The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ladda_t, 2023-03-28 23:02:46

สื่อการสอนวิชางานซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า

หน่วยที่1_merged

3.2.1 โครงสร้างของเตารีดไฟฟ้า เตารีดไฟฟ้าทําหน้าที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานความร้อนแล้วถ่ายเทพลังงาน ความร้อนไปยังโลหะที่ใช้ทําพื้นเตารีดสําหรับรีดผ้าอีกทีหนึ่ง ส่วนประกอบภายนอกของเตารีดไฟฟ้า 1. โครงสร้างภายนอกของเตารีดไฟฟ้าแบบธรรมดา 2. โครงสร้างภายในของเตารีดไฟฟ้าแบบธรรมดา ส่วนประกอบภายในของเตารีดไฟฟ้า


ส่วนประกอบภายนอกของเตารีดไอนํ้า ยี่ห้อฟิลิปรุ่น GC2520 มีดังนี้ 1. หัวฉีดสเปรย์ 2. ฝาครอบช่องเติมนํา้ 3. ปุ่ มควบคุมพลังไอนํา้ 4. อุณหภมิปุ่ มเพิ ู มพลังไอนํ่า้ 5. ปุ่ มสเปรย์ 6. หลอดสัญญาณระบบตัดไฟอัตโนมัติ 7. สายไฟ 8. สารขจัดตะกรัน 9. สัญญาณไฟแสดง 10. แผ่นป้าย 11. ถังนํา้ 12. ปุ่ มปรับอุณหภมิ ู 3. โครงสร้างภายนอกของเตารีดไอนํ้า ยี่ห้อฟิ ลิป รุ่น GC2520 ส่วนประกอบภายนอกของเตารีดไอนํา้ ยีห้อ่ฟิ ลิปรุ่น GC2520


3.2.2 หลักการทํางานของเตารีดไฟฟ้า 2. วงจรไฟฟ้าของเตารีดไฟฟ้า แสดงวงจรไฟฟ้าของเตารีดไฟฟ้า การทํางานของชุดควบคุมความร้อน 1. ชุดควบคุมความร้อนของเตารีดไฟฟ้า


3.2.3 การตรวจสอบหาสาเหตุข้อบกพร่องของเตารีดไฟฟ้า 1. หลักปฏิบัติในการซ่อมบํารุงเตารีดไฟฟ้า (1) ตรวจสภาพภายนอกทั่วไป โดยการสัมผัส ดมกลิ่น ฟังเสียง (2) ตรวจสอบจุดต่อสายไฟฟ้า จุดที่เป็นสกรูหรือสลักเกลียว ขันให้แน่น (3) ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเตารีดไม่ได้ต่ออยู่กับแหล่งจ่ายไฟฟ้า (4) ก่อนทําการแยกชิ้นส่วนเตารีดไฟฟ้า ให้บันทึกหรือทําเครื่องหมายเสียก่อน เพื่อ เวลาประกอบจะได้ไม่ผิดพลาด (5) ชิ้นส่วนที่ไม่สามารถซ่อมได้ ต้องเปลี่ยนเป็นของใหม่ (6) การประกอบชิ้นส่วนต่าง ๆ เข้าที่เดิม ให้ทําความสะอาดและตรวจสภาพให้ เรียบร้อย (7) ถ้าพื้นเตารีดมีคราบสกปรกเกาะติดอยู่ ให้ใช้ผ้านุ่ม ๆ ซับนํ้าฟองสบู่เช็ด ทํา ความสะอาดห้ามใช้โลหะหรือของมีคมขูดโดยเด็ดขาด


