แผนการจดั การเรียนรแู้ บบบูรณาการที่ 7 40
รหัส 20204-2005 เครอื ขา่ ยคอมพิวเตอร์เบ้ืองต้น (2-2-3) หนว่ ยท่ี 4
ชอื่ หน่วย/เรือ่ ง การเชอ่ื มต่อเครือข่าย สอนครงั้ ท่ี 7 (19-21)
จานวน 3 ช.ม.
สาระสาคัญ
การเชือ่ มตอ่ เครือข่ายคอมพวิ เตอร์ ใหค้ อมพวิ เตอรส์ ามารถทางานรว่ มกันในเครือขา่ ยได้ ถอื เปน็ สงิ่ สาคญั ในการใชง้ าน
เครอื ขา่ ย โดยการเชือ่ มต่อนน้ั จะมคี วามยงุ่ ยากและซบั ซอน จงึ ต้องใช้ผชู้ านาญการในการวางระบบเครอื ขา่ ยคอมพิวเตอร์ และมี
เจา้ หนา้ ท่คี อยช่วยเหลอื ระบบ (Support) และมผี ู้ดแู ลระบบเครอื ขา่ ย (Admin) ทค่ี อยดแู ลและชว่ ยเหลอื ในการทางานของเครือข่าย
คอมพวิ เตอร์ภายในองค์กร ให้สามารถทางานได้อยา่ งมีประสิทธิภาพ และสามารถแกไ้ ขปัญหาทเี่ กดิ ขนึ้ ได้อย่างทันทเี มอื่ เกดิ ปัญหาข้นึ
ทาใหก้ ารทางานสามารถทางานไดอ้ ย่างตอ่ เน่อื ง ในหนว่ ยการเรียนนจี้ ะกลา่ วถึงการเช่อื มต่อเครือข่ายคอมพิวเตอร์ เพ่อื ให้สามารถรู้
หลกั การทางานและการเชื่อมต่อเบ้อื งต้นได้
จุดประสงค์การเรียนรู้
1 อธิบายการเช่อื มตอ่ เครอื ข่ายเบอื้ งต้นได้
2 บอกตัวกลางทใ่ี ช้ในการเชื่อมตอ่ เครอื ขา่ ยได้
3.มกี ารพัฒนาคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ของผสู้ าเรจ็ การศึกษาสานกั งานคณะกรรมการการ
อาชวี ศึกษา ที่ครสู ามารถสงั เกตไดข้ ณะทาการสอนในเรอื่ ง
3.1 ความมมี นษุ ยสมั พันธ์
3.2 ความมวี นิ ยั
3.3 ความรับผดิ ชอบ
3.4 ความซอ่ื สัตยส์ จุ รติ
3.5 ความเชอ่ื มั่นในตนเอง
3.6 การประหยดั
3.7 ความสนใจใฝร่ ู้
3.8 การละเว้นส่งิ เสพติดและการพนนั
3.9 ความรกั สามคั คี
3.10 ความกตญั ญกู ตเวที
สมรรถนะรายวิชา
1.แสดงความรเู้ กยี่ วกับหลักการทางาน และกระบวนการของระบบเครือขา่ ย
2.ใชอ้ ุปกรณแ์ ละเช่ือมต่อระบบเครือขา่ ยเบ้อื งต้นในการปฏบิ ตั งิ าน
3.ประยกุ ต์ใชง้ านเครอื ขา่ ยในการปฏบิ ตั ิงานขององคก์ ร
เนือ้ หาสาะ
1 การเช่ือมต่อระบบเครือขา่ ยเบอ้ื งต้น
2 ตวั กลางการเชือ่ มตอ่ เครอื ขา่ ย
กิจกรรมการเรียนรู้
ขนั้ นาเขา้ สู่บทเรียน
1.ครสู นทนากบั ผูเ้ รียนในรปู แบบการจัดการเรยี นรแู้ บบอภปิ ราย คอื กระบวนการทีผ่ สู้ อนมุ่งใหผ้ เู้ รียนมีโอกาสสนทนา
แลกเปลยี่ นความคดิ เห็นหรอื ระดมความคดิ ในการเชือ่ มตอ่ ระบบเครือข่ายเบ้อื งตน้ และตวั กลางการเช่อื มต่อเครอื ข่าย ซ่งึ เปน็ เรอ่ื งท่ี
41
เก่ยี วข้องกบั บทเรียนหรอื ทกี่ ลมุ่ มคี วามสนใจร่วมกัน โดยมีจุดมงุ่ หมายเพ่อื หาคาตอบ แนวทางหรอื แกป้ ญั หาร่วมกัน การจดั การเรียนรู้
แบบนมี้ ุ่งเนน้ ให้ผเู้ รียนมสี ว่ นร่วมในการเรยี นรู้ คอื ร่วมคดิ ร่วมวางแผน รว่ มตดั สินใจ ร่วมปฏิบตั งิ านและชน่ื ชมผลงานร่วมกัน
จากนั้นกท็ บทวนเนอ้ื หาการเรยี นการสอนในสปั ดาห์ท่ผี า่ นมา
2.ครกู ลา่ วเพมิ่ เตมิ วา่ ในปัจจบุ นั เคร่อื งคอมพิวเตอรไ์ ดม้ กี ารเช่ือมตอ่ เครือขา่ ยในลักษณะรปู แบบของการแบ่งพนื้ ที่ได้ 3 แบบ
ไดแ้ ก่ LAN (Local Area Network), WAN (Wide Area Network), Internet และได้มกี ารพัฒนาสถาปตั ยกรรมซอฟตแ์ วร์
Client/Server โดยไดร้ บั การออกแบบแบง่ เปน็ 2 สว่ น คือส่วนทใี่ ห้บรกิ าร (Server) และส่วนทผ่ี ใู้ ช้บรกิ าร (Client) โดยผู้ใชข้ อ้ มลู
จะมซี อฟตแ์ วร์ในการตดิ ตอ่ ไปยังผใู้ หบ้ ริการ Server กจ็ ะตอบสนองโดยการดูความต้องการของผใู้ ช้
ข้นั สอน
3.ครูอธิบาย และสาธิตการเช่ือมตอ่ ระบบเครือขา่ ยเบื้องต้น โดยใช้ Power Point ประกอบ โดย
ระบบ Client/Server ได้ถกู พัฒนาข้นึ มาเปน็ การลดคา่ ใชจ้ า่ ยระบบ Time Sharing ของเคร่ือง Mainframe ซง่ึ ระบบ
Client/Server เปน็ ระบบประมวลผลแบบกระจาย (Distributed Processing) โดยจะแบง่ การประมวลผลระหว่าง Client และ
Server โปรแกรมประยกุ ต์ (Application Program) จะประมวลผลบางสว่ นที่ Client และบางสว่ นก็ประมวลผลที่ Server
2.ครแู สดงรปู แบบของ Client/Server โดยใช้ Power Point เปน็ ส่ือประกอบ ได้แก่
2.1 Stand-alone Client/Server มผี ู้ใช้บรกิ ารผู้ใหบ้ รกิ ารอย่ใู นเคร่ืองเดยี วกนั
2.2 Department Client/Server
3.3 Enterprise Client/Server
42
4 ครูอธิบาย และแสดงตวั อยา่ งตวั กลางการเชอื่ มตอ่ เครอื ขา่ ย โดยตวั กลางหรือตัวกลางการสือ่ สารขอ้ มลู (Communication
Medium) ถือเปน็ องคป์ ระกอบสาคญั ของการสอื่ สารข้อมลู เพราะจะทาให้คอมพิวเตอรส์ ามารถตดิ ต่อสอื่ สารกันได้ การเลือกใช้
ตวั กลางทเ่ี หมาะสม จะทาให้เกดิ ประสิทธภิ าพในการสง่ และประหยัดตน้ ทนุ ในการส่อื สารขององคก์ รได้ ซึ่งตัวกลางที่ใชใ้ นเครือขา่ ย
คอมพิวเตอร์มี 2 ประเภท ดังน้ี 1) ตวั กลางในการนาขอ้ มลู แบบมีสาย และ 2) ตวั กลางในการนาข้อมูลแบบไรส้ าย
5.ผ้เู รียนแสดงการสาธติ การเชื่อมตอ่ เครือข่ายเบอื้ งต้นในลกั ษณะของการแบ่งพ้ืนที่ โดยวาดภาพ หรอื นารูปภาพมาประกอบ
6.ผเู้ รยี นยกตวั อยา่ งหนว่ ยงานตา่ งๆ ท่เี ช่ือมตอ่ เครอื ข่ายในลกั ษณะรปู แบบของ Client/Server โดยแสดงขอ้ มูลและความรู้
ประกอบ
7.ผู้เรยี นแบ่งกลุม่ ละ 4-5 คน โดยชว่ ยกนั ระดมความคดิ เหน็ ในกรณที ีต่ นเองจดั ต้งั บรษิ ทั แลว้ มีแผนกหลายๆ แผนก แล้ว
ผูเ้ รยี นจะใชวธ้ิ ีการเชื่อมต่อเครือขา่ ยแบบใด เพราะอะไร
8.ผเู้ รียนคน้ คว้าหาขอ้ มลู เกี่ยวกับตัวกลางการเช่อื มต่อเครือข่าย
9.ครูเนน้ ใหผ้ ูเ้ รียนศกึ ษาการเชอื่ มต่อระบบเครือขา่ ยเบ้ืองต้น และตวั กลางการเชื่อมต่อเครือข่าย โดยใช้ความมีเหตมุ ผี ล และ
ความรอบคอบ ระมัดระวงั ซง่ึ จะเป็นภูมิค้มุ กนั ทีดใี นตวั เองได้ ซึง่ ความมีเหตุผล หมายถงึ การตัดสินใจเก่ยี วกบั ระดับของความ
พอเพียงจะตอ้ งเป็นไปอยา่ งมเี หตผุ ล โดยพจิ ารณาจากเหตุปจั จัยทีเ่ กีย่ วขอ้ งคานงึ ถึงผลทค่ี าดวา่ จะเกดิ ขึน้ จากการกระทานั้นๆ อยา่ ง
รอบคอบ สว่ น การมภี ูมิคมุ้ กันทด่ี ีในตัว หมายถึง การเตรียมตัวใหพ้ ร้อมรับผลกระทบและการเปลีย่ นแปลงด้านตา่ งๆ ที่จะเกิดขึน้
โดยคานงึ ถึงความเป็นไปได้ของสถานการณต์ า่ งๆท่ีคาดวา่ จะเกดิ ขนึ้ ในอนาคต
ขัน้ สรปุ และการประยกุ ต์
10.ครูและผเู้ รียนสรปุ การเชือ่ มตอ่ ระบบเครือข่ายเบือ้ งตน้ และตวั กลางการเช่ือมตอ่ เครอื ขา่ ย โดยการฝกึ ปฏบิ ัตติ ามแบบที่
ครกู าหนดให้
11.สรปุ สาระสาคญั เพ่อื ใหเ้ กดิ การเรยี นรู้และนาไปปฏิบัตไิ ด้ และประเมินผเู้ รียนดังน้ี
ชือ่ ผู้เรียน ธรรมชาตขิ องผเู้ รียน วิธีการเรยี นรู้
ความสนใจ สติปญั ญา วฒุ ิภาวะ
1.
2.
3.
4.
5.
43
สอื่ และแหล่งการเรยี นรู้
1.หนงั สอื เรียน วชิ าเครือขา่ ยคอมพิวเตอรเ์ บอ้ื งตน้ ของสานักพมิ พ์เอมพนั ธ์
2.รูปภาพ
3.กจิ กรรมการเรยี นการสอน
4.แผ่นใส
5.ส่ืออเิ ลก็ ทรอนิกส,์ VDO, สอื่ PowerPoint
6.แบบประเมินผลการเรียนรู้
หลักฐาน
1.บนั ทกึ การสอน
2.ใบเช็ครายชือ่
3.แผนจัดการเรยี นรู้
4.การตรวจประเมนิ ผลงาน
การวัดผลและการประเมินผล
วิธวี ัดผล
1. สังเกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล
2. ประเมินพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม
3. สงั เกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลมุ่
4. ตรวจใบงาน
5 ตรวจแบบประเมนิ กิจกรรมส่งเสรมิ คณุ ธรรมนาความรู้ และแบบประเมินค่านยิ ม 12
ประการ
6. ตรวจแบบประเมนิ ผลการเรียนรู้ และแบบฝกึ ปฏิบตั ิ
7. การสงั เกตและประเมนิ พฤตกิ รรมด้านคุณธรรม จริยธรรม คา่ นิยม และคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์
เครือ่ งมือวดั ผล
1. แบบสังเกตพฤติกรรมรายบคุ คล
2. แบบประเมินพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลมุ่ (โดยคร)ู
3. แบบสังเกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกล่มุ (โดยผเู้ รียน)
4. แบบประเมินกจิ กรรมใบงาน
5 แบบประเมินกจิ กรรมส่งเสรมิ คณุ ธรรมนาความรู้ และแบบประเมินค่านิยม 12 ประการ
6. แบบประเมนิ ผลการเรียนรู้ และแบบฝกึ ปฏิบตั ิ
7. แบบประเมินคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ โดยครูและผเู้ รยี นร่วมกนั ประเมิน
เกณฑ์การประเมนิ ผล
1. เกณฑผ์ ่านการสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล ตอ้ งไมม่ ชี อ่ งปรับปรงุ
2. เกณฑผ์ า่ นการประเมินพฤตกิ รรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50 % ขึ้นไป)
3. เกณฑผ์ ่านการสงั เกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50% ขึ้นไป)
4. กจิ กรรมใบงาน เกณฑผ์ า่ น คอื 50%
5 แบบประเมนิ กจิ กรรมสง่ เสรมิ คณุ ธรรมนาความรู้ และแบบประเมนิ คา่ นยิ ม 12 ประการ
ต้องไม่มีชอ่ งปรับปรงุ
6. แบบประเมินผลการเรยี นรู้ และแบบฝกึ ปฏบิ ตั ิมเี กณฑผ์ ่าน 50%
7 แบบประเมนิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คะแนนขน้ึ อยกู่ บั
การประเมินตามสภาพจรงิ
44
กิจกรรมเสนอแนะ
1.แนะนาใหผ้ ้เู รยี นทากิจกรรมใบงาน และแบบฝึกปฏบิ ัตเิ พอ่ื ฝึกทกั ษะให้เกดิ ความชานาญ
2.อา่ นและทบทวนเน้ือหา
บนั ทกึ หลังการสอน
ขอ้ สรปุ หลงั การสอน
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
ปญั หาท่พี บ
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
แนวทางแกป้ ัญหา
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
45
แผนการจัดการเรียนรแู้ บบบูรณาการที่ 8 หน่วยท่ี 4
สอนคร้ังท่ี 8 (22-24)
รหัส 20204-2005 เครือขา่ ยคอมพิวเตอรเ์ บื้องต้น (2-2-3)
ชอ่ื หน่วย/เรือ่ ง การเชอ่ื มต่อเครือขา่ ย จานวน 3 ช.ม.
