22
แบบบนั ทกึ กิจกรรม
23
แบบบนั ทกึ กิจกรรม
24
แผนการจัดการเรียนรูท้ ี่ 3
กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ าพ้ืนฐาน
รหัสวชิ า ว14101 วิชาวทิ ยาศาสตร์ 1 ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4
หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 1 การเรียนร้สู ง่ิ ต่าง ๆ รอบตัว จานวน 10 ช่ัวโมง
บทท่ี 1 การเรียนรูแ้ บบนกั วิทยาศาสตร์ เรอ่ื ง การวดั และการใชจ้ านวนของนักวทิ ยาศาสตร์
กิจกรรมที่ 2.1 การวัดทาได้อย่างไร จานวน 3 ชม.
ผู้สอน นายธนภทั ร แกว้ มะ ภาคเรยี นท่ี 1/2565
1. มาตรฐานการเรยี นรู/้ ตวั ช้ีวดั
-
2. สาระสาคัญ
ความรู้ทางวิทยาศาสตรเ์ กิดจากความสงสัยของมนุษย์เก่ียวกับส่ิงต่าง ๆ รอบตัว มนุษย์จึงพยายามหา
คาตอบด้วยการสืบเสาะหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ โดยใช้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ซ่ึงมีท้ังที่เป็น
ทักษะข้นั พื้นฐาน เช่น การสังเกต การวัด การใช้จานวน และทักษะขน้ั ผสม เช่น การตงั้ สมมติฐาน การกาหนด
นิยามเชงิ ปฏบิ ัตกิ าร การกาหนดและควบคมุ ตวั แปร การทดลอง การตีความหมายขอ้ มูลและลงขอ้ สรุป
3. จุดประสงค์การเรียนรู้
1. อธบิ ายประโยชนข์ องทักษะการวัดได้ (K)
2. สามารถใช้ทกั ษะการวัดในการหามวลและปริมาตรของวตั ถไุ ด้ (P)
3. ใฝเ่ รยี นรแู้ ละมุ่งเน้นในการแสวงหาความรู้ (A)
4. สาระการเรียนรู้
- ทักษะกระบวนการวดั
5. กจิ กรรมการเรยี นรู้ (จดั กระบวนการสอนแบบ 5E)
คาบที่ 1 (1ชม.)
ขั้นที่ 1 สรา้ งความสนใจ
1.1 นักเรยี นอ่าน ชื่อเร่อื ง คดิ ก่อนอา่ น และคาสาคญั
ขน้ั ท่ี 2 สารวจและคน้ หา
2.1 ครูชวนนักเรียนอ่านเน้ือเร่ืองตามวิธีการอ่านท่ีเหมาะสมกับความสามารถของนักเรียน
จากนัน้ ร่วมกันอภปิ รายใจความสาคัญโดยใช้คาถาม ดังนี้
- การวัดอณุ หภูมขิ องรา่ งกายทาได้อยา่ งไรบ้าง (ใช้มือแตะหนา้ ผาก หรือใช้เทอร์มอมิเตอร)์
- เพราะเหตุใดจงึ ตอ้ งใช้เครื่องมือในการวัดอณุ หภูมิ (เพราะจะได้ข้อมูลทถ่ี ูกต้องและแมน่ ยา
มากกว่า)
- หนว่ ยท่ีได้จากการวัดอณุ หภูมโิ ดยใช้เทอรม์ อมเิ ตอร์หน่วยอะไรบ้าง (องศาเซลเซียส, องศา
ฟาเรนไฮต)์
- สิ่งทีไ่ ด้จากการวดั อุณหภูมิด้วยเทอร์มอมิเตอร์มีอะไรบ้าง (ตัวเลขท่ีบอกปรมิ าณและหนว่ ยที่
บอกปริมาณ)
25
- ปริมาณยาทห่ี มอสงั่ ให้คนไขพ้ ิจารณาจากสิง่ ใด (อาการของโรค อายุและสภาพรา่ งกาย)
- เด็กชายอายุ 10 ปี นา้ หนัก 30 กโิ ลกรัม ควรรับประทานยาลดไขไ้ ม่เกินวนั ละเท่าใดและรู้
ได้อยา่ งไร (2,250 กรมั จากการคานวณโดยใช้นา้ หนกั 30 กโิ ลกรมั มาคณู กับ 75 กรมั )
- การใช้จานวนหมายถงึ อะไร (เปน็ การจัดกระทาขอ้ มูลให้เกดิ ค่าใหมด่ ้วยวธิ ีต่าง ๆ เช่น การ
บวก การลบ การคูณ การหารจากข้อมูลที่ได้จากการวัดหรอื อ่ืน ๆ ซงึ่ คา่ น้นั มีปริมาณและหนว่ ยกากบั )
- การตคี วามหมายขอ้ มูลและลงขอ้ สรุปหมายถงึ อะไร (การบรรยายลกั ษณะของข้อมลู ท่ี
รวบรวมไว้และบอกความสัมพันธ์ของข้อมูล)
- ในเรื่องน้ีการวัดมีประโยชน์อย่างไร (ชว่ ยใหท้ ราบอณุ หภมู ิของร่างกาย)
- การใช้จานวนมีประโยชน์อย่างไร (คานวณปรมิ าณยาได้ละเอียดและถูกต้อง เหมาะสมกับ
อายุ สภาพร่างกาย)
2.2 ครูและนักเรียนช่วยกันสรุปเรื่องท่ีอ่านซึ่งสรุปได้ว่าการวัดอุณหภูมิ ของร่างกายอาจใช้
หลังมือแตะหน้าผากหรือใช้เคร่ืองมือวัดอุณหภูมิได้แก่เทอร์มอมิเตอร์ ซ่ึงการวัดด้วยเทอร์มอมิเตอร์จะได้ค่า
เปน็ ตวั เลขและมีหน่วยกากับ
2.3 นกั เรียนตอบคาถามใน รหู้ รือยงั ในแบบบนั ทึกกิจกรรม หน้า 11
2.4 ครแู ละนกั เรียนรว่ มกันอภปิ รายเพอ่ื เปรียบเทยี บคาตอบของนักเรียนในรู้หรอื ยังกับ
คาตอบท่เี คยตอบและบนั ทึกไว้ในคดิ ก่อนอา่ น
คาบท่ี 2 (1ชม.)
