รายงานวชิ าการ
ฉบับที่ กธส. 11/2564
จงั หวัดนา่ น: รายงานพื้นที่อ่อนไหวตอ่ การเกิดดนิ ถลม่
NAN: LANDSLIDE SUSCEPTIBILITY REPORT
กองธรณีวทิ ยาสงิ่ แวดล้อม
กรมทรพั ยากรธรณี
กนั ยายน 2564
อธบิ ดกี รมทรพั ยากรธรณี
นายสมหมาย เตชวาล
ผูอ้ ำนวยการกองธรณีวิทยาสิง่ แวดล้อม
นายนมิ ิตร ศรคลงั
ผอู้ ำนวยการสว่ นมาตรฐานและขอ้ มลู ธรณพี บิ ตั ภิ ยั
นายสวุ ิทย์ โคสวุ รรณ
จัดพมิ พ์โดย กองธรณีวิทยาสง่ิ แวดล้อม กรมทรพั ยากรธรณี
พมิ พ์ครง้ั ที่ 1 ถนนพระรามท่ี 6 แขวงทงุ่ พญาไท เขตราชเทวี
กรุงเทพฯ 10400
โทรศพั ท์ 0-2621-9802 โทรสาร 0-2621-9651
กันยายน 2564
จำนวน 30 เลม่
ข้อมูลการลงรายการบรรณานกุ รม
จงั หวดั นา่ น: รายงานพ้นื ทอ่ี ่อนไหวตอ่ การเกิดดินถล่ม/-- กรงุ เทพมหานคร :
กองธรณวี ิทยาส่ิงแวดลอ้ ม กรมทรพั ยากรธรณ,ี 2564
257 หนา้ : 156 ภาพประกอบ : 22 ตาราง
รายงานวิชาการ ฉบับท่ี กธส. 11/2564
สารบัญ III
VII
สารบญั XX
สารบญั รปู XXII
สารบัญตาราง XXIV
บทคัดย่อ 1
กติ ติกรรมประกาศ 1
บทท่ี 1 บทนำ 2
2
1.1 ความเปน็ มา 2
1.2 วัตถุประสงค์และเป้าหมาย 2
2
1.2.1 วัตถุประสงค์ 2
1.2.2 เปา้ หมาย 2
1.3 ขอบเขตการศกึ ษา 3
1.3.1 งานวิเคราะห์ข้อมลู พน้ื ฐาน 5
1.3.2 งานสำรวจภาคสนาม 5
1.3.3 งานศึกษาและวิเคราะห์ 7
1.4 ประโยชนท์ คี่ าดวา่ จะไดร้ ับ 7
บทที่ 2 วรรณกรรมปริทศั น์ 7
2.1 นยิ ามศัพท์ 11
2.2 ดินถล่ม 11
2.2.1 ความหมายของดนิ ถล่ม 12
2.2.2 การจำแนกประเภทของดนิ ถลม่ 13
2.3 ปจั จัยทเ่ี ป็นสาเหตขุ องการเกดิ ดนิ ถล่ม 14
2.3.1 สภาพภมู ิประเทศ (topography) 15
2.3.2 สภาพธรณีวิทยาและปฐพวี ิทยา (Geology and Pedology) 16
2.3.3 สภาพพืชพรรณและการใชท้ ีด่ ิน (vegetation and land use) 17
2.3.4 ปริมาณนำ้ ฝน 17
2.4 แนวความคดิ เกยี่ วกบั การทำแผนที่พนื้ ที่ออ่ นไหวต่อการเกดิ ดนิ ถล่ม 17
2.5 วธิ กี ารศกึ ษาพ้นื ท่อี อ่ นไหวต่อการเกดิ ดินถลม่ 19
บทท่ี 3 ข้อมูลพน้ื ฐาน 20
3.1 พน้ื ท่แี ละอาณาเขตติดต่อ 21
3.2 ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศ 25
3.3 ลกั ษณะภมู ิอากาศ
3.4 ลกั ษณะธรณีวทิ ยา
3.4.1 ลำดบั ชน้ั หนิ
3.4.2 หนิ อคั นี (Igneous Rocks)
IV 30
32
3.5 ธรณีวิทยาโครงสรา้ ง 33
3.5.1 ชัน้ หนิ คดโคง้ (Fold) 33
3.5.2 รอยแตกและแนวเส้น (Join and lineament) 35
3.5.3 กลมุ่ รอยเลื่อน (Fault zone) 35
35
3.6 ธรณวี ทิ ยาประวตั ิ 36
3.7 กลมุ่ วทิ ยาหนิ 37
37
3.7.1 กลุ่มวิทยาหนิ CG1 38
3.7.2 กลมุ่ วิทยาหิน CG2 39
3.7.3 กลุ่มวทิ ยาหิน CG3 40
3.7.4 กลุม่ วิทยาหนิ SS1 41
3.7.5 กลมุ่ วทิ ยาหิน SS2 42
3.7.6 กลมุ่ วทิ ยาหิน FS1 43
3.7.7 กลุ่มวทิ ยาหิน FS2 44
3.7.8 กลมุ่ วิทยาหิน CB1 44
3.7.9 กลุ่มวิทยาหิน CT 45
3.7.10 กลมุ่ วทิ ยาหนิ F-MET1 46
3.7.11 กลุ่มวิทยาหนิ MU1 46
3.7.12 กล่มุ วทิ ยาหนิ MU2 47
3.7.13 กลุ่มวทิ ยาหนิ GR 48
3.7.14 กล่มุ วิทยาหนิ VOL1 48
3.7.15 กลมุ่ วิทยาหิน VOL2 53
3.7.16 กลมุ่ วทิ ยาหิน COL 53
3.7.17 กลมุ่ วิทยาหิน AL 53
3.7.18 กลุ่มวทิ ยาหิน TER 54
บทท่ี 4 วิธกี ารศึกษา 54
4.1 ข้นั รวบรวมขอ้ มลู 59
4.2 การสำรวจลกั ษณะทางธรณีวิทยา 60
4.2.1 หลกั การจำแนกกลมุ่ วทิ ยาหินสำหรับการศึกษาดนิ ถล่ม 65
4.2.2 ปัจจยั ทเี่ ป็นเกณฑใ์ นการจำแนกหน่วยหนิ 69
4.3 การจดั การข้อมลู 69
4.4 การทำแผนท่ีรอ่ งรอยดนิ ถล่ม 69
4.5 การวิเคราะหแ์ บบจำลองดนิ ถล่มทางคณติ ศาสตร์ 70
4.5.1 Area cross tabulation 70
4.5.2 Frequency ratio (Fr) 70
4.5.3 การใหน้ ำ้ หนกั (weighting)
4.6 การตรวจสอบแบบจำลองดินถลม่ (validation)
4.6.1 สมมตุ ฐิ าน
4.6.2 เทคนคิ ทีใ่ ช้ในการตรวจสอบ
V 73
73
บทท่ี 5 การวเิ คราะห์พื้นท่อี อ่ นไหวตอ่ การเกิดดินถล่ม 75
5.1 แผนท่รี อ่ งรอยดินถลม่ 75
5.2 ปจั จัยทเ่ี กี่ยวข้องกับดินถลม่ 75
5.2.1 วทิ ยาหนิ (Lithology) 84
5.2.2 หนา้ รบั น้ำฝน (Aspect) 84
5.2.3 ทศิ ทางการไหลของนำ้ (Flow Direction) 84
5.2.4 ระดับความสูง (Elevation) 84
5.2.5 ความลาดชนั (Slope) 85
5.2.6 การใชป้ ระโยชนท์ ่ดี นิ (Land use) 91
5.2.7 ระยะหา่ งจากโครงสร้าง (เมตร) (The distance to structure) 92
5.3 การให้น้ำหนกั กบั ปัจจยั (Weighting) 99
5.4 พ้นื ท่คี วามอ่อนไหวต่อการเกดิ ดินถล่ม 99
99
บทท่ี 6 การสำรวจร่องรอยดนิ ถลม่ ในพน้ื ทสี่ ำรวจ 110
6.1 ประเภทดินถลม่ ชนิดการเลอ่ื นไถล (slides) 119
6.1.1 อำเภอเฉลมิ พระเกียรติ จงั หวัดน่าน 120
6.1.2 อำเภอบ่อเกลือ จังหวัดนา่ น 123
6.1.3 อำเภอทงุ่ ชา้ ง จงั หวัดน่าน 125
6.1.4 อำเภอปวั จงั หวดั นา่ น 125
6.1.5 อำเภอสองแคว จงั หวัดนา่ น 126
6.1.6 อำเภอทา่ วังผา จงั หวัดน่าน 128
6.1.7 อำเภอแม่จรมิ จงั หวดั นา่ น 137
6.1.8 อำเภอภูเพียง จงั หวัดน่าน 142
6.1.9 อำเภอเวยี งสา จังหวัดน่าน 143
6.1.10 อำเภอนาน้อย จงั หวัดนา่ น 143
6.1.11 อำเภอนาหม่ืน จังหวดั น่าน 144
6.2 ประเภทดินถลม่ ชนดิ การร่วงหลน่ (falls) 145
6.2.1 อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวดั นา่ น 145
6.2.2 อำเภอเวยี งสา จงั หวดั น่าน 147
6.3 ประเภทดินถล่มชนิดการไหล (flow) 147
6.3.1 อำเภอเวยี งสา จังหวดั น่าน 148
6.4 ประเภทดินถล่มชนดิ ซบั ซอ้ น (complex landslide) 148
6.4.1 อำเภอเฉลมิ พระเกียรติ จังหวดั นา่ น 149
6.4.2 อำเภอบอ่ เกลอื จงั หวัดน่าน 149
6.4.3 อำเภอเวยี งสา จังหวดั น่าน 150
6.5 ร่อยรอยดินถล่มโบราณ
6.5.1 อำเภอเมืองนา่ น จงั หวดั นา่ น
6.5.2 อำเภอเวียงสา จังหวัดนา่ น
VI 155
155
บทที่ 7 การทดสอบคณุ สมบตั ทิ างกายภาพของดนิ 165
7.1 การเก็บตัวอยา่ งแบบถูกรบกวน (disturbed sampling) 165
7.2 ข้อมูลของตวั อย่างดินแบบไม่คงสภาพ 171
7.2.1 อำเภอเฉลมิ พระเกยี รติ 176
7.2.2 อำเภอเมืองนา่ น 182
7.2.3 อำเภอเวยี งสา 185
7.2.4 อำเภอแมจ่ ริม 193
7.2.5 อำเภอทา่ วงั ผา 197
7.2.6 อำเภอทงุ่ ช้าง 199
7.2.7 อำเภอเชยี งกลาง 203
7.2.8 อำเภอนานอ้ ย 206
7.2.9 อำเภอนาหม่ืน 215
7.2.10 อำเภอบอ่ เกลอื 220
7.2.11 อำเภอปวั 220
7.2.12 อำเภอภเู พียง 223
7.2.13 อำเภอสนั ตสิ ขุ 228
7.2.14 อำเภอสองแคว 235
7.3 วิธีการวิเคราะห์คุณสมบัติทางกายภาพของดนิ 235
7.3.1 การหาค่าพกิ ัดของอัตตะเบิรก์ (Atterberg’s Limit) 236
7.3.2 การวิเคราะห์หาขนาดของเม็ดดนิ (Graine Size Analysis) 236
7.3.3 การทดสอบหาความถว่ งจาํ เพาะของดิน (Specific Gravity of Soil) 236
7.4 คุณสมบตั ิทางกายภาพของดินของจังหวดั นา่ น 236
7.4.1 กลมุ่ SC (Silty sands) 237
7.4.2 กลมุ่ MH (Inorganic silts) 239
7.4.3 กลมุ่ ML (Inorganic silts and very fine sand) 247
7.4.4 กลุม่ CL (Clay of low to medium plasticity) 247
248
บทที่ 8 บทสรุปและขอ้ เสนอแนะ 251
8.1 บทสรุป
8.2 ข้อเสนอแนะ
เอกสารอ้างอิง
VII
สารบญั รูป
รปู ที่ 3.1 แผนทภ่ี ูมิประเทศของจงั หวัดนา่ น 18
รปู ที่ 3.2 แผนท่ีแสดงทิศทางพายหุ มนุ เขตรอ้ นทเ่ี ขา้ สู่ประเทศไทย 19
รปู ท่ี 3.3 ปริมาณฝนรายเดือนเฉลย่ี ในช่วงปี 2549-2562
สถานโี ครงการชลประทานนา่ น อ.เมือง จ.นา่ น 20
รปู ท่ี 3.4 แผนทีธ่ รณวี ิทยาจังหวดั น่าน และคำอธบิ ายแผนท่ี 27
รูปท่ี 3.5 ก) แผนทแ่ี สดงธรณีแปรสณั ฐานของภมู ภิ าคเอเชียใต้และตะวันออกของสองเปลือกโลกและการกระจายตัว
ของรอยเล่ือนต่างๆ ระหว่างโครงร่างเปลือกโลก ข) แบบจำลองโดยใช้เปลือกโลกอินเดีย-ออสเตรเลีย
ชนเปลอื กโลกยูเรเชีย ค) ภาพขยายใกล้ของลักษณะท่ปี รากฏเมื่อมกี ารเกิดการชนกันขนึ้ 31
รูปท่ี 3.6 แผนที่ธรณีวิทยาประเทศอย่างง่ายแสดงการกระจายตัวของหินในมหายุคต่าง ๆ และแผ่นเปลือกโลก
ที่สำคญั ตลอดจนตะเข็บธรณแี ละแนวรอยเล่อื นหลกั ๆ ทส่ี ำคญั ของไทย 32
รปู ท่ี 3.7 แผนทีแ่ สดงกลุ่มรอยเล่อื นปัวทพี่ าดผา่ นในพื้นท่ีจงั หวัดนา่ น 34
รูปที่ 3.8 กลุ่มวิทยาหิน CG2 ในพื้นท่ีจังหวัดน่าน ก. ลักษณะหินกรวดมนที่มีเม็ดกรวดเป็นหินปูนเป็นส่วนใหญ่
ข. หินกรวดมนที่มีเม็ดกรวดเป็นหินปูนร่วงลงมาตามร่องน้ำในพื้นท่ีบริเวณบ้านห้วยทรายขาว
ตำบ ลห้ วยโก๋ น อำเภ อเฉลิ มพ ระเกี ยรติ จั งห วั ดน่ าน พิ กั ด 47P 723372E 2164390N
สงู จากระดบั นำ้ ทะเล 737 เมตร 36
รูปท่ี 3.9 กลุ่มวิทยาหิน SS1 ในพ้ืนท่ีจังหวัดน่าน ก. หินทรายเนื้อเกรย์แวกที่มากด้วยเศษแตกหัก
บริเวณดอยปางหวาย ตำบลนาทะนุง อำเภอนาหม่ืน จังหวัดน่าน พิกัด47P 677088E 1998642N
สูงจากระดับน้ำทะเล 376 เมตร ข. ลักษณะหินทรายเนื้อเกรย์แวก สีเทาเหลือง ขนาดเม็ดตะกอนทราย
ปานกลางถึงทรายหยาบ 38
รูปท่ี 3.10 กลุ่มวิทยาหิน SS2 ในพ้ืนที่จังหวัดน่าน ก. หินทรายสีม่วงแดงแทรกช้ันด้วยหินดินดานสีม่วงแดง
บริเวณบ้านปู่ดู่ ตำบลขุนน่าน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน พิกัด 47P 726197E 2144928N
สูงจากระดับน้ำทะเล 731 เมตร ข. ลักษณะหินทรายอาร์โคสสีม่วงแดงขนาดเม็ดตะกอนทรายละเอียด
ถงึ ทรายปานกลาง 39
รูปที่ 3.11 กลุ่มวิทยาหิน FS1 ในพื้นที่จังหวัดน่าน ก. หินดินดาน แสดงลักษณะธรณีวิทยาโครงสร้าง
ช้ันหินคดโค้ง บริเวณเส้นทางระหว่างบ้านผาเวียง-บ้านแม่สาคร อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน พิกัด
47P 678005E 2042344N สูงจากระดับน้ำทะเล 302 เมตร ข. ลักษณะหินดินดานสีผิวผุส้มเหลือง
สีผิวสด สีเทาเหลอื ง 40
รูปท่ี 3.12 กลุ่มวิทยาหิน FS2 ในพ้ืนที่จังหวัดน่าน ก. หินโคลนแทรกชั้นกับหินทรายแป้งสีน้ำตาลแดง
บริเวณบ้านนำ้ โคง้ ตำบลสะเนยี น อำเภอเมอื งน่าน จงั หวดั นา่ น พกิ ัด 47P 674758E 2085216N
สูงจากระดับน้ำทะเล 303 เมตร ข. ลักษณะหินโคลนสีน้ำตาลแดง แสดงลั กษณะการแตก
แบบกลบี หวั หอม 41
VIII
รูปท่ี 3.13 กลุ่มวิทยาหิน CB1 ในพื้นท่ีจังหวัดน่าน ก. หินปูนช้ันหนา แสดงลักษณะธรณีสัณฐานวิทยา
แบบคาสต์ชัดเจน ที่บริเวณวัดบ้านเชตะวนั ตำบลสันทะ อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน พิกัด 47P 666038E
2021122N สูงจากระดับนำ้ ทะเล 303 เมตร ข. ลกั ษณะหนิ ปนู สีเทาดำ 42
รูปที่ 3.14 กลุ่มวิทยาหิน CT ในพ้ื นท่ีจังหวัดน่าน ก. หินฮอร์นเฟลส์ บริเวณบ้านดู่ใต้ ตำบลดู่ใต้
อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน พิกัด 47P 683097E 2072269N สูงจากระดับน้ำทะเล 238 เมตร
ข. ลกั ษณะหนิ ฮอรน์ เฟลส์สีดำ 42
รูปท่ี 3.15 กลุ่มวิทยาหิน F-MET1 ในพื้นที่จังหวัดน่าน ก. หินชนวนโผล่ปรากฏ บริเวณดอยปางหวาย
ตำบลนาทะนุง อำเภอนาหม่ืน จังหวัดน่าน พิกัด 47P 676576E 1999041N สูงจากระดับน้ำทะเล
408 เมตร ข. หนิ ชนวนสีเทาเขียว-เทาดำ ปรากฏลกั ษณะรอยแตกเรียบแบบหินชนวนชัดเจน 43
รูปที่ 3.16 กลุ่มวิทยาหิน MU1 ในพ้ืนที่จังหวัดน่าน ก. หินอัคนีสีเข้มชนิดหินดันไนท์และหินเพอริโดไทต์
โผล่ปรากฏบริเวณริมทางหลวงหมายเลข 1083 ตำบลเชียงของ อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน
พิ กัด 47P 706158E 2022273N สูงจากระดับน้ ำทะเล 408 เมตร ข. ลั กษณะหิ นอัคนี สี เข้ ม
ชนิดหนิ ดนั ไนทแ์ ละหินเพอริโดไทต์ 44
รูปท่ี 3.16 กลุ่ มวิทยาหิ น MU2 ในพ้ื นที่ จั งหวัดน่ าน ก. หิ นอั คนี สี เข้ มชนิ ดหิ นเซอร์เพนทิ ไนต์
บริเวณบ้านสบเป็ด ตำบลผาตอ อำเภอท่าวัง ปรากฏกระจายตัวบริเวณแคบๆ บนภูมิประเทศท่ีเป็นท่ีเนิน
เขาและที่ราบ พิกัด 47P 683795E 2129853N สูงจากระดับน้ำทะเล 271 เมตร ข. ลักษณะหินอัคนี
สีเขม้ ชนดิ หินเซอร์เพนทิไนต์ 45
รูปท่ี 3.17 กลุ่มวิทยาหิน GR ในพื้นที่จังหวัดน่าน ก. หินไบโอไทต์แกรนิต บริเวณทางเข้าน้ำตกตาดหลวง
บ้านทุ่งเฮา ตำบลอวน อำเภอปัว ปรากฏเป็นภูมิประเทศท่ีเป็นท่ีภูเขา และเนินเขา พิกัด 47P 703953E
2106389N สงู จากระดบั นำ้ ทะเล 345 เมตร ข. ลักษณะหนิ ไบโอไทตแ์ กรนติ 45
รูปที่ 3.18 กลุ่มวิทยาหิน VOL1 ในพ้ืนที่จังหวัดน่าน ก. หินแอนดีไซต์ โผล่ปรากฏบริเวณบ้านป่าแพะ
ตำบลแม่ขะนิง อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน ซ่ึงมีการผุพังค่อนข้างมาก ให้ชั้นดินค่อนข้างหนา พิกัด
47P 666551E 2069972N สงู จากระดบั น้ำทะเล 467 เมตร ข. ลกั ษณะผิวสดของหนิ เดไซต์ 46
รูปที่ 3.19 กลุ่มวิทยาหิน VOL1 ในพ้ืนท่ีจังหวัดน่าน ก. หินไรโอลิติกทัฟฟ์ โผล่ปรากฏบริเวณภูเขา
ริมทางหลวงหมายเลข 1216 บ้านขุนสถาน ตำบลสันทะ อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน พิกัด 47P 662092E
2021476N สูงจากระดับนำ้ ทะเล 1,049 เมตร ข. ลกั ษณะหนิ ไรโอลิติกทฟั ท์สีม่วงและสเี ทาขาว 47
รูปท่ี 3.20 กลุ่มวิทยาหิน COL ในพ้ืนที่จังหวัดน่าน ก. ตะกอนเชิงเขาที่สะสมตัวเป็นชั้นหนา ปรากฏเป็นลักษณะ
ภูมิประเทศแบบภูเขา บริเวณใกล้ดอยวังเย็น ตำบลแม่สาคร อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน พิกัด
47P 678744E 2050088N สูงจากระดับน้ำทะเล 255 เมตร ข. ลักษณะตะกอนเชิงเขาประกอบด้วย กรวด
เป็นสว่ นใหญ่ คละขนาด มีการคดั ขนาดไมด่ ี พบตะกอนทราย ทรายแป้ง และดินเหนยี วรว่ มด้วย 48
รูปที่ 3.21 แผนที่กลุ่มวทิ ยาหนิ จงั หวดั นา่ น 49
รูปท่ี 4.1 ตั วอย่ างร่องรอยดิ นถล่ มแสดงสี ขาว (บน) และสี แดง (ล่ าง) จากภาพ Google Earth
จงั หวดั นครศรีธรรมราชและพนื้ ทใี่ กล้เคียง ถ่ายภาพเมอ่ื วนั ที่ 18 มีนาคม 2556 63
รูปท่ี 4.2 (บน) ดินถล่มชนิดการไหลของเศษหินและดิน น้ำตกคลองนารายณ์ ตำบลคลองนารายณ์
อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี ตำแหน่ง 48P 0193269E 1392548N (ล่าง) รอยดินถล่มชนิดการเล่ือนไถล
ระนาบโค้ง บ้านโขดทราย ตำบลหาดเล็ก อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด ตำแหน่ง 48P 02771880E
1296422N 64
รูปท่ี 4.3 แผนภมู ิการวเิ คราะหแ์ บบจำลองดินถลม่ 65
IX
รปู ที่ 4.4 ตวั อย่างกราฟแสดงความถูกต้อง (success rate curve) ของแบบจำลอง 72
รูปที่ 5.1 แผนท่ีร่องรอยดินถล่มท่ีเกิดข้ึนในช่วง 45 ปีท่ีผ่านมา (พ.ศ. 2520-2564) พ้ืนที่จังหวัดน่าน
จำนวน 874 รอย 74
รูปที่ 5.2 แผนทกี่ ลมุ่ วทิ ยาหิน 21 กลุม่ ในพื้นทีจ่ งั หวัดนา่ น 79
รปู ท่ี 5.3 แผนท่ีแสดงหน้ารบั นำ้ ฝน จำนวน 10 กลมุ่ ในพ้นื ทจ่ี ังหวัดน่าน 83
รูปท่ี 5.4 แผนทที่ ศิ ทางการไหลของนำ้ 8 ทิศ ในพนื้ ที่จงั หวัดน่าน 86
รูปท่ี 5.5 แผนทีระดบั ความสูง 10 ช่วงความสงู ต้ังแต่ 200-2,200 เมตร ในพ้ืนที่จังหวัดนา่ น 87
รปู ท่ี 5.6 แผนท่ีแสดงความลาดชนั ของพน้ื ท่ี 9 ชว่ ง แต่ละช่วงหา่ งกัน 10 องศา ในพน้ื ท่จี ังหวดั น่าน 88
รูปที่ 5.7 แผนที่แสดงการใช้ประโยชน์ท่ดี ินในพืน้ ทจี่ งั หวัดนา่ น 89
รูปท่ี 5.8 แผนที่แสดงระยะห่างจากโครงสรา้ งทางธรณวี ทิ ยา ในพ้นื ท่ีจงั หวดั น่าน 90
รปู ท่ี 5.9 แผนที่พน้ื ท่อี ่อนไหวตอ่ การเกดิ ดินถล่มพน้ื ท่ีของจังหวดั นา่ น 97
รูปท่ี 6.1 ลักษณะดินถล่มชนิดการเลื่อนไถลของเศษหินและดิน (Debris slide) บนระนาบโค้ง (Rotational)
บริเวณพ้ืนที่ลาดไหล่เขามีถนนตัดผ่าน บ้านกิ่วจันทร์ ตำบลขุนน่าน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน
พิกดั 47P724954 E 2161826N สงู จากระดบั น้ำทะเล 1,037 เมตร 100
รูปท่ี 6.2 ลักษณะดินถล่มสำรวจพบดินถล่มชนิดการเลื่อนไถลของเศษหินและดิน (Debris slide) บริเวณพ้ืนท่ี
ลาดไหล่เขาติดลำน้ำห้วยตาด บ้านง้อมเปา ตำบลขุนน่าน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน พิกัด
47P 725559E 2155092N สูงจากระดบั น้ำทะเล 670 เมตร 101
รูปท่ี 6.3 ลักษณะดินถล่มสำรวจพบดินถล่มชนิดการเลื่อนไถลของเศษหินและดิน (Debris slide) บริเวณพ้ืนท่ี
ลาดไหล่เขามีถนนตัดผ่านทางหลวงหมายเลข 1081 บ้านง้อมเปา ตำบลขุนน่าน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ
จังหวัดน่าน พกิ ดั 47P 724808E 2154492N สูงจากระดับนำ้ ทะเล 717 เมตร 101
รูปท่ี 6.4 ลักษณะดินถล่มชนิดการเลื่อนไถลของเศษหินและดิน (Debris slide) บริเวณพ้ืนท่ีลาดไหล่เขามีถนนตัด
ผ่านทางหลวงหมายเลข 1081 บ้านนาคุ ตำบลขุนน่าน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน
พกิ ัด 47P 726636E 2143051N สงู จากระดบั น้ำทะเล 792 เมตร 103
รูปท่ี 6.5 ลักษณะดินถล่มชนิดการเล่ือนไถลของเศษหินและดิน (Debris slide) บริเวณพ้ืนที่ลาดไหล่เขามีถนนตัด
ผ่านทางหลวงหมายเลข 1081 บ้านนาคุ ตำบลขุนน่าน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน พิกัด 47P
726899E 2142789N สงู จากระดบั น้ำทะเล 882 เมตร 103
รูปที่ 6.6 ลักษณะดินถล่มชนิดการเลื่อนไถลของเศษหินและดิน (Debris slide) บริเวณพ้ืนที่ลาดไหล่เขามีถนน
ตัดผ่านทางหลวงหมายเลข 1081 บ้านน้ำกล่ัน ตำบลขุนน่าน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน พิกัด
47P 724849E 2153304N สูงจากระดับนำ้ ทะเล 693 เมตร 104
รูปท่ี 6.7 ลักษณะดินถล่มชนิดการเลื่อนไถลของเศษหินและดิน (Debris slide) บริเวณพื้นที่ลาดไหล่เขาใกล้
ถนนทางหลวงหมายเลข 1081 บ้านห้วยกานต์ ตำบลขุนน่าน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน
พิกัด 47P 725359E 2158288N สงู จากระดบั น้ำทะเล 1,162 เมตร 104
รูปท่ี 6.8 ลักษณะดินถล่มชนิดการเล่ือนไถลของเศษหินและดิน (Debris slide) บริเวณพ้ืนท่ีเกษตรกรรม
ปลูกข้าวโพด บ้านบวกหญ้า ตำบลขุนน่าน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน พิกัด 47P 728263E
2150568N สูงจากระดับน้ำทะเล 1,034 เมตร 106
รูปที่ 6.9 ลักษณะดินถล่มชนิดการเล่ือนไถลของเศษหินและดิน (Debris slide) บริเวณพ้ืนท่ีลาดไหล่เขามี
ถนนตัดผ่านทางหลวงหมายเลข 1081 บ้านป่าดู่ ตำบลขุนน่าน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน
พิกัด 47P 726197E 2144928N สงู จากระดับน้ำทะเล 731 เมตร 106
X
รูปที่ 6.10 ลักษณะดินถล่มชนิดการเล่ือนไถลของเศษหินและดิน (Debris slide) บริเวณพื้นท่ีเนินเขาที่มีป่าไม้
ปกคลุมข้างห้วยน้ำช้าง บ้านน้ำช้างพัฒนา ตำบลขุนน่าน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน
พิกดั 47P 729261E 2161948N สงู จากระดบั นำ้ ทะเล 806 เมตร 107
รูปท่ี 6.11 ลักษณะดินถล่มชนิดการเล่ือนไถลของเศษหินและดิน (Debris slide) บริเวณพ้ืนท่ีลาดไหล่เขามีถนน
ทางหลวงชนบทหมายเลข นน.1307 บา้ นนำ้ ชา้ งพฒั นา ตำบลขุนน่าน อำเภอเฉลิมพระเกยี รติ จงั หวัดนา่ น
พิกัด 47P 729307E 2162045N สงู จากระดับน้ำทะเล 798 เมตร 107
รูปท่ี 6.12 ลักษณะดินถล่มชนิดการเลื่อนไถลของดิน (Earth slide) บริเวณพ้ืนที่เกษตรกรรม ปลูกข้าวโพด
บ้านน้ำช้างพัฒนา ตำบลขุนน่าน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน พิกัด 47P 728950E 2161737N
สูงจากระดับนำ้ ทะเล 874 เมตร 108
รูปที่ 6.13 ลักษณะดินถล่มชนิดการเล่ือนไถลของเศษหินและดิน (Debris slide) บริเวณพ้ืนที่การเกษตร
