กําหนดสมการได้ดังนีคือ้ ให้ Ip เป็ นกระแสไฟฟ้าทางขดปฐมภมิ ู Is เป็ นกระแสไฟฟ้าทางขดทุติยภมิ ู และ เมือไม่มีการสู่ญเสียใด ๆ คือ กําลังไฟฟ้าขาออก เท่ากับกําลังไฟฟ้าทีจ่ายออกมา ่ จะได้ว่า
4.4.3 งานบริการและซ่อมหม้อแปลงไฟฟ้า ตาราง ข้อบกพร่อง สาเหตุทีพบบ่อย และวิธีซ่อมบํารุงหม้อแปล่งไฟฟ้า
งานบริการและซ่อมเครื่ องซักผ้า 5.1 งานบริการและซ่อมเครื่ องปั๊มนํา ้ 5.2 งานบริการและซ่อมเครื่ องปั่นนําผลไ ้ ม้ 5.4
เครื่องซักผ้า (Washing Machine) เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้สําหรับซักล้างเสื้อผ้าใย ครัวเรือน อํานวยความสะดวก ในชีวิตประจําวัน เครื่องซักผ้าแบ่งตามการทํางานได้2 ชนิด คือ 5.1.1 เครื่ องซักผ้าแบบกึงอัตโนมัติ ่ เครื่องซักผ้าแบบกึ่งอัตโนมัติ เป็นเครื่องซักผ้าที่ถังซักและถังสําหรับสลัดนํ้าออกจาก ผ้าหลังซักแยกจากกัน ดังรูป เครื่ องซักผ้าแบบกึงอัตโนมัติ่
1. ส่วนประกอบของเครื่ องซักผ้าแบบกึงอัต่โนมัติ ปุ่ มต่าง ๆ บนแผงควบคุมเครื่ องซักผ้าแบบกึงอั่ตโนมัติ เครื่ องซักผ้าแบบกึงอัตโนมัติ มีส่วนประกอบที่สําคัญ ดังนี่ ้ (1) ท่อจ่ายนํ้าเข้า (2) ถังซัก (3) ปุ่ มตั้งเวลาซัก (4) ถังสลัดนํ้า (5) ปุ่ มตั้งเวลาสลัดผ้า (6) ท่อนํ้าทิ้ง (7) ปุ่ มเปิดนํ้าทิ้ง (8) ปุ่ มเลือกทิศทางการจ่ายนํ้าเข้า (9) ปุ่ มเลือกรูปแบบการซัก (10) มอเตอร์ (11) คาปาซิเตอร์ (12) ฟิ วส์ (13) ไมโครสวิตช์
2. ตัวอย่างส่วนประกอบผลิตภัณฑ์เครื่ องซักผ้าแบบกึงอัตโนมั่ติ รุ่น LG ส่วนประกอบผลิตภัณฑ์เครื่องซักผ้าแบบกึ่งอัตโนมัติ รุ่น LG
3. หลักการทํางานของเครื่ องซักผ้าแบบกึงอัตโนมั่ติ วงจรไฟฟ้าของเครื่ องซักผ้าแบบกึงอัตโนมัติเนชั่ ่ นแนลรุ่น NA–200X
4. การใช้งานเครื่องซักผ้าแบบกึ่งอัตโนมัติ (1) นําผ้าที่จะซักใส่ลงไปในถังซัก เปิดประตูนํ้าจ่ายนํ้าเข้าถังซัก (2) ตั้งเวลาในการซักโดยหมุนปุ่ มตั้งเวลาซัก เครื่องซักผ้าจะเริ่มทํางาน และจะ หยุดซักเมื่อครบเวลาที่ตั้งไว้ (3) รอให้เครื่องหยุดหมุน เปิดนํ้าในถังซักทิ้ง รอให้นํ้าสะเด็ด แล้วย้ายผ้าไปยัง ถัง สลัดนํ้าปิดฝาถังให้เรียบร้อย (4) ตั้งเวลาในการสลัดนํ้าโดยหมุนปุ่ มตั้งเวลาสลัดนํ้า เครื่องซักผ้าจะเริ่มทํางาน และจะหยุดซักเมื่อครบเวลาที่ตั้งไว้ รอจนเครื่องหยุดนิ่งแล้วนําผ้าไปตากให้แห้งต่อไป 