The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ธนภัทร แก้วมะ, 2022-10-20 10:45:13

แผนการจัดการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 การเรียนรู้แบบนักวิทยาศาสตร์

ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4

แผนการจัดการเรยี นรู้
วิชาวิทยาศาสตร์พ้ืนฐาน
ว14101

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1
การเรยี นรแู้ บบนกั วิทยาศาสตร์

ระดบั ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 4
โรงเรยี นหนองสาโรงวิทยา

สานักงานเขตพ้ืนทก่ี ารศึกษาประถมศึกษาเขต 1

นายธนภัทร แก้วมะ
61100147122

แผนการจดั การเรียนรู้
วิชาวิทยาศาสตรพ์ น้ื ฐาน ว14101
กลุ่มสาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 1 การเรียนร้แู บบนกั วิทยาศาสตร์
ระดบั ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 4 โรงเรียนหนองสาโรงวทิ ยา

นายธนภัทร แก้วมะ
รหสั ประจาตัวนกั ศึกษา 61100147122

สาขาวิชาวทิ ยาศาสตร์(ชวี วทิ ยา)

การฝกึ ปฏิบตั กิ ารสอนในสถานศกึ ษา 1
รหัสวชิ า ED18501 (INTERNSHIP IN SCHOOL 1)

คณะครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั อดุ รธานี
ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2565



คานา

แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์พนื้ ฐาน รหสั วิชา ว14101 ช้ันประถมศึกษาท่ี 4
เล่ม 1 น้ี จัดทาขึน้ เพอื่ ใชเ้ ป็นแนวทางในการจัดการเรียนการสอนให้มีประสิทธภิ าพ และให้นักเรียน
บรรลุตามมาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ช้ีวัด ทก่ี าหนดไวใ้ นหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พื้นฐาน พุธ
ศกั ราช 2551 (ฉบบั ปรบั ปรงุ พุธศักราช 2560) ผจู้ ดั ทาจึงไดศ้ ึกษาสาระการเรียนรู้ เทคนิค วธิ กี าร
สอน การวดั และประเมินผล มาทาแผนการจดั การเรียนร้ใู นครั้งนี้

แผนการจดั การเรียนร้ใู นเลม่ ท่ี 1 น้ี ประกอบไปดว้ ย เปา้ หมายของการจัดการเรยี นการสอน
วิทยาศาสตร์ ทาไมตอ้ งเรยี นวิทยาศาสตร์ เรียนรูอ้ ะไรในวทิ ยาศาสตร์ สาระและมาตรฐานการเรยี นรู้
คณุ ภาพผ้เู รียนจบช้นั ประถมศึกษาปีที่ 6 สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ของ
ผู้เรียน ตวั ชวี้ ัดและสาระการเรยี นรู้แกนกลาง คาอธิบายรายวชิ า โครงสร้างรายวิชา กาหนดการสอน
และแผนการจัดการเรียนรหู้ น่วยที่ 1 การเรียนรู้แบบนักวทิ ยาศาสตร์

แผนการจัดการเรยี นรู้หน่วยที่ 1 การเรียนร้แู บบนกั วทิ ยาศาสตร์ เพอื่ ให้นักเรยี นมีพฒั นาการ
และศักยภาพการเรยี นรู้ได้บรรลเุ ป้าหมายตามมาตรฐานการเรียนรแู้ ละตัวชี้วดั ไดอ้ ย่างครบถว้ น หวงั
เป็นอยา่ งยงิ่ ว่า แผนการจัดการเรยี นรฉู้ บับนี้ จะสามารถนาไปใช้ประกอบการจดั การเรียนการสอนใน
รายวิชาวิทยาศาสตร์พ้ืนฐาน นาไปสู่การพฒั นาท่ีถกู ต้องและเกดิ ผลต่อผู้เรียนเป็นอย่างดี

ธนภัทร แก้วมะ
20 ตุลาคม 2565



สารบญั หนา้

คานา ข
สารบญั
หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐาน พ.ศ. 2551 (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. 2560) ค
กลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ค

เป้าหมายของการจัดการเรียนการสอนวทิ ยาศาสตร์ ง
ทาไมต้องเรยี นวิทยาศาสตร์ จ
เรียนรู้อะไรในวิทยาศาสตร์ ฉ
สาระและมาตรฐานการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ช
คุณภาพของผเู้ รียนวทิ ยาศาสตร์ เมือ่ จบชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 6 ซ
สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน ฌ
คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงคข์ องผเู้ รียน ธ
ตัวช้ีวัดและสาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 4 บ
คาอธบิ ายรายวชิ าพ้ืนฐาน ฝ
ตารางโครงสร้างรายวิชาวิทยาศาสตร์ 1
กาหนดการสอน 1
แผนการจัดการเรยี นรหู้ นว่ ยที่ 1 การเรียนรู้ส่ิงตา่ ง ๆ รอบตัว 14
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 1 การสืบเสาะหาความรูท้ างวิทยาศาสตร์ 24
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 2 ถั่วเตน้ ระบาไดอ้ ย่างไร 38
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 3 การวัดทาไดอ้ ย่างไร 47
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4 การใชจ้ านวนทาได้อย่างไร
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 5 การทดลองของนักวทิ ยาศาสตร์



หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พ้นื ฐาน พ.ศ. 2551 (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. 2560)
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

เป้าหมายของการจัดการเรยี นการสอนวิทยาศาสตร์
วิทยาศาสตร์เป็นเร่ืองของการเรียนรู้เก่ียวกับธรรมชาติ โดยเฉพาะมนุษย์ใช้กระบวนการ

สังเกต สารวจตรวจสอบ และการทดลองเก่ียวกับปรากฏการณ์ธรรมชาติและนาผลมาจัดระบบ
หลักการ แนวคิดและทฤษฎี ดังนั้นการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์จึงมุ่งเน้นให้ผู้เรียนได้เป็นผู้เรียนรู้
และค้นพบด้วยตนเองมากท่ีสุด น่ันคือให้ได้ท้ังกระบวนการและองค์ความรู้ ต้ังแต่วัยเริ่มแรกก่อนเข้า
เรียน เมื่ออยู่ในสถานศึกษาและเมื่อออกจากสถานศึกษาไปประกอบอาชีพแล้ว การจัดการเรียนการ
สอนวทิ ยาศาสตรใ์ นสถานศกึ ษามีเป้าหมายสาคญั ดงั นี้

1. เพื่อใหเ้ ขา้ ใจหลักการ ทฤษฎีทเี่ ปน็ พ้นื ฐานในวทิ ยาศาสตร์
2. เพ่ือให้เข้าใจ ธรรมชาติ และข้อจากดั ของวทิ ยาศาสตร์
3. เพื่อใหม้ ที กั ษะทส่ี าคญั ในการศึกษาคน้ ควา้ และคดิ คน้ ทางวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
4. เพอ่ื พฒั นากระบวนการคิดและจนิ ตนาการ ความสามารถในการแก้ปญั หาและการ จัดการ
ทักษะในการส่ือสาร และสามารถในการตดั สินใจ
5. เพ่ือให้ตระหนักถึงความสัมพันธ์ระหว่างวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี มว ลมนุษย์และ
สภาพแวดลอ้ มในเชิงที่มีอิทธิพลและผลกระทบซง่ึ กนั และกัน
6. เพ่ือนาความรู้ความเข้าใจในเรื่องวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อ
สังคมและการดารงชวี ติ
7. เพ่ือให้เป็นคนมีจิตวิทยาศาสตร์ มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมในการใช้วิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยอี ย่างสรา้ งสรรค์

ทาไมตอ้ งเรียนวิทยาศาสตร์
วทิ ยาศาสตร์มบี ทบาทสาคญั ยิ่งในสงั คมโลกปจั จุบนั และอนาคต เพราะวทิ ยาศาสตรเ์ กย่ี วข้อง

กับทุกคนท้งั ในชีวติ ประจาวันและการงานอาชีพต่าง ๆ ตลอดจน เทคโนโลยี เครอื่ งมือเครอ่ื งใชแ้ ละ
ผลผลติ ตา่ ง ๆ ทม่ี นษุ ย์ได้ใชเ้ พอื่ อานวยความสะดวก ในชีวิตและการทางาน เหลา่ นี้ลว้ นเป็นผลของ
ความรู้วทิ ยาศาสตร์ ผสมผสานกบั ความคิด สร้างสรรคแ์ ละศาสตรอ์ น่ื ๆ วิทยาศาสตร์ชว่ ยใหม้ นษุ ยไ์ ด้
พัฒนาวธิ ีคิด ท้ังความคิดเป็นเหตุเป็นผล คิดสร้างสรรค์ คดิ วเิ คราะห์ วิจารณ์ มที ักษะสาคญั ในการ
คน้ ควา้ หาความรู้ มีความสามารถในการแกป้ ญั หาอยา่ งเปน็ ระบบ สามารถตัดสินใจโดยใช้ข้อมลู ท่ี
หลากหลาย และมีประจกั ษ์พยานทต่ี รวจสอบได้ วทิ ยาศาสตรเ์ ป็นวฒั นธรรมของโลกสมยั ใหม่ซ่ึงเปน็
สงั คม แห่งการเรยี นรู้ (knowledge-based society) ดงั นัน้ ทุกคนจงึ จาเปน็ ต้องไดร้ ับการพัฒนาให้รู้
วทิ ยาศาสตร์ เพ่ือทีจ่ ะมีความร้คู วามเขา้ ใจในธรรมชาติและเทคโนโลยีทีม่ นษุ ย์สร้างสรรค์ขนึ้ สามารถ
นาความรไู้ ปใช้อย่างมีเหตผุ ล สร้างสรรค์ และมีคุณธรรม



เรียนรอู้ ะไรในวิทยาศาสตร์
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์มุ่งหวังให้ผู้เรียนได้เรียนรู้วิทยาศาสตร์ ท่ีเน้นการเชื่อมโยง

ความรู้กับกระบวนการ มีทักษะสาคัญในการค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ โดยใช้กระบวนการในการ
สืบเสาะหาความรู้ และการแก้ปัญหาที่หลากหลาย ให้ผู้เรียนมีส่วนร่วม ในการเรียนรู้ทุกข้ันตอน มี
การทากิจกรรมด้วยการลงมือปฏิบัติจริงอย่างหลากหลาย เหมาะสมกับระดับชั้น โดยได้กาหนด
สาระสาคญั ไว้ดังน้ี

วิทยาศาสตร์ชีวภาพ เรียนรู้เกี่ยวกับ ชีวิตในส่ิงแวดล้อม องค์ประกอบของส่ิงมีชีวิตการ
ดารงชีวิตของมนุษย์และสัตว์การดารงชีวิตของพืช พันธุกรรม ความหลากหลายทางชีวภาพและ
วิวฒั นาการของส่ิงมีชีวติ

วิทยาศาสตร์กายภาพ เรียนรู้เกี่ยวกับ ธรรมชาติของสาร การเปล่ียนแปลงของสารการ
เคล่อื นที่ พลังงาน และคลนื่

วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ เรียนรู้เกี่ยวกับ องค์ประกอบของเอกภพ ปฏิสัมพันธ์ภายใน
ระบบสุริยะ เทคโนโลยีอวกาศ ระบบโลก การเปล่ียนแปลงทางธรณีวิทยา กระบวนการเปลี่ยนแปลง
ลมฟา้ อากาศ และผลต่อส่ิงมชี ีวิตและสง่ิ แวดล้อม

เทคโนโลยี
● การออกแบบและเทคโนโลยีเรียนรู้เกี่ยวกับ เทคโนโลยีเพื่อการดารงชวี ิตในสังคม

ที่มีการเปล่ียนแปลงอย่างรวดเร็ว ใช้ความรู้และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์คณิตศาสตร์และศาสตร์
อนื่ ๆ เพ่ือแก้ปญั หาหรือพฒั นางานอยา่ งมคี วามคิดสร้างสรรคด์ ้วยกระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม
เลือกใชเ้ ทคโนโลยีอยา่ งเหมาะสมโดยคานงึ ถึงผลกระทบต่อชีวิต สงั คม และสงิ่ แวดล้อม

● วิทยาการคานวณ เรียนรู้เกี่ยวกับ การคิดเชิงคานวณ การคิดวิเคราะห์แก้ปัญหา
เป็นข้ันตอนและเป็นระบบ ประยุกต์ใช้ความรู้ด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ
และการส่ือสาร ในการแกป้ ญั หาที่พบในชวี ติ จริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ



สาระและมาตรฐานการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์

สาระที่ 1 วทิ ยาศาสตรช์ วี ภาพ
มาตรฐาน ว 1.1 เข้าใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งไม่มีชีวิตกับ

