The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by [email protected], 2019-09-10 03:29:39

แนวทางและกลไกการบริหารงานของอำเภอและแงค์กรปกครองท้องถิ่นในการลดความเหลื่อมล้ำในสังคม กรณีศึกษา:ในเขตเทศบาลเมืองปากช่อง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา

รายงานกลุ่ม (GP) กป.1 หลักสูตร นปส.71

Keywords: แนวทางและกลไกการบริหารงานของอำเภอ

รายงานการศึกษาเอกสารวชิ าการกลมุ่

เรื่อง
แนวทางและกลไกการบริหารงานของอาเภอและองค์กรปกครองส่วนทอ้ งถน่ิ
ในการลดความเหล่อื มลาในสงั คม : กรณศี ึกษาในเขตเทศบาลเมืองปากชอ่ ง

อาเภอปากช่อง จงั หวดั นครราชสีมา

จดั ทาโดย

นางสาวหงษท์ อง อภวิ งศ์ปญั ญา หัวหนา้ สานกั งานจงั หวัดสกลนคร
นางสาววรพรรณ เลิศไกร ผู้เช่ียวชาญดา้ นการตดิ ตามการปฏบิ ตั ิราชการ
ในพืนทภ่ี าคกลาง สานกั นายกรฐั มนตรี
นายพยงค์ ยาเภา หวั หน้าสานกั งานจงั หวัดพะเยา
นายเอกวทิ ย์ มีเพยี ร นายอาเภอบา้ นแพว้ จังหวดั สมุทรสาคร
นายศวิ ะ ธมิกานนท์ นายอาเภออมกอ๋ ย จังหวดั เชยี งใหม่
นายชัยวุฒิ บวั ทอง นายอาเภออ่าวลกึ จังหวดั กระบ่ี
นายสรุ พันธ์ ศลิ ปสุวรรณ นายอาเภอปากชอ่ ง จงั หวดั นครราชสมี า
นายพงษศ์ ักด์ิ สอาดบญุ เรอื ง พัฒนาการจงั หวัดพิจติ ร
นายธรี เดช ถิรพร ผู้อานวยการกองจัดทางบประมาณเขตพนื ที่ ๔
สานกั งบประมาณ
นายวกิ รม คัยนันทน์ ผ้อู านวยการกองประสานงานโครงการพืนที่ ๑
สานักงาน กปร.

รายงานนีเปน็ สว่ นหนึ่งของการศกึ ษาอบรมหลกั สูตรนกั ปกครองระดบั สงู (นปส.) ร่นุ ที่ ๗๑
สถาบนั ดารงราชานภุ าพ กระทรวงมหาดไทย
พุทธศกั ราช ๒๕๖๑

สถาบันดารงราชานุภาพ
วิทยาลยั มหาดไทย กระทรวงมหาดไทย

เอกสาร การศึกษาวิชาการกลมุ่ นี้ อนุมัตใิ หเ้ ปน็ ส่วนหนง่ึ ของการศกึ ษาอบรมหลักสตู ร
นกั ปกครองระดบั สงู (นปส.) รนุ่ ท่ี ๗๑ พุทธศักราช ๒๕๖๑ ของสถาบนั ดารงราชานุภาพ วิทยาลัย
มหาดไทย กระทรวงมหาดไทย

(นายเริงศักดิ์ มหาวินจิ ฉยั มนตรี)
อาจารย์ท่ปี รึกษา

(ก)

บทคดั ย่อ

การศกึ ษาเรือ่ ง “แนวทางและกลไกการบริหารงานของอาเภอและองค์กรปกครอง สว่ น
ท้องถ่ินในการลดความเหลอ่ื มล้าในสงั คม : กรณศี ึกษาในเขตเทศบาลเมอื งปากช่อง อาเภอปากชอ่ ง
จงั หวัดนครราชสมี า” มวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พือ่ ศึกษาสภาพปญั หาและความต้องการ ของประชาชนในการ
ลดความเหลอื่ มล้าในสังคม และศกึ ษากลไกการบรหิ ารงานของอาเภอและองคก์ รปกครอง ส่วน
ท้องถ่นิ รวมท้ัง ปญั หาอุปสรรคและ ขอ้ เสนอแนะ แนวทางในการลดปญั หาความเหลอื่ มลา้ ในสังคม
โดยไดใ้ ช้แบบสั มภาษณ์เก็บรวบรวมข้อมลู จาก ผู้มีบตั รสวดั ิการแห่งรัฐ รวมทง้ั นายอาเภอ ผบู้ ริหาร
องค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินและหัวหนา้ ส่วนราชการทเ่ี กีย่ วขอ้ ง ผลการศกึ ษาสรปุ ได้ดงั น้ี

๑. ข้อมูลทัว่ ไปของผูม้ ีบตั รสวัสดกิ ารแหง่ รฐั ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เปน็ เพศชาย
คดิ เปน็ รอ้ ยละ ๕๓.๙๑ มอี ายรุ ะหวา่ ง ๔๑-๕๐ ปี คิดเป็นรอ้ ยละ ๓๒.๑๗ การศึกษาระดับประถม
ศึกษา คิดเป็นร้อยละ ๔๐.๘๗ อาชพี เกษตรกร คดิ เป็นร้อยละ ๔๔.๓๕ มีรายไดต้ ่อปใี นปี ๒๕๕๙
ไม่เกิน ๓๐,๐๐๐ บาท คิดเปน็ ร้อยละ ๕๘.๒๖

๒. สภาพปญั หาและความต้องการของผมู้ ีบัตรสวสั ดกิ ารแห่งรัฐ กล่มุ ตวั อยา่ งสว่ นใหญ่รบั รู้
วา่ รัฐบาลกาหนดใหเ้ พม่ิ จานวนเงิน โดยมีเงอื่ นไขใหเ้ ข้าฝกึ อบรมอาชพี คดิ เป็นร้อยละ ๙๔.๓๕ เขา้
ร่วมมาตรการพัฒนาคณุ ภาพชวี ิตผู้มบี ตั รสวัสดกิ ารแห่งรัฐ และเข้ารว่ ม ฝึกอบรมอาชีพ คิดเป็นร้อยละ
๘๓.๔๘ ส่วนใหญม่ ีปญั หาดา้ นหนสี้ นิ มากท่สี ุด คิดเปน็ ร้อยละ ๗๒.๖๑ รองลงมาคือ ปัญหาคา่ ใชจ้ า่ ย
ในชีวติ ประจาวนั ปญั หาด้านการประกอบอาชีพ ปญั หาท่ดี ินทากนิ ปัญหาค่าใชจ้ ่ายเพ่อื การศึกษา
บตุ ร ปญั หาค่าใชจ้ า่ ยในการรักษาพยาบาลและปัญหาอนื่ ๆ ตามลาดับ มคี วามตอ้ งการให้หน่วยงาน
ภาครฐั แกไ้ ขปญั หาดา้ นหน้สี นิ มากทส่ี ุด คิดเป็นรอ้ ยละ ๖๖.๐๙ รองลงมาคือ เงินกู้ยืมเพื่อการดารง
ชพี เงินทนุ ในการประกอบอาชีพ การจดั สรรท่ดี ินทากนิ เงินกูย้ ืมเพ่ือการศึกษาบุตร สวั สดิการใน
การรักษาพยาบาลและอน่ื ๆ ตามลาดบั มหี น้ีสินในระบบของธนาคาร ธกส. ธนาคารออมสิน กองทนุ
หม่บู า้ น/ชมุ ชนเมอื ง ธนาคารและสถาบนั การเงนิ อนื่ ๆ ตามลาดบั สว่ นหนีส้ นิ น อกระบบสว่ นใหญ่มี
หน้สี ินนอกระบบโดยกู้ยืเงนิ จากนายทนุ มาก รองลงมากู้ยืมจากเพ่อื นบ้าน ญาติพน่ี ้องและอ่นื ๆ

๓. กลไกการบรหิ ารงานของอาภอและองค์กรปกครองสว่ นท้องถ่นิ ในการลดความ
เหลื่อมลา้ ในสงั คม อาเภอปากช่องจังหวัดน ครราชสีมา มีกลไก ในการลดความเหลอื่ มล้าในสงั คม
ไดแ้ ก่ คณะกรรมการบริหารงานอาเภอ (กบอ.) ทีมหมอประชารัฐสุขใจ (ปรจ. หรือ AO) หัวหนา้
ส่วนราชการ ผู้บริหารสถานศกึ ษา กานัน ผู้ใหญบ่ า้ น และคณะกรรมการหม่บู ้าน รวมทง้ั การ
ปฏบิ ัติงานของเจา้ หน้าทใี่ นระดบั พื้นที่ เช่น ป ลดั อาเภอประจาตาบล เกษตรตาบล พฒั นากรประจา
ตาบล ผูอ้ านวยการโรงพยาบาลส่งเสรมิ สขุ ภาพตาบล (ผอ.ร.สต.) นอกจากน้ยี งั มศี ูนย์ดารงธรรม
อาเภอ ทาหนา้ ท่รี บั เรอื่ งร้องเรยี นตา่ งๆ รวมทง้ั การอานวยความเปน็ ธรรมใหก้ ับประชาชน ในส่วนของ

(ข)

เทศบาลเมอื งปากชอ่ ง ใชก้ ลไกในการลดความเ หล่ือมล้าในสังคม ประกอบดว้ ย คณะผู้บรหิ าร
สมาชกิ สภาทอ้ งถิ่น ขา้ ราชการและพนกั งานสว่ นท้องถนิ่ รวมทั้งคณะกรรมการชุมชนทัง้ ๒๓
ชมุ ชนๆ ละ ๙-๑๕ คน ซงึ่ มาจากการเลอื กต้ังของประชาชนในชุมชน และมเี จ้าหน้าทพี่ ฒั นา
ชมุ ชน เจ้าหนา้ ท่สี าธารณสขุ ประจาศนู ย์ฯ ชมุ ชน เป็นผ้ปู ฏบิ ัติงานในระดบั พ้ืนท่

๔. แนวทางในการลดความเหล่อื มล้าในสงั คม ควรมีการสารวจความตอ้ งการในการ
ฝึกอาชีพ สง่ เสรมิ ใหป้ ระชาชนใช้หลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งในการดาเนินชีวติ รวมทง้ั สง่ เสริมให้
ประชาชน กลุม่ ผผู้ ลิต ผูป้ ระกอบการ นาสนิ ค้ามาจาหน่าย การพั ฒนาสินคา้ OTOP จัดให้มกี าร
ฝึกอบรม ฝกึ อาชีพ ให้ปราชญ์ชาวบา้ น /ปราชญช์ มุ ชนเปน็ ผู้ฝกึ อาชพี ส่งเสริมการศกึ ษาให้สอดคลอ้ ง
กับตลาดแรงงานและวิถชี มุ ชนทอ้ งถน่ิ และควรมสี ่อื และอุปกรณ์การสอนในเรอื่ ง IT ส่งเสริมให้
ประชาชนสมคั รเป็นสมาชกิ กล่มุ /กองทนุ ทีม่ ีอยู่ในชุ มชนและออมเงินกบั กลุม่ /องคก์ รทีเ่ ป็นสมาชกิ
การปลกู ฝงั วินัยทางการเงนิ ส่งเสริมแหล่งเงนิ ทุน เช่น SME เพอ่ื สนับสนุนผปู้ ระกอบการรายใหม่
การใหค้ วามรูส้ มาชิกในชมุ ชนในการเขา้ ถงึ แหลง่ เงนิ ทุน ควรพบปะเยย่ี มเยียน/มอบสงิ่ ของชว่ ยเหลือ
แก่ผู้มีรายได้น้อย /ผูด้ ้อยโอกาส ให้ความรู้ ประชาชนในการใช้ชวี ติ /การประกอบอาชีพ การดารงชพี
การดูแลสขุ ภาพ การบริโภคอาหารท่สี ะอาดและปลอดภยั การจดั ทาแผนงาน /โครงการในการพัฒนา
โครงสร้างพืน้ ฐาน การจัดบริการสาธารณะให้กบั ประชาชนในพื้นที่ รวมทั้งจดั ใหม้ ีอนิ เตอร์เน็ตประจา
หมู่บา้ น /ชุมชน นอกจากน้ี ควรจัดใหม้ ี ร้านคา้ ชุมชนท่จี ดั ตั้งขน้ึ เพอื่ รองรับการใชจ้ า่ ยของผ้มู บี ัตร
สวสั ดกิ ารแห่งรัฐใหม้ ากขน้ึ จัดเกบ็ ภาษมี รดก ภาษีทีด่ ินในเขตเศรษฐกจิ ในระยะส้นั หน่วยงานภาครัฐ
และเอกชนใหค้ วามช่วยหลือ ระยะยาวควรใหก้ ารศกึ ษาและการสร้างวินยั ทางการเงินแก่ประชาชน

(ค)

กิตตกิ รรมประกาศ

การศกึ ษาวจิ ยั เร่ือง แนวทางและกลไกการบริหารงานของอาเภอและองคก์ รปกครอง ส่วน
ท้องถนิ่ ในการลดความเหล่อื มลา้ ในสงั คม : กรณศี ึกษาในเขตเทศบาลเมอื งปากช่อง อาเภอปากชอ่ ง
จังหวัดนครราชสมี า สาเร็จลุลว่ งได้ด้วยความกรุณาจากอาจารย์เรงิ ศกั ด์ิ มหาวินจิ ฉยั มนตรี ในการให้
คาปรกึ ษา คาแนะนาและแกไ้ ขขอ้ บกพรอ่ งต่างๆ เพอื่ ใหง้ านวจิ ัย ฉบบั น้ี มีความ สมบรู ณ์ ยงิ่ ข้นึ
คณะผู้ศึกษาขอขอบพระคุณมา ณ โอกาสนี้

ขอขอบพระคุณ นายสุรพนั ธ์ ศลิ ปสุวรรณ นายอา เภอปากช่อง จงั หวดั นครราชสมี า และ
นายคมกฤษณ์ ลิ้มปัญญาเลศิ นายกเทศมนต รีเมอื งปากช่อง ที่ได้อานวยความสะดวกในการจัดเก็บ
ขอ้ มลู ในคร้งั น้ี

ขอขอบคณุ หวั หน้าส่นราชการและผ้มู ีบัตรสวสั ดกิ ารแห่งรฐั ในเขตเทศบาลเมอื งปากช่อง
ทุกท่านท่ใี ห้ความรว่ มมอื ในการ ให้การสัมภาษณเ์ ปน็ อย่างดี ย่งิ รวมท้งั ปลัดอาเภอประจาตาบลทีไ่ ด้
ดาเนินการเ ก็บรวบรวมขอ้ มลู ได้ครบถ้วน สมบูรณ์ ผ้ศู ึกษาหวังเปน็ อย่างยงิ่ วา่ งานวิจยั ฉบบั น้ี จะ
เป็นประโยชนแ์ ก่ผู้ท่ีสนใจศกึ ษาต่อไป

นกั ศกึ ษาหลกั สูตรนกั ปกครองระดับสูง (นปส.) รุ่นท่ี ๗๑
กล่มุ ปฏบิ ตั ิการ (กป.) ๑

(ง)

สารบญั

บทคดั ย่อ (ก)
กติ ติกรรมประกาศ (ค)
สารบญั (ง)
สารบัญตาราง (จ)
สารบัญภาพ (ฉ)
บทท่ ๑ บทนา ๑

๑.๑ ปญั หาและความสาคัญของปัญหา ๔
๑.๒ วัตถุประสงค์ในการศึกษา ๕
๑.๓ กรอบแนวคิดในการศึกษา ๕
๑.๔ ประโยชน์ทไ่ี ดร้ ับจากการศกึ ษา ๖
๑.๕ ขอบเขตของการศึกษา ๖
๑.๖ นยิ ามศัพท์เฉพาะ ๗
บทท่ ๒ เอกสารและงานวจิ ัยท่เก่ยวข้อง ๗
๒.๑ แนวคดิ เก่ียวความเหลอื่ มลา้ ในสังคม ๑๒
๒.๒ แนวคดิ เก่ียวกับนโยบาย ๒๑
๒.๓ แนวคิดและทฤษฎเี กยี่ วกับการบริหาร ๒๔
๒.๔ การบริหารงานของอาเภอและองค์กรปกครองส่วนทอ้ งถ่ินในการลดความ
๒๙
เหล่อื มลา้ ในสงั คม ๓๒
๒.๕ ผลงานวจิ ัยที่เกย่ี วข้อง ๓๕
บทท่ ๓ วธิ ดาเนินการศกึ ษา ๔๖
บทท่ ๔ ผลการศึกษา ๔๖
บทท่ ๕ สรปุ ผลการศกึ ษาและข้อเสนอแนะ ๔๙
๕.๑ สรปุ ผลการศกึ ษา ๕๐
๕.๒ ข้อเสนอแนะ ๕๒
บรรณานกุ รม
ภาคผนวก

(จ)

สารบัญตาราง

ตารางท่ ๔.๑ จานวนและรอ้ ยละของผู้ตอบแบบสอบถาม จาแนกตามสถานภาพ ๓๖
ตารางท่ ๔.๒ การรบั รเู้ กย่ี วกับการเพมิ่ วงเงนิ บัตรสวสั ดิการแหง่ รัฐโดยมีเงื่อนไขให้เข้า ๓๗

ฝึกอบรมอาชพี ๓๘
ตารางท่ ๔.๓ การเข้ารว่ มมาตรการพัฒนาคณุ ภาพชวี ิตผูม้ ีบตั รสวัสดิการแหง่ รัฐและ
๓๘
เข้ารว่ มฝึกอบรมอาชพี ๓๙
ตารางท่ ๔.๔ ลกั ษณะปญั หาของผมู้ ีบตั รสวสั ดิการแหง่ รฐั ๓๙
ตารางท่ ๔.๕ ความตอ้ งการของผ้มู ีบตั รสวสั ดิการแหง่ รฐั ท่ีให้ภาครัฐให้ความช่วยเหลอื ๔๐
ตารางท่ ๔.๖ หนี้สนิ ในระบบของผู้มีบัตรสวัสดกิ ารแห่งรัฐ ๔๐
ตารางท่ ๔.๗ หน้ีสนิ นอกระบบของผ้มู บี ตั รสวสั ดกิ ารแหง่ รัฐ ๔๑
ตารางท่ ๔.๘ การใช้สิทธิในการรกั ษาพยาบาลของผู้มบี ตั รสวสั ดกิ ารแห่งรฐั ๔๑
ตารางท่ ๔.๙ ภาระในการดูแลผูป้ ว่ ยของผมู้ ีบัตรสวัสดิการแหง่ รฐั
ตารางท่ ๔.๑๐ การเปน็ เจ้าของบา้ น/ท่ีพักอาศยั ของผู้มีบตั รสวสั ดิการแหง่ รฐั

สารบัญภาพ (ฉ)

ภาพท่ ๑.๑ กรอบแนวคิดในการศึกษา

บทที่ ๑
บทนา

๑.๑ ความเปน็ มาและความสาคัญของปญั หา
ปญั หาความเหลอ่ื มลา้ ในสงั คมเปน็ ปญั หาของความไม เทาเทยี มกันระหว างผูท่ีมโี อกาสกบั

ผูที่ขาดโอกาส ซึง่ โอกาสในท่ีนีค้ ือ โอกาสในการเข าถึง ตอรองและจดั การทรัพยากรต าง ๆ ในสงั คม
ความเหลื่อมล้าบางครง้ั กเ็ ปนเหตุ บางคร้ังก็เป นผลในตัวเอง ท่เี ป นเหตเุ พราะความเหลื่อมล้าจงึ ท้าให
เกิดความไมเปนธรรม หรือ เนือ่ งจากคนเกดิ มา "ไมเทากนั " จงึ กอใหเกิดความเหลือ่ มลา้ ตามมา การ
พฒั นาประเทศในชวงท่ผี านมา สามารถยกระดบั คณุ ภาพชีวิตของประชาชนใหดีข้ึนประชาชนมงี านท้า
และมีความมั่นคงในอาชีพมากขึ้น รายไดเฉล่ยี ของประชาชนเพิม่ สูงข้ึน ป ญหาความยากจนลดลงและ
ประชาชนเข าถงึ บริการทางสังคมและ สาธารณปู โภคอันเป นปจจัยจา้ เป นพนื้ ฐานในการด้ารงชวี ิตได
มากขึ้น อยางไรกด็ ี ความไมเทาเทยี มกันใน โอกาสของประชาชนกลุมตาง ๆ โอกาสของคนในเมอื งกบั
ชนบทในการเขาถงึ บริการสาธารณะหลักทีม่ คี ณุ ภาพยังมีช องวางมากและการเข าถงึ สทิ ธิ ต าง ๆ ใน
สงั คมยงั ไม เทาเทียมกนั ซ่งึ เป นปญหาที่สะท อนถงึ ความเหลือ่ มล้า ทีเ่ ป นปญหาเชิงโครงสร างใน
สังคมไทยทา้ ใหประชาชนสวนใหญของประเทศไดรบั ความเดอื ดรอน จากความไมทัดเทยี มของความ
เติบโตทางเศรษฐกิจและความแตกต างกันในการเปนเจาของทรพั ยากร ส งผลตอรายไดท่แี ตกตางกัน
มากระหวางกลุมคนในสังคม อนั สะทอนถึงความไมเทาเทยี มของโอกาส ในการเข าถึงทรพั ยากรและ
สิทธิพื้นฐาน รวมทัง้ ความไมเปนธรรมดานอา้ นาจตอรอง จากสภาพปญหาดงั กลาวสะทอนใหเห็นถงึ
การขาดโอกาสเชิงเศรษฐกจิ สงั คมและการเข าไมถึง ทรพั ยากรของประชาชนในบางกลุ มบางพ้นื ท่ี
รวมทั้งความไม เปนธรรมด านสิทธแิ ละอา้ นาจต อรองของ ประชาชนบางกลุ มและได สงผลต อการ
แสวงหารายไดเพื่อการประกอบอาชีพ

จากการวิเคราะหส์ ถานการณค์ วามยากจน และความเหล่ื อมลา้ ในประเทศไทยปี ๒๕๕๕
ของสภาพฒั นาการเศรษฐกิจและสังคมแหง่ ชาติ พบวา่ ๑) ประชากรสว่ นใหญ่กระจุกตวั อยู่ในคนกลมุ่
เล็กๆ โดยคนกลุ่มรวยทีส่ ุด ๑๐ % ถือครองรายได้กวา่ ๓๙.๓ % ของรายไดท้ ้งั หมด ขณะทก่ี ลุมคนจน
ที่สุดรอยละ ๑๐ ถอื ครองรายได เพยี งรอยละ ๑.๖ ของรายได ทั้งหมดเทานนั้ จึงท้าให ความแตกต าง
ของรายได ระหว างกลุ มคนรวยทส่ี ุดกับกลุ มคนจนทส่ี ดุ ห างกนั ถงึ ๒๕.๒ เทา ๒) ความเหล่อื มลา้
ดานรายจายเพอ่ื การอปุ โภคบริโภค โดยกลุ มประชากรรอยละ ๑๐ ที่มกี ารใชจายสูงทีส่ ุดมีมาตรฐาน
การดา้ รงชวี ติ สงู กว ากลุ มประชา กรร อยละ ๑๐ ทม่ี กี ารใช จายต่า้ ที่สดุ ประมาณ ๑๑.๐ เท า
นอกจากนี้ ยงั มีประชากร ๘.๔ ลานคน (คนจน) ทไี่ ดรบั สารอาหารและสิ นคาอ่ืน ๆ ทีเ่ ป นสงิ่ จ้าเป น
พ้นื ฐานในปริมาณทไี่ ม เพียงพอต อการดา้ รงชีวติ ๓) ความเหลือ่ มลา้ ดานสนิ ทรัพย ทางการเงนิ
สนิ ทรัพยทางการเงนิ กระจกุ ตัวอยใู นคนกลุมเลก็ ๆ กลาวคือบัญชีเงนิ ฝากท่ีมวี งเงนิ เกนิ ๑๐ ลานบาท