สาระสาคัญ
การเช่ือมตอ่ เครือข่ายคอมพิวเตอร์ ใหค้ อมพิวเตอรส์ ามารถทางานรว่ มกันในเครือขา่ ยได้ ถือเปน็ สิ่งสาคญั ในการใช้งาน
เครือข่าย โดยการเช่ือมต่อนั้น จะมีความยุ่งยากและซบั ซอน จงึ ต้องใช้ผูช้ านาญการในการวางระบบเครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์ และมี
เจ้าหนา้ ที่คอยชว่ ยเหลือระบบ (Support) และมผี ดู้ แู ลระบบเครอื ข่าย (Admin) ท่คี อยดแู ลและช่วยเหลือ ในการทางานของเครอื ข่าย
คอมพิวเตอรภ์ ายในองค์กร ให้สามารถทางานไดอ้ ย่างมีประสทิ ธภิ าพ และสามารถแกไ้ ขปัญหาท่ีเกดิ ขนึ้ ไดอ้ ย่างทันทีเมอ่ื เกดิ ปัญหาขึ้น
ทาให้การทางานสามารถทางานไดอ้ ยา่ งต่อเน่อื ง ในหน่วยการเรยี นนจ้ี ะกล่าวถึงการเช่อื มตอ่ เครอื ขา่ ยคอมพิวเตอร์ เพ่อื ใหส้ ามารถรู้
หลกั การทางานและการเชื่อมต่อเบื้องต้นได้
จุดประสงค์การเรียนรู้
3 อธิบายการทางานของโปรโตคอลทีเ่ ก่ยี วข้องกบั เครอื ขา่ ยได้
4.มกี ารพฒั นาคุณธรรม จริยธรรม ค่านยิ มและคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ของผู้สาเรจ็ การศกึ ษา สานกั งานคณะกรรมการ
การอาชวี ศึกษา ที่ครสู ามารถสังเกตไดข้ ณะทาการสอนในเรื่อง
4.1 ความมีมนุษยสมั พนั ธ์
4.2 ความมีวนิ ัย
4.3 ความรับผดิ ชอบ
4.4 ความซ่ือสตั ยส์ จุ ริต
4.5 ความเชื่อมั่นในตนเอง
4.6 การประหยัด
4.7 ความสนใจใฝร่ ู้
4.8 การละเวน้ สิ่งเสพติดและการพนัน
4.9 ความรักสามัคคี
4.10 ความกตัญญกู ตเวที
สมรรถนะรายวิชา
1.แสดงความรเู้ กย่ี วกับหลักการทางาน และกระบวนการของระบบเครอื ข่าย
2.ใชอ้ ปุ กรณ์และเชอ่ื มต่อระบบเครือข่ายเบอื้ งต้นในการปฏบิ ตั งิ าน
3.ประยุกต์ใชง้ านเครือขา่ ยในการปฏบิ ตั งิ านขององคก์ ร
เนอ้ื หาสาระ
3 โปรโตคอล
46
กจิ กรรมการเรียนรู้
ข้นั นาเข้าสบู่ ทเรยี น
1.ครูใช้เทคนิคการสอนแบบอภิปราย โดยการสนทนากับผู้เรียนถึงโปรโตคอล (Protocol) คือ ข้อตกลงในการส่ือสาร
ระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ ในเครือข่าย ดังนั้นคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์เครือข่ายจะติดต่อส่ือสารกันได้ก็ต้องใช้โปรโตคอลตัวเดียวกัน
โปรโตคอลเป็นไดท้ ัง้ ฮารด์ แวร์และซอฟต์แวร์ซึ่งจะสอดคลอ้ งกับโมเดล OSI โปรโตคอลอาจจะเปน็ เพียงส่วนเดียว หรือประกอบข้นึ มา
เปน็ ชดุ ก็ได้ โปรโตคอลที่สาคัญที่พบไดบ้ ่อยในระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
2.ครูและผูเ้ รียนยกตัวอย่าง และแสดงความคดิ คดิ รว่ มกนั
3.ผเู้ รยี นยกตัวอยา่ งโปรโตคอลทเี่ คยรู้จักมาสนทนาพูดคยุ กันในชั้นเรยี น เพอ่ื แลกเปลยี่ นความคดิ เหน็ ระหว่างกนั
ขน้ั สอน
4.ครแู ละผูเ้ รยี นชว่ ยกนั อธิบายโปรโตคอลท่ีสาคญั ท่ีพบไดบ้ อ่ ยในระบบเครือขา่ ยคอมพิวเตอร์ เชน่
โปรโตคอล TCP/IP (Transmission Control Protocol/Internet Protocol), ปรโตคอล จุดต่อจุด (Point–to-Point Protocol),
IP Address เป็นต้น
5.ผู้เรยี นแบ่งออกเปน็ กลมุ่ ละ 4-5 คน แลว้ ศึกษาคน้ คว้าเก่ียวกบั ลกั ษณะของโปรโตคอลและอภปิ รายใน
ช้นั เรียน
6.ครูเนน้ ใช้งานโปรโตคอลในการส่ือสารระหวา่ งอปุ กรณต์ า่ งๆ ในเครือข่ายต่าง ๆ โดยใช้ความมเี หตมุ ผี ล และความรอบคอบ
ระมัดระวัง ซงึ่ จะเป็นภูมิคมุ้ กันทดี ใี นตวั เองได้ ซ่งึ ความมเี หตุผล หมายถงึ การตดั สินใจเกย่ี วกับระดับของความพอเพียงจะตอ้ งเป็นไป
อย่างมีเหตผุ ล โดยพจิ ารณาจากเหตุปัจจัยท่ีเกยี่ วขอ้ งคานงึ ถึงผลที่คาดว่าจะเกดิ ขึ้นจากการกระทานนั้ ๆ อยา่ งรอบคอบ สว่ นการมี
ภูมิคุม้ กันที่ดใี นตวั หมายถึง การเตรียมตวั ให้พร้อมรบั ผลกระทบและการเปล่ียนแปลงด้านตา่ งๆ ที่จะเกิดขึน้ โดยคานงึ ถงึ ความเป็นไป
ได้ของสถานการณต์ า่ งๆท่คี าดว่าจะเกดิ ขน้ึ ในอนาคต
ขนั้ สรปุ และการประยกุ ต์
7.ครูสรุปโดยถามคาถามหรือกาหนดปญั หาโดยใหผ้ ู้เรยี นระดมสมองชว่ ยกนั คิดหาคาตอบแลว้ อธบิ าย
คาตอบใหเ้ พอ่ื นทุกคนในกลมุ่ ของตนเองเข้าใจ
8.ครูใช้วิธีส่มุ ผู้เรยี นทกุ กลุ่มตอบคาถามและอธิบายให้เพือ่ นฟงั ทัง้ ชน้ั เรียน
สอื่ และแหล่งการเรยี นรู้
1.หนงั สือเรียน วิชาเครือข่ายคอมพวิ เตอรเ์ บ้อื งตน้ ของสานักพมิ พ์เอมพนั ธ์
2.รูปภาพ
3.กิจกรรมการเรยี นการสอน
4.แผ่นใส
5.ส่อื อเิ ลก็ ทรอนิกส,์ สื่อ CD, สือ่ PowerPoint
5.แบบประเมนิ ผลการเรียนรู้
หลักฐาน
1.บนั ทึกการสอน
2.ใบเช็ครายชือ่
3.แผนจัดการเรยี นรู้
4.การตรวจประเมนิ ผลงาน
47
การวัดผลและการประเมนิ ผล
วิธีวดั ผล
1. สังเกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล
2. ประเมนิ พฤติกรรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกลมุ่
3. สงั เกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลมุ่
4. ตรวจใบงาน
5. ตรวจแบบประเมินกจิ กรรมส่งเสรมิ คุณธรรมนาความรู้ และแบบประเมนิ คา่ นยิ ม 12
ประการ
6. ตรวจแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ และแบบฝกึ ปฏิบตั ิ
7. การสังเกตและประเมินพฤติกรรมด้านคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
เครือ่ งมอื วดั ผล
1. แบบสังเกตพฤตกิ รรมรายบุคคล
2. แบบประเมินพฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลมุ่ (โดยคร)ู
3. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลุม่ (โดยผเู้ รียน)
4. แบบประเมนิ กจิ กรรมใบงาน
5. แบบประเมนิ กิจกรรมส่งเสรมิ คณุ ธรรมนาความรู้ และแบบประเมินคา่ นยิ ม 12 ประการ
6. แบบประเมนิ ผลการเรียนรู้ และแบบฝึกปฏบิ ตั ิ
7. แบบประเมินคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ โดยครแู ละผเู้ รียนรว่ มกันประเมิน
เกณฑก์ ารประเมินผล
1. เกณฑผ์ ่านการสังเกตพฤติกรรมรายบคุ คล ตอ้ งไมม่ ชี อ่ งปรับปรงุ
2. เกณฑผ์ ่านการประเมนิ พฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50 % ขึ้นไป)
3. เกณฑผ์ า่ นการสังเกตพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50% ขึ้นไป)
4. กิจกรรมใบงาน เกณฑ์ผา่ น คือ 50%
5. แบบประเมนิ กจิ กรรมสง่ เสรมิ คณุ ธรรมนาความรู้ และแบบประเมนิ ค่านยิ ม 12 ประการ
ต้องไม่มชี ่องปรบั ปรุง
6. แบบประเมินผลการเรียนรู้ และแบบฝึกปฏบิ ตั ิ มีเกณฑ์ผา่ น 50%
7 แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ คะแนนขึ้นอยกู่ ับ
การประเมนิ ตามสภาพจริง
กิจกรรมเสนอแนะ
1.ฝึกทักษะโดยทากจิ กรรมใบงาน แบบฝกึ ปฏิบตั ิ เพอื่ ใหเ้ กดิ ความชานาญ
2.อ่านทบทวนเนือ้ หาของโปรโตคอล
48
แบบประเมนิ ผลการเรยี น้รหู้ น่วยที่ 4
จงเลอื กคาตอบท่ถี ูกตอ้ งเพียงข้อเดยี ว
1 ข้อใดสอดคล้องกบั Client/Server
1. สถาปัตยกรรมซอฟต์แวร์
2. ซอฟต์แวร์ในการตดิ ตอ่ ไปยงั ผใู้ หบ้ ริการ Server
3. การท่มี เี คร่ืองผใู้ ชบ้ รกิ าร (Server) และเครื่องผใู้ ห้บรกิ าร (Client) เช่อื มต่อกันอยู่
4. การท่ีมีเคร่ืองผใู้ หบ้ ริการ (Server) และเครอ่ื งผู้ใชบ้ รกิ าร (Client) เช่ือมตอ่ กันอยู่
2 Client/Server แบบใดท่ีผู้ใหบ้ รกิ ารจะบริการฐานขอ้ มลู และโปรแกรมประยุกตต์ า่ งๆ ทอ่ี ยบู่ น Server การเช่ือมโยงแบบหลายจดุ
1. Stand-alone Client/Server 2. Department Client/Server
3. Enterprise Client/server 4. Enterprise/ Stand-alone Client/Server
3 เหตใุ ดจึงกลา่ วว่า Department Client/Server ทางานชา้ กวา่ Stand alone
1. เพราะ Department Client/Server ตอ้ งประมวลผลผ่านเครือข่าย
2. เพราะ Department Client/Server ต้องประมวลผลผ่าน Stand alone
3. เพราะ Department Client/Server ต้องทางานผา่ น Stand alone
4. เพราะ Department Client/Server ประมวลผลชา้ กวา่ Stand alone
4 ขอ้ ใดกล่าวถึงลกั ษณะการตอ่ เชอื่ มผ่านชอ่ งทาง PortCOM1 COM2 และ LPT ได้ถกู ต้องทีส่ ุด
1. ใชโ้ ปรแกรม Utility บางโปรแกรม 2. สง่ เขา้ กบั บฟั เฟอร์ของเครื่องพิมพ์
3. จะใช้สาย RS231 และมีการสง่ ข้อมลู แบบอนกุ รม 4. จะใชส้ าย RS232 และมกี ารสง่ ข้อมลู แบบอนกุ รม
5 การตอ่ เช่อื มผ่านช่องทาง PortCOM1 COM2 และ LPT มขี อ้ ดีและข้อเสยี อยา่ งไร
1. ต้องลงทุนมาก แตป่ ระโยชนท์ ่ีไดจ้ ะอยู่ในวงกว้าง
2. ตอ้ งลงทุนมาก แตป่ ระโยชนท์ ีไ่ ดจ้ ะอย่ใู นวงจากดั
3. ไมจ่ าเป็นต้องลงทนุ มาก แตป่ ระโยชน์ทไี่ ดจ้ ะอยู่ในวงกวา้ ง
4. ไม่จาเปน็ ต้องลงทุนมาก แต่ประโยชน์ทีไ่ ดจ้ ะอยูใ่ นวงจากดั
6 การเชือ่ มตอ่ คอมพวิ เตอร์วธิ ีใดเปน็ การต่อขยายโดยใชร้ ะบบงา่ ยๆ ท่ีใช้มือช่วยระบบสลับสายขอ้ มลู ทาหนา้ ที่เหมือน
ชมุ สายโทรศพั ทร์ ะบบเก่า
1. การต่อเชื่อมเข้ากับบัฟเฟอรเ์ ครื่องพิมพ์ 2. การเชื่อมต่อโดยใช้ระบบสลับสายขอ้ มูล
3. การเช่อื มต่อผ่านระบบผ้ใู ช้หลายคนหลายช่องทาง
4. การตอ่ เชื่อมผ่านชอ่ งทาง Port COM1 COM2 และ LPT
7 ขอ้ ใดคือความหมายของบฟั เฟอร์
1. อุปกรณท์ ใ่ี ชเ้ ก็บข้อมูล
2. อุปกรณ์ท่ีใช้เกบ็ ขอ้ มูลท่สี ง่ มาจากเคร่ืองคอมพิวเตอร์
3. อปุ กรณ์ท่ใี ชเ้ กบ็ ข้อมูลท่ีสง่ มาจากเคร่อื งคอมพวิ เตอร์เครอ่ื งเดียว
4. อุปกรณท์ ใ่ี ช้เกบ็ ขอ้ มลู ทีส่ ่งมาจากเครอื่ งคอมพวิ เตอรห์ ลายเคร่ือง
8 ตวั กลางในการนาขอ้ มลู แบบมีสายทที่ าหน้าทีแ่ ปลงสญั ญาณอนาลอ็ กให้เปน็ สญั ญาณดิจิตอล
เมือ่ ขอ้ มูลถูกสง่ มายงั ผรู้ บั และแปลงสัญญาณดิจติ อลใหเ้ ปน็ อนาลอ็ ก คือ
1. เราเตอร์ (Router) 2. เคร่ืองทวนสญั ญาณ (Repeater)
3. การด์ เครือข่าย หรือการด์ LAN 4. โมเดม็ (Modem)
9 ขอ้ ใดเปน็ หนา้ ท่ขี องเราเตอร์
1. เชอ่ื มโยงในเครอื ข่าย 2. มาตรฐานในการสง่ ขอ้ มูล
3. ปลอ่ ยสญั ญาณไวไฟ 4. ปรบั โปรโตคอลท่แี ตกตา่ งกนั ใหส้ ่อื สารกันได้
49
10 ฮับที่ใชง้ านอย่ภู ายใต้มาตรฐานการรับส่งแบบใด
1. แบบอเี ทอรเ์ น็ต หรอื IEEE802.1 2. แบบอเี ทอรเ์ น็ต หรือ IEEE802.2
3. แบบอเี ทอร์เนต็ หรอื IEEE802.3 4. แบบอีเทอร์เนต็ หรือ IEEE802.4
11 ข้อใดเปน็ ขอ้ ดีของอปุ กรณส์ วิตช์
1. รับสง่ ข้อมูลจากสถานี (อปุ กรณ)์ ตัวหนึ่ง จะไม่กระจายไปยังทุกสถานี
2. ลดปัญหาการชนกันของขอ้ มลู และชว่ ยขอ้ มลู ทก่ี ระจายไปในเครอื ขา่ ยได้รวดเรว็
3. ลดปญั หาการชนกันของขอ้ มูลและปอ้ งกันการดกั จบั ขอ้ มูลท่กี ระจายไปในเครอื ขา่ ย
4. รบั กลมุ่ ขอ้ มูล (แพ็กเกจ) มาตรวจสอบกอ่ น แลว้ ดูว่าแอดเดรสของสถานปี ลายทางไปท่ใี ด
12 ขอ้ ใดกลา่ วถึงบรดิ จ์ (Bridge) ได้ถกู ต้องท่สี ดุ
1. เปน็ อปุ กรณท์ ร่ี วมสญั ญาณที่มาจากอปุ กรณร์ บั ส่งหลายๆ สถานี เข้าดว้ ยกัน
2. เปน็ อุปกรณ์ทที่ าหน้าทรี่ ับสัญญาณดจิ ติ อล แล้วส่งต่อออกไปยังอุปกรณต์ ่ออ่นื
3. ใช้ในการเชอื่ มต่อเครือข่ายหลายเครือขา่ ย โดยจะตอ้ งเป็นเครือขา่ ยที่ใช้โปรโตคอลเดยี วกัน
4. อุปกรณ์ที่ทาหน้าทเ่ี ช่ือมตอ่ เครอื ขา่ ย เข้าดว้ ยกนั ไมว่ ่าเครอื ขา่ ยนน้ั จะใช้โปรโตคอลตวั ใดกต็ าม
13 แลนการด์ ไร้สาย (Wireless LAN Card) ทาหนา้ ทีอ่ ยา่ งไร
1. แปลงข้อมลู ดิจติ อล ให้เปน็ คลนื่ วทิ ยุแล้วสง่ ผ่านสายอากาศใหก้ ระจายออกไป
2. แปลงขอ้ มูลอนาล็อก ให้เป็นคลืน่ วทิ ยแุ ล้วสง่ ผา่ นสายอากาศใหก้ ระจายออกไป
3. แปลงขอ้ มลู ดิจติ อล ท่ไี ด้จากการประมวลผลของเครื่องคอมพิวเตอร์ให้เป็นคลนื่ วทิ ยุ
4. แปลงข้อมูลอนาลอ็ ก ท่ีไดจ้ ากการประมวลผลของเครอ่ื งคอมพิวเตอร์ใหเ้ ป็นคลืน่ วิทยุ
14 สะพานเชือ่ มโยงไร้สาย (Wireless Bridge) ทาหนา้ ที่ใดบนเครอื ข่ายอเี ธอรเ์ นต็ แลน
1. ตัวกลางเชอ่ื มโยงระบบ
2. ต่อเข้ากับระบบอินเทอรเ์ นต็ ความเร็วสงู ผา่ นคสู่ ายโทรศพั ท์
3. ทาใหผ้ ้ใู ช้งานเครอื่ งคอมพิวเตอร์ไรส้ ายสามารถสื่อสารข้อมลู ไปยังระบบอนิ เทอร์เนต็
4. ทาหนา้ ที่เช่ือมเครอื่ งคอมพิวเตอร์ไรส้ ายและอุปกรณไ์ วร์เลสแลนแบบต่างๆ เขา้ ด้วยกัน
15 ขอ้ ใดบอกความหมายของโปรโตคอลได้ถูกต้องท่สี ดุ
1. คอมพวิ เตอร์หรืออปุ กรณ์เครอื ข่าย 2. การตดิ ตอ่ สอื่ สารระหวา่ งเครอื ข่าย
3. ข้อมูลระหวา่ งอุปกรณ์สองตัวในเครือข่าย 4. ข้อตกลงในการสื่อสารระหวา่ งอุปกรณต์ า่ งๆ ในเครอื ข่าย
16 โปรโตคอลที่นิยมใชต้ ดิ ตอ่ ส่อื สารระหวา่ งเครอื ข่ายและเป็นโปรโตคอลหลกั ของเครอื ขา่ ย
อนิ เทอรเ์ นต็ คอื ความหมายของโปรโตคอลแบบใด
1. DHCP 2 . WINS 3. TCP/IP 4 . IP/TCP
17 โปรโตคอลใดใชเ้ ปน็ หลักฐานขอ้ มลู แปลงโดเมนเนมไปเปน็ ตัวเลข IP
1. UDP 2 . DNS 3. DHCP 4 . WINS
18 เหตใุ ดจึงจาเป็นต้องมกี ารกาหนดเลขหมายของอปุ กรณ์ทกุ ชิ้นในเครอื ข่าย
1. เพื่อเกิดการส่งขอ้ มลู ได้อยา่ งถูกต้องแมน่ ยา 2. เพ่ือเกิดการอ้างองิ การส่งขอ้ มลู ไดอ้ ยา่ งรวดเรว็
3. เพ่ือเกิดการอ้างอิงโดยไมซ่ า้ กนั จะไดส้ ่งขอ้ มลู ไดอ้ ย่างรวดเรว็
4. เพอ่ื เกดิ การอา้ งอิงโดยไม่ซ้ากนั จะไดส้ ่งข้อมลู ไดอ้ ยา่ งถูกต้องแม่นยา
19 ข้อใดคอื ความหมายของ ไอพีแอดเดรส
1. ตัวเลขหลัก 4 ชดุ ที่คนั่ ด้วยจดุ 2. การกาหนดเลขหมายของอุปกรณ์ทกุ ชนิ้ ในเครอื ข่าย
3. การกาหนดเลขหมายของอุปกรณ์ทกุ ชิน้ ในเครอื ข่ายดว้ ยตวั เลขหลกั 4 ชดุ
4. การกาหนดเลขหมายของอปุ กรณท์ ุกช้ินในเครือขา่ ยดว้ ยตัวเลขหลัก 4 ชุดทค่ี น่ั ด้วยจุด
20 ไอพแี อดเดรสเปรียบเสมอื นสงิ่ ใดของบา้ น
1. เสาบา้ น 2. รว้ั บ้าน 3. หลังคาบา้ น 4. ท่ีอยู่ของบ้าน
50
เฉลยแบบประเมินผลการเรียน้รหู้ น่วยที่ 4
1.4 6.2 11.3 16.3
2.2 7.4 12.3 17.2
3.1 8.4 13.1 18.4
4.4 9.4 14.1 19.4
5.4 10.3 15.4 20.4
บนั ทกึ หลังการสอน
ข้อสรุปหลงั การสอน
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
ปญั หาท่พี บ
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
แนวทางแก้ปญั หา
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
51
แผนการจัดการเรียนรแู้ บบบรู ณาการที่ 9 หนว่ ยท่ี 5
สอนคร้ังท่ี 9 (25-27)
รหสั 20204-2005 เครือข่ายคอมพิวเตอรเ์ บ้ืองตน้ (2-2-3)
จานวน 3 ช.ม.
