The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by DMR_Landslide, 2022-09-27 02:51:15

รายงานพื้นที่อ่อนไหวต่อการเกิดดินถล่มจังหวัดพังงา

รายงานวิชาการ ฉบับที่ กธส. 02/2565

บทท่ี 3
ข้อมูลพ้ืนฐาน

3.1 ทตี่ ัง้ และอาณาเขต

จังหวัดพังงาตั้งอยู่ทางด้านฝั่งตะวันตกของภาคใต้ติดกับทะเลอันดามัน อยู่ระหว่างเส้น
ละติจูดที่ 7 องศา 48 ลิปดาเหนือ ถึง 9 องศา 28 ลิปดาเหนือ และลองจิจูดที่ 97 องศา 38 ลิปดา
ตะวันออก ถึง 98 องศา 42 ลิปดาตะวันออก อยู่ห่างจากกรุงเทพมหานคร ไปตามทางหลวงแผ่นดิน
ประมาณ 764 กิโลเมตร มีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 4,089 ตารางกิโลเมตร (2,555,625 ไร่) มีอาณาเขต
ติดตอ่ กบั จังหวดั ใกล้เคียง (รูปท่ี 3.1) ดังน้ี

ทศิ เหนอื ติดต่อกบั จงั หวัดระนอง

ทศิ ใต้ ติดต่อกบั จังหวัดภูเกต็ และทะเลอันดามนั

ทิศตะวันออก ติดต่อกบั จงั หวดั สรุ าษฎร์ธานี และจงั หวดั กระบ่ี

ทิศตะวนั ตก ตดิ ตอ่ กับ ทะเลอันดามัน

3.2 ลักษณะภูมปิ ระเทศ

สภาพภูมิประเทศของจังหวัดพังงาส่วนมากเป็นเนินเขาและภูเขาสูงสลับซับซ้อนวางตัวยาว
ในแนวตะวันออกเฉียงเหนือ-ตะวันตกเฉียงใต้ พบได้ตั้งแต่ตอนบนของจังหวัดสลับกับที่ราบลอนคล่ืน
ในด้านฝั่งตะวันตก ที่ราบชายฝั่งทางด้านทิศตะวันตกและทิศใต้ และครอบคลุมเกาะน้อยใหญ่มากกว่า
155 เกาะ เชน่ เกาะยาวใหญ่ เกาะยาวนอ้ ย หมเู่ กาะสุรินทร์ และหมเู่ กาะสิมิลัน (รปู ท่ี 3.1)

3.2.1 บรเิ วณภเู ขาสงู

บริเวณพื้นที่ภูเขาสูงในจังหวัดพังงา มีความสูงจากระดับทะเลปานกลางมากกว่า 600 เมตร
ประมาณร้อยละ 10 ของพื้นที่ทั้งหมด มีจุดสูงสุดอยู่ที่ 1,118 เมตรจากระดับทะเลปานกลาง บริเวณ
เขาพระหมี และ 1,343 เมตรจากระดับทะเลปานกลาง บริเวณเขาแดน ซึ่งเป็นพรมแดนระหว่างจังหวัด
พังงา จังหวัดสุราษฎร์ธานี และจังหวัดระนอง พบบริเวณอำเภอคุระบุรี อำเภอกะปง และอำเภอเมือง
ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกของจังหวดั

- 20 -

3.2.2 บริเวณภเู ขาสงู ระดับกลาง

บริเวณภูเขาสูงระดับกลางในจังหวัดพังงา มีความสูงจากระดับทะเลปานกลาง 300 - 600 เมตร
ประมาณร้อยละ 10 ของพื้นที่ทั้งหมด ถัดออกมาจากภูเขาสูง พบมากที่อำเภอกะปง อำเภอทับปุด
และอำเภอคุระบุรี บริเวณภูเขาระดับต่ำ มีความสูงจากระดับทะเลปานกลาง ไม่เกิน 300 เมตร ประมาณ
ร้อยละ 35 ของพืน้ ที่ท้ังหมด พบกระจายอย่ทู ั่วจงั หวดั

3.2.3 บริเวณทรี่ าบหุบเขา ทร่ี าบลอนคล่นื และท่รี าบเชงิ เขา

บริเวณที่ราบหุบเขา ที่ราบลอนคลื่น และที่ราบเชิงเขา ในจังหวัดพังงา มีความสูงจากระดับ
ทะเลปานกลางไม่เกิน 100 เมตร ประมาณร้อยละ 20 ของพนื้ ทท่ี ัง้ หมด พบกระจายตัวอยทู่ ง้ั จงั หวดั

3.2.4 บริเวณทร่ี าบชายฝ่งั

บริเวณท่ีราบชายฝั่งในจังหวัดพังงา มีความสูงจากระดับทะเลปานกลาง 0 – 10 เมตร
ประมาณร้อยละ 20 ของพนื้ ที่ทงั้ หมด ชายฝงั่ ทะเลมคี วามยาวประมาณ 239 กโิ ลเมตร พบท่ีบริเวณอำเภอ
คุระบรุ ี อำเภอตะก่ัวป่า อำเภอทา้ ยเหมือง และอำเภอตะกวั่ ทงุ่

3.2.5 บรเิ วณเกาะ

ร้อยละ 5 ของพื้นที่ในจังหวัดพังงาเป็นพื้นที่เกาะ พบทั้งทางฝั่งตะวันตก และทางทิศใต้
ของจงั หวัด พบทอี่ ำเภอคุระบรุ ี และอำเภอเกาะยาว ประกอบด้วยเกาะน้อยใหญ่ ประมาณ 155 เกาะ เชน่
เกาะยาวใหญ่ เกาะยาวนอ้ ย หมู่เกาะสุรินทร์ และหมูเ่ กาะสมิ ิลนั

- 21 -

รูปท่ี 3.1 แผนทภ่ี มู ิประเทศจังหวัดพังงา

- 22 -

3.3 ลกั ษณะภูมอิ ากาศ

พังงาเป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ใกล้ทะเล อิทธิพลจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดผ่านมหาสมุทรอินเดีย
และทะเลอันดามัน ทำให้มีฝนตกชุกในฤดูฝนเพราะอยู่ทางด้านรับลม ส่วนฤดูหนาวอากาศไม่หนาวมาก
เพราะอยู่ไกลจากอิทธิพลของอากาศหนาวพอสมควร และบางครั้งอาจมีฝนตกได้ เนื่องจากมรสุมะวันออก
เฉียงเหนือที่พัดผ่านอ่าวไทยนำความชื้นจากทะเลเข้าปกคลุมทำให้มีฝนตก แต่มีปริมาณน้อยกว่าจังหวัดที่อยู่
ทางดา้ นตะวนั ออกของภาคใต้ (กรมอตุ ุนยิ มวิทยา, 2563)

3.3.1 ฤดกู าล

ฤดกู าลของจงั หวัดพงั งา สามารถแบง่ ออกได้เป็น 3 ฤดดู งั นี้

1) ฤดูร้อน เริ่มตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ถึงกลางเดือนพฤษภาคม ระยะนี้เป็นช่วงว่างของ
ฤดูมรสมุ จะมีลมจากทศิ ตะวนั ออกเฉยี งใต้พดั ปกคลุมทำใหม้ ีอากาศรอ้ นอบอา้ วท่ัวไป เดือนท่ีมอี ากาศร้อน
ที่สดุ คือเดือนเมษายน

2) ฤดูฝน เริ่มตั้งแต่เดือนกลางพฤษภาคมถึงเดือนกลางตุลาคม ซึ่งเป็นฤดูมรสุมตะวันตก
เฉียงใต้พัดปกคลุมประเทศไทย และมีร่องความกดอากาศต่ำพาดผ่านภาคใต้เป็นระยะ จึงทำให้มีฝนตก
มากตลอด ฤดูฝน โดยเดอื นกันยายนจะมฝี นตกมากทีส่ ดุ

3) ฤดูหนาว เร่มิ ต้งั แตก่ ลางเดอื นตลุ าคมถึงกลางกุมภาพนั ธ์ ซ่งึ เปน็ ฤดมู รสุมตะวันออกเฉยี งเหนือ
จะมีลมเย็นและแห้งจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือพัดผ่านทำให้มีอากาศเย็น แต่เนื่องจากจังหวัดพังงาอยู่
ใกล้ทะเล อุณหภูมจิ ะลดลงเพยี งเลก็ น้อยอากาศจงึ ไม่หนาวเยน็ มาก และตามชายฝั่งจะมีฝนตกเลก็ นอ้ ย

3.3.2 พายหุ มุนเขตรอ้ น

พายุหมุนเขตร้อนที่เคลื่อนตัวผ่านจังหวัดพังงา ส่วนใหญ่มีกำเนิดจากทะเลจีนใต้และ
มหาสมุทรแปซิฟิกเหนือด้านตะวันตก เคลื่อนตัวทางตะวันตกผ่านอ่าวไทย ก่อนเข้าสู่ประเทศไทยทาง
ภาคใต้ฝั่งตะวันออก ช่วงปลายเดือนตุลาคมถึงเดือนพฤศจิกายน เป็นช่วงเวลาที่พายุเคลื่อนผ่านจังหวัด
พังงา โดยเฉพาะเดือนพฤศจิกายนเป็นช่วงที่พายุหมุนเขตร้อนมีโอกาสเคลื่อนเข้าสู่จังหวัดนี้มากที่สุด
จากสถติ คิ าบ 69 ปี ตั้งแต่ พ.ศ. 2594 – 2562 มพี ายุหมุนเขตร้อนเคลื่อนผ่านเข้ามาสู่จังหวัดพังงาจำนวน
7 ลูก โดยมีกำลังแรงเป็นพายุดีเปรสชันจำนวน 5 ลูก เข้ามาในเดือนมกราคม 1 ลูก คือในปี 2562 เดือน
พฤศจิกายน 4 ลูก คือในปี 2503 2505 2526 และ 2553 และอีกสองลูกมีกำลังแรงเป็นพายุโซนร้อน คือ
พายุโซนร้อน HARRIET ซึ่งเคลื่อนที่เข้ามาในวันท่ี 25 – 26 ตุลาคม 2505 ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ผ่าน
จังหวัดกระบี่ จังหวัดพังงา และจังหวัดภูเก็ต และพายุโซนร้อน FORREST ซึ่งเคลื่อนที่เข้ามาในวันที่ 15
พฤศจิกายน 2535 ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดสุราษฎร์ธานี และจังหวัดพังงา พายุที่เคลื่อนผ่าน
ไดก้ อ่ ใหเ้ กดิ ฝนตกหนกั และลมกระโชกแรง บางครั้ง ทำใหเ้ กดิ นำ้ ท่วม รวมทัง้ กำลังแรงของลมและคลื่นใน
ทะเลทำใหเ้ รือประมงและอาคารบา้ นเรือน ท่ีอยูต่ ามชายฝงั่ ได้รับความเสยี หาย (รปู ที่ 3.2)

- 23 -

รูปที่ 3.2 แผนที่แสดงร่องความกดอากาศต่ำ ทิศทางลมมรสุม และทางเดินพายุหมุนเขตร้อนที่เข้าสู่
ประเทศไทย (กรมอตุ นุ ยิ มวทิ ยา, 2565)

3.3.3 ปริมาณฝน

เนื่องจากพังงาอยู่ทางด้านฝั่งตะวันตกของภาคใต้ ซึ่งรับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้อย่างเต็มท่ี
ในฤดูฝน จึงเป็นจังหวัดที่มีฝนอยู่ในเกณฑ์ดีมากเมื่อเทียบกับจังหวัดอื่น ๆ ในภาคเดียวกัน จากข้อมู ล
ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยรายเดือนของสถานีวัดน้ำฝนตะกั่วป่า จังหวัดพังงา ในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา (2524 –
2564) โดยเดือนกันยายนเป็นเดือนที่มีฝนตกชุกเยอะที่สุดในรอบปี มีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยรายเดือน 608
มิลลิเมตร และในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนตุลาคมซึ่งเป็นฤดูฝนของจังหวัดพังงา มีปริมาณน้ำฝนราย
เดือนเฉลี่ย 2,973 มิลลิเมตร โดยจังหวัดพังงามีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยสะสมตลอดทั้งปี 3,703 มิลลิเมตร
(รปู ท่ี 3.3)

- 24 -

600 4,000
3,500
ป ิรมาณน้าฝนเฉ ่ลียรายเดือน500 3,000
( ิมลลิเมตร) 2,500
400 2,000
ป ิรมาณน้าฝนเฉ ี่ลยสะสม (มิล ิลเมตร)1,500
300 1,000
500
200 -

100

-

ม.ค. ก.พ. ม.ี ค. เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค.

ปรมิ าณนา้ ฝนเฉลี่ย 53 41 121 216 445 433 456 529 608 503 234 65

ปรมิ าณนา้ ฝนเฉลี่ยสะสม 53 94 215 431 876 1,309 1,765 2,293 2,901 3,404 3,638 3,703

รูปท่ี 3.3 ปรมิ าณฝนเฉล่ียรายเดือนจงั หวดั พังงา ในชวงป พ.ศ. 2524 – 2564 (กรมอุตนุ ยิ มวิทยา, 2564)

3.4 ลักษณะธรณวี ิทยา

ข้อมูลลักษณะทางธรณีวิทยาทั่วไปของจังหวัดพังงาอ้างอิงจากแผนที่ เอกสาร รายงาน
การสำรวจท่ีดำเนนิ การมาแลว้ และข้อมลู การสำรวจภาคสนาม ประกอบด้วย แผนท่ีธรณวี ทิ ยามาตราส่วน
1:50,000 ระวางกิ่งอำเภอสุขสำราญ (4267 I) โดยไชยกาล ไชยรังษี (2549) ระวางอำเภอคุระบุรี
(4627 II) โดยธีระพล วงษ์ประยูร และเยาวพา แช่มวัชระกุล (2548) ระวางอำเภอตะกั่วป่า (4626 I)
โดยเลิศชาย ข่ายทอง และสมเกียรติ มาระเนตร์ (2542) ระวางบ้านเขาหลัก (4626 III) โดยพิทักษ์
เทียมวงศ์ และเกชา จำปาทอง (2548) ระวางอำเภอกะปง (4626 II) โดยเดชา มณีนัย และสมชาย
นาคะผดุงรัตน์ (2532) ระวางอำเภอทับปุด (4726 III) โดยเดชา มณีนัย และสมชาย นาคะผดุงรัตน์
(2533) ระวางอำเภอท้ายเหมือง (4625 I) โดยพิทักษ์ เทียมวงศ์ และเกชา จำปาทอง (2548) ระวาง
จงั หวัดพังงา (4725 IV) โดยสันต์ อศั วพชั ระ (2548) ระวางอำเภอถลาง (4625 II) โดยนริ นั ดร์ ชยั มณี และ
นราเมศวร์ ธีระรังสิกุล (2533) ระวางเกาะยาว (4725 III) โดยนรรัตน์ บุญกันภัย (2548) และระวางเกาะ
ยาวใหญ่ (4724 IV) โดยนรรัตน์ บุญกันภัย (2548) รายงานจำแนกเขตเพื่อการจัดการด้านธรณีวิทยาและ
ทรัพยากรธรณีจังหวัดพังงา รายงานวิชาการลำดับชั้นหินของกลุ่มหินแก่งกระจาน: ปรับปรุงใหม่ และ
รายงานวิชาการกลุ่มหินทุ่งใหญ่: หินตะกอนสะสมตัวบริเวณรอยต่อภาคพื้นสมุทรและภาคพื้นทวีป
ยุคจูแรสซิก – ครีเทเชียส บริเวณภาคใต้ของประเทศไทย มีลักษณะธรณีวิทยาทั่วไป (รูปที่ 3.4 และ
ตารางท่ี 3.1) ดังนี้

- 25 -

รูปที่ 3.4 แผนท่ธี รณีวทิ ยาจังหวัดพงั งา

- 26 -

ตารางท่ี 3.1 คำอธบิ ายแผนท่ธี รณวี ิทยาจงั หวัดพังงา

คำอธบิ าย

EXPLANATION

อา้ งอิงจากแผนทธ่ี รณีวิทยาจงั หวัดพงั งา (เฉลมิ พร กาญจนสถิตย์, 2556)

ยคุ หินตะกอน และหินแปร

PERIOD SEDIMENTARY AND METAMORPHIC ROCKS

Qa ตะกอนนำ้ พา : กรวด ทราย ทรายแป้ง และดินเหนยี ว

ตะกอนชายหาด: ทรายขนาดละเอียดถึงหยาบ การคัดขนาดดี
Qb เมด็ คอ่ นขา้ งมน สนี ำ้ ตาลอ่อนถงึ เทาออ่ น เน้อื รว่ น

ตะกอนป่าชายเลน : ดินเหนียวปนพีต ดินเหนียวปนทรายแป้ง
Qm สเี ทาหรอื สเี ทาปนเขียว

ตะกอนที่ราบน้ำทะเลท่วมถึง : ดินเคลย์ ดินเหนียวปนทรายแป้ง

! ! ! ! และทรายเนื้อพรุน สีเทาอ่อนถึงสีเทาแกมเขียวมะกอก จุดประ
Qtf! ! ! !
ในเนื้อดิน สีน้ำตาลถึงสีน้ำตาลแกมเขียวมะกอก และผลึกจาโรไซต์
!!!!
! !! !
!!!!