ส่ิงมีชีวิต และความสัมพนั ธ์ระหว่างสิ่งมีชวี ิตกับส่ิงมีชีวิตต่าง ๆ ในระบบนิเวศ การ
ถ่ายทอดพลังงาน การเปลี่ยนแปลงแทนที่ในระบบนิเวศ ความหมายของ
ประชากร ปัญหาและผลกระทบที่มีต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
แนวทางในการอนุรักษ์ทรพั ยากรธรรมชาติและการแก้ไขปญั หาสิ่งแวดลอ้ ม รวมทั้ง
นาความรูไ้ ปใช้ประโยชน์
มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิต หน่วยพ้ืนฐานของสิ่งมีชีวิต การลาเลียงสารเข้าและออก
จากเซลล์ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าท่ีของระบบต่าง ๆ ของสัตว์และ
มนุษย์ท่ีทางานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ ของอวัยวะ
ต่างๆ ของพืชทท่ี างานสัมพันธ์กนั รวมทั้งนาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์
มาตรฐาน ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความสาคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม สาร
พันธุกรรม การเปล่ียนแปลงทางพันธุกรรมที่มีผลต่อส่ิงมีชีวิต ความหลากหลาย
ทางชวี ภาพและวิวฒั นาการของสง่ิ มชี วี ติ รวมท้งั นาความรไู้ ปใช้ประโยชน์
สาระท่ี 2 วทิ ยาศาสตร์กายภาพ
มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของ
สสารกับโครงสร้างและแรงยึดเหน่ียวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการ
เปลยี่ นแปลงสถานะของสสาร การเกดิ สารละลาย และการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี
มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจาวัน ผลของแรงที่กระทาต่อวัตถุ ลักษณะการ
เคล่อื นที่แบบตา่ ง ๆ ของวตั ถรุ วมทั้งนาความรูไ้ ปใช้ประโยชน์
มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปล่ียนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน
ปฏิสัมพันธ์ระหว่างสสารและพลังงาน พลังงานในชีวิตประจาวัน ธรรมชาติของ
คลื่น ปรากฏการณ์ท่ีเก่ียวข้องกับเสียง แสง และคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า รวมทั้งนา
ความร้ไู ปใช้ประโยชน์
สาระท่ี 3 วิทยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ
มาตรฐาน ว 3.1 เข้าใจองคป์ ระกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และวิวัฒนาการของเอกภพ กาแลก็ ซี
ดาวฤกษแ์ ละระบบสรุ ิยะ รวมทั้งปฏิสัมพันธ์ภายในระบบสุริยะ ทีส่ ่งผลต่อสิง่ มีชวี ิต
และการประยกุ ตใ์ ช้เทคโนโลยีอวกาศ
มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจองค์ประกอบและความสัมพันธ์ของระบบโลก กระบวนการเปลี่ยนแปลง
ภายในโลก และบนผิวโลก ธรณีพิบัติภัย กระบวนการเปลี่ยนแปลงลมฟ้า อากาศ
และภมู อิ ากาศโลก รวมทง้ั ผลตอ่ ส่งิ มีชวี ิตและสิง่ แวดล้อม



สาระท่ี 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.1 เข้าใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยีเพ่ือการดารงชีวิตในสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลง

อย่างรวดเร็ว ใช้ความรู้และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์คณิตศาสตร์และ ศาสตร์
อ่ืน ๆ เพื่อแก้ปัญหาหรือพัฒนางานอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ ด้วยกระบวนการ
ออกแบบเชิงวิศวกรรม เลือกใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสม โดยคานึงถึงผลกระทบ
ตอ่ ชวี ติ สงั คม และสิ่งแวดล้อม
มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคานวณในการแก้ปัญหาท่ีพบในชีวิตจริงอย่างเป็น ขั้นตอน
และเป็นระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารในการเรียนรู้ การทางาน
และการแกป้ ัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ รู้เทา่ ทนั และมีจริยธรรม

คุณภาพของผู้เรียนวิทยาศาสตร์ เมอ่ื จบชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ 6
1. เข้าใจโครงสร้าง ลักษณะเฉพาะและการปรับตัวของส่ิงมีชีวิต รวมท้ังความสัมพันธ์ของ

สิ่งมีชีวิตในแหล่งทอ่ี ยู่ การทาหน้าที่ของส่วนต่าง ๆ ของพืช และการทางานของระบบย่อยอาหารของ
มนษุ ย์

2. เข้าใจสมบัติและการจาแนกกลุ่มของวัสดุ สถานะและการเปล่ียนสถานะของสสาร
การละลาย การเปล่ียนแปลงทางเคมี การเปล่ียนแปลงท่ีผันกลับได้และผันกลบั ไมไ่ ด้ และการแยกสาร
อยา่ งง่าย

3. เข้าใจลักษณะของแรงโน้มถ่วงของโลก แรงลัพธ์ แรงเสียดทาน แรงไฟฟ้าและผล ของ
แรงต่างๆ ผลท่ีเกิดจากแรงกระทาต่อวัตถุ ความดัน หลักการที่มีต่อวัตถุ วงจรไฟฟ้าอย่างง่าย
ปรากฏการณ์เบ้ืองตน้ ของเสยี ง และแสง

4. เข้าใจปรากฏการณ์การข้ึนและตก รวมถึงการเปล่ียนแปลงรูปร่างปรากฏของดวง
จันทร์ องค์ประกอบของระบบสุริยะ คาบการโคจรของดาวเคราะห์ ความแตกต่างของดาวเคราะห์
และดาวฤกษ์ การขึ้นและตกของกลุ่มดาวฤกษ์ การใช้แผนท่ีดาว การเกิดอุปราคา พัฒนาการและ
ประโยชน์ของเทคโนโลยอี วกาศ

5. เข้าใจลักษณะของแหล่งน้า วัฏจักรน้า กระบวนการเกิดเมฆ หมอก น้าค้าง น้าค้างแข็ง
หยาดน้าฟ้า กระบวนการเกิดหิน วัฏจักรหิน การใช้ประโยชน์หินและแร่ การเกิดซากดึกดาบรรพ์
การเกิดลมบก ลมทะเล มรสุม ลักษณะและผลกระทบของภัยธรรมชาติ ธรณีพิบัติภัย การเกิดและ
ผลกระทบของปรากฏการณเ์ รือนกระจก

6. ค้นหาข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพและประเมินความน่าเช่ือถือ ตัดสินใจเลือกข้อมูล ใช้
เหตุผลเชงิ ตรรกะในการแกป้ ัญหา ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่อื สารในการทางานรว่ มกัน เข้าใจ
สทิ ธิและหนา้ ทข่ี องตน เคารพสิทธขิ องผูอ้ ืน่

7. ต้ังคาถามหรือกาหนดปัญหาเกี่ยวกับส่ิงที่จะเรียนรู้ตามท่ีกาหนดให้หรือตามความ สนใจ
คาดคะเนคาตอบหลายแนวทาง สร้างสมมติฐานท่ีสอดคล้องกับคาถามหรือปัญหาท่ีจะสารวจ
ตรวจสอบ วางแผนและสารวจตรวจสอบโดยใช้เครื่องมือ อุปกรณ์ และเทคโนโลยีสารสนเทศที่
เหมาะสม ในการเก็บรวบรวมขอ้ มลู ท้งั เชิงปรมิ าณและคณุ ภาพ



8. วิเคราะห์ข้อมูล ลงความเห็น และสรุปความสัมพันธ์ของข้อมูลท่ีมาจากการสารวจ
ตรวจสอบในรูปแบบที่เหมาะสม เพ่ือสื่อสารความรู้จากผลการสารวจตรวจสอบได้อย่างมีเหตุผลและ
หลักฐานอา้ งอิง

9. แสดงถึงความสนใจ ม่งุ มนั่ ในสิ่งทจ่ี ะเรยี นรู้ มีความคิดสร้างสรรคเ์ ก่ียวกับเรือ่ งท่ี จะศึกษา
ตามความสนใจของตนเอง แสดงความคิดเหน็ ของตนเอง ยอมรับในข้อมูลที่มีหลักฐานอ้างอิง และรับ
ฟงั ความคดิ เหน็ ผู้อนื่

10. แสดงความรับผิดชอบด้วยการทางานที่ได้รับมอบหมายอย่างมุ่งม่ัน รอบคอบ ประหยัด
ซอื่ สตั ย์ จนงานลลุ ว่ งเป็นผลสาเรจ็ และทางานร่วมกบั ผอู้ น่ื อยา่ งสร้างสรรค์

11. ตระหนักในคณุ ค่าของความรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ใช้ความร้แู ละกระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์ในการดารงชีวิต แสดงความช่ืนชม ยกย่อง และเคารพสิทธิในผลงานของผู้คิดค้นและ
ศึกษาหาความรเู้ พิ่มเติม ทาโครงงานหรอื ชน้ิ งานตามท่ีกาหนดใหห้ รือตามความสนใจ

12. แสดงถึงความซาบซ้ึง ห่วงใย แสดงพฤติกรรมเก่ียวกับการใช้ การดูแลรักษา
ทรพั ยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดลอ้ มอยา่ งรคู้ ุณคา่

สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน มุ่งพัฒนาผู้เรียน ให้มีคุณภาพตามมาตรฐานการ

เรียนรู้ ซึ่งการพัฒนาผเู้ รียนให้บรรลุ มาตรฐานการเรียนร้ทู ี่กาหนดน้นั จะช่วยให้ผู้เรียนเกดิ สมรรถนะ
สาคญั 5 ประการ ดงั นี้

1. ความสามารถในการสอ่ื สาร เป็นความสามารถในการรับและส่งสาร มีวัฒนธรรม ในการ
ใช้ภาษาถ่ายทอดความคดิ ความรู้ ความเข้าใจ ความรู้สกึ และทศั นะของตนเอง เพ่ือแลกเปลยี่ นขอ้ มูล
ข่าวสารและประสบการณ์อันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนา ตนเองและสังคม รวมท้ังการเจรจา
ต่อรองเพือ่ ขจดั และลดปญั หาความขดั แยง้ ต่าง ๆ การเลือกรับหรือไม่รับขอ้ มูลข่าวสารดว้ ยหลกั เหตุผล
และความถูกต้องตลอดจนการเลือกใช้ วิธีการสื่อสาร ท่ีมีประสิทธิภาพโดยคานึงถึงผลกระทบที่มีต่อ
ตนเองและสังคม

2. ความสามารถในการคิด เปน็ ความสามารถในการคดิ วิเคราะห์ การคดิ สังเคราะห์ การคดิ
อย่างสร้างสรรค์ การคดิ อย่างมีวจิ ารณญาณ และการคิดเป็นระบบ เพื่อนาไปสู่ การสรา้ งองค์ความรู้
หรือสารสนเทศเพื่อการตดั สนิ ใจเกยี่ วกบั ตนเองและสังคมได้อย่าง เหมาะสม

3. ความสามารถในการแก้ปญั หา เปน็ ความสามารถในการแก้ปัญหาและอปุ สรรคต่าง ๆ ท่ี
เผชิญไดอ้ ย่างถูกต้องเหมาะสมบนพื้นฐานของหลักเหตผุ ล คณุ ธรรมและขอ้ มูล สารสนเทศ เข้าใจ
ความสมั พันธแ์ ละการเปลีย่ นแปลงของเหตุการณต์ ่าง ๆ ในสังคม แสวงหา
ความรู้ ประยุกต์ความรู้มาใช้ในการป้องกนั และแก้ไขปัญหา และมีการตัดสนิ ใจทม่ี ี ประสิทธภิ าพ โดย
คานงึ ถึงผลกระทบ ที่เกดิ ขึ้นต่อตนเอง สงั คมและส่ิงแวดลอ้ ม

4. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต เป็นความสามารถในการนากระบวนการ ตา่ ง ๆ ไปใช้
ในการดาเนนิ ชวี ิตประจาวนั การเรียนรดู้ ว้ ยตนเอง การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง การทางาน และการอยู่
รว่ มกนั ในสงั คมดว้ ยการสร้างเสริมความสมั พนั ธ์อนั ดรี ะหวา่ ง บคุ คล การจัดการปญั หาและความ



ขัดแย้งตา่ ง ๆ อย่างเหมาะสม การปรบั ตวั ใหท้ นั กบั การเปลยี่ นแปลงของสงั คมและสภาพแวดลอ้ ม
และการรูจ้ ักหลีกเลย่ี งพฤตกิ รรมไม่ พงึ ประสงคท์ ี่สง่ ผลกระทบตอ่ ตนเองและผู้อนื่

5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เป็นความสามารถในการเลอื ก และใช้ เทคโนโลยีดา้ น
ตา่ ง ๆ และมีทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพ่ือการพฒั นาตนเองและสังคม ในดา้ นการเรยี นรู้
การสื่อสาร การทางาน การแก้ปญั หา อย่างสรา้ งสรรค์ ถูกต้อง เหมาะสมและมคี ุณธรรม

คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ของผู้เรยี น
หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน มงุ่ พัฒนาผู้เรียน ให้มคี ุณลกั ษณะอันพึงประสงค์

เพ่อื ให้สามารถอยู่รว่ มกบั ผู้อนื่ ใน สังคมได้อย่างมีความสุข ในฐานะเปน็ พลเมืองไทยและพลโลก ดงั นี้
1. รักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์
2. ซอ่ื สตั ยส์ ุจรติ
3. มีวินยั
4. ใฝเ่ รยี นรู้
5. อยู่อย่างพอเพยี ง
6. ม่งุ มน่ั ในการทางาน
7. รกั ความเปน็ ไทย
8. มีจติ สาธารณะ



ตวั ชว้ี ัดและสาระการเรียนร้แู กนกลาง ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 4

สาระท่ี 1 วทิ ยาศาสตร์ชีวภาพ
มาตรฐาน ว 1.1 เข้าใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสัมพันธ์ระหว่างส่ิงไม่มีชีวิต

กับสิ่งมชี ีวิตและความสัมพันธ์ระหวา่ งส่ิงมีชีวิตกับสง่ิ มชี ีวิตต่าง ๆ ในระบบนเิ วศ การถ่ายทอดพลงั งาน
การเปลี่ยนแปลงแทนท่ีในระบบนิเวศ ความหมายของประชากรปัญหาและผลกระทบท่ีมีต่อ
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แนวทางในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและการแก้ไขปัญหา
สิ่งแวดล้อมรวมทั้งนาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์

รหสั ตัวชี้วดั ตวั ช้วี ัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรียนรู้
- - - ท้องถนิ่

-

สาระที่ 1 วทิ ยาศาสตรช์ ีวภาพ
มาตรฐาน ว 1.2 เขา้ ใจสมบัตขิ องส่ิงมีชวี ติ หน่วยพน้ื ฐานของสิ่งมีชีวิต การลาเลยี งสารผา่ น

เซลล์ ความสัมพันธข์ องโครงสรา้ งและหนา้ ที่ของระบบตา่ ง ๆ ของสัตวแ์ ละมนษุ ยท์ ่ีทางานสมั พันธก์ ัน
ความสัมพันธข์ องโครงสร้างและหนา้ ทขี่ องอวัยวะต่าง ๆ ของพชื ท่ีทางานสมั พนั ธก์ นั รวมท้งั นาความรู้
ไปใช้ประโยชน์

รหัสตัวช้ีวัด ตวั ชวี้ ัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้
ว 1.2 ป 4/1
1. บรรยายหนา้ ที่ ทอ้ งถิ่น
ของราก ลาตน้ ใบ
และดอกของพชื - ส่วนต่าง ๆ ของพืชดอกทา - ศึกษา โครงสรา้ ง
ดอกโดยใชข้ ้อมลู ท่ี
รวบรวมได้ หนา้ ท่แี ตกต่างกนั ของพชื ท่ีพบใน

- รากทาหนา้ ท่ีดดู น้าและแรธ่ าตุ บรเิ วณชายหาด

ขึน้ ไปยังลาตน้ หน้าโรงเรียน เช่น

- ลาตน้ ทาหน้าทล่ี าเลยี งนา้ ผักบงุ้ ทะเล ตน้ สน

ต่อไปยังส่วนต่าง ๆ ของพืช เป็นตน้

- ใบทาหนา้ ท่ีสรา้ งอาหาร

อาหารท่ีพชื สร้างขน้ึ คือน้าตาล

ซงึ่ จะเปลี่ยนเปน็ แป้ง

- ดอกทาหนา้ ทส่ี ืบพนั ธุ์

ประกอบด้วยสว่ นประกอบตา่ ง

ๆ ไดแ้ ก่ กลบี เล้ียง กลบี ดอก

เกสรเพศผู้ และเกสรเพศเมีย

ซ่ึงส่วนประกอบแต่ละสว่ นของ

ดอก ทาหน้าที่แตกต่างกัน



สาระที่ 1 วทิ ยาศาสตรช์ ีวภาพ
มาตรฐาน ว 1.3 เขา้ ใจกระบวนการและความสาคญั ของการถ่ายทอดลักษณะทางพนั ธกุ รรม

สารพันธุกรรม การเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมท่ีมีผลต่อสิ่งมีชีวิต ความหลากหลายทางชีวภาพและ
วิวัฒนาการของส่งิ มีชีวติ รวมทงั้ นาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์

รหัสตวั ช้ีวดั ตวั ชีว้ ดั สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการเรยี นรู้
ว 1.3 ป 4/1
1. จาแนกสิ่งมชี ีวติ ทอ้ งถนิ่
ว 1.3 ป 4/2 โดยใชค้ วามเหมอื น
และ ความแตกต่าง - สิ่งมชี ีวติ มหี ลายชนดิ สามารถ - สารวจ จดั กล่มุ
ว 1.3 ป 4/3 ของลักษณะของ
ส่ิงมชี ีวิตออกเป็น จดั กลุ่มได้โดยใช้ ความเหมือน ส่ิงมชี วี ติ ท่ีพบ
ว 1.3 ป 4/4 กล่มุ พืช กลุ่มสัตว์
และกลมุ่ ท่ไี ม่ใชพ่ ชื และความแตกต่างของลกั ษณะ บรเิ วณชายหาด
และสตั ว์
ต่าง ๆ เช่น กลุ่มพืชสร้างอาหาร หน้าโรงเรยี น และ
2. จาแนกพชื
ออกเป็นพชื ดอก เองได้ และเคลื่อนทด่ี ้วยตนเอง บรเิ วณชุมชน
และพชื ไมม่ ดี อก
โดยใชก้ ารมีดอก ไมไ่ ด้ กลุม่ สัตว์กินส่งิ มชี ีวติ อ่นื โดยรอบ
เปน็ เกณฑ์ โดยใช้
ข้อมูล ท่ีรวบรวมได้ เปน็ อาหารและเคลื่อนที่ได้ กลุ่ม

3. จาแนกสตั ว์ ทีไ่ ม่ใช่พืชและสตั ว์ เชน่ เหด็ รา
ออกเป็นสัตว์มี
กระดูกสันหลังและ จลุ นิ ทรีย์
สตั ว์ไมม่ ีกระดูกสัน
หลัง โดยใช้การมี - การจาแนกพชื สามารถใช้การ -
กระดูกสันหลงั เปน็
เกณฑ์ โดยใชข้ ้อมลู มดี อกเป็นเกณฑ์ ในการจาแนก
ที่รวบรวมได้
4. บรรยาย ไดเ้ ปน็ พชื ดอกและพชื ไมม่ ีดอก
ลกั ษณะเฉพาะท่ี
สังเกตได้ของสตั ว์มี การจาแนกสัตว์ สามารถใช้การ
กระดูกสันหลังใน
มกี ระดูกสันหลงั เป็นเกณฑ์ใน

การจาแนก ได้เป็นสตั วม์ กี ระดกู

สนั หลงั และสตั วไ์ ม่มีกระดูกสัน

หลงั

- สัตวม์ ีกระดกู สนั หลังมีหลาย -

กลมุ่ ไดแ้ ก่ กลมุ่ ปลา กลุ่มสตั ว์

สะเทินน้าสะเทนิ บก กลุ่ม

สตั ว์เล้ือยคลาน กลมุ่ นก และ

กล่มุ สตั วเ์ ลีย้ งลูกด้วยน้านม ซึ่ง

แต่ละกลุ่มจะมีลักษณะเฉพาะท่ี

สงั เกตได้



รหัสตวั ชี้วดั ตวั ชวี้ ดั สาระการเรียนร้แู กนกลาง สาระการเรยี นรู้
ท้องถน่ิ

กลมุ่ ปลา กลมุ่ สัตว์
สะเทินน้าสะเทนิ
บก กลมุ่
สัตวเ์ ลื้อยคลาน
กลุ่มนก และกลมุ่
สัตว์เลย้ี งลกู ดว้ ย
นา้ นม และ
ยกตัวอย่างส่ิงมีชวี ติ
ในแต่ละกลมุ่



สาระท่ี 2 วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ
มาตรฐาน ว 2.1 เขา้ ใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติ

ของสสารกับโครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลง
สถานะของสสาร การเกิดสารละลาย และการเกดิ ปฏกิ ิริยาเคมี

รหัสตัวช้ีวัด ตัวช้วี ัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรียนรู้
ว 2.1 ป 4/1
ทอ้ งถ่ิน
ว 2.1 ป 4/2
ว 2.1 ป 4/3 1. เปรยี บเทยี บ - วัสดแุ ตล่ ะชนิดมสี มบตั ิทาง - สารวจ ขยะทพี่ บ

สมบตั ิทางกายภาพ กายภาพแตกต่างกนั วสั ดทุ ่มี ี บริเวณชายหาด

ด้านความแข็ง ความแขง็ จะทนต่อแรงขูดขีด และเปรียบเทียบ

สภาพยืดหยนุ่ การ วัสดุท่มี ีสภาพยดื หยุ่นจะ สมบตั ขิ องวสั ดุ

นาความร้อน และ เปลย่ี นแปลงรูปร่างเม่ือมแี รงมา

การนาไฟฟ้าของ กระทาและกลบั สภาพเดิมได้

วสั ดุโดยใชห้ ลักฐาน วสั ดุทน่ี าความรอ้ นจะรอ้ นได้

เชิงประจักษจ์ าก เรว็ เม่ือได้รับความร้อน และ

การทดลองและระบุ วสั ดุทน่ี าไฟฟ้าได้ จะให้

การนาสมบัตเิ ร่ือง กระแสไฟฟ้าไหลผ่านได้ ดงั นั้น

ความแขง็ สภาพ จงึ อาจนาสมบตั ิต่าง ๆ มา

ยืดหยุน่ การนา พจิ ารณาเพอื่ ใช้ในกระบวนการ

ความร้อน และการ ออกแบบชิน้ งานเพือ่ ใช้

นาไฟฟ้าของวสั ดุไป ประโยชนใ์ นชีวติ ประจาวัน

ใช้ในชวี ติ ประจาวนั

ผ่านกระบวนการอ

อกแบบชน้ิ งาน

2. แลกเปลย่ี น

ความคิดกบั ผู้อนื่

โดยการอภปิ ราย

เก่ียวกบั สมบัตทิ าง

กายภาพของวัสดุ

อยา่ งมเี หตุผลจาก

การทดลอง

3. เปรยี บเทียบ - วสั ดเุ ปน็ สสารเพราะมีมวล -

สมบตั ขิ องสสารทง้ั และต้องการที่อยู่ สสารมี

3 สถานะ จาก สถานะเปน็ ของแขง็ ของเหลว

ขอ้ มลู ท่ีได้จากการ หรือแก๊ส ของแขง็ มีปรมิ าตร

สงั เกต มวล การ และรูปร่างคงที่ ของเหลวมี



รหัสตวั ช้ีวัด ตัวชว้ี ัด สาระการเรียนร้แู กนกลาง สาระการเรียนรู้
ทอ้ งถิน่

ต้องการท่ีอยู่ รูปร่าง ปริมาตรคงที่ แต่มรี ูปรา่ ง

และปริมาตรของ เปลย่ี นไปตามภาชนะเฉพาะ

สสาร ส่วนท่ีบรรจุของเหลว ส่วนแกส๊

ว 2.1 ป 4/4 4. ใชเ้ คร่ืองมือเพื่อ มีปริมาตรและรูปร่างเปล่ียนไป
ตามภาชนะทีบ่ รรจุ
วัดมวล และ

ปรมิ าตรของสสาร

ทงั้ 3 สถานะ

สาระที่ 2 วิทยาศาสตรก์ ายภาพ
มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจาวัน ผลของแรงท่ีกระทาต่อวัตถุ

ลกั ษณะการเคลอื่ นที่แบบต่าง ๆ ของวัตถุ รวมท้ังนาความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์

รหสั ตัวช้ีวัด ตวั ชวี้ ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้
ว 2.2 ป 4/1 ท้องถนิ่
ว 2.2 ป 4/2 1. ระบผุ ลของแรง - แรงโนม้ ถว่ งของโลกเป็นแรง -