5. หลักปฏิบัติในการซ่อมบํารุงเครื่องซักผ้าแบบกึ่งอัตโนมัติ (1)ตรวจสภาพภายนอกทั่วไป โดยการสัมผัส ดมกลิ่น ฟังเสียง (2) จุดต่อสายไฟฟ้าให้ตรวจสอบก่อน จุดที่เป็นสกรูหรือสลักเกลียว ขันให้แน่น (3) ก่อนทําการแยกชิ้นส่วนเครื่องซักผ้า ให้บันทึกหรือทําเครื่องหมายเสียก่อน (4) ชิ้นที่ถอดออกมาแล้ว ไม่สามารถซ่อมได้ ต้องเปลี่ยนเป็นของใหม่ (5) การประกอบชิ้นส่วนต่าง ๆ เข้าที่เดิม ให้ทําความสะอาดและตรวจสภาพ
6. การตรวจสอบหาสาเหตุข้อบกพร่องของเครื่องซักผ้า (1) สายไฟเข้าเครื่องซักผ้า หมายถึง ชุดสายไฟฟ้าที่ต่อเข้ามายังวงจรเครื่องใช้ไฟฟ้า ได้แก่เต้าเสียบของเครื่องซักผ้า สายไฟเครื่องซักผ้า ขั้วต่อสายไฟ (2) ชุดมอเตอร์ ประกอบด้วย มอเตอร์ซักผ้า และมอเตอร์ปั่น แห้ง (3) แผงควบคุม 7. การซ่อมบํารุงรักษาเครื่องซักผ้า ตารางข้อบกพร่อง สาเหตุที่พบบ่อย และวิธีซ่อมบํารุงเครื่องซักผ้าแบบกึ่งอัตโนมัติ
ตาราง (ต่อ) ข้อบกพร่อง สาเหตุที่พบบ่อย และวิธีซ่อมบํารุงเครื่องซักผ้าแบบกึ่งอัตโนมัติ
5.1.2 เครื่ องซักผ้าแบบอัตโนมัติ เครื่องซักผ้าแบบอัตโนมัติ เป็นเครื่องซักผ้าที่ถังซักและถังสําหรับสลัดนํ้าเป็นถัง เดียวกัน แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ แบบฝาเปิดด้านบน หรือถังตั้ง และแบบฝาเปิด ด้านข้าง หรือถังนอน 1. แบบฝาเปิ ดด้านบน เครื่องซักผ้าแบบอัตโนมัติแบบฝาเปิดด้านบน สามารถทํางานทุกอย่างในถังเดียว คือซักผ้า ล้างผงซักฟอกในผ้าออก และสลัดนํ้า 2. แบบฝาเปิ ดด้านข้าง เครื่องซักผ้าแบบอัตโนมัติแบบฝาเปิดด้านข้าง สามารถทํางานทุกอย่างในถังเดียว เช่นเดียวกัน ภายในเครื่องจะมีถัง 2ชั้น ชั้นนอกเป็นถังอยู่กับที่ สําหรับเก็บนํ้า ชั้นในสําหรับใส่ ผ้าหมุนรอบแกนในแนวนอน 3. การตรวจสอบหาสาเหตุข้อบกพร่องและการซ่อมเครื่ องซักผ้าแบบอัตโนมัติ หลักปฏิบัติในการตรวจสอบหาสาเหตุข้อบกพร่องและการซ่อมเครื่องซักผ้า แบบอัตโนมัติ เหมือนเครื่องซักผ้าแบบกึ่งอัตโนมัติ เพียงแต่ถ้าระบบควบคุมเสียหายจําเป็นต้องเปลี่ยนทั้งชุด
ปั๊มนํา เป็ นอุปกรณ์เพิ ้มแรงดันนํ่า ซึ้งส่วนใหญ่ทํางานโดยมอเตอ่ร์ไฟฟ้า ทําหน้าที่ เป็ นต้นกําลังหมุนส่งกําลังให้ปั๊มนําทํางาน เพิ้มแรงดันให้นํ่าแล้ะส่งนําไปตามท่อ้ 5.2.1 ชนิดของปั๊มนําตามหลักการทํา ้ งาน ปั๊มนํ้าที่ใช้โดยทั่วไป แบ่งเป็นสองแบบ คือ 1. ปั๊มนํ้าแบบลูกสูบ ทํางานโดยหมุนให้ลูกสูบเลื่อนไป–มา และมีวาล์วเปิด–ปิด นํ้าเข้า–ออก จากลูกสูบ เป็นการเพิ่มแรงดันให้นํ้าโดยตรง ดังรูป ปั๊มนําแบบลู้ กส ู บ