ปลูกข้าวโพด บ้านห้วยทรายขาว ตำบลห้วยโกน๋ อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จงั หวัดน่าน พิกดั 47P 720373E
2165100N สงู จากระดับน้ำทะเล 686 เมตร 109
รูปท่ี 6.14 ลักษณะดินถล่มชนิดการเล่ือนไถลของเศษหินและดิน (Debris slide) บริเวณพ้ืนที่การเกษตร
ปลูกข้าวโพด บ้านห้วยทรายขาว ตำบลห้วยโกน๋ อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จงั หวัดน่าน พิกดั 47P 719557E
2166323N สงู จากระดับนำ้ ทะเล 554 เมตร 110
รูปท่ี 6.15 ลักษณะดินถล่มชนิดการเลื่อนไถลของเศษหินและดิน (Debris slide) บริเวณพ้ืนท่ีลาดไหล่เขา
มีถนนตัดผ่าน บ้านขุนน่าน ตำบลบ่อเกลือเหนือ อำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน พิกัด 47P 727073E
2141158N สงู จากระดับน้ำทะเล 856 เมตร 111
รูปที่ 6.16 ลักษณะดินถล่มชนิดการเลื่อนไถลของเศษหินและดิน (Debris slide) บริเวณพื้นท่ีลาดไหล่เขา
มีถนนทางหลวงหมายเลข 1081 ตัดผ่าน บ้านขุนน่าน ตำบลบ่อเกลือเหนือ อำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน
พิกัด 47P 729007E 2131408N สงู จากระดับนำ้ ทะเล 961 เมตร 112
รูปท่ี 6.17 ลักษณะดินถล่มชนิดการเล่ือนไถลของเศษหินและดิน (Debris slide) บริเวณพื้นที่ลาดไหล่เขา
มีถนนตัดผ่านทางหลวงหมายเลข 1081 บ้านขุนน่าน ตำบลบ่อเกลือเหนือ อำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน
พิกัด 47P 729205 E 2131045 N สงู จากระดบั นำ้ ทะเล 1,031 เมตร 113
รูปท่ี 6.18 ลักษณะดินถล่มชนิดการเลื่อนไถลของเศษหินและดิน (Debris slide) บริเวณพ้ืนที่ลาดไหล่เขา มีถนน
ตัดผ่านทางหลวงหมายเลข 1081 บ้านห้วยขาบ ตำบลบ่อเกลือเหนือ อำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน พิกัด
47P 729284E 2129205N สงู จากระดบั นำ้ ทะเล 968 เมตร 113
รูปที่ 6.19 ลักษณะดินถล่มชนิดการเลื่อนไถล (Slide) บริเวณพื้นที่ป่าในร่อยห้วย บ้านห้วยโทน ตำบลดงพญา
อำเภอบอ่ เกลอื จังหวัดนา่ น พกิ ัด 47P 734361E 2127454N สงู จากระดับนำ้ ทะเล 1,128 เมตร 114
รูปที่ 6.20 ลักษณะดินถล่มชนิดการเลื่อนไถล(Slide) บริเวณพื้นที่ป่า บ้านห้วยโทน ตำบลดงพญา อำเภอบ่อเกลือ
จงั หวัดนา่ น พิกดั 47P 735507E 2128971N สงู จากระดับน้ำทะเล 1,486 เมตร 115
รูปที่ 6.21 ลักษณะดินถล่มชนิดการเล่ือนไถลของเศษหินและดิน (Debris slide) บริเวณพ้ืนที่ลาดไหล่เขา
มีถนนตัดผ่านทางหลวงหมายเลข 1081 บ้านนาหลุม ตำบลดงพญา อำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน พิกัด
47P 729330E 2128572N สงู จากระดบั น้ำทะเล 863 เมตร 116
รูปท่ี 6.22 ลักษณะดินถล่มชนิดการเลื่อนไถลของหิน (Rock slide) บริเวณพื้นทีล่ าดไหล่เขามีถนนตัดผา่ นทางหลวง
หมายเลข 1081 บ้านน้ำมาว ตำบลบ่อเกลือใต้ อำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน พิกัด 47P 719673E
2108485N สูงจากระดับนำ้ ทะเล 961 เมตร 117
XI
รปู ที่ 6.23 ลักษณะดินถล่มชนิดการเล่ือนไถล (Slide) บริเวณพ้ืนที่ป่าลาดไหล่เขามีถนนตัดผ่านทางหลวงหมายเลข
1081 บ้านยอดดอยพัฒนา ตำบลบ่อเกลือใต้ อำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน พิกัด 47P 718942E
2106270N สูงจากระดบั น้ำทะเล 774 เมตร 117
รูปท่ี 6.24 ลักษณะดินถล่มชนิดการเลอื่ นไถลของหิน (Rock slide) บริเวณพ้ืนทล่ี าดไหล่เขามีถนนตัดผ่านทางหลวง
หมายเลข 1333 บ้านห้วยล้อม ตำบลภูฟ้า อำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน พิกัด 47P 729559E 2100612N
สูงจากระดบั นำ้ ทะเล 914 เมตร 118
รปู ที่ 6.25 ลักษณะดินถล่มชนิดการเลื่อนไถลของเศษหินและดิน (Debris slide) บริเวณพ้ืนที่ลาดไหล่เขาเป็นพื้นท่ี
ป่ามีถนนตัดผ่านทางหลวงหมายเลข 1333 บ้านห้วยล้อม ตำบลภูฟ้า อำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน
พกิ ดั 47P 729736E 2100892N สงู จากระดบั น้ำทะเล 854 เมตร 119
รูปท่ี 6.26 ลักษณะดินถล่มชนิดการเล่ือนไถลของเศษหินและดิน (Debris slide) บริเวณพ้ืนท่ีลาดไหล่เขามีถนนตัด
ผ่านทางเข้าหมู่บ้าน บ้านมณีพฤษ์ ตำบลและ อำเภอทุ่งช้าง จังหวัดน่าน พิกัด 47P 715333E
2148890N สูงจากระดับนำ้ ทะเล 1,325 เมตร 120
รูปที่ 6.27 ลักษณะดินถล่มชนิดการเล่ือนไถลของเศษหินและดิน (Debris slide) บริเวณพื้นที่ลาดไหล่เขา
มีถนนตัดผ่านทางหลวงหมายเลข 1256 บ้านน้ำย้อ ตำบลภูคา อำเภอปัว จังหวัดน่าน พิกัด
47P 717542E 2125047N สงู จากระดบั นำ้ ทะเล 1,112 เมตร 121
รูปท่ี 6.28 ลักษณะดินถล่มชนิดการเลื่อนไถลของเศษหินและดิน (Debris slide) บริเวณบริเวณพ้ืนท่ีลาดไหล่เขา
มีถนนตัดผ่านทางหลวงหมายเลข 1256 บ้านน้ำดั้น ตำบลภูคา อำเภอปัว จังหวัดน่าน พิกัด
47P 718665E 2124073N สงู จากระดับน้ำทะเล 1,252 เมตร 121
รูปท่ี 6.29 ลักษณะดินถล่มชนิดการเลื่อนไถลของเศษหินและดิน (Debris slide) บริเวณบริเวณพ้ืนที่ลาดไหล่เขา
มีถนนตัดผ่าน บ้านนาฝาง ตำบลสถาน อำเภอปัว จังหวัดน่าน พิกัด 47P 705387E 2126631N
สงู จากระดับน้ำทะเล 395 เมตร 122
รปู ท่ี 6.30 ลักษณะดินถล่มชนิดการเลื่อนไถลของหิน (rock slide) บริเวณพ้ืนที่ลาดไหล่เขามีถนนตัดผ่านทางหลวง
หมายเลข 1081 บ้านห้วยหาดตำบลอวน อำเภอปัว จังหวัดน่าน พิกัด 47P 715777E 2099818N
สูงจากระดับนำ้ ทะเล 585 เมตร 123
รปู ท่ี 6.31 ลักษณะดินถล่มชนิดการเล่ือนไถลของดิน (Earth slide) บริเวณพ้ืนที่ลาดไหล่เขามถี นนตัดผ่านทางหลวง
หมายเลข 1297 บ้านใหม่ชายแดน ตำบลชนแดน อำเภอสองแคว จังหวัดน่าน พิกัด 47P 676178E
2151335N สูงจากระดับนำ้ ทะเล 384 เมตร 124
รูปที่ 6.32 ลักษณะดินถล่มชนิดการเล่ือนไถล (Slide) บริเวณพ้ืนท่ีป่า บ้านยอด ตำบลยอด อำเภอสองแคว
จังหวัดน่าน พกิ ัด 47P 664771E 2144889N สูงจากระดับนำ้ ทะเล 397 เมตร 124
รปู ที่ 6.33 ลกั ษณะดินถลม่ ชนิดการเล่ือนไถลของดิน (Earth slide) บริเวณพื้นที่ลาดไหลเ่ ขามถี นนตัดผ่านทางหลวง
หมายเลข 1082 บ้านสันติสุข ตำบลป่าคา อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน พิกัด 47P 679970E 2115342N
สูงจากระดับน้ำทะเล 510 เมตร 125
รูปท่ี 6.34 ลักษณะดินถล่มชนิดการเลื่อนไถลของเศษหินและดิน (Debris slide) บริเวณพื้นท่ีลาดไหล่เขา
มีถนนตัดผ่านทางหลวงหมายเลข 1259 บ้านน้ำพาง ตำบลน้ำพาง อำเภอแม่จริม จังหวัดน่าน พิกัด
47P 715657E 2058260N สงู จากระดับน้ำทะเล 734 เมตร 126
รูปที่ 6.35 ลักษณะดินถล่มชนิดการเลื่อนไถลของเศษหินและดิน (Debris slide) บริเวณพื้นท่ีลาดไหล่เขา
มถี นนตัดผ่านทางเข้าหมู่บ้าน บ้านห้วยไฮ ตำบลฝายแก้ว อำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน พิกัด 47P 703246E
2081679N สูงจากระดบั น้ำทะเล 525 เมตร 127
XII
รูปท่ี 6.36 ลักษณะดินถล่มชนิดการเลื่อนไถลของดิน (Earth slide) บริเวณพ้ืนที่ลาดไหล่เขามีถนนตัดผ่าน
ทางเข้าหมู่บ้าน บ้านห้วยไฮ ตำบลฝายแก้ว อำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน พิกัด 47P 703150E 2081429N
สูงจากระดับนำ้ ทะเล 534 เมตร 127
รูปที่ 6.37 ลักษณะดินถล่มชนิดการเล่ือนไถลของดิน (Earth slide) บริเวณพื้นท่ีลาดไหล่เขามีถนนตัดผ่านทางเข้า
หมู่บ้าน บ้านห้วยไฮ ตำบลฝายแก้ว อำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน พิกัด 47P 703058E 2080323N
สูงจากระดับน้ำทะเล 538 เมตร 128
รูปที่ 6.38 ลกั ษณะดินถล่มชนิดการเล่ือนไถลของดิน (Earth slide บริเวณพ้ืนที่ลาดไหล่เขามีถนนตดั ผ่านทางหลวง
หมายเลข 1297 บ้านป่าแพะ ตำบลแม่ขะนิง อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน พิกัด 47P 667416E 2070267N
สงู จากระดับน้ำทะเล 543 เมตร 129
รปู ท่ี 6.39 ลกั ษณะดินถลม่ ชนิดการเลื่อนไถลของดนิ (Earth slide) บริเวณพ้ืนท่ีลาดไหล่เขามถี นนตดั ผ่านทางหลวง
ชนบทหมายเลข นน. 4022 บ้านป่าแพะ ตำบลแม่ขะนิง อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน พิกัด 47P 663567E
2068601N สูงจากระดบั นำ้ ทะเล 399 เมตร 130
รูปที่ 6.40 ลกั ษณะดินถลม่ ชนิดการเลื่อนไถลของดิน (Earth slide) บริเวณพ้ืนท่ีลาดไหลเ่ ขามถี นนตดั ผา่ นทางหลวง
ชนบทหมายเลข นน. 4022 บ้ านยาบนางเลิง ตำบลแม่ขะนิ ง อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน
พิกัด 47P 665069E 2066041N สูงจากระดับนำ้ ทะเล 388 เมตร 130
รูปท่ี 6.41 ลักษณะดินถล่มชนิดการเลื่อนไถลของเศษหินและดิน (Debris slide) บริเวณพ้ืนที่เกษตรกรรม
ปลูกข้าวโพด บ้านหัวนา ตำบลแม่ขะนิง อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน พิกัด 47P 665367E 2062056N
สงู จากระดบั น้ำทะเล 334 เมตร 131
รูปที่ 6.42 ลักษณะดินถล่มชนิดการเลื่อนไถลของเศษหินและดิน (Debris slide) บริเวณพื้นที่ลาดไหล่เขามี
ถนนลูกรังตัดผ่าน บ้านห้วยหลอด ตำบลยาบหัวนา อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน พิกัด 47P 663787E
2053685N สูงจากระดับน้ำทะเล 338 เมตร 132
รูปท่ี 6.43 ลักษณะดินถล่มชนิดการเล่ือนไถลของดิน (Earth slide) บริเวณพ้ืนที่ป่า บ้านป่าหุ่ง ตำบลยาบหัวนา
อำเภอเวียงสา จังหวดั น่าน พิกดั 47P 660693E 2053318N สูงจากระดับนำ้ ทะเล 363 เมตร 132
รปู ท่ี 6.44 ลักษณะดินถลม่ ชนิดการเล่ือนไถลของดนิ (Earth slide) บริเวณพื้นที่ลาดไหล่เขามีถนนตัดผา่ นทางหลวง
ชนบทหมายเลข นน.3021 บ้านนาก้า ตำบลยาบหัวนา อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน พิกัด 47P 654505E
2066986N สูงจากระดบั น้ำทะเล 521 เมตร 133
รูปท่ี 6.45 ลักษณะดินถล่มชนิดการเลือ่ นไถลของหิน (Rock slide) บริเวณพ้ืนท่ลี าดไหล่เขามีถนนตัดผ่านทางหลวง
หมายเลข 1243 บ้านน้ำป้ี ตำบลน้ำมวบ อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน พิกัด 47P 706272E 2038704N
สูงจากระดบั นำ้ ทะเล 519 เมตร 134
รปู ที่ 6.46 ลักษณะดินถล่มชนิดการเลอื่ นไถลของเศษหินและดิน (Debris slide) บริเวณพนื้ ท่ีลาดไหล่เขา มีถนนตัด
ผ่านทางหลวงหมายเลข 1243 บ้านน้ำปี้ ตำบลน้ำมวบ อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน พิกัด 47P 709134E
2036947N สูงจากระดับนำ้ ทะเล 437 เมตร 134
รูปที่ 6.47 ลักษณะดินถล่มชนิดการเล่ือนไถลของเศษหินและดิน (Debris slide) บริเวณพื้นที่ลาดไหล่เขา
มีถนนตัดผ่านทางหลวงหมายเลข 1243 บ้านน้ำป้ี ตำบลน้ำมวบ อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน พิกัด
47P 709108E 2036841N สูงจากระดับนำ้ ทะเล 421 เมตร 135
รูปท่ี 6.48 ลักษณะดินถล่มชนิดการเล่ือนไถลของเศษหินและดิน (Debris slide) บริเวณพื้นท่ีลาดไหล่เขา
มีถนนตัดผ่านทางหลวงหมายเลข 1243 บ้านน้ำปี้ ตำบลน้ำมวบ อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน พิกัด
47P 709103E 2036648N สูงจากระดบั นำ้ ทะเล 434 เมตร 136
XIII
รูปที่ 6.49 ลักษณะดินถล่มชนิดการเล่ือนไถลของเศษหินและดิน (Debris slide) บริเวณพ้ืนท่ีลาดไหล่เขา
มีถนนตัดผ่านทางหลวงหมายเลข 1243 บ้านน้ำป้ี ตำบลน้ำมวบ อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน พิกัด
47P 709095E 203662N สงู จากระดบั นำ้ ทะเล 427 เมตร 136
รูปท่ี 6.50 ลักษณะดินถล่มชนิดการเลื่อนไถลของเศษหินและดิน (Debris slide) บริเวณพื้นท่ีลาดไหล่เขา
มีถนนตัดผ่านทางหลวงหมายเลข 1243 บ้านน้ำปี้ ตำบลน้ำมวบ อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน พิกัด
47P 709064E 2036306N สงู จากระดับนำ้ ทะเล 404 เมตร 137
รูปท่ี 6.51 ลักษณะดินถล่มชนิดการเลื่อนไถลของหิน (Rock slide) บริเวณพ้ืนที่ลาดไหล่เขามีถนนตัดผ่าน
ทางหลวงหมายเลข 1083 ใกล้ห้วยแก่งหลวง ตำบลศรีษะเกษ อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน พิกัด
47P 700897E 2025780N สงู จากระดบั นำ้ ทะเล 218 เมตร 138
รูปท่ี 6.52 ลักษณะดินถล่มชนิดการเลื่อนไถลของเศษหินและดิน (Debris slide) บริเวณพื้นที่ลาดไหล่เขา
มีถนนตัดผ่านทางหลวงหมายเลข 1243 ดอยขุนห้วยเลา ตำบลศรีษะเกษ อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน
พกิ ดั 47P 712020E 2032149N สูงจากระดบั นำ้ ทะเล 574 เมตร 138
รูปที่ 6.53 ลักษณะดินถล่มชนิดการเลื่อนไถลของเศษหินและดิน (Debris slide) บริเวณพื้นท่ีลาดไหล่เขา
มีถนนตัดผ่านทางหลวงหมายเลข 1243 ดอยผาแป้น ตำบลเชียงของ อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน พิกัด
47P 716874E 2030212N สูงจากระดบั นำ้ ทะเล 990 เมตร 139
รูปที่ 6.54 ลักษณะดินถล่มชนิดการเลื่อนไถลของเศษหินและดิน (Debris slide) บริเวณพื้นท่ีลาดไหล่เขา
มีถนนตัดผ่านทางหลวงหมายเลข 1243 ดอยผาแป้น ตำบลเชียงของ อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน พิกัด
47P 717017E 2030454N สูงจากระดบั น้ำทะเล 1,018 เมตร 140
รูปท่ี 6.55 ลักษณะดินถล่มชนิดการเล่ือนไถล (Slide) บริเวณพื้นที่เกษตรกรรม ปลูกข้าวโพด ใกล้ถนนทางหลวง
ชนบทหมายเลข นน. 3003 เส้นทางบ้านน้ำสระ-บ้านน้ำพุ ตำบลน้ำตก อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน
พกิ ดั 47P 672240E 2033467N สงู จากระดับน้ำทะเล 384 เมตร 140
รปู ท่ี 6.56 ลักษณะดินถล่มชนดิ การเลอ่ื นไถลของเศษหินและดิน (Debris slide) บริเวณพน้ื ทร่ี ่องน้ำใกลล้ าดไหลเ่ ขา
มีถนนตัดผ่านทางหลวงหมายเลข 1216 บ้านขุนสถาน ตำบลสันทะ อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน พิกัด
47P 661005E 2021677N สงู จากระดับน้ำทะเล 1,290 เมตร 141
รูปที่ 6.57 ลักษณะดินถล่มชนิดการเล่ือนไถลของเศษหินและดิน (Debris slide) บริเวณพ้ืนท่ีลาดไหล่เขา
มีถนนตัดผ่านทางหลวงชนบทหมายเลข นน.4010 บ้านดอนมูล ตำบลเมืองลี่ อำเภอนาหมื่น จังหวัดน่าน
สำรวจพบดินถล่มชนิดการเล่ือนไถลของเศษหินและดิน (Debris slide) พิกัด 47P 656329E 2011221N
สูงจากระดบั นำ้ ทะเล 530 เมตร 142
รูปท่ี 6.58 ลักษณะดินถล่มชนิดการร่วงหล่นของเศษหินและดิน (debris fall) พื้นท่ีลาดไหล่เขามีถนนตัดผ่าน
บ้านห้วยกานต์ ตำบลขุนน่าน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน พิกัด 47P 725031E
2157529N สงู จากระดบั นำ้ ทะเล 1,056 เมตร 143
รูปท่ี 6.59 ลักษณะดินถล่มชนิดการร่วงหล่นของหิน (rock fall) พ้ืนที่ลาดไหล่เขามีถนนลูกรังตัดผ่าน
บ้านห้วยน้ำอุ่น ตำบลอ่ายนาไลย อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน พิกัด 47P 664078E 2045886N
สูงจากระดับนำ้ ทะเล 366 เมตร 144
รูปท่ี 6.60 ลักษณะดินถล่มชนิดการไหลของเศษวัสดุธรณีไหล (debris flow) บริเวณพ้ืนท่ีเกษตรกรรมท่ีมี
การปลูกมันสำประหลัง ข้าวโพดและยางพารา บ้านห้วยน้ำอุ่น ตำบลอ่ายนาไลย อำเภอเวียงสา
จงั หวัดนา่ น พิกดั 47P 664153E 2043473N สงู จากระดบั นำ้ ทะเล 423 เมตร 145
XIV
รูปที่ 6.61 ลักษณะดินถล่มชนิดการไหลของเศษวัสดุธรณี ไหล (debris flow) บริเวณพ้ืนท่ีแม่น้ำสา
บ้านสะเล่ียม ตำบลยาบหัวนา อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน พิกัด 47P 658143E 2059678N
สูงจากระดบั นำ้ ทะเล 313 เมตร 146
รูปที่ 6.62 ลักษณะดินถล่มชนิดซับซ้อน พบทั้งดินถล่มชนิดการร่วงของหิน (rock fall) และดินถล่ม
ชนิดการเล่ือนไถลของเศษหินและดิน (debris slide) บริเวณพ้ืนท่ีลาดไหล่เขาถนนทางเข้าบ้านบวกหญ้า
ตำบลขุ นน่ าน อำเภ อเฉลิ มพ ระเกี ยรติ จั งหวั ดน่ าน พิ กั ด 47 P 728273 E 2150676 N
สงู จากระดบั น้ำทะเล 1,049 เมตร 147
รูปท่ี 6.62 ลักษณะดินถล่มชนิดซับซ้อน พบท้ังดินถล่มชนิดการร่วงของหิน (rock fall) และดินถล่ม
ชนิ ดการเลื่ อนไถลของเศษหิ นและดิ น (debris slide) บริเวณ พื้ นที่ ภู เขาและพ้ื นที่ ชุ มชน
บ้านห้วยขาบ ตำบลบ่อเกลือเหนือ อำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน พิกัด 47P 729661E 2130427N
สงู จากระดบั นำ้ ทะเล 988 เมตร 148
รูปที่ 6.63 ลักษณะดิ นถล่ มชนิ ดซั บซ้ อน ก. ดิ นถล่ มชนิ ดการร่วงของหิ น (rock fall) ข. ดิ นถล่ ม
ชนิดการไหลของเศษวัสดุธรณีไหล (debris flow) บริเวณพ้ืนท่ีภูเขาและพื้นที่เกษตรกรรม ปลูกข้าวโพด
บ้านฝ่ังหม่ินตำบลอ่ายนาไลย อำเภอเวียงสา จังหวัดน่ าน พิ กัด 47P 663560E 2048193N
สงู จากระดับน้ำทะเล 322 เมตร 149
รูปท่ี 6.64 ลักษณะดินถล่มโบราณ ตะกอนเชิงเขา ในพื้นที่ลาดไหล่เนินเขาลูกโดดดอยภูซาง ตำบลกองควาย
อำเภอเมืองน่าน จงั หวัดน่าน พิกดั 47P 682561 E 2066857 N สงู จากระดับนำ้ ทะเล 264 เมตร 150
รูปที่ 6.65 ลักษณะดินถล่มโบราณ ตะกอนเชิงเขา บริเวณพื้นที่ลาดไหล่เขา มีถนนลูกทางหลวงหมายเลข 101
บ้านห้วยน้ำอ่นุ ตำบลอ่ายนาไลย อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน สำรวจพบ พิกัด 47P 662218E 2047579N
สูงจากระดับนำ้ ทะเล 345 เมตร 151
รูปที่ 6.66 ลักษณะดินถล่มโบราณ วางปิดทับหินฐานกลุ่มวิทยาหิน FS1 จำพวกหินดินดานแทรกชั้นด้วยหินทราย
บรเิ วณพ้นื ท่ีลาดไหล่เขามีถนนลกู ทางหลวงหมายเลข 101 บา้ นห้วยนำ้ อุ่น ตำบลอ่ายนาไลย อำเภอเวียงสา
จงั หวัดนา่ น พกิ ดั 47P 662048 E 2047387 N สูงจากระดบั นำ้ ทะเล 352 เมตร 152
รูปท่ี 6.67 ลักษณะดินถล่มโบราณ ตะกอนเชิงเขา บริเวณพ้ืนท่ีชุมชนบ้านสะเล่ียมเหนือ ตำบลยาบหัวนา
อำเภอเวยี งสา จังหวดั น่าน พกิ ดั 47P 658753 E 2058425 N สูงจากระดับนำ้ ทะเล 327 เมตร 153
รูปท่ี 6.68 ลักษณะดินถล่มโบราณ ตะกอนเชิงเขาบริเวณพ้ืนที่ลาดไหล่เขามีถนนทางหลวงชนบทหมายเลข
นน. 3014 ใกล้ดอยวังเย็น ตำบลแม่สาคร อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน พิกัด 47P 678744 E 2050088 N
สงู จากระดบั นำ้ ทะเล 255 เมตร 153
รูปที่ 7.1 รายละเอยี ดข้อมูลการเกบ็ ตวั อย่างตะกอนดินบนถุงกระสอบ 157
รูปที่ 7.2 ภาพร่างหน้าตัดการพุผังของหินแกรนิตแสดงระดับการผุพังตั้งแต่ระดับ I-VI กรอบสีแดงคือตำแหน่งที่
เลอื กเก็บตัวอย่างดิน (Modified from Ruxton and Berry, 1957) 157
รูปที่ 7.3 ตัวอย่างหน้าตัดดินท่ีแสดงระดับการผุพังของหินแกรนิต (zone III-VI) กรอบสีแดงแสดงตำแหน่งเก็บ
ตัวอย่างดนิ 158
รปู ท่ี 7.4 แผนทแี่ สดงตำแหนง่ การเก็บตัวอย่างดนิ ในพ้ืนทีส่ ำรวจ 159
รูปที่ 7.5 (ก) บริเวณบ้านห้วยกานต์ ตำบลขุนน่าน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน ที่ความลึก
80-100 ซม. จากผิวดิน (ข) ลักษณะของหินฐานเป็นหินทรายทรายแป้ง สีน้ำตาลส้ม แทรกชั้นด้วยหิน
ทรายเนื้ออาร์โคส สีน้ำตาลส้ม การผุพังค่อนข้างสูง แสดงช้ันบาง กลุ่มวิทยาหิน FS2 (ค) ลักษณะของชั้น
ดินคอ่ นข้างไม่จับตวั กนั (ง) ลักษณะตวั อย่างเป็นดินทราย สนี ำ้ ตาลสม้ 166
XV
รูปท่ี 7.6 (ก) บริเวณบ้านบวกหญ้า ตำบลขุนน่าน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน ท่ีความลึก 30-60 ซม.
