The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนบูรณาการหน่วยการเรียนรู้ที่ ๕ เรื่อง ทำดีอย่าหวั่นไหว

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Jintana Bunma, 2022-05-19 00:22:37

แผนบูรณาการหน่วยการเรียนรู้ที่ 5 ทำดี...อย่าหวั่นไหว

แผนบูรณาการหน่วยการเรียนรู้ที่ ๕ เรื่อง ทำดีอย่าหวั่นไหว

1

1

หน่วยการเรียนรูท้ ่ี ๕ เร่ือง ทำดี....อย่าหวัน่ ไหว
กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย

รายวชิ าภาษาไทย รหัสวิชา ท ๑3๑๐๑
ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 3 เวลา 7 ชั่วโมง

๑. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวช้ีวัด
สาระท่ี ๑ การอา่ น
มาตรฐานการเรียนรู้ ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอา่ นสรา้ งความร้แู ละความคิดเพือ่ น าไปตดั สินใจแก้ปัญหาใน

การดำเนินชีวิตและมนี ิสยั รกั การอา่ น
สาระท่ี ๒ การเขยี น
มาตรฐานการเรยี นรทู้ ๒.๑ ใช้กระบวนการเขยี นเขียนสือ่ สาร เขยี นเรียงความ ย่อความ และเขยี น

เร่ืองราวในรปู แบบตา่ ง ๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาคน้ คว้าอยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ
สาระที่ ๓ การฟงั การดู และการพูด
มาตรฐานการเรียนรูท้ ๓.๑ สามารถเลือกฟงั และดูอย่างมวี จิ ารณญาณ และพดู แสดงความรู้ความคิด และ

ความรูส้ กึ ในโอกาสต่าง ๆ อย่างมีวิจารณญาณและสรา้ งสรรค์
สาระท่ี ๔ หลักการใชภ้ าษา
มาตรฐานการเรยี นรู้ ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของ

ภาษาและ พลงั ของภาษา ภูมิปญั ญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัติของชาติ

2. ตวั ช้วี ดั
ท ๑.๑ ป.๓/๑ อา่ นออกเสยี งคำข้อความ เร่อื งส้ัน ๆ และบทรอ้ ยกรองงา่ ยไดถ้ กู ตอ้ ง คล่องแคล่ว
ท ๑.๑ ป.๓/๒ อธิบายความหมายของคำและขอ้ ความท่ีอ่าน
ท ๑.๑ ป.๓/๔ ลำดบั เหตกุ ารณแ์ ละคาดคะเนเหตุการณ์จากเร่ืองทอ่ี ่านโดยระบุเหตุผลประกอบ
ท ๑.๑ ป.๓/๕ สรปุ ความรู้และข้อคิดจากเรอ่ื งที่อ่านเพอื่ นำไปใช้ในชีวติ ประจำวนั
ท ๑.๑ ป.๓/๙ มมี ารยาทในการอ่าน
ท ๒.๑ ป.๓/๑ คดั ลายมอื ตัวบรรจงเตม็ บรรทดั
ท ๒.๑ ป.๓/๒ เขยี นบรรยายเกยี่ วกับสิง่ ใดสง่ิ หนึง่ ไดอ้ ยา่ งชัดเจน
ท ๒.๑ ป.๓/๕ เขียนเรือ่ งตามจินตนาการ
ท ๒.๑ ป.๓/๖ มมี ารยาทในการเขยี น
ท ๓.๑ ป.๓/๒ บอกสาระสำคญั จากการฟงั และการดู
ท ๓.๑ ป.๓/๔ พดู แสดงความคดิ เห็นและความรูส้ ึกจากเร่ืองท่ีฟังและดู
ท ๓.๑ ป.๓/๖ มมี ารยาทในการฟงั การดู และการพูด
ท ๔.๑ ป.๓/๑ เขยี นสะกดคำและบอกความหมายของคำ
ท ๔.๑ ป.๓/๔ แตง่ ประโยคง่ายๆ

2

3. สาระสําคญั
การเรียนวิชาภาษาไทยประกอบไปด้วยทักษะที่หลากหลาย เช่น ออกเสียงคำข้อความ การอ่านจับ

ใจความสำคัญของเรื่องเพ่ือให้เกิดความเข้าใจสิ่งทีอ่ ่านอย่างแจ่มชัด และนำข้อคิดจากเรื่องที่อ่านเพื่อนำไปใช้ใน
ชีวติ ประจำวัน ตลอดไปจนถึงทักษะการเขียนควรคำนึงถงึ มารยาทในการเขยี น เขียนเวน้ วรรค การเว้นระยะช่วงคำ
กลุ่มคำ หรือประโยค เพื่อให้สะดวกในการอ่านและเข้าใจเรอื่ งได้งา่ ย อีกท้งั ความคดิ เห็นจากเรื่องท่ีฟังหรืออ่านได้
โดยใช้วิจารณญาณ นอกจากน้นั การพดู เพือ่ การแสดงความคิดเหน็ เชิงวิจารณ์ เป็นการพูดแสดงความคิดเห็นต่อส่ิง
ใดสิ่งหน่ึงดว้ ยการพูดหรือเขยี น การแยกขอ้ เทจ็ จรงิ และข้อคดิ เห็น ทำใหป้ ระเมนิ ความนา่ เช่ือถือของเร่ืองทีอ่ า่ น ฟัง
และดู ไดอ้ ย่างมเี หตุผล

4. สาระการเรยี นรู้
๑. การฟังและการพดู
๒. การอา่ นจับใจความ เร่ือง ทำด.ี ...อยา่ หว่นั ไหว
๓. การแจกลกู สะกดคำ
๔. การอ่านออกเสยี ง
๕. การเขยี นแผนภาพโครงเรื่อง
๖. การพฒั นาทักษะทางภาษา
๗. การเขยี นสรา้ งสรรค์
๘. การใชว้ จิ ารณญาณในการฟงั

5. สมรรถนะสาํ คัญของผู้เรียน
1. ความสามารถในการสือ่ สาร
2. ความสามารถในการคดิ
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา
4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวติ
- กระบวนการทำงานกลุ่ม

6. คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์
1. รักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์
2. ซือ่ สัตย์สุจริต
3. มวี ินยั
4. ใฝห่ าความรู้
5. อยู่อย่างพอเพียง
6. มงุ่ มนั่ ในการทำงาน
7. รกั ความเป็นไทย
8. มีจติ สาธารณะ

3

๗. ภาระช้ินงาน
๑. แบบฝึกหัดการอา่ นจบั ใจความ เรอ่ื ง ทำดี....อย่าหวั่นไหว
๒. แบบฝกึ หัดเรอื่ ง การสะกดคำ
๓. นำเสนอผลงานเรื่อง การเขียนแผนภาพโครงเรอื่ ง
๔. แบบฝกึ หัดเรือ่ ง การเขยี นแผนภาพโครงเรอ่ื ง
๕. ใบงานเรอ่ื ง ปรศิ นาคำทาย
๖. ใบงาน “ทายปัญหาพาสุขสันต์”
๗. นำเสนอผลงานเรื่อง การแตง่ คำปริศนาคำทาย
๘. แบบฝึกหดั เร่อื ง การบรรยายภาพ พร้อมกบั เขยี นแนวคดิ จากเรอื่ ง
๙. นำเสนอผลงานเรอ่ื ง “ไตร่ตรองก่อนเชอ่ื ” จากความรทู้ ีไ่ ดอ้ า่ น

๑๐.แบบฝกึ หัดเรอ่ื ง สรุปเนื้อหาจากการอ่านเร่ือง “ไตร่ตรองกอ่ นเชือ่ ”

8. องคป์ ระกอบทกั ษะชีวติ
องคป์ ระกอบท่ี ๑ : การตระหนักรแู้ ละเห็นคุณค่าในตนเองและผู้อ่ืน
- การอา่ นจับใจความ เร่ือง ทำด.ี ...อยา่ หวั่นไหว
องคป์ ระกอบท่ี ๒ : การคดิ วเิ คราะห์ ตัดสินใจ และแก้ปัญหาอย่างสรา้ งสรรค์
- การแจกลูกสะกดคำ
- การอ่านออกเสียงบทเรยี น
- การเขียนแผนภาพโครงเร่ือง
องคป์ ระกอบที่ ๓ : การจดั การกับอารมณ์และความเครยี ด
- กิจกรรมพัฒนาทกั ษะทางภาษา
- การเขียนสร้างสรรค์
องคป์ ระกอบที่ ๔ : การสร้างสัมพนั ธภาพท่ีดีกบั ผอู้ ่ืน
- ไตรต่ รองใหด้ กี อ่ นเชอ่ื

9. แผนกจิ กรรมการเรยี นรู้
๑. การอา่ นจับใจความ เรือ่ ง ทำด.ี ..อยา่ หวัน่ ไหว
๒. การแจกลูกสะกดคำ
๓. การอ่านออกเสยี งบทเรยี น
๔. การเขยี นแผนภาพโครงเรื่อง
๕. กจิ กรรมพฒั นาทักษะทางภาษา
๖. การเขียนสรา้ งสรรค์
๗. ไตรต่ รองให้ดกี ่อนเชอ่ื

4

10. สอ่ื และแหล่งการเรยี นรู้
1. หนังสอื เรยี น รายวชิ าพ้ืนฐาน ภาษาไทย ชุด ภาษาพาทชี ้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 3
2. บตั รกจิ กรรม การแสดงความคดิ เหน็
3. ใบความรู้ เรอ่ื ง มารยาทในการฟังและการพูด
4. แบบฝึกหัดการจับใจความสำคญั จากเรือ่ ง ทำด.ี ..อยา่ หวน่ั ไหว
5. แบบฝกึ หดั เรือ่ ง การเขียนสะกดคำ
6. แบบฝึกหดั เรื่อง การเขียนแผนภาพโครงเรื่อง
7. เกมปริศนาคำทาย
8. แบบฝึกหัดเรื่อง สรปุ เนื้อหาจากการอ่านเรือ่ ง “ไตรต่ รองกอ่ นเช่ือ”

9. แบบทดสอบหลงั เรียน เรอ่ื ง ทำด.ี ...อยา่ หว่ันไหว
10.PowerPoint มารยาทในการฟังและการพูด

5

แผนการจดั การเรยี นรู้

กล่มุ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย (ภาษาพาท)ี ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๓
เวลา 7 ชั่วโมง
หน่วยการเรียนรูท้ ี่ ๕ เรอ่ื ง ทำด.ี ...อย่าหวัน่ ไหว เวลา ๑ ชั่วโมง
แผนการเรยี นรู้ที่ ๑ เรื่อง การอ่านจับใจความ เรอื่ ง ทำดี....อยา่ หวัน่ ไหว
ผ้สู อน นางจนิ ตนา โสมาศรี

1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วดั
สาระท่ี ๑ การอ่าน
มาตรฐานการเรยี นรู้ ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอา่ นสร้างความรแู้ ละความคิด เพอื่ นำไปใช้