2. ปั๊มนํ้าแบบใบพัด บางครั้งเรียกว่าปั๊มหอยโข่ง ทํางานด้วยการหมุนของใบพัดในเสื้อ ปั๊มที่ได้รับการออกแบบมาเฉพาะ ทําให้เกิดแรงดันในเสื้อปั๊ม จ่ายนํ้าไปตามท่อได้ส่วนใหญ่มี ท่อดูดทางด้านหน้าตรงกลางของปั๊ม และมีท่อออกด้านข้างในแนวเส้นสัมผัสกับตัวปั๊ม ดังรูป ปั๊มนําแบบใบ้พัด 5.2.2 ขนาดของปั๊มนํา ้ โดยทั่วไปจะระบุขนาดของปั๊มนํ้าด้วยกําลังหรือขนาดของมอเตอร์ที่ใช้ขับปั๊ม เช่น ปั๊มนํ้าขนาด200 วัตต์ ปั๊มนํ้าขนาด 400 วัตต์ เป็นต้น
1. ปริมาณการจ่ายนํ้า แสดงเป็นปริมาณในหน่วยปริมาตรนํ้าต่อเวลา หมายถึงปั๊ม สามารถจ่ายนํ้าได้มากเท่าไหร่ในช่วงเวลาหนึ่ง 2. แรงดันนํ้า แสดงเป็นความสูงของนํ้า (เมตร) หน่วยของแรงดันนํ้าเป็นขนาดของแรง ต่อหนึ่งหน่วยพื้นที่ ซึ่งปรับเทียบให้เป็นความสูงของนํ้าเพื่อให้ง่ายในการใช้งาน ความสูง นํ้า 10 เมตร ประมาณแรงดัน = 1 bar หรือ ประมาณ 1 kg/cm2 ปั๊มทํางานจ่ายนํ้าได้ที่ ความสูงปลายท่อสูงเท่าไร 5.2.3 การเลือกใช้ปั๊มนํา ้ 1. ข้อมูลปริมาณการใช้นํ้า ภายในบ้าน ห้องนํ้าชั้นสูงสุดอยู่ชั้นไหน มีคนอยู่กี่คน ห้องนํ้า กี่ห้องโอกาสที่เปิดนํ้า หรือใช้ห้องนํ้าพร้อมกัน 2. ความสามารถในการจ่ายนํ้า เลือกปั๊มนํ้าที่สามารถจ่ายนํ้าได้ในปริมาณที่ต้องการ ใน ระดับแรงดันที่ต้องการ โดยคํานึงถึงช่วงเวลาที่ใช้นํ้าพร้อมกันสูงสุด 3. ความสามารถของปั๊ม Q 0.6 –2.4 m3 / h หมายถึงอัตราการจ่ายนํ้าของปั๊ม ซึ่งสามารถจ่ายนํ้าได้ปริมาณ 0.6 ถึง2.4 ลูกบาศก์เมตร (m3) ในเวลา 1 ชั่วโมง (h)
H 1 – 8 m หมายถึงปั๊มสามารถสร้างแรงดันนํ้า เทียบเป็นความสูงของนํ้าที่ปั๊มสามารถ จ่ายนํ้าได้ ซึ่งสามารถจ่ายนํ้าได้ที่ความสูงของปลายท่อสูง 1 ถึง 8 เมตร (m) 4. การติดตั้งปั๊มนํ้า เมื่อเลือกขนาดปั๊มนํ้าที่ต้องการได้แล้ว ต้องพิจารณาติดตั้งให้เหมาะสม เพื่อความ สะดวก ปลอดภัย และทนทาน (1) ติดตั้งปั๊มในที่ร่ม กันแดด กันฝน (2) ติดตั้งปั๊มบนฐานรอง ให้ปั๊มสูงจากพื้นนํ้าไม่ท่วมขัง (3) ติดตั้งปั๊มห่างจากผนังอย่างน้อย 10 เซนติเมตร ประมาณ 1 ฝ่ ามือ (4) ปั๊มจะมีใบพัดระบายความร้อนอยู่ด้านท้ายของปั๊ม (5) การติดตั้งท่อนํ้ากับตัวปั๊ม ควรติดตั้งให้ได้ระดับ และได้แนวพอดีกับแนวเกลียว หรือข้อต่อของปั๊ม (6) การติดตั้งท่อควรระวังอย่าให้มีสิ่งสกปรก เศษวัสดุ เศษท่อพี.วี.ซี. (7) ท่อดูดและท่อจ่ายนํ้าของปั๊ม ไม่ควรเล็กกว่าขนาดของจุดต่อท่อของปั๊ม