จากผิวดิน (ข) ลักษณะของหินฐานเป็นหินทราย หินทรายแป้ง สีน้ำตาลแดง แทรกชั้นด้วยหินโคลน
สีน้ำตาลแดง การผุพังค่อนข้างสูง แสดงชั้นบาง มีทิศทางการวางตัว 174˚/65˚ กลุ่มวิทยาหิน SS2
(ค) ลักษณะของช้ันดินค่อนข้างไม่จับตัวกัน พบกรวดปะปน (ง) ลักษณะตัวอย่างเป็นดินทรายปน
ทรายแป้งสนี ำ้ ตาลแดง 167
รูปท่ี 7.7 (ก) บริเวณบ้านเปียงซ้อ ตำบลขุนน่าน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน ที่ความลึก 50-70 ซม.
จากผิวดิน (ข) ลักษณะของหินฐานเป็นหินทราย สีน้ำตาลแดง การผุพังปานกลาง พบหินโคลนแทรกอยู่
บางบริเวณ กลุ่มวิทยาหิน SS2 (ค) ลักษณะของช้ันดินค่อนข้างจับตัวกันแน่น (ง) ลักษณะตัวอย่างเป็น
ดนิ ทรายปนทรายแปง้ สนี ำ้ ตาลแดง 168
รปู ท่ี 7.8 (ก) บา้ นน้ำรีพฒั นา ตำบลขุนน่าน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน ท่ีความลึก 40-60 ซม. จากผวิ ดิน
(ข) ลกั ษณะของหนิ ฐานเปน็ หินดินดาน สเี ทาเหลือง การผุพงั คอ่ นขา้ งสูง แสดงช้ันบาง มีทิศทางการวางตัว
353˚/21˚กลุ่มวิทยาหิน FS2 (ค) ลักษณะของช้ันดินค่อนข้างจับตัวกันแน่น (ง) ลักษณะตัวอย่างเป็น
ดินทรายละเอยี ดปนดนิ เหนียว สีเทาเหลือง 169
รูปท่ี 7.9 (ก) บ้านห้วยโก๋น ตำบลห้วยโก๋น อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน ท่ีความลึก 400-420 ซม.
จากผิวดิน (ข) ลักษณะของหินฐานเป็นหินดินดาน สีน้ำตาลเหลือง แทรกสลับด้วยหินทรายเนื้อทัฟฟ์
สีเทาเหลือง การผุพังปานกลาง แสดงช้ันบาง มีทิศทางการวางตัว 169˚/66˚ และพบแนวรอยเล่ือนใน
ระนาบ 112˚/55˚ กลุ่มวิทยาหิน FS1 (ค) ลักษณะของช้ันดินค่อนข้างจับตัวกันแน่น พบกรวดปะปน
(ง) ลักษณะตัวอย่างเป็นดินทรายละเอยี ดปนกรวด สนี ำ้ ตาลเหลอื ง น้ำตาลส้ม 170
รูปที่ 7.10 (ก) บริเวณบ้านห้วยลี่ ตำบลสะเนียน อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่ าน ที่ความลึก 60-80 ซม.
จาก ผิวดิน (ข) ลักษณะของหินฐานเป็นหินไรโอไลต์ สีผิวผุเทาขาว การผุพังสูง กลุ่มวิทยาหิน VOL2
(ค) ลกั ษณะตวั อยา่ งเปน็ ดนิ ทรายปนทรายแปง้ สีเทาขาว 172
รูปที่ 7.11 (ก) บริเวณบ้านห้วยลี่ ตำบลสะเนียน อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน ที่ความลึก 15-25 ซม. จากผิวดิน
(ข) ลักษณะของหินฐานเป็นหินไรโอไลต์ สีผิวผุม่วงชมพู การผุพังสูง กลุ่มวิทยาหิน VOL2
(ค) ลักษณะตัวอย่างเป็นดินเหนยี วปนทรายแป้ง สีม่วงชมพู 173
รูปท่ี 7.12 (ก) บริเวณบ้านกาใส ตำบลสะเนียน อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน ท่ีความลึก 50-70 ซม.
จากผิวดิน (ข) ลักษณะของหินฐานเป็นหินทรายแป้ง สีน้ำตาลส้ม การผุพังค่อนข้างสูง แสดงช้ันบาง
มีทิศทางการวางตัว 43˚/41˚ กลุ่มวิทยาหิน FS1 (ค) ลักษณะตัวอย่างเป็นดินเหนียวปนทรายแป้ง
สีน้ำตาลส้ม 174
รูปที่ 7.13 (ก) บริเวณบ้านใหม่ในฝัน ตำบลสะเนียน อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน ที่ความลึก 130-170 ซม.
จากผิวดิน (ข) ลักษณะของหินฐานเป็นหินทรายแป้ง สีน้ำตาลส้ม การผพุ ังค่อนข้างสูง กลุ่มวิทยาหิน FS1
(ค) ลกั ษณะตัวอย่างเป็นดนิ เหนียวปนทรายแปง้ สนี ำ้ ตาลสม้ 175
รปู ท่ี 7.14 (ก) บรเิ วณบ้านห้วยหลอด ตำบลยาบหวั นา อำเภอเวียงสา จงั หวดั น่าน ท่ีความลึก 60-80 ซม. จากผิวดิน
(ข) ลักษณะของหินฐานเป็นหินดินดานและหินทรายแป้ง สีเทาเหลือง การผุพังค่อนข้างสูง กลุ่มวิทยาหิน
FS1 (ค) ) ลักษณะของช้ันดินค่อนข้างจับตัวกันแน่น (ง) ลักษณะตัวอย่างเป็นดินทรายปนทรายแป้ง
สีส้มเหลอื ง 177
รูปที่ 7.15 (ก) บริเวณบ้านห้วยหลอด ตำบลแม่ขะนิง อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน ที่ความลึก 200-250 ซม.
จากผิวดิน (ข) ลักษณะของหินฐานเป็นหินแอนดีไซต์ สีเทาส้ม กลุ่มวิทยาหิน VOL1 (ค) ลักษณะของ
ช้ันดินคอ่ นข้างจับตัวกันแนน่ (ง) ลกั ษณะตวั อยา่ งเป็นดนิ เหนียวปนทราย สชี มพเู หลอื ง 178
XVI
รูปที่ 7.16 (ก) บริเวณบ้านหัวนา ตำบลแม่ขะนิง อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน ท่ีความลึก 40-60 ซม.
จากผิวดิน (ข) ลักษณะของหินฐานเป็นหินดินดาน สีเทาชมพู สีน้ำตาลเหลือง เม็ดตะกอนละเอียด
การผุพังค่อนขา้ งสงู แสดงชนั้ บาง มที ิศทางการวางตัว 78˚/38˚ กลุม่ วิทยาหนิ FS1 (ค) ลักษณะของช้นั ดิน
คอ่ นขา้ ง จบั ตัวกนั แน่น (ง) ลกั ษณะตวั อยา่ งเปน็ ดนิ เหนียวปนทรายแป้ง สสี ม้ เหลอื ง 179
รูปท่ี 7.17 (ก) บริเวณบ้านฝั่งหมิ่น ตำบลอ่ายนาไลย อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน ที่ความลึก 60-90 ซม. จากผิวดิน
(ข) ลักษณะของหินฐานเป็นหินดินดาน สีเทาเหลือง สีเทาส้ม เม็ดตะกอนละเอียด การผุพัง ค่อนข้างสูง
กลุม่ วทิ ยาหนิ FS1 (ค) ลกั ษณะตวั อยา่ งเป็นดินทรายปนทรายแปง้ สีเทาเหลอื ง 180
รูปท่ี 7.18 (ก) บริเวณบ้านน้ำมวบ ตำบลน้ำมวบ อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน ที่ความลึก 160-180 ซม. จากผิวดิน
(ข) ลักษณะของหินฐานเป็นหินดินดาน สีเหลืองส้ม เม็ดตะกอนละเอียด แทรกชั้นด้วยหินโคลน
สีน้ำตาลชมพู การผุพังค่อนข้างสูง กลุ่มวิทยาหิน FS1 (ค) ลักษณะของช้ันดินจับตัวกันแน่น (ง) ลักษณะ
ตัวอยา่ งเปน็ ดินทรายแปง้ ปนดินเหนียว สีเทาเหลือง 181
รูปที่ 7.19 (ก) บริเวณบ้านน้ำตวง ตำบลน้ำพาง อำเภอแม่จริม จังหวัดน่าน ท่ีความลึก 140-160 ซม. จากผิวดิน
(ข) ลักษณะของหินฐานเป็นหินโคลน สีน้ำตาลแดง เม็ดตะกอนละเอียด การผุพังสูง กลุ่มวิทยาหิน FS2
(ค) ลักษณะตวั อย่างเป็นดินเหนียวปนทรายแป้ง สีนำ้ ตาลแดง 183
รูปที่ 7.20 (ก) บริเวณบ้านน้ำปูน ตำบลน้ำพาง อำเภอแม่จริม จังหวัดน่าน ท่ีความลึก 18-30 ซม. จากผิวดิน
(ข) ลักษณะของหินฐานเป็นหินเซอร์เพนทิไนต์ สีเทาขาว สีน้ำตาล กลุ่มวิทยาหิน MU2 (ค) ลักษณะ
ตัวอย่างเป็นดินทรายปนทรายแปง้ สีน้ำตาลแดง 184
รูปท่ี 7.21 (ก) บริเวณบ้านสบขุ่น ตำบลป่าคา อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน ท่ีความลึก 80-130 ซม. จากผิวดิน
(ข) ลกั ษณะของหนิ ฐานเป็นหนิ ดินดาน สีเทาเหลือง เม็ดตะกอนละเอียด การผพุ งั คอ่ นข้างสูง แสดงชนั้ บาง
มีทิศทางการวางตัว 213˚/29˚ กลุ่มวิทยาหิน FS1 (ค) ลักษณะของช้ันดินค่อนข้างจับตัวกันแน่น
(ง) ลกั ษณะตวั อยา่ งเปน็ ดินเหนียวปนทรายแป้ง สีน้ำตาลเหลอื ง 187
รูปท่ี 7.22 (ก) บริเวณบ้านดอยต้ิว ตำบลป่าคา อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน ท่ีความลึก 40-60 ซม.
จากผิวดิน (ข) ลักษณะของหินฐานเป็นหินทรายแป้ง สีเทาเหลืองชมพู เม็ดตะกอนละเอียด การผุพัง
ค่อนข้างสูง กลุ่มวิทยาหิน FS1 (ค) ลักษณะของชั้นดินค่อนข้างจับตัวกันแน่น (ง) ลักษณะตัวอย่างเป็น
ดินเหนียวปนทรายแป้ง สเี หลอื งชมพู 188
รูปท่ี 7.23 (ก) บริเวณอ่างเก็บน้ำแม่ริม บ้านห้วยไคร้ ตำบลแสนทอง อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน ท่ีความลึก
50-70 ซม. จากผิวดิน (ข) ลักษณะของหินฐานเป็นหินดินดาน สีเทาเหลือง เม็ดตะกอนละเอียด การผุพัง
ค่อนข้างสูง แสดงช้ันบาง มีทิศทางการวางตัว 137˚/21˚ กลุ่มวิทยาหิน FS1 (ค) ลักษณะตัวอย่างเป็น
ดนิ ทรายแปง้ ปนดินเหนียว สนี ้ำตาลเหลอื ง 189
รูปท่ี 7.24 (ก) บริเวณบ้านสบเป็ด ตำบลผาตอ อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน ท่ีความลึก 10-100 ซม. จากผิวดิน
(ข) ลักษณะของหินฐานเป็นหินเซอร์เพนทิไนต์ สเี หลืองส้ม สีส้มเขียว การผุพังสูง กลุ่มวทิ ยาหิน MU2 (ค)
ลักษณะตวั อยา่ งเปน็ ดนิ ทรายแป้งปนกรวด สีส้มเหลอื ง 190
รูปท่ี 7.25 (ก) บริเวณบ้านน้ำโมง ตำบลผาตอ อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน ที่ความลึก 60-80 ซม.
จากผิวดิน (ข) ลักษณะของหินฐานเป็นหินดินดาน สีเทาขาว สีเทาเหลือง เม็ดตะกอนละเอียด การผุพัง
ค่อนข้างสูง แสดงชั้นบาง มีทิศทางการวางตัว 117˚/19˚ กลุ่มวิทยาหิน FS1 (ค) ลักษณะตัวอย่างเป็น
ดินเหนยี วปน ทรายแปง้ สีน้ำตาลเหลอื ง 191
XVII
รูปท่ี 7.26 (ก) บริเวณบ้านน้ำกิ ตำบลผาทอง อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน ท่ีความลึก 180-200 ซม.
จากผิวดิน (ข) ลักษณะของหินฐานเป็นหินทรายแป้งแทรกด้วยหินทราย สีน้ำตาลส้ม เม็ดตะกอนละเอียด
การผุพงั สงู แสดงชนั้ บาง มที ิศทางการวางตัว 73˚/32˚ กลุ่มวิทยาหนิ FS1 (ค) ลักษณะของชั้นดินค่อนข้าง
จับตวั กนั แน่น (ง) ลักษณะตัวอยา่ งเป็นดินทรายแปง้ ปนทราย สีนำ้ ตาลหลอื ง 192
รูปที่ 7.27 (ก) บริเวณบ้านมณีพฤกษ์ ตำบลงอบ อำเภอทุ่งช้าง จังหวัดน่าน ท่ีความลึก 130-150 ซม.
จากผิวดิน (ข) ลักษณะของหินฐานเป็นหินทรายแป้ง สีเทาเหลือง เม็ดตะกอนละเอียด การผุพังสูง
แสดงช้ันบาง มีทิศทางการวางตัว 158˚/23˚ กลมุ่ วิทยาหิน FS1 (ค) ลักษณะตัวอย่างเป็นดินทรายแป้งปน
ดนิ เหนียว สนี ้ำตาลเหลอื ง 194
รูปที่ 7.28 (ก) บริเวณบ้านห้วยสะแตง ตำบลงอบ อำเภอทุ่งช้าง จังหวัดน่าน ท่ีความลึก 40-50 ซม.
จากผิวดิน (ข) ลักษณะของหินฐานเป็นหินดินดาน หินโคลน สีน้ำตาลแดง เม็ดตะกอนละเอียด การผุพัง
ค่อนข้างสูง กลุ่มวิทยาหิน FS2 (ค) ลักษณะของชั้นดินจับตัวกันแน่น (ง) ลักษณะตัวอย่างเป็น
ดนิ ทรายแปง้ ปนดนิ เหนยี ว สนี ้ำตาลแดง 195
รูปที่ 7.29 (ก) บริเวณบ้านวังผา ตำบลและ อำเภอทุ่งช้าง จังหวัดน่าน ท่ีความลึก 40-60 ซม. จากผิวดิน
(ข) ลักษณะของหินฐานเป็นหินทรายแป้ง สีน้ำตาลเหลือง เม็ดตะกอนละเอียด การผุพังค่อนข้างสูง
กลุ่มวิทยาหิน FS1 (ค) ลักษณะของช้ันดินค่อนข้างจับตัวกันแน่น พบกรวดปะปนเล็กน้อย
(ง) ลักษณะตัวอย่างเป็นดินทรายแปง้ ปนดนิ เหนยี ว สีน้ำตาลเหลอื ง 196
รูปที่ 7.30 (ก) บริเวณบ้านหนองปลา ตำบลพระธาตุ อำเภอเชียงกลาง จังหวัดน่าน ท่ีความลึก 70-100 ซม.
จากผิวดิน (ข) ลักษณะของหินฐานเป็นหินดินดานแทรกด้วยหินทราย สีเทาเหลือง เม็ดตะกอนขนาด
ทรายละเอียด การผุพังค่อนขา้ งสูง กลุ่มวทิ ยาหนิ FS1 (ค) ลกั ษณะตัวอย่างเปน็ ดนิ ทรายแป้งปนดินเหนียว
สีนำ้ ตาลเหลือง 198
รูปที่ 7.31 (ก) บริเวณขุนสถาน ตำบลสันทะ อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน ที่ความลึก 30-50 ซม. จากผิวดิน
(ข) ลักษณะของหินฐานเป็นหินทรายแป้ง สีมารูน เม็ดตะกอนละเอียด การผุพังปานกลาง แสดงช้ันบาง
มีทิศทางการวางตัว 252˚/32˚ กล่มุ วิทยาหิน FS1 (ค) ลกั ษณะตัวอย่างเปน็ ดินเหนียว สนี ำ้ ตาลแดง 200
รูปที่ 7.32 (ก) บริเวณบ้านส้าน ตำบลสันทะ อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน ท่ีความลึก 200-250 ซม. จากผิวดิน
(ข) ลักษณะของหินฐานเป็นหินดินดาน สีน้ำตาลเหลือง เม็ดตะกอนละเอียด การผุพังสูง กลุ่มวิทยาหิน
FS1 (ค) ลักษณะของช้ันดินจับตัวกันแน่น พบกรวดปะปนเล็กน้อย (ง) ลักษณะตัวอย่างเป็นดินทรายปน
ทรายแปง้ สีส้มเหลอื ง 201
รูปที่ 7.33 (ก) บริเวณบ้านห้วยเลา ตำบลเชียงของ อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน ที่ความลึก 40-60 ซม. จากผิวดิน
(ข) ลักษณะของหินฐานเป็นหินเซอร์เพนทีนไนต์ สีน้ำตาลเขียว การผุพังสูง กลุ่มวิทยาหิน MU1
(ค) ลกั ษณะตัวอย่างเป็นดนิ ทรายปนดนิ เหนยี ว สเี ขียวดำ 202
รูปที่ 7.34 (ก) บริเวณบ้านน้ำแขว่ง ตำบลเมืองลี อำเภอนาหมื่น จังหวัดน่าน ท่ีความลึก 200-250 ซม. จากผิวดิน
(ข) ลักษณะของหินฐานเป็นหินดินดาน สีน้ำตาลเหลือง เม็ดตะกอนละเอียด การผุพังค่อนข้างสูง
กลมุ่ วทิ ยาหิน FS1 (ค) ลกั ษณะตัวอย่างเป็นดินเหนยี วปนทรายแป้ง สีสม้ เหลอื ง 204
รปู ท่ี 7.35 (ก) บรเิ วณจุดสกัดแม่ติ๊ก บ้านดอนมลู ตำบลเมอื งลี อำเภอนาหม่นื จังหวัดนา่ น ท่ีความลกึ 100-120 ซม.