ตดั สนิ ใจ แกป้ ญั หา ในการดำเนนิ ชวี ิตและมนี สิ ัยรักการอา่ น
สาระที่ ๓ การฟัง การดู และการพดู

มาตรฐานการเรยี นรู้ ท ๓.๑ สามารถเลือกฟงั และดูอยา่ งวิจารณญาณ และพดู แสดงความรู้
ความคดิ และความรสู้ ึกในโอกาสต่างๆอยา่ งมวี จิ ารณญาณและ
สร้างสรรค์

ตัวชว้ี ัด ท ๑.๑ ป.๓/๑ อา่ นออกเสยี งคำข้อความ เรือ่ งสนั้ ๆ และบทร้อยกรองงา่ ย
ได้ถูกต้อง คล่องแคล่ว

ท ๓.๑ ป.๓/๒ บอกสาระสำคัญจากการฟัง และการดู

2. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด
การฟงั เรอ่ื ง เป็นการสรา้ งประสบการณท์ างเนื้อหาช่วยให้เกิดทกั ษะในการจบั ใจความสำคญั

ของเรื่อง

3. สาระการเรียนรู้
ความรู้
๑. ฟังเรือ่ ง “ทำดี....อย่าหวั่นไหว”
๒. ตอบคำถามของเรือ่ ง
๓. เล่าเรอื่ งและอ่านเร่อื งทีเ่ ลา่
ทักษะ/กระบวนการ
กระบวนการทำงาน กระบวนการกลมุ่ และกระบวนการนำเสนอผลงาน

4. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
ความรู้ (K)
๑. ตอบคำถามจากเรอ่ื งที่อา่ นได้
ทกั ษะ/กระบวนการ (P)
๒. สามารถอ่านเนอ้ื เร่ืองได้อยา่ งถูกต้อง
เจตคติ (A)
3. นำข้อคดิ ท่ไี ดไ้ ปใช้ในชวี ติ ประจำวนั

6

5. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์
๑. ซอ่ื สตั ย์สจุ ริต

๒. มวี ินัยในตนเอง
๓. มุ่งมั่นในการทำงาน
๔. มีจิตสาธารณะ

6. สมรรถนะสําคัญของผ้เู รียน

๑. ความสามารถในการส่อื สาร
๒. ความสามารถในการคดิ
๓. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวติ

๗. องคป์ ระกอบทักษะชีวิต : การตระหนักรแู้ ละเห็นคณุ คา่ ในตนเองและผอู้ น่ื

พฤติกรรมทค่ี าดหวัง : รู้ความชอบ ความถนดั และ ความสามารถของตนเอง

ตวั ช้ีวัด : บอกสิ่งทตี่ นเองชืน่ ชอบและภาคภูมิใจ

๘. กระบวนการจัดการเรยี นรู้
นำสู่กระบวนการเรียนรู้

1. นกั เรียนและครูร่วมกนั สนทนาเกยี่ วกบั ชอ่ื เรอ่ื ง “ทำด.ี ...อยา่ หวน่ั ไหว” วา่ มีลักษณะ
อย่างไรโดยใชค้ ำถามนำดังน้ี

๑) ใครเคยไปบ้านเพือ่ นบา้ ง ถา้ เคยนักเรยี นไปทำกจิ กรรมอะไรทีบ่ ้านเพื่อน

๒) ใครชอบฟังเร่ืองเลา่ ของผู้ใหญ่บา้ ง
๓) ใครเคยได้คุยกับผู้ใหญ่เกีย่ วกบั เร่ืองราวของทา่ นในอดตี บ้าง

กระบวนการเรียนรู้
1.นักเรยี นดูภาพจากบทเรียนแล้วร่วมกนั สนทนาเกี่ยวกับภาพโดยตอบคำถามวา่

ใคร ทำอะไร ท่ไี หน อย่างไร เหตกุ ารณ์ตอนน้ีเปน็ อย่างไร เพราะเหตุใด

2. นกั เรยี นฝกึ เล่าหรือทำนายเร่ืองจากภาพวา่ น่าจะมเี หตุการณ์อยา่ งไร
3. นกั เรียนอ่านเรอื่ ง “ทายปัญหากับคุณตา” จากบทเรียน

4. ครสู รปุ เร่ืองโดยเล่าเรือ่ งยอ่ พอสงั เขปอีกคร้งั โดยเนน้ มารยาทในการฟงั แลว้ นกั เรยี นตอบ
คำถามปากเปล่า ดงั นี้

๑) เร่อื ง “ทำด.ี ...อยา่ หวั่นไหว” มีตัวละครกตี่ ัว

๒) ใครเปน็ คนฝากขนมมาให้เดก็ ๆ
๓) ใครเป็นคนเลา่ นิทานใหเ้ ดก็ ๆ ฟัง

๔) ในถงุ ใบใหญ่ที่ครูแกว้ ถอื มาขา้ งในมีอะไรบ้าง
๕) เร่ืองน้ีให้ขอ้ คดิ อย่างไร
5. นกั เรียนบอกหรือเลา่ เรอื่ ง/เหตุการณ์ท่ีนักเรยี นคิดว่าทำไดด้ ีท่ีสุด (การทำความดี) และเปน็ ส่งิ ท่ี

ภาคภูมใิ จทสี่ ุดมาคนละเรือ่ ง พรอ้ มบอกเหตุผล
6. นักเรยี นและครสู นทนาแสดงความคิดเหน็ เก่ียวกบั สง่ิ นกั เรยี นเล่า แลว้ เช่อื มโยงเขา้ สกู่ ารเหน็

คุณค่าในตนเองและผู้อนื่ พรอ้ มบอกถงึ คนทกุ คนมคี ณุ ค่าในตนเองเสมอ

7

7. นักเรยี นแสดงความคิดเห็นเกยี่ วกับการเคารพสิทธ์ขิ องผู้อืน่ ด้วยเปน็ ผู้ฟังทด่ี ีขณะที่เพ่อื นรว่ มช้ัน

กำลังเล่าเร่อื ง
สรุปกระบวนการเรียนรู้

1. นกั เรยี นและครูชว่ ยกันสรุปเนื้อหา พรอ้ มบอกหลักของการจบั ใจความสำคัญ (ใคร ทำอะไร ท่ี
ไหน อย่างไร เพราะเหตใุ ด)

2. นักเรียนทำแบบฝึกหดั การจับใจความสำคัญจากเรื่อง ทำด.ี ...อยา่ หวั่นไหว

๙. สนทนาด้วยเทคนคิ คําถาม R - C - A เพื่อพัฒนาทกั ษะชวี ิต คาํ ถามเพ่อื การปรบั ใช้ (A)
คําถามเพือ่ การสะทอ้ น (R) คาํ ถามเพอื่ การเช่ือมโยง (C)

- ขณะที่นักเรียนเล่าเรื่องความ - นักเรียนมีความรู้สึกอย่างไร - นักเรยี นจะนำข้อคดิ ทไี่ ดฟ้ งั เรือ่ ง

ภาคภูมิใจของ น ัก เร ียน เ อ ง ขณะที่ฟังเพื่อนร่วมชั้นเล่าเรื่องท่ี ทีเ่ พ่ือนเล่า ไปปรับใช้ใน

นักเรียนรสู้ ึกอยา่ งไร ภาคภมู ิใจ ชวี ติ ประจำวันได้อยา่ งไร

๑๐. ช้ินงาน/ภาระงาน
- แบบฝกึ หัดการอ่านจบั ใจความสำคญั จากเรอ่ื ง ทำดี...อย่าหว่นั ไหว

11. สอ่ื และแหลง่ การเรยี นรู้
๑. บัตรคำใหม่, คำยากในบทเรยี น
๒. รูปภาพจากบทเรียน
๓. พจนานกุ รม
๔. หนงั สือเรยี นภาษาไทย ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ ๓ เลม่ ๑ ภาษาพาที
๕. แบบฝกึ หัดทกั ษะภาษา ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี ๓ ชุดภาษาเพือ่ ชีวติ
๖. ใบงาน

๑๒. การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้

จุดประสงค์ วธิ ีการวัด เครื่องมอื วดั เกณฑ์
สงั เกตการณ์ แบบประเมนิ
๑. ตอบคำถามจากเรอ่ื ง รอ้ ยละ ๖๐ ขึน้ ไป ผ่าน
ท่อี า่ นได้ สังเกตการฟังจากเรอ่ื งที่ แบบประเมนิ การอ่าน เกณฑ์
อ่าน
๒. สามารถอา่ นเนอ้ื เร่อื ง สังเกตพฤตกิ รรมความมี แบบประเมินคณุ ลักษณะ รอ้ ยละ ๖๐ ข้ึนไป ผา่ น
ได้อยา่ งถูกต้อง วนิ ยั ใฝ่เรยี นรู้และม่งุ มั่น อนั พึงประสงค์ เกณฑ์
การทำงาน
3. นำข้อคดิ ทไี่ ด้ไปใช้ใน รอ้ ยละ ๖๐ ขึ้นไป ผา่ น
ชวี ติ ประจำวัน เกณฑ์

8

บันทึกผลหลังการจดั การเรียนรู้

ความสาํ เรจ็ ในการจัดการเรยี นรู้
นกั เรยี นอ่านเร่ืองไดผ้ า่ นเกณฑร์ อ้ ยละ ๖๐ ทุกคน จากนักเรียนทง้ั หมด 10 คน
สามารถเล่าเร่อื งความภาคภมู ิใจจากการทำความดขี องตนเองไดผ้ า่ นเกณฑร์ ้อยละ ๖๐ ทกุ คน จากนกั เรยี น

ทัง้ หมด 10 คน
สรุปใจความสำคญั จากเรอ่ื งที่อ่านและนำขอ้ คิดทไ่ี ดไ้ ปใช้ผ่านเกณฑ์ร้อยละ ๖๐ ทกุ คน จากนกั เรยี นทั้งหมด

10 คน
ปญั หาและอุปสรรค

ยังมีนกั เรยี นบางส่วนยงั ขาดความเขา้ ใจในการสรุปใจความสำคญั จากเรอ่ื ง เน่อื งจากยังอา่ นและเขียนไม่คลอ่ ง
แนวทางแกไ้ ขปัญหา/อุปสรรค

สอนเสรมิ เพ่ิมเติมความรู้นักเรียนในเร่ืองท่ีเรียนใหม่อกี ครง้ั เนน้ การฝึกซ้ำ ย้ำ ทวน และให้
นกั เรียนได้ลงมอื ปฏิบตั ิจริง ชี้แนะแนวทางในสิ่งทยี่ งั ผดิ ให้นักเรียนได้เห็นจดุ บกพร่องของตนเองและแก้ไขหรือ
ปรับปรุงให้ดีข้ึน

ลงช่ือ.........................................................ผู้สอน
(นางจินตนา โสมาศรี)

9

แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์

คุณลกั ษณะ รายการประเมิน ระดบั คะแนน
อันพงึ ประสงค์ 321
2.ซือ่ สตั ย์สจุ รติ 2.1 ปฏิบตั ติ ามระเบยี บการสอน และไมล่ อกการบา้ น
2.2 ประพฤติ ปฏิบตั ิ ตรงต่อความเปน็ จริงตอ่ ตนเอง
3. มวี ินัย 2.3 ประพฤติ ปฏิบัติตรงตอ่ ความเปน็ จริงต่อผ้อู น่ื
3.1 เขา้ เรยี นตรงเวลา
6. มุ่งมน่ั ในการ 3.2 แตง่ กายเรยี บร้อยเหมาะสมกับกาลเทศะ
ทำงาน 3.3 ปฏิบตั ติ ามกฎระเบียบของห้อง
6.1 มคี วามตง้ั ใจ และพยายามในการทำงานทีไ่ ด้รบั มอบหมาย
8.มจี ติ สาธารณะ 6.2มคี วามอดทนและไมท่ ้อแทต้ ่ออุปสรรคเพ่อื ให้งานสำเรจ็
8.1 รู้จักการให้เพ่ือส่วนรวม และเพอื่ ผ้อู ืน่
8.2 แสดงออกถึงการมนี ้ำใจหรอื การให้ความช่วยเหลอื ผู้อ่นื
8.3 เขา้ ร่วมกิจกรรมบำเพญ็ ตนเพอื่ ส่วนรวมเมื่อมโี อกาส

ลงชื่อ............................................................ผู้ประเมิน
(นางจินตนา โสมาศรี)

........... /................................/......................