ว 2.2 ป 4/3 โน้มถว่ งที่มีต่อวตั ถุ ดงึ ดูดที่โลกกระทาต่อวัตถุ มีทิศ -

จากหลักฐานเชงิ ทางเข้าสศู่ ูนย์กลางโลก และ

ประจักษ์ เปน็ แรงไมส่ ัมผสั แรงดงึ ดดู ท่ี

2. ใช้เครือ่ งชั่งสปรงิ โลกกระทากบั วัตถหุ นึง่ ๆ ทาให้

ในการวัดนา้ หนกั วัตถตุ กลงสู่พน้ื โลก และทาให้

ของวัตถุ วัตถมุ นี ้าหนกั วัดนา้ หนกั ของ

วัตถไุ ด้จากเครอ่ื งช่ังสปริง

นา้ หนักของวัตถุข้นึ กับมวลของ

วัตถุ โดยวัตถทุ ่ีมมี วลมากจะมี

นา้ หนกั มาก วัตถุที่มีมวลนอ้ ย

จะมีน้าหนักน้อย

3. บรรยายมวลของ - มวล คอื ปริมาณเน้ือของสาร

วตั ถทุ ่มี ผี ลตอ่ การ ทั้งหมดทีป่ ระกอบกันเป็นวัตถุ

เปลี่ยนแปลงการ ซงึ่ มผี ลต่อความยากง่ายในการ

เคล่ือนท่ีของวัตถุ เปลย่ี นแปลงการเคลื่อนท่ขี อง

จากหลกั ฐานเชงิ วัตถุ วตั ถทุ ี่มมี วลมากจะ

ประจกั ษ์ เปลีย่ นแปลงการเคล่ือนที่ได้

ยากกวา่ วัตถทุ ่ีมมี วลนอ้ ย ดงั น้ัน

มวลของวัตถุนอกจากจะ



รหสั ตัวชี้วัด ตัวช้ีวัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้
ทอ้ งถิน่
หมายถึงเนื้อทั้งหมดของวตั ถุน้นั
แล้วยงั หมายถึงการตา้ นการ
เปลย่ี นแปลง การเคลื่อนทข่ี อง
วัตถุนนั้ ด้วย

สาระที่ 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ
มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปล่ียนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน

ปฏิสัมพันธ์ระหว่างสสารและพลังงาน พลังงานในชีวิตประจาวัน ธรรมชาติของคล่ืน ปรากฏการณ์ท่ี
เกี่ยวข้องกับเสยี ง แสง และคลนื่ แม่เหล็กไฟฟ้า รวมท้ังนาความรู้ไปใช้ประโยชน์

รหัสตวั ชี้วดั ตัวชีว้ ดั สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระการเรยี นรู้
ว 2.3 ป 4/1 ท้องถ่ิน
1. จาแนกวตั ถเุ ปน็ - เมอื่ มองส่งิ ต่าง ๆ โดยมวี ัตถุ
ตวั กลางโปรง่ ใส ตา่ งชนดิ กันมากั้นแสง จะทาให้ -
ตวั กลางโปรง่ แสง ลักษณะการมองเห็นสิ่งนัน้ ๆ
และวัตถทุ บึ แสง ชัดเจนต่างกัน จึงจาแนกวัตถุ
จากลกั ษณะ การ ทมี่ ากนั้ ออกเปน็ ตัวกลางโปร่งใส
มองเห็นส่ิงตา่ ง ๆ ซึ่งทาให้มองเห็นสิง่ ต่าง ๆ ได้
ผ่านวัตถนุ น้ั เป็น ชดั เจน ตวั กลางโปร่งแสงทาให้
เกณฑ์โดยใช้ มองเห็น ส่งิ ตา่ ง ๆ ได้ไม่ชดั เจน
หลักฐานเชงิ และ วตั ถทุ ึบแสงทาใหม้ องไม่
ประจกั ษ์ เห็นสง่ิ ตา่ ง ๆ น้ัน



สาระท่ี 3 วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ
มาตรฐาน ว 3.1 เขา้ ใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และวิวฒั นาการของเอกภพ

กาแล็กซีดาวฤกษ์ และระบบสุรยิ ะ รวมทงั้ ปฏสิ ัมพันธ์ภายในระบบสุรยิ ะทีส่ ่งผลต่อสิ่งมชี ีวิตและการ
ประยุกต์ใช้เทคโนโลยอี วกาศ

รหสั ตัวช้ีวัด ตวั ช้วี ดั สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการเรยี นรู้
ว 3.1 ป 4/1 ทอ้ งถ่ิน
1. อธบิ ายแบบรูป - ดวงจนั ทร์เป็นบริวารของโลก
-

เสน้ ทางการขน้ึ และ โดยดวงจนั ทรห์ มนุ รอบตวั เอง

ตก ของดวงจันทร์ ขณะโคจรรอบโลก ขณะท่โี ลกก็

โดยใชห้ ลักฐานเชงิ หมุน รอบตัวเองด้วยเชน่ กนั

ประจกั ษ์ การหมนุ รอบตัวเองของโลกจาก

ทศิ ตะวันตกไปทศิ ตะวันออกใน

ทิศทางทวนเขม็ นาฬิกาเมื่อมอง

จากขว้ั โลกเหนือ ทาใหม้ องเห็น

ดวงจนั ทรป์ รากฏขน้ึ ทางดา้ น

ทิศตะวนั ออกและตกทางด้าน

ทิศตะวันตกหมนุ เวียนเปน็ แบบ

รปู ซา้ ๆ

ว 3.1 ป 4/2 2. สรา้ งแบบจาลอง - ดวงจนั ทรเ์ ป็นวัตถุท่เี ป็นทรง -
ท่ีอธบิ ายแบบรูป กลม แต่รปู รา่ งของดวงจนั ทร์ท่ี
การเปลย่ี นแปลง มองเหน็ หรือรปู ร่างปรากฏของ
รปู ร่างปรากฏของ ดวงจันทรบ์ นท้องฟ้าแตกต่าง
ดวงจนั ทร์ และ กนั ไปในแต่ละวัน โดยในแต่ละ
พยากรณร์ ูปรา่ ง วันดวงจันทร์จะมีรูปร่างปรากฏ
ปรากฏของดวง เปน็ เส้ยี วทม่ี ขี นาดเพิม่ ขึน้ อย่าง
จันทร์ ตอ่ เนอ่ื งจนเตม็ ดวง จากนนั้

รูปร่างปรากฏของดวงจนั ทรจ์ ะ
แหว่งและมขี นาดลดลง อยา่ ง
ต่อเน่อื งจนมองไมเ่ ห็นดวง
จันทร์ จากนั้นรปู รา่ งปรากฏ
ของดวงจันทร์จะเปน็ เสี้ยวใหญ่
ขึ้นจนเต็มดวงอีกคร้ัง การ
เปลยี่ นแปลงเชน่ นเ้ี ปน็ แบบรูป
ซ้ากนั ทุกเดือน



รหัสตัวช้ีวดั ตัวชว้ี ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรยี นรู้
ว 3.1 ป 4/3 ทอ้ งถิน่
3. สร้างแบบจาลอง - ระบบสุริยะเป็นระบบทมี่ ีดวง
-

แสดงองค์ประกอบ อาทิตย์เปน็ ศนู ยก์ ลางและมี

ของระบบสรุ ิยะ บรวิ ารประกอบดว้ ย ดาว

และอธิบาย เคราะหแ์ ปดดวงและบริวาร ซึ่ง

เปรียบเทียบคาบ ดาวเคราะห์แตล่ ะดวงมีขนาด

การโคจรของดาว และระยะหา่ งจากดวงอาทติ ย์

เคราะหต์ า่ ง ๆ จาก แตกต่างกัน และยัง

แบบจาลอง ประกอบด้วย ดาวเคราะห์แคระ

ดาวเคราะห์น้อย ดาวหาง และ

วัตถุขนาดเล็กอน่ื ๆ โคจรอยู่

รอบดวงอาทิตย์ วตั ถุขนาดเล็ก

อ่ืน ๆ เมื่อเข้ามาในช้นั

บรรยากาศเน่ืองจากแรงโน้ม

ถว่ งของโลก ทาให้เกิดเป็นดาว

ตกหรอื ผีพุ่งไต้และอุกกาบาต

สาระที่ 3 วิทยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ
มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจองค์ประกอบ และความสัมพันธ์ของระบบโลก กระบวนการ

เปล่ียนแปลงภายในโลกและบนผิวโลก ธรณีพิบัติภัย กระบวนการเปล่ียนแปลงลมฟ้าอากาศและ
ภูมิอากาศโลกรวมท้งั ผลตอ่ สิง่ มีชวี ิตและสง่ิ แวดลอ้ ม

รหัสตัวช้ีวัด ตัวชว้ี ดั สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรยี นรู้
- - - ทอ้ งถิ่น

-

สาระท่ี 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.1 เข้าใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยีเพ่ือการดารงชีวิตในสังคมท่ีมีการ

เปล่ียนแปลงอย่างรวดเร็วใช้ความรู้และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตร์อื่น ๆ
เพ่ือแก้ปัญหา หรือพัฒนางานอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม
เลอื กใชเ้ ทคโนโลยอี ยา่ งเหมาะสมโดยคานึงถงึ ผลกระทบต่อชวี ิต สงั คม และสงิ่ แวดล้อม

รหัสตวั ชี้วัด ตัวชี้วัด สาระการเรียนร้แู กนกลาง สาระการเรียนรู้
- - - ทอ้ งถ่ิน

-



สาระที่ 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคานวณในการแก้ปญั หาที่พบในชีวติ จรงิ อย่างเป็น

ขั้นตอนและเป็นระบบใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรียนรู้ การทางาน และการ
แกป้ ัญหาได้อย่างมีประสทิ ธภิ าพ รู้เทา่ ทัน และมจี ริยธรรม

รหัสตัวชี้วดั ตัวช้วี ัด สาระการเรยี นร้แู กนกลาง สาระการเรียนรู้
ว 4.2 ป 4/1 ทอ้ งถน่ิ
1. ใชเ้ หตผุ ลเชงิ - การใชเ้ หตุผลเชงิ ตรรกะเปน็
ว 4.2 ป 4/2 ตรรกะในการ การนากฎเกณฑ์ หรือเงอื่ นไขท่ี -
แก้ปญั หา การ ครอบคลุมทุกกรณีมาใช้
อธิบายการทางาน พิจารณาในการแก้ปัญหา การ
การคาดการณ์ อธบิ ายการทางาน หรอื การ
ผลลัพธ์ จากปญั หา คาดการณผ์ ลลัพธ์
อยา่ งงา่ ย - สถานะเร่ิมตน้ ของการทางาน
ที่แตกตา่ งกนั จะให้ผลลัพธ์ท่ี
แตกตา่ งกนั
- ตวั อยา่ งปญั หา เชน่ เกม OX,
โปรแกรมทม่ี ี การคานวณ,
โปรแกรมทีม่ ตี วั ละครหลายตัว
และ มีการสัง่ งานทแ่ี ตกต่าง
หรือมีการส่ือสารระหว่างกนั ,
การเดินทางไปโรงเรยี นโดย
วิธีการต่าง ๆ

2. ออกแบบ และ - การออกแบบโปรแกรมอย่าง
เขียนโปรแกรม งา่ ย เชน่ การออกแบบโดยใช้
อย่างง่าย โดยใช้ storyboard หรือการออกแบบ
ซอฟต์แวร์ หรอื สือ่ อลั กอริทึม
และตรวจหา - การเขียนโปรแกรมเปน็ การ
ขอ้ ผิดพลาดและ สรา้ งลาดับของคาสง่ั ให้
แกไ้ ข คอมพวิ เตอร์ทางาน เพ่ือใหไ้ ด้
ผลลัพธ์ตาม ความตอ้ งการ หาก
มีข้อผดิ พลาดใหต้ รวจสอบ การ
ทางานทีละคาส่งั เมื่อพบจุดท่ี
ทาให้ผลลพั ธ์ ไมถ่ ูกต้อง ให้ทา



รหัสตัวชี้วดั ตัวชวี้ ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรยี นรู้
ท้องถิน่

การแก้ไขจนกวา่ จะได้ผลลพั ธ์ที่
ถูกต้อง
- ตวั อยา่ งโปรแกรมท่ีมเี ร่ืองราว
เชน่ นทิ านทม่ี ี การตอบโตก้ บั
ผูใ้ ช้ การต์ ูนส้ัน เล่ากิจวัตร
ประจาวนั ภาพเคลือ่ นไหว
การฝึกตรวจหาข้อผิดพลาดจาก
โปรแกรมของผ้อู น่ื จะชว่ ย
พฒั นาทักษะการหาสาเหตุของ
ปญั หาได้ดยี ่งิ ขนึ้
-ซอฟต์แวรท์ ่ใี ชใ้ นการเขยี น
โปรแกรม เช่น Scratch, logo

3. ใช้อนิ เทอร์เน็ต - การใชค้ าค้นที่ตรงประเดน็
คน้ หาความรู้ และ กระชบั จะทาให้ได้ ผลลพั ธท์ ่ี
ประเมนิ ความ รวดเรว็ และตรงตามความ
น่าเชอื่ ถอื ของข้อมลู ตอ้ งการ