5.2.4 การตรวจสอบหาสาเหตุข้อบกพร่องและการซ่อมเครื่ องปั๊มนํา ้ 1. หลักปฏิบัติในการซ่อมเครื่องปั๊มนํ้า (1) เมื่อปั๊มไม่ทํางานตามปกติ ให้ตรวจสอบปลั๊กดูว่าหลวมหรือไม่? (2) รีเลย์ป้องกันมอเตอร์จะติดตั้งอยู่ในมอเตอร์โดยทั่วไปแล้ว รีเลย์จะไม่ทํางาน บ่อย ๆรีเลย์จะทํางาน (ตัดวงจร) ก็ต่อเมื่อมอเตอร์ทํางานเกินกําลัง (3) ดึงปลั๊กออกจากแหล่งจ่ายไฟก่อนทําการตรวจสอบทุกครั้ง 2. ข้อบกพร่อง สาเหตุที่พบบ่อย และวิธีแก้ไข เกี่ยวกับเครื่องปั๊มนํ้า ตารางข้อบกพร่อง สาเหตุที่พบบ่อย และวิธีซ่อมบํารุงเครื่องปั๊มนํ้าทํางานแบบอัตโนมัติ
ตาราง (ต่อ) ข้อบกพร่อง สาเหตุที่พบบ่อย และวิธีซ่อมบํารุงเครื่องปั๊มนํ้า เครื่องปั่นนํ้าผลไม้ เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนที่ใช้สําหรับการปั่นนํ้าผลไม้เป็นเครื่องดื่ม ลักษณะภายนอกดังรูป
5.3.1 โครงสร้างของเครื่ องปั่นนําผลไ ้ ม้ โครงสร้างของเครื่ องปั่นนํา้ผลไม้
5.3.2 หลักการทํางานของเครื่ องปั่นนําผล ้ ไม้ ส่วนประกอบต่าง ๆ ของมอเตอร์ของเครื่องปั่นนํ้าผลไม้
ปุ่ มปรับระดับความเร็วของเครื่ องปั่นนํา้ผลไม้ สําหรับปุ่ มปรับความเร็วของเครื่องบดไฟฟ้าจะมีอยู่ 6 ปุ่ ม โดยเรียงจากหมายเลข 1 ถึง 5 และปุ่ มที่มีเครื่องหมาย * เป็นปุ่ มที่มีความเร็วเดียวกับปุ่ มที่ 5 เพียงแต่เมื่อกดแล้วไม่ค้าง เมื่อ ยกนิ้วออกปุ่ มนี้ก็จะดีดขึ้นด้วยส่วนปุ่ ม 1 ถึง 5 เป็นปุ่ มปรับความเร็วที่กดแล้วค้างอยู่กับที่ ถ้า จะให้ปุ่ มนี้ดีดขึ้น จะต้องกดที่ปุ่ ม 0 ซึ่งเป็นปุ่ มสําหรับคลายล็อกของปุ่ ม 1 ถึง 5 ดังนั้นปุ่ ม 0 จึง ไม่ปรับความเร็ว
ตารางข้อบกพร่อง สาเหตุที่พบบ่อย และวิธีซ่อมเครื่องปั่นนํ้าผลไม้ 5.3.3 การตรวจสอบหาสาเหตุข้อบกพร่องและการซ่อมเครื่ องปั่นนําผล ้ ไม้ ข้อบกพร่อง สาเหตุที่พบบ่อย และวิธีแก้ไข เกี่ยวกับเครื่องปั่นนํ้าผลไม้ดังตาราง