3.2.4 การซ่อมบํารุงรักษาเตารีดไฟฟ้า 1. การซ่อมเตารีดไฟฟ้า เมื่อเตารีด ไฟฟ้าไม่ร้อน 2. การซ่อมเตารีดไฟฟ้า เมื่อเตารีด ไฟฟ้าร้อนมากผิดปกติ 3. การซ่อมเตารีดไฟฟ้า เมื่อเตารีด ไฟฟ้าร้อนน้อยผิดปกติ 4. การซ่อมเตารีดไฟฟ้า เมื่อเตารีด ไฟฟ้ามีไฟรั่วที่เตารีด 5. ข้อบกพร่อง สาเหตุที่พบบ่อย และวิธีแก้ไข เกี่ยวกับเตารีดไฟฟ้า 2. การตรวจสอบหาสาเหตุข้อบกพร่องของเตารีดไฟฟ้า การตรวจซ่อมมีลําดับขั้นตอนหรือจุดตรวจที่สําคัญ 3จุดหลัก ดังต่อไปนี้ (1) สายไฟเข้าเครื่องใช้ไฟฟ้า หมายถึง ชุดสายไฟฟ้าที่ต่อเข้ามายังวงจรเครื่องใช้ไฟฟ้า ได้แก่ ปลั๊กเตารีดไฟฟ้า สายไฟเตารีดไฟฟ้า ขั้วต่อสายไฟ (2) อุปกรณ์ทําให้เกิดความร้อนของเตารีด คือ ลวดความร้อน (Heater) (3) ชุดควบคุมความร้อน คือ ชุดปรับความร้อนอัตโนมัติ


ตาราง ข้อบกพร่อง สาเหตุที่พบบ่อย และวิธีซ่อมบํารุงเตารีดไฟฟ้า


ตาราง (ต่อ) ข้อบกพร่อง สาเหตุที่พบบ่อย และวิธีซ่อมบํารุงเตารีดไฟฟ้า


ตาราง (ต่อ) ข้อบกพร่อง สาเหตุที่พบบ่อย และวิธีซ่อมบํารุงเตารีดไฟฟ้า 6. การบํารุงรักษาเตารีดไฟฟ้า 7. การเลือกซื้อเตารีดไฟฟ้า


หม้อหุงข้าวไฟฟ้า (Rice Cooker) เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าที่อํานวยความสะดวกและเพิ่ม ความรวดเร็วในการหุงข้าว อาศัยพลังงานไฟฟ้าทําให้เกิดความร้อน แล้วใช้ความร้อนทําให้ ข้าวสุก 3.3.1 ส่วนประกอบของหม้อหุงข้าวไฟฟ้า 1. ส่วนประกอบภายนอก ส่วนประกอบภายนอกของหม้อหุงข้าวไฟฟ้า


2. ส่วนประกอบภายใน (1) อุปกรณ์ให้ความร้อน อุปกรณ์ให้ความร้อน (Heater) บางทีเรียกว่าแผ่นความร้อน ดังรูป (ก) แผ่นความร้อนทียึดติดกับโครงของหม้อหุ่งข้าว (ข) ด้านล่างของแผ่นความร้อน (2) อุปกรณ์ควบคุมอุณหภูมิ (Temperature Control) หรือ เทอร์โมสตัส (ก) ลักษณะภายนอก (ข) โครงสร้างภายใน


(ก) ลักษณะภายนอก (ข) การต่อก้านหน้าสัมผัสกับชุดควบคุมอุณหภมิ ู (3) หน้าสัมผัส (Contact) เป็นสวิตช์ตัดต่อวงจรลวดความร้อน 3.3.2 หลักการทํางานของหม้อหุงข้าวไฟฟ้า คือ ถ้านํ้าแห้งแสดงว่าข้าวสุก การหุงข้าวจึงจําเป็นต้องทราบว่าต้องใช้นํ้าใน ปริมาณเท่าใดในการทําให้ข้าวสุกด้วย จากการที่นํ้าเดือดที่ 100 องศาเซลเซียส ถ้าต้มนํ้าจนแห้งไปเหลือแต่ข้าว อุณหภูมิจะสูงเพิ่มขึ้นเป็น 105–120 องศา เซลเซียส เทอร์โมสตัสจะตรวจความร้อนและตัดวงจรลวดความร้อนให้หยุดทํางาน


