คาอธบิ ายรายวิชา
วิชา วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 6 เวลา 40 ชว่ั โมง/ปี
ศึกษาเก่ียวกับการออกแบบและเขียนโปรแกรมอย่างง่ายโดยใช้โปรแกรม Scratch ศึกษาการแก้ปัญหาโดย
ใช้เหตุผลเชิงตรรกะ การใช้งานอินเทอร์เน็ต การค้นหาข้อมูลโดยใช้อินเทอร์เน็ต การประเมินความน่าเชื่อถือ ศึกษา
การใช้งานเทคโนโลยสี ารสนเทศและความปลอดภยั ในการใช้งานเทคโนโลยี
โดยอาศัยกระบวนการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน ( Problem – based Learning) และวัฏจักรการเรียนรู้แบบ
สืบเสาะหาความรู้ (5Es Intructional Model) เพื่อเน้นให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติ ฝึกทักษะการคิด เผชิญสถานการณ์การ
แก้ปัญหา วางแผนการเรียนรู้ ตรวจสอบการเรียนรู้ และสร้างองค์ความรู้ใหม่ด้วยตนเองผ่านกระบวนการคิดและปฏิบัติ
โดยใช้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์
เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจ มีทักษะการคิดเชิงคานวณ การคิดวิเคราะห์ แก้ปัญหาเป็นข้ันตอนและ
เป็นระบบ มที ักษะในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ รักษาข้อมลู ส่วนตัว และการส่ือสารเบ้อื งตน้ ในการแก้ปัญหาที่พบ
ในชีวิตจริงได้อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ ตลอดจนนาความรคู้ วามเข้าใจในวชิ าวิทยาศาสตร์ และนาเทคโนโลยีใหม่ท่ีเกิดข้ึน
ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม และการดารงชีวิต จนสามารถพัฒนากระบวนการคิดและจินตนาการ ความสามารถ
ในการแกป้ ัญหาและการจัดการทักษะในการสื่อสาร และความสามารถในการตัดสินใจ และเป็นผู้ที่มีจติ วิทยาศาสตร์
มีคุณธรรม จรยิ ธรรม และค่านิยมในการใชว้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยอี ย่างสรา้ งสรรค์
ตวั ชี้วดั
ว 4.2 ป.6/1 ป.6/2 ป.6/3 ป.6/4
รวม 4 ตัวช้วี ดั
โรงเรียนเทศบาลวารินวิชาชาติ สังกดั กองการศกึ ษา เทศบาลเมอื งวารินชาราบ
โครงสรา้ งรายวชิ าพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ช้นั ป.6
ลาดับท่ี ช่ือหน่วยการ มาตรฐาน มโนทศั นส์ าคญั เวลา
เรียนรู้ การเรยี นรู้/ตวั ชี้วดั (ชม.)
1. การแกป้ ัญหาโดยใช้ ว 4.2 ป.6/1 เหตผุ ลเชงิ ตรรกะกับการแกป้ ัญหา เป็นการ 8
เหตุผลเชงิ ตรรกะ นาหลกั การ กฎเกณฑห์ รือเงื่อนไขที่
ครอบคลุมทกุ กรณีมาใชเ้ พื่อตรวจสอบความ
สมเหตสุ มผลหรือพิจารณาความเป็นไปได้
ของการมุ่งหาคาตอบและแก้ปญั หา
2. การออกแบบและ ว 4.2 ป.6/2 การออกแบบโปรแกรม เป็นการอธิบายการ 16
เขยี นโปรแกรม ทางานของโปรแกรมอย่างเป็นลาดับข้ันตอน 8
อยา่ งง่าย โดยการออกแบบโปรแกรมสามารถทาได้ทั้ง 6
การเขียนข้อความ และการเขียนผังงาน หาก
3. การใช้งาน ว 4.2 ป.6/3 มีข้อผิดพลาดเกิดข้ึนหรือโปรแกรมไม่เป็นไป
อนิ เทอรเ์ น็ต ต าม ค วาม ต้ อ งก าร จ ะต้ อ งต รวจ ส อ บ
อย่างมี ข้อผิดพลาดท่ีเกิดข้ึน โดยการตรวจสอบการ
ประสทิ ธิภาพ ทางานทีละคาสั่ง เมื่อพบจดุ ที่ทาให้โปรแกรม
ไม่เป็นไปตามต้องการให้แก้ไขข้อผิดพลาดนั้น
4. ความปลอดภยั ใน ว 4.2 ป.6/4 จนกว่าจะไดโ้ ปรแกรมตามท่ีต้องการ
อินเทอร์เน็ตเป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาด
ใหญ่ท่ีครอบคลุมไปท่ัวโลก เราสามารถใชง้ าน
อินเทอร์เน็ต เพื่อให้ได้ข้อมูลท่ีตรงตามความ
ต้องการภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว และการ
ค้นหาข้อมูลในแต่ละคร้ัง โปรแกรมค้นหาจะ
แสดงข้อมูลจากคาค้นหาเป็นจานวนมาก
เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตได้
อย่างมีประสิทธิภาพและได้ข้อมูลตรงตาม
ความต้องการมากท่ีสุด ผู้ใช้จะต้องเรียนรู้
เกี่ยวกับการจัดลาดับผลลัพ ธ์ท่ี ได้จาก
โปรแกรมค้นหา ข้อมูลท่ีได้การสืบค้นข้อมูล
จากแหล่งต่าง ๆ จะต้องมีการประเมินความ
น่าเชือ่ ถอื ของข้อมลู เพื่อให้ได้ข้อมลู ที่ถกู ต้อง
อนั ตรายจากการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศ
โรงเรยี นเทศบาลวารินวชิ าชาติ สงั กดั กองการศึกษา เทศบาลเมืองวารนิ ชาราบ
ลาดบั ที่ ชอ่ื หน่วยการ มาตรฐาน มโนทัศน์สาคญั เวลา
เรียนรู้ การเรียนรู้/ตัวชีว้ ัด (ชม.)