1. วัสดุที่ใช้จะต้องไม่เปราะบาง แต่ที่สําคัญที่สุดคือความแข็งแรงของใบมีด เพราะเป็น ส่วนที่ทํางานหนักที่สุด ใบมีดควรจะทําจากสแตนเลส 2. ความเร็วรอบของใบมีด โดยปกติเครื่องปั่นนํ้าผลไม้ใบมีดจะมีความเร็วรอบ 3,600 รอบต่อนาที ซึ่งเพียงพอที่จะใช้ทํานํ้าผลไม้ได้นานาชนิด 3. ความเงียบระหว่างการทํางาน ความเงียบของเครื่องปั่นกลายเป็นจุดเด่น เพราะว่า ถ้าเครื่องปั่นทํา 4. ความสามารถในการแยกกากผลไม้ เครื่องปั่นนํ้าผลไม้แยกกากจะช่วยเพิ่มความ สะดวกในการทํานํ้าผลไม้มากขึ้นงานเสียงดังจะสร้างความรําคาญ 5.3.4 การเลือกเครื่ องปั่นนําผลไม้ใช้งาน ้ มีรายละเอียดที่จะต้องพิจารณาดังนี้
6.1 งานบริการและซ่อมเครื่ องคอมพิวเตอร์ 6.2 งานบริการและซ่อมเครื่ องสํารองไฟ
คอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่างหนึ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นมาเพื่ออํานวยความ สะดวกในการทํางานต่าง ๆ ให้สําเร็จลุล่วงอย่างรวดเร็วและแม่นยําเช่น งานประมวลผล ข้อมูล งานคํานวณ เป็นต้น 6.1.1 องค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์ 1. ฮาร์ดแวร์ คือ ตัวเครื่อง และอุปกรณ์ต่าง ๆ ของคอมพิวเตอร์ทุก ๆ ชิ้นซึ่งเรา สามารถจับต้องได้ 2. ซอฟต์แวร์ คือ โปรแกรมหรือชุดข้อมูลคําสั่งต่าง ๆ ที่ถูกเขียนขึ้น เพื่อใช้ควบคุมหรือ สั่งการให้คอมพิวเตอร์ทํางานตามที่เราต้องการ 3. พีเพิลแวร์คือ ผู้ที่ใช้งานหรือทํางานอยู่กับเครื่องคอมพิวเตอร์รวมไปถึงผู้ที่มีความรู้ ความชํานาญอย่าง ช่างคอมพิวเตอร์ โปรแกรมเมอร์
6.1.2 ส่วนประกอบทีเห็นได้จากภายนอกเครื ่ ่ องคอมพิวเตอร์ 1. ซีดีอาร์ดับบลิว/ดีวีดีอาร์ดับบลิว/บล ู เรย์ไดรว์ 2. ช่องต่อ USB พอร์ต (ด้านหน้าเครื่ อง) 3. ปุ่ มรีเซ็ต 4. ปุ่ มเปิ ด/ปิ ดเครื่ อง 5. พัดลมระบายอากาศ 6. พอร์ต PS/2 7. ช่องต่อ USB พอร์ต (ด้านหลังเครื่ อง) 8. ช่องเชื่ อมต่อกับสายแลน 9. ช่องเชื่ อมต่อกับจอภาพ ส่วนประกอบทีเห็นได้จากภายนอกเครื ่ ่ องคอมพิวเตอร์
6.1.3 ส่วนประกอบต่าง ๆ ของคอมพิวเตอร์ 1. ซีพีย ู 2. แรม 3. เมนบอร์ด 4. ชิปเซ็ต 5. ซีดีอาร์ดับบลิว/ดีวีดีอาร์ดับบลิว/บล ู เรย์ไดรว์
6. ฮาร์ดดิสก์ 7. การ์ดแสดงผล 8. จอภาพ 9. การ์ดเสียง 10. ลําโพง 11. โมเด็ม
12. อุปกรณ์เน็ตเวิร์ก 13. ตัวเครื่ องหรือเคส 14. เพาเวอร์ซัพพลาย 15. เครื่ องสํารองไฟ 16. เมาส์ 17. คีย์บอร์ด
การทํางานของคอมพิวเตอร์ 6.1.4 การทํางานของคอมพิวเตอร์