2.5 นกั เรียนอ่าน ทาเปน็ คิดเป็น สง่ิ ท่ีต้องใช้ และทาอย่างไร ตอนที่ 1
2.6 ครูแนะนาอุปกรณ์ทีต่ ้องใช้และวิธีใช้
2.7 นักเรยี นทาการทดลองตอนท่ี 1 ดังนี้
- นักเรียนแต่ละคนในกลุ่มสังเกตและคาดคะเนมวลของผลไม้ โดยวางผลไม้บนมือข้างหน่ึง
บันทึกผล
- รว่ มกันสงั เกตเคร่ืองช่ัง อภิปรายวิธกี ารใชง้ าน และนาเสนอ
- ซ่งึ มวลของผลไม้ทสี่ ังเกตไวโ้ ดยใช้เครอ่ื งชั่ง และบนั ทึกผล
- อภิปรายเพ่ือเปรียบเทยี บผลท่ีได้จากการคาดคะเนมวลของผลไม้ กบั มวลที่ได้จากเคร่ืองช่ัง
และนาเสนอ
2.8 ครนู าผลการทากจิ กรรมมาอภิปรายรว่ มกัน โดยอาจใช้คาถามดงั นี้
- การช่งั มวลใช้อุปกรณ์ใด (เคร่ืองชงั่ แบบคาน 3 แขน)
- หน่วยของมวลคืออะไร (กรมั )
2.9 ครูและนักเรียนร่วมกนั สรุปกิจกรรมตอนท่ี 1 วา่ การชั่งมวลของวัตถุ
ทาได้โดยใชเ้ ครืองช่ังแบบคาน 3 แขน หน่วยของมวลคอื กรัม
26
คาบที่ 3 (1ชม.)
2.10 ครูทบทวนบทเรียนโดยใช้คาถามดังนี้
- คาบท่ีแล้วเราทากจิ กรรมอะไร (ชั่งผลไม้โดยใชเ้ ครือ่ งชง่ั )
- หนว่ ยของมวลคืออะไร (กรมั )
2.11 นกั เรียนอ่านทาอยา่ งไร ตอนที่ 2
2.12 ครูแนะนาอปุ กรณ์ที่ตอ้ งใช้และวิธใี ช้
2.13 นกั เรยี นทาการทดลองตอนที่ 2 ดังน้ี
- ร่วมกันสังเกตอุปกรณ์ ได้แก่ บีกเกอร์ และกระบอกตวง อภิปราย วิธีการใช้อุปกรณ์ และ
นาเสนอ
- คาดคะเนและบันทึกว่า อุปกรณ์ใดบ้างที่ใช้ตวงน้าสีปริมาตร 20 ลูกบาศก์เซนติเมตร ได้
อยา่ งถูกต้อง
- ทากจิ กรรมเพ่อื ตรวจสอบการคาดคะเน และบนั ทกึ ผล
- คาดคะเนและบันทึกว่า อุปกรณ์ใดบ้างที่ใช้ตวงน้าสีปริมาตร 17 ลูกบาศก์เซนติเมตร ได้
อยา่ งถูกตอ้ ง
- ทากจิ กรรมเพื่อตรวจสอบการคาดคะเน และบันทึกผล
- ร่วมกันอภิปรายว่า อุปกรณ์ชนิดใดเหมาะสมที่สุดที่สามารถทราบ ปริมาตรน้าสีได้ถูกต้อง
บันทกึ ผล
2.14 ครแู ละนักเรียนรว่ มกันอภิปรายผลการทากิจกรรม ดังนี้
- บีกเกอรแ์ ละกระบอกตวงเป็นอุปกรณ์ใช้ทาอะไร (ตวงปริมาตร
ของเหลว)
- หน่วยที่ได้จากการตวงปรมิ าตรคอื หน่วยอะไร (มิลลลิ ิตร)
- อุปกรณ์ชนิดใดเหมาะท่ีจะดวงปริมาตรน้าสี เพราะเหตุใด (กระบอกตวง เพราะมีสเกล
ละเอยี ดกวา่ ทาใหด้ วงปริมาตรได้ถูกต้องมากกว่า)
2.15 ครูและนักเรียนร่วมกนั อภิปรายจนได้ข้อสรุปวา่ การตวงสารสามารถใชอ้ ุปกรณท์ ี่มี
สเกลในการตวงสาร อุปกรณ์ที่มีสเกลละเอียดมากกว่าจะทาให้ตวงสารไดถ้ ูกต้องมากกว่า
ขนั้ ที่ 3 อธบิ ายและลงขอ้ สรุป
3.1 นกั เรียนร่วมกนั อภปิ รายคาตอบในฉันรู้อะไร
3.2 นักเรียนอา่ นส่งิ ที่ได้เรียนรู้
3.3 นักเรียนต้ังคาถามในอยากรู้อีกว่า จากน้ันครูสุ่มนักเรียน 2-3 คน นาเสนอคาถามของ
ตนเองหนา้ ช้ันเรียน
3.4 ครนู าอภปิ รายเพ่ือให้นักเรียนทบทวนว่าไดฝ้ กึ ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์และ
ทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21 อะไรบา้ งและในข้ันตอนใดบา้ งและให้บันทึกในแบบบนั ทึกกจิ กรรมหน้า 16
ขน้ั ท่ี 4 ขยายความรู้
4.1 ในชวี ิตประจาวนั ของนกั เรยี นนกั เรยี นใช้ทกั ษะการวัดในการวดั อะไรบ้าง
27
ขั้นที่ 5 ประเมิน
5.1 ประเมนิ จากการตอบคาถามระหว่างเรียน
5.2 ประเมินจากการตอบคาถามในแบบบนั ทึกกจิ กรรม
6. สอ่ื /อุปกรณ์
6.1 สอ่ื
- หนังสอื เรยี นวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ป.4 เลม่ 1
- แบบบันทึกกิจกรรมวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ป.4 เล่ม 1
6.2 อปุ กรณ์
- น้าสี
- ภาชนะใส่น้าสี
- ผลไม้ เชน่ สม้
- บกี เกอร์
- กระบอกตวง
- เคร่อื งชัง่ แบบคาน 3 แขน
