46
สาระการเรยี นรู้
1. คาปฏญิ าณของลูกเสอื
2. กฎของลกู เสอื
3. คตพิ จน์ของลูกเสอื
กิจกรรมการเรียนรู้
ขนั้ นาเข้าสู่บทเรียน
1. ครูผู้สอนกล่าวถึง คาปฏิ ญาณ คือคามัน่ สัญญาโดยความสมัครใจท่ีลูกเสือทุกคนให้ไว้แก่
ผบู้ งั คบั บญั ชาในพธิ กี ารทางลูกเสอื อนั เป็นหลกั สากลทล่ี กู เสอื ทุกคนจะตอ้ งปฏบิ ตั ิ แตก่ ารใหค้ าสญั ญานนั้ ไม่มใี คร
สามารถรบั รองไดว้ ่าลูกเสอื จะปฏบิ ตั ไิ ดจ้ รงิ ลูกเสอื จงึ ตอ้ งรบั รองตวั เอง โดยทุกครงั้ ของการปฏญิ าณจะต้องกล่าว
วา่ ด้วยเกียรติของข้า ข้าสญั ญาวา่ .... ซง่ึ ถา้ หากลูกเสอื ไมป่ ฏบิ ตั ติ ามคาปฏญิ าณของตนกถ็ อื ว่า ลูกเสอื ไมไ่ ดร้ กั
เกยี รตแิ ละศกั ดศิ ์ รขี องตนเอง
2. ผเู้ รยี นยกตวั อย่างการกลา่ วคาปฏญิ าณของลูกเสอื ทป่ี ฏบิ ตั กิ นั อยเู่ ป็นประจา
ขนั้ สอน
3. ครผู สู้ อนยกตวั อย่างคาปฏญิ าณของลกู เสอื ทุกระดบั มอี ยู่ 3 ขอ้ ซง่ึ การกล่าวคาปฏญิ าณแต่ละขอ้
จะตอ้ งขน้ึ ตน้ ดว้ ยคาว่า ดว้ ยเกยี รตขิ องขา้ ขา้ สญั ญาว่า...
ขอ้ ท่ี 1 ขา้ จะจงรกั ภกั ดตี ่อชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์
ขอ้ ท่ี 2 ขา้ จะชว่ ยเหลอื ผอู้ ่นื ทุกเมอ่ื
ขอ้ ท่ี 3 ขา้ จะปฏบิ ตั ติ ามกฎของลูกเสอื
4. ครผู สู้ อนบอกกฎของลกู เสอื ซง่ึ เป็นหลกั ปฏบิ ตั ขิ องผทู้ เ่ี ป็นลกู เสอื เปรยี บเสมอื นศลี ทพ่ี ระพงึ รกั ษา
กฎของลูกเสอื มดี งั น้ี คอื .กฎของลกู เสอื
ขอ้ ท่ี 1 ลกู เสอื มเี กยี รตเิ ช่อื ถอื ได้
ขอ้ ท่ี 2 ลกู เสอื มคี วามจงรกั ภกั ดตี อ่ ชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์ และซอ่ื ตรงตอ่ ผมู้ พี ระคณุ
ขอ้ ท่ี 3 ลกู เสอื มหี น้าทก่ี ระทาตนใหเ้ ป็นประโยชน์ และชว่ ยเหลอื ผอู้ ่นื
*ทาดที ส่ี ุด (Do Our Best) เป็นคตพิ จน์ลูกเสอื สารอง หมายถงึ การกระทาเพอ่ื คนอน่ื หรอื เพ่อื สว่ นรวม
เป็นการกระทาทด่ี ที ส่ี ดุ
*จงเตรยี มพรอ้ ม (Be Prepared) เป็นคตพิ จน์ลูกเสอื สามญั หมายถงึ การเตรยี มพรอ้ มทจ่ี ะทาความดี
เพ่อื ส่วนรวม
*มองไกล (Look Wide) เป็นคตพิ จน์ลูกเสอื สามญั รนุ่ ใหญ่ หมายถงึ การมองใหเ้ หน็ เหตุผล ใหเ้ หน็ คนอน่ื
สว่ นรวม มใิ ชม่ องแตป่ ระโยชน์ของตวั เอง
*บรกิ าร (Service) เป็นคตพิ จน์ลูกเสอื วสิ ามญั หมายถงึ การใหค้ วามชว่ ยเหลอื แกค่ นอน่ื หรอื ส่วนรวม
ขอ้ ท่ี 4 ลกู เสอื เป็นมติ รของคนทุกคน และเป็นพน่ี ้องกบั ลูกเสอื อ่นื ทวั่ โลก
ขอ้ ท่ี 5 ลกู เสอื เป็นผสู้ ภุ าพเรยี บรอ้ ย
ขอ้ ท่ี 6 ลกู เสอื มคี วามเมตตากรุณาตอ่ สตั ว์
47
ขอ้ ท่ี 7 ลกู เสอื เชอ่ื ฟังคาสงั ่ ของบดิ ามารดา และผบู้ งั คบั บญั ชาดว้ ยความเคารพ
ขอ้ ท่ี 8 ลูกเสอื มใี จรา่ เรงิ และไมย่ อ่ ทอ้ ต่อความยากลาบาก
ขอ้ ท่ี 9 ลูกเสอื เป็นผมู้ ธั ยสั ถ์
ขอ้ ท่ี 10 ลูกเสอื ประพฤตชิ อบดว้ ยกาย วาจา ใจ
กฎของลกู เสอื ขอ้ ท่ี 10 น้ี ไดด้ ดั แปลงมาจากกฎของลูกเสอื ขอ้ ท่ี 10 ตามธรรมนูญสมชั ชาลูกเสอื โลกทว่ี า่
A Scout is Clean in Thought Word and Deed และตรงกบั กศุ ลกรรมบถ 10 คอื
- กายกรรม 3 อย่าง ไดแ้ ก่ เวน้ จากการฆา่ สตั ว์ เวน้ จากการลกั ทรพั ยแ์ ลเวน้ จากการประพฤตผิ ดิ ในกาม
- วจกี รรม 4 อยา่ ง คอื เวน้ จากการพดู เทจ็ เวน้ จากการพดู ส่อเสยี ด เวน้ จากการพดู คาหยาบและเวน้ จาก
การพดู เพอ้ เจอ้
- มโนกรรม 3 อย่าง คอื ไม่อยากไดข้ องเขา ไม่พยาบาทปองรา้ ยเขาและเหน็ ชอบตามคลองธรรม
5. ครผู สู้ อนอธบิ ายคตพิ จน์ของลกู เสอื ดงั น้ี คตพิ จน์ทวั่ ไปของลกู เสอื ไทยทงั้ หมด คอื เสยี ชพี อย่าเสยี
สตั ย์ (Better Die Than Lie) ส่วนคตพิ จน์ของลูกเสอื วสิ ามญั คอื บรกิ าร
เสยี ชพี อย่าเสยี สตั ย์ คอื การยดึ มนั ่ ปฏบิ ตั ติ ามสงิ่ ทไ่ี ดพ้ ดู ไว้ เพราะการทพ่ี ดู สง่ิ ใดไปแลว้ ปฏบิ ตั ติ ามนนั้
ได้ กจ็ ะสรา้ งความน่าเช่อื ถอื ใหแ้ ก่ตนเอง ใหผ้ อู้ ่นื เคารพ เลอ่ื มใสและศรทั ธาส่งผลใหช้ วี ติ มคี วามเจรญิ กา้ วหน้า
บรกิ าร เป็นหวั ใจของลกู เสอื วสิ ามญั ทจ่ี ะตอ้ งเป็นผมู้ เี มตตา กรุณา ใหค้ วามช่วยเหลอื ผอู้ ่นื ดว้ ยความ
เตม็ ใจ และพรอ้ มทจ่ี ะใหบ้ รกิ ารทกุ คนอยเู่ สมอ โดยไมต่ อ้ งการสงิ่ ใดๆ ตอบแทน
การปฏบิ ตั ติ ามคตพิ จนท์ งั้ 2 ประการ จะทาใหล้ ูกเสอื เป็นผนู้ าทด่ี ขี องสงั คม เป็นพลเมอื งดขี องชาติ และ
เป็นผทู้ น่ี าพาประเทศชาตไิ ปสเู่ ป้าหมายไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ
6. ใหผ้ เู้ รยี นปฏบิ ตั กิ จิ กรรมทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั กฎของลกู เสอื
ขนั้ สรปุ และการประยุกต์
7. ใหผ้ เู้ รยี นกลา่ วคาปฏญิ าณ กฎของลูกเสอื และคตพิ จนข์ องลกู เสอื และสามารถนาไปประยกุ ตใ์ ชใ้ น
ชวี ติ ประจาวนั ไดอ้ ยา่ งไรบา้ ง
สื่อและแหล่งการเรยี นรู้
1. หนงั สอื เรยี น วชิ า 2000-2001 กจิ กรรมลูกเสอื วสิ ามญั 1 ของสานักพมิ พเ์ อมพนั ธ์
2. สอ่ื แผ่นใส
3. อนิ เทอรเ์ นต็
4. กจิ กรรมและใบงาน
หลกั ฐาน
1. บนั ทกึ การสอน
2. ใบเชค็ ช่อื
3. แผนจดั การเรยี นรู้
48
การวดั ผลและการประเมินผล
วิธีวดั ผล
1. ใบงาน
2. กจิ กรรมลูกเสอื
3. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้
4. สงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล
5. ประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลมุ่
6. สงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม
7. การสงั เกตและประเมนิ พฤตกิ รรมดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
เครือ่ งมือวดั ผล
1. ใบงาน
2. กจิ กรรมลกู เสอื
3. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้
4. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล
5. แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกล่มุ
6. แบบประเมนิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ ม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ โดยรว่ มกนั ประเมนิ
เกณฑ์การประเมินผล
1. ใบงาน เกณฑผ์ า่ นการ 50 % ขน้ึ ไป
2. กจิ กรรมลูกเสอื เกณฑผ์ ่านการ 50 % ขน้ึ ไป
3. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ เกณฑผ์ า่ นการ 50 % ขน้ึ ไป
4. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล ตอ้ งไม่มชี ่องปรบั ปรุง
5. เกณฑผ์ ่านการประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50 % ขน้ึ ไป)
6. เกณฑผ์ ่านการสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50% ขน้ึ ไป)
7. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คะแนนขน้ึ อยกู่ บั การ
ประเมนิ ตามสภาพจรงิ
กิจกรรมเสนอแนะ
ใหล้ ูกเสอื วสิ ามญั เล่นเกม เล่านิทานและรอ้ งเพลงต่อไปน้ี
***เกม STICKER***
1. วตั ถปุ ระสงคข์ องเกม
เพ่อื ทดสอบความจา ความประณีต การทางานเป็นหมคู่ ณะ
2. จานวนผ้เู ลน่
ไม่จากดั จานวน
3. การจดั กลุ่มการเล่น
49
จดั เป็นกลุ่มๆ ละ 6-8 คน
4. กติกา
ใหผ้ เู้ ล่นตดั ตวั อกั ษรจากหนงั สอื พมิ พท์ ม่ี ขี นาดเทา่ กนั ตดิ ใหเ้ ป็นคาปฏญิ าณ หรอื กฎของ
ลกู เสอื ภายในเวลา 20 นาที กลมุ่ ใดจดั ทาไดส้ วย ขอ้ ความถกู ตอ้ งครบสมบูรณ์เป็นกลมุ่ ทป่ี ระสบความสาเรจ็
5. วิธีเลน่
5.1 ผู้นาเกมจดั เตรียมอุปกรณ์ เช่น กรรไกร คตั เตอร์ กาว หรอื แป้งเปียก กระดาษเทา-ขาว
หนงั สอื พมิ พเ์ กา่ ตามจานวนหมลู่ ูกเสอื และบอรด์ นทิ รรศการเพอ่ื แสดงผลงาน
5.2 แบ่งกลมุ่ ลกู เสอื จบั ฉลาก หวั ขอ้ คาปฏญิ าณและกฎ
5.3 ผนู้ าเกมใหส้ ญั ญาณเรม่ิ เลน่ และจบั เวลา 20 นาที
5.4 ผเู้ ล่นเกมตดั ตวั อกั ษรจากหนังสอื พมิ พเ์ ก่ามาเรยี งเป็นประโยค ขอ้ ความ คาปฏญิ าณและกฎ
ตามท่จี บั ฉลากได้ในเวลา 20 นาที ให้สวยงาม ถูกต้อง ครบสมบูรณ์ กลุ่มใดเสรจ็ ก่อนหรอื เสรจ็ ภายในเวลาท่ี
กาหนดแลว้ นาไปตดิ แสดงในบอรด์ นทิ รรศการทก่ี าหนดไว้ ถอื วา่ ประสบผลสาเรจ็
นิทานเรอ่ื ง เพิ่งรเู้ มยี นอกใจ
สามหนุ่มสามมมุ เสยี ชวี ติ ในวนั เดยี วกนั ดว้ ยสาเหตุทต่ี า่ งกนั ยมบาลไดม้ ารบั ดวงวญิ ญาณไป
สอบสวน ก่อนจะส่งตวั ไปลงนรก เมอ่ื พจิ ารณาความผดิ ของทงั้ สามหนุ่มแลว้ เป็นความผดิ ทไ่ี มร่ า้ ยแรงนัก
จงึ อนุญาตใหท้ งั้ สามหนุ่มเทย่ี วชมสวรรคไ์ ดห้ น่งึ วนั
ยมบาลซกั ถามหนุ่มคนทห่ี น่งึ “พ่อหนุ่มก่อนตายเอง็ ประพฤตผิ ดิ ลูกเมยี ผอู้ ่นื บา้ งหรอื ไม่”
หนุ่มคนทห่ี น่งึ “บอ่ ยครงั้ ผมจาไดไ้ ม่หมดครบั ”
ยมบาล “เอง็ ชวั่ มาก งนั้ เอง็ เอาจกั รยานสองลอ้ ไปขช่ี มสวรรคก์ แ็ ลว้ กนั
ยมบาลซกั ถามหนุ่มคนทส่ี อง “พอ่ หนุ่มก่อนตายเอง็ ประพฤตผิ ดิ ลูกเมยี ผอู้ น่ื บา้ งหรอื ไม่”
หนุ่มคนทส่ี อง กม้ หน้าอายนดิ หน่อย “ผมเผลอบา้ งในบา้ งครงั้ ครบั ”
ยมบาล “เอง็ กช็ วั่ กบั เขาเหมอื นกนั ขา้ จะใหร้ ถจกั รยานยนตไ์ ปขช่ี มสวรรคก์ แ็ ลว้ กนั
ยมบาลซกั ถามหนุ่มคนทส่ี าม “พ่อหนุ่มกอ่ นตายเอง็ ประพฤตผิ ดิ ลูกเมยี ผอู้ น่ื บา้ งหรอื ไม่”
หนุ่มคนทส่ี าม อายหน้าแดงกอ่ นตอบว่า “ในชวี ติ ผมนอกจากเมยี แลว้ ไมเ่ คยยุ่งเกย่ี วกบั ใครเลยครบั ”
ยมบาล “เอง็ เป็นคนดมี าก ขา้ จะใหร้ ถยนตไ์ ปขช่ี มสวรรค์”
ทงั้ สามหนุ่มมโี อกาสไดช้ มสวรรค์ โดยใชพ้ าหนะทต่ี า่ งกนั ตามความประพฤติ ชมไปไดค้ รหู่ น่ึง
หนุ่มคนทห่ี น่งึ และคนทส่ี อง เจอคนทส่ี าม จอดรถยนตน์ งั่ ทาหน้าเศรา้ ๆ เหมอื นกบั จะรอ้ งไห้ จงึ ตรงเขา้ ไป
ซกั ถามดว้ ยความสงั สยั วา่ “เอง็ มคี วามทุกขอ์ ะไรจงึ มานงั่ คอตกเหมอื นนกปีกหกั ” หนุ่มคนทส่ี ามแหงนมอง
หน้าคนทงั้ สองก่อนตอบแบบหมดอาลยั วา่ “ทก่ี ูเป็นอยา่ งน้กี เ็ พราะกเู พง่ิ จะเจอเมยี กเู ม่อื กน้ี ่เี อง กูเหน็ มนั
กาลงั ขจ่ี กั รยานชมสวรรคอ์ ย่”ู (ฮา...)