ขึ้นไปมีเพยี งประมาณรอยละ ๐.๑ ของ จ้านวนบัญชที ั้งหมด แต มวี งเงนิ ฝากสูงถึงร อยละ ๔๖.๕ ของ
วงเงนิ ฝากทงั้ หมดในขณะทบี่ ัญชีเงนิ ฝากขนาดเลก็ วงเงนิ ไมเกิน ๑๐ ลานบาท มีถึงรอยละ ๙๙.๙ ของ
จ้านวนบัญชีทั้งหมด แต มวี งเงินฝากเพยี ง รอยละ ๕.๓๕ ของวงเงนิ ฝากทง้ั หมด ๔) ความเหล่อื มล้า
ดานการถือครองท่ี ดนิ ประเทศไทยมีความเหล่อื มล้า ในการถอื ครองทีด่ นิ สงู มาก โดยกลุ มผูถอื ครอง
ที่ดนิ ร อยละ ๒๐ ทีม่ กี ารถือครอง ท่ีดนิ มากทส่ี ุด มีสดั ส วนการถอื ครองท่ดี ินสูงกว ากลุมผูถือครอง
ทด่ี นิ นอยทส่ี ุด คดิ เป น ๓๒๕.๗ เทา โดยกลุมผูถือครองที่ดินร อยละ ๒๐ ท่ถี อื ครองทด่ี ินมากที่สดุ มี
สัดสวนพื้นที่ถือครองที่ดนิ สูงถึงรอยละ ๗๙.๙ ของพนื้ ที่ท้ังหมด ในขณะท่ี กลุมผูถอื ครองท่ดี ินร อยละ
๒๐ ท่ีถอื ครองทด่ี นิ นอยท่ีสดุ มีสดั สวนพ้ืนที่ถือครองท่ีดินเพยี งร อยละ ๐.๓ ของพื้นที่ทง้ั หมด เท านนั้
๕) ความเหลื่อมล้าดานการศกึ ษา อตั ราการเขาเรียนสทุ ธริ ะดบั ประถมศึกษาร อยละ ๘๗.๖ มธั ยมตน
รอยละ ๖๗.๖ มัธยมปลาย รอยละ ๕๕.๑ และปรญิ ญาตรี รอยละ ๒๘.๕ รวมทั้งโอกาสในการ เขาถึง
บริการดานการศึกษามีความแตกตางกนั มากระหวางกลุมประชากรท่มี ฐี านะความเป นอยูแตกตางกัน
ระหวางเขตเมอื ง-ชนบท และระหวางภมู ภิ าค โดยเฉพาะการศกึ ษาในระดับปรญิ ญาตรี จงึ ส งผลทา้ ให
โอกาส ในการพฒั นาอาชีพและสรางรายไดมคี วามแตกตางกนั มาก โดยกลุมประชากรรอยละ ๑๐ ทม่ี ี
ฐานะความเปนอยูดที ี่สุด มีโอกาสเขาถึงการศึกษามากกวากลุมประชากรรอยละ ๑๐ ทม่ี ฐี านะความ
เปน อยูดอยทีส่ ดุ ประมาณ ๑๖.๓ เทา นกั ศกึ ษาในเขตเมอื งมโี อกาสเขาถึงการศึกษาสูงกว านกั ศกึ ษา
ในเขตชนบท นกั ศกึ ษา ในกรุงเทพมหานครมีโอกาสเข าถึงการศึกษาสงู สดุ ภาคใต ตา้่ สุด ๖) ความ
เหลอ่ื มล้าหรอื ความไมเสมอภาคทางเพศ โอกาสการเข าถึงการศกึ ษาระหว างเพศโดยเฉพาะในระดบั
มัธยมปลาย ข้นึ ไปโดยเพศหญงิ มีโอกาสเขาถึงการศกึ ษามากกวาเพศชาย แตในดานการทา้ งานผูหญิง
มสี วนร วมในก้าลังแรงงานน อยกว าผูชาย และผู หญงิ ได รบั คาจางเฉลย่ี ต่้า กวาผูชาย รวมท้ังด าน
บทบาทในการตัดสนิ ใจทัง้ ทางการเมอื งและการบริหารของผู หญงิ จะน อยกว าผูชาย (สา้ นกั งาน
คณะกรรมการพฒั นาก ารเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาติ : ๒๕๕๖) นอกจากน้ี ยังมีข้อมลู ทนี่ า่ สนใจวา่
ประเทศไทยถกู จัดลา้ ดบั จากเครดิต สวิส โกลบอล เวลธ์ รพี อร์ต ๒๐๑๖ เป็นประเทศท่ีมคี วามเห ลื่อม
ล้าเปน็ อนั ดบั ท่ี๓ ของโลก รองจากประเทศรัสเซยี และอนิ เดีย ดงั น้ันจงึ จ้าเป็นท่ีจะต้องให้ความสา้ คญั
กบั การแกไ้ ขปัญหาความเหล่อื มล้าในสงั คม เพอ่ื ยกระดับคุณภาพชีวติ ของประชาชนให้ดียิง่ ขนึ้

รฐั บาลภายใตก้ ารน้าของพลเอกประยุทธ์ จันทรโ์ อชา นายกรฐั มนตรี ได้ให้ความส้าคัญกับ
การลดปญั หาความเหลื่อมล้าในสงั คม ดงั ปรากฎในนโยบายรฐั บาล ขอ้ ๓ การลดความเหลอ่ื มล้าของ
สังคม และการสรา้ งโอกาสการเข้าถงึ บริการของรฐั โดยในระยะเฉพาะหนา้ จะเรง่ สรา้ งโอกาส อาชีพ
และการมรี ายไดท้ ่มี ัน่ คงแกผ่ ทู้ เี่ ข้าส่ตู ลาดแรงงาน รวมทั้งสตรี ผ้ดู ้อย โอกาสและแรงงานข้ามชาติทถี่ ูก
กฎหมายพร้อมทัง้ ยกระดับคณุ ภาพแรงงาน การปูองกันและแกไ้ ขปัญหาการคา้ มนุษย์ สา้ หรับใน
ระยะตอ่ ไปจะพฒั นาระบบการคุ้มครองทางสงั คม ระบบการออมและระบบสวสั ดกิ ารชมุ ชนให้มี
ประสิทธภิ าพและมคี วามยง่ั ยืนมากยิง่ ข้ึ นรวมทั้งการดูแลใหม้ ีระบบการกยู้ มื ที่เปน็ ธรรม และการ



สงเคราะหผ์ ูย้ ากไร้ตามอตั ภาพ พฒั นาศกั ยภาพคมุ้ ครองและพทิ กั ษส์ ิทธิ จัดสวัสดิการช่วยเหลือ
และพฒั นาคุณภาพชวี ิติของผู้ดอ้ ยโอกาส ผพู้ กิ าร ผสู้ ูงอายุ สตรแี ละเดก็ รวมทง้ั ส่งเสรมิ คุณภาพชีวติ
และการมีงาน การแกไ้ ขปัญหาการไรท้ ่ที ้ากนิ ของเกษตรกร เป็นต้น ทง้ั น้ี รัฐบาลได้ก้าหนดแนวทาง
ในการแกไ้ ขปัญหาผมู้ ีรายไดน้ อ้ ยซ่งึ เป็นบคุ คลทม่ี คี วามเหลือ่ มลา้ ทางสังคม ภายใตบ้ ัตรสวสั ดิการแห่ง
รฐั ขน้ึ เพ่ือช่วยเหลือคนไทยในกลมุ่ ท่ดี อ้ ยโอกาสทางสังคมทกุ กลมุ่ ได้รับความชว่ ยเหลอื อยา่ งเทา่ เทียม
กันในทุกด้าน โดยเมื่อวันท่ี ๙ มกราคม ๒๕๖๑ คณะรัฐมนตรีมมี ตเิ หน็ ชอบในหลกั การของมาตรการ
พฒั นาคณุ ภาพชีวติ ผู้ มบี ัตรสวสั ดิการแหง่ รฐั ระยะที่ ๒ โดยให้ธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อ
การเกษตรและสหกรณ์ ดา้ เนนิ มาตรการพัฒน าผ้มู บี ัตรสวัสดกิ ารแห่งรัฐ รวม ๖ มาตรการ ๑๘
โครงการ งบประมาณรวมท้ังส้นิ ๓๕,๖๗๙.๐๙ ล้านบาท ทงั้ ในมิ ตดิ า้ นการมงี านท้า มิติดา้ นการ
ฝกึ อบรมอาชพี และการศึกษา มติ ดิ ้านการเข้าถงึ แหลง่ เงนิ ทนุ ในระบบและมติ ดิ ้านการเขา้ ถึงสิง่ จา้ เป็น
พืน้ ฐาน โดยมคี วามคาดหวงั ให้ผทู้ ม่ี รี ายได้ต่้ากว่า ๓๐,๐๐๐ บาทตอ่ ปี และอายุน้อยกวา่ ๖๐ ปที ่มี ีอยู่
ประมาณ ๕.๓ ล้านคน ได้พัฒนาตนเองและพน้ จา กเสน้ ความยากจน ซ่ึงรัฐบาลมมี าตรการจงู ใจ
ส้าหรับผูถ้ อื บตั รสวัสดิการแห่งรัฐท่มี าเข้าโครงการในระยะ ๒ กรณที ี่รายไดไ้ ม่ถงึ ๓๐,๐๐๐ บาทตอ่ ปี
จะได้วงเงินช่วยเหลือเพิ่มอีก ๒๐๐ บาทต่อเดอื น จากปัจจบุ ั น ๓๐๐ บาทตอ่ เดอื น เพิม่ เปน็ ๕๐๐
บาทตอ่ เดอื น ส่วนในกรณที ่ีมรี ายไดต้ ั้งแต่ ๓๐,๐๐๐ บาทขึน้ ไป แตไ่ มเ่ กนิ ๑๐๐,๐๐๐ บาทต่อปี จะได้
วงเงินชว่ ยเหลอื เพิ่ม ๑๐๐ บาทต่อเดือน เพมิ่ จาก ๒๐๐ บาทต่อเดอื นเปน็ ๓๐๐ บาทตอ่ เดือน

ในการขบั เคล่ือนนโยบายของรฐั บ าลไปสู่การปฏบิ ตั เิ พื่อลด ความเ หลื่อมล้าของผู้มี
รายได้นอ้ ย รฐั บาลได้กา้ หนดใหม้ ีกลไกบรหิ ารงาน ทั้งในระดบั ชาติ ระดบั จงั หวดั และอา้ เภอ ดังนี้ คอื
๑) คณะกรรมการนโยบายการพฒั นาคุณภาพชวี ติ ผมู้ บี ตั รสวสั ดิการแหง่ รฐั (คนส.) ท้าหน้าท่ี กา้ หนด
นโยบายการพัฒนาคณุ ภ าพชวี ติ ผู้มีบตั รสวัสดิการแหง่ รฐั ๒) คณะอนกุ รรมการติดตามการพั ฒนา
คณุ ภาพชวี ติ ผมู้ บี ัตรสวัสดกิ ารแห่งรัฐ (คอต.) ทา้ หน้าทีต่ ดิ ตามความคืบหนา้ และผลการด้าเนนิ การ
พฒั นาคุณภาพชวี ติ รายบุคคล ๓) คณะอนกุ รรมการพัฒนาคณุ ภาพชวี ติ ผู้มีบัตรสวัสดกิ ารแหง่ รฐั
ประจา้ จงั หวดั (คอจ.) ทา้ หนา้ ทแ่ี ต่งต้งั ก้ากับดแู ล และก้าหนดแนวทางการปฏบิ ัตงิ าน และกา รลง
พืน้ ทข่ี องคณะท้างานพัฒนาคณุ ภาพชวี ิตผมู้ บี ตั รสวสั ดกิ ารแห่งรัฐประจ้าอา้ เภอ และมอบหมายและ
ประสานหน่วยงานทีเ่ ก่ียวข้องเพ่อื ดา้ เนนิ การพัฒนาคุณภาพชีวติ รายบคุ คล และ ๔) คณะทา้ งาน
พฒั นาคณุ ภาพชวี ิตผูม้ ีบตั รสวัสดิการแห่งรฐั ประจา้ อ้าเภอ หรอื “ทีมหมอประชารัฐ สขุ ใจ (ทมี ปรจ.)”
ประกอบด้วยคณะทา้ งานระดับอ้าเภอ และผู้ดแู ลผู้มบี ตั รสวัสดกิ ารแห่งรัฐ (AO) ซงึ่ ท้าหนา้ ทีด่ ูแลและ
ให้คา้ แนะนา้ แกผ่ มู้ บี ัตรสวัสดิการแหง่ รฐั ให้เหมาะสมและสอดคลอ้ งตามความจา้ เป็นของแต่ละบุคคล
โดยการสัมภาษณ์ผมู้ บี ัตรสวัสดกิ ารแหง่ รัฐรายบคุ คล เพ่ือวิเคราะห์สภาพปญั หา สอบถา มความ
ประสงค์ เช่น การท้างาน การฝกึ อบรมอาชีพ เปน็ ต้น โดย AO ต้องรบั ผดิ ชอบดแู ลผู้มบี ตั รสวัสดกิ าร
แห่งรัฐแต่ละรายตั้งแต่เริม่ ต้นกระบวนการวเิ คราะห์และติดตาม เพอื่ ให้ทราบวา่ ผู้มบี ตั รสวสั ดกิ ารแหง่



รัฐรายนัน้ มกี ารพัฒนาอย่างไร หรอื มีคุณภาพชวี ติ ดขี นึ้ หรอื ไมเ่ พยี งใด ดงั นั้น จะเหน็ ว่ ากลไกใน
การบริหารงานในระดับอา้ เภอ มีความสา้ คญั อย่างยง่ิ ต่อความส้าเรจ็ ในการนา้ นโยบายไปปฏิบัติ ทัง้ น้ี
กระทรวงมหาดไทยได้มอบหมายภารกจิ ทส่ี า้ คญั คือ ภารกจิ ในการขจัดความยากจนทกุ รูปแบบโดยให้
อา้ เภอและองคก์ รปกครองสว่ นท้องถิ่นบูรณาการกบั หนว่ ยงานในพืน้ ที่ ด้าเนินการสนองนโยบายของ
รัฐบาลในการลดความเหล่ือมล้าในสงั คม การสรา้ งโอกาสใหป้ ระชาชนเขา้ มามี สว่ นร่วมในการแก้ไข
ปัญหาภายในชมุ ชนของตนเองผา่ นมาตรการที่สา้ คัญ ไดแ้ ก่ การพัฒนาเศรษฐกจิ ฐานราก การสง่ เสริม
ผลิตภัณฑ์ชมุ ชน การแก้ไขปญั หาหนี้นอกระบบ การลดต้นทุนการผลิตและช่ วยเหลือเกษตรกร
กระจายผลผลิตออกนอกพื้นที่ การจัดที่ดนิ ท้ากนิ และทอ่ี ย่อู าศยั ใก้แก่ประชาชนทยี่ ากจน การ
บริหารจดั การการใช้ประโยชนท์ ่ดี นิ ของรัฐเพอื่ แก้ไขปญั หาความยากจน รวมทั้งการขยายพื้นท่ีการ
ใหบ้ รกิ ารระบบสาธารณปู โภคพ้นื ฐานให้เขา้ สชู่ มุ ชนใหไ้ ดม้ ากท่ีสดุ

อา้ เภอ ปากชอ่ ง จังหวัดนครราชสีมา เปน็ อ้าเภอขนาดใหญ่ทีม่ ีความแตกต่าง ระหวา่ ง
ความเป็นเมอื งกับชนบทค่อนขา้ งสูง ประกอบด้วย ๑๒ ตา้ บล ๒๑๗ หม่บู า้ น มอี งคก์ รปกครองสว่ น
ทอ้ งถ่ิน ๑๔ แหง่ ( เทศบาลเมือง ๔ แห่ง และองค์การบรหิ ารสว่ นตา้ บล (อบต.) ๑๐ แหง่ ) มี
ประชากรอาศัยตามหลกั ฐานข้อมลู ทะเบียนราษฎร ณ วนั ท่ี ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๐ จา้ นวน ๑๙๖,๒๔๕
คน และมีประชากรแฝงอกี ไมต่ า่้ กวา่ ๓๐,๐๐๐ คน สว่ นใหญป่ ระกอบอาชีพทา้ การเกษตร รับจ้าง
คา้ ขายและธุรกจิ สว่ นตวั มปี ระชาชน ผู้มรี ายไดน้ อ้ ยท่ีสมัครเข้าร่วมโครงการบตั รสวสั ดกิ ารแห่งรฐั
จา้ นวน ๑๕,๖๐๐ คน โดยในพนื้ ทีเ่ ขตเทศบาลเมืองปากชอ่ ง ประกอบด้วย ๒๓ ชุมชน มีประชากร
ท้งั สิน้ ๓๔,๖๙๔ คน มผี มู้ ีรายได้นอ้ ยทม่ี ีบัตรสวัสดิการแหง่ รฐั จ้านวน ๓,๓๓๙ คน ด้วยเหตนุ ้ี จึงได้
ศึกษาแนวทางและกลไกการบริหารงานของอ้าเภอและองค์กรปกครองทอ้ งถิ่นในการลดความเหลอ่ื ม
ลา้ ในสังคมในเขตเทศบาลเมืองปากชอ่ ง อา้ เภอปากชอ่ ง จงั หวดั นครราชสมี า เพอ่ื จะได้ขอ้ มูลที่เป็น
ประโยชน์ต่อการแกไ้ ขปัญหาความเหลือ่ มลา้ ในสงั คมตอ่ ไป

๑.๒ วัตถุประสงค์ของการศกึ ษา
๑.๑ เพื่อศกึ ษาสภาพปัญหาและความตอ้ งการ ของประชาชนในการลดความเหลื่อมล้าใน

สังคมในเขตเทศบาลเมืองปากชอ่ ง อ้าเภอปากชอ่ ง จงั หวดั นครราชสีมา
๑.๒ เพ่ือศึกษากลไกการบริหารงานของอ้าเภอและองคก์ รปกครองสว่ นท้องถ่ินในการลด

ความเหลื่อมลา้ ในสงั คมในเขตเทศบาลเมืองปากช่อง จงั หวดั นครราชสมี า
๑.๓ เพื่อศกึ ษาปัญหาอปุ สรรคและข้อเสนอแนะแนวทางในการลดปญั หาความเหลือ่ มล้า

ในสังคมในเขตเทศบาลเมอื งปากชอ่ ง อา้ เภอปากชอ่ ง จังหวัดนครราชสีมา



๑.๓ กรอบแนวคิดในการศกึ ษา
ในการศึกษาเร่ือง “แนวทางและกลไกการบริหารงานของอา้ เภอและองค์กรปกครอง ส่วน

ทอ้ งถิน่ ในการลดความเหลื่อมล้าในสังคม : กรณศี กึ ษาในเขตเทศบาลเมอื งปากช่อง อา้ เภอปาก ช่อง
จงั หวัดนครราชสีมา” ผูศ้ กึ ษาได้ใชก้ รอบแนวคดิ ในการศกึ ษา ตามภาพที่ ๑.๑ ดงั ต่อไปน้ี

ภาพที่ ๑.๑ กรอบแนวคิดในการศกึ ษาแนวทางและกลไกการบริหารงานของอ้าเภอและ
องค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถิน่ ในการลดความเหล่อื มล้าในสังคม

ขอ้ มลู ทว่ั ไปของผู้มีรายได้นอ้ ย ปญั หาและความต้องการในการลดความ
ที่ไดร้ ับบตั รสวสั ดกิ ารแห่งรฐั เหลอ่ื มล้าในสงั คม

๑. เพศ ๑. ด้านการมีงานทา้
๒. อายุ ๒. ดา้ นการฝกึ อบรมอาชพี และการศึกษา
๓. ระดับการศกึ ษา ๓. ด้านการเขา้ ถึงแหลง่ เงินทนุ ในระบบ
๔. อาชพี ๔. ด้านการเข้าถงึ ส่ิงจา้ เป็นพืน้ ฐาน
๕. รายได้

แนวทางและกลไกการบริหารงานของอ้าเภอ
และองค์กรปกครองส่วนทอ้ งถ่ินในการ
ลดความเหลอ่ื มล้าในสังคม

๑.๔ ประโยชนท์ ค่ี าดว่าจะไดร้ บั
๑.๔.๑ ท้าให้ทราบถึงสภาพปญั หาและความต้องการ ของประชาชน ในการลดความ

เหลอ่ื มล้าในสังคม เพอ่ื เป็นข้อมูลใหห้ น่วยงานภาครฐั นา้ ไปพิจารณาหาแนวทางแกไ้ ขและประยกุ ต์ใช้
ให้เหมาะสมกบั สภาพพ้นื ท่ีตอ่ ไป

๑.๔.๒ สามารถวเิ คราะห์แนวทางและ กลไกในการบริหารงานของอา้ เภอและองคก์ ร
ปกครองสว่ นทอ้ งถ่ิน ซ่ึงเปน็ ประโยชน์ต่อการวางแผนพฒั นาและ แกไ้ ขปญั หาความเหล่อื มล้าในสงั คม
เพือ่ สนองนโยบายของรัฐบาลและสามารถแกไ้ ขปญั หาได้ตรงกับความต้องการของประชาชนในพ้นื ที่



๑.๔.๓ ทา้ ให้ทราบถึงปญั หาอปุ สรรคและแนวทางในการลดความเหล่อื มล้าในสังคม ซ่ึง
เป็นขอ้ เสนอทมี่ ปี ระโยชน์ต่อการก้าหนดนโยบายและแนวทางในการลดความเหลื่อมล้าในสงั คม ใหก้ ับ
หนว่ ยงานท่ีเกี่ยวขอ้ งไปปรับใชใ้ นการบรหิ ารงานและปฏิบตั ิงานไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ

๑.๕ ขอบเขตการศึกษา
เนื่องจากด้วยขอ้ จา้ กดั ดา้ นระยะเวลาในการศกึ ษา ดังน้ัน จึงได้ศึกษาแนวทางและกลไกการ

บรหิ ารงานของอา้ เภอและองค์กรปกครอง ส่วนทอ้ งถ่ินในการลดความเหลื่อมลา้ ในสังคม ใหก้ ับผมู้ ี
รายได้นอ้ ย ท่ีมีบตั รสวสั ดิการแหง่ รัฐใน เขตเทศบาลเมืองปากชอ่ ง อ้าเภอปากช่อง จงั หวดั
นครราชสีมา โดยพจิ ารณาถงึ ประเด็นในการลดความเหลอ่ื มล้าในสงั คม ๔ ดา้ น ตามแนวทางการ
แก้ไขปัญหาของรัฐบาล คอื ๑) ดา้ นการมงี านท้า ๒) ดา้ นการฝกึ อบรมอาชพี และการศกึ ษา ๓) ดา้ น
การเขา้ ถงึ แหล่งเงนิ ทนุ ในระบบ และ ๔) ดา้ นการเขา้ ถงึ สง่ิ จา้ เป็นพื้นฐาน

๑.๖ นยิ ามศัพทเ์ ฉพาะ
๑.๖.๑ ความเหล่ือมลา้ ในสังคม หมายถงึ ความไม่เท่าเทยี มกนั ของบคุ คลหรอื กลุ่มบคุ คลใน

ดา้ นอานาจ สถานภาพและโอกาสทง้ั ทางเศรษฐกจิ สงั คม การเมือง
๑.๖.๒ การลดความเหลื่อมล้าในสังคม หมายถึง การด้าเนนิ การใดๆ เพ่อื ลดช่องว่าง ให้

บุคคลหรือกลมุ่ บุคคลทดี่ ้อยกวา่ มีโอกาสต่างๆ เพ่มิ มากยิ่งขึ้น ในด้านอา้ นาจ สถานภาพและโอกาสท้ัง
ทางเศรษฐกิจ สงั คม การเมอื ง

๑.๖.๓ กลไก หมายถงึ บุคคลในระดบั ต่างๆ ท่ที ้างานร่วมกันในระบบหรือองคก์ ร เพ่อื ให้
งานสา้ เรจ็ ไปดว้ ยดี

๑.๖.๔ การบริหารงาน หมายถึง การด้าเนินการ ใดๆ ท้ังปวง เพือ่ ให้งานบรรลุวัตถุประสงค์
ตามเปูาหมายทีว่ างไว้

๑.๖.๕ องค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ หมายถึง เทศบาลเมืองปากชอ่ ง จังหวัดนครราชสีมา
๑.๖.๖ ทีมหมอประชารัฐสุขใจ (ทมี ปรจ.) หมายถึง คณะทา้ งานพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ ผมู้ บี ัตร
สวัสดิการแห่งรฐั ประจ้าอ้าเภอ ประกอบดว้ ยคณะท้างานระดบั อา้ เภอ และผูด้ แู ลผ้มู บี ตั รสวัสดกิ าร
แหง่ รฐั (AO) ซึ่งท้าหนา้ ทีด่ แู ลและให้คา้ แนะนา้ แกผ่ ้มู บี ตั รสวัสดกิ ารแห่งรฐั ให้เหมาะสมและสอดคล้อง
ตามความจ้าเป็นของแต่ละบุคคล
๑.๖.๗ ผมู้ ีรายได้น้อย หมายถงึ ผู้ ที่มีรายได้ ไม่เกิน ๓๐,๐๐๐ บาท/คน/ต่อปี และผู้ทม่ี ี
รายได้เกิน ๓๐,๐๐๐ บาท/คน/ต่อปี ทีเ่ ขา้ รว่ มโครงการบัตรสวัสดกิ ารแห่งรฐั
๑.๖.๘ บตั รสวสั ดกิ ารแห่งรัฐ หมายถงึ บตั รสวัสดิการทีร่ ัฐบาลมอบใหแ้ กผ่ ู้มีรายได้นอ้ ยท่ี
สมคั รเข้าร่วมโครงการพฒั นาคุณภาพชีวติ



บทที่ ๒
เอกสารและงานวิจัยท่ีเกี่ยวข้อง

ในการศกึ ษาเรอ่ื งแนวทางและกลไกก ารบริหารงานของอาเภอและองคก์ รปกครอง สว่ น
ท้องถิน่ ในการลดความเหลือ่ มล้าในสังคม : กรณศี ึกษาในเขตเทศบาลเมอื งปากช่อง อาเภอปากชอ่ ง
จงั หวัดนครราชสีมา ผ้ศู กึ ษาไดใ้ ชแ้ นวคิดและทฤษฎีและงานวจิ ยั ที่เก่ยี วขอ้ ง ดังนี้

