และประพฤติมชิ อบใน
หนว่ ยงานรัฐ ศกึ ษากรณีอานาจหนา้ ทีข่ องนายอาเภอในการกากับดูแลองคก์ ารบรหิ ารส่วนตาบล
อนุมตั ใิ ห้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาอบรมหลักสูตรนักปกครองระดับสงู (นปส.) รุ่นที่ ๗๑ พทุ ธศักราช
๒๕๖๑ ของสถาบนั ดารงราชานุภาพ วิทยาลัยมหาดไทย กระทรวงมหาดไทย

ลงชื่อ.................................................................
( รศ.ดร. จาลอง โพธ์บิ ุญ )
อาจารยท์ ี่ปรกึ ษา



กิตติกรรมประกาศ

รายงานการศึกษาเอกสารวิชาการ เร่ือง กลไกป้องกันและขจัดการทุจริตและประพฤติมิชอบใน
หน่วยงานรัฐ ศึกษากรณีอานาจหน้าท่ีของนายอาเภอในการกากับดูแลองค์การบริหารส่วนตาบล คร้ังสาเร็จได้
ด้วยดีเพราะได้รับความกรุณาอย่างดีย่ิงจาก รศ.ดร. จาลอง โพธ์ิบุญ ที่ปรึกษาการศึกษา ที่ได้ให้ความเมตตาสละ
เวลาให้คาแนะนา และขอ้ คดิ เหน็ ตลอดจนตรวจแข้ไขข้อบกพรอ่ งตา่ ง ๆ ในการดาเนนิ การวิจยั จนเป็นผลสาเร็จ

ขอขอบพระคุณคณะผู้เชี่ยวชาญทุกท่านท่ีกรุณาตรวจแก้ไขและให้คาแนะนาที่เป็นประโยชน์ใน
การศึกษาเพื่อให้ผลงานทางวิชาการสมบูรณ์ย่ิงขึ้น ขอขอบคุณกรณีศึกษา 2 กลุ่ม 1) กลุ่มนายอาเภอท่ีเข้ารับ
การศกึ ษาหลักสตู รนกั ปกครองระดับสูง (นปส.) รุ่นที่ 71 จานวน 40 คน 2) กลุ่มนายอาเภอจานวน 40 คน แบ่ง
4 ภาคๆละ 10 คน รวมเปน็ 80 คนที่ใหค้ วามร่วมมอื ในการใหข้ อ้ มูลทาการวจิ ยั คร้งั น้ใี ห้สาเรจ็ ลุล่วงไปด้วยดี

สดุ ท้ายนีค้ ณะผู้วิจัยขอน้อมราลึกถึงพระคุณอันสูงสุดของคุณบิดา มารดา ผู้เป็นแรงบันดาลใจให้
การอบรมส่ังสอนปลูกฝังความใฝ่รู้ในการศึกษา พร้อมทั้งให้กาลังใจ ขอกราบขอบพระคุณ อาจารย์ทุกท่านที่ได้
อบรมสั่งสอนถ่ายทอดความรู้ ช่วยเหลือ ส่งเสริม สนับสนุน และเป็นกาลังใจท่ีดีตลอดมา จนทาให้รายงานฉบับน้ี
สาเรจ็ สมบูรณ์ด้วยดี

คณะผู้ทาวจิ ยั

สารบญั ๑

กติ ตกิ รรมประกาศ ๖
สารบัญ ๖

บทท่ี ๑ บทนา ๖
ความเปน็ มาและความสาคัญของปญั หา ๖
วตั ถปุ ระสงค์ของการวิจยั
ขอบเขตการวจิ ยั ๘
ระยะเวลาทใี่ ชใ้ นการวิจยั ๑๘
นิยามศัพท์เฉพาะ ๒๓
ประโยชนท์ ีไ่ ด้รบั จากการวิจัย ๒๗
กรอบแนวคิดในการวิจยั
๓๑
บทท่ี ๒ เอกสารและงานวิจัยท่ีเก่ียวข้อง ๓๑
แนวคิดเกี่ยวกับการทุจรติ และประพฤติมิชอบ ๓๑
แนวคดิ ทเ่ี ก่ยี วกับกลไกในการป้องกนั และปราบปรามการทุจริต ๓๒
ความรู้เกย่ี วกบั องค์กรปกครองส่วนท้องถิน่ ๓๒
งานวจิ ยั ทเ่ี กีย่ วข้อง
๓๔
บทที่ ๓ วิธีดาเนนิ การศึกษา ๓๔
วธิ กี ารดาเนนิ การศึกษา ๓๖
ผใู้ ห้ข้อมูลสาคัญ
เครอ่ื งมอื ที่ใชใ้ นการศกึ ษา ๔๒
การเกบ็ รวบรวมข้อมูล
การวเิ คราะห์ขอ้ มูล ๔๔

บทท่ี ๔ ผลการวเิ คราะหข์ ้อมลู
ผลการศึกษา
การวิเคราะห์ขอ้ มูลทัว่ ไปของผตู้ อบแบบสอบถาม
การวเิ คราะห์ปจั จยั ที่มีผลตอ่ กลไกปอ้ งกนั และขจัดความทจุ ริตและประพฤติมชิ อบ
ในหนว่ ยงานของรฐั
ขอ้ คิดเหน็ ปัญหาและอุปสรรคในการปฏิบัติหนา้ ท่ีกากับดูแลองค์การบริหารส่วนตาบล
ของนายอาเภอและขจดั ความทุจริตและประพฤตมิ ิชอบในหน่วยงานของรัฐ
ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกบั บทบาทหนา้ ท่ขี องนายอาเภอในการกากบั ดแู ล
องค์การบริหารส่วนตาบลเพื่อเป็นกลไกป้องกนั และขจดั การทจุ ริตและประพฤตมิ ชิ อบ

-2-

บทที่ ๕ อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ ๔๕
สรปุ ผลการศึกษา ๔๖
อภิปรายผลการศกึ ษา ๔๘
ขอ้ เสนอแนะ
50
บรรณานกุ รม
ภาคผนวก 51

แบบสอบถามเพื่อการวิจยั

1

บทที่ ๑
บทนา

๑.๑ ความเป็นมาและความสาคญั ของปญั หา

การทจุ ริตและการประพฤติมิชอบในหนํวยงานของรัฐเป็นปัญหาทีม่ คี วามสาํ คัญและเปน็ ปัญหา
ใหญํ ในหลายประเทศ สําหรับประเทศไทยก็เชํนเดียวกันการทจุ ริตและประพฤตมิ ิชอบในวงราชการเปน็ ปัญหาสังคม
ท้ังในเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพท่ที วคี วามรนุ แรงมากขึ้นตลอดระยะเวลาที่ผาํ นมา เป็นปัญหาทบ่ี ่ันทอนการพฒั นา
ประเทศและเป็นอุปสรรคตํอการสรา๎ งความเจรญิ ในสังคมและความผาสุกของประชาชนมาเปน็ ระยะเวลานาน
ถงึ แมว๎ ําในปัจจบุ นั สังคมไทยมคี วามเข๎าใจและตระหนกั ถงึ ปัญหาการทจุ รติ และประพฤติมิชอบในวงราชการมากข้ึ น
แตปํ ัญหาดังกลําวก็ยงั เกิดขึ้นอยํางกว๎างขวาง มรี ูปแบบการทุจริต ทเ่ี ปลย่ี นแปลงและแตกตํางไปจากอดตี มากขึ้น
ขยายตวั ออกไปในวงกวา๎ ง และมลี กั ษณะที่ซับซอ๎ นมากขึ้น (ณภัทร เตโช และคณะ ม.ป.ป.)

จากผลการจัดอนั ดับในการจัดอันดบั ดัชนีช้วี ัดภาพลักษณ์คอรัปชัน่ ประจาํ ปี ๒๕๖๐ ประเทศไทย
ได๎คะแนน ๓๗ คะแนนจากคะแนนเตม็ ๑๐๐ คะแนน อยํูอนั ดับที่ ๙๖ จากเดมิ อันดบั ๑๐๑ เมอ่ื ปี ๒๕๕๙ ซงึ่ ไทยได๎
คะแนน ๓๕ คะแนน (matichon , ๒๕๖๑)

การจดั อนั ดบั ดชั นภี าพลักษณ์คอรปั ชนั่ เป็นวธิ กี ารที่ใชก๎ ระตุ๎นความสนใจของผ๎ูคนทั่วโลกตํอปญั หา
การทุจรติ คอรัปช่ันทม่ี กี ารทํากนั ทุกปอี ยาํ งตอํ เนอ่ื ง ซง่ึ ผลคะแนนปีนี้ประเทศไทยเรามีคะแนนดีขน้ึ เลก็ นอ๎ ย จาก ๓๕
คะแนนในปีทแ่ี ล๎วมาเป็น ๓๗ คะแนน และขยับอนั ดบั ขน้ึ มาจากอนั ดับท่ี ๑๐๑ เปน็ อนั ดับที่ ๙๖ ซึ่งการท่ีอนั ดบั ของ
ประเทศไทยเล่อื นขนึ้ เปน็ เพราะหลายประเทศทเ่ี คยมคี ะแนนเทํากันหรือมากก วําเราใน ปีท่ีแล๎ว ได๎คะแนนเทาํ เดมิ
หรือบางประเทศกลบั ไดค๎ ะแนนลดลงหรือเพ่มิ ขนึ้ แตํยังนอ๎ ยกวําเรา ซ่งึ อาจหมายถงึ ในชวํ งปที ผี่ าํ นมา หลายภาค
สํวนได๎พยายามมสี วํ นรวํ มในการแกไ๎ ขปญั หาและเห็นผลของการแกป๎ ญั หาบางดา๎ น เชนํ การปลกู ฝังความดใี ห๎เด็กๆ
ในการเรยี นการสอนหลักสู ตร “โตไปไมโํ กง” และการดาํ เนนิ “โรงเรียนคณุ ธรรม ” รวมถึงการตน่ื ตวั ของภาคธรุ กจิ
ในการตํอตา๎ นการทจุ รติ

สถิติเร่อื งร๎องเรยี นจากเลขาธิการคณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ แหงํ ชาติ พบวาํ ใน
ปี ๒๕๖๐ พบวําสถิ ติของการร๎องเรยี นปญั หาทุจริตคอ รปั ชั่นองค์กรปกครองสํวนท๎อง ถน่ิ ซ่งึ เปน็ เรื่องกลํ าวหา
ร๎องเรยี นท่ีอยํูระหวํางดําเนิน การไตสํ วนขอ๎ เท็จจรงิ มจี ํานวน ๒,๗๕๗ รายการ โดยเรอื่ งท่มี ีการรอ๎ งเรียนสูงสดุ คอื
เจา๎ หนา๎ ทีข่ องรฐั ใชอ๎ ํานาจโดยมิชอบ การจํายเงนิ งบประมาณอยาํ งมนี ยั ยะแอบแฝง และเร่ืองรับสินบน
(bangkokbiznews , ๒๕๖๐)

ขอ๎ มลู สถติ ิเรื่องรอ๎ งเรียนทุจรติ องค์ปกครองสวํ นทอ๎ งถนิ่ ตํอ คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปราม
การทุจรติ แหํงชาติ ในชํวงปี 2560 มจี าํ นวน 2,757 รายการ

ลาํ ดบั ท่ี รายชื่อหนวํ ยงาน จํานวนเรอื่ งรอ๎ งเรียน
1 องคก์ ารบรหิ ารสวํ นตําบล 1,030
2 เทศบาลตําบล 715
3 องค์การบริหารสวํ นจังหวดั 315
4 เทศบาลเมือง 296

2

ลําดบั ท่ี รายชื่อหนํวยงาน จาํ นวนเร่ืองรอ๎ งเรยี น
5 กรุงเทพมหานคร 224
6 เทศบาลนคร 152
7 เมืองพทั ยา 5
8 ยังไมํได๎ระบกุ รม 20

ตวั เลขในระยะเวลา ๑ ปี สะทอ๎ นใหเ๎ หน็ ถึงอัตราความไมชํ อบมาพากลในการบรหิ ารงานท๎องถิน่
โดยเฉพาะอยาํ งย่ิงการทุ จรติ ในการจัดซือ้ จัดจ๎างภาครฐั โดยการใชอ๎ ํา นาจโดยมชิ อบทมี่ จี าํ นวนที่สูงมาก สาํ หรบั
กฎหมายหลายฉบบั ทีป่ อ้ งกันการทุจริตในรปู แบบตํางๆ ไมวํ ําจะเป็นก ารฮวั้ การสมยอมราคา การลอ็ คสเปก การ
จัดเก็บรายได๎ในทอ๎ งถ่นิ หรอื แม๎กระท่ังการเสนอโครงการทไี่ มมํ ีการดาํ เนินการจรงิ แตํมีกา รรบั งานและอนุมตั ิ
งบประมาณให๎กบั บริษัทเอกชน ภายใต๎ พ .ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนญู วําด๎วยการปอ้ งกั นและปราบปรามการทจุ ริต
พ.ศ. ๒๕๕๔ พ.ร.บ. วาํ ด๎วยการเสนอราคาตอํ หนวํ ยงานของรัฐ พ.ศ. ๒๕๔๒ ประกาศ ป.ป.ช. เรื่องหลักเกณฑ์และ
วิธีการจดั ทําและแสดงบัญชีรายรับรายจาํ ยของโครงการทบ่ี คุ คลหรอื นิตบิ คุ คลเป็นคสูํ ัญญากบั หนวํ ยงานของรฐั พ .ศ.
๒๕๕๔ และแก๎ไขเพ่ิมเตมิ (ฉบบั ที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๔ นอกจากนย้ี ังมี พ .ร.บ. ท่ใี ชก๎ ํากบั ดูแลองคก์ รปกครองสํวน
ท๎องถนิ่ ประกอบดว๎ ย

1) พ.ร.บ. องค์การบริหารสํวนจังหวดั พ.ศ. 2540
มาตรา 77 ผู๎วําราชการจังหวัดมอี ํานาจกํา กบั ดูแลการปฏบิ ัตริ าชการขององค์การบริหารสํวน
จงั หวดั ให๎เป็นไปตามกฎหมาย กฎ และระเบยี บข๎อบั งคบั ของทางราชการ เพอื่ การนี้ ใหผ๎ วู๎ ําราชการจงั หวัดมีอํานาจ
สง่ั สอบสวนข๎อเท็จจริงหรอื สัง่ ให๎องค์ การรหิ ารสํวนจังหวัดชแ้ี จงแสดงความคิดเหน็ เก่ยี วกบั การปฏบิ ตั ิราชการของ
องคก์ ารบริหารสวํ นจังหวดั ได๎ ในกรณที ผ่ี ูว๎ าํ ราชการจังหวดั เห็นวาํ นายกองคก์ ารบรหิ ารสวํ นจังหวดั หรอื รองนายก
องคก์ ารบริหารสวํ นจงั หวัดปฏบิ ัตกิ ารในทางที่อาจนํามาซ่ึงความเสียหายแกอํ งค์การบริหารสํวนจังหวดั หรือกระทํา
การฝา่ ฝนื กฎหมาย กฎ หรือระเบียบข๎อบงั คบั ของทางราชการ ผว๎ู าํ รา ชการจังหวดั มีอาํ นาจยบั ยงั้ การปฏิบัติการ
ดังกลําวไว๎เป็นการชั่วคราวได๎ แล๎วใหร๎ ายงานรัฐมนตรีภายในสบิ หา๎ วนั นับแตํวนั ทอ่ี อกคาํ สั่ง ให๎รฐั มนตรวี ินจิ ฉัยสั่ง
การในเร่อื งดงั กลําวภายในสามสบิ วันนับแตวํ นั ท่ีได๎รบั รายงานจากผว๎ู าํ ราชการจังหวัด คําสงั่ ของรฐั มนตรใี ห๎เปน็ ทส่ี ุด
มาตรา 78 ผว๎ู าํ ราชการจังหวัดอาจส่งั เพกิ ถอนมตขิ องสภาองค์การบรหิ ารสํวนจังหวดั ซึง่ มิใชํ
ข๎อบญั ญตั ไิ ดใ๎ นกรณีทปี่ รากฏวํามตินน้ั ฝา่ ฝืนกฎหมาย กฎ หรอื ระเบียบขอ๎ บงั คบั ของทางราชการ หรอื เปน็ มติท่ี
นอกเหนอื อํานาจหนา๎ ทขี่ ององคก์ ารบรหิ ารสวํ นจงั หวดั คําสง่ั เพกิ ถอนมติของผู๎ วาํ ราชการจังหวดั ตามวรรคหนึ่งต๎อง
แสดงเหตุผลของการเพกิ ถอนมตินั้น และตอ๎ งกระทาํ ภายในสามสิบวนั นับแตํวันท่สี ภาองคก์ ารบรหิ ารสํวนจังหวดั มี
มติ ในกรณที ่สี ภาองค์การบรหิ ารสวํ นจงั หวัดยงั ยืนยันมติเดิมด๎วยคะแนนเสยี งไมํนอ๎ ยกวําสองในสามของจาํ นวน
สมาชิกสภาองค์การบรหิ ารสํวน จังหวัดเทาํ ทมี่ อี ยํู ให๎ผว๎ู ําราชการจังหวัดรายงานการยืนยันมติดงั กลาํ วและเหตุผล
ของการเพกิ ถอนมติของผูว๎ าํ ราชการจังหวดั ตํอรัฐมนตรีภายในสบิ หา๎ วนั นบั แตวํ นั ที่สภาองคก์ ารบรหิ ารสวํ นจงั หวดั มี
มติยนื ยนั มติเดิม ให๎รฐั มนตรีวินจิ ฉัยสง่ั การในเร่อื งดังกลําวภายในสามสิบวนั นับแตวํ นั ท่ไี ดร๎ ับรายงานจากผวู๎ ําราชการ
จังหวัด
มาตรา 79 ในกรณที น่ี ายกองค์การบรหิ ารสํวนจังหวัด รองนายกองคก์ ารบริหารสํวนจังหวดั
ประธานสภาองค์การบริหารสวํ นจงั หวดั หรือรองประธานสภาองค์การบรหิ ารสํวนจังหวัด ละเลยไมปํ ฏบิ ตั ิการตาม

3

อาํ นาจหนา๎ ท่หี รอื ปฏบิ ัตกิ ารไมชํ อบด๎ว ยอํานาจหนา๎ ท่ี หรือประพฤติตนฝ่าฝืนตํอความสงบเรยี บร๎อยของประชาชน
ผว๎ู ําราชการจังหวดั จะดาํ เนินการสอบสวนก็ได๎

มาตรา 80 เพื่อคม๎ุ ครองประโยชน์ของประชาชนในเขตองค์การบริหารสวํ นจังหวดั หรอื ประโยชน์
ของประเทศเปน็ สํวนรวม ผู๎วําราชการจังหวดั จะรายงานเสนอความเห็นตํอรัฐมน ตรีเพ่อื ยบุ สภาองค์การบรหิ ารสํวน
จงั หวดั ก็ได๎ เมอื่ มีกรณตี ามวรรคหนงึ่ หรือกรณอี ่ืนตามทีก่ ําหนดไวใ๎ นพระราชบญั ญตั นิ ี้ รัฐมนตรมี อี ํานาจยุบสภา
องค์การบรหิ ารสํวนจังหวดั ไดแ๎ ละให๎แสดงเหตผุ ลไวใ๎ นคาํ สั่งด๎วย

2) พ.ร.บ. เทศบาล พ.ศ. 2496 และท่ีแกไ๎ ขเพิ่มเติมถงึ ฉบบั ท่ี 13 พ.ศ. 2552 สวํ นท่ี 6 เรอ่ื ง
การควบคุมเทศบาล

มาตรา 71 ให๎ผูว๎ ําราชการจังหวัดมอี ํานาจหน๎าทีค่ วบคมุ ดแู ลเทศบาลในจังหวัดน้นั ใหป๎ ฏิบัติตาม
อาํ นาจหน๎าทีโ่ ดยถกู ตอ๎ งตามกฎหมายในการนใ้ี ห๎มีอํานาจหน๎าท่ีชีแ้ จงแนะนาํ ตกั เตือนเทศบาล และตรวจสอบกจิ การ
เรยี กรายงานและเอกสารหรอื สถติ ิ ใดๆจากเทศบาลมาตรวจ ตลอดจนเรยี กสมาชิกสภาเทศบาลหรือพนักงาน
เทศบาลมาชี้แจงหรอื สอบสวนกไ็ ด๎ ให๎นายอาํ เภอมีอํานาจหนา๎ ทีช่ วํ ยผูว๎ าํ ราชการจงั หวัดควบคมุ ดูแลเทศบาลตาํ บล
ในอําเภอน้ัน ให๎ปฏิบตั กิ ารตามอาํ นาจหน๎าท่โี ดยถูกต๎องตามกฎหมายในการน้ใี ห๎มีอาํ นาจหนา๎ ท่ีช้แี จงและแนะนํา
ตกั เตือนเทศาลตําบล และตรวจสอบกิจการ เรียกรายงานและเอกสารหรอื สถิตใิ ดๆจากเทศบาลมาตรวจสอบ
ตลอดจนเรียกสมาชิกสภาเทศบาลหรอื พนักงานเทศบาลมาชแี้ จง

มาตรา 72 เมอ่ื นายอาํ เภอในกรณีแหํงเทศบาลในอาํ เภอน้นั หรอื ผูว๎ าํ ราชการจังหวดั ในกรณแี หงํ
เทศบาลเมืองและเทศบาลนครเห็นวาํ นายกเทศมนตรี หรอื รองนายกเทศมนตรีผู๎ใดปฏบิ ตั กิ ารของเทศบาลไปในทาง
ทอี่ าจเปน็ การเสยี หายแกํเทศบาลหรือเสียหายแกํราชการและนายอาํ เภอหรือผ๎วู ําราชการจังหวัด แลว๎ แตกํ รณี ได๎
ชแ้ี จงแนะนาํ ตักเตอื นแล๎วไมํปฏิบตั ติ ามนายอําเภอหรอื ผู๎วําราชการจังหวัด แลว๎ แตกํ รณี มีอาํ นาจทจ่ี ะสั่งเพกิ ถอน
หรือสั่งให๎ระงบั การปฏิบัติของนายกเทศมนตรีหรือรองนายกเทศมนตรี น้ันไวก๎ ํอนได๎ แลว๎ ใหผ๎ ๎ูวาํ ราชการจงั หวัดรีบ
รายงานรฐั มนตรวี าํ การกระทรวงมหาดไทยทราบภายในกาํ หนดสิบห๎าวนั นับต้งั แตํวันที่มีคําสั่งเพือ่ ให๎รฐั มนตรวี าํ การ
กระทรวงมหาดไทยวนิ จิ ฉยั สงั่ การตามสมควรคําสั่งของรฐั มนตรีวําการกระทรวงมหาดไทยตามความในวรรคกอํ นไมํ
กระทบกระเทือนสทิ ธขิ องบุคคลภายนอกผกู๎ ระทาํ การโดยสุจรติ

มาตรา 73 ในกรณีที่ผวู๎ ําราชการจงั หวดั เหน็ วํา นายกเทศมนตรี รองนายกเทศมนตรี
ประธานสภาเทศบาล หรือรองประธานสภาเทศบาล ปฏบิ ตั กิ ารฝา่ ฝืนตอํ ความสงบเรียบรอ๎ ย หรือ สวสั ดภิ าพของ
ประชาชน ละเลยไมํปฏบิ ตั ติ ามหรือปฏบิ ัติการไมํชอบด๎วยอาํ นาจหนา๎ ท่ี หรอื มีความประพฤติในทางจะนํามาซึ่ง
ความเส่อื มเสยี แกํศักดิต์ าํ แหนงํ หรือแกํเทศบาล หรอื แกํราชการ ให๎เสนอความเห็นตํอรฐั มนตรวี ําการ
กระทรวงมหาดไทยพร๎อมดว๎ ยหลักฐาน รัฐมนตรวี าํ การกระทรวงมหาดไทยอาจใช๎ดลุ พนิ จิ สง่ั ให๎นายกเทศมนตรี รอง
นายกเทศมนตรี ประธานสภาเทศบาล หรือรองประธานสภาเทศบาลพ๎นจากตําแหนงํ ก็ได๎ คาํ สง่ั ของรฐั มนตรวี ําการ
กระทรวงมหาดไทยให๎เป็นทส่ี ดุ

มาตรา 74 เพื่อคุ๎มครองประโยชน์ของประชาชนในเขตเทศบาลหรือประโยชน์ของประเทศเปน็
สวํ นรวม ผ๎วู าํ ราชการจงั หวัดจะรายงานเสนอความเห็นตอํ รฐั มนตรวี าํ การกระทรวงมหาดไทยเพ่อื ยบุ สภาเทศบาลก็
ได๎ เมื่อมกี รณตี ามวรรคหน่งึ หรอื กรณีอืน่ ตามทก่ี าํ หนดไว๎ในพระราชบญั ญัตนิ ้ี รฐั มนตรีวําการกระทรวงมหาดไทยมี
อํานาจยบุ สภาเทศบาลและใหแ๎ สดงเหตผุ ลไวใ๎ นคําสั่งด๎วย เม่ือมกี ารยุบสภาเทศบาลหรอื ถือวาํ มีการยุบสภาเทศบาล
ตามพระราชบญั ญตั ิน้ี ใหม๎ กี ารเลือกต้ังสมาชกิ สภาเทศบาลข้ึนใหมตํ ามกฎหมายวําดว๎ ยการเลือกต้ัง สมาชกิ สภา
เทศบาลภายในสสี่ ิบหา๎ วัน

4

มาตรา 75 ในเมอื่ เห็นจําเปน็ ทจ่ี ะใหเ๎ ทศบาลใดอยูํในความควบคมุ ดแู ลของกระทรวงมหาดไทย
โดยตรง ก็ใหท๎ ําไดโ๎ ดยตราเปน็ พระราชกฤษฎีกา เมือ่ ไดม๎ พี ระราชกฤษฎกี าใหเ๎ ทศบาลใดอยํูในความควบคุมดูแลของ
กระทรวงมหาดไทย ตามความในวรรคกํอน บรรดาอาํ นาจและหน๎าทีข่ องนายอาํ เภอหรือผ๎วู ําราชการจังหวดั อัน
เก่ียวกบั เทศบาลนนั้ ให๎เป็นอาํ นาจหน๎าท่ีของรัฐมนตรวี ําการกระทรวงมหาดไทยหรอื ผ๎ทู รี่ ฐั มนตรีวาํ การ
กระทรวงมหาดไทยมอบหมาย

3) พ.ร.บ. สภาตาํ บลและองคก์ ารบรหิ ารสวํ นตําบล พ.ศ. 2537 แก๎ไขเพิม่ เติม พ.ศ. 2552 สํวน
ท่ี 5 การกํากับดแู ลองค์การบรหิ ารสํวนตาํ บล

มาตรา 90 ใหน๎ ายอําเภอมอี ํานาจหนา๎ ทีก่ าํ กบั ดูแลการปฏิบัติหนา๎ ทขี่ ององค์การบริหารสํวนตําบลให๎เป็นไป
ตามกฎหมายและระเบยี บข๎อบังคับของทางราชการ ในการปฏิบัตติ ามอาํ นาจหนา๎ ท่ีของนายอําเภอในวรรคหนง่ึ ให๎
นายอําเภอมอี ํานาจเรียกสมาชกิ สภาองคก์ ารบริหารสวํ นตาํ บล นายกองค์การรหิ ารสวํ นตาํ บล รองนายกองคก์ าร
บรหิ ารสํวนตําบล เลขานุการนายกองค์การบริหารสวํ นตําบล พนักงานสวํ นตําบล และลูกจา๎ งขององคก์ ารบรหิ าร
สํวนตาํ บลมาชแี้ จงหรอื สอบสวน ตลอดจนเรียกรายงานและเอกสารใดๆ จากองคก์ ารบริหารสวํ นตําบล มาตรวจสอบ
ก็ได๎ เม่อื นายอาํ เภอเห็นวาํ นายกองค์การบรหิ ารสํวนตําบลผู๎ใดปฏิบัตใิ นทางท่ีอาจเปน็ การเสยี หายแกอํ งคก์ ารริหาร
สวํ นตําบลหรือเสียหายแกํราชการและนายอาํ เภอไดช๎ แี้ จงแนะนําตกั เตือน แลว๎ ไมปํ ฏิบัตติ าม ในกรณฉี ุกเฉินหรอื
จาํ เปน็ เรงํ ดวํ นที่จะรอชา๎ ไมไํ ดใ๎ หน๎ ายอําเภอมอี าํ นาจออกคําสงั่ ระงบั การปฏิบตั ริ าชการของนายกองคก์ ารรหิ ารสํวน
ตําบลไวต๎ ามทเ่ี ห็นสมควรได๎ แลว๎ ใหร๎ ีบรายงานผ๎ูวาํ ราชการจังหวดั ทราบภายในสบิ ห๎าวันเพอื่ ให๎ผ๎ูวาํ ราชการจังหวัด
วนิ ิจฉยั สง่ั การตามท่ีเหน็ สมควรโดยเรว็ การกระทําของนายกองค์การบรหิ ารสํวนตําบลทฝี่ ่าฝนื คาํ สัง่ ของนายอาํ เภอ
หรอื ผ๎ูวําราชการจังหวดั ไมมํ ผี ลผูกพนั องคก์ ารบริหารสํวนตําบล

มาตรา 91 เพอื่ ค๎มุ ครองประโยชน์ของประชาชนในเขตองค์การบรหิ ารสํวนตาํ บลหรอื ประโยชน์
ของประเทศท่เี ปน็ สํวนรวม นายอาํ เภอจะร ายงานเสนอความเหน็ ตํอผู๎วาํ ราชการจังหวัดเพื่อยบุ สภาองค์การบริหาร
สํวนตําบลกไ็ ด๎ เม่อื มีกรณตี ามวรรคหนึ่งหรอื กรณอี ่ืนตามทกี่ ําหนดไว๎ในพระราชบัญญัตินี้ ผู๎วาํ ราชการจังหวัดมี
อาํ นาจหน๎าทย่ี ุบสภาองคก์ ารบริหารสวํ นตาํ บลและให๎แสดงเหตุผลไว๎ในคาํ สัง่ ด๎วย เม่ือมกี ารยุบสภาองค์ การบริหาร
สวํ นตาํ บลหรอื ถือวํามกี ารยุบสภาองคก์ ารบรหิ ารสํวนตําบล ตามพระราชบญั ญัตินี้ ให๎มกี ารเลือกตั้งสมาชกิ สภา
องคก์ ารบรหิ ารสํวนตําบลข้ึนใหมภํ ายในส่สี บิ ห๎าวนั

มาตรา 92 หากปรากฏวํานายกองค์ การริหารสวํ นตําบล รองนายกองคก์ ารริหารสํวนตําบล
ประธานสภาองค์การบรหิ ารสํวนตาํ บล หรือรองประธานสภาองค์การบริหารสวํ นตาํ บล กระทาํ การฝา่ ฝนื ตํอความ
สงบเรยี บร๎อยหรอื สวสั ดิภาพของประชาชน หรอื ละเลยไมปํ ฏบิ ตั ติ ามหรือปฏิบัติการไมํชอบดว๎ ยอาํ นาจหน๎าท่ี ให๎
นายอาํ เภอดําเนนิ การสอบสวนโดยเรว็ ในกรณที ี่ผลการสอบสวนปรากฏวาํ นายกองคก์ ารริหารสํวนตําบล รองนายก
องคก์ ารรหิ ารสํวนตําบลประธานสภาองคก์ ารบริหารสํวนตาํ บล หรอื รองประธานสภาองคก์ ารบริหารสวํ นตําบล มี
พฤตกิ รรมตามวรรคหนึง่ จรงิ ให๎นายอาํ เภอเสนอให๎ผวู๎ ําราชการจังหวัดสงั่ ใหบ๎ คุ คลดังกลาํ วพน๎ จากตําแหนํง ทง้ั น้ี
ผวู๎ าํ ราชการจังหวดั อาจดาํ เนนิ การสอบสวนเพมิ่ เตมิ ดว๎ ยกไ็ ดค๎ าํ สั่งของผู๎วําราชการให๎เป็นท่สี ดุ

4) พ.ร.บ.ระเบยี บบริหารราชการเมืองพัทยา พ.ศ. 2542 หมวด 7 การกํากบั ดแู ล
มาตรา 94 ให๎ผ๎วู ําราชการจังหวัดมอี ํานาจหนา๎ ท่กี ํากับดูแลการปฏิบัตริ าชการของเมอื งพทั ยา เพอ่ื
การนี้ ผูว๎ ําราชการจงั หวัดมอี าํ นาจส่งั สอบสวนขอ๎ เท็จจรงิ หรอื สั่งใหน๎ ายกเมืองพัทยาชแ้ี จงแสดงความคดิ เหน็ เกีย่ วกับ
การปฏบิ ตั ิราชการของเมืองพทั ยาได๎

5

มาตรา 95 บรรดาเรอื่ งที่เมอื งพัทยาต๎องเสนอไปยังรฐั มนตรีหรือกระทรวง ทบวง กรม ให๎นายก
เมืองพทั ยารายงานให๎ผู๎วาํ ราชการจงั หวดั ทราบด๎วย ในการน้ี ผ๎วู ําราชการจังหวดั จะทาํ ความเห็นเสนอรฐั มนตรี หรือ
กระทรวง ทบวง กรม แลว๎ แตํกรณี เพื่อประกอบการพจิ ารณาดว๎ ยกไ็ ด๎