ขอ้ คิดและการนาไปใช้
เรอ่ื ง การไวว้ างใจคน บางครงั้ คนใกลช้ ิดตวั เรากไ็ ว้ใจไม่ได้
50
เพลง กฎลูกเสือ
กฎท่ี 1 พงึ จาใหด้ ลี ูกเสอื ตอ้ งมเี กยี รตเิ ชอ่ื ถอื ได้
กฎท่ี 2 นนั้ รองลงไปตอ้ งภกั ดใี นผมู้ พี ระคุณ
กฎท่ี 3 นนั้ บาเพญ็ บญุ ช่วยเหลอื เกอ้ื กลู ผอู้ ่นื เรอ่ื ยไป
กฎท่ี 4 (สรอ้ ย) นะเธออย่าลมื อยา่ ลมื
กฎท่ี 5 น้นี ่าคดิ จงเป็นมติ รกบั คนทวั่ ไป
กฎท่ี 6 ท่านวา่ เอาไวม้ ารยาทนนั้ ไซรก้ ราบไหวง้ ามๆ
นรกไม่ตามเพราะน้าใจงามกรณุ าสตั วม์ นั
(สรอ้ ย) นะเธออย่าลมื อย่าลมื
กฎท่ี 7 จงเช่อื จงฟังในคาสงั ่ โดยดษุ ฎี
กฎท่ี 8 คดิ ๆ ไวซ้ ลี ูกเสอื ตอ้ งมคี วามยากลาบาก
กฎท่ี 9 ออมไวย้ ามยากจะไมล่ าบากเงนิ ทองมากมี
กฎท่ี 10 ประพฤตคิ วามดที งั้ กาย วจี มโน พรอ้ มกนั
(สรอ้ ย) นะเธออยา่ ลมื อยา่ ลมื
51
ใบงานที่ 7.1
เร่ือง คาปฏิญาณ และกฎของลูกเสือ
ช่อื ...............................................นามสกลุ .......................................เลขท.่ี .............ชนั้ ................
ผลการเรียนร้ทู ่ีคาดหวงั : เพ่อื ใหล้ กู เสอื ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมทส่ี อดคลอ้ งกบั กฎของลูกเสอื
คาชี้แจง : ใหอ้ าจารยผ์ สู้ อนกาหนดใหล้ ูกเสอื ไปปฏบิ ตั กิ จิ กรรมใหส้ อดคลอ้ งกบั กฎของลูกเสอื เช่น
ลูกเสอื มคี วามเมตตากรณุ าตอ่ สตั ว์ เป็นตน้
ตวั อย่างกจิ กรรม เชน่ - ชว่ ยเหลอื สตั วท์ บ่ี าดเจบ็
- เกบ็ เศษอาหารใหส้ ตั ว์
ฯลฯ
คาสงั่ ใหแ้ ตล่ ะหม่ทู ากจิ กรรมตามกฎของลูกเสอื อยา่ งน้อย 3 ขอ้ และบนั ทกึ วา่ ไดท้ ากจิ กรรมอะไรบา้ งใน
ช่องวา่ งขา้ งล่างน้ี
หม่ทู …่ี ……………
กฎขอ้ ท…่ี ……….กล่าวว่า...............................................................................….....................
กจิ กรรมทท่ี า...........................................................................................................................
................................................................................................................................…………
กฎขอ้ ท…่ี ……….กล่าวว่า...............................................................................….....................
กจิ กรรมทท่ี า..........................................................................................................................
................................................................................................................................…………
กฎขอ้ ท…่ี ……….กล่าววา่ ...............................................................................….....................
กจิ กรรมทท่ี า...........................................................................................................................
................................................................................................................................…………
52
แผนการจดั การเรยี นรูแ้ บบบูรณาการที่ 7 หน่วยที่ 8
จานวนชวั ่ โมง 2 ช.ม.
รหสั วิชา 20000-2001 กจิ กรรมลูกเสอื วสิ ามญั 1
ชื่อหนว่ ย/เรือ่ ง พิธีการลูกเสือวิสามญั
แนวคิด
พธิ กี ารของลูกเสอื เป็นเร่อื งทล่ี ูกเสอื -เนตรนารวี สิ ามญั จะตอ้ งศกึ ษาใหเ้ ขา้ ใจ เพ่อื ความภาคภูมใิ จในเกยี รติ
ของตนเองทจ่ี ะไดร้ บั จากพธิ กี ารนนั้ ๆ ประกอบดว้ ย
1. พธิ รี บั เป็นเตรยี มลูกเสอื -เนตรนารวี สิ ามญั หรอื พธิ ปี ระดบั แถบ 2 สี (เขยี ว-เหลอื ง)
2. พธิ สี ารวจตนเอง
3. พธิ เี ขา้ ประจากองลูกเสอื -เนตรนารวี สิ ามญั หรอื พธิ ปี ระดบั 3 สี (แดง-เขยี ว-เหลอื ง)
ผลการเรียนรูท้ ี่คาดหวงั
1. บอกประโยชน์ของพธิ กี ารตา่ งๆ ของลกู เสอื -เนตรนารวี สิ ามญั ได้
2. สาธติ พธิ กี ารต่างๆ ของลกู เสอื -เนตรนารวี สิ ามญั ไดถ้ กู ตอ้ ง
3. มกี ารพฒั นาคณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงคข์ องผสู้ าเรจ็ การศกึ ษา
สานกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา ทค่ี รสู ามารถสงั เกตไดข้ ณะทาการสอนในเรอ่ื ง
3.1 ความมมี นุษยสมั พนั ธ์
3.2 ความมวี นิ ยั
3.3 ความรบั ผดิ ชอบ
3.4 ความซอ่ื สตั ยส์ ุจรติ
3.5 ความเช่อื มนั ่ ในตนเอง
3.6 การประหยดั
3.7 ความสนใจใฝ่รู้
3.8 การละเวน้ สงิ่ เสพตดิ และการพนนั
3.9 ความรกั สามคั คี
3.10 ความกตญั ญกู ตเวที
สมรรถนะรายวิชา
1. ปฏบิ ตั ติ นตามระเบยี บวนิ ยั คาปฏญิ าณและกฎของลูกเสอื วสิ ามญั
2. วางแผนและปฏบิ ตั กิ จิ กรรมทกั ษะทางลกู เสอื และกจิ กรรมพเิ ศษของลูกเสอื
3. บาเพญ็ ประโยชน์ตอ่ ชมุ ชนและทอ้ งถนิ่ ในสถานการณ์ต่างๆ
4. ใชร้ ะบบหมู่ การเป็นผนู้ าผตู้ ามและกระบวนการกลุม่ ในการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมลูกเสอื วสิ ามญั
53
สาระการเรยี นรู้
1. พธิ รี บั เป็นเตรยี มลกู เสอื -เนตรนารวี สิ ามญั
2. พธิ สี ารวจตนเอง
3. พธิ เี ขา้ ประจากองลกู เสอื -เนตรนารวี สิ ามญั
กจิ กรรมการเรียนรู้
ขนั้ นาเข้าสู่บทเรยี น
1. ครูผูส้ อนอภปิ รายถงึ พธิ กี ารของลูกเสอื เป็นกิจกรรมทส่ี าคญั ก่อใหเ้ กดิ ความศรทั ธา ความเช่อื มนั ่
และความภาคภูมใิ จในการเป็นสมาชกิ ลกู เสอื -เนตรนารี พธิ กี ารของลูกเสอื -เนตรนารวี สิ ามญั
2. ผเู้ รยี นยกตวั อย่างอุปกรณ์ทใ่ี ชใ้ นการประกอบพธิ ี มดี งั น้ี
ก. โตะ๊ หมบู่ ชู า 1 ชดุ (ธงชาต-ิ โตะ๊ หม่บู ชู าพรอ้ มพระพุทธรปู -พระบรมฉายาลกั ษณ์)
ข. พระรปู รชั กาลท่ี 6 พรอ้ มโต๊ะบชู า
ค. รปู ผใู้ หก้ าเนดิ ลูกเสอื โลก (บ.ี พ.ี )
ง. ธงประจากอง
จ. โต๊ะประกอบพธิ ี
ฉ. ธงชาติ
ช. พานใสแ่ ถบสปี ระดบั ไหล่
ซ. เอกสารประกอบการซกั ถาม (หากผกู้ ากบั มที กั ษะไม่จาเป็น)
ขนั้ สอน
3. ครผู สู้ อนสาธติ การจดั พธิ รี บั เป็นเตรยี มลกู เสอื -เนตรนารวี สิ ามญั และพธิ สี ารวจตนเอง ตามขนั้ ตอน
กองลูกเสือแสดงรหสั ผ้สู มคั รใหม่แสดงรหสั :
“ ดว้ ยเกยี รตขิ องขา้ ขา้ สญั ญาวา่
ขอ้ 1. ขา้ จะจงรกั ภกั ดตี อ่ ชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์
ขอ้ 2. ขา้ จะชว่ ยเหลอื ผอู้ น่ื ทกุ เม่อื
ขอ้ 3. ขา้ จะปฏบิ ตั ติ ามกฎของลกู เสอื
54
4. ครผู สู้ อนสาธติ พธิ รี บั เตรยี มลกู เสอื วสิ ามญั ใหป้ ฏบิ ตั ดิ งั ต่อไปน้ี
5. ครผู สู้ อนอธบิ ายและสาธติ การสารวจตนเอง โดยพธิ สี ารวจตนเอง เป็นพธิ กี ารทก่ี ระทาต่อเน่อื งกบั พธิ ี
เขา้ ประจากอง หรอื พธิ ปี ระดบั แถบ 3 สี (แดง-เขยี ว-เหลอื ง) ในการสารวจตนเองของลกู เสอื -เนตรนารวี สิ ามญั นนั้
ส่วนมากจะกระทาก่อนพธิ เี ขา้ ประจากองเลก็ น้อย หรอื จะเรยี กวา่ เป็นส่วนหน่งึ ของพธิ ี
อุปกรณ์ทใ่ี ชใ้ นการประกอบพธิ ี มดี งั น้ี
- โตะ๊ หม่บู ชู าในพธิ สี ารวจตนเอง และพธิ เี ขา้ ประจากองลูกเสอื วสิ ามญั
- รปู ร.6
- รปู บ.ี พ.ี
- โตะ๊ พธิ ที ป่ี ดู ว้ ยธงชาติ
- ขนั น้าสะอาดขนาดใหญ่
- พานใส่แถบ 3 สี เทา่ จานวนเตรยี มลูกเสอื
- เทยี นสาหรบั อา่ นแผน่ สารวจตนเอง
- เอกสารบทความสารวจตนเอง
- แผน่ อ่านฐานทเ่ี ป็นการแปลความหมายของกฎลกู เสอื 10 ขอ้ อยา่ งผใู้ หญ่
- เทยี นขนาดใหญ่ 1 คู่ จุดบนโตะ๊ พธิ ี
- หนิ สขี าว
- ผา้ ขาว 2 ผนื
- ธงชาตพิ รอ้ มดา้ ม 2 ชดุ
6. ให้ลูกเสอื แบ่งกลุ่มศกึ ษาแล้วบูรณาการร่วมกนั จดั สถานท่ี อุปกรณ์และขัน้ ตอนของพธิ กี ารต่างๆ
ของลูกเสอื วสิ ามญั ตามหวั ขอ้ ดงั ต่อไปน้ี
กลมุ่ ท่ี 1 จดั แสดงผงั สถานท่ี พธิ ปี ระดบั แถบ 2 สี และประดบั แถบ 3 สี
กลุ่มท่ี 2 จดั อุปกรณ์ พธิ ปี ระดบั แถบ 2 สี และประดบั แถบ 3 สี
กลมุ่ ท่ี 3 จดั สถานท่ี และอปุ กรณ์ สารวจตนเอง
กลมุ่ ท่ี 4 สาธติ พธิ กี ารสารวจตนเองหรอื ประดบั แถบ 2 ส,ี ประดบั แถบ 3 สอี ย่างใดอย่างหน่งึ
55
ขนั้ สรปุ และการประยุกต์
7. สรุปพธิ รี บั เป็นเตรยี มลูกเสอื -เนตรนารวี สิ ามญั และพธิ สี ารวจตนเอง เพอ่ื ใหเ้ กดิ การเรยี นรูแ้ ละนาไป
ปฏบิ ตั ไิ ด้ และประเมนิ ผเู้ รยี นตามแบบฟอร์มตอ่ ไปน้ี
ช่อื ผเู้ รยี น ธรรมชาตขิ องผเู้ รยี น วธิ กี ารเรยี นรู้
ความสนใจ สตปิ ัญญา วุฒภิ าวะ
1.
2.
3.
4.
5.
สื่อและแหล่งการเรียนรู้
1. หนงั สอื เรยี น วชิ า 2000-2001 กจิ กรรมลกู เสอื วสิ ามญั 1 ของสานกั พมิ พเ์ อมพนั ธ์
2. ส่อื แผน่ ใส
3. อนิ เทอรเ์ น็ต
4. กจิ กรรมและใบงาน
หลกั ฐาน
1. บนั ทกึ การสอน
2. ใบเชค็ ชอ่ื
3. แผนจดั การเรยี นรู้
การวดั ผลและการประเมินผล
วิธีวดั ผล
1. ใบงาน
2. กจิ กรรมลกู เสอื
3. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้
4. สงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล
5. ประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกล่มุ
6. สงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม
7. การสงั เกตและประเมนิ พฤตกิ รรมดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
เครอ่ื งมือวดั ผล
1. ใบงาน
2. กจิ กรรมลูกเสอื
3. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้
56
4. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล
5. แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่
6. แบบประเมนิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ ม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ โดยร่วมกนั ประเมนิ
เกณฑก์ ารประเมินผล
1. ใบงาน เกณฑผ์ ่านการ 50 % ขน้ึ ไป
2. กจิ กรรมลกู เสอื เกณฑผ์ ่านการ 50 % ขน้ึ ไป
3. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ เกณฑผ์ ่านการ 50 % ขน้ึ ไป
4. เกณฑผ์ ่านการสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล ตอ้ งไมม่ ชี อ่ งปรบั ปรงุ
5. เกณฑผ์ ่านการประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกล่มุ คอื ปานกลาง (50 % ขน้ึ ไป)
6. เกณฑผ์ ่านการสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50% ขน้ึ ไป)
7. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ ม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คะแนนขน้ึ อย่กู บั การ
ประเมนิ ตามสภาพจรงิ
กิจกรรมเสนอแนะ
ใหล้ ูกเสอื วสิ ามญั ปฏบิ ตั กิ จิ กรรม ดงั น้ี
***เกม ประสาทสมั ผสั ***
1. วตั ถปุ ระสงคข์ องเกม
เพอ่ื ฝึกประสาท และฝึกการสมั ผสั
2. จานวนผเู้ ล่น
ตงั้ แต่ 10 คนขน้ึ ไป
3. การจดั กลุ่มการเล่น
จดั ผเู้ ล่นเป็นวงกลม และผเู้ ล่น 1 คน ใชผ้ า้ ผกู ตา
4. กติกา
ผเู้ ล่นอาสาสมคั ร 1 คน ใชผ้ า้ ผกู ตา คลาตามตวั ผเู้ ล่นในวงกลม ทายช่อื ถกู ผทู้ ถ่ี ูกทายช่อื
ถูกตอ้ ง จะตอ้ งเป็นผเู้ ล่นทป่ี ิดตาแทน
5. วิธีเลน่
5.1 ใหผ้ เู้ ล่นยนื จบั มอื กนั เป็นวงกลม
5.2 คดั เลอื กอาสาสมคั ร 1 คน มายนื กลางวงกลมใชผ้ า้ ปิดตา
5.3 ผนู้ าเกมใหส้ ญั ญาณเรม่ิ เลน่ ลูกเสอื ทจ่ี บั มอื เป็นวงกลมเคล่อื นทไ่ี ปรอบๆ จะหยุดเม่อื ผู้เล่น
ทถ่ี กู ปิดตา ตบมอื 3 ครงั้ ผเู้ ลน่ ทถ่ี กู ปิดตาเดนิ ตรงเขา้ ไปจบั คนใดคนหน่งึ มากลางวงคลาดตู ามตวั แลว้ ทายชอ่ื ถา้
ทายถูกตอ้ ง ผนู้ นั้ จะตอ้ งถกู ปิดตาแลว้ เรม่ิ เล่นใหม่ หากทายผดิ ใหป้ ิดตาอยเู่ ช่นเดมิ และเล่นตอ่ ไป
57
เพลง วน
วน วน วน (ซ้า) พวกเราทุกคนชอบวนกนั ใหญ่
แตะมอื แตะแขน แตะไหล่ (ซา้ )
แตะหวั ใจ รดู ลง รดู ลง (ซา้ )
เพลง โชคดี
ช่างโชคดวี นั นม้ี าพบเธอ (ซา้ ) ฉนั ดใี จจรงิ นะเออ มาพบเธอฉนั สขุ ใจ
เธอนนั้ อย่สู ุขสบายดหี รอื ไร (ซ้า) มารอ้ งนาเพลนิ ฤทยั ใหห้ วั ใจสขุ สาราญ
ปรบมอื ไปกนั ใหพ้ รอ้ มเพรยี ง (ซา้ ) ยกมอื ไวส้ า่ ยหวั เอยี งใหพ้ รอ้ มเพรยี งตามกนั
แลว้ หมนุ กลบั ปรบั ตวั เสยี ใหท้ นั (ซ้า) มอื เทา้ เอวซอยเทา้ พลนั ใหพ้ รอ้ มกนั เถดิ เอย.
