96
4. ผูเ้ รยี นกลุ่มผู้เช่ยี วชาญแต่ละกลุ่มทากิจกรรมท่กี าหนดในใบงาน โดยร่วมกันค้นคว้าอภิปรายแสดง
ความคดิ เหน็ หาขอ้ สรปุ และบนั ทกึ ในใบงานของตน ประธานกลมุ่ สงั เกตพฤตกิ รรมการทากจิ กรรมกลุ่มของสมาชกิ
5. ผเู้ รยี นปฏบิ ตั กิ จิ กรรมดงั น้ี
กิจกรรมท่ี 1 ใหล้ กู เสอื วสิ ามญั ใชเ้ ขม็ ทศิ ซลิ วา แลว้ เขยี นบนั ทกึ ไวใ้ นสมุด
กิจกรรมท่ี 2 ใหล้ ูกเสอื วสิ ามญั เขยี นบนั ทกึ วธิ ที าแผนทส่ี งั เขป โดยตอ้ งมีสง่ิ ทต่ี อ้ งแสดงไวใ้ นแผน
ทส่ี งั เขป
1. เครอ่ื งหมายทศิ เหนือแมเ่ หลก็
2. ช่อื ผทู้ า
3. วนั เดอื น ปี ทท่ี า
4. มมุ และระยะทาง
5. สถานทส่ี าคญั ทเ่ี ด่นชดั (ภายในไม่เกนิ 500 เมตร)
วิธีทาแผนที่สงั เขป
(1) เขยี นลกู ศรทศิ เหนือแมเ่ หลก็ ลงบนหวั กระดาษดา้ นบน
น
(2) จดั วางแผ่นกระดาษ วางใหถ้ ูกทศิ โดยใชเ้ ขม็ ทศิ
97
(3) กาหนดจะเรม่ิ ตน้ ลงบนแผน่ กระดาษ (สมมตคิ อื จดุ ท่ี 1)
น
1
*
(4) ลากเสน้ ตรงเบาๆ จากจดุ เรม่ิ ตน้ ไปตามแนวทศิ ทางทจ่ี ะเดนิ ทางไปยงั จุดท่ี 2
2
น
1
*
(5) ใชเ้ ขม็ ทศิ เลง็ ไปตามทศิ ทางนนั้ โดยเลง็ ไปยงั ทห่ี มายทเ่ี ดน่ ชดั
(6) อา่ นคา่ มุมอะซมิ ุทแม่เหลก็ ทว่ี ดั ได้ จดลงไวใ้ นสมุดทาแผนท่ี
(7) ผทู้ าออกเดนิ ทางจากจุดเรม่ิ ต้น (จุดท่ี 1) ไปตามทศิ ทางนัน้ จนถงึ จุดท่ี 2 และวดั ระยะทางโดยการ
นบั กา้ ว พรอ้ มทงั้ เกบ็ รายละเอยี ดลกั ษณะภมู ปิ ระเทศระหวา่ งสองขา้ งทางดว้ ย
(8) เม่อื เดนิ ไปถงึ จุดท่ี 2 แล้ว หมายจุดนัน้ ลงบนเสน้ ตรงทล่ี ากไวเ้ บาๆ บนกระดาษโดยการใชม้ าตรา
ส่วนทก่ี าหนดขน้ึ ใหพ้ อเหมาะ
(9) จากจุดท่ี 2 วางแผ่นกระดาษใหถ้ ูกทศิ แลว้ ลากเสน้ ตรงเบาๆ จากจุดท่ี 2 ไปตามแนวทศิ ทางทจ่ี ะ
เดนิ ทางต่อไป ปฏบิ ตั เิ ชน่ เดยี วกบั ทไ่ี ดท้ ามาแลว้ ขา้ งตน้
น
3
12
*
98
สมดุ ทาแผนท่ีสงั เขป
ในสมุดทาแผนทส่ี งั เขป ควรมตี ารางแสดงรายละเอยี ดตา่ งๆ ดงั น้ี
เดินทางจาก ทิศ จานวนก้าว สถานท่ีสาคญั
จดุ ……..ไป……. ที่เดน่ ชดั
1 – 2 40 72 วดั 23
2 – 3 150 131 โรงเรยี น *1 5
3 – 4 90 140 ภเู ขา 4
4 – 5 35 144 โรงงาน
ชอ่ื ………………………สกุล………….
หม่…ู ……………………………………
วนั ท…่ี …..เดอื น……………..พ.ศ…….
ข้นั สรปุ และการประยุกต์
6. ผเู้ รยี นแต่ละคนในกลมุ่ ผเู้ ชย่ี วชาญกลบั มายงั กล่มุ เดมิ คอื กล่มุ บา้ น ก ,ข แลว้ ผลดั เปลย่ี นกนั อธบิ าย
เรอ่ื งทต่ี นคน้ ควา้ และไดข้ อ้ สรุปมาใหเ้ พอ่ื นสมาชกิ ในกลมุ่ ฟัง และครสู งั เกตพฤตกิ รรมกลมุ่
7. ผเู้ รยี นฝึกดเู ขม็ ทศิ ในลกั ษณะต่าง ๆ ตามรปู ภาพดงั น้ี
รปู ที่ 1
รปู ท่ี 2
99
ส่ือและแหลง่ การเรียนรู้
1. หนงั สอื เรยี น วชิ า 2000-2001 กจิ กรรมลกู เสอื วสิ ามญั 1 ของสานกั พมิ พเ์ อมพนั ธ์
2. ส่อื แผน่ ใส
3. อนิ เทอรเ์ น็ต
4. กจิ กรรมและใบงาน
หลกั ฐาน
1. บนั ทกึ การสอน
2. ใบเชค็ ชอ่ื
3. แผนจดั การเรยี นรู้
การวดั ผลและการประเมินผล
วิธีวดั ผล
1. ใบงาน
2. กจิ กรรมลูกเสอื
3. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้
4. สงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล
5. ประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกล่มุ
6. สงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม
7. การสงั เกตและประเมนิ พฤตกิ รรมดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นยิ ม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
เคร่ืองมอื วดั ผล
1. ใบงาน
2. กจิ กรรมลกู เสอื
3. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้
4. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล
5. แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่
6. แบบประเมนิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ ม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ โดยรว่ มกนั ประเมนิ
เกณฑก์ ารประเมินผล
1. ใบงาน เกณฑผ์ ่านการ 50 % ขน้ึ ไป
2. กจิ กรรมลกู เสอื เกณฑผ์ ่านการ 50 % ขน้ึ ไป
3. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ เกณฑผ์ ่านการ 50 % ขน้ึ ไป
4. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล ตอ้ งไมม่ ชี อ่ งปรบั ปรุง
5. เกณฑผ์ ่านการประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50 % ขน้ึ ไป)
6. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50% ขน้ึ ไป)
100
7. แบบประเมนิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คะแนนขน้ึ อยกู่ บั การ
ประเมนิ ตามสภาพจรงิ
กิจกรรมเสนอแนะ
ใหล้ กู เสอื วสิ ามญั ปฏบิ ตั กิ จิ กรรม ดงั น้ี
****เกม ทิศทงั้ แปด
1. วตั ถปุ ระสงคข์ องเกม
เพอ่ื ทดสอบความรคู้ วามจา
เพ่อื ฝึกทกั ษะการคน้ หาทศิ
เพอ่ื ฝึกประสาทการรบั คาสงั ่
2. จานวนผเู้ ลน่
ไม่จากดั จานวน
3. การจดั กลุ่มการเลน่
จดั เป็นหม่ๆู ละ 6-8 คน
4. กติกา
ผทู้ ห่ี าทศิ ไมผ่ ดิ เลยเป็นผปู้ ระสบความสาเรจ็
5. วิธีเลน่
5.1 ผนู้ าเกมกาหนดทศิ ให้ 8 ทศิ
5.2 ผเู้ ลน่ ยนื ตามสบาย ใครจะหนั หน้าไปทางทศิ ใดกไ็ ด้
5.3 ผนู้ าเกมจะขานช่อื ทศิ ใดทศิ หน่งึ ใหผ้ เู้ ลน่ ยนื หนั หน้าไปตามทศิ ทผ่ี นู้ าเกมขานช่อื ใครหนั
ผดิ ตอ้ งออกจากการเล่น จนกว่าจะเหลอื คนสุดทา้ ย เป็นผูท้ ม่ี ที กั ษะและประสาทสงั ่ งานดี
เป็นผปู้ ระสบความสาเรจ็
101
นิทานเรือ่ ง กากบั เหยอื กน้า
กาตวั หนง่ึ กระหายน้าเจยี นตาย ครนั้ มองเหน็ เหยอื กน้าใบหน่งึ ตงั้ อย่บู นพน้ื จงึ รบี บนิ ลงมา หมาย
จะด่มื กนิ ใหช้ ่นื ใจ แตป่ รากฏว่ามนี ้าเหลอื อยกู่ น้ เหยอื กไมม่ ากนกั กาพยายามยดื คอลงไปในเหยอื ก แตก่ ไ็ ม่
ถงึ น้าสกั ที ครนั้ จะคว่าเหยอื กกไ็ มม่ แี รงมากพอ ดว้ ยสตปิ ัญญาอนั เฉียบแหลม กาผกู้ ระหายน้าจงึ ใชป้ าก
คาบกอ้ นกรวดใสล่ งไปทลี ะกอ้ น ทลี ะกอ้ น อยา่ งไมย่ ่อทอ้ ทาใหร้ ะดบั น้าในเหยอื กค่อยๆ สงู ขน้ึ จนมนั
สามารถด่มื กนิ น้าไดส้ มดงั ความตงั้ ใจ
นิทานเรอื่ งนี้สอนให้รวู้ า่
“การใช้ไหวพริบปัญญาและความเพียรพยายามยอ่ มนาไปสู่ความสาเรจ็ ”
เพลง ทิศทงั้ แปด
ทศิ ทงั้ 8 ทศิ ขอใหค้ ดิ จาใหเ้ คยชนิ
อุดรตรงขา้ มทกั ษณิ (ซ้า)
บรู พา ประจมิ จาไว้
อสี านตรงหรดี
ท่องอกี ทจี าใหข้ น้ึ ใจ
พายพั นนั้ อยทู่ างไหน (ซ้า)
ตรงขา้ มไปคอื อาคเนย์
102
ใบงานท่ี 12.1
เรอื่ ง การใช้เขม็ ทิศ
ชอ่ื ...............................................นามสกุล.......................................เลขท.่ี .............ชนั้ ................