มาตรา 96 ในกรณที ีผ่ ู๎วาํ ราชการจงั หวดั เหน็ วาํ นายกเมอื งพัทยาปฏบิ ตั ิการในทางทีอ่ าจนํามาซง่ึ
ความเสียหายแกเํ มอื งพัทยา หรือกระทําการฝ่าฝืนกฎหมาย กฎ ระเบียบ ขอ๎ บงั คับ หรอื ขอ๎ บัญญัติ และผ๎วู าํ ราชการ
จังหวดั ไดช๎ ้แี จง แนะนํา หรือตักเตอื นแลว๎ แตนํ ายกเมืองพัทยาไมํปฏบิ ัติตาม ให๎ผู๎วาํ ราชการจังหวดั รายงานให๎
รัฐมนตรีทราบเพอ่ื พจิ ารณาสงั่ การตามท่เี หน็ สมควร ในกรณฉี ุกเฉินหรือจาํ เป็นรีบดวํ นทจี่ ะรอช๎ามไิ ด๎ ใหผ๎ ว๎ู ําราชการ
จงั หวัดมอี ํานาจออกคาํ ส่ังระงบั การปฏบิ ตั ริ าชการของนายกเมืองพัทยาไว๎ตามท่ีเห็นสมควรได๎ การกระทาํ ของนายก
เมืองพทั ยาท่ฝี า่ ฝนื คําสง่ั ของผู๎วาํ ราชการจังหวดั หรอื รัฐมนตรี แลว๎ แตกํ รณี ตามวรรคหน่งึ ไมมํ ีผลผูกพันเมอื งพทั ยา

มาตรา 97 ในกรณีทเ่ี มืองพทั ยาดําเนนิ การนอกเขตเมืองพทั ยาตามมาตรา ๖๕ และกจิ การนนั้ มี
ลกั ษณะทอี่ าจนาํ มาซงึ่ ความเดอื ดรอ๎ นรําคาญแกปํ ระชาชนในเขตเมอื งพทั ยา หรืออาจกระทบกระเทอื นตอํ ความสงบ
เรียบร๎อย หรอื ความปลอดภยั ของประชาชนในเขตเมืองพทั ยาหรือองคก์ รปกครองสวํ นท๎องถ่ินอืน่ ผ๎วู ําราชการ
จงั หวัดมอี ํานาจแนะนาํ ให๎ปรบั ปรงุ แกไ๎ ขหรือกระทาํ การใดๆ ได๎ตามสมควร ในกรณีท่ีเมอื งพัทยา ไมํปฏิบัติตามและ
ผวู๎ าํ ราชการจงั หวัดเหน็ วาํ ไมํมเี หตผุ ลอนั สมควร ผ๎ูวาํ ราชการจังหวดั จะออกคําส่งั ระงบั การดาํ เนินกิจการดังกลําวก็ได๎

มาตรา 98 เพ่ือค๎ุมครองประโยชน์ของประชาชนในเขตเมอื งพทั ยาหรือประโยชน์ของประเทศเป็น
สวํ นรวม ผ๎วู าํ ราชการจังหวดั จะรายงานเสนอความเหน็ ตํอรัฐมนตรเี พือ่ พิจารณาสั่งยบุ สภาเมืองพัทยาก็ได๎ เม่อื มกี รณี
ตามวรรคหนงึ่ หรอื กรณอี นื่ ตามท่กี าํ หนดไว๎ในพระราชบัญญัตินรี้ ฐั มนตรีมีอาํ นาจยุบสภาเมอื งพทั ยา และใหแ๎ สดง
เหตผุ ลไว๎ในคําสัง่ ดว๎ ย

มาตรา 99 บรรดาอํานาจหน๎าทขี่ องผ๎ูวําราชการจังหวดั ตามพระราชบญั ญตั ิน้ี ถ๎าผู๎วํ าราชการ
จังหวัดพจิ ารณาเห็นสมควร จะทําหนงั สือมอบอํานาจให๎รองผูว๎ าํ ราชการจังหวดั ปฏบิ ัตแิ ทนก็ได๎ แตํต๎องแจ๎งใหเ๎ มือง
พทั ยาทราบและให๎รายงานกระทรวงมหาดไทยทราบด๎วย

5) พ.ร.บ. ระเบียบบรหิ ารราชการกรงุ เทพมหานคร พ .ศ. 2528 หมวด 8 ความสมั พันธ์ระหวาํ ง
รัฐบาลกับกรงุ เทพมหานคร

มาตรา 121 เพ่อื ประโยชน์ในการปฏิบตั ิหนา๎ ทร่ี าชการอน่ื นอกเหนือจากท่ี พระราชบญั ญตั นิ แ้ี ละ
กฎหมายอน่ื กาํ หนดใหเ๎ ป็นอํานาจหน๎าที่ของกรงุ เทพมหานคร ถา๎ กระทรวง ทบวง กรมใดเห็นสมควรสงํ ขา๎ ราชการ
มาประจํากรงุ เทพมหานครเพื่อปฏบิ ตั ิราชการในหน๎าท่ี ของกระทรวง ทบวง กรมนน้ั ๆ กย็ ํ อมกระทําได๎ โดยทํา
ความตกลงกบั กรุงเทพมหานคร

มาตรา 122 การต้ังงบประมาณเป็นเงนิ อุดหนุนในกรงุ เทพมหานคร ใหร๎ ฐั บาล ต้งั ให๎
กรุงเทพมหานครโดยตรง ภายใตบ๎ งั คบั แหํงกฎหมายอน่ื เงนิ อุดหนุนทร่ี ฐั บาลจัดใหแ๎ กํกรงุ เทพมหานครนั้น
รัฐมนตรวี ําการกระทรวงมหาดไทยจะออกระเบยี บกาํ หนดการใชจ๎ ํายเงินดงั กลําวก็ได๎

สาํ หรบั องคก์ รปกครองสวํ นท๎องถิ่น ในปจั จบุ นั ทงั้ รูปแบบองค์การบริหารสวํ นจังหวัด เทศบาล
และองคก์ ารบริหารสํวนตาํ บล ตลอดจน กรุงเทพมหานคร และเมอื งพัทยา ซ่ึงเหน็ วํา องค์กรปกครองสวํ นท๎องถิน่
ทงั้ หลายไดถ๎ กู จบั ตามองจากสังคมภายนอกวาํ มกี ารทจุ ริตคอรร์ ปั ชัน่ เป็นจาํ นวนมาก

ดงั น้ัน ผู๎ศกึ ษาจึงมคี วามสนใจท่จี ะศึกษาถงึ กลไกปอ้ งกันและขจดั ความทุจรติ และประพฤตมิ ชิ อบ
ในหนวํ ยงานภาครฐั ในสํวนของอํานาจหน๎าทขี่ องนายอาํ เภอในการกาํ กับดแู ล องค์การบรหิ ารสวํ นตําบล ในปัจจบุ ัน
เพอ่ื ให๎ทราบถงึ สาเหตขุ องการทุจริตและวางกลไกปอ้ งกันและขจดั ความทจุ ริตและประพฤติมิชอบขององคก์ าร

6

บริหารสํวนตาํ บล โดยการใชห๎ ลกั การ ตามพระราชบญั ญตั ิ สภาตําบลและองคก์ ารบริหารสํวนตําบล พ .ศ. ๒๕๓๗
สํวนท่ี ๕ การกํากบั ดแู ลองค์การบริหารสวํ นตาํ บล เพอื่ ขจดั ความทุจรติ และประพฤติมิชอบในองคก์ ารบริหารสํวน
ตําบล ให๎นอ๎ ยลงและหมดสิ้นไปในทา๎ ยท่ีสดุ อยํางยงั่ ยนื
๑.๒ วัตถุประสงค์การวจิ ยั

๑.๒.๑ เพ่ือศกึ ษาความคดิ เหน็ เกี่ยวกับระบบกลไกและบทบาทหน๎าทขี่ องนายอําเภอในการกาํ กับดูแลการ
ป้องกันและขจดั การทุจริตและประพฤตมิ ิชอบในองคก์ ารบริหารสํวนตําบล

๑.๒.๒ เพ่ือศึกษาปัญหาอุปสรรคในการปฏบิ ัตหิ นา๎ ท่กี ํากับดแู ลการป้องกันและขจดั การทุจริตและประพฤติ
มิชอบในองคก์ ารบรหิ ารสํวนตาํ บลของนายอําเภอ

๑.๒.๓ เพอื่ เสนอแนะเกย่ี วกับบทบาทหน๎าท่ขี องนายอาํ เภอในการป้องกนั และขจดั ความทุจรติ และประพฤติ
มิชอบขององคก์ ารบริหารสวํ นตําบล
๑.๓ ขอบเขตการวิจัย

๑.๓.๑ ขอบเขตดา๎ นพ้ืนท่ี : การศกึ ษาในคร้งั นี้มํุงศกึ ษาเฉพาะองค์การบริหารสวํ นตาํ บล
๑.๓.๒ ขอบเขตดา๎ นเวลา : การศกึ ษาครง้ั นใี้ ช๎เวลาในการศึกษาทง้ั ส้นิ ๓ เดือน
๑.๓.๓ ขอบเขตด๎านเนื้อหา : ในการดาํ เนนิ การศกึ ษาวิจัยคร้ังน้ี เป็นการศกึ ษาถึงกลไก การกํากับดูแล
องค์การบรหิ ารสํวนตาํ บลตามพระราชบัญญัติสภาตาํ บ ลและองค์การบริหารสวํ นตําบล พ .ศ. 2537 และทีแ่ ก๎ไข
เพ่มิ เติม ในมาตรา 90 –มาตรา 92
๑.๓.๔ ขอบเขตด๎านประชากร : การศึกษาในครั้งน้มี ุงํ ศกึ ษาผ๎ูทีเ่ กีย่ วข๎องกบั การวางกลไกการกาํ กบั ดแู ลใน
การปอ้ งกนั และขจดั ความทจุ ริต และพฤติกรรมมิชอบขององคก์ ารบริหารสํวนตาํ บล คอื กลมํุ นายอาํ เภอ ท่พี ื้นที่
องคก์ ารบริหารสวํ น ตาํ บล จาํ นวน อําเภอ โดยแบํงกลํุมศกึ ษา ประกอบด๎วย 1) นายอําเภอทเี่ ขา๎ รับการศกึ ษา
หลกั สตู รนักปกครองระดบั สงู (นปส.) รํนุ ที่ 71 จาํ นวน 40 คน 2) นายอาํ เภอทีไ่ มอํ ยใูํ นกลุมํ ทีเ่ ขา๎ ศกึ ษาอบรม
หลกั สูตรนกั ปกครองระดับสงู (นปส.) รุํนท่ี 71 แบงํ รายภาคๆละ 10 คน
1.4 ระยะเวลาทใี่ ชใ้ นการวิจยั
การศึกษาวิจยั ครง้ั นี้ ใชร๎ ะยะเวลาทําการประมาณ 3 เดอื น ระหวาํ งเดือนมถิ ุนายน – เดือนสงิ หาคม ๒๕๖๑
๑.๕ นิยามศพั ทเ์ ฉพาะ
๑.๕.๑ การทุจรติ และประพฤติมิชอบ หมายถงึ การแสวงหาผลประโยชนจ์ ากตาํ แหนํง บทบาทหน๎าทโี่ ดยมิ
ชอบ ขัดตํอกฎหมายและระเบียบปฏิบัติ
๑.๕.2 กลไกในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หมายถึง การกําหนดแนวทางใน
การปอ้ งกนั มิให๎เกิดการทจุ ริตและประพฤตมิ ชิ อบ ตลอดจนถึงการปราบปรามการทุจรติ และประพฤติมิชอบอนั
เกิดขึ้นแล๎วใหห๎ มดสน้ิ ไปอยาํ งมปี ระสทิ ธภิ าพและประสิทธผิ ล
๑.๖ ประโยชนท์ ี่ไดร้ บั จากการวิจยั
ทําใหท๎ ราบรปู แบบและสาเหตขุ องการทจุ รติ และประพฤติมิชอบ รวมทั้งสามารถวางกลไกในการป้องกนั
และปราบปรามการทจุ ริตและประพฤตมิ ชิ อบขององคก์ ารริหารสํวนตาํ บล ในประเทศไทย จาํ นวน ๕,๓๓๓ แหงํ เพ่อื
นาํ ไปสกํู ารปฏิบัตอิ ันสํงผลใหเ๎ กิดองค์ การบรหิ ารสํวนตําบลโปรํงใสและป้องกนั และ ขจัดความทุจริตแ ละพฤติมชิ อบ
ขององค์การบรหิ ารสวํ นตาํ บลใหล๎ ดน๎อยลงและหมดสิน้ ไปในทา๎ ยที่สุดอยํางยง่ั ยืน

7
๑.๗ กรอบแนวคิดในการวิจยั

จากการศึกษาทฤษฎี แนวทางการศึกษาและผลงานวจิ ัยที่เก่ียวขอ๎ งกบั การศกึ ษาเรอื่ ง กลไกในการปอ้ งกนั
และขจัดคว ามทจุ รติ และประพฤตมิ ชิ อบในองคก์ ารบริหารสวํ นตาํ บล จาํ นวน ๕,๓๓๓ แหํง นนั้ สามารถนาํ มา
กาํ หนดเป็นกรอบแนวคิดในการศกึ ษา ดังนี้

ภาพที่ 2 กรอบแนวคิดในการวจิ ยั
เป็นการศกึ ษารปู แบบกลไกในการป้องกันและขจดั ความทจุ รติ และประพฤติมิชอบในองค์การบรหิ ารสวํ น
ตําบลในสวํ นท่ีเป็นอํานาจหนา๎ ที่ของนายอาํ เภอโดยศึกษารปู แบบและปจั จัยหรอื สาเหตุที่สํงใหเ๎ กิดความทุจรติ และ
ประพฤติมิชอบในองคก์ ารบริหารสํวนตําบลและกลไกที่ให๎นายอําเภอมอี ํานาจหน๎าทกี่ าํ กับดูแลองค์การบรหิ ารสวํ น
ตําบล ตามพระราชบญั ญัติสภาตําบลและองคก์ ารบริหารสํวนตาํ บล พ.ศ. 2537และแกไ๎ ขเพ่มิ เติม

8

บทที่ ๒
เอกสารและงานวจิ ยั ท่เี กย่ี วข้อง

ในการศกึ ษาครั้งนี้ กลมํุ ผ๎ศู ึกษาไดศ๎ ึกษาเอกสารงานวิจยั ทีเ่ กย่ี วขอ๎ งกบั กลไกปอ้ งกนั และขจดั ความทุจรติ
และประพฤติมิชอบในหนํวยงานภาครฐั และนําเสนอตามลําดับ ดงั นี้

๑. แนวคิดเกย่ี วกบั การทจุ ริตและประพฤติมชิ อบ
๒. แนวคิดเกย่ี วกับกลไกในการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจรติ
๓. ความรเู๎ กย่ี วกบั องค์กรปกครองสวํ นท๎องถิ่น
๔. งานวจิ ยั ท่ีเกย่ี วขอ๎ ง

๒.๑ แนวคิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมชิ อบ

๒.๑.๑ ความหมายของการทจุ รติ และประพฤตมิ ชิ อบ (ประมวลกฎหมายอาญา)
การวเิ คราะห์เพ่อื หาความหมายของการทุจริตและประพฤติมชิ อบในวงราชการ คําวํา “การ

ทจุ ริต” ไดถ๎ อื เอาความหมายของคําวํา “โดยทุจริต” คือ เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ท่มี คิ วรไดโ๎ ดยชอบดว๎ ยกฎหมาย
สําหรบั ตนเองหรือผูอ๎ ่นื สํวนคาํ วาํ “ประพฤตมิ ชิ อบ ” คือ การทไี่ ด๎รั บทรัพย์สินหรอื ประโยชนใ์ ดๆ อันเนอ่ื งมาจาก
การปฏิบัติหนา๎ ทหี่ รอื ตาํ แหนํงหน๎าทีใ่ นทางทมี่ ชิ อบอนั เปน็ เรอื่ งทีม่ ใิ ชกํ ารทุจรติ ท้ังนร้ี วมถงึ กรณีร่ํารวยผิดปกตแิ ละ
ไมํสามารถแสดงไดว๎ ํารํา่ รวยขนึ้ ในทางทชี่ อบด๎วย (พระราชบญั ญตั ิ ป .ป.ช.) สาํ หรับคําวาํ “ในวงราชการ ” น้ัน
พิจารณาจากการกระทําของตัวบุคคล อันไดแ๎ กํ ผู๎ท่ีเปน็ เจา๎ หน๎าท่ีของรฐั ตามมาตรา ๓ แหํงพระราชบญั ญตั ิ ป.ป.ช.
และการกระทําของเจา๎ หน๎าทข่ี องรฐั พิจารณาวาํ ตามสภาพของกิจการนั้นอยใํู นวตั ถุประสงคข์ องสํวนราชการ
หนวํ ยงานของรัฐหรือรฐั วิสาหกิจ ซึง่ กฎหมายกําหนดไวห๎ รอื ไมํ และหน๎าท่ี ราชการท่มี อี ยขูํ องเจา๎ หน๎าท่ีของรัฐผ๎นู น้ั มี
ประการใดซงึ่ รวมถึงกรณีโอกาสท่ีมตี ําแหนํงหรอื หน๎าที่ ใช๎โอกาสน้ันกระทําการในกิจการซ่ึงตนมิใชํเป็นผมู๎ หี น๎าที่
รบั ผิดชอบด๎วย อยํางไรกต็ ามในเร่อื งทเ่ี ป็นสํวนตัวหรอื เกีย่ วข๎องกับศีลธรรม เชํน การคบชู๎สํูสาว การประพฤติตน
เสเพล การมีหนีส้ ินล๎นพน๎ ตัว การไมตํ ้งั ใจปฏิบัตหิ น๎าท่ีราชการ การละทิง้ หรอื ขาดราชการ ฯลฯ ไมอํ ยใูํ นความหมาย
ของคําวาํ “ประพฤตมิ ิชอบในวงราชการ ” ตามพระราชบัญญัติ ป .ป.ช. เพราะความผิดเหลาํ นเี้ ปน็ ความผดิ ตาม
กฎหมายวาํ ด๎วยวนิ ยั ข๎าราชการและเป็นอํานาจของผ๎ูบังคับบัญชา ที่จะดาํ เนนิ การลงโทษไดอ๎ ยํูแลว๎

ดังนัน้ จงึ อาจสรุปความหมายของ “การทจุ รติ ในวงราชการ ” ตามนยั แหงํ พระราชบญั ญตั ิป้องกนั
และปราบปรามการทจุ รติ และประพฤตมิ ชิ อบแหงํ ชาติ จึงอาจจะสรปุ ไดว๎ ํา การที่เจ๎าหน๎าที่ของรัฐ กระทําการหรอื
ละเวน๎ การกระทําการอยํางใดในตําแหนงํ หรอื หนา๎ ทีห่ รื อใชอ๎ ํานาจในตาํ แหนงํ หรอื หนา๎ ทดี่ งั กลาํ วนน้ั เพือ่ แสวงหา
ประโยชนท์ ่มี ิควรได๎โดยชอบดว๎ ยกฎหมายสาํ หรับตนเองหรอื ผูอ๎ ่ืนและรวมถงึ กรณีอาศัยโอกาสทีม่ ตี ําแหนงํ หรือ
หนา๎ ท่ใี ช๎โอกาสนนั้ แสวงหาประโยชนเ์ พอ่ื ตนเองหรอื ผอู๎ นื่ ในกจิ การซ่ึงตนมิใชํเป็นผู๎มีหน๎าที่รับผดิ ชอบด๎วย สาํ หรั บ
“การประพฤตมิ ิชอบในวงราชการ ” หมายความวาํ “การที่เจ๎าหนา๎ ท่ีของรฐั ไดร๎ ับทรัพย์สนิ หรือประโยชน์ใดๆ อัน
เนอื่ งมาจากการปฏบิ ตั หิ น๎าที่ หรอื มตี ําแหนงํ หนา๎ ท่ใี นทางที่มชิ อบ แม๎วําการดังกลําวมิใชเํ ปน็ การทจุ ริตตาม

9

กฎหมายอาญาหรอื กฎหมายวําด๎วยวนิ ัยขา๎ ราชการ ท้งั นรี้ วมถึงกรณรี าํ่ รวยผดิ ปกติและไมสํ ามารถแสดงวาํ ร่าํ รวยข้ึน
ในทางทช่ี อบดว๎ ย”

อณั ณพ ชูบาํ รงุ (๒๕๒๓) การทจุ รติ และประพฤตมิ ชิ อบในวงราชการตามพระราชบัญญตั ิ ป .ป.ช.
ตามปกติแลว๎ เป็นความผิดตามกฎหมายที่มีโทษทางอาญาและ / หรือกฎหมายระเบียบขา๎ ราชการที่มีโทษทางวินัย
ซึ่งจะเป็นความผดิ ตามกฎหมายใดนน้ั ข้นึ อยํกู บั วําไดก๎ ระทําโดยเจตนาอนั เปน็ การฝา่ ฝนื กฎหมายท่ีมีโทษทางอาญา
หรอื ไมํ ถา๎ เป็นกเ็ ป็นการกระทําผิดตามกฎหมายอาญา หากเปน็ เพยี งแตฝํ ่าฝืนกฎหมายแตํเปน็ กฎหมายทไ่ี มมํ ีการ
ลงโทษทางอาญาหรอื ฝ่าฝืนระเบยี บแบบแผนข๎อบงั คับหรอื คาํ สงั่ ของทางราชการท่ชี อบด๎วย กฎหมายก็อาจเปน็
ความผดิ เพยี งทางวินยั อยํางไรก็ตาม หากเป็นความผิดทางกฎหมายอาญาจนได๎รบั โทษถงึ ทสี่ ดุ ใหจ๎ าํ คกุ กม็ ักจะเปน็
ความผิดทางวินัยด๎วย ทัง้ น้ี เพราะกฎหมายวาํ ด๎วยระเบียบข๎าราชการเกอื บทกุ ฉบับจะมบี ทบัญญัตไิ ว๎

ความหมายในทางกฎหมายของการทจุ ริตและประพฤตมิ ิชอบในวง ราชการ เม่อื ไดท๎ ําการศึกษาใน
ลําดบั ตอํ มา โดยศึกษาเปรียบเทยี บกับความหมายของพฤติกรรมท่ถี อื วําเป็นการคอรปั ชั่นตามความหมายของ
กฎหมายบางประเทศ ซ่งึ มีลักษณะเป็นกฎหมายพิเศษในลักษณะเดยี วกนั กับ พระราชบญั ญัติ ป .ป.ช. ของไทย
กฎหมายของประเทศเหลําน้ัน ไดแ๎ กํ กฎหมายของอังกฤษ สงิ คโปร์ ฟิลิปปินส์ อนิ เดีย จีน และเกาหลีใต๎ ปรากฏวํา
ความหมายของการทุจริตและประพฤติมชิ อบในวงราชการตามพระราชบญั ญัติ ป .ป.ช. ทไี่ ด๎ศึกษามาแลว๎ มคี วาม
ครอบคลมุ การกระทาํ ผดิ คล๎ายคลงึ กับกฎหมายตํางประเทศข๎างต๎น ซึง่ สําหรบั กฎหมายตาํ งประเทศดงั ท่ไี ด๎กลําวมา
ขา๎ งต๎นนเี้ ป็ นกฎหมายท่ีบญั ญัติถงึ ความผดิ เกย่ี วกบั การทจุ รติ เป็นสวํ นใหญํ เพราะเป็นเรอ่ื งทรัพย์สนิ และ
ผลประโยชน์เข๎ามาเกีย่ วด๎วย อยาํ งไรกต็ าม ในกฎหมายของบางประเทศมีหลกั การบางอยาํ งที่ไมํมบี ญั ญัติไว๎ใน
กฎหมายของไทยโดยตรงทง้ั ทางอาญาและทางวนิ ยั เชํน ในกฎหมายองั กฤษ มบี ทบัญญตั ิ ความผิดในการซือ้ ขาย
ตอํ รองราคา เพ่อื ตาํ แหนงํ หนา๎ ทีส่ าธารณะ การขายตําแหนงํ ในกองทัพดว๎ ยการติดตํอชวํ ย หรอื ยินยอมขาย หรอื ซอ้ื
ให๎ หรอื รับสง่ิ ตอบแทนอันมคี ําในการเลือ่ นตาํ แหนงํ หรอื การปลดออกจากกองทัพหรอื การจา๎ งใดๆ ในกองทัพ ซึง่ ใน
ลกั ษณะความผดิ ดงั กลําว เรอื่ งที่มที รัพย์สนิ หรือผลประโยชนต์ อบแทนในการปฏบิ ัติหนา๎ ท่ี อันเห็นๆได๎วาํ เป็นไปโดย
มิชอบ อาจถือได๎วาํ เปน็ การกระทําโดยทจุ รติ ตามนัยประมวลกฎหมายอาญาอื่นๆอยแูํ ล๎ว นอกจากนี้ ในกฎหมาย
สาธารณะรฐั จนี ท่มี ีบทบญั ญตั ใิ ห๎ผบู๎ งั คับบญั ชาของผกู๎ ระทาํ ความผิดท่ไี ดร๎ ูเ๎ ห็นหรอื ปกปิดการกระทําผิดข อง
ผ๎ใู ตบ๎ ังคับบญั ชา เป็นความผดิ อาญาด๎วย ปรากฏวําในหลกั การน้ีไมํมบี ทบญั ญตั ิใหเ๎ ป็นความผิดอาญาในกฎหมาย
ของไทย ดงั นัน้ การท่ีผู๎บังคบั บญั ชาไดก๎ ระทําการดงั กลาํ วจงึ ไมํถอื วํา เป็นความผดิ อาญา แตํอยํางไรกต็ าม อาจเปน็
ความผดิ ทางวนิ ัยได๎ ทงั้ นี้เนื่องจากวํากฎหมายวาํ ดว๎ ยระเบียบขา๎ ราชการเกือบทุกฉบับ ไดม๎ ีบทบัญญัตใิ ห๎
ผบู๎ ังคับบัญชาได๎สงํ เสริมใหผ๎ ใ๎ู ตบ๎ ังคับบญั ชาได๎ปฏิบตั ติ ามวนิ ยั เครงํ ครดั สมํ่าเสมอ และเมื่อรู๎วาํ ผ๎ูใต๎บังคบั บัญชาได๎
สํงเสรมิ ให๎ผู๎ใต๎บงั คับบัญชาได๎ปฏบิ ตั ติ ามวินยั เครํงครัดอยูเํ สมอ และเมือ่ รวู๎ ําผใู๎ ตบ๎ ังคบั บญั ช าคนใดกระทาํ ผิดวนิ ัย
จะต๎องดาํ เนินการทางวินัยทันที ดงั นน้ั จงึ วาํ เป็นหลักการท่ีเพียงพอแลว๎

สาํ หรบั เร่ืองการรับสนิ น้ําใจ สนิ จ๎างรางวัล ในกฎหมายสาธารณรัฐฟิลปิ ปนิ ส์ และสงิ คโปร์ ปรากฏ
วําในกฎหมายของไทยอนั ไดแ๎ กํ ประมวลกฎหมายอาญา กฎหมายทม่ี ีโทษทางอาญาอืน่ ๆ ก็มีบทบัญญัติเก่ยี วกับ
ความผดิ ฐานรบั สนิ บนอยแูํ ล๎ว เชนํ ในมาตรา ๑๔๙ แหงํ ประมวลกฎหมายอาญาโดยไมจํ าํ กดั สินบนนน้ั จะมีมลู คํา
มากนอ๎ ยเพยี งใดอยาํ งไรก็ตามในกรณีทเ่ี ป็นการรับสินนํา้ ใจ ซึง่ ไมไํ ดก๎ อํ ให๎เกดิ การกระทําผิดขึน้ หรอื เปน็ การรบั ตาม
ประเพณี ปรากฏวาํ กฎหมายฟลิ ปิ ปินส์ได๎บัญญตั ใิ ห๎เป็นความผดิ ในกรณีท่ีมีมูลคาํ เกินสมควรนั้น ตามกฎหมายไทย
ไมํไดบ๎ ญั ญัตไิ วเ๎ ป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาหรือกฎหมายอาญาอืน่ ๆ กรณอี าจเป็นเรอื่ งความผิดทางวินัย

10

ตามกฎหมายวําด๎วยระเบยี บข๎าราชการไดโ๎ ดยถอื วําเป็นการประพฤติช่ัว ทง้ั น้ี ก็ตอ๎ งพจิ ารณาข๎อเทจ็ จริงเปน็ ราย ๆ
ไป โดยอาศยั ความร๎ูสกึ ของมวลชนและประเพณีแหํงวชิ าชีพประกอบดว๎ ย

ดังนั้น เมอื่ พจิ ารณาในแงขํ องกฎหมายแล๎วความหมายของการทจุ รติ และประพฤติมิชอบในวง
ราชการ มีความหมายครอบคลมุ การกระทาํ ความผิดได๎สมบูรณ์พอสมควร เม่อื เปรยี บเทยี บกับความหมายการ
กระทาํ ในประเทศตาํ งๆ ในเรํองกา รใช๎ดุลยพนิ ิจของเจา๎ พนักงานอนั นาํ ไปสกูํ ารทจุ ริตและประพฤตมิ ชิ อบในวง
ราชการ ปรากฏวาํ ผเ๎ู ป็นเจ๎าพนักงานนน้ั เป็นผทู๎ ่มี ีอาํ นาจและหน๎าทตี่ ามกฎหมาย ซึง่ สรปุ แลว๎ จะมอี ํานาจและหนา๎ ที่
อยํู ๒ ประการ คอื อาํ นาจหน๎าที่ในการควบคมุ ตรวจตราดูแลการดาํ เนินการใหเ๎ ปน็ ไปตามกฎหมาย ระ เบียบ
ขอ๎ บังคับ คาํ ส่ังของทางราชการ และอาํ นาจในการอนมุ ัติ อนญุ าต ผอํ นผัน การดําเนินกจิ การตาํ งๆ ตามท่ีกฎหมาย
ไดก๎ ําหนดไว๎ อํานาจและหนา๎ ทีข่ องเจา๎ พนักงานดังกลาํ วมีความสมั พนั ธ์และเกี่ยวขอ๎ งกับการดําเนินชีวติ ของ
ประชาชนโดยท่ัวไป

ในบรรดาอาํ นาจและหน๎าที่ของเจ๎าพนกั งานมีอยํูประการหน่ึงเรยี กวํา “อาํ นาจใช๎ดุลยพินจิ ของเจา๎
พนักงาน” ซ่ึงเปน็ สงิ่ ทีก่ ฎหมายได๎บัญญัติไว๎วําจะเปน็ โดยตรงหรือทางอ๎อม ทัง้ น้ี เพื่อให๎เจ๎าพนักงานไดใ๎ ชด๎ ลุ ยพินจิ น้ี
อาํ นวยความยุตธิ รรมเป็นการเฉพาะกรณใี หแ๎ กผํ ๎เู กีย่ วข๎อง อยาํ งไรกต็ าม ปรากฏวาํ อํานาจใชด๎ ลุ ยพินิจข องเจ๎า
พนักงานนเ้ี อง ที่เปน็ มูลเหตุท่ีสําคญั อนั นําไปสู๎การทุจริตและประพฤตมิ ชิ อบในวงราชการ โดยแยกพิจารณาไดเ๎ ป็น
การใช๎ดลุ ยพินิจของเจ๎าพนกั งานอันนําไปสํกู ารทจุ รติ ในวงราชการ และการใชด๎ ลุ ยพินจิ ของเจา๎ พนักงานอนั นาํ ไปสํู
การประพฤตมิ ิชอบในวงราชการ