การใช้งาน ที่เช่ือมต่อกับอินเตอร์เน็ต ในรูปแบบต่าง ๆ
เทคโนโลยี และแนวทางในการป้องกันอันตรายจากการ
สารสนเทศ ใช้งานอินเตอร์เน็ต ซ่ึงรวมถึงการกาหนด
รหัสผ่าน และการกาหนด สิทธ์ิในการใช้งาน
รวมท้ังอันตรายจากการติดตั้งซอฟแวร์ และ
แนวทางในการตรวจสอบและป้องกันมัลแวร์
ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดความเสียหายต่อ ข้อมูล
ซอฟตแ์ วร์และอปุ กรณ์เทคโนโลยีได้ ดังนนั้
การติดตั้งซอฟแวร์จากอินเตอร์เน็ต อาจทา
ให้มัลแวร์ ซึ่งเป็นซอฟแวร์ท่ีตั้งใจออกแบบมา
เพื่อทาอันตรายกับคอมพิวเตอร์ ดังน้ัน
ผู้ใช้งานต้องรู้แนวทางการตรวจสอบและ
ป้องกันมัลแวร์เพื่อป้องกันการ อันตรายใน
รปู แบบต่างๆ เช่นขโมยข้อมูล, การลบข้อมูล,
การทาลายระบบ เปน็ ต้น
หมายเหตุ : 2 ชว่ั โมง ใชส้ าหรับการสอบกลางภาคหรอื การสอบปลายภาค
โรงเรียนเทศบาลวารนิ วิชาชาติ สังกดั กองการศึกษา เทศบาลเมอื งวารินชาราบ
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 การแก้ปญั หาโดยใชเ้ หตุผลเชงิ ตรรกะ
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 1 เหตุผลเชงิ ตรรกะกับการแกป้ ญั หา
แผนการจดั การเรียนรูท้ ี่ 1
หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 1 การแก้ปัญหาโดยใชเ้ หตุผลเชงิ ตรรกะ เวลา 8 ชั่วโมง
เรอื่ ง เหตผุ ลเชิงตรรกะกบั การการแก้ปัญหา เวลา 4 ช่ัวโมง
รายวิชา วทิ ยาการคานวณ กล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 6
1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวช้ีวดั
สาระที่ 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคานวณในการแก้ปัญหาท่ีพบในชีวิตจริงอย่างเป็นข้ันตอน
และเป็นระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรียนรู้ การทางาน และการแก้ปัญหาได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ รู้เท่าทนั และมีจรยิ ธรรม
ตัวชี้วัด ป.6/1 ใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการอธิบายและออกแบบ วิธีการแก้ปัญหาท่ีพบใน
ชวี ิตประจาวัน
2. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
1. ออกแบบการแก้ปญั หาในชีวิตประจาวนั ได้ โดยใช้เหตผุ ลเชงิ ตรรกะ (K,P)
2. ยกตัวอยา่ งการแกป้ ญั หาโดยใช้เหตุผลเชงิ ตรรกะในชวี ิตประจาวนั ได้ (A)
3. สาระสาคัญ
เหตุผลเชิงตรรกะกับการแก้ปัญหา เป็นการนาหลักการ กฎเกณฑ์หรือเงื่อนไขที่ครอบคลุมทุกกรณีมา
ใชเ้ พือ่ ตรวจสอบความสมเหตสุ มผลหรือพิจารณาความเปน็ ไปได้ของการมุ่งหาคาตอบและแก้ปัญหา
4. สาระการเรยี นรู้
เหตผุ ลเชงิ ตรรกะกับการแก้ปญั หา
5. รปู แบบการสอน/วิธกี ารสอน
1. วธิ กี ารสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)
2. วธิ ีการสอนแบบกระบวนการกลุ่ม
3. เทคนคิ ตามแนวคดิ เชิงคานวณ
โรงเรียนเทศบาลวารนิ วชิ าชาติ สังกดั กองการศกึ ษา เทศบาลเมืองวารินชาราบ
4
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 การแกป้ ัญหาโดยใชเ้ หตุผลเชิงตรรกะ
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 1 เหตผุ ลเชงิ ตรรกะกบั การแกป้ ัญหา
6. สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น
ความสามารถในการสื่อสาร
ความสามารถในการคิด
ความสามารถในการแก้ปญั หา
ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต
ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
7. ทักษะ 4 Cs
ทักษะการคิดวจิ ารณญาณ (Critical Thinking)
ทกั ษะการทางานรว่ มกัน (Collaboration Skill)
ทักษะการสื่อสาร (Communication Skill)
ทักษะความคดิ สร้างสรรค์ (Creative Thinking)
8. คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ ซ่อื สตั ย์ สจุ รติ
รกั ชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์ ใฝ่เรยี นรู้
มีวนิ ัย มงุ่ มั่นในการทางาน
อยู่อยา่ งพอเพยี ง มจี ติ สาธารณะ
รักความเปน็ ไทย
9. การจดั กระบวนการเรยี นรู้
ชว่ั โมงท่ี 1
ข้นั นา (15 นาที)
1. ครูให้นักเรียนทาแบบทดสอบก่อนเรยี น
กระตุ้นความสนใจ
2. ครูใหน้ ักเรียนทากจิ กรรมลองทาดู ในแบบฝึกหดั รายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี
(วทิ ยาการคานวณ) ป.6 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1 หนา้ 2 เพื่อเปน็ การทบทวนความรู้เดมิ กอ่ นเขา้ สู่
บทเรยี น
3. ครูและนกั เรียนร่วมกนั อภิปรายถึงวิธกี ารแก้ปัญหาของกจิ กรรมลองทาดู จนได้ข้อสรปุ ว่าใช้
เหตผุ ลเชงิ ตรรกะในการแกป้ ัญหา
โรงเรยี นเทศบาลวารินวิชาชาติ สังกดั กองการศกึ ษา เทศบาลเมอื งวารนิ ชาราบ
5
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 1 การแกป้ ัญหาโดยใชเ้ หตุผลเชงิ ตรรกะ
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 1 เหตุผลเชงิ ตรรกะกบั การแก้ปญั หา
4. ครใู ห้นกั เรียนเปดิ หนงั สือเรียนรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป.6
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 1 หนา้ 2-3 จากนน้ั ครูถามคาถามประจาหน่วยการเรยี นรกู้ ับนกั เรียนว่า
เหตผุ ลเชงิ ตรรกะช่วยในการแกป้ ญั หาได้อย่างไร
แนวคาตอบ: เหตุผลเชงิ ตรรกะชว่ ยในการแก้ปญั หาได้ เชน่ เข้ามาชว่ ยในการพจิ ารณาสาเหตขุ อง
ปญั หา วิธีการแก้ปัญหา การตรวจสอบการแก้ปญั หา
5. ครถู ามคาถามสาคัญประจาหัวข้อกบั นักเรยี นว่า เหตุผลเชงิ ตรรกะสามารถนาไปใชใ้ น
ชวี ติ ประจาวันไดอ้ ย่างไร จากนนั้ ใหน้ ักเรยี นลองยกตัวอย่างการใช้เหตผุ ลเชิงตรรกะใน
ชีวิตประจาวันของนักเรยี น
ข้นั สอน (45 นาท)ี
สารวจค้นหา
6. ครูให้นักเรียนจบั กลุ่ม 3-4 คน เพ่อื ศึกษาและสังเกตสถานการณ์ตวั อยา่ งจากหนงั สอื เรยี นรายวิชา
พนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.6 หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 1 หน้า 3-7 เก่ยี วกบั
ผลการแขง่ ขนั ตอบปัญหาภาษาอังกฤษ โดยใหน้ กั เรยี นอ่านบทสัมภาษณ์ของตวั แทนนักเรยี นแต่
ละคน
7. นักเรยี นรว่ มกันวเิ คราะห์บทสัมภาษณ์และพจิ ารณาตัดสิ่งที่เปน็ ไปไมไ่ ด้ออกตามหนงั สอื จนได้
ข้อสรปุ วา่ ตัวแทนนักเรียนแต่ละคนแข่งขนั ได้ลาดับท่เี ทา่ ไร
8. ครูให้นักเรยี นแต่ละกลมุ่ พิจารณาสถานการณ์ตวั อยา่ งในหนังสอื เรียนอีกคร้ัง เพื่อถอด
กระบวนการ แนวคิด หรอื วิธกี ารแกป้ ัญหาของสถานการณ์ จากน้นั เขยี นแนวคดิ หรือวิธีการ
แกป้ ญั หาและตอบคาถามลงในใบงานที่ 1.1.1 เรอ่ื ง ต่อยอดการแกป้ ัญหาด้วยเหตุผลเชิงตรรกะ
อธบิ ายความรู้
9. ครใู ห้นกั เรียนแต่ละกลุม่ ออกมานาเสนอผลงานจากการทาใบงานท่ี 1.1.1 เร่ือง ต่อยอดการ
แก้ปญั หาด้วยเหตผุ ลเชงิ ตรรกะ โดยแสดงถงึ วิธกี ารพจิ ารณาสถานการณ์ เงื่อนไขตา่ ง ๆ แนวคิด
หรือวิธีการแกป้ ญั หาโดยใช้เหตุผลเชิงตรรกะตามทแ่ี ตล่ ะกลุ่มไดร้ ะดมความคิดเห็นร่วมกันในการ
ทากจิ กรรมกลุ่ม
10. ครูและนกั เรยี นรว่ มกันอภปิ รายถงึ แนวคิดหรือวิธกี ารแก้ปัญหา และการตอบคาถามของนักเรียน
แตล่ ะกลมุ่ วา่ มีความแตกตา่ งกนั อย่างไร และหาข้อสรปุ ร่วมกนั
11. ครมู อบหมายงานใหน้ ักเรยี นทากจิ กรรมฝกึ ทักษะ Com Sci ในหนงั สอื เรียนรายวิชาพ้นื ฐาน
วทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป.6 หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 1 หนา้ 8 เป็นการบ้าน โดย
เขียนใส่สมุดและสง่ ในช่วั โมงถัดไป
โรงเรยี นเทศบาลวารินวิชาชาติ สงั กดั กองการศกึ ษา เทศบาลเมอื งวารนิ ชาราบ
6
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 การแกป้ ัญหาโดยใชเ้ หตผุ ลเชงิ ตรรกะ
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 1 เหตผุ ลเชิงตรรกะกับการแก้ปัญหา
ช่วั โมงท่ี 2
ขั้นสอน (ต่อ) (60 นาที)
อธิบายความรู้
1. ครูและนักเรียนทบทวนความร้เู ดิมทเ่ี รียนในช่วั โมงท่แี ลว้ เร่อื งการแก้ปญั หาด้วยเหตุผลเชิงตรรกะ
2. ครสู ุ่มนักเรยี น 2-3 คน เพอื่ อธิบายแนวคิดหรือวิธีการแก้ปัญหาของกจิ กรรมฝกึ ทักษะ Com Sci ทีส่ ั่ง
เป็นการบ้าน และลงข้อสรุปร่วมกัน จากนัน้ ใหน้ ักเรยี นสง่ การบา้ น
ขยายความเข้าใจ
3. ครบู อกกบั นกั เรยี นวา่ ในช่ัวโมงทีแ่ ล้วครไู ดใ้ ห้นกั เรยี นใชเ้ หตุผลเชงิ ตรรกะในการแกป้ ัญหาการตอบ
ปญั หาภาษาอังกฤษไปแลว้ ในวนั น้เี รามาลองใชเ้ หตุผลเชิงตรรกะในสถานการณอ์ ืน่ ๆ ดูบา้ ง
4. ครถู ามนักเรยี นว่ารูจ้ กั ราวงมาตรฐานหรอื ไม่ ราวงมาตรฐานเปน็ การแสดงท่ีมวี วิ ฒั นาการมาจากรา
โทน ซึ่งเปน็ การรอ้ งและการราของชาวบา้ น มผี ู้ราท้ังชายและหญิง
5. ครใู ห้นักเรียนแตล่ ะกล่มุ (กลุ่มเดิม) อ่านสถานการณแ์ ละเง่ือนไขในกิจกรรมฝึกทกั ษะที่ 1 เร่ืองจบั ครู่ า
วงมาตรฐาน ในแบบฝึกหัดรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.6 หนว่ ย
การเรียนรูท้ ่ี 1 หนา้ 10
6. นักเรียนในกลุ่มร่วมกนั จับคู่ผู้ราฝา่ ยชายและฝ่ายหญิงตามสถานการณ์และเง่ือนไขท่ีกาหนด และตอบ
คาถามลงในกจิ กรรมฝึกทักษะท่ี 1
7. ครูถามนักเรียนว่าจากสถานการณ์ทีก่ าหนดให้ นกั เรียนคิดวา่ เพราะเหตุใด จึงต้องใชเ้ หตุผลเชิงตรรกะ
ในการแกป้ ัญหานี้ จากนั้นครูและนักเรียนรว่ มกันอภิปรายจนไดข้ ้อสรุปร่วมกัน
8. ครมู อบหมายงานใหน้ ักเรียนทาแบบฝึกหัด เร่ืองเหตุผลเชงิ ตรรกะกับการแกป้ ัญหา ในแบบฝกึ หดั
รายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป.6 หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 1 หนา้ 3-5 เพอ่ื
ทบทวนความรู้
ชวั่ โมงท่ี 3
ข้ันสอน (ต่อ) (60 นาที)
ขยายความเข้าใจ
1. ครูและนกั เรยี นทบทวนความรู้เดิมทีเ่ รียนในชว่ั โมงท่ีแล้ว เรอื่ งการแก้ปัญหาด้วยเหตผุ ลเชงิ ตรรกะ
2. ครูถามนักเรียนว่า นักเรียนเคยเห็นกองเชียร์นักกีฬาท่ีนั่งอยู่บนอัฒจันทร์หรือไม่ จากน้ันครูเปิด
วดี ิทศั นก์ ารแปลอกั ษรบนอฒั จนั ทร์ใหน้ กั เรียนดู
โรงเรียนเทศบาลวารินวชิ าชาติ สังกดั กองการศกึ ษา เทศบาลเมืองวารนิ ชาราบ
7
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 การแก้ปัญหาโดยใชเ้ หตผุ ลเชงิ ตรรกะ
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 1 เหตผุ ลเชิงตรรกะกับการแก้ปญั หา
3. ครูใหน้ กั เรยี นนั่งตามกลุม่ เดมิ และสมมติบทบาทให้นกั เรียนเปน็ ผ้คู มุ กองเชียร์ โดยให้นักเรียนแต่
ละกลมุ่ ร่วมกนั อา่ นสถานการณ์ในกิจกรรมฝึกทักษะท่ี 2 เร่ืองเชียร์กีฬา พาเพลิน ในแบบฝกึ หดั
รายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป.6 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 1 หน้า 12
4. นกั เรียนในกลมุ่ ร่วมกนั ทากิจกรรมฝกึ ทักษะท่ี 2 เรื่องเชียรก์ ีฬา พาเพลิน โดยนกั เรยี นจะตอ้ ง
ระบายสลี ง ในตารางให้ถกู ต้องตามเงื่อนไข และทายวา่ รปู ท่ีอยูใ่ นตารางคอื รปู อะไร โดยตาราง
เปรยี บเสมือนกองเชียรท์ ีน่ งั่ อยบู่ นอัฒจันทร์และสที ่รี ะบายเปรียบเสมอื นป้ายท่นี ักเรยี นบน
อฒั จนั ทร์ชขู น้ึ เพื่อแสดงตัวอกั ษรหรอื รปู ตา่ ง ๆ
5. ครูถามนักเรยี นแตล่ ะกล่มุ ว่านกั เรียนทน่ี ่ังอย่บู นอัฒจันทร์กาลงั ชูป้ายเพื่อแสดงตวั อักษรหรอื รูป
อะไร และสมุ่ ถามนักเรียน 1 กลุ่ม ว่านกั เรียนใช้แนวคิดหรือวธิ กี ารใดในการแก้ปญั หา
6. ครูถามนักเรยี นกลุ่มอ่ืน ๆ วา่ นกั เรียนมีแนวคดิ หรือวิธกี ารแก้ปญั หาเหมือนหรือแตกตา่ งกันกับ
เพือ่ นกลุ่มทแ่ี ลว้ หรอื ไม่ หากมีกลุม่ ทแ่ี ตกต่าง ครูใหน้ ักเรยี นกลมุ่ นน้ั อธบิ ายถงึ ความแตกต่าง
7. ครมู อบหมายงานให้นักเรียนแต่ละกลมุ่ ทากจิ กรรมเร่อื ง การใช้เหตผุ ลเชงิ ตรรกะในชีวิตประจาวัน
โดยนักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ จะต้องหากจิ กรรมที่มีปญั หาเก่ียวข้องกับชวี ติ ประจาวันและใช้เหตุผลเชิง
ตรรกะในการแก้ปญั หามา 1 กจิ กรรม และใหน้ ักเรยี นนาเสนอกิจกรรมในช่ัวโมงถัดไป โดยต้องให้
เพ่ือนกลุ่มอื่นร่วมแก้ปัญหาในกิจกรรมของกล่มุ เราดว้ ย มีเวลานาเสนอกลุ่มละ 7-10 นาที
ชัว่ โมงท่ี 4
ขั้นสอน (ต่อ) (50 นาที)
ตรวจสอบผล
1. ครูบอกนกั เรียนวา่ จากชั่วโมงท่ีแลว้ ครูได้มอบหมายงานให้นักเรียนทากจิ กรรมเร่ือง การใช้เหตุผลเชิง
ตรรกะในชีวิตประจาวัน ในช่ัวโมงน้ีครูจะให้นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานาเสนอกิจกรรมและพาเพ่ือน
กลุ่มอน่ื ทากิจกรรมของเราดว้ ย โดยครูใหเ้ วลาในการนาเสนอกลุ่มละ 7-10 นาที
2. ครใู หน้ กั เรียนแต่ละกล่มุ ออกมานาเสนอและพาเพื่อนทากิจกรรมเรื่องการใชเ้ หตผุ ลเชงิ ตรรกะใน
ชวี ิตประจาวนั
3. ครูสอบถามนักเรียนแต่ละกลุ่มว่า ชอบกิจกรรมของกลุ่มไหนมากที่สุด และนอกจากกิจกรรมที่กลุ่ม
ของเราหรอื ของเพ่ือน ๆ นามาแล้ว นักเรียนมีปัญหาอ่นื ๆ ท่ีต้องใช้แนวคิดเชงิ ตรรกะในการแกป้ ญั หา
อกี หรือไม่
โรงเรียนเทศบาลวารินวิชาชาติ สงั กัด กองการศกึ ษา เทศบาลเมอื งวารนิ ชาราบ
8
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 การแกป้ ญั หาโดยใชเ้ หตผุ ลเชิงตรรกะ
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 1 เหตผุ ลเชิงตรรกะกบั การแกป้ ัญหา
ขน้ั สรปุ (10 นาที)
ตรวจสอบผล
4. นักเรียนและครรู ่วมกนั สรปุ ความรทู้ เี่ รียนมาท้งั หมดเกีย่ วกับการแกป้ ัญหาดว้ ยเหตผุ ลเชิงตรรกะ
10. สื่อแหลง่ การเรียนรู้
1. หนังสือเรยี นรายวชิ าพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.6
2. แบบฝึกหดั รายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.6
3. ใบงานที่ 1.1.1 เรือ่ ง ต่อยอดการแก้ปญั หาดว้ ยเหตผุ ลเชงิ ตรรกะ
4. วีดิทัศน์เรอ่ื งการแปลอักษรจาก https://www.youtube.com/watch?v=M4xp926Q4O8
11. การวดั และการประเมนิ ผล
การประเมนิ ระหวา่ งการจัดกิจกรรม
จุดประสงค์ วิธีการประเมิน เครอื่ งมอื การประเมิน เกณฑ์การประเมนิ
แบบประเมนิ การทาใบ สามารถออกแบบการ
ออกแบบการแกป้ ัญหาใน ตรวจใบงานท่ี 1.1.1 งานที1่ .1.1 เร่อื ง ต่อยอด แก้ปัญหาโดยใชเ้ หตุผล
การแกป้ ัญหาด้วยเหตุผล เชิงตรรกะ ระดับคณุ ภาพ
ชีวิตประจาวันได้ โดยใช้ เรือ่ ง ตอ่ ยอดการ เชิงตรรกะ พอใช้ขนึ้ ไป
เหตุผลเชิงตรรกะ (K,P) แก้ปญั หาดว้ ยเหตผุ ลเชิง
ตรรกะ
ยกตวั อยา่ งการแก้ปญั หา ตรวจกจิ กรรมฝึกทักษะท่ี กจิ กรรมฝกึ ทกั ษะที่ 1 สามารถแก้ปญั หาได้
โดยใช้เหตผุ ลเชงิ ตรรกะ 1 เรอ่ื งจบั คูร่ าวง เรอ่ื งจบั คู่ราวงมาตรฐาน ถกู ต้องตามเง่ือนไข 60%
ในชีวติ ประจาวนั ได้ (A) มาตรฐาน ข้ึนไป
ตรวจกิจกรรมฝึกทักษะท่ี กิจกรรมฝึกทักษะที่ 2 สามารถแก้ปัญหาได้
2 เชียรก์ ีฬา พาเพลิน เชยี รก์ ฬี า พาเพลนิ ถูกต้องตามเงอื่ นไข 60%
ขน้ึ ไป
ประเมนิ การนาเสนอ แบบประเมินการนาเสนอ สามารถนาเสนอ เรื่อง
เรอ่ื ง การใช้เหตผุ ลเชิง เรอื่ ง การใชเ้ หตุผลเชิง การใช้เหตผุ ลเชงิ ตรรกะ
ตรรกะในชวี ิตประจาวัน ตรรกะในชวี ิตประจาวัน ในชีวติ ประจาวนั ระดับ
คณุ ภาพระดบั พอใช้ข้นึ
ไป
โรงเรยี นเทศบาลวารินวชิ าชาติ สงั กัด กองการศึกษา เทศบาลเมอื งวารินชาราบ
9
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 การแก้ปัญหาโดยใชเ้ หตผุ ลเชิงตรรกะ
แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 1 เหตุผลเชงิ ตรรกะกับการแก้ปญั หา
12. บันทกึ ผลหลังการสอน
ผลการจัดการเรียนการสอน
ปัญหา/อปุ สรรค
แนวทางแก้ไข
ครูผ้สู อน
( นายอัครพล พลชยั )
ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครชู านาญการ
13. ความเหน็ ของผบู้ ริหารสถานศกึ ษาหรือผ้ทู ไี่ ด้รบั มอบหมาย )
ขอ้ เสนอแนะ .......
ลงชื่อ
(
ตาแหนง่
โรงเรยี นเทศบาลวารินวชิ าชาติ สังกัด กองการศกึ ษา เทศบาลเมืองวารนิ ชาราบ
10
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 การแกป้ ญั หาโดยใชเ้ หตผุ ลเชงิ ตรรกะ
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 2 แนวคดิ ในการแกป้ ญั หา
แผนการจัดการเรียนรูท้ ่ี 2
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 การแก้ปัญหาโดยใช้เหตุผลเชิงตรรกะ เวลา 8 ชั่วโมง
เรอื่ ง แนวคิดในการแก้ปัญหา เวลา 4 ชั่วโมง
รายวิชา วิทยาการคานวณ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 6
1. มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตัวชี้วัด
สาระที่ 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคานวณในการแก้ปัญหาท่ีพบในชีวิตจริงอย่างเป็นข้ันตอน
และเป็นระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรียนรู้ การทางาน และการแก้ปัญหาได้อย่างมี
ประสทิ ธิภาพ รู้เทา่ ทันและมจี รยิ ธรรม
ตัวช้ีวัด ป.6/1 ใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการอธิบายและออกแบบ วิธีการแก้ปัญหาท่ีพบใน
ชีวติ ประจาวนั
2. จุดประสงค์การเรียนรู้
1. อธิบายกระบวนการทางานหรือการแกป้ ญั หา โดยใช้แนวคดิ แบบตา่ ง ๆ ได้ (K)
2. ออกแบบกระบวนการทางานหรอื การแกป้ ญั หา โดยใช้แนวคิดแบบตา่ ง ๆ ได้ (P)
3. ยกตวั อยา่ งการแก้ปญั หาโดยใช้แนวคิดการทางานแบบต่าง ๆ ในชวี ติ ประจาวนั ได้ (A)
3. สาระสาคัญ
แนวคิดในการแก้ปัญหา คือแนวคิดท่ีใช้ในการพิจารณากระบวนการทางานหรือการแก้ปัญหาต่าง ๆ
อย่างเป็นขั้นตอน ชว่ ยให้การทางานและการแกป้ ัญหาสามารถทาไดง้ ่ายและมปี ระสทิ ธิภาพ โดยแนวคิดในการ
แก้ปัญหามี 3 รูปแบบคือ แนวคิดการทางานแบบลาดับ แนวคิดการทางานแบบวนซ้า และแนวคิดการทางาน