จากผิวดิน (ข) ลักษณะของหินฐานเป็นหินดินดานก่ึงชนวน สีน้ำตาลส้ม การผุพังค่อนข้างสูง
กลุ่มวทิ ยาหิน F-MET1 (ค) ลักษณะของชั้นดินค่อนข้างจับตัวกันแน่น (ง) ลักษณะตัวอย่างเป็นดินเหนียว
ปนทรายแปง้ สีนำ้ ตาลสม้ 205
XVIII
รูปท่ี 7.36 (ก) บริเวณบ้านห้วยขวาก ตำบลบ่อเกลือเหนือ อำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน ท่ีความลึก 50-80 ซม.
จากผิวดิน (ข) ลักษณะของหินฐานเป็นหินทรายแป้ง สีน้ำตาลแดง เม็ดตะกอนละเอียด การผุพังสูง
แสดงชั้นบาง มีทิศทางการวางตัว 195˚/27˚ และมีการแสดงโครงสร้างคดโค้งในแนว 203˚/19˚
กล่มุ วิทยาหนิ FS2 (ค) ลกั ษณะตวั อย่างเปน็ ดินทรายแป้งปนดนิ เหนยี ว สนี ้ำตาลแดง 208
รูปท่ี 7.37 (ก) บริเวณบ้านเวร ตำบลบ่อเกลือเหนือ อำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน ท่ีความลึก 200-250 ซม.
จากผิวดิน (ข) ลักษณะของหินฐานเป็นหินทรายแป้ง สีน้ำตาลแดง เม็ดตะกอนละเอียด การผุพังสูง
แสดงชั้นบาง มีทิศทางการวางตัว 14˚/19˚ กลุ่มวิทยาหิน FS2 (ค) ลักษณะของชั้นดินจับตัวค่อนข้างกัน
แนน่ (ง) ลกั ษณะตัวอยา่ งเปน็ ดินทราย สีน้ำตาลแดง 209
รูปที่ 7.38 (ก) บริเวณบ้านสะปัน ตำบลดงพญา อำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน ที่ความลึก 100-200 ซม. จากผิวดิน
(ข) ลักษณะของหินฐานเป็นหินโคลน สีน้ำตาลแดง เม็ดตะกอนละเอียด การผุพังสูง แสดงชั้นบาง
มีทิศทางการวางตัว 162˚/27˚ กลุ่มวิทยาหิน FS2 (ค) ลักษณะตัวอย่างเป็นดินเหนียวปนทรายแป้ง
สนี ้ำตาลแดง 210
รูปท่ี 7.39 (ก) บริเวณบ้านห้วยโทน ตำบลดงพญา อำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน ท่ีความลึก 50-70 ซม.
จากผิวดิน (ข) ลักษณะของหินฐานเป็นหินทรายแป้ง สีน้ำตาลแดง เม็ดตะกอนละเอียด การผุพังค่อนข้าง
สูง กลุ่มวิทยาหนิ FS2 (ค) ลกั ษณะตัวอย่างเป็นดินทรายแปง้ ปนดินเหนยี ว สีน้ำตาลแดง 211
รูปท่ี 7.40 (ก) บริเวณบ้านห้วยโทน ตำบลดงพญา อำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน ที่ความลึก 70-90 ซม. จากผิวดิน
(ข) ลักษณะของหินฐานเป็น FS2 เป็นหินทราย สีน้ำตาลแดง เม็ดตะกอนละเอียด การผุพัง ค่อนข้างสูง
แสดงช้ันบาง มีทิศทางการวางตัว 91˚/11˚ กลุ่มวิทยาหิน FS2 (ค) ลักษณะตัวอย่างเป็นดินทรายแป้ง
ปนดนิ เหนยี ว สีนำ้ ตาลแดง 212
รูปที่ 7.41 (ก) บริเวณบ้านห้วยล้อม ตำบลภูฟ้า อำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน ที่ความลึก 100-120 ซม. จากผิวดิน
(ข) ลักษณะของหินฐานเป็นหินโคลนแทรกด้วยหินทราย สีน้ำตาลแดง เม็ดตะกอนละเอียด การผุพัง
ค่อนข้างสูง แสดงช้ันบาง มีทิศทางการวางตัว 182˚/14˚ กลุ่มวิทยาหิน SS2 (ค) ลักษณะตัวอย่างเป็น
ดินเหนียวปนทราย สีน้ำตาลแดง 213
รูปที่ 7.42 (ก) บริเวณบ้านนาขวาง ตำบลบ่อเกลือใต้ อำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน ที่ความลึก 110-140 ซม.
จากผิวดิน (ข) ลักษณะของหินฐานเป็นหินโคลน สีน้ำตาลแดง เม็ดตะกอนละเอียด การผุพังค่อนข้างสูง
กลมุ่ วทิ ยาหนิ FS2 (ค) ลกั ษณะตวั อย่างเปน็ ดินเหนียวปนทรายแป้ง สีน้ำตาลแดง 214
รูปที่ 7.43 (ก) บริเวณบ้านเต๋ยกลาง ตำบลภูคา อำเภอปัว จังหวัดน่าน ที่ความลึก 100-140 ซม. จากผิวดิน
(ข) ลักษณะของหินฐานเป็นหินทรายแป้งแทรกด้วยหินทรายเนื้อเถ้าภูเขาไฟ สีน้ำตาลเทา เม็ดตะกอน
ละเอียด การผุพังค่อนข้างสูง กลุ่มวิทยาหิน FS1 (ค) ลักษณะของช้ันดินจับตัวค่อนข้างกันแน่น ปนกรวด
เลก็ นอ้ ย (ง) ลักษณะตวั อยา่ งเปน็ ดนิ ทรายปนทรายแป้ง สนี ้ำตาลส้ม 216
รูปท่ี 7.44 (ก) บริเวณบ้านหลักลาย ตำบลอวน อำเภอปัว จังหวัดน่าน ท่ีความลึก 100-120 ซม. จากผิวดิน
(ข) ลักษณะของหินฐานเป็นหินโคลน สีน้ำตาลแดง เม็ดตะกอนละเอียด การผุพังสูง กลุ่มวิทยาหิน FS2
(ค) ลักษณะตวั อย่างเปน็ ดินเหนยี วปนทรายแปง้ สนี ำ้ ตาลแดง 217
รูปท่ี 7.45 (ก) บริเวณบ้านทุ่งเฮา ตำบลอวน อำเภอปัว จังหวัดน่าน ท่ีความลึก 40-70 ซม. จากผิวดิน
(ข) ลั กษณ ะของหิ นฐานเป็ นหิ นแกรนิ ต สี เทาเหลื อง การผุ พั งสู ง กลุ่ มวิ ทยาหิ น GR
(ค) ลักษณะตวั อยา่ งเป็นกรวดปนทราย สเี ทาน้ำตาล 218
XIX
รูปที่ 7.46 (ก) บริเวณบ้านนาฝาง ตำบลสถาน อำเภอปัว จังหวัดน่าน ที่ความลึก 60-70 ซม. จากผิวดิน
(ข) ลักษณะของหินฐานเป็นหินดินดานแทรกด้วยหินทรายเน้ือภูเขาไฟ สีเทาน้ำตาล
เม็ดตะกอนละเอียดถึงปานกลาง การผุพังค่อนข้างสูง แสดงช้ันบาง มีทิศทางการวางตัว 230˚/21˚
กลุ่มวิทยาหิน FS1 (ค) ลักษณ ะของช้ันดินจับตัวค่อนข้างกันแน่น พบกรวดอยู่ด้วย
(ง) ลักษณะตวั อยา่ งเป็นดนิ เหนยี วปนทรายแปง้ สีเทาเหลือง 219
รูปที่ 7.47 (ก) บริเวณบ้านห้วยไฮ ตำบลฝายแก้ว อำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน ท่ีความลึก 40-60 ซม.
จากผิวดิน (ข) ลักษณะของหินฐานเป็นหินดินดาน สีน้ำตาลเหลือง การผุพังปานกลางถึงค่อนข้างสูง
แสดงช้ันบาง มีทศิ ทางการวางตวั 210˚/38˚ กล่มุ วิทยาหิน FS1 (ค) ลกั ษณะตวั อย่างเปน็ ดนิ ทรายแปง้ ปน
ดนิ เหนียว สนี ำ้ ตาลสม้ 221
รูปที่ 7.48 (ก) บริเวณดอยหลวง ตำบลป่าแลวหลวง อำเภอสันติสุข จังหวัดน่าน ที่ความลึก 20-40 ซม.
จากผิวดิน (ข) ลักษณะของหินฐานเป็นหินดินดาน สีน้ำตาลเหลือง การผุพังปานกลางถึงค่อนข้างสูง
แสดงช้ันบาง มที ศิ ทางการวางตัว 142˚/28˚ กลุ่มวทิ ยาหนิ FS1 (ค) ลักษณะตวั อย่างเปน็ ดนิ ทรายแปง้ ปน
ดนิ เหนียว สีน้ำตาลส้ม 222
รูปท่ี 7.49 (ก) บริเวณบ้านน้ำเกาะ ตำบลยอด อำเภอสองแคว จังหวัดน่าน ท่ีความลึก 50-60 ซม. จากผิวดิน
(ข) ลักษณะของหินฐานเป็นหินดินดาน สีน้ำตาลเหลืองชมพู การผุพังปานกลางถึงค่อนข้างสูง
แสดงช้ันบาง มีทิศทางการวางตัว 199˚/58˚ กลุ่มวิทยาหนิ FS1 (ค) ลักษณะตัวอย่างเปน็ ดินทรายแป้งปน
ดนิ เหนยี ว สีน้ำตาลส้ม 224
รูปท่ี 7.50 (ก) บริเวณบ้านน้ำปาน ตำบลชนแดน อำเภอสองแคว จังหวัดน่าน ที่ความลึก 130-150 ซม. จากผิวดิน
(ข) ลักษณะของหินฐานเป็นหินทรายแป้ง สีน้ำตาลแดง การผุพังค่อนข้างสูง แสดงชั้นบาง มีทิศทาง
การวางตัว 209˚/25˚ กลุ่มวิทยาหิน FS1 (ค) ลักษณะตัวอย่างเป็นดินทรายแป้งปนดินเหนียว
สีน้ำตาลแดง 225
รปู ที่ 7.51 (ก) บริเวณบ้านวังไผ่ ตำบลนาไร่หลวง อำเภอสองแคว จังหวัดน่าน ที่ความลึก 150-170 ซม. จากผิวดิน
(ข) ลักษณะของหินฐานเป็นหินทรายแป้งแทรกช้ันด้วยหินดินดาน สีเทาชมพู การผุพังค่อนข้างสูง
กลุม่ วิทยาหนิ FS1 (ค) ลักษณะตวั อยา่ งเป็นดนิ ทรายแปง้ ปนทราย สเี ทาขาวชมพู 226
รูปท่ี 7.52 (ก) บริเวณบ้านผาหมี ตำบลนาไร่หลวง อำเภอสองแคว จังหวัดน่าน ท่ีความลึก 20-40 ซม. จากผิวดิน
(ข) ลักษณะของหินฐานเป็นหินดินดาน สีน้ำตาลแดง เนื้อมันวาว การผุพังค่อนข้างสูง มีทิศทาง
การวางตัว 329˚/22˚ กลุ่มวิทยาหิน FS1 (ค) ลักษณะของช้ันดินจับตัวค่อนข้างกันแน่น พบกรวดปะปน
เลก็ น้อย (ง) ลกั ษณะตัวอยา่ งเปน็ ดนิ ทรายแป้งปนทราย สีนำ้ ตาลแดง 227
รูปที่ 7.53 แสดงระบบจาํ แนกดินโดยระบบ Unified Soil Classification 233
รูปที่ 7.54 แสดงระบบจาํ แนกดนิ โดยระบบ Unified Soil Classification 234
XX 10
11
สารบัญตาราง 28
50
ตารางที่ 2.1 แสดงการจำแนกชนิดของดินถล่ม 55
ตารางท่ี 2.2 แสดงการจำแนกระดับความเรว็ ในการเคล่อื นท่ขี องมวลดนิ 56
ตารางที่ 3.1 คำอธบิ ายแผนท่ธี รณีวทิ ยาจังหวัดน่าน 57
ตารางที่ 3.2 คำอธบิ ายกลมุ่ วทิ ยาหนิ ในพน้ื ทจี่ ังหวดั น่าน 60
ตารางท่ี 4.1 ตารางการจำแนกหนิ อคั นี
ตารางที่ 4.2 ตารางการจำแนกหินตะกอน 61
ตารางที่ 4.3 ตารางการจำแนกหนิ แปร 66
ตารางท่ี 4.4 สรุปชนิดและแหล่งทม่ี าของข้อมูล 72
ตารางที่ 4.5 หลักการจำแนกลักษณะของดินถล่มจากการแปลความหมายภาพถา่ ยทางอากาศและ 76
80
ภาพดาวเทียม 91
ตารางที่ 4.6 ปัจจยั ท่นี ำมาใช้ในแบบจำลองดินถล่ม 91
ตารางที่ 4.7 ตารางแสดงช่วงค่า AUC ทีใ่ ช้อา้ งอิงความถูกต้องของโมเดล 92
ตารางท่ี 5.1 ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งรอยดินถลม่ กบั ปัจจยั ท่คี วบคุมการเกิดดนิ ถลม่ 92
ตารางท่ี 5.2 คำอธิบายกลมุ่ วทิ ยาหนิ ในพน้ื ทจี่ ังหวดั นา่ น 93
ตารางที่ 5.3 การให้น้ำหนักดว้ ยวิธี Reliability weighting 156
ตารางท่ี 5.4 การใหน้ ำ้ หนกั ดว้ ยวิธี Accountability weighting 160
ตารางท่ี 5.5 การใหน้ ้ำหนักดว้ ยวธิ ีเฉลีย่ Average weighting
ตารางที่ 5.6 ระดบั ความออ่ นไหวตอ่ การเกดิ ดินถลม่ 5 ระดบั จำแนกตามวธิ ี STDV 229
ตารางที่ 5.7 ระดบั ความอ่อนไหวต่อการเกดิ ดนิ ถล่ม 5 ระดบั (ตร.กม.) จำแนกตามตำบล 240
ตารางที่ 7.1 เกณฑก์ ารผุพงั ของมวลหิน
ตารางท่ี 7.2 แสดงตำแหนง่ เก็บตัวอยา่ งแบบไมค่ งสภาพครอบคลุมกลมุ่ วทิ ยาหินในพืน้ ที่จังหวดั น่าน
ตารางท่ี 7.3 แสดงรายละเอยี ดตำแหน่ง ระดบั ความลึก จำนวน และประเภทงานทดสอบของ
ตัวอย่างแบบไม่คงสภาพ
ตารางท่ี 7.4 แสดงผลการทดสอบดนิ ขนั้ พน้ื ฐาน (ค่าพิกัดอัตตะเบริ ก์ ความถวงจาํ เพาะของเม็ดดนิ )
บทคดั ย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดขอบเขตระดับความอ่อนไหวต่อการเกิดดินถล่ม
ของพื้นท่ีจังหวัดน่าน ด้วยการวิเคราะห์พื้นที่ที่มีโอกาสเกิดดินถล่มในอนาคตด้วยแบบจำลองทางสถิติแบบ
สองตัวแปร (Bivariate probability) และการให้ค่าน้ำหนัก (Weighting) พิจารณาร่วมกับร่องรอยดินถล่มใน
อดีต ซึ่งได้จากการแปลข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียม Google Image ในช่วงปี พ.ศ. 2520-2564 และการสำรวจ
ภาคสนามเพิ่มเติม จำนวน 874 ร่องรอยดินถล่ม ควบคู่กับการวิเคราะห์ร่วมกับปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการเกิด
ดินถล่ม (Controlling factors) ทั้ง 7 ปัจจัย ได้แก่ (1) ระดับความสูง (2) ความลาดชัน (3) ระยะห่างจาก
โครงสร้างทางธรณีวิทยา (4) วิทยาหิน (5) การใช้ประโยชน์ที่ดิน (6) ทิศทางการไหลของน้ำ และ
(7) หนา้ รบั นำ้ ฝน
จากการศึกษาในพื้นที่จังหวัดน่าน พบว่าปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการกระจายตัวของ
ร่องรอยดินถล่ม เรียงลำดับความสำคัญจากมากไปหาน้อย คือ (1) การใช้ประโยชน์ที่ดิน (2) วิทยาหิน
(3) ความลาดชัน (4) หน้ารับน้ำฝน (5) ทิศทางการไหลของน้ำ (6) ระดับความสูง และ (7) ระยะห่างจาก
โครงสรา้ งทางธรณีวทิ ยา ตามลำดับ โดยพบวา่ ปจั จยั ที่เก่ียวข้องกับการเกิดดินถล่มทมี่ ีนยั สำคัญกับการกระจาย
ตัวของดินถล่ม คือ การใช้ประโยชน์ที่ดิน พื้นที่ป่าที่มีต้นไม้ใหญ่พบการกระจายตัวของร่องรอยดินถล่มมาก
ที่สุด ลำดับถัดมา คือ วิทยาหินในกลุ่มวิทยาหิน FS1 ซึ่งเป็นหินตะกอนเนื้อละเอียด แทรกสลับหินทราย
เนื้อเกรย์แวก เป็นส่วนใหญ่ ทำให้มีการผุพังง่าย ความลาดชันตั้งแต่ 60-70 องศา ณ ที่ความสูงตั้งแต่
1,800-2,200 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง นอกจากนี้ยังขึ้นกับทิศทางมรสุมจากทิศตะวันออกและ
ทิศตะวันออกเฉียงใต้ ผลจากการวิเคราะห์จากแบบจำลองสามารถจำแนกพื้นที่ความอ่อนไหวต่อการเกิด
ดินถล่ม ออกเป็น 5 ระดับ ได้แก่ 1) ระดับต่ำมาก (Very low) มีพื้นที่ประมาณ 193.44 ตารางกิโลเมตร
คิดเป็นร้อยละ 1.66 2) ระดับต่ำ (Low) มีพื้นที่ประมาณ 1,376.57 ตารางกิโลเมตร คิดเป็นร้อยละ 11.82
3) ระดับปานกลาง (Moderate) มีพื้นที่ประมาณ 5,687.43 ตารางกิโลเมตร คิดเป็นร้อยละ 48.83
4) ระดับสูง (High) มีพื้นที่ประมาณ 3,502.21 ตารางกิโลเมตร คิดเป็นร้อยละ 30.07 5) ระดับสูงมาก
(Very high) มพี นื้ ท่ีประมาณ 887.93 ตารางกโิ ลเมตร คดิ เปน็ รอ้ ยละ 7.62 ท้ังนขี้ ้อมลู ท่ีได้จากการศึกษาพ้ืนที่
อ่อนไหวต่อการเกิดดินถล่มสามารถนำไปใช้อธบิ ายสภาพแวดลอ้ มของแต่ละพื้นที่ถงึ สาเหตุของการเกิดดินถล่ม
ได้อยา่ งถกู ตอ้ ง และยงั สามารถนำไปใชเ้ ป็นเคร่อื งมอื ในการวางแผนบรหิ ารจัดการธรณพี บิ ัติภัยในระดบั ท้องถ่ิน
(Local zoning) เพ่อื สนบั สนุนการลดผลกระทบต่อชีวิตและทรัพยส์ ินของประชาชนได้ทันต่อเหตุการณ์
คำสำคัญ: ดินถล่ม (Landslide), แบบจำลองทางสถิติแบบสองตัวแปร (Bivariate probability),
การใหค้ า่ นำ้ หนกั (Weighting), ระดบั ทอ้ งถน่ิ (Local zoning), ปจั จยั ทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั การเกิด
ดนิ ถล่ม (Controlling factors)
กิตตกิ รรมประกาศ
คณะผู้จัดทำขอขอบคุณ ท่านผู้ตรวจราชการกรมทรัพยากรธรณี นางสุรีย์ ธีระรังสิกุล
ผู้ที่พัฒนาโครงการลดผลกระทบจากธรณีพิบัติภัย ทั้งการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาบริหารจัดการพื้นที่เสี่ยงภัย
ดินถล่ม ขอขอบคุณ นายนิมิตร ศรคลัง ผู้อำนวยการกองธรณีวิทยาสิ่งแวดล้อม และนายสุวิทย์ โคสุวรรณ
ผู้อำนวยการส่วนมาตรฐานและข้อมูลธรณีพิบัติภัย ท่ีให้การสนับสนุน ด้านความรู้วิชาการ พร้อมคำแนะนำ
ตลอดจนการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งภาคสนามและสำนักงาน นอกจากนี้ขอขอบคุณ ผู้อำนวยการสำนักงาน
ทรัพยากรธรณีเขต 1 นายสธุ ี จงอจั ฉริยกลุ ผูอ้ ำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรณีเขต 3 นายทนิ กร ทาทอง
ผอู้ ำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรณีเขต 4 นายสมศักดิ์ วฒั นปฤดา ท่ใี หก้ ารสนบั สนุนในด้านต่างๆ ทำให้
งานสำเรจ็ ลลุ ่วงไปด้วยดี
ขอขอบคุณประชาชนในพน้ื ที่ เจ้าหน้าที่หน่วยงานทอ้ งถิ่น เจ้าหน้าท่ีหนว่ ยรกั ษาพันธ์ุสัตว์ป่า
และเจ้าหน้าที่อุทยานแหง่ ชาติท่ีให้ความรว่ มมือทั้งในเรื่องการให้ข้อมูลดินถล่ม และแบ่งปันประสบการณ์
ทป่ี ระสบรวมถงึ การชว่ ยเหลอื ในการเขา้ พ้ืนทส่ี ำรวจ และสิ่งทปี่ ระทบั ใจคอื การมนี ้ำใจของคนในทอ้ งถนิ่
สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณคณะผู้จัดทำทุกคนท่ีทำงานกันอย่างหนักตลอด 1 ปี ขอขอบคุณ
สถานที่ 5 จังหวัด ที่ให้คณะผู้จัดมีโอกาสได้เรียนรู้หลายๆอย่างทั้งทางวิชาการ และชีวิตการทำงาน
นอกจากนี้ขอขอบคุณทีมงานที่มีความสามัคคี คอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เสนอแนวคิด คำแนะนำต่างๆ
ทำให้ได้รายงานวิชาการเล่มนี้ออกมามีประสิทธิภาพและความถูกต้องมากทีส่ ุด และคณะผู้จัดทำคาดหวงั
อย่างยิ่งว่ารายงานวิชาการเล่มนี้จะสามารถนำไปพัฒนาความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับภัยพิบัตดิ ินถล่ม และ
ใช้ประกอบการวางแผนเตรยี มพรอ้ มรับมือกับภยั พบิ ัตดิ นิ ถลม่ ท่จี ะเกดิ ขึ้นในอนาคต
คณะผจู้ ดั ทำ
กนั ยายน 2564
บทนำ
1.1 ความเปน็ มา
ดนิ ถลม่ เปน็ ได้ท้งั ภยั ธรรมชาตแิ ละภยั ทีเ่ กิดจากมนุษย์ที่สร้างความเสยี หายทั้งต่อชีวิตและ
ทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่ต่าง ๆ ของทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย จะเห็นได้ว่าในระยะเวลา
หลายปที ่ีผา่ นมามีเหตุการณ์ดนิ ถล่มเกิดขน้ึ ในหลายพืน้ ท่ีอย่างต่อเน่ืองและมีแนวโน้มท่ีจะเกิดบ่อยขึ้น
เนอ่ื งจากสภาพอากาศโลกท่ีมคี วามแปรปรวนมากขนึ้ รวมท้งั การรบกวนของมนษุ ย์ เชน่ การขยายตัว
ของชุมชนเข้าไปตั้งถิ่นฐานในพื้นที่เสี่ยงภัยดินถล่ม และมีการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดินให้
เป็นไปตามความต้องการ จากปัจจัยเหล่านี้ล้วนมีส่วนกระตุ้นให้ปัญหาดินถล่มมีความรุนแรง และมี
ความถี่ของการเกิดดินถล่มบ่อยครั้ง ดังนั้นจึงมีแนวคิดเกี่ยวกับการศึกษาและวิเคราะห์พื้นที่เสี่ยงต่อ
การเกิดดินถล่มเพื่อเป็นแนวทางลด และบรรเทาความเสียหายจากพิบัติภัยดินถล่ม ด้วยเทคโนโลยี
สารสนเทศและเทคนิคการสำรวจระยะไกล (geographic information system and remote
sensing techniques) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ถูกนำมาใช้ในการศึกษาพิบัติภัยดินถล่มอย่างแพร่หลาย