การใชด๎ ุลยพินิจของเจ๎า พนกั งานอนั นาํ ไปสํกู ารทจุ ริตในวงราชการ หมายถงึ การที่เจ๎าพนกั งานใช๎
ดลุ ยพนิ ิจโดยทจุ ริต คอื แสวงหาผลประโยชน์ทมี่ ิควรได๎โดยชอบด๎วยกฎหมายสาํ หรบั ตนเองหรือผ๎อู ่ืน ซงึ่ ในลักษณะ
น้ี การใช๎ดุลยพินิจเปน็ ขอ๎ เท็จจริงอยํางหน่งึ ของการทจุ รติ ในวงราชการ สาํ หรับการใชด๎ ลุ ยพินจิ ขอ งเจา๎ พนกั งานอนั
นําไปสูํการประพฤตมิ ิชอบในวงราชการน้นั หมายถึง การใชด๎ ุลยพินจิ ของเจ๎าพนกั งานท่ีสุจริต ถกู ต๎องตามกฎหมาย
ระเบียบ ข๎อบงั คบั แล๎วตํอมาได๎รับทรพั ยส์ นิ หรอื ประโยชนใ์ นทางทม่ี ิชอบโดยตรงเหมือนการใชด๎ ุลยพินจิ โดยทจุ ริต
เม่อื พิจารณาแล๎วการใชด๎ ลุ ยพินจิ ของเจ๎ าพนกั งานซึ่งถือวําเปน็ อาํ นาจอยํางหนึง่ ในตําแหนํงหน๎าที่อนั จะนําไปสกํู าร
ทุจรติ และประพฤติมิชอบในวงราชการ จงึ สาเหตจุ ากการท่ีมตี าํ แหนงํ หน๎าทีเ่ อ้ืออาํ นวยใหก๎ ระทาํ ผิด ทั้งนี้ เน่อื งจาก
การท่กี ฎหมายไดม๎ ีการบัญญตั ใิ หพ๎ นกั งานไดม๎ อี ํานาจใชด๎ ุลยพินจิ ไดไ๎ มํมากก็นอ๎ ย และนอกจา กนี้ ในกรณกี ารใชด๎ ลุ ย
พนิ ิจของเจา๎ พนักงานอันนาํ ไปสูกํ ารทุจริตในวงราชการยังพบวาํ มีมูลเหตุ หรอื สาเหตุท่กี ฎหมาย หรือระเบยี บมี
ชอํ งวาํ ง หรือบกพรํองอยดํู ๎วย เชํน ประมวลกฎหมายวธิ ีพจิ ารณาความอาญามาตรา ๓๘(๑) และ (๒) มาตรา ๑๔๒,
พระราชบญั ญตั ิอาวธุ ปืนเครื่องกระสนุ ปืน วัตถรุ ะเบิด ดอกไมเ๎ พลงิ และสิ่งเทยี มอาวธุ ปืน พ.ศ. ๒๔๙๐ และมีแก๎ไข
เพิม่ เติมทีไ่ มํมีการวางระเบยี บปฏบิ ตั ริ าชการกําหนดใหพ๎ นักงานเจา๎ หน๎าทป่ี ฏบิ ตั ใิ หเ๎ สร็จตามกําหนดระยะเวลา ทํา
ให๎พนักงานเจา๎ หน๎าท่จี ะทาํ เรอื่ งใหช๎ ๎าหรอื เรว็ กไ็ ด๎ หรืออยาํ งเชนํ ประมวลกฎหมายทด่ี ิน ประมว ลกฎหมายรัษฎากร
ทีไ่ มํมีการวางระเบยี บจํากัดการใช๎ดลุ ยพนิ จิ ทาํ ใหม๎ ชี ํองวาํ งใหพ๎ นกั งานเจา๎ หน๎าทีใ่ ช๎ดลุ ยพินิจอนั นําไปสํกู ารทจุ รติ ใน
วงราชการได๎

สชุ าดา นนทวงศ์ (๒๕๔๓) ได๎อธบิ ายวาํ สําหรบั ประเทศไทยคําวาํ คอรปั ชัน่ เป็นคําทใี่ ช๎ในวงราชการ
รัฐวสิ าหกจิ สํวนของเอกชน จะใช๎คํา วาํ ทจุ รติ ซึง่ หมายถึง การแสวงหาผลประโยชน์ จากตําแหนงํ บทบาท หนา๎ ที่
โดยมิชอบ ขดั ตอํ กฎหมายและระเบียบปฏบิ ัติ จากหนวํ ยงาน บริษัท องค์กรทีป่ ฏิบัติหนา๎ ที่อยูํ

พจนานุกรมไทย (แพรํ พทิ ยา ) ได๎ใหค๎ วามหมายของคาํ วาํ ”คอรัปชน่ั ” หมายถึง “การฉ๎อราษฎร์
บงั หลวง เบียดบงั เอาโ ดยอาํ นาจหนา๎ ท่ีราชการ ” แตํ ผู๎ทรงคุณวุฒบิ างทาํ นมีความเหน็ วาํ คาํ วาํ “ฉอ๎ ราษฎร์ บัง

11

หลวง” นนั้ มคี วามหมายแคบกวาํ “คอรปั ชัน่ ” เพราะคาํ วํา ฉอ๎ ราษฎร์ บังหลวง อาจมีความหมายเฉพาะการเบยี ด

บัง ยักยอกทรพั ย์ ของรัฐและของสาธารณะเทาํ นน้ั การทเ่ี จา๎ พนักงานเรยี กและรับสินบนจา กราษฎรจะจดั อยํูใน

ประเภท ฉ๎อราษฎร์ เพราะเป็นการเรยี กหรอื รบั เอาเงนิ หรืออามสิ อยํางอ่ืน เพ่อื ปฏบิ ัตหิ รือไมํ ปฏบิ ัตริ าชการเปน็ การ

ให๎คณุ แกํ ผูใ๎ ห๎สินบนแตกํ ารบังหลวงเปน็ การที่เจ๎าพนักงานทําทุจรติ ตํอเจา๎ หนา๎ ที่เสยี หายผลประโยชนข์ องแผํนดิน

ทงั้ นี้จะเป็นโดยสมคบกับราษฎ รเบยี ดบงั ผลประโยชน์ นั้นหรือไมํ ก็ได๎ ( http://fpo.go.th/S-

I/Source/Article/Article๔๒.htm) ตํอมาสาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได๎ แปลคําวํา การทุจริตและการ

ประพฤติมิชอบในวงราชการให๎ตรงกับคาํ ใ นภาษาองั กฤษวาํ Corruption และเมื่อพจิ ารณาถึงชอ่ื พระราชบญั ญัติ

ประกอบรฐั ธรรมนญู วาํ ด๎วยการป้องกนั และปราบปรามการทจุ ริต พ.ศ.๒๕๔๒ ยงั ใช๎คาํ วาํ การทุจรติ และเม่ือแปล

เปน็ ภาษองั กฤษก็ มีความหมายตรงกับคาํ วาํ Corruption กบั ความหมายดงั กลาํ วเชนํ เดยี วกัน

๒.๑.๒ ลกั ษณะทว่ั ไปของการทุจริตและประพฤตมิ ิชอบในวงราชการ

จําลอง บณุ ณกติ ติ (๒๕๓๒ ) อธบิ ายวาํ ลักษณะทัว่ ไปของการทุจริตและประพฤติมชิ อบในวง

ราชการทจี่ ะกลําวตอํ ไปน้ี มไิ ดห๎ มายความวาํ จะเปน็ ลกั ษณะของการทุจริตทีเ่ กดิ ขึ้นแล๎วโดยครบถ๎วนทกุ ประการ

ทัง้ น้ี เนอื่ งจากไมํมใี ครท่ีจะเปิดเผยควา มจริงได๎อยํางชัดเจน และสวํ นมากผูค๎ อรปั ชัน่ มักจะไดป๎ ระโยชนร์ วํ มกันทัง้

สองฝา่ ย ทั้งผ๎ใู ห๎และผรู๎ บั หรอื มฉิ ะน้ันกส็ มคบกันกระทาํ คอรปั ชนั่ ภายในหนวํ ยงานเดียวกนั ซึง่ ตํางฝ่ายตาํ งกม็ ักจะ

ชํวยกนั ปกปิด เพื่อรกั ษาประโยชน์ของตนไวใ๎ ห๎ยัง่ ยนื ตํอไป ย่ิงกวาํ น้ันบางกรณีพอเกือ บจะเป็นเรื่องยงั พยายาม

ชวํ ยกนั กลบเกลอื่ นเสยี ดายซํ้า เว๎นเสยี แตํการทจุ ริตและประพฤติมชิ อบซึ่งเป็นไปโดยการทขี่ า๎ ราชการใชอ๎ ํานาจ

หน๎าที่เฉพาะตัวกํอใหเ๎ กิดความเดือดร๎อนเสยี หายแกํผอ๎ู ่ืน เป็นผลให๎ฝ่ายท่ไี ด๎รับความเสียหายเดอื ดร๎อนเจบ็ แค๎น จงึ

พอจะมเี ป็นขาํ วหรอื เป็นเร่ื องคกึ โครม อยํางไรกด็ ีแม๎จะมกี ารปกปิดแตบํ างกรณีก็ยังเว๎นที่จะเป็นขําวร่ัวไหลออกมา

ไมไํ ด๎ จาก วงการภายในแหลงํ ทป่ี กปิดนนั่ เอง หากแตไํ มํพบหลกั ฐานที่จะยนื ยันได๎เทํานัน้ ได๎รวบรวมและแบํง

ลกั ษณะของการคอรปั ชัน่ ไวเ๎ ปน็ ประเภทๆ โดยรวบรวมจากการคอรปั ชัน่ ท่ัวๆไป ตามที่ปร ากฏและเปดิ เผยชดั แจง๎

ไว๎ในวงราชการหรือในสอ่ื มวลชน รวมทั้งจากคาํ บอกเลําจากผ๎อู ่นื แมว๎ าํ ในบางกรณีจะประกอบดว๎ ยลักษณะของการ

กระทําในหลายลกั ษณะก็ตาม แตํจะถือเอาลักษณะเดํนของกรณนี ้นั ๆ เป็นเกณฑ์ ซงึ่ อาจจําแนกออกเปน็ ประเภท

ตํางๆ ได๎ดงั น้ี

๑ จูงใจ เรยี กร๎อง บังคับ ขํมขํู หนํวงเหนยี ว หรอื กัน่ แกลง๎ เพอ่ื หาประโยชนใ์ สตํ นหรือพวกพอ๎ ง เชนํ

๑) การคอรปั ชน่ั เกีย่ วกับการใชอ๎ ํานาจท่ีตามสถานท่ีราชการ บางแหํงเจ๎าหนา๎ ทอี่ าจจะ

รบั สนิ บนทางออ๎ มโดยใช๎คนกลางเปน็ หนา๎ มา๎ ทีร่ ู๎จักชอบพอกนั เปน็ ส่ือด๎วยการใหค๎ นกลางคอยเสนอให๎การบรกิ ารแกํ

ประชาชนท่มี าติดตอํ และคนกลางน้ันเองจะเป็นผเู๎ รยี กร๎องเกบ็ เงินจากผูม๎ าตดิ ตอํ แลว๎ นาํ ไปแบงํ กนั ระหวํางเจา๎ หนา๎ ท่ี

กับคนกลาง ซึง่ เจ๎าหนา๎ ท่จี ะใหก๎ ารบรกิ ารแกคํ นกลางรวดเรว็ เรยี บร๎อยเป็นพิเศษหากประชาชนเขา๎ ติดตอํ โดยตรงกบั

เจา๎ หนา๎ ที่ เจา๎ หนา๎ ทจี่ ะแกลง๎ หนํวงเหนย่ี วไมใํ หค๎ วามสะดวกเทําท่ีควรเหมอื นใหค๎ นกลาง ทาํ ใหป๎ ระชาชนจาํ ต๎องเสยี

เงนิ ไปโดยมชิ อบ แตํทัง้ นอ้ี าจจะรบั สินบนโดยตรงไมตํ ๎องอาศยั คนกลางกม็ ี นอกจากนนั้ ในกรณเี ข๎าเมอื งนอกโควตา

เจา๎ หนา๎ ที่โดยตรงอาจไมไํ ดร๎ บั สนิ บนเลย แตจํ ําต๎อง ดําเนินการใหเ๎ พราะผ๎มู ีอทิ ธพิ ลในวงราชการไปตดิ ตํอ โดยผ๎ู มี

อทิ ธพิ ลนนั้ ๆ เปน็ ผ๎ูรับสนิ บนเสียเองกอ็ าจมีได๎

2) เมื่อมีประชาชนมาตดิ ตํอ เจา๎ หนา๎ ท่อี าจจะแกล๎งหนวํ งเหนยี่ วหรือไมํก็ดวุ าํ เอาวํา

เอกสารหลักฐานยังไมถํ กู ตอ๎ งสมบรู ณ์ให๎ไปทาํ มาใหมํ ต๎องเทยี วไปเทียวมาจนนําเบือ่ กย็ งั ไมํทราบวําอยํางไ ร จงึ จะ

ถูกตอ๎ งสมบรู ณ์ เม่อื สบโอกาสเจ๎าหนา๎ ท่จี ะไปตดิ ตอํ ยังสถานท่อี ยํูหรือร๎านคา๎ ของ ผ๎ูมาติดตํอเอง แลว๎ รบั จะ

ชวํ ยเหลือแตวํ งในเปน็ ข๎อแม๎เอาไว๎ นน่ั คอื สินบน จนเจ๎าหนา๎ ที่พอใจแล๎วจงึ จดั การบรกิ ารให๎อยํางเรียบร๎อย

12

3) เม่อื มีประช าชนมาตดิ ตํอซึ่งสวํ นมากตอ๎ งเขยี นคํารอ๎ ง แตเํ น่อื งด๎วยผต๎ู ิดตอํ ไมเํ ขา๎ ใจ
เขียนเจา๎ หนา๎ ทรี่ ับเขียนใหแ๎ ตเํ รยี กเกบ็ เงนิ เปน็ คําอากรแสตมป์เกินอัตรา นอกจากน้ันในบางกรณี เชนํ การขึน้
ทะเบียนทหารกองเกินเมอ่ื ชายฉกรรจ์มีอายุครบ ๑๗ ปี เจา๎ หนา๎ ท่จี ะแกลง๎ หนวํ งเหนี่ยวตาํ ง ๆ นานา กลาํ วคือ
หลกั ฐานทะเบียนบา๎ นคาดเคลอ่ื นบา๎ ง ชื่อสะกดการนั ต์ คลาดเคลอ่ื นบา๎ ง ให๎ไปนําบดิ า มารดามายืนยันบ๎าง ฯลฯ จน
ระยะเวลาลํวงไปมากทจี่ ะขํูเอาความผิดได๎ จงึ เรียกรับสนิ บนเป็นการชํวยเหลือใหพ๎ น๎ ผิด

4) เจ๎าหนา๎ ท่จี ราจรพยายามจับกุมผู๎ขบั ขีย่ วดยานพาหนะและตงั้ ข๎อหาตํางๆ จะเอาผดิ กบั
ผขู๎ ับขใี่ หไ๎ ด๎ เม่ือผ๎ูขับขย่ี อมเสียเงนิ ใหก๎ ็เป็นอันเลกิ แลว๎ กันไป โดยเฉพาะอยํางยิง่ ไดแ๎ กํ รถแท็กซี่ ฯลฯ

๕) เมอ่ื ผูข๎ บั ข่รี ถแท็กซ่โี ดยสารกระทาํ ผดิ กฎจราจร แทนที่เจ๎าหนา๎ ทจ่ี ะออกใบสัง่ กบั ยึด
ใบขบั ขี่ไว๎ แล๎วใหม๎ าพบเมอื่ ได๎สํงผ๎ูโดยสารแลว๎ ซ่งึ มกั ต๎องมเี งนิ มาให๎จึงจะคนื ใบขับข่ีให๎

๖) โดยใช๎พระราชบัญญัติจราจรในทางหลวงจบั กุมผ๎ูกระทาํ ความผิด แล๎วตัง้ ศาลเต้ยี ปรับ
เข๎ากระเปา๋ ตนเอง

๗) เจ๎าหน๎าทจ่ี ราจรใช๎อาํ นาจหน๎าทใ่ี นการมชิ อบ กลําวคื อเม่ือใช๎รถรับจา๎ งเปน็ พาหะนะ
แลว๎ ไมชํ ําระคําโดยสาร คนขับรถไมํกลา๎ เรียกรอ๎ งเงนิ เพราะเกรงใจจะเป็นภัยแกตํ ัวเอง เชํน หาวาํ เราห๎ามลอ๎ ไมดํ ี
หรอื ไมํกแ็ ตงํ กายไมเํ รยี บรอ๎ ย ฯลฯ เป็นตน๎

๘) เป็นเรือ่ งท่รี ๎กู นั ทัว่ ไปในระหวํางเจ๎าของรถบรรทุกหรือคนขับรถบรรทุกวาํ เมอื่ ผาํ นดําน
ตรวจจะต๎องนําเงนิ ลงไปใหเ๎ จ๎าหนา๎ ท่ีคนั ละ 10-20 บาท แล๎วแตํขนาดรถวธิ ใี ห๎ ใชส๎ อดเงินไวใ๎ นใบขับขย่ี นื่ ให๎ตรวจ
หรือไมํก็ตมํุ ขนาดยอํ มตั้งไว๎ เพอื่ ใหค๎ นรถลงไปใสํเงิน เรยี กวําลงไปกินนํา้

๙) บางกรณอี าจมีการตกลงกบั เจา๎ หน๎าที่มีรถบรรทกุ มากๆ โด ยให๎นาํ เงินมาเสยี เปน็ ราย
เดอื น วิธนี ้มี ักจะไดแ๎ กํ เจา๎ หน๎าทช่ี ้นั ผใู๎ หญํ

๒. สมยอม รูเ๎ หน็ เปน็ ใจ เพกิ เฉยหรือละเว๎นการกระทําในการท่ีต๎องปฏบิ ัติหรือรบั ผิดชอบตาม
หน๎าที่ เชนํ

๑) พนักงานสอบสวนรบั สินบนเพอื่ แปลงรูปคดีจากหนกั ไปเป็นเบา หรือทาํ หลกั ฐานให๎
อํอนเพือ่ ใหอ๎ ยั การสั่งไมฟํ อ้ ง หรือเพอ่ื ใหศ๎ าลยกฟ้องผก๎ู ระทาํ ผิด

๒) ปลํอยปละละเลยไมตํ รวจตรา หรอื ปฏิบตั ิหน๎าที่โดยไมํเครํงครัด หรอื ให๎ความคม๎ุ ครอง
สถานท่ีประกอบธรุ กจิ ในทางทผี่ ดิ กฎหมาย ดว๎ ยการปฏบิ ัตดิ ังกลาํ วทาํ ให๎เจ๎าหนา๎ ทไี่ ดร๎ ับผลประโยชน์ หรอื โดยการ
รับสนิ บน เชนํ ปลํอยใหส๎ ถานบริการตาํ งๆ อาจเป็นไนต์คลับ สถานอาบอบนวด บํอนการพนันแหลํงคา๎ ประเวณเี ปิด
ดาํ เนินการเกินเวลาระยะเวลาทีท่ างการกําหนดหรอื ดําเนนิ การไดท๎ ัง้ ท่ีเปน็ ฝ่าฝนื กฎหมาย

๓) เจา๎ หน๎าทท่ี จุ รติ ปลํอยตัวผูก๎ ระทําความผิด เชนํ กรณกี ารจบั กมุ ผ๎ูตอ๎ งหาการเลํนการ
พนนั เมอ่ื ไดร๎ ับเงนิ สินบนกเ็ ลิกทาํ การจับกุมปลอํ ยตัวผตู๎ ๎องหาไป

๔) เจ๎าหน๎าท่ีเลยี้ งอันธพาลไวโ๎ ดยอ๎างวําเพอ่ื ประโยชนใ์ นการสบื สวนจบั กมุ แตํในทาง
ปฏิบัตปิ ลอํ ยให๎อันธพาลเหลําน้นั เท่ียวลกั ขโมยรดี ไถชาวบา๎ น แล๎วแบงํ ปนั ผลประโยชนก์ ันและกัน ตอํ เมื่อมีเจ๎าทกุ ข์
รายสาํ คญั และเพอื่ ความดีความชอบของเจา๎ หน๎าทจ่ี งึ ตกลงสมยอมให๎มกี ารจบั กมุ หรือไมํก็แสรง๎ วําสามารถสืบทราบ
แหลงํ ที่ซอํ นของทล่ี กั ขโมยไปแล๎วนําสํงของมาคืนเจ๎าทรพั ย์ได๎ แตํจบั ตัวคนร๎ายไมํได๎

๕) เจ๎าหนา๎ ทีส่ รรพา กรไปทําบัญชใี หบ๎ รษิ ัทหา๎ งรา๎ น นอกเวลาราชการโดยตกลงกนั วาํ ถ๎า
เจา๎ หน๎าท่สี รรพากรนน้ั ๆ ประหยดั เงนิ ทต่ี อ๎ งเสยี ภาษอี ากรให๎แกํรัฐไดร๎ ะหวํางจํานวนเงนิ เทาํ นน้ั บาทถึงเทาํ น้นั บาท

13

เจ๎าหนา๎ ท่ีคนนั้นจะได๎เงินตอบแทนเป็นเทาํ น้ันเปอรเ์ ซน็ ต์ ถ๎าประหยดั ไดม๎ ากจะไดเ๎ ปอร์เซ็นตม์ ากขึน้ อีกตามลําดับ
เจ๎าหนา๎ ทส่ี รรพกรดงั กลาํ วจําทําบญั ชีขน้ึ สองชุด บัญชีรบั ซ่ึงเปน็ บญั ชบี ันทึกรายการจริงๆ ชุดหนงึ่ และบัญชที จี่ ะต๎อง
ทาํ ตาม พ.ร.บ. อีกหนึ่งชดุ เพ่ือนาํ ยอดเงินสํวนทีป่ ระหยดั ได๎มาคดิ เปอร์เซน็ ต์แบํงปนั

๖) ลกั ลอบตดั ไม๎ผดิ ปา่ ผิดแปลงจากทไี่ ดร๎ บั อนญุ าตดว๎ ย ความรํวมมอื ท่ตี ตี ราไมก๎ บั เจ๎าของ
โรงเล่อื ย เมือ่ รับไดอ๎ นญุ าตให๎ทาํ ไม๎ ณ ที่ใด หรือ นอกเขตปา่ โครงการใดแตปํ ่าตามทีไ่ ด๎รับอนญุ าตน้นั มักจะถูก
ลักลอบตดั ไปกํอนแลว๎ ผท๎ู ําไมจ๎ ะเขา๎ ไปตดั เอาจากปา่ อืน่ แมป๎ ่าในโครงการก็มไิ ด๎หวนั่ เกรงเพราะถือวํามเี จ๎าหน๎าท่ี
ปา่ ไม๎ใหค๎ วามรวํ มมอื อํานวยการอยํู นอกจากจะผดิ ปา่ ผิดแปลงแลว๎ ยงั อาจตัดไม๎ผดิ ประเภทด๎วย เม่ื อปรากฏการ
กระทําผิดขึ้นผท๎ู ําไม๎จะโทษเจา๎ หนา๎ ท่ีปา่ ไมซ๎ ่งึ สมยอมกัน เจา๎ หน๎าทป่ี ่าไม๎กอ็ าจอา๎ งวําไมทํ ราบแนวเขตปา่ ไมท๎ แี่ นํนอน
เพราะพจิ ารณาจากแผนที่จึงเปน็ บกพรํองเผลอเลอมโี ทษเพียงกระทําผดิ วนิ ัย เปน็ ผลใหใ๎ นป่าทว่ั ไปลูกลกั ลอบตัดกัน
อยาํ งมหาศาล เจา๎ หน๎าทีป่ ่าไมอ๎ าจไดร๎ บั ผลประโยชนต์ อบแทนอยํางงาม

๗) ลักลอบสงํ แรํออกไป นอกราชอาณาจักร การลักลอบสํงออกสํวนมากเกดิ จากนาย
เหมอื งท่ขี ุดแรไํ ด๎เกนิ โควตา๎ ท่ีไดร๎ บั อนญุ าตให๎ขุดและสงํ ออก เมื่อสงํ ออกไมไํ ด๎โดยชอบด๎วนกฎหมายก็ทาํ การลักลอบ
สงํ ออกโดยเจา๎ หน๎าท่มี ีสวํ นรูเ๎ ห็นดว๎ ย โดยใช๎ใบอนุญาตขนแรหํ รือหนังสอื กาํ กบั นาํ แรเํ คลอื่ นท่ฉี บบั เดยี วกนั ทาํ การขน
ยา๎ ยแรํเกนิ จํานวนทรี่ ะบไุ วใ๎ นใบอนุญาตทาํ การขนย๎ายหรอื สงํ แรไํ มตํ รงตามชนิดหรือลักษณะทร่ี ะบไุ วใ๎ นใบอนญุ าต
เชํน ใบอนญุ าตระบบใหข๎ นย๎ายข้แี รํแตํเวลาขนจริงๆ กลับทาํ การขนเนอ้ื แรยํ ิง่ กวาํ นน้ั กค็ อื การลักลอบขนแรโํ ดยไมมํ ี
เอกสารใดๆ คุม๎ ครองเลย

๘) เจา๎ พนกั งานที่ดินทจุ ริตโดยรวมมือมือกบั ผ๎ปู ลอมตัวไปขอรับใบแทนโฉนด เมอ่ื ผปู๎ ลอม
ตัวไปอ๎างกับเจ๎าพนกั งานทีด่ นิ เดมิ ขาํ รดุ ใช๎ไมํได๎ขอรบั ใบแทนใหมํ เจ๎าพนักงานท่ดี นิ ทราบดวี าํ เปน็ ตวั ปลอม แตํสมร๎ู
รํวมคิดกนั ออกใบแทนไปให๎ ซึง่ ผู๎รบั ใบแทนสามารถนําไปจดทะเบียนสนธแิ ละนติ ิกรรมตํางๆได๎

๙) เจา๎ หน๎าทผ่ี ๎ูใหญํใชอ๎ ํานาจหนา๎ ท่สี ่ังการให๎เจ๎าหนา๎ ทีช่ ้ันผน๎ู อ๎ ยงดเว๎นการตรวจของพอํ ค๎า
หรือเจา๎ ของรถบางราย โดยได๎รับเงินตอบแทนจากพอํ คา๎ หรอื เจ๎าของรถเปน็ ประจาํ ในกรณนี เ้ี จ๎าหนา๎ ท่ชี น้ั ผ๎ูน๎อยอาจ
ไดร๎ ับเงินสวํ นแบํงหรือไมกํ ไ็ ด๎

๓. ยกั ยอก เบยี ดบัง ซึง่ ทรพั ย์สินของราชการ เชนํ
๑) เมอ่ื เจา๎ หนา๎ ทย่ี กั ยอกเอาของกลางเข๎ามาเปน็ ของตนเอง เชํน เข๎าดาํ เนนิ การจับกมุ ผู๎

เลํนการพนนั ไดแ๎ ล๎ว พร๎อมด๎วยเงนิ ของกลางแทนทีจ่ ะนาํ เงินสํงหลวงทัง้ หมดกลบั ยักยอกไวบ๎ างสํวน
๒) คอรปั ชั่นเก่ยี วกับการใ ชอ๎ ํานาจหน๎าที่เบยี ดบังทรพั ยส์ ินของราชการ โดย เฉพาะอยําง

ยิง่ ในยุคพัฒนานี้ เชนํ ไดร๎ ับเงนิ งบพฒั นาใหม๎ าสรา๎ งถนน เจา๎ หน๎าท่ผี ูม๎ ีอํานาจเป็นผ๎ูรับเงนิ ไป จาํ ยเงินโดยไมํมกี าร
ประมลู ผรู๎ บั เหมากอํ สรา๎ งถนนร๎กู นั กบั เจา๎ หน๎าท่ีออกใบสําคญั รับเงินใหเ๎ ตม็ จาํ นวน แตํรับเงนิ เพี ยงเทาํ ที่ทาํ คือทาํ
น๎อยกวาํ เงินตามใบสําคญั หากคนรบั ทําคนใดไมํรวํ มมอื ดว๎ ย ตอํ ไปกจ็ ะไมํได๎ทํา ฉะน้ันจะสงั เกตเห็นได๎วําคนไห นเปน็
คนทีเ่ คยรับทาํ เชนํ ถมลูกรงั คนนั้นมักจะได๎รบั งานเป็นประจํานอกจากนน้ั เงินปยุ๋ ก็ดี เงินคาํ ซื้อพนั ธห์ มกู ด็ ี หรอื เงิน
คําซ้อื พนั ธ์ุพืชผลไม๎ก็ดี จะเปน็ กุศลแกํผูค๎ นราษฎร ถา๎ หากทีใ่ ดจะพอจะมขี องไปให๎บ๎างแมจ๎ ะไมเํ ตม็ จํานวนบางแหงํ
ไมํมีส่ิงของไปถงึ มือประชาชนเลย

๓) ยักยอกเงนิ ภาคหลวงและคาํ บาํ รุงปา่ การยกั ยอกเงนิ ภาคหลวงและคําบาํ รงุ ปา่ นั้น เจา๎
พนักงานป่าไม๎กระทาํ ได๎โดยการออกใบเสร็จรบั เงินในตน๎ ขั้วและสาํ เนาใบเส ร็จรบั เงินไมํตรงกนั โดยเขียนจาํ นวนเงิน
ในปลายข้วั ใหต๎ รงกับจํานวนเงนิ ท่ีรับชาํ ระแล๎วมอบใหผ๎ ๎ชู ําระไป สํวนทตี่ น๎ ข้ัวและสาํ เนาท่ี ปรากฏอยกํู ็เขียนใหน๎ อ๎ ย
กวาํ จํานวนทชี่ าํ ระจรงิ ยกั ยอกเงนิ สํวนทีเ่ หลือไปเป็นสวํ นตวั บางรายก็ทาํ ใบเสรจ็ สองชุด คอื ทําไว๎เปน็ หลักฐานให๎แกํ

14

ทางราชการชดุ หน่งึ ซง่ึ ปรากฏจํานวนเงินน๎อยกวําทีร่ บั จริง ซงึ่ เขยี นไวใ๎ นครงั้ แรกเมื่อมผี ๎ูมาชาํ ระ การที่เจ๎าหนา๎ ท่ีทาํ
ได๎เชํนนี้ เพราะขาดระบบการตรวจสอบควบคมุ ใหร๎ ัดกมุ จึงไมํคอํ ยจะปรากฏตวั ผ๎ูกระทําความผดิ ซงึ่
จะเห็นได๎วําปีหนึ่งๆ เงินของแผนดนิ อาจรว่ั ไหลไปไมํนอ๎ ยในการดําเ นนิ การทจุ รติ คอรัปชนั่ ของพนักงานเจา๎ หนา๎ ทใี่ น
ทาํ นองเดยี วกันน้ี

๔) ยกั ยอกภาษีรถยนตแ์ ละคําใบอนญุ าตขับขีร่ ถยนต์ โดยเจ๎าหนา๎ ทผี่ ูป๎ ฏบิ ตั งิ านเกีย่ วกบั
ทะเบียนยานพาหนะและรักษาลายมือชื่อบังคับบญั ชา เมือ่ ไดร๎ บั เงินจากเจา๎ ของรถยนต์ไว๎แลว๎ ก็ออกใบเสรจ็ รับเงิน
ตอํ ทะเบียนในสมดุ คูํมือในทะเบียนรถยนต์ หรือใบขบั ขี่ออกแผํนปา้ ยวงกลมใหเ๎ จ๎าของรถยนตไ์ ปโดยปลอมลายมือ
ช่อื ในทะเบยี น แตไํ มนํ ํามาลงสมดุ ทะเบียนทเ่ี กบ็ ไวเ๎ ปน็ หลักฐานทีส่ าํ นักงาน

๕) เมื่อผข๎ู ับขี่ยวดยานพาหนะปฏิบตั ผิ ิดกฎจราจร แทนทเ่ี จา๎ หนา๎ ท่ีจราจรจะจับกมุ
เปรยี บเทียบปรับตามกฎหมายทส่ี ถานีตาํ รวจแล๎วนาํ รายได๎สงํ หลวง กลบั ทจุ ริตคอรัปช่นั เงนิ สนิ บน

๖) เจา๎ หน๎าท่ผี มู๎ หี นา๎ ท่ีรบั จาํ ยเงินและควบคมุ การจัดทาํ บัญชไี ดท๎ ุจริตคอรัปช่ัน โดยแสดง
ยอดเงนิ สดคงเหลือในบญั ชีเงนิ สดไวไ๎ มํตรงตามความเป็นจรงิ แล๎วยกั ยอกเงนิ ไปเป็นสมบัติสํวนตัว

๔. ปลอมแปลง หรือกระทําใดๆ อันเป็นเทจ็ เชนํ
๑) เมอ่ื สรรพการไดร๎ บั การรอ๎ งเรียนวาํ มกี ารหลบเล่ยี งภาษเี กดิ ขึน้ ท่ใี ดจะสํงเจา๎ หน๎า

ออกไปสบื สวน เจา๎ หนา๎ ทอี่ าจไปตกลงกับฝ่ายหลกี เล่ียงภาษรี บั เงนิ สินบนแลว๎ รายงานเทจ็ มายังผ๎บู งั คับบญั ชาดว๎ ย
ประการตาํ งๆ

๒) โดยการรบั สินบนของเจา๎ ของรถบ รรทุกแลว๎ ใช๎เลหํ เ์ หล่ยี มในการชงั่ มิใหผ๎ ิดกฎเกณฑ์
ใหล๎ ๎อทับตราช่งั ขา๎ งเดียว ดํานตราชัง่ ลดนํา้ หนักใหอ๎ ยใูํ นเกณฑ์ ฯลฯ

๓) ผูค๎ อรัปชน่ั มีหน๎าทีจ่ าํ ยเงินคาํ แรงงานแกํคนงานที่มีจาํ นวนมาก ถือโอกาสเพิม่ จํานวน
งานโดยไมมํ ตี ัวจรงิ และปลอมลายมือรับเงนิ เปน็ ประโยชนต์ น มผี ลประโยชน์รํวมในกิจการบางประเภทที่สามารถใช๎
อาํ นาจหนา๎ ทข่ี องตนบันดาลประโยชน์ได๎

๔) ใชส๎ ิทธิอนมุ ตั จิ ํายเงินเต็มตามอาํ นาจทท่ี างราชการมอบหมายให๎โดยวธิ กี ารสบื ราคา
หรอื ประมูลราคาโดยใช๎บรษิ ัทพวกพอ๎ งหรือจา๎ งบรษิ ทั อื่นมาประมลู เป็นพิธี เพื่อจะนาํ เงินหลวงออกมาแลว๎ จํายใหแ๎ กํ
บริษัททส่ี งํ ของไปตามราคาจรงิ ยักยอกสํวนเกนิ ไว๎ หรอื สมร๎ูแบํงสันปันสํวนกัน