ทแี่ สดงสภาพแวดลอ้ มทีเ่ ปน็ กรด

ควอเทอรน์ ารี ตะกอนชายฝั่งทะเลเดิมโดยอิทธิพลของคลื่น : ทราย และเนินราบ
QUATERNARY Qbo สันทราย

ตะกอนตะพักลำน้ำ : ทรายเม็ดละเอียดมาก การคัดขนาดดีมาก
Qt มีสีน้ำตาลแกมแดง วางทับอยู่บนชั้นศิลาแลง ทรายที่มีขนาดหยาบ

และหยาบมาก ซงึ่ อาจจะเปน็ กรวด สีขาว

ตะกอนเศษหินเชิงเขา : เศษหิน กรวด ทราย และดินเคลย์
Qc ทส่ี ะสมตัวไมไ่ กลจากแหล่งกำเนิด

ตะกอนหินผุอยู่กับที่ : ทราย สีน้ำตาลอ่อน เนื้อปานกลาง
การคัดขนาดดี ร่วน ดินเหนียวเนื้อดินลูกรัง สีน้ำตาลแกมเหลือง
เทาจาง เนื้อแน่น บางชั้นมีมวลพอกของเหล็กออกไซด์ และ
Qr แมงกานีส ชั้นลูกรังปนเศษหินแตกหัก เนื้อเป็นดินเหนียว เศษหิน
ประกอบด้วยหินโคลน หินทราย หินทรายแป้ง หินไมกาชีสต์
หนิ ควอตซ์ชสี ต์ หนิ ควอร์ตไซต์ หนิ แกรนติ และหินแกรโนไดออไรต์

- 27 -

ตารางท่ี 3.1 คำอธิบายแผนที่ธรณีวิทยาจังหวัดพังงา (ต่อ)

คำอธบิ าย

EXPLANATION

อา้ งองิ จากแผนท่ีธรณวี ิทยาจังหวดั พังงา (เฉลมิ พร กาญจนสถิตย,์ 2556)

ยคุ หนิ ตะกอน และหินแปร

PERIOD SEDIMENTARY AND METAMORPHIC ROCKS

ครีเทเชยี ส หินทราย สีน้ำตาลแกมแดง เนื้อละเอียดถึงปานกลาง เม็ดแร่
CRETACEOUS เป็นเหลี่ยม การคัดขนาดปานกลางถึงดี เป็นชั้นบางมากถึงชั้นหนา
Klt แทรกสลับด้วยชั้นหินกรวดมน กรวดประกอบด้วย หินทราย
ควอตซ์ และหินดินดาน รูปร่างค่อนข้างกลมมน เนื้อหินเป็นทราย
และทรายแปง้ ตอนลา่ งเป็นหนิ กรวดมน

เพอร์เมียน หินปูน หินปูนเนื้อโดโลไมต์ สีเทาและสีเทาดำ ไม่แสดงช้ัน
PERMIAN P มีหนิ เชริ ต์ เปน็ เลนส์

หินทรายเนื้ออาร์โคส สีขาวถึงสีเทาจาง การคัดขนาดดี
CPkc เน้อื ปานกลาง ชน้ั บาง พบซากดึกดำบรรพจ์ ำพวก Posidonomya sp.

หินทราย หินทรายแป้ง สีเทาเขียว ไม่แสดงชั้นถึงชั้นบางมาก และ
แสดงร่องรอยของสิ่งมีชีวิต เม็ดขนาดทรายแป้งถึงทรายละเอียด
CPkh เหลี่ยมถึงค่อนข้างกลม การคัดขนาดไม่ดีถึงปานกลาง หินโคลน
สีเทาแกมเขียว ชั้นบางถึงไม่แสดงชั้น บางบริเวณมีหินปูนแทรก
เปน็ เลนส์ พบซากดึกดำบรรพ์พวกไบรโอซวั

หินทรายและหินโคลนเนื้อกรวด สีเทาแกมเขียวถึงเทา
ประกอบด้วย ควอตซ์ หินทราย หินทรายแป้ง หินแกรนิต
CPkp หินดินดาน หินชีสต์ และหินปูน กรวดค่อนข้างเหลี่ยมถึงมน
เนื้อหินประกอบด้วย แร่ดินเหนียว คลอไรด์ เซริไซด์ เฟลด์สปาร์
ไบโอไทต์ ควอตซ์ แคลไซต์ และเหลก็ ออกไซด์

หินโคลน สีเทา ชั้นบางชัดเจน แทรกสลับชั้นบางกับหินทราย สี
ขาวขุ่น เม็ดขนาดละเอียด ความกลมมนปานกลาง ความกลมน้อย
CPlp และหินทรายเน้อื เฟลดส์ ปาร์ สีขาว เม็ดขนาดปานกลาง ความกลม
น้อย ชัน้ หินหนาแทรกสลบั บรเิ วณตอนกลาง

- 28 -

ตารางที่ 3.1 คำอธบิ ายแผนท่ีธรณวี ทิ ยาจังหวดั พงั งา (ตอ่ )

คำอธบิ าย

EXPLANATION

อา้ งอิงจากแผนที่ธรณีวทิ ยาจงั หวดั พังงา (เฉลิมพร กาญจนสถิตย์, 2556)

ยคุ หนิ อัคนี

PERIOD IGNEOUS ROCKS

หินแกรนิต เนื้อละเอียดถึงหยาบ เนื้อสม่ำเสมอและเนื้อดอก

Kgr มีการเรียงตัวของแร่ในบริเวณที่ใกล้กับรอยเลื่อน บางแห่ง

แร่เฟลด์สปารเ์ ป็นรปู ตา

หินแกรนิตบาลา : ไบโอไทต์แกรนิตที่ถูกบีบอัด สีเทาเข้ม

เนื้อสม่ำเสมอ และเนื้อดอกขนาดใหญ่ จำพวกแร่เฟลด์สปาร์

Kgr1 เนื้อหินหยาบปานกลาง; หินลูโคเครติกแกรนิต สีเทาอ่อน

เนื้อสม่ำเสมอ ผลึกละเอียด; พนังหินแกรโนไดออไรต์ สีเทา

แกมเขียวถงึ สีเทาแกมเขยี วเข้ม เน้ือสม่ำเสมอ

Kgrb หนิ ไบโอไทต์ - แกรนติ : เนื้อขนาดเดยี ว ผลึกละเอียด

ครีเทเชียส หินแกรนิตช้างนอน : ไบโอไทต์ - มัสโคไวต์ เนื้อขนาดเดียว
CRETACEOUS Kgrcn ผลึกละเอยี ดถงึ หยาบปานกลาง

หินแกรนติ หีบอ้อย : หนิ ลูโคเครติกแกรนติ เนอื้ ละเอียดถึงปานกลาง
Kgrho แร่รองทีพ่ บคือดบี กุ ออกไซด์ และแรท่ บึ แสง

หินแกรนิตหาดกะตะ : ไบโอไทต์ - ฮอร์นเบลนด์แกรนิต เม็ดหยาบ
Kgrkb ถึงหยาบมาก เนอื้ ดอก

หินแกรนิตเขาพนม : หินแกรนิตเนื้อดอก และเนื้อขนาดเดียวกัน
Kgrkp ถกู บีบอดั รนุ แรง

จูแรสสิก ถงึ หินแกรนิตลำปี : ไบโอไทต์ - มัสโคไวต์แกรนิต เนื้อดอก ผลึกหยาบ
ครีเทเชียส Kgrlp ปานกลาง
JURASSIC to
CRETACEOUS หินแกรนิตนกฮูก : ทัวร์มาลีน - มัสโคไวต์แกรนิต เนื้อดอก
Kgrnh ผลกึ ละเอยี ดถึงหยาบปานกลาง

หินแกรนิตโต๊ะแซะ : ไบโอไทต์ - มัสโคไวต์แกรนิต เม็ดละเอียด
gr4 ถึงหยาบปานกลาง เนอ้ื สม่ำเสมอถงึ เนอื้ ดอก อายุ 78 ±4 ล้านปี

- 29 -

3.4.1 ลำดบั ชั้นหนิ

ธรณีวิทยาทั่วไปของจังหวัดพังงาประกอบด้วยหินทั้ง 3 ชนิด ได้แก่ หินตะกอน หินแปร และ
หินอัคนี การลำดับชั้นหินของจังหวัดพังงา มีอายุตั้งแต่หินยุคคาร์บอนิเฟอรัส-เพอร์เมียน ถึงยุคควอเทอร์นารี
สามารถเรยี งลำดบั จากหินอายุแกไ่ ปหาหินอายุออ่ น ไดด้ ังนี้

3.4.1.1 หินยุคเพอรเ์ มยี น (Permian, P)

หินยุคเพอร์เมียน พบเป็นหินตะกอนที่มีการสะสมตัวในทะเล ในพื้นที่จังหวัดพังงา ปรากฏพบ
2 กลุ่มหนิ คอื กล่มุ หินแก่งกระจาน และกลุ่มหินราชบุรี

1) กลุ่มหินแก่งกระจาน (Kaengkrachan Group) ซึ่งเดิมเข้าใจว่าอยู่ในยุคคาร์บอนิเฟอรัส
-เพอร์เมียน แต่จากรายงานมาตรฐานลำดับชั้นหิน การลำดับชั้นหินของกลุ่มหินแก่งกระจาน (กรมทรัพยากร
ธรณี, 2553) จัดให้กลุ่มหินแก่งกระจานเริ่มต้นที่ยุค Lower Permian ซึ่งประกอบด้วย 4 หมวดหิน ได้แก่
หมวดหินแหลมไมไ้ ผ่ หมวดหนิ เกาะเฮ หมวดหินเขาพระ และหมวดหินเขาเจา้ มีรายละเอยี ด ดงั น้ี

- หมวดหินแหลมไม้ไผ่ (Leam Mai Phai Formation, CPlp) เป็นหมวดหินที่มีอายุ
แก่ที่สุดของพื้นที่จังหวัดพังงา พบเป็นหย่อมบริเวณทิศตะวันออกเฉียงเหนือของอำเภอคุระบุรี ลักษณะ
ทั่วไปประกอบด้วย หินโคลนและหินดินดาน สีเทา แสดงชั้นบาง แทรกสลับกับหินทรายเนื้อละเอียดและ
หนิ ทรายแปง้ แสดง Lamination แสดงลักษณะภูมิประเทศเป็นเนนิ เขาและภเู ขา

- หมวดหินเกาะเฮ (Ko He Formation, CPkh) พบกระจายตัวทั่วทั้งจังหวัดพังงา
ลักษณะทั่วไปประกอบด้วย หินโคลนปนกรวด หินทรายปนกรวด เนื้อพื้นเป็น silty mud ถึง muddy
sand กรวดมีตั้งแต่ขนาด Granule ถึง Cobble สีเทาเขียว การคัดขนาดไม่ดี บางช่วงแทรกสลับด้วย
หินทราย หินโคลน แสดงลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงตามแนวกลางของจังหวัด ไล่ตั้งแต่ตอนบนถึง
ตอนลา่ งของจงั หวัด

- หมวดหินเขาพระ (Khao Phra Formation, CPkp) พบกระจายตัวบริเวณพื้นท่ี
อำเภอคุระบรุ ี อำเภอกะปง อำเภอทับปดุ อำเภอเมือง อำเภอท้ายเหมือง และเกาะยาวนอ้ ย ลกั ษณะทั่วไป
ประกอบด้วย หินโคลน หินดินดาน สีเทา สีเทาเข้ม เนื้อแน่น แตกเป็นแท่ง พบแทรกสลับด้วยหินทราย
สีเทา เนื้อละเอียดถึงหยาบ และหินทรายแป้ง หินโคลนปนกรวด บางบริเวณแปรสภาพเป็น หินชนวน
หินฟิลไลต์ แสดงลักษณะ Foliation พบซากดึกดำบรรพ์พวกแบรคิโอพอดบริเวณเกาะยาวน้อย
แสดงลกั ษณะภมู ิประเทศเปน็ ภูเขาสงู ชัน

- หมวดหินเขาเจ้า (Khao Chao Formation, CPkc) เป็นหมวดหินที่อยู่บนสุดของ
กลุ่มหินแกง่ กระจาน พบกระจายตัวบริเวณพืน้ ทอี่ ำเภอครุ ะบุรี อำเภอกะปง อำเภอทา้ ยเหมือง และอำเภอ
เกาะยาว ลักษณะทั่วไปประกอบด้วย หินทรายเนื้อควอตซ์ สีเทา สีขาว เนื้อละเอียดถึงหยาบปานกลาง

- 30 -

การคัดขนาดดีชั้นหนา แสดงชั้นเฉียงระดับ บางบริเวณพบแปรสภาพเป็นหินควอร์ตไซต์ แสดงลักษณะ
ภมู ิประเทศเป็นภเู ขาเลก็ ๆ

2) กลุ่มหินราชบุรี (Ratburi Group, P) มีลักษณะชั้นหินประกอบด้วย หินปูน หินปูน
เนื้อโดโลไมต์ บางบริเวณมีหินเชิร์ตแทรกเป็นชั้น สีเทาถึงสีเทาเข้ม ส่วนมากมีลักษณะภูมิประเทศเป็น
ภูเขาโดด มีหน้าผาชัน พบวางตัวเป็นแนว ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของจังหวัดพังงา ไล่มาตั้งแต่
อำเภอทับปุด อำเภอเมอื ง อำเภอทา้ ยเหมือง และอำเภอเกาะยาว

3.4.1.2 หินยุคครีเทเชียส (Cretaceous, K) หินยุคครีเทเชียส พบเป็นหินตะกอน มีการสะสมตัว
บนบก ตะกอนน้ำพา อยู่ในกลุ่มหินทุ่งใหญ่ ในพื้นที่จังหวัดพังงาพบเพียง 1 หมวดหิน คือ หมวดหินลำทับ
(Lam Thap Formation, Klt) ลักษณะทั่วไปประกอบด้วย หินทรายอาร์โคส หินทรายปนกรวด เนื้อละเอียด
ถึงหยาบ สีขาว สีน้ำตาลแกมแดง เมด็ ทรายคอ่ นขา้ งเหลย่ี ม การคดั ขนาดดี ชน้ั บางไปจนถึงชนั้ หนา แสดงการวางช้นั
เฉียงระดับ บางบริเวณพบหินทรายเนื้อกรวดมน และหินกรวดมน แสดงการวางชั้นเรียงขนาด แทรกสลับด้วย
หินทรายแป้งและหินโคลน สีม่วงแดง พบครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดของเกาะยาวใหญ่ และหย่อมเล็ก ๆ บริเวณ
อำเภอเมอื ง แสดงลกั ษณะภมู ปิ ระเทศเป็นเนินเขาและภูเขาสงู