ท้ังในการศกึ ษาในพนื้ ทขี่ นาดใหญ่ (regional zoning) และรายพน้ื ที่ (local zoning) จดั เป็นเครอ่ื งมือ
ในการบริหารจัดการท่ีมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว รวมถึงการจัดทำฐานข้อมูลในรูปแบบสารสนเทศ
ที่งา่ ยต่อการปรับเปลย่ี นข้อมลู เม่อื มีการสำรวจเพ่มิ เติม
กรมทรัพยากรธรณีในฐานะหน่วยงานราชการที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการบริหารจัดการ
ทรัพยากรธรณีและธรณีพิบัติภัยของประเทศ ดำเนินการสำรวจ ศึกษา วิจัย ปัจจัยต่าง ๆ ที่ส่งผลให้เกิด
ธรณีพิบัติภัยและติดตามพฤติกรรมของธรณีพิบัติภัยต่าง ๆ เพื่อประเมินสถานภาพ กำหนดขอบเขต
พื้นที่เสี่ยงภัย จัดทำแนวทางหรือมาตรการป้องกันบรรเทาผลกระทบจากธรณีพิบัติภัยต่าง ๆ พัฒนา
ขีดความสามารถในการคาดการณ์และพยากรณ์ความเสี่ยงต่อการเกิดธรณีพิบัติภัย เพื่อเพิ่มขีด
สมรรถนะในภารกิจหลักนั้น จึงได้เกิดโครงการจัดทำแผนที่พื้นที่อ่อนไหวต่อการเกิดดินถล่มระดับ
รายละเอียด โดยนำเทคโนโลยีสารสนเทศและเทคนิคการสำรวจระยะไกล ควบคู่กับการสำรวจ
ภาคสนามมาใช้เพื่อทำความเข้าใจกับลักษณะสภาพแวดล้อมของพื้นที่เสี่ยงภัยดินถล่ม และใช้ใน
การจัดทำฐานข้อมูลในรูปแบบสารสนเทศที่ง่ายต่อการปรับเปลี่ยนข้อมูล มีความรวดเร็ว และ
มปี ระสิทธภิ าพ
-2-
1.2 วตั ถปุ ระสงคแ์ ละเปา้ หมาย
1.2.1 วตั ถปุ ระสงค์
เพื่อกำหนดขอบเขตระดับความอ่อนไหวต่อการเกิดดินถล่มของพื้นที่ด้วยแบบจำลอง
ทางสถิติ
1.2.2 เป้าหมาย
มีแบบจำลองทางคณิตศาสตร์เพื่อการวิเคราะห์พื้นที่อ่อนไหวต่อการเกิด ดินถล่มระดับ
รายละเอียด (landslide susceptibility model) ที่สามารถปรับเปลี่ยนข้อมูลให้เป็นปัจจุบันได้ง่าย
และแผนท่พี นื้ ทอี่ อ่ นไหวต่อการเกดิ ดินถล่ม (landslide susceptibility map)
1.3 ขอบเขตการศกึ ษา
การศึกษาพื้นที่อ่อนไหวต่อการเกิดดินถล่มในระดับจังหวัด เป็นข้อมูลเชิงพื้นที่มีลักษณะ
เป็นกริด (raster data) มีโครงสร้างเป็นช่องเหล่ียม เรยี กว่า จุดภาพ หรอื Grid cell เรียงต่อเน่ืองกัน
ในแนวราบและแนวดิ่ง ในแต่ละจุดภาพสามารถเก็บค่าได้ 1 ค่า มีความละเอียดของข้อมูลอยู่ที่
10 เมตร ซ่ึงสามาถแบง่ งานออกเปน็ 3 ส่วนดงั นี้
1.3.1 งานวเิ คราะหข์ ้อมูลพน้ื ฐาน
1) รวบรวมและเตรยี มฐานข้อมลู สารสนเทศภูมิศาสตร์ และภาพดาวเทยี ม
2) แปลความหมายร่องรอยดินถล่มเบื้องต้น ข้อมูลทางธรณีวิทยา โครงสร้างทาง
ธรณวี ทิ ยา ธรณีสัณฐานวิทยา จากขอ้ มลู สัมผัสไกล ได้แก่ ภาพถ่ายทางอากาศ และภาพดาวเทียม
1.3.2 งานสำรวจภาคสนาม
1) ดำเนนิ การสำรวจตรวจสอบข้อมูลร่องรอยดินถล่มทไี่ ดจ้ ากการแปลข้อมลู ดาวเทียม พร้อม
สำรวจรอ่ งรอยดนิ ถล่มปัจจบุ นั ในภาคสนาม
2) สำรวจลกั ษณะธรณวี ทิ ยาและแบ่งกลุ่มวิทยาหนิ ในพื้นท่ีเสี่ยงตอ่ การเกิดดินถลม่
1.3.3 งานศกึ ษาและวเิ คราะห์
ศึกษาวิเคราะห์แบบจำลองทางสถิติแบบสองตัวแปร (Bivariate probability) และ
การให้ค่าน้ำหนัก (weighting) เพื่อหาค่าความสัมพันธ์ระหว่างรอยดินถล่มในอดีตในรูปแบบ
อัตราส่วนความน่าจะเป็นหรือความหนาแน่นของการกระจายตัวของ ดินถล่มในแต่ละกลุ่มย่อยใน
ปัจจยั ที่เกี่ยวข้องกับดนิ ถล่ม
-3-
1.4 ประโยชนท์ ่คี าดวา่ จะไดร้ บั
1) แบบจำลองในการศึกษาพื้นที่อ่อนไหวต่อการเกิดดินถล่มในพื้นที่ต้นแบบท่ีสามารถ
นำไปใช้เป็นแนวทางในการจัดทำข้อมูลพื้นที่อ่อนไหวต่อการเกิดดินถล่ม ในพื้นที่อื่นในแต่ละภูมิภาคของ
ประเทศ
2) ข้อมูลฐานและปัจจัยที่ใช้ในการพิจารณาการเกิดดินถล่มอยู่ในรูปแบบสารสนเทศ
ภูมิศาตร์ (Geographic Information System, GIS) ที่มีความสัมพันธ์กบั ตำแหน่งในเชิงพืน้ ที่ (Spatial
data) ซึ่งรูปแบบและความสัมพันธ์ของข้อมูลเชิงพื้นที่ทั้งหลาย จะสามารถนำมาวิเคราะห์ด้วย GIS
และทำใหส้ อ่ื ความหมายในเรอ่ื งการเปลยี่ นแปลงทีส่ ัมพันธก์ ับเวลาได้
3) มีข้อมูลฐานพื้นที่อ่อนไหวต่อการเกิดดินถล่มสำหรับใช้ในการเป็นข้อมูลตั้งต้นใน
การกำหนดขอบเขตพนื้ ทีเ่ ส่ียงภยั ดนิ ถล่ม (landslide risk zoning)
4) แนวทางในการศึกษาลักษณะทางกายภาพของชั้นดินในพื้นที่ลาดชัน และวิธีการเลือก
เก็บตัวอย่างดินในชั้นที่อยูใ่ นแนวศักยภาพเลื่อนไถล เพือ่ ให้เข้าใจถึงกลไกและกระบวนการทำงานของ
การเกิดดนิ ถล่ม
5) ข้อมูลทางวิศวกรรมขั้นพื้นฐานของชั้นดินและหินผุของหินฐานในพื้นที่เสี่ยงภัย ซึ่งเป็น
ข้อมูลสนับสนุนในการวิเคราะห์ชนิดของการเกิดดินถล่ม (landslide type) ซึ่งมีประโยชน์อย่างมากใน
การวเิ คราะห์ระดับความรุนแรงของพนื้ ที่ที่ได้รับผลกระทบจากดินถล่ม
6) ขอ้ มลู ช้ันดินที่อย่ใู นแนวศักยภาพเลื่อนไถล และลกั ษณะดนิ ถลม่ ในพื้นทเ่ี สย่ี งภยั
7) ฐานข้อมูลสำคัญสำหรับการศึกษา วิจัย ดินถล่ม ทั้งในเรื่องของการปรับปรุง
การวิเคราะห์แบบจำลองดินถล่ม เพื่อให้ครอบคลุมข้อมูลที่จะนำไปสู่การพยากรณ์และคาดการณ์
ตอ่ ไป
บทท่ี 2
วรรณกรรมปริทศั น์
2.1 นยิ ามศพั ท์
คำศัพท์ที่ใช้ในรายงานฉบับนี้ บางส่วนอ้างอิงจากพจนานุกรมศัพท์ธรณีวิทยา
ฉบับราชบณั ฑิตยสถาน (2544) คมู่ อื การทำแผนท่ีดินถล่ม (Fell, 2550) และหนังสอื คำศัพท์จากคู่มือ
การประเมินความเสี่ยงจากภัยพิบัติ ซึ่งจัดทำโดย สำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ
(United Nations Development Programme: UNDP, 2559) ทั้งนี้ คำศัพท์จะจัดเรียงตามลำดับ
ความสำคญั และความสมั พันธข์ องความหมาย ดงั นี้
1) ภัยธรรมชาติ (natural hazard) คือ ภยั ท่ีเกิดจากธรรมชาติ เช่น แผน่ ดินไหว ดนิ ถลม่ และ
โคลนถลม่ คลื่นใตน้ ้ำหรือสนึ ามิ การระเบิดของภเู ขาไฟ วาตภัย อทุ กภัย อน่ื ๆ
2) ภัยพิบัติ (hazard) คือ ภัยเหตุการณ์ที่เกิดจากธรรมชาติหรือการกระทำของมนุษย์ท่ี
อาจนำมาซึ่งความสูญเสียต่อชีวิตทรัพย์สิน ตลอดจนทำให้เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจ สังคม และ
สิ่งแวดลอ้ ม
3) ความเสี่ยงภัย (risk) คือ ความเสี่ยงที่มีโอกาสหรือความเป็นไปได้ในการได้รับ
ผลกระทบทางลบจากการเกิดภัย โดยผลกระทบสามารถเกิดขึ้นกับชีวิต สุขภาพ การประกอบอาชีพ
ทรัพยส์ นิ และบรกิ ารต่าง ๆ ทง้ั ในระดบั บุคคล ชุมชน สังคม หรือประเทศ
4) ดนิ ถล่ม (landslide) คอื การเคลื่อนท่ีของมวลหนิ เศษหิน ดนิ ตามลาดชนั
5) ดนิ ถล่มมีพลัง (active landslide) คือ ดินถลม่ ทีป่ ัจจุบนั ยังมีการเคลอ่ื นตัว สามารถ
เปน็ ได้ทงั้ การเคลื่อนตัวครง้ั แรก (first-time) และการเกิดซ้ำ (reactivation)
6) ดินถล่มอุบัติซ้ำ (reactivated landslide) คือ การเคลื่อนตัวของมวลดินอีกคร้ัง
หลงั จากมีการหยุดเคลอ่ื นตวั
7) แผนที่ร่องรอยดินถล่ม (landslide inventory map) คือ แผนที่ดินถล่มที่แสดง
ตำแหน่ง จำแนก ปริมาณ กิจกรรม รวมถึงวันที่เกิดเหตุการณ์ดินถล่มแต่ละพื้นที่ อีกทั้งเป็นพื้นฐานที่
สำคัญมากในการประเมินความอ่อนไหวต่อการเกิดดินถล่ม (landslide susceptibility) โอกาสเกิด
ดนิ ถลม่ (landslide hazard) และความเส่ียงภัย (landslide risk)
8) แผนที่อ่อนไหวตอ่ การเกดิ ดนิ ถล่ม (landslide susceptibility map) คือ แผนท่แี สดง
ความอ่อนไหวต่อการเกิดดินถล่มเป็นการประเมินเชิงปริมาณหรือเชิงคุณภาพข องการจำแนก
ปริมาณ (หรือพื้นที่) และการกระจายเชิงพื้นที่ของดินถล่มที่มีอยู่หรืออาจเกิดขึ้นในพื้นที่อ่อนไหวต่อ
การเกิดดนิ ถลม่ ยงั อาจรวมคำอธิบายของความเร็วและความรุนแรงของดนิ ถล่มทมี่ ีอยู่หรือท่ีอาจเกิดขึ้น
ความนา่ จะเปน็ ท่ีอาจจะเกิดดินถล่ม ซ่งึ บอกชนดิ ของดินถล่ม และตำแหน่งทจ่ี ะเกิด
9) แผนที่ที่มีโอกาสเกิดดินถล่ม (landslide hazard map) คือ แผนที่แสดงพื้นที่ที่มี
โอกาสเกิดดินถล่มเป็นผลผลิตที่ได้มาจากการประเมินแผนที่ความอ่อนไหวต่อการเกิดดินถล่มที่มี
การกำหนดรอบความถี่โดยประมาณ (ความน่าจะเป็นรายป)ี ต่อการถล่มทอี่ าจจะเกิดขนึ้
-6-
10) ระดับหรือขอบเขตความรุนแรง (zoning) คอื พ้นื ทีท่ ่ีมกี ารจัดระดับความไวต่อการเกิด
ดินถล่ม ทั้งของพื้นที่อ่อนไหวต่อการเกิดดินถล่ม พื้นที่เสี่ยงภัยดินถล่ม และพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจาก
ดนิ ถล่ม
11) แผนที่เสี่ยงภัยดินถล่ม (landslide risk map) คือ แผนที่แสดงผลการประเมิน
ความเสี่ยงดินถล่ม เป็นผลผลิตที่ได้จากการประเมินพื้นที่ที่มีโอกาสเกิดดินถล่ม ซึ่งบ่งบอกระดับ
ผลกระทบที่เกิดข้ึนต่อองคป์ ระกอบท่ีมีความเสี่ยงจากเหตุการณภ์ ัยในพื้นทห่ี น่ึง ๆ โดยมากแสดงผลเป็น
ระดบั สี
12) ดนิ (soil)
ก) ความหมายทางธรณีวิทยา คือมวลวัสดุที่เกิดจากการผุพังของผิวโลกจากหินหรือช้ัน
ตะกอนและยังไม่จับตัวกันวางตัวบนหนิ ดาน
ข) ความหมายทางปฐพีศาสตร์ คือเทหวัตถุธรรมชาติท่ีปกคลุมพื้นโลกอยู่เป็นชั้นบาง ๆ
เกิดจากการสลายตัวของหินและแร่ผสมคลุกเคล้ากับอินทรียวัตถุซึ่งประกอบด้วยอินทรียวัตถุ
อนินทรียวัตถุ น้ำ และอากาศ
ค) ความหมายทางวิศวกรรม คอื วัตถทุ างธรรมชาติที่เกดิ จากการแปรสภาพหรอื สลายตัว
ของหินและแร่ธาตุ ซึ่งทับถมกันในสภาพท่ีไมแ่ น่นอาจจะมีอินทรยี วัตถุเปน็ ส่วนประกอบด้วยหรือไม่ก็
ได้ แต่ “ดิน” หมายถงึ กรวด (gravel) ทราย (sand) ทรายแปง้ (silt) และดนิ เหนยี ว (clay)
13) ดินกำเนิดโดยการสลายของหิน ณ ที่ตั้ง (residual soil) คือดินที่เกิดจากการผุพงั
ของหนิ ตน้ กำเนิดเนอ่ื งจากขบวนการ ปฏิกิรยิ าตอ่ ดินฟา้ อากาศ และตะกอนทบั ถมอยูก่ ับท่ี
14) ดินกำเนิดโดยการพัดพาไปตกตะกอน (transported soil) คือดินที่เกิดจาก
การถูกพัดพาจากแหล่งกำเนิดโดยตัวกลางและไปทับถมในอีกที่หนึ่ง ตัวกลางที่พัดพาอาจเป็นน้ำ
ลม ธารนำ้ แข็ง
15) ตะกอนนำ้ พา (alluvium) คือ กรวด หนิ ดนิ ทราย และสง่ิ อนื่ ๆ ทเ่ี กดิ จากการพัดพา
ของน้ำไปสะสมตวั ณ บริเวณใดบริเวณหน่ึง เช่น alluvial ตะกอนรปู พัดบริเวณที่ราบเชงิ เขา
16) เศษหินเชิงเขา (colluvium) คือก้อนหินขนาดต่าง ๆ ที่แตกหักกระจัดกระจายมา
กองทับถมระเกะระกะอยู่เชิงเขาซึ่งเป็นการแตกสลายตัวของเขาหินระยะแรก โดยเริ่มผุพังจากที่สูง
ร่วงลงมาไปหาท่ตี ำ่ เพราะแรงดึงดดู ของโลก
17) ตัวอย่างแบบถูกรบกวน (disturbed sample) คือ ตัวอย่างดินที่ได้จากการตอก
ขดุ หรือตักท่ที ำใหต้ วั อย่างดินเปลีย่ นสภาพเนือ่ งจากถูกรบกวนจากแรงกระทำภายนอก
18) ระบบจำแนกดินเอกภาพ (Unified Soil Classification System, USCS) คือ
ระบบการเรียกชื่อดินจากการจำแนกจากผลการทดสอบขนาดของเม็ดดินและการกระจายตัวของดิน
(grain size distribution) ขีดเหลว (liquid limit) และดัชนพี ลาสตกิ (plastic index)
19) ระนาบการเลื่อนไถล (slip plane) คือ แนวระนาบที่หินผุหรือดินเคลื่อนตัวผ่าน
โดยปกตแิ นวระนาบจะประกอบไปดว้ ยชั้นที่แข็งรองรบั ด้านลา่ งช้ันดนิ ทีอ่ ่อนกวา่
20) วิทยาหิน (lithology) คือวิชาที่ว่าด้วยลักษณะทางกายภาพของหิน โดยการศึกษา
จากหินโผลห่ รือหนิ ตวั อยา่ ง
-7-
2.2 ดินถลม่
2.2.1 ความหมายของดินถล่ม
ดินถล่ม (landslide) เกิดจากการเคลื่อนที่ของมวลดิน มวลหินลงมาตามลาดเขาด้วย
อิทธิพลของแรงโน้มถ่วงของโลก (Cruden and Varnes, 1996) สามารถเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
โดยมีปัจจัยภายนอกเป็นตัวกระตุ้นหรือตัวเร่ง (triggering factors) เช่น ปริมาณน้ำฝนที่ตกหนัก
อย่างต่อเนื่องทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของชั้นน้ำใต้ดิน ส่งผลให้ชั้นดินและหินเสียสมดุลจนถึง
ขาดเสถียรภาพ กล่าวคือกลไกและกระบวนการควบคุมการเคลื่อนที่ของมวลดินที่เป็นผลจากน้ำฝน
เป็นตัวเร่ง และการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำใต้ดินเป็นสาเหตุ นอกจากนี้ปรากฏการณ์ดินถล่ม
สามารถเกิดขึ้นได้จากการกระทำของมนุษย์ เช่น การตัดถนน ตีนเขาถูกทำให้ขาดเสถียรภาพ
การตัดไม้ทำลายป่า ขาดพืชพรรณปกคลุมและยึดเกาะดินทำให้ง่ายต่อการเกิดการพังทลายและ
ดินถล่ม
2.2.2 การจำแนกประเภทของดนิ ถลม่
การจำแนกประเภทของดินถล่ม และการพังทลายของลาดเขา (รูปที่ 2.1) ซึ่งใช้ใน
รายงานฉบับนี้ ยึดหลักเกณฑ์การจำแนกของ British Geological Survey (BGS) เป็นแนวทาง
โดยหลักเกณฑ์ดังกล่าว มีพื้นฐานมาจากการจำแนกประเภทดินถล่มของ Varnes (1978) ซ่ึงอาศัย
หลกั การพ้ืนฐาน 2 อยา่ งในการจำแนก ไดแ้ ก่ 1) ชนดิ ของการเคลือ่ นที่ (type of movement: falls,
topples, slides, spreads, flows) และ 2) ชนิดของมวลเคลื่อนที่ (type of material: rock,
debris, earth) (ตารางที่ 2.1) และการจำแนกระดับความเร็วในการเคลื่อนที่ของมวลดิน (Cruden
and Varnes, 1996) (ตารางที่ 2.2) ดนิ ถลม่ แต่ละประเภท สามารถอธบิ ายได้ดังนี้
1) การร่วงหล่น (falls) เปน็ การเคล่ือนที่ท่ีเกดิ ขึ้นอย่างรวดเรว็ มาก (extremely rapid)
เป็นการหลุด ร่วง กระดอน และกลิ้งอย่างเป็นอิสระภายใต้แรงโน้มถ่วงของโลกจากหน้าผาหรือพื้นท่ี
ลาดชันท่ีมมี ุมเอียงเทสูง มักเกดิ ตามระนาบพ้ืนผวิ ที่มีการเคล่ือนท่ีดว้ ยแรงเฉือนน้อยหรือไม่มีเลย เช่น
รอยแตกหรือรอยแยกในช้นั หิน สามารถจำแนกไดเ้ ปน็ 3 แบบตามชนิดของวัสดุ ได้แก่
ก) หนิ รว่ ง (rock fall) หินทหี่ ลดุ รว่ ง
ข) เศษหินและดิน (debris fall) ตะกอนดนิ เม็ดหยาบและหนิ ที่หลุดลว่ งบรเิ วณเชิงเขา
ค) ดนิ รว่ ง (earth fall) ตะกอนดนิ เม็ดละเอียดทห่ี ลดุ ตกลงมา
2) การล้มคว่ำ (topples) เป็นการเคลื่อนที่ในลักษณะล้มคว่ำมาข้างหน้า (forward
rotation) ภายใต้แรงโน้มถ่วงของโลก โดยมีจุดหมุนหรือแกนของการหมุนอยู่ที่ฐานของระนาบ
รอยช้ันความไม่ตอ่ เนื่อง (basal discontinuities)
3) การเลื่อนไถล (slides) คือการเคลื่อนที่ของมวลบนระนาบการเฉือน (shear or
rupture surfaces) สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ตามลักษณะของระนาบการเคลื่อนที่ ได้แก่
การเลื่อนไถลบนระนาบโค้ง (rotational slide or slump) และการเลื่อนไถลบนระนาบเรียบ
(translational slide) การเลอื่ นไถลบนระนาบโคง้ มจี ุดเดน่ คือ ระนาบของการเคลื่อนที่จะมีลักษณะ
โค้งคล้ายช้อน (spoon-like shape) หรือรูปประทุนหงาย (concave-upward failure surfaces)
-8-
ส่วนการเลื่อนไถลบนระนาบเรียบ (planar rupture surface) มวลวัสดุมักจะเคลื่อนที่บนระนาบที่
คอ่ นข้างขนานกับความลาดชนั หรือตามระนาบรอยแตก และทิศทางการวางตวั ของชนั้ หนิ
4) การแผอ่ อกด้านข้าง (lateral spread) เป็นลักษณะการแตกและยืดออกดา้ นข้างของ
ชั้นหิน (coherent rocks) หรือชั้นดินที่มีความเชื่อมแน่น (cohesive soils) เนื่องจากแรงดึง
(tension) หรือแรงเฉือน (shear) ส่วนใหญ่มักเกิดสัมพันธ์กับแผ่นดินไหว และปรากฎการณ์ดินไหล
(liquefaction) บนพื้นราบหรือพื้นที่ที่มีความลาดชันน้อย หรือเกิดจากการที่มีหินหรือดินที่แข็ง
และไม่อุ้มน้ำวางตัวทับอยู่บนชั้นดินที่อุ้มน้ำ เมื่อชั้นดินที่อุ้มน้ำถูกทับด้วยน้ำหนักที่มากก็จะไหลออก
ดา้ นข้าง ทำใหช้ ั้นดนิ ชัน้ หนิ ท่อี ยดู่ ้านบนแตกออกและยุบตัว
5) การไหล (flows) เปน็ การเคลื่อนท่ใี นลกั ษณะคล้ายของไหล (flow-like movement)
ของวัสดุแห้งหรือวัสดุที่อิ่มตัวไปด้วยน้ำลงมาตามความลาดชันและแรงโนม้ ถ่วงของโลก สามารถแบ่ง
ออกเป็นชนิดตา่ ง ๆ ดังน้ี
ก) หินไหล (rock flow: deep creep) หรือ หินถล่ม (rock avalanche) เป็นการไหล
อย่างรวดเร็วที่สุด (extremely rapid) ของเศษหิน (fragmented rocks) จากกองหินที่เลื่อนไถล
(rock slide) หรอื ถลม่ (rock fall) มาก่อนหนา้
ข) เศษวัสดุธรณีไหล (debris flow) เป็นการเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วมาก (very rapid)
ของเศษหนิ และตะกอนดินท่ีอ่มิ ตวั ไปดว้ ยนำ้ บนเส้นทางการไหลท่ีมีอยู่เดิม (established paths) เช่น
ร่องธาร (gullies) และร่องน้ำลำดับที่หนึ่งหรือสอง (first-or second-order drainage channels)