๒.๑ แนวคดิ เกยี่ วกับความเหลื่อมลา้ ในสงั คม
๒.๒ แนวคิดเกยี่ วกับนโยบาย
๒.๓ แนวคดิ และทฤษฎีเกยี่ วกับการบริหาร
๒.๔ การบริหารงานของอาเภอและองคก์ รปกครองสว่ นท้องถ่ินในการลดความ

เหล่ือมลา้ ในสงั คม
๒.๕ งานวจิ ัยทีเ่ กีย่ วข้อง

๒.๑ แนวคิดเกี่ยวกับความเหลอ่ื มลา้ ในสังคม
๒.๑.๑ ความหมายของความเหล่อื มลา้ ในสังคม
ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๒๕ ไม่ปรากฎคาวา่ “ความ

เหลื่อมลา้ ” จะพบเพียงคาว่า “เหลื่อม” หมายถึง เลยไป ลา้ ไป ล้ากนั หรือไม่เสมอกัน และพบคาวา่
“เหล่ือมลา้ ต่าสงู ” ซึ่งหมายถึง ไม่เทา่ เทยี มกัน เชน่ มีฐานะทางสังคมเหลอ่ื มล้าตา่ สงู กวา่ กัน ดังน้นั
จึงอนุมานไดว้ ่า “ความเหลอ่ื มลา้ ” คือ ความ ไม่เท่าเทียมกนั ของบางสง่ิ บางอย่างนน่ั เอง

อติวิชญ์ แสงสวุ รรณ (๒๕๔๘) กลา่ วไวว้ า่ ความเหล่อื มลา้ เป็นการกลา่ วถงึ ความไม่เท่า
เทียมกันระหว่างผู้มีโอกาสกับผ้ขู าดโอก าส ได้แก่ โอกาสในการเขา้ ถงึ ต่อรองและจัดการทรพั ยากร
ตา่ งๆ ในสงั คม

ความเหลื่อมลา้ ในสงั คม คือ โอกาสทางสังคมที่แตกต่างกนั ไมว่ า่ จะเปน็ โอกาสทาง
การศึกษาโอกาสในการเขา้ ถึงการรักษาพยาบาล การใชช้ วี ติ การใชอ้ ิทธพิ ลความเช่อื ตา่ งๆ และการ
ประเมนิ ค่า เชน่ การดู ถกู เหยี ยดหยามกัน ซงึ่ ความเหลื่อมลา้ ทาง เศรษฐกจิ และสังคมนนั้ มักจะมี
ความเกย่ี วขอ้ งสัมพนั ธ์กนั เสมอ ดังจะเหน็ ไดจ้ ากการท่ีคนไทยใชเ้ งนิ เป็นตวั แบง่ ฐานะทางสงั คม

โกวทิ ย์ กงั สนันท์ (๒๕๕๙ ) กลา่ วว่า ความเหล่ือมล้าถูกสรา้ งโดยสงั คม (socially
created) โดยผ่าน ๒ กระบวนการ คือ

๑. กระบวนการกาหนดบทบาททางสังคม (social roles) บุคคลถกู จัดสรรให้อยู่ในบท
บทบาทและจุดยืนเหลา่ นแ้ี ละไดร้ บั รางวลั (rewarded) ในคุณคา่ ทไ่ี ม่เท่าเทียมกัน (unequal
values)

๒. กระบวนการเหลือ่ มลา้ ทางสงั คม (social inequalities) ทถ่ี ูกกาหนดโดยระบบการ
จดั ชั้น โครงสร้างทางสังคม (social hierarchy stratification) และเกิดการเข้าถึงไม่เทา่ เทียมกัน
(unequal access) ในดา้ นอานาจ สถานภาพและโอกาสทัง้ ทางเศรษฐกจิ สังคมและการเมอื ง



สรปุ ได้วา่ ความเหล่ือมล้าในสังคม (Social Inequality) คือ ความไม่เท่าเทียมกนั ของ
บุคคลหรือกลุ่มบุคคล ในดา้ นอานาจ สถานภาพและโอกาสทง้ั ทางเศรษฐกจิ สงั คม การเมือง ดงั น้นั
การลดความเหล่ือมล้าในสังคม จึงหมายถงึ การดาเนนิ การใดๆ เพือ่ ลดชอ่ งว่างใหบ้ คุ คลหรือกลุ่ม
บุคคลทีด่ ้อยกว่ามีโอกาสต่างๆ เพม่ิ มากย่ิงข้นึ ท้ังในด้านอานาจ สถา นภาพและโอกาสทางเศรษฐกจิ
สงั คมและการเมอื ง

๒.๑.๒ สาเหตุของความเหลือ่ มลา้ ในสงั คม
ปญหาความเหลอ่ื มลา้ มหี ลากหลายรูปแบบและมคี วามเกีย่ วเนอื่ ง เชอ่ื มโยงระหว างกนั แต
เมอ่ื พิจาณาถงึ ปจจยั เชิงโครงสรางอันเปนสาเหตุของปญหาความเหลื่อมลา้ (สานักงานคณะกรรมการ
พฒั นาการเศรษฐกจิ และสังคมแหงชาติ, 2557) พบวามาจาก 5 สาเหตสุ าคญั ดงั นี้

1. โครงสร างทางเศรษฐกิจไทย เอ้อื ประโยชน ตอกลุ มเจาของทนุ มากกว าเจ าของ
แรงงาน กล าวคือ ผลประโยชน จากการเจรญิ เตบิ โตทางเศรษฐกิจทม่ี าจากฐานการส งออก
สนิ คาอตุ สาหกรรมเปนสาคัญ ผลตอบแทนของทนุ จึงเป นของผูประกอบการโดยส วนใหญ และใน
ชวงทผี่ านมานนั้ รายได ทเี่ ปนคาตอบแทน แรงงานและสวัสดกิ ารคดิ เป นสัดสวนเฉลีย่ เพยี งประมาณ
รอยละ 37.4 ของ GDP ในขณะท่รี ายได ในสวนผลตอบแทนของทนุ และผู ประกอบการคดิ เป น
สดั สวนประมาณรอยละ 59.7 ของ GDP จึงกลายเปนชองวาง ระหวางชนชั้นรายได และระหวาง
สาขาการผลิต นอกจากนั้นโครงสร างการผลติ ทมี่ แี รงงานนอกระบบใน สัดส วนสงู ถงึ ร อยละ 62.6
ซง่ึ เปนกลุมทีข่ าดหลกั ประกนั ทางสงั คมการเขาถงึ สวสั ดิการสงั คมยงั มจี ากัด

2. โครงสร างกา รบรหิ ารจดั การภาครั ฐมีลักษณะรวมศนู ย ไว ที่ส วนกลาง และ
โครงสรางบรกิ าร พืน้ ฐานของรัฐกระจุกตวั อยู ในเขตกรงุ เทพมหานครและปริมณฑล รวมท้งั หวั เมือง
ใหญ ตาง ๆ ในภูมภิ า ค ได สงผลกระทบต อความเหลอื่ มลา้ ในการเข าถึงบริการพนื้ ฐานของรฐั ใน
เชงิ ปริมาณและเชงิ คุ ณภาพ ระหว างประชากรในเขตเมืองและเขตชนบท และประชากรในแต ละ
ภมู ิภาคบริการพ้นื ฐานของรัฐ ท้ังบรกิ ารด านการศกึ ษาและการพัฒนาทกั ษะฝ มอื ดานสาธารณสขุ
และโครงสร างพน้ื ฐานต างๆ สวนใหญ มกี ารกระจกุ ตวั หนาแน นในเขตกรุงเทพมหานครและ
ปรมิ ณฑลรวมทั้งเมืองใหญตางๆ

3. ปญหาระบบกรรมสทิ ธทิ์ ่ีดิน ทดี่ ินเปนปจจัยพ้นื ฐานสาคัญสาหรบั การประกอบอาชพี
และความ ม่นั คงในการดารงชีวติ ปญหากรรมสิทธิ์ท่ดี นิ จงึ มีความเช่อื มโยงกับปญหาความยากจนและ
ความเหลือ่ มลา้ ในโอกาสทางเศรษฐกจิ ป จจุบนั มีปญหาตาง ๆ ในการใช ประโยชนทด่ี นิ เชน ปญหา
การบกุ รกุ ท่ดี ินของรัฐ ปญหาท่ดี ินรกรางวางเปลาหรอื ใชประโยชนไมเตม็ ที่ ปญหาความขัดแยงในการ
ใชประโยชนท่ีดนิ ระหวาง ราษฎรกบั รัฐ ทัง้ น้ี ปญหาการใชประโยชนทีด่ นิ ดงั กลาวสวนหนึง่ เกิดจาก
หนวยงานบริหารจัดการทดี่ ินของ รัฐยังขาดเอกภาพ ที่ดนิ ของรัฐส วนใหญขาดความชัดเจนในเร่ือง
กรรมสิทธิ์ รวมทง้ั การขาดระบบฐานข อมูล ทด่ี นิ ทีม่ ปี ระสิทธิภาพ แผนท่ีแนวเขตท่ีดินของรัฐจึงมี
แนวเขตพ้ืนทที่ ับซอนกันเองหรอื มหี ลกั เขตไมชดั เจน นอกจากน้ี การประกาศเขตปาสงวน/เขตอทุ ยาน
ทด่ี ินของรัฐมไิ ด มกี ารสารวจท่ีดนิ ในส วนทร่ี าษฎรทากิ นอาศยั อยูเดิม ประกอบกับกฎหมายทีด่ ินและ
ปาไมใหอานาจรัฐในการบรหิ ารจดั การ ขาดการมสี วนรวมของประชาชนและชุมชน เปนตน

4. กระบวนการยุตธิ รรมยงั มขี อจากัดสาหรับคนจน กล าวคือ คนจนและคนชายขอบยงั
ไมสามารถเขาถงึ กระบวนการยตุ ธิ รรมได อยางทัว่ ถงึ ส วนหน่ึงเปนเพราะการออกแบบไว ยากตอการ



เขาถงึ เชน การเข าสูกระบวนการยุติธรรมมีค าใช จายสงู การดาเนินคดใี ช เวลายาวนานทาให
ตนทนุ สูง รวมท้งั การเน นแบบแผน ขน้ั ตอนปฏิบัติของทางราชการโดยเคร งครัด ต องมเี อกสาร
หลักฐานครบถ วน การใช ภาษาทยี่ ากต อการเขาใจ การผูกขาดอานาจไว ท่ีรัฐโดยไมกระจายสูชุมชน
เปนตน

5. การบรหิ ารราชการแผ นดินที่ขาดประสทิ ธิภาพและความโปร งใสรวมทงั้ การปฏิบัติ
หนาที่โดย มชิ อบและการทจุ รติ คอร รปั ชนั่ ของเจ าหนาท่ีรฐั เป นสาเหตสุ วนหนง่ึ ที่ ทาใหการดาเนนิ
นโยบายสาธารณะ และการจั ดบรกิ ารสาธารณะเพอื่ การพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนขาด
ประสิทธิภาพและประสิทธผิ ล บางส วนเปนการใชจายที่ไมตรงกบั กลุ มเปาหมายหรือป ญหาเรงดวน
ประกอบกบั การขาดระบบฐาน ข อมลู ท่ีทนั สมยั ท่สี ามารถบ งช้ถี งึ กลุ มเป าหมายต าง ๆ เพอ่ื
เปนเครื่องมอื ในกา รบริหารจัดการนานโยบายไปสู การ ปฏิบัตไิ ด ตรงกบั กลุมเปาหมายทคี่ วรจะได รบั
โดยเฉพาะการขาดระบบฐานขอมูลที่บงชลี้ ักษณะของคนจน/ ผูดอยโอกาส จึงทาใหการบริหารจัดการ
ของภาครัฐไมกอใหเกิดประโยชนตอกลุมคนจน/ผูดอยโอกาสเทาทค่ี วร

๒.๑.๓ รปู แบบและประเภทของความเหลอ่ื มล้าในสงั คม
สถาบนั บณั ฑิตบริหารธรุ กิจศศินทรแหงจฬุ าลงกรณมหาวิทยาลยั (2554) ได้สรปุ รูปแบบ
ของความเหลอื่ มลา้ ในภาพรวมไว้ 3 รูปแบบ คือ

1. ความเหล่ือมลา้ ดานความมัง่ คง่ั และรายได (Wealth & Income Inequality) ซง่ึ
เกดิ จาก การพฒั นาทีม่ ลี ั กษณะไมสมดุลหรอื กระจกุ ตวั ในบางพืน้ ทห่ี รือบางสาขาการผลิต สงผลให
ผลประโยชนท่ีเกิดขนึ้ จากการพัฒนากระจายไปไมทัว่ ถึงทง้ั ในเชิงพน้ื ทแี่ ละกลุมบุคคล

2. ความเหลื่อมลา้ ดานการกระจายโอกาส (Opportunity Inequality) ในการเขาถึง
โครงสราง พืน้ ฐานแล ะบรกิ ารสาธารณะทม่ี ีคุณภาพ ทัง้ ในด านการศกึ ษา การเข าถึงสวสั ดิการสงั คม
และการเขาถงึ แหลงทนุ หรือปจจัยการผลิต

3. ความเหลอื่ มล้าด านอานาจ (Power Inequality) ทงั้ ดานสทิ ธทิ างการเมือง
อานาจต อรองในการเข าถึงทรพั ยากร และการมสี วนรวมในการกาหนดนโยบา ยและทิศทางในการ
พฒั นาทัง้ ใน ระดบั ประเทศและระดบั ท องถิน่ สงผลใหการจัดสรรทรัพยากรเป นไปอยางไมเทาเทียม
และอาจเกิดการเลือกปฏิบัติ (Discrimination) ตอกลุมท่ีมีอานาจในสงั คมนอย

โกวทิ ย์ กงั สนันท์ (๒๕๕๙ ) ได้แบง่ ประเภทของ ความเหล่ือมลา้ ในสงั คม (Social
Inequality) ไว้ดงั นี้

๑. ความเหลอื่ มลา้ ด้านสังคม- การเมือง (Social-Political Inequalities) ได้แก่ ความ
เหลื่อมลา้ ทางเพศสภาพ ความเหลอื่ มล้าในครอบครัว ความเหลือ่ มล้าด้านการศึกษา ความเหลือ่ ม
ลา้ ทางชนช้ันและวรรณะ ความเหล่ือมล้าระหว่างเมืองและชนบท และความเหล่ือมลา้ ดา้ นมสี ่วนร่ วม
ทางการเมือง เปน็ ต้น

๒. ความเหลือ่ มล้าทางเศรษฐกจิ (Economic Inequalities) ไดแ้ ก่ ความเหล่ือมล้า
ด้านการจ้างงาน /สถานทีท่ างาน ความเหลื่อมล้าดา้ นการวา่ งงาน ความเหล่ือมล้าดา้ นความยากจน
ความเหลื่อมลา้ ด้านคา่ จา้ งและอ ายุ ความเหลอ่ื มลา้ ด้านรายได้ และความเหลอ่ื มลา้ ดา้ นกาลงั คน /
แรงงาน เป็นตน้

๑๐

๓. ความเหลอื่ มล้า ทางสขุ ภาพ (Health Inequalities) ได้แก่ ความแตกต่างด้าน
สขุ ภาพ ความเหล่ือมลา้ ด้านคณุ ภาพอาหาร ความเหล่อื มล้าดา้ นการดูแลสขุ ภาพ และความ
แตกต่างดา้ นการบริโภคอาหาร เปน็ ต้น

นอกจากนย้ี ังสามารถแบ่งประเภทของความเหล่อื มล้าในสังคมไทย ตามลักษณะของสภาพ
ปัญหาไดด้ ังน้ี

๑. ความเหล่ือมลา้ ดา้ นการหารายได้
๒. ความเหล่ือมล้าดา้ นการถอื ครองปจั จัยการผลิต
๓. ความเหลื่อมล้าด้านโอกาสในการความเหลอ่ื มล้าด้านรบั บริการจากภาครัฐ
๔. ความเหลอ่ื มล้าด้านการศกึ ษา
๕. ความเหลื่อมลา้ ดา้ นการมีสว่ นร่วมทางสงั คม
๒.๑.๔ ตัวชีวดั ความเหล่อื มล้าในสงั คม
การวัดการกระจายรายไดห้ รือความไมเ่ ทา่ เทยี มกันด้านรายได้ เป็ นการวเิ คราะห์ที่สะทอ้ น
ความเหลือ่ มล้าในสงั คม สงิ่ ทใี่ ชเ้ ปน็ ตวั ชีว้ ดั ความเหล่ือมลา้ ท่นี ิยมใชก้ นั มาก มี ๒ วิธี คอื การหาคา่
สัมประสิทธจิ์ ีนี (Gini Coefficient) และการหาสดั สว่ นรายไดใ้ นแตล่ ะขน้ั รายได้ (Income Share)
การหาคา่ สัมประสิทธิจ์ ีนี หรอื สมั ประสิทธ์ิการ กระจายรายได้ ซ่งึ เปน็ ตวั ทใ่ี ชอ้ ธบิ ายในกลมุ่ Lorenz
Curve คา่ จินีถูกก้าหนดจากพ้ืนทร่ี ะหว่าง Lorenz Curve กบั เสน้ การกระจายรายไดส้ มั บรู ณ์ หาร
ด้วยพื้นท่ีใต้เส้นทแยงมมุ ท้งั หมด โดยสัมประสิทธิจ์ นี ี จะมีค่าตงั้ แต่ ๐ ถงึ ๑ โดยหากมคี า่ เข้าใกล้ศูนย์
หมายถงึ มีการกระจาย รายไดอ้ ย่างเป็นธรรมในสงั คม แต่หากคา่ เข้าใกล้หนง่ึ นัน้ หมายถึงการกระจาย
รายได้ยังไมเ่ ปน็ ธรรม การหาสัดสว่ นรายได้แตล่ ะขัน้ รายได้ จะท้าโดยใช้กระบวนการที่เรียกวา่
Quintile Analysis คอื การแบง่ กล่มุ ประชากรออกเป็น ๕ กลุ่มเท่า ๆ กัน จา้ แนกตามรายได้จากจน
ทสี่ ดุ (ชน้ั รายไดท้ ี่ ๑) จนถึงรวยที่สุด (ชั้นรายไดท้ ่ี ๕) และพจิ ารณาสดั สว่ นรายไดใ้ นแต่ละกลมุ่
กลุม่ ไหนมสี ดั สว่ นรายได้มากทีส่ ดุ และมกี ารเปลย่ี นแปลงไปอยา่ งไร

๒.๑.๕ แนวทางในการลดความเหลื่อมลา้ ในสงั คม
สถาบนั บัณฑิตบริหารธุรกจิ ศศนิ ทร แหงจฬุ าลงกรณ มหาวทิ ยาลยั (2554) ไดเ้ สนอให มี
การปฏิรูปเชิงโครงสราง มงุ เนนการเพม่ิ ความเทาเทียมกนั ของโอกาสใน 5 ประเด็น ดังน้ี

1. การปฏิรปู ระบบภาษี (Taxation Reform ) ภาษีเปนเครื่องมือทีส่ าคัญในการลด
ความเหลอื่ มํลา้ และสรางความเปนธรรมในสังคม โดยภาษเี ปนเคร่ืองมอื ในการส งสญั ญาณวาสังคมต
องการความเท าเทียม ในระดับใด หากงบประมาณจานวนมากใช ไปเพ่ือกลุ มคนดอยโอกาสหรือกลุ
มคนจนกแ็ สดงว าประเทศให้ ความสาคญั กับความเหล่ือมลา้ ในสังคมสูง ดงั น้ัน ในการปฏิรปู ภาษีจึง
ควรมกี ารขยายฐานภาษไี ปสู ผูทยี่ ังไม ได เสียภาษเี พือ่ ลดภาระภาษีทีก่ ระจกุ ตวั ในคนบางกลุ ม
นอกจากนี้ ประเทศไทยยังมปี ญหาประสทิ ธิภาพ การจัดเก็บภาษที ต่ี า่ กว าศกั ยภาพ ซึ่งมกี าร
คานวณวาหากมปี ระสิทธิภาพในการจดั เกบ็ เตม็ ท่ี ประเทศไทย น าจะเพิ่มรายได จากภาษีอกี อย างน
อยรอยละ 3 ของผลติ ภัณฑมวลรวมในประเทศ (Gross Domestic Product: GDP)

๑๑

2. การปฏริ ปู ทด่ี ิน (Land Reform) ที่ดินเปนปจจัยการผลติ ท่สี าคัญและเป นทรัพยากร
ท่มี จี ากัด และเป นประเดน็ ปญหาสาคญั ทส่ี งผลตอความเหลือ่ มล้า ในสังคม สาหรบั แนวทางทสี่ าคัญ
ในการปฏิรปู ท่ีดิน คือ การใช ระบบภาษที ่ีดิน เพอื่ จูงใจให ผูถอื ครองที่ดนิ วางเปลาปลอยทด่ี นิ ซึง่ จะ
สงผลต อการจัดสรรทดี่ นิ ทมี่ ี ประสิทธิภาพและมคี วามเป นธรรมมากข้ึน นอกจากนี้ ภาครัฐควร
สงเสริมการจัดตง้ั ธนาคารท่ีดนิ เพ่อื ทาหน าท่ีเปนผูซื้อที่ดนิ จากเอกชนทไ่ี ม ไดใชประโยชน เพอ่ื
นามาจัดสรรที่ดนิ ให แกเกษตรกรหรือผู ท่ีตองการใช ประโยชน จากทดี่ ิน และเร งดาเนนิ การจดั ทา
ระบบขอมลู ที่ดนิ ทั่วประเทศ (Land Database) โดยใชเทคโนโลยแี ผนท่ภี มู ิศาสตร ที่ดิน (GIS) เพือ่
เปนขอมลู ท่ีสาคญั ในการตรวจสอบการถอื ครองการใช ท่ีดนิ และเพอ่ื วางแผนในการกระจายทดี่ นิ ให มี
ประสิทธิภาพและเปนธรรมไดอ้ ยางแทจริง

3. การปฏิรูประบบสวสั ดิการ (Welfare Reform) การยกระดบั สวสั ดิการสังคมให มี
คณุ ภาพสูง จาเปนตองใชงบประมาณทีส่ งู มาก สวัสดกิ ารจึงควรเหมาะสมกบั ระดับการพฒั นาประเทศ
สาหรับแนวทาง การปฏิรปู ระบบสวสั ดกิ ารท่เี หมาะสมคอื การเพ่มิ ผู เลนในระบบ กล าวคือ ระบบ
สวสั ดิการพื้นฐานควรเป ด ใหภาคสวนอ่ืนๆ ทง้ั ภาคธรุ กจิ ภาคชมุ ชนและประชาชนมสี วนรวมในการ
จัดสวสั ดกิ ารดวย เพราะนอกจากการลดภาระของภาครฐั แล วยงั ชวยเพิ่มความเขมแขง็ ของประชาชน
สาหรบั สวัสดิการสาหรบั กลุ มผูใชแรงงาน ภาครฐั ควรสนบั ส นนุ การรวมตวั ของแรงงาน การบงั คบั ใช้
คาจางขน้ั ตา่ อยางจรงิ จัง และส งเสรมิ แนวคดิ การใช คาจางเพอื่ ชีวิต การขยายการคุ มครองทางสงั คม
ไปสู แรงงานนอกระบบ สาหรบั สวสั ดกิ าร สาหรับผู ยากไร หรอื ผู ท่ีตองการแต มตอควรให ความ
ชวยเหลอื แบบมีเงื่อนไข (Conditional Cash Transfer) หรอื การใหผูไดรบั สวัสดกิ ารสรางประโยชน
กลับคนื สูสงั คมหรอื แลกกับการทางาน (Workfare) ตลอดจนใหสงเสรมิ ใหผูประกอบการหรือองค กร
ธุรกจิ ดาเนินกิจกรรมความรับผดิ ชอบตอสังคมและส่ิงแวดลอม (Corporate Social Responsibility :
CSR) โดยคานึงถงึ ผมู สี วนไดสวนเสียกบั บริษทั ทง้ั ลูกคาและชุมชน รวมถึงพนกั งานของบรษิ ัท

4. การปฏิรูประบบการศึกษา (Education Reform) คุณภาพของการศึกษามสี วนใน
การชวยลดป ญหาความเหลือ่ มลา้ ทางรายได (Income Inequality) สาหรับแนวทางการปฏิรูป
การศึกษา คือ การปรับโครงสรางโดยลดอานาจการบริหารแบบรวมศนู ย ท่ีสวนกลางและการส งเสริม
ใหมีการจัดการศึกษ าโดย องค กรปกครองท องถน่ิ ภาคธรุ กิจเอกชน ภาคประชาชน และอืน่ ๆ
เพิม่ มากขึน้ การปฏริ ปู ระบบการ จัดสรรและให จายงบประมาณให มปี ระสิทธภิ าพและเป นธรรม
มากขนึ้ ใช นกั เศรษฐศาสตร การศึกษาเข าไป ช วยวางแผนและติดตามการดาเนนิ งานใน
กระทรวงศกึ ษาธกิ าร การปรับปรงุ หลกั สตู รการศกึ ษาจากการ เรยี นแบบท องจาเปนการใชความคิด
สรางสรรคและการคดิ วิจารณญาณ การปรับปรุงคณุ ภาพการศกึ ษาให เทาเทียมกนั ระหวางการศกึ ษา
ในเมืองและชนบท เปนตน