3.4.1.3 ตะกอนยุคควอเทอร์นารี (Quaternary, Q) ตะกอนยุคควอเทอร์นารีประกอบไป
ด้วยตะกอนร่วนและตะกอนกึ่งแข็งตัว ที่ผุพังจากหินต้นกำเนิดแล้วถูกพัดพาจากที่สูงหรือภูเขาทั้งที่อยู่
รอบ ๆ โดยตัวกลางที่แตกต่างกัน เช่น ทางน้ำ คลื่น กระแสน้ำขึ้น-ลง เป็นต้น ทำให้เกิดการสะสมตัวของ
ตะกอนบนหินแข็ง และพบกระจายตัวตามแนวลุ่มน้ำ แม่น้ำ ชายหาด และที่ราบทั่วไป สามารถแบ่งตาม
ชนิดและสภาพแวดลอ้ มในการสะสมตวั ได้เป็น 8 หน่วยตะกอน ไดแ้ ก่

1) ตะกอนน้ำพา (Alluvial deposits, Qa) ประกอบด้วยกรวด ทราย ทรายแป้ง และ
ดินเหนียวสะสมตัวตามร่องน้ำคันดินแม่น้ำ และแอ่งน้ำท่วมถึง พบแผ่กระจายตัวตามแนวลำน้ำใหญ่ที่ไหล
ผา่ นแอง่ ท่ีราบระหว่างหบุ เขา ทั่วท้งั จังหวัดพงั งา

2) ตะกอนชายหาด (Beach deposits, Qb) เกิดจากกระแสคลื่นชายฝั่งพัดพาตะกอนมา
สะสมตัวตามแนวชายหาดปัจจุบัน ประกอบด้วย ทราย กรวด ทรายแป้ง มีเปลือกหอย เศษปะการัง และ
เศษซากพชื พบกระจายตัวบริเวณชายหาดริมทะเลทางทิศตะวันตกของจงั หวัดพังงา

3) ตะกอนชายฝั่งทะเลเดิมโดยอิทธิพลของคลื่น (Old beach deposits, Qbo) ทราย
และเนนิ ราบสนั ทราย พบเป็นลกั ษณะเดน่ บนเกาะพระทอง อำเภอคุระบุรี

4) ตะกอนเศษหินเชิงเขา (Colluvial deposits, Qc) ประกอบด้วย เศษหิน กรวด ทราย
และดินเคลย์ การคัดขนาดไม่ดี รูปร่างเหล่ียมถึงค่อนข้างเหล่ียม ก้อนกรวดมตี ั้งแต่ขนาดเลก็ ถึงก้อนหนิ มน
ขนาดใหญพ่ บแผก่ ระจายตัวตามไหลเ่ ขา เนนิ เขา หรือท่ีราบท่ไี มไ่ กลจากภเู ขาหรอื เนนิ เขา

- 31 -

5) ตะกอนป่าชายเลน (Mangrove deposits, Qm) ประกอบด้วย ดินเหนียวปนพีท
ดินเหนียวปนทรายแป้ง สีเทาหรือสีเทาปนเขียว พบในบริเวณพื้นที่ป่าชายเลน อำเภอเมือง และ อำเภอ
ท้ายเหมือง

6) ตะกอนหินผุอยู่กับที่ (Residual deposits, Qr) ประกอบด้วย ตะกอนดินที่ผุพังจาก
หินในพ้ืนที่ ทราย ดนิ เหนียว เน้ือดนิ ลกู รัง พบบรเิ วณเนินเขา ไหลเ่ ขา

7) ตะกอนตะพักลำน้ำ (Terrace deposits, Qt) เกิดจากทางน้ำพัดพาตะกอนมาสะสม
ตวั เป็นตะพกั ยกระดับขึ้นมา ลักษณะทว่ั ไปประกอบด้วย ทรายเม็ดละเอียดมาก การคัดขนาดดมี าก

8) ตะกอนที่ลุ่มราบน้ำขึ้นถึง (Tidal flat deposits, Qtf) เกิดจากการสะสมตัวด้วย
อิทธิพลของกระแสน้ำขึ้นลงของน้ำทะเลในบริเวณที่น้ำทะเลขึ้นถึง ประกอบด้วย ดินเคลย์ ทรายแป้ ง
ชั้นเคลย์ปนพีท ดินเหนียวปนทรายแป้ง และทรายละเอียดที่แขวนลอยมากับน้ำขึ้น - น้ำลง เข้ามาตาม
ลำคลองเล็ก ๆ

3.4.2 หนิ อัคนี (Igneous rocks)

หินอัคนีในพื้นที่จังหวัดพังงา พบเป็นหินอัคนีแทรกซอนจำพวกหินแกรนิตยุคจูแรสสิกถึง
ครเี ทเชยี ส และยุคครีเทเชยี ส ประกอบด้วย

3.4.2.1 หินแกรนิตยุคครีเทเชียส (Kgr) มีลักษณะเนื้อขนาดเดียวและเนื้อดอก ผลึกขนาด
ปานกลางถึงหยาบ มีแร่ไบโอไทต์ ฮอร์นเบลนด์ มัสโคไวต์ ทัวร์มาลีน เป็นส่วนประกอบ มีแร่ดอกเป็นแร่
เฟลด์สปาร์ ขนาดประมาณ 2 - 5 เซนติเมตร บางแห่งมีการเรียงตัวของแร่ดอก ปรากฏในพื้นที่ทาง
ตอนบนของอำเภอคุระบุรี เชื่อมต่อไปยังจังหวัดระนอง และพบเป็นหย่อมเล็ก ๆ บริเวณอำเภอตะกั่วป่า
พบไนสกิ แกรนติ ที่มีสายเพกมาไทตแ์ ทรก บริเวณบา้ นหนิ ลาด อำเภอคุระบรุ ี

3.4.2.2 หนิ แกรนิตบาลา (Kgr1)
ไบโอไทต์แกรนิตที่ถูกบีบอัด สีเทาเข้ม เนื้อสม่ำเสมอ และเนื้อดอกขนาดใหญ่ จำพวก
แร่เฟลด์สปาร์ เนื้อหินหยาบปานกลาง; หินลูโคเครติกแกรนิต สีเทาอ่อน เนื้อสม่ำเสมอ ผลึกละเอียด
พนังหินแกรโนไดออไรต์ สีเทาแกมเขียวถึงสีเทาแกมเขียวเข้ม เนื้อสม่ำเสมอ พบเป็นหย่อมเล็ก ๆ
ทางทศิ ตะวนั ออกเฉียงใต้ของอำเภอกะปง

- 32 -

3.4.2.3 หนิ ไบโอไทตแ์ กรนิต (Kgrb)
หินไบโอไทต์แกรนิต เนื้อขนาดเดียว ผลึกละเอียด พบเป็นหย่อมเล็ก ๆ บริเวณอำเภอกะปง
และอำเภอเมอื ง

3.4.2.4 หนิ แกรนิตช้างนอน (Kgrcn)
หินไบโอไทต์ - มัสโคไวต์แกรนติ เนื้อขนาดเดียว ผลึกละเอียดถึงหยาบปานกลาง พบบริเวณ
ตอนบนของอำเภอท้ายเหมือง

3.4.2.5 หินแกรนิตหีบออ้ ย (Kgrho)
หินลูโคเครติคแกรนิต เนื้อละเอียดถึงปานกลาง แร่รองที่พบคือแร่ดีบุกออกไซด์และแร่ทึบ
แสง พบจุดเดียวบรเิ วณทิศตะวันออกเฉียงใตข้ องอำเภอตะกัว่ ป่า

3.4.2.6 หนิ แกรนติ หาดกะตะ (Kgrkb)
หินไบโอไทต์ – ฮอร์เบลนด์แกรนิต หินไบโอไทต์แกรนิต เนื้อดอก เม็ดหยาบถึงหยาบมาก
พบเปน็ แนวเหนอื ใต้ บรเิ วณตอนกลางของจงั หวัดพงั งา อำเภอตะกั่วปา่ อำเภอกะปง และอำเภอเมอื ง

3.4.2.7 หนิ แกรนติ เขาพนม (Kgrkp)
หินแกรนิตเนื้อดอก และเนื้อขนาดเดียวกัน ถูกบีบอัดรุนแรง มีการเรียงตัวของแร่ดอก
พบบริเวณทศิ ตะวันออกของอำเภอทับปุด เช่อื มต่อกบั จงั หวดั กระบ่ี

3.4.2.8 หินแกรนิตลำปี (Kgrlp)
หินไบโอไทต์ – มัสโคไวต์แกรนิต เนื้อดอก ผลึกหยาบปานกลางถึงหยาบ แร่ดอก เป็นแร่
เฟลด์สปาร์ ขนาดประมาณ 2 - 6 เซนติเมตร บางบริเวณพบสายเพกมาไทต์แทรก ส่วนใหญ่พบบริเวณ
แนวเทอื กเขาทางทิศตะวนั ตกของจังหวดั พังงา และรอยต่อระหวา่ งอำเภอกะปง และอำเภอเมือง

3.4.2.9 หนิ แกรนิตนกฮกู (Kgrnh)
หินทัวร์มาลีน – มัสโคไวต์แกรนิต เนื้อดอก ผลึกละเอียดถึงหยาบปานกลาง มีแร่ดีบุก
ออกไซด์ พบบริเวณทิศตะวนั ออกของอำเภอกะปง

3.4.2.10 หนิ แกรนิตโต๊ะแซะ (gr4)
หินไบโอไทต์ - มัสโคไวต์แกรนิต เม็ดละเอียดถึงหยาบปานกลาง เนื้อสม่ำเสมอถึงเนื้อดอก
พบบริเวณตอนลา่ งของอำเภอท้ายเหมอื ง

- 33 -

3.5 ธรณีวิทยาโครงสร้าง

ธรณีวิทยาโครงสร้างเป็นการศึกษาลักษณะสถาปัตยกรรมโครงสร้างของเปลือกโลกที่ถูกทำ
ให้เปล่ียนลักษณะแตกต่างไปจากธรรมชาตเิ ดมิ ซึ่งเป็นผลเนื่องมาจากแรง และ/หรือ ความดันท่ีมากระทำ
ก่อเกิดโครงสร้างใหม่แตกต่างไปจากโครงสร้างเดิมอย่างถาวร โครงสร้างทางธรณีวิทยาหลังจากถูกทำให้
เปลี่ยนลักษณะไปอย่างถาวรมี 8 โครงสร้าง คือ 1.รอยแยก 2.รอยแตกเฉือน 3.รอยเลื่อน 4.ชั้นหินคดโค้ง
5.ริ้วขนาน 6.แนวแตกเรียบ 7.โครงสร้างแนวเส้น (lineation) และ 8.เขตรอยแตกเฉือน (เพียงตา
สาตรกั ษ,์ 2552)

จังหวัดพังงาประกอบไปด้วยธรณีวิทยาของหินตะกอนที่อายุแก่ไปอ่อนคือ หินโคลน
หินโคลนปนกรวด กลุ่มหินแก่งกระจาน หินปูนกลุ่มหินราชบุรี หินทรายกลุ่มหินทุ่งใหญ่ ตามลำดับ
และผลสืบเนื่องจากธรณีแปรสัณฐาน (tectonic) ในภูมิภาคทำให้เกิดการแทรกดันตัวของหินอัคนี
ยุคครีเทเชียส ที่มีองค์ประกอบทางกายภาพและทางเคมีท่ีแตกต่างกันบง่ บอกถึงการแทรกดนั ตวั หลายคร้งั
หินทั้งหมดนี้ตั้งแต่อายุแก่ถึงอายุอ่อนได้รับอิทธิพลจากการเคลื่อนตัวของแผ่นเปลือกโลก ทั้งเกิดเป็น
กลุ่มรอยเลื่อนขนาดใหญ่ในทิศตะวันออกเฉียงเหนือ-ตะวันตกเฉียงใต้ หรือการแทรกดันตัวของหินอัคนี
ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนลักษณะโครงสร้างไปจากเดิมถูกบันทึกไว้ในเนื้อหิน โดยหินที่มีอายุแก่กว่ามักจะมี
การเปล่ยี นลกั ษณะมากกวา่ หินอายุออ่ น ลกั ษณะทางธรณีโครงสรา้ งทส่ี ำคญั ได้แก่

รอยแตก (fracture) ที่ปรากฏในเนื้อหินแบ่งย่อยออกเป็น 2 ชนิดตามทิศทางการเคลื่อนที่
คือ ชนิดที่มีการเคลื่อนที่ตั้งฉากกับระนาบรอยแตกเรียกว่า แนวแตก และชนิดที่เคลื่อนที่ไปตามระนาบ
รอยแตกเรียกว่า รอยเลื่อน รอยแตกพบได้ทั่วไปในหินเกือบทุกชนิด เป็นผลมาจากค่าความแตกต่าง
ความเคน้ ทม่ี ากกว่าความแข็งแรงของหนิ

3.5.1 รอยเลื่อน (fault)

รอยเลื่อนสำคัญท่ีส่งผลต่อธรณีวิทยาโครงสร้างจังหวัดพังงาโดยตรงคือกลุ่มรอยเลื่อนระนอง
และกลุ่มรอยเลื่อนคลองมะรุ่ย (รูปที่ 3.5) เป็นกลุ่มรอยเลื่อนมีพลัง มีความยาว 300 และ 180 กิโลเมตร
ตามลำดับ มีทิศทางของรอยเลื่อนในแนวทิศตะวันออกเฉียงเหนือ-ทิศตะวันตกเฉียงใต้ เอียงเทไปทาง
ทิศตะวันตกเฉียงเหนือเป็นส่วนใหญ่ การเคลื่อนที่ของรอยเลื่อนเป็นแบบตามแนวระนาบแบบซ้ายเข้า
(left lateral strike-slip fault) และมีการเลื่อนตัวตามแนวเอียงร่วมด้วย (กรมทรัพยากรธณณี, 2550)
ผลของรอยเลื่อนขนาดใหญ่ในทิศทางดังกล่าวข้างต้น ส่งผลให้แนวการวางตัวของภูเขา-เทือกเขามีทิศทาง
ในแนวเดยี วกับกลุ่มรอยเลื่อน ทำให้เกดิ รอยแตกรอยแยก รอยเฉอื น และรอยเลอื่ นยอ่ ย ในทศิ ทางเดยี วกับ
กลุ่มรอยเลื่อนหลัก หรือตั้งฉากกับกลุ่มรอยเลื่อนหลัก และในทิศเหนือ-ใต้ นอกจากนี้ยังทำให้เกิด
การเรียงตัวของแร่ในหินแกรนิต หรือเกิดการแปรสภาพของหินตะกอนกลายเป็นหินแปร ทั้งนี้การเปลี่ยน
ลกั ษณะของหินขนึ้ อยู่กบั แรงทไ่ี ดร้ บั ในแต่ละบริเวณ

- 34 -

รปู ท่ี 3.5 แผนที่รอยเล่ือนมพี ลัง จังหวัดพงั งา

- 35 -

3.5.2 แนวแตก (joint)

พบเห็นได้ท่ัวไปทั้งในหินอัคนี หินตะกอน และหินแปรในหลายทศิ ทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน
บริเวณพื้นที่กลุ่มรอยเลื่อน ส่วนใหญ่มีทิศทางประมาณ ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ -ตะวันตกเฉียงใต้
ทิศตะวันตกเฉียงเหนอื -ตะวันออกเฉียงใต้ ทิศตะวันออก-ตะวันตก และทศิ เหนอื -ใต้ มกี ารวางตัวเกือบราบ
ไปจนถึงชันมาก สามารถสังเกตได้จากร่องน้ำ หรือแม่น้ำที่มีความตรงและยาว แสดงว่าทางน้ำเหล่านั้นถูก
บังคับทิศทางโดยแนวแตก หินคนละประเภทก็แสดงแนวแตกต่างกันแม้อยู่ในบริเวณเดียวกัน เช่น หินที่มี
ความเป็นเนื้อเดียวกันสูง (หินแกรนิต) มักมีรอยแตกขนาดใหญ่และมีทางน้ำรวมกันเป็นสายใหญ่และกว้าง
ส่วนหินตะกอนประเภทหินโคลนหรือหินทรายที่มีความเป็นเนื้อเดียวกันน้อยมักจะมีรอยแตกหลายแนว
เกิดเป็นทางน้ำแคบและลึก

3.5.3 รอยคดโค้ง (fold)