58
แผนการจดั การเรียนรูแ้ บบบูรณาการที่ 8 หน่วยที่ 8
จานวนชวั ่ โมง 2 ช.ม.
รหสั วิชา 20000-2001 กจิ กรรมลูกเสอื วสิ ามญั 1
ชือ่ หน่วย/เรื่อง พิธีการลูกเสือวิสามญั
แนวคิด
พธิ กี ารของลกู เสอื เป็นเรอ่ื งลูกเสอื -เนตรนารวี สิ ามญั จะตอ้ งศกึ ษาใหเ้ ขา้ ใจ เพ่อื ความภาคภมู ใิ จในเกยี รติ
ของตนเองทจ่ี ะไดร้ บั จากพธิ กี ารนนั้ ๆ ประกอบดว้ ย
1. พธิ รี บั เป็นเตรยี มลกู เสอื -เนตรนารวี สิ ามญั หรอื พธิ ปี ระดบั แถบ 2 สี (เขยี ว-เหลอื ง)
2. พธิ สี ารวจตนเอง
3. พธิ เี ขา้ ประจากองลกู เสอื -เนตรนารวี สิ ามญั หรอื พธิ ปี ระดบั 3 สี (แดง-เขยี ว-เหลอื ง)
ผลการเรียนรูท้ ี่คาดหวงั
3. ดาเนนิ การจดั พธิ กี ารใดพธิ กี ารหน่งึ ของลูกเสอื -เนตรนารวี สิ ามญั ได้
4. มกี ารพฒั นาคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงคข์ องผสู้ าเรจ็ การศกึ ษา
สานกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา ทค่ี รสู ามารถสงั เกตไดข้ ณะทาการสอนในเร่อื ง
4.1 ความมมี นุษยสมั พนั ธ์
4.2 ความมวี นิ ยั
4.3 ความรบั ผดิ ชอบ
4.4 ความซ่อื สตั ยส์ จุ รติ
4.5 ความเช่อื มนั ่ ในตนเอง
4.6 การประหยดั
4.7 ความสนใจใฝ่รู้
4.8 การละเวน้ สง่ิ เสพตดิ และการพนนั
4.9 ความรกั สามคั คี
4.10 ความกตญั ญกู ตเวที
สมรรถนะรายวิชา
1. ปฏบิ ตั ติ นตามระเบยี บวนิ ยั คาปฏญิ าณและกฎของลูกเสอื วสิ ามญั
2. วางแผนและปฏบิ ตั กิ จิ กรรมทกั ษะทางลูกเสอื และกจิ กรรมพเิ ศษของลกู เสอื
3. บาเพญ็ ประโยชน์ตอ่ ชมุ ชนและทอ้ งถนิ่ ในสถานการณต์ ่างๆ
4. ใชร้ ะบบหมู่ การเป็นผนู้ าผตู้ ามและกระบวนการกลมุ่ ในการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมลูกเสอื วสิ ามญั
สาระการเรียนรู้
3. พธิ เี ขา้ ประจากองลกู เสอื -เนตรนารวี สิ ามญั
59
กิจกรรมการเรียนรู้
ขนั้ นาเข้าสู่บทเรยี น
1. ครูผู้สอนทบทวนการสารวจตนเอง ต่อจากนัน้ กองลูกเสือวิสามัญทาพิธีเข้าประจากอง ตาม
ขอ้ บงั คบั คณะลูกเสอื แห่งชาติ เม่อื ลูกเสอื ไดต้ ดิ แถบสามสเี รยี บรอ้ ย ผกู้ ากบั กล่าวใหโ้ อวาทลกู เสอื เกา่ (ถา้ ม)ี หรอื ผู้
กากบั ลกู เสอื จบั มอื แสดงความยนิ ดี เป็นอนั เสรจ็ พธิ ี
2. ครูผูส้ อนและผูเ้ รยี นกล่าวถงึ พธิ เี ขา้ ประจากองลูกเสือ-เนตรนารวี สิ ามญั เป็นพธิ ตี ่อเน่ืองจากการ
สารวจตนเอง ใหน้ าเตรยี มลูกเสอื -เนตรนารวี สิ ามญั ในเคร่อื งแบบทผ่ี ่านการสารวจตนเองแลว้ มายนื อยู่ขา้ งหน้า
กองลกู เสอื วสิ ามญั และอย่รู ะหวา่ งพเ่ี ลย้ี งทงั้ 2 คน มโี ต๊ะซง่ึ ปดู ว้ ยธงชาติ ผกู้ ากบั ยนื ดา้ นหน่งึ ของโตะ๊ พธิ ี หนั หน้า
เขา้ หาลูกเสอื ทจ่ี ะเขา้ ประจากองแลว้ เรยี กชอ่ื ผเู้ ขา้ พธิ ี และถาม
ขนั้ สอน
3. ครผู สู้ อนอธบิ ายและสาธติ พธิ เี ขา้ ประจากองลูกเสอื -เนตรนารวี สิ ามญั ดงั รปู ภาพตอ่ ไปน้ี
ผกู้ ากบั เรยี กช่ือผสู้ มคั ร : “เจา้ มาทน่ี ่เี พอ่ื ทจ่ี ะเขา้ เป็นลกู เสอื วสิ ามญั ในคณะพน่ี ้องลกู เสอื อนั ยง่ิ ใหญห่ รอื ”
ผ้สู มคั ร : “ครบั ”
ผ้กู ากบั : “ถงึ แมว้ ่าเจา้ จะมขี อ้ ยุ่งยากมาบ้างแลว้ ในอดตี แต่บดั น้ีเจา้ กไ็ ดต้ งั้ ใจทจ่ี ะทาใหด้ ี
ผ้สู มคั ร ท่สี ุดเพ่ือเป็นผู้มีเกียรติ มีสจั จะ มีความซ่ือตรงในการงานทงั้ ปวง พร้อมท่ีจะ
ผกู้ ากบั ปฏบิ ตั ชิ อบดว้ ยกาย วาจา ใจ ใชห่ รอื ไม่”
ผ้สู มคั ร : “ใชค่ รบั ”
ผกู้ ากบั : “เจา้ ไดค้ ดิ รอบคอบดแี ลว้ หรอื ว่า เจา้ พรอ้ มทจ่ี ะเขา้ เป็นลูกเสอื วสิ ามญั ”
: “ขา้ ไดค้ ดิ รอบคอบดแี ลว้ ”
: “เจา้ เขา้ ใจหรอื ไมว่ ่า คาวา่ “บรกิ าร” นนั้ หมายความวา่ ตลอดเวลาเจา้ จะตอ้ งมใี จ
หนักแน่นต่อผู้อ่นื ทุกคน และเจ้าจะทาดที ่สี ุดเพ่อื ช่วยเหลอื ผู้อ่นื ถึงแม้ว่าการ
60
ชว่ ยเหลอื นนั้ ไม่สะดวกหรอื ไม่เป็นทพ่ี อใจ หรอื ไม่เป็นทป่ี ลอดภยั แก่ตวั เอง และ
เจา้ จะไม่หวงั สง่ิ ตอบแทนใดๆ ในการใหบ้ รกิ ารนนั้ ”
ผสู้ มคั ร : “ขา้ เขา้ ใจดแี ลว้ ”
ผกู้ ากบั : “เจ้าเข้าใจหรอื ไม่ว่าการท่ีเจ้าจะเป็นลูกเสอื วสิ ามัญนัน้ เจ้ากาลงั จะร่วมอยู่ใน
คณะลูกเสือท่ตี ้องการจะช่วยเหลอื เจ้า ให้สามารถปฏิบตั ิตามอุดมคติของเจ้า
และขอใหเ้ จา้ ปฏิบตั ิตามขอ้ บงั คบั และคตพิ จน์ของเราในเร่อื งการใหบ้ รกิ ารแก่
ผอู้ น่ื ”
ผสู้ มคั ร : “ขา้ เขา้ ใจดแี ลว้ ”
ผ้กู ากบั : “เพ่อื ความบรสิ ุทธขิ์ องพธิ กี ารน้ี ขา้ ขอให้เจ้าชาระล้างมอื ของเจา้ เสยี ก่อน เพ่อื
เป็นเคร่อื งยนื ยนั ว่าเจา้ ไดช้ าระมลทนิ อนั มวั หมองของเจา้ ในอดตี หมดแลว้ จติ ใจ
ของเจา้ ผ่องแผว้ บรสิ ทุ ธดิ์ แี ลว้ เจา้ จะยนิ ยอมตามทเ่ี ราขอน้หี รอื ไม่”
ผ้สู มคั ร : “ขา้ ยนิ ยอม” (ลา้ งมอื )
ผ้กู ากบั : “ถา้ เชน่ นัน้ ขา้ ขอใหเ้ จา้ กลา่ วคาปฏญิ าณของลกู เสอื และพงึ เขา้ ใจไดด้ ว้ ยว่า เจา้
จะแปลความหมายของคาปฏญิ าณน้ไี ม่ใชอ่ ยา่ งเดก็ แตจ่ ะแปลอยา่ งผใู้ หญ่”
ผ้สู มคั ร : “ดว้ ยเกยี รตขิ องขา้ ขา้ สญั ญาวา่
ขอ้ 1 ขา้ จะจงรกั ภกั ดตี ่อชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์
ขอ้ 2 ขา้ จะช่วยเหลอื ผอู้ น่ื ทุกเม่อื
ขอ้ 3 ขา้ จะปฏบิ ตั ติ ามกฎของลูกเสอื ”
ครนั้ แลว้ ผกู้ ากบั ลกู เสอื จบั มอื ลูกเสอื วสิ ามญั ใหม่ดว้ ยมอื ซา้ ยและกลา่ วว่า
ผกู้ ากบั : “ขา้ เช่อื เจา้ ว่า ดว้ ยเกยี รติของเจา้ เจ้าจะปฏิบตั ติ ามคาปฏญิ าณท่เี จา้ ใหไ้ วแ้ ล้ว”
ผกู้ ากบั ลูกเสอื วสิ ามญั ตดิ แถบท่ีไหล่แก่ลูกเสอื วสิ ามญั และมอบเคร่อื งหมายให้
พรอ้ มกล่าวว่า
ผกู้ ากบั : “แถบทไ่ี หล่น้มี สี ามสี คอื สเี หลอื ง สเี ขยี ว และสแี ดง สเี หลา่ น้เี ป็นสขี องลูกเสอื ทงั้
สามประเภททอ่ี ย่ใู นวงพน่ี ้องลูกเสอื ขา้ ขอตอ้ นรบั เจา้ มาอย่ดู ว้ ย ขอใหส้ ที งั้ สามน้ี
จงเป็นเคร่อื งเตือนใจให้เจา้ ระลกึ ถึงหน้าท่ีของเจ้าทม่ี ีอยู่ต่อลูกเสอื รุ่นน้อง และ
ขอใหเ้ จา้ ระลกึ ถงึ ความรบั ผดิ ชอบของเจา้ ในฐานะทเ่ี ป็นลูกเสอื วสิ ามญั ในการทจ่ี ะ
บาเพญ็ ตนใหด้ ที ส่ี ุด เพอ่ื เป็นตวั อยา่ งแกล่ กู เสอื รนุ่ น้องตอ่ ไป”
ครนั้ แลว้ ใหก้ องลูกเสอื วสิ ามญั กา้ วเขา้ มาลอ้ มรอบลกู เสอื วสิ ามญั ใหม่ จบั มือแลว้ กล่าวคาตอ้ นรบั
ขอ้ เสนอแนะ
(1) ในการกลา่ วคาตอ้ นรบั นนั้ ควรกล่าวดว้ ยคาวา่ “ขอแสดงความยนิ ดเี ป็นอย่างยง่ิ ทไ่ี ดท้ า่ นมาอยดู่ ว้ ย”
(2) ถา้ หากเตรยี มลูกเสอื -เนตรนารวี สิ ามญั ทจ่ี ะเขา้ พธิ มี จี านวนมาก ใหเ้ ขา้ เป็นแถวหน้ากระดานหมปู่ ิด
ระยะ และเขา้ มาประกอบพธิ คี รงั้ ละ 1-2 หมู่ กไ็ ด้
61
ขนั้ สรปุ และการประยุกต์
4. สรุปพิธีเขา้ ประจากองลูกเสอื -เนตรนารวี ิสามญั เพ่ือให้เกิดการเรียนรูแ้ ละนาไปปฏิบัติได้ และ
ประเมนิ ผเู้ รยี นตามแบบฟอรม์ ตอ่ ไปน้ี
ชอ่ื ผเู้ รยี น ธรรมชาตขิ องผเู้ รยี น วธิ กี ารเรยี นรู้
ความสนใจ สตปิ ัญญา วฒุ ภิ าวะ
1.
2.
3.
4.
5.
สื่อและแหล่งการเรียนรู้
1. หนงั สอื เรยี น วชิ า 2000-2001 กจิ กรรมลูกเสอื วสิ ามญั 1 ของสานกั พมิ พเ์ อมพนั ธ์
2. ส่อื แผน่ ใส
3. อนิ เทอรเ์ น็ต
4. กจิ กรรมและใบงาน
หลกั ฐาน
1. บนั ทกึ การสอน
2. ใบเชค็ ช่อื
3. แผนจดั การเรยี นรู้
การวดั ผลและการประเมินผล
วิธีวดั ผล
1. ใบงาน
2. กจิ กรรมลูกเสอื
3. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้
4. สงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล
5. ประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม
6. สงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกล่มุ
7. การสงั เกตและประเมนิ พฤตกิ รรมดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
เคร่ืองมอื วดั ผล
1. ใบงาน
2. กจิ กรรมลูกเสอื
3. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้
62
4. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล
5. แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุม่
6. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นยิ ม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ โดยร่วมกนั ประเมนิ
เกณฑ์การประเมินผล
1. ใบงาน เกณฑผ์ ่านการ 50 % ขน้ึ ไป
2. กจิ กรรมลูกเสอื เกณฑผ์ ่านการ 50 % ขน้ึ ไป
3. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ เกณฑผ์ ่านการ 50 % ขน้ึ ไป
4. เกณฑผ์ ่านการสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล ตอ้ งไมม่ ชี ่องปรบั ปรุง
5. เกณฑผ์ า่ นการประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลุ่ม คอื ปานกลาง (50 % ขน้ึ ไป)
6. เกณฑผ์ ่านการสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50% ขน้ึ ไป)
7. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คะแนนขน้ึ อยกู่ บั การ
ประเมนิ ตามสภาพจรงิ
กิจกรรมเสนอแนะ
ใหล้ ูกเสอื วสิ ามญั และเนตรนารี สาธติ พธิ กี ารลกู เสอื วสิ ามญั และเนตรนารี
63
ใบงานที่ 8.1
เรอ่ื ง การปฐมนิเทศ, พิธีการลูกเสือวิสามญั
ชอ่ื ...............................................นามสกลุ .......................................เลขท.่ี .............ชนั้ ................