ช่อื หน่วย/เรอ่ื ง การประยกุ ต์ใชง้ านเครือข่ายในการปฏิบัตงิ าน
ขององค์กร
สาระสาคญั
จากการทีไ่ ด้เรยี นร้หู ลักการทางานระบบเครอื ข่ายคอมพิวเตอรไ์ ปแล้ว ในหน่วยการเรยี นนี้จะเป็นการประยกุ ตใ์ ชเ้ ครือขา่ ย
คอมพิวเตอรเ์ พ่อื ใชใ้ นการปฏิบตั ิงานขององค์กร ระบบเครือขา่ ยคอมพิวเตอร์หนึง่ เครอื ข่ายจะมีการทางานรวมกนั เป็นกลมุ่ ท่เี รยี กวา่
กลุม่ งาน (Workgroup) เมือ่ เชื่อมโยงหลายๆ กลุม่ งานเขา้ ดว้ ยกนั กจ็ ะเป็นเครือขา่ ยขององค์กร และเชอ่ื มโยงระหว่างองค์กรผา่ น
เครือขา่ ยแวน กจ็ ะได้เครือขา่ ยขนาดใหญข่ นึ้
การประยุกต์ใชง้ านเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอรเ์ ป็นไปอยา่ งกวา้ งขวางและสามารถใชป้ ระโยชน์ไดม้ ากมาย ท้ังน้ีเพราะระบบเครือข่าย
คอมพิวเตอร์ ทาให้เกิดการเชื่อมโยงอปุ กรณ์ต่างๆ เข้าดว้ ยกนั และสื่อสารข้อมลู ระหวา่ งกันได้ช่วยให้การทางานภายในองคก์ รมี
ประสทิ ธภิ าพมากขนึ้
จุดประสงค์การเรยี นรู้
1 อธิบายและประยุกตใ์ ช้งานเครอื ขา่ ยแลนในการปฏบิ ัตงิ านได้
2 อธบิ ายและประยุกตใ์ ชง้ านเครอื ขา่ ยอนิ ทราเนต็ ในการปฏบิ ัติงานได้
3.มกี ารพฒั นาคณุ ธรรม จริยธรรม คา่ นยิ ม และคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ของผสู้ าเร็จการศึกษา สานกั งานคณะกรรมการ
การอาชวี ศึกษา ทค่ี รูสามารถสังเกตไดข้ ณะทาการสอนในเร่อื ง
3.1 ความมมี นุษยสมั พันธ์
3.2 ความมีวินัย
3.3 ความรับผดิ ชอบ
3.4 ความซื่อสตั ยส์ จุ รติ
3.5 ความเชอื่ ม่นั ในตนเอง
3.6 การประหยัด
3.7 ความสนใจใฝร่ ู้
3.8 การละเวน้ สิง่ เสพติดและการพนนั
3.9 ความรักสามคั คี
3.10 ความกตญั ญกู ตเวที
สมรรถนะรายวิชา
1.แสดงความรเู้ ก่ียวกับหลักการทางาน และกระบวนการของระบบเครอื ข่าย
2.ใช้อปุ กรณแ์ ละเช่ือมตอ่ ระบบเครอื ข่ายเบอ้ื งตน้ ในการปฏิบตั งิ าน
3.ประยกุ ตใ์ ช้งานเครอื ขา่ ยในการปฏบิ ัตงิ านขององคก์ ร
เนอ้ื หาสาระ
1 การใชง้ านเครอื ขา่ ยแลนในการปฏิบตั ิงานขององคก์ ร
2 การใช้งานเครือข่ายอนิ ทราเน็ตในการปฏบิ ัตงิ านองค์กร
52
กิจกรรมการเรยี นรู้
ข้นั นาเข้าสบู่ ทเรยี น
1.ครูและผูเ้ รียนสนทนาเกย่ี วกบั เครอื ข่ายแลน คือ เครือข่ายที่ใช้ในการตดิ ต่อส่ือสารขอ้ มลู ระหวา่ ง
อุปกรณ์ของคอมพิวเตอร์ และให้บรกิ ารแลกเปลยี่ นข้อมูลขา่ วสารกันภายในองคก์ รทม่ี กี ารตดิ ตัง้ และใช้งานในบริเวณทไี่ มก่ ว้างมากนัก
ไม่ว่าจะอยู่ชั้นเดียวกันหรือระหว่างชั้นของอาคาร หรือระหว่างอาคารที่อยู่ไม่ห่างกันมาก เช่น ภายในมหาวิทยาลัย ภายในอาคาร
สานักงาน โดยไม่ตอ้ งอาศยั การสอ่ื สารขอ้ มลู แบบอ่นื เชน่ ระบบ
การสอื่ สารของโทรศพั ท์
2.ครูแสดงรูปภาพตัวอยา่ งเครือขา่ ยแลน จากหนา้ จอคอพวิ เตอร์ และ Power Point
ขัน้ สอน
3.ครูใชเ้ ทคนิคการจดั การเรยี นรูแ้ บบบรรยาย (Lecture Method) คอื กระบวนการเรียนรู้ทผี่ ูส้ อนเปน็ ผู้ถ่ายทอดความรู้
ใหแ้ กผ่ ู้เรียนโดยการอธิบายเนอ้ื หาการใช้งานเครือขา่ ยแลนในการปฏบิ ตั งิ านขององค์กร และการใชง้ านเครอื ขา่ ยอินทราเน็ตในการ
ปฏิบตั งิ านองค์กร ท่ีผสู้ อนไดเ้ ตรยี มการศกึ ษาค้นควา้ มาเปน็ อยา่ งดผี เู้ รียนเปน็ ฝ่ายรบั ฟัง อาจจะมกี ารจดบันทึกสาระสาคัญในขณะท่ี
ฟงั บรรยายหรืออาจมโี อกาสซกั ถามแสดงความคิดเหน็ ได้บา้ งถ้าผู้สอนเปิดโอกาส
4.ครใู ชเ้ ทคนคิ การสาธติ จากรปู ภาพรว่ ม เพอ่ื ฝกึ ทกั ษะใหผ้ ้เู รยี นใช้เครือขา่ ยแลน (LAN) หน่ึงเครือข่ายจะมกี ารทางานกันเปน็
กล่มุ เรยี กว่ากลมุ่ งาน (Workgroup) แต่เมอ่ื เชือ่ มโยงหลายๆ กล่มุ งานเขา้ ดว้ ยกนั ก็จะเป็นเครือข่ายขององค์กร และถา้ เชือ่ มโยง
ระหว่าง องคก์ รผ่านเครอื ข่ายแวน (VAN) จะได้เครือข่ายขนาดใหญโ่ ดยสามารถทีจ่ ะใชง้ านเครือข่ายแลนในการปฏิบตั งิ านดังนี้
4.1 การใชอ้ ปุ กรณร์ ว่ มกนั (Sharing of peripheral devices)
4.2 การใชโ้ ปรแกรมและขอ้ มลู ร่วมกัน (Sharing of program and data)
4.3 สามารถตดิ ต่อส่อื สารระยะไกลได้ (Telecommunication
4.4 ความเช่อื ถอื ไดข้ องระบบงาน
5.ครแู ละผเู้ รยี นอธบิ ายและสาธิตการใช้งานเครอื ข่ายอนิ ทราเนต็ ในการปฏิบัตงิ านองค์กร
6.ครูอธิบายและสาธติ การนาเครือขา่ ยอินทราเนต็ มาใช้ในองค์กรช่วยในการทางาน
7.ครอู ธิบายและสาธติ การกระจายขอ้ มลู สารสนเทศ (Information)
8.ผเู้ รยี นบอกประโยชน์ของการใช้เครือข่ายอนิ ทราเน็ตในองคก์ ร
9.ครแู นะนาใหผ้ เู้ รยี นบนั ทกึ บญั ชีครวั เรอื น เพอื่ ให้เกิดการปฏบิ ัติพฒั นาความรู้ ความคดิ และปฏิบัตถิ กู ตอ้ ง กอ่ ให้เกิดความ
เจริญในดา้ นอาชีพหรอื เศรษฐกจิ สงั คม และวฒั นธรรม ซง่ึ การทาบญั ชคี รวั เรือนเป็นเรอ่ื งการบันทกึ รายรบั รายจา่ ยประจาวัน/เดือน/
ปี วา่ มรี ายรบั รายจา่ ยจากอะไรบา้ ง จานวนเทา่ ใด รายการใดจา่ ยน้อยจา่ ยมาก จาเปน็ น้อยจาเป็นมาก ก็อาจลดลงหรือเพิ่มขึ้นตาม
ความจาเป็น ถา้ ทกุ คนคดิ ไดก้ ็แสดงวา่ เปน็ คนรู้จกั พฒั นาตนเอง มเี หตมุ ีผล ร้จู กั พอประมาณ รักตนเอง รกั ครอบครวั รักชุมชน และรกั
ประเทศชาตมิ ากข้นึ จึงเหน็ ได้ว่าการทาบัญชคี รัวเรอื น คอื วถิ แี ห่งการเรยี นรู้เพ่ือพฒั นาชีวติ ตามปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง
53
ข้ันสรปุ และการประยกุ ต์
10.ครูและผเู้ รยี นสรุปโดยผู้เรียนตอบคาถามเกย่ี วกับการใช้งานเครอื ข่ายแลนในการปฏบิ ัติงานขององค์กร
แลการใชง้ านเครอื ข่ายอินทราเนต็ ในการปฏิบัติงานองคก์ ร
11.ผู้เรยี นทาแบบประเมนิ ผลการเรียนรู้ ทาใบงาน และทาแบบฝึกปฏิบัติ
สือ่ และแหล่งการเรียนรู้
1.หนังสือเรยี น วชิ าเครอื ข่ายคอมพวิ เตอร์เบื้องต้น ของสานกั พิมพเ์ อมพันธ์
2.รูปภาพ
3.กิจกรรมการเรยี นการสอน
4.แผ่นใส
5.สอื่ อิเลก็ ทรอนิกส,์ สื่อ CD และสอ่ื PowerPoint
5.แบบประเมินผลการเรียนรู้
หลกั ฐาน
1.บันทึกการสอน
2.ใบเชค็ รายช่อื
3.แผนจัดการเรียนรู้
4.การตรวจประเมินผลงาน
การวดั ผลและการประเมินผล
วิธีวัดผล
1. สงั เกตพฤติกรรมรายบคุ คล
2. ประเมินพฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลุ่ม
3. สงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลมุ่
4. ตรวจใบงาน
5. ตรวจแบบประเมนิ กจิ กรรมสง่ เสรมิ คณุ ธรรมนาความรู้ และแบบประเมินคา่ นยิ ม 12
ประการ
6. ตรวจแบบประเมนิ ผลการเรียนรู้ และแบบฝึกปฏิบัติ
7. การสังเกตและประเมนิ พฤติกรรมด้านคณุ ธรรม จริยธรรม คา่ นิยม และคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์
เคร่ืองมือวัดผล
1. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล
2. แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลมุ่ (โดยคร)ู
3. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลมุ่ (โดยผเู้ รียน)
4. แบบประเมินกิจกรรมใบงาน
5. แบบประเมนิ กิจกรรมส่งเสรมิ คณุ ธรรมนาความรู้ และแบบประเมนิ คา่ นยิ ม 12 ประการ
6. แบบประเมินผลการเรียนรู้ และแบบฝกึ ปฏบิ ตั ิ
7. แบบประเมนิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ โดยครูและผู้เรียนรว่ มกนั ประเมนิ
เกณฑ์การประเมนิ ผล
1. เกณฑผ์ ่านการสังเกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล ต้องไม่มชี อ่ งปรบั ปรุง
2. เกณฑผ์ า่ นการประเมินพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลมุ่ คือ ปานกลาง (50 % ขน้ึ ไป)
3. เกณฑผ์ า่ นการสังเกตพฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50% ขน้ึ ไป)
4. กิจกรรมใบงาน เกณฑผ์ า่ น คอื 50%
54
5. แบบประเมนิ กจิ กรรมส่งเสรมิ คณุ ธรรมนาความรู้ และแบบประเมินค่านยิ ม 12 ประการ
ตอ้ งไม่มีช่องปรบั ปรุง
6. แบบประเมนิ ผลการเรียนรู้ และแบบฝกึ ปฏิบตั ิมีเกณฑผ์ า่ น 50%
7 แบบประเมนิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ ม และคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ คะแนนขน้ึ อยู่กบั
การประเมนิ ตามสภาพจรงิ
กิจกรรมเสนอแนะ
1.แนะนาใหฝ้ กึ ทักษะในกิจกรรมใบงาน แบบฝกึ ปฏบิ ัติ เพอ่ื ฝกึ ทกั ษะในการเรยี นรู้
2.อ่านและทบทวนเน้ือหา และฝึกปฏิบัติ
บนั ทกึ หลังการสอน
ขอ้ สรปุ หลงั การสอน
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
ปัญหาท่พี บ
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
แนวทางแก้ปัญหา
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
55
แผนการจดั การเรยี นรแู้ บบบูรณาการที่ 10 หนว่ ยท่ี 5
สอนครง้ั ที่ 10 (28-30)
รหัส 20204-2004 เครือข่ายคอมพิวเตอร์เบื้องตน้ (2-2-3)
จานวน 3 ช.ม.
ชอ่ื หน่วย/เรอื่ ง การประยุกต์ใชง้ านเครอื ขา่ ยในการปฏิบัตงิ านของ
องคก์ ร
สาระสาคญั
จากการท่ไี ดเ้ รยี นรหู้ ลกั การทางานระบบเครือข่ายคอมพวิ เตอรไ์ ปแลว้ ในหน่วยการเรียนน้จี ะเปน็ การประยุกตใ์ ชเ้ ครือขา่ ย
คอมพิวเตอรเ์ พื่อใชใ้ นการปฏบิ ตั ิงานขององค์กร ระบบเครอื ขา่ ยคอมพิวเตอร์หนึ่งเครอื ข่ายจะมีการทางานรวมกนั เปน็ กลมุ่ ทเ่ี รยี กว่า
กล่มุ งาน (Workgroup) เมือ่ เช่อื มโยงหลายๆ กลมุ่ งานเข้าด้วยกัน กจ็ ะเปน็ เครือข่ายขององค์กร และเช่ือมโยงระหวา่ งองคก์ รผา่ น
เครอื ข่ายแวน ก็จะไดเ้ ครือขา่ ยขนาดใหญข่ ึ้น
การประยกุ ตใ์ ชง้ านเครอื ข่ายคอมพวิ เตอรเ์ ป็นไปอย่างกวา้ งขวางและสามารถใช้ประโยชน์ไดม้ ากมาย ทั้งนเี้ พราะระบบเครอื ขา่ ย
คอมพวิ เตอร์ ทาใหเ้ กิดการเช่ือมโยงอุปกรณ์ตา่ งๆ เขา้ ด้วยกนั และส่ือสารขอ้ มูลระหว่างกันไดช้ ว่ ยใหก้ ารทางานภายในองค์กรมี
ประสทิ ธภิ าพมากขึน้
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
3 อธบิ ายและประยกุ ต์ใช้งานเครอื ข่ายอินเทอร์เนต็ การปฏิบตั ิงานได้
4.มกี ารพัฒนาคุณธรรม จริยธรรมค่านยิ ม และคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ของผสู้ าเรจ็ การศึกษา สานกั งานคณะกรรมการ
การอาชวี ศกึ ษา ท่คี รูสามารถสงั เกตได้ขณะทาการสอนในเรื่อง
4.1 ความมมี นษุ ยสมั พันธ์
4.2 ความมีวินัย
4.3 ความรบั ผดิ ชอบ
4.4 ความซือ่ สตั ยส์ ุจรติ
4.5 ความเชอ่ื ม่นั ในตนเอง
4.6 การประหยดั
4.7 ความสนใจใฝร่ ู้
4.8 การละเวน้ สง่ิ เสพติดและการพนัน
4.9 ความรักสามคั คี
4.10 ความกตัญญูกตเวที
สมรรถนะรายวิชา
1.แสดงความรเู้ กี่ยวกับหลักการทางาน และกระบวนการของระบบเครือขา่ ย
2.ใชอ้ ปุ กรณแ์ ละเช่อื มตอ่ ระบบเครอื ขา่ ยเบือ้ งต้นในการปฏบิ ตั ิงาน
3.ประยุกต์ใชง้ านเครือขา่ ยในการปฏิบตั ิงานขององคก์ ร
เนือ้ หาสาระ
3 การใช้งานเครือขา่ ยอินเทอร์เนต็ ในการปฏิบตั งิ านองคก์ ร
กิจกรรมการเรยี นรู้
ขน้ั นาเขา้ สูบ่ ทเรียน
1.ครูและผู้เรยี นสนทนาเกย่ี วกบั อนิ เทอร์เนต็ (Internet) คือ เครือขา่ ยคอมพิวเตอร์ทเ่ี ช่ือมโยงเครือข่าย
คอมพวิ เตอร์ทัว่ โลกเขา้ ด้วยกัน โดยใชม้ าตรฐานการเชื่อมต่อ TCP/IP ซึง่ มีวัตถุประสงค์หลกั คือ การเพมิ่
ประสิทธภิ าพในการตดิ ต่อส่อื สาร (เช่น การส่งจดหมายอิเลก็ ทรอนกิ ส์ หรือ E-mail การสง่ ผา่ นเอกสารซงึ่ อย่ใู น
56
รูปแบบแฟ้มขอ้ มลู คอมพวิ เตอร)์ และการใชท้ รัพยากรร่วมกัน ได้แก่ สารสนเทศ (Information) ฮารด์ แวร์ (Hardware)
ซอฟต์แวร์ (Software) และทรพั ยากรบุคคล (People ware) เป็นตน้ เครือขา่ ยอินเทอรเ์ น็ตไมม่ ใี ครคนใดคนหน่งึ หรือกลมุ่ คนใดกลมุ่
หน่ึงเป็นเจ้าของ เครือข่ายอินเทอรเ์ น็ตเปน็ ของทกุ คนทีเ่ ขา้ มาเช่อื มตอ่ การจดั การเครอื ขา่ ยเป็นความรว่ มมอื ซ่งึ กนั และกนั โดยต่างคน
ตา่ งดูแลจดั การเครือขา่ ยของตนเอง และมอี งคก์ รกลาง ชื่อ ISOC (Internet Society) เป็นองค์กรระหวา่ งประเทศท่ีจัดตงั้ ขน้ึ เพอื่
ความร่วมมือและการประสานงานของเครอื ขา่ ยและเทคโนโลยีการเชื่อมต่อตลอดจนการประยกุ ต์ใช้งานของเครือข่ายทว่ั โลก องค์กรน้ี
กอ่ ตัง้ ขนึ้ เมอ่ื เดือนมกราคม พ.ศ. 2535
2.ผเู้ รยี นยกตัวอยา่ งการใช้งานเครอื ข่ายอนิ เทอร์เน็ตในการปฏิบตั งิ านองคก์ ร
ขน้ั สอน
3.ครูอธบิ ายและสาธติ การใช้งานเครือข่ายอนิ เทอร์เนต็ ในการปฏิบตั งิ านองคก์ รบนหน้าจอคอมพิวเตอร์
โดยผา่ นสอื่ โปรเจ็คเตอร์ ประกอบเป็นสือ่ ในการเรยี นการสอน
4.ครูและผเู้ รยี นสาธติ การประยุกตใ์ ช้งานอินเทอร์เน็ตในการทางานขององคก์ ร เกีย่ วกับ
4.1 การรับส่งไปรษณีย์อิเลก็ ทรอนกิ ส์ (Electronic-Mail)
57
4.2 การโอนย้ายแฟม้ ข้อมลู ระหวา่ งกัน (File Transfer)
4.3 การใช้เคร่อื งคอมพวิ เตอร์ในทห่ี ่างไกล
4.4 การเรยี กคน้ ขอ้ มลู ข่าวสาร
4.5 ใชใ้ นการประชาสัมพันธ์องคก์ ร
4.6 การสนทนาบนเครอื ข่าย
4.7 การบรกิ ารสถานวี ิทยุและโทรทศั นบ์ นเครือขา่ ย
58
5.ผเู้ รียนแบ่งกลุ่ม กลมุ่ ละ 3-4 คน ช่วยกนั ทาแผ่นพบั เผยแพรว่ ิธกี ารใชอ้ นิ เทอรเ์ น็ตอยา่ งถกู วธิ ี และมคี ณุ ธรรม จรยิ ธรรม
เพ่อื ลดผลกระทบในด้านลบของการใช้อินเทอรเ์ น็ต
6.แบ่งกล่มุ ผเู้ รยี น แล้วจบั ฉลากเพอ่ื เลือกหัวขอ้ ชนิ้ งานตามหวั ข้อขา้ งลา่ ง เม่ือไดห้ วั ข้อแล้วใหผ้ เู้ รยี นแต่
ละกลมุ่ คน้ หาข้อมลู จากอินเทอรเ์ น็ต แล้วจดั ทาเปน็ ชนิ้ งานนาเสนอด้วยโปรแกรม Microsoft PowerPoint โดยใชเ้ วลาในการทา 1
ชั่วโมง
หัวข้อ 1) ชนิดของเครอื ขา่ ยคอมพิวเตอร์