10

ชนิ้ งาน

.............................................................
(นางจินตนา โสมาศรี)
ผ้ปู ระเมิน
............./............/..............

11

ลงชอื่ .............................................ผู้ประเมนิ
(นางจนิ ตนา โสมาศรี)

วันท่ี..........เดือน.......................พ.ศ. .................

12

แบบบนั ทึกการประเมนิ การอ่าน

ประเด็น / ความเข้าใจ การจบั ใจความ การรู้ รวมคะแนน
คะแนน 8 สำคญั ความหมาย 20

เลขที่ 84
ชือ่ - สกลุ

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24

ลงช่อื .............................................ผปู้ ระเมนิ

(นางจินตนา โสมาศรี)
วันท่ี..........เดือน.......................พ.ศ. .................

13

เกณฑ์การให้คะแนนการอ่าน

ระดับ เกณฑก์ ารให้คะแนน นำ้ หนัก/ คะแนน
คะแนน 1 ความสำคัญ รวม
4 32
ประเด็น
การประเมนิ ตอบคำถาม ตอบคำถาม ตอบคำถาม ตอบคำถาม 2 8
ความเข้าใจ หลงั จากที่ หลงั จากที่ หลงั จากที่ หลังจากที่ 2 8
อ่านได้ อ่านไดเ้ กอื บ อา่ นได้ อ่านได้นอ้ ย
การจับใจความ ทง้ั หมด ท้งั หมด เล็กน้อย
สำคัญ จบั ใจความ จับใจความ มาก
สำคัญของ จบั ใจความ สำคญั ของ
การรู้ เน้ือหาได้ สำคญั ของ เน้ือหาได้ จับใจความ
ความหมาย ทง้ั หมด เนอ้ื หาได้ เลก็ น้อย สำคญั ของ
เน้อื หาได้
คำศัพท์ เม่ืออ่านพบ เกอื บ เมอ่ื อ่านพบ นอ้ ยมาก
คำศัพท์ใหม่ ทั้งหมด คำศพั ท์ใหม่
สามารถเดา สามารถเดา เมอ่ื อ่านพบ
ความหมาย เม่อื อา่ นพบ ความหมาย
คำศพั ท์จาก คำศัพท์ใหม่ คำศัพท์จาก คำศัพท์ใหม่
บรบิ ทได้ สามารถเดา บริบทได้
ความหมาย เล็กน้อย สามารถเดา
ทงั้ หมด คำศัพท์จาก
บรบิ ทได้ ความหมาย 1 4
คำศัพท์จาก
เกอื บ
ทงั้ หมด บรบิ ทได้น้อย

รวม มาก

5 20

14

ใบความรู้
เร่ือง ขอ้ ปฏบิ ัติในการฟงั และการพูด

การฟัง เป็นการได้ยนิ เร่ืองราวให้เกดิ ความเข้าใจในเรื่องทไ่ี ด้ยนิ และ นำมาพจิ ารณาว่า
เรื่องราวนัน้ ๆ ควรเชื่อได้หรือไม่ นำไปใชป้ ระโยชน์ได้เพียงใด

ขอ้ ควรปฏิบัติในการฟัง
๑. ตั้งใจฟัง ไม่พดู หรือสนทนากนั ขณะฟงั ผู้อน่ื พูด
๒. คดิ ติดตามเร่ืองฟังว่าเรอื่ งท่ฟี ังเกยี่ วกบั อะไร มีความถกู ต้องเชื่อถอื ได้หรือไม่
๓. การฟงั คำบรรยายควรจดขอ้ ความสำคญั ทไี่ ดจ้ ากการฟงั ไว้

มารยาทในการฟัง
๑. ตง้ั ใจฟัง มองผู้พูด
๒. ไมค่ ยุ หรือเล่นขณะฟังผอู้ ื่นพดู
๓. ไมส่ ง่ เสียงดังหรือทำความรำคาญให้ผ้อู ่นื
๔. ถา้ จะถามควรขออนญุ าตกอ่ น หรอื ใหผ้ ู้พูดหยุดพูดก่อน ไมค่ วรถามขณะผูพ้ ูดยงั พูดไมจ่ บ

การพูดเป็นการแสดงความคดิ เห็นหรอื บอกเล่าเรอ่ื งราว โดยการพดู ให้ผ้อู ื่นฟัง ผู้พูด
ตอ้ งมีความคดิ มีเรอื่ งราวทีจ่ ะพูด และต้องจดั ลำดับความคดิ หรือเร่ืองราวที่
จะพดู ไมใ่ หส้ บั สน เพ่อื ผู้ฟังจะได้เกิดความเข้าใจชดั เจน ผู้พดู ตอ้ งพูดให้ชดั เจน
ใช้ภาษาท่ีถกู ต้อง

ขอ้ ปฏิบัตใิ นการพูด
๑. จะพดู เร่อื งอะไร ต้องมคี วามรู้ในเรือ่ งน้ันโดยการอา่ น การซกั ถาม
ผ้อู ื่นให้เขา้ ใจกอ่ น
๒. ใช้ภาษาพดู ทถี่ กู ต้อง สุภาพ
๓. พดู ใหเ้ สียงดงั ฟังชัด แต่ไม่ใช่ตะโกน
๔. พูดให้ชดั เจน ใช้คำแทนช่ือใหถ้ กู ตอ้ ง
๕. มองผพู้ ูด
๖. ขณะพดู ต้องนั่งหรอื ยืนตวั ตรงในทา่ สบาย
๗. ไม่เอามือลว้ ง ควัก แกะ เกา ขณะพูดหรือยนื เอามอื ไขวห้ ลัง

15

มารยาทในการพดู

๑. ใช้น้ำเสียงนุ่มนวล ไม่พูดกระโชกโฮกฮาก
๒. ใช้ถ้อยคำสุภาพ
๓. พดู ดว้ ยใจจริงและยกย่องผู้ฟัง
๔. ไมน่ ินทาผอู้ ่นื หรือพูดวา่ ร้ายผอู้ ่นื
๕. ไม่แสดงความโกรธเคอื งผฟู้ ัง
๖. รอจงั หวะในการพูดซักถาม ไมพ่ ูดสอดขณะผูอ้ น่ื กำลงั พูด

16

แบบฝึกหัดการอา่ นจับใจความสำคญั จากเรื่อง ทำด.ี ..อย่าหวน่ั ไหว

โรงเรยี น.........................................................................ภาคเรียนท.่ี ........ ปกี ารศึกษา …………….
ชอื่ ………………………………….เลขท่ี…………….ชั้นประถมศึกษาปที ่ี…………………
วันที่ ……….. เดอื น ………………………………พ.ศ. ……………………

คำชี้แจง นกั เรยี นฟงั ครเู ล่าเรอื่ งแลว้ ดภู าพประกอบ และตอบคำถามให้ถกู ตอ้ ง

๑. เรอ่ื งนต้ี ัวละครมใี ครบา้ ง
…………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………

๒. เหตุการณใ์ นเรื่องเกิดขึน้ ทีไ่ หน
…………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………

๓.ทำไมเดก็ ๆ จึงมารอครแู กว้ และครสู ดใสในวันหยุด
…………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………..…

๕. ครูแก้วและครสู ดใสชอบทำกิจกรรมใดกับเด็ก ๆ
…………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………..

๕.นกั เรยี นได้ข้อคดิ อะไรบ้าง
๕.๑)………………………………………………………………………………………………………
๕.๒)………………………………………………………………………………………………………
๕.๓)………………………………………………………………………………………………………

17

แผนการจัดการเรียนรู้

กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาไทย (ภาษาพาท)ี ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี ๓

หน่วยการเรยี นรู้ที่ ๕ เร่ือง ทำด.ี ...อยา่ หวน่ั ไหว เวลา 7 ช่วั โมง

แผนการเรียนรทู้ ่ี ๒ เรอ่ื ง การแจกลกู สะกดคำ เวลา ๑ ช่วั โมง

ผู้สอน นางจนิ ตนา โสมาศรี

1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชว้ี ดั

สาระที่ ๑ การอา่ น

มาตรฐานการเรยี นรู้ ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอ่านสรา้ งความรแู้ ละความคิด เพ่ือนำไปใช้

ตดั สนิ ใจแก้ปญั หา ในการดำเนนิ ชวี ติ และมีนสิ ยั รกั การอา่ น

สาระที่ ๒ การเขยี น

มาตรฐานการเรียนรู้ ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขยี นเขยี นสอ่ื สาร เขยี นเรียงความ ยอ่ ความ และ

เขยี นเรอ่ื งราวในรูปแบบต่างๆ เขียนรายงานขอ้ มลู สารสนเทศ และ

รายงานการศกึ ษาค้นคว้า อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ

ตวั ชวี้ ัด ท ๑.๑ ป.๓/๒ อธิบายความหมายของคำและขอ้ ความท่อี ่าน

ท ๒.๑ ป.๓/๒ เขียนบรรยายเก่ยี วกับสิ่งใดสงิ่ หนึ่งไดอ้ ย่างชดั เจน

2. สาระสำคญั
การสะกดคำแบบแจกลูกคำ เป็นพ้ืนฐานการอา่ นคำตา่ งๆ ในบทเรียนได้อย่างถูกตอ้ ง