ผลการเรียนร้ทู ่ีคาดหวงั : เพอ่ื ใหล้ ูกเสอื วสิ ามญั มคี วามสามารถจดั เตรยี มสถานท่ี อุปกรณ์และปฏบิ ตั พิ ธิ กี าร
ลูกเสอื วสิ ามญั ได้
คาสงั่ ใหล้ ูกเสอื แบ่งกลุ่มศกึ ษาแล้วบูรณาการร่วมกนั จดั สถานท่ี อุปกรณ์และขนั้ ตอนของพธิ กี ารต่างๆ ของ
ลูกเสอื วสิ ามญั ตามหวั ขอ้ ดงั ตอ่ ไปน้ี
กลุ่มท่ี 1 จดั แสดงผงั สถานท่ี พธิ ปี ระดบั แถบ 2 สี และประดบั แถบ 3 สี
กลุ่มท่ี 2 จดั อุปกรณ์ พธิ ปี ระดบั แถบ 2 สี และประดบั แถบ 3 สี
กลุ่มท่ี 3 จดั สถานท่ี และอุปกรณ์ สารวจตนเอง
กลุ่มท่ี 4 สาธติ พธิ กี าร สารวจตนเอง หรอื พธิ ปี ระดบั แถบ 2 สี หรอื พธิ ปี ระดบั แถบ 3 สอี ย่างใดอยา่ ง
หน่งึ ทถ่ี นัด
64
แผนการจดั การเรยี นรูแ้ บบบูรณาการท่ี 9 หน่วยท่ี 9
จานวนชวั ่ โมง 2 ช.ม.
รหสั วิชา 20000-2001 กจิ กรรมลกู เสอื วสิ ามญั 1
ชื่อหนว่ ย/เรื่อง ระเบยี บแถว 2
แนวคิด
การฝึกระเบยี บแถวตามขอ้ กาหนดของลูกเสอื มหี ลายประเภท ทงั้ ทเ่ี ป็นระเบยี บแถวส่วนบุคคลและ
ระบบหมู่ การใชแ้ ละไมใ่ ชอ้ าวุธ ลูกเสอื จะตอ้ งปฏบิ ตั งิ านได้ ตอ้ งจาขนั้ ตอนและท่าทางทกุ ประเภทใหไ้ ด้
ผลการเรียนรูท้ ี่คาดหวงั
1. สามารถจดั ระเบยี บแถวในท่าต่างๆ ตามหลกั สตู รได้
2. สามารถสาธติ การสวนสนามได้
3. มกี ารพฒั นาคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ มและคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงคข์ องผสู้ าเรจ็ การศกึ ษา
สานักงานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา ทค่ี รสู ามารถสงั เกตไดข้ ณะทาการสอนในเร่อื ง
3.1 ความมมี นุษยสมั พนั ธ์
3.2 ความมวี นิ ยั
3.3 ความรบั ผดิ ชอบ
3.4 ความซ่อื สตั ยส์ ุจรติ
3.5 ความเชอ่ื มนั ่ ในตนเอง
3.6 การประหยดั
3.7 ความสนใจใฝ่รู้
3.8 การละเวน้ สง่ิ เสพตดิ และการพนนั
3.9 ความรกั สามคั คี
3.10 ความกตญั ญกู ตเวที
สมรรถนะรายวิชา
1. ปฏบิ ตั ติ นตามระเบยี บวนิ ยั คาปฏญิ าณและกฎของลกู เสอื วสิ ามญั
2. วางแผนและปฏบิ ตั กิ จิ กรรมทกั ษะทางลกู เสอื และกจิ กรรมพเิ ศษของลูกเสอื
3. บาเพญ็ ประโยชน์ต่อชมุ ชนและทอ้ งถนิ่ ในสถานการณ์ตา่ งๆ
4. ใชร้ ะบบหมู่ การเป็นผนู้ าผตู้ ามและกระบวนการกลุ่มในการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมลกู เสอื วสิ ามญั
สาระการเรียนรู้
1. การฝึกเป็นบุคคลทา่ ถอื ไมง้ า่ ม
2. การใชไ้ มพ้ ลองหรอื ไมง้ า่ มป้องกนั ตวั
3. การฝึกระเบยี บแถวเป็นหมู่
65
4. การศกึ ษาระเบยี บแถวของกอง
5. การสวนสนาม
กิจกรรมการเรียนรู้
ขนั้ นาเข้าสู่บทเรียน
1. ครูผสู้ อนและผเู้ รยี นสนทนากนั เรอ่ื งการใชอ้ ุปกรณ์ตา่ ง ๆ เพ่อื ฝึก เช่นการฝึกท่าท่าตรง และท่าพกั
ในเวลาถอื ไมง้ ่ามเหมอื นกบั ทา่ มอื เปล่า โดยไมง้ า่ มอยใู่ นท่าเรยี บอาวุธ คอื ลูกเสอื อย่ใู นท่าตรงถอื ไมพ้ ลองหรอื ไม้
ง่ามด้วยมือขวา ต้นไม้พลองหรือไม้ง่ามอยู่ประมาณโคนน้ิวก้อยเท้าขวา ไม้พลองหรอื ไม้ง่ามอยู่ในระหว่าง
น้วิ หวั แม่มอื กบั น้วิ ช้ี น้วิ หวั แมม่ อื จบั ไมพ้ ลองหรอื ไมง้ า่ มชดิ ขวา น้วิ อน่ื อกี 4 น้วิ จบั ไมพ้ ลองหรอื ไมง้ า่ มเฉยี งลงไป
เบอ้ื งล่าง น้วิ เรยี งชดิ กนั ปลายไมพ้ ลองหรอื ไมง้ า่ มอย่ใู นรอ่ งไหล่ขวา ลาไมพ้ ลองหรอื ไมง้ า่ มตงั้ ตรงแนบลาตวั
2. ผเู้ รยี นยกตวั อยา่ งสาหรบั พกั ตามระเบยี บเหมอื นกบั ท่ามอื เปล่า มอื ขวาทถ่ี อื ไมพ้ ลองหรอื ไมง้ า่ มให้
เล่อื นขน้ึ มาเสมอเอว แล้วย่นื ไมพ้ ลองหรอื ไมง้ ่ามไปขา้ งหน้าเฉียงไปทางขวาประมาณ 45 องศา มอื ซ้ายไพลห่ ลงั
โดยแบมอื ตามธรรมชาติ น้วิ เรยี งชดิ กนั
ขนั้ สอน
3. ครูผู้สอนใช้เทคนิคการสอนโดยใช้การบรรยาย (Lecture) เพ่อื ช่วยให้ผุ้เรยี นเกิดการเรยี นรู้ตาม
วตั ถุประสงคท์ ก่ี าหนด โดยการพดู บอก เลา่ อธบิ าย ในสง่ิ ทต่ี อ้ งการสอนแกผ่ เู้ รยี น ใหผ้ เู้ รยี นซกั ถามแลว้ ประเมนิ
การเรยี นรขู้ องผเู้ รยี นดว้ ยวธิ ใี ดวธิ หี น่งึ ซง่ึ มอี งคป์ ระกอบสาคญั ทข่ี าดไมไ่ ดข้ องวธิ สี อน และครผู สู้ อนใชเ้ ทคนคิ การ
อธบิ ายพรอ้ มการสาธติ และฝึกปฏบิ ตั ิ เพ่อื ศกึ ษาในเรอ่ื ง
4. ครผู สู้ อนอธบิ ายและสาธติ ทา่ ตา่ งๆ ในการฝึกระเบยี บแถวลูกเสอื วสิ ามญั
(1) การฝึกเป็นบคุ คลทา่ ถอื ไมง้ า่ ม
(2) การใชไ้ มพ้ ลองหรอื ไมง้ า่ มป้องกนั ตวั
(3) การฝึกระเบยี บแถวเป็นหมู่
(4) การศกึ ษาระเบยี บแถวของกอง
(5) การสวนสนาม
5. ครูผูส้ อนใชว้ ธิ สี อนโดยใชศ้ ูนย์การเรยี น (Learning Center) เป็นวธิ สี อนท่ชี ่วยให้ผู้เรยี นได้เรยี นรู้
ดว้ ยตนเอง และทราบผลการเรยี นรขู้ องตนทนั ทที เ่ี รยี นจบ ชว่ ยใหผ้ เู้ รยี นเกดิ ความกระตอื รอื รน้ ในการเรยี นรู้
6. ครผู สู้ อนแบง่ มมุ ความรอู้ อกเป็น 5 ศนู ยก์ ารเรยี นรู้
6.1 จดั มมุ ความรหู้ รอื ศนู ยก์ ารเรยี นรอู้ อกเป็น 5 ศนู ย์
มมุ ความรทู้ ่ี 1 การฝึกเป็นบุคคลทา่ ถอื ไมง้ า่ ม
มมุ ความรทู้ ่ี 2 การใชไ้ มพ้ ลองหรอื ไมง้ า่ มป้องกนั ตวั
มมุ ความรทู้ ่ี 3 การฝึกระเบยี บแถวเป็นหมู่
มุมความรทู้ ่ี 4 การศกึ ษาระเบยี บแถวของกอง
มุมความรทู้ ่ี 5 การสวนสนาม
66
6.2 ใหผ้ เู้ รยี นศกึ ษาหาความรดู้ ว้ ยตนเองจากศนู ยก์ ารเรยี นหรอื มุมความรู้ ทจ่ี ดั เตรยี มไวข้ า้ งต้น
โดยเน้ือหาสาระและกจิ กรรมท่ใี ชส้ ่อื การสอนหลายๆ อย่างประสมกนั เอาไวใ้ ห้ผเู้ รยี นไดเ้ รียนรดู้ ว้ ยตนเองปกติ
ศูนยก์ ารเรยี นจะมหี ลายศนู ย์ แต่ละศูนย์จะมเี น้อื หาสาระเบด็ เสรจ็ ในตวั เอง ผเู้ รยี นจะหมุนเวยี นกนั เขา้ ศูนยต์ ่างๆ
จนครบทุกศนู ย์ โดยมศี นู ยส์ ารองไวส้ าหรบั ผเู้ รยี นทเ่ี รยี นรไู้ ดเ้ รว็ และทากจิ กรรมเสรจ็ ก่อนคนอ่นื ๆ ผสู้ อนทาหน้าท่ี
เป็นผจู้ ดั เตรยี มศูนย์การเรยี น ใหค้ าแนะนา ช่วยอานวยความสะดวกในการเรยี นรแู้ ก่ผเู้ รยี น และประเมนิ ผลการ
เรยี นรขู้ องผเู้ รยี น
6.3 องคป์ ระกอบสาคญั ในการจดั มมุ ความรมู้ ดี งั น้ี
(1) มชี ุดการเรยี นการสอน ซ่งึ ประกอบดว้ ยเน้ือหาสาระ บตั รคาสงั ่ ในการทากจิ กรรม วสั ดุ
อุปกรณ์ เครอ่ื งมอื และส่อื ทจ่ี าเป็นสาหรบั ทากจิ กรรม รวมทงั้ แบบวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้
(2) มศี ูนย์การเรยี น หรอื มุมความรู้ หรอื สถานท่สี าหรบั กลุ่มผู้เรยี นในการศึกษาและทา
กจิ กรรมต่างๆ ตามทร่ี ะบุไวใ้ นบตั รคาสงั ่
(3) ผเู้ รยี นศกึ ษาและทากจิ กรรมตามศูนยต์ า่ งๆ รว่ มกนั เป็นกลมุ่ หรอื เป็นรายบุคคล จนครบ
ทุกศนู ยห์ รอื ครบทกุ เน้ือหา
(4). ผเู้ รยี นมผี ลการเรยี นรทู้ เ่ี กดิ จากการทากจิ กรรมตา่ งๆ ในศูนย์
7. ใหล้ กู เสอื /หมลู่ กู เสอื ฝึกปฏบิ ตั ริ ะเบยี บแถวท่าตา่ งๆ ตามทผ่ี ปู้ ระเมนิ กาหนด
ขนั้ สรปุ และการประยุกต์
8. ครูผู้สอนให้ผู้เรยี นระดมสมองช่วยกนั คดิ หาคาตอบแล้วอธบิ ายคาตอบให้เพ่ือนทุกคนในกลุ่มของ
ตนเองเขา้ ใจ ครใู ชว้ ธิ สี ุ่มผเู้ รยี นทกุ กลมุ่ ตอบคาถามและอธบิ ายใหเ้ พ่อื นฟังทงั้ ชนั้ เรยี น ครสู รุปเน้อื หาเกย่ี วกบั การ
เลอื กลุม่ ตวั อยา่ งอกี ครงั้ โดยใชแ้ ผ่นใสประกอบ
สื่อและแหลง่ การเรยี นรู้
1. หนังสอื เรยี น วชิ า 2000-2001 กจิ กรรมลูกเสอื วสิ ามญั 1 ของสานกั พมิ พเ์ อมพนั ธ์
2. สอ่ื แผ่นใส
3. อนิ เทอรเ์ นต็
4. กจิ กรรมและใบงาน
หลกั ฐาน
1. บนั ทกึ การสอน
2. ใบเชค็ ช่อื
3. แผนจดั การเรยี นรู้
การวดั ผลและการประเมินผล
วิธีวดั ผล
1. ใบงาน
2. กจิ กรรมลูกเสอื
67
3. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้
4. สงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล
5. ประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลุ่ม
6. สงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม
7. การสงั เกตและประเมนิ พฤตกิ รรมดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นยิ ม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
เคร่ืองมอื วดั ผล
1. ใบงาน
2. กจิ กรรมลกู เสอื
3. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้
4. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล
5. แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม
6. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ โดยรว่ มกนั ประเมนิ
เกณฑ์การประเมินผล
1. ใบงาน เกณฑผ์ า่ นการ 50 % ขน้ึ ไป
2. กจิ กรรมลูกเสอื เกณฑผ์ า่ นการ 50 % ขน้ึ ไป
3. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ เกณฑผ์ า่ นการ 50 % ขน้ึ ไป
4. เกณฑผ์ ่านการสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล ตอ้ งไมม่ ชี ่องปรบั ปรงุ
5. เกณฑผ์ า่ นการประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50 % ขน้ึ ไป)
6. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50% ขน้ึ ไป)
7. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คะแนนขน้ึ อยกู่ บั การ
ประเมนิ ตามสภาพจรงิ
68
กิจกรรมเสนอแนะ
ใหล้ ูกเสอื วสิ ามญั ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมดงั น้ี
***เกม กระต่ายกระแต***
1. วตั ถปุ ระสงคข์ องเกม
เพ่อื ฝึกความวอ่ งไว
เพอ่ื ฝึกประสาทการไดย้ นิ
2. จานวนผ้เู ลน่
ตงั้ แต่ 10-30 คน
3. การจดั กลุ่มการเล่น
จดั เป็น 2 กลมุ่ ๆ ละ เท่าๆ กนั (เป็นฝ่ายกระต่าย และฝ่ายกระแต)
4. กติกา
ฝ่ายใดถกู จบั เป็นเชลยน้อยทส่ี ดุ เป็นฝ่ายประสบความสาเรจ็
5. วิธีเล่น
5.1 ผนู้ าเกมแบง่ ฝ่ายผเู้ ลน่ เป็น 2 ฝ่าย (ฝ่ายกระตา่ ย และฝ่ายกระแต)
5.2 ผนู้ าเกมกาหนดเสน้ หลงั ของแตล่ ะฝ่าย ห่างประมาณ 6-10 เมตร เป็นเสน้ ปลอดภยั
5.3 ผเู้ ล่นทงั้ 2 ฝ่าย ยนื หนั หน้าเขา้ หากนั ห่างกนั ประมาณ 2 เมตร
5.4 ผนู้ าเกมให้สญั ญาเรมิ่ เล่น โดยผนู้ าจะขานคาว่า “กระต่าย” หรอื “กระแต” ฝ่ ายใดท่ถี ูกขาน
เรยี กฝ่ ายนัน้ จะเป็นผู้วงิ่ ไล่จบั ฝ่ ายตรงขา้ มจะเป็นฝ่ ายหนี เขา้ เส้นปลอดภยั หรอื เสน้ หลงั หากถูกแตะตวั ก่อน
จะต้องถูกออกจากการเล่น หรอื จะตอ้ งเป็นพวกของฝ่ายแตะตวั ผเู้ ล่น เม่อื เสรจ็ สน้ิ เกมฝ่ายใดเหลอื น้อยหรอื ถูก
จบั เป็นเชลยมาก ถอื เป็นฝ่ายลม้ เหลว
69
นิทานเร่ือง เช่ือคาแนะนา
ลงุ นิด อายุ 83 ปี มสี ุภาพแขง็ แรง ลุงไปหาหมอตรวจสขุ ภาพร่างกายเป็นประจาทกุ ปี ปีน้ลี ุงไป
หาหมอกอ่ นกาหนด โดยใหเ้ หตุผลกบั คณุ หมอว่า
“ผมกาลงั จะแตง่ งานใหม่” ลงุ บอกตามตรง “เจา้ สาวลุงอายแุ ค่สบิ แปด”
หมอไดฟ้ ังลุงนดิ กพ็ ยายามทกั ทว้ ง โดยใหเ้ หตผุ ลว่าถงึ แมส้ ุขภาพของลงุ นดิ ยงั แขง็ แรงดี แต่ไมค่ วร
ประมาทโดยเฉพาะกบั สาวรนุ่ วยั กาดดั ไมว่ า่ คุณหมอจะอา้ งเหตผุ ลอยา่ งไร ลงุ นิดกย็ งั ยนื ยนั ทจ่ี ะแต่งงาน
เหมอื นเดมิ
“คณุ หมอมคี าแนะนาอยา่ งอน่ื ไหม”
คุณหมอนงิ่ อยคู่ ร่หู นง่ึ แลว้ จงึ แนะนาวา่
“เอาอย่างน้นี ะลุง เพอ่ื ชวี ติ แตง่ งานทร่ี าบรน่ื ลงุ ควรจา้ งพยาบาลพเิ ศษไวค้ อยดแู ลสุขภาพอย่าง
ใกลช้ ดิ แลว้ กนั ” ลุงนดิ รบั คาแลว้ ลากลบั
หกเดอื นต่อมา เมอ่ื ลงุ นิดมาพบหมออกี ครงั้ แกรบี ปราดเขา้ ไปทกั ทายหมอดว้ ยความปรดี า
ปราโมทย์
“หมอจะไมแ่ สดงความยนิ ดกี บั ผมหน่อยหรอื ครบั เวลาน้ภี รรยาผมทอ้ งแลว้ นะ”
“แลว้ ลงุ จา้ งพยาบาลพเิ ศษไวค้ อยดแู ลสุขภาพหรอื เปล่า” หมอถาม
“ผมทาตามทห่ี มอแนะนานนั่ แหละ ตอนน้พี ยาบาลพเิ ศษกก็ าลงั ทอ้ งเหมอื นกนั นะหมอ” (ฮา...)