2) สื่อกลางในการส่ือสารขอ้ มูล
3) โปรโตคอล (Protocal)
4) รูปรา่ งเครอื ขา่ ย
5) อปุ กรณเ์ ครอื ขา่ ย
6) ระบบเครอื ข่ายไรส้ าย
7) อคี อมเมริ ซ์ (E-Commerce)
เกณฑก์ ารให้คะแนน 1) ความสมบรู ณ์ของเนือ้ หา 10 คะแนน
2) ความสวยงาม 10 คะแนน
3) เทคนิคการใช้โปรแกรม 10 คะแนน
4) ความคดิ สร้างสรรค์ 5 คะแนน
5) การมสี ว่ นร่วม 5 คะแนน
รวม 40 คะแนน
7.ผ้เู รียนวิเคราะห์ลักษณะการใช้งานเครือขา่ ยอินเทอรเ์ น็ตในประเทศไทยแลว้ สรุปแล้วเขยี นลงบน
กระดาษโปสเตอรใ์ หส้ วยงาม
8.ผู้เรยี นเขียนบทความเรอ่ื งการใช้เครอื ข่ายอินเทอร์เนต็ ในการปฏบิ ตั ิงานในองคก์ รหรือสถาบันการศกึ ษาที่ตนเองค้นุ เคย
หรอื สนใจ
9.ผเู้ รียนศึกษาคน้ ควา้ เกี่ยวกบั เครอื ข่ายแลนกบั การปฏบิ ตั ิงานในองค์กรแล้วสรุปสาระสาคญั
10.ใหผ้ ู้เรยี นแบ่งกล่มุ ย่อยคน้ ควา้ หาขอ้ มลู เกี่ยวกบั เครือขา่ ยแลน เครอื ขา่ ยอินทราเนต็ เครือขา่ ยอินเทอร์เนต็ ทีใ่ ชใ้ นการ
ปฏิบตั งิ าน สรุป แลว้ นามาอภิปราย
11.ผูเ้ รยี นศกึ ษาคน้ คว้าเกยี่ วกับการใชเ้ ครือข่ายอนิ ทราเน็ตในการปฏบิ ัติงานในองคก์ รแล้ววเิ คราะห์ถงึ ผลดี และผลเสีย
12.ครแู นะนาใหผ้ เู้ รียนบนั ทึกบัญชีครัวเรือน เพื่อให้เกิดการปฏบิ ตั พิ ฒั นาความรู้ ความคดิ และปฏบิ ตั ิ
ถกู ต้อง กอ่ ให้เกดิ ความเจรญิ ในดา้ นอาชพี หรอื เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม ซ่งึ การทาบญั ชคี รัวเรอื นเป็นเรื่องการบนั ทกึ รายรบั
รายจา่ ยประจาวัน/เดอื น/ปี วา่ มรี ายรับรายจา่ ยจากอะไรบ้าง จานวนเท่าใด รายการใดจา่ ยนอ้ ยจ่ายมาก จาเปน็ นอ้ ยจาเปน็ มาก ก็
อาจลดลงหรือเพิ่มข้นึ ตามความจาเป็น ถา้ ทกุ คนคดิ ไดก้ แ็ สดงว่าเปน็ คนรู้จกั พัฒนาตนเอง มเี หตุมผี ล รู้จักพอประมาณ รักตนเอง รกั
ครอบครัว รกั ชมุ ชน และรักประเทศชาตมิ ากข้นึ จงึ เหน็ ไดว้ า่ การทาบญั ชีครัวเรือน คอื วิถแี ห่งการเรยี นรเู้ พ่ือพฒั นาชวี ติ ตามปรชั ญา
เศรษฐกจิ พอเพยี ง
59
ขัน้ สรุปและการประยุกต์
13.ครใู ช้คาถามหรือกาหนดปญั หาโดยใหผ้ ู้เรยี นระดมสมองช่วยกันคดิ หาคาตอบแล้วอธิบายคาตอบให้เพอ่ื นทุกคนในกลมุ่
ของตนเองเขา้ ใจ
14.ครใู ช้วธิ ีสุ่มผู้เรยี นทกุ กลุ่มตอบคาถามและอธบิ ายให้เพื่อนฟงั ทัง้ ชั้นเรยี น
15.ผู้เรียนฝึกทกั ษะทาแบบฝกึ ปฏบิ ตั ิ ใบงาน และแบบประเมินผล
สอ่ื และแหล่งการเรยี นรู้
1.หนังสือเรียน วิชาเครือขา่ ยคอมพวิ เตอรเ์ บ้อื งตน้ ของสานักพมิ พเ์ อมพนั ธ์
2.กิจกรรมการเรยี นการสอน
3.สือ่ อเิ ลก็ ทรอนิกส,์ ส่อื CD, สอ่ื PowerPoint
4.แบบประเมนิ ผลการเรียนรู้
หลกั ฐาน
1.บันทึกการสอน
2.ใบเช็ครายช่ือ
3.แผนจดั การเรยี นรู้
4.การตรวจประเมินผลงาน
การวัดผลและการประเมนิ ผล
วธิ วี ดั ผล
1. สังเกตพฤตกิ รรมรายบุคคล
2. ประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลุม่
3. สงั เกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลมุ่
4. ตรวจใบงาน
5. ตรวจแบบประเมินกจิ กรรมสง่ เสรมิ คุณธรรมนาความรู้ และแบบประเมินคา่ นยิ ม 12
ประการ
6. ตรวจแบบประเมนิ ผลการเรียนรู้ และแบบฝกึ ปฏบิ ตั ิ
7. การสังเกตและประเมนิ พฤตกิ รรมด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์
เครื่องมือวดั ผล
1. แบบสังเกตพฤติกรรมรายบุคคล
2. แบบประเมนิ พฤติกรรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกล่มุ (โดยคร)ู
3. แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกล่มุ (โดยผเู้ รียน)
4. แบบประเมินกจิ กรรมใบงาน
5. แบบประเมนิ กจิ กรรมสง่ เสรมิ คณุ ธรรมนาความรู้ และแบบประเมนิ ค่านยิ ม 12 ประการ
6. แบบประเมนิ ผลการเรียนรู้ และแบบฝึกปฏิบตั ิ
7. แบบประเมนิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ โดยครแู ละผู้เรียนร่วมกันประเมิน
เกณฑ์การประเมินผล
1. เกณฑผ์ ่านการสงั เกตพฤติกรรมรายบคุ คล ต้องไมม่ ชี อ่ งปรับปรุง
2. เกณฑผ์ ่านการประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50 % ขนึ้ ไป)
3. เกณฑผ์ ่านการสังเกตพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลมุ่ คือ ปานกลาง (50% ข้นึ ไป)
4. กจิ กรรมใบงาน เกณฑผ์ า่ น คือ 50%
5. แบบประเมินกจิ กรรมส่งเสรมิ คณุ ธรรมนาความรู้ และแบบประเมินค่านิยม 12 ประการ
60
ตอ้ งไม่มชี อ่ งปรับปรุง
6. แบบประเมินผลการเรียนรู้ และแบบฝึกปฏบิ ตั ิมีเกณฑผ์ า่ น 50%
7 แบบประเมินคณุ ธรรม จริยธรรม ค่านยิ ม และคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ คะแนนข้นึ อยูก่ บั
การประเมินตามสภาพจริง
กจิ กรรมเสนอแนะ
1.ทากิจกรรมใบงาน แบบฝกึ ปฏิบตั เิ พอื่ ฝกึ ทักษา
2.อ่าและทบทวนเน้อื หา
แบบประเมนิ ผลการเรยี น้รหู้ น่วยท่ี 5
จงเลือกคาตอบที่ถกู ตอ้ งเพยี งข้อเดียว
1 เครือขา่ ยแลนหนงึ่ เครือขา่ ยจะมกี ารทางานกันเป็นกลมุ่ เรยี กว่าอย่างไร
1. ผงั งาน 2. แผนงาน 3. กล่มุ งาน 4. หนว่ ยงาน
2 การทใี่ นสานักงานมเี คร่อื งอยู่ 10 เครอ่ื ง หรือมากกวา่ และจะตอ้ งใชเ้ ครือ่ งพมิ พ์อย่างนอ้ ย 5-10 เครือ่ งมาใช้งานเปน็ การนา
เครือขา่ ยมาใชง้ านหรือไมอ่ ย่างไร
1. เปน็ เพราะใชเ้ ครือ่ งพมิ พร์ ว่ มกนั 2. เป็น เพราะใชเ้ คร่ืองพมิ พ์นอ้ ยกวา่ เคร่อื งคอมพวิ เตอร์
3. ไม่เป็น เพราะเครอื่ งคอมพิวเตอรม์ จี านวนเท่ากับเครือ่ งพิมพ์
4. ไมเ่ ปน็ เพราะเครอื ขา่ ยแลนใชอ้ ปุ กรณ์ 1-2 ตวั ขณะที่เครื่องคอมพวิ เตอรม์ ี 10 เครอ่ื ง
3 เหตุใดจงึ กลา่ ววา่ เครอื ข่ายคอมพิวเตอร์ทาใหผ้ ู้ใช้ สามารถใชอ้ ปุ กรณร์ อบข้างที่ตอ่ พว่ งกบั ระบบคอมพวิ เตอรร์ ่วมกนั ได้อยา่ งมี
ประสิทธภิ าพ
1. สะดวกในการใช้งาน 2. ความประหยดั นบั เปน็ การลงทนุ ทคี่ ุ้มคา่
3. ประหยดั คา่ ใชจ้ า่ ย ไม่ตอ้ งซ้อื อปุ กรณร์ าคาแพงเชื่อมตอ่ พว่ งใหก้ ับคอมพิวเตอร์ทุกเคร่ือง
4. ทุกเคร่อื งเข้าใชเ้ คร่ืองพมิ พ์เครอื่ งใดก็ไดผ้ า่ นเคร่ืองอื่นๆ ในระบบเครือขา่ ยเดียวกนั
4 เครือข่ายคอมพวิ เตอร์ ทาให้ผ้ใู ช้สามารถใชโ้ ปรแกรม และขอ้ มลู ร่วมกันได้ โดยจดั เก็บโปรแกรมไวแ้ หลง่ เก็บขอ้ มลู ทใ่ี ด
1. Client 2. Server 3. Modem 4. File Server
5 การเรียกใชข้ อ้ มลู ผ่านระบบเครอื ขา่ ยคอมพิวเตอรเ์ ครื่องลกู (Client) สามารถเข้ามาใชโ้ ปรแกรมขอ้ มลู ร่วมกันไดจ้ ากเครือ่ งใด
1. Client 2. Server 3. Modem 4. File Server
6 เหตุใดจึงกลา่ วว่าเมอื่ นาระบบเครอื ขา่ ยคอมพิวเตอร์มาใชง้ าน ทาใหร้ ะบบงานมีประสทิ ธภิ าพมีความนา่ เชือ่ ถือของขอ้ มูล
1. เพราะจะทาให้งานมีความรวดเร็วนา่ เช่อื ถือ 2. เพราะจะทาใหง้ านมีประสิทธิภาพมากทีส่ ุด
3. เพราะจะมีการทาสารองข้อมูลไวส้ ามารถทาให้สามารถสง่ งานไดห้ ลายๆ ที่
4. เพราะจะมีการทาสารองขอ้ มูลไวส้ ามารถนาข้อมลู ท่ีมีการสารองมาใช้ได้อย่างทันที
7 ขอ้ ใดกล่าวถึงอินทราเน็ตไดถ้ ูกตอ้ งที่สุด
1. เครอื ขา่ ยคอมพิวเตอร์ทมี่ ฐี านขอ้ มูลทเ่ี ก็บไวใ้ หใ้ ชง้ านจานวนมาก
2. เครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอรท์ เ่ี ชื่อมกนั ไดท้ ่ัวโลก ทุกองคก์ รสามารถท่ีจะสรา้ งหน้าเพจได้
3. ระบบเครือขา่ ยภายในท่ีนาเทคโนโลยขี องระบบอนิ เทอรเ์ นต็ มาประยุกตใ์ ช้งานภายในองค์กร
4. องค์กรที่เปลี่ยนแปลงรูปแบบการดาเนินธรุ กรรมจากเดมิ ซ่ึงใชเ้ อกสารในการประสานงานกัน
8 E-company เป็นการนาเครอื ขา่ ยอนิ ทราเนต็ มาใช้ในองค์กรอย่างไร
1. การสง่ จดหมายอิเลก็ ทรอนิกส์ 2. เอกสารในรูปแบบอเิ ล็กทรอนิกส์
3. การทาธรุ กรรมทางธนาคารอเิ ล็กทรอนกิ ส์ 4. การใชส้ ารสนเทศในรูปแบบอเิ ล็กทรอนกิ ส์
61
9 ขอ้ ใดกลา่ วถึงสารสนเทศทางการได้ถกู ตอ้ งทส่ี ุด
1. สารสนเทศที่ใช้ภายในกลมุ่ /แผนก, กลุ่มงานโครงการ
2. สารสนเทศทเ่ี กี่ยวกบั กฎระเบยี บบริษทั ทใี่ ช้ในกลุ่มงาน
3. สารสนเทศทเี่ ก่ียวกบั กฎระเบยี บบรษิ ัท ท่ใี ชใ้ นองค์กรประวัติผลงานลา่ สดุ
4. สารสนเทศที่ใช้ในการบรหิ ารงาน ปฏบิ ัตงิ านและการใช้สารสนเทศในการพัฒนาเสรมิ สรา้ งความรู้
10 การถา่ ยเอกสารหรอื FAX หรอื การส่งเอกสารให้กันภายในองค์กรเป็นสารสนเทศแบบใด
1. สารสนเทศแบบกลมุ่ 2. สารสนเทศแบบทางการ
3. สารสนเทศในการบรหิ ารงาน 4. สารสนเทศในการบรหิ ารบุคคล
11 สารสนเทศแบบใดตอ้ งเปลย่ี นแปลง Work Process เพือ่ ลดขนั้ ตอนงานใหเ้ กดิ ความคลอ่ งตวั
1. สารสนเทศแบบกลมุ่ 2. สารสนเทศแบบทางการ
3. สารสนเทศแบบไมเ่ ปน็ ทางการ 4. สารสนเทศในการบรหิ ารงาน
12 ประโยชน์ของการใช้เครือข่ายอินทราเนต็ ในองค์กรขอ้ ใดท่ีทาใหล้ ดคา่ ใชจ้ ่ายและเวลาในการ
จัดพมิ พ์เอกสารกระดาษและช่วยให้ไดร้ บั ข่าวสารท่ใี หมล่ า่ สดุ เสมอ
1. ลดต้นทนุ ในการบรหิ ารข่าวสาร 2. ช่วยใหต้ ดิ ตอ่ สอื่ สารกันได้อย่างรวดเร็ว
3. องค์กรไม่ผูกตดิ อยกู่ ับผคู้ ้ารายใดรายหนึง่
4. จดั เกบ็ ข่าวสารต่างๆ ภายในองค์กรรปู แบบอเิ ล็กทรอนกิ ส์
13 ในยุคสมยั แรกอินเทอรเ์ นต็ มชี อ่ื วา่ อยา่ งไร
1. อาร์ปาเน็ต 2. อารพ์ าเน็ต 3. อนิ เทอรเ์ น็ต4. อินทราเน็ต
14 อินเทอรเ์ นต็ มีการกาหนดตาแหน่งอปุ กรณด์ ว้ ยรหสั หมายเลขท่ีเรียกวา่ อะไร
1. รหสั 2. คยี ์เวิรด์ 3. แอดเดรส 4. ทีซพี ี/ไอพี
15 การกาหนดไอพีแอดเดรส ตอ้ งกาหนดคู่กบั สิ่งใดเพ่อื เปน็ การใหจ้ ดจาไดง้ า่ ย
1. รหสั 2. โดเมน 3. ทซี พี ี/ไอพี 4. หมายเลขโทรศพั ท์
16 ข้อใดกล่าวถงึ Electronic-Mail หรอื E-Mail ได้ถกู ต้อง
1. จดหมายอเิ ล็กทรอนกิ ส์ ท่ีใช้รับสง่ กันโดยผา่ นไปรษณยี ์ไทย
2. จดหมายอิเลก็ ทรอนกิ ส์ ทใ่ี ช้รับส่งกันโดยผา่ นศูนยร์ บั สง่ สิง่ ของ
3. จดหมายอิเลก็ ทรอนิกส์ ทใี่ ชร้ บั สง่ กันโดยผ่านขนส่งแห่งประเทศ
4. จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ทีใ่ ชร้ ับสง่ กันโดยผา่ นเครอื ขา่ ยคอมพิวเตอร์
17 ประโยชนข์ องการใช้ E-Mail ได้แก่ขอ้ ใด
1. แม่นยาอยู่ทไี่ หนก็ส่งได้ 2. รวดเรว็ เช่อื ถือได้ เก็บเป็นความลับ
3. รวดเรว็ เช่ือถือได้ ประหยดั เวลา เพราะสง่ กบั ตัวผรู้ บั เอง
4. รวดเรว็ เชอ่ื ถือได้ ประหยดั คา่ ใช้จา่ ยในการสง่ และลดการใช้กระดาษ
18 ข้อใดกลา่ วถึงการรบั ข้อมลู เขา้ มายังเครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ของผู้ใช้
1. การสง่ ต่อไฟล์ 2. การอพั โหลดไฟล์ 3. การโอนย้ายไฟล์ 4. การดาวน์โหลดไฟล์
19 การคน้ หาขอ้ มลู สามารถทาไดโ้ ดยการใชเ้ ว็บไซต์ทใ่ี ชใ้ นการค้นหาขอ้ มลู หรอื ทีเ่ รยี กอกี อยา่ งวา่ อะไร
1. Search 2. Search Engine 3. www.google.co.th 4. google Search
20 ข้อใดกลา่ วถงึ บริการกระดานข่าวหรือ เวบ็ บอร์ด ได้ถูกต้องที่สุด
1. การคน้ หาขอ้ มลู สามารถทาไดโ้ ดยการใชเ้ วบ็ ไซต์ท่ใี ชใ้ นการคน้ หาขอ้ มลู
2. ศูนยก์ ลางในการแสดงความคดิ เห็น มีการตง้ั กระทู้ ถาม-ตอบ ในหวั ข้อทสี่ นใจ
3. แสดงรายละเอยี ดต่างๆ ได้ เพ่อื ประชาสัมพันธ์หรือแสดงให้กบั บุคคลอ่ืนๆ ทส่ี นใจไดร้ ู้
4.การนาข้อมลู ไปประมวลผลยังเคร่ืองคอมพวิ เตอรท์ อ่ี ยใู่ นเครอื ขา่ ยโดยไมต่ อ้ งเดินทางไปเอง
62
เฉลยแบบประเมินผลการเรยี น้รหู้ น่วยที่ 5
กอ่ นเรยี น หลังเรียน
1.3 6.4 11.3 16.4
2.4 7.3 12.1 17.4
3.3 8.2 13.1 18.4
4.4 9.3 14.3 19.2
5.2 10.1 15.2 10.2
บันทึกหลังการสอน
ขอ้ สรปุ หลงั การสอน
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
ปญั หาที่พบ
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
แนวทางแก้ปัญหา
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
63
แผนการจัดการเรยี นรแู้ บบบรู ณาการท่ี 11 หนว่ ยท่ี -
สอนคร้ังท่ี 11 (31-33)
รหสั 20204-2005 เครือข่ายคอมพิวเตอรเ์ บือ้ งตน้ (2-2-3)
ชื่อหน่วย/เรอื่ ง ทบทวน/สอบกลางภาคเรยี น จานวน 3 ช.ม.
สาระสาคัญ
-
จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
1.ผู้เรยี นเกิดการเรยี นรใู้ นเน้ือหาสาระ และนาความคดิ รวบยอดไปประยุกต์ใชต้ อ่ ไป
2.มีการพฒั นาคณุ ธรรม จริยธรรม คา่ นิยม และคุณลักษณะอนั พึงประสงคข์ องผสู้ าเร็จการศกึ ษา สานกั งานคณะกรรมการ
การอาชีวศกึ ษา ทค่ี รูสามารถสังเกตได้ขณะทาการสอนในเรื่อง
2.1 ความมมี นุษยสัมพันธ์ 2.6 การประหยัด
2.2 ความมีวินัย 2.7 ความสนใจใฝร่ ู้
2.3 ความรับผดิ ชอบ 2.8 การละเว้นสิ่งเสพตดิ และการพนนั
2.4 ความซ่อื สัตยส์ จุ ริต 2.9 ความรกั สามัคคี
2.5 ความเชอื่ มน่ั ในตนเอง 2.10 ความกตัญญกู ตเวที
สมรรถนะรายวิชา
1.แสดงความรเู้ ก่ยี วกบั หลกั การทางาน และกระบวนการของระบบเครือข่าย
2.ใชอ้ ปุ กรณแ์ ละเช่ือมต่อระบบเครอื ข่ายเบ้ืองตน้ ในการปฏบิ ตั งิ าน
3.ประยุกต์ใช้งานเครือขา่ ยในการปฏบิ ัตงิ านขององค์กร
เนือ้ หาสาระ
ทบทวน/สอบกลางภาคเรียน
บันทกึ หลังการสอบ
ขอ้ สรุปหลังการสอน
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
ปัญหาท่พี บ
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
แนวทางแกป้ ญั หา
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
64
แผนการจัดการเรยี นร้แู บบบูรณาการที่ 12 หน่วยท่ี 6
รหัส 20204-2005 เครือข่ายคอมพิวเตอรเ์ บอื้ งตน้ (2-2-5) สอนครัง้ ท่ี 12 (34-36)
ช่อื หน่วย/เรื่อง การติดต้งั ระบบปฏิบัติการเครือขา่ ย
จานวน 3 ช.ม.