3. สาระการเรียนรู้
ความรู้
การสร้างประสบการณจ์ ากคำ
- การอา่ นและสะกดคำยากและคำใหม่
- การเขียนคำยากและคำใหม่
ทกั ษะ/กระบวนการ
กระบวนการทำงาน กระบวนการกลุม่ และกระบวนการนำเสนอผลงาน

4. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
ความรู้ (K)
๑.บอกมาตราตัวสะกดจากคำหรอื กลมุ่ คำที่มตี วั สะกดตามมาตราต่างๆได้
ทกั ษะกระบวนการ (P)
๒.สามารถแต่งประโยคจากมาตราตัวสะกดได้
เจตคติ (A)
3. เหน็ คุณค่าในการเขียนสะกดคำทีถ่ ูกตอ้ ง

4. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
๑. มคี วามซื่อสัตย์สุจริต
๒. มีวนิ ยั ในตนเอง
๓. มีความสนใจใฝ่เรียนรู้

18

๔. มงุ่ มัน่ ในการทำงาน
๕. รกั ความเปน็ ไทย

6. สมรรถนะสาํ คัญของผูเ้ รียน
๑. ความสามารถคิด
๒. ความสามารถในการแกป้ ญั หา

๓. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ

๗. องคป์ ระกอบทักษะชวี ิต : การคิดวิเคราะห์ ตดั สินใจ และแก้ปัญหาอย่างสรา้ งสรรค์
พฤติกรรมท่คี าดหวงั : รูจ้ ักสงั เกต ตงั้ คำถาม และแสวงหาคำตอบ
ตวั ชี้วดั : มีทกั ษะในการสงั เกต และมแี นวทางหาคำตอบ

๘. กระบวนการจัดการเรียนรู้

นำสูก่ ระบวนการเรียนรู้
1. นักเรียนเล่นเกมใบ้คำ โดยครูหาความหมายหรือลักษณะที่ใกล้เคียงกับคำที่ใบ้มากที่สุด ให้

นักเรยี นช่วยกันตอบ

กระบวนการเรยี นรู้
๑. นักเรียนรว่ มกนั ดภู าพจากหนงั สือเรียนบทท่ี ๕ เร่ือง ทำดี....อย่าหว่ันไหว แล้วให้

นกั เรียนเขียนคำศพั ทท์ ่พี บเห็นจากภาพในบทเรยี นและฝึกอา่ นสะกดคำ
๒. นักเรียนร่วมกนั อา่ นแผนภูมคิ ำจากเร่อื ง เพือ่ ทบทวนบทเรยี น
๓. นักเรยี นรว่ มกันฝกึ อา่ นและเขียนคำยาก และสะกดคำจนคลอ่ ง

๔. นักเรยี นขีดเส้นใต้คำใหมแ่ ละคำยากจากแผนภูมวิ า่ มกี ค่ี ำ
๕. นักเรียนรว่ มกันนำคำยากไปแตง่ ข้อความหรือประโยค

๖. นกั เรยี นทุกคนคัดคำใหมแ่ ละคำยากลงสมุด
๗. แบง่ กลุ่มเป็น ๓ กล่มุ ช่วยกันทำพจนานกุ รมคำยากเพอ่ื เก็บไว้อา่ นในชนั้ เรยี น
สรุปกระบวนการเรียนรู้

๑. นกั เรียนทบทวนบทเรียนโดยอา่ นสะกดคำใหม่และคำยากจากแผนภมู ิอีกครงั้
๒. นักเรียนทำใบงานเร่ือง การสะกดคำ

๙. สนทนาด้วยเทคนคิ คําถาม R - C - A เพ่ือพฒั นาทักษะชวี ติ คําถามเพือ่ การปรับใช้ (A)
คําถามเพือ่ การสะทอ้ น (R) คําถามเพ่อื การเชื่อมโยง (C)

- ขณะที่นักเรียนฝึกอ่านสะกดคำ - เมื่อนักเรียนอ่านคำยากจาก - นักเรียนสามารถนำการเขียน

ยากจากบทเรียน นักเรียนรู้สึก บทเรียนได้แล้ว นักเรียนเกิด สะกดคำให้ถูกต้อง ไปปรับใช้ใน

อย่างไร ความร้สู ึกอยา่ งไร ชวี ติ ประจำวนั ได้อยา่ งไร

19

๑๐. ชิน้ งาน/ภาระงาน
ใบงานเรื่อง การสะกดคำ

11. สื่อและแหลง่ การเรยี นรู้
1. บัตรคำใหม่ในบทเรียน
2. ภาพจากบทเรียน
3. หนงั สือเรียนภาษาไทย ป.๓ เลม่ ๑
4. แผนภมู ิทน่ี กั เรียนรว่ มกนั สรปุ
5. ใบงานเรื่อง การสะกดคำ
6. เกมใบ้คำ

12. การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้

จุดประสงค์ วธิ กี ารวัด เครอ่ื งมอื วดั เกณฑ์
แบบประเมิน
๑.บอกมาตราตัวสะกด สังเกตการณ์ ร้อยละ ๖๐ ขึน้ ไป ผา่ น
เกณฑ์
จากคำหรอื กลุ่มคำทีม่ ี

ตวั สะกดตามมาตรา

ตา่ งๆได้

๒.สามารถสะกดคำได้ ตรวจแบบฝกึ หัด เกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๖๐ ขน้ึ ไป ผา่ น
แบบฝึกหัด เกณฑ์
ถูกต้องและแตง่ ประโยค

จากมาตราตัวสะกดได้

3.เหน็ คุณค่าในการเขียน สงั เกตพฤตกิ รรมความมี แบบประเมินคณุ ลักษณะ รอ้ ยละ ๖๐ ขน้ึ ไป ผ่าน

สะกดคำที่ถกู ตอ้ ง วนิ ยั ใฝเ่ รยี นร้แู ละมุ่งมนั่ อนั พึงประสงค์ เกณฑ์

การทำงาน

20

บนั ทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้
ความสําเรจ็ ในการจดั การเรียนรู้

นกั เรยี นบอกมาตราตวั สะกดจากคำหรอื กล่มุ คำที่มตี วั สะกดตามมาตราต่างๆได้ ผ่านเกณฑร์ ้อยละ ๖๐ ทุก
คน สามารถสะกดคำได้ถกู ตอ้ งและแตง่ ประโยคจากมาตราตวั สะกดได้ รวมถงึ เห็นคณุ ค่าในการเขยี นสะกดคำที่
ถกู ต้อง ผ่านเกณฑ์ร้อยละ ๖๐ ขนึ้ ไป
ปัญหาและอปุ สรรค

นกั เรยี นบางสว่ นสับสนมาตราตัวสะกดที่มีตัวสะกดมาก ๆ เช่น มาตราแมก่ ด และมกั แต่งประโยคสั้นๆ ยงั
ไมไ่ ดใ้ จความสมบูรณ์เท่าทีค่ วร
แนวทางแกไ้ ขปัญหา/อปุ สรรค

คุณครูสอนเสริมเพิ่มเตมิ ความรนู้ ักเรียนบางคนทยี่ ังไมเ่ ขา้ ใจในมาตราตัวสะกด โดยเชื่อมโยงกบั คำหรอื สิ่ง
ทีอ่ ยูใ่ กล้ตวั แลว้ จงึ นำมาเรยี บเรียงเปน็ ขอ้ ความหรือประโยคสนั้ ๆ ใหไ้ ดใ้ จความอย่างกะทดั รัด

ลงชื่อ.........................................................ผู้สอน
(นางจินตนา โสมาศรี)

21

เกมใบ้คำ

จุดประสงค์

นักเรยี นสามารถวิเคราะห์ภาษาทางเปน็ ภาษาพดู และภาษาเขียนได้

วธิ เี ล่น

๑. เลือกอาสาสมัคร ๕ คน เพ่ือเป็นผแู้ สดงท่าทาง

๒. ให้อาสาสมัครยนื หนา้ ชน้ั เรยี น แลว้ รบั บัตรคำจากครู จากนนั้ จงึ ใบ้คำโดยแสดงท่าทางตาม

บตั รคำท่ไี ด้

ตัวอย่างบัตรคำ

การต์ นู ข่าวสาร จดหมาย โทรทัศน์ หนงั สอื พมิ พ์

วทิ ยุ โทรทัศน์ ถ่ายทอด ดาวเทียม

๓. นักเรยี นช่วยกนั ทายคำทีละคนโดยใครยกมือก่อนจะเป็นผไู้ ด้ทาย
๔. ใหน้ กั เรียนท่ที ายถกู ตอ้ งนำบตั รคำกล่าวไปติดบนกระดานแมเ่ หล็กเพือ่ ทำกิจกรรมในขัน้ ต่อไป

ตัวอย่างคำในบทเรยี นทสี่ ามารถนำไปใชใ้ นการเล่นเกมใบ้คำ

ผใู้ หญ่ สมยั เพลงกลอ่ มเดก็ ยอดนยิ ม นำ้ ปลา

ตน้ ขนุน เทียนไข ล่นั ปลาวาฬ ปลาฉลาม
ล้าสมัย บ้านเรอื น แตงโม ชาวสวน สังเกต

ปรึกษา สักครู่ เหลียวมอง เอาจรงิ เอาจงั อมยิ้ม
เครง่ เครยี ด ตลาด กระจาด กระถนิ กะหล่ำ
ชะอม กระเทียม สะตอ มะเขอื ยาว หอม

มะนาว ผักกระเฉด คะนา้ ขงิ ละลาน
รับประทาน สารพดั ผลไม้ เปรย้ี วหวาน ขบั ขาน

โฆษณา ละมดุ องุ่น ขนนุ น้อยหนา่
สบั ปะรด อรอ่ ย พุทรา มะม่วง มะละกอ
สตรอวเ์ บอรร์ ี ลิ้นจ่ี ลำไย วิตามิน เศรษฐี

สวยงาม ทรัพยส์ นิ ขนม หวานมนั พระจนั ทร์

บตั รคำยากในบทเรียน 22

แบง่ บัน สัมผสั คล้องจอง จำนรรค์
บทกลอน เกอ้ื หนนุ ห่วงใย เศรษฐี
พ่อหม้าย เลย้ี งดู บวช พากเพยี ร
ปรับเปลีย่ น เวียนวน ตำนาน พ่อชรา
สงสาร แนว่ แน่ ยามแก่ ไตร่ตรอง
ถกเถยี ง เพลิดเพลิน อรุ า ใจร้าย
เหงอื่ เหนอื่ ยลา้ ผา้ เหลือง สน้ิ เปลอื ง
ทกุ ขท์ น กลุ้มจิต หลังแอน่ สับสน
กลมุ่ ใหญ่ ชา่ งโง่ ตัวเปล่า ย่ำเทา้
ปัญญา เหน็ดเหนื่อย กายใจ หวนั่ ไหว
รำคาญ คำพาล เบกิ บาน ปลอดภัย
สนกุ สขุ สนั ต์ ภาคหน้า เล้ียงตน
รำลึก เมตตา วันทา พรำ่ สอน

23

แบบฝกึ หดั ที่ ๑
เร่ือง การสะกดคำ

ชอ่ื ……………………………………………………………………………..…………..เลขท…่ี …………….….ช้ันประถมศึกษาปที ่ี ๓
วันท…ี่ ………..เดอื น…………………….พ.ศ………………

คำชีแ้ จง ให้นกั เรียนเขยี นคำอา่ นจากคำทก่ี ำหนดให้อยา่ งถกู ตอ้ ง
ตัวอย่าง สำราญ อ่านว่า สำ – ราน

๑. ไตร่ตรอง อา่ นวา่ …………………………………..