3.3.3 การตรวจสอบหาสาเหตุข้อบกพร่องของหม้อหุงข้าว ในการตรวจซ่อมหม้อหุงข้าวไฟฟ้า เมื่อทราบถึงอาการขัดข้อง เช่น หม้อหุงข้าวไม่ร้อน หรือลงกราวด์ การตรวจซ่อมมีลําดับขั้นตอน หรือจุดตรวจที่สําคัญ 3จุดหลัก ดังต่อไปนี้ 1. สายไฟฟ้าของเครื่องใช้ไฟฟ้า หมายถึง ชุดสายไฟฟ้าที่ต่อเข้ามายังวงจร เครื่องใช้ไฟฟ้าได้แก่ ปลั๊กหม้อหุงข้าวไฟฟ้า สายไฟหม้อหุงข้าวไฟฟ้า ขั้วต่อสายไฟ 2. อุปกรณ์ทําให้เกิดความร้อนของหม้อหุงข้าวไฟฟ้า คือ ลวดความร้อน (Heater) 3. ชุดควบคุมความร้อน คือ ชุดควบคุมความร้อนอัตโนมัติ 3.3.4 การซ่อมบํารุงรักษาหม้อหุงข้าวไฟฟ้า 1.การซ่อมหม้อหุงข้าวไฟฟ้าเมื่อหม้อหุงข้าวไฟฟ้าไม่ร้อน 2. การซ่อมหม้อหุงข้าวไฟฟ้าเมื่อหม้อหุงข้าวไฟฟ้าหุงข้าวสุกจนไหม้แต่สวิตช์แม่เหล็ก ไม่ตัดวงจร 3. การซ่อมหม้อหุงข้าวไฟฟ้าเมื่อหม้อหุงข้าวไฟฟ้าหุงข้าวสุกหรือสวิตช์ดีดขึ้น แต่หลอด สัญญาณข้าวหุงและอุ่นสว่างพร้อมกัน 4. การซ่อมหม้อหุงข้าวไฟฟ้าเมื่อหม้อหุงข้าวไฟฟ้าหุงข้าวสุกไม่ทั่วหม้อหรือ สุกข้าง เดียว


5. การซ่อมหม้อหุงข้าวไฟฟ้าเมื่อเสียบปลั๊กหม้อหุงข้าวไฟฟ้า กดสวิตช์หลอดสัญญาณ แสดงการหุงไม่สว่าง 6. การซ่อมหม้อหุงข้าวไฟฟ้าเมื่อหม้อหุงข้าวไฟฟ้า รั่วหรือลงกราวด์ 7. ข้อบกพร่อง สาเหตุที่พบบ่อย และวิธีแก้ไข เกี่ยวกับหม้อหุงข้าวไฟฟ้า ตาราง ข้อบกพร่อง สาเหตุทีพบบ่อย และวิธีซ่อมบํารุงหม้อหุ่งข้าวไฟฟ้า


ตาราง (ต่อ) ข้อบกพร่อง สาเหตุทีพบบ่อย และวิธีซ่อมบํารุงหม้อหุ่งข้าวไฟฟ้า


ตาราง (ต่อ) ข้อบกพร่อง สาเหตุทีพบบ่อย และวิธีซ่อมบํารุงหม้อหุงข้่าวไฟฟ้า


ตาราง (ต่อ) ข้อบกพร่อง สาเหตุทีพบบ่อย และวิธีซ่อมบํารุงหม้อหุงข้่าวไฟฟ้า 8. การบํารุงรักษาหม้อหุงข้าวไฟฟ้า


กาต้มนํ้าไฟฟ้า (Electric Pot) เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีความจําเป็นในชีวิตประจําวันใช้สําหรับ การต้มนํ้าชงเครื่องดื่ม หรือการปฏิบัติงานใด ๆ ที่ต้องใช้นํ้าร้อน แบ่งได้3แบบ คือ 3.4.1 กาต้มนําไฟฟ้าแบบธรรมดา ้ (Non–automatic Electric Pot) 3.4.2 กาต้มนําไฟฟ้าแบบอัตโนมัติ ้ (Automatic Electric Pot) 3.4.3 กาต้มนําไฟฟ้าแบบอัตโนมัติใช้แรงกดอากาศ ้ (Air Pressure Automatic Electric Pot) (ก) แบบธรรมดา (ข) แบบอัตโนมัติ (ค) แบบอัตโนมัติใช้แรงกดอากาศ ลักษณะภายนอกของกาต้มนําไฟฟ้้า