สาระสาคัญ
ในปจั จบุ นั ระบบปฏบิ ตั ิการมใี หเ้ ลอื กใชม้ ากมาย ทัง้ ระบบท่ีเป็นปฏบิ ัติการแบบปดิ เชน่ ระบบปฏิบัตกิ ารของบริษัท
ไมโครซอฟท์ Windows XP, Windows 7, Windows 8 ระบบปฏบิ ตั กิ าร ของบริษทั แอปเปิล MAC OS หรือระบบปฏบิ ตั ิการแบบ
เปดิ เช่น Linux, Unix หรอื ระบบปฏบิ ตั ิการ Ubuntu ซึง่ ระบบปฏบิ ัติการทั้งระบบปดิ และระบบเปดิ นน้ั เป็นระบบปฏิบตั กิ ารทีม่ ี
ประสทิ ธภิ าพ มผี ใู้ ชง้ านเปน็ จานวนมาก และมคี วามนิยมอยูใ่ นปัจจบุ นั เปน็ ระบบการทใ่ี ชก้ ารตดิ ตอ่ กบั ผู้ใช้งานคอมพวิ เตอร์แบบ GUI
(Graphics User Interface) ทั้งหมด
จดุ ประสงค์การเรียนรู้
1.เลอื กใช้และตดิ ต้ังระบบปฏบิ ตั กิ ารทเี่ ปน็ มาตรฐานแบบปดิ ได้
-บนเครื่องแมข่ า่ ย
2.มกี ารพัฒนาคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ ม และคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงคข์ องผสู้ าเร็จการศกึ ษา สานกั งานคณะกรรมการ
การอาชีวศึกษา ทคี่ รสู ามารถสังเกตได้ขณะทาการสอนในเรอ่ื ง
3.1 ความมีมนษุ ยสมั พันธ์
3.2 ความมีวินัย
3.3 ความรับผดิ ชอบ
3.4 ความซื่อสตั ยส์ ุจรติ
3.5 ความเชื่อม่ันในตนเอง
3.6 การประหยดั
3.7 ความสนใจใฝร่ ู้
3.8 การละเว้นส่ิงเสพติดและการพนัน
3.9 ความรักสามัคคี
3.10 ความกตญั ญูกตเวที
สมรรถนะรายวิชา
1.แสดงความรเู้ กย่ี วกบั หลกั การทางาน และกระบวนการของระบบเครือข่าย
2.ใชอ้ ุปกรณแ์ ละเช่อื มต่อระบบเครือข่ายเบื้องตน้ ในการปฏิบตั ิงาน
3.ประยุกต์ใช้งานเครอื ขา่ ยในการปฏิบัติงานขององคก์ ร
เนอ้ื หาสาระ
1.การเลือกใชแ้ ละตดิ ต้งั ระบบปฏบิ ตั ิการทเ่ี ป็นมาตรฐานแบบปดิ
-บนเครอื่ งแมข่ ่าย
65
กิจกรรมการเรยี นรู้
ขนั้ นาเข้าสู่บทเรยี น
1.ครแู ละผู้เรยี นสนทนากันเรอ่ื งระบบปฏบิ ตั ิการแบบปดิ เรม่ิ ต้นเกดิ จากบรษิ ัทผผู้ ลติ เคร่อื งคอมพิวเตอร์ เมอ่ื ผลติ เครื่อง
คอมพิวเตอร์ออกมาแลว้ ตอ้ งสรา้ งชดุ คาส่ังเพอ่ื ทาให้คอมพิวเตอร์ทบ่ี ริษัทผลติ ขึน้ มาน้นั ๆ สามารถ
ทางานได้ โดยระบบปฏิบัติการน้ันจะเป็นลขิ สิทธ์ิเฉพาะของบริษทั นน้ั ๆ ท่ีผลติ ข้นึ มาไมส่ ามารรถทจี่ ะนาระบบปฏิบตั กิ ารนัน้ ๆ ไปใช้
กับเครือ่ งคอมพวิ เตอรน์ อกเหนอื จากบรษิ ทั ที่ผลติ ได้ ต่อมาระบบปฏบิ ตั ิการทม่ี ีความนิยมมากท่ีสุดคอื ระบบปฏิบตั กิ าร Windows
ของบรษิ ัท Microsoft เป็นระบบปฏิบตั กิ ารทผ่ี ใู้ ชส้ ามารถใชง้ านไดง้ า่ ย ระบบปฏิบตั กิ ารเป็นแบบ GUI (Graphic User Interface)
โดยใชภ้ าพ หรอื สัญลักษณ์ทเ่ี ขา้ ใจได้ง่ายมาควบคมุ การทางานของคอมพวิ เตอรใ์ หท้ างานตามทผ่ี ู้ใชต้ อ้ งการ โดยครแู สดงรปู ภาพ
ประกอบ และแสดงความคิดเหน็ รว่ มกัน
2.เปิดโอกาสใหผ้ ้เู รียนแสดงความคิดเหน็ และสนทนากันระหว่างเพอื่ นในชน้ั เรียน
ข้ันสอน
3.ครูอธิบาย และสาธติ การเลอื กใช้และตดิ ตัง้ ระบบปฏบิ ัตกิ ารทเ่ี ปน็ มาตรฐานแบบปิดบนเครอื่ งแม่ขา่ ย
โดยใช้ Power Point เปน็ ส่อื ประกอบ ซึ่งระบบปฏบิ ัติการมาตรฐานปิดทน่ี ยิ มใช้งานมีดังนี้
3.1 ระบบปฏบิ ตั ิการแม่ข่าย เชน่ ระบบปฏบิ ตั ิการ Microsoft Windows NT, Windows 2000, Windows server
2003, Windows server 2008 และในรุน่ ปจั จุบัน คือ Windows server 2012
3.2 ระบบปฏิบตั ิการลกู ข่าย ระบบปฏบิ ตั กิ ารเครอื่ งลกู ข่ายท่ีเปน็ ทนี่ ิยม เช่น ระบบปฏบิ ัติการของบรษิ ัท ไมโครซอฟท์
Microsoft Windows XP, Windows 7, Windows 8 ร่นุ ปจั จุบนั คือ Windows 8.1 ระบบปฏิบัตกิ ารของ บริษทั แอปเปิล ได้แก่
Mac OS รนุ่ ปัจจุบันคือ Mac OS X 10
3.3 ระบบปฏบิ ัติการบนอปุ กรณพ์ กพา ระบบปฏิบัตกิ ารท่อี ย่บู นอปุ กรณพ์ กพา เชน่ โทรศพั ท์มือถือ สมารตโ์ ฟน (Smart
phone) และแท็บเลต็ (Tablet) ระบบปฏบิ ตั กิ ารทไ่ี ด้รับความนิยมของบรษิ ัท Microsoft เช่น ระบบปฏิบตั กิ าร Windows phone
ระบบปฏบิ ตั ิการของบริษทั Apple ระบบปฏบิ ตั กิ าร IOS, ระบบปฏิบัติการ ของบริษัท RIM ระบบปฏบิ ัติการ BlackBerry
4.ครูและผูเ้ รยี นสาธติ การติดตั้งระบบปฏิบตั ิการแบบปิดบนเคร่อื งแม่ขา่ ย โดยระบบปฏิบัติการแบบเครอื ข่าย (Network
Operating System (NOS) คือ ระบบปฏบิ ตั กิ ารเพื่อควบคมุ การทางานของเครือ่ งคอมพวิ เตอร์ลูกขา่ ย สาหรับจัดการงานด้านการ
ตดิ ต่อส่ือสารระหวา่ งคอมพิวเตอรแ์ ละช่วยให้คอมพิวเตอรท์ ่ตี อ่ อยู่กบั เครอื ขา่ ยสามารถใช้ทรพั ยากรตา่ งๆ ร่วมกันได้ เช่น ใช้
เครอ่ื งพมิ พร์ ว่ มกัน เป็นตน้
5.ครแู ละผู้เรยี นสาธติ ขนั้ ตอนการตดิ ต้ัง Windows Server 2012 ดังต่อไปนี้
5.1 เมือ่ Boot เครอ่ื งคอมพิวเตอร์ด้วยแผ่นตดิ ต้งั Windows Server 2012 โดยโปรแกรมจะให้ทาการกาหนดภาษาทจ่ี ะใช้
ในการตดิ ต้ังในเครื่อง Server เม่อื กาหนดภาษาที่จะใช้ในการติดตัง้ เสร็จให้คลกิ ทป่ี ุ่ม Next เพ่อื ทาการตดิ ตัง้ ตอ่ ไป
5.2 หนา้ จอเรม่ิ ตน้ การติดตง้ั ให้คลกิ ทป่ี ุ่ม Install เพอ่ื เรม่ิ การตดิ ตง้ั Windows Server 2012
5.3 หน้าต่าง Windows Setup ให้เลอื กรุ่นทต่ี ้องการตดิ ตั้ง หลงั จากนั้น คลกิ Next เพื่อไปยังหน้าจอถดั ไป
5.4 แสดง License Terms ใหอ้ ่านทาความเขา้ ใจเก่ยี วกับเง่ือนไขตา่ งๆ ในการตดิ ตั้งและ
การใชง้ าน แล้วใหค้ ลกิ ท่ี I accept the license terms จากนั้นใหค้ ลิก Next เพื่อไปยังขนั้ ตอนตอ่ ไป
5.5 หน้าจอการกาหนดการติดตง้ั โดยสามารถเลอื กการตดิ ต้ังแบบอตั โนมตั หิ รือกาหนดการตดิ ตั้งด้วยตนเอง
5.6 การกาหนด Drive ในการตดิ ต้ัง และพื้นที่ในการตดิ ตง้ั ของระบบปฏิบตั กิ ารใหเ้ ลือก Hard Disk หรือ ทาการแบ่ง
Partition ทต่ี ้องการจะติดตง้ั แล้วคลิก Next เพื่อไปยังขัน้ ตอนตอ่ ไป
5.7 หน้าจอการตดิ ตั้งระบบจะทาการตดิ ตงั้ ระบบปฏบิ ัติการ Windows Server 2012 ขั้นตอนนีเ้ ป็นขั้นตอนสดุ ทา้ ยในการ
ตดิ ตง้ั เมอ่ื ติดต้งั ในขั้นตอนน้เี สร็จแลว้ ระบบจะทาการ Restart เครอื่ งใหมอ่ กี ครั้ง
5.8 เมื่อติดตั้งระบบปฏบิ ตั ิการเสร็จเรยี บร้อยแล้ว เครือ่ งจะทาการ Restart เคร่ืองคอมพิวเตอร์ใหม่อกี ครงั้ ระบบจะใหท้ า
การกาหนด User Name และ Password ของผดู้ แู ลระบบ (Administrator) เพื่อปอ้ งกันการเขา้ ใชง้ านของผทู้ ีไ่ มเ่ กี่ยวขอ้ ง
5.9 เม่อื กาหนดรหสั ของผดู้ ูแลระบบเรยี บรอ้ ยแล้วหนา้ จอแรกของระบบปฏิบตั ิการ Windows Server 2012 กอ่ นทจ่ี ะเข้า
ใช้งานต้องทาการ กดปุม่ Ctrl + Alt + Delete เพอ่ื เข้าสู่การใช้งาน
66
5.10 เมอ่ื เขา้ สรู่ ะบบปฏิบตั กิ าร Windows Server 2012 หน้าจอระบบปฏบิ ตั ิการ จะมลี กั ษณะคลา้ ยกับ
ระบบปฏบิ ตั ิการ Windows 8 ทีใ่ ชก้ ับเคร่อื งลกู ขา่ ย
6.ผเู้ รยี นศกึ ษาคน้ ควา้ เปรยี บเทียบขอ้ ดขี ้อเสยี ของระบบปฏิบตั กิ ารแบบมาตรฐานเปดิ และระบบปฏบิ ัตกิ ารแบบมาตรฐาน
ปดิ ว่ามขี อ้ ดีข้อเสียอย่างไร
7.ผ้เู รียนศกึ ษาคน้ คว้า ความต้องการของระบบ โดยเลือกระบบปฏบิ ัตกิ ารที่สนใจมา 1 ระบบ และคน้ หาว่าระบบตอ้ การ
ใชท้รพั ยากรใดบา้ งมีขนาดเทา่ ใดจงึ จะเหมาะสมกบั การทางานขอบระบบนน้ั ๆ
8.แบ่งกลุ่มกันเลือกระบบปฏบิ ตั ิการทต่ี นเองสนใจ และลองตดิ ตง้ั ระบบปฏบิ ตั ิการนั้น พรอ้ มทง้ั วาดรปู หรือตัดรปู หน้าจอมา
บรรยายการตดิ ต้ังระบบปฏบิ ตั ิการน้นั
9.ครูเน้นการนาความรู้ทางดา้ นคอมพิวเตอร์ไปใช้ในการประกอบอาชพี อย่างมคี ุณธรรมไมเ่ บียดเบยี นผ้อู ่นื เชน่ ไม่มี
พฤติกรรมท่ีฉ้อโกง ไม่ปฏเิ สธความรบั ผดิ ชอบ จนเกิดความเดอื ดร้อน ดงั น้ัน เมอ่ื ผู้เรยี นจบการศึกษาไปแลว้ และไปประกอบอาชีพ
เปน็ ผปู้ ระกอบการ หรอื ลกู จ้างก็ตาม ควรยดึ หลกั คณุ ธรรมตามเง่ือนไขแหง่ ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง
ขน้ั สรปุ และการประยกุ ต์
10.ครูใช้คาถามหรอื กาหนดปญั หาโดยใหผ้ ูเ้ รยี นระดมสมองชว่ ยกันคิดหาคาตอบแลว้ อธิบายคาตอบใหเ้ พือ่ นทกุ คนในกลมุ่
ของตนเองเขา้ ใจ
11.ครใู ชว้ ธิ สี ่มุ ผ้เู รยี นทกุ กลมุ่ ตอบคาถามและอธบิ ายให้เพ่อื นฟงั ทั้งชั้นเรยี น
12.ผ้เู รยี นฝกึ ปฏิบัตใิ บงาน แบบฝกึ ทักษะ และทาแบบประเมนิ ผลการเรยี น
สอื่ และแหล่งการเรยี นรู้
1.หนังสอื เรยี น วิชาเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอร์เบอ้ื งตน้ ของสานักพิมพ์เอมพันธ์
2.รูปภาพ
3.กิจกรรมการเรยี นการสอน
4.แผ่นใส
5.สิอ่ อิเล็กทรอนิกส์ สอื่ CD และสอ่ื PowerPoint
6.แบบประเมินผลการเรียนรู้
หลักฐาน
1.บนั ทกึ การสอน
2.ใบเชค็ รายช่อื
3.แผนจดั การเรียนรู้
4.การตรวจประเมนิ ผลงาน
การวัดผลและการประเมนิ ผล
วิธีวัดผล
1. สงั เกตพฤติกรรมรายบคุ คล
2. ประเมนิ พฤติกรรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกลุ่ม
3. สงั เกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลมุ่
4. ตรวจใบงาน
5. ตรวจแบบประเมินกิจกรรมสง่ เสรมิ คุณธรรมนาความรู้ และแบบประเมินค่านยิ ม 12
ประการ
6. ตรวจแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ และแบบฝึกปฏบิ ตั ิ
67
7. การสังเกตและประเมนิ พฤตกิ รรมด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์
เครอื่ งมือวัดผล
1. แบบสงั เกตพฤติกรรมรายบคุ คล
2. แบบประเมินพฤติกรรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกลุ่ม (โดยคร)ู
3. แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกลุ่ม (โดยปผเู้ รียน)
4. แบบประเมนิ กิจกรรมใบงาน
5. แบบประเมินกิจกรรมส่งเสรมิ คณุ ธรรมนาความรู้ และแบบประเมินคา่ นิยม 12 ประการ
6. แบบประเมินผลการเรียนรู้ และแบบฝึกปฏิบตั ิ
7. แบบประเมินคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ โดยครูและผูเ้ รียนรว่ มกันประเมนิ
เกณฑก์ ารประเมินผล
1. เกณฑผ์ ่านการสังเกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล ตอ้ งไมม่ ีช่องปรับปรงุ
2. เกณฑผ์ า่ นการประเมินพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลมุ่ คือ ปานกลาง (50 % ข้ึนไป)
3. เกณฑผ์ ่านการสังเกตพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ คือ ปานกลาง (50% ข้ึนไป)
4. กิจกรรมใบงาน เกณฑ์ผา่ น คอื 50%
5. แบบประเมินกิจกรรมส่งเสรมิ คณุ ธรรมนาความรู้ และแบบประเมินค่านยิ ม 12 ประการ
ต้องไม่มีช่องปรบั ปรุง
6. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ และแบบฝึกปฏบิ ตั ิมเี กณฑผ์ ่าน 50%
7 แบบประเมนิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นยิ ม และคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ คะแนนข้ึนอยู่กบั
การประเมินตามสภาพจรงิ
กิจกรรมเสนอแนะ
1.ทาแบบฝึกปฏบิ ัตเิ พอ่ื ฝึกทักษะ
2.อ่านและทบทวนเน้อื หา
บันทกึ หลังการสอน
ข้อสรุปหลังการสอน
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
ปัญหาที่พบ
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
แนวทางแกป้ ัญหา
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
68
แผนการจัดการเรียนรแู้ บบบรู ณาการท่ี 13 หน่วยท่ี 6
รหสั 20204-2005 เครือข่ายคอมพิวเตอร์เบ้อื งตน้ (2-2-3) สอนครงั้ ที่ 13 (37-
ช่ือหน่วย/เรือ่ ง การตดิ ตัง้ ระบบปฏบิ ัตกิ ารเครอื ข่าย 39)
จานวน 3 ช.ม.
สาระสาคัญ
ในปจั จบุ นั ระบบปฏิบัตกิ ารมใี ห้เลอื กใชม้ ากมาย ทง้ั ระบบทเ่ี ป็นปฏบิ ัติการแบบปดิ เชน่ ระบบปฏบิ ตั กิ ารของบรษิ ทั
ไมโครซอฟท์ Windows XP, Windows 7, Windows 8 ระบบปฏบิ ัติการ ของบรษิ ทั แอปเปลิ MAC OS หรอื ระบบปฏบิ ัตกิ ารแบบ
เปดิ เช่น Linux, Unix หรอื ระบบปฏบิ ตั กิ าร Ubuntu ซึง่ ระบบปฏบิ ัติการทัง้ ระบบปดิ และระบบเปดิ น้นั เป็นระบบปฏบิ ตั ิการทม่ี ี
ประสทิ ธภิ าพ มีผู้ใชง้ านเป็นจานวนมาก และมคี วามนยิ มอยู่ในปจั จบุ นั เป็นระบบการท่ใี ช้การติดต่อกบั ผู้ใช้งานคอมพวิ เตอรแ์ บบ GUI
(Graphics User Interface) ทง้ั หมด
จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
1.เลอื กใชแ้ ละตดิ ตง้ั ระบบปฏิบัตกิ ารทเ่ี ป็นมาตรฐานแบบปดิ ได้
-บนเครือ่ งลกู ขา่ ย
-บนอุปกรณ์พกพา
2.มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม คา่ นยิ ม และคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ของผสู้ าเรจ็ การศกึ ษา สานกั งานคณะกรรมการ
การอาชวี ศกึ ษา ท่คี รสู ามารถสังเกตไดข้ ณะทาการสอนในเรอ่ื ง
2.1 ความมีมนษุ ยสมั พันธ์
2.2 ความมวี นิ ัย
2.3 ความรับผดิ ชอบ
2.4 ความซอ่ื สัตยส์ จุ รติ
2.5 ความเช่อื มั่นในตนเอง
2.6 การประหยัด
2.7 ความสนใจใฝร่ ู้
2.8 การละเว้นสิง่ เสพตดิ และการพนัน
2.9 ความรกั สามัคคี
2.10 ความกตญั ญกู ตเวที
สมรรถนะรายวิชา
1.แสดงความรเู้ ก่ยี วกบั หลกั การทางาน และกระบวนการของระบบเครือขา่ ย
2.ใชอ้ ปุ กรณ์และเชอ่ื มตอ่ ระบบเครือข่ายเบ้ืองต้นในการปฏิบัตงิ าน
3.ประยุกต์ใช้งานเครอื ข่ายในการปฏบิ ตั ิงานขององคก์ ร
เนอื้ หาสาระ
-บนเครอื่ งลูกขา่ ย
-บนอปุ กรณพ์ กพา
69
กจิ กรรมการเรียนรู้
ขน้ั นาเขา้ สู่บทเรยี น
1.ครูใชเ้ ทคนคิ การจดั การเรียนรูแ้ บบบรู ณาการ (Integration) หมายถงึ การเรยี นรู้ทีเ่ ชื่อมเน้อื หาสาขาวชิ าต่าง ๆ ที่มี
ความสัมพันธ์เกย่ี วขอ้ งกนั มาผสมผสานเขา้ ดว้ ยกัน เพอ่ื ให้เกิดความรู้ท่มี ีความหมาย มีความหลากหลายและสามารถนาไปใช้
ประโยชนไ์ ด้จรงิ ในชวี ิตประจาวัน ได้แก่ วิชาภาษาไทย การขาย ภาษาอังกฤษ และโปรแกรมอื่นๆ ท่ีใช้ในคอมพิวเตอร์นอกเหนือจาก
ระบบเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอร์
2.ครูและผ้เู รยี นสนทนาถึงการตดิ ต้งั เครือขา่ ยคอมพเิ ตอร์บนเครอื่ งลกู ขา่ ย และบนอุปกรณ์พกพา
ขั้นสอน
3.ครูอธิบายและสาธติ การตดิ ต้ังระบบปฏบิ ตั กิ ารแบบปดิ บนเครือ่ งลูกข่าย โดยให้ผู้เรยี นปฏิบตั ิตาม
4.ครูใช้เทคนคิ การจัดการเรยี นร้แู บบสาธิต (Demonstration Method) เร่ืองระบบปฏิบัตกิ ารแบบปดิ บนเครื่องลกู ข่ายที่จะ
ทาการตดิ ตั้ง ได้แกร่ ะบบปฏบิ ตั ิการ Windows 7 ซึ่งเปน็ ระบบปฏบิ ตั กิ ารของ Microsoft โดยระบบปฏิบัตกิ าร Windows 7 เปน็
ระบบปฏบิ ตั กิ ารรนุ่ ที่ 7 ของบริษัทฯ โดยการใชง้ านและหนา้ จอตา่ งๆ จะมีการปรบั ปรุงจากระบบปฏบิ ตั ิการ Windows XP, หรือ
Windows Vista การทางานตา่ งๆ จึงมสี ่วนคล้ายกันมาก ไม่ซบั ซ้อนจนเกนิ ไป
5.ครใู ชเ้ ทคนิคการจดั การเรยี นรูแ้ บบสาธติ (Demonstration Method) เร่อื งการตดิ ตงั้ ระบบปฏิบัตกิ าร Windows 7 และ
ใหผ้ ู้เรยี นฝึกปฏบิ ตั ติ ามขัน้ ตอน
เมอื่ ติดตั้งระบบปฏบิ ตั กิ าร Windows 7 เสร็จแล้ว ข้ันตอนตอ่ ไปจะเปน็ การติดตง้ั โปรแกรมตา่ งๆ ที่จะนามาใชง้ าน และไดร
เวอรข์ องอุปกรณต์ า่ งๆ ทนี่ ามาตดิ ตงั้ ใหก้ ับคอมพวิ เตอร์ เพือ่ ใหร้ ะบบปฏบิ ตั ิการสามารถรจู้ ักและทางานร่วมกนั ได้ เชน่ Printer,
Monitor, Sound, ฯลฯ และอุปกรณ์จะมกี ารตดิ ต้งั ที่แตกต่างกันแลว้ แตอ่ ปุ กรณท์ ี่นามาใช้
6.ครอู ธบิ ายการทางานของระบบปฏิบัติการ Windows 8 ซึง่ เป็นระบบปฏิบตั กิ ารในรุ่นปจั จุบนั (2558) ปจั จุบัน
ระบบปฏิบตั ิการรุ่นลา่ สดุ คือ Windows 8.1 โดยเปน็ ระบบปฏบิ ัตกิ ารรุ่นที่ 8 ของบรษิ ัทไมโครซอฟท์ ระบบปฏบิ ัติการ Windows
8 ได้ทาการปรับปรุงหนา้ ตาของระบบปฏบิ ัตกิ าร รปู แบบของการตดิ ตอ่ สื่อสารกบั ผใู้ ช้ GUI (Graphic User Interface) ท่มี หี น้าตาท่ี
ทนั สมยั มากขน้ึ โดยนาเอาสว่ นท่ีผใู้ ช้มีการใช่บ่อยๆ มาไวเ้ ป็นในสว่ นของตดิ ตอ่ ดา้ นหน้า โดยผู้ใชส้ ามารถปรบั เปลีย่ นแกไ้ ข โปรแกรม
ทตี่ ้องการเรยี กใช้บอ่ ยๆ ได้โดยไมย่ าก
การตดิ ต้ังระบบปฏิบตั ิการ Windows 8 มีความคล้ายกับการติดตงั้ ระบบปฏิบตั กิ าร Windows7
7.ครูใช้เทคนิคการจัดการเรยี นรู้แบบสาธติ (Demonstration Method) เรื่อง การตดิ ต้ังระบบปฏิบตั กิ าร Windows 8 และ
ให้ผู้เรยี นฝกึ ปฏบิ ตั ติ ามขัน้ ตอน
70
เม่ือตดิ ตงั้ ระบบปฏบิ ตั กิ าร Windows 8 เสรจ็ แลว้ ขน้ั ต่อไปจะเปน็ การตดิ ตั้งโปรแกรมตา่ งๆ ท่ีจะนามาใชง้ าน และไดรฟ์เวอร์