๕) รับเงินคํานายหน๎า เมอื่ มีการจัดซ้ือของใชร๎ าชการ โดยมีเง่อื นไขเพียงขอให๎ซื้อที่รา๎ นน้ัน
การตง้ั กรรมการสืบราคายํอมไมํเป็นผลในกรณนี ้ี เพราะผูข๎ ายยํอมบอกราคาแกผํ ๎ูสบื ราคาเทาํ กบั ราคา ของจริง ดว๎ ย
การบอกเปอรเ์ ซ็นตท์ ีจ่ ะหกั คา๎ นายหนา๎ ไว๎แลว๎

จากลกั ษณะตาํ งๆ ที่กลําวมาแลว๎ ในตอนต๎นพอจะเห็นชัดวําสวํ นใหญขํ องการคอรัปชัน่ ในวง
ราชการราษฎรผเู๎ กยี่ วขอ๎ งในกรณนี ้ันๆ จะเปน็ ผร๎ู ๎เู หน็ สมยอมหรือสมคบในการกระทําการคอรัปชั่นอยดํู ๎วย

๒.๑.๓ ประเภทของการทุจรติ คอรัปชน่ั
เกิดญาดา เกิดลาภผล (๒๕๕๘) กลาํ ววําในอดตี ทผ่ี าํ นมามีการจําแนกรปู แบบคอรปั ชัน่ มีเพยี งไมํก่ี

รูปแบบ เชํน การโกงหรือการตดิ สนิ บน แตํปจั จุบนั พฒั นาการของการคอรปั ช่ันมหี ลายรปู แบบและมีความซบั ซ๎อน
มากยงิ่ ข้ึน ซึ่งนกั วชิ าการหนํวยงานหรอื สถาบนั ตํางๆ ได๎เสนอแนวคิด การจําแนกรูปแบบการคอรปั ชัน่ ออกเปน็
ลักษณะตํางๆ ดงั น้ี

15

ในอดตี ท่ผี ํานมามกี ารจําแนกรูปแบบคอรัปชนั่ มีเพียงไมํกี่รูปแบบ เชํน การโกงหรอื การติดสนิ บน
แตํปัจจุบนั พัฒนาการของคอรปั ชั่นมหี ลายรปู แบบและมีความซับซ๎อนมากยิง่ ข้ึน ซึง่ นกั วชิ ากา i หนวํ ยงานหรือ
สถาบันตํางๆ ได๎ เสนอแนวคิดการจําแนกรูปแบบการคอรัปชน่ั ออกเป็นลกั ษณะตํางๆ ดังนี้

Heidenheimer (ออนไลน์ : www.tortaharn.net) ได๎แบงํ ลักษณะการคอรัปช่ันออกเปน็ ๓
ลกั ษณะ คอื

1) คอรปั ชัน่ ท่ีเก่ียวโยงกับหนํวยงานราชการสมัยใหมํ (Public Office) เปน็ แนวคดิ ทม่ี อง
วําการคอรัปชน่ั เปน็ การแสดงออกของการใช๎ อํานาจในทางทีผ่ ิดเพื่อหวังประโยชนส์ วํ นตวั โดยเกย่ี วข๎องกบั การติด
สนิ บน ซึ่งไมํจําเปน็ ต๎องเปน็ เงินเปน็ ทองเสมอไป

2) คอรัปชนั่ ทเี่ กย่ี วโยงกับแนวคดิ ทางเศรษฐศาสตร์ (Economic) แนวคดิ นมี้ องวาํ การ
คอรัปชนั่ จะเปน็ เรื่องของขา๎ ราชการทฉ่ี ๎อฉลเห็นหนํวยงานของตนเองเหมอื นเป็นแหลงํ ทาํ ธรุ กิจทเี่ ขาจะแสวงหา
รายได๎ให๎มากท่ีสุด หนํวยราชการจึงกลายเปน็ สถานที่มุํงหากาํ ไรใสตํ ัวสูงสุด รายได๎ของข๎าราชการเหลําน้นั ขนึ้ อยูกํ ับ
สถานการณ์ของตลาด และความสามารถสํวนตวั ท่ีจะหาจดุ ที่ได๎ ผลประโยชน์ สงู สุดจากความต๎องการของประชาชน

3) คอรปั ช่ันที่เกีย่ วโยงกบั แนวคดิ เรื่องผลประโยชน์ สาธารณะ (Public Interest) การ
คอรัปชั่นเป็นการใชอ๎ ํานาจเพื่อผลประโยชน์ ความพงึ พอใจหรอื ชอ่ื เสียง หรือเพ่อื ผลประโยชน์ของกลุํมหรือชนชัน้ ใน
ลกั ษณะท่ฝี า่ ฝืนกฎหมายหรอื มาตรฐานท่ีกาํ หนดพฤติกรรมในเชิงศลี ธรรม

นอกจากนี้ ใน ค.ศ.๑๙๗๙ Hridenheimer ยงั ได๎จาํ แนกรปู แบบการคอรปั ชั่นตามหลกั เกณฑข์ องสี
ทส่ี ะท๎อนความอดทนของชมุ ชน (Community’s tolerance) ทมี่ ตี อํ การทจุ รติ โดยจาํ แนกออกเป็นสดี ํา สเี ทาและสี
ขาว (ออนไลน์ : www.learners.in.th/blogs/post/๙๖๐๗๙) ดังนี้

1) การทุจริตสดี ํา (Black Corrupti on) หมายถึง ความเหน็ พอ๎ งต๎องกนั เปน็ สวํ นใหญขํ อง
ชนช้ันนาํ และของมวลชนท่เี หน็ วําการกระทาํ หน่ึงสมควรถกู ตาํ หนิและเห็นวาํ ควรถกู ลงโทษ

2) การทจุ ริตสีเทา (Gray Corrupti on) เป็นการกระทําทช่ี นชน้ั นําสํวนหนงึ่ เหน็ วํา
สมควรถูกลงโทษ แตํชนชั้นนาํ อีกสํวนหน่งึ เห็นแตกตาํ งออกไป ในขณะที่เสียงสวํ นใหญํ มคี วามเห็นคลุมเครอื

3) การทุจรติ สีขาว (White Corrupti on) เปน็ เร่อื งทีช่ นช้ันนํายอมรับและเหน็ วําพอจะ
รับได๎ คอื ไมเํ ลวร๎ายนกั การทุจรติ ในลกั ษณะน้ีเปน็ เรื่องท่ชี นช้ันนาํ และมวลชนสวํ นใหญํไมํได๎ท่ีการกระตอื รือรน๎ ทจ่ี ะ
ให๎มกี ารลงโทษ พูดอกี อยาํ งหนึ่งคือ การคอรปั ชน่ั เป็นสํวนหนึง่ ของวฒั นธรรมทีค่ นในสงั คมอาจจะยงั ไมํตระหนกั ถึง
เพราะฉะน้นั การทาํ ทุจรติ ท่เี กดิ ขึน้ ในสงั คมหนึ่ง แตใํ นสงั คมหนึ่งอาจจะยงั ไมถํ อื วําเปน็ การทุจริตก็ได๎

สงั ศติ พิรยิ ะ รงั สรรค์ (2549) อธิบายวาํ รปู แบบของการทุจริตคอรัปชั่น รวมทง้ั ผลประโยชนท์ บั
ซอ๎ นในปัจจบุ ัน มอี ยํางนอ๎ ยที่สดุ ๑๕ แบบ คอื

๑) การแสวงหาคาํ เชาํ ทางเศรษฐกิจ เชํน การผูกขาด การใหส๎ มั ปทาน และการเรียกเกบ็
สํวนแบํงอยาํ งผิดกฎหมาย โดยการสรา๎ งการขาดแคลนเทยี ม เชนํ ปญั หาการขาดแคลนน้ําตาล

๒) เครพโตเครซี (Kleptocracy ) เป็นการฉกฉวยทรพั ยากรของรัฐมาเป็นของครอบครัว
และอาจกระทําโดยการแปรรูปรัฐวสิ าหกจิ

๓) การมผี ลประโยชนท์ ับซอ๎ น สถานการณ์ท่เี จ๎าหน๎าทข่ี องรฐั มีผลไดผ๎ ลเสียสํวนตวั และ
ผลดงั กลาํ วมอี ิทธพิ ลตอํ การตดั สินใจ หรือการกระทําหน๎าทโ่ี ดยขาดความเท่ยี งธรรม

๔) การใชอ๎ ทิ ธพิ ลทางการเมืองหาผลประโยชน์จากตลาดหลักทรพั ย์ (ปนั่ ราคาห๎ุนตวั เอง)

16

๕) ปกปดิ การบรหิ ารงานทไ่ี มถํ ูกต๎อง การปิดบังขอ๎ มูลและให๎การเทจ็ เชํน การทจุ ริตกรณี
ลําไยและกลา๎ ยาง

๖) การใชน๎ โยบาย กฎหมาย กฎเกณฑ์ ข๎อบังคับตาํ งๆอยํางมอี คตแิ ละลาํ เอียง (เชนํ กรณี
CTX และการตรวจสอบคุณภาพข๎าว)

๗) การใชอ๎ ทิ ธพิ ลทางการคา๎ แสดงบทบาทเปน็ นายหน๎าหรอื มผี ลประโยชนท์ ับซ๎อน จาก
กาคา๎ ตํางตอบแทน การแลกเปลยี่ นสินคา๎ เกษตรกบั ประเทศคํูคา๎ เชํน การแลกไกกํ ับเครื่องบนิ รบของรัสเซีย

๘) การใชท๎ รพั ยากรของรฐั ไปในทางมชิ อบ การปลอมแปลงเอกสาร การฉ๎อฉล การใช๎
กองทุนของรัฐ ไปเพอื่ ผลประโยชนท์ างการเมือง เชํน การใชธ๎ นาคารของรัฐในโครงการประชานยิ ม

๙) ไมกํ ระทําการตามหน๎าท่แี บบตรงไปตรงมา แตํใชล๎ ทั ธิพรรคพวกแทน เชํน การจดั ฮั้ว
ประมลู

๑๐) การใหแ๎ ละการรับสินบน การขํเู ขญ็ บังคับและการให๎สิ่งลอํ ใจ
๑๑) การยอมรับของขวญั ที่ไมํถกู ตอ๎ ง เชนํ เช็คของขวญั มลู คาํ สูง และสนิ บนมูลคําสูง
๑๒) ผู๎บรหิ ารประเทศทาํ ตวั เป็นผ๎ูอุปถมั ภร์ ายใหญขํ องประเทศ โดยการใช๎นโยบายประชา
นยิ ม (นกั การเมืองใหเ๎ งนิ ทอง หรือสง่ิ ของของรัฐ เพ่ือแลกเปลยี่ นกบั การไดร๎ บั การสนับสนุนจากประชาชน)
๑๓) ใช๎อาํ นาจของตาํ รวจ ทหาร และขา๎ ราชการในทางทีผ่ ดิ (ขํมขูํ คุกคามและทาํ รา๎ ยให๎
เกิดความเกรงกลวั ในการชมุ นุมประท๎วงนโยบายรฐั บาลและในการเลือกตง้ั )
๑๔) ทุจริตการเลือกตั้ง ทงั้ การซื้อเสียงและการทจุ ริตด๎วยวธิ ีการตํางๆ
๑๕) การบรจิ าคเพ่ือชวํ ยเหลอื การรณรงคท์ ีผ่ ิดกฎหมาย (การบรจิ าคใหแ๎ กํนกั การเมือง
และพรรคการเมอื งรัฐบาล เพื่อทจ่ี ะมีอทิ ธิพลตอํ การกําหนดนโยบายและการออกกฎหมายของรฐั บาล)
เกรยี งศกั ดิ์ เจรญิ วงศศ์ ักด์ิ (๒๕๔๗) กลําววาํ สาเหตกุ ารเกิดทุจรติ องคป์ ระกอบท่ที ําใหร๎ ะบบ
ทจุ ริตคอรปั ชั่นมโี ครงสรา๎ งรากฐานอันแข็งแกรงํ และดาํ รงอยํูในปจั จุบันมีสาเหตุ มาจากองคป์ ระกอบดงั นี้
1) ระบบการเมืองและระบบราชการมเี กราะกาํ บังที่หนาแนนํ
2) ภาคประชาชนขาดความเข๎มแขง็ และขาดผ๎ูนาํ ในการตํอตา๎ น
3) คํานยิ มที่เปน็ อปุ สรรคฝงั รากลึกในสังคม คํานยิ มของคนในสงั คมท่เี ปน็ เหตุ ให๎เกดิ

พฤติกรรมคอรัปชน่ั เชนํ คํานยิ มในสงั คมอุปถัมภ์
พรศกั ด์ิ ผอํ งแผ๎ว (๒๕๔๔) อธิบายวําได๎รวบรวมแนวคดิ ทฤษ ฎี และผลการวิจยั ของทรงผคู๎ ณุ วฒุ ิ
และหนวํ ยงาน จํานวนมาก เพอื่ สรปุ ถงึ สาเหตุท่ีทาํ ให๎เกดิ การคอรปั ชั่นได๎ ๒ ประการ คอื

1) สาเหตเุ กิดขึน้ จากภายในตัวบุคคลของผูก๎ ระทําเป็ นสาเหตทุ ี่เกดิ ขน้ึ จากภายในของ
ผ๎ูกระทาํ เอง โดยสธุ ี อากาศฤกษ์ อดีตเลขาธิการคณะกรรมการ ป .ป.ป. กลําวถึงสาเหตุท่เี กดิ คอรปั ชัน่ น้วี ํา ทางด๎าน
ตัวผ๎ูกระทาํ เองจะต๎องไตรํตรองหรอื ใครํครวญถึงองคป์ ระกอบตาํ งๆ ๔ ประการ คือ โอกาส ส่ิงจูงใจ การเสยี่ งภยั และ
ความซอื่ สัตย์

๑.๑ โอกาส โดยสญั ชาตญาณของมนษุ ย์ ทุ กคนจะต๎องมี ความกลัวและความระแว ง
นานาประการการกระทาํ ใดกต็ ามปกติ จะไมกํ ระทาํ จนกวําจะมน่ั ใจ หรอื เชือ่ วาํ มชี อํ งวํางท่จี ะกระทาํ ได๎ในกรณี
คอรัปชน่ั กเ็ ชํนเดยี วกัน ตามปกติจะไมทํ าํ การคอรปั ช่ันจนกวําจะชํองโอกาสทตี่ นเชื่อวาํ เม่ือกระทาํ ลงไปแลว๎ จะ ไมถํ กู
จับได๎ โดยเฉพาะอยํางยงิ่ ถา๎ หากผ๎กู ระทาํ อยใูํ นตําแหนงํ ท่ีมีหน๎า ท่ีความรบั ผดิ ชอบซึง่ เปิดโอกาสให๎ คอ รปั ช่นั ไดก๎ ว๎าง
ขว๎าง ประกอบกบั ความงํายทจี่ ะทาํ การคอรปั ชน่ั ก็จะมี โอกาสได๎ มากขึน้

17

๑.๒ สิง่ จูงใจ เมอ่ื มโี อกาสแลว๎ ก็ต๎องพิจารณาตอํ ไปวาํ มีสิง่ จูงใจหรือไมํ อ ยํางไรโดยเฉพาะ
อยาํ งย่งิ ขนาดของผลประโยชน์ ท่จี ะได๎รบั หรือขนาดของผลประโยชน์ท่ีจะสญู เสียไปเมอื่ กระทําการคอรปั ชัน่

๑.๓ การเสยี่ งภัย ตอ๎ งพจิ ารณาดอู ีกตํอไป หากกระทําไปแล๎วผ ลทีไ่ ดร๎ ับจะคุม๎ คาํ หรอื ไมํ
หากกรณถี กู ตรวจพบถูกจับได๎

๑.๔ ความซอื่ สตั ย์ เปน็ องค์ประกอบทสี่ าํ คญั หากขา๎ ราชการ พนกั งานและเจ๎าหน๎าที่ ของ
รัฐมีความซอ่ื สตั ยแ์ ล๎ว ถึงแม๎ จะมีโอกาสก็ยอํ มจะไมํพงึ ปรารถนากระทาํ การคอรัปชัน่ เป็นแนํ และนบั วาํ ความซอื่ สตั ย์
เปน็ ตัวสกดั กัน้ กเิ ลสมใิ หป๎ รารถนาผลประโยชนอ์ น่ื ๆ ทม่ี ิชอบ สําหรบั ผท๎ู ่ไี มํซือ่ สตั ย์ สุจรติ แล๎วเปน็ เร่อื งทปี่ ้ องกนั และ
ปราบปรามได๎ยาก

๒) จากสภาพแวดลอ๎ มภายนอกหรือสิ่งแวดล๎อม สาเหตุทที่ ําใหเ๎ กิดการคอรัปชัน่ ที่มาจา กภายนอก
หรือสง่ิ แวดล๎อม สรปุ ได๎ ๘ ประการ ดังน้ี

๒.๑ มลู เหตจุ ากด๎านเศรษฐกิจและการครองชพี ซง่ึ นักวิชาการจํานวนมากมีความเห็นวาํ
การคอรัปช่นั นีส้ บื เนอ่ื งมาจากราย ได๎ ไมไํ ดส๎ ัดสํวนกบั คําครองชีพ รายไดจ๎ งึ เป็นมลู เหตุทท่ี ําใหเ๎ กิดปัญหาคอรปั ชน่ั
เน่อื งจากสภาพสังคมไทยทุกสมยั มปี ญั หาด๎านความแตกตาํ งในฐานะของบคุ คล การดนิ้ รน ตอํ ส๎จู ึงไมมํ ีขอบเขตวํา
สจุ ริตหรอื ทุจริต รายรบั ของขา๎ ราชการไทยโดยเฉพาะขา๎ ราชการระดบั สวํ นลาํ งจะมีรายได๎ตาํ่ มากในขณะท่ีคํา
ครองชีพสงู ขนึ้ เรอื่ ยๆ ข๎าราชการต๎องตํอสู๎ด้ินรนเพอื่ หารายได๎เลย้ี งครอบครวั ประกอบกบั นกั ธรุ กจิ มกั ตดั ความ
ราํ คาญจนกลายเป็นธรรมเนียมวาํ เวลาไปติดตอํ กบั ราชการต๎องมสี นิ บนไปให๎

๒.๒ มูลเหตุจากดา๎ นการเมือง ซ่ึงสภาวจิ ยั แหงํ ชาติ ได๎ทาํ การวิจยั และชี้ให๎เห็นวาํ การเมอื ง
เปน็ สาเหตหุ นึง่ ของการคอรัปชั่น ดังนี้

๒.๒.๑ การเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ .ศ.๒๔๗๕ ทําให๎เ กดิ นักการเมอื งและ
นักการเมอื งหลายคนใชอ๎ าํ นาจในทางแสวงหาผลประโยชน์ กํอให๎เกดิ การทุจริตในวงราชการอยํางกว๎างขวาง

๒.๒.๒ ระบบพรรคการเมืองทําให๎เกดิ การรวมกลุํม กนั แสวงหาผลประโยชน์
กลายเป็นการหากินแบบกลมํุ

๒.๒.๓ การไมํมีเงนิ ชํวยเหลอื สนับสนุนกา รเลือกต้ังทาํ ให๎นกั การเมืองทซี่ ่ื อสัตย์
สุจรติ ตอ๎ งเลอื กทจ่ี ะกลายเป็นคนยากจนหรือท้ิงเวทกี ารเมืองไป แตํนักการเมืองที่ไมํสจุ ริตกใ็ ช๎ วิธคี อรัปช่นั และ
เน่อื งจากตอ๎ งใช๎เงินหา เสยี งมากผู๎สมคั รรับเลอื กต้งั แสวง หาความชํวยเหลอื จากภายนอก ซ่งึ การท่ีกลมํุ ตาํ งๆ ท่ีมเี งนิ
มากหาไดย๎ าก จงึ เปดิ โอกาสใหน๎ ักธุรกิจทีร่ ํา่ รวยเขา๎ มาทาํ หน๎าทแ่ี ทนกลํมุ ตํางๆ นกั ธุรกจิ ชนั้ สูง สร๎างความสัมพนั ธ์กบั
ผ๎รู หิ ารประเทศและสมาชิกสภาผแู๎ ทนราษฎรโดยอาศัยเงนิ เปน็ สนิ นํา้ ใจมากที่สดุ

๒.๓ มลู เหตจุ ากสภาพแวดลอ๎ มทางสงั คม การพจิ ารณามลู เหตขุ องการคอรัปชนั่ ต๎องมี
การนาํ ธรรมเนยี มของสงั คมมาพจิ ารณาดว๎ ย เชนํ มกี ารเปรยี บเทียบวําในแอฟรกิ ามกี ารคอรัปช่นั มากกวําเดนมาร์กก็
เพราะชาวแอฟรกิ าอยูํในสภาพแวดลอ๎ มที่เหน็ การคอรปั ชน่ั เปน็ เร่ืองธรรมดาท่ีเกิ ดขน้ึ ในชีวิตประจําวันอยาํ งหนง่ึ ไมํ
ถือวาํ การคอรปั ชัน่ เปน็ สง่ิ ชว่ั รา๎ ย

๒.๔ มูลเหตุ จากการบรหิ ารงานรฐั ทขี่ าดประสิทธภิ าพ ซึง่ การบรหิ ารงานทข่ี าด
ประสทิ ธภิ าพ หมายถงึ การปกครองบังคบั บญั ชาที่หละหลวม ผ๎ใู ต๎ปกครองและผบ๎ู งั คับบัญชาไมสํ ุจรติ ซ่ึงเห็นได๎
บํอยๆ การไมกํ วดขันควบคุมทางระเบียบวนิ ัยเกือบจะเปน็ ประเพณนี ยิ มของบา๎ นเมืองไป เชํน จากการทีใ่ หเ๎ จ๎าหนา๎ ท่ี
ป.ป.ป. นัง่ รถสบิ ลอ๎ จาํ นวน ๓ คนั ผาํ นดํานตํางๆ เข๎ามาในกรุงเทพมหานครได๎ ถกู เรียกหรอื เสียเงนิ แกํเจ๎าหนา๎ ท่ีดําน

18

หลายสงั กัด การคอรัปชัน่ น้ี หมายถึง การไมํ ควบคุมดูแล ความบ กพรอํ ง ในการเปิดโอกาสใหแ๎ กํการคอรปั ชัน่ และ
บางคร้ังการบริหารงานอยํางเปน็ ทางการมากเกนิ ไปกท็ ําการคอรปั ช่ันมมี ากขนึ้ ด๎วย

๒.๕ มูลเหตุ จากกฎหมายหรอื ระเบยี บมีชอํ งวํางหรือมขี ๎อบกพรํอง ซ่ึงเป็นปัญหาสาํ คัญ
ของกฎหมาย คอื การคอรปั ช่นั มิได๎ เปน็ อาชญากรรมทีเ่ หน็ ไดโ๎ จํงแจง๎ คอรัปชัน่ กบั การหาพยาน หลกั ฐานทําได๎ยาก
ย่ิงกวําน้ี การคอรปั ช่ันยงั กอํ ประโยชน์ ใหค๎ ูกํ รณีทงั้ สองฝ่าย จึงไมํคํอยมฝี ่ายใดยอมเปิดเผยและถา๎ หากมีฝ่ายใด
ปรารถนาจะเปดิ เผยความจริงในเร่ืองนี้ กฎหมายหมนิ่ ประมาทกย็ บั ย้ังเอาไว๎ ทงั้ กฎหมายของทุกประเทศเอาผิดกับ
บุคคลให๎สินบนเทาํ ๆ กบั ผ๎ูรบั สนิ บนจึงไมคํ อํ ยมีผู๎ใหส๎ ินบนรายใดกล๎าดาํ เนนิ คดกี ับผร๎ู บั สินบนเลย

๒.๖ มลู เหตุจากการมีตําแหนํงหน๎าท่ี ท่เี ออื้ อํานวยตอํ การกระทาํ ผิดถา๎ ปราศจากอาํ นาจ
ตามตาํ แหนํงหน๎าที่ราชการแลว๎ การคอรัปชัน่ จะเกดิ ขึน้ ได๎ยาก แมจ๎ ะมสี ภาพแวดลอ๎ มประการอนื่ ประกอบด๎ วยอยํูก็
ตาม สวํ นราชการใดจะมกี ารคอรัปช่นั หรอื ไมขํ นึ้ อยํกู บั ความเข๎มแขง็ ของผนู๎ ําและความยดึ มัน่ ในหลกั จริยธรรม
หลายกรณีเกิดขนึ้ เพราะผ๎นู าํ ออํ นแอ การคอรปั ช่ันพบมากในสํวนราชการทม่ี ีเจา๎ หน๎าทร่ี ะดบั สูงไมํสามารถควบคุม
เจ๎าหน๎าที่ช้นั ผูน๎ อ๎ ยใหอ๎ ดทนตอํ ความเย๎ายวนของสินบนได๎ ยิ่งไปกวํานั้นกค็ ือ เจ๎าหน๎าที่ระดบั สูงเหลาํ น้นั ก็คอรปั ช่นั
เสียเอง เจา๎ พนักงานผ๎มู ตี ําแหนํงมอี ํานาจหนา๎ ที่ ในการอนมุ ัติ อนญุ าต ให๎สมั ปทานหรือคาํ อนมุ ตั ิ อนญุ าต
ประกอบการตํางๆ ตําแหนํงหนา๎ ที่ในลกั ษณะน้ีเอื้ออาํ นวยตอํ การกระทําผดิ เพราะเปน็ ไปในลกั ษณะภาษาพดู วํา
“เกอื บจะวําไมํ ตอ๎ งทําอะไร ปลาวํายเขา๎ มาติดขํายเอง ” หมายความวํา กกั เรือ่ งไว๎เฉยๆเด๋ียวกว็ ิง่ มาหาเอง แล๎วก็
ไดม๎ าอยาํ งน้ี แตํไมไํ ด๎หมายความวาํ การมตี ําแหนํงหน๎าท่ีทเ่ี ออ้ื อํานวยตํอการกระทําผิดจําตอ๎ งเป็นตาํ แหนงํ ใหญๆํ
ตาํ แหนํงเล็กๆก็ได๎ ไมจํ าํ เปน็ ต๎องมตี ําแหนํงสูงเสมอไป

๒.๗ มูลเหตุจากการตกอยูภํ ายใตอ๎ ิทธิพลของสถานการณ์ การตกอยํูในภาวะแวดล๎อมและ
อทิ ธพิ ลของผูท๎ ุจริตมที างเป็นไปได๎ท่ผี ู๎นัน้ จะตอ๎ งทุจริตไปดว๎ ย เนอื่ งจากมตี ัวอยาํ งของบุ คคลทีม่ าหาในลกั ษณะ
เดือดร๎อน มากราย เพราะถกู ตั้งกรรมการสอบสวนให๎ออกจากราชการ มีขา๎ ราชการ จํานวนไมนํ อ๎ ยที่บํนในทีล่ ับและ
ท่ีเปดิ เผยวาํ ตนเองไมํอยากยงุํ เกีย่ วกับการคอรปั ชน่ั แตํจะทําอยาํ งไรได๎ ในเม่อื คอรปั ช่ันเป็นเร่อื งของ “ระบบ”

๒.๘ มลู เหตุอื่นๆ ของการคอรัปชนั่ เชํน อิทธพิ ลของภรรยาและผ๎ูหญิง กรณนี ้ี อทุ ัย หริ ญั
โต กลําวไวว๎ ํา ภรรยามอี ทิ ธพิ ลอยาํ ง สาํ คัญในการกอํ ให๎เกิดการคอรัปชัน่ ในวงราชการ เนอ่ื งจากภรรยาขา๎ ราชการ
เป็นตัวการสาํ คัญทีไ่ ปสนับสนนุ และสํงเสริมให๎สามีของตนทําการคอรปั ชัน่ ดว๎ ยวตั ถปุ ระสงค์ ๒ ประการ คือ ความมง่ั
ค่ังสมบูรณ์ และเพือ่ แกป๎ ญั หาเศรษฐกิจภายในครอบครัว จดุ เรม่ิ ตน๎ ท่ีทาํ ให๎ภรรยาเขา๎ มามีสวํ นใ นการคอรัปชั่น
เพราะภรรยาเปน็ ผ๎ูใกลช๎ ดิ กับสามีผใู๎ ช๎อาํ นาจหน๎าที่ อาํ นวยประโยชน์ใหแ๎ กผํ อู๎ ื่นมากทสี่ ุด ดว๎ ยเหตุนเ้ี องทผี่ แ๎ู สวงหา
ผลประโยชน์จากขา๎ ราชจงึ ชอบที่จะเขา๎ มา “คุณนาย” หรอื เรียกวํา “เขา๎ หลังบา๎ น” ภรรยาจะเขา๎ มามีบทบาทใน
หนา๎ ท่กี ารงานของสามี ในบางกรณสี ามี อาจจะรงั เกยี จการคอรัปช่นั เพราะเหน็ เปน็ สง่ิ ชว่ั รา๎ ยและกลวั ความผิด แตํ
ต๎องจําใจคอรัปชั่นเพราะกลวั ภรรยาจะไมํพอใจและทนอทิ ธิพลตํอการรบเร๎าของภรรยาไมไํ หว
๒.๒ แนวคดิ เก่ยี วกบั กลไกในการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ ริต

๒.๒.๑ แนวคดิ เกีย่ วกบั การป้องกันและปราบปรามการทุจรติ ของกระทรวงมหาดไทย (thaigov.๒๕๖๐
ออนไลน์)

นายกรฐั มนตรี เปน็ ประธานประกาศเจตนารมณ์ตอํ ต๎านคอ รัปช่ัน ในงานวันตํอตา๎ นคอรร์ ัปชัน่ สากล
(ประเทศไทย) โดยย้ําการแกไ๎ ขปญั หาการทุจรติ คอรปั ชั่น ต๎องเรม่ิ จากตนเองและครอบครัวกํอนขยายไปสสูํ งั คมในวง
กว๎าง เพ่อื ใหก๎ ารแก๎ไขปัญหาเกิ ดผลเป็นรปู ธรรมและย่ังยนื วนั น้ี (๙ ธ.ค.๒๕๖๐) เวลา ๐๙.๓๐ น. พลเอกประยทุ ธ์
จันทรโ์ อชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธปี ระกาศเจตนารมณ์การตํอตา๎ น คอรัปช่ัน ในงานวันตํอต๎าน คอรัปช่ัน

19

ชนั สากล (ประเทศไทย) ภายใต๎แนวคิด "Zero Tolerance คนไทยไมทํ นตอํ การทุจรติ " พร๎อมกนั ทั้งในสวํ นกลาง

และภูมิภาค เพื่อแสดงเจตนารมณ์ของผนู๎ าํ ทางการเมืองรํวมกับภาคที ุกภาคสวํ นทีม่ คี วามมงุํ มัน่ ในการแก๎ไขปัญหา

การทจุ ริตอยํางตํอเน่ืองและปลกุ กระแสสังคมท่ีไมํทนตอํ การทุจริต มํุงยกระดบั คาํ ดัชนกี ารรบั การทจุ ริต (CPI) โดยมี

ผู๎แทนจากภาคเี ครือขาํ ยทุกภาคสวํ น ท้ังภาครัฐ ภาคเอกชน ผแ๎ู ทนองค์การสหประชาชาติ ภาคประชาชน และ

ส่ือมวลชนเขา๎ รํวมงาน ณ ห๎องแกรนด์ ไดมอนด์ บอลรมู ศูนย์การประชมุ อมิ แพค็ ฟอรั่ม เมอื งทองธานี จงั หวดั

นนทบรุ ี

สําหรบั การจัดงานดังกลําว สืบเนื่องจากทปี่ ระชมุ ใหญสํ มัชชาสหประชาชาติ (The United Nations : UN)

ประกาศให๎วนั ท่ี ๙ ธันวาคม ของทกุ ปเี ปน็ วนั ตํอตา๎ น คอรัปชั่นชนั สากล (International Anti -Corruption) ในปนี ี้

รัฐบาลได๎รํวมกับสาํ นักงาน ป.ป.ช. สาํ นกั งาน ป.ป.ท. องคก์ รตอํ ตา๎ นคอรัปช่ัน (ประเทศไทย) และภาคเี ครอื ขํายทกุ

ภาคสวํ นจัดงานวันตอํ ต๎านคอรปั ชั่นชันสากล (ประเทศไทย) ภายใตแ๎ นวคิด "Zero Tolerance คนไทยไมํทนตํอการ

ทุจรติ " ข้นึ เพ่ือกระตนุ๎ จติ สาํ นึกให๎สังคมและทกุ ภาคสวํ นไมํยอมรบั และไมํทนตอํ การทุจรติ และนอ๎ มนําปรัชญา

เศรษฐกิจพอเพียงมาใชเ๎ ปน็ หลักในการดําเนนิ ชวี ิตให๎มีคุณภาพท่ีดี มงํุ วสิ ยั ทัศน์ “ประเทศไทยใสสะอาด ไทยทง้ั ชาติ

ต๎านทจุ รติ ” (Zero Tolerance & Clean Thailand) ตามแนวทางการขบั เคลือ่ นยุทธศาสตรช์ าตวิ ําด๎วยการ

ปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจริต ระยะที่ ๓ อยาํ งเปน็ รูปธรรม รวมทง้ั ตระหนกั ในผลเสียหายรา๎ ยแรงที่เกิดข้นึ จาก

การทจุ รติ ซ่ึงสถานการณ์การทจุ ริตในประเทศขณะนจ้ี ากคะแนะดัชนกี าร รับรกู๎ ารทุจรติ (Corruption