5. การปฏริ ูประบบการกระจายอานาจสู ทองถิน่ การเพ่ิ มอานาจการต อรองและการ
ตดั สินใจบรหิ ารทรพั ยากรใหกับประชาชนถอื เป นหวั ใจทีส่ าคัญของการลดความเหลื่อมล้า อยางย่งั ยืน
การกระจาย อานาจสู ทองถ่นิ จะตองดาเนินการใน 2 สวนไปพรอม ๆ กัน คอื (1) การเพม่ิ ศกั ยภาพ
การดาเนินงานของ องค กรปกครองส วนทองถิ่นเพื่อให ประชาชนแต ละพนื้ ท่ีได รบั บรกิ ารสาธารณะ
หรือจดั สรรทรัพยากรได สอดคล องกับความต องการตามบริบทของแต ละพื้นทีท่ ี่แตกต างกนั และ
(2) การเพิ่มอานาจให กบั ชมุ ชนและ ประชาชนในการจัดการตนเอง ส งเสรมิ การเป ดโอกา สให

๑๒

ประชาชนมีส วนรวมในการกาหนด เปาหมายด านการพฒั นาคณุ ภาพชีวิตและจดั ทาแผนการพฒั นา
ดวยตนเอง

ดังนั้น จะเหน็ ไดว้ ่า ปญหาความเหลื่อมล้า เปนผลกระทบ (Impact) จากการพฒั น า
เศรษฐกจิ สังคมของประเทศท่มี ีการ พฒั นาท่ีไม ครอบคลมุ และทัว่ ถึงและเป นปญหาเชิงโครงสร าง
ตองใชเวลานานหลายสิบป ในการแก ไขป ญหา ซ่ึงการดาเนนิ การแก ไขจาเป นตองเน นการปรบั
โครงสร างเศรษฐกจิ ให เอือ้ ตอการพฒั นาท่ที ว่ั ถึง ให มีการ กระจายผลตอบแทนทเี่ ป นธรรมระหว าง
กลุมเจาของทนุ และกลุมเจาของแรงงาน ขณะเดยี วกันต องให ความสาคัญกับการพฒั นาคน ในทกุ มิติ
เพือ่ สร างคุณภาพชีวติ ทด่ี ีขนึ้ ทั้งนี้ หากพจิ ารณาจากแนวโ นมการ แก ไขปญหาความเหล่อื มล้า ใน
นานาประเทศจะพบว าแตละประเทศเน น “การเพิ่มความเท าเทยี มกนั ของ โอกาส (Equality of
Opportunity)” มากกว าแกไขท่ี “ความเท าเทยี มกันของรายได โดยตรง (Equity)” เพราะการ
กระจายรายได โดยตรงเป นการโอนเงินจากคนหนง่ึ ไปให อีก คนหน่ึงจึงทาให ผลรวมของสังคมเป น
ศนู ย หรอื ทเี่ รียกว า Zero-sum game โดยปจจัยสาคญั ท่จี ะลดความเหล่อื มํลา้ ได คือปจจัยในเชิง
โอกาสใน การเล่อื นฐานะทางสังคม (Social Mobility) ชวยใหคนไดใชศกั ยภาพท่ีมีอยูเดมิ ไดอยาง
เตม็ ที่ ซง่ึ เปนการสรางแตมตอใหกับคนในสังคม

๒.๒ แนวคดิ เก่ียวกบั นโยบาย
๒.๒.๑ ความหมายของนโยบาย
Ira Sharkansky (๑๙๗๐) นโยบายสาธารณะ คอื กิจกรรมทกี่ ระทา้ โดยรฐั บาลซ่งึ

ครอบคลุมกจิ กรรมทัง้ หมดของรฐั บาล
Thomas R. Dye (๑๙๘๔) นโยบายสาธารณะคือ สิง่ ที่รฐั บาลเลือกจะกระทา้ หรอื ไม่

กระท้า ในสว่ นท่ีจะกระท้าครอบคลุมกิจกรรมตา่ งๆ ท้งั หมดของรฐั บาล ทั้งกิจกรรมทเ่ี ปน็ กิจวัตร
และกจิ กรรมทเี่ กิดขึ้นในบางโอกาส

James E. Anderson (๑๙๙๔: ๕-๖) นโยบายสาธารณะคอื แนวทางการปฏิ บตั ิหรอื การ
กระท้าซ่ึงมอี งคป์ ระกอบหลายประการ ได้แก่ ผปู้ ฏิบตั หิ รือชดุ ของผูก้ ระท้าท่ีจะตอ้ งรับผิดชอบในการ
แกไ้ ขปญั หาที่เกี่ยวขอ้ งกับสงั คม โดย มจี ดุ มุง่ หมายชัดเจนว่า ส่งิ ใดท่จี ะต้องกระทา้ ใหส้ ้าเรจ็ มใิ ช่ส่งิ ท่ี
รฐั บาลเพียงแต่ตั้งใจกระทา้ หรอื เสนอให้กระทา้ เทา่ นน้ั เป็ นการจ้าแนกใหเ้ หน็ ความแตกต่างที่ชดั เจน
ระหวา่ งนโยบายกับ การตดั สนิ ใจของรัฐบาล ซง่ึ เป็นประเด็นส้าคัญระหวา่ งการเลือกทางเลอื กท่ีตอ้ ง
เปรยี บเทยี บกนั (Competing Alternatives)

๒.๒.๒ องคป์ ระกอบของนโยบายสาธารณะ
๑) เป็นกจิ กรรมทีร่ ัฐบาลเลอื กท่จี ะกระทา้ หรือไมก่ ระทา้
๒) เปน็ การใชอ้ ้านาจหน้าท่ีของรฐั ในการจัดสรรกจิ กรรมเพ่ือตอบสนองคา่ นยิ มของ

สงั คม

๑๓

๓) ผูม้ อี ้านาจในการก้าหนดนโยบายสาธารณะ ไดแ้ ก่ ผนู้ ้าทางการเมอื ง ฝุายบรหิ าร
ฝุายนิตบิ ญั ญตั ิ ฝาุ ยตุลาการ พรรคการเมือง สถาบนั ราชการ ขา้ ราชการ และประมุขของ
ประเทศ

๔) กิจกรรมที่รฐั บาลเลือกทจ่ี ะกระท้าตอ้ งมีเปาู หมาย วัตถุประสงค์ หรอื จุดม่งุ หมาย
เพ่อื ตอบสนองความต้องการของประชาชนจา้ นวนมาก

๕) กิจกรรมทเี่ ลือกกระท้าตอ้ งมผี ลลพั ธใ์ นการแก้ไขปญั หาท่ีส้าคญั ของสงั คม ทั้งปญั หา
ความขัดแยง้ หรอื ความร่วมมือของประชาชน

๖) เป็นการตัดสินทจี่ ะกระทา้ เพ่ือผลประโยชน์ของประชาชนจา้ นวนมาก มใิ ชก่ าร
ตดั สินเพือ่ ประโยชนเ์ ฉพาะบคุ คล และเป็นชุดของการตดั สนิ ใจทเ่ี ป็นระบบมใิ ชเ่ ป็นการตดั สนิ แบบ
เอกเทศ

๒.๒.๓ ความสาคัญของนโยบายสาธารณะ
๑) ความส้าคญั ตอ่ ผู้ก้าหนดนโยบาย รฐั บาลทีส่ ามารถกา้ หนดนโยบายให้สอดคล้องกบั

ความต้ องการของประชาชน และสามารถน้านโยบายไ ปปฏิบตั ิจนประสบความสา้ เรจ็ อย่างมี
ประสิทธิภาพและประสิทธิผล จะไดร้ ับความเชื่อถอื และความนิยมจากประชาชน ส่งผลให้รฐั บาล
ดงั กล่าวมีโอกาสในการดา้ รงอา้ นาจในการบริหารประเทศยาวนานขนึ้

๒) ความส้าคญั ต่อประชาชน นโยบายสาธารณะเปน็ ผลผลติ ทางการเมืองเพื่อ
ตอบสนองความต้องการของประชาชน ดงั น้ันประชาชนสามารถแสดงออกซง่ึ ความต้องการของพวก
เขาผ่านกลไกทางการเมืองต่างๆเชน่ ระบบราชการ นักการเมือง ความต้องการดังกล่าวจะถูกน้าเข้า
สูร่ ะบบการเมืองไปเปน็ นโยบายสาธารณะ เมอ่ื มกี ารนา้ นโยบายไปปฏบิ ตั แิ ละได้ผลตามเปูาประสงค์ ก็
จะท้าใหป้ ระชาชนมสี ภาพความเปน็ อยู่ท่ีดขี น้ึ

๓) ความส้าคญั ในฐานะทีเ่ ป็นเครอื่ งมือในการบรหิ ารประเทศของรัฐบาล ไดแ้ ก่ เป็น
เครอื่ งมือส้าคัญในการ ก้าหนดทศิ ทางการพฒั นาประเทศ เปน็ เครอ่ื งมือของรฐั บาลในการตอบสนอง
ความตอ้ งการของประชาชน เป็นเคร่อื งมือของรัฐบาลในการแกไ้ ขปญั หาทสี่ ้าคัญของประชาชน เป็น
การใช้อา้ นาจของรัฐบาลเพ่อื จดั สรรคา่ นิยมทางสงั คม เป็นเครื่องมือของรฐั บาลในการเสริมสรา้ ง
ความเป็นธรรมในสังคม เป็นเครอ่ื งมือของรฐั บาลในการเสริมสรา้ งความเสมอภาคในโอกาสแก่
ประชาชน เป็นเคร่ืองมือของรัฐบาลในการกระจายรายไดใ้ หแ้ กป่ ระชาชน เปน็ เคร่ืองมอื ของรัฐบาล
ในการกระจายความเจริญไปสู่ เป็นเครื่องมือของรฐั บาลในการอนรุ กั ษ์สิ่งแวดล้อม เป็นเครื่องมือของ
รฐั บาลในการรกั ษาความส งบเรยี บร้อยภายในประเทศ และเป็นเครอื่ งมอื ของรฐั บาลในการรักษา
ความมั่นคงของประเทศ เป็นต้น

๑๔

๒.๒.๔ การนานโยบายไปปฏิบตั ิ
๑) ความหมาย
Jeffrey L. Pressman และ Aaron Wildavsky (๑๙๗๓) การน้านโยบายไปปฏิบัติ คอื
การดา้ เนินงานใหล้ ุล่ วง ใหป้ ระสบความสา้ เร็จ ใหค้ รบถว้ น ใหเ้ กิดผลผลิต และใหส้ มบรู ณ์ ถอื เป็น
กระบวนการปฏิสัมพันธ์ระหว่างการก้าหนดเปาู ประสงคแ์ ละการปฏบิ ัติเพื่อการ บรรลเุ ปาู ประสงค์
Daniel A. Mazmanian และ Paul A. Sabatier (๑๙๘๙: ๒๐-๒๑) การนา้ นโยบายไป
ปฏบิ ตั เิ ปน็ ขัน้ ตอนสา้ คัญในกระบวนการนโยบายสาธารณะ หมายถึง การน้าการตัดสินใจนโยบายทีไ่ ด้
กระทา้ ไว้ไปปฏบิ ัติให้ประสบความสา้ เรจ็
G. Shabbir Cheema และ Dennis A.Rondinelli (๑๙๘๓: ๑๖) การนา้ นโยบายไป
ปฏิบัติ คอื การนา้ นโยบายหรือแผนงานไปปฏิบตั ใิ ห้บรรลผุ ลสา้ เร็จ
๒) ปจั จัยท่มี อี ิทธพิ ลต่อการนานโยบายไปปฏบิ ตั ิ

๒.๑) แหล่งท่ีมาของนโยบาย (Source of Policy) ไดแ้ ก่ แถลงการณ์หรือค้าส่ัง
ของฝาุ ยบรหิ าร เนือ้ หาหรือรายละเอยี ดในกฎหมาย ความรว่ มมือระหวา่ งฝุายนติ บิ ญั ญัติและฝาุ ย
บริหารในการประกาศใช้กฎหมายท่ีถือวา่ เปน็ นโยบ ายสา้ คัญของรฐั บาลน้ัน ข้าราชการระดับสงู
ผู้มีหนา้ ทีใ่ นการรเิ ริ่มการกอ่ รูปนโยบายและการพัฒนาทางเลอื กนโยบาย การพิจารณาและการ
วินจิ ฉยั ของศาลคา้ พพิ ากษาถอื เป็นที่ส้ินสุด และคือนโยบายสาธารณะที่ส้าคัญของทกุ สังคม

๒.๒) ความชดั เจนของนโยบาย (Clarity of Policy) ไดแ้ ก่ เปน็ รากฐานสา้ คญั
สา้ หรบั ความมุ่งหมายของนโยบาย ท้งั ทีเ่ ปน็ ทางการและไมเ่ ปน็ ทางการ นโยบายทม่ี วี ตั ถุประสงคท์ ี่
ชัดเจนจะส่งเสริมให้การน้านโยบายไปปฏบิ ัตมิ คี วามสอดประสานกนั และบรรลุวตั ถปุ ระสงคอ์ ยา่ งมี
ประสทิ ธิภาพ

๒.๓) การสนับสนนุ นโยบาย (Support for Policy) ข้นึ อยู่กบั ปัจจยั ทีน่ า้ มา
ประกอบการพิจารณาเรอื่ งการสนับสนุนนโยบาย ไดแ้ ก่ ระดับความสนใจของผรู้ เิ ร่ิมนโยบาย และ
ระดับความสนใจของกลุ่มผลประโยชน์

๒.๔) ความซับซอ้ นในการบรหิ าร (Complexity of Administration) ได้แก่ มติ ิ
การประสานงานระหวา่ งองคก์ ารตา่ งๆ การเพ่มิ วัตถุประสง ค์จากหนว่ ยงาน ทา้ ใหน้ โยบายเบย่ี งเบน
จากเดิมต้องมกี ารประเมนิ ผลเพ่ือให้มัน่ ใจว่าโครงการถกู น้าไปปฏบิ ตั ิตามวัตถปุ ระสงค์ การกา้ หนด
เปูาประสงค์ ปจั จัยกระต้นุ สงิ่ จงู ใจผ้นู า้ นโยบายไปปฏิบตั ิ และการนา้ นโยบายไปปฏิบัติสมั พันธใ์ กล้ ชดิ
กับโครงสร้างการบรหิ ารงานขององคก์ าร

๒.๕) ส่งิ จูงใจสาหรับผูป้ ฏบิ ตั ิ (Incentives for Implementors) ซ่ึงเกี่ยวขอ้ ง
โดยตรงกบั การทา้ งานและปจั จัยกระตุ้นทีท่ า้ ให้ผู้ปฏิบตั มิ คี วามมุ่งมัน่ ท่ีจะท้างานใหส้ ้าเร็จ

๑๕

๒.๖) การจดั สรรทรัพยากร (Resource Allocation) การใชท้ รัพยากรตอ้ งค้านึงถึง
การจัดล้าดับ ความส้าคญั ของแผนงานและโครงการ รวมถงึ กลยุทธ์ในการใชท้ รพั ยากรใหเ้ กดิ
ประสทิ ธิภาพสงู สดุ

๓) ปัญหาและอปุ สรรคในการนานโยบายไปปฏิบัติ
R.S. Mountjoy และ L.O. O’Tool Jr. (๑๙๗๙: ๔๖๖-๔๖๗) พบว่าปัจจยั ทมี่ อี ทิ ธพิ ล

ตอ่ การน้านโยบายไปปฏิบตั ิอย่างมีประสิทธผิ ล คือ
(๑) ทรพั ยากรท่ีต้องใช้ในการปฏบิ ตั ิ
(๒) แนวทางการปฏบิ ตั ทิ ่รี ะบอุ ย่างเฉพาะเจาะจง
(๓) หลกั การท่ีชว่ ยให้การนา้ นโยบายไปปฏิบตั ปิ ระสบความส้าเรจ็ ได้ แก่ ถ้ามี

ทรัพยากรใหมแ่ ตแ่ นวทางปฏบิ ตั ิคลมุ เครือ ต้องมีการตคี วามนโยบายให้ชัดเจน ถ้ามีทรพั ยากรใหม่
และมีแนวทางปฏิบัตทิ เ่ี ฉพาะเจาะจง เปูาประสงค์ของบุคคลภายในองค์การจะลดความสา้ คัญลง
ดังนน้ั การน้านโยบายไปปฏิบัตจิ ะมที ศิ ทางสอดคลอ้ งกับการบรรลวุ ัตถุประสงค์ของนโยบาย และถ้า
ทรัพยากรไมเ่ พยี งพอ และแนวทางปฏิบัตไิ มช่ ัดเจน ตอ้ งสร้างกิจกรรมใหผ้ ปู้ ฏบิ ตั ิเกิดความสมัครใจที่
จะปฏิบตั ิ เปน็ การสร้างพลังความมุ่งมั่น

Andrew Dunsire (๑๙๙๐: ๑๕-๒๗) สรุปว่า ความล้มเหลวในการนา้ นโยบายไป
ปฏิบตั อิ าจเกดิ จาก

(๑) การเลอื กกลยทุ ธก์ ารนา้ นโยบายไปปฏบิ ตั ทิ ไ่ี มเ่ หมาะสม
(๒) การเลอื กหน่วยปฏิบตั แิ ละกลไกในการปฏิบัตทิ ี่ไมเ่ หมาะสม
(๓) การเลือกเครือ่ งมือและวิธีปฏบิ ัตทิ ไ่ี ม่เหมาะสม
สรปุ ได้ว่า การนโยบายไปปฏบิ ตั จิ ะประสบความส้าเร็ จหรือไม่ข้นึ อย่กู บั ปจั จยั หลาย
ประการทงั้ ในสว่ นของตัวนโยบาย หน่วยงานทน่ี า้ ไปปฏบิ ัติ สง่ิ จูงใจสา้ หรบั ผู้ปฏบิ ตั ิ ทรัพยากรทต่ี อ้ ง
ใช้ในการปฏบิ ัติรวมถงึ การสนับสนุนนโยบายของประชาชน เป็นต้น
๒.๒.๕ ยทุ ธศาสตรแ์ ละนโยบายของรฐั บาลในการลดความเหล่อื มล้าในสังคม
รฐั บาลทกุ รฐั บาลท่ีผ่านมามีความพยายามทีจ่ ะแกไ้ ขปญั หาด้านความเหล่ือมล้าในสงั คม แต่
ผลลพั ธ์ท่อี อกมา ดเู หมือนวา่ จะยิง่ ทาใหค้ วามเหล่อื มล้ามชี ่องว่างกว้างออกไปทกุ ที ในปั จจบุ นั รฐั บาล
ภายใตก้ ารนาของพลเอกประยุทธ์ จนั ทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไดใ้ หค้ วามสาคญั ในการดาเนนิ การลด
ความเหล่อื มลา้ ในสังคม โดยกาหนดมาตรการเพอ่ื ให้บรรลุวิสัยทัศน์ในการขบั เคล่ือนการพัฒนา
ประเทศไปสู่ความ “ม่นั คง ม่งั ค่ัง ย่งั ยืน”
๑) แผนยทุ ธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี
แผนยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙) ไดก้ ลา่ วถงึ การลดความเหล่อื มล้า
ในสงั คมไว้ ดังนี้
ยทุ ธศาสตร์ที่ ๓ การพฒั นาและสง่ เสรมิ ศกั ยภาพคน ซึ่งจะมกี ารดาเนนิ การใน

๑๖

เรอ่ื งการพัฒนา คณุ ภาพและเสรมิ สรา้ งศักยภาพของประชากรตั้งแตอ่ ยใู่ นครรภจ์ นถึงวัยสงู อายุ
การยกระดับคุณภาพการศึกษา การเสริมสร้างใหค้ นมีสุขภาวะทด่ี ี การสรา้ งความอยูด่ มี ีสุ ขของ
ครอบครวั ไทย

ยุทธศาสตร์ท่ี ๔ การสร้างโอกาส ความเสมอภาคและเท่าเทยี มกันทางสังคม จะมี
การดาเนนิ การในเร่อื งการสรา้ งความมนั่ คงและการลดความเหลอื่ มล้าทางเศรษฐกิจและสงั คม การ
พัฒนาระบบบริการและระบบบริหารจัดการสขุ ภาพ การสร้างสภา พแวดลอ้ มและนวตั กรรมทีเ่ อ้อื ต่อ
การดารงชีวติ ของผู้สงู วัย การสรา้ งความเข้มแข็งของสถาบันในสังคมและทุนทางวฒั นธรรมและความ
เข้มแขง็ ของชุมชนและพัฒนาการสือ่ สารมวลชนให้เป็นกลไกในการสนับสนนุ การพฒั นา

๒) แผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแหง่ ชาติ ฉบบั ท่ี ๑๒
ยุทธศาสตรท์ ่ี ๒ การสรา้ งความเปน็ ธรรมและลดความเหลอ่ื มลา้ ในสงั คม มีแนวทาง
การพัฒนา ดังนี้

๑. เพ่ิมโอกาสให้กับกลุ่มเปูาหมายประชากรร้อยละ ๔๐ ทีม่ รี ายได้ต้่าสดุ ใหส้ ามารถ
เขา้ ถงึ บรกิ ารทม่ี คี ุณภาพของรัฐ และมีอาชีพ โดยขยายโอกาสการเขา้ ถงึ การศกึ ษาทมี่ ีคุณภาพให้แก่
เด็กและเยาวชนที่ด้อยโอ กาสทางการศึกษาอย่างตอ่ เนอ่ื ง จัดบริการดา้ นสุขภาพให้กบั ประชากร
กลุ่มเปูาหมายฯ ทอ่ี ย่ใู นพื้นทห่ี า่ งไกล สรา้ งโอกาสในการมที ีด่ นิ ท้ากนิ ของตนเองและยกระดบั รายได้
ก้าหนดนโยบายการคลังเพื่อลดความเหลอ่ื มล้าในสงั คมและเอื้อประโยชนต์ ่อกลมุ่ คนที่มีรายไดน้ ้อยให้
มปี ระสิทธิภาพ เพ่ิมข้นึ เพ่ิมการจดั สวสั ดกิ ารสังคมใหก้ ับกลุ่มเปูาหมายประชากรร้อยละ ๔๐ ท่ีมี
รายได้ต้า่ สดุ อย่างเพยี งพอและเหมาะสม

๒. กระจายการให้บรกิ ารภาครัฐทงั้ ด้านการศึกษา สาธารณสขุ และสวัสดิการที่มี
คณุ ภาพให้ครอบคลมุ และทว่ั ถงึ โดยส่งเสรมิ ใหม้ ีการกระจายการบริกา รด้านการศึกษาที่มีคณุ ภาพให้
มีความเทา่ เทยี มกนั มากขึน้ ระหวา่ งพน้ื ท่ี บริหารจัดการการให้บรกิ ารสาธารณสุขท่ีมีคณุ ภาพให้
ครอบคลมุ ทกุ พน้ื ที่ เรง่ รณรงคแ์ ละประชาสัมพนั ธใ์ หแ้ รงงานนอกระบบตระหนักถึงประโยชน์ของการ
สร้างหลกั ประกันในวยั เกษียณและประโยชนจ์ ากระบบประกันสังคม ส่ งเสริมและจัดหาโครงสร้าง
พ้ืนฐานทเ่ี หมาะสมให้ประชากรกลมุ่ ตา่ งๆ ปรบั ปรุงปจั จัยแวดลอ้ มทางธุรกจิ รวมทง้ั กฎหมาย
กฎระเบยี บให้เกิดการแข่งขันทเ่ี ปน็ ธรรม

๓. เสริมสรา้ งศักยภาพชุมชน การพัฒนาเศรษฐกจิ ชุมชน และการสรา้ งความ
เข้มแขง็ การเงนิ ฐานรากตามหลักปรัชญ าของเศรษฐกจิ พอเพยี ง โดยสรา้ งและพฒั นาผู้นา้ การ
เปลย่ี นแปลงในชมุ ชน สง่ เสริมให้เกิดชมุ ชนแห่งการเรียนรู้ พฒั นาเศรษฐกิจชมุ ชน สนบั สนุนการให้
ความรูใ้ นการบรหิ ารจดั การทางการเงนิ สนบั สนุนชมุ ชนใหม้ สี ว่ นรว่ มในการจดั สวัสดิการ บริการ และ
การจัดการทรัพยากรในชมุ ชน

๑๗

๓) นโยบายของรฐั บาล
พลเอก ประยุทธ์ จันทรโ์ อชา นายกรฐั มนตรี แถลงนโยบายของคณะรฐั มนตรีตอ่

สภานิติบญั ญตั แิ ห่งชาติ เมื่อวนั ศุกรท์ ่ี ๑๒ กันยายน ๒๕๕๗ มีนโยบายทเี่ กี่ยวข้ องกับการลดความ
เหลอ่ื มล้าในสังคมอยใู่ นข้อ ๓ และข้อ ๕ ดงั นี้

นโยบายขอ้ ๓ การลดความเหล่ือมลา้ ของสังคม และการสรา้ งโอกาสการเขา้ ถงึ
บริการของรฐั โดยระบุในขอ้ ๓.๔ วา่ เตรียมความพรอ้ มเข้าสูส่ ังคมผ้สู งู อายุ เพื่อส่งเสรมิ คณุ ภาพชวี ิต
และการมงี านหรอื กิจกรรมท่ีเหมาะสม เพือ่ สรา้ งสรรคแ์ ละไม่กอ่ ภาระต่อสังคมในอนาคต โดย
จัดเตรยี มระบบการดูแลในบา้ น สถานพักฟนื้ และโรงพยาบาล ทเี่ ป็นความร่วมมอื ของภาครัฐ
ภาคเอกชน ชุมชน และครอบครวั รวมทงั้ พฒั นาระบบการเงนิ การคลงั ส้าหรับการดแู ลผสู้ งู อายุ