- การประเมินความน่าเชอื่ ถอื
ของขอ้ มูล เชน่ พิจารณา
ประเภทของเว็บไซต์ ผเู้ ขยี น
วนั ทเี่ ผยแพรข่ ้อมลู การอ้างอิง
- เม่อื ได้ขอ้ มูลทีต่ ้องการจาก
เวบ็ ไซต์ตา่ ง ๆ จะตอ้ งนาเน้ือหา
มาพิจารณา เปรียบเทียบ แล้ว
เลือกข้อมลู ท่ีมีความสอดคล้อง
และสัมพนั ธ์กนั
- การทารายงานหรือการ
นาเสนอข้อมูลจะต้อง นาข้อมูล
มาเรียบเรียง สรปุ เป็นภาษา
ของตนเอง ท่ีเหมาะสมกบั
กลมุ่ เปา้ หมายและวิธกี าร
นาเสนอ (บรู ณาการกบั วชิ า
ภาษาไทย)



รหัสตวั ชี้วดั ตวั ชี้วดั สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระการเรยี นรู้
ทอ้ งถนิ่

4. รวบรวม - การรวบรวมขอ้ มูล ทาได้โดย
ประเมิน นาเสนอ กาหนดหวั ขอ้ ท่ีต้องการ เตรียม
ขอ้ มลู และ อปุ กรณ์ในการจดบันทกึ
สารสนเทศ โดยใช้ - การประมวลผลอย่างง่าย
ซอฟตแ์ วรท์ ่ี เช่น เปรยี บเทยี บ จัดกลุ่ม
หลากหลาย เพอื่ เรยี งลาดับ การหาผลรวม
แกป้ ัญหาใน - วเิ คราะห์ผลและสร้าง
ชีวติ ประจาวนั ทางเลอื กทเ่ี ป็นไปได้ ประเมิน
ทางเลือก (เปรยี บเทียบ ตดั สิน)
5. ใชเ้ ทคโนโลยี - การนาเสนอข้อมูลทาไดห้ ลาย
สารสนเทศอย่าง ลกั ษณะตาม ความเหมาะสม
ปลอดภัย เขา้ ใจ เชน่ การบอกเลา่
สิทธแิ ละหน้าที่ของ เอกสารรายงาน โปสเตอร์
ตน เคารพในสิทธิ โปรแกรมนาเสนอ
ของผู้อ่ืน - การใช้ซอฟต์แวรเ์ พ่ือ
แก้ปญั หาในชวี ิตประจาวนั เช่น
การสารวจเมนูอาหารกลางวนั
โดยใชซ้ อฟต์แวร์สร้าง
แบบสอบถามและเกบ็ ข้อมูล ใช้
ซอฟตแ์ วร์ตารางทางานเพื่อ
ประมวลผลขอ้ มลู รวบรวม
ขอ้ มลู เก่ียวกบั คุณค่าทาง
โภชนาการและสร้างรายการ
อาหารสาหรับ 5 วัน ใช้
ซอฟต์แวรน์ าเสนอผลการ
สารวจ รายการอาหารทีเ่ ป็น
ทางเลือก และข้อมูลด้าน
โภชนาการ

- การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ
อยา่ งปลอดภยั เขา้ ใจสิทธิและ
หน้าทข่ี องตน เคารพในสิทธิ
ของผู้อืน่ เช่น ไมส่ รา้ งข้อความ
เทจ็ และสง่ ใหผ้ ู้อื่น ไมส่ รา้ ง
ความเดือดร้อนต่อผู้อืน่ โดยการ



รหัสตวั ช้ีวัด ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้
ทอ้ งถ่นิ

แจง้ ผเู้ ก่ียวขอ้ งเมื่อ ส่งสแปม ขอ้ ความลูกโซ่ ส่งต่อ
พบข้อมูล หรอื โพสต์ทีม่ ีข้อมลู สว่ นตวั ของผู้อื่น
บุคคลท่ีไม่ สง่ คาเชิญเลน่ เกม ไมเ่ ข้าถงึ
เหมาะสม ข้อมูลส่วนตวั หรือการบ้านของ
บคุ คลอืน่ โดยไม่ไดร้ บั อนญุ าต
ไม่ใชเ้ ครื่องคอมพิวเตอร์/ ชอื่
บัญชีของผู้อ่ืน
- การปกป้องข้อมูล
สว่ นตวั เชน่ การออก- การ
ส่อื สารอยา่ งมมี ารยาทและรู้
กาลเทศะจากระบบเมื่อเลกิ ใช้
งาน ไม่บอกรหสั ผา่ น ไม่บอก
เลขประจาตวั ประชาชน



คาอธิบายรายวิชาพ้ืนฐาน

รหัสวิชา ว14101 วิทยาศาสตร์ กลมุ่ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

ชน้ั ประถมศึกษาปท่ี 4 เวลาเรยี น 120 ช่ัวโมง

บรรยาย จาแนก เปรียบเทียบ อภิปราย ระบุ อธิบาย สร้างแบบจาลอง ใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการ
แก้ปัญหา ออกแบบและเขียนโปรแกรม ใช้อินเตอร์เน็ต รวบรวม ประเมิน นาเสนอข้อมูล เก่ียวกับหน้าที่ของ
ส่วนต่างๆของพืช ความแตกต่างของลักษณะของสิ่งมีชีวิต พืชดอกและพืชไม่มีดอก สัตว์มีกระดูกสันหลังและ
ไมม่ กี ระดูกสันหลังเปน็ เกณฑ์

สมบัติทางกายภาพด้านความแข็ง สภาพยดื หยุ่น การนาความร้อน และการนาไฟฟ้าของวัสดุ การนา
สมบัติทางกายภาพของวัสดุไปใช้ในชีวิตประจาวัน สมบัติของสสารท้ัง 3 สถานะ ผลของแรงโนม้ ถว่ งของโลกที่
มีต่อวัตถุ การใช้เครื่องช่ังสปริงวัดน้าหนักของวัตถุ มวลของวัตถุที่มีผลต่อการเปล่ียนแปลงการเคล่ือนท่ีของ
วัตถุ วัตถุทเี่ ป็นตัวกลางโปร่งใส ตัวกลางโปร่งแสง และวัตถุทึบแสง จากลักษณะการมองเห็นส่ิงต่างๆผ่านวัตถุ
นน้ั เป็นเกณฑ์

แบบรูปเส้นทางการขึน้ และตกของดวงจันทร์ แบบจาลองแสดงองคป์ ระกอบของระบบสุรยิ ะ และคาบ
การโคจรของดาวเคราะห์ตา่ งๆ

โดยใช้กระบวนทางวิทยาศาสตร์ การสบื เสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ การสบื ค้นข้อมูล บนั ทึก
จัดกลุ่มข้อมูล เพ่ือให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถนาเสนอส่ือสารสิ่งที่เรียนรู้ มีความสามารถใน
การตัดสินใจ เห็นคุณค่าของการนาความรู้ไปใช้ในชีวิตประจาวัน มีจิตวิทยาศาสตร์ คุณธรรม จริยธรรม และ
ค่านิยมท่ีเหมาะสม

ศึกษาขั้นตอนการใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการแก้ปัญหา อธิบายการทางาน การคาดการณ์ผลลัพธ์
จากปัญหาอย่างง่าย ออกแบบและเขียนโปรแกรมอย่างง่ายโดยใช้ซอฟต์แวร์หรือสื่อและตรวจหาข้อผิดพลาด
และแก้ไขโปรแกรม การใช้อินเตอร์เน็ตค้นคว้าหาความรู้และประเมินความน่าเช่ือถือของข้อมูล การรวบรวม
ประมวลผล นาเสนอข้อมูลและสารสนเทศโดยใชซ้ อฟตแ์ วร์ทีห่ ลากหลายเพื่อแกป้ ญั หาในชีวติ ประจาวัน

ใช้กระบวนการการทางานอย่างเป็นขั้นตอนและเป็นระบบ การใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการ
แก้ปัญหา ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารในการเรียนรกู้ ารทางาน ออกแบบโปรแกรมอย่างง่ายโดยใช้
storyboard หรือการออกแบบอลั กอริทมึ การเขียนโปรแกรมเพื่อสงั่ การให้คอมพวิ เตอรท์ างานสร้างลาดับของ
คาสั่งให้ได้ผลลัพธ์ตามต้องการ และตรวจสอบข้อผิดพลาด ปรับแก้ไขให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ ถ้าไม่เป็นไป
ตามที่ต้องการให้ตรวจสอบการทางานทีละคาสั่ง ฝึกตรวจหาข้อผิดพลาดจากโปรแกรม ใช้ซอฟต์แวร์เขียน
โปรแกรม โดยใชโ้ ปรแกรม Scratch, logo

ตระหนักและเหน็ คณุ ค่าของการนาความรไู้ ปใช้ประโยชน์ในชีวติ ประจาวัน ใช้อินเตอร์เน็ตเทคโนโลยี
สารสนเทศอย่างปลอดภัย ปฏิบัติตามข้อตกลงในการใช้อินเตอร์เน็ต เข้าใจสิทธิและหน้าที่ของตนเอง ส่ือสาร
อย่างมีมารยาทและรู้กาลเทศะ ปกป้องข้อมูลส่วนตัว รักการทางาน ทางานด้วยความกระตือรอื ร้น และตรง
เวลา มีเจตคติท่ีดีต่อการทางาน มีลักษณะนิสัยการทางานที่เหมาะสม มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมท่ี
เหมาะสม



รหสั ตัวชี้วดั
ว 1.2 ป.4/1
ว 1.3 ป.4/1, ป.4/2, ป.4/3, ป.4/4
ว 2.1 ป.4/1, ป.4/2, ป.4/3, ป.4/4
ว 2.2 ป.4/1, ป.4/2, ป.4/3
ว 2.3 ป.4/1
ว 3.1 ป.4/1, ป.4/2, ป.4/3
ว 4.2 ป.4/1, ป.4/2, ป.4/3, ป.4/4, ป4/5

รวมท้ังหมด 21 ตัวชว้ี ดั



ตารางโครงสรา้ งรายวิชาวิทยาศาสตร์
กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ตามหลักสตู รโรงเรยี นหนองสาโรงวิทยา
ช้ันประถมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนท่ี 1/2565 จานวน 1 หน่วยกิต เวลา 40 ช่วั โมง

หน่วย ช่อื หน่วยการเรียนรู้ ช่ือบท มาตรฐานการ สาระสาคัญ เวลา น้าหนัก
ท่ี บทที่ 1 เรียนรู้/ (ช่วั โมง) คะแนน
การเรยี นรแู้ บบ
นักวทิ ยาศาสตร์ ตวั ชี้วดั

1. การเรยี นร้แู บบ บทท่ี 1 - วิทยาศาสตรเ์ ปน็ การศึกษา 10 15
นกั วทิ ยาศาสตร์ สงิ่ มชี วี ติ รอบตัว เกีย่ วกับส่ิงตา่ งๆ ทอี่ ยู่รอบตัว 8 20
ว 1.3 ป.4/1 วิธีการและขั้นตอนทีใ่ ช้เพ่อื
2. ส่งิ มชี ีวติ ว 1.3 ป.4/2 ตอบปญั หาทส่ี งสัย เรียกวา่
ว 1.3 ป.4/3 วิธกี ารทางวิทยาศาสตร์
ว 1.3 ป.4/4
ในการสืบเสาะหาความรู้
อยา่ งเป็นระบบ ผ้เู รียนควร
ฝึกฝนทกั ษะกระบวนการทาง
วทิ ยาศาสตรใ์ ห้เกดิ ความ
ชานาญ เพ่อื ให้สามารถค้นหา
คาตอบได้อยา่ งถูกต้อง

เมื่อทาการศึกษาและ
แสวงหาความรู้โดยใช้
กระบวนการทางวิทยาศาสตร์
แล้ว ผู้เรียนจะเกดิ จติ
วทิ ยาศาสตร์

ส่ิงมชี ีวิตมีหลายชนดิ โดยแต่
ละชนิดจะมีลักษณะสาคญั
บางอย่างเหมอื นกันหรือ
แตกต่างกนั ไป ซึ่งสามารถใช้
เปน็ เกณฑใ์ นการจัดกลุม่
ส่งิ มชี วี ิตออกเป็นกลุ่มพืช กลุ่ม
สัตว์ และกลุม่ ที่ไมใ่ ชพ่ ชื และ
สัตว์

ในการจาแนกพชื สามารถใช้
ลกั ษณะการมดี อกของพืชเปน็
เกณฑ์ และในการจาแนกสตั ว์
สามารถใชก้ ารมกี ระดูกสนั หลัง