ผลการเรียนรทู้ ี่คาดหวงั : เพอ่ื ฝึกการหาทศิ
คาสงั่ ใหแ้ ต่ละกลุ่มฝึกปฏบิ ตั กิ ารใชเ้ ขม็ ทศิ และหาทศิ จากสงิ่ แวดลอ้ ม
กลุ่มท…่ี …………………..
1. บนั ทกึ ขนั้ ตอนการใชเ้ ขม็ ทศิ
…………………………………………………………………………………………………………..………………
………………………………………………………………………………..…………………………………………
2. วธิ หี าทศิ จากสง่ิ แวดลอ้ ม
วธิ ที ่ี 1 ……………………………………………………………..…………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….…………………..
วธิ ที ่ี 2 ……………………………………………………………………………………………..…….
…………………………………………………………………………………………………………………………...
วธิ ที ่ี 3 …………………………………………………………………………………………………...
…………………………………………………………………………………………………………………………...
วธิ ที ่ี 4 …………………………………………………………………………………………………...
…………………………………………………………………………………………………………………………..
วธิ ที ่ี 5 …………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………..
103
แผนการจดั การเรยี นรแู้ บบบรู ณาการที่ 15 หน่วยท่ี 13
จานวนชวั่ โมง 2 ช.ม.
รหสั วิชา 20000-2001 กจิ กรรมลูกเสอื วสิ ามญั 1
ชื่อหน่วย/ชื่อเรื่อง กิจกรรมและอุปกรณก์ ารอยคู่ า่ ยพกั แรม
แนวคิด
การไปอย่คู ่าย เป็นการฝึกใหล้ ูกเสอื ไดเ้ รยี นรกู้ ารช่วยเหลอื ตนเอง และการอยู่ร่วมกบั ผูอ้ น่ื รวมทงั้ การใช้
อุปกรณ์เคร่อื งใช้ต่างๆ ให้เป็นและเหมาะสมกับกิจกรรม ดงั นัน้ ลูกเสอื ทุกคนจะต้องรูท้ ่ีจะจดั เตรยี ม อุปกรณ์
เคร่อื งใชใ้ นการไปอยคู่ า่ ย เพอ่ื ความสะดวกและเหมาะสมกบั สภาพ
ผลการเรียนรูท้ ี่คาดหวงั
1. ยกตวั อย่างเคร่อื งใชส้ ว่ นตวั และเครอ่ื งใชส้ ว่ นรวมได้
2. บอกอุปกรณ์สาหรบั ใชท้ ากจิ กรรมต่างๆ ได้
3. บอกวธิ กี ารกอ่ ไฟ สทู กรรม และสุขาภบิ าลได้
4. อธบิ ายการชมุ นุมรอบกองไฟได้
5. มกี ารพฒั นาคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงคข์ องผสู้ าเรจ็ การศกึ ษา
สานกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา ทค่ี รสู ามารถสงั เกตไดข้ ณะทาการสอนในเรอ่ื ง
5.1 ความมมี นุษยสมั พนั ธ์
5.2 ความมวี นิ ยั
5.3 ความรบั ผดิ ชอบ
5.4 ความซ่อื สตั ยส์ ุจรติ
5.5 ความเชอ่ื มนั ่ ในตนเอง
5.6 การประหยดั
5.7 ความสนใจใฝ่รู้
5.8 การละเวน้ สงิ่ เสพตดิ และการพนนั
5.9 ความรกั สามคั คี
5.10 ความกตญั ญกู ตเวที
สมรรถนะรายวิชา
1. ปฏบิ ตั ติ นตามระเบยี บวนิ ัย คาปฏญิ าณและกฎของลกู เสอื วสิ ามญั
2. วางแผนและปฏบิ ตั กิ จิ กรรมทกั ษะทางลูกเสอื และกจิ กรรมพเิ ศษของลกู เสอื
3. บาเพญ็ ประโยชน์ต่อชมุ ชนและทอ้ งถนิ่ ในสถานการณต์ ่างๆ
4. ใชร้ ะบบหมู่ การเป็นผนู้ าผตู้ ามและกระบวนการกลุ่มในการปฏบิ ตั กิ ิจกรรมลูกเสอื วสิ ามญั
104
สาระการเรียนรู้
1. เคร่อื งใชส้ ่วนตวั และเครอ่ื งใชส้ ่วนรวม
2. อุปกรณ์สาหรบั ใชท้ ากจิ กรรมตา่ งๆ
3. การกอ่ ไฟ สทู กรรม และสุขาภบิ าล
4. การชุมนุมรอบกองไฟ
กิจกรรมการเรียนรู้
ข้นั นาเขา้ สู่บทเรียน
1. ครผู สู้ อนและผเู้ รยี นพดู คยุ กนั เรอ่ื งการอยู่คา่ ยพกั แรมถอื เป็นกจิ กรรมทส่ี าคญั ของลกู เสอื ทกุ ระดบั ท่ี
มงุ่ ฝึกลกู เสอื ใหม้ คี วามอดทน สามารถช่วยเหลอื ตนเองและปรบั ตวั อยรู่ ่วมกบั ผู้อ่นื ได้ ในวถิ ชี วี ติ คลา้ ยชาวป่าทก่ี นิ
อย่แู บบเรยี บงา่ ย มอี ปุ กรณ์การดารงชพี เท่าทจ่ี าเป็น ซง่ึ ตอ้ งเตรยี มอุปกรณ์เครอ่ื งใชส้ ว่ นตวั ในการไปอย่คู า่ ยดว้ ย
2. ผเู้ รยี นยกตวั อยา่ งอปุ กรณ์ตา่ ง ๆ ทใ่ี ชใ้ นการอย่คู า่ ยลูกเสอื ทเ่ี คยมปี ระสบการณ์ในการอยคู่ า่ ย
ขนั้ สอน
3. ครูใช้วิธกี ารสอนแบบ Jigsaw โดยให้นักเรยี นแบ่งกลุ่มออกเป็นกลุ่มย่อย กลุ่มละ 3 คน เลือก
ประธานและเลขานุการ สมาชกิ ในแต่ละกลุ่มมคี วามสามารถแตกตา่ งกนั ในแตล่ ะกลุ่มตงั้ ชอ่ื วา่ เป็นกลุม่ บา้ น
105
กลมุ่ บา้ น ก
กลมุ่ บา้ น ข
กล่มุ บา้ น ค
กลุ่มบา้ น ง
สมาชกิ ทงั้ 4 คน ในแต่ละกลุ่มบา้ นย่อยๆ นนั้ จะไดร้ บั ใบงานไปปฏบิ ตั เิ หมอื นกนั
สมาชกิ คนท่ี 1 ในกลุ่ม ก, ข,ค,ง ใบงานที่ 1 เร่อื ง เคร่อื งใชส้ ว่ นตวั และเคร่อื งใชส้ ว่ นรวม
สมาชกิ คนท่ี 2 ในกลมุ่ ก,ข,ค,ง ใบงานที่ 2 เร่อื ง อุปกรณ์สาหรบั ใชท้ ากจิ กรรมต่างๆ
สมาชกิ คนท่ี 3 ในกล่มุ ก,ข,ค,ง ใบงานที่ 3 เรอ่ื ง การกอ่ ไฟ สทู กรรม และสขุ าภบิ าล
สมาชกิ คนท่ี 4 ในกล่มุ ก,ข,ค,ง ใบงานที่ 4 เร่อื ง การชมุ นุมรอบกองไฟ
เม่อื ไดร้ บั ใบงานครบ ใหผ้ เู้ รยี นทไ่ี ดร้ บั ใบงานเรอ่ื งเดยี วกนั เขา้ รวมกลมุ่ กนั เรยี กช่อื ใหม่ว่ากลมุ่
ผเู้ ชย่ี วชาญ แตล่ ะกลุ่มใน 4 กลุ่ม เลอื กประธานและเลขานุการ
4. กลุ่มผู้เช่ยี วชาญแต่ละกลุ่มทากิจกรรมท่ีกาหนดในใบงาน โดยร่วมกนั ค้นคว้าอภิปรายแสดงความ
คดิ เหน็ หาขอ้ สรปุ และบนั ทกึ ในใบงานของตน ประธานกลุม่ สงั เกตพฤตกิ รรมการทากจิ กรรมกล่มุ ของสมาชกิ
5. ครใู ชว้ ธิ กี ารจดั กลุ่มอภปิ รายแบบฟิลลปิ 66(Phillip 66 or Buzz Group) ประกอบดว้ ยสมาชกิ 6
คนทน่ี ัง่ ใกล้กนั หนั หน้าเขา้ หากนั เพ่อื แลกเปล่ยี นความคดิ เหน็ กนั ในประเดน็ ใดประเดน็ หน่ึงคนละ 1 นาที รวม
เป็น 6 นาที จุดประสงค์ของการจดั กลุ่มแบบน้ีก็เพ่อื เปิดโอกาสให้สมาชกิ ทุกคนมโี อกาสเสนอความคดิ เห็นใน
ประเดน็ หรอื ปัญหาทก่ี ล่มุ ใหญ่กาลงั พจิ ารณา
6. ครอู ธบิ ายและสาธติ อปุ กรณ์สาหรบั ใชท้ ากจิ กรรมตา่ งๆ การก่อไฟ สูทกรรม และสุขาภบิ าลและการ
ชมุ นุมรอบกองไฟ
ขนั้ สรปุ และการประยุกต์
7. แต่ละคนในกลุ่มผเู้ ชย่ี วชาญกลบั มายังกลุ่มเดมิ คอื กลุ่มบ้าน ก,ข,ค,ง แลว้ ผลดั เปล่ยี นกนั อธบิ าย