6.1.5 การตรวจสอบอุปกรณ์ต่าง ๆ ของเครื่ องคอมพิวเตอร์ 1. เปิดฝาเคสเพื่อตรวจดูอุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ 2. ปิดฝาเคส 3. ทําการเชื่อมต่อพอร์ตต่าง ๆ เข้ากับอุปกรณ์ภายนอกเช่นคีย์บอร์ด, เมาส์, จอภาพ, ลําโพง,เสียบเต้าเสียบต่อไฟฟ้ากระแสสลับ เข้าที่ช่องต่อเพาเวอร์ซัพพลาย 4. หลังจากเชื่อมต่ออุปกรณ์ภายนอกต่าง ๆ จนครบแล้วให้ตรวจดูเต้าเสียบต่าง ๆ ของ อุปกรณ์เช่นจอภาพ, ตัวเครื่อง, ลําโพงและอื่น ๆ ว่าต่อกับแหล่งจ่ายไฟหรืออุปกรณ์สํารอง ไฟแล้วหรือยัง 5. ทดสอบการทํางานของเครื่องคอมพิวเตอร์
6.1.6 การซ่อมบํารุงรักษาเครื่ องคอมพิวเตอร์ ข้อบกพร่อง สาเหตุที่พบบ่อย และวิธีแก้ไข เกี่ยวกับเครื่องคอมพิวเตอร์ ตาราง ข้อบกพร่อง สาเหตุที่พบบ่อย และวิธีซ่อมเครื่องคอมพิวเตอร์
ตาราง (ต่อ) ข้อบกพร่อง สาเหตุที่พบบ่อย และวิธีซ่อมเครื่องคอมพิวเตอร์
6.1.7 การใช้เครื่ องคอมพิวเตอร์อย่างประหยัดพลังงานและถกวิธี ู 1. อย่าเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ทิ้งไว้ถ้าไม่ใช้งาน 2. ถอดปลั๊กเมื่อเลิกใช้งาน 3. ปิดจอภาพคอมพิวเตอร์เมื่อไม่ใช้งานเกินกว่า 15 นาที 4. ควรตั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ในบริเวณที่มีการระบายความร้อนได้ดี 5. ควรตรวจสอบดูว่าระบบประหยัดพลังงานในเครื่องถูกสั่งให้ทํางานแล้วหรือไม่ ถ้า ยัง ต้องสั่งให้ระบบนี้ทํางานเพราะจะช่วยให้ประหยัดไฟฟ้า 6. เลือกใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีระบบประหยัดพลังงาน 7. ควรซื้อจอภาพที่ขนาดไม่ใหญ่เกินไป เช่น จอภาพขนาด 14 นิ้ว จะใช้พลังงาน น้อยกว่าจอภาพ ขนาด 17 นิ้ว ถึงร้อยละ 25 8. คอมพิวเตอร์ชนิดกระเป๋ าหิ้วประหยัดพื้นที่และประหยัดไฟได้มากกว่าแบบตั้งโต๊ะ
6.1.8 การบํารุงรักษาเครื่ องคอมพิวเตอร์ 1. ไม่ควรทําความสะอาดเครื่องคอมพิวเตอร์ขณะที่เครื่องยังเปิดอยู่ถ้าคุณจะทํา ความ สะอาดเครื่อง ควรปิดเครื่องทิ้งไว้ 5 นาที ก่อนลงมือทําความสะอาด 2. อย่าใช้ผ้าเปียก ผ้าชุ่มนํ้า เช็ดคอมพิวเตอร์อย่างเด็ดขาด ใช้ผ้าแห้งดีกว่า 3. อย่าใช้สบู่ นํ้ายาทําความสะอาดใด ๆ กับคอมพิวเตอร์ เพราะจะทําให้ระบบ ของเครื่อง เกิดความเสียหาย 4. ไม่ควรฉีดสเปรย์ใด ๆ ไปที่คอมพิวเตอร์ คีย์บอร์ด และอุปกรณ์ต่าง ๆ 5. ไม่ควรใช้เครื่องดูดฝุ่ นกับคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ประกอบอื่น ๆ 6. ถ้าคุณจําเป็นต้องทําความสะอาดเครื่องคอมพิวเตอร์ โปรดใช้อุปกรณ์ทําความ สะอาด ที่คู่มือแนะนําไว้เท่านั้น 7. ไม่ควรดื่มนํ้าชา กาแฟ เครื่องดื่มต่าง ๆ ในขณะที่ใช้คอมพิวเตอร์ 8. ไม่ควรกินของคบเคี้ยวหรืออาหารใด ๆ ขณะทํางานด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์