7. กระบวนการวดั และประเมนิ ผล
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ วธิ ีการวัดผลการ เคร่อื งมือการวัดผล เกณฑ์การประเมนิ ผล
เรียนรู้ การเรยี นรู้
ด้านความรู้ (K: Knowledge)
• อธบิ ายประโยชนข์ องทักษะ ตรวจชิน้ งาน ตรวจแบบบันทึก ผา่ นเกณฑ์ไม่น้อยกว่า
การวัดได้
ด้านทักษะกระบวนการ (P: ตรวจชน้ิ งาน กิจกรรม ร้อยละ 70
Process)
• สามารถใชท้ กั ษะการวดั ในการ สงั เกตพฤติกรรม ตรวจแบบบันทึก ผา่ นเกณฑ์ไมน่ ้อยกวา่
หามวลและปริมาตรของวตั ถไุ ด้
ดา้ นคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ กิจกรรม ร้อยละ 70
(A: Attitude)
• ใฝ่เรียนรู้และมุ่งเน้นในการ แบบสังเกต ผา่ นเกณฑ์ไม่น้อยกว่า
แสวงหาความรู้ พฤติกรรม ร้อยละ 70
28
29
30
แบบประเมินคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
(ใฝ่เรยี นร้แู ละมงุ่ เน้นในการแสวงหาความรู้)
เรื่อง การวัดทาได้อย่างไร
คาชี้แจง จงทาเคร่อื งหมาย ลงในช่องทต่ี รงกับคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ที่ผเู้ รียนแสดงออก โดยจาแนก
ระดบั พฤตกิ รรมการแสดงออกไว้เปน็ 3 คะแนน ดงั น้ี
3 คะแนน หมายถงึ ผูเ้ รียนมีพฤติกรรมการแสดงออกอยา่ งสม่าเสมอ
2 คะแนน หมายถงึ ผู้เรยี นมพี ฤตกิ รรมการแสดงออกเปน็ คร้ังคราว
1 คะแนน หมายถึง ผู้เรยี นมพี ฤติกรรมการแสดงออกนอ้ ยคร้ัง
พฤตกิ รรมบ่งชี้
ลา ัดบชื่อ-สกุล สรุปผลการ
มีความกระ ืตอรือร้น ประเมนิ
ในทางาน
มีความรับผิดชอบ ่ตอ
งาน ี่ทไ ้ดรับมอบหมาย
ทางานเสร็จ ัทนเวลา
มีความสนใจต่อส่ิง ี่ท
ได้รับมอบหมาย
คะแนนรวม
321321321321 ผา่ น ไมผ่ า่ น
1 เดก็ ชายปฏพิ ล ภาษอี ินทร์
2 เด็กชายกฤตผล ชูกน่ิ
3 เด็กชายชินพฌั น์ ชมสบี าย
4 เดก็ ชายนิพิฐเดชา สืบศรี
5 เด็กชายปรมินทร์ วิประทุม
6 เด็กชายภาคนิ ปานะพมิ พ์
7 เด็กชายยทุ ธนา โสภา
8 เด็กชายวีรยุทธ กลุ โฮง
9 เดก็ ชายจิรวฒั น์ เอี่ยมสาอางค์
10 เดก็ ชายเตชติ วงศ์ศรีทา
11 เดก็ ชายสรวชิ ญ์ ปแ่ี กว้
12 เด็กชายจริ ัฐิตกิ าล สอ่ งสง
13 เด็กชายปุณยวรี ์ ออ่ นคา
14 เด็กชายจิรายุ หมัน่ คา
15 เด็กชายชลนที ทองจันทร์
16 เดก็ หญงิ เกศราพร คนยงั
17 เดก็ หญงิ ณัฐชญา อย่างสวย
18 เด็กหญิงวลั นสิ า นุ่นปาน
19 เดก็ หญงิ กัญญาพชั ธญั ญเจรญิ
31
20 เดก็ หญงิ ปัณฑติ า สุปัญญา
21 เดก็ หญิงดาราพร ด่านหนา
22 เดก็ หญิงนพชั สร แพทย์จันลา
23 เดก็ หญิงณัฐวรา เพสอนุ่
24 เด็กหญงิ มทุริน พลพินิจ
25 เด็กหญงิ สุพิชชา จรงุ กัน
26 เด็กหญงิ พุทธรกั ษา พากกระโทก
27 เด็กชายเกริกวทิ ย์ ขอผงึ้
28 เด็กหญงิ นิรชุ า เพชรแท้
29 เดก็ หญงิ ศรีสุพรรณ ศรีบุญเพ็ง
เกณฑก์ ารประเมิน
ร้อยละ 70 ข้นึ ไป ( 8-12 คะแนน) ผ่านเกณฑ์
น้อยกว่ารอ้ ยละ 70 ( 0-7 คะแนน ) ไมผ่ ่านเกณฑ์
ลงชอื่ ..........................................................ครูผ้สู อน
(นายธนภัทร แก้วมะ)
32
แบบบนั ทกึ กิจกรรม
33
แบบบนั ทกึ กิจกรรม
34
แบบบนั ทกึ กิจกรรม
35
คาถามท้ายกจิ กรรม
36
คาถามท้ายกจิ กรรม
37
สไลด์สว่ นประกอบและวิธใี ช้เครอ่ื งช่ังแบบคาน 3 แขน
38
แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ 4 รายวชิ าพ้ืนฐาน
ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 4
กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี จานวน 10 ชวั่ โมง
รหสั วชิ า ว14101 วิชาวทิ ยาศาสตร์ 1
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 การเรยี นร้สู ง่ิ ตา่ ง ๆ รอบตวั จานวน 1 ชม.