๒. ภาคหนา้ อา่ นวา่ …………………………………..

๓. ราคาญ อ่านวา่ …………………………………..

๔. ปัญญา อา่ นวา่ …………………………………..
๕. กลมุ้ จิต อา่ นวา่ …………………………………..
๖. พากเพียร อ่านวา่ …………………………………..
๗. อนันต์ อา่ นวา่ …………………………………..

๘. อาจิณ อ่านวา่ …………………………………..

๙. โฆษณา อา่ นวา่ …………………………………..
๑๐.พุทรา อ่านวา่ …………………………………..

24

ใบงาน ๒
เรอ่ื ง การสะกดคำ

ชือ่ ……………………………………………………………………………..…………..เลขท…่ี …………….….ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี ๓
วนั ท…่ี ………..เดอื น…………………….พ.ศ………………

คำชี้แจง ใหน้ ักเรยี นเขียนคำจากคำอ่านที่กำหนดให้ตอ่ ไปนี้อย่างถกู ต้อง

ตัวอยา่ ง เถา - วัน เขียนเปน็ เถาวัลย์

๑. สะ - หนาม เขยี นเป็น…………………………………..

๒.สะ - หมยั เขยี นเป็น…………………………………..
๓. ขะ - หนุน เขียนเป็น…………………………………..
๔. ขะ - หนม เขยี นเป็น…………………………………..
๕. ปลา - วาน เขียนเปน็ …………………………………..
๖. ฉะ - เหลย เขยี นเปน็ …………………………………..
๗. ปลา-ฉะ- เขียนเป็น…………………………………..
หลาม
๘. มะ - เลด็ เขยี นเปน็ …………………………………..

๙. ซบั - สนิ เขียนเปน็ …………………………………..

๑๐.ทะ - นะ - เขียนเป็น…………………………………..
บดั

25

แบบประเมินคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์

คุณลักษณะ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน
321
อันพงึ ประสงค์

1.ซ่อื สตั ย์สุจรติ 1 ปฏิบัตติ ามระเบียบการสอน และไม่ลอกการบ้าน

2 ประพฤติ ปฏบิ ัติ ตรงต่อความเป็นจรงิ ตอ่ ตนเอง

3 ประพฤติ ปฏิบตั ติ รงต่อความเป็นจรงิ ต่อผู้อืน่

2. มวี นิ ยั 1 เข้าเรียนตรงเวลา

2 แตง่ กายเรียบรอ้ ยเหมาะสมกบั กาลเทศะ

3 ปฏิบัตติ ามกฎระเบยี บของหอ้ ง

3. ใฝ่หาความรู้ 1 แสวงหาข้อมลู จากแหล่งเรียนรตู้ า่ งๆ
2 มกี ารจดบนั ทึกความรูอ้ ยา่ งเป็นระบบ

3 สรปุ ความร้ไู ด้อย่างมเี หตุผล

4. มุ่งมน่ั ในการ 1 มีความตัง้ ใจ และพยายามในการทำงานที่ได้รบั มอบหมาย

ทำงาน 2 มีความอดทนและไมท่ ้อแท้ต่ออุปสรรคเพ่อื ให้งานสำเรจ็

5.รักความเปน็ ไทย 1 มจี ิตสำนกึ ในการอนุรักษ์วฒั นธรรมและภูมิปญั ญาไทย

2 เหน็ คุณคา่ และปฏิบัตติ นตามวัฒนธรรมไทย

ลงช่ือ......................................................................ผู้ประเมิน
(นางจนิ ตนา โสมาศรี)

........... /................................/......................

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน

- พฤติกรรมท่ปี ฏบิ ัติชดั เจนและสม่ำเสมอ ให้ 3 คะแนน

- พฤติกรรมทปี่ ฏบิ ัติชัดเจนและบ่อยครง้ั ให้ 2 คะแนน

- พฤติกรรมท่ปี ฏิบตั ิบางคร้งั ให้ 1 คะแนน

ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ
19 – 21 ดมี าก
15 –18 ดี
11 – 14 พอใช้
ต่ำกว่า 10 ปรบั ปรุง

26

แบบประเมินสมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น

ช่ือ.......................................นามสกุล..................................................................ห้อง...............เลขที.่ ............

ชแี้ จง : ให้ผูส้ อนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี เคร่อื งหมายถกู ( ✓)

ลงในชอ่ งที่ตรงกบั ระดับคะแนน

สมรรถนะทีป่ ระเมนิ ระดบั คะแนน

321

1. ความสามารถในการคดิ

1.1 มีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ เพื่อการสรา้ งองค์ความรู้

1.2 มีความสามารถในการคิดวางแผนการทำงานอย่างเปน็ ระบบ

2. ความสามารถในการแก้ปญั หา

2.1 แก้ปญั หาโดยใช้เหตุผล

2.2 แสวงหาความรู้มาใชใ้ นการแกป้ ญั หา

2.3 ตดั สินใจโดยคำนงึ ถงึ ผลกระทบตอ่ ตนเองและผอู้ น่ื

3. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ

3.1 ทำงานและอย่รู ว่ มกับผู้อืน่ ดว้ ยความสมั พันธอ์ นั ดี

3.2 มวี ธิ แี กไ้ ขความขัดแยง้ อย่างเหมาะสม

3.3 ปฏิบัติตนและดำเนินชีวิตตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง

ลงชือ่ ......................................................................ผปู้ ระเมนิ
(นางจินตนา โสมาศรี)

เกณฑก์ ารให้คะแนน
- พฤติกรรมทป่ี ฏิบตั ิชดั เจนและสมำ่ เสมอ ให้ 3 คะแนน
- พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ตั ิชัดเจนและบอ่ ยครั้ง ให้ 2 คะแนน
- พฤติกรรมที่ปฏิบตั ิบางครัง้ ให้ 1 คะแนน

27

แผนการจัดการเรียนรู้

กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย (ภาษาพาท)ี ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี ๓
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ ๕ เร่อื ง ทำด.ี ..อยา่ หว่นั ไหว เวลา 7 ชัว่ โมง

แผนการเรยี นรทู้ ี่ 3 เรอ่ื ง การอ่านออกเสยี งบทเรียน เวลา ๑ ชัว่ โมง
ผู้สอน นางจินตนา โสมาศรี

1. มาตรฐานการเรียนรู้ ใชก้ ระบวนการอ่านสร้างความรแู้ ละความคิด เพื่อนำไปใช้ตัดสนิ ใจ แก้ปญั หา
สาระที่ ๑ การอ่าน ในการดำเนินชวี ติ และมนี ิสยั รักการอ่าน

มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการเขยี นเขียนส่ือสาร เขยี นเรียงความ ย่อความ และเขียน
เรือ่ งราวในรปู แบบตา่ งๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศกึ ษา
สาระท่ี ๒ การเขียน ค้นคว้า อย่างมปี ระสิทธภิ าพ
มาตรฐาน ท ๒.๑ ท ๑.๑ ป.๓/๑ อา่ นออกเสยี งคำข้อความ เรอ่ื งส้ัน ๆ และบทร้อยกรองงา่ ยได้
ถูกต้อง คลอ่ งแคล่ว
ตัวชวี้ ัด ท ๑.๑ ป.๓/๕ สรปุ ความรู้และข้อคดิ จากเรอื่ งทีอ่ ่านเพื่อนำไปใชใ้ น
ชีวติ ประจำวัน
ท ๑.๑ ป.๓/๖ อ่านหนงั สอื ตามความสนใจอย่างสม่ำเสมอ และนำเสนอเรอื่ ง
ทีอ่ า่ น
ท ๒.๑ ป.๓/๑ คัดลายมอื ตวั บรรจงเตม็ บรรทัด

2. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด

การอา่ นออกเสียงบทเรียน จะตอ้ งฝึกทักษะการอา่ นคำเปน็ คำยากโดยต้องอา่ นได้ถกู ต้องตาม
หลกั เกณฑ์การอา่ น ฝกึ อ่านคำ ประโยคและเน้ือเรือ่ งในบทเรียน โดยการแบ่งวรรคตอนการอา่ นให้
ถกู ตอ้ ง

3. สาระการเรยี นรู้
ความรู้
๑. บทเรียนหน่วยการเรียนรูท้ ่ี ๕ เรอ่ื ง ทำดี.........อย่าหว่นั ไหว
๒. การอา่ นออกเสยี งเน้อื เร่ืองในบทเรยี น

๓. การอ่านประโยค
ทกั ษะ/กระบวนการ
กระบวนการทำงาน กระบวนการกล่มุ และกระบวนการนำเสนอผลงาน

28

4. จุดประสงค์การเรยี นรู้
ความรู้ (K)
๑. บอกหลกั การอ่านสะกดคำได้ถกู ต้อง
ทกั ษะกระบวนการ (P)
๒. สามารถอา่ นออกเสยี งคำยากได้ถูกต้อง
เจตคติ (A)
3. บอกข้อคดิ จากเร่ืองทีอ่ า่ นไดถ้ ูกต้อง

5. คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์
๑. มีวินยั ในตนเอง
๒. มีความสนใจใฝเ่ รยี นรู้
๓. มุ่งมน่ั ในการทำงาน
๔. รักความเปน็ ไทย
๕. มีจติ สาธารณะ

6. สมรรถนะสําคัญของผู้เรยี น
๑. ความสามารถในการสอื่ สาร
๒. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ

๗. องคป์ ระกอบทกั ษะชีวติ : การคดิ วิเคราะห์ ตดั สินใจ และแกป้ ญั หาอยา่ งสร้างสรรค์
พฤติกรรมทค่ี าดหวงั : ประเมนิ สถานการณ์และนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้
ตวั ชี้วดั : คาดคะเนความเส่ยี งจากสถานการณ์ท่เี ผชญิ ในชีวติ ประจำวันอย่างมีเหตุผล

8. กระบวนการจดั การเรียนรู้

นำสกู่ ระบวนการเรยี นรู้

๑. นักเรยี นเล่นเกมบตั รคำต่อคำ (ภาคผนวก)