เรอ่ื งทต่ี นคน้ ควา้ และไดข้ อ้ สรปุ มาใหเ้ พอ่ื นสมาชกิ ในกลุ่มฟัง
ส่ือและแหลง่ การเรยี นรู้
1. หนังสอื เรยี น วชิ า 2000-2001 กจิ กรรมลกู เสอื วสิ ามญั 1 ของสานักพมิ พเ์ อมพนั ธ์
2. ส่อื แผ่นใส
3. อนิ เทอรเ์ นต็
4. กจิ กรรมและใบงาน
หลกั ฐาน
1. บนั ทกึ การสอน
2. ใบเชค็ ช่อื
3. แผนจดั การเรยี นรู้
106
การวดั ผลและการประเมินผล
วิธีวดั ผล
1. ใบงาน
2. กจิ กรรมลกู เสอื
3. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้
4. สงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล
5. ประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลุ่ม
6. สงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกล่มุ
7. การสงั เกตและประเมนิ พฤตกิ รรมดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
เครื่องมือวดั ผล
1. ใบงาน
2. กจิ กรรมลกู เสอื
3. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้
4. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล
5. แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกล่มุ
6. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ โดยรว่ มกนั ประเมนิ
เกณฑ์การประเมินผล
1. ใบงาน เกณฑผ์ ่านการ 50 % ขน้ึ ไป
2. กจิ กรรมลกู เสอื เกณฑผ์ ่านการ 50 % ขน้ึ ไป
3. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ เกณฑผ์ ่านการ 50 % ขน้ึ ไป
4. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล ตอ้ งไมม่ ชี อ่ งปรบั ปรงุ
5. เกณฑผ์ า่ นการประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกล่มุ คอื ปานกลาง (50 % ขน้ึ ไป)
6. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50% ขน้ึ ไป)
7. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คะแนนขน้ึ อย่กู บั การ
ประเมนิ ตามสภาพจรงิ
107
กิจกรรมเสนอแนะ
ทาลกู เสอื วสิ ามญั ปฏบิ ตั กิ จิ กรรม ดงั น้ี
***เกม แขง่ ขนั การจา่ ยตลาด (อปุ กรณ์อยู่คา่ ยพกั แรม)
1. วตั ถปุ ระสงคข์ องเกม
เพอ่ื ทดสอบความรู้ ความจา และประสบการณ์
เพ่อื ฝึกทกั ษะความคดิ สรา้ งสรรค์
เพ่อื กระตนุ้ สมองใหท้ างาน
2. จานวนผเู้ ลน่
ไมจ่ ากดั จานวน
3. การจดั กลุ่มการเล่น
จดั เป็นหม่ๆู ละ 6-8 คน
4. กติกา
หมู่ใดสามารถเขยี นรายการอุปกรณ์การอยู่ค่ายพกั แรมไดม้ ากท่สี ุดโดยไม่ ซ้ากัน
ภายในเวลาทก่ี าหนด
5. วิธีเล่น
5.1 ผนู้ าเกมจดั เตรยี มอปุ กรณ์การเล่น กระดาษปากกา หรอื ดนิ สอ
5.2 ผู้เล่นทุกคนเขยี นรายการอุปกรณ์การอยู่ค่ายพักแรมโดยไม่ซ้ากัน อย่างละ 2-3
รายการ ซ้ากนั ใหต้ ดั ทง้ิ
5.3 ผนู้ าเกมใหส้ ญั ญาณเรม่ิ เล่น ผเู้ ลน่ เรม่ิ เขยี น
5.4 ผนู้ าเกมนับ 1-10 อยา่ งชา้ ๆ เม่อื ถงึ 10 ใหส้ ญั ญาณหยดุ เขยี น
5.5 นายหม่สู ารวจตดั รายการซ้าท้งิ นาเสนอต่อผนู้ าเกม หม่ใู ดเขยี นรายการไดถ้ ูกต้อง
และมากทส่ี ดุ เป็นหมทู่ ป่ี ระสบผลสาเรจ็
5.6 ผนู้ าเกมสรปุ กจิ กรรมตามวตั ถุประสงค์
108
นิทานเรอ่ื ง ไมน่ ่าแพงเลย
โรงงานแหง่ หน่งึ ไดเ้ รยี กวศิ วกรผเู้ ชย่ี วชาญมาซอ่ มเคร่อื งจกั รมหมึ า วศิ วกรผนู้ นั้ เดนิ กม้ ๆ เงยๆ ดู
เครอ่ื งจกั รอย่เู พยี งคร่เู ดยี วจากนนั้ กห็ ยบิ คอ้ นออกมาเคาะเครอ่ื งจกั รเบาๆ เสยี งเครอ่ื งจกั รดงั กระหม่ึ ขน้ึ
“คดิ คา่ บรกิ ารเทา่ ไร” เจา้ ของโรงงานยม้ิ กวา้ ง พออกพอใจทเ่ี ครอ่ื งจกั รใชง้ านไดอ้ กี ครงั้
“ 1,000 บาท” วศิ วกรหนุ่มตอบสนั้ ๆ
“หา...... อะไรกนั ? แคใ่ ช่คอ้ นเคาะครงั้ เดยี วจะคดิ ตงั้ 1,000 บาท เชยี วหรอื ?
เจา้ ของโรงงานตาเหลอื ก รอยยม้ิ ชกั จะบดู เบย้ี ว
“ไม่ใชอ่ ยา่ งนนั้ หรอกครบั ...”วศิ วกรหนุ่มอมยม้ิ
“ค่าบรกิ ารซอ่ มนอกสถานทแ่ี ละการเคาะเพยี งครงั้ เดยี ว ผมคดิ เพยี ง 100 บาท อกี 900 บาท เป็น
ค่าชจ้ี ุดเคาะ ”
ข้อคิดและการนาไปใช้
“ความรเู้ ท่าไมถ่ งึ การณ์ รใู้ นส่ิงท่ีคนอ่ืนไม่ร้ยู ่อมจะได้เปรยี บ
หรอื เป็นลกั ษณะเส้นผมบงั ภเู ขา”
เพลง รกั เขา้ คา่ ย
(ทานอง : รกั แมม่ ่าย)
อยากนักเขา้ คา่ ย ช่างสขุ ใจชวี ี รว่ มชพี ยอมพลี
ลกู เสอื คนดเี สยี อยา่ ง จะไปอยดู่ งพงไพรจรงิ ๆ กพ็ รอ้ มใจยง่ิ ทกุ อยา่ ง เดนิ แมว้ ่าหนทางไกลนกั
เสยี จงั เขา้ ค่าย
อยากนกั เขา้ คา่ ย ตอ้ งใหไ้ ดค้ าชม บกุ โคลนลยุ ตม
ไมร่ า้ วระบมหรอื หน่าย อดทนยงิ่ เอยไมเ่ คยบ่นลา ทงั้ ชวี า ทงั้ ชวี ามอบได้
ไปขอนานิดใหค้ ดิ สงสยั มอบไวด้ วงใจดกี ว่า
ลูกเสอื วเิ ศษนัก พรอ้ มพรกั ทุกเวลา ขอพระมงกุฎไทย ท่านไดจ้ ง
109
ใบงานท่ี 13.1
เรอ่ื ง อปุ กรณ์การอย่คู า่ ยและกิจกรรมการอยคู่ ่าย
ช่อื ...............................................นามสกุล.......................................เลขท.่ี .............ชนั้ ................
ผลการเรียนรทู้ ี่คาดหวงั : เพ่อื ฝึกใหก้ างเตน็ ทใ์ นการอยคู่ ่ายไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง
คาสงั่ ใหล้ กู เสอื แต่ละหม่ฝู ึกกางเตน็ ทภ์ ายในเวลากาหนด
แบบประเมินการปฏิบตั ิกิจกรรม ผลการปฏิบตั ิ
หมูท่ ี่…………………. ผ่าน ไม่ผา่ น
รายการประเมนิ
1. ความร่วมมอื ของสมาชกิ ภายในหมู่
2. ความเป็นระเบยี บ/เรยี บรอ้ ย/สวยงาม
3. ความรวดเรว็
4. การแบง่ งานภายในหมู่
5. การจดั เกบ็ อุปกรณ์
6. การใชอ้ ปุ กรณ์ครบถว้ นและถกู วธิ ี
7. ความถกู ตอ้ งของการใชเ้ งอ่ื นเชอื ก
8. ทาเลทต่ี งั้ ของทศิ ทางลม
ลงชอ่ื ……………………..…………….
ผปู้ ระเมนิ
110
แผนการจดั การเรียนรแู้ บบบรู ณาการท่ี 16 หน่วยที่ 14
จานวนชวั่ โมง 4 ช.ม.