บทที่ 1 การเรยี นรูแ้ บบนกั วทิ ยาศาสตร์ ภาคเรยี นที่ 1/2565
กจิ กรรมท่ี 2.1 การใช้จานวนทาได้อย่างไร
ผู้สอน นายธนภทั ร แกว้ มะ
1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวชี้วดั
-
2. สาระสาคญั
ความรู้ทางวิทยาศาสตรเ์ กิดจากความสงสัยของมนุษย์เกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ รอบตัว มนุษย์จึงพยายามหา
คาตอบด้วยการสืบเสาะหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ โดยใช้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ซ่ึงมีทั้งที่เป็น
ทักษะขน้ั พ้นื ฐาน เช่น การสงั เกต การวัด การใช้จานวน และทักษะขน้ั ผสม เช่น การตงั้ สมมตฐิ าน การกาหนด
นิยาม เชิงปฏิบัตกิ าร การกาหนดและควบคมุ ตัวแปร การทดลอง การตคี วามหมายขอ้ มลู และลงข้อสรปุ
3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
1. อธบิ ายวิธีการหาค่าเฉลย่ี ได้ (K)
2. สามารถใช้ทกั ษะการใชจ้ านวนเพ่อื บอกปริมาณท่ีได้จากการวดั สิ่งต่างๆ (P)
3. ใฝ่เรยี นรู้และม่งุ เนน้ ในการแสวงหาความรู้ (A)
4. สาระการเรยี นรู้
- ทักษะการใช้จานวน
5. กจิ กรรมการเรยี นรู้ (จดั กระบวนการสอนแบบ 5E)
ข้นั ที่ 1 สรา้ งความสนใจ
1.1 ครูทบทวนบทเรยี นในคาบที่ผ่านมาโดยใช้ คาถามดงั นี้
- ชว่ั โมงทแี่ ล้วเราเรยี นเร่อื งอะไร (ทักษะการวัด)
- ทักษะการวดั มปี ระโยชน์อย่างไร (ใช้วดั เพ่ือบอกปริมาณต่างๆของวสั ดุท่ีต้องการทราบ)
1.2 นกั เรยี นอ่านชอ่ื กิจกรรมและ ทาเปน็ คิดเป็น ในหนงั สอื เรียนหนา้ 20 ครูตรวจสอบ
ความเขา้ ใจของนกั เรียนเกี่ยวกบั ส่ิงท่ีจะเรยี นโดยใช้คาถาม ดังตอ่ ไปน้ี
- กจิ กรรมนนี้ ักเรยี นจะได้เรยี นเกี่ยวกบั เรือ่ งอะไร (ทกั ษะการใชจ้ านวน)
- นกั เรยี นจะเรยี นเรอ่ื งนี้ดว้ ยวิธใี ด (การใชจ้ านวน)
- เมอ่ื เรียนแลว้ นักเรยี นจะทาอะไรได้ (อธิบายทกั ษะการใชจ้ านวน)
ขน้ั ที่ 2 สารวจและคน้ หา
2.1 ครูนาเข้าสู่กจิ กรรมโดยให้นกั เรยี นอ่าน ทาอยา่ งไร ในหนงั สอื เรียนหนา้ 20 โดยใชว้ ิธกี าร
อา่ นตามความเหมาะสมกบั ความสามารถของนักเรียน
39
2.2 นักเรียนเริม่ ทากจิ กรรมทลี ะข้อและบันทึกผลในแบบบนั ทึกกิจกรรมหนา้ 18 ดังน้ี
- ชั่งมวลผลไม้จานวน 5 ครง้ั บนั ทกึ ผล
- หาค่าเฉล่ยี มวลของผลไม้ บนั ทึกผล
- คานวณหาจานวนผลไมท้ ี่บรรจใุ นถุงได้ไมเ่ กนิ 1 กโิ ลกรัม บนั ทึกผล
- อภิปรายและลงขอ้ สรุป
ขน้ั ท่ี 3 อธิบายและลงขอ้ สรุป
3.1 นักเรียนนาผลจากการทากจิ กรรมมาอภปิ รายร่วมกัน โดยอาจใชค้ าถามดังต่อไปน้ี
- มวลของผลไมท้ ชี่ ง่ั ไดท้ ัง้ 5 ครง้ั เหมอื นหรือแตกตา่ งกันอยา่ งไร (นักเรยี นตอบตามความ
เขา้ ใจ)
- คา่ เฉล่ยี มวลของผลไมเ้ ป็นเท่าใดคานวณได้อยา่ งไร (คาตอบค่าเฉลีย่ มวลข้นึ อยกู่ ับ
นักเรยี น วธิ ีคานวณคอื นาผลรวมของมวลทัง้ 5 ครงั้ มาหารด้วยจานวนครง้ั ที่ชั่ง)
- เราสามารถบรรจุผลไม้ในถุงได้ก่ีผลและคานวณได้อย่างไร (คาตอบเกี่ยวกับจานวนผลท่ี
บรรจไุ ด้ในถุงข้ึนอยู่กับคาตอบของนักเรียน คานวณโดยใช้การบวกหรอื การหาร เช่น ถ้าเปน็ การบวกอาจนาค่า
มวลผลไม้ 1 ผล มาบวกกนั ทลี ะผลเรอื่ ย ๆ จนตัวเลขใกล้เคยี ง 1,000 กรมั มากท่สี ุด แตไ่ มเ่ กิน 1,000 กรัม)
3.2 ครูและนักเรียนร่วมกันอภปิ รายและสรุปกจิ กรรมนี้ว่าเป็นการเรียนรู้ทักษะการใชจ้ านวน
ผา่ นการทากจิ กรรมชั่งมวลของผลไม้ หาคา่ เฉลีย่ มวลของผลไม้ และหาจานวนผลไมท้ ใี่ สใ่ นถงุ ไมเ่ กนิ 1 กิโลกรมั
3.3 นกั เรียนร่วมกันอภปิ รายคาตอบใน ฉนั รู้อะไร
3.4 นักเรียนสรุปส่ิงท่ีได้เรียนรู้จากกิจกรรมนี้ จากน้ันนักเรียนอ่านส่ิงท่ีได้เรียนรู้และ
เปรียบเทยี บกับข้อสรุปของตนเอง
3.5 ครูนาอภิปรายเพ่ือให้นักเรียนทบทวนว่าได้ฝึกทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และ
ทักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 ในข้ันตอนใดบ้าง
3.6 นักเรียนร่วมกันอ่าน รู้อะไรในเรื่องน้ี เร่ืองที่ 2 การวดั และการใช้จานวนในหนังสอื เรียน
หน้า 22-23 ครู นาอภิปรายเพื่อนาไปสู่ข้อสรุปเกี่ยวกับสิ่งที่ได้เรียนรู้ในเร่ืองน้ี จากน้ันครูชักชวนให้นักเรียน