ลักษณะการคดโค้งของหินปรากฏในหลายรูปแบบ กล่าวคือ มีทั้งการแสดงการคดโค้งแบบ
กว้างไปจนถึงแคบ บริเวณเทือกเขานางหงส์ ชั้นหินแสดงรอยคดโค้งตลบทับ (overturned fold) และ
รอยคดโค้งนอนทับ (recumbent fold) โดยมีแนวแกนการคดโค้งวางตัวทิศเหนือ-ใต้ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
-ตะวันตกเฉียงใต้ ลักษณะชั้นหินส่วนใหญ่ในจังหวัดพังงาจะพบว่าระนาบชั้นหินมีมุมเอียงเทเสมอ
ส่วนใหญแ่ กนการคดโคง้ จะสมั พันธก์ บั แนวการวางตัวของหนิ แกรนติ ยุคครีเทเชียส ในแนวทิศตะวนั ออกเฉียงเหนอื
-ตะวนั ตกเฉียงใต้ และในแนวเหนือใต้

3.6 ธรณวี ทิ ยาประวตั ิ

ประเทศไทยประกอบไปด้วยแผ่นเปลือกโลกชาน-ไทย และแผ่นเปลือกโลกอินโดจีน ซึ่งเช่ือ
กันว่าแยกตัวออกมาจาก Gondwanaland ที่อยู่บริเวณขั้วโลกใต้ หินตะกอนที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศ
ไทยคอื หนิ ทรายกลมุ่ หนิ ตะรุเตายุคแคมเบรยี น ถัดขน้ึ มาเปน็ หินปูนเน้ือดนิ กลมุ่ หินทุ่งสง ยุคออร์โดวิเชียน
ถัดขึ้นมาเป็นหินดินดานสลับหินทรายแป้งและมีหินปูนแทรกอยู่บางช่วง กลุ่มหินทองผาภูมิ ยุคไซลูเลียน
ถึงยุคคาร์บอนิเฟอรัส ถัดขึ้นมาเป็นหินโคลนปนกรวด หินทราย กลุ่มหินแก่งกระจาน ยุคเพอร์เมียน
ซง่ึ เปน็ หินทีม่ อี ายุแกท่ ีส่ ุดที่โผล่ใหเ้ หน็ เปน็ ภูเขาหรอื เนินเขาบริเวณจังหวัดพังงา รายละเอยี ดดงั น้ี

มหายุคพาลีโอโซอิก (Paleozoic) ของจังหวัดพังงา เริ่มต้นขึ้นในยุคเพอร์เมียนตอนต้น
มีการสะสมตัวของหินทรายสลับหินโคลนชั้นบาง หินโคลนชั้นบาง (laminated mudstone) หินโคลน-
หินทรายเนื้อปนกรวด หินโคลนชั้นหนา และหินทราย ลักษณะของตะกอนดังกล่าวบ่งบอกสภาพแวดล้อม
การสะสมตวั แบบทะเลตื้นจนถึงทะเลลึก ทอ้ งทะเลค่อนข้างชนั ภายใต้อทิ ธิพลของ gravity flow ในสภาพ
ภูมิอากาศหนาวเย็นที่มีความเกี่ยวข้องกับธารน้ำแข็ง และมีการทรุดตัวของแอ่งสะสมตะกอนเป็นระยะ

- 36 -

(พล เชาว์ดำรง, 2553) การสะสมตัวของตะกอนเป็นไปอย่างต่อเนื่องจนถึงยุคเพอร์เมียนตอนกลาง
พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นทะเลตื้น มีการสะสมตัวของหินปูนอย่างกว้างขวาง สภาพแวดล้อมการสะสม
ตะกอนแบบทะเลตื้นไหล่ทวีป เขตอบอุ่นบริเวณเส้นละติจูดต่ำ เป็นทะเลน้ำนิ่งพลังงานต่ำ และมีพื้นท่ี
การสะสมตัวในบรเิ วณจำกัดจนไปถงึ ทะเลเปดิ บางบริเวณเป็นเนนิ ปริ่มน้ำ (shoaling area) ที่มีกระแสน้ำ
รุนแรง (สันต์ อัศวพัชระ และพล เชาว์ดำรงค์, 2554) ช่วงเวลานี้อนุทวีปชาน-ไทย และอินโดจีนยังไม่เข้า
มาชนกัน จากหลักฐานของซากดึกดำบรรพ์ฟิวซูลินิด และปะการังที่พบน้อยชนิด (low diversity)
หลังจากนั้นในช่วงปลายยุคเพอร์เมียนจนถึงต้นยุคไทรแอสซิก สภาพแวดล้อมมีการเปลี่ยนแปลงไปโดย
มีการยกตัวของแผ่นดินสลับกับทรุดตัวเกิดเป็นแอ่งสะสมตะกอน โดยที่ตะกอนส่วนใหญ่มาจากหินปูน
ยุคเพอร์เมียนที่ยกตัวขึ้นเป็นภูเขา เกิดเป็นหินกรวดมนฐาน (basal conglomerate) จากนั้นมีการสะสมตัวของ
หินทรายท่ีมปี ูนเลนสแ์ ทรกในยคุ ไทรแอสซกิ

มหายุคมีโซโซอิก (Mesozoic Era) สภาพแวดล้อมการตกตะกอนส่วนใหญ่จะอยู่บริเวณ
พื้นทวีป เริ่มจากหินโคลนสลับหินปูนเนื้อโคลน ที่สะสมตัวอยู่ในลากูนหรือทะเลสาบ หลังจากนั้นน้ำทะเล
ถอยร่นลงไป เกิดการสะสมตัวของตะกอนพื้นทวีปมากขึ้น ประกอบไปด้วยหินทราย หินทรายแป้ง
หินดินดาน สีแดงถึงสีเทา ที่สะสมตัวบริเวณไหล่เขา ทางน้ำแบบประสานสาย ทางน้ำโค้งตวัด และที่ราบ
น้ำท่วมถึง ในช่วงปลายยุคครีเทเชียสจนถึงตอนต้นของยุคพาลีโอจีน แผ่นเปลือกโลกพม่าตะวันตกมุดเข้า
แผ่นเปลือกโลกชาน-ไทย เกิดเป็นหินอัคนีบาดาลอยู่ใต้ผิวโลกบางส่วนเกิดเป็นพนังหินและสายแร่
แทรกเขา้ ไปในหินตะกอนยุคเกา่ รวมถึงหนิ อัคนเี อง

มหายุคซีโนโซอิก (Cenozoic Era) เกิดการชนกันของแผ่นเปลือกโลกอินเดีย-ออสเตรเลีย
กับแผ่นเปลือกโลกยูเรเชีย ทำให้ประเทศไทยหมุนทวนเข็มนาฬิกา เกิดการเปิดแอ่งสะสมตัวบริเวณอ่าวไทย
รวมถึงแอง่ ย่อยตา่ ง ๆ บนพ้นื ดนิ รวมถึงเกิดรอยเลื่อนขนาดใหญ่ตามแนวระนาบ ยกมวลหนิ อัคนที ่ีเย็นตัวลงแล้ว
ขึ้นมาพ้นผิวโลก และยังได้รับอิทธิพลของการชนกันของแผ่นเปลือกโลกรวมถึงรอยเลื่อน ทำให้เทือกเขา
ส่วนใหญ่มีทิศทางในแนวตะวันออกเฉียงเหนือ-ตะวันตกเฉียงใต้ ยุคควอเทอร์นารีจนถึงปัจจุบัน ยังคงเกิด
กระบวนการทางธรณีวิทยาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในรูปแบบการผุพัง การพัดพา รวมถึงการสะสมตัวผ่านยุคน้ำแข็ง
ที่มีการเปลี่ยนแปลงของระดับทะเลปานกลางไปมา จนถึงการท่วมขึ้นของระดับทะเลปานกลางครั้งสุดท้ายเม่ือ
ประมาณ 6,000 ปีก่อน จากหลักฐานของซากเปลือกหอยในโพรงถ้ำหินปูน หรือการกัดเซาะของน้ำทะเลทำให้
เกดิ เวา้ ทะเล (sea notch) ในหินปนู หลงั จากนนั้ ระดับทะเลปานกลางได้ลดลงจนถึงระดบั ปจั จบุ ัน

- 37 -

3.7 กลมุ่ วิทยาหนิ

จากการสำรวจในภาคสนามพื้นที่จังหวัดพังงา จำนวน 214 จุด (รูป 3.6) สามารถจำแนก
ลักษณะเด่นของแต่ละวิทยาหินที่พบในพื้นที่จังหวัดพังงา โดยอาศัยหลักเกณฑ์ 4 ประการของ Dearman
(1991) คือ ชนิดของหิน ลักษณะโครงสร้างทางกายภาพของมวลหิน เนื้อหิน และแร่องค์ประกอบ นำไปสู่
การจำแนกวิทยาหินออกเป็นกลุ่ม ๆ โดยสามารถจำแนกวิทยาหินในพื้นที่ได้เป็น 16 กลุ่ม (รูปที่ 3.7 และ
ตารางท่ี 3.2) มีลักษณะเด่นและการกระจายตวั ของแต่ละกลมุ่ วิทยาหิน ดงั นี้

3.7.1 กลุ่มวิทยาหนิ SS2

กลุ่มวิทยาหินจำพวกหินทรายเนื้ออาร์โคส มักพบแทรกชั้นหรือแทรกสลับชั้นกับหินตะกอน
เนื้อละเอียด ประกอบด้วย หินทรายเนื้อควอตซ์ หินทรายอาร์โคส สีขาว การคัดขนาดปานกลางถึงดี
ชั้นหนาปานกลางไปจนถึงชั้นหนามาก มกั แทรกสลบั กบั ชนั้ หนิ ดินดาน หินทรายแปง้ และหนิ โคลน พบปน
กรวดเล็กน้อย บางบริเวณพบหินตะกอนเนื้อแข็ง และสายแร่ควอร์ตร่วมด้วย (รูปที่ 3.8) พบกระจายตัว
เป็นหย่อม ๆ บริเวณอำเภอคุระบุรี และบริเวณฝั่งตะวันตกของเกาะยาวน้อย กลุ่มวิทยาหินนี้สามารถ
เชื่อมโยงได้กับหินยุคเพอร์เมียน ในหมวดหินเขาเจ้า (CPkc) และหมวดหินเขาพระ (CPkp) กลุ่มหิน
แกง่ กระจาน

3.7.2 กลุม่ วิทยาหิน SS3

กลุ่มวิทยาหินจำพวกหินทราย มักพบแทรกชั้นหรือแทรกสลับชั้นกับหินตะกอนเนื้อละเอียด
และหินตะกอนที่ถูกแปรสภาพ ประกอบด้วย หินทรายปนกรวด หินโคลนปนกรวด หินทรายเนื้อกรวดมน
และหินไดอะมิคไทต์ สีเทาแกมเขียวถึงสีเทา ประกอบด้วย กรวด 5 - 15 % เม็ดกรวดประกอบด้วย
หินทรายเม็ดควอตซ์ หินควอร์ตไซต์ และหินแกรนิต บางส่วนได้รับแรงกระทำโดยกระบวนแปรสภาพ
เป็นหินทรายเนื้อแน่น และควอร์ตไซต์ (รูปท่ี 3.9) พบกระจายตัวทั่วทั้งจังหวัดพังงา แสดงลักษณะ
ภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงตามแนวกลางของจังหวัด ไล่ตั้งแต่ตอนบนถึงตอนล่าง กลุ่มวิทยาหินนี้สามารถ
เชอื่ มโยงได้กบั หนิ ยุคเพอรเ์ มียนในหมวดหนิ เกาะเฮ (CPkh) กลุ่มหนิ แกง่ กระจาน

- 38 -

รปู ท่ี 3.6 แผนที่ตำแหน่งจดุ สำรวจ จังหวัดพงั งา

- 39 -

รปู ท่ี 3.7 แผนที่กลมุ่ วิทยาหิน จังหวดั พังงา

- 40 -

ตารางที่ 3.2 คำอธบิ ายกลมุ่ วทิ ยาหนิ ในพื้นท่ีจงั หวดั พงั งา

กลมุ่ วทิ ยาหิน
LITHOLOGIC GROUP

SS2 กลุ่มวิทยาหินจำพวกหินทรายเนื้ออาร์โคส มักพบแทรกชั้นหรือแทรกสลับชั้นกับหินตะกอนเนื้อละเอียด
ประกอบด้วย หินทรายเนื้อควอตซ์ หินทรายอาร์โคส สีขาว การคัดขนาดปานกลางถึงดี ชั้นหนาปานกลาง
SS3 ไปจนถึงชั้นหนามาก มักแทรกสลับกับชั้นหินดินดาน หินทรายแป้ง และหินโคลน พบปวนกรวดเล็กน้อย
บางบริเวณพบหนิ ตะกอนเน้อื แข็ง และสายแรค่ วอร์ตร่วมด้วย
SS5 กลุ่มวิทยาหินจำพวกหินทราย มักพบแทรกชั้นหรือแทรกสลับชั้นกับหินตะกอนเนื้อละเอียด และ
หินตะกอนที่ถูกแปรสภาพ ประกอบด้วย หินทรายเนื้อกรวดมน และหินไดอะมิคไทต์ ประกอบด้วย กรวด
FS1 5 - 15 % เม็ดกรวดประกอบด้วยหินทราย เม็ดควอตซ์ หินควอร์ตไซต์ และหินแกรนิต บางส่วนได้รับ
FS2 แรงกระทำโดยกระบวนแปรสภาพ เป็นหินทรายเนือ้ แนน่ และควอร์ตไซต์
CB1 กลุม่ วทิ ยาหนิ จำพวกหินทรายเนื้ออาร์โคสท่ีมีกรวดปนเป็นส่วนใหญ่ มักพบแทรกสลบั ด้วยหินทรายแป้ง
CT และหินโคลน ประกอบด้วย หินทรายปนกรวด หินทรายอาร์โคส เนื้อละเอียดถึงหยาบ สีขาว สีน้ำตาล
แกมแดง เม็ดทรายค่อนข้างเหลี่ยม การคัดขนาดดี ชั้นบางไปจนถึงชั้นหนา แสดงการวางชั้นเฉียงระดับ
F-MET1 ชั้นหินแสดงการผุพังเล็กน้อย บางบริเวณพบหินทรายเนื้อกรวดมนและหินกรวดมน แสดงการวางชั้น
เรียงขนาด แทรกสลับดว้ ยหนิ ทรายแปง้ และหนิ โคลน สีมว่ งแดง
กลุ่มวิทยาหินจำพวกหินตะกอนเนื้อละเอียด เม็ดตะกอนขนาดดินเหนียวถึงทรายแป้ง มักพบแทรกชั้น
หรือแทรกสลับชั้นกับหินทรายเนื้อเกรย์แวก ประกอบด้วย หินโคลนเนื้อแน่น หินโคลนซิลิสิไฟต์ หินทราย
แปง้ ซลิ สิ ิไฟต์ หนิ โคลนปนกรวดท่เี รมิ่ มกี ารเรยี งตัว สีเทา สีเทาอมเขยี ว แสดง foliation
กลุ่มวิทยาหินจำพวกหินตะกอนเนื้อละเอียด เม็ดตะกอนขนาดดินเหนียวถึงทรายแป้ง มักพบแทรกช้ัน
หรือแทรกสลับชั้นกับหินทรายเนื้ออาร์โคส และหินทรายเนื้อควอตซ์ ประกอบด้วย เม็ดตะกอนขนาดดิน
เหนียวถึงทรายแป้งเป็นส่วนใหญ่ มักพบแทรกสลับหรือแทรกชั้นกับหินทราย หรือหินโคลนปนกรวด
เล็กน้อย ได้แก่ หินโคลน หินทรายแป้ง และหินดินดาน สีเทาอ่อนถึงสีเทา ชั้นบาง แสดงการเรียงชั้น
(lamination) เล็กนอ้ ย แสดงการแตกแบบกาบและแบบลกู นิมิตร
กลุ่มวิทยาหินจำพวกหินคาร์บอเนตเนื้อผลึกและเนื้อโดโลไมต์ มักพบแทรกชั้นกับหินตะกอนและ
หินเชิร์ตเป็นกระเปาะ ประกอบด้วย หินปูน หินปูนเนื้อโดโลไมต์ หินโดโลไมต์ หินปูนไม่แสดงชั้น และ
หนิ ปูนชน้ั บางถึงหนามาก สเี ทา สเี ทาดำ
กลุ่มวิทยาหินจำพวกหินแปรทีม่ ากด้วยแร่ควอตซ์ ที่เม็ดแร่มีการเชื่อมประสานกันจากการแปรแบบสมั ผัส
ประกอบด้วย หนิ ควอรต์ ไซต์
กลุ่มวิทยาหินจำพวกหินแปรที่มีริ้วขนานเกรดต่ำ ประกอบด้วย หินชนวน หินชีสต์ หินไมก้าชีสต์
หินควอรต์ ชสี ต์ หินฟิลไลต์