บทท่ี 2 ว 1.2 ป.4/1 ของสตั ว์เป็นเกณฑ์ได้ สัตว์มี 8
สว่ นต่าง ๆ กระดูกสนั หลงั แบ่งออกได้ 5 6
ของพชื ดอก กลมุ่ ซ่ึงสตั ว์มกี ระดูกสันหลัง
แตล่ ะกล่มุ จะมลี ักษณะเฉพาะ 3
3. แรงและพลงั งาน บทท่ี 1 ว 2.2 ป.4/1 ทส่ี ังเกตได้แตกต่างกนั 15
มวลและนา้ หนกั ว 2.2 ป.4/2 35
พืชดอกมีส่วนต่าง ๆ ท่ี 50
ว 2.2 ป.4/3 สาคญั ไดแ้ ก่ ราก ลาตน้ ใบ 20
ดอก ผลและเมล็ด ซ่ึงสว่ น 20
บทท่ี 2 ว 2.3 ป.4/1 ต่าง ๆ เหลา่ นีจ้ ะทาหน้าท่ี 10
ตวั กลางแสง ต่างกนั ไป 100

แรงโน้มถว่ งของโลก เป็น
แรงดงึ ดดู ทโี่ ลกกระทาตอ่ มวล
ของวัตถุทกุ ชนดิ ท่ีอยู่บนโลก
และท่ีอย่ใู กลโ้ ลก ซงึ่ มีทิศ
ทางเขา้ สู่ศนู ย์กลางของโลก ทา
ให้วตั ถุมนี า้ หนักและตกลงสู่พ้ืน
โลก เราสามารถวัดน้าหนักของ
วัตถไุ ด้โดยใช้เครื่องช่งั สปรงิ

มวลของวตั ถตุ า่ งๆ มผี ลต่อ
การเปล่ียนแปลงการเคลอื่ นที่
ของวตั ถุ วตั ถุทีม่ ีมวลมากจะ
เปลย่ี นแปลงการเคลื่อนท่ีได้
ยากกวา่ วัตถุที่มมี วลนอ้ ย

เม่อื มองสิ่งตา่ ง ๆ โดยมีวัตถุ
ต่างชนดิ มากั้นแสง จะทาให้
มองเห็นสิง่ นั้น ๆ ชัดเจน
แตกต่างกันไป จงึ จาแนกวัตถทุ ่ี
นามาก้ันแสงได้เป็นตวั กลาง
โปรง่ ใส ตวั กลางโปรง่ แสง และ
วัตถุทึบแสง

คะแนนระหวา่ งเรียน

คะแนนสอบเกบ็ คะแนน

คะแนนสอบปลายภาค

คะแนนจิตพิสยั

รวมท้ังหมด



เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน 80 คะแนน
1.1 คะแนนระหวา่ งเรยี น 10 คะแนน
30 คะแนน
- จิตพสิ ยั 20 คะแนน
- ใบงานและแบบบนั ทกึ กิจกรรม 20 คะแนน
- ชิน้ งาน/แบบฝึกหัด 20 คะแนน
- สอบเก็บคะแนน 100 คะแนน
1.2 คะแนนสอบปลายภาคเรียน
รวมทั้งหมด

เกณฑ์การประเมนิ (แบบอิงเกณฑ์)

0-49 คะแนน 0

50-54 คะแนน 1

55-59 คะแนน 1.5

60-64 คะแนน 2

65-69 คะแนน 2.5

70-74 คะแนน 3

75-79 คะแนน 3.5

80-100 คะแนน 4



กาหนดการสอน รายวิชาพ้นื ฐาน
ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 4
กล่มุ สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี จานวน 1 หนว่ ยกิต
รหัสวิชา ว14101 วชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี 1/2565
เวลาเรยี น 40 ชวั่ โมง (2 ชั่วโมง/สปั ดาห์)
ครผู ้สู อน นายธนภทั ร แกว้ มะ

ช่ือหน่วยการเรยี นรู้ ชือ่ บท แผนการจดั การเรียนรู้ เวลา
(ชั่วโมง)
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 บทที่ 1 การเรียนรแู้ บบ - การสืบเสาะหาความรู้ทาง
วิทยาศาสตร์ 1
การเรยี นร้แู บบนักวิทยาศาสตร์ นกั วทิ ยาศาสตร์

- กจิ กรรมท่ี 1 2
ถั่วเต้นระบาได้อยา่ งไร

- กิจกรรมที่ 2.1 การวัดทาได้
อยา่ งไร 3

- กิจกรรมท่ี 2.2 การใช้ 1
จานวนทาได้อย่างไร

- การทดลองของ 3
นกั วิทยาศาสตร์

หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 2 สง่ิ มีชีวิต บทที่ 1 สง่ิ มีชวี ติ รอบตัว - กจิ กรรมที่ 1.1 เราจาแนก 3
สิง่ มชี ีวิตได้อยา่ งไร

- กิจกรรมที่ 1.2 เราจาแนก 2
สัตว์ได้อย่างไร

- กจิ กรรมท่ี 1.3 เราจาแนก 2
สตั วม์ ีกระดูกสันหลังได้
อย่างไร

- กจิ กรรมที่ 1.4 เราจาแนก 1
พชื ได้อยา่ งไร



หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 2 สิ่งมชี ีวิต บทที่ 2 ส่วนตา่ ง ๆ - กิจกรรมที่ 1.1 รากและลา 3
ของพชื ดอก ตน้ ของพชื ทาหนา้ ทอ่ี ะไร 2

- กิจกรรมที่ 1.2 ใบของพชื ทา
หนา้ ที่อะไร

- กิจกรรมท่ี 1.3 ดอกของพชื 3

ทาหน้าที่อะไร

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 3 บทที่ 1 มวลและน้าหนัก - กิจกรรมท่ี 1.1 วัตถุเคล่อื นที่
แรงและพลังงาน อย่างไรเม่อื ถูกปล่อยจากมอื 2

- กิจกรรมท่ี 1.2 มวลและ 2
นา้ หนักสมั พันธ์กันอย่างไร

- กิจกรรมที่ 1.3 มวลมีผลต่อ 2
การเปลีย่ นแปลงการเคลื่อนท่ี
ของวตั ถุอยา่ งไร 3

บทที่ 2 ตัวกลางแสง - กจิ กรรมที่ 1 ลักษณะการ 2
มองเหน็ ต่างกนั อย่างไรเม่ือมี 1
วตั ถมุ ากน้ั แสง 2
40
ปฐมนิเทศปฐมนิเทศแผนการเรียนรู้
สอบเกบ็ คะแนน
สอบปลายภาค
รวม

1

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 1

กลุม่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ าพน้ื ฐาน

รหสั วิชา ว14101 วิชาวิทยาศาสตร์ 1 ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 4

หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 1 การเรยี นรสู้ ่งิ ตา่ ง ๆ รอบตัว จานวน 10 ชัว่ โมง

บทท่ี 1 การเรยี นร้แู บบนกั วิทยาศาสตร์ เร่อื ง การสบื เสาะหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ จานวน 1 ชม.

ผู้สอน นายธนภัทร แก้วมะ ภาคเรยี นที่ 1/2565

1. มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตวั ชี้วดั
-

2. สาระสาคญั
ความรู้ทางวิทยาศาสตร์เกิดจากความสงสัยของมนุษย์เก่ียวกับสิ่งต่าง ๆ รอบตัว มนุษย์จึงพยายามหา

คาตอบด้วยการสืบเสาะหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ โดยใช้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งมีทั้งที่เป็น
ทักษะขั้นพ้นื ฐาน เชน่ การสังเกต การวัด การใช้จานวน และทักษะขนั้ ผสม เช่น การต้ังสมมตฐิ าน การกาหนด
นิยาม เชงิ ปฏิบตั ิการ การกาหนดและควบคมุ ตัวแปร การทดลอง การตคี วามหมายข้อมูลและลงขอ้ สรปุ
3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้

1. อธบิ ายวธิ กี ารสบื เสาะหาความรู้ทางวิทยาศาสตรไ์ ด้ (K)
2. เขยี นแผนภาพกระบวนการสบื เสาะหาความรูท้ างวทิ ยาศาสตร์ได้ (P)
3. ใฝ่เรียนรแู้ ละมุ่งเนน้ ในการแสวงหาความรู้ (A)
4. สาระการเรียนรู้
- วิธีการทางวทิ ยาศาสตร์ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์

5. กจิ กรรมการเรียนรู้ (จัดกระบวนการสอนแบบ 5E)
ขัน้ ท่ี 1 สรา้ งความสนใจ
1.1 ครูสร้างความสนใจโดยใชบ้ ตั รภาพและใช้คาถามดังน้ี
- นักเรียนรู้จักนักวิทยาศาสตร์คนไหนบ้างในบัตรภาพเหล่าน้ี แล้วเขามีผลงานอะไร (ครูให้

คาตอบเพ่ิมเตมิ ดังน้ี ทอมสั เอดิสนั ผลิตหลอดไฟ, พีน่ ้องตระกลู ไรท์ ประดิษฐ์เครือ่ งบินลาแรกของโลก, หลุยส์
ปาสเตอร์ คน้ พบวคั ซีนป้องกันพิษสนุ ขั บ้า)

- แล้วนักเรียนรู้ไหมว่านักวทิ ยาศาสตร์เหล่าน้เี กี่ยวขอ้ งกับบทเรียนนอี้ ยา่ งไร
- ครูแจ้งนักเรียนว่า วันน้ีเราจะเรียนหน่วยที่ 1 การเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ รอบตัว ในบทท่ี 1 เร่ือง
การเรียนรแู้ บบนักวิทยาศาสตร์
1.2 ครูให้นักเรียนอ่านประวิติการค้นพบรังสีเรเดียมของปิแอร์และมารีจากหนังสือหน้าที่ 3
จากนัน้ ครูถามคาถามนักเรียนดังน้ี
- แล้วนักเรยี นคิดว่านักวิทยาศาสตรต์ ้องมีคุณสมบัติอย่างไร (ช่างสังเกต มีความอยากรู้อยาก
ลอง อยากรู้คาตอบในเร่อื งทส่ี งสัย สืบเสาะค้นหาคาตอบ)

2

ขนั้ ท่ี 2 สารวจและคน้ หา
2.1 ครูให้นักเรียนอ่านสถานการณ์จากหนังสือเรียนหน้าท่ี 4 เก่ียวกับการสืบเสาะหาความรู้

และทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ จากนน้ั ดูตารางบันทกึ ผลจากหนงั สอื หนา้ ที่ 5 ประกอบ
2.2 นักเรียนตอบคาถามในแบบบันทึกกิจกรรม หน้า 2-4 ครูตรวจสอบความเข้าใจของ

นกั เรียนเก่ยี วกับคาถามแต่ละข้อจนแนใ่ จวา่ นักเรยี นสามารถตอบคาถามไดด้ ้วยตัวเอง
2.3 ครูสังเกตการตอบคาถามของนักเรียนเพื่อตรวจสอบว่านักเรียนมีแนวคิดเก่ียวกับการสืบ

เสาะหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์และทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์อย่างไรบ้าง และสุ่มให้นักเรียน 2-3
คน นาเสนอคาตอบของตนเองโดยครูยังไม่เฉลยคาตอบ แต่จะให้นักเรียนย้อนกลับมาตรวจสอบอีกครั้งหลัง
เรยี นจบบทเรียนนีแ้ ลว้