๒. นักเรียนฝกึ อ่านคำยากในบทเรยี นจากบัตรคำ

๓. นักเรยี นฝึกอา่ นแบบฝึกอ่านคำยากทา้ ยบทเรยี นใหค้ ลอ่ ง

กระบวนการเรยี นรู้

๑. นักเรียนและครูร่วมกันสนทนาความหมายของคำยาก โดยนักเรียนเปิดหาความหมายจาก

พจนานุกรม และนกั เรยี นอาสาสมคั รออกไปเขยี นบนกระดานดำ

นักเรยี นอ่านออกเสยี งจากแถบประโยค หรือแผนภมู ปิ ระโยคที่ครเู ขียนบนกระดานดำ โดยสังเกตคำที่ขีดเสน้ ใต้

แล้วสนทนาเก่ียวกบั คำทข่ี ดี เสน้ ใต้ ดงั น้ี

เด็กเดก็ เพลดิ เพลนิ เดนิ ชมโน่นนนั่

แลว้ ชวนลกู ยา ขีม่ า้ กลา้ หาญ

ถวายอาหาร ศลี ทานกศุ ล

เลน่ แล้วมาเรยี น อา่ นเขียนเถิดหนา

ฯลฯ

29

๓. นกั เรียนฝกึ อ่านออกเสยี งในบทเรียน ดงั น้ี
- ครูอา่ นใหน้ ักเรียนฟังเป็นตวั อยา่ ง

- นักเรียนฝกึ อ่านคนละ ๑ ยอ่ หนา้ จนจบเร่อื ง
- นักเรียนฝกึ อา่ นในกลมุ่ ของตนเอง
๔. นักเรยี นเขยี นคำตามคำบอก

สรุปกระบวนการเรยี นรู้
๑. นักเรยี นและครรู ่วมกันสรุปบทเรยี น หน่วยท่ี ๕ เรื่อง ทำดี.........อยา่ หวัน่ ไหว

๒. นักเรยี นทำใบงาน (ภาคผนวก)
๓. มอบหมายให้นกั เรียนทำแบบฝึกหัดทักษะภาษา ชุดภาษาเพ่อื ชวี ิต เป็นการบา้ น

๙. สนทนาด้วยเทคนคิ คาํ ถาม R - C - A เพอื่ พฒั นาทักษะชีวิต

คาํ ถามเพ่อื การสะทอ้ น (R) คาํ ถามเพอ่ื การเชอ่ื มโยง (C) คาํ ถามเพอื่ การปรบั ใช้ (A)

- นกั เรยี นมีความรสู้ กึ อยา่ งไรบา้ ง - ความรู้สึก/อารมณ์ที่เกิดขึน้ เกดิ - ในการฝกึ อา่ นภาษาไทยครั้ง

ที่ ไดฝ้ กึ อา่ นออกเสียงจากบทเรียน จากสาเหตุอะไรบ้างเราต้องใช้ ตอ่ ไป นักเรยี นตอ้ งการปรับปรุง
วิธีการฝกึ อย่างไร
(ยาก-ง่าย หรอื ชอบ-ไม่ชอบ ทักษะอะไรบ้าง เพ่ือใหแ้ กป้ ัญหา

อยา่ งไร) อย่างสรา้ งสรรค์

๑๐. ชน้ิ งาน/ภาระงาน
การสรุปบทเรียน หนว่ ยที่ ๕ เรื่อง ทำด.ี ........อย่าหวัน่ ไหว

11. สอ่ื และแหลง่ การเรยี นรู้

๑. บตั รคำยาก
๒. แถบประโยค
๓. ใบงาน

๔. หนังสอื เรยี นภาษาไทย ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี ๓ เลม่ ๑ ภาษาพาที
๕. แบบฝึกหัดทกั ษะภาษา ชดุ ภาษาเพ่อื ชีวิต ช้ันประถมศกึ ษาปีที่ ๓

12. การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้

จุดประสงค์ วธิ กี ารวดั เครอื่ งมือวัด เกณฑ์
แบบประเมนิ
๑. บอกหลักการอ่าน การสังเกต ร้อยละ 7๐ ขนึ้ ไป ผ่าน
เกณฑ์
สะกดคำได้ถกู ตอ้ ง

30

2. สามารถอา่ นออกเสยี ง อา่ นออกเสยี ง เกณฑก์ ารประเมินการ ร้อยละ 7๐ ขึ้นไป ผา่ น
คำยากได้ถูกตอ้ ง อา่ น เกณฑ์

3. บอกข้อคดิ จากเรอื่ งที่ ตรวจแบบฝึกหัด เกณฑ์การประเมิน รอ้ ยละ 7๐ ข้ึนไป ผา่ น
อา่ นได้ถกู ต้อง แบบฝกึ หดั เกณฑ์

บนั ทกึ ผลหลังการจดั การเรียนรู้
ความสาํ เรจ็ ในการจดั การเรียนรู้

นักเรียนบอกหลักการอ่านที่ถกู ต้องตามที่ สามารถอา่ นออกเสียงคำยากได้และบอกขอ้ คดิ จากเร่อื งท่ีอ่าน
ได้ถูกต้องผ่านเกณฑ์ร้อยละ 7๐ ทกุ คน จากนกั เรยี นท้งั หมด 10 คน โดยมนี กั เรยี นบางกลุ่มยังอา่ นออกคำไม่
ชดั เจนอยูบ่ ้าง แตค่ ะแนนอยูใ่ นระดับทผี่ ่านเกณฑ์

ปญั หาและอุปสรรค
ในการอา่ นออกเสยี งจากบทเรยี นนน้ั นักเรยี นบางสว่ นยงั อา่ นเว้นวรรคตอนไม่ถูกตอ้ ง

แนวทางแก้ไขปัญหา/อปุ สรรค
ครสู อนให้นักเรยี นอ่านเวน้ วรรคตอน โดยใหฟ้ งั ครอู ่านจากน้นั อา่ นตามครู พรอ้ มสรุปเรอ่ื งท้งั หมดอกี คร้งั

จะทำใหน้ กั เรยี นอ่านออกเสียงจากบทเรยี นถูกตอ้ งและอา่ นได้ดียิ่งข้ึนตามลำดับ

ลงช่ือ.........................................................ผู้สอน
(นางจินตนา โสมาศรี)

31

๑. ดำรง บตั รคำเกมตอ่ คำ ส่ง
ดำรงรับจดหมาย รับ จดหมาย

๒. บรุ ษุ ไปรษณยี ์ นำ มา จดหมาย

บุรษุ ไปรษณียน์ ำจดหมายมาส่ง

๓. ดำรง รับ ได้ รางวัล การประกวดภาพวาด

ดำรงได้รบั รางวัลการประกวดภาพวาด

๔. ไป ดำรง เย่ยี ม ลงุ ปลม้ื

ดำรงไปเยย่ี มลงุ ปลื้ม

๕ ลุงปลมื้ สวน ทุเรยี น ทำ มอี าชพี

ลงุ ปลืม้ มีอาชพี ทำสวนทุเรยี น

***หมายเหตุ***
สามารถดัดแปลง ยืดหย่นุ ปรับบตั รคำให้เขา้ กบั เน้ือหาของบทเรยี นได้

32

แบบบันทึกการประเมินการอ่าน

คะแนน ประเด็น/ ความเขา้ ใจ การจับ การรู้ รวมคะแนน
ใจความ ความหมาย 20
เลขที่ 8 สำคญั
ชื่อ - สกลุ 4
8

1

2

3

4

5

6

7

8

9

10

11

12

13

14

15

16

17

18

19

20

21

22

23

24

ลงช่ือ.........................................................ผูป้ ระเมนิ

(นางจนิ ตนา โสมาศร)ี
วนั ที.่ .........เดอื น...............................พ.ศ. .................

33

เกณฑก์ ารให้คะแนนการอ่าน

ระดบั เกณฑก์ ารให้คะแนน นำ้ หนกั / คะแนน
คะแนน 1 ความสำคญั รวม

ประเดน็ 4 32
การประเมิน

ความเขา้ ใจ ตอบคำถาม ตอบคำถาม ตอบคำถาม ตอบคำถาม
หลังจากที่ หลงั จากท่ี หลงั จากท่ี หลังจากที่
อา่ นได้ อ่านไดเ้ กอื บ อา่ นได้ อา่ นได้น้อย 2 8
มาก 2 8
ทง้ั หมด ทง้ั หมด เลก็ น้อย
จับใจความ
การจับใจความ จบั ใจความ จับใจความ จบั ใจความ สำคัญของ
สำคญั สำคัญของ สำคญั ของ สำคัญของ เนอ้ื หาได้
น้อยมาก
เน้ือหาได้ เ น ื ้ อ ห า ไ ด้ เนอื้ หาได้
ทงั้ หมด เกือบ เล็กน้อย
ทง้ั หมด

การรคู้ วามหมาย เมื่ออา่ นพบ เม่อื อ่านพบ เมอื่ อา่ นพบ เม่อื อ่านพบ
คำศพั ท์ใหม่ คำศพั ท์ใหม่
คำศัพท์ คำศพั ท์ใหม่ คำศพั ท์ใหม่ สามารถเดา สามารถเดา
สามารถเดา ความหมาย ความหมาย
สามารถเดา ความหมาย
คำศัพท์จาก คำศพั ท์จาก
ความหมาย คำศัพท์จาก บริบทได้ บรบิ ทไดน้ อ้ ย 1 4
บรบิ ทได้ เล็กน้อย มาก
คำศพั ท์จาก
เกอื บ
บรบิ ทได้ ทัง้ หมด

ท้ังหมด

รวม 5 20

34

แบบประเมินคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์

คณุ ลกั ษณะ รายการประเมนิ ระดับคะแนน
321
อนั พึงประสงค์

1. มีวินัย 1 เข้าเรียนตรงเวลา

2 แต่งกายเรยี บร้อยเหมาะสมกบั กาลเทศะ

3 ปฏบิ ัติตามกฎระเบียบของห้อง

2. ใฝห่ าความรู้ 1 แสวงหาข้อมูลจากแหลง่ เรียนรตู้ า่ งๆ

2 มีการจดบันทกึ ความรู้อย่างเป็นระบบ

3 สรุปความรไู้ ดอ้ ย่างมีเหตุผล

3. มุ่งม่ันในการ 1 มคี วามตงั้ ใจ และพยายามในการทำงานทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย

ทำงาน 2มคี วามอดทนและไม่ท้อแท้ตอ่ อปุ สรรคเพื่อใหง้ านสำเรจ็

4.รกั ความเปน็ ไทย 1 มีจติ สำนึกในการอนรุ ักษ์วัฒนธรรมและภูมปิ ัญญาไทย

2 เหน็ คุณค่าและปฏบิ ัติตนตามวัฒนธรรมไทย

1 รู้จักการให้เพื่อส่วนรวม และเพือ่ ผอู้ ่ืน

5.มีจิตสาธารณะ 2 แสดงออกถงึ การมีนำ้ ใจหรือการให้ความชว่ ยเหลอื ผอู้ น่ื

3 เขา้ รว่ มกจิ กรรมบำเพญ็ ตนเพือ่ ส่วนรวมเม่อื มโี อกาส

ลงช่อื ......................................................................ผูป้ ระเมิน
(นางจนิ ตนา โสมาศรี)

........... /................................/......................