- 41 -

ตารางท่ี 3.2 คำอธิบายกลมุ่ วิทยาหิน ในพ้นื ท่จี ังหวดั พังงา (ตอ่ )

กล่มุ วทิ ยาหนิ
LITHOLOGIC GROUP

กลุ่มวิทยาหินจำพวกหินอัคนีแทรกซอนจำพวกหินแกรนิตเนื้อผลึกขนาดเดียว ประกอบด้วย หินแกรนิต
GR1 เนื้อสม่ำเสมอและเนื้อดอกผลึกละเอียด ไบโอไทต์แกรนิต ไบโอไทต์-มัสโคไวท์แกรนิต ลูโคแกรนิต แกรนิตท่ี

ถกู บีบอดั และแกรโนไดออไรต์
กลุ่มวิทยาหินจำพวกหินอัคนีแทรกซอนจำพวกหินแกรนิตเนื้อผลึกสองขนาดหรือเนื้อดอก ประกอบด้วย
GR2 หินแกรนิตเนื้อดอก แกรนิตเนื้อสม่ำเสมอผลึกหยาบถึงหยาบมาก ไบโอไทต์แกรนิต ไบโอไทต์-มัสโคไวท์
แกรนติ ไบโอไทตฮ์ อร์นเบลนดแ์ กรนติ หนิ ไนสซ์ ิกแกรนิต และเพกมาไทต์
กลุ่มตะกอนจำพวกตะกอนเศษหินเชิงเขา ประกอบด้วย ตะกอนกรวดเป็นส่วนใหญ่ อาจมีตะกอนทราย
COL ทรายแปง้ และดนิ เหนียว
กลุ่มตะกอนจำพวกตะกอนน้ำพา ประกอบด้วย ตะกอนกรวด ทราย ทรายแป้ง และดินเหนียว มักพบ

AL ซากเปลือกหอย ใบไม้ และชน้ั พีท
TER กลุ่มตะกอนจำพวกตะกอนตะพักลำนำ้ ประกอบด้วย ตะกอนกรวด ทราย ทรายแปง้ และดนิ เหนียว

กลุ่มตะกอนที่ลุ่มราบน้ำขึ้นถึง และตะกอนที่ลุ่มชุ่มน้ำ ประกอบด้วย ดินเหนียวปนพีท ดินเหนียวปน
RES ทรายแปง้ ดินเหนียวปนทราย ทรายแป้ง ดนิ เหนียว

กลุ่มตะกอนชายหาด และตะกอนสันทรายเก่า ประกอบด้วย ทราย กรวด ทรายแป้ง มีเศษเปลือกหอย
BEA เศษปะการัง และเศษซากพชื ปะปน

กลุ่มตะกอนหินผุ ชั้นหินที่ผุพังอยู่กับท่ี ประกอบด้วย เศษหิน ทรายแป้ง และดินเคลย์ กรวดเป็นเหลี่ยม

MC การคัดขนาดไม่ดี

- 42 -

กข

รูปที่ 3.8 แสดงลักษณะหินของกลุ่มวิทยาหิน SS2 จำพวกหินทรายเนื้ออาร์โคส (ก) แสดงลักษณะหินโผล่
ของหินทรายเนื้ออาร์โคส บริเวณตำบลคุระ อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา พิกัด 47P 437763E 1020862N

สงู จากระดบั ทะเลปานกลาง 38 เมตร (ข) แสดงลกั ษณะหินทรายเนอ้ื อาร์โคส

กข

รูปที่ 3.9 แสดงลักษณะหินของกลุ่มวิทยาหิน SS3 จำพวกหินทราย มักพบแทรกชั้นหรือแทรกสลับชั้นกับ
หินตะกอนเนื้อละเอียด และหินตะกอนที่ถูกแปรสภาพ (ก) แสดงลักษณะหินโผล่ของหินทรายแป้งปนกรวด
ปรากฏเป็นลักษณะภูมิประเทศแบบภูเขา บริเวณทางขึ้นจุดชมวิวเสม็ดนางชี ตำบลคลองเคียน อำเภอ
ตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา พิกัด 47P 439246E 910916N สูงจากระดับทะเลปานกลาง 26 เมตร (ข) แสดง
ลกั ษณะหนิ ทรายแป้งปนกรวด

- 43 -

3.7.3 กลมุ่ วิทยาหิน SS5

กลุ่มวิทยาหินจำพวกหินทรายเนื้ออาร์โคสที่มีกรวดปนเป็นส่วนใหญ่ มักพบแทรกสลับด้วย
หินทรายแป้งและหินโคลน ประกอบด้วย หินทรายปนกรวด หินทรายอาร์โคส เนื้อละเอียดถึงหยาบ สีขาว
สีน้ำตาลแกมแดง เม็ดทรายค่อนข้างเหลี่ยม การคัดขนาดดี ชั้นบางไปจนถึงชั้นหนา แสดงการวางชั้นเฉียงระดับ
ชั้นหินแสดงการผุพังเล็กน้อย บางบริเวณพบหินทรายเนื้อกรวดมนและหินกรวดมน แสดงการวางชั้นเรียงขนาด
แทรกสลับด้วยหินทรายแป้งและหินโคลนสีม่วงแดง (รูปที่ 3.10) พบเป็นพื้นที่ส่วนใหญ่ของเกาะยาวใหญ่
แสดงลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาแนวเหนือใต้ กลุ่มวิทยาหินนี้สามารถเชื่อมโยงได้กับหินยุคครีเทเชียส
ในหมวดหิน ลำทับ (Klt) กลุ่มหนิ ท่งุ ใหญ่

3.7.4 กลุม่ วทิ ยาหิน FS1

กลุ่มวิทยาหินจำพวกหินตะกอนเนื้อละเอียด เม็ดตะกอนขนาดดินเหนียวถึงทรายแป้ง มักพบ
แทรกชั้นหรือแทรกสลับชั้นกับหินทรายเนื้อเกรย์แวก ประกอบด้วย หินโคลนเนื้อแน่น หินโคลนซิลิสิไฟต์
หินทรายแป้งซิลิสิฟายด์ หินโคลนปนกรวดที่เริ่มมีการเรียงตัว สีเทา สีเทาอมเขียว แสดง foliation (รูปที่ 3.11)
ครอบคลุมลักษณะภูมิประเทศที่เป็นภูเขาสูงบริเวณตอนบนของอำเภอกะปง อำเภอทับปุด และอำเภอเมือง
กลุ่มวิทยาหินนี้สามารถเชื่อมโยงได้กับหินยุคเพอร์เมียน ในหมวดหินแหลมไม้ไผ่ (CPlp) และหมวดหินเขาพระ
(CPkp) กลุ่มหนิ แกง่ กระจาน

3.7.5 กลมุ่ วิทยาหิน FS2

กลุ่มวิทยาหินจำพวกหินตะกอนเนื้อละเอียด เม็ดตะกอนขนาดดินเหนียวถึงทรายแป้ง
มักพบแทรกชั้นหรือแทรกสลับชั้นกับหินทรายเนื้ออาร์โคส และหินทรายเนื้อควอตซ์ ประกอบด้วย หินโคลน
หินทรายแป้ง และหินดินดาน สีเทาอ่อนถึงสีเทา ชั้นบาง แสดงการเรียงชั้น (lamination) เล็กน้อย แสดงการแตก
แบบกาบและแบบลูกนิมิตร (รูปที่ 3.12) ครอบคลุมลักษณะภูมิประเทศที่เป็นเนินเขาและภูเขา บริเวณ
อำเภอคุระบุรี อำเภอเมือง อำเภอทับปุด ตอนบนของอำเภอตะกั่วทุ่ง และพื้นที่ส่วนใหญ่ของเกาะยาวน้อย
กลุ่มวิทยาหินนี้สามารถเชื่อมโยงได้กับหินยุคเพอร์เมียน ในหมวดหินแหลมไม้ไผ่ (CPlp) และหมวดหินเขาพระ
(CPkp) กลุ่มหนิ แก่งกระจาน

3.7.6 กลมุ่ วิทยาหนิ CB1

กลุ่มวิทยาหินจำพวกหินคาร์บอเนตเนื้อผลึกและเนื้อโดโลไมต์ มักพบแทรกชั้นกับหินตะกอนและ
หินเชิร์ตเป็นกระเปาะ ประกอบด้วย หินปูน หินปูนเนื้อโดโลไมต์ หินโดโลไมต์ หินปูนไม่แสดงชั้น และหินปูน
ชั้นบางถึงหนามาก สีเทา สีเทาดำ (รูปที่ 3.13) ครอบคลุมลักษณะภูมิประเทศแบบคาสต์และภูเขาลูกโดด
พบกระจายตัวเป็นแนวทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของจังหวัดพังงา ไล่มาตั้งแต่อำเภอเมือง อำเภอทับปุด
อำเภอตะกว่ั ทงุ่ จนถงึ ตอนบนของเกาะยาวนอ้ ย กลมุ่ วทิ ยาหนิ นส้ี ามารถเชอ่ื มโยงไดก้ บั หนิ ยคุ เพอรเ์ มยี น

- 44 -

3.7.7 กล่มุ วทิ ยาหิน CT

กลุ่มวิทยาหินจำพวกหินแปรที่มากด้วยแร่ควอตซ์ ที่เม็ดแร่มีการเชื่อมประสานกันจาก
การแปรแบบสัมผัส ประกอบด้วย หินควอร์ตไซต์ (รูปที่ 3.14) พบเป็นหย่อมเล็ก ๆ บริเวณอำเภอคุระบุรี
และอำเภอตะกั่วทุ่ง กลุ่มวิทยาหินนี้สามารถเชือ่ มโยงได้กับหินยุคเพอรเ์ มียน ในหมวดหินเขาเจ้า (CPkc) และ
หมวดหินเขาพระ (CPkp) กลุ่มหนิ แก่งกระจาน

3.7.8 กลมุ่ วิทยาหนิ F-MET1

กลุ่มวิทยาหินจำพวกหินแปรที่มีริ้วขนานเกรดต่ำ ประกอบด้วย หินชนวน หินชีสต์
หินไมก้าชีสต์ หินควอร์ตชีสต์ หินฟิลไลต์ (รูปที่ 3.15) พบเป็นหย่อมเล็ก ๆ ทางทิศตะวันออกของอำเภอ
ท้ายเหมือง กลุ่มวิทยาหินนี้ สามารถเชื่อมโยงได้กับหินยุคเพอร์เมียน ในหมวดหินเกาะเฮ (CPkh) กลุ่มหิน
แก่งกระจาน

3.7.9 กลุ่มวิทยาหนิ GR1

กลุ่มวิทยาหินจำพวกหินอัคนีแทรกซอนจำพวกหินแกรนิตเนื้อผลึกขนาดเดียว ประกอบด้วย
หินแกรนิตเนื้อสม่ำเสมอและเนื้อดอกผลึกละเอียด ไบโอไทต์แกรนิต ไบโอไทต์ -มัสโคไวท์แกรนิต
ลูโคแกรนิต แกรนิตที่ถูกบีบอัด และแกรโนไดออไรต์ (รูปที่ 3.16) ครอบคลุมลักษณะภูมิประเทศแบบภูเขา
พบกระจายตัวเป็นหย่อมทั่วทั้งจังหวัดพังงา บริเวณตำบลบางวัน อำเภอคุระบุรี ตำบลบางไทร และ ตำบลตำตัว
อำเภอตะกั่วป่า ตำบลกะปง อำเภอกะปง ตำบลสองแพรก และตำบลทุ่งคาโงก อำเภอเมือง ตำบลลำภี ตำบล
ลำแก่น และตำบลทุ่งมะพร้าว อำเภอท้ายเหมือง ตำบลบางเหรยี ง อำเภอทับปุด ตำบลกระโสม ตำบลหล่อยูง และ
ตำบลกะไหล อำเภอตะกั่วทุ่ง กลุ่มวิทยาหินนี้สามารถเชื่อมโยงได้กับหินยุคครีเทเชียส (Kgr, Kgrkp, Kgrb, gr4,
Kgrcn, Kgrho, Kgrlp)

3.7.10 กลุ่มวิทยาหิน GR2

กลุ่มวิทยาหินจำพวกหินอัคนีแทรกซอนจำพวกหินแกรนิตเนื้อผลึกสองขนาดหรือเนื้อดอก
ประกอบด้วย หินแกรนิตเนื้อดอก แกรนิตเนื้อสม่ำเสมอผลึกหยาบถึงหยาบมาก ไบโอไทต์แกรนิต ไบโอไทต์
มสั โคไวท์แกรนิต ไบโอไทต์ฮอร์นเบลนดแ์ กรนติ หนิ ไนส์ซกิ แกรนติ และเพกมาไทต์ (รปู ที่ 3.17) ครอบคลุม
ลักษณะภูมิประเทศแบบภูเขาสูงขนาดใหญ่ พบบริเวณตำบลคุระ อำเภอคุระบุรี ตำบลบางม่วง
ตำบลบางไทร และตำบลคึกคัก อำเภอตะกั่วป่า ตำบลเหล และตำบลกะปง อำเภอกะปง ตำบลสองแพรก
ตำบลนบปริง ตำบลทุ่งคาโงก ตำบลป่ากอ และตำบลตากแดด อำเภอเมือง ตำบลลำภี ตำบลลำแ ก่น
ตำบลนาเตย ตำบลโคกกลอย ตำบลบางทอง และตำบลทุ่งมะพร้าว อำเภอท้ายเหมือง ตำบลท่าอยู่
ตำบลหล่อยูง และตำบลกะไหล อำเภอตะกั่วทุ่ง กลุ่มวิทยาหินนี้สามารถเชื่อมโยงได้กับหินยุคครีเทเชียส
(Kgr, Kgrkb, Kgr1, Kgrnh, Kgrlp)

- 45 -

กข

รูปที่ 3.10 แสดงลักษณะหินของกลุ่มวิทยาหิน SS5 จำพวกหินทรายเนื้ออาร์โคสที่มีกรวดปนเป็นส่วนใหญ่
มักพบแทรกสลบั ด้วยหินทรายแป้งและหินโคลน (ก) แสดงลักษณะหินโผล่ของหนิ ทรายเนื้อกรวดมน บริเวณ
ตำบลเกาะยาวใหญ่ อำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา พิกัด 47P 455082E 887601N สูงจากระดับทะเล
ปานกลาง 27 เมตร (ข) ลกั ษณะหนิ ทรายเน้ือกรวดมน

กข

รูปที่ 3.11 แสดงลักษณะหินของกลุ่มวิทยาหิน FS1 จำพวกหินตะกอนเนื้อละเอียด เม็ดตะกอนขนาดดิน
เหนียวถึงทรายแป้ง มักพบแทรกชั้นหรือแทรกสลับชั้นกับหินทรายเนื้อเกรย์แวก (ก) แสดงลักษณะหินโผล่
ของหินทรายแป้ง ที่แปรสภาพเล็กน้อย ปรากฏเป็นลักษณะภูมิประเทศแบบภูเขา บริเวณตำบลเหล
อำเภอกะปง จังหวัดพังงา พิกัด 47P 435479E 970270N สูงจากระดับทะเลปานกลาง 20 เมตร
(ข) ลักษณะหนิ ทรายแป้ง

- 46 -

กข

รูปที่ 3.12 แสดงลักษณะหินของกลุ่มวิทยาหิน FS2 จำพวกหินตะกอนเนื้อละเอียด เม็ดตะกอนขนาด
ดินเหนียวถึงทรายแป้ง มักพบแทรกชั้นหรือแทรกสลับชั้นกับหินทรายเนื้ออาร์โคส และหินทรายเนื้อควอตซ์
(ก) แสดงลักษณะหินโผล่ของหินโคลน บริเวณตำบลแม่นางขาว อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา พิกัด 47P
433829E 1013947N สูงจากระดบั ทะเลปานกลาง 24 เมตร (ข) ลักษณะหินโคลน