2.4 นกั เรยี นอา่ นชื่อเร่ืองและคาถามคิดก่อนอ่านในหนังสือเรยี นหนา้ 7
2.5 นักเรยี นอ่านเน้ือเร่ืองจากหนงั สือเรียนหนา้ ท่ี 7-9
ขัน้ ท่ี 3 อธบิ ายและลงขอ้ สรุป
3.1 จากเนอื้ เรอ่ื ง ครแู ละนักเรยี นร่วมกนั อภิปรายใจความสาคญั ตามแนวคาถามดังน้ี
- เนอ้ื เร่ืองที่อา่ นเกยี่ วกบั อะไร (เรอ่ื งทอ่ี ่านเก่ยี วกับการเลี้ยงไก่ ของเด็กคนหนงึ่ )
- แม่ของเดก็ คนนี้เลีย้ งไกด่ ้วยอาหารอะไรบา้ ง (ข้าวเปลือก ราข้าว และหนอนแมลงวนั )
- เดก็ คนน้มี คี าถามสงสัยเกย่ี วกับเรอื่ งอะไร (ไกช่ อบกินอาหารชนดิ ใดมากท่ีสดุ )
- จากคาถามทส่ี งสัยเดก็ คนนต้ี งั้ สมมตฐิ านว่าอะไร (ไกช่ อบกนิ ข้าวเปลอื กมากทสี่ ดุ )
- เด็กคนนี้ตรวจสอบสมมติฐานที่ตั้งไว้โดยการรวบรวมข้อมูลเพือ่ หาคาตอบในคาถามทีส่ งสัย
ด้วยวธิ กี ารใด (การทดลองเล้ยี งไก่ด้วย อาหาร 3 ชนดิ ไดแ้ ก่ ขา้ วเปลอื ก ราขา้ วและหนอนแมลงวนั )
- ตัวแปรต้นหมายถึงอะไร และในการทดลองนี้ตัวแปรต้นคืออะไร (ตัวแปรต้นหมายถึงส่ิงที่
จัดให้ต่างกนั ในการทดลอง ได้แก่ อาหารทใ่ี ช้เลีย้ งไก่ 3 ชนิด)
- ตัวแปรตามหมายถงึ อะไร และในการทดลอง ตัวแปรตามคืออะไร (ตัวแปรตามหมายถึงผล
มาจากตวั แปรต้น ไดแ้ ก่ ปรมิ าณอาหารทีไ่ ก่กนิ ทุกวนั )
3.2 ครูให้นักเรียนไปตอบคาถาม “รู้หรือยัง” ในแบบบันทึกกิจกรรมหน้าท่ี 5 โดยครูช่วย
อธิบายให้นักเรียนเข้าใจและสามารถตอบคาถามได้
3.3 ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเพ่ือให้ได้ข้อสรุปว่าลักษณะสาคัญของการสืบเสาะหา
ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ในการหาคาตอบจากคาถามท่ีสงสัย ได้แก่ การมีส่วนร่วมในการต้ังคาถามทาง
วทิ ยาศาสตร์ การรวบรวมข้อมูลหรอื หลักฐานที่เกี่ยวข้อง การอธิบายส่ิงท่ีสงสัยดว้ ยข้อมูลหรอื หลักฐานอย่างมี
เหตุผล การอธิบายเชื่อมโยงสิ่งที่ได้ค้นพบกับความรู้ทางวิทยาศาสตร์ และการส่ือสารสิ่งท่ีได้ค้นพบและให้
เหตุผล การรวบรวมข้อมูลสามารถทาได้โดยใช้การทดลอง ซึ่งมีการต้ังสมมติฐาน การกาหนดตัวแปรต้น ตัว
แปรตาม และตัวแปรที่ตอ้ งควบคมุ ใหค้ งท่ี
ขน้ั ท่ี 4 ขยายความรู้
4.1 ครูชักชวนนักเรียนให้ตอบคาถามท้ายเรื่องท่ีอ่าน ดังน้ี เราจะใช้การสืบเสาะหาความรู้
ทางวิทยาศาสตร์เพื่อหาคาตอบท่ีเราสงสัยได้อย่างไร โดยครูจะยังไม่เฉลยเพื่อให้นักเรียนไปหาคาตอบร่วมกัน
ในกิจกรรมต่อไป

3

ข้ันที่ 5 ประเมนิ
5.1 ประเมินจากการตอบคาถามระหว่างเรียน
5.2 ประเมนิ จากการตอบคาถามในแบบบันทึกกิจกรรม
5.3 บตั รภาพนกั วิทยาศาสตร์

6. สอ่ื
- หนังสอื เรยี นวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.4 เลม่ 1
- แบบบันทึกกจิ กรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.4 เล่ม 1

7. กระบวนการวดั และประเมินผล

จุดประสงค์การเรยี นรู้ วิธีการวดั ผลการ เครอ่ื งมือการวดั ผล เกณฑก์ ารประเมนิ ผล
เรียนรู้ การเรียนรู้
ดา้ นความรู้ (K: Knowledge)
• อธิบายการสืบเสาะหาความรู้ ตรวจชนิ้ งาน ตรวจแบบบันทกึ ผ่านเกณฑ์ไมน่ ้อยกว่า
ทางวทิ ยาศาสตรไ์ ด้
ดา้ นทักษะกระบวนการ (P: ตรวจชิ้นงาน กิจกรรม ร้อยละ 70
Process)
• เขยี นแผนภาพกระบวนการสบื สงั เกตพฤติกรรม ตรวจแบบบันทึก ผา่ นเกณฑ์ไม่น้อยกว่า
เสาะหาความรู้ทางวทิ ยาศาสตร์
ได้ กิจกรรม รอ้ ยละ 70
ดา้ นคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์
(A: Attitude) แบบสงั เกต ผ่านเกณฑ์ไมน่ ้อยกว่า
• ใฝ่เรียนรู้และมุ่งเน้นในการ พฤติกรรม รอ้ ยละ 70
แสวงหาความรู้

4

5

6

แบบประเมินคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
(ใฝ่เรยี นร้แู ละมงุ่ เนน้ ในการแสวงหาความรู้)

เร่ือง การสืบเสาะหาความรู้ทางวทิ ยาศาสตร์

คาชี้แจง จงทาเครอ่ื งหมาย  ลงในช่องทีต่ รงกบั คณุ ลักษณะอนั พึงประสงคท์ ่ีผ้เู รียนแสดงออก โดยจาแนก
ระดับพฤตกิ รรมการแสดงออกไวเ้ ปน็ 3 คะแนน ดงั นี้

3 คะแนน หมายถึง ผู้เรียนมีพฤติกรรมการแสดงออกอย่างสม่าเสมอ
2 คะแนน หมายถงึ ผู้เรียนมีพฤตกิ รรมการแสดงออกเป็นคร้งั คราว
1 คะแนน หมายถึง ผเู้ รียนมีพฤตกิ รรมการแสดงออกนอ้ ยคร้ัง

พฤตกิ รรมบ่งชี้

ลา ัดบชือ่ -สกุล สรุปผลการ
มีความกระ ืตอรือร้น ประเมนิ

ในทางาน

มีความรับผิดชอบ ่ตอ
งาน ี่ทไ ้ดรับมอบหมาย

ทางานเสร็จ ัทนเวลา
มีความสนใจต่อส่ิง ี่ท

ได้รับมอบหมาย
คะแนนรวม

321321321321 ผา่ น ไม่ผา่ น

1 เดก็ ชายปฏิพล ภาษอี นิ ทร์
2 เด็กชายกฤตผล ชกู นิ่
3 เด็กชายชินพัฌน์ ชมสบี าย
4 เด็กชายนิพิฐเดชา สบื ศรี
5 เด็กชายปรมนิ ทร์ วปิ ระทุม
6 เดก็ ชายภาคนิ ปานะพิมพ์
7 เดก็ ชายยุทธนา โสภา
8 เดก็ ชายวรี ยุทธ กุลโฮง
9 เด็กชายจริ วฒั น์ เอีย่ มสาอางค์
10 เดก็ ชายเตชติ วงศศ์ รีทา
11 เด็กชายสรวชิ ญ์ ปแี่ กว้
12 เด็กชายจริ ฐั ิตกิ าล สอ่ งสง
13 เด็กชายปณุ ยวรี ์ อ่อนคา
14 เด็กชายจริ ายุ หมั่นคา
15 เด็กชายชลนที ทองจันทร์
16 เดก็ หญงิ เกศราพร คนยงั
17 เด็กหญิงณฐั ชญา อย่างสวย
18 เด็กหญงิ วัลนสิ า นุ่นปาน
19 เด็กหญงิ กัญญาพชั ธญั ญเจรญิ

7

20 เด็กหญิงปัณฑติ า สุปัญญา
21 เดก็ หญงิ ดาราพร ดา่ นหนา
22 เดก็ หญิงนพชั สร แพทยจ์ ันลา
23 เดก็ หญิงณัฐวรา เพสอนุ่
24 เด็กหญงิ มทุรนิ พลพินจิ
25 เดก็ หญงิ สพุ ิชชา จรงุ กนั
26 เดก็ หญงิ พุทธรักษา พากกระโทก
27 เด็กชายเกริกวทิ ย์ ขอผึ้ง
28 เด็กหญิงนริ ุชา เพชรแท้
29 เดก็ หญงิ ศรีสุพรรณ ศรบี ุญเพง็

เกณฑ์การประเมนิ
ร้อยละ 70 ข้นึ ไป ( 8-12 คะแนน) ผา่ นเกณฑ์
น้อยกว่าร้อยละ 70 ( 0-7 คะแนน ) ไม่ผา่ นเกณฑ์

ลงชอื่ .................................... ......................ครูผ้สู อน
(นายธนภัทร แก้วมะ)

8

บัตรภาพ

9

แบบบันทึกกิจกรรม

10

แบบบนั ทกึ กิจกรรม

11

แบบบนั ทกึ กิจกรรม

12

แบบบนั ทกึ กิจกรรม

13

ใบงาน การสืบเสาะหาความรู้ทางวทิ ยาศาสตร์

คาชี้แจง : ให้นักเรียนเขียนแผนภาพแผนภาพกระบวนการสบื เสาะหาความร้ทู างวิทยาศาสตร์

แผนภาพแผนภาพกระบวนการสืบเสาะหาความรูท้ างวิทยาศาสตร์

14

แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 2 รายวชิ าพ้ืนฐาน
ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4
กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จานวน 10 ชวั่ โมง
รหสั วิชา ว14101 วชิ าวิทยาศาสตร์ 1 จานวน 2 ชม.
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 การเรยี นรูส้ ่ิงต่าง ๆ รอบตวั ภาคเรียนท่ี 1/2565
บทที่ 1 การเรียนรูแ้ บบนกั วิทยาศาสตร์ กิจกรรมที่ 1 ถ่ัวเต้นระบาไดอ้ ยา่ งไร
ผสู้ อน นายธนภัทร แก้วมะ

1. มาตรฐานการเรยี นรู/้ ตวั ชี้วัด
-

2. สาระสาคญั
ความรู้ทางวิทยาศาสตร์เกิดจากความสงสัยของมนุษย์เก่ียวกับสิ่งต่าง ๆ รอบตัว มนุษย์จึงพยายามหา

คาตอบด้วยการสืบเสาะหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ โดยใช้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ซ่ึงมีทั้งที่เป็น
ทกั ษะขน้ั พ้ืนฐาน เชน่ การสงั เกต การวัด การใช้จานวน และทักษะขน้ั ผสม เช่น การตงั้ สมมตฐิ าน การกาหนด
นยิ าม เชิงปฏบิ ัติการ การกาหนดและควบคุมตวั แปร การทดลอง การตีความหมายข้อมลู และลงข้อสรปุ
3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้

1. ใช้การสืบเสาะหาความรทู้ างวิทยาศาสตร์ตอบคาถามทส่ี งสัยได้ (K)
2. ใชท้ ักษะการตั้งสมมตฐิ าน การกาหนดและควบคุมตวั แปรได้ (P)
3. ใฝเ่ รยี นร้แู ละม่งุ เนน้ ในการแสวงหาความรู้ (A)
4. สาระการเรยี นรู้
กิจกรรมนักเรียนจะได้อธิบายการสืบเสาะหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ โดยการทากิจกรรมซ่ึง
ประกอบด้วยการสังเกต การต้ังคาถาม การออกแบบการทดลอง การทดลอง การสรุปผล การสืบค้นข้อมูล
เพ่ิมเติม นาเสนอผล

5. กจิ กรรมการเรียนรู้ (จดั กระบวนการสอนแบบ 5E)

คาบที่ 1 (1 ชม.)
ขั้นที่ 1 สรา้ งความสนใจ

1.1 ครูทบทวนความรู้เกี่ยวกับลักษณะของการสืบเสาะหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ว่ามี
อะไรบ้าง จากนั้นเชื่อมโยงสกู่ ิจกรรมท่ี 1 ถั่วเต้นระทาได้อย่างไร

1.2 นักเรียนอ่านชื่อกิจกรรมท่ี 1 และทาเป็นคิดเป็น โดยร่วมกันอภิปรายทีละประเด็นเพื่อ
ตรวจสอบความเข้าใจเกย่ี วกบั จุดประสงคใ์ นการทากจิ กรรมโดยใช้คาถาม ดงั น้ี

- กิจกรรมทนี่ ักเรียนจะได้เรยี นคือเรื่องอะไร (การสบื เสาะหาความรทู้ างวทิ ยาศาสตร)์
1.3 ครูอธิบายเพิ่มเติมว่า เราจะได้เรียนเร่ืองน้ีด้วยวิธีการทากิจกรรมโดยใช้การสังเกต การ
ทดลอง การสรปุ ผลและการนาเสนอความรทู้ ี่ได้
1.4 นักเรยี นบนั ทึกจุดประสงคล์ งในแบบบันทกึ กิจกรรมหนา้ 6 และอ่านสง่ิ ทต่ี ้องใชใ้ นการทา
กจิ กรรม ครแู นะนาวสั ดอุ ปุ กรณส์ าหรับการทากจิ กรรม