นโยบายขอ้ ๕ การยกระดบั คุณภาพบรกิ ารด้านสาธารณสุขและสุขภาพของ
ประชาชน รัฐบาลจะวางรากฐ าน พฒั นา และเสริมความเข้มแข็งใหแ้ ก่การใหบ้ ริการด้านสาธารณสขุ
และสุขภาพโดยเน้นความท่ัวถงึ ความมีคณุ ภาพ และประสิทธภิ าพดังนี้

๕.๑ วางรากฐานใหร้ ะบบหลักประกนั สขุ ภาพครอบคลมุ ประชากรในทกุ ภาคสว่ น
อยา่ งมีคุณภาพ โดยไมม่ ีความเหลอื่ มลา้ ของคณุ ภาพบ ริการในแตล่ ะระบบ และบรู ณาการขอ้ มูล
ระหว่างทุกระบบหลักประกนั สุขภาพเพอื่ เพิม่ ประสิทธิภาพในการบรหิ ารจัดการ

๕.๒ พฒั นาระบบบริการสุขภาพ โดยเนน้ การปอู งกันโรคมากกวา่ รอให้เจบ็ ปวุ ย
แลว้ จึงมารักษา สรา้ งกลไกการจดั การสขุ ภาพในระดับเขตแทนการกระจกุ ตั วอยูท่ ่สี ว่ นกลาง ปรบั
ระบบการจา้ งงาน การกระจายบคุ ลากรและทรัพยากรสาธารณสขุ ให้เหมาะสมกับท้องถนิ่ และให้
ภาคเอกชนสามารถมีสว่ นร่วมในการจา้ งบุคลากร เพอ่ื จดั บรกิ ารสาธารณสขุ โดยรฐั เปน็ ผกู้ า้ กบั ดแู ล
สนบั สนุนความร่วมมือระหวา่ งรฐั และเอกชนในการพฒั นาระบบบรกิ ารทางการแพทย์ และสาธารณสขุ
โดยสง่ เสรมิ การมีส่วนรว่ มลงทนุ และการใชท้ รัพยากรและบุคลากรร่วมกนั โดยมีข้อตกลงทีร่ ัดกุมและ
เปน็ ประโยชน์แก่ทุกฝาุ ย

๕.๓ เสรมิ ความเขม้ แข็งของระบบเฝูาระวงั โรคระบาด โดยเฉพาะโรคอบุ ัตใิ หม่
และโรคอุบตั ิซา้ โดยมเี ครือขา่ ยหนว่ ยเฝูาระ วงั หนว่ ยตรวจวนิ ิจฉัยโรค และหนว่ ยทสี่ ามารถตดั สนิ ใจ
เชิงนโยบายในการสกัดกน้ั การแพรก่ ระจายไดอ้ ยา่ งทนั ท่วงที

๕.๔ ปูองกนั และแกไ้ ขปัญหาการเกดิ อบุ ตั ิเหตใุ นการจราจรอันน้าไปสูก่ ารบาดเจบ็
และเสียชีวิต โดยการรว่ มมือระหวา่ งฝุายตา่ งๆ ในการตรวจจบั เพ่ือปอู งกนั การรายงานและการดแู ล
ผบู้ าดเจ็บ

๕.๕ สง่ เสรมิ การกีฬาเพ่ือสุขภาพ ใชก้ ฬี าเป็นส่ือในการพัฒนาลักษณะนิสัย
เยาวชนใหม้ นี ้าใจนกั กีฬา มีวินัย ปฏบิ ัติตามกฎกตกิ ามารยาท และมีความสามัคคี อีกทั้งพัฒนา
นักกีฬาให้มีศกั ยภาพสามารถแข่งขนั ในระดับนานาชาตจิ นสรา้ งชอื่ เสยี งให้แกป่ ระเทศชาติ

๑๘

๕.๖ ประสานการทา้ งานระหว่างภาคส่วนต่างๆ ในสังคม เพื่อปูองกนั และ
แก้ปัญหาการต้งั ครรภใ์ นวยั รนุ่ และปญั หาด้านการแพทย์และจริยธรรมของการอมุ้ บุญ การปลกู ถ่าย
อวยั วะและ สเต็มเซลล์ โดยจัดใหม้ ีมาตรการและกฎ หมายที่รดั กมุ เหมาะสมกับประเด็นปญั หาใหม่
ของสังคม

๕.๗ พัฒนาขดี ความสามารถในการวิจัยดา้ นวทิ ยาศาสตรก์ ารแพทย์และ
สาธารณสุข โดยจดั ให้มบี ุคลากรและเครือ่ งมือท่ีทนั สมยั และใหม้ ีความร่วมมอื ทง้ั ระหว่างหนว่ ยงาน
ภายในประเทศและหนว่ ยงานตา่ งประเทศ โดยในเฉพาะในการปอู งกนั และรักษาโรคท่ีมคี วามสา้ คญั

๔) มาตรการของรฐั บาลในการพฒั นาคุณภาพชีวิตผู้มบี ตั รสวสั ดกิ ารแหง่ รัฐ
เม่อื วนั ท่ี ๙ มกราคม ๒๕๖๑ คณะรัฐมนตรไี ดม้ มี ติเหน็ ชอบมาตรการพัฒนาคณุ ภาพชีวิต
ผ้มู ีบตั รสวัสดิการแหง่ รฐั (มาตรการพฒั นาคุณภาพชีวิตฯ) ซ่ึงเป็นโครงการให้ความชว่ ยเหลอื ระยะท่ี ๒
แกผ่ ู้ทผี่ ่านการตรวจสอบในโครงการลงทะเบยี นเพ่อื สวัสดิการแห่งรัฐ ปี ๒๕๖๐ โดยมีสาระสา้ คญั
สรปุ ได้ ดังน้ี
๑. หลักการ

๑.๑ การวิเคราะหแ์ ละให้ความชว่ ยเหลือผู้มีบัตรสวสั ดิการแห่งรฐั รายบุ คคล
(Personalized Plan) โดยจดั ใหม้ ผี ดู้ แู ลผู้มีบัตรสวสั ดิการแหง่ รฐั (Account Officer: AO) เพ่ือท้า
หน้าที่ส้ารวจสภาพขอ้ เทจ็ จรงิ สอบถามความประสงค์ และใหค้ า้ แนะน้าแผนการพฒั นาคณุ ภาพชีวติ ท่ี
เหมาะสม ซึง่ จะทา้ ให้รัฐบาลสามารถ ให้ความช่วยเหลือไดอ้ ย่างมีประสทิ ธภิ าพ มีปร ะสทิ ธิผล และมี
ความยงั่ ยนื

๑.๒ การพัฒนาคณุ ภาพชีวิตของผู้มีบัตรสวสั ดกิ ารแห่งรฐั ตามความจา้ เปน็ อยา่ งรอบ
ดา้ น (๔ มิติ) เพ่ือใหก้ ารพัฒนาผู้มีบตั รสวสั ดิการแหง่ รฐั เปน็ ไปอย่างยั่งยืน จงึ มุ่งเนน้ การสรา้ งโอกาส
อย่างรอบดา้ นใน ๔ มิติ ไดแ้ ก่ (๑) การมีงานท้า (๒) การฝึกอบรมอาชีพและการศกึ ษา (๓) การเข้าถงึ
แหลง่ เงนิ ทุนในระบบ และ (๔) การเข้าถงึ สิ่งจ้าเป็นพน้ื ฐาน

๑.๓ การเข้าหาและติดตามผู้ถอื บตั รสวัสดิการแหง่ รฐั “ทกุ คน” ทีม่ รี ายไดต้ า้่ กวา่
๓๐,๐๐๐ บาท และอยู่ในวยั แรงงาน เพอ่ื ให้มีรายได้เพมิ่ ขึ้นเพียงพอตอ่ การด้ารงชีพ รวมทัง้ เปดิ โอกาส
ให้ผู้ถอื บตั รสวัสดิการกลมุ่ อ่นื ๆ เขา้ ร่วมการพัฒนาตนเองไดโ้ ดยสมัครใจ

๑.๔ การบูรณาการการแก้ไขปญั หาความยากจนและความเหล่อื มล้าจากกระทรวง
และหน่วยงานท่เี ก่ียวขอ้ งแบบเบด็ เสร็จ โดยมีโครงการเพื่อรองรับมาตรการพัฒน าคณุ ภาพชวี ิตผ้มู ี
บตั รสวสั ดกิ ารในทุกมติ ิ รวมกวา่ ๓๔ โครงการ จากความร่วมมอื และการสนบั สนนุ จากหน่วยงานรฐั
อยา่ งน้อย ๑๓ หนว่ ยงาน (๖ กระทรวง ๓ ธนาคาร ๒ กองทนุ และ ๒ หน่วยงาน)

๑๙

๒. กลไกในการดาเนินงาน
เพ่ือใหก้ ารด้าเนินมาตรการพฒั นาคุณภาพชวี ิ ตฯ เกดิ ผลสมั ฤทธ์ิต ามวัตถปุ ระสงค์ จึง

กา้ หนดกลไกในการด้าเนินงาน ดงั นี้
๑) คณะกรรมการนโยบายการพฒั นาคุณภาพชวี ิตผูม้ บี ัตรสวสั ดิการแห่งรฐั (คนส.) ท้า

หนา้ ที่ กาหนดนโยบายการพฒั นาคุณภาพชวี ติ ผมู้ ีบตั รสวสั ดิการแหง่ รัฐ
๒) คณะอนุกรรมการตดิ ตามการพัฒนาคณุ ภาพชวี ติ ผมู้ บี ตั รสวัสดกิ ารแห่งรัฐ (คอต.)

ท้าหน้าที่ตดิ ตามความคบื หนา้ และผลการด้าเนนิ การพัฒนาคุณภาพชีวิตรายบุคคล
๓) คณะอนุกรรมการพฒั นาคุณภาพชีวติ ผู้มบี ตั รสวสั ดิการแห่งรฐั ประจา้ จังหวัด (คอจ.)

ทา้ หน้าท่แี ต่งตั้ง กา้ กบั ดูแล และกา้ หนดแนวทางการปฏบิ ัตงิ าน และการลงพืน้ ทข่ี องคณะทา้ งาน
พฒั นาคุณภาพชีวติ ผมู้ ีบัตรสวสั ดกิ ารแหง่ รฐั ประจ้าอา้ เภอ และมอบหมายและประสานหน่วยงานที่
เกี่ยวขอ้ งเพ่อื ดา้ เนนิ การพัฒนาคุณภาพชวี ติ รายบคุ คล

๔) คณะทา้ งานพัฒนาคณุ ภาพชีวิตผมู้ ีบตั รสวัสดิการแหง่ รฐั ประจา้ อ้า เภอ หรอื “ทมี
หมอประชารฐั สุขใจ (ทีม ปรจ.)” ประกอบด้วยคณะทา้ งานระดับอา้ เภอ และผู้ดูแลผู้มบี ตั รสวัสดกิ าร
แหง่ รฐั (AO) ซ่งึ ทา้ หนา้ ทีด่ ูแลและใหค้ า้ แนะนา้ แก่ผมู้ ีบัตรสวัสดกิ ารแห่งรัฐให้เหมาะสมและสอดคล้อง
ตามความจ้าเปน็ ของแต่ละบคุ คล โดยการสมั ภาษณ์ผู้มบี ัตรสวัสดกิ ารแห่งรั ฐรายบคุ คล เพือ่ วิเคราะห์
สภาพปัญหา สอบถามความประสงค์ เชน่ การทา้ งาน การฝึกอบรมอาชพี เป็นต้น โดย AO ต้อง
รบั ผิดชอบดูแลผ้มู ีบัตรสวัสดกิ ารแหง่ รฐั แต่ละรายต้ังแต่เริม่ ต้นกระบวนการวเิ คราะห์ และติดตาม
เพอ่ื ใหท้ ราบว่าผมู้ บี ตั รสวสั ดกิ ารแหง่ รัฐรายน้นั มีการพัฒนาอยา่ งไ ร หรอื มีคุณภาพชีวติ ดีขึ้นหรอื ไม่
เพยี งใด

๓. โครงการเพือ่ รองรบั มาตรการพฒั นาคณุ ภาพชีวติ
โครงการเพื่อรองรบั มาตรการพัฒนาคณุ ภาพชีวิตฯ เป็นการบูรณาการโครงการจาก
หนว่ ยงานท่ีเกย่ี วข้องเพอื่ ให้การพัฒนาผู้มีบัตรสวสั ดกิ ารแหง่ รัฐเปน็ ไปอย่างมเี อกภาพและมีความ
ครบถว้ นสมบรู ณ์ โดยเปน็ โครงการท่ไี ดร้ บั การสนับสนุนจากหนว่ ยงานตา่ ง ๆ เช่น กระทรวงมหาดไทย
กระทรวงแรงงาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณชิ ย์ กระทรวงการพัฒนาสงั คมและ
ความมน่ั คงของมนุษย์ เป็นต้น โดยมีโครงการเพ่อื รองรับจ้าแนกตามมิติต่าง ๆ ดงั น้ี
มิติท่ี ๑ การมีงานทา้ เช่น การจดั หางานในประเทศและต่างประเทศโดยกระทรวง
แรงงาน โครงการแฟรนไชสส์ รา้ งอาชพี เพ่ือผ้มู รี ายได้นอ้ ยโดยกระทรวงพาณชิ ย์ โครงการตลาดประชา
รฐั โดยกระทรวงมหาดไทย เป็นตน้
มติ ทิ ี่ ๒ การฝึกอบรมอาชพี และการศึกษา เช่น โครงการฝกึ อาชพี เร่งดว่ นอเนกประสงค์
(ชา่ งชุมชน) โดยกระทรวงแรงงาน โครงการเพมิ่ ทกั ษะอาชีพแกเ่ กษตรกรผลู้ งทะเบยี นเพอื่ สวัสดิการ
แห่งรัฐโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โครงการมหาวิ ทยาลยั ประชาชนโดยธนาคารออมสนิ

๒๐

โครงการให้ความร้ทู างการเงนิ แกเ่ กษตรกรลูกคา้ ผมู้ ีรายไดน้ อ้ ยทลี่ งทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรั ฐ
ปี ๒๕๖๐ โดยธนาคารเพอื่ การเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปน็ ตน้

มิตทิ ี่ ๓ การเขา้ ถงึ แหลง่ เงินทนุ ในระบบ เช่น โครงการสนิ เชือ่ เพื่อพัฒนาอาชีพของผู้มี
รายไดน้ อ้ ย ที่ลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแหง่ รัฐ โดย ธ .ก.ส. โครงการสินเช่อื ผมู้ บี ตั รสวัสดกิ าร แหง่ รัฐ
โครงการสนิ เช่ือธรุ กิจแฟรนไชส์ โครงการสินเชอ่ื Street Food โดย ธ.ออมสิน เปน็ ต้น

มิตทิ ี่ ๔ การเข้าถงึ สิ่งจา้ เป็นพน้ื ฐาน เชน่ โครงการใหก้ ู้ยมื เงนิ จากกองทุนเงนิ ใหก้ ูย้ มื
เพื่อการศกึ ษา (กยศ.) โครงการสินเช่อื ที่อยอู่ าศัยเพ่อื สวสั ดกิ ารแห่งรัฐโดยธนาคา รอาคารสงเคราะห์
และกระทรวงการคลัง การออมเพ่อื การเกษยี ณอายุสา้ หรับแรงงานนอกระบบโดยกองทุนการออม
แห่งชาติ

ทัง้ น้ี โครงการดังกลา่ วข้างต้นสามารถใหก้ ารสนับสนนุ การพฒั นาคณุ ภาพชีวติ ของผมู้ ีบตั ร
สวสั ดิการแหง่ รัฐไดอ้ ย่างน้อย ๔,๖๙๕,๔๐๗ คน นอกจากน้ี หน่วยงานของรฐั ต่าง ๆ สามารถเสนอ
โครงการเพ่อื รองรบั มาตรการพฒั นาคณุ ภาพชวี ิตฯ เพิ่มเติมได้ และโครงการต่าง ๆ อาจมีการ
เปลีย่ นแปลงเพือ่ ใหม้ คี วามเหมาะสมสอดคล้องกบั ความจ้าเปน็ ในการพัฒนาผู้มบี ัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
โดยความเหน็ ชอบของ คอต.

๔. มาตรการส่งเสริมใหพ้ ฒั นาตนเอง
ผูม้ ีบัตรสวัสดิการแหง่ รัฐท่ีแสดงความประสงคจ์ ะพัฒนาตนเองในแบบประเมินและเมนกู าร
พฒั นารายบุคคล จะได้รับวงเงินคา่ ซ้อื สนิ ค้าอุปโภคบรโิ ภคท่จี า้ เปน็ สนิ ค้าเพอ่ื การศกึ ษาและวตั ถดุ บิ
เพ่อื เกษตรกรรม จากร้านธงฟาู ประชารฐั และร้านอืน่ ๆ ที่กระทรวงพาณิชย์กาหนด ตามแนวทาง
ประชารัฐสวสั ดิการเพ่ิมเติม โดยจะเรม่ิ ไดร้ บั ในเดอื นถัดไปหลงั จากเดือนที่แสดงความประสงค์ จนถึง
เดือนธันวาคม ๒๕๖๑ ดังนี้

๑) ผูม้ ีบัตรสวสั ดิการแหง่ รัฐทีม่ ีรายไดไ้ มเ่ กิน ๓๐,๐๐๐ บาทในปี ๒๕๕๙ จะไดร้ ับ
วงเงินเพิ่มเติม จ้านวน ๒๐๐ บาท/คน/เดือน

๒) ผมู้ บี ัตรสวัสดิการแหง่ รัฐท่ีมีรายได้สูงกวา่ ๓๐,๐๐๐ บาทในปี ๒๕๕๙ จะได้รับ
วงเงนิ เพ่มิ เตมิ จ้านวน ๑๐๐ บาท/คน/เดือน

๕. มาตรการภาษเี พื่อสนบั สนนุ การพฒั นาผมู้ ีบตั รสวสั ดกิ ารแห่งรัฐ
มาตรการภาษีเพอ่ื สนบั สนุนการพฒั นาผมู้ ีบตั รสวัสดิการแหง่ รัฐรายบคุ คลและจงู ใจให้
นายจ้างท่เี ป็นนิติ บุคคลจดั การฝกึ ทกั ษะฝมี ือใหแ้ กผ่ มู้ ีบตั รสวสั ดกิ ารแห่งรัฐหรอื พิจารณาจา้ งงานผู้มี
บตั รสวสั ดกิ ารแหง่ รัฐเป็นกรณพี เิ ศษ โดยให้หักรายจา่ ยเป็นจา้ นวน ๑.๕ เทา่ ของรายจา่ ย ดงั น้ี

๑) รายจ่ายทน่ี ายจา้ งได้จา่ ยไปเปน็ ค่าใชจ้ า่ ยในการจัดการฝึกทกั ษะอาชพี ให้แก่ผมู้ ี
บตั รสวสั ดิการแห่งรัฐ

๒๑

๒) รายจ่ายท่ีนายจา้ งได้จ่ายไปเปน็ ค่าใช้จ่ายในการจ้างผ้มู บี ตั รสวสั ดกิ ารแหง่ รฐั โดย
การจ่ายค่าจา้ งผา่ นบัตรสวัสดิการแหง่ รัฐ เฉพาะรายจ่ายท่ไี ดจ้ า่ ยเป็นค่าใช้จา่ ยในการจา้ งผูม้ บี ัตร
สวสั ดิการแหง่ รัฐในสว่ นที่ไม่เกินรอ้ ยละสบิ ของจา้ นวนลูกจา้ งในบรษิ ทั หรอื ห้างหุน้ สว่ นนิติบคุ คลน้นั

ทั้งน้ี ส้าหรับรอบระยะเวลาบญั ชีที่เริ่มในหรือหลังวนั ที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๑ จนถึงวนั ท่ี ๓๑
ธนั วาคม ๒๕๖๒

มาตรการพฒั นาคณุ ภาพชีวิตดงั กลา่ ว จะช่วยเพม่ิ รายได้ และยกระดับคุณภาพชวี ิตของผถู้ อื
บัตรสวัสดิการแหง่ รฐั อย่างเปน็ รูปธรร ม และถอื เปน็ มติ ใิ หม่ของการจัดท้ามาตรการของรฐั บาล ใน ๕
ประการด้วยกนั ดังนี้

๑. เปน็ ครั้งแรกของการจดั ทา้ มาตรการท่ีมกี ารบรู ณาการความร่วมมอื และโครงการใน
การแก้ไข ปญั หาความยากจนซึง่ เป็นปัญหารากเหงา้ ของประเทศ

๒. เป็นการแกไ้ ขปัญหาของประชาชนแบบไมเ่ หวี่ยงแ ห มีเปูาหมายชัดเจน (Targeted
Poverty Alleviation)

๓. เป็นการออกแบบแนวทางการพฒั นาคุณภาพชวี ิตรายบุคคลโดยทมี ปรจ . ซง่ึ เปน็
ผเู้ ชีย่ วชาญในการวเิ คราะหแ์ ละเสนอแนะแผนทช่ี วี ติ ให้แกผ่ มู้ ีบตั รสวัสดกิ ารแหง่ รฐั

๔. มกี ารบันทกึ และตดิ ตามผลสมั ฤทธ์ิอยา่ งใกลช้ ดิ จากผ้ดู ูแลผู้มีบตั รสวสั ดิการแหง่ รฐั
๕. เปน็ การแกไ้ ขปัญหาของประชาชนอย่างรอบด้าน และย่ังยืน เพราะเปน็ การตดิ อาวธุ ให้
เครอ่ื งมือแก่ผู้มรี ายไดน้ อ้ ยให้สามารถพงึ่ พาตนเองไดอ้ ยา่ งแท้จรงิ

๒.๓ แนวคดิ และทฤษฎีเกี่ยวกับการบริหาร

๒.๓.๑ ความหมายของการบรหิ าร
สมพงษ์ เกษมสนิ (๒๕๒๑:๖) ไดใ้ ห้ความหมายของการบรหิ ารไว้วา่ หมายถึง การใช้
ศาสตรแ์ ละศลิ ปน์ ้าเอาทรพั ยากรทางการบริหาร (Administrative resources) มาประกอบกันตาม
กระบวนการบริหาร (Administrative process) เพือ่ ปฏิบัตงิ านให้บรรลุวตั ถปุ ระสงค์ ที่ก้าหนดไว้
อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ
๒.๓.๒ องค์ประกอบการบรหิ าร

การบริหารจึงมอี งค์ประกอบทส่ี า้ คญั ๓ ประการ คอื ๑) ทรพั ยากรการบรหิ ารหรือ
ปัจจัยทางการบริหาร ๒) กระบวนการบรหิ าร และ ๓) วัตถปุ ระสงคข์ องการบริหาร ดงั น้ี

๒๒

๑) ทรพั ยากรการบริหารหรอื ปัจจัยทางการบรหิ าร
กุลธน ธนาพงศ์ธร (๒๕๓๙: ๗๔) กลา่ วว่า ในการบริหารงานเพ่ือใหบ้ รรลุเปาู หมาย
พนื้ ฐานและเปูาหมายอนื่ ๆ ขององคก์ ารนั้น องค์การจะตอ้ งมีทรพั ยากรหรือปจั จัยทางการบรหิ ารอยู่
ในระดับหนง่ึ เสมอ ซง่ึ ทรพั ยากรบริหารเหล่าน้ี เป็นท่ีรู้จกั กันอย่างกว้างขวาง คอื ๔ M’s อนั ไดแ้ ก่

ก. คนหรือบคุ ลากร (Man) เป็นทรัพยากรทางการบรหิ ารทมี่ คี วามสา้ คญั ยงิ่ และ
เปน็ ทรพั ยากรเพยี งประเภทเดียวทมี่ ีชวี ติ จติ ใจ ทรพั ยากรประเภทนี้ ไดแ้ ก่ ตวั บคุ ลากรทกุ คนทงั้ ใน
แง่ปริมาณและคุณภาพทดี่ ้ารงต้าแหน่งต่ างๆ ในองคก์ าร ตง้ั แต่ระดบั สงู ถงึ ระดบั ต่้าสุดและเปน็ กลไก
ส้าคัญที่จะท้าให้เกดิ ความส้าเร็จหรอื ลม้ เหลวในการบรหิ ารงานของ องค์การ

ข. เงนิ หรอื งบประมาณ (Money) เปน็ ทรพั ยากรทางการบริหารทีส่ ้าคัญอีก
ประเภทหนง่ึ เพราะ “งานจะเด่นเงินตอ้ งมี ” ดังนั้น องค์การตา่ งๆ ตอ้ งพยายามท่ีจะแสวงหาเงนิ
หรอื งบประมาณจา้ นวนหน่ึง เพอื่ น้ามาใช้จ่ายเป็นพน้ื ฐานในการดา้ เนินงานต่างๆ ขององคก์ าร