ของอปุ กรณต์ ่างๆ ที่นามาติดตง้ั ใหก้ บั คอมพวิ เตอร์เพอื่ ใหร้ ะบบปฏิบตั ิการสามารถรู้จัก และทางานร่วมกนั ได้ เชน่ Printer, Monitor,
Sound, ฯลฯ และแตล่ ะอุปกรณ์จะมกี ารติดตัง้ แตกต่างกันแล้วแตอ่ ปุ กรณ์ที่นามาใช้
8.ครใู ช้เทคนิคการจดั การเรยี นร้แู บบสาธิต (Demonstration Method) เรื่องการติดต้งั ระบบปฏบิ ตั กิ าร Mac OS และให้
ผู้เรยี นฝกึ ปฏบิ ตั ติ ามขน้ั ตอน ซึ่งพฒั นาโดย APPLE Inc. เพอื่ ใชก้ ับเคร่ืองคอมพวิ เตอร์ APPLE Mac ไดแ้ ก่ MacBook Air, MacBook
Pro, Mac mini, iMac และ Mac Pro เป็นตน้ เปน็ ระบบปฏบิ ัติการปดิ อีกระบบปฏบิ ตั ิการหนึง่ ทม่ี ีรปู แบบการใช้งานคล้ายกบั
ระบบปฏบิ ตั กิ าร Windows มีการนารูปภาพ หรือเรยี กว่า GUI
(Graphic User Interface) มาใช้ในการตดิ ต่อส่ือสารกบั ผู้ใช้ ทาให้การใช้งานมีความสะดวกและเข้าใจไดง้ ่าย เครอ่ื งคอมพวิ เตอรแ์ ละ
อุปกรณ์ของ APPLE Inc. ได้รับการยกย่องว่ามีความสวยงาม แบบเรยี บหรู ประสิทธภิ าพสงู อกี ท้ังโปรแกรมประยุกตก์ ส็ วยงามนา่ ใช้
9.ครูใช้เทคนิคการจดั การเรียนรู้แบบสาธิต (Demonstration Method) เรื่องการติดต้งั ระบบปฏบิ ตั กิ าร Mac OS และให้
ผู้เรยี นฝึกปฏิบัติตามข้ันตอน
10.ครูใชเ้ ทคนิคการจดั การเรยี นรแู้ บบสาธิต (Demonstration Method) เร่อื งการตดิ ตั้งระบบปฏบิ ัติการ Mac OS และให้
ผเู้ รยี นฝึกปฏบิ ตั ติ ามข้ันตอน
71
11.ครูใช้เทคนิคการจดั การเรยี นรแู้ บบสาธติ (Demonstration Method) เร่ืองการตดิ ตั้งระบบปฏิบัติการแบบปดิ บน
อุปกรณพ์ กพา และให้ผเู้ รยี นฝึกปฏิบตั ิตามขน้ั ตอน โดยระบบปฏบิ ัตกิ ารบนอุปกรณพ์ กพา หรอื ท่เี รียกวา่ Firmware เป็น
ระบบปฏิบตั ิการที่ถกู ตดิ ตงั้ ในอปุ กรณพ์ กพาต่างๆ เชน่ บนโทรศพั ทส์ มาร์ทโฟน บนแทบ็ เล็ต หรือบนแฟ็บเล็ตโดยระบบปฏิบตั กิ าร
แบบปิดชนิดน้ีจะถกู ตดิ ตง้ั มาจากโรงงานผูผ้ ลติ ไมม่ ีการเปิดใหด้ าวนโ์ หลด (ยกเว้นการดาวน์โหลดเพ่ือปรับปรงุ ระบบปฏิบตั กิ าร
Update) หรือนามาใช้ได้ การตดิ ต้ังจงึ ตอ้ งเขา้ ศนู ยบ์ ริการของอุปกรณเ์ พ่อื ทาการติดต้ังระบบปฏิบตั ิการเท่านน้ั ดงั นนั้ จึงแนะนาเรอ่ื ง
ของการเซต็ ค่าต่างๆ เพอ่ื
การใชง้ านระบบปฏบิ ตั ิการในครง้ั แรก โดยจะกล่าวถงึ ระบบปฏบิ ตั ิการ Windows Mobile และระบบ
ปฏบิ ตั กิ าร IOS ท่ไี ดร้ บั ความนยิ มสูงสุดเทา่ นน้ั
12.ครใู ช้เทคนิคการจดั การเรียนรแู้ บบสาธติ (Demonstration Method) เร่ืองการเรม่ิ ต้นใช้งานระบบปฏบิ ัตกิ าร Windows
Mobile 8 และใหผ้ ู้เรียนฝกึ ปฏบิ ตั ิตามข้ันตอน
13.ครูใช้เทคนคิ การจดั การเรยี นรแู้ บบสาธติ (Demonstration Method) เรอื่ งการเรม่ิ ต้นใชง้ านระบบปฏบิ ัติการ IOS 7
และให้ผเู้ รยี นฝึกปฏิบตั ติ ามขน้ั ตอน
13.ครูใช้เทคนคิ การจดั การเรยี นรแู้ บบสาธติ (Demonstration Method) เรอ่ื งการเริ่มตน้ ใช้งานระบบปฏิบตั กิ าร IOS 7
และใหผ้ เู้ รียนฝึกปฏบิ ตั ิตามขั้นตอน
14.ผูเ้ รียนศึกษาค้นควา้ เปรยี บเทียบข้อดขี ้อเสยี ของระบบปฏบิ ัตกิ ารแบบมาตรฐานปดิ ว่ามีขอ้ ดขี อ้ เสยี อย่างไร
15.ผูเ้ รยี นศึกษาคน้ คว้า ความตอ้ งการของระบบ โดยเลือกระบบปฏิบัติการปดิ ท่สี นใจมา 1 ระบบ และคน้ ควา้ ว่าระบบ
ต้องการใช้ทรัพยากรใดบ้าง มีขนาดเท่าใดจึงจะเหมาะสมกบั การทางานขอบระบบน้ันๆ
16.ผ้เู รียนแบ่งกลมุ่ กนั และเลอื กเลอื กระบบปฏบิ ตั กิ ารปิดท่ีตนเองสนใจ และลองตดิ ตั้งระบบปฏิบตั ิการนนั้ พร้อมท้งั วาดรปู
หรือตัดรปู หนา้ จอมาบรรยายการติดตง้ั ระบบปฏบิ ตั กิ ารน้นั
72
17..ครูแนะนาใหผ้ ู้เรียนใชค้ อมพวิ เตอร์ดว้ ยความละเอยี ดรอบคอบ มคี วามเพียรพยายามในการนาความรไู้ ปใช้ใหป้ ระสบ
ความสาเรจ็ และมีความระมดั ระวงั ข้อผดิ พลาดท่ีอาจจะเกดิ ขึ้นไดใ้ นระหวา่ งการทางาน หรอื หลงั จากปฏบิ ตั หิ นา้ ทด่ี ้วยความ
รับผิดชอบ ซงึ่ เปน็ การสรา้ งภูมคิ ุม้ กันทดี่ ีในตัวเองตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง ดังน้ัน ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง จึงเปน็
หลกั การดาเนินชวี ิต การทางาน การบรหิ าร การพัฒนา รวมถึงการดาเนนิ กจิ กรรมในด้านตา่ งๆ ของมนษุ ย์ ทีเ่ นน้ แนวทางสายกลาง
ยึดหลักความพอประมาณ ความมเี หตผุ ล และมภี มู ิคมุ้ กันทด่ี ี ภายใตเ้ งอ่ื นไขความรอบรู้ รอบคอบ ระมดั ระวัง และเง่อื นไขคณุ ธรรม
ความซอ่ื สัตยส์ จุ ริต ความเพียร ขยนั อดทน และการแบง่ ปัน
ขั้นสรุปและการประยุกต์
18.ครูและผูเ้ รยี นสรุปการเลือกใช้และตดิ ตั้งระบบปฏิบัตกิ ารที่เป็นมาตรฐานแบบปดิ บนเครอื่ งแมข่ ่าย
บนเครือ่ งลกู ข่าย และบนอปุ กรณพ์ กพา โดยให้ผ้เู รยี นฝึกปฏบิ ตั ติ ามคาสัง่ ทีก่ าหนด เพือ่ ใหผ้ เู้ รยี นเกดิ ทักษะความชานาญ และนาไป
ปฏิบตั ไิ ดจ้ ริง
19.ทาแบบประเมนิ ผล แบบฝกึ ปฏิบัติ และประเมินตนเองจากแบบประเมินตนเอง รวมทั้งกจิ กรรมการจัดประสบการณ์
การเรยี นรู้
20.ประเมนิ ผเู้ รยี นตามแบบฟอรม์ ต่อไปนี้
ชื่อผเู้ รยี น ประสบการณ์พืน้ ฐานการเรียนรู้ วธิ ีการเรยี นรู้
ความรู้ ทกั ษะ ผลงาน
1.
2.
3.
4.
5.
ส่ือและแหล่งการเรียนรู้
1.หนังสือเรียน วชิ าเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอรเ์ บื้องต้น ของสานักพิมพ์เอมพันธ์
2.รูปภาพ
3.กจิ กรรมการเรยี นการสอน
4.แผน่ ใส
5.สอ่ื อิเลก็ ทรอนกิ ส์ สอื่ CD และสือ่ PowerPoint
6.แบบประเมินผลการเรยี นรู้
หลกั ฐาน
1.บนั ทกึ การสอน
2.ใบเชค็ รายชือ่
3.แผนจดั การเรยี นรู้
4.การตรวจประเมินผลงาน
73
การวัดผลและการประเมนิ ผล
วิธวี ดั ผล
1. สังเกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล
2. ประเมินพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลุ่ม
3. สังเกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลมุ่
4. ตรวจใบงาน
5. ตรวจแบบประเมนิ กจิ กรรมส่งเสรมิ คณุ ธรรมนาความรู้ และแบบประเมินคา่ นยิ ม 12
ประการ
6. ตรวจแบบประเมินผลการเรียนรู้ และแบบฝึกปฏิบัติ
7. การสงั เกตและประเมินพฤตกิ รรมด้านคณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
เครื่องมอื วดั ผล
1. แบบสังเกตพฤตกิ รรมรายบุคคล
2. แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลมุ่ (โดยคร)ู
3. แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกล่มุ (โดยผเู้ รียน)
4. แบบประเมนิ กจิ กรรมใบงาน
5. แบบประเมนิ กจิ กรรมส่งเสรมิ คณุ ธรรมนาความรู้ และแบบประเมนิ ค่านิยม 12 ประการ
6. แบบประเมินผลการเรียนรู้ และแบบฝึกปฏิบตั ิ
7. แบบประเมินคณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นยิ ม และคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ โดยครแู ละผูเ้ รยี นร่วมกนั ประเมนิ
เกณฑก์ ารประเมินผล
1. เกณฑผ์ า่ นการสังเกตพฤตกิ รรมรายบุคคล ต้องไม่มชี อ่ งปรบั ปรงุ
2. เกณฑผ์ า่ นการประเมินพฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50 % ข้ึนไป)
3. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50% ขึน้ ไป)
4. กิจกรรมใบงาน เกณฑผ์ า่ น คือ 50%
5. แบบประเมินกจิ กรรมส่งเสรมิ คณุ ธรรมนาความรู้ และแบบประเมนิ คา่ นิยม 12 ประการ
ตอ้ งไมม่ ีช่องปรบั ปรุง
6. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ และแบบฝึกปฏบิ ตั ิมเี กณฑผ์ ่าน 50%
7 แบบประเมนิ คุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ คะแนนขนึ้ อยกู่ ับ
การประเมินตามสภาพจริง
กจิ กรรมเสนอแนะ
1.ทากจิ กรรม แบบฝึกปฏิบตั ิ เพื่อนาไปใชไ้ ด้จริง
2.อ่านและทบทวนเน้อื หา
74
บนั ทึกหลังการสอน
ข้อสรุปหลังการสอน
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
ปญั หาทพี่ บ
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
แนวทางแกป้ ัญหา
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
75
แผนการจัดการเรยี นรแู้ บบบรู ณาการท่ี 14 หนว่ ยที่ 6
สอนคร้ังที่ 14 (40-42)
รหัส 20204-2005 เครือขา่ ยคอมพิวเตอรเ์ บอ้ื งต้น (2-2-3)
ช่ือหน่วย/เรื่อง การติดต้งั ระบบปฏบิ ัตกิ ารเครือขา่ ย จานวน 3 ช.ม.
สาระสาคัญ
ในปจั จบุ ันระบบปฏบิ ตั ิการมีใหเ้ ลอื กใชม้ ากมาย ทงั้ ระบบท่ีเปน็ ปฏบิ ตั ิการแบบปดิ เช่น ระบบปฏบิ ัตกิ ารของบรษิ ัท
ไมโครซอฟท์ Windows XP, Windows 7, Windows 8 ระบบปฏบิ ตั กิ าร ของบรษิ ทั แอปเปิล MAC OS หรือระบบปฏิบตั กิ ารแบบ
เปิด เช่น Linux, Unix หรอื ระบบปฏบิ ัติการ Ubuntu ซ่งึ ระบบปฏบิ ัตกิ ารทัง้ ระบบปดิ และระบบเปดิ นน้ั เปน็ ระบบปฏิบัตกิ ารท่มี ี
ประสิทธภิ าพ มีผ้ใู ช้งานเป็นจานวนมาก และมคี วามนยิ มอยใู่ นปัจจบุ นั เป็นระบบการท่ีใช้การติดตอ่ กบั ผ้ใู ชง้ านคอมพิวเตอร์แบบ GUI
(Graphics User Interface) ท้งั หมด
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
2 เลอื กใช้และตดิ ตั้งระบบปฏบิ ัตกิ ารทเี่ ปน็ มาตรฐานแบบเปดิ ได้
-บนเครือ่ งแม่ขา่ ย
-บนเครื่องลูกขา่ ย
-บนอุปกรณ์พกพา
3.มีการพัฒนาคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ ม และคุณลกั ษณะอนั พึงประสงคข์ องผสู้ าเร็จการศึกษา สานกั งานคณะกรรมการ
การอาชวี ศึกษา ทค่ี รสู ามารถสงั เกตได้ขณะทาการสอนในเร่อื ง
3.1 ความมีมนษุ ยสมั พนั ธ์
3.2 ความมีวินัย
3.3 ความรบั ผดิ ชอบ
3.4 ความซอื่ สัตยส์ ุจรติ
3.5 ความเช่ือมน่ั ในตนเอง
3.6 การประหยัด
3.7 ความสนใจใฝร่ ู้
3.8 การละเว้นสง่ิ เสพตดิ และการพนนั
3.9 ความรกั สามัคคี
3.10 ความกตัญญูกตเวที
สมรรถนะรายวิชา
1.แสดงความรเู้ กีย่ วกับหลกั การทางาน และกระบวนการของระบบเครอื ข่าย
2.ใชอ้ ปุ กรณแ์ ละเช่อื มต่อระบบเครอื ขา่ ยเบอื้ งต้นในการปฏบิ ัตงิ าน
3.ประยุกต์ใช้งานเครือขา่ ยในการปฏบิ ัติงานขององค์กร
เนอื้ หาสาระ
2 การเลอื กใชแ้ ละตดิ ต้ังระบบปฏบิ ัติการที่เปน็ มาตรฐานแบบเปิด
-บนเครื่องแมข่ ่าย
-บนเครอ่ื งลกู ขา่ ย
-บนอุปกรณพ์ กพา
76
กิจกรรมการเรียนรู้
ขัน้ นาเขา้ สูบ่ ทเรยี น
1.ครูสนทนากบั ผูเ้ รยี นเก่ียวกับระบบปฏบิ ตั ิการแบบเปดิ Open Source เปน็ ระบบปฏบิ ตั ิการประเภท Free Ware ในอดีตผู้
ที่พฒั นาระบบปฏบิ ตั กิ าร คอื บรษิ ัทท่ีผลติ คอมพิวเตอร์ ดงั นัน้ ระบบปฏบิ ตั ิการจึงถกู ออกแบบให้สามารถใช้เฉพาะกบั เคร่อื งของบรษิ ัท
ทผี่ ู้ผลติ ผลติ ไว้เทา่ น้ัน เรยี กระบบปฏิบตั ิการน้วี ่าระบบปฏบิ ัติ
การแบบปดิ (Proprietary Operating System) ซง่ึ ในปจั จุบันน้เี คร่ืองระดับเมนเฟรม ผู้ขายก็ยังคงเป็นผกู้ าหนดความสามารถของ
ระบบปฏิบตั ิการของเครอ่ื งท่ขี ายอยู่ ในปัจจบุ ันนีเ้ ร่ิมมแี นวโน้มทที่ าใหร้ ะบบปฏบิ ตั กิ ารสามารถนาไปใช้งานบนเครอ่ื งตา่ งๆ ได้
(Portable Operating System) เชน่ ระบบปฏบิ ตั กิ ารยนู ิกซ์ (UNIX) เป็นตน้
2.ครูกล่าวว่าระบบปฏบิ ัตกิ ารแบบเปดิ เปน็ ระบบปฏิบัติการท่ี เปิดให้ผูใ้ ชห้ รือผทู้ มี่ คี วามสามารถในการ
พฒั นาระบบ เปิด Source Code ใหผ้ ้ใู ช้แกไ้ ขหรอื พัฒนาตอ่ ยอด ระบบปฏิบัติการน้นั ได้ เชน่ ระบบปฏบิ ัติการ Ubuntu, FreeBSD,
Open Solaris เป็นต้น ระบบปฏบิ ตั กิ ารแบบเปดิ ทีเ่ ป็นที่นิยมใช้ ไดแ้ ก่
1) ระบบปฏบิ ตั ิการเครื่องแม่ขา่ ย ไดแ้ ก่ Linux, Ubuntu
2) ระบบปฏบิ ัติการเคร่อื งลูกขา่ ย ไดแ้ ก่ Ubuntu, FreeBSD, Open Solaris
3) ระบบปฏิบัตกิ ารบนอุปกรณ์พกพา ได้แก่ Android
ขั้นสอน
3.ครูใชเ้ ทคนคิ การจดั การเรยี นรู้แบบอภิปราย (Discussion Method) การเลือกใช้และติดตัง้ ระบบปฏบิ ัตกิ ารทเ่ี ปน็
มาตรฐานแบบเปิดบนเคร่ืองแม่ข่าย บนเคร่อื งลูกข่าย และบนอุปกรณ์พกพา โดยใช้สือ่ ประกอบเป็น Power Point
4.ครใู ช้เทคนคิ การอธิบาย และการใชค้ าถามเกีย่ วกับการตดิ ตั้งระบบปฏบิ ัตกิ าร Ubuntu ทง้ั เครื่องแมข่ ่าย
และลูกข่าย โดยระบบปฏิบัติการ Ubuntu มพี ื้นฐานการพฒั นามาจาก Linux ซึ่งมรี ูปรา่ งและมีลักษณะการ
ทางาน การตดิ ตอ่ กับผใู้ ช้ GUI (Graphic User Interface) ซึ่งมีความคลา้ ยกบั ระบบปฏบิ ัตกิ ารแบบปดิ Windows ซึ่ง Ubuntu มี
ซอฟต์แวรพ์ นื้ ฐานทม่ี าพรอ้ มกับระบบปฏิบัตกิ ารอย่างครบถ้วน เชน่ เว็บบราวเซอร์ ชดุ การทางานสานักงาน Liber Offi fice (คลา้ ย
กบั Microsoft Offi fice) และโปรแกรมตา่ งๆ ในปัจจบุ ันน้นั Ubuntu มีความนยิ มมากข้ีนจากผใู้ ชง้ านเปน็ จานวนมากกับผใู้ ช้งานใน
ระบบ Open Source อนื่ ๆ ระบบปฏิบตั ิการ Ubuntu รุ่นล่าสดุ คอื Ubuntu 13
6.ครใู ช้เทคนคิ การอธิบาย และการสาธิตขนั้ ตอนการตดิ ตัง้ ระบบปฏบิ ัติการ Ubuntu ใหผ้ ู้เรยี นปฏบิ ตั ติ าม
การติดตงั้ ระบบปฏบิ ตั ิการทกี่ ลา่ วมาทง้ั หมดนั้น เป็นเพียงการติดตัง้ ในส่วนของระบบปฏบิ ัติการเพียงอย่างเดียว การทาให้
ระบบปฏิบตั กิ ารติดตอ่ กับอปุ กรณต์ ่างๆ ทีจ่ ะนามาใช้กับคอมพวิ เตอร์ และระบบปฏิบัติการนั้น ต้องอาศัยไดรเวอร์ (Driver) ซ่ึงไดร
เวอรแ์ ตล่ ะตวั จะตอ้ งออกแบบมาให้สามารถใชก้ ับระบบปฏบิ ัติการนน้ั ไดเ้ ทา่ น้ัน โดยผใู้ ชส้ ามารถหาไดจ้ ากเวบ็ ไซต์ของผู้ผลติ อุปกรณ์
ซึง่ จะมใี หผ้ ู้ใช้ได้ดาวนโ์ หลดมาใชง้ าน รวมถึงการติดตง้ั ซอฟตแ์ วรป์ ระยุกต์ทีจ่ ะใช้งานตามทผี่ ูใ้ ชต้ อ้ งการต่อไป
7.ครูใชเ้ ทคนิคการสอนแบบสาธติ ในการติดตัง้ ระบบปฏิบัติการแบบเปดิ บนอุปกรณพ์ กพา และใหผ้ ้เู รยี น
ฝึกปฏบิ ตั ติ าม โดยระบบปฏิบตั ิการบนอปุ กรณ์พกพา ระบบปฏิบตั ิการเปิดจะเหมือนกับระบบปฏิบตั กิ าร
77
ระบบปดิ คือเรยี กวา่ Firmware โดยผู้ทเ่ี ปดิ ใหใ้ ชบ้ ริการโดยไม่เก็บคา่ ลขิ สิทธเ์ิ ป็นของ Google ระบบปฏบิ ัติการมีชื่อว่า
ระบบปฏิบตั กิ าร Android ในปัจจบุ ันระบบปฏบิ ัติการ Android เวอร์ชันล่าสดุ คอื Android 4.4 Kitkat โดยในปจั จุบนั
ระบบปฏิบตั ิการ Android มีผู้ผลติ อปุ กรณ์พกพาหลายรายได้นาเขา้ ไปใช้ ไม่วา่ จะเป็นโทรศัพท์มอื ถือ (Smartphone) ,แทบ็ เล็ต
(Tablet), แฟบ็ เล็ต (Feblet) หรอื แม้แต่ใชก้ ับระบบโทรทศั น์ในบางรนุ่ เพราะเป็นระบบปฏบิ ตั ิการเปิด จึงมีผ้นู ิยมนาไปพัฒนาใหเ้ ขา้
กบั อุปกรณต์ า่ งๆ อย่างแพร่หลาย รวมถึงมี Application มากมายทเี่ ป็นประโยชนใ์ นการทางานอีกด้วย
8.ครใู ช้เทคนคิ การสอนแบบสาธิตการเรมิ่ ตน้ ใชง้ านระบบปฏิบัตกิ าร Android และใหผ้ ้เู รยี นฝึกปฏิบตั ิ
ตาม เพือ่ ใหเ้ กิดทกั ษะความชานาญและปฏบิ ัตไิ ด้จรงิ
9.ผ้เู รียนศกึ ษาค้นคว้า เปรยี บเทยี บข้อดขี อ้ เสีย ของระบบปฏบิ ตั ิการแบบมาตรฐานเปดิ ว่ามีขอ้ ดีข้อเสยี
อยา่ งไร
10.ผู้เรียนศึกษาคน้ ควา้ ความต้องการของระบบเปดิ โดยเลือกระบบปฏบิ ตั กิ ารที่สนใจมา 1 ระบบ และค้นว่าระบบตอ้ งการ
ใชท้ รพั ยากรใดบ้างมีขนาดเทา่ ใดจึงจะเหมาะสมกับการทางานขอบระบบนนั้ ๆ
11.ผู้เรียนแบ่งกลุม่ กนั เลือกระบบปฏบิ ตั ิการทต่ี นเองสนใจ และลองติดตง้ั ระบบปฏิบตั ิการนั้น พรอ้ มทั้งวาดรูป หรือตดั รูป
หน้าจอมาบรรยายการตดิ ตัง้ ระบบปฏบิ ัตกิ ารนนั้
12.ครเู น้นปฏิบัติการงานโดยการใช้โปรแกรมกราฟิดด้วยความระมดั ระวัง และใหส้ ามารถนาไปใชไ้ ดจ้ ริง เพือ่ สรา้ งภมู ิคุม้ กนั
ในตวั เอง และเสนอแนะการนาความร้ไู ปประกอบอาชพี เพ่อื สรา้ งรายได้ให้แกต่ นเองและครอบครัวต่อไป
ข้นั สรปุ และการประยกุ ต์
13.ครแู ละผเู้ รียนสรุปการเลอื กใชแ้ ละตดิ ตง้ั ระบบปฏิบตั ิการที่เป็นมาตรฐานแบบเปิด บนเคร่ืองแม่ข่าย
บนเครือ่ งลกู ขา่ ย และบนอปุ กรณพ์ กพา โดยการถามตอบเพือ่ ให้เข้าใจในเนื้อหา และผเู้ รียนใหผ้ ู้เรยี นฝึกปฏิบตั ิ
ดว้ ยตนเองเพอื่ ให้เกดิ ความชานาญ และสามารถปฏิบตั ไิ ดจ้ ริง
14.ทาแบบประเมินผลการเรยี นรู้ แบบฝกึ ปฏบิ ตั ิ และประเมนิ ตนเองจากแบบประเมินตนเอง พรอ้ มทากิจกรรมการจดั
ประสบการณ์การเรยี นรู้
15.ประเมนิ ผเู้ รียนตามแบบฟอรม์ ต่อไปน้ี
ชื่อผู้เรียน ประสบการณพ์ นื้ ฐานการเรียนรู้ วธิ ีการเรียนรู้
ความรู้ ทกั ษะ ผลงาน
1.