ขอ้ คิดและการนาไปใช้
การเช่ือฟังและการปฏิบตั ิตามบางครงั้ ประสบผลสาเรจ็ จนคาดไม่ถึง
ยามกงั หนั ต้องลม
ยามกงั หนั ตอ้ งลม เป็นวงกลมเมอ่ื ลมโชยมา มองดเู หน็ สุรยิ า (ซา้ )
จากฟากฟ้ามาส่แู ดนดนิ (ซา้ )
พาไปเท่ียว
พวกเราจะไปรถไฟ พวกเราจะไปรถยนต์
พวกเราจะไปไอพ่น พวกเราทกุ คนจะไปไอพน่
จะไปรถยนต์ จะไปรถไฟ ฉกึ ฉกั ป้ินๆ บน้ึ ๆ
70
ใบงานที่ 9.1
เร่ือง ระเบยี บแถว (2)
ช่อื ...............................................นามสกลุ .......................................เลขท.่ี .............ชนั้ ................
ผลการเรียนร้ทู ่ีคาดหวงั : เพอ่ื ใหล้ กู เสอื ปฏบิ ตั ติ ามระเบยี บแถวต่างๆ
คาชี้แจง 1. ใหผ้ ปู้ ระเมนิ เลอื กท่าฝึกมาประเมนิ
2. ใชก้ ารประเมนิ ไดท้ งั้ ระดบั รายบคุ คลและหมลู่ กู เสอื
คาสงั่ ใหล้ ูกเสอื /หมลู่ กู เสอื ฝึกปฏบิ ตั ริ ะเบยี บแถวท่าตา่ งๆ ตามทผ่ี ปู้ ระเมนิ กาหนด
ชื่อบุคคล/หมู่ ท่าฝึ ก ผลการประเมิน
ผา่ น ไมผ่ ่าน
ลงช่อื
ผปู้ ระเมนิ
71
แผนการจดั การเรยี นรูแ้ บบบูรณาการที่ 10 หน่วยท่ี -
จานวนชวั ่ โมง 2 ช.ม.
รหสั วิชา 20000-2001กจิ กรรมลกู เสอื วสิ ามญั 1
ชือ่ หนว่ ย/เรือ่ ง ทบทวน/สอบกลางภาคเรียน
แนวคิด
-
ผลการเรียนรูท้ ีค่ าดหวงั
1. เพอ่ื ใหเ้ กดิ การเรยี นรตู้ ามเน้อื หาสาระ
2. มกี ารพฒั นาคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นยิ ม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงคข์ องผสู้ าเรจ็ การศกึ ษา
สานกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา ทค่ี รสู ามารถสงั เกตไดข้ ณะทาการสอนในเรอ่ื ง
2.1 ความมมี นุษยสมั พนั ธ์
2.2 ความมวี นิ ยั
2.3 ความรบั ผดิ ชอบ
2.4 ความซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ
2.5 ความเชอ่ื มนั ่ ในตนเอง
2.6 การประหยดั
2.7 ความสนใจใฝ่รู้
2.8 การละเวน้ สงิ่ เสพตดิ และการพนนั
2.9 ความรกั สามคั คี
2.10 ความกตญั ญกู ตเวที
สมรรถนะรายวิชา
5. ปฏบิ ตั ติ นตามระเบยี บวนิ ัย คาปฏญิ าณและกฎของลูกเสอื วสิ ามญั
6. วางแผนและปฏบิ ตั กิ จิ กรรมทกั ษะทางลกู เสอื และกจิ กรรมพเิ ศษของลูกเสอื
7. บาเพญ็ ประโยชน์ต่อชมุ ชนและทอ้ งถนิ่ ในสถานการณต์ ่างๆ
8. ใชร้ ะบบหมู่ การเป็นผนู้ าผตู้ ามและกระบวนการกล่มุ ในการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมลูกเสอื วสิ ามญั
สาระการเรยี นรู้
ทบทวน/สอบกลางภาคเรียน
72
แผนการจดั การเรยี นรูแ้ บบบรู ณาการท่ี 11 หน่วยที่ 10
รหสั วิชา 20000-2001 กจิ กรรมลกู เสอื วสิ ามญั 1 จานวนชวั ่ โมง 2 ช.ม.
ช่ือหน่วย/เรื่อง เง่ือนเชือก
แนวคิด
ลูกเสือทุกคนจะต้องผูกเง่อื นเชอื กเป็น และสามารถนาเง่อื นเชอื กไปใช้ประโยชน์ในชีวติ ประจาวนั ได้
การใชเ้ ง่อื นเชอื กน้ีลูกเสอื จะตอ้ งรจู้ กั นาไปใชใ้ หเ้ หมาะสมกบั วตั ถุประสงค์ สอดคลอ้ งกบั วสั ดุอุปกรณ์ เพอ่ื จะไดร้ บั
ประโยชน์อยา่ งเตม็ ท่ี
ผลการเรียนรูท้ ี่คาดหวงั
1. บอกประโยชน์ของเชอื กทม่ี ตี ่อกจิ กรรมลูกเสอื ได้
2. มกี ารพฒั นาคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงคข์ องผสู้ าเรจ็ การศกึ ษา
สานกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา ทค่ี รสู ามารถสงั เกตไดข้ ณะทาการสอนในเรอ่ื ง
2.1 ความมมี นุษยสมั พนั ธ์
2.2 ความมวี นิ ยั
2.3 ความรบั ผดิ ชอบ
2.4 ความซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ
2.5 ความเช่อื มนั ่ ในตนเอง
2.6 การประหยดั
2.7 ความสนใจใฝ่รู้
2.8 การละเวน้ สงิ่ เสพตดิ และการพนนั
2.9 ความรกั สามคั คี
2.10 ความกตญั ญกู ตเวที
สมรรถนะรายวิชา
1. ปฏบิ ตั ติ นตามระเบยี บวนิ ัย คาปฏญิ าณและกฎของลูกเสอื วสิ ามญั
2. วางแผนและปฏบิ ตั กิ จิ กรรมทกั ษะทางลกู เสอื และกจิ กรรมพเิ ศษของลูกเสอื
3. บาเพญ็ ประโยชน์ตอ่ ชมุ ชนและทอ้ งถนิ่ ในสถานการณต์ ่างๆ
4. ใชร้ ะบบหมู่ การเป็นผนู้ าผตู้ ามและกระบวนการกลุ่มในการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมลกู เสอื วสิ ามญั
สาระการเรียนรู้
1. คุณสมบตั ขิ องเชอื กทจ่ี ะนามาใชใ้ นการทาเงอ่ื นเชอื ก
2. ประโยชน์ของเงอ่ื นเชอื ก
3. เงอ่ื นชนดิ ตา่ งๆ
73
กิจกรรมการเรยี นรู้
ขนั้ นาเขา้ สู่บทเรียน
1. ครูผู้สอนกล่าวว่าเชือกเป็นอุปกรณ์สาคัญอย่างหน่ึงของเคร่อื งแบบลูกเสือ เพราะสามารถใช้
ประโยชน์ได้ในยามจาเป็น การใช้เชอื กใหเ้ กดิ ประโยชน์เตม็ ทน่ี ัน้ ลูกเสอื ทุกคนจะต้องผูกเง่อื นชนิดต่างๆ เป็น
และเชอื กทจ่ี ะนามาใชท้ าเป็นเงอ่ื นต่างๆ ไดด้ จี ะตอ้ งมคี ุณสมบตั ดิ งั น้ี
- เป็นเชอื กชนิดทม่ี เี กลยี ว 3 เสน้ พนั รวมเป็นเสน้ เดยี วกนั
- เป็นเชอื กทท่ี าดว้ ยป่านมนลิ า หรอื ปอ ไมใ่ ช่เชอื กไนลอน
- มคี วามยาวประมาณ 3 เมตร
2. ผเู้ รยี นบอกประโยชน์ของเงอ่ื นเชอื ก ดงั น้ี
ใชส้ าหรบั ต่อเชอื กซง่ึ มขี นาดเทา่ กนั ไดแ้ ก่ เงอ่ื นพริ อด เงอ่ื นประมง
-ใชส้ าหรบั ต่อเชอื กซง่ึ มขี นาดตา่ งกนั ไดแ้ ก่ เงอ่ื นขดั สมาธิ
-ใชส้ าหรบั เป็นบว่ งคลอ้ งคน สตั ว์ เพอ่ื ดงึ ขน้ึ ทส่ี งู หรอื คลอ้ งชว่ ยคนตกน้า ไดแ้ ก่ เงอ่ื นบว่ งสายธนู
-ใชส้ าหรบั ผกู มดั วตั ถตุ ่างๆ
-ใชส้ าหรบั ทาบนั ไดฉุกเฉนิ ไดแ้ ก่ เงอ่ื นปมตาไก่
-ใชส้ าหรบั ผกู เพอ่ื เล่อื นใหต้ งึ หรอื หยอ่ นไดต้ ามตอ้ งการ ไดแ้ ก่ เงอ่ื นผกู รงั้
-ใชส้ าหรบั ผกู มดั สงิ่ ของใหแ้ น่น เพ่อื ใชใ้ นการทางานบุกเบกิ
ขนั้ สอน
3. ครผู สู้ อนอธบิ ายคุณสมบตั ขิ องเชอื กทจ่ี ะนามาใชใ้ นการทาเงอ่ื นเชอื ก และประโยชน์ของเงอ่ื นเชอื ก
โดยใชส้ อ่ื แผน่ ใสและรปู ภาพประกอบการอธบิ าย
4. ครผู สู้ อนอธบิ ายและสาธติ เงอ่ื นชนิดต่างๆ
เง่อื นพิรอด วิธีที่ 1
ขนั้ ท่ี 1 ใชป้ ลายเชอื กดา้ นซา้ ยทบั ปลายเชอื กดา้ นขวา
ขนั้ ท่ี 2 สอดปลายเชอื กดา้ นซา้ ยลอดใตเ้ สน้ เชอื กดา้ นขวา แลว้ ตงั้ ปลายเชอื กขน้ึ
74
ขนั้ ท่ี 3 รวบปลายเชอื กเขา้ หากนั โดยใหด้ า้ นขวาทบั ดา้ นซา้ ย
ขนั้ ท่ี 4 สอดปลายเชอื กดา้ นขวาลอดใตเ้ สน้ ซา้ ยแลว้ จดั เงอ่ื นใหเ้ รยี บรอ้ ย
วิธีที่ 2
ขนั้ ท่ี 1 ทาปลายเชอื กขา้ งซา้ ยใหเ้ ป็นบว่ ง แลว้ ใชป้ ลายเชอื กดา้ นขวาสอดขน้ึ ในบว่ ง
ขนั้ ท่ี 2 พบั ปลายเชอื กดา้ นขวาออ้ มดา้ นหลงั ของบว่ ง
ขนั้ ท่ี 3 สอดปลายเชอื กดา้ นขวาลงในบว่ ง แลว้ จดั เงอ่ื นใหเ้ รยี บรอ้ ย
2. เงอื่ นขดั สมาธิ
ขนั้ ท่ี 1 งอเชอื กดา้ นซา้ ยใหเ้ ป็นบ่วง ถา้ เป็นการตอ่ เชอื กเสน้ ใหญก่ บั เสน้ เลก็ ใหง้ อเชอื กเสน้ ใหญ่
ใหเ้ ป็นบว่ ง แลว้ สอดปลายเสน้ เลก็ เขา้ ในบ่วงทางดา้ นลา่ ง
ขนั้ ท่ี 2 มว้ นปลายเชอื กเสน้ เลก็ ออ้ มดา้ นหลงั บว่ ง
ขนั้ ท่ี 3 พบั ปลายเสน้ เลก็ ขน้ึ แลว้ สอดเขา้ ไปในบว่ งใหล้ อดเสน้ เลก็ อกี ครงั้ หนง่ึ แลว้ จดั เงอ่ื นใหเ้ รยี บรอ้ ย
3. เงื่อนผกู กระหวดั ไม้
ขั้นท่ี 1 ใช้ เชือกค ล้ องห ลักห รือไม้ ห รือวัต ถุ ท่ี ต้ องการจะผู ก โดยให้ ป ลาย เชื อกอยู่
ดา้ นบนของเสน้ เชอื ก
ขนั้ ท่ี 2 สอดปลายเชอื กลอดใตเ้ สน้ เชอื ก
ขนั้ ท่ี 3 ดงึ ปลายเชอื กขา้ มบว่ งและตวั เชอื ก
75
ขนั้ ท่ี 4 สอดปลายเชอื กลอดใตต้ วั เชอื ก โดยใหป้ ลายเชอื กนนั้ เลยไปขา้ มเสน้ บว่ ง
4. เงื่อนบว่ งสายธนู
ขนั้ ท่ี 1 ทาเชอื กใหเ้ ป็นบ่วงดงั ภาพ
ขนั้ ท่ี 2 สอดปลายเชอื กเขา้ ไปในบ่วงจากดา้ นลา่ ง
ขนั้ ท่ี 3 ออ้ มปลายเชอื กไปดา้ นหลงั เสน้ เชอื ก แลว้ สอดปลายกลบั ลงไปในบว่ งแลว้ จดั เงอ่ื นใหเ้ รยี บรอ้ ย
5. เงือ่ นตะกรดุ เบด็
วิธีที่ 1 ใชเ้ มอ่ื สามารถทาเป็นบ่วงสวมวตั ถุทต่ี อ้ งการผกู ได้
ขนั้ ท่ี 1 ทาเชอื กใหเ้ ป็นบว่ งสองบว่ งสลบั กนั ดงั ภาพ
ขนั้ ท่ี 2 เล่อื นบว่ งใหซ้ อ้ นทบั กนั จนเหน็ เป็นบว่ งเดยี ว
ขนั้ ท่ี 3 นาบ่วงทไ่ี ดไ้ ปสวมวตั ถทุ ต่ี อ้ งการจะผกู แลว้ ดงึ ปลายเชอื กใหบ้ ว่ งรดั วตั ถุนนั้ ใหแ้ น่น
วธิ ที ี่2 เม่อื ไม่สามารถนาบว่ งไปสวมกบั วตั ถทุ ต่ี อ้ งการผกู ได้
ขนั้ ท่ี 1 ใชป้ ลายเชอื กพาดออ้ มเสาหรอื หลกั แลว้ วกกลบั มาดา้ นหน้าใหป้ ลายเชอื กอย่ใู ตต้ วั เชอื ก
ขนั้ ท่ี 2 ยกปลายเชอื กขน้ึ เตรยี มพาดออ้ มเสาหรอื หลกั อกี 1 รอบ
ขนั้ ท่ี 3 ออ้ มปลายเชอื กไปดา้ นหลงั แลว้ วกกลบั มาลอดเสน้ เดมิ ในดา้ นหน้า
6. เงือ่ นประมง
ขนั้ ท่ี 1 วางเชอื ก 2 เสน้ ทบั กนั ใหป้ ลายเชอื กซอ้ นกนั ดงั ภาพ
76
ขนั้ ท่ี 2 ผกู ปลายเชอื กเสน้ ท่ี 1 รอบเชอื กเสน้ ท่ี 2
ขนั้ ท่ี 3 ผกู ปลายเชอื กเสน้ ท่ี 2 รอบเชอื กเสน้ ท่ี 1
ขนั้ ท่ี 4 ดงึ เชอื กทงั้ 2 เสน้ เพ่อื ใหเ้ งอ่ื นไปชนกนั
ขนั้ สรปุ และการประยุกต์
5. สุ่มใหผ้ เู้ รยี นผกู เง่อื นเชอื กตามแบบทค่ี รผู สู้ อนกาหนด สามารถนาไปประยุกตใ์ ชใ้ นชวี ติ ประจาวนั
ไดอ้ ย่างไรบา้ ง
ส่ือและแหล่งการเรยี นรู้
1. หนงั สอื เรยี น วชิ า 2000-2001 กจิ กรรมลกู เสอื วสิ ามญั 1 ของสานักพมิ พเ์ อมพนั ธ์
2. สอ่ื แผ่นใส
3. อนิ เทอรเ์ นต็
4. กจิ กรรมและใบงาน
หลกั ฐาน