3.4.4 การตรวจสอบหาสาเหตุข้อบกพร่องของกาต้ม การตรวจซ่อมมีลําดับขั้นตอนหรือจุดตรวจที่สําคัญ 3จุดดังต่อไปนี้ 1.สายไฟเข้าเครื่องใช้ไฟฟ้า หมายถึง ชุดสายไฟฟ้าที่ต่อเข้ามายังวงจรกาต้มนํ้าไฟฟ้า 2. อุปกรณ์ทําให้เกิดความร้อนของกาต้มนํ้าไฟฟ้า คือ ลวดความร้อน 3.ชุดควบคุมความร้อน คือ ชุดควบคุมความร้อนอัตโนมัติ 3.4.5 การซ่อมบํารุงรักษากาต้มนําไฟฟ้า ้ 1.การซ่อมกาต้มนํ้าไฟฟ้าเมื่อกาต้มนํ้าไฟฟ้าไม่ร้อน (1) เต้าเสียบกาต้มนํ้าไฟฟ้า ให้ตรวจสอบดูว่าเต้าเสียบชํารุดหรือไม่ (2) สายไฟฟ้ากาต้มนํ้าไฟฟ้า ให้ตรวจสอบสายไฟกับตัวเต้าเสียบโดยตรงการตรวจสอบ ใช้มัลติมิเตอร์วัดที่ขั้วของสายไฟกับตัวเต้าเสียบ (3) ขั้วต่อสายไฟ การตรวจสอบขั้วต่อสายไฟของกาต้มนํ้าไฟฟ้านั้นสามารถตรวจสอบได้ โดยใช้มัลติมิเตอร์ตั้งย่านวัดไว้ที่ R×1 แล้วทําการวัดที่ขั้วต่อสายไฟ (4) การตรวจสอบอุปกรณ์ทําให้เกิดความร้อน การตรวจอุปกรณ์ที่ทําให้เกิดความร้อน หรือลวดความร้อน


(5) การตรวจสอบชุดควบคุมความร้อน ชุดควบคุมความร้อนหรืออุปกรณ์ควบคุมความ ร้อนในการตรวจสอบสามารถทําได้โดยการใช้มัลติมิเตอร์ วัดตั้งย่านวัดไว้ที่ R×1 ทําการ วัด ดังรูป ตั้งย่านวัด Rx1 การใช้มัลติมิเตอร์ วัดชุดควบคุมความร้อนของกาต้มนําไฟฟ้า้


2. ข้อบกพร่อง สาเหตุที่พบบ่อย และวิธีแก้ไข เกี่ยวกับกาต้มนํ้าไฟฟ้า ตาราง ข้อบกพร่อง สาเหตุทีพบบ่อย และวิธีซ่อมบํารุงกาต้มนํ่า้ไฟฟ้า


ตาราง (ต่อ) ข้อบกพร่อง สาเหตุทีพบบ่อย และวิธีซ่อมบํารุงกาต้มนํ่า้ไฟฟ้า 3. การบํารุงรักษากาต้มนํ้าไฟฟ้า (1) เมื่อใช้กาต้มนํ้าไฟฟ้า จะต้องให้มีนํ้าอยู่ในทุกครั้ง (2) การต้มนํ้าทุกครั้งควรต้มเท่าที่ต้องการใช้ ไม่ควรใช้นํ้าเย็นต้ม (3) อย่านําสิ่งใดๆ มาปิดช่องไอนํ้าออก (4) เมื่อเลิกใช้งาน ควรถอดปลั๊กไฟฟ้าออกทุกครั้ง (5) ปลั๊กเสียบของกาต้มนํ้าไฟฟ้า เมื่อเสียบเข้ากับเต้ารับต้องให้แน่น


4.1 งานบริการและซ่อมสปลิตเฟสมอเตอร์ 4.2 งานบริการและซ่อมย ู นิเวอร์แซลมอเตอร์ 4.3 งานบริการและซ่อมมอเตอร์ 3 เฟส 4.4 งานบริการและซ่อมหม้อแปลงไฟฟ้า


สปลิตเฟสมอเตอร์ (Split Phase Motor) เป็นมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับ 1 เฟส ชนิด เหนี่ยวนํา(Induction Motor) ใช้เป็นต้นกําลังสําหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไป เช่น เครื่องซักผ้า ปั๊มนํ้าขนาดเล็ก เป็นต้น ถ้ามีคาปาซิเตอร์ต่อร่วมด้วยเรียกว่า “คาปาซิเตอร์มอเตอร์” ตัวอย่างการนําสปลิตเฟสมอเตอร์ไปเป็ นต้นกําลัง