2.
3.
4.
5.
78
สอื่ และแหล่งการเรยี นรู้
1.หนงั สอื เรียน วิชาเครอื ขา่ ยคอมพิวเตอร์เบือ้ งตน้ ของสานกั พิมพ์เอมพันธ์
2.รูปภาพ
3.กิจกรรมการเรยี นการสอน
4.แผ่นใส
5.ส่ืออเิ ล็กทรอนกิ ส์ สอื่ VDO และส่อื PowerPoint
6.แบบประเมนิ ผลการเรียนรู้
หลักฐาน
1.บันทึกการสอน
2.ใบเช็ครายชือ่
3.แผนจดั การเรียนรู้
4.การตรวจประเมนิ ผลงาน
การวดั ผลและการประเมินผล
วธิ วี ัดผล
1. สังเกตพฤติกรรมรายบุคคล
2. ประเมนิ พฤติกรรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกล่มุ
3. สังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลมุ่
4. ตรวจใบงาน
5. ตรวจแบบประเมนิ กจิ กรรมสง่ เสรมิ คุณธรรมนาความรู้ และแบบประเมินคา่ นยิ ม 12
ประการ
6. ตรวจแบบประเมนิ ผลการเรียนรู้
7. การสังเกตและประเมินพฤตกิ รรมด้านคณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
เคร่อื งมือวัดผล
1. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล
2. แบบประเมนิ พฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลมุ่ (โดยคร)ู
3. แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลมุ่ (โดยผเู้ รียน)
4. แบบประเมนิ กิจกรรมใบงาน
5. แบบประเมินกิจกรรมสง่ เสรมิ คณุ ธรรมนาความรู้ และแบบประเมินค่านยิ ม 12 ประการ
6. แบบประเมินผลการเรียนรู้ และแบบฝกึ ปฏิบตั ิ
7. แบบประเมินคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ โดยครูและผ้เู รยี นรว่ มกนั ประเมนิ
เกณฑ์การประเมนิ ผล
1. เกณฑผ์ า่ นการสังเกตพฤตกิ รรมรายบุคคล ต้องไมม่ ชี อ่ งปรับปรงุ
2. เกณฑผ์ า่ นการประเมินพฤติกรรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50 % ข้นึ ไป)
3. เกณฑผ์ ่านการสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50% ขนึ้ ไป)
4. กจิ กรรมใบงาน เกณฑ์ผา่ น คือ 50%
5. แบบประเมนิ กจิ กรรมส่งเสรมิ คณุ ธรรมนาความรู้ และแบบประเมินค่านิยม 12 ประการ
ตอ้ งไม่มีช่องปรับปรุง
6. แบบประเมินผลการเรียนรู้ และแบบฝึกปฏบิ ตั ิมเี กณฑผ์ า่ น 50%
7. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม คา่ นยิ ม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คะแนนข้ึนอยู่กบั
การประเมนิ ตามสภาพจริง
79
กิจกรรมเสนอแนะ
1.ทาแบบใบงาน แบบฝึกปฏบิ ตั เิ พ่อื ใหเ้ กดิ ความชานาญและปฏิบตั ไิ ด้จรงิ
2.อา่ นและทบทวนเน้อื หา
แบบประเมินผลการเรยี นรหู้ นว่ ยที่ 6
จงเลอื กคาตอบทถ่ี ูกต้องเพยี งขอ้ เดยี ว
1 ระบบปฏบิ ัตกิ ารใดเปน็ ระบบปฏิบัตกิ ารรุ่นลา่ สดุ ของ Microsoft
1. Windows XP 2. Windows Vista 3. Windows 7 4. Windows 8
2 ระบบปฏิบัติการในข้อใดไมใ่ ช่ระบบปฏบิ ัตกิ ารปดิ
1. Mac OS 2. Windows 7 3 Ubuntu 4 . Windows 8
3 ขอ้ ใดตอ่ ไปนไี้ ม่ใชค่ ณุ สมบตั ิของระบบปฏบิ ตั กิ าร Ubuntu
1. เป็นระบบปฏบิ ตั ิการแบบเปิด 2. ผู้ใชต้ ้องซือ้ ลขิ สิทธเิ์ พ่ือนาไปใช้
3. สามารถให้ผูใ้ ช้พัฒนาระบบได้ 4. สามารถดาวนโ์ หลดจากอินเทอรเ์ น็ตมาใชไ้ ด้
4 การตง้ั ค่าโซนเวลาของประเทศไทยคือเวลาเทา่ ไหร่
1. UTC + 07:00 2. UTC + 08:00 3. UTC - 07:00 4. UTC - 08:00
5 ข้อใดตอ่ ไปน้มี ขี นาดเทา่ กบั 5 Gigabytes
1. 5,120 MB 2. 5,000 MB 3. 5,120 G 4. 5,120 Byte
6 ขอ้ ใดเปน็ ประโยชน์ของการแบง่ พารต์ ชิ ัน
1. เพ่ือให้ติดตั้งระบบปฏบิ ัตกิ ารสะดวกขน้ึ 2. เพื่อป้องกนั ความเสยี หายของฮาร์ดดสิ ก์
3. เพ่ือแยกระบบปฏบิ ตั กิ ารออกจากข้อมลู 4. ป้องกนั ไวรสั คอมพิวเตอร์
7 ระบบปฏบิ ตั ิการใดเป็นระบบปฏิบัตกิ ารแบบปดิ
1. Ubuntu 2. Open Solaris 3. FreeBSD 4 . Mac OS
8 ระบบปฏบิ ตั ิการในข้อใดในการติดตั้งไมต่ อ้ งใช้ Product Code ในการติดต้งั
1. Windows XP 2. Windows 7 3. Windows 8 4. Ubuntu
9 ถา้ วรี ะต้องการใช้โปรแกรมไมโครซอฟท์ออฟฟศิ ควรใชร้ ะบบปฏบิ ตั ิการในขอ้ ใด
1. Ubuntu 2. Mac OS 3. Windows 8 4. Open Solaris
10 ระบบปฏบิ ัติการใดเปน็ ที่นิยมของผใู้ ช้มากทสี่ ุด
1. Windows 2. Ubuntu 3. Mac OS 4 . UNIX
11 ระบบปฏิบัตกิ ารในข้อใดท่ีผใู้ ช้งานควรมีความรดู้ า้ นคอมพิวเตอรพ์ อสมควร
1. Windows 7 2. Windows 8 3. Unix 4 . Mac OS
12 ระบบปฏิบตั กิ ารในข้อใดไมเ่ หมาะกับเครอ่ื งคอมพิวเตอร์ PC
1. Mac OS 2. Windows 7 3. Windows 8 4 . Ubuntu
13 การอัพเดตระบบปฏบิ ตั ิการจะอพั เดตผา่ นทางใด
1. ผา่ นทางแฟลชไดรฟ์ 2. ผ่านทางแผน่ ซดี ี
3. ผา่ นทางแผนดิสก์ 4. ผา่ นทางอินเทอรเ์ น็ต
14 ระบบปฏิบตั กิ ารในข้อใดข้นึ ชอ่ื วา่ เปน็ ระบบปฏบิ ัตกิ ารทีม่ ีความเสถียรภาพสูง
1. Mac OS 2. Windows 7 3. Windows 8 4. Ubuntu
4. Ubuntu
15 สมชยั ใชเ้ ครอื่ ง Mac Book ควรใช้ระบบปฏิบตั กิ ารใด จึงจะเหมาะสมที่สุด
1. Mac OS 2. Windows 7 3. Windows 8
16 ข้อใดเป็นส่งิ สาคญั ต่อการเลือกใช้ระบบปฏิบตั ิการ
1. BIOS 2. Monitor 3. CPU 4 . Mouse
80
17 การแบ่งพารต์ ิชันในการติดตงั้ ระบบปฏบิ ตั ิการอยา่ งนอ้ ยควรมกี พ่ี ารต์ ชิ นั
1. 1 พารต์ ิชนั 2. 2 พาร์ติชนั 3. 3 พารต์ ิชนั 4. 4 พาร์ตชิ ัน
18 โดยปกตริ ะบบปฏิบตั ิการจะตดิ ตั้งอยูใ่ นไดรฟ์ใด
1. ไดรฟ์ ซดี ี 2. ไดรฟ์ C: 3. ไดรฟ์ D: 4. ไดรฟ์ F:
19 ข้อใดเปน็ คาสัง่ ที่ใช้ในการตดิ ตงั้ ระบบปฏบิ ัติการ
1. Create 2. Install 3. Remove 4 . Delete
20 คาสง่ั ในข้อใดใชใ้ นการลบข้อมูลทง้ั หมดบนฮารด์ ดสิ ก์
1. Install 2. Partition 3. Format 4 . Setup
เฉลยแบบประเมินผลการเรียนรหู้ นว่ ยท่ี 6
1.4 6.3 11.3 6.3
2.3 7.4 12.1 7.2
3.2 8.4 13.4 8.2
4.1 9.3 14.1 9.2
5.1 10.1 15.1 10.3
บนั ทกึ หลังการสอน
ข้อสรปุ หลงั การสอน
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
ปัญหาทพ่ี บ
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
แนวทางแกป้ ญั หา
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
81
แผนการจดั การเรียนรแู้ บบบรู ณาการที่ 15 หนว่ ยที่ 7
รหสั 20204-2005 เครือข่ายคอมพิวเตอร์เบื้องต้น (2-2-3) สอนครั้งที่ 15 (43-
ช่ือหน่วย/เรอ่ื ง การใช้โปรแกรมประยุกต์ 45)
จานวน 3 ช.ม.