แบบมีเงือ่ นไข
4. สาระการเรยี นรู้
แนวคดิ ในการแก้ปัญหา
5. รูปแบบการสอน/วธิ กี ารสอน
1. วธิ ีการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)
2. วธิ กี ารสอนแบบกระบวนการกลุ่ม
3. เทคนิคตามแนวคดิ เชงิ คานวณ
โรงเรียนเทศบาลวารินวิชาชาติ สังกัด กองการศกึ ษา เทศบาลเมืองวารินชาราบ
11
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1 การแกป้ ญั หาโดยใชเ้ หตุผลเชงิ ตรรกะ
แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 2 แนวคิดในการแกป้ ัญหา
6. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน
ความสามารถในการส่ือสาร
ความสามารถในการคิด
ความสามารถในการแก้ปัญหา
ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
7. ทักษะ 4 Cs
ทกั ษะการคดิ วิจารณญาณ (Critical Thinking)
ทักษะการทางานรว่ มกนั (Collaboration Skill)
ทกั ษะการสื่อสาร (Communication Skill)
ทักษะความคิดสรา้ งสรรค์ (Creative Thinking)
8. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ซ่อื สตั ย์ สจุ รติ
รกั ชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์ ใฝเ่ รยี นรู้
มีวินัย มงุ่ มั่นในการทางาน
อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง มีจิตสาธารณะ
รกั ความเป็นไทย
9. การจัดกระบวนการเรียนรู้
ชว่ั โมงท่ี 1
ข้นั นา (10 นาที)
กระตนุ้ ความสนใจ
1. ครูใหน้ ักเรียนดูภาพจานวน 3 คู่ โดยเป็นภาพทแี่ สดงถึงแนวคิดการทางานแบบลาดับ 1 คู่ ภาพที่
แสดงถึงแนวคิดการทางานแบบวนซ้า 1 คู่ และภาพทแ่ี สดงถึงแนวคิดการทางานแบบเงื่อนไข 1 คู่
แต่ครไู ม่ต้องบอกนกั เรยี นวา่ ภาพแตล่ ะคเู่ ป็นการทางานแบบใด
ตวั อย่างภาพทีแ่ สดงถึงแนวคดิ การทางานแบบลาดับ
1) ภาพการตกแต่งหน้าเค้ก โดยมีการอบขนมเค้ก > ทาครีมปิดเน้ือเค้ก > บีบครีมบนเค้ก >
ใสผ่ ลไม,้ คุกกี้เพ่อื ตกแตง่ หนา้ เคก้
โรงเรยี นเทศบาลวารินวิชาชาติ สงั กดั กองการศกึ ษา เทศบาลเมืองวารินชาราบ
12
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 1 การแก้ปญั หาโดยใชเ้ หตุผลเชงิ ตรรกะ
แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 2 แนวคิดในการแกป้ ญั หา
2) ภาพการซักผ้าโดยมีการเปิดน้าใส่กะละมัง > ใส่ผงซักฟอก > นาผ้าใส่ในกะละมังแล้วขยี้
ผ้า > ลา้ งผ้าดว้ ยน้าสะอาด > บิดผา้ > ตากผา้
ตวั อย่างภาพท่แี สดงถงึ แนวคดิ การทางานแบบวนซา้
1) ภาพการรดนา้ ต้นไมจ้ านวนหลาย ๆ ตน้ โดยรดนา้ ตน้ ไม้ทลี ะต้น จนหมด
2) ภาพการหยบิ หนังสือวางใส่ชั้นวางหนงั สอื โดยหยิบหนงั สอื ทลี ะเล่ม จนหมด
ตวั อย่างภาพทแ่ี สดงถึงแนวคดิ การทางานแบบเงื่อนไข
1) ภาพการกรอกน้าส่ขวดโดยใช้ตู้น้าหยอดเหรียญ ท่ีมีปุ๋มสแี ดงให้กดหยุดน้า โดยตรวจสอบ
ว่าน้าเต็มขวดหรือยัง หากยังให้รอจนนา้ เต็มขวด หากเต็มขวดแลว้ ใหก้ ดปุ่มสแี ดง
2) ภาพคนกาลังตรวจสอบแต้มสะสมในบัตรสมาชิก เพ่ือลดราคาสินค้า โดยหากมีแต้ม
จานวนหนงึ่ จะไดร้ ับส่วนลด 5% หากมีแต้มอีกจานวนหน่งึ จะได้รบั ส่วนลด 10%
2. ครูให้นักเรียนพิจารณาว่า ภาพแต่ละคู่มีอะไรท่ีซ้ากัน และเปรียบเทียบภาพทั้ง 3 คู่ว่ามีความ
แตกตา่ งกันอย่างไร
ขัน้ สอน (50 นาท)ี
สารวจค้นหา
3. ครูถามคาถามประจาเร่ืองในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการ
คานวณ) ป.6 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 1 หนา้ 9 ว่าแนวคิดในการแกป้ ัญหามีความสาคัญอยา่ งไร
4. นักเรียนศึกษาข้อมูลเบื้องต้น เรื่องแนวคิดการทางานแบบลาดับ ในหนังสือเรียนรายวิชาพ้ืนฐาน
วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.6 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 หน้า 9 เร่ืองแนวคิดการ
ทางานแบบเงื่อนไขในหนังสือเรียนหน้า 12 และเรื่องแนวคิดการทางานแบบวนซ้า ในหนังสือ
เรียนหนา้ 15
อธบิ ายความรู้
5. ครูและนักเรียนร่วมกันตอบคาถามเก่ียวกับเร่ืองแนวคิดการทางานแบบลาดับตามท่ีนักเรียนได้
ศกึ ษามาแลว้ ในหนงั สือเรียน
ประเด็นคาถาม
1) ห้องของปูมีองค์ประกอบอะไรบ้าง (คาตอบ: หน้าต่าง, ชั้นวางของ, เตียงนอน และตู้
เสอื้ ผา้ )
2) ปกู าลงั จะทาอะไร (คาตอบ: ทาความสะอาดห้องนอน)
3) ปูมีข้ันตอนในการทาความสะอาดห้องอย่างไร (กวาดหยากไย่บนเพดาน > ทาความ
สะอาดตู้ > เช็ดหน้าต่าง > ทาความสะอาดชั้นวางของ > เปลี่ยนผ้าปูท่ีนอน > กวาด
และถูพื้น)
โรงเรยี นเทศบาลวารนิ วชิ าชาติ สงั กดั กองการศกึ ษา เทศบาลเมืองวารนิ ชาราบ
13
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 1 การแกป้ ญั หาโดยใชเ้ หตุผลเชงิ ตรรกะ
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 2 แนวคดิ ในการแก้ปัญหา
4) เพราะเหตุใด ปูจึงเลอื กทาความสะอาดในบรเิ วณที่อยสู่ ูงกอ่ น แลว้ จึงไล่ลงมาบริเวณทต่ี ่า
ทีส่ ุด (แนวคาตอบ: เพราะถ้าหากทาความสะอาดพน้ื หรือส่ิงท่ีอยขู่ ้างล่างก่อน แลว้ ไปทา
ความสะอาดสง่ิ ทอี่ ยสู่ ูงกว่า จะทาใหเ้ ศษฝนุ่ หรือเศษขยะต่าง ๆ หล่นลงมาที่พื้น และตอ้ ง
ทาความสะอาดพน้ื อกี รอบ)
5) ห ากปู ไม่มี การวางแผน ห รือไม่มีแน วคิดใน การแก้ปั ญ ห า จะเกิดอะไรขึ้น
(แนวคาตอบ: จะทาใหก้ ารทางานซา้ ซอ้ นและมหี ลายขน้ั ตอนมากยิ่งข้นึ )
6. ครูถามนักเรียนเพ่ิมเติมอกี ว่า หากนักเรียนต้องทาความสะอาดห้องนอนของปู นักเรียนจะเริ่มทา
อะไรก่อน เพราะเหตุใด มีนักเรียนคนใดท่ีมีวิธีการทาความสะอาดแตกต่างจากปูบ้าง ครูให้
นักเรียนอธิบายถึงความแตกต่าง จากนั้นครูบอกกับนักเรียนว่าการแก้ปัญหาใดปัญหาหน่ึง
สามารถมไี ดม้ ากกวา่ 1 วิธกี ไ็ ด้
7. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเก่ียวกับการทาความสะอาดห้องนอนของปู โดยได้ข้อสรุปร่วมกันว่า