ค. วสั ดอุ ปุ กรณ์ (Materials) เป็นทรพั ยากรทางการบรหิ ารทเ่ี ออ้ื อ้านวยให้การ
ดา้ เนินงานเป็นไปอยา่ งสะดวก ราบรืน่ และชว่ ยผ่อนแรงแก่บคุ คล ซึ่งวัสดอุ ปุ กรณ์เหลา่ นี้ มตี ั้งแต่
สิ่งของที่มขี นาดเล็กและมคี ณุ คา่ ทางเศรษฐกิจเพยี งเลก็ น้อย เช่น เข็มหมดุ ลวดเย็บกระดาษ
เป็นต้นไปจนถงึ สิง่ ทมี่ ีขนาดใหญ่ทีม่ ีคา่ มาก เช่น อาคาร เครือ่ งจกั รหรอื เครื่องคอมพวิ เตอร์ เป็นตน้

ง. การจัดการหรอื การบรหิ าร (Management) เป็นทรพั ยากรท่เี กยี่ วกบั ระบบ
และวิธกี ารบรหิ ารงานทบี่ คุ คลตา่ งๆ ในองคก์ ารจะรว่ มกันใชท้ รพั ยากรด้านอ่ืนๆ เพอ่ื ด้าเนนิ การให้
บรรลุผลสา้ เร็จตามเปูาหมายขององค์การต่อไป

๒) กระบวนการบริหาร
กระบวนการบรหิ ารหรือข้นั ตอนการบริหารเป็นองคป์ ระกอบที่ ส้าคัญอย่างหน่ึงในการ
บรหิ ารงาน ถ้าเรามีทรัพยากรหรือปจั จัยในการบรหิ ารดีมากน้อยขนาดไหน หากขาดเสียซ่งึ
กระบวนการทด่ี ี ก็ยากที่จะดา้ เนนิ ไปอย่างมีประสทิ ธิภาพได้
Gulick & Urwick ไดจ้ า้ แนกกระบวนการบรหิ ารไว้ ๗ ประการ โดยมชี ่อื เรียกอย่าง
สั้นๆ วา่ “POSDCORB” ดงั น้ี

P (Planning) หมายถงึ การวางแผน นับเปน็ กระบวนการท่สี ้าคัญเป็นอนั ดับ
แรก เป็นการวางโครงการอย่างกว้างๆ ว่ามีอะไรจะต้องปฏบิ ตั ิบา้ ง พร้อมท้ังวัตถปุ ระสงคใ์ นการ
ปฏบิ ัตินัน้ ๆ ดว้ ย ทง้ั น้ี จะต้องค้านงึ ถึงนโยบาย (Policy) เพื่อให้แผนงา นท่ีกา้ หนดขึ้นสอดคลอ้ ง
ตรงกัน

O (Organizing) หมายถงึ การจดั องคก์ ารบรหิ ารงานโดยก้าหนดหนา้ ทข่ี อง
หน่วยงานยอ่ ยใหช้ ดั เจน พรอ้ มทง้ั ก้าหนดลกั ษณะและวธิ ีการตดิ ต่อประสานงานกนั ตามล้าดับข้นั สงู

๒๓

ต้่าลดหล่ันกันไป ในการจดั หมวดหมนู่ ้อี าจพจิ ารณาได้ในแง่ของการคว บคมุ หรือการพิจารณาในแง่
หน่วยงาน เชน่ หนว่ ยงานหลกั (Line) หนว่ ยงานชว่ ย (Auxiliary)

S (Staffing) หมายถึง การดา้ เนินการท่ีเก่ยี วกับบุคคลในหน่วยงาน หรอื
อาจจะเรยี กวา่ การบริหารงานบคุ คล ซึง่ นบั ตั้งแตก่ ารสรรหา คัดเลือกบุคคลเข้ามาปฏิบตั งิ าน
จนถึงการใหบ้ ุคคลพน้ จากงาน

D (Directing) หมายถงึ การอา้ นวยการ เป็นกระบวนการท่ีเกย่ี วข้องกับภาวะ
ผู้น้า (Leadership) การวินจิ ฉยั ต่างๆ (Decision-making) การควบคมุ ดูแลการปฏิบตั ิงาน
(Controlling) การนเิ ทศงาน (Supervision) และการตดิ ตามผลการปฏบิ ั ตงิ าน (Evaluation)
เพื่อใหก้ ารบริหารงานบรรลเุ ปาู หมายอย่างมีประสทิ ธภิ าพ ทง้ั น้ี ตอ้ งใช้หลกั มนษุ ยสมั พนั ธ์ (Human
Relation) การจูงใจ (Motivation) เป็นเคร่อื งมอื ในการอ้านวยการด้วย

CO (Coordinating) หมายถึง การประสานงาน โดยการจัดวางระเบียบการ
ปฏิบตั ิงานของเจ้าหนา้ ที่ เพ่อื ไม่ให้งานซบั ซ้อนขดั แย้ง หรือเหลอื่ มล้ากนั งานจะได้ดา้ เนนิ ไปอย่าง
ราบร่นื บรรลุวตั ถุประสงคข์ องหนว่ ยงาน สิ่งทจ่ี ะช่วยในการประสานงานที่ดี คอื การติดตอ่ ส่ือสาร
(Communication)

R (Reporting) หมายถึง การบนั ทกึ รายงานไวเ้ ป็นหลั กฐานเพอื่ เสนอ
ผู้บงั คบั บญั ชา หรอื แจ้งไปยังหนว่ ยงานทีเ่ กย่ี วข้อง ทั้งเบอ้ื งบนและเบ้อื งลา่ งและในระดบั เดียวกนั
รวมตลอดถงึ การประชาสมั พันธ์ (Public Relation) ซึ่งมสี ่วนเก่ยี วขอ้ งกับการตดิ ตอ่ สื่อสาร
นอกจากน้ีการบันทึกไวย้ งั มปี ระโยชนใ์ นการใช้เปน็ ขอ้ มูลส้าหรับการศกึ ษาค้นคว้าอา้ งองิ ต่อไปดว้ ย

B (Budgeting) หมายถึง การจดั ทา้ งบประมาณ การเงิน เริม่ ตั้งแต่การ
วางแผน หรือโครงการใชจ้ ่ายเงนิ การบญั ชแี ละการควบคุมดแู ลการใชจ้ ่ายเงนิ โดยรอบคอบรดั กมุ
ซึ่งถือเปน็ เรอื่ งทีส่ า้ คัญเรอ่ื งหน่งึ ท่ผี ้บู รหิ ารควรศึกษาระเบียบแล ะแนวทางปฏิบัติใหเ้ ขา้ ใจ เพ่อื การ
ปฏิบตั ิที่ถูกต้อง

๓) วตั ถุประสงค์ของการบริหาร
ตามแนวคิดทฤษฎีระบบ (System Theory) ของ David Easton การบริหารเปน็
กระบวนการแปรรูปปัจจัยการบรหิ าร ซง่ึ ประกอบดว้ ยคน เงิน วัสดุ ผ่านกระบวนการบรหิ ารจดั การ
เพ่อื ใหบ้ รรลวุ ัตถปุ ระสงค์ท่วี างไว้ เป็นการใช้ทรพั ยากรทางการบรหิ ารและวิธกี ารบริหารใหเ้ หมาะสม
เพ่อื ให้การบริหารเปน็ ไปอย่างประหยดั (Economic) มปี ระสทิ ธผิ ล (Effectiveness) และมี
ประสทิ ธิภาพ (Efficiency) หรอื ที่เรยี กว่า “ ๓ E’s ”

๒๔

๒.๔ การบรหิ ารงานของอ้าเภอและองคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถ่ิน
การจดั ระเบยี บบริหา iราชการแผ่นดินของไทย แบง่ ออกเปน็ การบริหารราชการ

สว่ นกลาง การบรหิ ารราชการสว่ นภูมิภาคและการบริหารราชการสว่ นทอ้ งถ่ิน ดังน้ี
๑) การบริหารราชการสว่ นกลาง ประกอบด้วย สานักนายกรัฐมนตรี กระทรวง

ทบวง กรม
๒) การบรหิ ารราชการสว่ นภูมิภาค ประกอบดว้ ย จังหวัดและอาเภอ
๓) การบริหารราชการสว่ นท้องถ่นิ ประกอบดว้ ย องคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวดั

เทศบาล องค์การบริหารสว่ นตา้ บลและราชการสว่ นท้องถนิ่ อ่ืนตามที่ มีกฏหมายก้าหนด ซึง่ ในปัจจบุ นั
มีกรงุ เทพมหานครและเมอื งพทั ยา

อย่างไรกด็ ี ในการศึกษาเร่ือง “แนวทางและกลไกในการบรหิ ารงานของอ้าเภอและองค์กร
ปกครองสว่ นทอ้ งถิ่น : กรณีศึกษาในเขตเทศบาลเมืองปากช่อง อ้าเภอปากชอ่ ง จังหวัดนครราชสีมา ”
ในครงั้ นี้ จะกลา่ วถงึ เฉพาะกา รบรหิ ารงานของ อ้าเภอและ การบรหิ ารงานขององค์กรปกครองส่วน
ท้องถนิ่ ในรูปแบบเทศบาล เทา่ น้นั

๒.๔.๑ การบรหิ ารงานของอา้ เภอ
อ้าเภอเป็นหนว่ ยราชการบริหารส่วนภูมิภาครองจากจังหวดั และไมม่ ฐี านะเป็นนิติบุคคล
เหมือนจงั หวัด ประกอบข้นึ จากท้องท่ีหลายตา้ บลรวมกนั ขนึ้ เป็นอา้ เภอ ในอา้ เภอหนง่ึ ๆ จะมี
นายอ้าเภอเปน็ หัวหน้าปกครองบงั คบั บัญชาขา้ ราชการในอา้ เภอและรบั ผิดชอบในการบริหารราชการ
ของอา้ เภอ นอกจากนัน้ ยงั มีอ้านาจปกครองบงั คบั บัญชาและควบคมุ การปฏิบัตงิ านของก้านนั
ผ้ใู หญบ่ ้านในเขตท้องทีอ่ า้ เภอของตนอีกดว้ ย
นายอา้ เภอเปน็ ขา้ ราชการสงั กดั กระทรวงมหาดไทย (กรมการปกครอง ) มอี ้านาจและ
หนา้ ท่ี ของนายอา้ เภอตามท่กี ้าหนดไวใ้ นมาตรา ๖๕ แห่งพระราชบญั ญตั ริ ะเบยี บบรหิ ารราชการ
แผ่นดนิ พ.ศ. ๒๕๓๔ ดงั ตอ่ ไปนี้

๑. บรหิ ารราชการตามกฎหมายและระเบียบแบบแผนของทางราชการ ถ้ากฎหมายใด
มิได้บัญญัตวิ า่ การปฏิบัติตามกฎหมายน้ันเปน็ หน้าทข่ี องผใู้ ดโดยเฉพาะ ใหเ้ ป็นหนา้ ทข่ี องนายอ้าเภอที่
จะตอ้ งรักษาการให้เป็นไปตามกฎหมายนนั้ ด้วย

๒. บรหิ ารราชการตามทีค่ ณะรัฐมนตรี กระทรวง ทบวง กรม มอบหมาย หรอื ตามท่ี
นายกรัฐมนตรสี ่งั การในฐานะหวั หน้ารัฐบาล

๓. บริหารราชการตามค้าแนะน้าและค้าชี้แจงของผู้วา่ ราชการจั งหวัด และผ้มู ีหน้าท่ี
ตรวจการ อ่นื ซึง่ คณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี กระทรวง ทบวง กรม และผู้ว่าราช การจังหวดั
มอบหมาย ในเมือ่ ไม่ขัด ต่อกฎหมาย ระเบียบ ข้อบงั คบั หรอื ค้าส่ังของกระทรวง ทบวง กรม มติของ
คณะรัฐมนตรี หรอื การส่ังการของนายกรฐั มนตรี

๔. ควบคุมดแู ลการบรหิ ารราชการทอ้ งถ่ินในอา้ เภอตามกฎหมาย

๒๕

นอกจากนตี้ ามมาตรา ๖๒ แห่งพระราชบญั ญัตริ ะเบียบบริหารราชการแผน่ ดิน พ .ศ.
๒๕๓๔ ยังกา้ หนดให้นายอ้าเภอมอี า้ นาจหน้าทที่ ่เี กยี่ วกบั ราชการของกรมการอ้าเภอหรือนายอ้าเภอ
ตาม พระราชบญั ญตั ิลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ.๒๔๕๗ ดงั น้ี

๑. ปกครองท้องท่ี
๒. ปูองกนั ภยนั ตรายของราษฎรและรกั ษาความสงบในทอ้ งท่ี
๓. การเกีย่ วกับคดีแพง่ และคดอี าญา
๔. ปอู งกนั โรคร้าย
๕. บา้ รงุ การท้านา ค้าขาย ปุาไม้ ทางไปมาต่อกนั
๖. บ้ารุงการศกึ ษา
๗. การเกบ็ ภาษอี ากร
๘. หนา้ ที่เบ็ดเตล็ดอ่ืนๆ เช่น การช่วยเหลอื ราชการของอ้าเภอใกลเ้ คยี ง เปน็ ต้น
๒.๔.๒ การบรหิ ารงานของเทศบาล
ตามพระราชบญั ญตั เิ ทศบาล พ .ศ. ๒๔๙๖ ไดก้ า้ หนดใหเ้ ทศบาลในประเทศไทยมีทง้ั หมด
๓ ประเภท อันไดแ้ ก่ เทศบาลนคร เทศบาลเมอื ง และเทศบาลต้าบล ดงั มรี ายละเอียดดงั น้ี
๑) เทศบาลตาบล ได้แก่ ทอ้ งถิ่นซ่ึงมีปร ะกาศกระทรวงมหา ดไทยยกฐานะข้นึ เปน็
เทศบาลต้าบล (เทศบาลตา้ บลไมไ่ ด้กา้ หนดจา้ นวนราษฎรในพ้ืนท่ไี ว้อยา่ งชดั เจนเหมอื นกับเทศบาล
เมอื งและเทศบาลนคร ) เทศบาลตา้ บลประกอบไปด้วยสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรี โดยที่ สภา
เทศบาลมสี มาชกิ สภาเทศบาลได้ ๑๒ คนโดยมรี องนายกเทศมนตรไี ดไ้ มเ่ กิน ๒ คน โดยมอี า้ นาจ
หนา้ ท่ี ดงั นี้

๑.๑) หน้าท่ที ี่ตอ้ งทา มีดังนี้
(๑) รกั ษาความสงบเรียบรอ้ ยของประชาชน
(๒) ให้มแี ละบา้ รงุ ทางบกและทางนา้
(๓) รกั ษาความสะอาดของถนน หรอื ทางเดนิ และทส่ี าธารณะ รวมทง้ั การ

ก้าจดั มูลฝอยและสิ่งปฏิกลู
(๔) ปูองกนั และระงบั โรคตดิ ต่อ
(๕) ให้มเี ครอื่ งใช้ในการดบั เพลิง
(๖) ใหร้ าษฎรไดร้ ับการศึกษาอบรม
(๗) ส่งเสรมิ การพัฒนาสตรี เดก็ เยาวชน ผู้สูงอายุ และผู้พกิ าร
(๘) บ้ารงุ ศลิ ปะ จารตี ประเพณี ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถิน่ และวัฒนธรรมอนั ดีของ

ท้องถิน่
(๙) หน้าทอ่ี ่นื ตามทกี่ ฎหมายบัญญัตใิ ห้เปน็ หน้าที่ของเทศบาล

๒๖

๑.๒) หน้าทท่ี ่อี าจจดั ทา มดี งั นี้
(๑) ให้มีน้าสะอาดหรือการประปา
(๒) ให้มีโรงฆ่าสตั ว์
(๓) ใหม้ ตี ลาด ทา่ เทียบเรอื และท่าข้าม
(๔) ใหม้ สี สุ านและฌาปนสถาน
(๕) บ้ารงุ และสง่ เสรมิ การทา้ มาหากินของราษฎร
(๖) ใหม้ ีและบ้ารุงสถานท่ที า้ การพทิ ักษ์รกั ษาคนเจบ็ ไข้
(๗) ใหม้ ีและบ้ารุงการไฟฟูาหรือแสงสว่างโดยวิธอี น่ื
(๘) ให้มีและบ้ารงุ ทางระบายน้า
(๙) เทศพาณชิ ย์

๒) เทศบาลเมอื ง ได้แก่ ท้องถน่ิ อนั เปน็ ทตี่ ั้งศาลากลางจงั หวดั หรือท้องถน่ิ ชมุ นุมชน
ท่ีมรี าษฎรตั้งแตห่ นึง่ หมืน่ คนขนึ้ ไป ท้ังมีรายไดพ้ อควรแกก่ ารที่ จะปฏบิ ัติหน้าท่ีของเทศบาลเมอื ง
ประกอบดว้ ยสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรี โดยที่ สภาเทศบาลมสี มาชิกสภาเทศบาลได้ ๑๘ คน
และมีรองนายกเทศมนตรีได้ไม่เกิน ๓ คน โดยมอี า้ นาจหน้าท่ี ดงั นี้

๒.๑) หน้าที่ที่ตอ้ งทา มีดังน้ี
(๑) กจิ การตามทร่ี ะบุไวใ้ นมาตรา ๕๐ (ที่ก้าหนดใหเ้ ปน็ หนา้ ที่ทต่ี อ้ งทา้ ของ

เทศบาลตา้ บล)
(๒) ใหม้ นี า้ สะอาดหรือการประปา
(๓) ใหม้ ีโรงฆา่ สตั ว์
(๔) ใหม้ แี ละบ้ารงุ สถานที่ท้าการพิทักษ์และรกั ษาคนเจบ็ ไข้
(๕) ใหม้ แี ละบา้ รุงทางระบายนา้
(๖) ให้มีและบ้ารุงสว้ มสาธารณะ
(๗) ใหม้ แี ละบา้ รงุ การไฟฟาู หรอื แสงสว่างโดยวิธีอ่ืน
(๘) ใหม้ กี ารดา้ เนินกจิ การโรงรบั จา้ นา้ หรือสถานสนิ เช่ือท้องถนิ่

๒.๒) หน้าทีท่ อ่ี าจจดั ทา มดี งั นี้
(๑) ใหม้ ีตลาด ทา่ เทยี บเรอื และทา่ ข้าม
(๒) ใหม้ สี ุสานและฌาปนสถาน
(๓) บ้ารุงและส่งเสรมิ การทา้ มาหากนิ ของราษฎร
(๔) ใหม้ แี ละบา้ รุงการสงเคราะหม์ ารดาและเด็ก
(๕) ใหม้ แี ละบา้ รงุ โรงพยาบาล
(๖) ให้มีการสาธารณปู การ

๒๗

(๗) จัดท้ากจิ การซึ่งจา้ เปน็ เพ่อื การสาธารณสขุ
(๘) จดั ต้งั และบ้ารงุ โรงเรยี นอาชีวศกึ ษา
(๙) ให้มีและบา้ รุงสถานทส่ี า้ หรับการกฬี าและพลศึกษา
(๑๐) ใหม้ ีและบ้ารงุ สวนสาธารณะ สวนสตั ว์ และสถานทีพ่ ักผ่อนหย่อนใจ
(๑๑) ปรับปรงุ แหล่งเส่ือมโทรม และรักษาความสะอาดเรยี บรอ้ ยของ
ท้องถนิ่
(๑๒) เทศพาณชิ ย์
๓) เทศบาลนคร ไดแ้ ก่ ทอ้ งถ่ินชุมนุมชนที่มรี าษฎรต้ังแต่ ๕๐,๐๐๐ คนขึ้นไป ทั้ง
มรี ายไดพ้ อควรแกก่ ารที่ จะปฏิบตั หิ นา้ ทีข่ องเทศบาลนคร ประกอบ ด้วยสภาเทศบาลและคณะ
เทศมนตรี (หรอื นายกเทศม นตรี) แลว้ แต่กรณี โดยท่ี สภาเทศบาลมสี มาชกิ สภาเทศบาลได้ ๒๔ คน
โดยมีรองนายกเทศมนตรีไดไ้ มเ่ กิน ๔ คน โดยมีอา้ นาจหนา้ ที่ ดังน้ี
(๑) กิจการตามทีร่ ะบไุ ว้ในมาตรา ๕๓ (ท่ีก้าหนดเป็นหน้าท่ีทตี่ อ้ งท้าของ
เทศบาลเมือง)
(๒) ใหม้ ีและบ้ารุงการสงเคราะหม์ ารดาและเดก็
(๓) กจิ การอย่างอน่ื ซง่ึ จ้าเปน็ เพอ่ื การสาธารณสขุ
(๔) การควบคมุ สุขลักษณะและอนามยั ในร้านจ้าหน่ายอาหาร โรงมหรสพ
และสถานบรกิ ารอนื่
(๕) จัดการเก่ียวกบั ทอี่ ย่อู าศยั และการปรบั ปรงุ แหล่งเสื่อมโทรม
(๖) จัดให้มีและควบคมุ ตลาด ทา่ เทยี บเรอื ท่าขา้ มและทีจ่ อดรถ
(๗) การวาผงั เมืองและการควบคมุ การก่อสรา้ ง
(๘) การสง่ เสรมิ กิจการการท่องเทยี่ ว
ท้ังน้ี ถา้ มีกจิ การใดอันอยภู่ ายในอ้านาจหน้าทขี่ องเทศบาลตัง้ แตส่ องแห่งขนึ้ ไปทจี่ ะ
ร่วมกนั ท้าเพื่อให้เกดิ ประโยชน์อยา่ งย่ิง กใ็ หจ้ ดั ตั้งเป็นองคก์ ารขนึ้ เรยี กวา่ สหการ มีสภาพเปน็ ทบวง
การเมือง และมคี ณะกรรมการบรหิ าร ประกอบด้วยผแู้ ทนของเทศบาลทเ่ี กีย่ วขอ้ งอยู่ดว้ ย
นอกจากน้ี ตาม พระราชบัญญัตกิ า้ หนดแผนและขน้ั ตอนการกระจายอ้านาจใหแ้ กอ่ งคก์ ร
ปกครองส่วนทอ้ งถ่ิ น พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้ก้าหนดให้องคก์ รปกครองสว่ นท้องถน่ิ มีบทบาทส้าคญั ในการ
จดั ระบบบรกิ ารสาธารณะ ดงั น้ี
มาตรา ๑๖ ใหเ้ ทศบาล เมอื งพทั ยา และองค์การบรหิ ารส่วนตา้ บลมอี ้านาจและหนา้ ท่ี
ในการจัดระบบการบริการสาธารณะเพอ่ื ประโยชนข์ องประชาชนในท้องถ่ินของตนเอง ดังนี้
(๑) การจัดท้าแผนพัฒนาท้องถิน่ ของตนเอง
(๒) การจัดให้มแี ละบา้ รงุ รกั ษาทางบก ทางน้า และทางระบายน้า

๒๘

(๓) การจัดใหม้ ีและควบคุมตลาด ท่าเทยี บเรอื ทา่ ขา้ ม และท่จี อดรถ
(๔) การสาธารณปู โภคและการกอ่ สร้างอืน่ ๆ
(๕) การสาธารณปู การ
(๖) การส่งเสรมิ การฝึก และประกอบอาชีพ
(๗) การพาณชิ ย์ และการสง่ เสรมิ การลงทนุ
(๘) การส่งเสรมิ การทอ่ งเทยี่ ว
(๙) การจดั การศึกษา
(๑๐) การสังคมสงเคราะห์ และการพฒั นาคณุ ภาพชวี ิตเดก็ สตรี คนชรา และ
ผู้ดอ้ ยโอกาส
(๑๑) การบา้ รงุ รักษาศิลปะ จารีตประเพณี ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถ่นิ และวฒั นธรรมอันดี
ของทอ้ งถิน่
(๑๒) การปรบั ปรงุ แหล่งชุมชนแออัดและการจัดการเกยี่ วกับทีอ่ ยอู่ าศัย
(๑๓) การจดั ให้มแี ละบา้ รงุ รักษาสถานทพ่ี กั ผ่อนหยอ่ นใจ
(๑๔) การสง่ เสรมิ กีฬา
(๑๕) การส่งเสริมประชาธิปไตย ความเสมอภาค และสิทธเิ สรีภาพของประชาชน
(๑๖) ส่งเสริมการมสี ่วนร่วมของราษฎรในการพัฒนาท้องถ่นิ
(๑๗) การรกั ษาความสะอาดและความเปน็ ระเบียบเรียบร้อยของบา้ นเมอื ง
(๑๘) การก้าจดั มลู ฝอย สง่ิ ปฏิกลู และน้าเสยี
(๑๙) การสาธารณสขุ การอนามยั ครอบครวั และการรกั ษาพยาบาล
(๒๐) การจัดให้มแี ละควบคมุ สุสานและฌาปนสถาน
(๒๑) การควบคมุ การเลยี้ งสตั ว์
(๒๒) การจดั ใหม้ แี ละควบคุมการฆ่าสัตว์
(๒๓) การรกั ษาความปลอดภัย ความเป็นระเบยี บเรียบรอ้ ย และการอนามยั โรง
มหรสพ และสาธารณสถานอน่ื ๆ
(๒๔) การจดั การ การบ้ารุงรักษา และการใชป้ ระโยชน์จากปาุ ไม้ ที่ดิน
ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ้ ม
(๒๕) การผงั เมอื ง
(๒๖) การขนสง่ และการวิศวกรรมจราจร
(๒๗) การดแู ลรักษาท่ีสาธารณะ
(๒๘) การควบคุมอาคาร
(๒๙) การปูองกันและบรรเทาสาธารณภัย