ตอบคาถาม เช่น จะใช้วิธีการใดและอุปกรณ์ใดในการหาปริมาตรนมท่ีเหลืออยู่ในกล่องหรือในถุง ครูและ
นักเรยี นร่วมกันอภิปรายแนวทางการตอบคาถาม โดยเนน้ ใหน้ กั เรียนตอบคาถามพร้อมอธบิ ายเหตผุ ลประกอบ
ขนั้ ที่ 4 ขยายความรู้
4.1 ในชีวติ ประจาวนั ของนักเรยี นใช้ทักษะการใชจ้ านวนในการทาอะไรบา้ ง
ขนั้ ที่ 5 ประเมนิ
5.1 ประเมินจากการตอบคาถามระหวา่ งเรียน
5.2 ประเมินจากการตอบคาถามในแบบบนั ทึกกจิ กรรม
40
6. สอ่ื /อุปกรณ์
6.1 สอ่ื
- หนงั สอื เรยี นวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.4 เล่ม 1
- แบบบนั ทกึ กิจกรรมวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ป.4 เลม่ 1
6.2 อปุ กรณ์
- ผลไม้ เชน่ ส้ม
- เครือ่ งช่ังแบบคาน 3 แขน
7. กระบวนการวดั และประเมนิ ผล
จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ วิธีการวัดผลการ เครอ่ื งมือการวดั ผล เกณฑ์การประเมนิ ผล
เรยี นรู้ การเรยี นรู้
ดา้ นความรู้ (K: Knowledge)
• อธบิ ายวธิ ีการหาคา่ เฉลี่ยได้ ตรวจช้นิ งาน ตรวจแบบบันทึก ผา่ นเกณฑ์ไม่น้อยกว่า
ด้านทักษะกระบวนการ (P:
Process) ตรวจชน้ิ งาน กจิ กรรม ร้อยละ 70
• สามารถใช้ทกั ษะการใช้
จานวนเพอ่ื บอกปริมาณที่ไดจ้ าก สังเกตพฤตกิ รรม ตรวจแบบบนั ทกึ ผา่ นเกณฑ์ไม่น้อยกวา่
การวัดสิ่งตา่ งๆ
ด้านคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ กิจกรรม ร้อยละ 70
(A: Attitude)
• ใฝ่เรียนรู้และมุ่งเน้นในการ แบบสงั เกต ผ่านเกณฑ์ไมน่ ้อยกว่า
แสวงหาความรู้ พฤติกรรม รอ้ ยละ 70
41
42
43
แบบประเมนิ คุณลักษณะอนั พึงประสงค์
(ใฝเ่ รียนรแู้ ละมุ่งเนน้ ในการแสวงหาความรู้)
เรื่อง การใช้จานวนทาได้อย่างไร
คาชีแ้ จง จงทาเคร่อื งหมาย ลงในช่องทีต่ รงกบั คณุ ลักษณะอนั พึงประสงคท์ ีผ่ ู้เรียนแสดงออก โดยจาแนก
ระดบั พฤตกิ รรมการแสดงออกไว้เปน็ 3 คะแนน ดังนี้
3 คะแนน หมายถงึ ผ้เู รยี นมพี ฤตกิ รรมการแสดงออกอย่างสม่าเสมอ
2 คะแนน หมายถงึ ผเู้ รยี นมพี ฤติกรรมการแสดงออกเปน็ ครงั้ คราว
1 คะแนน หมายถึง ผู้เรยี นมีพฤตกิ รรมการแสดงออกน้อยคร้ัง
พฤตกิ รรมบ่งชี้
ลา ัดบช่ือ-สกุล สรุปผลการ
มีความกระ ืตอรือร้น ประเมนิ
ในทางาน
มีความรับผิดชอบ ่ตอ
งาน ี่ทไ ้ดรับมอบหมาย
ทางานเสร็จ ัทนเวลา
มีความสนใจต่อส่ิง ี่ท
ได้รับมอบหมาย
คะแนนรวม
321321321321 ผ่าน ไม่ผา่ น
1 เด็กชายปฏพิ ล ภาษอี ินทร์
2 เด็กชายกฤตผล ชกู ่นิ
3 เด็กชายชนิ พัฌน์ ชมสบี าย
4 เดก็ ชายนิพฐิ เดชา สืบศรี
5 เด็กชายปรมินทร์ วิประทุม
6 เด็กชายภาคิน ปานะพมิ พ์
7 เด็กชายยทุ ธนา โสภา
8 เด็กชายวีรยุทธ กุลโฮง
9 เดก็ ชายจริ วฒั น์ เอ่ียมสาอางค์
10 เดก็ ชายเตชติ วงศศ์ รที า
11 เด็กชายสรวชิ ญ์ ปแ่ี ก้ว
12 เด็กชายจิรฐั ิตกิ าล ส่องสง
13 เด็กชายปุณยวรี ์ อ่อนคา
14 เด็กชายจริ ายุ หมนั่ คา
15 เดก็ ชายชลนที ทองจันทร์
16 เด็กหญิงเกศราพร คนยงั
17 เดก็ หญิงณฐั ชญา อย่างสวย
18 เดก็ หญิงวัลนิสา นนุ่ ปาน
19 เด็กหญิงกัญญาพัช ธญั ญเจริญ
44
20 เด็กหญงิ ปณั ฑติ า สุปัญญา
21 เดก็ หญงิ ดาราพร ด่านหนา
22 เดก็ หญงิ นพัชสร แพทย์จันลา
23 เดก็ หญงิ ณฐั วรา เพสอนุ่
24 เด็กหญงิ มทุริน พลพินิจ
25 เดก็ หญงิ สพุ ชิ ชา จรงุ กัน
26 เดก็ หญงิ พุทธรกั ษา พากกระโทก
27 เดก็ ชายเกรกิ วทิ ย์ ขอผงึ้
28 เดก็ หญงิ นิรชุ า เพชรแท้
29 เด็กหญงิ ศรสี ุพรรณ ศรีบุญเพ็ง
เกณฑก์ ารประเมิน
ร้อยละ 70 ขึ้นไป ( 8-12 คะแนน) ผ่านเกณฑ์
นอ้ ยกวา่ ร้อยละ 70 ( 0-7 คะแนน ) ไมผ่ ่านเกณฑ์
ลงชอื่ ....................... ...................................ครผู ้สู อน
(นายธนภทั ร แกว้ มะ)
45
แบบบนั ทกึ กิจกรรม
46
แบบบนั ทกึ กิจกรรม
47
แผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ 5 รายวิชาพน้ื ฐาน
ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 4
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี จานวน 10 ชั่วโมง
รหสั วิชา ว14101 วิชาวิทยาศาสตร์ 1 จานวน 3 ชม.