การทางานดังกล่าวเป็นการทางานที่มีลาดับก่อน-หลังอย่างชัดเจน โดยต้องทางานในข้ันแรกให้
สาเร็จก่อน จึงจะเข้าสู่ขั้นตอนถัดไปได้ ซึ่งการทางานในลักษณะนี้เรียกว่า การทางานแบบลาดับ
ซึง่ เป็นแนวคดิ ในการแก้ปัญหาแนวคดิ หนึ่ง
8. ครูสุ่มนักเรียน 3-4 คน เพื่อถามคาถามท้าทายความคิดขั้นสูงในหนังสือเรียนหน้า 10 ว่า เพราะ
เหตุใด เราจึงไม่ควรใส่รองเท้าก่อนสวมเส้ือและกางเกง (แนวคาตอบ: เพราะหากใส่รองเท้าก่อน
อาจจะทาให้เราใส่กางเกงไม่สะดวก และกางเกงอาจเป้อื นได)้
9. ครูและนกั เรยี นร่วมกนั ตอบคาถามเก่ยี วกับเร่ืองแนวคดิ การทางานแบบเง่ือนไขตามท่นี ักเรียนได้
ศึกษามาแลว้ ในหนงั สือเรยี น
ประเดน็ คาถาม
1) นักเรียนเคยสังเกตไหมว่า ถังขยะที่เราเคยเห็นอยู่ตามที่ต่าง ๆ มีหลายสี แต่ละสีมีความ
แตกต่างกันอย่างไร (แนวคาตอบ: สีของถังขยะ บ่งบอกถึงประเภทของขยะที่ควรทิ้งลง
ไปในถังน้ัน เช่น ถงั ขยะสีนา้ เงนิ ตอ้ งใสช่ ยะประเภทรไี ซเคลิ )
2) หากเรามีขยะประเภทเศษอาหาร เราควรท้ิงลงถงั ขยะสีอะไรเพราะเหตุใด (แนวคาตอบ:
ควรท้ิงลงถังชยะใบสีเขียว เพราะเป็นถังที่ใส่ขยะแบบย่อยสลายได้ ซ่ึงเศษอาหารเป็น
ขยะที่ย่อยสลายได้)
3) หากเราไม่ทราบหรือไม่เข้าใจเงื่อนไขในการทิ้งขยะ เราจะทิ้งขยะได้ถูกต้องตามประเภท
หรือไม่ และหากเราท้ิงขยะผิดประเภท จะส่งผลอะไร (แนวคาตอบ ไม่ถูกต้อง โดยหาก
ทิ้งขยะผิดประเภทจะส่งผลต่อความยากลาบากในการกาจัดขยะ และขยะที่มีพิษอาจจะ
ไปปนเปื้อนกับขยะทสี่ ามารถนาไปรีไซเคลิ ได้)
10. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้ว่าการทางานในลักษณะนี้เป็นการทางานแบบมีเง่ือนไข ซ่ึงเรา
จะต้องเข้าใจเง่ือนไขต่าง ๆ ให้ชัดเจนก่อน และต้องใช้เหตุผลเชิงตรรกะมาช่วยพิจารณาด้วย
เพอ่ื ใหไ้ ดค้ าตอบหรือผลลพั ธต์ ามเง่อื นไขที่กาหนด
โรงเรยี นเทศบาลวารินวิชาชาติ สังกดั กองการศึกษา เทศบาลเมอื งวารนิ ชาราบ
14
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 การแกป้ ัญหาโดยใชเ้ หตผุ ลเชงิ ตรรกะ
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 2 แนวคิดในการแกป้ ัญหา
ชั่วโมงที่ 2
ขั้นสอน (ต่อ) (60 นาท)ี
อธิบายความรู้
1. ครูและนักเรียนร่วมกันทบทวนความรู้เดิมท่ีเรียนในชั่วโมงที่แล้วว่า เราได้รู้จักแนวคิดในการ
แก้ปัญหามาแล้ว 2 แนวคิด ได้แก่ แนวคิดการทางานแบบลาดับ และแนวคิดการทางานแบบ
เงือ่ นไข
2. ครแู ละนักเรียนรว่ มกนั ตอบคาถามเกยี่ วกับเรอื่ งแนวคิดการทางานแบบวนซ้าตามที่นักเรียนได้
ศกึ ษามาแลว้ ในหนังสือเรยี น
ประเดน็ คาถาม
1) ให้นักเรียนดูภาพตัวอย่างแรกในหนังสือเรียน แล้วพิจารณาว่า มีการเขียนแนวคิดแบบใด
และมขี นั้ ตอนทัง้ หมดเท่าไร (คาตอบ แนวคดิ แบบลาดับ/ 5 ขนั้ ตอน)
2) นกั เรยี นลองสังเกตท่ภี าพตวั อย่างอกี ครงั้ ว่ามีขนั้ ตอนใดทซี่ ้ากันหรือไม่
3. ครูและนักเรียนร่วมกันถามตอบ จนได้ข้อสรุปร่วมกันว่าในการทางานที่ต้องทาหลายคร้ังเหมือน
ๆ กัน เราสามารถเขียนรวมเป็นขั้นตอนเดียวกันได้ ซึ่งเราเรียกการทางานแบบน้ีว่าการทางาน
แบบวนซ้า โดยการทางานแบบวนซ้ามี 2 แบบคือการทางานแบบวนซ้าที่มีจานวนคร้ังแน่นอน
กับการทางานแบบวนซ้าท่มี จี านวนครัง้ ไมแ่ นน่ อน
4. ครูช้ีให้นักเรียนเห็นว่าตัวอย่างแรกเรื่องการว่ิงแข่ง เป็นการทางานแบบวนซ้าท่ีมีจานวนคร้ัง
แน่นอนเพราะมีการบอกจานวนรอบในการวิ่งทีแ่ น่นอน จากนัน้ ครูยกตัวอยา่ งการทางานแบบวน
ซา้ ท่ีมีจานวนคร้ังไม่แน่นอน โดยให้นักเรียนดูภาพตัวอยา่ งการใช้ขันตักน้าเพื่ออาบน้า ในหนังสือ
เรียนรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.6 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 หน้า
16 โดยครูถามนักเรียนว่า โดยปกติแล้ว เวลาเราอาบน้าโดยใช้ขัน มีใครเคยนับจานวนครั้งท่ีเรา
ตักน้าบ้าง หากเราไม่ได้นับ เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราควรต้องหยุดอาบน้า (แนวคาตอบ จนกว่า
ร่างกายจะสะอาด, จนกว่าจะพอใจ)
5. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเร่ืองการใช้ขันอาบน้าจนได้ข้อสรุปว่า การทางานในลักษณะน้ี
เปน็ แนวคิดการทางานแบบวนซ้าทมี่ ีจานวนคร้ังไม่แนน่ อน โดยจะมีการทาซ้าไปเรือ่ ย ๆ จนกว่า
จะมเี ง่ือนท่สี งั่ ใหห้ ยุด
6. ครูให้ความรู้เพ่ิมเติมเรื่องแนวคิดการทางานแบบวนซ้ากับนักเรียน ในมุม Com Sci ตามหนังสือ
เรียนรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.6 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 หน้า
16
7. ครูมอบมายงานให้นักเรียนทากิจกรรมฝึกทักษะ Com Sci ในหนังสือเรียนรายวิชาพ้ืนฐาน
วิทยาศาสตร์ เทคโนโยี (วิทยาการคานวณ) ป.6 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 หน้า 11 เรื่องการ
เรียงลาดับขัน้ ตอนการผกู เชือกรองเท้า และหนา้ 14 เรื่องการทางานแบบเงอื่ นไข เป็นการบ้าน
โรงเรียนเทศบาลวารนิ วชิ าชาติ สังกัด กองการศกึ ษา เทศบาลเมืองวารินชาราบ
15
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 1 การแกป้ ญั หาโดยใชเ้ หตผุ ลเชงิ ตรรกะ
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 2 แนวคิดในการแกป้ ญั หา
8. หลังจากท่ีนักเรียนได้เรียนรู้แนวคิดครบท้ังหมดแล้ว ครูและนักเรียนสรุปร่วมกันอีกครั้งว่า
แนวคิดในการแก้ปัญหามที ้ังหมด 3 รปู แบบ ได้แก่
- แนวคดิ การแก้ปัญหาแบบลาดับ
- แนวคิดการแก้ปัญหาแบบวนซา้
-แนวคิดการแกป้ ญั หาแบบมีเงือ่ นไข
9. ครูถามคาถามเช่ือมโยงไปถึงรูปภาพ ที่เปิดให้นักเรียนดูในต้นช่ัวโมงท่ีแล้วว่า แต่ละรูปภาพใช้
แนวคดิ การทางานแบบใด
10. ครูนาใบงานที่ 1 เรอ่ื งตอ่ ยอดการแก้ปัญหาเชิงตรรกะ ทนี่ ักเรียนเคยไดท้ าไว้ (ในแผนทแ่ี ล้ว) โดย