รหสั วิชา 20000-2001 กจิ กรรมลูกเสอื วสิ ามญั 1
ชือ่ หนว่ ย/ชือ่ เรือ่ ง การเดนิ ทางไกล
แนวคิด
การเดนิ ทางไกลและการอยู่ค่ายพกั แรมเป็นกจิ กรรมสาคญั ของลูกเสือทุกคน เพราะเป็นการฝึกความ
อดทนการอย่รู ่วมกบั ผอู้ ่นื ความรบั ผดิ ชอบและความมรี ะเบยี บวนิ ัย การไปอย่คู ่ายพกั แรม ลูกเสอื จะตอ้ งเตรยี ม
ตัวเองให้พร้อมทัง้ ทางร่างกาย จิตใจ และจัดหาส่ิงของเคร่อื งใช้ไปให้ครบถ้วนเพียงพอ และเหมาะสมกับ
ภมู ปิ ระเทศและภูมอิ ากาศ
ผลการเรียนรูท้ ีค่ าดหวงั
1. บอกความสาคญั และวตั ถปุ ระสงคข์ องการเดนิ ทางไกลและการอยคู่ า่ ยพกั แรมได้
2. สรุปหลกั การเดนิ ทางไกลและการอยคู่ ่ายพกั แรมได้
3. บอกขนั้ ตอนของการเดนิ ทางไกลได้
4. บอกลกั ษณะของการจดั ตงั้ คา่ ยพกั แรมและการอยคู่ า่ ยพกั แรมได้
5. อธบิ ายถงึ การรกั ษาความปลอดภยั ในการเดนิ ทางไกลและการอย่คู ่ายพกั แรมได้
6. มกี ารพฒั นาคณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นยิ ม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ของผสู้ าเรจ็ การศกึ ษา
สานกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา ทค่ี รสู ามารถสงั เกตไดข้ ณะทาการสอนในเรอ่ื ง
6.1 ความมมี นุษยสมั พนั ธ์
6.2 ความมวี นิ ยั
6.3 ความรบั ผดิ ชอบ
6.4 ความซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ
6.5 ความเชอ่ื มนั ่ ในตนเอง
6.6 การประหยดั
6.7 ความสนใจใฝ่รู้
6.8 การละเวน้ สงิ่ เสพตดิ และการพนนั
6.9 ความรกั สามคั คี
6.10 ความกตญั ญกู ตเวที
สมรรถนะรายวิชา
1. ปฏบิ ตั ติ นตามระเบยี บวนิ ัย คาปฏญิ าณและกฎของลกู เสอื วสิ ามญั
2. วางแผนและปฏบิ ตั กิ จิ กรรมทกั ษะทางลูกเสอื และกจิ กรรมพเิ ศษของลูกเสอื
3. บาเพญ็ ประโยชน์ต่อชมุ ชนและทอ้ งถน่ิ ในสถานการณต์ า่ งๆ
4. ใชร้ ะบบหมู่ การเป็นผนู้ าผตู้ ามและกระบวนการกลุม่ ในการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมลูกเสอื วสิ ามญั
111
สาระการเรียนรู้
1. ความสาคญั และวตั ถุประสงคข์ องการเดนิ ทางไกลและอยคู่ า่ ยพกั แรม
2. หลกั ของการเดนิ ทางไกลและอยคู่ ่ายพกั แรม
3. ขนั้ ตอนของการเดนิ ทางไกล
4. การจดั ตงั้ ค่ายพกั แรมและการอยคู่ ่ายพกั แรม
5. ความปลอดภยั ในการเดนิ ทางไกลและอยคู่ า่ ยพกั แรม
กิจกรรมการเรียนรู้
ขนั้ นาเข้าสู่บทเรยี น
1. ครผู สู้ อนและผเู้ รยี นเล่าถงึ ความจาเป็นในการเดนิ ทางไกลและอยคู่ า่ ยพกั แรม ซง่ึ เป็นการเดนิ ทาง
ของลกู เสอื จากสถานทต่ี งั้ ไปยงั ทใ่ี ดทห่ี น่งึ ตามทผ่ี บู้ งั คบั บญั ชากาหนด เพ่อื พกั คา้ งคนื ทากจิ กรรมลกู เสอื ร่วมกนั
ซง่ึ การเดนิ ทางไกลและการอย่คู า่ ยพกั แรมน้ี เป็นกจิ กรรมทส่ี าคญั ของลูกเสอื วสิ ามญั โดยมวี ตั ถปุ ระสงค์ คอื
- เพ่อื ฝึกการใชช้ วี ติ กลางแจง้ ไดใ้ ชก้ าลงั กาย กาลงั ความคดิ ร่วมแกป้ ัญหาและทากจิ กรรมอ่นื ๆ รว่ มกนั
- เพ่อื ฝึกความเขม้ แขง็ อดทน ความรบั ผดิ ชอบทงั้ ตอ่ ตนเองและผอู้ ่นื
- เพ่อื ฝึกระเบยี บวนิ ยั และการเคารพกฎเกณฑเ์ พอ่ื เกดิ สนั ตสิ ุข
- เพ่อื ฝึกการชว่ ยเหลอื ตนเองและการดารงชวี ติ อยรู่ ว่ มกบั ผอู้ ่นื
- เพ่อื ใหล้ ูกเสอื ไดม้ โี อกาสเรยี นรแู้ ละฝึกวชิ าลกู เสอื เพม่ิ เตมิ
2. ผเู้ รยี นร่วมแสดงความคดิ เห็นว่าการท่ลี ูกเสอื ไดเ้ ดนิ ทางไกลและอยู่ค่ายพกั แรมร่วมกนั ย่อมเกดิ
ความรู้และประสบการณ์โดยตรงแก่ตนเอง ซ่งึ จะเป็นประโยชน์ต่อการดารงชวี ติ ในอนาคต เป็นวธิ กี ารพฒั นา
บุคลกิ ภาพทด่ี ที างหน่ึง เพราะจะช่วยใหล้ ูกเสอื เป็นผชู้ ่างสงั เกต มคี วามรอบคอบ มเี หตุผล มคี วามรกั สามคั คี ใน
หม่คู ณะ ทงั้ ยงั ช่วยใหเ้ ป็นผทู้ ร่ี จู้ กั ใชค้ วามคดิ วเิ คราะหแ์ ละวางแผนดาเนินการต่างๆ อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ซง่ึ สง่ิ
เหลา่ น้จี ะเป็นการปลกู ฝังใหล้ ูกเสอื กลายเป็นพลเมอื งทด่ี ขี องประเทศต่อไป
ขนั้ สอน
3. ครูใช้วิธีการสอนแบบ Jigsaw โดยให้นักเรยี นแบ่งกลุ่มออกเป็นกลุ่มย่อย กลุ่มละ 5 คน เลือก
ประธานและเลขานุการ สมาชกิ ในแต่ละกลุม่ มคี วามสามารถแตกตา่ งกนั ในแต่ละกลุ่มตงั้ ช่อื วา่ เป็นกลุ่มบา้ น
กลมุ่ บา้ น ก
กลมุ่ บา้ น ข
กลมุ่ บา้ น ค
กลุ่มบา้ น ง
กลุ่มบา้ น จ
สมาชกิ ทงั้ 5 คน ในแตล่ ะกลุ่มบา้ นยอ่ ยๆ นนั้ จะไดร้ บั ใบงานไปปฏบิ ตั เิ หมอื นกนั
สมาชกิ คนท่ี 1 ในกล่มุ ก, ข,ค,ง,จ ใบงานที่ 1 ความสาคญั และวตั ถุประสงคข์ องการเดนิ ทางไกล
และอย่คู ่ายพกั แรม
สมาชกิ คนท่ี 2 ในกลุ่ม ก, ข,ค,ง,จ ใบงานที่ 2 หลกั ของการเดนิ ทางไกลและอยคู่ า่ ยพกั แรม
112
สมาชกิ คนท่ี 3 ในกลุ่ม ก, ข,ค,ง,จ ใบงานท่ี 3 ขนั้ ตอนของการเดนิ ทางไกล
สมาชกิ คนท่ี 4 ในกล่มุ ก, ข,ค,ง,จ ใบงานท่ี 4 การจดั ตงั้ ค่ายพกั แรมและการอย่คู า่ ยพกั แรม
สมาชกิ คนท่ี 5 ในกลุ่ม ก, ข,ค,ง,จ ใบงานที่ 5 ความปลอดภยั ในการเดนิ ทางไกลและอยคู่ ่ายพกั แรม
เม่ือได้รับใบงานครบ ให้ผู้เรียนท่ีได้รับใบงานเร่ืองเดียวกันเข้ารวมกลุ่มกัน เรียกช่ือใหม่ว่ากลุ่ม
ผเู้ ชย่ี วชาญ แตล่ ะกลุ่มใน 5 กลมุ่ เลอื กประธานและเลขานุการ
4. กลุ่มผู้เช่ยี วชาญแต่ละกลุ่มทากิจกรรมท่ีกาหนดในใบงาน โดยร่วมกนั ค้นคว้าอภิปรายแสดงความ
คดิ เหน็ หาขอ้ สรุปและบนั ทกึ ในใบงานของตน ประธานกลมุ่ สงั เกตพฤตกิ รรมการทากจิ กรรมกลุ่มของสมาชกิ
5. ครใู ชว้ ธิ กี ารจดั กลุ่มอภปิ รายแบบฟิลลปิ 66 (Phillip 66 or Buzz Group) ประกอบดว้ ยสมาชกิ 6
คนท่นี ัง่ ใกล้กนั หนั หน้าเขา้ หากนั เพ่อื แลกเปล่ยี นความคดิ เห็นกนั ในประเดน็ ใดประเด็นหน่ึงคนละ 1 นาทรี วม
เป็น 6 นาที จุดประสงค์ของการจดั กลุ่มแบบน้ีก็เพ่อื เปิดโอกาสให้สมาชกิ ทุกคนมโี อกาสเสนอความคดิ เห็นใน
ประเดน็ หรอื ปัญหาทก่ี ลุ่มใหญ่กาลงั พจิ ารณา
6. ครูผูส้ อนบรรยาย (Lecture) เพมิ่ เตมิ เพ่อื ช่วยให้ผูเ้ รยี นเกดิ การเรยี นรตู้ ามวตั ถุประสงค์ทก่ี าหนด
โดยการพดู บอก เล่า อธบิ าย ในสง่ิ ทต่ี อ้ งการสอนแก่ผเู้ รยี น ใหผ้ เู้ รยี นซกั ถาม แลว้ ประเมนิ การเรยี นรขู้ องผเู้ รยี น
ดว้ ยวธิ ใี ดวธิ หี น่งึ ซง่ึ มอี งคป์ ระกอบสาคญั ทข่ี าดไม่ไดข้ องวธิ สี อน
ขนั้ สรปุ และการประยุกต์
7. แต่ละคนในกลุ่มผเู้ ชย่ี วชาญกลบั มายงั กลุ่มเดมิ คอื กลุ่มบ้าน ก,ข,ค,ง,จ แลว้ ผลดั เปลย่ี นกนั อธบิ าย
เร่อื งทต่ี นคน้ ควา้ และไดข้ อ้ สรุปมาใหเ้ พ่อื นสมาชกิ ในกลุม่ ฟัง