๒๙

(๓๐) การรกั ษาความสงบเรียบร้อย การส่งเสรมิ และสนับสนนุ การปูองกันและรักษา
ความปลอดภัยในชวี ติ และทรพั ยส์ ิน

(๓๑) กจิ การอื่นใดทเี่ ปน็ ผลประโยชน์ของประชาชนในทอ้ งถน่ิ ตามทค่ี ณะกรรมการ
ประกาศก้าหนด

จากการทบทวนแนวคิดและทฤษฎีทเี่ ก่ียวข้องขา้ งต้น จะเห็นได้ว่าในการลดความเหล่ือม
ล้าในสงั คม จ้าเปน็ ท่ีจะตอ้ งอาศยั การบรู ณาก ารหลายหนว่ ยงานทเี่ กีย่ วขอ้ ง เพ่ื อเขา้ ไปแก้ไขปญั หา
และพฒั นาคุณภาพชีวติ ของประชาชนให้ดีข้ึน โดยเฉพาะอย่างยง่ิ หนว่ ยงานในระดับพืน้ ท่ี อันไดแ้ ก่
อา้ เภอและองค์กรปกครองส่วนท้องถิน่ ซ่งึ อยู่ใกลช้ ดิ กับประชาชน ยอ่ มรับรูป้ ัญหาความต้องการของ
ประชาชนและสามารถแกไ้ ขปัญหาไดอ้ ย่างทันท่วงทแี ละมีประสทิ ธิภาพ

๒.๕ งานวิจัยทีเ่ ก่ียวขอ้ ง
กมลพร กลั ยาณมิตร (๒๕๔๕) ไดศ้ กึ ษาวิจยั เรื่อง “การน้าปรัชญาเศรษฐกิ จพอเพยี งลด

ความเหลือ่ มลา้ ในสังคม” มีวตั ถุประสงค์การวจิ ยั ๑) เพอ่ื ศึกษาขอ้ มลู ทางประชากรศาสตร์ท่มี ีต่อการ
น้าปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี งลดความเหล่ือมล้าในสงั คม ๒) เพอ่ื ศึกษาระดับความรคู้ วามเข้าใจ การ
รว่ มกจิ กรรม การเผยแพรค่ วามรู้ และการด้าเนินชวี ิตตามเศรษฐกิจพอเพียง ๓) เพือ่ ศึกษาระดบั
ความคิดเห็นของประชาชนต่อการนา้ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงลดความเหล่ือมลา้ ในสังคม โดยใช้
แบบ สอบถาม (Questionnaire) เป็นเครือ่ งมอื ในการเก็บรวบรวมขอ้ มูลจากก ลมุ่ ตัวอยา่ ง ๔๐๐
คน และเสรมิ ดว้ ยการสมั ภาษณแ์ บบไมม่ โี ครงสร้างจากกลมุ่ ตัวอยา่ ง ๑๒ คน โดยทา้ การศึกษาใน
พ้นื ท่ี ๔ เขต คอื เขตบางรกั เขตพญาไท เขตบางเขน และเขตหนองแขม ผลการวจิ ยั เชงิ ปรมิ าณ
พบว่า การร่วมกจิ กรรมเศรษฐกิจพอเพียง อยูใ่ นระดบั ตา้่ การเผยแพรค่ วามรู้ และการด้าเนินชวี ิต
ตามปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง อยใู่ นระดับปานกลาง , การนา้ ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียงลดคว าม
เหลือ่ มลา้ ในสังคมดา้ นเศรษฐกิจ ด้านจิตใจ และด้านสังคม อย่ใู นระดับความคิดเหน็ เหน็ ด้วยอยา่ งยง่ิ
ผลการวิจัยเชิงคุณภาพพบว่า กลมุ่ ตัวอยา่ งทง้ั หมดมคี วามรูค้ วามเข้าใจเก่ียว กับปรัชญาเศรษฐกิจ
พอเพียงและน้ามาใชเ้ ปน็ แนวทางในดา้ เนนิ ชีวิตไดเ้ ปน็ อย่างดี

กติ ติศักด์ิ สินธวุ นชิ (๒๕๔๘) พบว่า การกระจายรายได้ของประเทศไทยนน้ั แมใ้ นช่วง
การเจรญิ เตบิ โตทางเศรษฐกจิ จะทา้ ให้ประชาชนมรี ายไดเ้ พิม่ ขน้ึ แตร่ ายได้ทเี่ พมิ่ ขนึ้ นีจ้ ะตกอยกู่ ับ
กลมุ่ คนที่มรี ายได้สูงสดุ เพยี งร้อยละ ๒๐ แรกเท่านนั้ ซงึ่ เป็นลักษณะความหา่ งของชน้ั รายไดข้ อง
ประเทศในช่วงสบิ ปที ีผ่ า่ นมา ซ่งึ ความเล่อื มล้าของรายได้นเ้ี องน้ามาสู่ความแตกต่างของคุณภาพชีวิต
ของประชาชนในด้านตา่ งๆ ปญั หาหลกั ท่ที า้ ใหเ้ กิด ความเหล่อื มล้าทางสงั คมนน้ั มาจา กปญั หาความ
ยากจน เนือ่ งจากผู้ที่มีความยากจนจะเป็นผ้ทู ่ีมีคุณภาพพชีวติ ติ า้่ กว่ามาตรฐาน

๓๐

สมชยั จิตสชุ น (๒๕๕๘ ) ได้ศึกษาวจิ ัยเร่อื ง ความเหล่ือมล้าในสงั คมไทย : แนวโน้ ม
นโยบาย และแนวทางขับเคลื่อนนโยบาย พบวา่ ความเหลอื่ มลา้ เปน็ บ่อเกดิ หรือปัจจัยเสริมของอีก
หลากปัญหาในสงั คมไทย ไม่ว่าจะ เป็นปัญหา เศรษฐกิจ สังคม รวมท้งั ปญั หาการเมือง ความเหล่อื ม
ล้าเปน็ ปัญหาท่ีเร้ือรังและหากไม่มีการแก้ไขอยา่ งจริงจังคาดวา่ สังคมไทยจะยงั คงมีปญั หานี้ ตอ่ ไปใน
อนาคต นโยบายท่ีมผี ลความเหลอื่ มล้า ไดม้ ากทีส่ ุด คอื การใช้จา่ ยรัฐด้าน สวสั ดิการและดา้ นสังคม
และนโยบาย ภาษี ซงึ่ รัฐบาลไทยทกุ ยคุ ส มัยท่ีผ่านมายงั มิได้ใช้นโยบายทั้ งสองด้านนี้ ในการลคความ
เหล่ือมล้ามากเทา่ ทีค่ วร ระบบภาษไี ทยยงั มชี ่ องวา่ งใหค้ นรวยเสยี ภาษนี ้อยกว่า ความสามารถมาก ไม่
ว่าจะเป็นการขาดภาษที เ่ี กบ็ บนฐานทรัพยส์ นิ กา รหลกี เล่ียงภาษีหลากป ระเภท ระบบสวสั ดิการท่ีดี
ควรมีลกั ษณะของการลงทนุ ทางสงั คม (social investment) เช่น ใหล้ า้ ดบั ความส้าคัญกับดูแลเดก็
และเยาวชนเพราะผลตอบแทนกลับตอ่ สังคมสูงมาก เป็นตน้ นอกจากนั้นยงั ควรประยุกตใ์ ช้พัฒนาการ
ใหม่ ๆ ของการบริหารสวัสดิการ ไม่วา่ จะเปน็ ในด้ านเคร่อื งมอื (tools) เช่นระบบ ฐานขอ้ มลู การ
ตรวจสอบคณุ สมบตั ิผูค้ วรได้รับสวัสดิการ (means testing) หรอื นวตั กรรมในการสรา้ ง เครือข่าย
สังคมเพอื่ ร่วมกนั ใหบ้ รกิ ารหรอื กระทงั่ รับภาระการเงินระบบสวัสดิการ

จรรยา พคุ ยาภรณ์ สรพล บรู ณกลู และสพุ ฒั นก์ ลุ ภัคโชค (๒๕๕๙) ไดศ้ กึ ษาวิจัยเรือ่ ง การ
พฒั นาและแกไ้ ขความเหลื่อมล้าทางสงั คม ในกรุงเทพม หานคร : กรณีศึกษาชมุ ชนโรงชอ้ น ๔๕ แขวง
ลาดยาว เขตจตุจกั ร กรุงเทพฯ โดยวตั ถุประสงค์เพ่อื ศึกษาสภาพปญั หาและค้นหาความตอ้ งการของ
ชมุ ชนในความเหลอื่ มล้าทางสังคม ๖ ประเด็น ประกอบดว้ ย ๑) การเขา้ ถงึ ระบบการศึกษาและการ
พัฒนาเยาวชน ๒) การพฒั นาดา้ น กายภาพของชมุ ชน ๓) การแกไ้ ขปัญหาความยากจน และสร้าง
ความเข้มแข็งแก่ชมุ ชน ๔) การปฏิบั ตทิ ่ีไม่เป็นธรรม โดยอา้ นาจรฐั ๕) การเข้าถงึ ทรัพยากรของรัฐ
และ ๖) ความเหลอ่ื มลา้ ในการแสดงความคดิ เห็น รวมทัง้ เพือ่ พัฒนาวิธี การแกไ้ ขปั ญหาและ
ตอบสนองความตอ้ งการของชมุ ชนโด ยผ่านโครงการเงินทนุ ต้นกล้า และ เพ่อื วเิ คราะห์ปัจจัย แห่ง
ความส้าเรจ็ ในการแกป้ ญั หาของชุมชน กลุม่ เปูาหมายคือ ประชาชนชมุ ชนโรงชอ้ น ๔๕ โดยใชร้ ะเบียบ
วธิ ีวิจยั เชิง คณุ ภาพประกอบกับขอ้ มลู เชงิ ปรมิ าณ ผลการวิจัยแสดงให้เหน็ วา่ ๑) การพัฒน าดา้ น
กายภาพของชุมชนถือเปน็ ความตอ้ งการจา้ เป็นของชมุ ชน ในเร่อื งอุปกรณป์ อู งกนั อัคคีภัย ตลอดจน
ความรู้ ความเข้า ใจในการปอู งกันและระงับอัคคภี ยั ๒) การจัดโครงการโรง ชอ้ นรวมใจ ตา้ นอคั คภี ัย
โดยใชเ้ งนิ ทุนต้นกล้าสามารถแก้ปัญหาและตอบสนองความตอ้ งการ จ้าเป็นของชุมชน ๓) ปัจจัยแหง่
ความส้าเรจ็ ในการแกป้ ญั หาของชุมชนคือการรวมกลุ่มของสมาชิกชมุ ชนโรงชอ้ น ๔๕ ในรปู แบบของ
กล่มุ ชว่ ยเหลอื ตนเองตวั แบบดงั กล่าวสามารถเป็นแนวการปฏบิ ัติท่ดี ีเลศิ ในการสร้างความเขม้ แขง็
ให้กบั ชมุ ชนอน่ื ๆ ได้

อา้ ไพ แสนหมน่ื (๒๕๕๐) ได้จัดทา้ โครงการวจิ ัยเพ่อื การพัฒนาแ ละการแก้ไขความเหลือ่ ม
ลา้ ทางสังคม กรณชี มุ ชนคาลเท็กซ์ โดยมีวตั ถปุ ระสงคเ์ พอื่ ศกึ ษาวิเคราะห์สภาพปัญหาและความ

๓๑

ต้องการของชุมชน ตามกระบวนการมสี ว่ นร่วมในการแกไ้ ขความเหล่ือมล้าทางสังคมเพ่อื การพฒั นา
อยา่ งยง่ั ยนื และเสนอแนะแนวทางในการสนบั สนนุ และส่งเสริมการมสี ว่ นรว่ มขอ งประชาชนในการ
พัฒนากรุงเทพมหานครเกย่ี วกบั การแก้ไขความเหลอื่ มลา้ ทางสังคม ๖ ประเด็น คือ การเข้าถึงระบบ
การศึกษาและพฒั นาเยาวชน การพัฒนาด้านกายภาพของชุมชน การแก้ไข ความยากจนและสรา้ ง
ความเข้มแขง็ แกช่ ุมชน การปฏิบัติที่ไมเ่ ป็นธรรมโดยอา้ นาจรฐั การเข้าถงึ ทรัพยากรของรัฐ และความ
เหลอ่ื มลา้ ในการแสดงความคดิ เหน็ โดยเน้นการวิจยั เชงิ คุณภาพ เป็นงานวิจยั เชงิ ปฏิบตั กิ ารแบบมี
สว่ น ร่วมระหว่างประชาชนในชุมชนกบั นักวิจัย นักวชิ าการ และผู้ประสานงานในพื้นที่ ผลการวจิ ัย
พบว่า ชมุ ชนคาลเทก็ ซ์ เขตยานนาวา เปน็ ชมุ ชนแออัดขนาดเล็กใจกลางเมอื ง สภาพบ้ านเรือนทรุด
โทรม ทางเดินเทา้ ในชมุ ชนคับแคบ ชา้ รุด และมแี สงสวา่ งไมเ่ พียงพอ ไมม่ ีลานกฬี าส้าหรบั คนในชมุ ชน
เด็กและเยาวชนขาดโอกาสทางการศึกษา ขาดการเอาใจใสบ่ ตุ รหลานเรอ่ื งการเรยี น ประชาชนสว่ น
ใหญ่ในชมุ ชนยากจน มีหน้นี อกระบบ และไม่สามารถเขา้ ถงึ แหล่งเงินก้ขู องภาครฐั การท้า งานของ
หน่วยงานรฐั ลา่ ชา้ การกระจายข้อมลู ภายในชมุ ชนไมท่ ว่ั ถึงและขาดโอกาสในการแสดงความคดิ เห็น
แม้วา่ ชมุ ชนจะมีปัญหาดา้ นตา่ งๆ หลายดา้ น แตช่ ุมชนก็มีแผนทจี่ ะพัฒนาชุมชนดา้ นกายภาพ ด้าน
สิ่งแวดลอ้ ม ด้านเศรษฐกิจ ดา้ นสงั คม ด้านอนามัยและจติ ใจ และสง่ เสรมิ กจิ กรรมของเด็กและเยาวชน
ดังนั้น ภาครฐั โดยเฉพาะในระดบั เขตควรพิจารณาและใหก้ ารสนันสนุนสง่ เสริมกิจกรรมโครงการต่างๆ
ของชมุ ชนคาลเท็กซ์ เพ่ือยกระดับคุณภาพชวี ติ ของคนในชมุ ชน

๓๒

บทที่ ๓
วธิ ีดาเนินการศึกษา

ในการศึกษาวจิ ัยครง้ั น้ี ผ้วู จิ ัยไดก้ า้ หนดระเบียบวิธกี ารวิจั ยเกี่ยวกบั ขอ้ มูล แหล่งข้อมลู ท่ี
ใช้ในการศกึ ษา กลุม่ ตัวอย่างและวิธการสมุ่ ตัวอยา่ ง เครอ่ื งมือทใ่ี ช้ในการวิจัย การเก็บรวบรวมขอ้ มูล
การวิเคราะหข์ อ้ มูลและสถติ ิท่ีใช้ในการศกึ ษาวิจยั ดงั ต่อไปนี้

๓.๑ ข้อมลู (Data) ทใ่ี ชใ้ นการศกึ ษาวิจยั
๓.๑.๑ ขอ้ มลู ปฐมภมู ิ (Primary Data) ไดแ้ ก่ ข้อมูลที่ไดจ้ ากแบบสอบถาม

(Questionnaires) ทผี่ วู้ จิ ัยก้าหนดข้ึนเพือ่ ใชส้ อบถามกลุ่มตัวอย่าง
๓.๑.๒ ขอ้ มลู ทุตยิ ภมู ิ (Secondary Data) ไดแ้ ก่ ข้อมูลทไี่ ดจ้ ากหนงั สือ ผลงานทาง

วชิ าการ บทความและเอกสารระเบียบกฎหมายต่างๆ ทีเ่ กี่ยวข้อง

๓.๒ ประชากรและกลุม่ ตวั อย่าง (Population & Samples)
๓.๒.๑ ประชากร (Population) ประชากรท่ีใชใ้ นการศกึ ษาในครั้งนี้ มดี งั นี้
๑) ผมู้ ีรายได้น้อยท่ีมีบัตรสวสั ดิการแห่งรัฐในพ้นื ท่ี เขตเทศบาลมอื งปากชอ่ ง อา้ เภอ

ปากชอ่ ง จงั หวัดนครราชสีมา ซงึ่ มอี ยู่จ้านวน ๓,๓๓๙ คน
๒) คณะท้างานพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ ผมู้ บี ัตรสวสั ดิการแหง่ รฐั ประจา้ อา้ เภอ (ทีมหมอ

ประชารฐั สุขใจ หรือ ทมี ปรจ.) ประกอบดว้ ยคณะทา้ งานระดบั อา้ เภอ และผ้ดู แู ลผู้มีบัตรสวัสดกิ าร
แห่งรัฐ (AO) จ้านวน ๓๖ คน

๓.๒.๒ กลุ่มตัวอยา่ งและการสุ่มตัวอย่าง (Samples & Sampling)
กลมุ่ ตัวอยา่ ง ทีใ่ ชใ้ นการ ศึกษา ได้มีการกา้ หนดขนา ดของกลุ่มตัวอยา่ ง (Sample Size)
และใช้ วธิ กี ารสมุ่ ตัวอยา่ ง (Sampling) ดงั น้ี

๑) ผู้มีรายไดน้ ้อยท่ีมีบตั รสวัสดิการแหง่ รฐั ในพืน้ ที่ เขตเทศบาลเมืองปากชอ่ ง อ้าเภอ
ปากช่อง จังหวดั นครราชสีมา ซึ่งมีอยู่จ้านวน ๓,๓๓๙ คน ใชว้ ิธกี ารสุ่มตัวอยา่ ง แบบโควตา้ (Quota
Sampling) และแบบเฉพาะเจาะจง (Purposive Sampling) ในพน้ื ทจี่ ้านวน ๒๓ ชมุ ชน ๆ ละ
๑๐ คน รวม ๒๓๐ คน

๒) คณะทา้ งานพัฒนาคุณภาพชวี ิตผ้มู ีบัตรสวัสดกิ ารแหง่ รฐั ประจ้า อา้ เภอ (ทมี หมอ
ประชารัฐสขุ ใจ หรอื ทีม ปรจ.) ประกอบดว้ ยคณะท้างานระดบั อา้ เภอและผู้ดแู ลผู้มีบตั รสวัสดิการ
แห่งรฐั (AO) จา้ นวน ๓๖ คน ใช้วธิ ีการส่มุ ตัวอยา่ ง แบบแบบโควตา้ (Quota Sampling) และแบบ
เฉพาะเจาะจง (Purposive Sampling) ประกอบด้วย นายอ้าเภอ ๑ คน นายกเทศมนตรี เมือง

๓๓

ปากชอ่ ง ๑ คน ผู้จัดการธนาคารออมสิน ๑ คน ผูจ้ ดั การธนาคารเพ่อื การเกษตรและสหกรณ์ (ธกส.)
๑ คน หัวหน้าสว่ นราชการ ๕ คน (เกษตรอ้าเภอ ๑ คน พัฒนาการอ้าเภอ ๑ คน สาธารณสขุ อา้ เภอ
๑ คน ผ้อู ้านวยการโรงพยาบาล ๑ คน และผู้บรหิ ารสถานศึกษา ๑ คน) รวมท้งั ส้นิ ๙ คน

๓.๓ เครอ่ื งมือการวิจัย
เครอ่ื งมอื ท่ีใชใ้ นการวจิ ัยในคร้งั น้ี คอื แบบ สมั ภาษณแ์ บบเจาะลึก (In-depth Interview) ท่ี

ได้ก้าหนดขึ้น จา้ นวน ๒ ชุด เพ่อื ใชส้ มั ภาษณ์กลุม่ ตวั อยา่ ง ดงั น้ี
แบบสมั ภาษณช์ ุดที่ ๑ ใชส้ มั ภาษณ์ผู้มีรายไดน้ ้อยท่ีมีบตั รสวัสดกิ ารแหง่ รัฐ
แบบสัมภาษณ์ชดุ ที่ ๒ ใชส้ มั ภาษณ์คณะท้างานพฒั นาคุณภาพชีวติ ผู้มีบัตรสวัสดกิ ารแห่ง

รัฐประจ้าอา้ เภอ (ทีมหมอประชารฐั สุขใจ หรอื ทีม ปรจ.)

๓.๔ การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู
ผศู้ ึกษามอบหมายให้ปลดั อ้าเภอประจา้ ต้าบล และพฒั นากรประจ้าต้าบ ลเป็นผู้สัมภาษณ์และ

เกบ็ รวบรวมข้อมลู กลุ่มตวั อยา่ งผ้มู ี รายได้น้อยทม่ี ี บัตรสวสั ดิการแห่งรัฐ โดยจะมีการประชมุ ชแ้ี จง
อธิบายให้ ผูเ้ ก็บรว บรวมข้อมูลได้รับ รับทราบถึงวัตถปุ ระสงคใ์ นการวิจยั วิธแี ละข้นั ตอนในการ
สมั ภาษณก์ ลุ่มตวั อยา่ ง เพอื่ ให้ไปอธบิ าย ทา้ ความเขา้ ใจกับกล่มุ ตัวอยา่ ง ก่อนดา้ เนินการใช้แบบ
สัมภาษณ์เกบ็ ขอ้ มลู ส่วนกลุม่ ตัวอยา่ งคณะทา้ งานพัฒนาคณุ ภาพชีวิตผมู้ บี ตั รสวัสดกิ ารแห่งรฐั ประจา้
อ้าเภอ (ทมี หมอประชารฐั สขุ ใจ หรอื ทีม ปรจ.) ทางกลุ่มจะนดั หมายกลุ่มตัวอยา่ งเพื่อสมั ภาษณ์ ตาม
ห้วงเวลาที่ก้าหนดไว้ ทงั้ น้ี เพือ่ ให้ไดข้ อ้ มูลทถ่ี กู ตอ้ ง สมบรู ณแ์ ละเชอื่ ถอื ได้

๓.๕ การวิเคราะหข์ ้อมูลและสถติ ทิ ่ีใช้ในการวิจยั
ในการวเิ คราะหข์ ้อมูลผู้ศกึ ษาน้าแบบสมั ภาษณ์ท่ีไดจ้ ากการ เก็บ รวบรวม ขอ้ มลู ไดม้ า

ตรวจสอบความถกู ต้องและความสมบูรณ์กอ่ นน้ามาวิเคราะห์ ดงั น้ี
๓.๕.๑ ข้อมูลการสมั ภาษณ์ผู้มรี ายไดน้ ้อยท่ไี ดร้ บั บตั รสวสั ดิการแหง่ รัฐ
๑) ขอ้ มลู ท่ัวไปของกลุ่มตวั อย่าง ใช้การหาคา่ ความถี่ (Frequency) และคา่ ร้อยละ

(Percentage)
๒) ขอ้ มูลความคิดเห็นเกยี่ วกับสภาพปัญหาและความตอ้ งการในการลดความเหลื่อม

ลา้ ทางสงั คม ใชว้ ธิ ีการหาค่าความถี่ (Frequency) คา่ ร้อยละ (Percentage) และการพรรณาความ
(Descriptive Analysis)

๓) ข้อมลู ปญั หาอปุ สรรคและขอ้ เสนอะในการลดความเหล่อื มล้า ในสังคม นา้ เสนอใน
ภาพรวมในลักษณะพรรณนาความ (Descriptive Analysis)

๓๔

๓.๕.๒ ขอ้ มูลการสมั ภาษณ์คณะท้างานพัฒนาคณุ ภาพชวี ติ ผ้มู บี ัตรสวสั ดกิ ารแห่งรัฐประจา้
อา้ เภอ (ทมี ปรจ.) นา้ เสนอข้อมูลแนวทางและกลไกในการบรหิ ารงานของอา้ เภอและองค์กรปกครอง
ส่วนท้องถ่ินในการลดความเหลอ่ื มลา้ ในสงั คม น้าเสนอ ในภาพรวม ในลกั ษณะพรรณนาความ
(Descriptive Analysis)

๓๕

บทที่ ๔
ผลการศกึ ษา

การศกึ ษาในครง้ั นม้ี ีวตั ถปุ ระสงคเ์ พอ่ื ศึกษาสภาพปัญหาและ ความต้องการ ของประชาชน
ในการลดความเหลื่อมลา้ ในสงั คม และศึกษากลไกการบรหิ ารงานของอ้าเภอและองคก์ รปกครอง สว่ น
ทอ้ งถ่ินในการลดความเหลอ่ื มล้าในสงั คม ในเขตเทศบาลเมอื งปากช่อง จังหวัดนครราชสมี า รวมทง้ั
ปญั หาอุปสรรคและ ข้อเสนอแนะ แนวทางในการลดปญั หาความเหลื่อมลา้ ในสังคม ผลการศกึ ษา
น้าเสนอตามลา้ ดับ ดงั นี้