Perceptions Index, CPI) สํารวจโดยองคก์ รเพ่ือความโปรงใส นานาชาติ พบวาํ ประเทศไทยในชํวง ๒๐ ปีทผ่ี าํ นมา

ตัง้ แตํ พ.ศ. ๒๕๓๘ – ๒๕๕๙ ทรงตวั อยูํในระดับสูงกวาํ ๓ หรอื ๓๐ แตตํ ่าํ กวํา ๔ หรอื ๔๐ มาโดยตลอด ขณะทเี่ มือ่

พจิ ารณาคาํ คะแนนดัชนีก ารรบั รู๎การทุจรติ ในปี พ .ศ. ๒๕๕๙ ของประเทศตาํ ง ๆ ทวั่ โลก ปรากฏวํา ๒ ใน ๓ จาก

๑๗๖ ประเทศทว่ั โลก ไดค๎ ะแนนตํ่ากวาํ ๕๐ คะแนน สะทอ๎ นให๎เห็นวําปัญหาการทุจรติ เปน็ ปญั หาท่ีทุกประเทศทัว่

โลกตอ๎ งรวํ มมอื กันแก๎ไขอยํางจรงิ จังและตอํ เน่ือง

โอกาสน้ี นายกรฐั มนตรี ได๎มอบรางวลั หนวํ ยง านภาครัฐที่มผี ลคะแนนการประเมินคุณธรรมและความ

โปรํงใสในการดําเนนิ งานของหนวํ ยงานภาครัฐ ประจาํ ปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ (Integrity and Transparency

Assessment Awards หรอื ITA Awards) จาํ นวน ๖ รางวัล รางวัลหนํวยงานภาครัฐที่มีผลคะแนนการประเมิน

คณุ ธรรมและความโปรํงใสในการดําเนนิ งานของหนวํ ยงา นภาครัฐ ประจําปงี บประมาณ พ .ศ.๒๕๖๐ (ITA Awards)

จาํ นวน ๖ รางวัล รางวัลหนวํ ยงานท่ไี ด๎นําการประเมนิ คณุ ธรรมและความโปรงํ ใสในการดาํ เนนิ งานของหนวํ ยงาน

ภาครฐั ไปขยายผลตอํ เพอ่ื พฒั นาและยกระดบั คณุ ธรรมและความโปรงํ ใสในห นํวยงานจนประสบความสําเรจ็

จาํ นวน ๒ รางวลั และรางวัลประกวดคาํ ขวญั "Zero Tolerance คนไทยไมทํ นตํอการทจุ รติ " ไดแ๎ กํ นางสาวฌชิ าภา

หม่ืนภกั ดี จากจังหวัดเพชรบรุ ี ด๎วยคําขวญั ท่วี าํ “ตํอตา๎ นคนโกง เปิดโปงทจุ รติ เพชรบรุ ีรํวมคดิ พิชติ คอรปั ชั่น”

พรอ๎ มกันน้ี นายกรัฐมนตรี ไดก๎ ลําวขอบคณุ ทุกหนวํ ยงานท่ีเกีย่ วข๎อ งที่ไดร๎ ํวมกนั จัดงานดงั กลําวข้ึน โดยใน

ฐานะรัฐบาลและประเทศไทย พรอ๎ มรบั ข๎อหํวงใยและขอ๎ เสนอของผ๎ูแทนจากองค์การสหประชาชาติ พจิ ารณา

ดาํ เนินการใหเ๎ ปน็ ไปตามพนั ธกรณีและพนั ธสญั ญาตาํ ง ๆ ทีป่ ระเทศไทยมีกบั ประชาคมโลก โดยเฉพาะกรณีทค่ี าํ

คะแนนดัชนกี ารรับร๎กู ารทจุ รติ ปี ๒๕๕๙ ของประเทศตําง ๆ ทั่วโลก ปรากฏพบวํา ๒ ใน ๓ จาก ๑๗๖ ประเทศท่วั

โลก ไดค๎ ะแนนตาํ่ กวํา ๕๐ คะแนน น้ัน ประเทศไทยตอ๎ งตั้งเป้าประสงคแ์ ละแนวทางการดําเนนิ การให๎ประเทศหลุด

จากตรงน้ีให๎ได๎โดยเรว็

ท้งั นี้ ประเทศไทยในฐานะทีเ่ ป็นประเทศสมาชิกขององคก์ ารสหประชาชาติ วั นนจ้ี ึงได๎กําหนดใหเ๎ ป็นวัน

สําคัญให๎คนในชาตไิ ดต๎ ระหนักถึงความร๎ายแรงของอันตรายท่เี กดิ จากการ คอรปั ช่ันโดยรฐั บาลได๎รวํ มกบั สํานกั งาน

20

ป.ป.ช. สาํ นักงาน ป.ป.ท. องค์กรตํอตา๎ นคอรัปชั่น (ประเทศไทย) และภาคเี ครอื ขาํ ยทุกภาคสํวนจัดงานวันตํอตา๎ น
คอรัปช่ันสากล (ประเทศไทย) ภายใต๎แนวคิด "Zero Tolerance คนไทยไมทํ นตอํ การทจุ รติ " ขึน้ เพื่อแสดงใหเ๎ หน็
จุดยนื และเจตนารมณร์ ํวมกันในการท่จี ะไมํยอมและไมํทนตํอการทุจรติ อีกตอํ ไป

สาํ หรับปัญหาการทุจรติ คอรปั ชั่นนน้ั นายกรัฐมนตรี กลําววํา เป็นปัญหาท่เี กดิ ขน้ึ มายาวนานและเกดิ จาก
จิตใจของคนเป็นสําคัญ เพราะฉะน้นั ทุกคนในประเทศต๎องรํวมกันสร๎างวัฒนธรรมใหมใํ หเ๎ กดิ ข้นึ โดยไมํยอมใหม๎ ีการ
ทจุ ริต ไมํให๎มีการซือ้ ขายตาํ แหนํงขา๎ ราชการ รวมไปถงึ ไมํใหเ๎ กิดการทุจรติ ในกระบวนการจัดซอ้ื จัดจ๎าง การใหส๎ ทิ ธิ์
ประโยชน์และการใช๎ชอํ งทางกฎหมายในทางที่ไมถํ ูกตอ๎ งในการเออื้ ประโยชน์ให๎ แกํกนั ซ่งึ รัฐบาลไดต๎ ระหนกั ในเรอ่ื ง
ดังกลําวโดยได๎ประกาศใหเ๎ ปน็ วาระแหํงชาติ โดยไดม๎ ีการดําเนินการในเรอื่ งตําง ๆ เชนํ การพฒั นาปรบั ปรุงกฎหมาย
และกลไกในการตรวจสอบตําง ๆ รวมทั้งไดน๎ ําเรอื่ งของการป้องกนั การทจุ ริตและการตํอตา๎ นคอรัปชั่นบรรจไุ ว๎ในการ
ปฏริ ปู ทกุ ด๎าน ตลอ ดจนทุกหนํวยงานเรงํ รดั การดําเนินคดีตอํ ผูก๎ ระทาํ การทจุ รติ ประพฤตมิ ิชอบ ท้งั ด๎านวนิ ัยและ
อาญา

อยํางไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี กลาํ ววํา การแกไ๎ ขปอ้ งกนั ปญั หาการทจุ ริต คอรปั ช่ันให๎เกิดผลเปน็ รปู ธรรม
ตอ๎ งได๎รับความรวํ มมือจากทุกภาคสวํ นในสงั คมในการเข๎ามามีสวํ นรํวมในกระบวนการดั งกลําว และรํวมกันผลักดัน
ทําให๎เกิดกลไกลและมาตรการตาํ ง ๆ สามารถนาํ ไปใช๎ได๎อยํางจริงจังและเกิดผลสมั ฤทธ์ิ ทงั้ นี้ รัฐบาลไดร๎ าํ งระเบียบ
การนาํ ยทุ ธศาสตรแ์ ละการพฒั นาในภาครฐั ดําเนนิ การปอ้ งกนั ไปในทศิ ทางเดียวกัน ควบคกํู บั การสร๎างการรบั ร๎ูให๎กบั
ประชาชนทราบถึงพษิ ภัยของการทจุ รติ เพือ่ ให๎การตอํ ตา๎ นการทจุ ริตเปน็ วัฒนธรรมของสังคมไทย

อีกทง้ั นายกรัฐมนตรี ไดก๎ ลําวเนน๎ ยํ้าวาํ การแก๎ปญั หาทจุ รติ คอรปั ช่ัน สิง่ สําคญั ตอ๎ งเร่ิมทําจากตนเองและ
ครอบครัวกํอนขยายนําไปสกํู ารปฏิบตั ิของคนในสังคมทง้ั ในโรงเรียน ชุมชน และประเทศ ขณะเดียวกันการดาํ เนนิ
โครงการตาํ ง ๆ ท้งั ในสํวนของภาครฐั และเอกชนทุกขัน้ ตอนต๎ องมีกระบวนการตรวจสอบการทุจริต ใหเ๎ กดิ ความ
โปรํงใส เพ่อื สร๎างความเช่ือม่นั และความไวว๎ างใจใหเ๎ กิดขนึ้ ในสงั คม อนั จะสามารถลดและป้องกันปญั หาความขดั แยง๎
เกดิ ขนึ้ อกี

ในต๎อนทา๎ ย นายกรัฐมนตรี ไดน๎ ําคนไทยทว่ั ประ เทศและผรู๎ วํ มงานประกาศเจตนารมณต์ ํอต๎าน คอรปั ช่ัน

โดยกลําวพรอ๎ มกนั วาํ จะประพฤติปฏบิ ตั ิตนด๎วยความซือ่ สตั ยส์ จุ ริต ไมํกระทาํ การทจุ ริต จะยึดม่นั ใจความยุติธรรม

ถอื ประโยชนส์ วํ นรวมมากกวาํ ประโยชนส์ วํ นตน จะปกป้องเทิดทูนสถาบนั ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และเจรญิ

รอยตามเบื้องพระยุคลบาทสมเดจ็ พระเจา๎ อยํหู ัว ด๎วยจิตอาสา พรอ๎ มทาํ ความดีดว๎ ยหัวใจออนไลน์)

2.2.2 วสิ ัยทัศน์ พนั ธกิจ และประเดน็ ยุทธศาสตร์ (http://www.ppb.moi.go.th.2560 ออนไลน์)
วิสยั ทศั น์กระทรวงมหาดไทย
ประชาชนมีรากฐานการดํารงชีวิตและพฒั นาสํอู นาคตอนาคตไดอ๎ ยาํ งม่ันคงและสมดุล

ตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
พนั ธกิจกระทรวงมหาดไทย
๑. รักษาความสงบเรยี บร๎อย ความปลอดภัย และความมั่นคงภายใน
๒. เสริมสร๎างความเข๎มแข็งของชมุ ชนและเศรษฐกิจฐานราก
๓. สงํ เสริมการพฒั นาเมอื งและโครงสรา๎ งพ้ืนฐาน
๔. สํงเสริมและสนบั สนนุ การบริหารราชการในระดบั พ้ืนที่
ประเด็นยุทธศาสตร์กระทรวงมหาดไทย
๑. การเสริมสร๎างสังคมเขม๎ แขง็ และพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก

21

๒. การเพิม่ ศักยภาพการพฒั นาสภาพแวดล๎อมสอูํ นาคต
๓. การเสรมิ สร๎างความสงบเรียบร๎อยและความม่นั คงภายใน
๔. การวางรากฐานการพฒั นาองค์กรอยํางสมดุล
๕. การพฒั นาภมู ิภาค เมือง และพน้ื ทเ่ี ศรษฐกิจ
ภายใตย๎ ทุ ธศาสตร์กระทรวงมหาดไทย
การพัฒนาขีดความสามารถขององคก์ รในการบริหารจัดการแบบบรู ณาการโดยมีประชาชนเป็น
ศูนย์กลาง
วตั ถปุ ระสงคก์ ระทรวงมหาดไทย
๑. เพอื่ สนับสนุนการ ขับเคล่ือนแผนการปอ้ งกันและปราบปราม การทุจริตคอรัปชน่ั ตาม
วัตถปุ ระสงค์หลักในยุทธศาสตร์ชาติวําดว๎ ยการปกกันและปราบปรามการทุจรติ ระยะที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๖๐)
๒. เพอื่ แกไ๎ ขปญั หาความโปรํงใส ทจุ รติ คอรปั ชน่ั ของสวํ นราชการในสงั กดั กระทรวงมหาดไทย
โดยมุงํ เนน๎ กลไกการมสี ํวนรํวม ในการรํวมคดิ รวํ มทํา รวํ มปฏบิ ตั ิ รวํ มแก๎ปัญหา และรวํ มติดตามประเมินผล โดยการ
แกส๎ าเหตขุ องปญั หาปลุกจติ สาํ นกึ ความซื้อสัตยส์ ุจรติ รบั ผิดชอบรักษาวินัยของ ราชการ กรมสงํ เสริมคณุ ธรรม
จรยิ ธรรม ตลอดจนคํานยิ มอืน่ ๆ ทถ่ี กู ตอ๎ งรวมทั้งเขา๎ ใจวถิ ีดําเนินชวี ติ ทส่ี มควรแ ละมีคุณคํา และจดั อบรมใหค๎ วามร๎ู
ในการปฏิบตั ิงานตามภารกจิ ท่ีสมํุ เส่ยี งตํอการจะทาํ ให๎เกดิ ปัญหาความโปรงํ ใส และการทุจริตคอรัปชั่น โดยการ
ปอ้ งกนั ปราบปราม และลงโทษการกระทาํ ท่ีไมโํ ปรํงใส และการทจุ ริตคอรปั ชน่ั เชนํ ระบบการประมูล การเสนอ
ราคาตํอหนํวยงานของรฐั การจดั ซื้ อจัดจ๎าง มีระบบ/กลไกจดั การรบั เรือ่ งรอ๎ งเรียน มรี ะบบตรวจสอบภายในองคก์ ร
และการมสี ํวนรวํ มการใชด๎ ลุ ยพินจิ ของผู๎บรหิ ารและผู๎ปฏิบตั งิ าน
๓. เพ่อื ขยายผลการดาํ เนนิ งานปลกู ฝงั่ คุณธรรมจริยธรรมอยาํ งตํอเน่อื ง เสรมิ สรา๎ งเครือขํายรวํ ม
ตํอต๎านการทจุ รติ ในประเทศ แสวงหาความรํวมมอื การภาคสวํ นอ่นื ๆ ทย่ี ังไมํได๎เข๎ามามสี วํ นรวํ มอยํางใกล๎ชิด เพ่อื เรํง
พัฒนาระบบจัดการยทุ ธศาสตร์ไปสกูํ ารปฏิบัติทีเ่ กิดผลสมั ฤทธิ์ท่มี ปี ระสิทธภิ าพและประสิทธผิ ล
๔. เพอื่ ให๎สํวนราชการในสงั กัดกระทรวงมหาดไทยยดึ ถอื เป็นกรอบการปฏิบตั งิ านเพอ่ื ประโยชน์สุข
ประชาชนเพอื่ ให๎เกิดผลสัมฤทธติ์ ํอภารกจิ ของรฐั ความมปี ระสิทธิภาพเกิดความคุม๎ คําในเชงิ ภารกิจของรัฐมุํงสํู
เป้าหมายหลกั คอื แระชาชนไดร๎ ับความสะดวก และไดร๎ ับการตอบสนองความตอ๎ งการตามพระราชกฤษฎกี าวาํ ด๎วย
หลกั เกณฑ์และวิธีการบรหิ ารกิจการบา๎ นเมืองทดี่ ี พ.ศ. ๒๕๔๖ และนโยบายรัฐบาล
เป้าหมายกระทรวงมหาดไทย
๑. ชมุ ชนเข๎มแข็ง
๒. ชมุ ชนมคี วามปลอดภัย
3. สงั คมมคี วามสงบเรียบร๎อย
4. หนํวยงานภาครฐั มีการบริหารจดั การที่ดแี ละองค์กรปกครองสวํ นทองถนิ่ เข๎มแข็ง
5. พื้นท่ภี ูมภิ าคและพ้นื ทีเ่ ศรษฐกิจมขี ดี ความสามารถในการแขงํ ขัน
ยทุ ธศาสตรก์ ารป้องกนั การทุจริตและประพฤติมิชอบกระทรวงมหาดไทย
ยทุ ธศาสตรท์ ี่ ๑ ปลูกและปลกุ จติ สาํ นกึ การตอํ ต๎านการทุจรติ เนน๎ การปรับเปลีย่ นฐานความคิดของ
คนในทกุ ภาคสํวนในการรกั ษาประโยชนส์ าธารณะ
เปา้ ประสงคห์ ลกั ที่ ๑ เพ่ือยกระดบั จติ สาํ นกึ รบั ผิดชอบในประโยชนข์ องทุกภาคสวํ น โดยเฉพาะ
อยาํ งยิง่ นกั การเมืองและบคุ ลากรในหนวํ ยงานตอํ ต๎านการทจุ รติ

22

แนวทาง/มาตรการท่ี ๑ สงํ เสริมการดาํ เนินชีวิตตามหลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง
แนวทาง /มาตรการที่ ๒ สํงเสริมการใช๎บทลงโทษในประมวลจรยิ ธรรมแกทํ กุ ภาคสวํ น
และกาํ กับดูแลการประพฤตใิ ห๎เปน็ ไปตามหลกั ประมวลจริยธรรม
แนวทาง/มาตรการท่ี ๓ การใช๎การศึกษาและศาสนาเปน็ เครอื่ งมอื ในการปลกู – ปลกุ –
ปรบั เปล่ยี นฐานความคดิ เดก็ และเยาวชน เจา๎ หน๎าทขี่ องรัฐและผดู๎ ํารงตําแหนํงทางการเมอื ง
แนวทาง/มาตรการท่ี ๔ ดแู ลคณุ ภาพชวี ิตและรายได๎ของเจ๎าหน๎าทขี่ องรฐั และขา๎ ราชการ
ยทุ ธศาสตร์ท่ี ๒ บูรณาการการทํางานของหนํวยงานในการตอํ ต๎านการทจุ รติ และการพฒั นา
เครอื ขํายในประเทศ
เป้าประสงคห์ ลกั ที่ ๒ เพอื่ พฒั นาระบบบริหารการตอํ ต๎านการทุจรติ ที่มปี ระสิทธิภาพมีการบูรณา
การ เช่ือมโยง ยุทธศาสตรข์ าตวิ าํ ด๎วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตกับแผนยุทธศาสตร์ระดับองค์ กรของ
หนํวยงานตอํ ตา๎ นการทจุ ริต รวมท้งั มีแนวทางขบั เคลอื่ นและติดตามประเมนิ ผลทช่ี ัดเจนเปน็ รปู ธรรม
แนวทาง/มาตรการท่ี ๑ ประสานการทาํ งานและบรหิ าร และบูรณาการระหวํางองค์กร
ตามรฐั ธรรมนญู
แนวทาง /มาตรการท่ี ๒ สร๎างความเข๎มแข็งการบรู ณาการความรวํ มมือระหวาํ งภาคี
เครอื ขาํ ยหนวํ ยงานภาครฐั ประชาสังคม และประชาชนในการตอํ ตา๎ นการทจุ ริต
แนวทาง/มาตรการที่ ๓ พฒั นาระบบขอ๎ มูลกลาง
แนวทาง/มาตรการท่ี ๔ ปรับปรงุ กฎหมาย กฎระเบียบและการบังคับใชก๎ ฎหมาย รวมถึง
การพัฒนาระเบยี บหลักเกณฑข์ ๎อบังคับในแตลํ ะหนวํ ยงานหลกั ในการตอํ ต๎านการทุจรติ ใหส๎ อดคล๎องกนั
ยุทธศาสตร์ที่ ๓ พฒั นาความรํวมมอื กับองคก์ รตอํ ตา๎ นการทุจริตและเครือขํายระหวํางประเทศ (ไมํ
มีการดําเนนิ การ)
เป้าประสงค์หลกั ที่ ๒ เพื่อพฒั นาระบบบรหิ ารการตอํ ต๎านการทจุ ริตทีม่ ีประสทิ ธิภาพมีการบรู ณา
การ เชื่อมโยง ยุทธศาสตรข์ าติวําด๎วยการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ ริ ตกับแผนยุทธศาสตรร์ ะดบั องคก์ รของ
หนํวยงานตอํ ต๎านการทจุ รติ รวมทัง้ มีแนวทางขับเคลอื่ นและติดตามประเมินผลทีช่ ดั เจนเปน็ รปู ธรรม
แนวทาง /มาตรการท่ี ๑ ประสานความรํวมมือกบั หนวํ ยงาน /องค์กรตอํ ตา๎ นการทจุ รติ
และองคก์ รเอกชนในระดับนานาชาติ
แนวทาง/มาตรการที่ ๒ ปรบั ปรุงและพัฒนากฎหมายให๎สอดคล๎องกบั อนุสัญญาระหวําง
ประเทศ
แนวทาง /มาตรการท่ี ๓ สร๎างความรวํ มมือโดยการเข๎ารํวมปฏญิ ญาและการทาํ บันทกึ
ความเข๎าใจระหวาํ งประเทศ
ยุทธศาสตรท์ ี่ ๔ พัฒนาระบบบรหิ ารและเครื่องมอื ในการป้องกนั และปราบปรามการทุจรติ
เป้าประสงค์หลักท่ี ๓ เพอ่ื พฒั นาระบบกลไก และมาตรการที่สนบั สนนุ ให๎สาธารณะและประชาชนเข๎ามามีสํวนรํวม
ตอํ ต๎านการทุจริตเกิดความไว๎วางใจและเช่ือมนั่ ในความปลอดภัย
แนวทาง/มาตรการที่ ๑ บรรจยุ ทุ ธศาสตร์ชาติวาํ ดว๎ ยการป้องกนั และปราบปรามการ
ทุจรติ เปน็ นโยบายเรํงดํวนของรฐั บาล (ไมํมีการดาํ เนินการ)
แนวทาง/มาตรการที่ ๒จดั ตัง้ กองทุนสนบั สนุนการปอ้ งกนั การทจุ ริต (ไมมํ กี ารดําเนนิ
การ)

23

แนวทาง/มาตรการที่ ๓ สงํ เสริมและสนับสนุนการศึกษาวิจยั เพอื่ พฒั นามาตรการและ
เครอื่ งมือในการป้องกนั และปราบปรามการทจุ ริต (ไมํมีการดําเนินการ)

แนวทาง/มาตรการที่ ๔ สรา๎ งเสริมระบบแจง๎ เบาะและการคมุ๎ ครองพยาน การสงํ เสรมิ
ศกั ยภาพและการมสี ํวนรวํ มในการแกไ๎ ขปัญหาทจุ รติ กับภาคเี ครือขํายภาคประชาสังคมและประชาขนเพื่อให๎เกิด
ความมัน่ ใจ

แนวทาง/มาตรการท่ี ๕ สรา๎ งระบบรับเร่ืองรอ๎ งเรียนให๎กบั องค์กรตามรัฐธรรมนญู ท่ี
ตํอตา๎ นการทจุ รติ

ยทุ ธศาสตร์ท่ี ๕ เสรมิ สรา๎ งองคค์ วามรดู๎ ๎านการตอํ ตา๎ นการทุจริตใหก๎ ับบุคลากรทกุ ภาคสวํ น
เป้าประสงคห์ ลกั ที่ ๔ เพ่ือยกระดบั สมรรถนะการดําเนนิ งานของหนํวยงานตอํ ต๎านการทจุ รติ ใน
ดา๎ นการตํอตา๎ นทจุ รติ ใหเ๎ ทาํ ทนั กับสถานการณแ์ ละไดม๎ าตรฐานสากล

แนวทาง/มาตรการที่ ๑ สรา๎ งองค์ความรใ๎ู นการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ รติ โดย
การศึกษาวจิ ยั และการพฒั นา (ไมํมกี ารดําเนนิ การ)

แนวทาง/มาตรการท่ี ๒ พัฒนาระบบการจัดการองค์ความรู๎
แนวทาง/มาตรการที่ ๓ สร๎างบคุ ลากรเชีย่ วชาญเฉพาะสาขา สาํ หรบั ตรวจสอบและ
ปราบปรามการทุจริตรายสาขา
๒.๒.๓ แนวคิดเกยี่ วกบั การป้องกนั และปราบปรามการทจุ ริตตามแผนพัฒนาเศรษฐกจิ และสงั คม
แหง่ ชาติ ฉบับท่ี ๑๒ (พ.ศ.๒๕๖๐-๒๕๖๔)

สานกั งานคณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกิจและสงั คมแหง่ ชาติ ได้กลา่ วไว้ในแผนพฒั นาฯ ฉบบั ที่ ๑๒ วา่ ให้

ความสาคญั กบั การกาหนดทศิ ทางการพฒั นาที่มงุ่ สกู่ ารเปลย่ี นผา่ นประเทศไทยจากประเทศทมี่ รี ายได้ปานกลางไปสู่ประเทศที่

มีรายได้สงู มีความมน่ั คง และยงั่ ยนื สังคมอยรูํ วํ มกันอยาํ งมคี วามสุข โดยมเี ปา้ หมายหลักทเี่ กยี่ วขอ๎ งกับการแกไ๎ ข

ปัญหาคอรัปชน่ั ดงั น้ี
๑) การปรบั ปรุงการบรหิ ารจัดการรายได๎และรายจาํ ยของภาครัฐ
๒) การพฒั นาระบบการใหบ๎ รกิ ารประชาชนของหนวํ ยงานภาครฐั
๓) การปรับปรงุ บทบาท ภารกิจ และโครงสร๎างของหนวํ ยงานภาครฐั ให๎มีขนาดที่เหมาะสม
๔) การวางระบบบริหารงานราชการแบบบูรณาการ
๕) การพัฒนาระบบบรหิ ารจัดการกาํ ลังคนและพัฒนาบุคลากรภาครฐั ในการปฏบิ ัติราชการ
๖) การตอํ ตา๎ นการทจุ รติ และประพฤติมชิ อบ
๗) การปรบั ปรงุ แกไ๎ ขกฎหมาย ระเบยี บ และขอ๎ บังคับให๎มคี วามชดั เจน ทันสมัย เปน็ ธรรม และสอดคล๎อง

กับข๎อบงั คับสากลหรือขอ๎ ตกลง ระหวํางประเทศ ตลอดจน พฒั นาหนวํ ยงานภาครัฐและบคุ ลากรที่มีหน๎าท่ีเสนอ
ความเหน็ ทางกฎหมายใหม๎ ีศกั ยภาพ

ยทุ ธศาสตรด์ า๎ นการปรบั สมดลุ และพัฒนาระบบการบรหิ าร จัดการภาครฐั ให๎ความสําคญั กบั การพัฒนา
ระบบการบริหาร จดั การภาครฐั ท้ังการวางระบบราชการ การพฒั นาบคุ ลากรภาครัฐในการปฏิบตั ริ าชการ การ
ป้องกันตอํ ตา๎ นและปราบปรามการทจุ รติ และประพฤตมิ ิชอบของหนวํ ยงานภาครัฐ
๒.3 ความรเู้ กยี่ วกับองคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถนิ่

๒.3.๑ พฒั นาการขององค์กรปกครองส่วนทอ้ งถ่ินไทย
(ทีม่ าhttp://advisor.anamai.moph.go.th/main.phpfilename=tambon03)

24

พัฒนาการของการปกครองท๎องถิ่นของไทย เรมิ่ เกิดขนึ้ ตง้ั แตํการปฏิรูประบบราชการ ในสมัยรชั กาลที่ ๕
กลําวคือ ได๎มีกฎหมายวําดว๎ ยการจัดกิจการท๎องถ่นิ ฉบับแรก คอื พระราชกาํ หนดสุขาภบิ าลกรงุ เทพฯ ร.ศ.๑๑๖ โดย
กาํ หนดให๎ สุขาภบิ าลกรงุ เทพฯ มหี นา๎ ที่ดาํ เนินการรกั ษาความสะอาด และป้องกันโรค ทาํ ลายขยะมูลฝอย จดั
สถานที่ถาํ ยอจุ จาระปัสสาวะ สําหรบั ราษฎรทั่วไป ห๎ามการปลกู สรา๎ ง หรอื ซอํ มแซมโรงเรอื น ท่ีจะเปน็ เหตใุ หเ๎ กิดโรค
รวมท้ังการขนย๎ายสง่ิ โสโครก ท่ีทาํ ความรําคาญให๎กับราษฎรไปทิง้ เป็นต๎น ตํอมาได๎จัดตงั้ สขุ าภบิ าลทําฉลอม เมือง
สมุทรสาครข้ึน ในตาํ งจังหวดั เปน็ แหํงแรก

ในสมัยรัชกาลท่ี ๖ กไ็ ด๎ตราธรรมนูญการปกครองคณะนคราภิบาลดสุ ติ ธานี พ.ศ.๒๔๖๑ เพอ่ื ทดลองรปู แบบ
เมอื งจําลอง "ดุสิตธานี" นับเป็นการปกครองในรูปเทศบาลครงั้ แรก อันเปน็ รปู แบบการปกครองอยาํ งประเทศอังกฤษ
โดยกําหนดให๎เปน็ นติ บิ คุ คล แยกจากสํวนกลาง มีรายไดข๎ องตนเอง ดแู ลการคมนาคม การดบั เพลิง สวนสาธารณะ
โรงพยาบาล สสุ าน โรงฆาํ สัตว์ ดแู ลโรงเรยี นราษฎร์ การรักษาความสะอาด และการปอ้ งกันโรค ทําบริการสาธารณะ
ทม่ี ีกําไร เชํน ตัง้ โรงรับจํานาํ ตลาด รถราง เปน็ ต๎น ออกใบอนุ ญาต และเกบ็ คําธรรมเนยี มสาํ หรับยานพาหนะ รา๎ น
จําหนํายสรุ า โรงละคร โรงหนงั สถานเรงิ รมย์ และอน่ื ๆ

ตอํ มาเมอ่ื มกี ารเปล่ยี นแปลงระบอบการ ปกครองของประเทศไทย ในปี พ .ศ.๒๔๗๕ จากระบอบ
สมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเปน็ ระบอบประชาธปิ ไตย ท่ีมพี ระมหากษัตรยิ ท์ รงเป็นพระประมขุ ภายใต๎กฎหม าย
รฐั ธรรมนญู ประเทศไทยได๎จัดระเบียบการบริหารราชการ เปน็ ราชการสํวนกลาง สํวนภูมิภาค และสวํ นท๎องถน่ิ
ตามพระราชบญั ญตั วิ ําดว๎ ยระเบียบราชการ บริหารแหํงราชอาณาจักรไทย พ .ศ.๒๔๗๖ โดยในสํวนของราชการสํวน
ท๎องถิ่น ไดม๎ กี ารจดั ตง้ั เทศบาล ขึน้ ตามพระราชบัญญตั ิเทศบาล พ .ศ.๒๔๗๖ (ปจั จบุ ันใช๎ พ .ร.บ.เทศบาล พ .ศ.
๒๔๙๖) แตตํ ํอมาปราก ฏวาํ การดาํ เนนิ งานของเทศบาล ไมไํ ดผ๎ ลเตม็ ท่ี ตามทม่ี ุงํ หมายไว๎ จงึ ไมํอาจขยายการต้งั
เทศบาลออกไ ปทุกทอ๎ งท่ี ทวั่ ราชอาณาจกั รได๎ คงต้ังขน้ึ ไดเ๎ พียง ๑๒๐ แหํง ก็ระงับการจดั ต้ังเทศบาลข้นึ ใหมํ เปน็
เวลานานหลายสิบปี และได๎มีการตั้ง สุขาภบิ าล ขึ้น แท นเทศบาลในท๎องที่ทยี่ งั ไมํมีฐานะ เปน็ เทศบาล ตา ม
พระราชบญั ญัติสุขาภบิ าล พ .ศ.๒๔๙๕ จนกระทง่ั ถงึ ปี ๒๕๐๐ จงึ ได๎มีการยกฐานะสขุ าภิบาลบางแหงํ ข้ึนเป็น
เทศบาลตาํ บล คอื เทศบาลตําบลกบนิ ทร์ เทศบาลโคกสําโรง เทศบาลตาํ บลบวั ใหญํ เปน็ ต๎น และกรณีที่ มกี ารจัดตั้ง
จังหวัดใหมํ ก็ใหจ๎ ัดตั้งเทศบาลเมอื งข้ึน ในทอ๎ งถนิ่ ที่เปน็ ท่ตี ้งั ศาลา กลางจงั หวัด ตามบทบญั ญตั มิ าตรา ๑๐ แหงํ
พระราชบญั ญัติเทศบาล พ.ศ.๒๔๙๖ อยํางไรก็ตาม การจดั ตัง้ เทศบาล และสขุ าภิบาลก็ยงั ไมํเปน็ ไปโดยทั่วถึง
สวํ นใหญํจึงคงอยูํ ภายใต๎การปกครองสวํ นภูมิ ภาค ดงั นน้ั เพอื่ แกค๎ วามเหลอ่ื มลาํ้ ในการปกครองท๎องถ่นิ ในเขต
เทศบาล และสขุ าภิบาล กับท๎องถ่นิ ท่ีอยูํนอกเขตดงั กลาํ ว จงึ ไดม๎ ี การจดั ตั้ง องค์การบริหารสวํ นจงั หวัดขน้ึ โดยตรา
พระราชบญั ญตั ิระเบียบบ ริหารราชการ สํวนจงั หวัด พ .ศ.๒๔๙๘ ให๎เป็นองคก์ รปกครองสํวนทอ๎ งถ่ิน ทม่ี ี อาํ นาจ
หน๎าทดี่ ําเนินกิจการสํวนจงั หวัด ภายในเขตพนื้ ทจี่ ังหวดั นอกเขตเทศบาล และเขตสุขาภิบาล

นับแตํนน้ั มา การปกครองสํวนท๎องถ่ินจงึ ครอบคลมุ ทั่วท้งั ราชอาณาจักไทย กลาํ วคือ ทกุ พน้ื ทีข่ องประเทศ
ไทย จะอยใํู นความรับผิดชอบของ องคก์ ารปกครองทอ๎ งถ่นิ ไมรํ ูปใดกร็ ูปหนึ่ง ซ่ึ งตํอมา ไดม๎ กี ารประกาศใชก๎ ฎหมาย
การปกครองทอ๎ งถิ่น รูปพเิ ศษ ได๎แกํ พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรงุ เทพมหานคร
พ.ศ.๒๕๑๘ และพระราชบัญญัตริ ะเบีย บบริหารราชการเมืองพทั ยา พ .ศ.๒๕๒๑ ท้ังน้เี น่ืองจาก กรงุ เทพมหานคร
เปน็ เมืองขนาดใหญํ มปี ระชากรมากทีส่ ดุ สํวนเมืองพั ทยาเป็นเมอื งทํองเท่ยี ว ท่ีมลี กั ษณะพิเศษ และใช๎รปู แบบการ
บรหิ าร โดยการจา๎ งผบู๎ ริหาร ซงึ่ ปราก ฏวํา ไมปํ ระสบผลสําเรจ็ มากนัก ปจั จุบันจึงมีแนวโนม๎ ท่เี ปล่ยี นแปลง ให๎เป็น
เทศบาลนคร

25

ในปี พ.ศ.๒๕๓๗ ก็ได๎มกี ารปรบั ปรงุ การบริหารสํวนท๎องถ่นิ ในสวํ นพ้ืนท่ี ขององคก์ ารบริหารสวํ นจังหวัด ให๎
มีการบริหารสํวนตาํ บลข้นึ เปน็ องค์การบรหิ ารสํวนตาํ บล (อบต.) ตามพระราชบญั ญตั ิสภาตาํ บล และองค์การ
บริหารสวํ นตาํ บล พ.ศ.๒๕๓๗ ปัจจบุ ันกระทรวงมหาดไทย ได๎ประกาศจัดตง้ั แลว๎ ทั่วประเทศ ๖,๓๙๗ แหงํ ซ่งึ นบั วํา
เปน็ องคก์ รปกครองท๎องถิ่นรูปแบบใหมํที่เลก็ และใกล๎ชดิ ประชาชนในท๎องถิ่นมากท่สี ุด

อยํางไรกต็ าม ขณะนีไ้ ด๎มกี ารปรับปรุง พระราชบัญญัตอิ งคก์ ารบริหารสํวนจังหวดั พ.ศ.๒๕๔๐ โดย
กําหนดใหม๎ พี ้นื ทีร่ ับผิดชอบครอบคลมุ พืน้ ท่รี บั ผดิ ชอบของ อบต. ดว๎ ย แตํให๎มีอํานาจมีหน๎าท่ีดาํ เนนิ การในกิจการ ที่
อบต. ดาํ เนินการไมไํ ด๎ หรือต๎องประสานงานรํวมกัน ระหวาํ ง อบต. หลายแหํง เป็นตน๎

ดงั นนั้ ปจั จบุ ันประเทศไทยจงึ มีรูปแบบการปกครองทอ๎ งถน่ิ ทั้งหมด ๕ รปู แบบ คอื
๑) กรุงเทพมหานคร
๒) เมอื งพัทยา
๓) เทศบาล (แยกเปน็ เทศบาลนคร เทศบาลเมือง และเทศบาลตําบล)
๔) องคก์ ารบริหารสวํ นจงั หวดั (อบจ.)
๕) องค์การบริหารสํวนตาํ บล (อบต.)