8. สรุปโดยทากิจกรรมต่อเน่ือง ตอบคาถามจากบทความในกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ และทา
ประสบการณ์การเรยี นรู้ ซง่ึ ครผู สู้ อนพจิ ารณาตามความเหมาะสม พรอ้ มกบั สรุปเน้ือหาโดยการถามความคดิ เหน็
ของผู้้รยี นแต่ละคน สามารถนาไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ติ ประจาวนั ได้
สื่อและแหล่งการเรียนรู้
1. หนงั สอื เรยี น วชิ า 2000-2001 กจิ กรรมลูกเสอื วสิ ามญั 1 ของสานกั พมิ พเ์ อมพนั ธ์
2. ส่อื แผ่นใส
3. อนิ เทอรเ์ นต็
4. กจิ กรรมและใบงาน
หลกั ฐาน
1. บนั ทกึ การสอน
2. ใบเชค็ ชอ่ื
3. แผนจดั การเรยี นรู้
113
การวดั ผลและการประเมินผล
วิธีวดั ผล
1. ใบงาน
2. กจิ กรรมลกู เสอื
3. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้
4. สงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล
5. ประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลมุ่
6. สงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่
7. การสงั เกตและประเมนิ พฤตกิ รรมดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
เครื่องมือวดั ผล
1. ใบงาน
2. กจิ กรรมลกู เสอื
3. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้
4. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล
5. แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกล่มุ
6. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ โดยรว่ มกนั ประเมนิ
เกณฑ์การประเมินผล
1. ใบงาน เกณฑผ์ ่านการ 50 % ขน้ึ ไป
2. กจิ กรรมลกู เสอื เกณฑผ์ ่านการ 50 % ขน้ึ ไป
3. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ เกณฑผ์ ่านการ 50 % ขน้ึ ไป
4. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล ตอ้ งไมม่ ชี อ่ งปรบั ปรุง
5. เกณฑผ์ า่ นการประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกล่มุ คอื ปานกลาง (50 % ขน้ึ ไป)
6. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50% ขน้ึ ไป)
7. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คะแนนขน้ึ อย่กู บั การ
ประเมนิ ตามสภาพจรงิ
114
กิจกรรมเสนอแนะ
ลกู เสอื วสิ ามญั ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมดงั น้ี
******เกม แข่งมา้ ชิงขวด
1. วตั ถปุ ระสงคข์ องเกม
เพอ่ื ฝึกความเสยี สละ ความว่องไว และความแขง็ แรง
2. จานวนผเู้ ล่น
ไมจ่ ากดั จานวน
3. การจดั กลุ่มการเลน่
จดั เป็นหม่ๆู ละ 6-8 คน
4. กติกา
ใหผ้ เู้ ล่นแตล่ ะกลุม่ จบั เป็นคู่ คนหน่งึ เป็นมา้ และผขู้ ว่ี งิ่ สลบั กนั ไปชงิ ขวด สง่ ต่อใหค้ ู่
ตอ่ ไปและนาไปวางจนครบในแต่ละกลุ่มๆ ใดเสรจ็ กอ่ น เป็นกลมุ่ ทป่ี ระสบผลสาเรจ็
5. วิธีเล่น
5.1 ผนู้ าเกมแบง่ กล่มุ ผเู้ ลน่ ออกเป็นกล่มุ ละเท่าๆ กนั และใหจ้ บั ค่กู นั
5.2 ใหผ้ เู้ ลน่ ทจ่ี บั คแู่ ลว้ เขา้ แถวตอนลกึ
5.3 ผนู้ าเกมขดี เสน้ ชยั หา่ งจากจดุ เรม่ิ ตน้ ใหพ้ อเหมาะสมกบั พน้ื ท่ี
5.4 ผนู้ าเกมหรอื ผชู้ ่วยตงั้ ขวดน้าทเ่ี ตรยี มไวใ้ หต้ รงแตล่ ะกลุ่มทเ่ี สน้ ชยั
5.5 ผนู้ าเกมใหส้ ญั ญาณเตรยี มการแข่งขนั ใหผ้ เู้ ล่นแต่ละคู่ของแต่ละกลุ่มขห่ี ลงั (ขม่ี ้า)
วง่ิ ไปยงั ขวดน้า เม่อื ถงึ ขวดน้าใหผ้ ขู้ ห่ี ลงั มา้ กม้ ลงหยบิ ขวด แลว้ ขม่ี า้ กลบั มาสง่ ขวด
น้าใหค้ ่ทู ส่ี อง คทู่ ส่ี องขม่ี า้ นาขวดไปวางทเ่ี สน้ ชยั ทเ่ี ดมิ แลว้ ขม่ี า้ กลบั มาแตะมอื คู่ท่ี
สาม ค่ทู ส่ี ามขม่ี า้ ไปทเ่ี สน้ ชยั หยบิ ขวดน้านามาสง่ ใหค้ ตู่ ่อไป ทาเชน่ น้สี ลบั กนั ไปจน
ครบทงั้ กลุ่ม
5.6 กล่มุ ใดทาเสรจ็ กอ่ นโดยขวดไมต่ ก น้าในขวดไม่พรอ่ งจะเป็นกลุม่ ทป่ี ระสบความสาเรจ็
115
นิทานเรอื่ ง ราชสีห์ หมาป่ า และหมาจิ้งจอก
ในป่าแห่งหน่ึง มสี ตั วท์ ย่ี ึดอาชพี หมออย่สู องตวั คอื หมาป่ ากบั หมาจ้งิ จอก ทงั้ สองเป็นค่แู ข่งและ
คอยชงิ ดชี งิ เด่นกนั อยเู่ สมอ วนั หน่งึ เม่อื ราชสหี ผ์ เู้ ป็นเจา้ ป่าลม้ ป่วย จงึ ประกาศใหห้ มอมาทาการรกั ษา หมอ
หมาป่ารบี เดนิ ทางมาทถ่ี ้าของราชสหี ์ ขณะทาการรกั ษากห็ าเร่อื งใส่ความหมาจ้งิ จอก ซง่ึ เป็นคแู่ ข่งของตน
ทนั ที “ขา้ เกอื บจะไม่ไดม้ ารกั ษาทา่ นเจา้ ป่าอย่แู ลว้ เพราะเจา้ หมาจง้ิ จอกบอกวา่ อาการของทา่ นถึงรกั ษาไปก็
ไม่หายมแี ต่ตายกบั ตาย และแมผ้ ใู้ ดสามารถรกั ษาหายก็คงไม่มที างไดเ้ งนิ หรอื รางวลั ตอบแทนใดๆ แต่นัน่
ไม่ใช่สงิ่ สาคญั เพราะมนั เป็นหน้าทข่ี องหมออยา่ งขา้ ”
ราชสหี ร์ สู้ กึ โกรธมาก รบี สงั ่ ใหบ้ รวิ ารของตนไปคุมตวั หมาจง้ิ จอกมาสอบสวนทนั ที หมาจง้ิ จอกเมอ่ื
รวู้ ่าถูกหมาป่าใส่ความ จงึ คดิ หาหนทางเอาตวั รอด ในทส่ี ุดกค็ ดิ หาวธิ แี กส้ ถานการณ์ไดส้ าเรจ็ เม่อื มาถงึ ถ้า
ราชสหี ์ ซ่งึ เป็นเวลาท่หี มาป่ ากลบั ไปแล้ว หมาจ้งิ จอกจงึ รบี เขา้ ไปกระซิบท่หี ูของเจ้าป่ า “ท่หี มาป่ าพูดมา
ทงั้ หมดนัน้ ท่านเจ้าป่ าอย่าเช่อื เป็นอันขาด เพราะมนั เกรงว่าข้าจะบอกสูตรยาวิเศษแก่ท่านจงึ พยายาม
วางแผนใหข้ า้ ถูกท่านสงั หาร” “สตู รยาทเ่ี จา้ ว่านัน่ คอื อะไร แล้วจะสามารถรกั ษาโรคของขา้ ใหห้ ายไดแ้ น่หรอื ”
ราชสหี ์ซกั ถามอย่างสนใจ “ไดซ้ ทิ ่าน เพยี งแต่ตอ้ งใชห้ วั ใจของหมาป่าเป็นเคร่อื งปรุงเท่านัน้ ทข่ี า้ ไม่รบี รอ้ น
เดนิ ทางมาทาการรกั ษาใหท้ ่านกเ็ พราะเสยี เวลาไปเสาะหาหวั ใจจากศพหมาป่าตวั อ่นื ๆ ทแ่ี ก่ตายตามธรรมชาติ
เน่ืองจากเกรงว่าหมอหมาป่ าเพ่ือนของข้าจะต้องเดือดร้อน” ราชสีห์เช่อื คาพูดของหมาจ้งิ จอก จงึ สงั ่ ให้
บรวิ ารสงั วารหมอหมาป่าเพ่อื เอาหวั ใจมาปรุงยา
นิทานเรื่องนี้สอนให้ร้วู า่
“เม่อื คิดรา้ ยต่ออื่นยอ่ มถกู เขาคิดร้ายตอบแทนเช่นกนั ”
เพลง เกียรติคณุ ลกู เสือไทย
เกยี รตคิ ณุ ลกู เสอื ไทยแผไ่ ปทวั่ สากลลูกเสอื ไทยทกุ คนตอ้ งรกั ษา
มุง่ ทาดยี นื ยนั ตามคามนั ่ สญั ญา ดว้ ยศรทั ธา สามคั คี มนี ้าใจ
(สรอ้ ย)….. มาเถดิ มา เรามาชา้ อยใู่ ยลกู เสอื ไทยกา้ วเดนิ ไปทห่ี มายขา้ งหน้า
อยกู่ นั คนละกองกเ็ ป็นพน่ี ้องกนั มคี วามรสู้ งู้ านไมห่ วนั ่ ไหว
มวี นิ ยั ใจเยน็ เป็นมติ รคนทวั่ ไป อยแู่ หง่ ใดสขุ สนุกทกุ เวลา
(สรอ้ ย)….. มาเถดิ มา เรามาชา้ อย่ใู ยลกู เสอื ไทยกา้ วเดนิ ไปทห่ี มายขา้ งหน้า
116
ใบงานที่ 14.1
เรือ่ ง การเดินทางไกลและการอยูค่ ่ายพกั แรม
ช่อื ...............................................นามสกลุ .......................................เลขท.่ี .............ชนั้ ................