๔.๑ ข้อมลู ท่วั ไปของกลุม่ ตัวอย่าง
๔.๒ ข้อมูลสภาพปญั หาและความตอ้ งการของผู้มีบัตรสวสั ดกิ ารแห่งรัฐ
๔.๓ กลไกการบรหิ ารงานของอา้ ภอและองค์กรปกครองส่วนท้องถน่ิ ในการลดความ

เหล่ือมล้าในสังคม
๔.๓.๑ ความคดิ เห็นของผ้มู ีบตั รสวัสดิการแหง่ รฐั
๔.๓.๒ ความคิดเหน็ ของนายอา้ เภอ หวั หนา้ ส่วนราชการและผู้บรหิ ารองคก์ ร

ปกครองส่วนท้องถ่ินและผูท้ เี่ กยี่ วข้อง
๔.๔ ข้อเสนอแนะแนวทางในการลดความเหลอื่ มลา้ ในสงั คม

๔.๔.๑ ข้อเสนอแนะของผ้มู ีบัตรสวัสดิการแหง่ รัฐ
๔.๔.๒ ขอ้ เสนอแนะของนายอา้ เภอ หวั หน้าส่วนราชการและผู้บรหิ ารองค์กร

ปกครองส่วนท้องถนิ่ และผทู้ ี่เกีย่ วขอ้ ง

๔.๑ ข้อมลู ทว่ั ไปของกลุม่ ตัวอยา่ ง

จากการสอบถามกลมุ่ ตวั อยา่ งผูม้ ีบตั รสวัสดิการแห่งรัฐเก่ียวกับขอ้ มูลท่วั ไป ซ่ึงประกอบดว้ ย
เพศ อายุ ระดบั การศึกษา อาชพี และรายได้ ปรากฏตามตารางท่ี ๔.๑

๓๖

ตารางท่ี ๔.๑ จ้านวนและรอ้ ยละของผู้ตอบแบบสอบถาม จา้ แนกตามสถานภาพ

สถานภาพ จานวน รอ้ ยละ

เพศ ๕๓.๙๑
๔๖.๐๙
ชาย ๑๒๔
๑๖.๕๒
หญิง ๑๐๖ ๒๔.๗๘
๓๒.๑๗
อายุ ๑๔.๓๕
๑๒.๑๗
ไมเ่ กนิ ๓๐ ปี ๓๘
๔๐.๘๗
๓๑ - ๔๐ ปี ๕๗ ๒๗.๓๙
๑๘.๒๖
๔๑ – ๕๐ ปี ๗๔ ๑๓.๔๘

๕๑ – ๖๐ ปี ๓๓ ๔๔.๓๕
๓๗.๘๓
๖๑ ปี ขน้ึ ไป ๒๘ ๙.๑๓
๕.๒๒
ระดบั การศกึ ษา ๓.๔๗

ประถมศกึ ษา ๙๔ ๕๘.๒๖
๔๑.๗๔
มธั ยมศึกษา ๖๓

อาชวี ศกึ ษา ๔๒

ปรญิ ญาตรีขน้ึ ไป ๓๑

อาชพี

เกษตรกร ๑๐๒

รบั จา้ ง ๘๗

คา้ ขาย ๒๑

ธรุ กจิ ส่วนตวั ๑๒

อ่ืนๆ ๘

รายได้ต่อปีในปี ๒๕๕๙

ไม่เกนิ ๓๐,๐๐๐ บาท ๑๓๔

เกิน ๓๐,๐๐๐ บาท ๙๖

จากตารางท่ี ๔.๑ พบว่าผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญเ่ ป็นเพศชาย คดิ เปน็ รอ้ ยละ
๕๓.๙๑ มีอายรุ ะหวา่ ง ๔๑-๕๐ ปี คิดเป็นรอ้ ยละ ๓๒.๑๗ การศึกษาระดบั ประถมศึกษา คิดเป็น
รอ้ ยละ ๔๐.๘๗ อาชพี เกษตรกร คิดเป็นร้อยละ ๔๔.๓๕ มีรายได้ต่อปใี นปี ๒๕๕๙ ไม่เกนิ ๓๐,๐๐๐
บาท คดิ เป็นร้อยละ ๕๘.๒๖

๓๗

๔.๒ ข้อมูลสภาพปัญหาและความตอ้ งการของผู้มีบตั รสวัสดิการแห่งรฐั
จากการ สัมภาษณ์ข้อมลู ปญั หาและความตอ้ งการของผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในพืน้ ที่

เทศบาลเมอื งปากช่อง อ้าเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสมี า จ้านวน ๒๓๐คน ไดข้ อ้ มูลดงั น้ี
๔.๒.๑ การรับรู้เกย่ี วกับการเพมิ่ วงเงนิ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐโดยมเี ง่ือนไขให้เขา้

ฝึกอบรมอาชีพ
รฐั บาลไดก้ า้ หนดให้เพ่มิ จ้านวนเงนิ แกผ่ มู้ บี ตั รสวสั ดิการแห่งรฐั โดย มีเง่ือนไขให้เขา้

ฝกึ อบรมอาชีพ จึงจะได้เพ่มิ วงเงินดงั นี้
(๑) ผมู้ บี ัตรสวัสดิการแหง่ รัฐท่มี ีรายไดไ้ ม่เกนิ ๓๐,๐๐๐ บาทในปี ๒๕๕๙ จะได้รับวงเงนิ

เพิ่มเตมิ จ้านวน ๒๐๐ บาท/คน/เดอื น
(๒) ผมู้ บี ตั รสวสั ดกิ ารแห่งรัฐท่รี ายได้ สูงกวา่ ๓๐,๐๐๐ บาทในปี ๒๕๕๙ จะได้รบั วงเงนิ

เพมิ่ เตมิ จา้ นวน ๑๐๐ บาท/คน/เดอื น

ตารางที่ ๔.๒ การรับรเู้ ก่ียวกับการเพิ่มวงเงนิ บัตรสวัสดกิ ารแห่งรฐั โดยมีเง่อื นไขให้เข้า
ฝกึ อบรมอาชพี

การรับรเู้ กี่ยวกับการเพิม่ วงเงิน จ้านวน (คน) รอ้ ยละ
บตั รสวสั ดกิ ารแห่งรฐั
๒๑๗ ๙๔.๓๕
รบั รวู้ ่ามกี ารเพ่มิ วงเงนิ บตั รฯ ๑๓ ๕.๖๕
ไมร่ บั รวู้ ่ามีการเพิ่มวงเงนิ บัตรฯ ๒๓๐ ๑๐๐.๐๐

รวม

จาตารางท่ี ๔.๒ กล่มุ ตัวอยา่ งผมู้ ีบัตรสวสั ดิการแห่งรัฐสว่ นใหญร่ ับรูว้ า่ รัฐบาลก้าหนดให้
เพิม่ จ้านวนเงิน โดยมีเงือ่ นไขใหเ้ ขา้ ฝึกอบรมอาชีพ คิดเปน็ ร้อยละ ๙๔.๓๕ ส่วนผู้ทไี่ มร่ ับร้วู า่ มกี าร
เพม่ิ วงเงนิ ให้กบั ผ้มู ีบัตรสวัสดกิ ารแหง่ รฐั โดยมกี ารฝึกอบรมอาชพี มีเพยี งรอ้ ยละ ๕.๖๕

๓๘

๔.๓ การเข้าร่วมมาตรการพฒั นา คุณภาพชวี ิตผู้มบี ัตรสวัสดกิ ารแห่งรัฐ และเขา้ ร่วม

ฝึกอบรมอาชพี เพือ่ เพิ่มทักษะในการทางาน

ตารางท่ี ๔.๓ การเข้ารว่ มมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มบี ตั รสวัสดกิ ารแหง่ รฐั และเขา้

รว่ มฝึกอบรมอาชพี

การเขา้ ร่วมมาตรการพฒั นาคณุ ภาพชีวติ จ้านวน (คน) ร้อยละ

และเข้าร่วมฝึกอบรมอาชีพ

เขา้ รว่ ม ๑๙๒ ๘๓.๔๘

ไมเ่ ขา้ ร่วม ๓๘ ๑๖.๕๒

รวม ๒๓๐ ๑๐๐.๐๐

จากตารางท่ี ๔.๓ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ เข้ารว่ มมาตรการพฒั นาคุณภาพชวี ติ ผู้มีบตั ร

สวัสดกิ ารแหง่ รฐั และเข้ารว่ ม ฝกึ อบรมอาชีพ คดิ เปน็ รอ้ ยละ ๘๓.๔๘ สว่ นทไ่ี มเ่ ขา้ รว่ ม เข้าร่วม

มาตรการพฒั นา คณุ ภา พชวี ติ ผมู้ บี ัตรสวสั ดกิ ารแห่งรฐั และเขา้ ร่วม ฝึกอบรมอาชีพ มเี พยี งรอ้ ยละ

๑๖.๕๒

๔.๔ ลกั ษณะปัญหาของผู้มีบัตรสวสั ดกิ ารแหง่ รฐั

ตารางที่ ๔.๔ ลักษณะปัญหาของผูม้ ีบตั รสวัสดกิ ารแหง่ รฐั

ลักษณะปญั หา จ้านวน (คน) รอ้ ยละ

ของผ้บู ัตรสวสั ดกิ ารแห่งรฐั ๗๒.๖๑
๗.๘๓
หน้สี ิน ๑๖๗ ๓.๙๑
๓.๑๔
คา่ ใชจ้ ่ายในชวี ิตประจ้าวัน ๑๘ ๖.๐๙
๔.๗๘
ค่าใช้จ่ายเพ่อื การศกึ ษาบตุ ร ๙ ๑.๗๔
๑๐๐.๐๐
คา่ ใชจ้ ่ายในการรกั ษาพยาบาล ๗

การประกอบอาชีพ ๑๔

ที่ดนิ ท้ากนิ ๑๑

อ่ืนๆ ๔

รวม ๒๓๐

จากตารางท่ี ๔.๔ กลมุ่ ตวั อย่างส่วนใหญม่ ีปัญหาด้านหนีส้ นิ มากทีส่ ุด คิดเป็นร้อยละ
๗๒.๖๑ รองลงมาคอื ปัญหาค่าใชจ้ า่ ยในชวี ิตประจา้ วนั ปัญหาดา้ นการประกอบอาชีพ ปญั หาท่ีดนิ
ท้ากนิ ปัญหาค่าใชจ้ า่ ยเพอ่ื การศึกษาบุตร ปญั หา คา่ ใชจ้ ่ายในการรักษาพยาบาล และปัญหาอน่ื ๆ
ตามล้าดับ คิดเป็นรอ้ ยละ ๗.๘๓, ๖.๐๙, ๔.๓๘, ๓.๙๑, ๓.๑๔ และ ๑.๗๔ ตามลา้ ดบั

๓๙

๔.๕ ความตอ้ งการของผู้มีบัตรสวัสดิการแหง่ รฐั ที่ให้ภาครัฐใหค้ วามช่วยเหลอื

ตารางท่ี ๔.๕ ความตอ้ งการของผมู้ บี ตั รสวัสดกิ ารแห่งรฐั ท่ีให้ภาครัฐใหค้ วามช่วยเหลอื

ความต้องการ จา้ นวน (คน) ร้อยละ

ของผูบ้ ัตรสวสั ดิการแหง่ รัฐ

หน้สี ิน ๑๕๒ ๖๖.๐๙

เงินกยู้ ืมเพ่ือการดา้ รงชพี ๓๘ ๑๖.๕๒

เงินทนุ ในการประกอบอาชีพ ๒๑ ๙.๑๓

เงินกู้ยืมเพ่ือการศึกษาบตุ ร ๕ ๒.๑๗

สวสั ดิการในการรกั ษาพยาบาล ๔ ๑.๗๔

การจัดสรรที่ดนิ ท้ากนิ ๘ ๓.๔๘

อื่นๆ ๒ ๐.๘๗

รวม ๒๓๐ ๑๐๐.๐๐

จากตารางท่ี ๔.๕ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญม่ ี ความตอ้ งการใหห้ น่วยงานภาครฐั แก้ไข ปญั หา
ด้านหนส้ี นิ มากทีส่ ดุ คดิ เปน็ ร้อยละ ๖๖.๐๙ รองลงมาคือ เงินกยู้ ืมเพอื่ การด้ารงชพี เงนิ ทุนในการ
ประกอบอาชีพ การจัดสรรทีด่ ินทา้ กนิ เงนิ กู้ยืมเพอื่ การศึกษาบุตร สวสั ดกิ ารในการรกั ษาพยาบาล
และอ่ืนๆ คิดเปน็ รอ้ ยละ ๑๖.๕๒, ๙.๑๓, ๓.๔๘, ๒.๑๗, ๑.๗๔ และ ๐.๘๗ ตามล้าดบั

๔.๕ ภาวะหน้สี นิ และการเขา้ ถงึ แหล่งเงนิ ทนุ ของผ้มู ีบตั รสวัสดกิ ารแหง่ รัฐ

๔.๕.๑ หนี้สนิ ในระบบ

ตารางที่ ๔.๖ หนสี้ ินในระบบของผู้มบี ัตรสวสั ดิการแห่งรฐั

หน้ีสินในระบบ จ้านวน (คน) ร้อยละ

ของผ้มู ีบตั รสวัสดกิ ารแหง่ รฐั

ธนาคาร ธกส. ๙๘ ๓๕.๐๐

ธนาคารออมสนิ ๘๓ ๒๙.๖๔

ธนาคารและสถาบนั การเงินอน่ื ๆ ๑๕ ๕.๓๖

กองทนุ หมู่บา้ น/ชมุ ชนเมอื ง ๗๒ ๒๕.๗๑

ไมม่ ีหน้ใี นระบบ ๑๒ ๔.๒๙

รวม ๒๘๐* ๑๐๐.๐๐

* หมายเหตุ ผู้มบี ัตรสวัสดกิ ารแห่งรัฐบางรายมหี น้สี ินในระบบมากกว่า ๑ แหง่

๔๐

จากตารางท่ี ๔.๖ กลุ่มตวั อย่างสว่ นใหญ่มีหนี้สินในระบบของธนาคาร ธกส . มากทีส่ ดุ คดิ
เป็นรอ้ ยละ ๓๕.๐๐ รองลงมาคอื ธนาคารออมสนิ กองทุนหมบู่ ้าน /ชมุ ชนเมือง ธนาคารและ
สถาบนั การเงนิ อน่ื ๆ คิดเปน็ ร้อยละ ๒๙.๖๔, ๒๕.๗๑ และ ๕.๓๖ ตามล้าดับ สว่ นกลุ่มตวั อยา่ งที่ไม่
มหี นใี้ นระบบมีเพยี งรอ้ ยละ ๔.๒๙

๔.๕.๑ หน้สี นิ นอกระบบ

ตารางที่ ๔.๗ หนส้ี นิ นอกระบบของผมู้ บี ตั รสวสั ดิการแหง่ รัฐ

หนส้ี นิ นอกระบบ จา้ นวน (คน) รอ้ ยละ

ของผมู้ ีบัตรสวัสดกิ ารแหง่ รัฐ ๔๕.๒๒
๒๓.๐๔
มีหนนี้ อกระบบ ๑๐.๐๐
๒.๑๗
- นายทนุ ๑๐๔ ๑๙.๕๗
๑๐๐.๐๐
- เพื่อนบ้าน ๕๓

- ญาติพนี่ อ้ ง ๒๓

- อื่นๆ ๕

ไมม่ หี นี้นอกระบบ ๔๕

รวม ๒๓๐

จากตารางที่ ๔.๗ กลมุ่ ตัวอยา่ งสว่ นใหญ่ มีหนส้ี นิ นอกระบบโดยกู้ยืเงนิ จากนายทนุ มาก
ท่สี ุด คดิ เปน็ รอ้ ยละ ๔๕.๒๒ รองลงมากู้ยมื จากเพอ่ื นบา้ น ญาตพิ ่ีน้องและอ่ืนๆ คิดเป็นร้อยละ
๒๓.๐๔, ๑๐.๐๐ และ ๒.๑๗ ส่วนผ้ทู ่ีไม่มหี นี้นอกระบบ ร้อยละ ๑๙.๕๗

๔.๗ การใชส้ ทิ ธิในการรักษาพยาบาลของผู้มบี ตั รสวสั ดิการแห่งรฐั

ตารางท่ี ๔.๘ การใชส้ ิทธใิ นการรักษาพยาบาลของผูม้ ีบตั รสวัสดกิ ารแหง่ รัฐ

การใช้สทิ ธิ จ้านวน (คน) รอ้ ยละ

ในการรกั ษาพยาบาล

สิทธิประกันสขุ ภาพถ้วนหน้า ๑๒๗ ๕๕.๒๒

สทิ ธิจากบตั รประกันทต่ี นเองทา้ ไว้ ๘๖ ๓๗.๓๙

ช้าระด้วยตนเอง ๑๒ ๕.๒๒

อ่ืนๆ ๕ ๒.๑๗

รวม ๒๓๐ ๑๐๐.๐๐

๔๑

จากตารางท่ี ๔.๘ กล่มุ ตวั อย่างสว่ นใหญ่มี การใช้สทิ ธิในการรกั ษาพยาบาลจากสิทธิ
ประกันสขุ ภาพถ้วนหน้ามากที่สดุ คดิ เปน็ รอ้ ยละ ๕๕.๒๒ รองลงมา คอื ใช้สิทธจิ ากบตั รประ กันตนที่
ตนเองท้าไว้ชา้ ระดว้ ยตนเองและอื่นๆ คดิ เป็นรอ้ ยละ ๓๗.๓๙, ๕.๒๒ และ ๒.๑๗ ตามลา้ ดบั

๔.๘ ภาระในการดแู ลรกั ษาผู้ปว่ ยของผมู้ บี ตั รสวสั ดกิ ารแหง่ รัฐ

ตารางที่ ๔.๙ ภาระในการดูแลผปู้ วุ ยของผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรฐั

ภาระในการดแู ลผ้ปู วุ ย จ้านวน (คน) รอ้ ยละ

ของผมู้ บี ตั รสวสั ดกิ ารแหง่ รัฐ

มภี าระในการดแู ลผ้ปู ุวย ๒๕ ๑๐.๘๗

ไม่มภี าระในการดูแลผู้ปวุ ย ๒๐๕ ๘๙.๑๓

รวม ๒๓๐ ๑๐๐.๐๐

จากตารางที่ ๔.๙ กลุ่มตัวอยา่ งส่วนใหญ่ ไมม่ ภี าระในการดแู ลผปู้ ุวย คดิ เปน็ รอ้ ยละ ๘๙.๑๓

ส่วนผทู้ ีม่ ภี าระในการดูแลผปู้ วุ ยมเี พยี งร้อยละ ๑๐.๘๗

๔.๙ การเปน็ เจ้าของบ้าน/ที่พักอาศยั ของผ้มู ีบัตรสวสั ดกิ ารแหง่ รฐั

ตารางท่ี ๔.๑๐ การเปน็ เจา้ ของบ้าน/ที่พกั อาศยั ของผ้มู ีบตั รสวัสดิการแห่งรฐั

การเปน็ เจา้ ของบา้ น/ทพี่ กั อาศัย จ้านวน (คน) ร้อยละ

มบี า้ นเปน็ ของตนเอง ๘๕ ๓๖.๙๖

- มีภาระในการผอ่ นช้าระ (๓๒)

- ไมม่ ภี าระในการผอ่ นชา้ ระ (๕๓)

ไม่มบี ้านเปน็ ของตนเอง ๑๔๕ ๖๓.๐๔

- บา้ นเชา่ (๓๔)

- บ้านพกั หนว่ ยงานรัฐ/รัฐวิสาหกจิ (๘)

- พกั อาศัยกบั บิดา/มารดา (๒๕)

- พกั บา้ นญาติ (๖)

- อ่นื ๆ (๒)

รวม ๒๓๐ ๑๐๐.๐๐

จากตารางที่ ๔.๑๐ กลมุ่ ตวั อยา่ งสว่ นใหญ่ ไมม่ บี ้านเป็นของตนเอง คิดเปน็ รอ้ ยละ

๖๓.๐๔ สว่ นท่ีมีบ้านเป็นของตนเอง คดิ เป็นร้อยละ ๓๖.๙๖ ทั้งนี้ในสว่ นของผ้ทู ่ีไมม่ บี ้านเปน็ ของ

ตนเอง สว่ นใหญพ่ ักอาศัยบ้านเช่ า พกั อาศยั กับบิดา /มารดา พักอาศยั บ้านพกั หนว่ ยงานรัฐ /

รัฐวสิ าหกจิ และพักอาศัยบา้ นญาติและอ่นื ๆ ตามลา้ ดับ

๔๒

๔.๓ กลไกการบริหารงานของอาภอและองคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่ินในการลดความ
เหลือ่ มลา้ ในสงั คม

จากการ สมั ภาษณ์ผู้มีบัตรสวสั ดิการแห่งรฐั นายอ้าเภ อ หวั หน้าส่วนราชการ ผูบ้ รหิ าร
องค์กรปกครองส่วนทอ้ งถนิ่ และผ้ทู เ่ี ก่ยี วขอ้ งในประเด็นกลไกการบริหารงานของอ้าเภอและองค์กร
ปกครองส่วนทอ้ งถน่ิ ในการลดความเหลือ่ มล้าในสงั คม สามารถประมวลผลสรุปไดด้ งั น้ี

๔.๓.๑ กลไกการบริหารงานของอาเภอ
กลไกการบรหิ ารงานอ้าเภอปากช่อง จงั หวัดนครราชสมี า ในการลดความเหล่ือมล้าใน
สงั คม ได้แก่ คณะกรรมการบรหิ ารงานอา้ เภอ (กบอ.) ทมี หมอประชารัฐสขุ ใจ (ปรจ. หรือ AO)
หัวหนา้ สว่ นราชการ ผู้บริหารสถานศึกษา ก้านนั ผูใ้ หญบ่ ้าน และคณะกรรมการหมบู่ ้าน รวมทัง้ การ
ปฏิบตั งิ านของเจ้าหนา้ ที่ในระดับพน้ื ท่ี เชน่ ปลัดอา้ เภอประจา้ ตา้ บล เกษตรตา้ บล พฒั นากรประจ้า
ต้าบล ผู้อา้ นวยการโรงพยาบาลสง่ เสรมิ สุขภาพต้าบล (ผอ.ร.สต.) นอกจากนีย้ งั มีศนู ย์ดา้ รงธรรม
อา้ เภอ ทา้ หน้าทีร่ ับเรื่องรอ้ งเรียนต่างๆ รวมทั้งการอา้ นวยความเป็นธรรมใหก้ บั ประชาชน
กระบวนการในการลดความเหล่ือมล้าในสงั คม มีหนว่ ยงานทีร่ ับผิดชอบในระดับอ้าเภอ
หลายหนว่ ยงานท้งั ทปี่ ฏบิ ตั งิ านตามภารกิจและตามนโยบายของรัฐบาลในการลดความเหล่ือมลา้ ใน
สงั คม โดยไดด้ ้าเนนิ การ ดงั นี้
๑) การสา้ รวจผู้มรี ายไดน้ อ้ ย จัดท้าโดย AO ในพนื้ ท่ี และการตรวจสอบ คณุ สมบตั ิ
ตามแนวทางท่ีกระทรวงการคลังก้าหนด จัดประชุมประชาคมและนา้ ข้อมูลมาบนั ทกึ
๒) การลงพืน้ ทีเ่ พือ่ รบั ทราบ รบั ฟงั ปัญหาและหาทางชว่ ยเหลอื แกไ้ ขปัญหา
๓) การจดั ประชุมคณะกรรมการ กบอ. / ทีมหมอประชารฐั สุขใจ (AO)
๔) การประชุมประจา้ เดือนของกา้ นัน ผใู้ หญบ่ า้ น/การประชุมประจา้ เดือนของหัวหนา้
สว่ นราชการ ห่วยงานรัฐวสิ าหกิจ สถานศึกษาและองค์กรปกครองสว่ นท้องถนิ่
๕) การประชาสมั พนั ธแ์ ละให้ความรูแ้ กผ่ ู้นา้ ชมุ ชน กา้ นัน ผู้ใหญบ่ า้ นนา้ ไปเผยแพร่ให้
ประชาชนทราบ รับรู้และหาทางช่วยเหลือในดา้ นทีย่ ังมคี วามเหล่ือมล้าในสงั คม

๖) การตดิ ตามผลการแกไ้ ขปญั หา เพื่อจะไดท้ บทวน/ปรับปรุงวธิ กี ารท้างานต่อไป
๔.๓.๒ กลไกการบรหิ ารงานขององค์กรปกครองสว่ นท้องถน่ิ
กลไกในการบริหารงานขององคก์ รปกครองส่วนท้องถิน่ คื อ เทศบาลเมืองปากช่อง
อา้ เภอปากชอ่ ง จังหวัดนครราชสมี า ประกอบดว้ ย คณะผบู้ รหิ าร สมาชกิ สภาท้องถ่ิน ข้าราชการ
และพนกั งานสว่ นทอ้ งถิน่ รวมทงั้ คณะกรรมการชุมชนท้งั ๒๓ ชุมชนๆ ละ ๙-๑๕ คน ซงึ่ มาจากการ
เลือกตง้ั ของประชาชนในชุมชน และมเี จา้ หน้าที่พฒั นาชมุ ชน เจา้ หน้ าท่สี าธารณสขุ ประจ้าศูนย์ฯ
ชุมชน เป็นผู้ปฏิบตั ิงานในระดับพน้ื ที


Click to View FlipBook Version