๒.3.๒ แนวคิดทฤษฎเี กย่ี วกบั อานาจหนา้ ทข่ี ององคก์ ารบริหารสว่ นตาบลและการกากับดูแล
กระทรวงมหาดไทยได๎ประกาศพระราชบัญญัติสภาตําบลและองค์การบริหารสํวนท๎องถิน่ พ .ศ. ๒๕๓๗ ใน
ราจกิจจานุเบกษาเลมํ ๑๑๑ ตอนท่ี ๕๓ ก. ลงวันท่ี ๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๗ และพระราชบัญญัติ ดงั กลําวมีผล
บังคบั ใชใ๎ นวนั ที่ ๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๓๙ และหลงั จากมปี ระกาศใชไ๎ ดม๎ ีการแกไ๎ ขเปลย่ี นแปลงเรื่อยมา ปัจจบุ นั แกไํ ข
เพิ่มเติมถงึ ฉบับที่ ๖ พ.ศ. ๒๕๕๒ ไดบ๎ ัญญัตอิ ํานาจหนา๎ ทีข่ ององคก์ ารบรหิ ารสํวนตาํ บล (กรมสํงเสรมิ การปกครอง
สํวนท๎องถิ่น กระทรวงมหาดไทย,๒๕๔๗) และอาํ นาจหนา๎ ทีใ่ นการควบคุม องค์การริหารสวํ นตาํ บล ไว๎ดงั นี้
มาตรา ๖๖ องคก์ ารบรหิ ารสวํ นตําบลมีอาํ นาจหนา๎ ทีใ่ น พฒั นาตําบลทั้งในดา๎ นเศรษฐกิ จ สังคม และ
วฒั นธรรม
มาตรา ๖๗ ภายใตบ๎ งั คับแหํงกฎหมาย องคก์ ารบรหิ ารสํวนตําบล มหี นา๎ ทีต่ ๎องทาํ ในเขตองคก์ ารบริหาร
สวํ นตาํ บล ดงั ตํอไปนี้

(๑) จดั ให๎มีและบํารงุ ทางน้ําและทางบก
(๒) การรกั ษาความสะอาดของถนน ทางนํา้ ทางเดนิ และทีส่ าธารณะ รวมทง้ั การกาํ จดั ขยะมลู ฝอย
และส่ิงปฏิกลู
(๓) ป้องกนั โรคและระงับโรคตดิ ตํอ
(๔) ปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภยั
(๕) สํงเสริมการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
(๖) สงํ เสริมการพัฒนาสตรี เด็กและเยาวชน ผู๎สงู อายุและพิการ
(๗) คุ๎มครอง ดูแลและบํารงุ รักษาทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดล๎อม
(๘) บํารงุ รักษาศลิ ปะ จารตี ประเพณี ภมู ิปญั ญาทอ๎ งถนิ่ และวัฒนธรรมอันดขี องท๎องถิ่น
(๙) ปฏบิ ัตหิ น๎าที่อื่นตามท่ที างราชการมอบหมาย
มาตรา ๖๙ ภายใตบ๎ งั คบั แหงํ กฎหมาย องค์การบริหารสํวนตาํ บล มหี น๎าทตี่ ๎องทําในเขตองค์การบริหาร
สวํ นตําบล ดงั ตํอไปนี้
(๑) ให๎มีน้ําเพ่อื การอปุ โภค บริโภคและการเกษตร

26

(๒) ใหม๎ แี ละบํารุงไฟฟา้ หรือแสงสวํางโดยวิธีอน่ื
(๓) ใหม๎ ีและบํารุงรกั ษาทางระบายนาํ้
(๔) ใหม๎ ีและบํารงุ สถานที่ประชุม การกฬี า การพกั ผํอนหยํอนใจและสวนสาธารณะ
(๕) ใหม๎ แี ละสงํ เสริมกลมํุ เกษตรกร และกจิ การสหกรณ์
(๖) สํงเสรมิ ให๎มอี ตุ สาหกรรมในครอบครัว
๗) บํารุงและสงํ เสริมการประกอบอาชีพ
(๘) การคม๎ุ ครองดูแลและรกั ษาทรพั ย์สินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผนํ ดนิ
(๙) หาผลประโยชนจ์ ากทรพั ยส์ ินของ อบต.
(๑๐) ให๎มีตลาด ทาํ เทยี บเรือ และทําขา๎ ม
(๑๑) กจิ การเก่ียวกบั การพาณิชย์
(๑๒) การทอํ งเทยี่ ว
(๑๓) การผังเมอื ง
ส่วนท่ี ๕ การกากบั ดูแลองค์การบรหิ ารส่วนตาบล
มาตรา ๙๐ ใหน๎ ายอาํ เภอมอี าํ นาจหน๎าทก่ี าํ กับดูแลการปฏบิ ตั ิหน๎าทข่ี ององคก์ ารบรหิ ารสวํ นตาํ บลให๎
เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบข๎อบังคบั ของทางราชการ ในการปฏิบตั ิตามอํานาจหนา๎ ทข่ี องนายอาํ เภอในวรรค
หน่ึง ใหน๎ ายอําเภอมอี ํานาจเรียกสมาชกิ สภาองค์การบรหิ ารสวํ นตาํ บล นายกองค์การริหารสวํ นตาํ บล รองนายก
องคก์ ารบรหิ ารสวํ นตําบล เลขานกุ ารนายกองคก์ ารบรหิ ารสวํ นตาํ บล พนกั งานสวํ นตาํ บล และลูกจ๎ างขององค์การ
บริหารสวํ นตาํ บลมาชี้แจงหรือสอบสวน ตลอดจนเรียกรายงานและเอกสารใดๆ จากองคก์ ารบริหารสํวนตําบลมา
ตรวจสอบกไ็ ด๎ เม่อื นายอาํ เภอเห็นวํานายกองค์การบรหิ ารสํวนตาํ บลผู๎ใดปฏิบตั ิในทางที่อาจเปน็ การเสียหายแกํ
องคก์ ารรหิ ารสวํ นตําบลหรือเสียหายแกํราชการและนายอําเภอไดช๎ ี้แจงแนะนําตักเตอื นแลว๎ ไมปํ ฏิบตั ติ าม ในกรณี
ฉุกเฉนิ หรอื จําเป็นเรงํ ดวํ นทจ่ี ะรอชา๎ ไมํได๎ให๎นายอําเภอมีอํานาจออกคําสง่ั ระงับการปฏบิ ตั ริ าชการของนายกองค์การ
รหิ ารสํวนตําบลไว๎ตามท่เี ห็นสมควรได๎ แลว๎ ให๎รีบรายงานผ๎ูวําราชการจงั หวัดทราบภายในสบิ ห๎าวนั เพ่อื ใหผ๎ ูว๎ ํา
ราชการจงั หวัดวินจิ ฉยั สั่งการตามท่ีเหน็ สมควรโดยเรว็ การกระทาํ ของนายกองค์การบริหารสํวนตาํ บลท่ีฝา่ ฝนื คําสัง่
ของนายอําเภอหรือผู๎วาํ ราชการจงั หวัดแล๎วแตกํ รณสี ามวรรคสาม ไมํมีผลผกู พนั องคก์ ารบริหารสํวนตาํ บล
มาตรา ๙๑ เพ่อื คมุ๎ ครองประโยชน์ของประชาชนในเขตองค์การบรหิ ารสํวนตําบลหรือปร ะโยชน์ของ
ประเทศที่เป็นสวํ นรวม นายอําเภอจะรายงานเสนอความเห็นตํอผ๎ูวาํ ราชการจงั หวดั เพอ่ื ยบุ สภาองคก์ ารบรหิ ารสํวน
ตําบลก็ได๎ เม่อื มกี รณีตามวรรคหนงึ่ หรือกรณอี ่นื ตามที่กําหนดไวใ๎ นพระราชบญั ญตั นิ ี้ ผู๎วําราชการจงั หวัดมอี ํานาจ
หนา๎ ที่ยบุ สภาองค์การบริหารสวํ นตาํ บลและใหแ๎ สดง เหตุผลไวใ๎ นคําส่งั ด๎วย เมื่อมกี ารยบุ สภาองค์การบริหารสํวน
ตาํ บลหรือถอื วาํ มกี ารยบุ สภาองค์การบริหารสวํ นตําบล ตามพระราชบญั ญตั ิน้ี ให๎มีการเลอื กตั้งสมาชิกสภาองคก์ าร
บริหารสวํ นตําบลขึน้ ใหมํภายในสส่ี บิ หา๎ วัน
มาตรา ๙๒ หากปรากฏวํานายกองค์การรหิ ารสวํ นตาํ บล รองนายกองคก์ ารริ หารสวํ นตาํ บล ประธานสภา
องค์การบริหารสํวนตาํ บล หรอื รองประธานสภาองค์การบรหิ ารสํวนตาํ บล กระทาํ การฝา่ ฝนื ตํอความสงบเรยี บรอ๎ ย
หรอื สวัสดิภาพของประชาชน หรอื ละเลยไมํปฏิบัตติ ามหรอื ปฏบิ ตั กิ ารไมชํ อบดว๎ ยอํานาจหนา๎ ท่ี ให๎นายอาํ เภอ
ดําเนินการสอบสวนโดยเร็ว ในกรณีท่ผี ลการสอบสวนปราก ฏวํานายกองคก์ ารริหารสวํ นตําบล รองนายกองคก์ ารริ
หารสวํ นตําบลประธานสภาองค์การบรหิ ารสวํ นตาํ บล หรอื รองประธานสภาองคก์ ารบรหิ ารสวํ นตาํ บล มพี ฤติกรรม

27

ตามวรรคหน่ึงจริง ให๎นายอําเภอเสนอให๎ผว๎ู ําราชการจังหวดั สั่งใหบ๎ คุ คลดังกลําวพ๎นจากตําแหนํง ท้งั นี้ ผ๎วู าํ ราชการ
จังหวดั อาจดาํ เนินการสอบสวนเพ่ิมเตมิ ดว๎ ยกไ็ ดค๎ ําสัง่ ของผ๎ูวาํ ราชการใหเ๎ ป็นทสี่ ุด

๒.4 งานวิจัยทีเ่ กยี่ วขอ้ ง
พุทธชาด สุธวี สนิ นท์ (๒๕๕๑) ได๎ศึกษาเร่อื ง “ชอํ งทางและโอกาสในการทจุ รติ คอรปั ชัน่ ในองค์กรปกครอง

สวํ นทอ๎ งถ่นิ ” วตั ถุประสงค์ในการศึกษาเพอื่ ๑) ศึกษาชอํ งทางโอกาสและพฤตกิ รร มการทุจรติ คอรปั ช่นั ในอ งค์การ
บริหารสํวนตําบล ๒) ศึกษาปัจ จยั ท่กี ํอใหเ๎ กดิ และสนบั สนุนการทจุ รติ คอรัปชัน่ ในองคก์ ารบรหิ ารสํวนตําบล ๓)
วเิ คราะห์ผลกระทบท่ีเกดิ ข้ึนจากการทจุ รติ คอรัปชั่นในองค์การบริหารสวํ นตาํ บล ๔) เสนอแนะวธิ กี ารป้องกันและ
แก๎ไขปัญหาการทจุ รติ คอรัปช่นั ในองค์การบริหารสวํ นตาํ บล

การศึกษาคร้งั นเ้ี ปน็ การวิจยั เชงิ ปริมาณและเชิงคณุ ภาพ โดยใช๎แบบสอบถามเกบ็ รวบรวมข๎อมูลจาก
บุคลากรขององคก์ รปกครองสวํ นท๎องถ่ิน จาํ นวน ๘๐ คน และสมั ภาษณ์ เก็บรวบรวมขอ๎ มูลจากหนํวยงานราชการ
ที่เก่ียวขอ๎ ง จาํ นวน ๔ หนํวยงาน ได๎แกํ สํานกั งานป้องกันแล ะปราบปรามการทุจริตจงั หวัดลําพูน สํานกั งานตรวจ
เงนิ แผนํ ดนิ ภูมภิ าคที่ ๘ จังหวัดเชยี งใหมํ สาํ นกั งานท๎องถ่นิ จงั หวดั เชียงใหมํ หนวํ ยงานตรวจสอบภายในองคก์ ร
ปกครองสํวนทอ๎ งถิ่น และสถานประกอบการท่เี ป็นคูํสัญญากับองคก์ รปกครองสํวนท๎องถิ่น จาํ นวน ๖ ราย

ผลการศึกษาสรปุ ได๎ดงั นี้
๑. ชอํ งทางโอกาสและพฤตกิ รรมการทจุ รติ คอรปั ช่นั ในองค์การปกครองสํวนทอ๎ งถน่ิ ในพืน้ ทอี่ าํ เภอเมอื ง
จงั หวดั เชยี งใหมํมีอยํูในระดับปานกลาง โดยองค์การบริหารสวํ นจังหวัดและองค์การบรหิ ารสวํ นตําบลมชี อํ งทางการ
ทจุ รติ คอรัปชนั่ มากกวําเทศบาลนครและเทศบาลตาํ บล โดยวิธีการสํวนมากเกดิ การใชอ๎ าํ นาจ ตําแหนํงเอ้ือประโยชน์
ใหบ๎ ริษัท/สถานประกอบการของตนเองและพรรคพวก มกี ารจูงใจเรียกรอ๎ ง ขมขํู หนํวงเหนียวหรอื กลั่นแกลง๎ เพื่อหา
ประโยชนใ์ สตํ นหรอื พวกพ๎อง การรบั สนิ บน เพอ่ื ให๎การค๎มุ ครองธุรกิจผิดกฎหมาย การรับหรือเรียก
เก็บคําคอมมชิ ชน่ั และสํวนตาํ งๆ การ ทําสญั ญาจ๎างหรอื ให๎สมั ปทานเฉพาะผ๎ูใหก๎ ารสนบั สนนุ ผู๎มีอํานาจในองค์กร
ปกครองสวํ นท๎องถ่นิ
๒. ปัจจยั ทกี่ ํอใหเ๎ กดิ และสนบั สนนุ การทจุ ริตคอรปั ชน่ั ในองคก์ รปกครองสวํ นทอ๎ งถิน่ ในพนื้ ทอ่ี ําเภอเมือง
จงั หวดั เชยี งใหมํ พบวาํ ความตอ๎ งการของผ๎บู ริหารและบุคลากรขององคก์ รป กครองสวํ นท๎องถิ่นบางสํวนต๎องการเงิน
ทอนเพ่ือนํามาใชจ๎ าํ ยหาส่ิงอํานวยความสะดวกตาํ งๆ ในชีวิตประจาํ วนั สภาพแวดล๎อมทางสังคมและวฒั นธรรม
เกย่ี วกบั การแสดงแกในทางวตั ถุนิยม การมีอาํ นาจผูกขาดในการอนุมตั โิ ครงการการตดั สนิ ใจกาํ หนดโครงการ การ
แตํงตั้งโยกย๎าย การเลอ่ื นขนั้ การอนมุ ตั ิสทิ ธิประโยชนแ์ ละสวัสดกิ ารตํางๆ จงึ มีผลใหผ๎ ู๎บริหารบางคนใช๎ตําแหนํงและ
อํานาจหน๎าท่ีของตนเองในการประพฤตมิ ชิ อบ
๓. ผลกระทบทเ่ี กิดจากการทจุ ริตคอรปั ชั่นในองค์กรปกครองสํวนท๎องถิน่ พบวาํ ทาํ ใหอ๎ งค์กรปกครองสวํ น
ทอ๎ งถนิ่ สูญเสียงบประมาณในการพัฒนาท๎องถนิ่ สูญเสียงบประมาณแผนํ ดิน ทาํ ใหป๎ ระชาชนไดร๎ บั บริการสาธารณะ
ท่ีไมํมคี ุณภาพและทาํ ให๎โครงการพัฒนาทอ๎ งถ่นิ ไมเํ หมาะสมและคมุ๎ คาํ ท้งั นีเ้ พราะงบประมาณในการพฒั นาชมุ ชน
หมบํู า๎ นถกู จัดสรรไปจํายคาํ นายหนา๎ ซงึ่ ทาํ ใหผ๎ ปู๎ ระกอบการทไ่ี ดร๎ ับสัมปทานโครงการตาํ งๆ ตอ๎ งลดตน๎ ทนุ การผลิต
เพ่อื ให๎คุ๎มคาํ และได๎กาํ ไรมากที่สุด โดยการใช๎วัสดอุ ปุ กรณต์ ํางๆ ตอ๎ งลดตน๎ ทนุ การผลิตเพือ่ ให๎คุ๎มคาํ และไดก๎ าํ ไรมาก
ทส่ี ดุ โดยการใชว๎ สั ดุอปุ กรณท์ ่ีไมํมีคุณภาพ มผี ลทาํ ให๎โครงการหรือบริการสาธารณะตาํ งๆ มคี ุณภาพและมาตรฐาน
ลดลง

28

๔. ปัญหาการทุจรติ คอรัปช่ันทเ่ี กิดขึ้นในองคก์ รปกครองสวํ นทอ๎ งถิน่ แล ะแวดวงราชการจําเปน็ ต๎องอาศยั
การแก๎ไขปัญหาอยํางเปน็ องคร์ วม โดยผ๎ศู กึ ษามีขอ๎ เสนอแนะและวธิ ีปอ้ งกันและการแกไ๎ ขปัญหาการทจุ ริตคอรัปช่นั
ในองค์กรปกครองสํวนทอ๎ งถิ่น ดงั นี้ หนวํ ยงานภาครัฐ ภาคเอกชนทีเ่ กี่ยวขอ๎ งจะต๎องเรงํ การสรา๎ งคํานยิ ม
ความมีจรยิ ธรรมและจรรยาบรรณวชิ าชี พซ่ึงอยํูในระดบั ปจั เจกบุคคลของบคุ ลากรองค์กรปกครองสวํ นทอ๎ งถิน่
สงํ เสริมแนวคดิ เกี่ยวกับธรรม าภิบาลใหเ๎ ป็นทีย่ อมรบั ในทกุ ภาคสวํ นของสงั คม ระบบการควบคุมภายในขององคก์ ร
ปกครองสํวนท๎องถิ่นควรใชแ๎ บบผสมผสาน คือ เนน๎ ท้ังการบรหิ ารการใชท๎ รัพยากรใหค๎ มุ๎ คํา การป้องกนั การทจุ ริต
ประพฤตมิ ชิ อบและรายงานท่ีถูกตอ๎ ง จดั ใหม๎ กี ารตรวจสอบภายในอยาํ งสมํา่ เสมอ ใชม๎ าตรการลงโทษทงั้ ทางวินัย
ทางปกครอง ทางเพํง ทางอาญาและทางภาษีอยํางเด็ดขาดรวดเร็วและสํงเสรมิ ให๎มีการรวมตัวเป็นองค์กร
ภาคเอกชนและให๎ประชาชนมบี ทบาทและสํวนรวํ มในหารป้องกนั และปราบปรามการทุ จรติ และพฤตมิ ิชอบในการ
ปฏิบตั หิ นา๎ ท่ีของเจา๎ หนา๎ ทขี่ องรฐั

จารวุ รรณ สขุ มุ าลพงษ์ (๒๕๕๖) ได๎ทาํ การศึกษาเรอ่ื ง “แนวโน๎มของคอรัปชนั่ ในประเทศไทย ” โดยมี
วัตถุประสงคข์ องการวิจยั ๑.เพอ่ื รวบรวมขอ๎ มูลพืน้ ฐานทเ่ี ก่ียวขอ๎ งกับการคอรปั ชัน่ ๒.เพื่อศึกษาสถานการณ์
คอรัปชั่นในปร ะเทศไทย ๓.เพ่ือนําเอาความร๎จู ากผลการศึกษาวิจัยมาใช๎ประโยชน์เสนอแนะแนวทางในการแกไ๎ ข
ปัญหาดา๎ นการคอรัปช่นั ของประเทศไทย โดยรวบรวมข๎อมูลตาํ งๆ ท่ีเกีย่ วขอ๎ งกับการทจุ รติ คอรปั ชัน่ และสรปุ ผลเปน็
ความเรียง จากผลการวิจัยพบวําในแตํละปี พํอค๎าและนักธุรกิจกวํา ๘๐ เปอรเ์ ซ็น ต์ ต๎องสูญเสยี เงนิ ใหก๎ ับการ
คอรัปช่ันเปน็ จาํ นวนสูงถึงเกอื บ ๓ แสนลา๎ นบาท ซง่ึ เงนิ จาํ นวนนสี้ ามารถอํานวยประโยชนแ์ กํคนสวยใหญขํ อง
ประเทศได๎ ทาํ ใหร๎ ัฐตอ๎ งจํายเงินงบประมาณสูงกวาํ ที่เป็นจริง ทาํ ให๎ประชาชนตอ๎ งไดร๎ บั บรกิ ารสาธารณะทีไ่ มมํ ี
คุณภาพ อกี ท้ังยงั ทําใหน๎ ักลงทนุ ขาดควา มเชอ่ื ม่ันมนระบบราชการไทยทม่ี ักจะมีการใช๎อาํ นาจโดยมิชอบสาํ หรับ
ประเทศไทย ปัญหาคอรปั ชัน่ เกิดขน้ึ ในสังคมไทยมาชา๎ นานแล๎วมแี นวโนม๎ ท่ีจะมีความรุนแรงมากขึน้ เร่ือยๆ และพบ
ปัญหาดงั กลําวเกือบทกุ ภาคสํวน ถึงแมร๎ ฐั บาลมีความพยายามป้องกันและแกไ๎ ขมาโดยตลอด แตํดเู หมอื นวาํ ปญั หา
การคอรปั ชน่ั ก็ไมไํ ด๎ถูกแกไ๎ ขได๎เทาํ ไรนัก เน่อื งจากการรายงานผลการ จดั อันดบั คาํ ดรรชนีภาพลักษณค์ อรัป ชน่ั ของ
ประเทศไทยในอดีตตั้งแตปํ ี พ.ศ. ๒๕๕๑ จนถงึ ปี พ.ศ. ๒๕๕๔ พบวาํ ดรรชนภี าพลกั ษณ์คอรัปชนั่ ยังอยํใู นระดับตํา่
น้ันคืออยทํู ี่ระดบั ๓๒ จากคะแนนเตม็ ๑๐๐ คะแนน มาโด ยตลอด ซงึ่ เปน็ เครือ่ งชีว้ ัดท่สี ามารถสะทอ๎ นใหเ๎ ห็นวาํ
ประเทศไทยเป็นประเทศท่มี ปี ญั หาคอรัปชั่นในระดบั สงู และมีแนวโน๎มท่จี ะสูงขึ้น ซ่งึ นําเป็นหวํ งอยาํ งยิ่ง และทาํ ให๎
เห็นถึงการดาํ เนนิ งานในการตอ๎ นคอรปั ชัน่ ของประเทศไทยท่ผี าํ นจนถึงปัจจบุ นั นั้น ยงั ไมํประสบความสําเรจ็
เทําทค่ี วรถงึ แม๎ประเทศไทยจะมีความพยายามในการกําหนดและใชม๎ าตรการในการป้องกนั และปราบปรามการ
คอรปั ช่นั อยูํอยาํ งตอํ เนอื่ งมาโดย ดงั นั้น รัฐบาลควรจดั ใหป๎ ัญหาการคอรปั ช่ันนน้ั เปน็ หนึ่งในวาระแหงํ ชาติ ทท่ี ุกภาค
สํวนจะตอ๎ งชวํ ยกนั

โดยสรปุ ประเทศไทยยงั มีปญั หาการทุจริตคอรปั ชั่ นอยูมํ าก และมีแนวโน๎มเพ่มิ ขึน้ เรื่อยๆ ทาํ ให๎สถาบนั
การเงินของไทยถูกลดความเช่อื ถอื ในสายตาชาวโลก การทาํ ธรุ กรรมการเงนิ ในระดบั นานาชาตจิ ะยากขน้ึ เพราะไมํมี
ความนําเชื่อถือซ่ึงจะสํงผลเสียตอํ การพัฒนาประเทศดว๎ ย

กติ ตศิ กั ดิ์ รฐั ประเสริฐ (๒๕๕๗) ได๎ทําการวจิ ยั เรือ่ ง การทจุ รติ ในวงราชการไทย : การสงั เคราะห์องค์
ความร๎ดู า๎ นแนวทางการแกไ๎ ขปัญหาจากผนู๎ าํ และบคุ คลสาํ คัญของประเทศไทย โดยมวี ัตถปุ ระสงคก์ ารวิจัยนเี้ พ่อื
ศึกษาสาเหตุ และแนวทางการแก๎ปญั หาการทุจริตในราชการไทย เพอ่ื สรา๎ งสังเคราะหเ์ ปน็ องค์ความรู๎ใหมํในการ
แก๎ไขปญั หาการทุจรติ ในวงราชการไทย การวิจยั ใชร๎ ะเบยี บวิธวี จิ ยั เชิงคณุ ภาพ สําหรับการวจิ ัยเชงิ คณุ ภาพผว๎ู ิจัยเนน๎

29

การสมั ภาษณ์เชงิ ลึกจากผใ๎ู ห๎ขอ๎ มูลทส่ี าํ คัญจํานวน ๑๑ คน กลํมุ ทีใ่ ชใ๎ นการวจิ ัยมี ๒ กลํมุ ไดแ๎ กํ กลํมุ A ผู๎นาํ ทาง
การเมอื ง และกลมุํ B นกั วิชาการ

ผลการวจิ ัยพบวําสาเหตขุ องการทจุ รติ คื อ เกดิ จากระบบอปุ ถัมภ์ เชิดชูคนมีเงิน และขากจติ สํานึก ดัง้ นน้ั
การทจุ รติ ในวงราชการไทยจากสาเหตุ สามารถแยกเปน็ ประเดน็ ได๎ ๓ ด๎าน คือ ดา๎ นการเมือง ดา๎ นเศรษฐกจิ และ
ดา๎ นสงั คมวฒั นธรรม นอกจากนนั้ แนวทางแกป๎ ญั หาการทุจรติ มี ๒ แนวทาง คอื ๑) แนวทางป้องกันการทจุ รติ
คือการปลูกจติ สํานกึ ให๎กับประชาชน สังคม และเยาวชนของไทย ๒) แนวทางการปราบปรามคือการให๎ผ๎นู ําประเทศ
หรือนายกรัฐมนตรคี วบคุมการทํางานของนกั การเมอื ง ทําให๎สามารถสังเคราะหเ์ ปน็ องค์ความรใู๎ หมํ โดยพบวําการ
แกไ๎ ขปัญหาการทุจริต คอื ๑) แนวทางการปอ้ งกันการใหผ๎ น๎ู าํ ประเทศประกาศตอํ ต๎านการทุจริตในวงราชการไทยให๎
ถอื วาํ เปน็ วาระแหงํ ชาติ และนโยบายของรัฐบาลอยํางจรงิ จัง และสรา๎ งภมู ิค๎ุมกันดว๎ ยวถิ เี ศรษฐกิจพอเพียง ๒) แนว
ทางการปราบปรามคือการจัดตั้งกลุมํ สอ่ื สารจากโซเชยี ลมเี ดยี (Social Media) ขององค์กร “ภาคีเครอื ขํายตํอต๎าน
ทจุ ริตคอรปั ช่นั ของชาติ ” แนวใหมทํ ว่ั ทงั้ ประเทศไทย เพอ่ื ทาํ ให๎การสํงข๎อมูลติดตามการทุจรติ ของขา๎ ราชการและ
นกั การเมืองโดยผํานระบบทวิตเตอรแ์ ละเฟสบุ๏ค

วราภรณ์ พรหมเทพ (๒๕๕๗) ไดท๎ าํ การศกึ ษาแนวทางปอ้ งกันการทุจรติ คอรปั ชัน่ ขององค์กรปกครองสวํ น
ท๎องถน่ิ ดว๎ ยระบบอเิ ล็กทรอนกิ ส์ โดยการศึกษานี้มีวตั ถปุ ระสงค์ เพื่อศกึ ษาปญั หาของการทจริตคอรัปช่นั และศึกษา
แนวทางการป้องกนั และแก๎ไขปัญหาการทจุ รติ คอรัปชัน่ ดว๎ ยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ใช๎การสมั ภาษณเ์ ชิงลึกใน
การศึกษา ผ๎ใู หข๎ อ๎ มูลหลักประกอบดว๎ ย ผบ๎ู ริหาร ข๎าราชการสวํ นทอ๎ งถ่ิน อําเภอหาดใหญํ จงั หวัดสงขลา จาํ นวน ๓๐
คน ผลการศกึ ษาพบวํา ปัญหาการทจุ ริตคอรัปชนั่ ในองคก์ รปกครองสวํ นท๎องถิ่น สํวนใหญมํ กั มลี ักษณะการทาํ
สัญญาจ๎างหรอื ใหส๎ ัมปทานเฉพาะพรรคพวกผ๎ูสนับสนุน ผมู๎ อี าํ นาจในเขตพืน้ ท่ีใช๎อํานาจตําแหนํงเออ้ื ประโยชน์ให๎
บรษิ ทั สถานประกอบการของตนเองและพรรคพวก รวมถงึ การมหี น๎ุ หรือผลประโยชน์ในบรษิ ทั สถานประกอบการที่
ไดร๎ บั การประมูลสมั ปทาน ฝา่ ฝืน หลกี เล่ียง หรอื บิดเบอื นระเบยี บแบบแผน ขอ๎ บงั คบั และกฎหมาย เพือ่ แสวงหา
ผลประโยชนส์ วํ นตนนอกจากนี้ยังมกี ารเลอื กจา๎ งหรอื แตงํ ตัง้ ญาติ และพรรคพวกตน มีการใหส๎ ินบนเป็นต๎น สําหรับ
การแกไ๎ ขปญั หาการทจุ ริตคอรปั ชั่น พบวํา ระบบอิเลก็ ทรอนกิ ส์ (e-GP) ชํวยแก๎ไขปญั หาการทุจรติ คอรัปชน่ั ในเรือ่ ง
การจัดซอื้ จดั จา๎ งได๎ในระดบั หน่งึ เพราะระบบอิเล็กทรอนกิ ส์ (e-GP) คลอบคุมวธิ กี ารจดั ซื้อจดั จา๎ งใหม๎ ปี ระสิทธภิ าพ
สามารถตดิ ตามการจัดซอ้ื จัดจ๎างได๎ ทุกข้ันตอนของระบบอิเลก็ ทรอนิกส์ (e-GP) สามารถเชือ่ มโยง
ข๎อมูลกับหนวํ ยงานภายนอก ได๎แกํ GFMIS ธนาคาร และศนู ยข์ ๎อมลู ที่ปรึกษาไทยสามารถตรวจสอบขอ๎ มลู ทีป่ รกึ ษา
ได๎ นอกจากนี้ระบบอเิ ล็กทรอนิกส์ (e-GP) ทําใหร๎ ัฐบาลสามารถบรหิ ารงานควบคุมงบประมาณอยาํ งมปี ระสทิ ธิภาพ