ปกติการไหลของเศษดินหินมักจะมาจากดินถล่มประเภทอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นบนทางลาดชัน โดยมีน้ำเปน็
ตัวกลางพัดพาเอาเศษหินและตะกอนดินไหลรวมถึงซากต้นไม้ก่อนที่จะไหลลงมากองทับถมบริเวณท่ี
ราบเชิงเขาในลักษณะของเนินตะกอนรูปพัดหน้าหุบเขา
ค) การถล่มของเศษวัสดุธรณี (debris avalanche) เป็นการไหลอย่างรวดเร็วมากถึง
มากที่สุด (very rapid to extremely rapid) ของเศษหินและตะกอนดินที่มีความชื้นหรืออิ่มตัวไป
ดว้ ยนำ้ (partially or fully saturated debris) สามารถพบไดท้ ั่วไปบนพ้นื ที่ทีม่ ีความลาดชนั สูง
ง) ดินไหล (earth flow) เป็นการเคลื่อนที่ของชั้นดินหรือชั้นหินที่มีตะกอนขนาด
ละเอียดหรืออนุภาคของดินเหนยี วเปน็ องค์ประกอบหลัก (fine-grained materials or clay-bearing
rocks) มักเกิดบนพื้นที่ที่มีความลาดชันไม่สูงนัก (moderate slopes) โดยอัตราความเร็วในการไหล
จะแปรผันตรงกบั ปรมิ าณความชนื้ ในดนิ
จ ) โ ค ล น ไ ห ล ( mud flow) ห ร ื อ ด ิ น ไ ห ล แ บ บ เ ร ็ ว ม า ก ( rapid earth flow)
เป็นการไหลอย่างรวดเร็วมากถึงมากที่สุด (very rapid to extremely rapid) ของตะกอนดินท่ี
ประกอบไปดว้ ยอนุภาคของทราย, ทรายแปง้ และดนิ เหนยี ว ไมน่ ้อยกว่ารอ้ ยละ 50 และมีคา่ ความช้ืน
ในสถานภาพพลาสติกของดิน (plastic index) > รอ้ ยละ 5
ฉ) การคบื ตวั (creep) เป็นการคืบหรือไหลคลานอย่างชา้ ๆ ด้วยอตั ราความเร็วคงที่ ไป
ตามการเอียงเทของชั้นดินหรือหิน สามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ การคืบตามฤดูกาล
(seasonal creep) การคืบอย่างต่อเนื่อง (continuous creep) และการคืบแบบเร่ง (progressive
creep)
-9-
6) ดินถล่มแบบซับซ้อน (complex landslide) เป็นการเคลื่อนที่ของมวลดินมากกว่า
หนึ่งชนิด ในธรรมชาติมวลดินที่เกิดการเคลื่อนที่ก่อนมักไปกระตุ้นให้เกิดการเคลื่อนที่ในรูปแบบอื่น
ตามมา เช่นการเลื่อนไถลบนระนาบโค้งของชั้นดินบนไหลเขาสามารถไถลลงมาสู่ตีนเขาและมวลดิน
สามารถไหลต่อไปได้ขน้ึ อยู่กบั ปริมาณความช้นื ในดิน
รูปที่ 2.1 ประเภทของดินถล่มจำแนกโดยอาศัยชนิดของการเคลื่อนที่ ชนิดของมวลเคลื่อนที่ ธรรมชาติของ
การเคล่ือนที่ อัตราการเคล่อื นท่ี และความชน้ื (คดั ลอกและดดั แปลงจาก Varnes, 1978)
- 10 -
ตารางที่ 2.1 แสดงการจำแนกชนดิ ของดนิ ถลม่ (ดัดแปลงจาก Varnes, 1978)
ชนดิ ของมวลเคลือ่ นที่ (type of Material)
ชนดิ การเคล่ือนท่ี ดนิ ในเชิงวศิ วกรรม (Engineering soils)
(type of Movement)
ชั้นหนิ (bedrock) predominately coarse predominately fine
การร่วงหล่น (falls) การร่วงหลน่ ของหนิ
> 20 % gravel and < 20 % gravel and
(rock fall) coarse grain coarse grain
การรว่ งหล่นของเศษหิน การร่วงหล่นของดิน
และดนิ (debris fall) (earth fall)
การล้มคว่ำ (topples) การลม้ คว่ำของหนิ การล้มคว่ำของเศษหินและดิน การล้มคว่ำของดิน
(rock topple) (debris topple) (earth topple)
การเล่อื น ระนาบโค้ง การเล่อื นไถลของหิน การเลอ่ื นไถลของเศษหิน การเลอ่ื นไถลของดิน
ไถล (rotational) (rock slide) และดิน (earth slide)
ระนาบเรียบ
(slides) (translational) (debris slide)
การแผ่กระจายออกด้านขา้ ง การแผก่ ระจายออก การแผ่กระจายออกดา้ นข้าง การแผก่ ระจายออกด้านขา้ ง
(lateral spreads) ดา้ นข้างของหิน ของเศษหินและดนิ ของดนิ (earth spread)
(rock spread) (debris spread)
การไหล (flows) การไหลของหนิ การไหลของเศษหินและดนิ การไหลของดิน
(rock flow: Deep (debris flow) (earth flow)
creep) การถลม่ ของเศษวสั ดธุ รณี โคลนไหล
debris avalanche (mud flow หรอื
rapid earth flow
การคบื ตัวของดนิ (soil creep)
การเคลื่อนที่แบบซบั ซอ้ น มชี นดิ การเคลื่อนที่ตง้ั แต่ 2 ชนดิ ข้นึ ไป
(complex) (combination of two or more principle types of movement)
- 11 -
ตารางท่ี 2.2 แสดงการจำแนกระดบั ความเร็วในการเคลื่อนทีข่ องมวลดนิ (Cruden and Varnes, 1996)
ระดบั คำอธิบาย ความเร็ว ความเร็วท่ัวไป นัยสำคัญของการทำลายที่เป็นไปได้
ความเรว็ 5 เมตร/วนิ าที
ความรุนแรงระดับสูงสุด; สิ่งก่อสร้างถูกทำลาย
7 รวดเรว็ ทสี่ ดุ 5 x 103 3 เมตร/นาที โ ด ย ก า ร ป ะ ท ะ ก ั น ข อ ง ว ั ต ถ ุ ท ี ่ เ ค ล ื ่ อ น ที่
1.8 เมตร/ช่ัวโมง มีการสูญเสียหลายชีวิต การอพยพเป็นไปได้
6 รวดเรว็ มาก 5 x 101 13 เมตร/เดอื น ยาก
5 รวดเรว็ 5 x 10-1 1.6 เมตร/ปี สูญเสียสิ่งมีชีวิตบ้าง; ความเร็วรวดเร็วมาก
4 ปานกลาง 5 x 10-3 จนยากจะทำใหอ้ พยพไดท้ กุ คน
16 มิลลเิ มตร/ปี การอพยพยังเป็นไปได้; สิ่งปลูกสร้าง ทรัพย์สิน
3 ช้า 5 x 10-5 < 16 มลิ ลเิ มตร/ปี และเครอ่ื งมอื ถูกทำลายเสียหาย
สิ่งปลูกสร้างชั่วคราวและสิ่งปลูกสร้างที่ไวต่อ
2 ช้ามาก 5 x 10-7 ความรู้สึกบางส่วนยังสามารถบำรุงซ่อมแซม
1 ช้าทส่ี ดุ < 5 x 10-7 ช่ัวคราวได้
การเยยี วยาการก่อสรา้ งยงั สามารถดำเนินต่อได้
ระหว่างการเคลื่อนไหวนี้; สิ่งปลูกสร้างที่ไม่ไว
ต่อความรู้สึกยังสามารถบำรุงซ่อมแซมโดยมี
การทำเป็นประจำถ้าการเคลื่อนไหวโดยรวม
ไม่มากเกินไปในระหวา่ งระยะเร่งความเรว็
สิ่งก่อสร้างถาวรบางแห่งยังไม่ได ้ รั บ
ความเสยี หาย
ยังไม่สามารถตรวจจับได้หากปราศจาก
เครื่องมือวัด; การก่อสร้างยังเป็นไปได้แต่ควร
ระมดั ระวัง
2.3 ปจั จยั ท่เี ปน็ สาเหตขุ องการเกิดดนิ ถลม่
2.3.1 สภาพภูมิประเทศ (topography)
ลักษณะภูมิประเทศที่มีอิทธิต่อความรุนแรงและโอกาสต่อการเกดิ ดินถล่ม คือ ความลาดชัน
(slope) ความยาวของความลาดชัน (slope length) ทิศทางของความลาดชัน (aspect of slope)
ระดับความสูงของพื้นที่ (elevation) และภูมิสัณฐาน (landform) ว่าเป็นลักษณะสันเขา อาทิ ยอดเขา
แหลม ยอดเขามน หน้าผา เชิงเขา เป็นต้น สิ่งเหล่านี้จะมีบทบาทต่อการเคลื่อนที่หรือการเลื่อนไหลของ
มวลดินตามลาดเขา จากหลาย ๆ งานวิจัยพบว่าปัจจัยความลาดชันและความสูงของพื้นที่มีผลต่อระดับ
ความรุนแรงของการเกดิ ดินถล่ม กลา่ วคือ เม่อื พน้ื ทม่ี คี วามลาดชนั นอ้ ยกว่า 5 องศา และความสูงน้อยกว่า
100 เมตร จะใหค้ วามรนุ แรงต่อการเกิดดนิ ถล่มต่ำ (Anbalagan, 1992; Kingsbury and others, 1991)
ในขณะท่ีระดับความรุนแรงต่อการเกิดดินถล่มจะสูงขึ้นเมื่อพื้นท่ีมีความลาดชันมากกว่า 45 องศา และ
ความสูงมากกว่า 300 เมตร อย่างไรก็ตามยังพบว่าพื้นที่ที่มีความลาดชันระหว่าง 21-40 องศา มีโอกาส
- 12 -
เกดิ ดินถลม่ มากท่ีสดุ (Lessing and others, 1983; Mehrotra and others, 1991) สำหรบั ในกรณศี ึกษา
ที่บ้านกะทูนเหนือ อําเภอพิปูน จังหวัดนครศรีธรรมราช พบว่ารอยดินถล่มที่ได้จากการแปลภาพถ่าย
ทางอากาศ จำนวน 1,826 รอยดินถล่ม ส่วนมากร้อยละ 70 พบอยู่ในบริเวณที่มีความลาดชันระหว่าง
30 องศา ถึง 60 องศา (วรวุฒิ ตันตวิ นิช, 2535)
ความสูงของพื้นที่เป็นปัจจัยหนึ่งที่มีความสัมพันธ์กับการเกิดดินถล่ม เนื่องมาจากพื้นที่ที่มี
ความสูงมากย่อมมีการกดั เซาะพังทลายรุนแรง ตามหลกั การของการปรับตวั ของพน้ื โลก พ้ืนท่ีที่อยู่ในท่ีสูง
ก็จะมกี ารกรอ่ น (erosion) มากตามไปด้วย เช่น การศกึ ษาไดจ้ ําแนกระดับความสงู ต่ำของภูมปิ ระเทศตาม
ระดับความรุนแรงที่เกิดดินถล่มเป็น 3 ระดับ คือ ระดับความรุนแรงท่ีเกิดดินถล่มต่ำ พบที่ระดับความสูง
น้อยกว่า 100 เมตร ระดับความรุนแรงท่ีเกิดดินถล่มปานกลาง พบที่ระดับความสูง 100-300 เมตร และ
ระดับความรุนแรงท่ีเกิดดินถล่มสูง พบที่ระดับความสูงมากกว่า 300 เมตร (Anbalagan, 1992)
อย่างไรก็ตามพื้นที่ที่สูงชันมาก เช่น หน้าผาหินส่วนใหญ่ประกอบด้วยชั้นหินมากกว่าชั้นดิน
จึงมีความคงทนมากกว่าบริเวณที่เป็นไหล่เขาหรือลาดเขา ดังตัวอย่างจากการศึกษาของศูนย์วิจัยป่าไม้
(2537) ได้รายงานผลการศึกษาการเกิดดินถล่มในพื้นที่ภาคใต้ว่า ตำแหน่งที่พบดินถล่มในระดับความสูง
ต่ำกว่า 200 เมตร พบเพียง 14 แห่ง ที่ระดับความสูง 200-500 เมตร พบ 1,050 แห่ง ระดับความสูง
500-800 เมตร พบ 744 แห่ง และระดับความสูงมากกว่า 800 พบน้อยลงโดยพบเพียง 187 แห่ง
เนอ่ื งจากบรเิ วณท่ีศึกษาท่รี ะดับความสงู ขน้ึ เปน็ ช้ันหินมากกว่าช้ันดิน
2.3.2 สภาพธรณวี ทิ ยาและปฐพวี ิทยา (Geology and Pedology)
สภาพธรณีวิทยาที่แตกต่างกันให้ชั้นดินต่างชนิดกัน และความหนาต่างกัน เช่น หินแกรนิต
แสดงลักษณะไม่มีความเป็นเนื้อเดียวกัน (heterogeneous) มีอัตราการผุพังสูง แร่ที่เป็นองค์ประกอบ
เมื่อผุพังแล้วจะให้ชั้นดินเป็นตะกอนทราย หรือตะกอนทรายปนดินเหนียว (วรวุฒิ ตันติวนิช , 2535)
ส่วนหินภูเขาไฟ มีอัตราการผุพังสูง และให้ชั้นดินทรายปนดินเหนียว หรือดินเหนียว ส่วนหินตะกอน เช่น
หินดินดาน หินโคลน เมื่อผุพังจะให้ชั้นดินเหนียวเป็นส่วนใหญ่ ส่วนพื้นที่ที่มีลักษณะธรณีวิทยาเป็นหินแปร
เช่น หินชนวน (slate) หินควอร์ตไซต์ (quartzite) มีโอกาสเกิดดินถล่มได้ง่ายกว่าหินตะกอน
เช่น หินปูน หินโดโลไมต์ (limestone/dolomite) และหินทราย (Mehrotra and others, 1991)
นอกจากน้ีการพิจารณาจากอัตราการผุพังอาจจะสามารถบ่งบอกถึงโอกาสเกิดดินถล่มได้ เช่น ปัจจัย
การผุพังสลายตัวของหินแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1 หินมีการผุพังสลายตัวเร็วแต่โอกาสเกิดดินถล่มต่ำ
ได้แก่ หินควอร์ตไซต์ หินปูน หินแกรนิต หินแกบโบร และหินไนส์ กลุ่มที่ 2 หินมีการผุพังสลายตัว
ปานกลาง มีโอกาสเกิดดินถล่มปานกลาง ได้แก่ หินดินดาน หินทรายแป้ง และกลุ่มที่ 3 หินมีการผุพัง
สลายตวั ชา้ แต่มโี อกาสเกดิ ดินถล่มสูง ได้แก่ หินชนวน หนิ ฟลิ ไลต์ และหินชิสต์ นอกจากนย้ี งั พบว่าโครงสร้าง
ทางธรณีวิทยา มีผลต่ออัตราการผุพังของหิน โดยเฉพาะหินที่อยู่ในเขตรอยเลื่อน มีรอยแตก รอยแยกมาก
ส่งผลให้อัตราการผุพังสูงตามมาด้วย เนื่องจากมีช่องว่างให้น้ำและอากาศผ่านเข้าไปทำปฏิกิริยาทางเคมีได้
ง่ายข้นึ (Anbalagan, 1992)
- 13 -
การเกิดดินถล่มระดับตื้น (shallow landslide) มีความหลากหลายทางชนิด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ
ชนิดของดินที่เป็นผลมาจากการผุพังของชั้นหินต้นกำเนิด พิสุทธ์ิและคณะ (2533) ได้ศึกษาดินที่เกิดจาก
การผุพังสลายตัวของหินแกรนิต บริเวณที่เกิดดินถล่ม อำเภอพิปูน จังหวัดนครศรีธรรมราช พบว่า
ดินส่วนใหญ่เป็นดินทราย สามารถแบ่งเป็น 2 ชั้น คือ ดินชั้นบนเป็นดินร่วนเหนียวปนทราย
(sandy clay loam) ซึ่งประกอบด้วยอนุภาคขนาดทรายร้อยละ 50-65 ดินชั้นล่างเป็นดินเหนียวปนทราย
(sandy clay) ซึ่งประกอบด้วยอนุภาคขนาดทรายร้อยละ 30-45 จากข้อมูลนี้จะเห็นว่าดินทรายมี
แรงยึดเหนี่ยวของเม็ดดินมีน้อยทำให้เกิดการพังทลายได้ง่ายโดยปกติแล้วถ้าดินแห้งสนิทจะไม่มีแรงยึดเหนี่ยว
เกิดขึ้นเลย ดินจะมีแรงยึดเหนี่ยวเพิ่มขึ้นเมื่อดินได้รับความชื้นเพิ่มขึ้น และจะค่อย ๆ ลดลงเมื่อดินได้รับ
ความชื้นมากขึ้นเรื่อย ๆ จนเกินขีดจํากัดพลาสติก (plastic limit: PL) ดินแทบจะไม่มีแรงยึดเหนี่ยวหรือ
ไม่มีเลย เมื่อดินได้รับความชื้นมากขึ้นจนถึงขีดจํากัดความเหลว (liquid Limit: LL) ดินจะอยู่ใน
สภาพเหลวและไหลได้ ค่าท่ีได้จากผลต่างระหว่างค่าขีดจํากัดความเหลวกับค่าขีดจํากัดพลาสติก เรียกว่า
ดัชนีพลาสติก (plastic Index: PI) ใช้เป็นตัวเปรียบเทียบปริมาณความชื้นที่สามารถเพิ่มให้ดินได้โดยดิน
ไม่เปลี่ยนสภาพเป็นของเหลว ซึ่งดินแต่ละชนิดมีค่า ดัชนีพลาสติกไม่เท่ากัน ดินที่มีค่าดัชนีพลาสติกต่ำ
(PI = 5) เชน่ ดนิ ทรายแปง้ เม่ือได้รับความช้นื เพียงเลก็ น้อย จะเปล่ียนสภาพเป็นของเหลวได้ง่ายกว่าดินที่
มีค่าดัชนีพลาสติกสูง (PI = 20) เช่น ดินเหนียวต้องได้รับความชื้นเข้าไปมากกว่าจึงจะเปลี่ยนสภาพเป็น
ของเหลว
2.3.3 สภาพพชื พรรณและการใช้ท่ดี นิ (vegetation and land use)
พืชพรรณและสิ่งปกคลุมดินมีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงพื้นที่ เช่น พื้นที่เกษตรกรรม
พื้นที่ป่าที่มีความหนาแน่นมาก พื้นที่ที่มีพืชพรรณหนาแน่นปานกลาง พื้นที่ที่มีพืชพรรณปกคลุมน้อย และ
พื้นทที่ ี่ไม่มีส่ิงปกคลุม (Anbalagan, 1992) เนื่องจากพืชช่วยทำให้ดินร่วนซุย เม่ือฝนตกลงมาน้ำฝนแทรกซึม
และไหลผ่านลงสู่ดินชั้นล่างได้ดี นอกจากนี้รากพืชยังช่วยยึดอนุภาคดินไม่ให้แตกหลุด และเลื่อนไหลได้ง่าย
คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (2540) ได้รายงานการศึกษาสภาพดินถล่มบริเวณ
ไหล่เขาของเทือกเขาหลวงในจังหวัดนครศรีธรรมราช พบว่าบริเวณที่เกิดดินถล่มส่วนใหญ่เป็นบริเวณ
ลาดไหล่เขาที่มีการถางป่าเพื่อปลูกยางพารา ซึ่งมีระบบรากฝอย ขาดรากแก้วยึดเกาะชั้นดิน เป็นปัจจัยท่ี
ส่งเสริมให้เกิดการขาดเสถียรภาพง่ายขึ้นเมื่อมีการกระตุ้นด้วยปริมาณน้ำฝน (วรวุฒิ ตันติวนิช, 2535)
แม้ว่าบางแห่งมีความลาดชันไม่มากนัก แต่รอยแผลที่เกดิ ดินถล่ม จะเปิดกว้าง ส่วนบริเวณที่เป็นป่าซ่ึงมีสภาพ
ค่อนข้างสมบูรณ์มีการเกิดดินถล่มบ้าง แต่รอยแผลของการถล่มจะเกิดในบริเวณที่มีความลาดชันสูง
นอกจากนี้อัตราการแทรกซึมของน้ำยังเป็นปัจจัยเสริมในการเกิดดินถล่ม เช่น บริเวณป่าผลัดใบ
(deciduous forest) อัตราการแทรกซึมของน้ำมีค่ามากกว่า 1,270 มิลลิเมตรต่อชั่วโมง สวนป่าสน
(Pine forest) มีค่าระหว่าง 36-1,270 มิลลิเมตรต่อช่ัวโมง (Hornbeck and Reinhart, 1964) ยังพบว่า
ในดินชั้นฮิวมัสหรือโอ อัตราการแทรกซึมของน้ำมีค่าสูงถึง 5,994 มิลลิเมตรต่อชั่วโมง ดินชั้นเอ
มีค่าระหว่าง 1,600-3,353 มิลลิเมตรต่อชั่วโมง และดินชั้นบี (B horizon) มีค่าระหว่าง 230-432
มิลลิเมตรต่อชว่ั โมง (Trimble and others, 1951)
กรณศี ึกษาในประเทศไทยบริเวณพ้ืนท่ีป่าตน้ น้ำภาคเหนือซึ่งเป็นป่าดิบเขาก็พบเช่นเดียวกันวา่
แทบไม่มีน้ำไหลบ่าบนผิวหน้าดินเลย (นิวัติ เรืองพานิช, 2513) เปรียบเทียบกับพื้นที่ร้างปรากฏว่า
ปริมาณน้ำไหลบ่า บนผิวหน้าดินมีมากกว่าพื้นทีป่ ่าดิบเขาถึง 2 เท่า (นิพนธ์ และคณะ, 2516) โดยภายใต้
- 14 -
สภาพป่าที่ปกคลุมด้วยเนื้อดินปนทรายหรือเนื้อดินเหนียวที่ปกคลุมไปด้วยฮิวมัส และเศษซากพืชจะมี
อัตราการแทรกซึมน้ำไม่แตกต่างกันมากนัก โดยให้เหตุผลว่าช่องว่างของดินในระดับความลึกประมาณ
60 เซนติเมตร จากผิวดินแทบจะไม่แตกต่างกัน Hoover (1950) หมายความว่าบริเวณพื้นที่ลุ่มน้ำที่มี
ป่าไม้ปกคลุมจะไม่มีน้ำไหลบ่าบนผิวหน้าดิน น้ำในลำธารที่เห็นเป็นน้ำที่ไหลผ่านดินล่าง (subsurface
flow) เท่านั้นที่ลงสู่ลำธาร (นิวัติ เรืองพานิช, 2513; Hoover and Hursh, 1943; Hewlett and
Hibbert, 1967; Tsukamoto, 1966) อีกทั้งประเภทของป่ายังพบความแตกต่างของปริมาณน้ำที่พืช
ดดู ซับไว้ในดนิ เชน่ ปา่ ดิบแลง้ ป่าดบิ เขา ปา่ ดบิ ชน้ื ปา่ เบญจพรรณผสมไมส้ ัก และป่าเต็งรัง มีค่าประมาณ
ร้อยละ 30, 9, 19, 39, และร้อยละ 62 ของปริมาณฝน ตามลำดับ จะเห็นว่าพื้นที่ป่าดิบเขามีน้ำที่ถูกพืช
ดูดซับไว้น้อยที่สุด เนื่องจากมีลักษณะของใบเป็นมันและมีขนาดเล็กเป็นส่วนใหญ่ นอกจากนี้สภาพของ
บรรยากาศยังเต็มไปดว้ ยเมฆหมอกและมคี ่าความช้ืนสัมพัทธส์ ูง ในขณะที่ปา่ ชนดิ อ่ืน ๆ มีน้ำทถ่ี ูกพืชดูดซับไว้
ประมาณ 40% ถึง 60% (Tangtham, 1999)
2.3.4 ปรมิ าณนำ้ ฝน
จากปัจจัยสำคัญดังที่กลา่ วมาแล้ว ปริมาณน้ำฝนยังเป็นปัจจัยภายนอกที่มากระตุ้นให้ระบบ
และกลไกลการพังทลายของดิน หรือการเคลื่อนที่ของมวลดินเกิดขึ้นเร็วขึ้น กล่าวคือ เม่ือมีฝนตก
นำ้ ฝนจะซึมลงไปในดินด้วยอิทธิพลของแรงโน้มถว่ ง ระยะแรกการแทรกซึม (infiltration) ของน้ำฝนลงไป
ในดินค่อนข้างเร็ว เนื่องจากความชื้นในดินยังมีน้อย เมื่อมีฝนตกนานขึ้นในดินจะมีความชื้นมากขึ้น
อตั ราการแทรกซึมจะชา้ ลง ทง้ั นี้ขน้ึ อยูก่ ับประเภทของเนื้อดนิ ถ้าเป็นดินเนื้อหยาบอัตราการแทรกซึมของ