สาระสาคัญ
การที่จะให้คอมพิวเตอรท์ างานไดด้ ีและมีประสทิ ธิภาพ นอกจากโปรแกรมระบบปฏิบตั ิการทีใ่ ช้ในเครือข่ายแลว้ ยงั ต้องมี
โปรแกรมประยกุ ต์ หรอื Application ท่ชี ่วยในการทางาน โดยโปรแกรมประยกุ ต์ท่ีใช้งานในเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอรม์ มี ากมายหลาย
รูปแบบ ท่ีชว่ ยให้ การทางานในชีวิตประจาวนั มคี วามสะดวก รวดเร็ว และตรงกบั งานทเ่ี ปน็ งานเฉพาะมากขึน้
ในปัจจบุ นั โปรแกรมเมอร์ไดม้ ีการพฒั นาโปรแกรมประยุกตท์ ใี่ ชใ้ นเครอื ข่ายคอมพวิ เตอร์มีการพัฒนาและสรา้ งสรรคโ์ ปรแกรม
ใหม่ๆ เกิดขึ้นอยา่ งมากมาย ในหน่วยเรียนน้ีจะเป็นโปรแกรมประยกุ ตพ์ น้ื ฐานท่ีตอ้ งใช้ในเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ท่เี ช่ือมโยงกับ
เครอื ข่ายขนาดเลก็ หรือในเครอื ข่ายอยา่ งอนิ เทอรเ์ นต็ เพอ่ื ให้ผูเ้ รยี นไดม้ ีความรู้ และความเข้าใจในโปรแกรมประยกุ ตท์ ใี่ ชง้ านในระบบ
เครอื ขา่ ยมากข้ึนต่อไป
จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
1 แสดงความรูเ้ กย่ี วกบั โปรแกรมประยุกต์ทใี่ ชง้ านในเครอื ข่ายคอมพวิ เตอร์ได้
2 ประยุกตใ์ ชง้ านโปรแกรมประเภทเว็บบราวเซอร์ได้
3.มีการพฒั นาคณุ ธรรม จริยธรรม คา่ นิยม และคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ของผสู้ าเรจ็ การศึกษา สานกั งานคณะกรรมการ
การอาชีวศึกษา ท่คี รูสามารถสังเกตไดข้ ณะทาการสอนในเรือ่ ง
3.1 ความมมี นษุ ยสมั พนั ธ์ 3.8 การละเวน้ สง่ิ เสพติดและการพนัน
3.2 ความมีวินัย 3.9 ความรกั สามคั คี
3.3 ความรับผดิ ชอบ 3.10 ความกตัญญกู ตเวที
3.4 ความซ่ือสัตย์สุจรติ
3.5 ความเช่ือมนั่ ในตนเอง
7.6 การประหยดั
7.7 ความสนใจใฝร่ ู้
สมรรถนะรายวิชา
1.แสดงความรเู้ ก่ยี วกับหลกั การทางาน และกระบวนการของระบบเครอื ขา่ ย
2.ใชอ้ ปุ กรณแ์ ละเชื่อมตอ่ ระบบเครือข่ายเบ้ืองตน้ ในการปฏบิ ตั งิ าน
3.ประยุกต์ใชง้ านเครอื ข่ายในการปฏิบตั ิงานขององค์กร
เนื้อหาสาระ
1 โปรแกรมประยกุ ตท์ ใี่ ชง้ านในเครือขา่ ยคอมพิวเตอร์
2 การใช้งานโปรแกรมประเภทเว็บบราวเซอร์
กิจกรรมการเรียนรู้
ข้ันนาเข้าสู่บทเรียน
1.ครูและผูเ้ รยี นสนทนาเกีย่ วกบั โปรแกรมประยกุ ต์ หรือเรียกวา่ Applications คือ ซอฟตแ์ วรป์ ระยุกต์
เป็นโปรแกรมท่พี ฒั นาขน้ึ เพ่ือใหค้ อมพิวเตอรท์ างานดา้ นต่างๆ ตามความต้องการของผ้ใู ช้ ซึง่ ถ้าโปรแกรมพัฒนา
82
ขึน้ เพอ่ื ความต้องการเฉพาะขององคก์ ารใดองคก์ ารหน่ึงจะเรียกซอฟตแ์ วรป์ ระเภทน้ีว่าซอฟตแ์ วรเ์ ฉพาะงาน (Custom Program
หรือ Tailor-made Software) ซ่งึ ข้อดคี อื โปรแกรมสามารถใช้งานได้อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพตามความประสงคข์ องหน่วยงาน แต่ขอ้ เสีย
คือซอฟต์แวร์น้ีจะใชเ้ วลาในการพฒั นานาน และคา่ ใชจ้ า่ ยคอ่ นข้างสงู
2.ครูอภิปรายต่อไปว่า ด้วยเหตุผลดังกล่าว จึงได้มีการพัฒนาโปรแกรมที่ใช้สาหรับงานท่ัวไปเรียกว่า General-Purpose
Software หรือเรยี กวา่ โปรแกรมสาเร็จรูป (Package Software) เป็นซอฟตแ์ วรเ์ ชงิ พาณิชย์
(Commercial Software) ท่ีผ้ใู ช้สามารถซือ้ ไปประยุกต์ใช้งานไดท้ นั ที
ขนั้ สอน
3.ครูใชเ้ ทคนิคการจดั การเรียนรแู้ บบบรรยาย (Lecture Method) คอื กระบวนการเรียนรูท้ ผ่ี ู้สอนเปน็ ผู้
ถ่ายทอดความร้ใู หแ้ กผ่ เู้ รียนโดยการอธบิ ายเนอ้ื หาเรอื่ งโปรแกรมประยกุ ต์ที่ใช้งานในเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ ท่ผี สู้ อนไดเ้ ตรยี มการ
ศึกษาค้นควา้ มาเปน็ อยา่ งดี ผูเ้ รียนเปน็ ฝ่ายรบั ฟงั และมกี ารจดบันทึกสาระสาคญั ในขณะที่ฟังบรรยายหรอื อาจมโี อกาสซกั ถามแสดง
ความคิดเหน็ ไดถ้ ้าผสู้ อนเปิดโอกาส โดยใชส้ ่ือ Power Point ใหผ้ ู้เรยี นดู
4..ครูใช้เทคนคิ การจัดการเรียนรแู้ บบอภิปราย (Discussion Method) คอื กระบวนการทผี่ ู้สอนมงุ่ ให้
ผเู้ รยี นมโี อกาสสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเหน็ หรอื ระดมความคดิ ในเร่ืองโปรแกรมประยกุ ต์ท่ใี ช้งานในเครือขายคอมพวิ เตอร์ ซง่ึ เป็น
เร่อื งที่เกย่ี วขอ้ งกบั บทเรยี นมีความสนใจร่วมกัน โดยมจี ุดมุ่งหมายเพอ่ื หาคาตอบ แนวทางหรือแกป้ ญั หาร่วมกัน การจดั การเรยี นรู้
แบบน้ีมงุ่ เน้นใหผ้ ้เู รียนมสี ่วนร่วมในการเรยี นรู้ คือ ร่วมคดิ รว่ มวางแผน รว่ มตดั สนิ ใจ ร่วมปฏิบตั งิ านและชื่นชมผลงานรว่ มกนั โดย
โปรแกรมประยุกต์ทใ่ี ช้งานในเครอื ขายคอมพิวเตอรม์ อี ยหู่ ลายโปรแกรม ดังน้ี
4.1 เว็บบราวเซอร์ (Web Browser)
4.2 โปรแกรมทใ่ี ชใ้ นการรบั –สง่ จดหมายทางอนิ เทอรเ์ นต็ (E-Mail)
4.3 โปรแกรมทใ่ี ชใ้ นการพูดคยุ หรือ Chat
4.4 โปรแกรมสร้างหน้าเว็บไซตส์ าเร็จรปู
4.5 โปรแกรมอน่ื ๆ
83
5.ครูใช้เทคนิคการจดั การเรยี นรแู้ บบสาธิต (Demonstration Method) คอื กระบวนการทีผ่ สู้ อน หรือบคุ คล
ใดบคุ คลหน่ึงใชใ้ นการชว่ ยใหผ้ ูเ้ รียนไดเ้ กดิ การเรียนรตู้ ามวตั ถุประสงค์ โดยการแสดงหรอื กระทาใหด้ ูเป็นตัวอย่างพร้อม ๆ กับการ
บอก อธิบาย ใหผ้ ูเ้ รียนไดเ้ รียนรู้ ผู้เรียนจะเกิดการเรียนรจู้ ากการสงั เกต กระบวนการขน้ั ตอนการสาธติ น้ัน ๆ แลว้ ให้ผเู้ รียนซักถาม
อภิปราย และสรปุ การเรยี นรูท้ ไ่ี ดจ้ ากการสาธติ การจดั การเรียนรแู้ บบนี้จึงเหมาะสมสาหรบั การสอนทีต่ อ้ งการให้ผู้เรียนเห็นขัน้ ตอน
ของการปฏิบัติ
6 ครสู าธติ การใช้งานโปรแกรมประเภทเว็บบราวเซอร์ โดย Browser คือ โปรแกรมระบบงานทใี่ ชเ้ พือ่
คน้ หาทรัพยากรตา่ งๆ ใน Internet โดย Browser นนั้ จะให้ผู้ใชเ้ ดนิ ทางจากจดุ หนึง่ ไปยังอกี จุดหน่ึง โดยไมสนใจรายละเอียดทาง
เทคนคิ ของการเชื่อมต่อระหวา่ งจดุ หรือวิธกี ารเฉพาะที่จะเข้าไปใช้จุดเหลา่ น้นั และนาเสนอข้อมลู ท่เี ปน็ ข้อความ (Tex) ภาพ
(Graphics) เสียง (Sound) หรือภาพเคล่อื นไหว (Animation) ในเอกสารบนจอภาพ
7.ครูครูใชเ้ ทคนคิ การจดั การเรยี นรแู้ บบสาธติ (Demonstration Method) การใชง้ านโปรแกรม Google Chrome และให้
ผเู้ รยี นปฏบิ ัตติ ามเพ่อื ฝกึ ทักษะความชานาญ เพ่ือปฏิบตั ิไดจ้ รงิ
ส่วนประกอบของโปรแกรม Google Chrome
8.ครใู ช้เทคนิคการจัดการเรียนรู้แบบสาธิต (Demonstration Method) การใชง้ านโปรแกรม Internet
Explorer โดยใช้รปู ภาพ และใหผ้ เู้ รียนปฏบิ ัติตามเพ่อื ฝกึ ทักษะความชานาญเพอ่ื ปฏิบตั ไิ ดจ้ รงิ
84
9.ผเู้ รยี นสารวจคอมพิวเตอร์ในสถานศกึ ษาว่ามโี ปรแกรมประยุกตช์ นิดใดบา้ งท่ใี ช้ในเครอื ข่ายของสถานศกึ ษา
10.ผู้เรยี นแบ่งกลุ่มเพื่อจัดทาคมู่ อื การใช้งานโปรแกรม Web Browser ชนดิ อน่ื ๆ กลมุ่ ละ 1 โปรแกรม
11..ครูแนะนาใหผ้ ู้เรยี นรจู้ กั การนาเอาความพอเพยี งไปใชใ้ หเ้ กดิ ประโยชน์ ซึง่ เปน็ ความพอประมาณ ความมีเหตุผล รวมถงึ
ความจาเปน็ ทตี่ อ้ งมรี ะบบภูมิคุ้มกนั ในตัวที่ดพี อสมควรตอ่ ผลกระทบใดๆ อันเกิดจากการเปลยี่ นแปลงท้งั ภายนอกและภายใน การ
ตดั สนิ ใจและการดาเนนิ กิจกรรมตา่ งๆให้อยู่ในระดบั พอเพยี งนัน้ ตอ้ งอาศัยท้งั ความรแู้ ละคณุ ธรรมเปน็ พน้ื ฐาน
12.ครแู นะนาใหผ้ ู้เรียนร้จู กั ชว่ ยเหลือสงั คมสว่ นรวม รจู้ ักประหยัดพลงั งาน เชน่ เปิดปดิ ไฟฟ้าในเวลาท่ีเหมาะสม
ขนั้ สรปุ และการประยุกต์
13.ครสู รุปบทเรียน โดยใช้ VDO และ PowerPoint และอภปิ รายซักถามขอ้ สงสัย และให้ผู้เรียนฝึก
ปฏิบตั ิในบางเรอื่ ง
14.ทากิจกรรมต่อเน่ือง ตอบคาถามจากบทความในกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ และทาประสบการณ์การเรียนรู้ ซ่ึง
ครผู ้สู อนพจิ ารณาตามความเหมาะสม
15.ผู้เรยี นทาแบบประเมินผลการเรยี นรู้ และแบบฝึกปฏิบตั ิ
16.ประเมนิ ผเู้ รยี นตามแบบฟอรม์ ต่อไปนี้
ชอ่ื ผเู้ รยี น ธรรมชาตขิ องผเู้ รยี น วธิ กี ารเรียนรู้
ความสนใจ สติปญั ญา วุฒภิ าวะ
1.
2.
3.
4.
5.
แบบประเมนิ ประสบการณ์พืน้ ฐานการเรยี นรู้
ช่ือผเู้ รียน ประสบการณพ์ น้ื ฐานการเรยี นรู้ วธิ กี ารเรยี นรู้
ความรู้ ทักษะ ผลงาน
1.
2.
3.
4.
5.
85
สอ่ื และแหล่งการเรยี นรู้
1.หนังสอื เรียน วชิ าเครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์เบ้ืองตน้ ของสานกั พิมพเ์ อมพันธ์
2.รปู ภาพ
3.กจิ กรรมการเรยี นการสอน
4.แผ่นใส
5.สอื่ อเิ ล็กทรอนิกส์ สื่อ CD และสื่อ PowerPoint
6.แบบประเมนิ ผลการเรียนรู้
หลกั ฐาน
1.บนั ทกึ การสอน
2.ใบเชค็ รายช่อื
3.แผนจัดการเรียนรู้
4.การตรวจประเมนิ ผลงาน
การวดั ผลและการประเมินผล
วิธวี ัดผล
1. สงั เกตพฤติกรรมรายบุคคล
2. ประเมินพฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลุ่ม
3. สงั เกตพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่
4 ตรวจกิจกรรมส่งเสรมิ คณุ ธรรมนาความรู้
5. แบบประเมินกิจกรรมส่งเสรมิ คณุ ธรรมนาความรู้ และแบบประเมนิ ค่านยิ ม 12 ประการ
6. ตรวจใบงาน
7. ตรวจแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ และแบบฝกึ ปฏบิ ัติ
8. การสงั เกตและประเมนิ พฤตกิ รรมด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
เครื่องมือวดั ผล
1. แบบสงั เกตพฤติกรรมรายบคุ คล
2. แบบประเมนิ พฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลุม่ (โดยคร)ู
3. แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลุม่ (โดยผเู้ รยี น)
4. แบบประเมนิ กจิ กรรมส่งเสรมิ คณุ ธรรมนาความรู้
5. แบบประเมนิ กิจกรรมส่งเสรมิ คณุ ธรรมนาความรู้ และแบบประเมนิ ค่านิยม 12 ประการ
6. แบบประเมนิ กิจกรรมใบงาน
7. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ และแบบฝึกปฏบิ ตั ิ
8. แบบประเมินคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ โดยครแู ละผเู้ รยี นร่วมกนั ประเมนิ
เกณฑ์การประเมินผล
1. เกณฑผ์ า่ นการสังเกตพฤตกิ รรมรายบุคคล ตอ้ งไม่มีชอ่ งปรบั ปรงุ
2. เกณฑผ์ ่านการประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ คือ ปานกลาง (50 % ขึ้นไป)
3. เกณฑผ์ ่านการสงั เกตพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50% ขึ้นไป)
4. ตอบคาถามในกจิ กรรมสง่ เสรมิ คณุ ธรรมนาความรู้จงึ จะถือวา่ ผ่าน
เกณฑก์ ารประเมิน มเี กณฑ์ 4 ระดับ คอื 4= ดีมาก, 3 = ดี, 2 = พอใช้ , 1= ควรปรับปรุง
5. แบบประเมนิ กจิ กรรมส่งเสรมิ คณุ ธรรมนาความรู้ และแบบประเมินค่านิยม 12 ประการ
ตอ้ งไมม่ ีช่องปรับปรงุ
6. กจิ กรรมใบงาน เกณฑผ์ า่ น คอื 50%
7. 86
ค
สภาพจรงิ แบบประเมนิ ผลการเรยี น และแบบฝึกปฏบิ ตั ริ มู้ เี กณฑผ์ า่ น 50%
แบบประเมนิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ คะแนนข้ึนอยู่กบั การประเมนิ ตาม
กจิ กรรมเสนอแนะ
1.ทากจิ กรรมใบงาน และแบบฝกึ ปฏบิ ตั ิ
2.อา่ นและทบทวนเนอ้ื หา
บันทกึ หลังการสอน
ขอ้ สรุปหลงั การสอน
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
ปัญหาทพี่ บ
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
แนวทางแกป้ ญั หา
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
87
แผนการจดั การเรยี นรแู้ บบบูรณาการที่ 16 หนว่ ยท่ี 7
รหัส 20204-2005 เครือขา่ ยคอมพิวเตอร์เบือ้ งตน้ (2-2-3) สอนครั้งที่ 16
ชอ่ื หน่วย/เรือ่ ง การใช้โปรแกรมประยุกต์ (46-48)
จานวน 4 ช.ม.
สาระสาคญั
การทีจ่ ะให้คอมพิวเตอรท์ างานไดด้ ีและมปี ระสทิ ธภิ าพ นอกจากโปรแกรมระบบปฏบิ ตั กิ ารทีใ่ ช้ในเครอื ขา่ ยแล้ว ยงั ต้องมโี ปรแกรม
ประยกุ ต์ หรือ Application ทีช่ ว่ ยในการทางาน โดยโปรแกรมประยกุ ต์ท่ีใช้งานในเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอร์มมี ากมายหลายรูปแบบ ท่ี
ช่วยใหก้ ารทางานในชวี ติ ประจาวนั มคี วามสะดวก รวดเรว็ และตรงกบั งานทีเ่ ปน็ งานเฉพาะมากขึ้น
ในปจั จุบนั โปรแกรมเมอร์ไดม้ กี ารพัฒนาโปรแกรมประยุกต์ที่ใช้ในเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอร์ มกี ารพัฒนาและสรา้ งสรรคโ์ ปรแกรม
ใหมๆ่ เกดิ ขนึ้ อย่างมากมาย ในหนว่ ยเรยี นน้ีจะเป็นโปรแกรมประยุกต์พ้ืนท่ตี ้องใช้ในเครอื ข่ายคอมพิวเตอร์ ทเ่ี ชอ่ื มโยงกับเครือขา่ ย
ขนาดเล็ก หรือ ในเครือข่ายอย่างอินเตอร์เนต็ เพ่อื ใหผ้ ้เู รียนไดม้ คี วามรู้ และความเขา้ ใจในโปรแกรมประยกุ ต์ที่ใช้งานในระบบ
เครอื ข่ายมากขึ้นตอ่ ไป
จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
3 ประยกุ ตใ์ ชง้ านโปรแกรมทีใ่ ช้ในการส่งจดหมายอเิ ลก็ ทรอนิกสไ์ ด้
4 ประยุกต์ใช้งานโปรแกรมทใี่ ชใ้ นการสอ่ื สารในเครือข่ายคอมพวิ เตอรไ์ ด้
5.มกี ารพัฒนาคณุ ธรรม จริยธรรม คา่ นยิ ม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงคข์ องผสู้ าเร็จการศกึ ษา สานกั งานคณะกรรมการ
การอาชีวศึกษา ท่คี รูสามารถสงั เกตไดข้ ณะทาการสอนในเร่อื ง
5.1 ความมมี นษุ ยสมั พันธ์
5.2 ความมีวนิ ัย
5.3 ความรับผดิ ชอบ
5.4 ความซื่อสัตยส์ จุ ริต
5.5 ความเช่อื มัน่ ในตนเอง
5.6 การประหยัด
5.7 ความสนใจใฝร่ ู้
5.8 การละเวน้ ส่งิ เสพติดและการพนัน
5.9 ความรกั สามัคคี
5.10 ความกตัญญูกตเวที
สมรรถนะรายวิชา
1.แสดงความรเู้ กยี่ วกับหลักการทางาน และกระบวนการของระบบเครือขา่ ย
2.ใชอ้ ุปกรณ์และเชอื่ มตอ่ ระบบเครือข่ายเบื้องต้นในการปฏบิ ัติงาน
3.ประยกุ ตใ์ ชง้ านเครอื ข่ายในการปฏิบัตงิ านขององค์กร
เนอื้ หาสาระ
3 การใช้งานโปรแกรมทีใ่ ช้ในการสง่ จดหมายอเิ ล็กทรอนกิ ส์ (E-mail)
4 การใชง้ านโปรแกรมทใี่ ช้ในการส่อื สารในเครอื ขา่ ยคอมพิวเตอร์
88
กิจกรรมการเรยี นรู้
ขนั้ นาเขา้ สู่บทเรียน
1.ครูและผเู้ รยี นสนทนากันวา่ ก่อนทีจ่ ะใชง้ านโปรแกรม Outlook นัน้ ผ้ใู ช้จะตอ้ งสมัครการใช้งาน
อเี มลก์ บั ผูใ้ ห้บริการอเี มล์ฟรีก่อน เชน่ Hotmail, Gmail, yahoo หรอื อืน่ ๆ ซง่ึ มีอยมู่ ากมายใหใ้ ช้งานไดแ้ บบฟรี โดยเพียงแตไ่ ป
ลงทะเบียน กรอกประวตั ติ า่ งๆ และรับ Username และ Password เพอ่ื มาใช้งานตอ่ ไป
2.เปิดโอกาสใหผ้ เู้ รียนสอบถาม หรือแลกเปลย่ี นความคดิ เหน็ รวมทง้ั ปัญหาต่าง ๆ เก่ยี วกบั การใชง้ านโปรแกรมที่ใช้ในการ
สง่ จดหมายอิเลก็ ทรอนิกส์ (E-mail) และการใชง้ านโปรแกรมทใ่ี ชใ้ นการส่ือสารในเครือขา่ ยคอมพิวเตอร์
ขน้ั สอน
3.ครูใชเ้ ทคนิคการเรยี นแบบวธิ ีสาธติ การใชง้ านโปรแกรม Outlook เปน็ บรกิ ารอเี มลฟ์ รีส่วนบคุ คลแบบใชเ้ วบ็ ที่ใช้งา่ ย โดยมี
คุณลักษณะดีมากเหมือน Outlook Express พรอ้ มกับคุณลักษณะใหมอ่ กี หลายอยา่ ง โดยสามารถเกบ็ ทอ่ี ยู่อีเมล์ปัจจบุ ันของผใู้ ช้ สง่
รูปถ่ายและแฟม้ ในอเี มล์ และทากลอ่ งขาเขา้ ของจดหมายใหเ้ ปน็
ระเบียบ อีกทงั้ ยงั สามารถเขา้ ถึงอีเมลข์ องผู้ใชไ้ ดจ้ ากพีซี และใหผ้ ู้เรยี นปฏิบัติตาม โดย
4.ครแู ละผูเ้ รยี นสาธติ การใช้งานโปรแกรม Outlook
4.1 เปิดโปรแกรม Start > All Program > Outlook
4.2 หน้าต่างและส่วนประกอบตา่ งๆ ของโปรแกรม Outlook
4.3 เมอ่ื ตอ้ งการจะสรา้ งจดหมายใหม่ ใหค้ ลิกท่แี ทบ็ เครือ่ งมอื new จะปรากฏหนา้ ตา่ งในการส่ง E-mail ดงั นี้
5.ครแู ละผู้เรยี นสาธติ การใช้งานโปรแกรมที่ใชใ้ นการส่อื สารในเครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์ โดยยโปรแกรมดา้ นติดต่อสื่อสาร
(Communication Software) เปน็ โปรแกรมท่ีใช้ในการตดิ ตอ่ สอ่ื สารกบั ผอู้ ่นื ไดส้ ะดวกรวดเร็ว และชว่ ยประหยดั เวลาและค่าใช้จ่าย
ได้ด้วยการสือ่ สาร การสนทนาผ่านเครือข่าย หรอื Chat เปน็ การตดิ ตอ่ สอื่ สารแบบ 2 ทาง คือ สามารถสอ่ื สารโต้ตอบกันไดท้ นั ที
เหมอื นการใชโ้ ทรศพั ท์ สามารถทาได้ทง้ั แบบตวั อักษร (Text) และสอื่ สารโดยใชเ้ สยี ง (Voice) โปรแกรมทีน่ ิยมใช้ คือ MSN
89
Messenger, Google Talk, Skype, Twitter และในปัจจบุ ันน้โี ปรแกรมทใ่ี ช้ในการสือ่ สารทางเครอื ขา่ ย สามารถใช้บน
โทรศพั ท์มอื ถอื ในปัจจุบันไดแ้ ล้ว โปรแกรมทีใ่ ชใ้ นการสือ่ สารผา่ นโทรศพั ทม์ อื ถอื ไดแ้ ก่ Wechat, Line, Tango, Google Talk,
Facebook Messenger เปน็ ต้น ในการติดต่อส่ือสารในปัจจุบนั มคี วามสะดวก และงา่ ยมากขนไึ้ ม่วา่ จะอยู่ทไี่ หนของโลกก็สามารถ
ตดิ ต่อกันได้
6.ครอู ธิบาย และสาธติ การใชง้ านโปรแกรมสอื่ สารบนเครือข่าย MSN Messenger ดังน้ี
6.1 เม่อื ต้องการทจ่ี ะเรม่ิ ใช้งานโปรแกรม MSN Messenger ให้เปดิ โปรแกรมขน้ึ มาแล้ว ทาการใส่
Username และ Password แล้วคลกิ ที่ Login เพ่อื เขา้ สู่การใชง้ าน
6.2 จะปรากฏหนา้ จอ Contact List ของเพอื่ นที่ผใู้ ช้มอี เี มลอ์ ย่ดู ้วยและแสดงสถานะของเพอื่ นดงั น้ี
6.3 สถานะของเพ่อื นมีหลายลกั ษณะดงั นี้