15

ข้นั ที่ 2 สารวจและคน้ หา
2.1 นักเรียน อ่านทาอย่างไร ในหน้าท่ี 10 ทีละข้อ แล้วร่วมกันอภิปรายเพ่ือสรุปลาดับ

ขน้ั ตอนตามความเข้าใจ ครูเขียนสรุปข้ันตอนบนกระดานและนาอภปิ รายตามแนวคาถามดังนี้
- นักเรียนตอ้ งเร่ิมตน้ สงั เกตอะไร (สงั เกตผลท่ีเกดิ ขนึ้ เมอื่ ใสเ่ มลด็ ถ่วั เขียว 2-3 เมลด็ ลงใน

แกว้ น้าโซดา)
- นักเรียนตอ้ งทาอะไรในลาดบั ถดั ไป (สงั เกตวัสดอุ ุปกรณ์ท่ีครูเตรยี มไว้แลว้ ต้งั คาถามที่

สงสยั โดยใช้ผลการสังเกตเมล็ดถว่ั เขียวในน้าโซดามาเป็นแนวในการตัง้ คาถาม)
- เม่อื ตั้งคาถามได้แลว้ นกั เรยี นแตล่ ะกล่มุ ตอ้ งทาอะไรตอ่ ไป (เลอื กคาถามทีส่ ามารถนาไปสู่

การทดลองและร่วมกันตั้งสมมติฐาน กาหนดตัวแปรท่ีเกี่ยวข้อง ออกแบบการทดลอง และเขียนแผนภาพสรุป
ข้ันตอนการทดลอง)

- จากนั้นนักเรยี นตอ้ งสบื คน้ ข้อมลู เรื่องอะไร (เรื่องที่ทดลองคือ การเตน้ ระบาของถ่ัว)
- นักเรียนสืบค้นข้อมูลจากท่ีใด (สืบค้นจากอินเทอร์เน็ต ผู้รู้ หนังสือท่ีเช่ือถือได้ ซึ่งครูเป็นผู้
แนะนา
- เพราะเหตุใดนักเรียนต้องสบื ค้นข้อมลู เพิม่ เติมเกี่ยวกับเรือ่ งที่ทดลอง (เพอื่ นาความร้มู าปรับ
คาอธบิ ายในผลทสี่ งั เกตไดจ้ ากการทดลอง)
- ในข้นั ตอนสุดทา้ ยนกั เรียนตอ้ งทาอะไร (นาเสนอความร้ใู นรูปแบบทีน่ ่าสนใจ)
2.2 เม่ือนักเรียนเข้าใจวิธีการทากิจกรรมแล้วให้นักเรียนเร่ิมทากิจกรรมทีละข้อและบันทึก
ผลในแบบบนั ทกึ กจิ กรรมหน้า 6-7 ดงั นี้
- สงั เกตผลทเี่ กิดขึน้ เมอ่ื หย่อนเมลด็ ถวั่ ลงในแกว้ น้าโซดา
- สังเกตวัสดอุ ปุ กรณ์และต้งั คาถามทส่ี งสยั
- รว่ มกนั เลอื กคาถามทน่ี าไปทดลองได้บันทึกผล
- ร่วมกนั ตงั้ สมมติฐาน กาหนดตัวแปรท่เี ก่ียวข้อง ออกแบบการทดลอง

คาบท่ี 2 (1ชม.)
2.3 ทดลองและสังเกตผลท่ไี ด้ บันทกึ ผลและรว่ มกนั อภปิ รายและสรปุ ผลการทดลอง
2.4 สืบคน้ ข้อมูลเพิม่ เติมเก่ยี วกับเรือ่ งท่ีทดลองและปรับคาอธบิ าย บนั ทกึ ผล
ขนั้ ที่ 3 อธบิ ายและลงข้อสรุป
3.1 นาเสนอความร้ทู ่คี ้นพบ จากนนั้ ครแู ละนักเรียนรว่ มกนั อภิปรายโดยใช้คาถามดงั ต่อไปนี้
- นักเรียนมสี ่วนรว่ มในการตั้งคาถามซ่งึ เป็นลกั ษณะหน่ึงของการสบื เสาะหาความรู้ทาง
วทิ ยาศาสตร์หรือไม่อยา่ งไร (มีส่วนรว่ มในการตั้งคาถามซึ่งเปน็ คาถามท่นี าไปสกู่ ารทดลองได)้
- คาถามท่ีนาไปสูก่ ารทดลองมีคาถามอะไรบ้าง (นกั เรียนตอบตามคาถามท่ีต้ังขนึ้ )
- นักเรียนรวบรวมข้อมูลหรือหลักฐานท่ีเกี่ยวข้องหรือไม่อย่างไรจงอธิบาย (รวบรวมข้อมูล
โดยออกแบบการทดลองและทดลอง) ครูอาจสุม่ ให้นกั เรียนเล่าขนั้ ตอนการทดลองใหเ้ พอื่ นฟงั
- นักเรียนได้อธิบายเชื่อมโยงสิ่งท่ีค้นพบกับความรู้ทางวิทยาศาสตร์หรือไม่อย่างไร (ได้มีการ
สืบค้นข้อมูลเพ่ิมเติมเก่ียวกับการเต้นระบาของถั่วจากแหล่งการเรียนรู้ที่เช่ือถือได้ เพ่ือนาความรู้มาปรับ
คาอธบิ ายท่ไี ดจ้ ากการสงั เกตใหน้ า่ เช่อื ถอื มากขน้ึ )

16

- นักเรียนสื่อสารสิ่งที่ค้นพบและให้เหตุผลหรือไม่อย่างไร (มีการนาเสนอส่ิงท่ีค้นพบให้เพ่ือน
ฟัง)

3.2 ครูและนกั เรียนรว่ มกันเชอื่ มโยงสงิ่ ท่ีไดเ้ รยี นรู้จากกิจกรรมเพอ่ื ลงความเห็นว่าในกิจกรรม
น้ี นักเรียนได้ฝึกเรียนรู้ลักษณะสาคญั 5 ลักษณะของการสืบเสาะหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์จนได้คาตอบจาก
คาถามที่สงสัย ได้แก่ การมีส่วนร่วมในการตั้งคาถามทางวิทยาศาสตร์ การรวบรวมข้อมูลหรือหลักฐานท่ี
เกี่ยวข้อง การอธิบายสิ่งที่สงสัยด้วยข้อมูลหรือหลักฐานอย่างมีเหตุผล การอธิบายเชื่อมโยงสิ่งท่ีค้นพบกับ
ความร้ทู างวทิ ยาศาสตร์ และการสอื่ สารส่งิ ท่คี น้ พบและให้เหตุผล

ขน้ั ท่ี 4 ขยายความรู้
4.1 นักเรียนร่วมกันอภิปรายคาตอบในฉันรู้อะไรโดยครูอาจเพ่ิมเติมคาถามในการอภิปราย

เพือ่ ให้ไดแ้ นวคาตอบทถี่ ูกต้อง
4.2 .นักเรียนร่วมกันอ่านรู้อะไรในเร่ืองนี้ เรื่องที่ 1 การสืบเสาะหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์

ในหนงั สือเรียนหนา้ 13
ขัน้ ที่ 5 ประเมิน
5.1 ประเมินจากการตอบคาถามระหว่างเรยี น
5.2 ประเมนิ จากการตอบคาถามในแบบบนั ทึกกิจกรรม

6. สอื่ /อุปกรณ์
6.1 สอ่ื
- หนงั สอื เรยี นวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.4 เลม่ 1
- แบบบนั ทึกกิจกรรมวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ป.4 เลม่ 1
6.2 อปุ กรณ์
- เมล็ดถ่ัวเขียว
- น้าโซดา 1 ขวด
- น้าอดั ลมไม่มสี ี 1 ขวด
- แกว้ พสาสตกิ 3 ใบ
- นา้ เปลา่

17

7. กระบวนการวดั และประเมนิ ผล

จุดประสงค์การเรียนรู้ วธิ กี ารวดั ผลการ เครอ่ื งมอื การวดั ผล เกณฑก์ ารประเมนิ ผล
เรียนรู้ การเรียนรู้
ดา้ นความรู้ (K: Knowledge)
• ใช้การสืบเสาะหาความรู้ทาง ตรวจช้นิ งาน ตรวจแบบบนั ทกึ ผา่ นเกณฑ์ไม่น้อยกว่า
วิทยาศาสตร์ตอบคาถามที่สงสัย
ได้ ตรวจชน้ิ งาน กจิ กรรม ร้อยละ 70
ดา้ นทักษะกระบวนการ (P:
Process) สงั เกตพฤตกิ รรม ใบกิจกรรมท่ี 1.1 ผา่ นเกณฑ์ไมน่ ้อยกวา่
• ใช้ทักษะการตง้ั สมมตฐิ าน การ ร้อยละ 70
กาหนดและควบคมุ ตัวแปรได้
ดา้ นคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ แบบสงั เกต ผา่ นเกณฑ์ไม่น้อยกว่า
(A: Attitude) พฤติกรรม ร้อยละ 70
• นักเรียนใฝ่เรียนรู้และมุ่งเน้น
ในการแสวงหาความรู้

18

19

20

แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์
(ใฝ่เรียนรแู้ ละม่งุ เนน้ ในการแสวงหาความรู้)

เรอ่ื ง ถัว่ เตน้ ระบาได้อย่างไร

คาชแี้ จง จงทาเครื่องหมาย  ลงในชอ่ งที่ตรงกบั คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ท่ีผู้เรียนแสดงออก โดยจาแนก
ระดบั พฤติกรรมการแสดงออกไว้เป็น 3 คะแนน ดงั นี้

3 คะแนน หมายถึง ผเู้ รยี นมีพฤติกรรมการแสดงออกอยา่ งสม่าเสมอ
2 คะแนน หมายถึง ผเู้ รียนมีพฤตกิ รรมการแสดงออกเปน็ ครง้ั คราว
1 คะแนน หมายถงึ ผู้เรียนมีพฤตกิ รรมการแสดงออกนอ้ ยครั้ง

พฤตกิ รรมบ่งช้ี

ลา ัดบชอ่ื -สกุล สรุปผลการ
มีความกระ ืตอรือร้น ประเมนิ

ในทางาน

มีความรับผิดชอบ ่ตอ
งาน ี่ทไ ้ดรับมอบหมาย

ทางานเสร็จ ัทนเวลา
มีความสนใจต่อส่ิง ี่ท

ได้รับมอบหมาย
คะแนนรวม

321321321321 ผา่ น ไม่ผา่ น

1 เด็กชายปฏิพล ภาษีอินทร์
2 เด็กชายกฤตผล ชูก่นิ
3 เดก็ ชายชินพัฌน์ ชมสบี าย
4 เดก็ ชายนพิ ฐิ เดชา สืบศรี
5 เดก็ ชายปรมนิ ทร์ วิประทุม
6 เดก็ ชายภาคิน ปานะพมิ พ์
7 เด็กชายยุทธนา โสภา
8 เดก็ ชายวีรยุทธ กุลโฮง
9 เด็กชายจิรวฒั น์ เอีย่ มสาอางค์
10 เดก็ ชายเตชิต วงศ์ศรีทา
11 เดก็ ชายสรวชิ ญ์ ปี่แกว้
12 เดก็ ชายจริ ฐั ิตกิ าล สอ่ งสง
13 เด็กชายปุณยวีร์ ออ่ นคา
14 เดก็ ชายจิรายุ หม่นั คา
15 เดก็ ชายชลนที ทองจนั ทร์
16 เด็กหญงิ เกศราพร คนยงั
17 เดก็ หญิงณฐั ชญา อย่างสวย
18 เดก็ หญิงวลั นสิ า นนุ่ ปาน
19 เดก็ หญิงกัญญาพชั ธญั ญเจรญิ

21

20 เดก็ หญงิ ปัณฑติ า สุปัญญา
21 เดก็ หญิงดาราพร ด่านหนา
22 เดก็ หญิงนพชั สร แพทย์จันลา
23 เดก็ หญิงณัฐวรา เพสอนุ่
24 เด็กหญงิ มทุริน พลพินิจ
25 เด็กหญงิ สุพิชชา จรงุ กัน
26 เด็กหญงิ พุทธรกั ษา พากกระโทก
27 เด็กชายเกริกวทิ ย์ ขอผงึ้
28 เด็กหญงิ นิรชุ า เพชรแท้
29 เดก็ หญงิ ศรีสุพรรณ ศรีบุญเพ็ง

เกณฑก์ ารประเมิน
ร้อยละ 70 ข้นึ ไป ( 8-12 คะแนน) ผ่านเกณฑ์
น้อยกว่ารอ้ ยละ 70 ( 0-7 คะแนน ) ไมผ่ ่านเกณฑ์

ลงชอื่ ..........................................................ครูผ้สู อน
(นายธนภัทร แก้วมะ)


Click to View FlipBook Version