ผลการเรยี นรทู้ ่ีคาดหวงั : เพอ่ื ใหร้ จู้ กั จดั กจิ กรรมการอยคู่ ่ายพกั แรม
คาสงั่ ใหแ้ ต่ละหม่นู าเสนอกจิ กรรมรอบกองไฟในการไปอย่คู า่ ยพกั แรม
การจดั กิจกรรมรอบกองไฟ
นาเสนอโดย……………………………………………………….
(เร่อื ง/รปู แบบ/วธิ กี าร)……………………………………
………………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………………….
ผลการประเมิน
ดี เพ่ิมเติม นาเสนอใหม่
ลงชอ่ื ………………………….ผปู้ ระเมนิ
117
แผนการจดั การเรยี นรูแ้ บบบรู ณาการที่ 17 หน่วยที่ 15
จานวนชวั ่ โมง 4 ช.ม.
รหสั วิชา 20000-2001 กจิ กรรมลกู เสอื วสิ ามญั 1
ชื่อหนว่ ย/เรือ่ ง การปฏิบตั ิกิจกรรมบุกเบิกและผจญภยั
แนวคิด
การบกุ เบกิ และการผจญภยั เป็นกจิ กรรมทฝ่ี ึกใหล้ ูกเสอื มคี วามอดทน แขง็ แรง มไี หวพรบิ สามารถใช้
ความรู้ ประสบการณแ์ ละสตปิ ัญญาในการแกไ้ ขปัญหาและอุปสรรคตา่ งๆ ทเ่ี กดิ ขน้ึ ไดอ้ ย่างฉบั ไว และถูกตอ้ ง
เหมาะสม เพอ่ื เป็นการชว่ ยเหลอื ตนเองและผอู้ น่ื
ผลการเรียนรูท้ ีค่ าดหวงั
1. บอกความหมายและความสาคญั ของการบุกเบกิ และการผจญภยั ได้
2. บอกลกั ษณะของกจิ กรรมการบกุ เบกิ และการผจญภยั ได้
3. ใชอ้ ุปกรณใ์ นการบกุ เบกิ และการผจญภยั ได้
4. สรปุ สาเหตุของความไมป่ ลอดภยั ทอ่ี าจเกดิ จากการบกุ เบกิ และการผจญภยั ได้
5. บอกแนวทางการรกั ษาความปลอดภยั ในการบกุ เบกิ และการผจญภยั ได้
6. มกี ารพฒั นาคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ ม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงคข์ องผสู้ าเรจ็ การศกึ ษา
สานกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา ทค่ี รสู ามารถสงั เกตไดข้ ณะทาการสอนในเร่อื ง
6.1 ความมมี นุษยสมั พนั ธ์
6.2 ความมวี นิ ยั
5.3 ความรบั ผดิ ชอบ
6.4 ความซ่อื สตั ยส์ จุ รติ
6.5 ความเชอ่ื มนั ่ ในตนเอง
6.6 การประหยดั
6.7 ความสนใจใฝ่รู้
6.8 การละเวน้ สง่ิ เสพตดิ และการพนนั
6.9 ความรกั สามคั คี
6.10 ความกตญั ญกู ตเวที
สมรรถนะรายวิชา
1. ปฏบิ ตั ติ นตามระเบยี บวนิ ัย คาปฏญิ าณและกฎของลูกเสอื วสิ ามญั
2. วางแผนและปฏบิ ตั กิ จิ กรรมทกั ษะทางลูกเสอื และกจิ กรรมพเิ ศษของลูกเสอื
3. บาเพญ็ ประโยชน์ตอ่ ชมุ ชนและทอ้ งถนิ่ ในสถานการณ์ต่างๆ
4. ใชร้ ะบบหมู่ การเป็นผนู้ าผตู้ ามและกระบวนการกล่มุ ในการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมลูกเสอื วสิ ามญั
118
สาระการเรียนรู้
1. ความหมายและความสาคญั ของการบกุ เบกิ และการผจญภยั
2. ลกั ษณะของกจิ กรรมการบุกเบกิ และการผจญภยั
3. อุปกรณ์ทใ่ี ชใ้ นการบุกเบกิ และการผจญภยั
4. สาเหตุของความไม่ปลอดภยั ในกจิ กรรมการบุกเบกิ และการผจญภยั
5. แนวทางการรกั ษาความปลอดภยั
กจิ กรรมการเรียนรู้
ขนั้ นาเข้าสู่บทเรียน
1. ครูผูส้ อนและผูเ้ รยี นร่วมกนั อภปิ รายว่าการบุกเบกิ หมายถงึ การเปิดทางหรอื เบกิ ทางเพ่อื ใหเ้ กิด
ความสะดวกสบาย ปลอดภยั และทากจิ กรรมไดร้ วดเรว็ แก่ตวั เองและผทู้ จ่ี ะตามมาทากจิ กรรมในภายหลงั
2. ครูกล่าวถึงการผจญภัย หมายถึง การเผชิญกับปัญหา อุปสรรคและเหตุการณ์ท่ีจะทาให้เกิด
อนั ตราย ซึ่งจะทาใหผ้ ูผ้ จญภยั ตอ้ งใชท้ งั้ กาลงั กาย กาลงั ความคดิ สตปิ ัญญาของตนเองและร่วมกบั ผูอ้ ่นื แก้ไข
ปัญหาการบุกเบกิ และการผจญภยั ต่างกเ็ ป็นกิจกรรมสาคญั ของลูกเสอื เพราะล้วนเป็นกจิ กรรมทจ่ี ะช่วยฝึกอบรม
ใหล้ ูกเสอื เกดิ ความคดิ รเิ รม่ิ สรา้ งสรรค์ เกดิ ความสามคั คี เกดิ ความชานาญในการทจ่ี ะใชว้ สั ดุ อปุ กรณ์ตา่ งๆ มาใช้
ประโยชน์เพ่อื แก้ไขปัญหาและอุปสรรคทเ่ี กดิ ขน้ึ ทงั้ ต่อสงั คมส่วนรวม ผอู้ ่นื และตวั เองในชวี ติ ประจาวนั เช่น การใช้
เชอื ก การผกู เงอ่ื น การใชไ้ ม้ ใชผ้ า้ หรอื อปุ กรณ์อน่ื ๆ ช่วยเหลอื ผปู้ ระสบอุบตั เิ หตจุ มน้า ผตู้ ดิ อย่ใู นทส่ี งู ใหล้ งมายงั
พน้ื ผปู้ ระสบอุบตั เิ หตเุ กย่ี วกบั รถยนตท์ ม่ี บี าดแผลหรอื กระดกู หกั ฯลฯ
3. ผเู้ รยี นร่วมแสดงความคดิ เหน็ การทากจิ กรรมบุกเบกิ เชน่ การตอกสมอบก
ขนั้ สอน
3. ครูผสู้ อนอธบิ ายความหมายและความสาคญั ของการบุกเบกิ และการผจญภยั ลกั ษณะของกจิ กรรม
การบุกเบกิ และการผจญภยั อปุ กรณ์ทใ่ี ชใ้ นการบุกเบกิ และการผจญภยั สาเหตขุ องความไม่ปลอดภยั ในกจิ กรรม
การบกุ เบกิ และการผจญภยั และวเิ คราะหแ์ นวทางการรกั ษาความปลอดภยั โดยครเู ปิดวดี ที ศั น์การเขา้ ค่ายลกู เสอื
ใหผ้ เู้ รยี นดู และนารปู ภาพอุปกรณ์ทใ่ี ชใ้ นการบุกเบกิ และการผจญภญั มาประกอบ เพอ่ื ส่อื ความหมายใหเ้ ขา้ ใจได้
งา่ ยยงิ่ ขน้ึ
4. ครยู กตวั อย่างการตอกสมอแบบหลุมในลกั ษณะตา่ งใหผ้ เู้ รยี นไดเ้ หน็ โดยแสดงภาพนิ่งประกอบ
119
5. ผเู้ รยี นวเิ คราะห์แนวทางเพอ่ื ป้องกนั รกั ษาความปลอดภยั ในการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมการบกุ เบกิ และการ
ผจญภยั ควรมแี นวทางในการป้องกนั แกไ้ ขดงั น้ี
5.1. สารวจความพร้อมของตนเอง ทงั้ ทางด้านร่างกายและจติ ใจ หากลูกเสอื มสี ภาพร่างกายและ
จติ ใจท่สี มบูรณ์แขง็ แรง ก็จะสามารถทากิจกรรมต่างๆ ได้อย่างคล่องแคล่วว่องไวและปลอดภยั ดงั นัน้ ลูกเสือ
จะตอ้ งออกกาลงั กายสม่าเสมอ พกั ผ่อนใหเ้ พยี งพอ รบั ประทานอาหารใหค้ รบตามทร่ี า่ งกายตอ้ งการ สว่ นทางดา้ น
จติ ใจ ลูกเสอื จะต้องมจี ติ ใจท่มี นั ่ คง กล้าหาญ พร้อมท่จี ะเผชญิ กบั ปัญหาและอุปสรรคอยู่เสมอ มคี วามเช่อื มนั ่
ตนเอง คดิ หาแนวทางแกไ้ ขปัญหาต่างๆ ไดอ้ ยา่ งว่องไว
5.2. มคี วามพรอ้ มในดา้ นความรแู้ ละความชานาญ ความรแู้ ละความชานาญของลกู เสอื เกดิ ขน้ึ จาก
การมจี ติ ใจท่รี กั ในกิจกรรมต่างๆ ของลูกเสอื มคี วามสนใจ ใส่ใจและพยายามขวนขวายหาความรเู้ พ่อื ตวั เองอยู่
เสมอ ทงั้ น้ีเพ่อื จะทาใหล้ ูกเสอื ไดร้ บั ความปลอดภยั เม่อื ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมต่างๆ ของลกู เสอื
5.3. สรา้ งความพรอ้ มให้กบั วสั ดุอุปกรณ์ท่ใี ช้ในกิจกรรม อุปกรณ์ทุกอย่างจะต้องได้รบั การดูแล
รกั ษาใหถ้ ูกตอ้ ง เหมาะสม เมอ่ื จะนามาใชใ้ นกจิ กรรมใดๆ จะตอ้ งมกี ารตรวจสอบใหเ้ รยี บรอ้ ยทกุ ครงั้ หากไม่แน่ใจ
ในความปลอดภยั ใหร้ บี เปลย่ี นแปลงแกไ้ ข หรอื ยกเลกิ และใชข้ องใหมแ่ ทน
ขนั้ สรปุ และการประเมินผล
6. ครูสรุปโดยการถามความคดิ เหน็ ของกลุ่มทร่ี ายงานเก่ยี วกบั การใชอ้ ุปกรณ์ในการบุกเบกิ และผจญ