เครื่องสํารองไฟเป็นเครื่องจ่ายไฟสํารองใช้สําหรับในการแก้ปัญหาเรื่องไฟดับ, ไฟฟ้า กระพริบ, ไฟฟ้ากระชาก, สัญญาณรบกวนทางไฟฟ้าและอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับระบบไฟฟ้าเพื่อ ป้องกันให้อุปกรณ์ที่ต่อพ่วงหลังเครื่องสํารองไฟให้ปลอดภัยได้ดีที่สุด ดังรูป เครื่ องสํารองไฟ 6.2.1 ส่วนประกอบของเครื่ องสํารองไฟ 1. เครื่องประจุแบตเตอรี่ 2. เครื่องแปลงกระแสไฟฟ้า 3. แบตเตอรี่ 4. ระบบปรับแรงดันไฟฟ้าอัตโนมัติ
คือใช้วิธีการแปลงไฟฟ้ากระแสสลับ เป็นไฟฟ้ากระแสตรง แล้วเก็บสํารองไว้ในแบตเตอรี่ ส่วนหนึ่งและในกรณีที่เกิดปัญหาทางไฟฟ้าเช่นไฟดับหรือคุณภาพไฟฟ้าผิดปกติเป็นต้น อุปกรณ์ไฟฟ้าไม่สามารถใช้พลังงานไฟฟ้าที่รับมาได้ เครื่องสํารองไฟ ก็จะเปลี่ยนไฟฟ้า กระแสตรง จากแบตเตอรี่ให้กลายเป็นไฟฟ้ากระแสสลับ แล้วจึงจ่ายพลังงานไฟฟ้าให้กับ อุปกรณ์ไฟฟ้าตามปกติ 6.2.2 หลักการทํางานของเครื่ องสํารองไฟ 6.2.3 การตรวจสอบหาสาเหตุข้อบกพร่องและการซ่อมเครื่ องสํารองไฟ ตาราง ข้อบกพร่อง สาเหตุที่พบบ่อย และวิธีซ่อมเครื่องสํารองไฟ
6.2.4 ประโยชน์จากเครื่ องสํารองไฟ 1. จ่ายพลังงานเครื่องจ่ายไฟฟ้าสํารองให้แก่อุปกรณ์ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เมื่อเกิดไฟดับหรือไฟตกเพื่อให้มีเวลาสําหรับการ เก็บข้อมูล 2. ปรับแรงดันไฟฟ้าให้อยู่ในระดับที่ไม่เป็นอันตรายต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าและอุปกรณ์ อิเล็กทรอนิกส์เมื่อเกิดปัญหาทางไฟฟ้าเช่นไฟตก, ไฟดับ เป็นต้น 3. ป้องกันสัญญาณรบกวนทางไฟฟ้าที่สามารถสร้างความเสียหายต่อข้อมูลและ อุปกรณ์ไฟฟ้าได้ 6.2.5 การบํารุงดแลรักษาเครื ู่ องสํารองไฟ 1. ดูแลเรื่องความสะอาด โดยใช้ผ้าแห้งทําความสะอาดที่ตัวเครื่อง 2. ดูแลเรื่องการระบายอากาศ อุณหภูมิที่เหมาะสม และปราศจากฝุ่ นละออง 3. อย่านําเครื่องสํารองไฟ ไปใช้งานผิดประเภท 4. ใช้งานเครื่องสํารองไฟ และปฏิบัติตามคําแนะนําต่าง ๆ ที่ระบุไว้ในคู่มือการใช้งาน 5. ในกรณีที่เครื่องสํารองไฟ มีปัญหาขัดข้อง ให้แจ้งทางฝ่ ายบริการ