เกณฑ์การใหค้ ะแนน

- พฤตกิ รรมท่ีปฏบิ ตั ิชัดเจนและสม่ำเสมอ ให้ 3 คะแนน

- พฤตกิ รรมที่ปฏิบตั ิชัดเจนและบอ่ ยครง้ั ให้ 2 คะแนน

- พฤติกรรมท่ปี ฏบิ ัติบางครั้ง ให้ 1 คะแนน

ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
19 – 21 ดมี าก
15 –18 ดี
11 – 14 พอใช้
ตำ่ กวา่ 10 ปรับปรุง

35

แบบประเมนิ สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน

ช่ือ.......................................นามสกลุ ..................................................................ห้อง...............เลขท่.ี ............

ช้ีแจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี เคร่ืองหมายถูก ( ✓)

ลงในช่องท่ีตรงกับระดบั คะแนน

สมรรถนะทปี่ ระเมิน ระดบั คะแนน

321

1. ความสามารถในการคิด

1.1 มีความสามารถในการคดิ วิเคราะห์ เพอ่ื การสร้างองคค์ วามรู้

1.2 มีความสามารถในการคิดวางแผนการทำงานอย่างเปน็ ระบบ

2. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวติ

2.1 ทำงานและอยู่รว่ มกบั ผู้อนื่ ดว้ ยความสัมพันธ์อันดี

2.2 มวี ิธแี กไ้ ขความขัดแย้งอยา่ งเหมาะสม

2.3 ปฏบิ ัติตนและดำเนนิ ชีวิตตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง

ลงชอ่ื ......................................................................ผู้ประเมิน
(นางจินตนา โสมาศรี)

เกณฑ์การใหค้ ะแนน
- พฤติกรรมที่ปฏบิ ตั ิชดั เจนและสม่ำเสมอ ให้ 3 คะแนน
- พฤตกิ รรมที่ปฏิบัติชัดเจนและบ่อยคร้งั ให้ 2 คะแนน
- พฤตกิ รรมที่ปฏิบัติบางครัง้ ให้ 1 คะแนน

36

แผนการจดั การเรยี นรู้

กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย (ภาษาพาท)ี ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๓
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ ๕ เรอ่ื ง ทำดี....อย่าหว่ันไหว เวลา 7 ชัว่ โมง

แผนการเรียนร้ทู ่ี 4 เรือ่ ง การเขียนแผนภาพโครงเร่ือง เวลา ๑ ชวั่ โมง
ผสู้ อน นางจนิ ตนา โสมาศรี

1. มาตรฐานการเรยี นรู้
สาระที่ ๑ การอา่ น

มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสรา้ งความรู้และความคิด เพ่ือนำไปใช้ตดั สินใจ
แก้ปญั หา ในการดำเนนิ ชวี ติ และมนี ิสยั รักการอา่ น

สาระที่ ๒ การเขยี น

มาตรฐาน ท ๒.๑ ใชก้ ระบวนการเขียนเขียนสือ่ สาร เขยี นเรยี งความ ยอ่ ความ และ
เขียนเร่อื งราวในรูปแบบต่างๆ เขียนรายงานขอ้ มูลสารสนเทศและ

รายงานการศึกษาคน้ คว้า อยา่ งมีประสิทธภิ าพ
ตัวชีว้ ัด ท ๑.๑ ป.๓/๔ ลำดับเหตกุ ารณแ์ ละคาดคะเนเหตกุ ารณ์จากเรอ่ื งทอ่ี ่านโดยระบุ

เหตผุ ลประกอบ

ท ๑.๑ ป.๓/๕ สรุปความรู้และขอ้ คดิ จากเรื่องท่ีอ่านเพ่อื นำไปใชใ้ นชีวิตประจำวนั
ท ๑.๑ ป.๓/๘ อธิบายความหมายของขอ้ มูลจากแผนภาพ แผนที่และแผนภมู ิ

ท ๒.๑ ป.๓/๒ เขียนบรรยายเกีย่ วกบั สงิ่ ใดส่ิงหนง่ึ ไดอ้ ยา่ งชดั เจน

2. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด
แผนภาพโครงเรือ่ ง เปน็ แผนภาพทปี่ ระกอบด้วยส่วนของคำถามเกีย่ วกบั เร่อื งดังนี้ ใคร ทำ

อะไร ท่ไี หน อย่างไร เพราะเหตใุ ด และขอ้ คิดจากเรอ่ื ง แผนภาพโครงเรื่อง จะช่วยให้สามารถบอกเหตุการณ์

ของเรอื่ งเป็นตอน ๆ โดยอาศยั การคิดคำตอบจากคำถามในแผนภาพ และชว่ ยลำดับเรือ่ งได้อย่างต่อเน่อื ง ทำให้
สามารถสรปุ เรอ่ื งทัง้ หมดได้

3. สาระการเรยี นรู้
ความรู้

๑. การเขยี นแผนภาพโครงเร่อื งจากบทเรยี น เร่อื ง ทำดี .....อย่าหวั่นไหว
๒. การเขียนเร่อื งตามแผนภาพโครงเร่อื ง
๓. การเล่าเร่อื งตามแผนภาพโครงเรอื่ ง

ทักษะ/กระบวนการ
กระบวนการทำงาน กระบวนการกลุ่ม และกระบวนการนำเสนอผลงาน

37

4. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
ความรู้ (K)
๑. นกั เรยี นบอกลักษณะเขยี นแผนภาพโครงเรื่องได้
ทักษะกระบวนการ (P)
๒. นกั เรยี นสามารถเขยี นเร่ืองแผนภาพโครงเรื่องจากเรอื่ งทศ่ี กึ ษาได้
เจตคติ (A)
๓. นักเรียนบอกประโยชนข์ องการเขียนแผนภาพโครงเรื่องได้

5. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
๑. มีวินัยในตนเอง
๒. อยู่อย่างพอเพียง
๓. ม่งุ มั่นในการทำงาน
๔. รกั ความเป็นไทย
๕. มีจติ สาธารณะ

6. สมรรถนะสําคัญของผเู้ รียน
๑. ความสามารถในการสอ่ื สาร
2. ความสามารถในการคดิ

3. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ

๗. องค์ประกอบทักษะชีวติ : การคิดวิเคราะห์ ตัดสนิ ใจ และแกป้ ญั หาอยา่ งสรา้ งสรรค์
พฤตกิ รรมท่ีคาดหวงั : มจี นิ ตนาการและมคี วามสามารถในการคิดเช่อื มโยง
ตัวช้ีวัด : สร้างผลงานและแสดงผลงานทเี่ กดิ จากการคิดเชื่อมโยงและจนิ ตนาการ

8. กระบวนการจดั การเรียนรู้
นำสู่กระบวนการเรยี นรู้

1. นกั เรยี นและครรู ว่ มกนั สนทนาทบทวนเน้ือเร่ืองในบทเรียนเรอื่ ง “ทำดี....อยา่ หวน่ั ไหว” โดยเลา่ เรอ่ื ง
ต่อกนั คนละประโยคจนจบ

กระบวนการเรียนรู้

๑. นกั เรยี นและครรู ว่ มกันสนทนาทบทวนเน้ือเร่ืองในบทเรียน โดยใช้คำถามถามนำนกั เรยี นให้นกั เรยี น
ตอบคำถาม ดังน้ี

๑) เรอื่ ง “ทำดี....อยา่ หวัน่ ไหว” มตี วั ละครก่ตี วั
๒) ใครเปน็ คนฝากขนมมาให้เดก็ ๆ
๓) ใครเป็นคนเลา่ นทิ านให้เด็ก ๆ ฟงั

๔) ในถงุ ใบใหญท่ ่ีครูแก้วถือมาข้างในมีอะไรบา้ ง
๕) เรื่องนี้ให้ขอ้ คดิ อยา่ งไร

2. นักเรียนชว่ ยกันเลา่ เรื่อง ทำดี....อย่าหวั่นไหว ต่อกนั คนละประโยคจนจบดว้ ยภาษา
ของตนเอง

๓. ครูนำเสนอแผนภมู ิแผนภาพโครงเร่ือง ให้นักเรยี นดูบนกระดานดำ

38

๔ . นักเรียนและครชู ว่ ยกนั อภิปราย และเติมคำถาม และเหตุการณต์ ามแผนภาพโครงเรื่องไดด้ ังนี้
เช่น

ใคร : เปน็ คนฝากขนมมาให้เด็ก ๆ
ที่ไหน : ................................
เมือ่ ไร : ………………….

เหตกุ ารณ์ : …………………..
อยา่ งไร : ……………………………………………………….

ขอ้ คดิ : ……………………………………………………….
………………………………………………………

๕. นกั เรียนอาสาสมคั รออกมาเล่าเรื่องตามเหตุการณ์จากแผนภาพโครงเรื่องบนกระดานดำ

ใหเ้ พ่ือน ๆ ฟงั สว่ นนักเรียนคนอ่ืน ๆคอยช่วย แกไ้ ขเพมิ่ เติม ถา้ เพื่อนเล่าเรื่องผิด
๖. แบง่ กล่มุ นกั เรียนตามความเหมาะสมแล้วใหน้ ักเรียนแตล่ ะกลุ่มเขียนเรอ่ื งตามแผนภาพโครงเรอ่ื ง

ดว้ ยคำพดู ของนักเรยี นเอง ลงในในใบงาน
สรปุ กระบวนการเรียนรู้
๑. นักเรยี นท่อี าสาสมัครออกมานำเสนอผลงาน ๒ – ๓ คน ให้เพ่อื น ๆ ฟัง ส่วนนักเรียนทเ่ี หลือและ

ครคู อยแก้ไขและเพม่ิ เตมิ
๒. มอบหมายใหน้ กั เรยี นทำแบบฝกึ หดั เรื่อง การเขยี นแผนภาพโครงเรื่อง

๙. สนทนาด้วยเทคนคิ คําถาม R - C - A เพอ่ื พัฒนาทกั ษะชีวิต

คําถามเพือ่ การสะทอ้ น (R) คาํ ถามเพือ่ การเชอื่ มโยง (C) คาํ ถามเพอ่ื การปรับใช้ (A)

- นักเรยี นมีความรสู้ ึกอยา่ งไรบ้างท่ี - นักเรยี นสามารถเขยี นเรอื่ งตาม - นกั เรียนจะนำการเขยี นแผนภาพ

นกั เรยี นอาสาสมัครออกมาเลา่ แผนภาพโครงเร่อื ง ด้วยคำพูดของ โครงเรอ่ื งไปปรบั ใช้ในการเขยี นได้