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 1 การเรยี นรู้สง่ิ ตา่ ง ๆ รอบตัว ภาคเรียนที่ 1/2565
บทท่ี 1 การเรยี นรู้แบบนักวทิ ยาศาสตร์ เร่อื ง การทดลองของนักวทิ ยาศาสตร์
ผู้สอน นายธนภทั ร แก้วมะ
1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ช้ีวดั
-
2. สาระสาคัญ
ความรู้ทางวิทยาศาสตร์เกิดจากความสงสัยของมนุษย์เก่ียวกับสิ่งต่าง ๆ รอบตัว มนุษย์จึงพยายามหา
คาตอบด้วยการสืบเสาะหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ โดยใช้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ซ่ึงมีท้ังที่เป็น
ทักษะข้ันพน้ื ฐาน เช่น การสังเกต การวัด การใช้จานวน และทักษะขน้ั ผสม เช่น การตั้งสมมติฐาน การกาหนด
นิยาม เชิงปฏบิ ัติการ การกาหนดและควบคุมตวั แปร การทดลอง การตีความหมายขอ้ มูลและลงข้อสรปุ
3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. อธิบายความหมายของการทดลองได้ (K)
2. สามารถใช้ทกั ษะการทดลองเพ่ือรวบรวมข้อมลู ในการสืบเสาะหาความรู้ (P)
3. ใฝ่เรียนรแู้ ละมุ่งเนน้ ในการแสวงหาความรู้ (A)
4. สาระการเรียนรู้
- ทกั ษะการทดลอง
5. กจิ กรรมการเรยี นรู้ (จดั กระบวนการสอนแบบ 5E)
คาบที่ 1 (1ชม.)
ขัน้ ที่ 1 สรา้ งความสนใจ
1.1 ครูนาเข้าสู่บทเรียนโดยชักชวนนักเรียนอภิปรายในเร่ืองดังต่อไปนี้ นักเรียนเคยมีความ
สงสัยเกี่ยวกับส่ิงต่าง ๆ รอบตัวหรือไม่ เช่น ออกกาลังกายแบบใดทาให้หัวใจเต้นเรว็ ท่ีสุด ละอองเกสรพืชชนิด
ใดที่ทาใหเ้ ราจาม สุนัขทเ่ี ล้ยี งไวช้ อบกนิ เนอื้ หมูหรอื เนือ้ ไก่มากกวา่ กัน
1.2 ครูให้ข้อสังเกตว่าในการหาคาตอบข้อสงสัยเหล่าน้ีอาจต้องใช้ทักษะการทดลอง
ซึง่ นักเรยี นจะได้เรยี นรู้เกี่ยวกบั การทดลองในกิจกรรมน้ี
1.3 นักเรียนอ่าน ช่ือเร่ือง คิดก่อนอ่าน และคาสาคัญ ในหนังสือเรียนหน้า 24 แล้วร่วมกัน
อภิปรายในกลมุ่ เพื่อหาแนวคาตอบ
ข้นั ที่ 2 สารวจและค้นหา
2.1 นกั เรียนอ่านเน้ือเร่ืองตามวิธีการอ่านที่เหมาะสมกบั ความสามารถของนักเรียน จากนนั้ ใช้
คาถามเพ่อื อภิปรายใจความสาคัญดงั นี้
- เราสามารถใช้กระบวนการใดในการหาค้าตอบเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ (กระบวนการสืบเสาะหา
ความรทู้ างวทิ ยาศาสตร)์
48
- การสารวจตรวจสอบทาได้อย่างไรบ้าง จงยกตัวอย่าง (การสังเกต การสารวจ การสืบค้น
ขอ้ มลู )
- จากตัวอย่างนักเรียนจะรู้ได้อย่างไรว่าเส้นทางไปโรงเรียนทางใดใช้เวลาน้อยท่ีสุด (จับเวลา
เดนิ ทางในแต่ละเสน้ ทางและเปรยี บเทียบเวลาท่ใี ชเ้ ดนิ ทางในแตล่ ะเส้นทาง)
- จากสถานการณ์สมมติฐานของการทดลองคืออะไร (ดินร่วนทาให้ผักบุ้งเจริญเติบโตได้ดี
ทส่ี ุด)
- สงิ่ ใดบ้างที่อาจเกีย่ วข้องกบั การเจรญิ เติบโตของพืช (นา้ แสง ชนิดของดิน)
- ตวั แปรตน้ ของการทดลองน้คี อื อะไร (ชนิดของดิน)
- ตวั แปรตามของการทดลองนีค้ ืออะไร (การเจริญเติบโตของผักบุ้ง)
- การเจริญเติบโตของผักบุ้งสังเกตหรือวัดจากอะไร (วัดจากความสูงของต้นผักบุ้งจากยอด
จนถึงโคนหรอื อาจวดั ความยาวจากยอดผังกุ้งจนถงึ โคน)
- เพราะเหตุใดจึงต้องมีการกาหนดนิยามเชิงปฏิบัติการ (เพื่อกาหนดให้เข้าใจตรงกันว่าจะ
สงั เกตหรือวดั การเจรญิ เตบิ โตจากอะไร)
- การกาหนดนยิ ามเชงิ ปฏบิ ัติการคืออะไร (คือการกาหนดใหเ้ ข้าใจตรงกนั ว่าจะสังเกตหรือวัด
ตัวแปรตามอย่างไร)
- การทดลองคืออะไร (กระบวนการปฏิบัตใิ นการหาคาตอบเพอ่ื ตรวจสอบสมมติฐาน)
- สมมตฐิ านที่ตงั้ ไวถ้ ูกต้องเสมอไปหรือไม่ (ไมเ่ สมอไปผลที่ได้อาจจะไมเ่ ป็นไปตามสมมติฐานก็
ได)้
ขั้นท่ี 3 อธิบายและลงข้อสรุป
3.1 ครูและนักเรียนช่วยกันสรุปเรื่องท่ีอ่านซึ่งควรสรุปได้ว่า การหาคาตอบบางอย่างอาจจะ
ต้องทาการทดลอง ซึ่งประกอบด้วยการตั้งสมมติฐาน การกาหนดและควบคุมตัวแปร การกาหนดนิยามเชิง
ปฏิบัติการ การทดลองคือกระบวนการในการปฏิบัติเพ่ือตรวจสอบสมมติฐานท่ีตั้งไว้โดยมีขั้นตอนคือการ
ออกแบบการทดลอง การทดลองและบนั ทึกผลการทดลอง
3.2 นักเรียนตอบคาถามใน รหู้ รือยงั ในแบบบันทึกกจิ กรรม หน้า 21
คาบท่ี 2 (1ชม.)