กข

รูปที่ 3.13 แสดงลักษณะหินของกลุ่มวิทยาหิน CB1 จำพวกหินคาร์บอเนตเนื้อผลึกและเนื้อโดโลไมต์
มักพบแทรกชั้นกับหินตะกอนและหินเชิร์ตเป็นกระเปาะ (ก) แสดงลักษณะหินโผล่ของหินปูน บริเวณถ้ำผ้ึง
ตำบลบ่อแสน อำเภอทับปุด จังหวัดพังงา พิกัด 47P 454696E 936616N สูงจากระดับทะเลปานกลาง
13 เมตร (ข) ลักษณะหินปูนสีเทา

- 47 -

กข

รูปที่ 3.14 แสดงลักษณะหินของกลุ่มวิทยาหิน CT จำพวกหินแปรที่มากด้วยแร่ควอตซ์ ที่เม็ดแร่มี
การเชื่อมประสานกันจากการแปรแบบสัมผสั (ก) แสดงลกั ษณะหินโผล่ของหินควอร์ตไซต์ ปรากฏเปน็ ลักษณะ
ภูมิประเทศแบบภูเขา มีสายแร่ควอตซ์แทรก บริเวณตำบลคุระ อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา พิกัด 47P
433136E 1018879N สูงจากระดับทะเลปานกลาง 23 เมตร (ข) ลักษณะหินควอร์ตไซต์

กข

รูปที่ 3.15 แสดงลักษณะหินกลุ่มวิทยาหิน F-MET1 จำพวกหินแปรที่มีริ้วขนานเกรดต่ำ (ก) แสดงลักษณะ
หนิ โผลข่ องหนิ ฟลิ ไลต์ ปรากฏเปน็ ลักษณะภมู ิประเทศแบบภูเขา บรเิ วณตำบลหล่อยูง อำเภอตะก่วั ทุง่ จังหวัด
พงั งา พกิ ัด 47 P 430398 E 907612N สูงจากระดับทะเลปานกลาง 36 เมตร (ข) ลกั ษณะหนิ ฟลิ ไลต์

- 48 -

กข

รูปที่ 3.16 แสดงลักษณะหินกลุ่มวิทยาหิน GR1 จำพวกหินอัคนีแทรกซอนจำพวกหินแกรนิตเนื้อผลึกขนาดเดียว
(ก) แสดงลักษณะหินโผล่ของหินไบโอไทต์แกรนิต บริเวณตำบลกระโสม อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา พิกัด 47P

438663E 927749N สูงจากระดบั ทะเลปานกลาง 21 เมตร (ข) ลกั ษณะหินไบโอไทต์แกรนติ

กข

รูปที่ 3.17 แสดงลักษณะหินกลุ่มวิทยาหิน GR2 จำพวกหินอัคนีแทรกซอนจำพวกหินแกรนิตเนื้อผลึก
สองขนาดหรือเนื้อดอก (ก) แสดงลักษณะหินโผล่ของหินไบโอไทต์-มัสโคไวท์แกรนิตเนื้อดอก ปรากฏเป็น
ลกั ษณะภมู ิประเทศแบบภูเขา บรเิ วณตำบลทงุ่ มะพรา้ ว อำเภอทา้ ยเหมือง จังหวัดพังงา พิกดั 47P 420490E
944113N สงู จากระดบั ทะเลปานกลาง 17 เมตร (ข) ลักษณะหนิ ไบโอไทต์-มสั โคไวท์แกรนิตเนื้อดอก

- 49 -

3.7.11 กลุ่มวิทยาหนิ COL

กลุ่มตะกอนจำพวกตะกอนเศษหินเชิงเขา ประกอบด้วย ตะกอนกรวดเป็นส่วนใหญ่ อาจมี
ตะกอนทราย ทรายแป้ง และดินเหนียว การคัดขนาดไม่ดี รูปร่างเหลี่ยมถึงค่อนข้างเหลี่ยม ก้อนกรวดมี
ตั้งแต่ขนาดเล็กถึงก้อนหินมนขนาดใหญ่ (รูปที่ 3.18) พบแผ่กระจายตัวตามไหล่เขา เนินเขา หรือที่ราบที่
ไม่ไกลจากภูเขาหรือเนินเขา ครอบคลุมพื้นที่ทั่วทั้งจังหวัดพังงา กลุ่มวิทยาหินนี้สามารถเชื่อมโยงได้กับ
ตะกอนยุคควอเทอร์นารี ตะกอนเศษหนิ เชิงเขา (Qc)

3.7.12 กลมุ่ วิทยาหนิ AL

กลุ่มตะกอนจำพวกตะกอนน้ำพา ประกอบด้วย ตะกอนกรวด ทราย ทรายแป้ง และ
ดินเหนียว มักพบซากเปลือกหอย ใบไม้ และชั้นพีท สะสมตัวตามร่องน้ำคันดินแม่น้ำ และแอ่งน้ำท่วมถึง
พบแผ่กระจายตัวตามแนวลำน้ำใหญ่ที่ไหลผ่านแอ่งที่ราบระหว่างหุบเขา ทั่วทั้งจังหวัดพังงา กลุ่มวิทยาหิน
นี้สามารถเช่อื มโยงได้กับตะกอนยคุ ควอเทอร์นารี ตะกอนน้ำพา (Qa)

3.7.13 กลมุ่ วทิ ยาหิน TER

กลุ่มตะกอนจำพวกตะกอนตะพักลำน้ำ ประกอบด้วย ตะกอนกรวด ทราย ทรายแป้ง และ
ดินเหนียว การคัดขนาดดีมาก เกิดจากทางน้ำพัดพาตะกอนมาสะสมตัว เป็นตะพักยกระดับขึ้นมา พบเป็น
หยอ่ มบริเวณอำเภอเมอื ง และอำเภอทบั ปุด อำเภอตะกั่วทุ่ง จนถึงตอนบนของเกาะยาวนอ้ ย กลุ่มวิทยาหิน
นีส้ ามารถเชื่อมโยงได้กับตะกอนยคุ ควอเทอรน์ ารี ตะกอนตะพกั ลำน้ำ (Qt)

3.7.14 กลุ่มวทิ ยาหนิ RES

กลุ่มตะกอนหินผุ ชั้นหินทีผ่ ุพงั อยู่กับที่ ประกอบด้วย เศษหิน ทรายแปง้ และดินเคลย์ กรวด
เป็นเหลี่ยม การคัดขนาดไม่ดี ครอบคลุมลักษณะภูมิประเทศเนินเขา ไหล่เขาหินแกรนิต บริเวณ
ฝั่งตะวันตกของอำเภอท้ายเหมือง และอำเภอตะกั่วทุ่ง กลุ่มวิทยาหินนี้สามารถเชื่อมโยงได้กับตะกอน
ยุคควอเทอรน์ ารี ตะกอนหินผอุ ยู่กบั ท่ี (Qr)

3.7.15 กลุ่มวิทยาหนิ BEA

กลุ่มตะกอนชายหาด และตะกอนสันทรายเก่า ประกอบด้วย ทราย กรวด ทรายแป้ง
เศษเปลือกหอย เศษปะการัง และเศษซากพืชปะปน เกิดจากกระแสคลื่นชายฝั่งพัดพาตะกอนมาสะสมตัว
ตามแนวชายหาดปัจจุบัน (รูปที่ 3.19) พบกระจายตัวบริเวณชายหาดริมทะเลทางทิศตะวันตกของจังหวัด
พังงา กลุ่มวิทยาหินนี้สามารถเชื่อมโยงได้กับตะกอนยุคควอเทอร์นารี ตะกอนชายหาด (Qb) และตะกอน
ชายฝั่งทะเลเดิมโดยอิทธิพลของคลนื่ (Qbo)

- 50 -

กข

รูปที่ 3.18 แสดงลักษณะหินของหน่วยตะกอนกลุ่มวิทยาหิน COL จำพวกตะกอนเศษหินเชิงเขา (ก) แสดง
ชั้นตะกอนเศษหินเชิงเขา ชั้นหนา ปรากฏเป็นลักษณะภูมิประเทศแบบเนินเขา บริเวณตำบลโคกเคียน
อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา พิกัด 47P 431671E 978360N สูงจากระดับทะเลปานกลาง 20 เมตร
(ข) ลกั ษณะตะกอนเศษหินเชงิ เขา ประกอบดว้ ยกรวด คละขนาด การคดั ขนาดไม่ดี

กข

รูปที่ 3.19 แสดงลักษณะหินของหน่วยตะกอนกลุ่มวิทยาหิน BEA กลุ่มตะกอนชายหาด และตะกอน
สันทรายเก่า (ก) แสดงพื้นที่ชายหาด บริเวณแหลมปะการัง ตำบลคึกคัก อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา พิกดั
47P 415679E 964196N สูงจากระดับทะเลปานกลาง 0 เมตร (ข) ลักษณะตะกอนชายหาด ประกอบด้วย
ทราย ทรายแปง้ เศษเปลือกหอย และปะการงั

- 51 -

3.7.16 กลมุ่ วิทยาหนิ MC

กลุ่มตะกอนที่ลุ่มราบน้ำขึ้นถึง และตะกอนที่ลุ่มชุ่มน้ำ ประกอบด้วย ดินเหนียวปนพีท
ดินเหนียวปนทรายแปง้ ดินเหนยี วปนทราย ทรายแป้ง ดินเหนยี ว สีเทาหรือสีเทาปนเขยี ว (รูปท่ี 3.20) พบ
ในครอบคลุมพื้นที่ป่าชายเลน บริเวณอำเภอเมือง อำเภอตะกั่วทุ่ง อำเภอเกาะยาว อำเภอท้ายเหมือง
อำเภอตะกั่วป่า และอำเภอคุระบุรี กลุ่มวิทยาหินนี้สามารถเชื่อมโยงได้กับตะกอนยุคควอเทอร์นารี ตะกอน
ป่าชายเลน (Qm) และตะกอนทล่ี ุ่มราบน้ำข้นึ ถึง (Qtf)

กข

รูปที่ 3.20 แสดงลักษณะหินของหน่วยตะกอนกลุ่มวิทยาหิน MC กลุ่มตะกอนที่ลุ่มราบน้ำขึ้นถึงและตะกอน
ที่ลุ่มชุ่มน้ำ (ก) แสดงพื้นที่ป่าชายเลน ตำบลเกาะยาวน้อย อำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา พิกัด 47P
455279E 899291N สูงจากระดับทะเลปานกลาง 4 เมตร (ข) ลักษณะตะกอนป่าชายเลน ประกอบด้วย
ดินเหนยี วปนพที ดินเหนยี วปนทรายแปง้



บทที่ 4
วิธีการศกึ ษา

4.1 ขนั้ รวบรวมข้อมูล

การศึกษาและรวบรวมงานวจิ ัยทเ่ี กี่ยวข้องกับการทำแบบจำลองตา่ ง ๆ เพอ่ื นำมาประยุกต์ใช้
ในการศึกษาพื้นที่อ่อนไหวต่อการเกิดดินถล่มให้มีความยืดหยุ่น สามารถปรับเปลี่ยนข้อมูลได้ง่าย และ
ทนั สมยั โดยทำการเก็บรวบรวมข้อมลู 3 ลกั ษณะ ดังนี้

1) รวบรวมข้อมูลพื้นฐานและปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการดินถล่ม เพื่อจัดทำฐานข้อมูล
สารสนเทศภูมิศาสตร์ ประกอบด้วย ข้อมูลด้านธรณีวิทยา ธรณีโครงสร้าง ข้อมูลแบบจำลองภูมิประเทศ
เชงิ เลข (DEM) ปรมิ าณน้ำฝน และข้อมูลตำแหน่งรอ่ งรอยดนิ ถล่มในอดีต

2) การเก็บรวบรวมข้อมูลเอกสารที่เกี่ยวข้อง จากแหล่งเอกสารต่าง ๆ เช่น ห้องสมุด
ฐานข้อมูลของกรมทรพั ยากรธรณี และเวบ็ ไซตต์ ่าง ๆ

3) การรวบรวมผลงานที่เคยทำมาก่อนในพื้นที่ศึกษา โดยการค้นหาจากฐานข้อมูลของ
กรมทรพั ยากรธรณี และเวบ็ ไซต์ตา่ ง ๆ

4.2 การสำรวจลกั ษณะทางธรณีวทิ ยา

การสำรวจธรณีวิทยาในพื้นที่ศึกษา มีจุดประสงค์หลักเพื่อรวบรวมข้อมูลธรณีวิทยาในสนาม
ทั้งหมด ได้แก่ ข้อมูลชนิดหิน โครงสร้างทางธรณีวิทยา การแผ่กระจายตัวของหิน การลำดับชั้นหิน
ความต่อเนื่องของชั้นหิน และข้อมูลเกี่ยวกับธรณีพิบัติภัยดินถล่มในพื้นที่ศึกษา โดยการสำรวจธรณีวิทยา
มีข้ันตอนการสำรวจดงั ต่อไปน้ี

1) การเตรยี มข้อมูลพ้นื ฐานก่อนการเก็บขอ้ มลู ภาคสนาม ได้แก่ การเตรยี มแผนทภ่ี ูมปิ ระเทศ
ข้อมูลพื้นฐาน และการรวบรวมข้อมูลด้านธรณีวิทยาของพื้นที่จากรายงานการสำรวจธรณีวิทยาในพื้นที่
เช่น แผนที่ธรณีวิทยามาตราส่วน 1:50,000 และแผนที่ธรณีวิทยามาตราส่วน 1:250,000 และรายงาน
จำแนกเขตเพื่อการจัดการด้านธรณีวิทยาและทรัพยากรธรณี จังหวัดน่าน ปี พ.ศ. 2549 จังหวัดอุตรดิตถ์
ปี พ.ศ. 2551 จงั หวัดประจวบครี ีขันธ์ ปี พ.ศ. 2551 จงั หวัดอทุ ัยธานี ปี พ.ศ. 2551 และจงั หวดั กระบี่ ปี พ.ศ. 2556

2) การวางแผนการสำรวจโดยการกำหนดเส้นทางการสำรวจให้ครอบคลุมพื้นที่เสี่ยงภัย
ดินถลม่ และตรวจสอบความถกู ตอ้ งของข้อมูลเดมิ

- 54 -

3) การเตรียมอุปกรณ์สำรวจภาคสนาม เช่น ค้อนธรณีวิทยา (Geological hammer)
เขม็ ทศิ (Compass) แฮนดเ์ ลนส์ (hand lens) สมดุ บนั ทึก (Field notebook) อปุ กรณ์บอกพิกัดตำแหน่ง
ด้วยดาวเทียม (Global Positioning System, GPS) กลอ้ งถา่ ยรูป และอปุ กรณเ์ ก็บตัวอยา่ ง

4) สำรวจเก็บข้อมูลขั้นรายละเอียด รวบรวม และบันทึกข้อมูลทางธรณีวิทยา เพื่อจัดกลุ่มหิน
ในพื้นที่ศึกษาตามลักษณะทางวิทยาของหิน เช่น ข้อมูลชนิดหิน การลำดับชั้นหิน การกระจายตัวของหิน
ธรณีวทิ ยาโครงสร้าง และถา่ ยภาพเพื่อใช้ประกอบการเขยี นรายงาน

4.2.1 หลกั การจำแนกกลุม่ วิทยาหนิ สำหรับการศกึ ษาดนิ ถลม่

วิทยาหิน (lithology) เป็นหนึ่งในปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการเกิดดินถล่ม อีกทั้งเป็น
หินต้นกำเนิดของดินชนิดต่าง ๆ ที่มีคุณสมบัติทางวิศวกรรมที่อาจเกี่ยวข้องกับประเภทการเกิดดินถล่ม
ชนิดต่าง ๆ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดของดินที่เป็นผลมาจากการผุพังของชั้นหินต้นกำเนิด ซึ่งในการศึกษาครั้งน้ี
ได้ทำการจำแนกลักษณะวิทยาหินแบบต่าง ๆ ที่พบกระจายตัวในพื้นที่ศึกษาให้เป็นหน่วยหินที่มีลักษณะ
วิทยาหินแบบต่าง ๆ ที่มีความคล้ายคลึงกันให้อยู่ร่วมกันเป็นกลุ่ม เรียกว่า กลุ่มวิทยาหิน ( lithological
group) เพื่อบ่งชี้ความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มวิทยาหินกับร่องรอยดินถล่มที่เกิดขึ้นท้ังในอดีตและปัจจุบัน
และความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มวิทยาหินที่เป็นหินต้นกำเนิดดินกับกลุ่มดินชนิดต่าง ๆ ที่กระจายตัว
ในพนื้ ที่ศกึ ษาทม่ี ีคณุ สมบตั ิทางวศิ วกรรมทีแ่ ตกตา่ งกนั ใหม้ คี วามชดั เจนมากขน้ึ