น้ำลงไปในดินก็เป็นไปอย่างรวดเร็ว จำพวกดินทราย แต่ถ้าเป็นดินเนื้อละเอียด จำพวกดินเหนียว
การแทรกซึมค่อนข้างช้า ปริมาณน้ำที่แทรกซึมลงไปในดินจะไปกักเก็บไว้ในช่องว่างในดิน (soil pore)
ถ้าปริมาณน้ำมีมากกว่าที่ดินจะเก็บกักไว้ได้ก็จะไหลผ่านลงสู่ชั้นน้ำใต้ดินหรือชั้นน้ำบาดาล
(groundwater) ปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมายังพื้นดินแทรกซึมลงไปในดินขึ้นอยู่กับอัตราการแทรกซึม
(infiltration rate) ถา้ ปริมาณน้ำฝนทตี่ กลงมาในอัตราน้อยกว่าอัตราการแทรกซึม น้ำฝนจะแทรกซมึ ลงใน
ดินทั้งหมด แต่ถ้าปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาในอัตราที่มากกว่าอัตราการแทรกซึม น้ำฝนที่เหลือจาก
การแทรกซึมลงในดินก็จะเกิดการไหลบ่าผิวดิน (surface runoff) ลงสู่ที่ต่ำ กรณีที่มีพืชพรรณหรือป่าไม้
ขน้ึ ปกคลมุ พ้ืนดิน ปรมิ าณนำ้ ฝนท่ตี กลงมาบางส่วนจะถกู ยึดไวโดยใบก่งิ ก้าน และลำตน้ จะมีมากหรือน้อย
ขึ้นอยู่กับชนิดของพืชพรรณหรือประเภทของป่าไม้ เมอื่ นำ้ ฝนทต่ี กแทรกซึมลงในดนิ ดินกจ็ ะได้รับความช้ืน
เพิ่มข้ึนทำให้ดินมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น มีผลทำให้แรงยึดเหนี่ยวระหว่างมวลดินด้วยกันหรือระหว่างมวลดินกับ
หินลดลงขณะเดียวกนั แรงตา้ นต่อการยึดเหนีย่ วหรือแรงผลักดนั มีเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับสภาพพื้นที่ตาม
ลาดไหล่เขามีความลาดชัน และมีแรงโน้มถ่วงของโลก จึงเป็นสาเหตุให้ดินและหินแตกหลุดออกจากกัน
และเกิดการถล่มลงมา ดังตัวอย่างของ ปริญญา นุตาลัย และวันชัย โสภณสกุลรัตน์ (2532) พบว่าเม่ื อมี
ปริมาณฝนตกตั้งแต่ 260 มิลลิเมตรขึ้นไปภายในเวลา 24 ชั่วโมง จะเกิดดินถล่มตามลาดไหล่เขาหลายแห่ง
อย่างไรก็ตามนอกจากปริมาณน้ำฝนที่ยังต้องศึกษาเพิ่มเติมแล้ว ยังมีปัจจัยจากความสัมพันธ์ของ
ความถี่และปริมาณน้ำฝน พบว่าจำนวนของการเกิดดินถล่มมีความสัมพันธ์กับความถ่ีและปริมาณน้ำฝน
กล่าวคือ ในระดับรุนแรงมากต้องมีปริมาณฝนตกสะสม มาแล้ว 2 วัน มากกว่า 140 มิลลิเมตร และ
ความหนาแน่น (rainfall intensity) ของฝนมากกว่า 35 มิลลิเมตรต่อชั่วโมง ในระดับรุนแรงต้องมี
ปริมาณฝนตกสะสมมาแล้ว 2 วัน ปริมาณน้ำฝนระหว่าง 80-140 มิลลิเมตร ความหนาแน่นของฝน
- 15 -
มากกว่า 15 มิลลิเมตรต่อชั่วโมง และระดับรุนแรงน้อยต้องมีปริมาณฝนตกสะสมมาแล้ว 2 วัน
ปริมาณน้ำฝนมากกว่า 40 มิลลิเมตร ความหนาแน่นของฝนมากกว่า10 มิลลิเมตร ต่อชั่วโมง และ
การคาดคะเนปริมาณและความหนาแน่นของฝนสามารถแบ่งเป็น 3 ระดับ กล่าวคือระดับรุนแรงน้อย
ต้องมีฝนตกติดต่อกันมากกว่า 3 วัน มีปริมาณฝนระหว่าง 270-300 มิลลิเมตร และความหนาแน่นของ
ฝนระหว่าง 90-100 มิลลิเมตรต่อวัน ระดับปานกลาง ต้องมีฝนตกติดต่อกันมากกว่า 2 วัน มีปริมาณฝน
ระหว่าง 280-300 มิลลิเมตร และความหนาแน่นของฝนระหว่าง 140-150 มิลลิเมตรต่อวัน ระดับรุนแรง
ต้องมีฝนตกมากกว่า 6 วัน มีปริมาณฝนระหว่าง 480-500 มิลลิเมตร และความหนาแน่นของฝน ระหว่าง
80-85 มิลลิเมตรต่อวัน (Nianxueo and Zhupingo, 1992) อย่างไรก็ตามการศึกษาปริมาณน้ำฝน
ที่มีผลต่อการเกิดดินถล่ม ยังต้องพิจารณาร่วมกับการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำใต้ดิน ซึ่งมีวงจร
การเปลีย่ นแปลงแตกตา่ งกนั ในแต่ละฤดกู าลและเป็นสาเหตหุ ลักในการเคล่ือนตวั ของมวลดนิ
2.4 แนวความคดิ เก่ยี วกับการทำแผนทพ่ี ื้นทอี่ ่อนไหวต่อการเกดิ ดนิ ถลม่
ภัยพิบัติทางธรรมชาติ คือ “ภัยพิบัติที่มีโอกาสเกิดขึ้น ในช่วงระยะเวลาใดเวลาหน่ึง
ภายในบริเวณที่เกิดปรากฏการณ์ธรรมชาติอาจสร้างความเสียหาย ” (Varnes, 1984) คำจำกัด
ความรวมถึงขนาดที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ และคาบอุบัติซ้ำของการเกิด (Carrara and Pike, 2008) ซึ่งขนาด
จะเป็นตัวบ่งบอกความรุนแรงของปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ซึ่งเป็นเงื่อนไขทางพฤติกรรมและพลังของ
การทำลายล้าง ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์จะเป็นตัวบ่งชี้ถึงการระบุสถานที่ที่อาจเกิดปรากฏการณ์ เวลาจะเป็น
ตัวบ่งชถ้ี งึ ความถ่ขี องเหตุการณ์ (temporal frequency)
การประเมินอันตรายจากภัยพิบัติดินถล่มจึงต้องคำนึงถึง ขนาดที่ตั้ง และเวลาของทั้งปัจจัย
ควบคุมและปัจจัยกระตุ้น (Ayalew and Yamagishi, 2005; Dahal and others, 2008) อย่างไรก็ตาม
เปน็ การยากที่จะทำนายคุณลักษณะทสี่ ำคัญทัง้ สามประการดังที่กล่าวมา โดยเฉพาะอยา่ งยิ่งช่วงเวลาที่จะ
เกิดเหตุการณ์ นอกจากนี้ทั้งตัวแปรภายใน (ปัจจัยควบคุมดินถล่ม) และตัวแปรภายนอก (ปัจจัยกระตุ้น)
ถูกใช้ในการกำหนดการเกิดภัยพิบัติดินถล่มในพื้นที่ (Cevik and Topal, 2003) ตัวแปรภายในที่เป็น
ตัวกำหนดความอ่อนไหวต่อการเกิดดินถล่ม ประกอบด้วย ธรณีวิทยาของชั้นหิน (bedrock geology)
ธรณีสัณฐานวิทยา (geomorphology) ความหนาของชั้นดิน (soil depth) ชนิดของดิน (soil type)
ระดับของความลาดชนั (slope gradient) หน้ารับน้ำฝนของความลาดชัน (slope aspect) ความนูนลาด
(slope convexity) ความเว้าโค้งลาด (slope concavity) ระดับความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง
(elevation) คุณสมบัติทางวิศวกรรมของวัสดุธรณีที่มีความลาดชัน รูปแบบของการใช้ประโยชน์ที่ดิน
(land use pattern) รูปแบบของทางน้ำ (drainage pattern) และอื่น ๆ (Dahal and others, 2008)
ตัวแปรภายนอกที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดดินถล่มในพื้นที่ที่มีความอ่อนไหว ประกอบด้วย ฝนตกหนัก
แผน่ ดนิ ไหว การประทขุ องภูเขาไฟ (Cevik and Topal, 2003) หรอื การละลายของหมิ ะ (Malamud and
others, 2004)
ความอ่อนไหวต่อการเกิดดินถล่ม (landslide susceptibility) นิยมใช้กันอย่างกว้างขวาง
(Akgün and Bulut, 2007) และใช้แทนที่คำว่า “ความเสี่ยงภัยดินถล่ม (landslide hazard) เนื่องจาก
สามารถกำหนดพนื้ ทเ่ี สี่ยงภัยดินถล่มไดโ้ ดยไม่ตอ้ งอ้างถงึ เวลาและขนาด (Dai and Lee, 2001) นอกจากนี้
ความอ่อนไหวต่อการเกิดดินถล่มคือความเป็นไปได้ที่จะเกิดดินถล่มในอนาคตในพื้นทีท่ ี่กำหนด ขึ้นอยู่กับ
- 16 -
ทัง้ สองตวั แปรคือตวั แปรภายในทเ่ี ป็นปัจจัยควบคุมการเกิดดินถล่ม และตวั แปรภายนอกท่ีเข้ามากระตุ้นมี
ความแตกต่างขึ้นอยูก่ บั เฉพาะพน้ื ที่ และเกดิ ข้ึนชัว่ คราว
แผนที่พื้นที่อ่อนไหวต่อการเกิดดินถล่มพิจารณาจากการกระจายตัวของกา รเกิดดินถล่มใน
อดีตและปัจจัยควบคุมต่าง ๆ (Nandi and Shakoor, 2010) ด้วยเหตุนี้ จึงมีความสำคัญต่อการระบุ
การเกิดดินถล่มในอดีตอย่างแม่นยำ และกำหนดความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลเชิงพื้นที่ที่แสดงถึงลักษณะ
ทางกายภาพและเหตุการณ์ดินถล่มที่เกิดขึ้น เพื่อกำหนดความอ่อนไหวที่เชื่อถือได้ของการเกิดดินถล่ม
ในอนาคต (Park and Chi, 2008) โดยขั้นตอนสำหรับการประเมินและการทำแผนที่ความอ่อนไหวใน
การเกิดดินถล่มในอดีตที่ผ่านมา มีความยากลำบากและใช้เวลานาน (Dahal and others, 2008)
แต่เนอ่ื งจากการพัฒนาของระบบภูมศิ าสตรส์ ารสนเทศ (GIS) และแอพพลิเคช่ันทางคอมพวิ เตอร์ ทำให้ใน
ปัจจุบนั การวิเคราะหค์ วามออ่ นไหวในการเกิดดินถล่มสามารถทำได้ง่ายข้นึ (Dahal and others, 2008)
2.5 วธิ กี ารศกึ ษาพ้นื ท่อี อ่ นไหวต่อการเกดิ ดนิ ถลม่
วิธีการทางสถิติ คือ การวิเคราะห์ร่วมกันของปัจจัยที่ทำให้เกิดดินถล่มในอดีตถูกกำหนดใน
เชิงสถติ แิ ละการคาดการณ์เชงิ ปริมาณจะทำขึน้ สำหรับพื้นที่ทไ่ี ม่มีดินถล่มในปจั จุบนั แต่มีสภาพท่ีคล้ายคลึง
กัน (Soeters and van Westen, 1996) ในปัจจุบันแนวทางทางสถิติถือเป็นเทคนิคที่เหมาะสมที่สุด
สำหรับการประเมินความอ่อนไหวต่อการเกิดดินถล่ม (Dai and others, 2001) เนื่องจากเป็นไปตาม
วัตถุประสงค์ ง่ายต่อการปรับปรุง และสามารถทำซ้ำได้ (He and Beighley, 2008) วิธีการทางสถิติ
ที่ใช้สำหรับการวิเคราะห์ภัยพิบัติดินถล่มในโครงการนี้คือ วิธีการวิเคราะห์แบบสองตัวแปร (Bivariate
statistical analysis)
การวิเคราะห์ทางสถิติสองตัวแปรหลัก คือ (1) ตัวแปรปัจจัยที่ควบคุมดินถล่ม เช่น
สภาพธรณีวิทยา ความลาดชัน การใช้ประโยชน์ที่ดิน และอื่น ๆ และ (2) แผนที่การกระจายตัวของ
การเกิดดินถล่ม โดยค่าน้ำหนักจะถูกคำนวณให้แต่ละชั้น (class) ของแผนที่ปัจจัยที่เป็นสาเหตุ
(Soeters and van Westen, 1996; Süzen and Doyuran, 2004) การจัดอันดับชั้นของข้อมูลโดยใช้
ความหนาแน่นของการเกิดดินถล่ม (Ayalew and Yamagishi, 2005) วิธีการนี้จะสมมติว่าปัจจัยทั้งหมด
ไม่มีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกนั (Suzen and Doyuran, 2004) วิธีการวิเคราะหท์ างสถติ ิแบบสองตวั แปร
นี้ถือว่าเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพและมีความยืดหยุ่น แต่ก็มีข้อจำกัดอยู่หลายประการ (Thiery and
others, 2007) ซึ่งข้อจำกัดอาจรวมถึงการสูญเสียคุณภาพและความถูกต้องของข้อมูลด้วย
การลดความซับซ้อนของข้อมูลเฉพาะเรื่องที่ให้ตัวแปรปัจจัยมากเกินไปจนเกิดข้อผิดพลาดของ
ค่าความอ่อนไหวของข้อมูล การแปลงค่าปัจจัยต่อเนื่องให้เป็นแบบไม่ต่อเนื่องมีแนวโน้มที่จะต้องอาศัย
ความเห็นของผู้เชยี่ วชาญในการกำหนดขอบเขตของช้ันข้อมูล วิธีการวิเคราะห์ทางสถิติแบบสองตัวแปร
มีวิธีการต่าง ๆ ที่แตกต่างกันออกไป ซ่ึงประกอบดว้ ย วธิ กี ารอัตราสว่ นของความถี่ (Pradhan and Lee,
2010) วิธีการค่าน้ำหนักของหลักฐาน (Regmi and others, 2010) วิธีการค่าของข้อมูล (information
value method) (Süzen and Doyuran, 2004) แบบจำลองความน่าจะเป็นของ Bayesian และปัจจัย
ความแน่นอน (certainty factors) (Soeters and van Westen, 1996)
บทท่ี 3
ขอ มูลพน้ื ฐาน
3.1 พ้ืนท่ีและอาณาเขตตดิ ตอ
จังหวัดนาน ต้ังอยูในภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย มีระยะทางหางจากกรงุ เทพมหานคร
ประมาณ 668 กิโลเมตร ตั้งอยูระหวางละติจูดที่ 17 องศา 89 ลิปดาเหนือถึงละติจูดที่ 19 องศา
37 ลิปดาเหนือ และระหวางลองจิจูดที่ 100 องศา 24 ลปิ ดาตะวันออกถึงลองจิจดู ที่ 101 องศา 6 ลิปดา
ตะวันออก มีพื้นทีท่ ้งั หมดประมาณ 11,472 ตารางกิโลเมตร มีอาณาเขตติดตอ กบั พ้ืนทใี่ กลเ คยี ง ไดแ ก
ทิศเหนือติดตอกับจังหวดั พะเยาและสาธารณรัฐประชาธปิ ไตยประชาชนลาว
ทิศใตต ดิ ตอ กับจังหวัดอุตรดติ ถแ ละจังหวดั แพร
ทิศตะวนั ออกตดิ ตอกบั สาธารณรัฐประชาธปิ ไตยประชาชนลาว
ทิศตะวนั ตกติดตอ กบั จังหวดั พะเยาและจังหวดั แพร
3.2 ลกั ษณะภูมปิ ระเทศ
ลักษณะภูมิประเทศทั่วไปของจังหวัดนาน มีภูเขาทอดตัวในแนวเหนือ-ใต สวนภูเขา
ดานทิศตะวันออกทอดตัวตอเน่ืองมาจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งเปนสวนหนึ่งของ
เทือกเขาหลวงพระบาง และภูเขาดานทิศตะวนั ตกทอดตวั ตอเน่ืองมาจากจังหวดั พะเยา มีการคดโคงของ
สันเขา บริเวณตอนกลางของจังหวัดเปนท่รี าบลุมแมน้ำ ลักษณะภูมปิ ระเทศท่ัวไปของจังหวัดนานสามารถ
แบงไดเ ปน 4 ลกั ษณะ ไดแ ก
1) พื้นที่ที่เปนเนิน ท่ีดอน ที่ราบระดับต่ำ (ความสูงจากระดับน้ำทะเลต่ำกวา 300 เมตร)
ประมาณรอยละ 35 ของพื้นทีท่ ง้ั หมด พบบรเิ วณทร่ี าบแมน ้ำนานทางตอนกลางและตอนใตของจังหวดั
2) พื้นที่ที่เปนเนิน ท่ีดอน ที่ราบระดับสูง (ความสูงจากระดับน้ำทะเล 300-500 เมตร)
ประมาณรอ ยละ 20 ของพ้ืนท่ที ัง้ หมด พบบรเิ วณทางดานตะวนั ออก ตะวันตก และตอนใตข องจังหวัด
3) พื้นที่ที่เปนภูเขาระดับกลางถึงต่ำ ลาดเชิงเขา (ความสูงจากระดับน้ำทะเล 500-750
เมตร) ประมาณรอ ยละ 20 ของพนื้ ทที่ ั้งหมด พบบรเิ วณทางดา นตะวนั ตกและตะวนั ออกของจังหวดั
4) พ้ืนที่ท่ีเปนภูเขาสูง (ความสูงจากระดับน้ำทะเลมากกวา 750 เมตร) ประมาณรอยละ 25
ของพื้นที่ทั้งหมด พบสวนใหญบริเวณดานตะวันออกของจังหวัด เชน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ อำเภอบอเกลือ
และอำเภอแมจริม และพบกระจายเปนกลุมบางทางดานตะวันตก เทือกเขาที่สำคัญ ไดแก เทือกเขา
ผีปน นำ้ ตะวนั ออก และเทอื กเขาหลวงพระบาง
- 18 -
รปู ที่ 3.1 แผนที่ภมู ิประเทศของจงั หวัดนา น (กรมทรัพยากรธรณี, 2564)
- 19 -
3.3 ลกั ษณะภูมิอากาศ
ลักษณะภูมิอากาศของจังหวัดนาน ขึ้นอยูกับอิทธิพลของลมมรสุมที่พัดประจำฤดูกาล
2 ชนิด คือ ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ซ่ึงพัดพามวลอากาศเย็นและแหงจากประเทศจีนปกคลุม
ประเทศไทยในชวงฤดูหนาว ทำใหมีอากาศหนาวเย็นและแหงท่ัวไป และลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต ซ่ึง
พัดพามวลอากาศช้ืนจากทะเลและมหาสมุทรปกคลุมประเทศในชวงฤดูฝน ทำใหมีฝนตกทั่วไป
(กรมอุตุนิยมวิทยา, 2563)
ฤดูกาลของจังหวัดนาน แบงฤดูกาลออกเปน 3 ฤดู คือ ฤดูรอนเริ่มต้ังแตกลางเดือน
กุมภาพันธถึงกลางเดือนพฤษภาคม เดือนเมษายนเปนเดือนท่ีมีอากาศรอนอบอาวมากท่ีสุด ฤดูฝนเริ่ม
ต้ังแตกลางเดือนพฤษภาคมถึงกลางเดือนตุลาคม มีฝนตกมากท่ีสุดในเดือนสิงหาคม ฤดูหนาวเร่ิมต้ังแต
กลางเดือนตุลาคมถึงกลางเดือนกุมภาพันธ มีอากาศหนาวที่สุดคือเดือนธันวาคมและมกราคม ปริมาณฝน
เฉล่ียในรอบ 12 ป ของจังหวัดนาน ตั้งแตป 2549 ถงึ 2562 อยทู ี่ 1,174 มิลลิเมตร เดือนสิงหาคมมฝี นตก
มากทสี่ ดุ มีปรมิ าณฝนเฉลีย่ 255 มิลลิเมตร (กรมอตุ ุนิยมวทิ ยา, 2562)
รปู ที่ 3.2 แผนทแี่ สดงทศิ ทางพายุหมุนเขตรอ นที่เขาสูประเทศไทย (กรมอุตนุ ยิ มวทิ ยา, 2557)
- 20 -
รปู ท่ี 3.3 ปริมาณฝนรายเดอื นเฉล่ียในชวงป 2549-2562 สถานีโครงการชลประทานนา น อ.เมอื ง จ.นาน
(กรมอตุ ุนยิ มวทิ ยา, 2562)
3.4 ลกั ษณะธรณวี ทิ ยา
ขอมูลลักษณะทางธรณีวิทยาท่ัวไปของจังหวัดนานอางอิงจากแผนที่ เอกสาร และรายงาน
การสำรวจท่ีดำเนินการมาแลว ประกอบดวย แผนที่ธรณีวิทยาระวางนาน มาตราสวน 1:250,000
ป ค.ศ. 1975 โดยคณะนกั ธรณวี ิทยาชาวเยอรมันรวมกับนักธรณวี ิทยากองธรณีวทิ ยา กรมทรัพยากรธรณี
แผน ท่ี ธรณี วิท ย ารายจั งห วัด จังห วัดน าน (2550) แ ผน ที่ ธรณี วิท ย าม าต ราสวน 1:50,000
ระวางบานนาหน่ำ (5145 II) และระวางบานนาหนุง (5145 III) โดยสมาน จาตุรงควนิชย และสันติ
ลีวงศเจริญ (2530) ระวางบานหวยปู (5246 IV) และระวางก่ิงอำเภอแมจริม (5246 III) โดยอดุลย
วรรณพีระ และสุวิทย โคสุวรรณ (2530) ระวางอำเภอทุงชาง (5147 I) และระวางอำเภอปว (5147 II)
โดยประพัฒน โสภณพงศพิพัฒน และไพศาล ศุภรเวทยศิริ (2532) ระวางจังหวัดนาน (5146 I) และ
ระวางบานเข่ือนแกว (5146 IV) โดยพิศิษฐ สุขวัฒนานันท และคณะ (2533) ระวางบานปางชมพู
(5146 III) และระวางอำเภอนานอย (5145 IV) โดยวิทยา ธรรมดุษฎี (2533) ระวางอำเภอสา (5146 II)
และระวางบานน้ำมวบ (5145 I) โดยพิศิษฐ สุขวัฒนานันท และสันต อัศวพัชระ (2530) ระวางอำเภอ
สองแคว (5147 IV) และระวางเหนือของอำเภอสองแคว (5148 III) โดยสมบุญ โฆษิตานนท และคณะ (2533)
ระวางบานแวนโคง (5047 I) และระวางอำเภอปง (5047 II) โดยวีระพงษ ตันสุวรรณ และสุวิทย
โคสุวรรณ (2531) และแผนท่ีธรณีวิทยาจังหวัดนานมาตราสวน 1:250,000 (กรมทรพั ยากรธรณี, 2551)
โดยมลี กั ษณะธรณวี ทิ ยาทว่ั ไป ดงั น้ี
- 21 -
3.4.1 ลำดบั ช้นั หิน
ขอมูลธรณีวิทยาท่ัวไปของจังหวัดนาน ประกอบดวยหินท้ัง 3 ชนิด ไดแก หินตะกอน
หินแปร และหินอัคนี การลำดับชั้นหินในพื้นที่จังหวัดนานท่ีพบกระจายตัวท่ัวไปในพ้ืนที่ โดยมีอายตุ ้ังแต
ยุคไซลูเรียน-ดีโวเนียน ถึงยุคควอเทอรนารี เรียงลำดับจากหินอายุแกไปหาอายุออน (รูปท่ี3.4 และ
ตารางท่ี 3.1) มรี ายละเอยี ดดังนี้
3.4.1.1 หนิ ตะกอน (Sedimentary rocks) และหนิ แปร (Metamorphic rocks)