1. บนั ทกึ การสอน
2. ใบเชค็ ชอ่ื
3. แผนจดั การเรยี นรู้
การวดั ผลและการประเมินผล
วิธีวดั ผล
1. ใบงาน
2. กจิ กรรมลูกเสอื
3. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้
4. สงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล
5. ประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม
6. สงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่
7. การสงั เกตและประเมนิ พฤตกิ รรมดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นยิ ม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
เคร่ืองมือวดั ผล
1. ใบงาน
2. กจิ กรรมลกู เสอื
3. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้
4. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล
5. แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม
6. แบบประเมนิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ โดยรว่ มกนั ประเมนิ
77
เกณฑ์การประเมินผล
1. ใบงาน เกณฑผ์ า่ นการ 50 % ขน้ึ ไป
2. กจิ กรรมลกู เสอื เกณฑผ์ ่านการ 50 % ขน้ึ ไป
3. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ เกณฑผ์ ่านการ 50 % ขน้ึ ไป
4. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล ตอ้ งไมม่ ชี ่องปรบั ปรุง
5. เกณฑผ์ า่ นการประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกล่มุ คอื ปานกลาง (50 % ขน้ึ ไป)
6. เกณฑผ์ ่านการสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50% ขน้ึ ไป)
7. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คะแนนขน้ึ อย่กู บั การ
ประเมนิ ตามสภาพจรงิ
กิจกรรมเสนอแนะ
ใหล้ ูกเสอื วสิ ามญั ฝึกการผกู เงอ่ื นเชอื กในลกั ษณะต่าง ๆ
78
ใบงานที่ 10.1
เรือ่ ง เงอ่ื นเชือก
ช่อื ...............................................นามสกลุ .......................................เลขท.่ี .............ชนั้ ................
ผลการเรยี นร้ทู ่ีคาดหวงั : เพ่อื ใหล้ ูกเสอื รจู้ กั ประโยชน์และผกู เงอ่ื นเชอื กแบบต่างๆ ไดแ้ ละนาไปประยุกตใ์ ช้
คาชี้แจง แบบประเมนิ น้ใี ชก้ บั ระดบั รายบุคคล/หมลู่ ูกเสอื และทดสอบหลงั จากจบบทเรยี นเรอ่ื งเงอ่ื นเชอื กทงั้ หมด
คาสงั่ 1. ใหล้ กู เสอื (เป็นหม่/ู รายบุคคล) ผกู เงอ่ื นเชอื กประเภทตา่ งๆ
2. ใหห้ ม่ลู กู เสอื จดั ทาโมเดล หอคอย สะพานประเภทตา่ งๆ หรอื เสาธงลอย อยา่ งใด อย่างหน่ึงโดยใช้
ไมไ้ ผ่
ช่อื (รายบคุ คล/หมทู่ )่ี …………………………………………………………………………………..
ประเภทเงือ่ น ประโยชน์ ผลการปฏิบตั ิ
ผา่ น ไม่ผ่าน
1. พริ อด
2. ขดั สมาธิ
3. ผกู กระหวดั ไม้
4. บ่วงสายธนู
5. ตะกรุดเบด็
6. ประมง
7. ผกู ซุง
8. ผกู รงั้
9. ปมตาไก่
10. การผกู แน่น
11. การผกู กากบาท
12. การผกู ประกบ
13. การผกู ประกบ 3 ท่อน
(ลงชอ่ื ผกู้ ากบั /นายหม่)ู ………………………………………
ผปู้ ระเมนิ
79
แผนการจดั การเรียนรูแ้ บบบรู ณาการท่ี 12 หน่วยท่ี 10
รหสั วิชา 20000-2001 กจิ กรรมลูกเสอื วสิ ามญั 1 จานวนชวั ่ โมง 2 ช.ม.
ช่อื หน่วย/เร่อื ง เง่ือนเชือก
แนวคิด
ลูกเสือทุกคนจะต้องผูกเง่อื นเชอื กเป็น และสามารถนาเง่อื นเชอื กไปใช้ประโยชน์ในชวี ติ ประจาวนั ได้
การใชเ้ งอ่ื นเชอื กน้ีลูกเสอื จะตอ้ งรจู้ กั นาไปใชใ้ หเ้ หมาะสมกบั วตั ถุประสงค์ สอดคลอ้ งกบั วสั ดุอุปกรณ์ เพอ่ื จะไดร้ บั
ประโยชน์อยา่ งเตม็ ท่ี
ผลการเรียนรูท้ ี่คาดหวงั
2. ผกู เงอ่ื นประเภทต่างๆ ได้
3. มกี ารพฒั นาคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงคข์ องผสู้ าเรจ็ การศกึ ษา
สานกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา ทค่ี รสู ามารถสงั เกตไดข้ ณะทาการสอนในเร่อื ง
3.1 ความมมี นุษยสมั พนั ธ์
3.2 ความมวี นิ ยั
3.3 ความรบั ผดิ ชอบ
3.4 ความซ่อื สตั ยส์ ุจรติ
3.5 ความเช่อื มนั ่ ในตนเอง
3.6 การประหยดั
3.7 ความสนใจใฝ่รู้
3.8 การละเวน้ สง่ิ เสพตดิ และการพนนั
3.9 ความรกั สามคั คี
3.10 ความกตญั ญกู ตเวที
สมรรถนะรายวิชา
1. ปฏบิ ตั ติ นตามระเบยี บวนิ ัย คาปฏญิ าณและกฎของลกู เสอื วสิ ามญั
2. วางแผนและปฏบิ ตั กิ จิ กรรมทกั ษะทางลูกเสอื และกจิ กรรมพเิ ศษของลูกเสอื
3. บาเพญ็ ประโยชน์ตอ่ ชมุ ชนและทอ้ งถนิ่ ในสถานการณ์ตา่ งๆ
4. ใชร้ ะบบหมู่ การเป็นผนู้ าผตู้ ามและกระบวนการกล่มุ ในการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมลกู เสอื วสิ ามญั
สาระการเรียนรู้
3. เงอ่ื นชนดิ ต่างๆ (ตอ่ )
80
กิจกรรมการเรียนรู้
ขนั้ นาเขา้ สู่บทเรียน
1. ครผู สู้ อนทบทวนการผกู เงอ่ื นเชอื กในลกั ษณะต่างๆ ทศ่ี กึ ษาในสปั ดาห์ทผ่ี ่านมา โดยสุ่มผเู้ รยี นบาง
คนออกมาผกู เงอ่ื นเชอื กตามทค่ี รผู สู้ อนระบุ
2. ผเู้ รยี นทดลองผกู เงอ่ื นเชอื กแบบผกู ซุง ดงั น้ี
วิธีผกู
ขนั้ ท่ี 1 ใชเ้ ชอื กพนั รอบวตั ถุทต่ี อ้ งการจะผกู
ขนั้ ท่ี 2 งอปลายเชอื กเป็นบว่ งแลว้ สอดเขา้ ใตต้ วั เชอื กใหป้ ลายตงั้ ขน้ึ
ขนั้ ท่ี 3พนั ปลายเชอื กรอบเสน้ เชอื กทท่ี าบอยบู่ นวตั ถทุ จ่ี ะผกู 3-4 รอบ แลว้ ดงึ ตวั เชอื กเพ่อื ใหเ้ งอ่ื นแน่น
ขนั้ สอน
3. ครผู สู้ อนอธบิ ายและสาธติ การผกู เงอ่ื นชนิดต่างๆ (ตอ่ )
8. เง่ือนผกู รงั้
ขนั้ ท่ี 1 พนั ปลายเชอื กเป็นบว่ งดงั ภาพ
ขนั้ ท่ี 2 ใชป้ ลายเชอื กพนั รอบเสน้ เชอื ก 3 ครงั้ แลว้ สอดปลายเชอื กขน้ึ บน
ขนั้ ท่ี 3 พนั ปลายเชอื กรอบเสน้ เชอื กดา้ นบนอกี 1 รอบสอดปลายเชอื กกลบั ลงมาในบว่ งดา้ นล่าง
9. เง่ือนปมตาไก่
ขนั้ ท่ี 1 มว้ นปลายเชอื กใหเ้ ป็นบ่วงดงั ภาพ
ขนั้ ท่ี 2 สอดปลายเชอื กลอดเขา้ ไปในบว่ งและวางทบบว่ งไปอกี ดา้ นหน่งึ
ขนั้ ท่ี 3 ดงึ ปลายทงั้ สองใหบ้ ว่ งรดู เขา้ หากนั จนเป็นปม
81
10. การผกู แน่น
การผกู ทแยง
ขนั้ ท่ี 1 ใชป้ ลายเชอื กดา้ นหน่งึ คลอ้ งรอบไมก้ ากบาททต่ี อ้ งการจะมดั หรอื ผกู แลว้ ผกู ดว้ ยเงอ่ื นผกู ซงุ ก่อน
ขนั้ ท่ี 2 ดงึ ปลายเชอื กลงทางขวา เพ่อื ใหเ้ งอ่ื นแน่น แลว้ พนั รอบไมท้ งั้ สอง 3-4 รอบ
ขนั้ ท่ี 3 พนั เชอื กทแยงรอบไมก้ ากบาทอกี ดา้ นหน่งึ 3 รอบ
ขนั้ ท่ี 4 พนั หกั คอไก่ 3 รอบ
ขนั้ ท่ี 5 จบลงดว้ ยเงอ่ื นตะกรดุ เบด็ บนไมด้ า้ นหน่งึ
11. การผกู กากบาท
ขนั้ ท่ี 1 ผกู เงอ่ื นตะกรดุ เบด็ ใตไ้ มก้ ากบาท
ขนั้ ท่ี 2 สอดปลายเชอื กไปพนั รอบตวั เชอื ก 3-5 รอบ
ขนั้ ท่ี 3 ออ้ มเชอื กไปใต้ไมอ้ นั ขวางทางดา้ นขวาหรอื ซ้าย แลว้ ดงึ ขน้ึ เหนือไมอ้ นั ขวาง แลว้ พนั ออ้ มไป
ดา้ นหลงั
ขนั้ ท่ี 4 ดงึ เชอื กออ้ มมาทางดา้ นหนา้ พนั ลงใตไ้ มอ้ นั ขวาง ดงึ ออ้ มไปดา้ นหลงั ไมอ้ นั ตงั้ ไปทางดา้ นขวา
แลว้ ดงึ เชอื กพาดไมอ้ นั ขวางทางขวา แลว้ พนั ตงั้ ตน้ ใหมป่ ระมาณ 3-4 รอบ
82
ขนั้ ท่ี 5 พนั หกั คอไก่ 3 รอบ แลว้ ผกู ปลายเชอื กดว้ ยเงอ่ื นตะกรดุ เบด็ ทไ่ี มอ้ นั ขวาง
12. การผกู ประกบ
ขนั้ ท่ี 1 เอาไมท้ จ่ี ะต่อกนั วางขนานกนั โดยใหส้ ว่ นทจ่ี ะผกู วางซอ้ นกนั ประมาณ 1/4 ของความยาว
ขนั้ ท่ี 2 เอาเชอื กผกู เงอ่ื นตะกรุดเบด็ ทเ่ี สาต้นหน่งึ แลว้ บดิ ปลายเชอื กเขา้ กบั ตวั เชอื ก ทาเหมอื นกนั
กบั เสาอกี ตน้ หน่ึง ใชล้ ม่ิ ขนาดเทา่ ตวั เชอื กคนั ่ ระหวา่ งเสา
ขนั้ ท่ี 3 พนั เชอื กรอบเสาทงั้ สองตน้ ใหเ้ ชอื กเรยี งกนั ใหไ้ ดค้ วามกวา้ งเทา่ กบั ความกวา้ งของไมท้ งั้ สอง
อนั สอดเชอื กเขา้ กลางระหวา่ งไมท้ งั้ สองเพอ่ื เตรยี มพนั หกั คอไก่
ขนั้ ท่ี 4 พนั หกั คอไก่โดยสอดเชอื กในระหว่างไม้ พนั รอบเชอื กทพ่ี นั อย่เู ดมิ ดงึ ลม่ิ ออกรดั หกั คอ
ไกใ่ หแ้ น่น
ขนั้ ท่ี 5 ผกู ปลายเชอื กดว้ ยเงอ่ื นตะกรุดเบด็ ทไ่ี มค้ นละอนั กบั อนั ขน้ึ ตน้
13. การผกู ประกบ 3 ท่อน
เรม่ิ ดว้ ยผูกตะกรุดเบด็ ทเ่ี สาตน้ กลาง บดิ ปลายเชอื กเขา้ กบั ตวั เชอื ก แลว้ พนั รอบเสาทงั้ สามใหเ้ ชอื ก
เรยี งกนั จนกวา้ งเท่ากบั ความกวา้ งของเสาทงั้ สามตน้ หกั คอไก่รดั เชอื กจนแน่นแลว้ จบลงดว้ ยการผูกตะกรุดเบด็
ทเ่ี สาตน้ รมิ
ขนั้ สรปุ และการประยุกต์
6. สุ่มผเู้ รยี นใหผ้ กู เงอ่ื นเชอื กในลกั ษณะตา่ ง ๆ ซง่ึ สามารถนาไปประยุกตใ์ ชใ้ นชวี ติ ประจาวนั ได้
83
ส่ือและแหลง่ การเรียนรู้
1. หนังสอื เรยี น วชิ า 2000-2001 กจิ กรรมลูกเสอื วสิ ามญั 1 ของสานักพมิ พเ์ อมพนั ธ์
2. ส่อื แผน่ ใส
3. อนิ เทอรเ์ น็ต
4. กจิ กรรมและใบงาน
หลกั ฐาน
1. บนั ทกึ การสอน
2. ใบเชค็ ช่อื
3. แผนจดั การเรยี นรู้
การวดั ผลและการประเมินผล
วิธีวดั ผล
1. ใบงาน
2. กจิ กรรมลูกเสอื
3. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้
4. สงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล
5. ประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุม่
6. สงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่
7. การสงั เกตและประเมนิ พฤตกิ รรมดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
เคร่ืองมอื วดั ผล
1. ใบงาน
2. กจิ กรรมลูกเสอื
3. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้
4. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล
5. แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม
6. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ โดยรว่ มกนั ประเมนิ
เกณฑ์การประเมินผล
1. ใบงาน เกณฑผ์ ่านการ 50 % ขน้ึ ไป
2. กจิ กรรมลกู เสอื เกณฑผ์ ่านการ 50 % ขน้ึ ไป
3. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ เกณฑผ์ ่านการ 50 % ขน้ึ ไป
4. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล ตอ้ งไมม่ ชี อ่ งปรบั ปรงุ
5. เกณฑผ์ ่านการประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลุ่ม คอื ปานกลาง (50 % ขน้ึ ไป)
6. เกณฑผ์ ่านการสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50% ขน้ึ ไป)
84
7. แบบประเมนิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คะแนนขน้ึ อย่กู บั การ
ประเมนิ ตามสภาพจรงิ
กิจกรรมเสนอแนะ
1. ใหล้ ูกเสอื วสิ ามญั ผกู เงอ่ื นเชอื กในลกั ษณะตา่ ง ๆ
2. ใหล้ ูกเสอื วสิ ามญั ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมดงั น้ี
- เลน่ เกม การตอ่ ยาว
1. วตั ถุประสงคข์ องเกม
เพอ่ื ทดสอบความรู้
เพอ่ื ฝึกทกั ษะการใชเ้ งอ่ื นเชอื ก
เพ่อื ฝึกความวอ่ งไว และการวางแผน
2. จานวนผเู้ ล่น
ไมจ่ ากดั จานวน
3. การจดั กลมุ่ การเลน่
จดั เป็นกลุ่ม ๆ ละ 6-8 คน
4. กตกิ า
หมใู่ ดผกู เงอ่ื นถูกตอ้ ง เรว็ และยาวทส่ี ุด
เม่ือเสร็จส้ินเกมแต่ละคนแก้เชือกได้เร็ว และเก็บตามหลักวิธีการของลูกเสือได้
เรยี บรอ้ ยและเรว็ ทส่ี ดุ เป็นหมทู่ ป่ี ระสบความสาเรจ็
5. วธิ เี ล่น
5.1 ผเู้ ลน่ เตรยี มเชอื กสาหรบั ผกู เงอ่ื นคนละ 1 เสน้
5.2 ผนู้ าเกมตรวจอุปกรณ์เชอื กผกู เงอ่ื น และใหผ้ เู้ ลน่ เขา้ แถวตอนลกึ
5.3 ผนู้ าเกมกาหนดจดุ เรม่ิ ตน้ ผกู และเงอ่ื นทจ่ี ะใหผ้ เู้ ลน่ ผกู
5.4 ผนู้ าเกมใหส้ ญั ญาณเรม่ิ เลน่ พรอ้ มบอกชอ่ื เงอ่ื นทจ่ี ะใหผ้ กู เรม่ิ ตน้
5.5 ผเู้ ล่นจะวงิ่ ไปผูกเง่อื นเรม่ิ ต้น เม่อื ผูกเสรจ็ วงิ่ กลับมาแตะมอื ผู้เล่นคนท่ี 2 คนท่ี 2 จงึ
จะวง่ิ ไปผูกเงอ่ื นตอ่ ไป โดยไม่ซา้ เงอ่ื นทผ่ี เู้ ล่นคนก่อนผกู ไว้ จบครบผเู้ ล่นในหม่ขู องตนเองหม่ใู ดเสรจ็ ก่อนถูกต้อง
เงอ่ื นไมซ่ า้ กนั จะเป็นหม่ทู ป่ี ระสบความสาเรจ็
85
นิทานเร่ือง ลากบั ดอกไมห้ นาม
ลาตวั หน่งึ ถกู เจา้ นายใชใ้ หแ้ บกตะกรา้ ใส่อาหารจานวนมากไวบ้ นหลงั ของมนั เพ่อื ไปส่งใหพ้ ่อคา้ ตะกรา้
นนั้ หนกั มากจนหลงั ของมนั เจบ็ ไปหมด เม่อื ลาตวั นนั้ เดนิ มาถงึ ดงดอกไมห้ นาม ดว้ ยความเหน่อื ยและความหวิ
ลาจงึ กม้ ลงกนิ ดอกไมห้ นามนัน้ แมห้ นามของดอกไมจ้ ะทมิ่ ตาลาคอของมนั เพยี งใด เม่อื กนิ อมิ่ แลว้ มนั จงึ ราพงึ
กบั ตวั เองวา่
“ดเู อาเถดิ แมเ้ ราจะบรรทุกอาหารชนั้ ดมี ามากมาย แต่อาหารเหล่านัน้ กไ็ ม่ไดใ้ หป้ ระโยชน์อะไรแก่เรา
เลย นอกจากจะสรา้ งแต่ความหนักและความเหน่ือยใหเ้ รา สดู้ อกไมห้ นามกไ็ ม่ได้ แมจ้ ะมรี ปู ร่างอปั ลกั ษณ์น่า
เกลยี ด ทงั้ รสกข็ มและทาใหค้ นั คอ แต่มนั กช็ ว่ ยใหเ้ ราหายหวิ ไดม้ ากกวา่ อาหารรสเลศิ บนหลงั ของเราเสยี อกี ”
ระฆงั ใบน้อย
ระฆงั ใบน้อย ในวดั พระแกว้ ดงั ดงิ ด่องดอง
ดงิ ด่องดอง ดง๊ิ ดอ๊ งด๊อง ดง๊ิ ด่องดอง ดง๊ิ ดอ๊ งด๊อง
ดง๊ิ ดอ่ งดอง ดง๊ิ ดอ่ งดงิ ดองดงิ่ ดอ๊ ง ดง๊ิ ดอ่ งดองดงิ่ ดอง
ดง๊ิ ดอ่ งดงิ ดองดงิ่ ด๊อง ดง๊ิ ด่องดองดง่ิ ดอง
86
แผนการจดั การเรยี นรูแ้ บบบูรณาการที่ 13 หน่วยที่ 11
จานวนชวั่ โมง 2 ช.ม.
รหสั วิชา 20000-2001 กจิ กรรมลูกเสอื วสิ ามญั 1
ชื่อหน่วย/เรื่อง แผนท่ี
แนวคิด
แผนทเ่ี ป็นเคร่อื งมอื ทจ่ี าลองสง่ิ ต่างๆ ในพน้ื ทแ่ี ตล่ ะแห่งใหง้ า่ ยต่อการศกึ ษา และเพอ่ื ประโยชน์ในดา้ น
ต่างๆ ลูกเสอื จะตอ้ งอา่ นและเขา้ ใจแผนท่ี เพ่อื นาไปใชป้ ระโยชน์ในชวี ติ ประจาวนั อนั เป็นประโยชน์โดยตรงตอ่
ตนเอง และสงั คมส่วนรวม
ผลการเรียนรูท้ ี่คาดหวงั
1. บอกความหมาย และความสาคญั ของแผนทไ่ี ด้
2. บอกชนิดของแผนทไ่ี ดท้ กุ ชนิด
3. อ่านแผนท่ี และหาจุดทต่ี งั้ ได้
4. บอกประโยชน์ของแผนทไ่ี ด้
5. มกี ารพฒั นาคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นยิ ม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงคข์ องผสู้ าเรจ็ การศกึ ษา
สานักงานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา ทค่ี รสู ามารถสงั เกตไดข้ ณะทาการสอนในเรอ่ื ง
5.1 ความมมี นุษยสมั พนั ธ์
5.2 ความมวี นิ ยั
5.3 ความรบั ผดิ ชอบ
5.4 ความซอ่ื สตั ยส์ ุจรติ
5.5 ความเชอ่ื มนั ่ ในตนเอง
5.6 การประหยดั
5.7 ความสนใจใฝ่รู้
5.8 การละเวน้ สง่ิ เสพตดิ และการพนนั
5.9 ความรกั สามคั คี
5.10 ความกตญั ญกู ตเวที
สมรรถนะรายวิชา
1. ปฏบิ ตั ติ นตามระเบยี บวนิ ัย คาปฏญิ าณและกฎของลกู เสอื วสิ ามญั
2. วางแผนและปฏบิ ตั กิ จิ กรรมทกั ษะทางลกู เสอื และกจิ กรรมพเิ ศษของลูกเสอื
3. บาเพญ็ ประโยชน์ต่อชมุ ชนและทอ้ งถนิ่ ในสถานการณ์ตา่ งๆ
4. ใชร้ ะบบหมู่ การเป็นผนู้ าผตู้ ามและกระบวนการกลมุ่ ในการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมลกู เสอื วสิ ามญั
87
สาระการเรียนรู้
1. ความหมายและความสาคญั ของแผนท่ี
2. ชนดิ ของแผนท่ี
3. องคป์ ระกอบของแผนท่ี
4. การอ่านแผนท่ี
กิจกรรมการเรียนรู้
ขนั้ นาเข้าสู่บทเรยี น
1. ครผู สู้ อนกบั ผเู้ รยี นกลา่ วถงึ แผนท่ี คอื สง่ิ ทจ่ี าลองรายละเอยี ดต่างๆ ทอ่ี ย่บู นพน้ื ผวิ โลก โดยเขยี นลง
บนพน้ื ทร่ี าบตามมาตราสว่ นและสญั ลกั ษณ์ทต่ี อ้ งการ
2. ครูผเู้ รยี นกล่าวถงึ ความสาคญั ของแผนท่ี เพราะเป็นสงิ่ ทแ่ี สดงใหเ้ หน็ ถงึ ความสมั พนั ธข์ องสงิ่ ต่างๆ
ทอ่ี ยู่บนพ้นื ผวิ โลกไดช้ ดั เจน เป็นสงิ่ ท่แี สดงขอ้ มลู ต่างๆ ทเ่ี ก่ยี วกบั โลก เป็นเคร่อื งมอื ทใ่ี ช้ในการศกึ ษาคน้ ควา้
เปรยี บเทยี บสภาพทางภูมศิ าสตรแ์ ละอ่นื ๆ ไดเ้ ป็นอย่างดี และยงั มคี วามสาคญั ทางการเมอื งเก่ยี วกบั การแสดง
อาณาเขต และการวางแผนทางดา้ นยทุ ธศาสตรไ์ ดด้ ว้ ย
3. ผเู้ รยี นยกตวั อย่างแผนทใ่ี นการเดนิ ทางไกลทพ่ี บเหน็ โดยทวั่ ไป โดยแบ่งความสาคญั ของแผนทไ่ี ด้
ดงั น้ี
(1) ทางการเมอื ง เชน่ ชว่ ยในการแบง่ เขตการปกครอง กาหนดเขตพรมแดนระหว่างประเทศ และ
ในทางการทหารกใ็ ชเ้ ป็นเครอ่ื งมอื ในการกาหนดแผนยุทธศาสตร์
(2) ทางเศรษฐกจิ เชน่ กาหนดเขตพฒั นาเศรษฐกจิ อตุ สาหกรรม แผนทก่ี ารวางแผนสรา้ งเขอ่ื น
การวางแผนใชท้ ด่ี นิ เพอ่ื การเกษตรกรรม เป็นตน้
(3) ทางการคมนาคมขนส่ง การเดนิ ทาง ไม่ว่าจะเป็นดว้ ยการเดนิ เท้า ทางเรอื ทางรถยนต์หรอื ทาง
เคร่อื งบนิ กจ็ ะตอ้ งใชแ้ ผนทป่ี ระกอบการเดนิ ทางเพอ่ื ความสะดวก ปลอดภยั และถงึ จุดหมายปลายทางตามตอ้ งการ
ขนั้ สอน
4. ครูผู้สอนใช้เทคนิควิธสี อนโดยใช้ศูนย์การเรยี น (Learning Center) ซ่ึงเป็นเป็นวธิ สี อนท่ชี ่วยให้
ผู้เรยี นสามารถเรยี นรูไ้ ด้ด้วยตนเอง และทราบผลการเรยี นรู้ของตนทนั ทีท่เี รยี นจบ ช่วยให้ผู้เรียนเกิดความ
กระตอื รอื รน้ ในการเรยี นรู้ โดยครผู สู้ อนจดั มุมความรหู้ รอื ศูนยก์ ารเรยี นรจู้ านวน 4 ศนู ย์ ดงั น้ี
ศนู ยก์ ารเรยี นร้ทู ี่ 1 ความหมายและความสาคญั ของแผนท่ี
ศนู ยก์ ารเรียนร้ทู ี่ 2 ชนิดของแผนท่ี
ศนู ยก์ ารเรยี นร้ทู ี่ 3 องคป์ ระกอบของแผนท่ี
ศนู ยก์ ารเรียนร้ทู ี่ 4 การอา่ นแผนท่ี
5. ใหผ้ เู้ รยี นศกึ ษาหาความรดู้ ว้ ยตนเองจากศนู ยก์ ารเรยี นหรอื มุมความรู้ ซง่ึ ผสู้ อนไดจ้ ดั เตรยี มเน้อื หา
สาระและกจิ กรรมทใ่ี ชส้ ่อื การสอนหลายๆ อย่างประสมกนั เอาไวใ้ หผ้ เู้ รยี นไดเ้ รยี นรดู้ ว้ ยตนเอง ปกตศิ ูนยก์ ารเรยี น
จะมหี ลายศูนย์ แต่ละศูนย์จะมเี น้ือหาสาระเบด็ เสร็จในตวั เอง ผูเ้ รยี นจะหมุนเวยี นกนั เขา้ ศูนย์ต่างๆ จนครบทุก
88
ศูนย์โดยมีศูนย์สารองไว้สาหรบั ผู้เรยี นท่เี รยี นรูไ้ ด้เรว็ และทากิจกรรมเสร็จก่อนคนอ่นื ๆ ผู้สอนทาหน้าทเ่ี ป็นผู้
จดั เตรยี มศนู ยก์ ารเรยี น ใหค้ าแนะนา ชว่ ยอานวยความสะดวกแกผ่ เู้ รยี น และประเมนิ ผลการเรยี นรู้
6. ผเู้ รยี นศกึ ษาแผนทด่ี งั น้ี
กิจกรรมท่ี 1 ศึกษาแผนท่ีตามรปู ภาพ
กิจกรรมที่ 2 ศึกษาแผนท่ีตามรปู ภาพ
89
กิจกรรมท่ี 3 ใหเ้ ขยี นพกิ ดั ภูมศิ าสตร์ หรอื ลองจจิ ดู และละตจิ ดู
กิจกรรมที่ 4 ให้เขียนสญั ลกั ษณ์
กิจกรรมท่ี 5 ให้แสดงการหาที่ตงั้ โดยอาศยั พิกดั ตาราง
45 A = 716438
44 A
43
42
41
40
70 71 72 73 74 75 76
90
ขนั้ สรปุ และการประยุกต์
7. ครูใชว้ ธิ สี ุ่มผเู้ รยี นทุกคน/ทุกกลุ่มตอบคาถามและอธบิ ายใหเ้ พ่อื นฟังทงั้ ชัน้ เรยี น พรอ้ มสรุปเน้ือหา
เร่อื งอกี ครงั้ โดยใชแ้ ผ่นใสประกอบ
8. ทากจิ กรรมและทาแบบประเมนิ ผลการเรยี นรูโ้ ดยตรวจคาตอบจากแผ่นใสและประเมนิ ตนเองจาก
แบบประเมนิ ตนเองตามแบบฟอรม์ ต่อไปน้ี
ช่อื ผเู้ รยี น ธรรมชาตขิ องผเู้ รยี น วธิ กี ารเรยี นรู้
ความสนใจ สตปิ ัญญา วุฒภิ าวะ
1.