3.3 ครูสาธิตหน้าช้ันเรียนโดยนากระดาษ A4 แบบเรียบจานวน 1 แผ่นและกระดาษ A4 ท่ี
ขยาแลว้ มาให้นักเรียนดู แล้วถามวา่ ถ้าปลอ่ ยกระดาษทั้ง 2 แบบให้ตกถึงพ้ืนด้วยระยะความสูงเท่ากัน จับเวลา
ต้ังแต่ปล่อยกระดาษจนกระดาษตกถึงพื้นนักเรียนคิดว่ากระดาษแบบใดจะตกถึงพื้นเร็วกว่ากันและเป็นเพราะ
เหตุใด (นักเรียนตอบได้ตามความเข้าใจ) ครูนานักเรียนเข้าสู่กิจกรรม ซ่ึงนักเรียนจะได้เรียนรู้เก่ียวกับการ
ทดลองเปรยี บเทยี บการตกของวตั ถเุ มื่อใชข้ นาดวัตถุต่างกนั
3.4 นักเรียนอา่ นช่อื กิจกรรมและ ทาเปน็ คดิ เป็น ในหนงั สือเรยี น หน้า 27
3.5 นักเรยี นอา่ น ทาอย่างไร เมื่อเขา้ ใจแลว้ ปฏิบัติตามขนั้ ตอนดงั นี้
- อา่ นสถานการณ์จากหนังสอื เรยี น แล้วร่วมกันอภิปรายเพื่อออกแบบรม่ จานวน 2 แบบ เพ่ือ
เปรยี บเทียบว่า รม่ แบบไหนจะตกถงึ พืน้ ช้ากว่ากันโดยที่ไขน่ กกระทาไมเ่ สียหาย เม่ือปลอ่ ยรม่ ท่ีความสงู 3 ม.
- ตั้งคาถามการทดลอง ตง้ั สมมตฐิ าน ระบุตวั แปร
49
คาบที่ 3 (1ชม.)
3.6 ครทู บทวนบทเรยี นโดยใช้คาถาม ดังน้ี
- คาบท่ีแล้วเราทากจิ กรรมอะไร (ออกแบบการทดลองร่มชูชพี )
- คาถามท่ีเราจะนาไปทดลองเพ่ือใหไ้ ด้คาตอบคืออะไร (คาถามท่ีนักเรียนตงั้ ไว้)
- ตัวแปรตน้ ตัวแปรตาม ตัวแปรควบคมุ มีอะไรบ้าง (ตามที่นักเรียนตัง้ ไว้)
- แผนทีน่ ักเรยี นไดว้ างไว้เป็นอยา่ งไร (ตามท่ีนกั เรยี นตงั้ ไว้)
3.7 จากนั้นนักเรยี นดาเนินการตามแผน บนั ทึกผล
3.8 เลือกร่มแบบทีด่ ที ี่สุดของกลุ่มตัวเองนาเสนอ
3.9 ตีความหมายข้อมลู และลงข้อสรุป
3.10 นกั เรยี นนาผลการทากิจกรรมมาอภปิ รายรว่ มกนั โดยอาจใชค้ าถามดงั ต่อไปนี้
- สมมตฐิ านการทดลองของแต่ละกลมุ่ เหมือนหรือแตกตา่ งกนั
อยา่ งไร (นกั เรียนตอบตามความเข้าใจ เช่น แตกตา่ งกนั )
- การทดลองน้ีมีตัวแปรต้น ตัวแปรตามและตัวแปรที่ต้องควบคุมให้คงท่ีคืออะไร (ตัวแปรต้น
คอื ขนาดของร่ม ตัวแปรตามคือระยะเวลาที่ร่มตกถึงพ้นื ตัวแปรทีต่ ้องควบคุมให้คงท่ี ไดแ้ ก่ ชนิด ของวัสดุทีทา
รม่ ความยาวของเชอื ก จานวนเชือก จานวนไขน่ กกระทา ขนาดและชนดิ ของวสั ดทุ ี่ใช้ทาด้วย)
- ผลการทดลองแต่ละกลุ่มเป็นอยา่ งไร เป็นไปตามสมมติฐานหรือไม่ (ร่มขนาดใหญต่ กชา้ กว่า
รม่ ขนาดเลก็ )
- การทดลองน้ีสรปุ ไดว้ ่าอย่างไร (รม่ ขนาดแตกต่างกนั ใชเ้ วลาตกถึงพนื้ แตกตา่ งกัน)
3.11 ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายและสรุปกิจกรรมน้ีว่าเป็นการเรียนรู้ทักษะการทดลอง
โดยผ่านการทากจิ กรรมเปรียบเทียบขนาดของรม่ มีผลต่อการตกถึงพืน้ เร็วช้าต่างกันหรือไม่และไม่ทาให้สิง่ ของ
เสียหาย ซึ่งการทดลองเป็นการปฏิบัติเพ่ือตรวจสอบสมมติฐานโดยเร่ิมจากการตั้งคาถามการทดลอง การ
ตั้งสมมตฐิ าน การวางแผน การทดลอง การกาหนดและควบคุมตัวแปร การนาเสนอผลการทดลอง
ขนั้ ท่ี 4 ขยายความรู้
4.1 นักเรียนตอบคาถามใน ฉันรอู้ ะไร ในแบบบนั ทึกกจิ กรรมหนา้ ท่ี 24
4.2 นกั เรียนอา่ น รอู้ ะไรในเรอ่ื งนี้, รอู้ ะไรในบทนี้
4.3 ครใู หก้ ารบ้านนักเรียนทาแบบฝึกหัดทา้ ยบทท่ี 1
ขั้นที่ 5 ประเมิน
5.1 ประเมินจากการตอบคาถามระหว่างเรียน
5.2 ประเมินจากการตอบคาถามในแบบบนั ทกึ กิจกรรม
50
6. สอ่ื /อุปกรณ์
6.1 สอ่ื
- หนังสอื เรียนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.4 เล่ม 1