4.2.2 ปจั จยั ทเ่ี ป็นเกณฑ์ในการจำแนกหน่วยหนิ

หน่วยหิน (rock unit) หมายถึง เนื้อหินมีลักษณะปรากฏที่สม่ำเสมอและสามารถทำแผนที่ได้
ซึ่งหน่วยหินถือเปน็ หน่วยขั้นพ้ืนฐานสำหรับการทำแผนท่ีในระบบการจำแนกประเภทของวัสดุหนิ ในสนาม
(Rock Material Field Classification system; RMFC) (Natural Resources Conservation Service,
2012) ซึ่งในการศึกษาครั้งนี้ใช้การทำแผนที่เพื่อระบุการกระจายตัว (distribution) ของกลุ่มวิทยาหิน
แบบต่าง ๆ ที่ปรากฏบนพื้นผิวภูมิประเทศ โดยได้กำหนดกลุ่มวิทยาหินขึ้นมาเป็นหน่วยหินเท่านั้น ไม่ได้มี
การลำดับชั้นหินหรือพิจารณาอายุและการวางตัวของชั้นหินแต่อย่างใด พิจารณาจากลักษณะเด่นของ
วิทยาหินแบบต่าง ๆ ท่มี คี วามคลา้ ยคลงึ กัน เพ่อื กำหนดเปน็ หน่วยหินของกล่มุ วทิ ยาหินน้นั ๆ โดยใช้เกณฑ์
การจำแนกวิทยาหินของ Dearman (1991) ซึ่งเป็นการจำแนกลักษณะวิทยาหินสำหรับงานใน
ทางวศิ วกรรมและการทำแผนทว่ี ิศวกรรมธรณี โดยประกอบดว้ ยเกณฑ์หลกั ๆ 4 ประการ ไดแ้ ก่

1) ชนิดหนิ โดยท่ัวไป (genetic type)

ชนิดหนิ โดยทัว่ ไปประกอบด้วยหินหลกั ๆ 3 ชนิด โดยแตล่ ะชนดิ มีรายละเอียดดังนี้

(1) หนิ อคั นี (igneous rock): เป็นหินทเ่ี กิดจากการเยน็ ตัวของแมกมา (magma) ทง้ั ทเ่ี ยน็
ตัวบนผิวโลกเรียกว่า หินอัคนีพุ (extrusive igneous rock) และเย็นตัวใต้เปลือกโลกเรียกว่า หินอัคนี
แทรกซอน (intrusive igneous rock) ดังตารางที่ 4.1

- 55 -

(2) หินตะกอน (sedimentary rock): เป็นหินท่ีมีการเกิดหลากหลายรูปแบบ ได้แก่
เกิดจากอนุภาคที่แตกหักมาจากที่อื่น (detritus or terrigenous sediment) เกิดจากการตกผลึกของ
สารละลายเคมี หรือชีวเคมี (chemical or biochemical precipitation) และเกิดจากการทับถมของ
ซากอินทรยี วตั ถุ (organic material) ดังตารางท่ี 4.2

(3) หินแปร (metamorphic rock): เป็นหินที่เกิดจากการแปรสภาพ อันเนื่องมาจาก
ความร้อน (heat) ความดัน (pressure) และสารละลายเคมี (chemical fluid) ซึ่งสามารถแปรสภาพ
มาจากหินตน้ กำเนิดท่เี ปน็ ได้ทง้ั หนิ อคั นี หนิ ตะกอน และหินแปร ดังตารางที่ 4.3

ตารางที่ 4.1 ตารางการจำแนกหนิ อัคนี (Dearman, 1991)

PYROCLASTIC IGNEOUS GENETIC GROUP
Usual structure
At least 50% of Massive
grains are of
igneous rock Quartz, felspars, micas, Feldspar, Dark
Rounded grains: minerals
Agglomerate dark minerals dark minerals Ultrabasic Composition

Angular grains: Acid Intermediate Basic Pyroxenite
Volcanic breccia Peridotite
Pegmatite Very เ
Tuff coarse-
Granite Diorite Gabbro grained 60 Predominant grain size (mm)
Fine-grained tuff Dolerite Coarse- 2
grained 0.006
Very fine- Rhyolite Andesite Basalt Medium- 0.002
grained tuff grained
Fine-
Volcanic grained
Glasses Very fine-
grained
Glassy
Amorphous

* A tuff containing both pyroclastic and detrital material, but predominantly pyroclastic, is called tuff.

- 56 -

ตารางท่ี 4.2 ตารางการจำแนกหนิ ตะกอน (Dearman, 1991)

DETRITAL SEDIMENTARY CHEMICAL/ GENETIC GROUP
ORGANIC Usual structure

Bedded

Grains of rock, quartz, At least 50% of Salts, Composition
feldspar and clay minerals grains are of Carbonates,
carbonate Silica
Rudaceous Grains are of Carboneceous Very 60
rock fragment Calcirudite coarse- 2
Rounded grains: Saline rock: grained 0.006
conglomerate Calarenite Halite Coarse- 0.002
Anhydrite grained
Angular grains: breccia Calcisiltite Gypsum
Chalk Medium-
Arenaceous Grains are mainly Calcilutite Marlstone Calcreous rocks: grained Predominant grain size (mm)
Limestone (undifferntiated) Limestone
mineral fragments Dolomite Fine-
grained
Sandstone: grain are Siliceous rocks:
Chert
mainly mineral fragments Flint
Carbonaceous
Siltstone: rock:
Lignite
Agilliceous or Lutaceous 50% fine Coal

Mudstone grained Very fine-
Shale: particles grained
Fissile Claystone:
mudstone 50% very
fine-fine

grained

particles

Glassy
Amorphou
s

- 57 -

ตารางท่ี 4.3 ตารางการจำแนกหนิ แปร (Dearman, 1991)

METAMORPHIC GENETIC GROUP
Usual structure
Foliated Massive

Quartz, felspar, micas, Quartz, felspar, micas, Composition
dark minerals dark minerals, carbonates

Tectonic Very
breccia coarse-
grained
Migmatite Hornfels 60
Gneiss Marble Coarse-
Schist Granulite grained
Quartzite
Predominant grain size (mm)
2

Amphiolite Medium-
grained

Phyllite

Slate Fine- 0.006
grained 0.002

Mylonite Very fine-
grained

Glassy
Amorphous

- 58 -

2) ลกั ษณะโครงสรา้ งทางกายภาพของมวลหิน (physical structure of rock mass)
(1) เป็นชั้น (bedded): มักพบในหินตะกอน และชั้นตะกอนที่มีการสะสมตัวเป็นช้ัน
บางครงั้ อาจพบในหนิ อคั นพี หุ รือหนิ อคั นภี ูเขาไฟท่ีมกี ารปะทหุ ลาก

(2) เป็นริ้วขนาน (foliation): มักพบในหินแปร ที่เกิดจากกระบวนการแปรแบบไพศาล
(regional metamorphism) และกระบวนการแปรในบริเวณเขตรอยเลื่อนและเขตรอยเฉือน ซึ่งเป็น
การแปรแบบพลวตั ร (dynamic metamorphism)

(3) เป็นมวลหนาที่ไม่แสดงชั้น (massive): พบได้ทั่วไปในหินทุกชนิด โดยมักพบใน
หินอัคนีแทรกซอนจำพวกหินแกรนิต หินตะกอนที่เกิดจากการสะสมตัวของสารละลายเคมีเป็นชั้นหนา
จำพวกหินปูน และหินแปรจำพวกหินอ่อน (marble) หินควอร์ตไซต์ (quartzite) และหินฮอร์นเฟลส์
(hornfels) เป็นตน้

3) ขนาดของอนุภาคที่เป็นองค์ประกอบของหินที่ปรากฏเด่นชัด (predominant grain
size) ซง่ึ ประกอบกันเปน็ เน้ือหิน (texture)

(1) เมด็ หยาบมาก (very coarse-grained): ขนาดเสน้ ผา่ นศูนยก์ ลางใหญ่กวา่ 60 มลิ ลิเมตร

(2) เมด็ หยาบ (coarse-grained): ขนาดเส้นผา่ นศูนยก์ ลาง 2-60 มลิ ลเิ มตร

(3) เม็ดปานกลาง (medium-grained): ขนาดเสน้ ผา่ นศูนย์กลาง 0.06-2 มลิ ลิเมตร

(4) เมด็ ละเอยี ด (fine-grained): ขนาดเส้นผา่ นศูนยก์ ลาง 0.002-0.06 มลิ ลิเมตร

(5) เมด็ ละเอียดมาก (very fine-grained): ขนาดเสน้ ผา่ นศูนย์กลางเล็กกว่า 0.002 มิลลิเมตร

(6) เนื้อแก้ว (glassy) หรือ อสัณฐาน (amorphous): เปน็ เนือ้ ท่ปี ระสานกนั เป็นเนือ้ เดียว

4) แรอ่ งคป์ ระกอบ (mineralogical composition)
แรอ่ งคป์ ระกอบ เป็นหนงึ่ ในปจั จยั ทที่ ำใหม้ วลหินมีคุณสมบตั เิ ฉพาะต่าง ๆ ทางวิศวกรรม ได้แก่
ความแข็งแรง ความถ่วงจำเพาะ และความคงทนต่อการผุพัง การจำแนกลักษณะของแร่องค์ประกอบ
สามารถแบง่ ออกเปน็ 8 ลักษณะ ดังนี้

(1) เศษหิน (rock grains or lithic fragment): เป็นเศษแตกหักของหินดั้งเดิม (pre-
existing rock) ที่ถูกพัดพาจากตัวกลางมาสะสมตัวเป็นหินใหม่ มักพบในหินทราย หินกรวดมน และ
บางครั้งอาจพบในหนิ อคั นีแทรกซอนชนิดหนิ ภูเขาไฟทีเ่ กดิ จากการประทุหลาก เชน่ หนิ ทัฟฟ์ (tuff)

(2) ควอตซ์ (quartz): เป็นแร่จำพวกแร่สีจาง (felsic mineral) ในชุดปฏิกิริยาของโบเวน
(Bowen’s reaction series) พบได้ในหินทุกชนิด มีความแข็งระดับ 7 ตามมาตรวัดความแข็งของโมห์
(Moh’s scale)

- 59 -

(3) เฟลด์สปาร์ (feldspars): พบอยู่ในหินอัคนีทุกชนิด หินตะกอน และหินแปร โดยแร่
เฟลด์สปาร์ประกอบด้วย โพแทสเซียมเฟลด์สปาร์ และแพลจิโอเคลสเฟลดส์ ปาร์

(4) แร่ชนิดเมฟิก (mafic) แร่สเี ข้ม (dark-coloured) และแร่อืน่ ทีเ่ กย่ี วข้องกนั : แรช่ นดิ
เมฟิก หรือแร่สีเข้มในชุดปฏิกิริยาของโบเวนประกอบด้วย แร่จำพวกโอลิวีน (olivine) ไพร็อกซีน
(pyroxene) และแอมฟิโบล (amphibole) โดยมักพบในหนิ อัคนีชนิดอลั ตราเมฟิก (ultramafic igneous
rock) ได้แก่ หินดันไนท์ (dunite) หินเพอริโดไทต์ (peridotite) และหินอัคนีชนิดเมฟิก (mafic igneous
rock) ไดแ้ ก่ หินบะซอลต์ (basalt) และหินแกบโบร (gabbro)

(5) แร่ดินเหนียว (clay minerals): แร่ดินเหนียวจัดเป็นแร่ที่มีการเกิดแบบทุติยภูมิ
(secondary mineral) กล่าวคือ เกิดจากการเปลี่ยนสภาพ (alteration) ของแร่เดิมในหินจากการผุพัง
ทางเคมีของหิน (chemical weathering) ให้เกิดเป็นแร่ใหม่ ตัวอย่างเช่น แร่เฟลด์สปาร์ที่มีการผุพัง
ทางเคมีแล้วเปลี่ยนสภาพเป็นแร่ดินขาว (kaolinite) โดยการผุพังนี้สามารถพบได้ในหินทุกชนิด
ที่อยู่ในลักษณะภมู ิอากาศแบบร้อนช้ืน และแรด่ ินเหนียวโดยสว่ นใหญ่พบเปน็ แร่ประกอบหินในหนิ ตะกอน
ทีม่ ีเนอื้ ค่อนขา้ งละเอียด ซ่ึงมกั พบมากในหินโคลน และหนิ ดินดาน

(6) คาร์บอเนต (carbonates): ประกอบด้วย แร่ที่มีองค์ประกอบเป็นคาร์บอเนต (CO3)
เป็นหลัก เช่น แคลไซต์ (calcite) อะราโกไนต์ (aragonite) และโดโลไมต์ (dolomite) มักพบมากใน
หินตะกอนทตี่ กผลึกจากสารละลายเคมีและชีวเคมี ไดแ้ ก่ หนิ ปนู หินโดโลไมต์ รวมถึงหินแปรอยา่ งหนิ ออ่ น

(7) วัตถุจำพวกเกลือกินระเหย (salt, evaporite) วัตถจุ ำพวกเน้อื ปนซลิ ิกา (siliceous
materials) และวัตถุจำพวกเนื้อปนคาร์บอเนต (carbonaceous materials): วัตถุจำพวกเกลือหิน
ระเหยซึ่งเกิดจากสารละลายเกลือ โดยทั่วไปจะไม่พบโผล่ปรากฏบนผิวดิน วัตถุจำพวกเนื้อปนซิลิกา
โดยทั่วไปมักพบเป็นลักษณะหินที่ถูกแทนที่ด้วยซิลิกา (silicification) เช่น หินปูนที่ถูกแทนที่ด้วยซิลิกา
(silicified limestone) ส่วนวัตถุจำพวกคาร์บอเนต โดยทั่วไปมักพบในหินที่เกิดในสภาพแวดล้อมร่วมกับ
หินคาร์บอเนต เช่น หินดินดานเนื้อคาร์บอเนต (carbonaceous shale) และหินโคลนเนื้อคาร์บอเนต
(carbonaceous mudstone) เป็นต้น

(8) แก้ว (glass): เป็นเนื้อหินที่มีลักษณะเป็นแก้ว มีแก้วเป็นองค์ประกอบ โดยทั่วไปมักพบ
เห็นไดไ้ ม่มากนกั สว่ นใหญพ่ บในหินอคั นพี ุที่เยน็ ตัวบนผิวโลกอยา่ งรวดเร็ว เชน่ หนิ ออบซเิ ดียน (obsidian)

- 60 -

4.3 การจัดการขอ้ มูล

ข้อมูลพื้นฐานเบื้องต้นจะถูกทำให้อยู่ในระบบข้อมูลสารสนเทศภูมิศาสตร์ ประกอบด้วย
ข้อมูลด้านธรณีวิทยา ข้อมูลธรณีโครงสร้าง ข้อมูลลักษณะภูมิประเทศ ข้อมูลแบบจำลองระดับสูงเชิงเลข
ปริมาณน้ำฝน การใช้ประโยชน์ที่ดิน และตำแหน่งร่องรอยดินถล่มในอดีต ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะถูกจัดเก็บ
อยใู่ นลกั ษณะเปน็ กรดิ (raster data) คือ ขอ้ มูลทม่ี ีโครงสร้างเปน็ ชอ่ งเหลี่ยม เรียกวา่ จดุ ภาพ หรอื grid cell
ที่มีการเรียงต่อเนื่องกันในแนวราบและแนวดิ่ง ซึ่งมีความละเอียด 10x10 เมตร และในรูปแบบข้อมูล
เชิงเส้นสำหรับข้อมูลร่องรอยดินถล่ม ทั้งนี้การวิเคราะห์ การประมวลผล และการแสดงผลข้อมูลเชิงพื้นท่ี
จะอยใู่ นรปู แบบระบบสารสนเทศภมู ศิ าสตร์ ดงั ตารางท่ี 4.4