เรอ่ื งตามเหตุการณจ์ ากแผนภาพ นกั เรยี นเองได้อยา่ งไร อย่างไร

โครงเร่อื งบนกระดานดำ

ใหเ้ พอื่ น ๆ ฟงั

๑๐. ช้ินงาน/ภาระงาน
- นำเสนอผลงานเรื่อง การเขยี นแผนภาพโครงเรื่อง
- แบบฝึกหัดเร่ือง การเขยี นแผนภาพโครงเรอื่ ง

11. สอื่ และแหลง่ การเรยี นรู้ เลม่ ๑ ภาษาพาที
1. แผนภูมแิ ผนภาพโครงเรอื่ ง
2. แถบประโยค
3. ใบงานหนังสอื แบบเรียนภาษาไทย ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี ๓

4. เกมเรยี งฉันหน่อย

39

12. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้

จดุ ประสงค์ วิธกี ารวดั เคร่ืองมอื วดั เกณฑ์

๑. นกั เรียนบอกลกั ษณะ ตรวจแบบฝึกหดั เ ก ณ ฑ ์ ก า ร ป ร ะ เ มิ น ร้อยละ 7๐ ขึ้นไป ผ่าน

เขียนแผนภาพโครงเรอื่ ง แบบฝกึ หดั เกณฑ์

ได้

๒. นักเรยี นสามารถเขียน ตรวจแบบฝกึ หัด เ ก ณ ฑ ์ ก า ร ป ร ะ เ มิ น ร้อยละ 7๐ ขึ้นไป ผ่าน

เรื่องแผนภาพโครงเรื่อง แบบฝึกหดั เกณฑ์

จากเร่อื งทศ่ี กึ ษาได้

๓ . น ั ก เ ร ี ย น บ อ ก การสังเกต แบบประเมนิ ร้อยละ 7๐ ขึ้นไป ผ่าน
ประโยชน์ของการเขียน เกณฑ์

แผนภาพโครงเร่อื งได้

บันทึกผลหลงั การจัดการเรยี นรู้
ความสําเรจ็ ในการจดั การเรียนรู้

นักเรียนบอกลักษณะเขียนแผนภาพโครงเรือ่ ง สามารถเขียนเรื่องแผนภาพโครงเรื่องจากเรื่องที่ศึกษาได้
และบอกประโยชน์ของการเขียนแผนภาพโครงเรื่องได้ ร้อยละ 7๐ ทุกคน จากนักเรียนทั้งหมด 10 คน โดยมี
นักเรยี นบางกลุ่มยงั นำเสนอไม่สมบรู ณ์ ชดั เจนอยู่บา้ ง แต่คะแนนอย่ใู นระดับทีผ่ า่ นเกณฑ์
ปญั หาและอุปสรรค

นกั เรียนบางกลมุ่ ยังนำเสนอไม่สมบูรณ์ ชัดเจน
แนวทางแกไ้ ขปญั หา/อปุ สรรค

ครูสอนซ้ำเนื้อหา โดยการเขียนเรื่องแผนภาพโครงเรื่องจากเรื่องที่ศึกษาได้ และบอกประโยชน์ของการ
เขียนแผนภาพโครงเร่ืองได้กอ่ น จึงนำไปส่กู ารเขยี นโครงเรือ่ งท่ีดี
ให้ได้กอ่ นเขยี นแผนภาพ

ลงชอื่ .........................................................ผู้สอน
(นางจินตนา โสมาศรี)

40

เกมเรียงฉนั หน่อย

จุดประสงค์
เพือ่ เรียงคำตามลำดบั พยัญชนะใหถ้ ูกต้องตามหลักการเรียงคำในพจนานกุ รม

อุปกรณ์
๑. กระเป๋าผนงั
๒. บตั รคำใหม่
๓. ฉลากรายชื่อนกั เรยี น

วธิ ีเลน่
๑. วางบตั รคำท้งั หมดลงบนโตะ๊
๒. ครูจับฉลากรายชือ่ นกั เรียน ให้นักเรยี นออกมาหาบัตรคำแลว้ เอาไปวางไว้ที่

กระเปา๋ ผนัง แลว้ ชว่ ยกนั เรียงคำตามลำดับพยัญชนะ
๓. นกั เรียนทุกคนคดั คำทเี่ รียงลำดับถูกต้องแลว้ ลงในสมดุ เพอ่ื ฝึกอา่ น

41

แบบฝึกหัด เรือ่ ง เขียนเร่ืองตามแผนภาพโครงเรอื่ ง

คำช้แี จง ให้นักเรยี นเขยี นเรื่องตามแผนภาพโครงเรอื่ งดว้ ยภาษาของนักเรยี นเอง

แผนภาพโครงเรอ่ื ง...........................................
ใคร..............................................................................................................................................................................
ที่ไหน...........................................................................................................................................................................
เม่ือไร..........................................................................................................................................................................
เหตกุ ารณ์...................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................
อย่างไร ...................................................................................................................................................................
ขอ้ คิด .......................................................................................................................................................................

(อยู่ในดุลพนิ จิ ครูผู้สอน)

42

ใบงาน ๓ (งานกล่มุ )
โรงเรยี น.........................................................................ภาคเรยี นท่ี …… ปีการศึกษา ....................

ชื่อกลมุ่ ………………………………………. ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ ๓
วันที่………เดอื น………………………….พ.ศ……………

คำช้ีแจง ให้นกั เรยี นเขยี นแผนภาพโครงเรอ่ื ง เร่อื ง ทำดี ........อยา่ หว่ันไหว โดยใช้ภาษาของ
ตนเองอยา่ งส้นั ๆ โดยการเขียนสรปุ เรือ่ งทีส่ ำคญั และเรยี งลำดับเหตุการณใ์ หต้ ่อเนอ่ื ง

และมสี าระ

ใคร : …………………………………………………………………

ที่ไหน : …………………………………………………………………

เมอ่ื ไร : …………………………………………………………………

เหตุการณ์ : ………………………………………………………………………………………………………………….….………..…………………………

…………………………..…………………………………………………………..

…………………………………………………………..………………………………
…………………………..…………………………………………………………..

…………………………………………………………..………………………………
…………………………..…………………………………………………………..

…………………………………………………………..………………………………
…………………………..…………………………………………………………..

…………………………………………………………..………………………………
…………………………..…………………………………………………………..

43

…………………………………………………………..………………………………
…………………………..…………………………………………………………..

…………………………………………………………..………………………………
…………………………..…………………………………………………………..

รายชอ่ื สมาชิกกลมุ่

๑……………………………………………… ๒………………………………………..

๓……………………………………….. ๔………………………………………..

๕……………………………………….. ๖………………………………………..

(อยู่ในดลุ พินิจครผู ู้สอน)

อย่างไร : …………………………………………………………………………………………….…………...
……………………………………………………………......................................................

ข้อคดิ : ………………………………………………………………………………………………..…...

…………………………………………………………………

44

ลงช่ือ.........................................................ผู้ประเมนิ
(นางจินตนา โสมาศรี)

วันท่.ี .........เดอื น...............................พ.ศ. ................

45

46

แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์

คุณลกั ษณะ รายการประเมิน ระดบั คะแนน
อนั พงึ ประสงค์ 321
1. มีวนิ ัย 1 เขา้ เรียนตรงเวลา
2 แตง่ กายเรยี บร้อยเหมาะสมกับกาลเทศะ
2. ใฝ่หาความรู้ 3 ปฏิบัติตามกฎระเบยี บของหอ้ ง
1 แสวงหาขอ้ มลู จากแหลง่ เรียนร้ตู ่างๆ
3.อยู่อยา่ ง 2 มกี ารจดบนั ทกึ ความรู้อยา่ งเปน็ ระบบ
พอเพยี ง 3 สรุปความรไู้ ด้อย่างมเี หตุผล
1 ใช้ทรัพย์สินและส่งิ ของของโรงเรียนอย่างประหยดั
2 ใช้อปุ กรณ์การเรยี นอย่างประหยัดและร้คู ุณค่า

3 ใช้จ่ายอยา่ งประหยัดและมกี ารเกบ็ ออมเงนิ

4. มุง่ ม่นั ในการ 1 มคี วามต้งั ใจ และพยายามในการทำงานที่ไดร้ บั มอบหมาย
ทำงาน 2มคี วามอดทนและไมท่ ้อแท้ตอ่ อุปสรรคเพ่อื ให้งานสำเร็จ

5.รักความเปน็ ไทย 1 มจี ติ สำนกึ ในการอนรุ ักษว์ ัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย
2 เห็นคุณคา่ และปฏิบัติตนตามวัฒนธรรมไทย

1 รจู้ กั การใหเ้ พือ่ ส่วนรวม และเพอ่ื ผู้อืน่

6.มีจติ สาธารณะ 2 แสดงออกถึงการมีน้ำใจหรอื การใหค้ วามช่วยเหลือผ้อู ื่น
3 เขา้ รว่ มกจิ กรรมบำเพญ็ ตนเพ่อื สว่ นรวมเม่อื มีโอกาส

ลงชอ่ื ......................................................................ผปู้ ระเมนิ

(นางจนิ ตนา โสมาศรี)
........... /................................/......................

เกณฑ์การใหค้ ะแนน

- พฤตกิ รรมทป่ี ฏบิ ัติชัดเจนและสมำ่ เสมอ ให้ 3 คะแนน

- พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ัติชดั เจนและบอ่ ยคร้ัง ให้ 2 คะแนน

- พฤตกิ รรมที่ปฏบิ ัติบางคร้งั ให้ 1 คะแนน

47

.............................................................ผู้ประเมิน
(นางจนิ ตนา โสมาศร)ี
............./............/..............

48

ลงชอื่ .............................................ผู้ประเมนิ
(นางจนิ ตนา โสมาศร)ี

วันท่ี..........เดือน.......................พ.ศ. .................

49

เกณฑ์การให้คะแนน การนำเสนอผลงาน

5 คะแนน นำเสนอเนอ้ื หาในผลงานได้ถกู ต้อง การลำดบั ข้ันตอนของเนอื้ เร่ืองมีความ
สอดคล้องกับเนอ้ื หา การนำเสนอมคี วามนา่ สนใจสมาชิกในกลมุ่ มีส่วนร่วมและตรง
4 คะแนน ต่อเวลา
3 คะแนน นำเสนอเนื้อหาในผลงานไดถ้ กู ตอ้ ง การลำดับขน้ั ตอนของเน้ือเรอื่ งมีความ
2 คะแนน สอดคลอ้ งกับเนื้อหา การนำเสนอมคี วามน่าสนใจสมาชกิ ในกลุ่มมีสว่ นร่วม
นำเสนอเน้อื หาในผลงานได้ถูกต้อง การลำดับขั้นตอนของเนอ้ื เรอ่ื งมคี วาม
สอดคลอ้ งกบั เนื้อหา
นำเสนอเน้ือหาในผลงานได้ถูกต้อง

ลงช่อื .................................................... ผปู้ ระเมนิ

(นางจินตนา โสมาศรี)
................ /................ /................


Click to View FlipBook Version