นาวิธีการแก้ปัญหาเรื่องการตอบปัญหาภาษาอังกฤษท่ีนักเรียนได้เขียนไว้มาฉายลงบนโปรเจก
เตอร์ หรือเขียนลงบนกระดาน เพ่ือให้นักเรียนพิจารณาว่า วิธีการแก้ปัญหาที่นักเรียนเคยเขียน
ใชแ้ นวคดิ ใดในการแก้ปัญหา
ตัวอย่างวิธีการแก้ปัญหาของนักเรียน เร่ืองการตอบปัญหาภาษาอังกฤษ โดยครูอาจเลือก
ใบงานท่ีมีการเขียนวิธีการแกป้ ญั หาทีด่ หี รอื สมบรู ณท์ ่ีสดุ มาใหน้ กั เรียนพิจารณา
11. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายว่าตัวอย่างท่ีครูให้นักเรียนดู ได้ใช้แนวคิดใดบ้าง โดยได้ข้อสรุป
ร่วมกันว่า ใช้แนวคิดท้ัง 3 แนวคิด โดยข้อ 1-7 ใช้แนวคิดการทางานแบบลาดับ โดยจะมีการ
ทางานแบบวนซ้าและมีเงื่อนไขซ่อนอยู่ นน่ั คือข้อ 4, 5, 6 และ 7 ซงึ่ ใชแ้ นวคิดการทางานแบบวน
ซ้าและแบบมีเงื่อนไขผสมกัน เพราะ หากตรวจสอบข้อความในข้อ 6 แล้วพบว่ายังได้คาตอบไม่
ครบ จะต้องวนซ้ากลับไปที่ข้อ 4 และ 5 เพ่ืออ่านเงื่อนไข และตัดสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ออกอีกครั้ง
โรงเรียนเทศบาลวารินวชิ าชาติ สังกัด กองการศกึ ษา เทศบาลเมืองวารินชาราบ
16
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 การแกป้ ัญหาโดยใชเ้ หตผุ ลเชิงตรรกะ
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 2 แนวคดิ ในการแกป้ ญั หา
และวนซ้าไปเร่ือย ๆ จนกว่าจะไดค้ าตอบครบ (แนวคาตอบอ่ืน ๆ ขนึ้ อย่กู ับตัวอย่างท่ีครูยกมาให้
เด็กพิจารณา)
12. ครูมอบหมายงานให้นักเรียนทากิจกรรมฝึกทักษะ Com Sci ในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน
วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 1 หน้า 17 เร่ืองการทางานแบบ
วนซ้า และแบบฝึกหัดเร่ือง แนวคิดในการแก้ปัญหา ในแบบฝึกหัดรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.6 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 หน้า 6 เป็นการบ้าน เพ่ือทบทวน
ความรทู้ ไ่ี ด้เรียนมาทง้ั หมด
ช่ัวโมงท่ี 3
ข้ันสอน (ตอ่ ) (60 นาท)ี
ขยายความรู้
1. ครูและนักเรยี นร่วมกันทบทวนความรู้เดิมท่ีเคยเรยี นในช่วั โมงทีแ่ ล้ว เร่อื งแนวคดิ ในการแก้ปญั หา
2. ครถู ามนักเรียนวา่ ในชีวติ ประจาวนั ของนกั เรยี นมีกจิ กรรมใดบ้าง ทสี่ ามารถอธบิ ายโดยใช้แนวคิด
การทางานแบบต่าง ๆ ได้ (แนวคาตอบ: การเดินทางไปโรงเรียนด้วยรถยนต์ แล้วรถติดอยู่ท่ี 4
แยก โดยมีสัญญาณไฟจราจร 3 สี คอื แดง เหลอื ง เขียว ซ่ึงเราจะต้องทราบเงื่อนไขก่อนว่าแต่ละ
สีหมายถึงอะไร แลว้ จงึ ทาตามเง่ือนไขน้ันได้)
3. ครบู อกนักเรียนว่า วนั นี้ครูจะให้นักเรียนตามติดชีวิตของลุงคนหน่ึง เขามีชื่อว่าลุงพล เรามาดูกัน
ดีกว่าว่าใน 1 วัน ลุงพลต้องทาอะไรบ้าง แล้วให้นักเรียนช่วยวิเคราะห์ว่ามีช่วงใดบ้าง ท่ีเรา
สามารถใชแ้ นวคิดการทางานแบบต่าง ๆ ในการอธิบายได้
4. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม 3-4 คน จากนั้นครูอ่านสถานการณ์ในกิจกรรมฝึกทักษะที่ 3 ใน
แบบฝึกหัดรายวชิ าพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป.6 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1
หนา้ 14 ใหน้ กั เรียนฟังและใหน้ กั เรียนนกึ ภาพตาม
5. ครูถามนักเรยี นว่าจากสถานการณท์ คี่ รูอา่ นให้ฟงั มีช่วงใดบ้างทีส่ ามารถใช้แนวคิดการทางานแบบ
ต่าง ๆ ในการอธบิ ายได้ โดยครใู ห้นักเรียนในกล่มุ ช่วยกันวเิ คราะห์และเขยี นตอบลงในแบบฝึกหดั
6. ครูเรียกนักเรียนแต่ละกลุ่มให้ออกมานาเสนอหน้าช้ันเรียนว่า สามารถใช้แนวคิดแบบต่าง ๆ
อธิบายเหตุการณ์ในช่วงใดไดบ้ ้าง และลงข้อสรุปร่วมกนั
ตรวจสอบผล
7. ครูถามนักเรียนว่า แล้วในชีวิตประจาวันของนักเรียน มีเหตุการณ์ หรือสถานการณ์ใดบ้าง ที่
สามารถใช้แนวคดิ การทางานแบบตา่ ง ๆ ในการอธิบายได้
8. ครูให้นักเรียนทากิจกรรมเรื่อง แนวคิดการทางานแบบต่าง ๆ ท่ีใช้อธิบายสถานการณ์ใน
ชีวิตประจาวัน โดยครูให้นักเรียนระดมความคิดร่วมกันภายในกลุ่ม และให้นักเรียนแต่ละคน
ร่วมกันเสนอสถานการณ์หรือเหตุการณ์ในชีวิตประจาวันของตนเอง และช่วยกันเลือกเหตุการณ์
โรงเรียนเทศบาลวารนิ วชิ าชาติ สังกัด กองการศกึ ษา เทศบาลเมอื งวารินชาราบ
17
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 การแก้ปญั หาโดยใชเ้ หตผุ ลเชิงตรรกะ
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 2 แนวคิดในการแกป้ ญั หา
หรือสถานการณ์ท่ีดีท่ีสุดของกลุ่มเพื่อมานาเสนอหน้าชั้นเรียน โดยแต่ละกลุ่ม ห้ามใช้เหตุการณ์
หรอื สถานการณ์ทซ่ี ้ากนั
9. ครูแจกกระดาษฟลิปชาร์ท และปากกาสีต่าง ๆ เพ่ือให้นักเรียนช่วยกันวาดภาพหรือเขียน
ข้อความเพ่ืออธิบายเหตุการณ์หรือสถานการณ์น้ัน ๆ หากทาไม่ทันในช่ัวโมงนี้ ให้นักเรียนนา
กลบั ไปทาเป็นการบา้ น และนาเสนอในชวั่ โมงถัดไป
ชั่วโมงท่ี 4
ขั้นสอน (ต่อ) (40 นาที)
1. ครูบอกนักเรยี นว่า จากช่ัวโมงท่ีแล้วครูได้มอบหมายงานให้นักเรียนทากิจกรรมเรื่อง แนวคิดการ
ทางานแบบต่าง ๆ ท่ีใช้อธิบายสถานการณ์ในชีวิตประจาวัน ในช่ัวโมงน้ีครูจะให้นักเรียนแต่ละ
กลุ่มนากระดาษท่ีได้วาดรูปหรือเขียนไว้ ออกมานาเสนอโดยต้องอธิบายถึงแนวคิดต่าง ๆ ให้
ชัดเจน โดยครูใหเ้ วลาในการนาเสนอกลุ่มละ 7-10 นาที
2. ครูให้นักเรียนแต่ละกล่มุ ออกมานาเสนอกิจกรรมเรือ่ ง แนวคิดการทางานแบบต่าง ๆ ที่ใช้อธบิ าย
สถานการณ์ในชวี ิตประจาวนั
3. ครูสอบถามนักเรียนแต่ละกลุ่มว่า สถานการณ์ของกลุ่มใด ที่มีการนาแนวคิดในการแก้ปัญหา
แบบต่าง ๆ มาอธิบายไดช้ ัดเจนท่ีสุด และนอกจากสถานการณ์ของกลุม่ เราหรือของเพ่ือน ๆ แล้ว
ยังมสี ถานการณ์อน่ื ๆ อกี หรอื ไม่
ขั้นสรุป (20 นาท)ี
4. ครูให้นักเรียนตรวจสอบตนเองจากการเรียนเน้ือหาในหน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่องการแก้ปัญหา