4.1.1 โครงสร้าง โครงสร้างของสปลิตเฟสมอเตอร์ แสดงดังรูป ส่วนประกอบของสปลิตเฟสมอเตอร์ 1. ส่วนทีอยู่ ่กับที่ (Stator) (1) โครง (2) แกนเหล็ก แกนเหล็กเซาะเป็นร่อง (3) ขดลวดสนามแม่เหล็ก (4) ฝาครอบ (5) ตลับลูกปืนหรือบูช (6) สวิตช์แรงเหวี่ยงหนีศูนย์. (7) พัดลมระบายความร้อน


2. ส่วนที่เคลื่อนที่ (Rotor) ส่วนที่เคลื่อนที่ หรือโรเตอร์เป็นส่วนที่หมุนเพื่อขับโหลด ให้หมุนตามโรเตอร์ของสปลิตเฟสมอเตอร์เป็นชนิดกรงกระรอก โรเตอร์ชนิดกรงกระรอก 4.1.2 หลักการทํางาน 1. ขดลวดของสปลิตเฟสมอเตอร์ สปลิตเฟสมอเตอร์ ทํางานโดยอาศัยหลักการเกิด สนามแม่เหล็กหมุนของมอเตอร์ 2 เฟส โดยใช้เทคนิคการพันขดลวด 2 ชุด คือขดลวดรัน และขดลวดสตาร์ตให้วางห่างกัน 90 องศาไฟฟ้า ดังรูป


การพันขดลวดสปลิตเฟสมอเตอร์ 2. การต่อวงจรภายใน จากรูปข้อที่1 การต่อวงจรขดลวดสตาร์ตและขดลวดรันจะต่อ วงจรเหมือนกัน คือ ขดลวดแต่ละชุดจะต่อแบบอนุกรม นํามาเขียนเป็นบล็อกไดอะแกรม ได้ดังรูป บล็อกไดอะแกรม การต่อวงจรภายในของสปลิตเฟสมอเตอร์


3. การเกิดสนามแม่เหล็กหมุน จากหลักการแยกเฟสของกระแสในสปลิตเฟสมอเตอร์ ทําให้เกิดสนามแม่เหล็กหมุนในสเตเตอร์ และเหนี่ยวนําให้ตัวนําในโรเตอร์มีกระแสไหล และเกิดสนามแม่เหล็กขึ้น 4.1.3 การต่อวงจรสปลิตเฟสมอเตอร์เพือใช้งาน่ จากรูปข้อที่2 เขียนสัญลักษณ์ของขดลวดสตาร์ตและขดลวดรันแทนบล็อกไดอะแกรม แสดงการต่อวงจรภายในของสปลิตเฟสมอเตอร์ได้ดังรูป การต่อวงจรสปลิตเฟสมอเตอร์


4.1.4 คาปาซิเตอร์มอเตอร์ (Capacitor Motor) คาปาซิเตอร์มอเตอร์เป็นมอเตอร์ที่มีขดลวดสตาร์ตและขดลวดรันเหมือนสปลิตเฟส มอเตอร์ต่างกันที่มีคาปาซิเตอร์ต่ออนุกรมกับขดลวดสตาร์ต จุดประสงค์เพื่อเพิ่มแรงบิด หมุน แบ่งตามวิธีการต่อวงจรคาปาซิเตอร์ได้ 3 ชนิด คือ 1. คาปาซิเตอร์สตาร์ตมอเตอร์ (Capacitor Start Motor) ต่อวงจรใช้งานเหมือนสปลิต เฟสมอเตอร์ ดังรูป (ก) คาปาซิเตอร์สตาร์ตมอเตอร์ (ข) คาปาซิเตอร์รันมอเตอร์ การต่อวงจรคาปาซิเตอร์สตาร์ตมอเตอร์ และคาปาซิเตอร์รันมอเตอร์


2. คาปาซิเตอร์รันมอเตอร์ (Capacitor Run Motor) เป็นมอเตอร์ที่มีคาปาซิเตอร์ต่อ อนุกรมอยู่กับขดลวดสตาร์ตโดยไม่ใช้สวิตช์แรงเหวี่ยงหนีศูนย์ทําให้ขดลวดสตาร์ตต่ออยู่ กับวงจรตลอดเวลาที่มอเตอร์ทํางาน 3. คาปาซิเตอร์สตาร์ตและรันมอเตอร์ (Capacitor Start and Run Motor) เป็นมอเตอร์ ที่มีคาปาซิเตอร์ต่ออนุกรมอยู่กับขดลวดสตาร์ต 2 ชุด ชุดหนึ่งต่อวงจรอนุกรมอยู่กับขดลวด สตาร์ตตลอดการทํางานของมอเตอร์เรียกว่าคาปาซิเตอร์รัน การต่อวงจรมอเตอร์เพื่อใช้งาน ต่อวงจรใช้งานดังรูป การต่อวงจรคาปาซิเตอร์สตาร์ตและรันมอเตอร์