พรประสิทธิ์ อสิ รยิ ะมงคล และคณะ (๒๕๕๘:บทคัดยอํ ) ได๎ศกึ ษาแนวทางกลไกในการป้องกันและ
ปราบปรามการทุจริตและประพฤติมชิ อบ กรณศี ึกษาองค์กรปกครองสํวนท๎องถ่ิน ในเขตอําเภอเมืองระนอง จงั หวัด
ระนอง พบวํา รปู แบบการทจุ ริตและประพฤติมิชอบ ขององคก์ รปกครองสํวนท๎องถิน่ คือ ฝา่ ฝืน หลกี เลยี่ ง หรอื
บดิ เบือนระเบียบแบบแผน หรอื กฎข๎อบังคบั เพอื่ ใหไ๎ ด๎มาซงึ่ ผลประโยชนข์ องตนเอง และสาเหตขุ องการทจุ รติ และ
ประพฤตมิ ชิ อบ เกดิ จากบคุ คล ด๎านเศรษฐกจิ และการครองชีพ ด๎านการเมอื ง ดา๎ นสงั คม การบรหิ ารทขี่ าด
ประสิทธภิ าพ และตาํ แหนงํ ทเี่ อื้ออํานวยตํอการกระทําผิด กลไกในการปอ้ งกันการทุจริตและประพฤติมิชอบคือการ
ปลกู จติ สํานึกแกํคนทกุ เพศทกุ วัย วาํ การทจุ ริตทําให๎ชาติลํมสลายได๎ ให๎ตระหนกั ถึงภัยการทุจรติ ใหร๎ ังเกียจตอํ การ
ทจุ ริตทุกรูปแบบ สําหรับเจ๎าหนา๎ ทข่ี องรฐั มีการสร๎างจติ สาํ นกึ ให๎ไมทํ จุ ริตคดโกง สงํ เสรมิ ด๎านคณุ ธรรมจริยธรรม
และบังคบั ใชก๎ ฎหมายอยํางเครงํ ครดั

30

รชั นี วงศร์ ัชตนนั ท์ และคณะ (๒๕๕๙:บทคัดยํอ) ไดศ๎ ึกษากลไกป้องกนั และการขจดั การทุจริตและ
ประพฤตมิ ชิ อบ ควรสํงเสริมให๎ภาคประชาชน ไดท๎ ราบถึงกระบวนการ/ข้นั ตอนในการจัดซอ้ื จัดจ๎างของทางราชการ
เพอ่ื รํวมตรวจสอบ นํากฎหมายมาปฏบิ ตั ิอยาํ งจรงิ จงั สมควรเพ่มิ บทลงโทษแกผํ กู๎ ระทําผดิ และเสริมสร๎างให๎บุคลากร
ภาครฐั มีคณุ ธรรมและจรยิ ธรรม

ยุทธพร พริ ุณสาร และคณะ (๒๕๖๐:บทคัดยอํ ) ศกึ ษากลไกปอ้ งกันและขจดั ความทุจรติ และประพฤติมิ
ชอบในหนํวยงานภาครัฐ พบวาํ ประเทศไทยควรนาํ จดุ เดํนในการปอ้ งกันและแก๎ไขปญั หาการทุจริต และประพฤติมิ
ชอบของแตํละประเทศมาปรบั ใช๎ให๎สอดคล๎ อง กบั บริบทของสงั คมไทย เชนํ รัฐบาลควรบงั คบั ใชก๎ ฎหมายลงโทษ
ผูก๎ ระทําคอรัปชนั่ อยาํ งจริงจงั เดด็ ขาด เชํน ประเทศสงิ คโปร์ บูรณการมาตรการปอ้ งกนั การคอรปั ชนั่ ท่หี ลากหลาย
รปู แบบ เชํน ประเทศฟินแลนด์ การสรา๎ งเครอื ขาํ ยตํอต๎านการทุจรติ ระหวาํ งภาครัฐกบั เอกชน เชํน สาธารณรฐั
เกาหลี

31

บทท่ี 3
วธิ ีดาเนนิ การวิจัย

การวิจัยครงั้ นี้ ดาํ เนินการศกึ ษาเรอ่ื ง “กลไกป้องกันและขจดั ความทุจรติ ในหนํวยงานภาครฐั ” : กรณี
อาํ นาจหนา๎ ที่นายอาํ เภอในการกํากับดแู ลองคก์ ารบริหารสํวนตาํ บล เปน็ การศกึ ษาวิจัยเชิงคุณภาพและนําเสนอ
ขอ๎ มูลเชิง (Descriptive Research) มีวัตถุประสงคเ์ พอ่ื ศึกษารปู แบบการทุจริตและประพฤตมิ ิชอบ และเพื่อศกึ ษา
ปัจจัยหรอื สาเหตทุ ่ีสงํ ผลใหเ๎ กิดการทุจรติ และประพฤติมิชอบตลอดจนการสรา๎ งกลไกในการปอ้ งกนั และปราบปราม
การทุจรติ และประพฤติมชิ อบขององคก์ รปกครองสํวนท๎องถน่ิ ในองค์การบริหารสวํ นตําบล ดังนี้

๓.๑ วิธีดาเนินการศกึ ษา
๑. การศึกษาข้อมูลเอกสาร (Documentary Research) เปน็ การศึกษารวบรวมข๎อมลู เอกสาร

ตาํ งๆ ดังน้ี ศกึ ษาค๎นคว๎าแนวคิด ทฤษฎที ่เี ก่ียวขอ๎ งกบั งานวจิ ยั ท้ังจากหนงั สือ รายงานการวิจยั สืบคน๎ ข๎อมลู จาก
อนิ เตอรเ์ นต็ และเอกสารบทความตํางๆ เพ่ือใช๎เป็นกรอบและข๎อมูลเบ้ืองต๎นในการศกึ ษาเก่ียวกบั สร๎างกลไกในการ
ป้องกันและปราบปรามการทจุ ริตและประพฤตมิ ชิ อบ

๒. การเกบ็ ขอ้ มลู จากการสัมภาษณ์ (Interview) โดยเกบ็ ขอ๎ มลู จากผ๎ใู หข๎ ๎อมลู สาํ คญั (Key
Informants) 2 กลมํุ ไดแ๎ กํ

1) นายอาํ เภอท่เี ขา๎ รับกา รศกึ ษาหลกั สตู รนกั ปกครองระดับสงู (นปส.) รุนํ ท่ี 71 จาํ นวน
40 คน

2) นายอาํ เภอทีไ่ มํอยํใู นกลุํมที่เขา๎ ศกึ ษาอบรม หลักสตู รนักปกครองระดับสูง (นปส.) รํุนที่
71 แบํงรายภาคๆละ 10 คน รวม 40 คน

๓. ผู้ให้ข้อมลู สาคัญ
ผู๎ให๎ข๎อมลู สาํ คญั (Key Informants) คือ เปน็ บคุ คลซึ่งเก่ียวขอ๎ งกับการพัฒนากลไก ป้องกันและขจัดความ
ทจุ รติ และประพฤติมชิ อบในหนวํ ยงานรฐั ในองคก์ ารบรหิ ารสวํ นตําบล ทัง้ โดยทางตรงและทางอ๎อม โดยผูว๎ จิ ัย
จาํ แนกออกเป็น 2 กลุํม ไดแ๎ กํ
1) นายอาํ เภอท่ีเขา๎ รับการศกึ ษาหลักสตู รนักปกครองระดับสูง (นปส.) รุํนท่ี 71 จํานวน 40 คน
2) นายอําเภอทีไ่ มํอยํูในกลํมุ ที่เข๎าศกึ ษาอบรม หลกั สูตรนักปกครองระดบั สูง (นปส.) รนุํ ที่ 71 แบํงราย
ภาคๆละ 10 คน รวม 40 คน
๓.1 เครอ่ื งมือทใ่ี ชใ้ นการศกึ ษา
ในการศึกษาวจิ ยั ในครั้งนไี้ ด๎กาํ หนดเครื่องมอื ทใ่ี ชใ๎ นการศกึ ษา ได๎แกํ แนวคาํ ถามสมั ภาษณ์ แบงํ เปน็ ๓ สํวน
คือ
สวํ นท่ี ๑ สอบถามเกยี่ วกบั ข๎อมลู ทั่วไปของผ๎ตู อบแบบสอบถาม
สวํ นท่ี ๒ สอบถามความคิดเห็นตอํ กลไกการทําหนา๎ ท่กี าํ กับดแู ลองคก์ ารบริหารสวํ นตําบลของนายอําเภอใน
การปอ้ งกันและขจดั ความทุจริตและประพฤติมิชอบในหนวํ ยงานภาครฐั

32

สวํ นที่ ๓ สอบถามเก่ยี วกับปัญหาอปุ สรรคในการป ฏิบตั ิหน๎าทก่ี าํ กบั ดแู ลองคก์ ารบรหิ ารสํวนตาํ บลของ
นายอาํ เภอในการปอ้ งกนั และขจัดความทจุ รติ และประพฤตมิ ิชอบในหนวํ ยงานภาครฐั เป็นคาํ ถามปลายเปดิ

สวํ นท่ี 4 สอบถามข๎อคิดเห็นข๎อเสนอแนะเกย่ี วกบั บทบาทของนายอําเภอในการกํากับดแู ลองค์การบรหิ าร
สํวนตําบลเพ่อื เปน็ กลไกป้องกันและขจดั ความทุจรติ และประพฤตมิ ิชอบ
๓.2 การเกบ็ รวบรวมข้อมลู

การวจิ ัยครั้งน้ีผ๎วู ิจัยไดด๎ ําเนนิ การเกบ็ รวบรวมขอ๎ มูล ดงั นี้
1. ศกึ ษาเอกสารทีเ่ กย่ี วข๎อง (Documentary Study) เป็นการศึกษาคน๎ ควา๎ รวบรวมขอ๎ มูลจากหนังสอื

ผลงานวจิ ัย วิทยานิพนธ์ ตาํ ราทางวิชาการ วารสาร เอกสาร บทความตําง ๆ พระราชกําหนด พระราชบญั ญัติ
ระเบยี บตาํ งๆ ทเี่ ก่ียวขอ๎ ง และสืบคน๎ ขอ๎ มูลจาก Internet โดยอาศัยแนวคดิ ทฤษฎี และผลงานวิจยั ทีเ่ ก่ยี วขอ๎ งเพ่อื
ศกึ ษาถงึ กลไกในการป้องกนั และปราบปรามการทุจรติ และประพฤตมิ ิชอบ

2. การเก็บข๎อมูลจากการสมั ภาษณเ์ ชงิ ลกึ (In-depth Interview) การสนทนากลมุํ (Focus Group
Discussion) และการสังเกตแบบไมํมสี ํวนรํวม โดยเกบ็ ข๎อมลู จากผใ๎ู ห๎ข๎อมลู สําคญั (Key Informants) โดยได๎
ดาํ เนินการเกบ็ รวบรวมข๎อมูล ดังนี้

๒.๑ ผวู๎ จิ ัยได๎เดินทางพบประชากรกลํมุ เป้าหมาย ตามวัน และเวลาที่ได๎นดั หมายไว๎
๒.๒ ผว๎ู ิจยั ไดด๎ ําเนินการสมั ภาษณ์ประชากรกลมํุ เปา้ หมาย(ผใ๎ู หข๎ ๎อมูลสําคัญ (Key Informants))
๒.๓ ผวู๎ จิ ยั ได๎รวบรวมขอ๎ มลู จาการสมั ภาษณ์ประชากรกลมํุ เปา้ หมายและนํามาวเิ คราะห์พรอ๎ มทั้ง
แยกแยะจบั ประเดน็ อีกทง้ั ตัดคําพดู บางคาํ ท่ีไมํเหมาะสมและไมเํ กีย่ วขอ๎ งกบั งานวจิ ยั ออกไป เพอื่ ใ หข๎ อ๎ มลู นั้นเป็นไป
ตามระเบยี บวิธีวิจัยเชงิ คุณภาพ
๓.๕ การวเิ คราะห์ข้อมูล
๑. ผวู๎ จิ ยั เก็บรวบรวมข๎อมูลจากการ สมั ภาษณ์
๒. นําขอ๎ มูลที่ไดม๎ าวเิ คราะหเ์ นื้อหา (Content Analysis) สรปุ ความตามประเด็นสําคัญ
๓. ผวู๎ ิจยั มกี ารตรวจสอบของข๎อมลู แบบ สามเส๎า (Triangulation) โดยมีรายละเอยี ด ดงั น้ี
๓.๑ การตรวจสอบแบบสามเสา๎ ด๎านเวลา กลาํ วคอื ผวู๎ จิ ยั มกี ารสมั ภาษณ์เหมอื นกนั และตรงกัน ถือวําข๎อมลู
เชงิ คุณภาพทไ่ี ดน๎ ้ันถูกตอ๎ งและเช่อื ถอื ได๎
๓.๒ การตรวจสอบแบบสามเส๎าด๎านสถานท่ี กลาํ วคือ ผู๎วจิ ัยไดเ๎ ปลี่ยนสถานท่ที ี่ตํางกันและไดข๎ ๎อมูลท่ี
เหมือนกนั กห็ มายวําข๎อมลู ท่ีไดจ๎ ากการวจิ ยั คร้งั น้เี ปน็ ข๎อมูลเชิงคุณภาพทเี่ ชอื่ ถอื ได๎
๓.๓ การตรวจสอบแบบสามเส๎าดา๎ นบุคคล กลําวคือ ผว๎ู ิจัยได๎ตรวจสอบสามเสา๎ ดา๎ นข๎อมลู เก่ยี วกับแนว
ทางการกาํ กบั ดูแลองค์การบรหิ ารสวํ นตําบล ในประชากรกลํุมเป้าหมาย ถ๎าข๎อมูลที่ไดจ๎ ากบคุ คลดงั กลาํ ว เป็นข๎อมลู
ท่ตี รงกนั นั้นหมายความวํา ขอ๎ มลู เชิงคณุ ภาพทไี่ ดม๎ ีความถกู ตอ๎ ง และเชือ่ ถือได๎
ดังนน้ั การตรวจสอบขอ๎ มูลแบบสามเสา๎ (Triangulation) จากเวลา บุคคล และสถานท่ี แลว๎ ได๎ขอ๎ มูลในเชงิ
คณุ ภาพทีถ่ กู ต๎องและเหมอื นกัน ก็หมายความวํา ในการวจิ ยั ครง้ั น้ขี อ๎ มูลทีไ่ ดเ๎ ปน็ ขอ๎ มลู ท่ถี ูกตอ๎ งและเช่อื ถอื ได๎ โดย
ผว๎ู จิ ัย สามารถเขยี นเปน็ แผนภูมิในการตรวจสอบสามเส๎า ดงั นี้

33

เวลา

ขอ๎ มูล
สถานท่ี บคุ คล

ภาพท่ี ๒ แผนภูมิการตรวจสอบแบบสามเส๎า
๔. นาํ เสนอขอ๎ มูลในรูปความเรยี งตามวตั ถปุ ระสงค์ กลําวคือ การใช๎ข๎อเทจ็ จรงิ มาจาํ แนกเปรยี บเทียบและ
เชือ่ มโยงตรรกะรวมทงั้ การตีความ

34

บทท่ี ๔

ผลการศกึ ษา

การศกึ ษากลไกปอ้ งกนั และขจดั การทุจรติ และประพฤตมิ ชิ อบในหนํวยงานรฐั ศึกษากรณอี าํ นาจ

หนา๎ ที่ของนายอาํ เภอในการกาํ กับดแู ลองค์การบรหิ า รสํวนตําบล เปน็ การศกึ ษาวิจยั เชงิ คณุ ภาพและนําเสนอข๎อมลู

เชงิ พรรณา (Desciptive Research) มวี ัตถุประสงค์เพอ่ื การศึกษา รูปแบบการทุจรติ และประพฤติมชิ อบใน องค์การ

บรหิ ารสํวนตําบล ศึกษาปจั จัยหรอื สาเหตทุ ี่สํงผลให๎ เกดิ การทุจริตและประพฤตมิ ิชอบใน องค์การบริหารสํวนตําบล

เพ่อื เส นอกลไกในการปอ้ งกันและขจดั ความทุจริตและประพฤติมิชอบขององค์การบรหิ ารสวํ นตําบล ในสํวนท่ี

เก่ียวขอ๎ งกับอํานาจหนา๎ ทน่ี ายอําเภอ

ในการนาํ เสนอผลการวเิ คราะห์ขอ๎ มูลครงั้ นี้ผว๎ู ิจัยได๎วเิ คราะห์ ขอ๎ มูลการศึกษาเชงิ คุณภาพ

โดยวธิ กี ารสัมภาษณเ์ ก็บข๎อมูลจากผ๎ใู หข๎ ๎อมลู สําคญั 2 กลํุม มผี ลการศึกษาเรยี งลาํ ดับหัวข๎อเป็น 3 ขน้ั ตอน ดังนี้

ตอนท่ี ๑ การวเิ คราะห์ขอ๎ มูลทั่วไปของผู๎ตอบแบบสอบถาม โดยจาํ แนกตาม อายุ เพศ ระดับ

การศึกษา ระยะเวลาในการปฏิบัติงาน และรายไดเ๎ ฉลีย่ ตํอเดอื น

ตอนที่ ๒ กลไกการทําหนา๎ ท่กี ํากบั ดแู ลองค์การบรหิ ารสวํ นตําบลของนายอําเภอในการปอ้ งกันและ

ขจดั ความทุจรติ และประพฤติมิชอบในหนํวยงานภาครฐั

ตอนที่ ๓ ขอ๎ คิดเห็น ข๎อเสนอแนะข๎อเสนอแนะ กลไกการทาํ หน๎าทกี่ าํ กบั ดแู ลองคก์ ารบรหิ ารสํวน

ตาํ บลของนายอาํ เภอในการปอ้ งกันและขจดั ความทจุ รติ และประพฤติมชิ อบในหนวํ ยงานภาครัฐ

4.1 ผลการวเิ คราะห์ข๎อมูล

4.1.1 ตอนที่ ๑ การวิเคราะหข์ ๎อมูลทั่วไปของผ๎ูตอบแบบสอบถาม โดยจําแนกตาม อายุ เพศ ระดบั

การศกึ ษา ระยะเวลาในการปฏบิ ัตงิ าน และรายได๎เฉลี่ยตํอเดอื น ข๎าราชการ ปรากฏผลดังตารางท่ี ๑-๕ ดงั นี้

ตารางท่ี ๑ ขอ๎ มูลท่วั ไปของผ๎ตู อบแบบสอบถามในดา๎ นเพศ

ข๎อมลู ทว่ั ไป จาํ นวน (คน) ร๎อยละ

เพศ

หญิง 6 7.5๐

ชาย 74 92.25

รวม ๘๐ ๑๐๐

จากตารางท่ี ๑ พบวาํ ประชากรท่เี ปน็ ขา๎ ราชการท่ีใชใ๎ นการวจิ ยั คร้งั นี้ จาํ นวน ๘๐ คน
โดยจําแนกตามลักษณะเพศ พบวาํ ทตี่ อบแบบสอบถามในครั้งนีส้ วํ นใหญเํ ปน็ เพศชาย มีจาํ นวน ๖๘ คน คดิ
เปน็ ร๎อยละ ๘๕.๐๐ สวํ นเพศหญงิ มีจาํ นวน ๑๒ คน คดิ เปน็ รอ๎ ยละ ๑๕.๐๐

35

ตารางที่ ๒ ขอ๎ มูลทว่ั ไปของผต๎ู อบแบบสอบถามในด๎านอายุ

ขอ๎ มูลท่ัวไป จํานวน (คน) ร๎อยละ

ชํวงอายุ -
-
๒๑-๓๐ ปี - ๓๗.๕๐
๖๒.๕๐
๓๑-๔๐ ปี -

๔๑-๕๐ ปี ๓๐

๕๑-๖๐ ปี ๕๐

รวม ๘๐ ๑๐๐

จากตารางท่ี ๒ พบวํา ประชากรท่ีเป็นขา๎ ราชการท่ใี ชใ๎ นการวิจัยของข๎าราชการ ชวํ งอายุ
๕๑-๖๐ ปี มากทส่ี ุด จาํ นวน ๕๐ คน คดิ เปน็ ร๎อยละ ๖๒.๕๐ รองลงมาเปน็ ชํวงอายุ ๔๑-๕๐ ปี จาํ นวน ๓๐ คน
คิดเป็นร๎อยละ ๓๗.๕๐
ตารางที่ ๓ ข๎อมลู ทั่วไปของผตู๎ อบแบบสอบถามในด๎านการศึกษา

ข๎อมลู ท่ัวไป จาํ นวน (คน) ร๎อยละ

ระดบั การศึกษา - -
ตํา่ กวาํ ปรญิ ญาตรี 19.00 ๒๓.๗๕
ปรญิ ญาตรี 58.00 ๗๒.๕๐
ปริญญาโท 3.00 ๓.๗๕
ปริญญาเอก

รวม 80 ๑๐๐

จากตารางท่ี ๓ พบวาํ ประชากรทเี่ ปน็ ข๎าราชการทใ่ี ชใ๎ นการวจิ ัยครั้งนี้ จาํ นวน ๘๐ คน
โดยจําแนกตาม ระดบั การศึกษาระดบั ปรญิ ญาโท มีมากที่สดุ จาํ นวน ๕๘ คน คิดเปน็ รอ๎ ยละ ๗๒.๕๐ รองลงมา
เปน็ ระดบั ปริญญาตรี จาํ นวน ๑๙ คน คิดเป็นรอ๎ ยละ ๒๓.๗๕ และ ระดับการศึกษาปรญิ ญาเอก มจี ํานวนน๎อย
สุด คือ ๓ คน คิดเป็นร๎อยละ ๓.๗๕
ตารางที่ ๔ ข๎อมลู ทั่วไปของผต๎ู อบแบบสอบถามในดา๎ นระยะเวลาในการปฏิบัตงิ าน (ขา๎ ราชการ)

ขอ๎ มลู ทว่ั ไป จาํ นวน (คน) ร๎อยละ

ระยะเวลาในการปฏิบัตงิ าน - -
๑๑ – ๑๕ ปี 5 6.25
๑๖ – ๒๐ ปี 20 ๒๕.๐๐
๒๑ – ๒๕ ปี 40 ๕๐.๐๐
๒๖ – ๓๐ ปี 15 ๑๘.๗๕
มากกวาํ 30 ปี

36

รวม 80 ๑๐๐

จากตารางท่ี ๔ พบวาํ ประชากรท่เี ป็นขา๎ ราชการทีใ่ ชใ๎ นการวจิ ยั ในครงั้ นี้ จาํ นวน ๘๐ คน

โดยจาํ แนกตามระยะเวลาการปฏิบัติงาน ชวํ งอายุระหวําง ๒๖ – ๓๐ ปี มจี ํานวนมากที่สดุ จํานวน ๔๐ คน คดิ

เปน็ รอ๎ ยละ ๕๐.๐๐ รองอันดับที่ ๒ เป็น ๒๑ – ๒๕ ปี จํานวน ๒๐ คน คิดเปน็ รอ๎ ยละ ๒๕.๐๐ อันดบั ท่ี ๓ เป็น

ระยะเวลามากกวํา ๓๐ ปี จาํ นวน ๑๕ คน คิดเป็นรอ๎ ยละ ๑๘.๗๕ และลําดับสดุ ทา๎ ย ระยะเวลา ๑๖ – ๒๐ ปี

จาํ นวน 5 คน คิดเปน็ ร๎อยละ 6.25

ตารางท่ี ๕ ขอ๎ มูลทวั่ ไปของผ๎ตู อบแบบสอบถามในดา๎ นเงินเดือน

ข๎อมลู ท่วั ไป จํานวน (คน) รอ๎ ยละ

ด๎านเงนิ เดือน

3๐,๐๐1 - 3๕,๐๐๐ - -

3๕,๐๐๑ - 4๐,๐๐๐ 4.00 5.00

4๐,๐๐๑ - 4๕,๐๐๐ 14.00 17.50

4๕,๐๐๑ - 5๐,๐๐๐ 25.00 31.25

มากกวาํ 5๐,๐๐๑ บาทขึน้ 37.00 46.25

รวม 80 ๑๐๐

จากตารางท่ี ๕ พบวาํ ประชากรท่เี ป็นขา๎ ราชการทใ่ี ชใ๎ นการวจิ ยั ครง้ั น้ี จาํ นวน 8๐ คน โดยจําแนกตามระดบั

เงนิ เดอื น มากกวาํ 5๐,๐๐๑ บาทข้ึน มากที่สุด จํานวน 37 คน คดิ เป็นรอ๎ ยละ 46.25 รองอนั ดบั ที่ ๒ ได๎แกํ

4๕,๐๐๑ - 5๐,๐๐๐ บาท จาํ นวน 25 คน คิดเป็นร๎อยละ 31.25 อันดับที่ ๓ ได๎แกํ 40,001 – 45,000

4.1.2 ตอนที่ ๒ การวเิ คราะหป์ จั จัยทีม่ ีผลตํอกลไกปอ้ งกนั ป้องกันและขจดั ความทจุ รติ และประพฤตมิ ิชอบ

ในหนวํ ยงานของรฐั

ตารางท่ี 6: ระดับความคิดเหน็ ตํออํานาจหนา๎ ทีข่ องนายอาํ เภอในการกํากับดูแลองคก์ ารบรหิ ารสวํ นตาํ บล

โดยนายอาํ เภอ กลมุํ ที่ 1 จาํ นวน 40 คน (นายอาํ เภอที่เขา๎ รบั การศึกษาหลักสูตร นปส. รํุนที่ 71)

ข๎อที่ ปัจจยั ท่ีมผี ลตํอกลไกปอ้ งกันและขจัดความทจุ รติ และ ระดับความคิดเห็น

ประพฤตมิ ิชอบในหนวํ ยงานของรฐั น๎อย นอ๎ ย ปาน มาก มาก

ทีส่ ุด กลาง ทส่ี ดุ

๑ ทํานเหน็ ดว๎ ยหรอื ไมํกับการปลกู จิตสานกึ การสร๎างคาํ นิยม - - - 15 25

ใหมํใหก๎ บั สงั คมไทยต๎านภัยทุจริตคอรัปช่นั

37

๒ ทํานเหน็ ดว๎ ยหรือไมํกบั การสรา๎ งเครือขาํ ยเพื่อเฝา้ ระวงั การ - 4 5 10 21
ทจุ ริตคอรัปช่ันให๎ครอบคลุมทกุ พ้นื ท่ี

๓ ทาํ นเห็นดว๎ ยหรือไมกํ ับการสรา๎ งกระบวนการมสี วํ นรํวมของ - - 4 14 22
ประชาชนในการรวํ มตรวจสอบการดาํ เนนิ กจิ กรรมของ
หนํวยงานภาครฐั

ข๎อที่ ปัจจัยทมี่ ผี ลตอํ กลไกป้องกันและขจัดความทจุ รติ และ ระดับความคดิ เหน็
นอ๎ ย ปาน มาก
ประพฤติมิชอบในหนํวยงานของรฐั นอ๎ ย มาก
กลาง ทส่ี ุด
ทส่ี ุด - - 13 27
25
๔ ทาํ นเห็นด๎วยหรือไมํกับการสร๎างกลไกรองรบั เร่อื งรอ๎ งเรียน - - 2 13
1
และตรวจสอบ ติดตามการปฏบิ ัตติ อํ ข๎อร๎องเรียนการทุจริต 23 13 1 25
- 1 13 1
คอรัปชัน่ 1 10 28 4
- 14 22
๕ ทํานเหน็ ดว๎ ยหรือไมํ ที่หนวํ ยงานของภาครฐั ต๎องเปิดโอกาส - 1
1 12 26
ให๎ประชาชนและผมู๎ ีสวํ นได๎เสียเข๎ามามีสวํ นรํวมในกจิ กรรม/ 4
2 11 23
โครงการเพ่ือตอํ ตา๎ นการทจุ รติ หรือเขา๎ รวํ มตรวจสอบการ -
3 17 19
ดําเนนิ งาน

๖ ในพน้ื ท่ีทที่ าํ นได๎ทําหนา๎ ท่ีกํากบั ดูแลองค์การบริหารสวํ น 2

ตําบลพบวาํ มกี ารทจุ ริตและประพฤตมิ ชิ อบมากน๎อยเพียงใด

7 ทํานเห็นดว๎ ยหรอื ไมทํ ่กี ฎหมายให๎นายอาํ เภอมอี าํ นาจหนา๎ ที่ 1

กํากบั ดแู ลองค์การบริหารสํวนตําบล

๗.๑ ตาม พ.ร.บ.สภาตําบลและการบรหิ ารสวํ นตําบล -

มาตรา ๙๐ ทํานไดด๎ ําเนนิ การกาํ กบั ดูแลมากนอ๎ ยเพียงใด

๗.๒ บทบาทนายอําเภอสามารถปอ้ งกันการทุจรติ -

และประพฤติมชิ อบโดยการกาํ กบั และดูแลองค์การ

บริหารสํวนตําบลกอํ นพบเหตุการณท์ ุจริตไดต๎ าม

พ.ร.บ. สภาตาํ บลและองค์การบรหิ ารสํวนตําบล

มาตรา ๙๐

๗.๓ บทบาทนายอําเภอสามารถตรวจสอบการทจุ รติ และ -

ประพฤตมิ ิชอบโดยการกาํ กับและดูแลองคก์ ารบริหารสํวน

ตําบลขณะเกดิ เหตุการณ์ทุจรติ ไดต๎ าม พ.ร.บ.สภาตําบลและ

องค์การบริหารสวํ นตําบล มาตรา ๙๐

๗.๔ บทบาทนายอําเภอสามารถระงับการทุจรติ และ -

ประพฤติมชิ อบโดยการกํากับดูแลองค์การบริหารสวํ นตําบล

หลงั เกิดเหตกุ ารณท์ ุจรติ ไดต๎ าม พ.ร.บ.สภาตาํ บลและ

องค์การบรหิ ารสวํ นตําบล มาตรา ๙๐

8 ทํานคดิ วําระเบยี บกฎหมายทใี่ หอ๎ ํานาจหนา๎ ที่นายอาํ เภอใน 1

38

การกากับดูแลองคก์ ารบริหารสวํ นตําบล

9 ทํานเห็นด๎วยหรือไมํ ทจ่ี ะตั้งหนํวยงานใหมมํ ากํากบั 27 2 11 - -

ตรวจสอบการปฏิบัติงานขององคก์ ารบรหิ ารสํวนตาํ บล

10 ทํานเหน็ ด๎วยหรือไมทํ จ่ี ะเพิม่ บทบาทและอาํ นาจหนา๎ ที่ 19 14 3 3 1

นายอาํ เภอในการกาํ กบั ดแู ลองค์การบรหิ ารสวํ นตาํ บล

โดยเฉพาะการแกไ๎ ขปญั หาทจุ รติ คอรัปชน่ั

ตารางที่ 7 : ระดับความคิดเหน็ ตํออํานาจหนา๎ ทข่ี องนายอําเภอในการกํากับดแู ลองค์การบริหารสวํ นตําบล

โดยนายอาํ เภอ กลมํุ ที่ 2 จํานวน 40 คน (นายอาํ เภอนอกเหนือจากกลมุํ ที่ที่ 1 จากภาคเหนือ ภาค

ตะวันออก ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื และภาคใต๎ ภาคละ 10 คน)

ขอ๎ ที่ ปจั จยั ท่มี ีผลตอํ กลไกป้องกนั และขจัดความทุจรติ และ ระดบั ความคิดเห็น

ประพฤตมิ ชิ อบในหนํวยงานของรัฐ น๎อย น๎อย ปาน มาก มาก
ท่ีสุด
ทีส่ ุด กลาง
22
๑ ทํานเห็นดว๎ ยหรอื ไมกํ บั การปลกู จติ สานกึ การสรา๎ งคาํ นยิ ม - - - 18