ภยั ในการเขา้ ค่ายพกั แรมทไ่ี ดน้ าเสนอไปแล้ว นอกจากน้ียงั ไดเ้ สนอแนะและให้กลบั ไปปรบั ปรุงแก้ไขในกรณีท่ี
ผดิ พลาด เพ่อื การประยุกตใ์ ชต้ อ่ ไป
7. ครูและผูเ้ รยี นทบทวนบทเรยี น โดยการอธบิ ายซกั ถาม และให้แต่ละกลุ่มทากิจกรรมส่งเสรมิ การ
เรยี นรู้ โดยร่วมมือกนั ทากิจกรรมส่งครู โดยร่วมสรุปเน้ือหาในหน่วยการเรยี นอีกครงั้ โดยวิธถี าม–ตอบและ
ซกั ถามขอ้ สงสยั และประเมนิ ผเู้ รยี นตามแบบฟอรม์ ต่อไปน้ี
120
ช่อื ผเู้ รยี น ธรรมชาตขิ องผเู้ รยี น วธิ กี ารเรยี นรู้
ความสนใจ สตปิ ัญญา วุฒภิ าวะ
1.
2.
3.
ชอ่ื ผเู้ รยี น ประสบการณ์พน้ื ฐานการเรยี นรู้ วธิ กี ารเรยี นรู้
ความรู้ ทกั ษะ ผลงาน
3
1. 3
3
2. 3
3
3. 3
4.
5.
แบบวเิ คราะหผ์ เู้ รยี นเป็นรายกลมุ่ ตามศกั ยภาพผเู้ รยี น
ช่อื กลุม่ ............................... รายช่อื ผเู้ รยี น
1. เหตผุ ล 12
2. ภาษา 12
3. มติ สิ มั พนั ธ์ 12
4. มนุษยสมั พนั ธ์ 12
5. เขา้ ใจตนเอง เขา้ ใจชวี ติ 1 2
6. ธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ ม 1 2
ส่ือและแหลง่ การเรียนรู้
1. หนังสอื เรยี น วชิ า 2000-2001 กจิ กรรมลูกเสอื วสิ ามญั 1 ของสานกั พมิ พเ์ อมพนั ธ์
2. ส่อื แผ่นใส
3. อนิ เทอรเ์ น็ต
4. กจิ กรรมและใบงาน
หลกั ฐาน
1. บนั ทกึ การสอน
2. ใบเชค็ ชอ่ื
3. แผนจดั การเรยี นรู้
121
การวดั ผลและการประเมินผล
วิธีวดั ผล
1. ใบงาน
2. กจิ กรรมลูกเสอื
3. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้
4. สงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล
5. ประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุม่
6. สงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม
7. การสงั เกตและประเมนิ พฤตกิ รรมดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ ม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
เครื่องมือวดั ผล
1. ใบงาน
2. กจิ กรรมลูกเสอื
3. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้
4. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล
5. แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่
6. แบบประเมนิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ ม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ โดยรว่ มกนั ประเมนิ
เกณฑก์ ารประเมินผล
1. ใบงาน เกณฑผ์ ่านการ 50 % ขน้ึ ไป
2. กจิ กรรมลกู เสอื เกณฑผ์ ่านการ 50 % ขน้ึ ไป
3. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ เกณฑผ์ า่ นการ 50 % ขน้ึ ไป
4. เกณฑผ์ ่านการสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล ตอ้ งไมม่ ชี ่องปรบั ปรงุ
5. เกณฑผ์ ่านการประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม คอื ปานกลาง (50 % ขน้ึ ไป)
6. เกณฑผ์ ่านการสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50% ขน้ึ ไป)
7. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คะแนนขน้ึ อย่กู บั การ
ประเมนิ ตามสภาพจรงิ
กิจกรรมเสนอแนะ
ใหล้ กู เสอื วสิ ามญั ทากจิ กรรมดงั ตอ่ ไปน้ี
*****เกม หอคอยแคน
1. วตั ถปุ ระสงคข์ องเกม
เพ่อื แกพ้ ฤตกิ รรมสมาธสิ นั้ ความรอบคอบ
เพ่อื ฝึกทกั ษะความกระฉบั กระเฉงว่องไว ไหวพรบิ
2. จานวนผ้เู ล่น
ไมจ่ ากดั จานวน
3. การจดั กลมุ่ การเลน่
122
แบ่งออกเป็นทมี ละ 20 คน
4. กติกา
จดั ตงั้ กระป๋ องแคนจานวน 20 ใบต่อทมี ใหเ้ สรจ็ สน้ิ โดยแตล่ ะคนมเี วลาคนละ 20
วนิ าที ทมี ใดตงั้ สาเรจ็ ก่อนเป็นทมี ทป่ี ระสบความสาเรจ็ ทมี ใดทากระป๋ องแคนลม้ ตอ้ งยตุ กิ ารแขง่ ขนั ทนั ที
5. วิธีเลน่
5.1 ผนู้ าเกมจดั เตรยี มอุปกรณ์ดงั น้ี
ก. กระป๋ องแคนเปลา่ ตามจานวนผเู้ ลน่
ข. นาฬกิ าจบั เวลาสาหรบั ผนู้ าเกม
5.2 ผเู้ ลน่ นงั ่ เป็นกลุ่มหรอื แถวตอนลกึ จานวน 10–20 คน/ทมี
5.3 ผนู้ าเกมใหผ้ เู้ ลน่ ประชุมปรกึ ษากนั 1 นาที
5.4 ผเู้ ล่นประชมุ ปรกึ ษาหารอื วางแผนจดั ลาดบั ในการจดั วางกระป๋ องแคนใหเ้ สรจ็ ก่อน
โดยใชเ้ วลาคนละ 20 วนิ าที
5.5 ผนู้ าเกมใหส้ ญั ญาณเรม่ิ เล่นจดั วางกระป๋ องแคนสรา้ งหอคอยโดยวางกระป๋ องครบ
ทุกคนและไม่ลม้ เสรจ็ กอ่ นจะเป็นทมี ทป่ี ระสบความสาเรจ็
นิทานเรื่อง มา้ กบั ลา
พอ่ คา้ คนหน่งึ เดนิ ทางคา้ ขายระหว่างเมอื งตา่ ง ๆ ไดน้ าสนิ คา้ ทเ่ี ตรยี มไปจาหน่ายซง่ึ มจี านวนมาก
ใหล้ าบรรทกุ จนหลงั แอ่น ส่วนมา้ นนั้ พ่อคา้ ใหเ้ ดนิ ตวั เปล่าเพราะตอ้ งการจะถนอมไวเ้ น่อื งจากเกรงจะขาย
ไมไ่ ดร้ าคา หากมา้ ของตนบอบซา้ จากการเดนิ ทาง ลารสู้ กึ ว่าการบรรทุกครงั้ น้หี นกั เกนิ กาลงั มนั พยายาม
ออ้ นวอนมา้ ผเู้ ป็นสหายขอใหช้ ว่ ยแบง่ เบาสมั ภาระ “เพ่อื นเอย๋ ... ขา้ รสู้ กึ ตาลายแขง้ ขาสนั ่ ไปหมดแลว้ ชว่ ย
แบง่ สมั ภาระไปบรรทกุ บา้ งเถดิ เม่อื พกั ค่อยยงั ชวั่ กลบั มแี รงขน้ึ มาสกั หน่อย ขา้ จะรบี นาของเหล่านนั้ มา
บรรทุกตามเดมิ หากเพอ่ื นไมช่ ว่ ยคราวนข้ี า้ คงตอ้ งขาดใจตายอยกู่ ลางทางแน่ๆ ” มา้ ไม่สนใจคาขอรอ้ งของ
ลา มนั ยงั คงเดนิ อยา่ งสงา่ ตอ่ ไป ในขณะทล่ี าเรมิ่ หมดแรง ทาทา่ จะลม้ ลง “ขา้ ไม่ไดส้ าออยหรอกนะแต่คราว
น้ไี มไ่ หวจรงิ ๆ เจา้ นนั้ ทงั้ สงู ใหญแ่ ละแขง็ แรงกวา่ ขา้ มากนัก โปรดอยา่ งน่งิ ดดู ายอย่เู ลย หากเพ่อื นไม่เมตตา
ขา้ คงไม่มโี อกาสไดก้ ลา่ วคาวงิ วอนอกี แลว้ ” “หุบปากของเจา้ ซะท”ี มา้ ทาท่าทขี นุ่ เคอื ง มนั ธุระกงการอะไร
ของขา้ ทจ่ี ะตอ้ งไปช่วยคนอ่นื เจา้ มหี น้าทบ่ี รรทกุ กก็ ม้ หน้ากม้ ตาทาไปซิ ลาผนู้ ่าสงสารกดั ฟันเดินต่อไปได้
อกี ไม่กก่ี า้ วกล็ ม้ ลงขาดใจตาย พอ่ คา้ จงึ นาสนิ คา้ ทงั้ หมดใหม้ า้ บรรทกุ แทน และเม่อื เดนิ ทางจนเหน็ดเหน่ือย
พ่อคา้ กข็ น้ึ ไปขบ่ี นหลงั อกี ดว้ ย ในเวลาน้มี า้ ไดแ้ ต่สานึก เสยี ใจในความเหน็ แกต่ วั ของมนั แตก่ ส็ ายไปแลว้
นิทานเร่อื งนี้สอนให้รวู้ า่
“การไมร่ จู้ กั เหน็ ใจช่วยเหลือผอู้ ่ืนในส่ิงท่ีสมควรเม่ือคราวท่ีเขาตกทุกขไ์ ดย้ าก
ทกุ ขน์ ัน้ อาจจะมาถงึ ตวั เราไดเ้ ช่นกนั ”
เพลง งานส่ิงใด
งานสง่ิ ใด งานสง่ิ ใด แมใ้ ครละเลยทง้ิ ปล่อย มวั แต่คอยเฝ้าแต่คอยหวงั จะคอยจะเกย่ี งโยนกอง
ไมม่ เี สรจ็ ไมม่ เี สรจ็ รบั รอง จาไวท้ ุกคนตอ้ ง ทางานเราตอ้ งช่วยกนั
123
ช่วยกนั ช่วยกนั ชว่ ยกนั
124
ใบงานท่ี 15.1
บนั ทึกการเปล่ียนแปลงพฤติกรรมของลกู เสือ
ชื่อ…………..…….……..…………..นามสกลุ …………...…………………….