ตารางท่ี 4.4 สรุปชนดิ และแหล่งทมี่ าของข้อมูล

ชนดิ ขอ้ มูล ปี รปู แบบขอ้ มลู ความละเอยี ด คา่ พิกดั แหลง่ ทม่ี า
อา้ งอิงทาง
ภูมิศาสตร์

ALOS PALSAR 2009 ขอ้ มูลแสดงลกั ษณะ 12.5 เมตร WGS84 https://vertex.daac.
DEM เป็นกริด (raster data) (m) asf.alaska.edu/#

Google 1989- ข้อมลู แสดงลักษณะ 10 เมตร (m) WGS84 Google earth pro
images 2021 เป็นกรดิ (raster data)

การใชป้ ระโยชน์ 2020 ขอ้ มลู แสดงลักษณะ 10 เมตร (m) WGS84 https://www.arcgis.
ท่ดี นิ เปน็ กรดิ (raster data) com/apps/instant/
(Landuse) 1:50,000 และ WGS84 media/index.html?a
1:250,000 ppid=fc92d38533d4
แผนทีธ่ รณีวทิ ยา 2559 ข้อมูลแสดงทศิ ทาง 1:50,000 WGS84 40078f17678ebc20e
(vector Data) 8e2
แผนที่ 2527
ภูมปิ ระเทศ 2561 ขอ้ มูลแสดงทศิ ทาง กรมทรพั ยากรธรณี
(vector Data)
ปริมาณนำ้ ฝน กรมแผนทีท่ หาร
ข้อมูลแสดงทศิ ทาง
(vector Data) รายวนั WGS84 กรมอุตนุ ิยมวิทยา

- 61 -

4.4 การทำแผนที่รอ่ งรอยดินถล่ม

แผนที่ร่องรอยดินถล่มเป็นแผนที่แสดงตำแหน่ง ความหนาแน่น การกระจายตัวของดินถล่ม
ชนิดของดินถล่ม รวมถึงวันที่เกิดเหตุการณ์ดินถล่มแต่ละพื้นที่ ซึ่งมีความสัมพันธ์กับปัจจัยที่ควบคุม
การเกิดดินถล่ม เช่น ลักษณะทางธรณีวิทยา ธรณีวิทยาโครงสร้าง ลักษณะภูมิประเทศ และสภาพอากาศ
ด้วยเหตุนี้การทำแผนที่ร่องรอยดินถล่มจึงมีความสำคัญที่ใช้สำหรับเป็นข้อมูลตั้งต้นในก ารทำนายการเกิด
ดินถล่มในอนาคตได้

ในการศึกษาครั้งนี้จัดทำข้อมูลตำแหน่งร่องรอยดินถล่ม โดยอาศัยเทคนิคการรับรู้ระยะไกล
ดว้ ยการแปลดว้ ยสายตา (visual interpretation) จากภาพถ่ายดาวเทียมภายใต้แอปพลเิ คชัน Google Earth
Pro โดยมีหลักการจำแนกลักษณะของดินถล่มตามชนิดและลักษณะที่เห็นบนภาพถ่าย ดังตารางที่ 4.5
เป็นการหาความแตกต่างของพื้นที่ระหว่างลักษณะรอยดินถล่ม ซึ่งมักแสดงสีของดินอาจเป็น สีน้ำตาลแดง
หรือขาว (รูปที่ 4.1) ซ่ึงเกดิ จากการเปิดหน้าดนิ /หินในบรเิ วณนน้ั กับลักษณะพน้ื ทีร่ อบข้าง ซ่ึงมักเป็นพน้ื ท่ี
ป่าสีเขียว หรือพื้นที่ร้างโล่งเตียน (bare land) โดยสามารถตรวจจับร่องรอยดินถล่ม และสามารถกำหนด
ตำแหน่งจากภาพดาวเทียมโดยอาศัยความเข้าใจเกี่ยวกับชนิดของดินถล่มกับลักษณะภูมิประเทศโดยรอบ
รวมถึงความเข้าใจเกี่ยวกับลักษณะของดินถล่มที่แสดงออกมาบนภาพดาวเทียมหรือภาพถ่ายทางอากาศ
โดยทว่ั ไปแล้วมีเกณฑก์ ารแปลตามปจั จยั ตอ่ ไปนี้

1) ลกั ษณะธรณีสณั ฐาน

2) ลกั ษณะทางนำ้ การผพุ ัง และระบบอุทกวทิ ยา

3) ลักษณะของสขี องดนิ /หิน

4) ลกั ษณะพชื พรรณที่ปกคลุม

5) กจิ กรรมของมนุษย์ และการใช้ประโยชนท์ ี่ดิน

อย่างไรก็ตามการเข้าพื้นที่เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของการแปลข้อมูลจากภาพถ่าย
จะทำให้แผนทีร่ ่องรอยดนิ ถลม่ มคี วามละเอยี ด แม่นยำ และถูกต้องมากยิง่ ขน้ึ (รปู ท่ี 4.2)

- 62 -

ตารางที่ 4.5 หลักการจำแนกลักษณะของดินถล่มจากการแปลความหมายภาพถ่ายทางอากาศและ
ภาพดาวเทียม (ดัดแปลงจาก Miller, 2007 และ Soeters and Westen, 1996)

Type of Characteristic based on morphology, vegetation, and drainage visible on stereo
Movement images

Fall and Morphology Distinct wall or free face in association with scree slopes (20 to 30 degrees)

topple and dejection cones; jointed rock wall (>50 degrees) with fall chutes.

Vegetation Linear scars in vegetation along frequent rock fall paths; vegetation density
low on active scree slopes.

Drainage No specific characteristics.

Rotational Morphology Abrupt changes in slope morphology characterised by concave (niche) and
slide convex (runout lobe) forms; often steplike slopes; semilunar crown and
lobate frontal part; back-tilting slope facets, scarps, hummocky morphology
on depositional part; D/L = ratio 0.3 to 0.1 slope 20 to 40 degrees.

Vegetation Clear vegetational contrast with surrounding, absence of land use indicative
for activity; differential vegetation according to drainage conditions.

Drainage Contrast with nonfailed slopes; bad surface drainage or ponding in niches or
back-tilting areas; seepage in frontal part of runout lobe.

Compound Morphology Concave and convex slope morphology; concavity often associated with
slide linear grabenlike depression; no clear runout but gentle convex or bulging
frontal part; back-tilting facet associated with (small) antithetic faults; D/L
ratio 0.3 to 0.1, relatively broad in size.

Vegetation As with rotational slides, although slide mass will less disturbed.

Drainage Imperfect or disturbed surface drainage, ponding in depressions and in rear part
of slide.

Translational Morphology Joint controlled crown in rock slides, smooth planar slip surface, relatively
slide shallow, certainly in surface material over bedrock; D/L < 0.1 and large width;
runout hummocky, rather chaotic relief, with block size decreasing with larger
distance.

Vegetation Source area and transportational path denuded, often with lineation in
transportation directions; differential vegetation on body in rock slides;
no landuse on body.

Drainage Absence of ponding below crown, disordered or absent surface drainage
on body; streams deflected or blocked by frontal lobe.

- 63 -

ตารางที่ 4.5 หลักการจำแนกลักษณะของดินถล่มจากการแปลความหมายภาพถ่ายทางอากาศและ
ภาพดาวเทียม (ดดั แปลงจากจาก Miller, 2007 และ Soeters and Westen, 1996) (ตอ่ )

Type of Characteristic based on morphology, vegetation, and drainage visible on stereo images
Movement

Lateral Morphology Irregular arrangement of large blocks tilting in various directions; block size
spread decreases with distance and morphology becomes more chaotic; large cracks
and linear depressions separating blocks; movement can originate on very
gentile slopes (<10 degrees).

Vegetation Differential vegetation enhancing separation of blocks; considerable contrast
with unaffected areas.

Drainage Disrupted surface drainage; frontal part of movement is closing off valley,
causing obstruction and asymmetric valley profile.

Earth flows Morphology One large or several smaller concavities, with hummocky relief in source area;
main scars and several small scars resemble slide type of failure; path
following stream channel and body is infilling valley, contrasting with V-
shaped valleys; lobate convex frontal part; irregular micromorphology with
pattern related to flow structures; slope > 25 degrees; D/L ratio very small.

Vegetation Vegetation on scar and body strongly contrasting with surrounding, land use
absent if active; linear pattern in direction of flow.

Drainage Ponding frequent in concave upper path of flow; parallel drainage channels on
both sides of body in valley; deflected or blocked drainage by frontal lobe.

Debris flow Morphology Large amount of small concavities (associated with drainage system) or one
major scar characterising source area; almost complete destruction along
path, sometimes marked by depositional levees; flattish desolate plain,
exhibiting vague flows structures in body of debris flow.

Vegetation Absence of vegetation everywhere; recovery will take many years.

Drainage Disturbed by main body; original streams blocked or deflected by body.

Mudslide Morphology Shallow concave niche with flat lobate accumulative part, clearly wider than
transportation path; irregular morphology contrasting with surrounding areas;
D/L ration0.05 to 0.01; slope 15 to 25 degrees.

Vegetation Clear vegetational contrast when fresh; otherwise differential vegetation
enhances morphological features.

Drainage No major drainage anomalies beside local problems with surface drainage.

- 64 -

รูปที่ 4.1 ตัวอย่างร่องรอยดินถล่มแสดงสีขาว (บน) และสีแดง (ล่าง) จากภาพ Google earth จังหวัด
นครศรธี รรมราชและพ้นื ทใ่ี กล้เคยี ง ถ่ายภาพเมอ่ื วนั ท่ี 18 มีนาคม 2556

- 65 -

รูปที่ 4.2 (บน) ดินถล่มชนิดการไหลของเศษหินและดิน น้ำตกคลองนารายณ์ ตำบลคลองนารายณ์
อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี ตำแหน่ง 48P 0193269E 1392548N (ล่าง) รอยดินถล่มชนิดการเลื่อนไถล
ระนาบโค้ง บ้านโขดทราย ตำบลหาดเล็ก อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด ตำแหน่ง 48P 02771880E
1296422N

- 66 -

4.5 การวเิ คราะหแ์ บบจำลองดนิ ถล่มทางคณิตศาสตร์

ปัจจัยที่นำมาวิเคราะห์ความอ่อนไหวต่อการเกิดดินถล่มทั้ง 7 ปัจจัย ได้แก่ ข้อมูลวิทยาหิน
หน้ารับน้ำฝน ทิศทางการไหลของน้ำ ระดับความสูง ความลาดชัน การใช้ประโยชน์ที่ดิน และระยะห่าง
จากโครงสร้างทางธรณีวิทยา โดยจะถูกแบ่งเป็นกลุ่มย่อย (reclassify) เพื่อเป็นการจัดกลุ่มข้อมูลก่อน
การประมวลผล และทำชั้นระยะกันชน (multi-buffer) สำหรับข้อมูลธรณีวิทยาโครงสร้างและทางน้ำ
รายละเอียด ดังตารางที่ 4.6 การจัดเก็บฐานข้อมูลจะอยู่ในรูปแบบกรดิ (raster data) ที่มีขนาดความละเอียด
10x10 เมตร เพื่อนำไปใช้ประมวลผลในแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ โดยแบ่งออกเป็น 5 ขั้นตอนหลัก
ดังรูปที่ 4.3 โดยแตล่ ะข้นั ตอนมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

10x10 เมตร

รปู ที่ 4.3 แผนภมู กิ ารวเิ คราะห์แบบจำลองดินถล่ม

- 67 -

ตารางท่ี 4.6 ปัจจยั ท่นี ำมาใช้ในแบบจำลองดินถลม่

ปัจจยั ลำดับ กลมุ่
1 CG1 หินกรวดมน ทม่ี ีเม็ดกรวดเปน็ แร่ควอตซ์และเศษหนิ
1. วทิ ยาหนิ 2 CG2 หนิ กรวดมน ท่ีมเี มด็ กรวดเป็นหนิ ปนู
(Lithology) 3 CG3 หนิ กรวดมนเช่ือมประสานด้วยเหล็กออกไซด์
4 SS1 หนิ ทรายเนื้อเกรย์แวก
5 SS2 หินทรายเนื้ออารโ์ คส หนิ ทรายเนอ้ื ควอตซ์
6 SS3 หนิ ทรายแทรกสลบั กับหินตะกอนเนือ้ ละเอยี ดกึ่งแปรสภาพ
7 SS4 หนิ ทรายสนี ้ำตาลแกมม่วง ช้นั หนา
8 SS5 หินทรายเน้ืออารโ์ คสที่มีกรวดปน
9 FS1 หนิ ตะกอนเน้อื ละเอยี ด บางส่วนก่งึ แปรสภาพ
10 FS2 หินตะกอนเนือ้ ละเอียดเช่อื มประสานดว้ ยเหล็กออกไซด์
11 FS3 หินตะกอนเนอื้ ละเอียด เนือ้ ปนปูน
12 FS4 หนิ ตะกอนเน้อื ละเอยี ด หนิ โคลน หินโคลนปนซากพชื
13 FS5 หนิ ตะกอนเนอ้ื ละเอยี ด มีการแทรกดันของหินอคั นี
14 CB1 หนิ คาร์บอเนตเนอื้ ผลกึ
15 CB2 หินคาร์บอเนตเนือ้ ดิน
16 CH หนิ ตะกอนเนื้อผลึกซิลกิ า
17 CT หินแปรสมั ผัสท่ีมากดว้ ยแรค่ วอตซ์
18 F-MET1 หินแปรท่มี รี ิว้ ขนานเกรดต่ำ
19 F-MET2 หนิ ตะกอนก่งึ แปรสภาพ
20 MU1 หนิ อัคนชี นดิ เมฟกิ และอัลตราเมฟกิ
21 MU2 หินเซอร์เพนทีไนทพ์ บรว่ มกับหนิ อคั นีชนิดอัลตราเมฟิก
22 GR1 หินแกรนิตเน้ือผลกึ ขนาดเดยี ว
23 GR2 หินแกรนิตเนอ้ื ดอก
24 VOL1 หนิ อัคนภี เู ขาไฟประกอบด้วยแร่สจี างถึงปานกลาง
25 VOL2 หนิ อัคนภี ูเขาไฟประกอบด้วยแร่สจี าง
26 VOL3 หินอัคนีภเู ขาไฟประกอบด้วยแร่สีเขม้
27 VOL4 หินอัคนีภเู ขาไฟประกอบด้วยแรส่ ีเขม้ พบมีหินเชริ ์ตรว่ ม
28 GY หนิ กเี ซอไรต์
29 COL ตะกอนเชงิ เขา
30 AL ตะกอนน้ำพา
31 TER ตะกอนตะพกั ลำนำ้
32 BEA ตะกอนชายหาด และตะกอนสันทรายเก่า
33 MC ตะกอนปา่ ชายเลน และตะกอนท่รี าบน้ำทะเลขนึ้ ถึง

- 68 -

ตารางที่ 4.6 ปัจจัยที่นำมาใช้ในแบบจำลองดนิ ถลม่ (ต่อ)

ปัจจยั ลำดบั กลมุ่
2. หน้ารบั นำ้ ฝน
(Aspect) 1 Flat (-1)
2 North (0-22.5)
3.ทศิ ทางการไหลของ 3 Northeast (22.5-67.5)
น้ำ 4 East (67.5-112.5)
(Flow Direction) 5 Southeast (112.5-157.5)
6 South (157.5-202.5)
4.ระดบั ความสงู (เมตร) 7 Southwest (202.5-247.5)
(Elevation) 8 West (247.5-292.5)
9 Northwest (292.5-337.5)
10 North (337.5-360)
1 1 (90 deg)
2 2 (135 deg)
3 4 (180 deg)
4 8 (225 deg)
5 16 (270 deg)
6 32 (315 deg)
7 64 (0 deg)
8 128 (45 deg)
1 0-200
2 200-400
3 400-600
4 600-800
5 800-1000
6 1000-1200
7 1200-1400
8 1400-1600
9 1600-1800
10 1800-2000
11 2000-2200
12 > 2200


Click to View FlipBook Version