1) หินยุคไซลูเรยี นถึงดีโวเนยี น (Silurian - Devonian, SD) เปนชั้นหินท่ีวางตวั อยลู ำดับ
ช้ันลางสุดของการลำดับช้ันหินในพ้ืนที่จังหวัดนาน ประกอบดวยหินแปรเกรดต่ำ ไดแก หินฟลไลต
หินชีสตเน้ือฟลไลต แทรกสลับดวยหินควอรตไซต (กรมทรัพยากรธรณี, 2551) แผกระจายตัวอยูบริเวณ
ดานทศิ ใตข องจงั หวดั นานเปนบรเิ วณแคบ ใกลเ ขือ่ นสริ ิกติ ิ์ แสดงลักษณะภูมปิ ระเทศที่เปนเนนิ เขาเต้ีย ๆ
2) หินยุคคารบอนิเฟอรัส (Carboniferous, C) ในพื้นที่จังหวัดนาน ประกอบดวย
หินฟลไลต สีเทาดำ สีแดงแกมมวง หินทราย หินทรายแปงสีเทาแกมมวง หินดินดานก่ึงชนวนและ
หินควอรตไซต (กรมทรัพยากรธรณี, 2551) แผกระจายตัวเปนแนวแคบๆ วางตัวในแนวเหนือ-ใต
บริเวณตอนใตข องอำเภอนาหมืน่ เทา นน้ั แสดงลกั ษณะภูมปิ ระเทศที่เปนภูเขาสูง
3) หินยุคคารบอนิเฟอรัสถึงเพอรเมียน (Carboniferous-Permian, CP) ในพื้นท่ี
จังหวัดนาน ประกอบดวยหินทรายสีเทา ชั้นหินขนาดบาง สลับกับหินดินดาน สีเทา และหินทรายแปง
(ก รมท รัพ ยาก รธรณี , 2551) พ บ ก ระ จายตั วเป น แน วแ ค บ ๆ วางตั วอ ยูใน แน ว เห นื อ -ใต
บริเวณดานตะวันตกของอำเภอทาวังผา ยาวตอเนื่องและกระจายตัวเล็กนอยไปถึงอำเภอสองแควตอ กับ
แนวรอยตอ ของจังหวัดพะเยา แสดงลกั ษณะภูมปิ ระเทศเปน แนวทวิ เขาสูงชันเปนแนวยาวตอ เนื่อง
4) หินยุคเพอรเมียน (Permian, P) ที่พบในพ้ืนที่จังหวัดนาน ไดแก กลุมหินงาว
(สงดั ปยะศิลป, 2515) ซ่งึ ประกอบดวย 2 หมวดหิน ไดแก หมวดหินกิ่วลม และหมวดหินผาหวด โดยเรียง
จากอายุแกไปหาอายอุ อน ตามลำดบั ดังนี้
(1) หมวดหินกิ่วลม (Kiu Lom Formation, Pkl) เปนหมวดหินท่ีอยลู างสุดของกลุมหินงาว
ประกอบดวยหินฟลไลต หินทราย หินทรายแปง หินดินดาน หินเชิรต และหินกรวดมน พบหินปูน
แทรกชั้นหรือแทรกสลับในตอนบนของการลำดับช้ันหนิ (กรมทรัพยากรธรณี, 2551) พบกระจายตัวอยใู น
แนวเหนือ-ใต ทางฝง ตะวนั ออกของอำเภอนานอย ตอเน่ืองลงไปจนถึงฝงตะวนั ตกของอำเภอนาหมืน่ และ
บางพ้นื ทข่ี องอำเภอเวยี งสา แสดงลักษณะภมู ิประเทศท่เี ปน ที่เนนิ และภูเขาสูง
(2) หมวดหินผาหวด (Pha Huat Formation, Pph) เปนหมวดหินท่ีอยูตอนกลางของ
กลุมหินงาว ประกอบดวยหินปูนสีเทา ช้ันหนา แสดงลักษณะหนาผาหินปูนชัดเจน หินทรายเน้ือภูเขาไฟ
และหินดินดาน (กรมทรัพยากรธรณี, 2551) พบซากดึกดำบรรพพวกคตขาวสาร (fusulinid) ปะการัง
ไบรโอซัว และไครนอยด พบกระจายตัวทางฝงตะวันตกของอำเภอเวียงสา อำเภอแมจริม บริเวณรอยตอ
ระหวางอำเภอทาวังผา อำเภอปว และอำเภอเชียงกลาง และทางฝงตะวันตกของอำเภอสองแคว
แสดงลักษณะภมู ปิ ระเทศแบบภูเขาสูงเปน สวนใหญ และบางบริเวณพบเปน ทเี่ นนิ
- 22 -
3) หินยคุ เพอรโมไทรแอสซิก (Permo-Triassic, PTr) ประกอบดว ยหินดินดาน หินทราย
แปง และหินทราย สีเทาดำถึงสีเทาเขียว แทรกสลับกับหินเชิรตช้ันบาง (กรมทรัพยากรธรณี, 2551)
พบแผกระจายตัวเปนบริเวณกวางต้ังแตบริเวณอำเภอนาหม่ืนตอเนื่องไปจนถึงอำเภอสองแคว ในแนว
เหนือ-ใต แสดงลักษณะภูมิประเทศท่ีเปน ภูเขาสูง
4) หนิ ยุคไทรแอสซิก (Triassic, Tr)
หินยุคไทรแอสซิกในพ้ืนท่ีจังหวัดนาน สามารถเรียงลำดับชั้นหินจากอายุแกไปหาอายุออน
ได 4 หมวดหิน ตามลำดับ ประกอบดวย หมวดหินเขาพลึง และชั้นหิน 3 หมวดหิน ในกลุมหินลำปาง
(Lampang group) ซ่งึ ไดแก หมวดหนิ ผาแดง หมวดหินกา งปลา หมวดหนิ วงั ชน้ิ มีรายละเอยี ดดงั นี้
(1) หมวดหินเขาพลึง (Khao Ploung Formation, Trkhp) ประกอบดวยหินดินดาน
สีเทา แทรกสลับดวยหินทรายเกรยแ วคและหินโคลน หินโคลนแทรกสลับกับหินเชริ ต และหินเชิรตแสดงช้ัน
(กรมทรัพยากรธรณี, 2551) พบกระจายเปนพื้นที่เล็ก ๆ อยูในตอนใตของอำเภอนาหม่ืน แสดงลักษณะ
ภูมิประเทศท่ีเปน ภูเขาสูง
(2) หมวดหินผาแดง (Pha Daeng Formation, Trpd) ประกอบดวยหินทราย หินทรายแปง
หินโคลน และหินกรวดมน สีแดง (กรมทรัพยากรธรณี, 2551) พบกระจายตัวอยูบริเวณตอนกลาง และ
เปนหยอมเล็ก ๆ ทางฝงตะวันออกของอำเภอนานอยและอำเภอเวียงสายาวตอเนื่องพาดผานทาง
ฝงตะวันตกของอำเภอแมจริมไปจนถึงตอนกลางของอำเภอสันติสุข แสดงลักษณะภูมิประเทศท่ีเปน
ภูเขาสูง
(3) หมวดหินกางปลา (Klang Pla Formation, Trkp) ประกอบดวยหินปูน สีเทา
แสดงลักษณะชั้นบางถึงช้ันหนา (กรมทรัพยากรธรณี, 2551) พบกระจายอยูทางตอนเหนือของอำเภอปว
และบริเวณรอยตอระหวางอำเภอทุงชางและอำเภอเฉลิมพระเกียรติ พาดผานเขาไปในบริเวณอำเภอ
เฉลิมพระเกียรติ และพบกระจายเปน หยอมเลก็ ๆ ในพ้ืนทอ่ี ำเภอบอเกลือ แสดงลักษณะภูมิประเทศท่ีเปน
ภเู ขาสงู ชัน
(4) หมวดหินวังช้ิน (Wang Chin Formation, Trwc) ประกอบดวยหินโคลน สีเทาเขม
แทรกสลับบางบริเวณดวยหินทราย ช้ันบางถึงช้ันหนา และหินปูน (กรมทรัพยากรธรณี, 2551)
พบแผกระจายตัวเปนบริเวณกวาง ต้ังแตท างดานทิศตะวันตกของอำเภอสองแคว อำเภอทาวังผา เปนแนวยาว
ตอเน่ืองจนถึงอำเภอเมืองนาน พาดผานอำเภอบานหลวง และกระจายตัวในอำเภอทุงชางพาดผาน
อำเภอเชียงกลาง อำเภอปว ตอเน่ืองมาจนถึงอำเภอสันติสุข และพบในบางพื้นที่ทางดานตะวันตกของ
อำเภอบอเกลือ และพบเปนหยอม ๆ ในพ้ืนที่อำเภอแมจริม อำเภอเวียงสา อำเภอนานอย และ
อำเภอนาหมื่น แสดงลักษณะภูมิประเทศที่เปนเนินเขาและภูเขาสูง บางบริเวณที่เปนหินปูนแสดง
ลักษณะธรณสี ณั ฐานวิทยาแบบคารส
5) หนิ ยคุ ไทรแอสซกิ ถึงจแู รสซกิ (Triassic to Jurassic, TrJ)
หินยุคไทรแอสซิกถึงจูแรสซิกในพื้นที่จังหวัดนาน ประกอบดวย หินกรวดมนสแี ดง หินทรายสีเทา
เขียวแทรกสลับกับหินโคลน หินทรายแปง และหินอารีไนตเนื้อปนปูน สวนลางพบหินเถาภูเขาไฟแทรกสลับ
(กรมทรัพยากรธรณี, 2551) พบแผกระจายตัวในแนวเหนือ-ใต อยูบริเวณทางดานตะวันตกของอำเภอเมืองนาน
เปนแนวยาวไปจนถึงตอนใตของเขตอำเภอเวียงสา ตามแนวเทือกเขาทางดานตะวันออกและตะวันตกของ
อำเภอบานหลวง บริเวณทางดานตะวันตกของอำเภอสันติสุข และเปนเนินเขาเล็ก ๆ ของอำเภอแมจริม
แสดงลักษณะภมู ปิ ระเทศแบบเนินเขาไปจนถงึ ภเู ขาสงู ท่ีทอดตวั เปน แนวยาว
- 23 -
6) หินยคุ จูแรสซกิ (Jurassic, J)
หินยุคจูแรสซิกในพ้ืนท่ีจังหวัดนาน พบเปนหินตะกอนสีแดงสวนใหญที่มีการสะสมตัวของ
ตะกอนบนพนื้ ทวปี (Non-marine red bed) ประกอบดวย 4 หมวดหิน ไดแ ก หมวดหินภคู า หมวดหินภกู ระดงึ
ซ่ึงเปนสวนหน่ึงของกลุมหินโคราช หมวดหินน้ำรี และหินยุคจูแรสซิก ซึ่งไมไดมีการกำหนดชื่อของ
หมวดหินไว มรี ายละเอียดดงั นี้
(1) หมวดหินภูคา (Phu Kha formation, Jpkk) ประกอบดวย หินกรวดมน สีน้ำตาล
แกมแดง สีเทา ช้ันปานกลาง หินทรายเนื้ออารโคส สลับช้ันกับหินทรายแปง หินโคลน สีแดงแกมมวง
เน้ือปูน แสดงชั้นเฉียงระดับและรอยร้ิวคลื่น หินปูนเน้ือทรายสีเทา (กรมทรัพยากรธรณี, 2551)
พบกระจายตัวอยูทางดานทิศตะวันออกเฉียงเหนือของจังหวัดนาน ตอเนื่องเปนแนวยาวต้ังแต
อำเภอเฉลิมพระเกียรติตอเนื่องจนถึงอำเภอแมจริม แสดงลักษณะภูมิประเทศเปนภูเขาสูงทอดตัวเปน
แนวยาว
(2) ห ม วด หิ น ภู กระดึ ง (Phu Kradung Formation, Jpk) ซ่ึงเป น สวนห น่ึงของ
กลุม หินโคราช ประกอบดวย หินทรายแปงเนื้อปนปูนและปนไมกา สีแดงและสมี วง หินทรายหินเคลย และ
หินกรวดมน (กรมทรัพยากรธรณี, 2551) พบกระจายตัวอยูทางดานตะวันออกของจังหวัดนาน ตั้งแต
บรเิ วณอำเภอแมรมิ อำเภอเวียงสาตอเนื่องจนถึงอำเภอนานอ ย แสดงลักษณะภูมิประเทศเปนภูเขาสูงชัน
ทอดตวั เปน แนวยาว
(3) หมวดหินน้ำรี (Nam Ri Formation, Jnr) ประกอบดวย ชั้นสลับกันของหินทราย
เน้ื ออารโคส หิ นทรายเนื้ อควอตซ หิ นทรายแปง และหิ นโคลนสีน้ำตาลแกมแดง และสีเทา
แสดงชั้นเฉียงระดับ ลักษณะแถบชั้นบาง รอยร้ิวคลื่น หิ นกรวดมนถึงหินทรายเนื้อกรวดมน
(กรมทรัพยากรธรณี, 2551) พบกระจายตัวอยูทางดานตะวันออกเฉียงเหนือของจังหวัดนาน ตอเน่ืองเปน
แนวยาวตั้งแตอำเภอเฉลิมพระเกียรติตอเนื่องจนถึงอำเภอแมจรมิ และพบกระจายตัวอยทู างดา นตะวันออก
ของอำเภอปว แสดงลักษณะภูมปิ ระเทศเปนภเู ขาสงู ทอดตวั เปน แนวยาว
(4) หินอายุจูแรสซิก (J) หนวยหินน้ีในแผนท่ีธรณีวิทยาไมไดกำหนดช่ือหมวดหินไว
ประกอบดวย หินกรวดมนสีแดง หินทรายสีน้ำตาลแดง แทรกสลับกับหินทรายแปงและหินโคลน
สีน้ำตาลแดง และหินกรวดมนพบซากหอยสองผา (กรมทรัพยากรธรณี, 2551) พบแผกระจายตัวบริเวณ
พ้ืนที่อำเภอสองแคว อำเภอทุงชาง อำเภอเฉลิมพระเกียรติ อำเภอเชียงกลาง อำเภอปว อำเภอทาวังผา
อำเภอสันติสุข อำเภอภูเพียง อำเภอเมืองนาน อำเภอเวียงสา อำเภอนานอย และอำเภอนาหม่ืน และพบ
กระจายเปนหยอม ๆ ในอำเภอแมจริม และอำเภอบอเกลือ แสดงลักษณะภูมิประเทศทั้งแบบท่ีราบ
ทเ่ี นิน และภเู ขาสงู ชัน
7) หินยุคจูแรสซิกถึงครีเทเซยี ส (Jurassic to Cretaceous, JK)
หินยุคจูแรสซิกถึงครีเทเชยี สในพ้ืนทจ่ี ังหวัดนาน ประกอบดวย 3 หมวดหิน ไดแ ก หมวดหิน
พระวิหาร ซ่ึงเปนสวนหน่ึงของกลุมหินโคราช หมวดหินก่ิวจัน และหินยุคจูเรสซิกถึงครีเทเชียส ที่ไมได
มกี ารกำหนดชื่อของหมวดหนิ ไว มีรายละเอียดดงั นี้
(1) ห ม วด หิ น พ ระวิ ห าร (Phra Wihan Formation, JKpw) ในพื้ น ที่ จั งห วั ด น าน
ประกอบดวย หินทรายเนื้ออารโคส หินทรายเนื้อควอตซ สีขาวถึงน้ำตาลออน ชั้นหนามาก
แสดงช้ันเฉียงระดับ แทรกสลับดวยหินเคลยสีน้ำตาลแดง และสีเทาน้ำตาล (กรมทรัพยากรธรณี, 2551)
- 24 -
พบกระจายตัวเปนแนวเขาแคบ ๆ บริเวณอำเภอแมจริม อำเภอเวียงสา อำเภอนาหมื่น และเปนหยอม
ในอำเภอนานอย แสดงลักษณะภูมปิ ระเทศเปน เขาสงู
(2) หมวดหินก่ิวจันทร (Kiu Chan Formation, JKkc) ในพ้ืนที่จังหวัดนานประกอบดวย
หินทรายเน้ือควอตซ สีน้ำตาลถึงเทา หินทรายเนื้ออารโคส สีเทา แทรกสลับดวยหินทรายแปงสีแดง และ
หินกรวดมนแสดงการวางชั้นเฉียงระดับ ลักษณะแถวชั้นบาง การเรียงขนาดตะกอน และรอยริ้วคลื่น
(กรมทรัพยากรธรณี, 2551) พบแผกระจายตัวในบริเวณอำเภอเฉลิมพระเกียรติ อำเภอบอเกลือ
อำเภอแมจริม และบางสวนของอำเภอปวและอำเภอสันติสุข แสดงสภาพภูมิประเทศท่ีเปนเนินเขาถึง
ภเู ขาสูง
(3) หินอายุจูแรสซิกถึงครีเทเชียส (JK) ในพื้นท่ีจังหวัดนาน ซ่ึงเปนหมวดหินท่ีไมไดมี
การกำหนดชื่อไว ประกอบดวยหินทรายเนื้อควอตซ สีขาวช้ันหนา แสดงชั้นเฉียงระดับ แทรกสลับกับ
หนิ ทรายแปงสีเทาเขยี ว และหินโคลนสีนำ้ ตาลแดง (กรมทรัพยากรธรณี, 2551) พบกระจายตวั เปนหยอม
หรือเปนแนวเขา ในบริเวณอำเภอสองแคว อำเภอเชียงกลาง อำเภอเมืองนาน อำเภอบานหลวง
อำเภอเวยี งสา และอำเภอนานอย แสดงลักษณะภูมิประเทศท่ีเปนภูเขาสงู
8) หนิ อายุครีเทเชยี ส (Cretaceous, K)
หินยุคครีเทเชียส ที่พบในจังหวัดนาน ประกอบดวย 3 หมวดหิน ไดแก หมวดหินเสาขัว
ซ่งึ เปนสว นหนึ่งของกลมุ หินโคราช หมวดหินสะปน และหมวดหนิ บอเกลือ มีรายละเอียดดงั นี้
(1) ห ม ว ด หิ น เส า ขั ว (Sao Khua Formation, Ksk) ป ร ะ ก อ บ ด ว ย หิ น โค ล น
หินเคลย สีเทาเขียว สีน้ ำตาลแดง แทรกสลับกับหินทรายแป งและหินทรายสีน้ำตาลแดง
(กรมทรัพยากรธรณี, 2551) หมวดหินน้ีพบโผลในเห็นในอำเภอนานอย แสดงลักษณะภูมิประเทศเปน
ภเู ขาเลก็ ๆ
(2) หมวดหินสะปน(Sapan Formation, Ksp) ประกอบดวยหินทรายเนื้ออารโคส
สีแดงอิฐ แสดงช้ันหนา แสดงลักษณะชั้นเฉียงระดับ แทรกสลับดวยหินทรายแปงและหินโคลนสีแดง
ช้นั บางถึงปานกลาง แสดงรอยริ้วคลนื่ และระแหงโคลน (กรมทรัพยากรธรณ,ี 2551) พบกระจายในบรเิ วณ
ทางตอนใตของอำเภอเฉลิมพระเกียรติยาวตอเนื่องมาจนถึงตอนกลางอำเภอบอเกลือ แสดงลักษณะ
ภูมิประเทศทีเ่ ปนภูเขา
(3) หมวดหินบอเกลือ (Bo Klua Formation, Kbk) ประกอบดวยหินทรายแปง
แทรกสลับกับหินโคลน สีแดง สีแดงแกมน้ำตาล ชั้นหนา และหินทรายเน้ืออารโคส สีแดงอิฐ
เน้ือปานกลางช้ันบาง แสดงช้ันเฉียงระดับรอยริ้วคลื่น และระแหงโคลน พบแหลงเกลือหิน
(กรมทรัพยากรธรณี, 2551) พบแผกระจายตัวเปนแนวแคบ ๆ สัมผัสกับหมวดหินสะปน ตั้งแตบริเวณ
ตอนใตของอำเภอเฉลิมพระเกียรติตอ เนื่องมาจนถึงตอนใตของอำเภอบอเกลือ แสดงลักษณะภูมิประเทศ
เปน แนวเขาและเนินเขา
- 25 -
9) หินตะกอนก่ึงแข็งตวั ยุคเทอรเ ชียรี (Tertiary, T)
ตะกอนกงึ่ แขง็ ตวั ยุคเทอรเชียรี จัดอยูในกลุมหนิ แมเ มาะ (Tmm) ประกอบดว ยหินก่ึงแขง็ ตวั
หินเคลย และหินทรายแปง สีแดงถึงสีน้ำตาลแดง ลิกไนต หินเคลยเน้ือปูนผสม หินปูนผสม หินโคลน
หินเคลยปนลิกไนตมีเน้ือปูนผสม ดินเบา พบซากหอยกาบเดียว ปลาโบราณ และ หินกรวดมน หินทราย
สีขาวถึงสีเทาจาง การคัดขนาดปานกลาง หินดินดาน สีเทาจางถึงสีขาว (กรมทรัพยากรธรณี, 2551)
พบแผกระจายตัวเปนแนวยาวอยูบริเวณตอนกลางของแองที่ราบในอำเภอเชียงกลาง อำเภอปว
อำเภอทา วังผา อำเภอทงุ ชาง อำเภอสนั ตสิ ขุ อำเภอเมอื งนาน อำเภอภูเพยี ง อำเภอเวียงสา อำเภอนานอย
อำเภอแมจริม และทางฝงตะวันตกเฉียงใตของอำเภอสองแคว แสดงลักษณะภูมิประเทศเปนเนินเขา
ไมส ูงมาก ถูกปดทบั ดวยตะกอนยุค ควอเทอรนารี เปน สว นใหญ
10) ตะกอนยคุ ควอเทอรนารี (Quaternary, Q)
ตะกอนยุคควอเทอรน ารี ท่ีพบในจังหวัดนาน ประกอบดวยตะกอนชนิดตาง ๆ แบง ยอ ยตาม
ชนิดและสภาพแวดลอ มของการสะสมตวั ของตะกอนไดเ ปน 3 กลมุ ไดแก
(1) ตะกอนเชิงเขา (Qc) ประกอบดวย ตะกอนดินท่ีผุพังจากหินในพ้ืนท่ีและเศษหิน
(กรมทรัพยากรธรณี, 2551) พบแผกระจายตัวตามไหลเขา เนินเขา หรือท่ีราบที่ไมไกลจากภูเขาหรือ
เนินเขา
(2) ตะกอนตะพักลำน้ำ (Qt) ประกอบดว ยกรวด ทราย ทรายแปง ดินเหนียว และศิลาแลง
(กรมทรพั ยากรธรณ,ี 2551) พบแผกระจายตัวตามแองทรี่ าบระหวา งหุบเขา
(3) ตะกอนทางน้ำพา (Qa) ประกอบดวยกรวด ทราย ทรายแปง ดินเหนียวสะสมตัว
ตามรองน้ำคนั ดินแมน้ำ และแองน้ำทว มถึง (กรมทรัพยากรธรณ,ี 2551) พบแผกระจายตัวตามแนวลำน้ำ
ใหญท ่ไี หลผานแองท่รี าบระหวา งหุบเขา
3.4.2 หินอัคนี (Igneous Rocks)
หินอัคนีทพี่ บในพน้ื ที่จังหวดั นาน ประกอบดวยหินอัคนีสีเขม หินภเู ขาไฟ ยุคเพอรโ ม-ไทรแอสซิก
หนิ แกรนติ และหินแกรโนไดออไรต ยุคไทรแอสซิก และหินภเู ขาไฟ ยุคจแู รสซิก มรี ายละเอียดดงั น้ี
1) หินอคั นีสีเขม ยุคเพอรโ มไทรแอสซกิ (PTru)
หินอัคนีสีเขม ที่พบในพ้ืนท่ีจังหวัดนาน ประกอบดวยหินไพรอกซิไนต หินเพอริโดไทต
หินฮอรนเบลนไดต และหินเซอรเพนทไิ นตทีเ่ กิดจากการแปรสภาพของหินอัคนีสเี ขม (กรมทรัพยากรธรณ,ี 2551)
พบกระจายตัวอยูในเขตอำเภอแมจริม ดานตะวันออกของอำเภอนานอย และอำเภอนาหม่ืน พื้นที่พบหินโผล
กลุมน้ีจะมกั แสดงลักษณะภูมปิ ระเทศเปน เทือกเขา
2) หินภูเขาไฟ ยุคเพอรโมไทรแอสซกิ (PTrv)
หินภูเขาไฟยุคน้ีพบเปนเนินเขาไมกวางมากนัก พบปรากฏทางดานตะวันออกเฉียงใตของ
อำเภอนาหมนื่ ประกอบดว ยหนิ ไรโอไลต หินแอนดีไซต และหนิ กรวดเหลยี่ มภูเขาไฟ (กรมทรัพยากรธรณ,ี 2551)
- 26 -
3) หินแกรนติ และหินแกรโนไดออไรต ยุคไทรแอสซกิ (Trgr)
หินแกรนติ และหินแกรโนไดออไรต ประกอบดวยหินไบโอไทตแกรนิต หินทัวรมาลีนแกรนิต
หินแกรโนไดออไรต หินไบโอไทต-มัสโคไวตแกรนิต หินมัสโคไวต-ทัวรมาลีนแกรนิต และหินไบโอไทต-
ทวั รม าลนี แกรนิต (กรมทรพั ยากรธรณ,ี 2551) พบกระจายตัวอยบู รเิ วณแนวรอยตอระหวางอำเภอปวและ
อำเภอทาวังผา บริเวณตอนใตของอำเภอแมจรมิ และเปน เขาหยอมเล็ก ๆ ในอำเภอเวยี งสา แสดงลักษณะ
ภูมิประเทศเปนเทือกเขาสูงเปนสวนใหญ บริเวณท่ีพบหินโผลชนิดแกรนิตและหินแกรโนไดออไรต
ไดชดั เจน ไดแก บริเวณน้ำตกศิลาเพชร และน้ำตกตาดหลวง อำเภอปว ทั้งหินแกรนิตและหินแกรโนไดออไรต
มกั พบหนิ แปลกปลอม (Xenoliths) สีดำ ปนอยูประมาณ 10-15 เปอรเซน็ ต
4) หินภูเขาไฟ ยุคจูแรสซิก (Jv)
หินภูเขาไฟ ยุคจูแรสซิก ในพื้นที่จังหวัดนาน ประกอบดวย หินไรโอไลต หินแอนดีไซต
หินไรโอลิติกทัฟฟ หินแอนดีซิติกทัฟฟ และหินบะซอลตเน้ือมีรูพรุน (กรมทรัพยากรธรณี, 2551)
พบ วางตัวเป น แน วแคบ ในแน วเหนือ-ใต กระจายตัวอยูทางฝงตะวันตกของจังห วัดน าน
ในเขตอำเภอบานหลวง อำเภอเมืองนาน อำเภอเวียงสา และอำเภอนานอย ลักษณะภูมิประเทศท่ีพบ
สว นใหญเ ปน ภเู ขาไมส งู มากนกั หรือเปนเนนิ เขาเตย้ี ๆ