4.1.5 การกลับทิศทางการหมุนสปลิตเฟสมอเตอร์ (Reversing Split Phase Motor) ทําได้โดยการกําหนดทิศทางการไหลของกระแสในขดลวดสตาร์ตหรือขดลวดรัน ดังนี้ 1. มอเตอร์หมุนตามเข็มนาฬิ กา ต่อวงจรให้ ทิศทางการไหลของกระแสในขดลวดสตาร์ตและ ขดลวดรันมีทิศทางเดียวกัน 2. มอเตอร์หมุนทวนเข็มนาฬิ กา ต่อวงจรให้ ทิศทางการไหลของกระแสในขดลวดสตาร์ตและ ขดลวดรันมีทิศทางสวนทางกัน การต่อวงจรเพือกลับทิศทางการหมุน่สปลิตเฟสมอเตอร์


4.1.6 การบริการและซ่อมสปลิตเฟสมอเตอร์ 1. หลักปฏิบัติในการซ่อมสปลิตเฟสมอเตอร์ (1) ตรวจสภาพภายนอกทั่วไป โดยการสัมผัส ดมกลิ่น ฟังเสียง (2) เมื่อพบจุดบกพร่องแล้ว ก็ให้ตรวจสอบจุดนั้นให้ละเอียดอีกครั้ง (3) จุดต่อสายไฟฟ้าให้ตรวจสอบก่อน จุดที่เป็นสกรูหรือสลักเกลียว ขันให้แน่น (4) ก่อนทําการแยกชิ้นส่วนมอเตอร์ ให้บันทึกหรือทําเครื่องหมายเสียก่อนเพื่อ เวลาประกอบจะได้ไม่ผิดพลาด (5) ชิ้นที่ถอดออกมาแล้ว ไม่สามารถซ่อมได้ ต้องเปลี่ยนเป็นของใหม่ (6) การประกอบชิ้นส่วนต่าง ๆ เข้าที่เดิม ให้ทําความสะอาดและตรวจสภาพ ให้ เรียบร้อย


4.1.7 ข้อบกพร่อง สาเหตุทีพบบ่อย และวิธีแก้ไขเกี่ยวกับ่สปลิตเฟสมอเตอร์ ตาราง ข้อบกพร่อง สาเหตุที่พบบ่อย และวิธีซ่อมบํารุงสปลิตเฟสมอเตอร์


ตาราง (ต่อ) ข้อบกพร่อง สาเหตุที่พบบ่อย และวิธีซ่อมบํารุงสปลิตเฟสมอเตอร์


ตาราง (ต่อ) ข้อบกพร่อง สาเหตุที่พบบ่อย และวิธีซ่อมบํารุงสปลิตเฟสมอเตอร์


ยูนิเวอร์แซลมอเตอร์ (Universal Motor) เป็นมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับ 1 เฟส เป็นมอเตอร์ ขนาดเล็กที่ใช้ได้ ทั้งไฟฟ้ากระแสสลับและไฟฟ้ากระแสตรงมีขนาดไม่เกิน 3/4 แรงม้า ใช้เป็น ต้นกําลังและมักจะออกแบบให้เป็นตัวเรือนเดียวกับเครื่องใช้ไฟฟ้า 4.2.1 โครงสร้าง โครงสร้างของยูนิเวอร์แซลมอเตอร์ ดังรูป ส่วนประกอบของย ู นิเวอร์แซลมอเตอร์


4.2.2 หลักการทํางาน เมื่อเป็นแรงดันกระแสไฟฟ้าเข้าไปในมอเตอร์ ส่วนหนึ่งจะไหลผ่านสนามแม่เหล็ก สร้างขั้วเหนือ–ใต้ และผ่านแปรงถ่านผ่านคอมมิวเตเตอร์เข้าไปในขดลวดอาร์เมเจอร์สร้าง สนามแม่เหล็กขึ้นเช่นเดียวกัน เกิดสนามแม่เหล็ก 2 สนาม ในขณะเดียวกัน ตามคุณสมบัติ ของเส้นแรงแม่เหล็ก จะไม่ตัดกันทิศทางตรงข้ามจะหักล้างกัน และทิศทางเดียวจะเสริมแรง กัน 4.2.3 การบริการและซ่อมยนิ ู เวอร์แซลมอเตอร์ ตารางข้อบกพร่อง สาเหตุที่พบบ่อย และวิธีซ่อมบํารุงยูนิเวอร์แซลมอเตอร์