2.
3.
ชอ่ื ผเู้ รยี น ประสบการณ์พน้ื ฐานการเรยี นรู้ วธิ กี ารเรยี นรู้
ความรู้ ทกั ษะ ผลงาน
1.
2.
3.
สื่อและแหล่งการเรยี นรู้
1. หนังสอื เรยี น วชิ า 2000-2001 กจิ กรรมลกู เสอื วสิ ามญั 1 ของสานกั พมิ พเ์ อมพนั ธ์
2. ส่อื แผน่ ใส
3. อนิ เทอรเ์ นต็
4. กจิ กรรมและใบงาน
หลกั ฐาน
1. บนั ทกึ การสอน
2. ใบเชค็ ช่อื
3. แผนจดั การเรยี นรู้
การวดั ผลและการประเมินผล
วิธีวดั ผล
1. ใบงาน
2. กจิ กรรมลูกเสอื
3. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้
4. สงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล
5. ประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม
6. สงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกล่มุ
7. การสงั เกตและประเมนิ พฤตกิ รรมดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ ม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
91
เคร่ืองมอื วดั ผล
1. ใบงาน
2. กจิ กรรมลกู เสอื
3. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้
4. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล
5. แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุม่
6. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นยิ ม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ โดยรว่ มกนั ประเมนิ
เกณฑก์ ารประเมินผล
1. ใบงาน เกณฑผ์ า่ นการ 50 % ขน้ึ ไป
2. กจิ กรรมลกู เสอื เกณฑผ์ า่ นการ 50 % ขน้ึ ไป
3. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ เกณฑผ์ า่ นการ 50 % ขน้ึ ไป
4. เกณฑผ์ ่านการสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล ตอ้ งไมม่ ชี ่องปรบั ปรุง
5. เกณฑผ์ ่านการประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม คอื ปานกลาง (50 % ขน้ึ ไป)
6. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50% ขน้ึ ไป)
7. แบบประเมนิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ ม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คะแนนขน้ึ อยกู่ บั การ
ประเมนิ ตามสภาพจรงิ
กิจกรรมเสนอแนะ
ให้ลกู เสือวิสามญั ปฏิบตั ิกิจกรรมดงั นี้
***เกม ตาบอดขาเสีย
1. วตั ถปุ ระสงคข์ องเกม
เพอ่ื ใหล้ ูกเสอื เขา้ ใจความรสู้ กึ ของผอู้ ่นื
2. จานวนผ้เู ล่น
ไม่จากดั จานวน
3. การจดั กลุ่มการเลน่
จดั เป็นคู่
4. กติกา
ใชผ้ า้ ผกู ตา ผเู้ ลน่ 1 คน และใชผ้ า้ ผกู ขา 1 ขา้ ง อกี 1 คน สน้ิ สดุ การเล่นเกม ตอ้ งแสดง
ความรสู้ กึ ของแตล่ ะคนแต่ละคู่
5. วิธีเล่น
5.1 ใหแ้ ต่ละคู่ แต่ละคนตกลงกนั ว่าคนใดจะเป็นคนตาบอด และใครจะเป็นคนขาเสยี
5.2 ผนู้ าเกมผกู ผา้ คนทเ่ี ป็นคนตาบอด และใหค้ นตาดยี กขาขน้ึ ขา้ งหน่งึ ไวด้ า้ นหลงั แลว้ ใชผ้ า้ ผกู ขาไว้
5.3 ใหค้ นตาดจี งู คนตาบอดไปทวั่ ๆ บรเิ วณทก่ี าหนดไวภ้ ายในเวลาทก่ี าหนด
5.4 เม่อื สน้ิ สุดเกม ผนู้ าเกมใหผ้ เู้ ล่นเกมเขยี นแสดงความรสู้ กึ ของตนเองวา่ มคี วามรสู้ กึ อยา่ งไร
5.5 ผนู้ าเกมเลอื กใหผ้ เู้ ล่นเกมคนตาบอด และคนขาเสยี นาเสนอความรสู้ กึ ของตนเอง
92
5.6 ผนู้ าเกมสรปุ ความรสู้ กึ ทค่ี วรปฏบิ ตั ติ อ่ ผอู้ น่ื เพมิ่ เตมิ
นิทานเรอ่ื ง ผ้เู สียสละ
เฮลคิ อปเตอร์ หรอื ทเ่ี ราเรยี กกนั สนั้ ๆ ว่า “ฮอ” ของสหประชาชาตลิ าหน่งึ กาลงั เกดิ ปัญหา ขณะ
กาลงั บนิ อย่เู หนอื หบุ เขาและป่าทบึ ผแู้ ทนนานาชาตทิ กุ คนบน “ฮอ” ลานนั้ กาลงั ตกใจและขวญั เสยี
นกั บนิ ประกาศว่า “เรากาลงั มปี ัญหา แตถ่ า้ เราสามารถลดน้าหนกั ลงได้ โดยใหม้ ผี โู้ ดยสารลดลงสกั
5 คน เรากจ็ ะแกไ้ ขสถานการณ์น้ไี ดแ้ น่นอน ผมตอ้ งการผเู้ สยี สละ 5 คน”
ผแู้ ทนจากประเทศญป่ี ่นุ กา้ วมาทป่ี ระตู ตะโกนดว้ ยเสยี งอนั ดงั วา่ “เพ่อื พระมหาจกั รพรรดแิ ละ
ดนิ แดนอาทติ ยอ์ ทุ ยั อนั โชตชิ ่วง” แลว้ กระโดดลอยละลว่ิ ลงไป
ผแู้ ทนจากประเทศจนี ตะโกนกอ้ ง “เพ่อื ทา่ นประธานเหมาเจอ๋ ตงุ ” แลว้ กระโดดส่พู น้ื โลก
ผแู้ ทนจากสหรฐั อเมรกิ าตะโกนสดุ เสยี ง “เพ่อื เสรภี าพอนั ยงิ่ ใหญ่” แลว้ กระโดดออกไปจาก “ฮอ”
ผแู้ ทนจากรสั เซยี รอ้ งก่อนกระโดดวา่ “เพ่อื เลนินสตาลนิ และพรรคคอมมนู ”
ผแู้ ทนจากประเทศไทยพดู เสยี งดงั ใหค้ นทงั้ ลาไดย้ นิ วา่ “เพอ่ื ชาวบา้ นบางระจนั ” แลว้ ถบี ผแู้ ทนจาก
พม่าทย่ี นื ขา้ งๆ กระเดน็ ออกไป ลอยละลวิ่ สพู้ น้ื โลก (ฮา...)
เพลง เดือนดารา
เดอื นดาราเด่นบนฟ้า ดาราขาวผอ่ ง เดน่ บนฟ้าน่ามอง
ควรมาจองครู่ กั กนั เสยี ใหม่ (ซา้ )
หวั อกกระไรราพงึ คดิ ถงึ กระไรราพนั จาไดใ้ ฝ่ฝัน แสงจนั ทรแ์ จ่มฟ้า
เดอื นกห็ งาย ลมพระพายพดั มา หอมชน่ื วญิ ญา ฉนั อยากจะหาค่รู า
93
ใบงานที่ 11.1
เรื่อง แผนที่
ช่อื ...............................................นามสกลุ .......................................เลขท.่ี .............ชนั้ ................
ผลการเรียนรทู้ ่ีคาดหวงั : อ่านและจดั ทาแผนทไ่ี ด้
คาชี้แจง 1. ใหก้ าหนดมาตราส่วนตามความเหมาะสม
2. แสดงตาแหน่งทต่ี งั้ สาคญั ภายในแผนทอ่ี ยา่ งน้อย 5 จุด
คาสงั่ ใหแ้ ต่ละหมจู่ ดั ทาแผนทท่ี ต่ี งั้ ของสถานศกึ ษา
หมู่ที่……………….
ลงชอ่ื …………………………………………….ผปู้ ฏบิ ตั ิ
94
แผนการจดั การเรียนรแู้ บบบูรณาการที่ 14 หน่วยที่ 12
รหสั วิชา 20000-2001 กจิ กรรมสกู เสอื วสิ ามญั 1 จานวนชวั ่ โมง 2 ช.ม.
ช่ือหน่วย/ชื่อเร่อื ง เข็มทิศและการหาเข็มทิศ
แนวคิด
เขม็ ทศิ เป็นเคร่อื งมอื สาคญั ของกจิ กรรมวชิ าลกู เสอื โดยเฉพาะการหาทศิ ในกจิ กรรมการเดนิ ทางไกล
ลูกเสอื จะตอ้ งรจู้ กั และใชเ้ ขม็ ทศิ ใหเ้ ป็น เขม็ ทศิ มหี ลายชนิดแต่ทน่ี ิยมใชก้ นั มากในกจิ กรรมลูกเสอื คอื เขม็ ทศิ
แบบซลิ วา
ผลการเรียนรูท้ ีค่ าดหวงั
1. บอกความหมายและส่วนประกอบของเขม็ ทศิ ได้
2. ใชเ้ ขม็ ทศิ แบบซลิ วาได้
3. ทาแผนทโ่ี ดยสงั เขปจากเขม็ ทศิ ได้
4. สงั เกตทศิ จากสงิ่ แวดลอ้ มได้
5. มกี ารพฒั นาคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ ม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงคข์ องผสู้ าเรจ็ การศกึ ษา
สานักงานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา ทค่ี รสู ามารถสงั เกตไดข้ ณะทาการสอนในเร่อื ง
5.1 ความมมี นุษยสมั พนั ธ์
5.2 ความมวี นิ ยั
5.3 ความรบั ผดิ ชอบ
5.4 ความซ่อื สตั ยส์ จุ รติ
5.5 ความเช่อื มนั ่ ในตนเอง
5.6 การประหยดั
5.7 ความสนใจใฝ่รู้
5.8 การละเวน้ สง่ิ เสพตดิ และการพนนั
5.9 ความรกั สามคั คี
5.10 ความกตญั ญกู ตเวที
สมรรถนะรายวิชา
1. ปฏบิ ตั ติ นตามระเบยี บวนิ ัย คาปฏญิ าณและกฎของลูกเสอื วสิ ามญั
2. วางแผนและปฏบิ ตั กิ จิ กรรมทกั ษะทางลูกเสอื และกจิ กรรมพเิ ศษของลกู เสอื
3. บาเพญ็ ประโยชน์ต่อชมุ ชนและทอ้ งถน่ิ ในสถานการณต์ า่ งๆ
4. ใชร้ ะบบหมู่ การเป็นผนู้ าผตู้ ามและกระบวนการกล่มุ ในการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมลูกเสอื วสิ ามญั
95
สาระการเรียนรู้
1. ความหมายและสว่ นประกอบของเขม็ ทศิ
2. เขม็ ทศิ แบบซลิ วา
3. การทาแผนทส่ี งั เขปโดยใชเ้ ขม็ ทศิ
4. วธิ กี ารสงั เกตทศิ จากสงิ่ แวดลอ้ ม
กจิ กรรมการเรียนรู้
ขนั้ นาเข้าสู่บทเรยี น
1. ครผู สู้ อนและผเู้ รยี นสนทนากนั เรอ่ื งเขม็ ทศิ คอื เคร่อื งมอื ทใ่ี ชใ้ นการหาแนวทศิ เหนอื เขม็ ทศิ มหี ลาย
ชนิด เช่น เขม็ ทศิ ตลบั ธรรมดา เขม็ ทิศขอ้ มอื เขม็ ทศิ แบบเลนซาตกิ (Lensatic) และเขม็ ทศิ แบบซิลวา (Silva)
โดยเข็มทศิ ท่นี ิยมใช้ในวงการลูกเสอื นัน้ คือ เข็มทิศแบบซิลวาของสวีเดน เป็นเขม็ ทิศและไม้โปรแทรกเตอร์
รวมอย่ดู ว้ ยกนั ทวั่ โลกนยิ มใชม้ าก ใชท้ าแผนทแ่ี ละหาทศิ ทางไดด้ ี เหมาะสาหรบั ลูกเสอื เพราะใชง้ า่ ยและสะดวก
2. ครนู ารปู ภาพเขม็ ทศิ มาประกอบ เพ่อื เช่อื มโยงเขา้ ส่เู น้อื หาการรีียน
ข้นั สอน
3. ครูใช้วิธีการสอนแบบ Jigsaw โดยให้นักเรยี นแบ่งกลุ่มออกเป็นกลุ่มย่อย กลุ่มละ 2 คน เลือก
ประธานและเลขานุการ สมาชกิ ในแต่ละกลมุ่ มคี วามสามารถแตกต่างกนั ในแต่ละกลุม่ ตงั้ ช่อื วา่ เป็นกลุ่มบา้ น
กลุ่มบา้ น ก
กล่มุ บา้ น ข
กลุ่มบา้ น ค
กลุม่ บา้ น ง
สมาชกิ ทงั้ 4 คน ในแตล่ ะกลุ่มบา้ นยอ่ ยๆ นนั้ จะไดร้ บั ใบงานไปปฏบิ ตั เิ หมอื นกนั ดงั น้ี
สมาชกิ คนท่ี 1 ในกลมุ่ ก ,ข ใบงานท่ี 1 เรอ่ื ง ความหมายและส่วนประกอบของเขม็ ทศิ
สมาชกิ คนท่ี 2 ในกลุ่ม ก ,ข ใบงานท่ี 2 เร่อื ง เขม็ ทศิ แบบซลิ วา
สมาชกิ คนท่ี 2 ในกลุ่ม ก ,ข ใบงานที่ 3 เร่อื ง การทาแผนทส่ี งั เขปโดยใชเ้ ขม็ ทศิ
สมาชกิ คนท่ี 2 ในกล่มุ ก ,ข ใบงานท่ี 4 เร่อื ง วธิ กี ารสงั เกตทศิ จากสง่ิ แวดลอ้ ม
เม่ือได้รบั ใบงานครบ ครูให้ผู้เรียนท่ีได้รบั ใบงานเร่อื งเดยี วกันเข้ารวมกลุ่มกัน เรียกช่ือใหม่ว่ากลุ่ม
ผเู้ ชย่ี วชาญ แต่ละกลุม่ ใน 4 กลุ่ม เลอื กประธานและเลขานุการ