ใหมํใหก๎ ับสังคมไทยต๎านภยั ทจุ ริตคอรปั ชนั่

๒ ทํานเห็นดว๎ ยหรอื ไมํกับการสร๎างเครือขํายเพื่อเฝา้ ระวังการ - 1 3 12 24

ทุจรติ คอรปั ชน่ั ให๎ครอบคลมุ ทกุ พน้ื ท่ี

๓ ทํานเหน็ ด๎วยหรอื ไมํกบั การสร๎างกระบวนการมีสํวนรํวม - - 4 18 18

ของประชาชนในการรวํ มตรวจสอบการดาํ เนินกิจกรรม

ของหนํวยงานภาครัฐ

๔ ทํานเหน็ ดว๎ ยหรือไมกํ ับการสร๎างกลไกรองรบั เร่ือง - - - 15 25

รอ๎ งเรียนและตรวจสอบ ติดตามการปฏิบตั ติ อํ ขอ๎ รอ๎ งเรยี น

การทจุ ริตคอรปั ช่ัน

๕ ทํานเหน็ ด๎วยหรือไมํ ท่หี นวํ ยงานของภาครฐั ตอ๎ งเปิด - - 4 15 21

โอกาสใหป๎ ระชาชนและผู๎มีสํวนไดเ๎ สียเข๎ามามีสํวนรํวมใน

กจิ กรรม/โครงการเพ่อื ตํอต๎านการทจุ ริตหรือเข๎ารํวม

ตรวจสอบการดาํ เนินงาน

๖ ในพื้นทท่ี ที่ ํานไดท๎ าํ หนา๎ ทก่ี าํ กบั ดูแลองค์การบริหารสวํ น 1 20 16 2 1

ตําบลพบวาํ มีการทุจริตและประพฤตมิ ชิ อบมากนอ๎ ย

เพียงใด

7 ทาํ นเห็นดว๎ ยหรือไมทํ ่ีกฎหมายให๎นายอาํ เภอมีอํานาจ 1- - 15 24

หนา๎ ที่กาํ กับดูแลองคก์ ารบริหารสวํ นตาํ บล

๗.๑ ตาม พ.ร.บ.สภาตาํ บลและการบริหารสวํ นตาํ บล - 1 11 27 1

มาตรา ๙๐ ทํานไดด๎ ําเนนิ การกํากับดูแลมากนอ๎ ยเพียงใด

39

ขอ๎ ที่ ปัจจยั ทม่ี ีผลตํอกลไกปอ้ งกันและขจัดความทุจรติ และ ระดบั ความคดิ เหน็
น๎อย ปา มาก
ประพฤติมิชอบในหนวํ ยงานของรฐั น๎อย มาก
นกลาง ทส่ี ดุ
ทส่ี ดุ 2 11 24 3

๗.๒ บทบาทนายอําเภอสามารถป้องกันการทุจริต - 1 10 28 1

และประพฤตมิ ชิ อบโดยการกํากับและดูแลองคก์ าร 2 12 22 4

บริหารสวํ นตําบลกอํ นพบเหตุการณท์ จุ รติ ไดต๎ าม 4 19 17 -
29 - -
พ.ร.บ. สภาตาํ บลและองค์การบรหิ ารสวํ นตาํ บล 15 4 3 1

มาตรา ๙๐

๗.๓ บทบาทนายอําเภอสามารถตรวจสอบการทุจรติ และ -

ประพฤติมชิ อบโดยการกาํ กบั และดแู ลองค์การบริหารสวํ น

ตาํ บลขณะเกิดเหตกุ ารณท์ จุ รติ ไดต๎ าม พ.ร.บ.สภาตําบล

และองค์การบริหารสํวนตาํ บล มาตรา ๙๐

๗.๔ บทบาทนายอาํ เภอสามารถระงับการทุจริตและ -

ประพฤตมิ ชิ อบโดยการกํากับดแู ลองคก์ ารบริหารสวํ น

ตําบลหลังเกิดเหตกุ ารณ์ทุจริตได๎ตาม พ.ร.บ.สภาตาํ บล

และองค์การบรหิ ารสวํ นตาํ บล มาตรา ๙๐

8 ทาํ นคดิ วําระเบียบกฎหมายที่ใหอ๎ ํานาจหนา๎ ที่นายอําเภอ -

ในการกาํ กบั ดแู ลองค์การบรหิ ารสวํ นตําบลเพียงพอหรือไมํ

9 ทํานเหน็ ดว๎ ยหรอื ไมํ ท่ีจะต้งั หนวํ ยงานใหมมํ ากํากบั 29

ตรวจสอบการปฏบิ ตั งิ านขององคก์ ารบริหารสํวนตาํ บล

10 ทาํ นเหน็ ดว๎ ยหรอื ไมทํ ่จี ะเพ่ิมบทบาทและอาํ นาจหน๎าที่ 17

นายอําเภอในการกํากบั ดูแลองคก์ ารบรหิ ารสํวนตําบล

โดยเฉพาะการแก๎ไขปัญหาทจุ รติ คอรัปชน่ั

40

ตารางท่ี 8 : รอ๎ ยละของระดับความคิดเห็นตอํ อาํ นาจหนา๎ ทข่ี องนายอําเภอในการกาํ กับดแู ลองค์การบรหิ าร
สํวนตําบล โดยนายอาํ เภอ กลํมุ ที่ 1 และกลมุํ ที่ 2

ระดบั ความคดิ เห็น

ขอ๎ ท่ี ปจั จัยทีม่ ผี ลตอํ กลไกป้องกนั และขจัดความทุจริตและ กลํมุ น๎อย+น๎อย ปานกลาง มาก +
ประพฤติมชิ อบในหนวํ ยงานของรฐั ทสี่ ุด มากท่สี ดุ

๑ ทาํ นเหน็ ด๎วยหรือไมกํ บั การปลกู จติ สานึกการสรา๎ งคาํ นยิ ม 1 - - 100

ใหมใํ หก๎ บั สังคมไทยต๎านภยั ทุจรติ คอรปั ชัน่ 2- - 100

๒ ทํานเหน็ ดว๎ ยหรอื ไมกํ ับการสรา๎ งเครอื ขํายเพือ่ เฝ้าระวังการ 1 10 12.5 77.5

ทุจรติ คอรปั ชน่ั ให๎ครอบคลุมทุกพน้ื ท่ี 2 2.5 7.5 90

๓ ทาํ นเห็นดว๎ ยหรือไมกํ ับการสร๎างกระบวนการมีสํวนรวํ ม 1 - 10 90
ของประชาชนในการรํวมตรวจสอบการดําเนินกจิ กรรม 2 - 10 90
ของหนวํ ยงานภาครัฐ 1 - - 100
2 - - 100
๔ ทํานเหน็ ดว๎ ยหรอื ไมกํ ับการสรา๎ งกลไกรองรบั เร่ือง 1 - 5 95
ร๎องเรียนและตรวจสอบ ตดิ ตามการปฏิบตั ติ อํ ขอ๎ ร๎องเรยี น
การทุจรติ คอรปั ชั่น 2 - 10 90

๕ ทํานเหน็ ด๎วยหรือไมํ ท่ีหนวํ ยงานของภาครฐั ต๎องเปิด 1 62.5 32.5 5
โอกาสให๎ประชาชนและผ๎ูมสี วํ นไดเ๎ สียเขา๎ มามสี วํ นรวํ มใน 2 52.5 40 7.5
กจิ กรรม/โครงการเพอ่ื ตอํ ตา๎ นการทุจรติ หรือเข๎ารํวม 1 2.5 2.5 95
ตรวจสอบการดาํ เนนิ งาน 2 2.5 - 97.5

๖ ในพน้ื ทที่ ท่ี ํานไดท๎ าํ หน๎าทีก่ าํ กบั ดแู ลองค์การบรหิ ารสํวน
ตาํ บลพบวาํ มีการทจุ รติ และประพฤติมชิ อบมากน๎อย
เพียงใด

7 ทาํ นเหน็ ดว๎ ยหรือไมทํ ่ีกฎหมายให๎นายอําเภอมอี าํ นาจ
หนา๎ ที่กํากับดูแลองคก์ ารบรหิ ารสวํ นตําบล

๗.๑ ตาม พ.ร.บ.สภาตาํ บลและการบรหิ ารสวํ นตาํ บล 1 2.5 25 72.5

มาตรา ๙๐ ทํานได๎ดําเนินการกํากบั ดูแลมากน๎อยเพียงใด 2 2.5 27.5 41
70

ขอ๎ ที่ ปัจจยั ท่ีมีผลตอํ กลไกปอ้ งกนั และขจัดความทุจรติ และ กลํมุ ระดับความคดิ เห็น

ประพฤติมชิ อบในหนวํ ยงานของรฐั น๎อย +นอ๎ ย ปานกลาง มาก +

ทีส่ ุด มากทส่ี ุด

๗.๒ บทบาทนายอําเภอสามารถป้องกนั การทุจรติ 1- 35 65

และประพฤติมชิ อบโดยการกํากบั และดูแลองคก์ าร

บริหารสํวนตาํ บลกอํ นพบเหตกุ ารณ์ทุจริตได๎ตาม 25 27.5 67.5
พ.ร.บ. สภาตาํ บลและองค์การบริหารสํวนตําบล

มาตรา ๙๐

๗.๓ บทบาทนายอาํ เภอสามารถตรวจสอบการทจุ รติ และ 1 2.5 30 67.5

ประพฤตมิ ิชอบโดยการกาํ กบั และดูแลองคก์ ารบรหิ ารสํวน

ตาํ บลขณะเกดิ เหตุการณท์ จุ ริตได๎ตาม พ.ร.บ.สภาตาํ บล 2 2.5 2.5 72.5
และองคก์ ารบริหารสํวนตาํ บล มาตรา ๙๐

๗.๔ บทบาทนายอาํ เภอสามารถระงบั การทจุ ริตและ 15 11 67.5

ประพฤติมิชอบโดยการกาํ กับดูแลองคก์ ารบริหารสํวน 65
ตําบลหลงั เกิดเหตุการณ์ทุจรติ ไดต๎ าม พ.ร.บ.สภาตาํ บล 2 5 30

และองคก์ ารบรหิ ารสวํ นตําบล มาตรา ๙๐

8 ทาํ นคดิ วําระเบียบกฎหมายท่ีใหอ๎ าํ นาจหนา๎ ท่นี ายอําเภอ 1 10 42.5 47.5

ในการกาํ กับดแู ลองค์การบริหารสํวนตาํ บลเพียงพอหรอื ไมํ 2 10 47.5 42.5

9 ทํานเหน็ ดว๎ ยหรอื ไมํ ทีจ่ ะตงั้ หนวํ ยงานใหมมํ ากาํ กบั 1 72.5 27.5 -
22.5 -
ตรวจสอบการปฏิบตั งิ านขององคก์ ารบรหิ ารสํวนตําบล 2 77.5

10 ทํานเห็นดว๎ ยหรอื ไมํที่จะเพ่ิมบทบาทและอาํ นาจหนา๎ ที่ 1 82.5 7.5 10
นายอาํ เภอในการกาํ กบั ดูแลองคก์ ารบริหารสํวนตาํ บล 2 80 10 10
โดยเฉพาะการแกไ๎ ขปัญหาทจุ รติ คอรัปช่นั

42

จากตารางผลการศึกษาระดับความคิดเหน็ ตํอ กลไกปอ้ งกนั และขจัดการทุจริตและประพฤติมชิ อบ
ในหนวํ ยงานรฐั ศึกษากรณีอาํ นาจหนา๎ ทข่ี องนายอําเ ภอในการกํากบั ดแู ลองค์การบริหารสํวนตําบล ทง้ั 2
กลํุม พบวํา ระดบั ความคิดเหน็ มากและมากทสี่ ดุ เรยี งลําดบั ได๎ดงั น้ี การปลกู จติ สานึกการสรา๎ งคํานิยม ใหมํ
ใหก๎ ับสงั คมไทยต๎านภัยทจุ ริตคอรปั ชนั่ ระดับความคดิ เหน็ รอ๎ ยละ 100 ทง้ั 2 กลํุม การสรา๎ งกลไกรองรบั
เรื่องร๎องเรียนและตรวจสอบ ติดตามการปฏิบตั ิตํอขอ๎ รอ๎ งเรยี นการทุจรติ คอรัปช่นั ระดับความคดิ เห็น ร๎อย
ละ 100 ทงั้ 2 กลมุํ กฎหมายให๎ นายอําเภอมอี าํ นาจหนา๎ ท่กี ํา กับดแู ลองค์การบริหารสํวนตาํ บล ระดับ
ความคิดเหน็ กลมํุ 2 รอ๎ ยละ 97.5 และกลุํม 1 ร๎อยละ 95 หนํวยงานของภาครฐั ตอ๎ งเปดิ โอกาสให๎
ประชาชนและผ๎ูมสี ํวนไดเ๎ สียเขา๎ มามสี วํ นรํวมในกิจกรรม /โครงการเพอ่ื ตอํ ต๎านการทจุ รติ หรอื เข๎ารํวม
ตรวจสอบการดําเนินงาน ระดบั ความคดิ เห็น กลมุํ 1 ร๎อยละ 95 และกลมํุ 2 ร๎อยละ 90 การสรา๎ ง
กระบวนการมสี ํวนรํวมของประชาชนในการรวํ มตรวจสอบการดาํ เนินกิจกรรมของหนวํ ยงานภาครฐั ระดับ
ความคิดเห็น ร๎อยละ 90 ทั้ง 2 กลมํุ การสร๎างเครือขํายเพือ่ เฝ้าระวงั การทจุ ริตคอรปั ชนั่ ให๎ครอบคลมุ ทุก
พนื้ ท่ี ระดบั ความคดิ เหน็ กลุํม 2 รอ๎ ยละ 90 และกลุํม 1 ร๎อยละ 77.5 ตาม พ.ร.บ.สภาตําบลและการ
บริหารสํวนตําบล มาตรา ๙๐ ได๎ดําเนินการกาํ กบั ดูแลมากนอ๎ ยเพยี งใด ระดบั ความคิดเห็น กลุมํ 1 รอ๎ ยละ
72.5 และกลมํุ 2 ร๎อยละ 70 นายอําเภอสามารถป้องกนั การทจุ รติ และประพฤตมิ ชิ อบโดยการกํา กบั และ
ดแู ลองค์การบริหารสวํ นตําบลกํอนพบเหตกุ ารณท์ ุจรติ ได๎ตาม พ.ร.บ. สภาตําบลและองค์การบริหารสํวน
ตาํ บล มาตรา ๙๐ ระดบั ความคิดเหน็ กลุํม 2 ร๎อยละ 72.5 และกลํมุ 1 ร๎อยละ 67.5 นายอําเภอ
สามารถตรวจสอบการทจุ ริตและประพฤตมิ ชิ อบโดยการกํา กับและดแู ลองค์การบรหิ ารสวํ นตาํ บลขณะเกิด
เหตกุ ารณ์ทจุ รติ ไดต๎ าม พ .ร.บ.สภาตาํ บลและองคก์ ารบริหารสวํ นตําบล มาตรา ๙๐ ระดับความคดิ เห็น
กลุมํ 2 รอ๎ ยละ 72.5 และกลุมํ 1 ร๎อยละ 67.5 นายอําเภอสามารถระงับ การทจุ ริตและประพฤติมชิ อบ
โดยการกาํ กับดแู ลองค์การบรหิ ารสวํ นตําบลหลังเกิดเหตกุ ารณ์ทจุ ริตไดต๎ าม พ .ร.บ.สภาตําบลและองคก์ าร
บริหารสํวนตาํ บล มาตรา ๙๐ ระดับความคดิ เหน็ กลมํุ 1 ร๎อยละ 67.5 และกลํมุ 2 ร๎อยละ 65 ระเบยี บ
กฎหมายท่ี ใหอ๎ ํานาจหนา๎ ท่นี ายอาํ เภอในการกํา กบั ดแู ลองคก์ ารบริ หารสวํ นตําบล เพยี งพอหรือไมํ ระดับ
ความคดิ เห็น กลมํุ 1 รอ๎ ยละ 47.5 และกลุมํ 2 ร๎อยละ 42.5 และระดับความคดิ เหน็ นอ๎ ยและนอ๎ ยท่สี ุด
เรียงลําดับไดด๎ งั น้ี การเพ่ิมบทบาทและอํานาจหนา๎ ทน่ี ายอําเภอในการกาํ กบั ดแู ลองคก์ ารบรหิ ารสํวนตาํ บล
โดยเฉพาะการแก๎ไขปญั หาทจุ ริตคอรัปชั่น ระดบั ความคดิ เห็น กลุํม 1 รอ๎ ยละ 82.5 และกลํมุ 2 ร๎อยละ
80 การตงั้ หนํวยงานใหมมํ ากํา กับตรวจสอบการปฏบิ ัตงิ านขององคก์ ารบรหิ ารสํวนตาํ บล ระดบั ความ
คิดเหน็ กลมํุ 2 ร๎อยละ 77.5 และกลํุม 1 รอ๎ ยละ 72.5 การทาํ หน๎าที่กาํ กับดูแลองคก์ ารบรหิ ารสํวน
ตําบลพบวาํ มีการทจุ รติ และประพฤตมิ ิชอบ มากนอ๎ ยเพยี งใด ระดบั ความคดิ เห็น กลํมุ 1 ร๎อยละ 62.5
และกลุมํ 2 ร๎อยละ 52.5

4.1.3 ข้อคิดเหน็ ปญั หาและอปุ สรรคในการปฏิบัติหน้าที่กากับดแู ลองค์การบรหิ ารสว่ นตาบลของ

นายอาเภอในการป้องกันและขจดั ความทุจรติ และประพฤตมิ ิชอบในหน่วยงานภาครัฐ

- อาํ เภอขาดแคลนบุคลากรบางป ระเภท เชนํ วิศวกร หรือชาํ งในการตรวจสอบการทุจรติ ต๎องขอ
สนบั สนนุ จากหนํวยงานอื่น หรือจากองค์กรปกครองสํวนท๎องถ่ินซงึ่ ไมํได๎รับความรวํ มมือเทาํ ทีค่ วร

- เพิ่มงบประมาณใหอ๎ ําเภอในการดําเนนิ งานตาํ งๆ ลดการพึ่งพาจากองค์กรปกครองสํวนท๎องถนิ่
เพ่อื ไมใํ ห๎ตอ๎ งเกรงใจในการตรวจสอบ

43

- อาํ เภอขาดแคลนบคุ ลากรท่จี ะทําหนา๎ ที่ชวํ ยเหลอื นายอําเภอในการกํากับดูแลองค์การบรหิ าร
สํวนตาํ บล

- นายอําเภอขาดกลไกชวํ ยเหลือในการกาํ กบั ดแู ลองคก์ ารบรหิ ารสํวนตาํ บล
- องคก์ ารบริหารสํวนตําบล รส๎ู กึ ไมสํ บายใจท่นี ายอาํ เภอเขา๎ ไปกํากับดแู ล ข๎อกฎหมาย ระเบยี บท่ี
กําหนดไว๎ เก่ยี วกับบทบาทของนายอาํ เภอในการกาํ กบั ดูแลองค์การบริหารสํวนตําบลนอ๎ ยมากหรือไมํเพียงพอ
- องค์การบริหารสวํ นตาํ บลเข๎าใจวาํ ตนเองเป็นหนํวยงานท๎องถนิ่ ทํางานโดยอิสระ ขาดความเข๎าใจ
ในบทบาทหน๎าท่ขี องตนเอง
- นายอาํ เภอมอี าํ นาจหนา๎ ทีต่ รวจสอบไมมํ ากเทาํ หนวํ ยงานท่ีมีห น๎าทต่ี รวจสอบโดยตรง เชนํ สตง .
ปปช. เปน็ ตน๎
- นายอําเภอถูกกดดนั จากนักการเมือง หรอื นักการเมืองท๎องถน่ิ ไมใํ ห๎เขา๎ ไปตรวจสอบ องค์การ
บริหารสํวนตําบล
- นายอาํ เภอต๎องพ่ึงพาองค์การบรหิ ารสํวนตาํ บลในการต้ังงบอดุ หนนุ หรืองบประมาณในการ
บรหิ ารงานอาํ เภอทําให๎นายอําเภอเกรงใจ ไมํกล๎าตรวจสอบเต็มที่
- ผ๎ูบรหิ ารองคก์ ารบรหิ ารสํวนตําบลไมตํ ระหนกั รูถ๎ ึงการแกไ๎ ขปญั หาทุจริตในหนวํ ยงาน
- กาํ หนดบทลงโทษอยาํ งเดด็ ขาดและรวดเร็ว
- เจ๎าหนา๎ ท่อี งคก์ ารบรหิ ารสวํ นตาํ บล อาศัยชอํ งวาํ งของกฎหมายหลกี เลยี่ งการปฏบิ ัตติ าม
กฎหมาย เชนํ ระเบียบพสั ดแุ ละการจัดซื้อจัดจ๎าง
- ข๎อกฎหมายไมมํ ีหลกั เกณฑ์ หรอื ขนั้ ตอนท่ชี ดั เจนในการปฏิบัติของนายอําเภอในการกํากบั ดูแล
องค์กรปกครองสํวนท๎องถน่ิ
- นายอําเภอมีภารกจิ ตามกฎหมาย และภารกจิ อ่ืนที่ไดร๎ บั มอบหมายจากทกุ กระทรวง จึงไมมํ เี วลา
ศึกษาระเบยี บกฎหมายที่เก่ยี วขอ๎ งกับองค์กรปกครองสํวนทอ๎ งถ่ิ น และกํากบั ดแู ลองคก์ ารบรหิ ารสํวนตาํ บล ตาม
อํานาจหน๎าที่ โดยเฉพาะด๎านการทุจริตและประพฤตมิ ิชอบ จาํ เปน็ ตอ๎ งมีบุคลากรไวต๎ รวจสอบ เป็นการเฉพาะ เพ่ือ
ชํวยเหลอื นายอาํ เภอในการกํากับดแู ล
- นายอาํ เภอไมมํ อี ํานาจทางกฎหมายในด๎านบุคลากร การบรหิ ารงาน การให๎คณุ ใหโ๎ ทษ ตอํ
พนกั งานสํวนตําบล จงึ ไมเํ ออ้ื นายอําเภอในการกาํ กับดูแลหรอื ผ๎ูบริหาร และพนกั งานสํวนตาํ บลไมํเห็นความสําคญั
- การตีความคําวํา “กํากบั ดูแล” ระหวาํ งนายอาํ เภอกับผูบ๎ ริหารและพนักงานสํวนตาํ บล ไมตํ รงกนั
บางครงั้ มองวาํ นายอาํ เภอไปกา๎ วกาํ ยการทํางานขององค์การบรหิ ารสวํ นตาํ บล
- ประชาชนขาดการมสี ํวนรํวมในการตรวจสอบความโปรํงใสขององค์การบรหิ ารสวํ นตําบล

4.1.4 ขอ้ คดิ เห็นและขอ้ เสนอแนะเกย่ี วกับบทบาทหน้าทข่ี องนายอาเภอในการกากับดูแล
องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาบล เพ่ือเปน็ กลไกป้องกันและขจดั การทุจริตและประพฤติมชิ อบ

- กาํ หนดกฎหมายใหช๎ ัดเจนในอาํ นาจหน๎าทข่ี องนายอาํ เภอในการกํากบั ดแู ลองคก์ ารบริหารสํวน
ตาํ บล

- นายอําเภอตอ๎ งกาํ กับดูแลการปฏิบัตงิ านขององคก์ ารบรหิ ารสํวนตําบล
- เพิ่มอาํ นาจบทบาทของนายอาํ เภอในการบรหิ ารงานบคุ คลขององค์การบรหิ ารสํวนตาํ บล เชนํ
การประเมนิ ผลการปฏบิ ัตงิ านการดําเนนิ การวินยั การลงโทษการแตงํ ตงั้ โยกยา๎ ยพนักงานสวํ นตําบล เป็นต๎น

44

- นายอาํ เภอต๎องศึกษาเรียนร๎ขู ๎อกฎหมายที่เกย่ี วขอ๎ ง เร่อื งการจดั ซื้อจดั จา๎ ง ระเบยี บพัสดุฯ เพ่อื ให๎
ข๎อเสนอแนะทําความเขา๎ ใจ และกํากบั ดูแล ได๎อยาํ งมีประสทิ ธภิ าพ

- สงํ เสรมิ สํานกั งานทอ๎ งถ่ินอําเภอเป็นหนวํ ยงานท่ีมคี วามเขม๎ แขง็ มีบคุ ลากรเพียงพอ สา มารถเปน็
พเี่ ล้ียง /กาํ กับดูแลใหอ๎ งคก์ ารบรหิ ารสํวนตาํ บล ปฏบิ ัติหนา๎ ท่ีได๎ถกู ต๎องตามระเบยี บกฎหมายและชํวยเหลือ
นายอาํ เภอในการกํากบั ดูแลองค์การบริหารสวํ นตําบล

- ควรปรบั ปรงุ และเพ่ิมประสทิ ธิภาพของสาํ นักงานทอ๎ งถน่ิ อําเภอ เพือ่ ชํวยเหลอื นายอาํ เภอในการ
กํากับดแู ลองค์การบริหารสํวนตาํ บล

- ควรกาํ หนดบทบาทของนายอําเภอในการกํากับดูแลใหช๎ ดั เจน ทาํ ความเข๎าใจกับองค์การบริหาร
สวํ นตําบล แม๎เปน็ การบรหิ ารสํวนทอ๎ งถิ่น กต็ ๎องถกู กาํ กบั ดแู ลโดยนายอาํ เภอ ไมใํ ชหํ นวํ ยงานอสิ ระ

- ควรกาํ หนดให๎นายอําเภอตอ๎ งรับทราบและเห็นชอบโครงการที่ดําเนนิ การในเขตองค์การบรหิ าร
สวํ นตําบล

- ควรเพิม่ บคุ ลากรดา๎ นกฎหมายหรือนิติกรทาํ หน๎าท่พี นกั งานสอบสวนฝา่ ยปกครองเพือ่ ชํวยเหลอื
ทางกฎหมายตํอนายอาํ เภอในการกาํ กบั ดแู ลองค์การบรหิ ารสํวนตาํ บล

- ควรสรา๎ งชอํ งทางการสอื่ สาร หรอื รบั เรือ่ งร๎องเรียนการทจุ ริตและประพฤติมิชอบขององค์การ
บรหิ ารสํวนตาํ บลในระดบั อาํ เภอ

- นายอาํ เภอควรใหค๎ วามสําคญั ตอํ บทบาทในการกาํ กบั ดแู ลองคก์ ารบริหารสํวนตําบลตามอํานาจ
หนา๎ ที่ตามกฎหมายกาํ หนด จะสามารถป้องกันการทุจรติ และประพฤติมิชอบได๎

- นายอาํ เภอมีบทบาทเปน็ ไปตามพระราชบญั ญัติระเบยี บบริหารราชการแผนํ ดนิ พ .ศ. ๒๕๓๔
และพระราชบัญญัติสภาตําบลและ องคก์ ารบริหารสํวนตาํ บล พ .ศ.๒๕๓๗และทแ่ี ก๎ไขเพิ่มเติม มอี าํ นาจวินจิ ฉยั
ตรวจสอบ เพียงพอแลว๎

- แกไ๎ ขกฎหมายใหอ๎ ํานาจหนา๎ ท่ขี องนายอาํ เภอในการกาํ กับดูแลองค์การบริหารสํวนตาํ บล มาก
ขึ้น

- การกํากับดแู ลควรกําหนดเคร่ืองมือหรือวิธีการในการเขา๎ ตรวจสอบ หรอื รายงานโดยใช๎ IT เข๎า
มาใช๎ในการดึงขอ๎ มูลตํางๆทุกเร่ือง เพ่อื ป้องการกันทจุ รติ หรือประพฤตมิ ชิ อบ

- ทํา application หรือ website เพอ่ื ให๎ชํวยประชาชนเขา๎ ถงึ ข๎อมลู และแจ๎งเบาะแสการทุจรติ
หรือประพฤติมิชอบ ซง่ึ เปน็ มาตรการป้องปรามไดอ๎ กี ทางหน่งึ

45

บทที่ 5
สรุปผลการศึกษา อภิปรายผลและขอ้ เสนอแนะ

การศึกษาเร่ืองกลไกป้องกันและขจดั การทุจริตและประพฤติมชิ อบในหนํวยงานรัฐ ศึกษากรณี
อาํ นาจหนา๎ ท่ีของนายอาํ เภอในการกาํ กบั ดูแลองค์การบรหิ ารสํวนตําบล มีวัตถปุ ระสงค์เพ่ือ 1) ศกึ ษารปู แบบการ
ทุจริตและประพฤติมิชอบในองคก์ ารบริหารสํวนตาํ บล 2) ศกึ ษาปจั จยั หรือสาเหตุทีส่ ํงผลให๎เกิดการทุจรติ และ
ประพฤติมชิ อบในองค์การบรหิ ารสํวนตาํ บล 3) เสนอกลไกป้องกนั และขจัดการทุจริตและประพฤตมิ ิชอบใน
หนํวยงานรฐั ศกึ ษากรณีอาํ นาจหนา๎ ทีข่ องนายอาํ เภอในการกาํ กับดแู ลองค์การบรหิ ารสํวนตาํ บล

๕.1 สรุปผลการศึกษา
จากการศึกษาโดยการเกบ็ ขอ๎ มลู จาก กลํุมการศึกษา 2 กลมุํ 1) กลุมํ นายอาํ เภอทเ่ี ขา๎ รบั การศกึ ษา
หลกั สตู รนกั ปกครองระดบั สงู (นปส.) รนํุ ที่ 71 จาํ นวน 40 คน 2) กลมุํ นายอําเภอจํานวน 40 คน แบํง 4 ภาคๆ
ละ 10 คน รวมเปน็ 80 คน ซ่งึ ผูต๎ อบแบบสอบถามท้งั หมดตอบคําถามการวิจยั ไว๎สามารถอธบิ ายได๎ ดังน้ี
ระดบั ความคดิ เหน็ ตํอ กลไกป้องกันและขจดั การทจุ ริตและประพฤติมชิ อบในหนวํ ยงานรฐั ศึกษา
กรณีอาํ นาจหน๎าท่ขี องนายอาํ เภอในการกํากับดแู ลองค์การบรหิ ารสวํ นตาํ บล พบวาํ มีระดบั ความคิดเห็นมากและ
มากที่สดุ 6 ปัจจัยเรียงตามลาํ ดบั ความเห็นดังนี้ คือ 1) การปลูกจิตสํานกึ การสร๎างคํานิยมใหมใํ ห๎กับสงั คมไทยตา๎ น
ทุจริตคอรัปชนั่ 2) การสรา๎ งกลไกรองรบั เรอ่ื งร๎องเรยี นและตรวจสอบ ติดตามการปฏิบตั ิตอํ ข๎อรอ๎ งเรียนการทุจรติ
คอรปั ชัน่ 3) กฎหมายใหน๎ ายอําเภอมีอํานาจหน๎าท่ีกํากบั ดแู ลองคก์ ารบรหิ ารสํวนตําบล 4) หนวํ ยงานของภาครั ฐ
ตอ๎ งเปดิ โอกาสใหป๎ ระชาชนและผ๎ูมีสํวนไดส๎ วํ นเสียเขา๎ มามีสํวนรวํ มในกิจกรรม /โครงการเพอื่ ตอํ ต๎านการทุจรติ หรอื
เข๎ารํวมตรวจสอบการดาํ เนนิ งาน 5) การสรา๎ งกระบวนการมสี วํ นรวํ มของประชาชนในการรวํ มตรวจสอบการดําเนิน
กจิ กรรมของหนํวยงานภาครฐั 6) การสรา๎ งเครอื ขํายเพือ่ เฝา้ ระวั งการทุจริตคอรปั ชน่ั ใหค๎ รอบคลมุ พื้นท่ี แลว๎ พบวาํ
ระดบั ความคดิ เห็น น๎อยถึงนอ๎ ยที่สดุ 3 ปจั จัย เรียงตามลําดับความเห็น ดงั นี้ 1) การเพิม่ บทบาทและอํานาจหน๎าที่
นายอําเภอในการกาํ กบั ดูแลองค์การบรหิ ารสวํ นตาํ บลโดยเฉพาะการแก๎ไขปัญหาทุจริตคอรัปช่นั 2) การตัง้
หนวํ ยงานใหมํมา กํากับตรวจสอบการปฏิบัตงิ านขององคก์ ารบริหารสวํ นตาํ บล 3) ในพน้ื ทีท่ ี่นายอาํ เภอไดท๎ าํ
หนา๎ ท่กี ํากับดูแลองคก์ ารบริหารสวํ นตําบลพบวาํ มกี ารทจุ ริตและประพฤตมิ ิชอบมากนอ๎ ยเพยี งใด และพบวาํ มีระดบั
ความเหน็ นอกเหนอื จาก 2 กลํมุ อีก 1 ปจั จัย ไดแ๎ กํ ปัจจัยระเบียบกฎหมายที่ใหอ๎ ํานา จหน๎าที่นายอําเภอในการ
กํากบั ดูแลองค์การบริหารสํวนตําบล โดยมคี วามคดิ เหน็ แตํละปัจจัยคดิ เปน็ รอ๎ ยละดังนี้
ระดับความคิดเหน็ มากถึงมากทสี่ ดุ
1) การปลูกจิตสาํ นกึ การสร๎างคาํ นยิ มใหมใํ ห๎กับสงั คมไทยตา๎ นทุจริตคอรปั ชน่ั มีความคดิ เหน็ ระดับ
มากถงึ มากทีส่ ุด คดิ เปน็ ร๎อยละ 100 ทงั้ 2 กลํุม


Click to View FlipBook Version