- แบบบนั ทกึ กิจกรรมวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ป.4 เลม่ 1
6.2 อุปกรณ์
- ไขน่ กกระทา
- นาฬิกาจับเวลา
- ถุงพลาสตกิ ขนาดเลก็ และขนาดใหญ่
- ถ้วยพลาสตกิ
7. กระบวนการวดั และประเมินผล
จุดประสงค์การเรยี นรู้ วิธีการวดั ผลการ เครอ่ื งมอื การวัดผล เกณฑก์ ารประเมนิ ผล
เรยี นรู้ การเรยี นรู้
ด้านความรู้ (K: Knowledge)
• อธิบายความหมายของการ ตรวจช้ินงาน ตรวจแบบบนั ทึก ผ่านเกณฑ์ไม่น้อยกว่า
ทดลองได้
ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P: ตรวจชิน้ งาน กิจกรรม ร้อยละ 70
Process)
• สามารถใช้ทักษะการทดลอง สังเกตพฤตกิ รรม ตรวจแบบบันทกึ ผ่านเกณฑ์ไม่น้อยกวา่
เพื่อรวบรวมข้อมลู ในการสบื
เสาะหาความรู้ กิจกรรม รอ้ ยละ 70
ด้านคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
(A: Attitude) แบบสังเกต ผา่ นเกณฑ์ไม่น้อยกว่า
• ใฝ่เรียนรู้และมุ่งเน้นในการ พฤติกรรม ร้อยละ 70
แสวงหาความรู้
51
52
53
แบบประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
(ใฝเ่ รยี นรูแ้ ละม่งุ เน้นในการแสวงหาความรู้)
เรือ่ ง การทดลองของนักวิทยาศาสตร์
คาชแี้ จง จงทาเคร่อื งหมาย ลงในช่องทต่ี รงกบั คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ทผ่ี ู้เรียนแสดงออก โดยจาแนก
ระดบั พฤติกรรมการแสดงออกไว้เป็น 3 คะแนน ดงั น้ี
3 คะแนน หมายถงึ ผู้เรยี นมพี ฤตกิ รรมการแสดงออกอยา่ งสม่าเสมอ
2 คะแนน หมายถึง ผู้เรยี นมพี ฤติกรรมการแสดงออกเปน็ คร้ังคราว
1 คะแนน หมายถงึ ผู้เรียนมีพฤตกิ รรมการแสดงออกนอ้ ยคร้ัง
พฤตกิ รรมบ่งชี้
ลา ัดบชือ่ -สกุล สรุปผลการ
มีความกระ ืตอรือร้น ประเมนิ
ในทางาน
มีความรับผิดชอบ ่ตอ
งาน ี่ทไ ้ดรับมอบหมาย
ทางานเสร็จ ัทนเวลา
มีความสนใจต่อส่ิง ี่ท
ได้รับมอบหมาย
คะแนนรวม
321321321321 ผา่ น ไม่ผา่ น
1 เดก็ ชายปฏพิ ล ภาษอี นิ ทร์
2 เดก็ ชายกฤตผล ชกู น่ิ
3 เดก็ ชายชินพัฌน์ ชมสบี าย
4 เดก็ ชายนิพฐิ เดชา สืบศรี
5 เด็กชายปรมนิ ทร์ วปิ ระทุม
6 เดก็ ชายภาคิน ปานะพมิ พ์
7 เดก็ ชายยุทธนา โสภา
8 เด็กชายวีรยทุ ธ กุลโฮง
9 เดก็ ชายจิรวฒั น์ เอย่ี มสาอางค์
10 เดก็ ชายเตชติ วงศศ์ รีทา
11 เดก็ ชายสรวิชญ์ ปแี่ ก้ว
12 เดก็ ชายจริ ฐั ติ กิ าล สอ่ งสง
13 เด็กชายปุณยวีร์ ออ่ นคา
14 เดก็ ชายจิรายุ หม่นั คา
15 เด็กชายชลนที ทองจนั ทร์
16 เดก็ หญงิ เกศราพร คนยงั
17 เดก็ หญงิ ณฐั ชญา อย่างสวย
18 เด็กหญงิ วัลนิสา นุ่นปาน
19 เดก็ หญงิ กัญญาพัช ธญั ญเจริญ
54
20 เดก็ หญงิ ปัณฑติ า สุปัญญา
21 เดก็ หญิงดาราพร ด่านหนา
22 เดก็ หญิงนพชั สร แพทย์จันลา
23 เดก็ หญิงณัฐวรา เพสอนุ่
24 เด็กหญงิ มทุริน พลพินิจ
25 เด็กหญงิ สุพิชชา จรงุ กัน
26 เด็กหญงิ พุทธรกั ษา พากกระโทก
27 เด็กชายเกริกวทิ ย์ ขอผงึ้
28 เด็กหญงิ นิรชุ า เพชรแท้
29 เดก็ หญงิ ศรีสุพรรณ ศรีบุญเพ็ง
เกณฑก์ ารประเมิน
ร้อยละ 70 ข้นึ ไป ( 8-12 คะแนน) ผ่านเกณฑ์
น้อยกว่ารอ้ ยละ 70 ( 0-7 คะแนน ) ไมผ่ ่านเกณฑ์
ลงชอื่ ..........................................................ครูผ้สู อน
(นายธนภัทร แก้วมะ)
55
แบบบนั ทกึ กิจกรรม
56
แบบบนั ทกึ กิจกรรม
57
คาถามท้ายกจิ กรรม
58
คาถามท้ายกจิ กรรม
นายธนภัทร แกว้ มะ