ตาราง (ต่อ)ข้อบกพร่อง สาเหตุที่พบบ่อย และวิธีซ่อมบํารุงยูนิเวอร์แซลมอเตอร์


มอเตอร์เหนี่ยวนํา 3 เฟส (Three Phase Induction Motor) เป็นมอเตอร์ที่ใช้ระบบไฟฟ้า 3 เฟส เป็นแหล่งจ่าย จึงสามารถออกแบบให้มีกําลังมาก ๆ ได้ 4.3.1 โครงสร้าง ส่วนประกอบของมอเตอร์เหนี่ ยวนํา 3 เฟส


4.3.2 การต่อวงจรภายในของมอเตอร์ 3 เฟส มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับ 3 เฟสประกอบด้วยขดลวด 3 ชุด คือขดลวดเฟส A (U1–U2)ขดลวดเฟส B (V1–V2) และ ขดลวดเฟส C (W1–W2) ที่มีลักษณะเหมือนกัน ทุกประการ ขดลวดวางในร่องห่างกัน 120 องศาไฟฟ้า ดังแสดงการพันขดลวดในรูป การพันขดลวดมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับ 3 เฟส 36 ร่อง แบบขดลวดสองชั้น จากรูป เขียนไดอะแกรมการต่อวงจรได้ดังรูป ไดอะแกรมการต่อวงจรภายในขดลวดมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับ 3 เฟส 4 ขั้ว


4.3.3 การต่อวงจรใช้งาน 1. การวางตําแหน่งขั้ว เขียนเป็นสัญลักษณ์ขดลวดและวางตําแหน่งขั้วมอเตอร์ ดังรูป สัญลักษณ์ขดลวด กับการวางตําแหน่งขั้ วมอเตอร์3 เฟส


2. การต่อวงจรใช้งาน มอเตอร์ 3 เฟสต่อวงจรได้ 2 แบบคือ แบบสตาร์ และเดลตา (1) การต่อวงจรมอเตอร์แบบสตาร์ (Star or Y) การต่อวงจรขดลวดมอเตอร์ 3 เฟสแบบ Y (2) การต่อวงจรมอเตอร์แบบเดลตา (Delta หรือ ∆) การต่อวงจรขดลวดมอเตอร์ 3 เฟสแบบ ∆


3. การกําหนดแรงดันไฟฟ้าทีมอเตอร์ให้สอดคล้องกับแรงดันของระบบไฟฟ้า่ (1) ระบบไฟฟ้า 3 เฟส มาตรฐานทั่ วไปทีการไฟฟ้าทั่งส่วนภ้มิภาคและการ ู ไฟฟ้า นครหลวงจ่ายให้ผ ู ้ใช้ไฟฟ้าส่วนใหญ่เป็ นระบบ 3 เฟส 4 สาย ดังนี้ ระบบไฟฟ้า 3 เฟส 4 สาย และสายดิน (2) กําหนดแรงดันไฟฟ้าเมื่อต่อวงจรมอเตอร์แบบสตาร์ ในการต่อวงจรมอเตอร์แบบสตาร์ พบว่าแรงดันที่จ่ายให้กับขดลวดของมอเตอร์แต่ละเฟสเป็นแรงดันระหว่าง L1 กับ N คือ ขดลวดเฟส A (ปลายสาย U1 และ U2) ต่ออยู่กับ L1 และ N ขดลวดเฟส B (ปลายสาย V1 และ V2) ต่ออยู่กับ L2 และ N = 220 โวลต์ ขดลวดเฟส C (ปลายสาย W1 และ W2) ต่ออยู่กับ L3 และ N เมื่อต่อวงจรมอเตอร์แบบสตาร์ขดลวดแต่ละเฟสได้รับแรงดัน 220 โวลต์