คาชี้แจง ใหล้ ูกเสอื นาคะแนนท่ไี ด้จากแบบประเมนิ พฤติกรรมในแต่ละหน่วยมาลงใน แบบบนั ทกึ
การเปล่ียนแปลงพฤติกรรมน้ี แล้วลากเส้นโยงจุดของแต่ละสัปดาห์ จะได้เส้นกราฟท่ีแสดงถึงการ
เปลย่ี นแปลงพฤตกิ รรมของลกู เสอื ตงั้ แต่สปั ดาหแ์ รกจนถงึ สปั ดาหส์ ดุ ทา้ ย
เร่ือง การปฏบิ ตั กิ จิ กรรมบุกเบิกและผจญภยั
ชอ่ื ...............................................นามสกุล.......................................เลขท.่ี .............ชนั้ ................
จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ : ใชอ้ ุปกรณ์ในการบุกเบกิ และการผจญภยั ได้
คาสงั่ ใหล้ กู เสอื แต่ละหมทู่ ากจิ กรรมตอ่ ไปน้ี
1. ผกู เงอ่ื นเชอื กระหว่างตน้ ไมห้ รอื หลกั เพ่อื ชว่ ยในการเดนิ ทาง
2. ใหล้ กู เสอื แตล่ ะหมทู่ าสมอบกแต่ละประเภทตามทห่ี มขู่ องตนเหน็ วา่ เหมาะสม
125
แผนการจดั การเรยี นรูแ้ บบบูรณาการท่ี 18 หน่วยท่ี -
รหสั วิชา 20000-2001 กจิ กรรมลูกเสอื วสิ ามญั 1 จานวนชัว่ โมง 2 ช.ม.
ชือ่ หน่วย/ชือ่ เรือ่ ง ทบทวน/สอบปลายภาคเรยี น
แนวคิด
จากการทผ่ี เู้ รยี นไดศ้ กึ ษาวชิ ากิจกรรมลูกเสือวิสามญั 1 ซง่ึ ไดร้ บั ความรคู้ วามเขา้ ใจ และเกดิ ทกั ษะ
การฝึกปฏบิ ตั กิ จิ กรรมการเรยี นโดยเน้นผเู้ รยี นเป็นศนู ยก์ ลาง ใหผ้ เู้ รยี นฝึกคดิ เพอ่ื ใหส้ อดคล้องกบั พระราชบญั ญตั ิ
การศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 (แกไ้ ขปรบั ปรุงเพมิ่ เตมิ พ.ศ. 2545) โดยยดึ หลกั การนาไปใชใ้ หเ้ กดิ ไปประโยชน์ใน
การพฒั นาสงั คม พรอ้ มทงั้ นาหลกั คุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงคข์ องผสู้ าเรจ็
การศกึ ษา สานกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา มาประยุกตใ์ ชก้ บั กจิ กรรมการเรยี นอยา่ งเหมาะสม
ผลการเรียนรูท้ ี่คาดหวงั
1. นาเรอ่ื งทท่ี บทวนตามเน้อื หาวชิ าไปใชป้ ระโยชน์ได้
2. แจง้ คะแนนระหว่างภาคเรยี นใหผ้ เู้ รยี น
3. แกป้ ัญหาการเรยี นของผเู้ รยี นได้
4. ผเู้ รยี นนาความรทู้ ศ่ี กึ ษามาไปสอบปลายภาคเรยี นได้
5. มกี ารพฒั นาคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ ม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงคข์ องผสู้ าเรจ็ การศกึ ษา
สานกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา ทค่ี รสู ามารถสงั เกตไดข้ ณะทาการสอนในเร่อื ง
5.1 ความมมี นุษยสมั พนั ธ์
5.2 ความมวี นิ ยั
5.3 ความรบั ผดิ ชอบ
5.4 ความซ่อื สตั ยส์ จุ รติ
5.5 ความเช่อื มนั ่ ในตนเอง
5.6 การประหยดั
5.7 ความสนใจใฝ่รู้
5.8 การละเวน้ สง่ิ เสพตดิ และการพนนั
5.9 ความรกั สามคั คี
5.10 ความกตญั ญกู ตเวที
สมรรถนะรายวิชา
1. ปฏบิ ตั ติ นตามระเบยี บวนิ ยั คาปฏญิ าณและกฎของลูกเสอื วสิ ามญั
2. วางแผนและปฏบิ ตั กิ จิ กรรมทกั ษะทางลกู เสอื และกจิ กรรมพเิ ศษของลูกเสอื
3. บาเพญ็ ประโยชน์ตอ่ ชมุ ชนและทอ้ งถนิ่ ในสถานการณ์ต่างๆ
4. ใชร้ ะบบหมู่ การเป็นผนู้ าผตู้ ามและกระบวนการกลุ่มในการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมลกู เสอื วสิ ามญั
126
สาระการเรียนรู้
1. ทบทวนเน้อื หาวชิ าทไ่ี ดศ้ กึ ษามาแบบย่อ
2. รวบรวมคะแนนระหว่างภาคเรยี น
3. ปัญหาการเรยี นของผเู้ รยี น
4. สอบปลายภาคเรยี น หรอื รายงานผลการวจิ ยั ตลาด(ในกรณที ไ่ี มม่ กี ารสอบปลายภาคเรยี น)
กจิ กรรมการเรียนรู้
1. ครูแจ้งให้ผู้เรยี นทราบคะแนนระหว่างภาค และกลางภาค จุดประสงค์ท่ีผู้เรียนยงั ไม่ได้ปฏิบตั ิ
หรอื ไม่ผ่าน หรอื ไม่ได้สอบ ให้ผูเ้ รยี นดาเนินการโดยพบครูผูส้ อนกาหนดวนั เวลาท่จี ะปฏบิ ตั ิหรอื
สอบ หรอื เรยี นเพมิ่ เตมิ
2. ผเู้ รยี นรบั ทราบจุดประสงคก์ ารสอบปลายภาควา่ จะมกี ารสอบเร่อื งใดบา้ ง ผเู้ รยี นไม่เขา้ ใจเรอ่ื งใดก็
ใหซ้ กั ถาม
3. ครแู ละผเู้ รยี นรว่ มกนั ทบทวนบทเรยี นทผ่ี ่านมาโดยสรุป
4. ในกรณีท่ไี ม่มกี ารสอบปลายภาคเรยี น อาจจะมกี ารนาเสนอผลการรายงานการวิจยั ตลาดก็ได้ ซ่งึ
แลว้ แต่ผสู้ อนจะดาเนินจดั การเรยี นการสอนเอง
สอื่ และแหล่งการเรียนรู้
1. ขอ้ มลู การเกบ็ คะแนนของผเู้ รยี น
2. จดุ ประสงคก์ ารสอบปลายภาค
หลกั ฐาน
1. ขอ้ สอบ
2. ใบเชค็ ช่อื เขา้ หอ้ งสอน
การวดั ผลและการประเมินผล
เป็นไปตามเกณ์ทไ่ี ดแ้ จง้ ไวใ้ นแผนการจดั การเรยี นรสู้ ปั ดาหท์ ่ี 1-18
กิจกรรมเสนอแนะ
แจง้ การประเมนิ ผลนักเรยี นทต่ี ดิ ร, มส