(3) กําหนดแรงดันไฟฟ้าเมื่อต่อวงจรมอเตอร์แบบเดลตา ในการต่อวงจร มอเตอร์แบบเดลตา แรงดันที่จ่ายให้กับขดลวดของมอเตอร์แต่ละเฟส คือ ขดลวดเฟส A (ปลายสาย U1 และ U2) ต่ออยู่กับ L1 และ L2 ขดลวดเฟส B (ปลายสาย V1 และ V2) ต่ออยู่กับ L2 และ L3 = 380 โวลต์ ขดลวดเฟส C (ปลายสาย W1 และ W2) ต่ออยู่กับ L3 และ L1 เมื่อต่อวงจรมอเตอร์แบบเดลตาขดลวดแต่ละเฟส ได้รับแรงดัน 380 โวลต์ 4. การกลับทิศทางการหมุนมอเตอร์เหนี่ยวนํา 3 เฟส การกลับทิศทางการหมุนของมอเตอร์เหนี่ยวนํา 3 เฟส กระทําหลังจากการต่อวงจร ภายในมอเตอร์แล้ว โดยกําหนดขั้วต่อสายมอเตอร์ (Terminal) สําหรับต่อกับระบบไฟฟ้า เป็น T1 T2 และ T3 ดังนี้ การกําหนดชื่ อกํากับขั้ วต่อสายมอเตอร์ 3 เฟส


4.3.4 การบริการและซ่อมมอเตอร์เหนี่ ยวนํา 3 เฟส ตาราง ข้อบกพร่อง สาเหตุที่พบบ่อย และวิธีซ่อมบํารุงมอเตอร์3 เฟส


ตาราง (ต่อ) ข้อบกพร่อง สาเหตุที่พบบ่อย และวิธีซ่อมบํารุงมอเตอร์ 3 เฟส


ตาราง (ต่อ) ข้อบกพร่อง สาเหตุที่พบบ่อย และวิธีซ่อมบํารุงมอเตอร์3 เฟส


หม้อแปลงไฟฟ้า (Transformer) เป็นเครื่องกลไฟฟ้ากระแสสลับที่ใช้สําหรับแปลง แรงดันไฟฟ้าให้มีค่าสูงขึ้น หรือแปลงแรงดันให้มีค่าตํ่าลง ลักษณะภายนอกและลักษณะงานของหม้อแปลง 4.4.1 โครงสร้าง โครงสร้างของหม้อแปลงไฟฟ้า ประกอบด้วย แกนเหล็ก ขดลวดปฐมภูมิ และขดลวด ทุติยภูมิดังรูป


ส่วนประกอบของหม้อแปลง 1. แกนเหล็ก (Core) เป็นแกนเหล็กอ่อนบางเคลือบฉนวนอัดซ้อนกัน ตัดเป็นรูป L I หรือ E แล้วนํามาประกอบกันเป็นรูปทรง 2. ขดลวดปฐมภูมิ (Primary Winding) เป็นขดลวดด้านรับไฟเข้าจึงต้องออกแบบให้มี ขนาดแรงดันเท่ากับแหล่งจ่าย 3. ขดลวดทุติยภูมิ (Secondary Winding) เป็นขดลวดด้านจ่ายไฟออกยังโหลด จึงต้อง ออกแบบให้มีขนาดแรงดันเท่ากับที่โหลดต้องการ


4.4.2 หลักการทํางาน กฎของฟาราเดย์(Faraday’s Law) กล่าวไว้ว่าเมื่อขดลวดได้รับแรงเคลื่อนไฟฟ้า กระแสสลับจะทําให้ขดลวดมีการเปลี่ยนแปลงเส้นแรงแม่เหล็กตามขนาดของรูปคลื่นไฟฟ้า กระแสสลับ และทําให้มีแรงเคลื่อนไฟฟ้าเหนี่ยวนําเกิดขึ้นที่ขดลวดนี้ สัญลักษณ์แทนค่าต่าง ๆ ของหม้อแปลงไฟฟ้า ให้ Ep เป็นระดับแรงดันไฟฟ้าทางขดปฐมภูมิ Es เป็นระดับแรงดันไฟฟ้าทางขดทุติยภูมิ Np เป็นจํานวนรอบของขดปฐมภูมิ Ns เป็นจํานวนรอบของขดทุติยภูมิ ∆φ เป็นอัตราการเปลี่ยนแปลงของสนามแม่เหล็ก


Click to View FlipBook Version