โดยใช้เหตุผลเชิงตรรกะ ในหนังสือเรียนรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการ
คานวณ) หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 หน้า 18
5. ครูและนักเรียนสรุปความรู้ประจาหน่วยร่วมกัน โดยดูแผนผังสรุปสาระสาคัญท้ายหน่วย ใน
หนังสือเรียนรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1
หน้า 19
6. ครูมอบหมายงานให้นักเรียนทากิจกรรมเสริมสร้างการเรียนรู้ ในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน
วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 1 หน้า 20-21 เปน็ การบ้าน
7. ครมู อบหมายงานให้นกั เรียนทาชนิ้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) เปน็ การบ้าน
8. ครใู ห้นกั เรียนเล่นเกมทางของฉนั ในกิจกรรมเลน่ เกมกบั Com Sci ตามหนังสือเรยี นรายวิชา
พ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 1 หนา้ 18
9. ครูใหน้ ักเรยี นทาแบบทดสอบหลังเรยี น
โรงเรยี นเทศบาลวารนิ วิชาชาติ สงั กัด กองการศกึ ษา เทศบาลเมอื งวารินชาราบ
18
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 การแกป้ ญั หาโดยใชเ้ หตุผลเชงิ ตรรกะ
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 2 แนวคดิ ในการแกป้ ัญหา
10. สื่อแหล่งการเรยี นรู้
1. หนงั สือเรียนรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.6
2. แบบฝกึ หัดรายวชิ าพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.6
11. การวัดและการประเมนิ ผล
การประเมนิ ระหว่างการจดั กิจกรรม
จดุ ประสงค์ วิธีการประเมิน เคร่ืองมือการประเมนิ เกณฑ์การประเมิน
อธิบายกระบวนการ ตรวจกิจกรรมฝกึ ทักษะ แบบประเมนิ การทา สามารถอธิบาย
ทางานหรือการแกป้ ญั หา ท่ี 3 เรอื่ ง ตามตดิ ชวี ิตลุง กจิ กรรมฝกึ ทักษะที่ 3 กระบวนการทางาน หรือ
โดยใช้แนวคดิ แบบต่าง ๆ พล เร่อื ง ตามตดิ ชวี ิตลุงพล การแก้ปัญหา โดยใช้
ได้ (K) แนวคดิ แบบต่าง ๆ ระดบั
คณุ ภาพพอใชข้ ้นึ ไป
ออกแบบกระบวนการ ตรวจกิจกรรมฝึกทักษะ แบบประเมนิ การทา สามารถออกแบบ
ทางานหรอื การแก้ปญั หา ท่ี 3 เรื่อง ตามติดชวี ติ ลงุ
โดยใช้แนวคดิ แบบตา่ ง ๆ พล กจิ กรรมฝึกทกั ษะท่ี 3 กระบวนการทางาน หรือ
ได้ (P)
เรื่อง ตามตดิ ชีวติ ลงุ พล การแกป้ ัญหา โดยใช้
แนวคดิ แบบต่าง ๆ ระดับ
คุณภาพพอใช้ข้นึ ไป
ยกตวั อยา่ งการแก้ปัญหา ประเมนิ การนาเสนอ แบบประเมินการนาเสนอ สามารถนาเสนอ เร่ือง
โดยใช้แนวคดิ การทางาน เรอ่ื ง แนวคดิ การทางาน
แบบต่าง ๆ ใน แบบต่าง ๆ ที่ใช้อธิบาย เร่อื ง แนวคิดการทางาน แนวคิดการทางานแบบ
ชวี ติ ประจาวันได้ (A) สถานการณ์ใน
ชีวิตประจาวนั แบบต่าง ๆ ทใี่ ช้อธบิ าย ต่าง ๆ ที่ใช้อธบิ าย
สถานการณ์ใน สถานการณ์ใน
ชีวติ ประจาวนั ชวี ิตประจาวนั ระดับ
คณุ ภาพระดับพอใช้ข้ึน
ไป
โรงเรียนเทศบาลวารนิ วชิ าชาติ สังกัด กองการศึกษา เทศบาลเมอื งวารินชาราบ
19
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 การแกป้ ญั หาโดยใชเ้ หตุผลเชงิ ตรรกะ
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 2 แนวคิดในการแก้ปญั หา
12. บนั ทึกผลหลังการสอน
ผลการจดั การเรียนการสอน
ปญั หา/อปุ สรรค
แนวทางแก้ไข
ครผู ้สู อน
( นายอัครพล พลชยั )
ตำแหนง่ ครู วิทยฐานะ ครูชานาญการ
13. ความเหน็ ของผู้บริหารสถานศึกษาหรือผู้ทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย )
ขอ้ เสนอแนะ .......
ลงชือ่
(
ตาแหนง่
โรงเรียนเทศบาลวารินวชิ าชาติ สังกดั กองการศกึ ษา เทศบาลเมืองวารินชาราบ
20
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 การออกแบบและเขยี นโปรแกรมอย่างง่าย เวลา 16 ชัว่ โมง
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 1 การออกแบบโปรแกรมดว้ ยการเขียนขอ้ ความ เวลา 2 ชวั่ โมง
ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 6
แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ 1
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 2 การออกแบบและเขยี นโปรแกรมอย่างงา่ ย
เรอ่ื ง การออกแบบโปรแกรมด้วยการเขียนข้อความ
รายวิชา วิทยาการคานวณ กล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด
สาระที่ 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคานวณในการแก้ปัญหาท่ีพบในชีวิตจริงอย่างเป็นข้ันตอน
และเป็นระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารในการเรียนรู้ การทางาน และการแก้ปัญหาได้อย่างมี
ประสทิ ธิภาพ รเู้ ทา่ ทันและมีจรยิ ธรรม
ตวั ช้ีวดั ป.6/2 ออกแบบและเขียนโปรแกรมอย่างง่าย เพ่อื แก้ปัญหาในชีวิตประจาวนั ตรวจหา
ข้อผดิ พลาดของโปรแกรมและแก้ไข
2. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. อธบิ ายขนั้ ตอนการออกแบบโปรแกรมดว้ ยการเขียนข้อความได้ (K)
2. ออกแบบโปรแกรมด้วยการเขยี นขอ้ ความได้ (P)
3. ยกตวั อย่างการเขยี นโปรแกรมอยา่ งงา่ ยในชวี ติ ประจาวันได้ (A)
3. สาระสาคัญ
การออกแบบโปรแกรม เป็นการอธิบายการทางานของโปรแกรมอย่างเป็นลาดับข้ันตอน โดยการ
ออกแบบโปรแกรมสามารถทาได้ทง้ั การเขียนข้อความ และการเขยี นผังงาน
การออกแบบโปรแกรมด้วยการเขยี นข้อความ เป็นการอธบิ ายการทางานของโปรแกรมที่ใชภ้ าษาพดู ที่
เขา้ ใจงา่ ย
4. สาระการเรียนรู้
การออกแบบโปรแกรมด้วยการเขยี นข้อความ
5. รูปแบบการสอน/วิธีการสอน
1. รูปแบบการสอนแบบการอภปิ ราย
2. เทคนิคตามแนวคดิ เชงิ คานวณ
โรงเรยี นเทศบาลวารินวิชาชาติ สงั กัด กองการศึกษา เทศบาลเมืองวารินชาราบ
21
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 การออกแบบและเขยี นโปรแกรมอยา่ งงา่ ย
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 1 การออกแบบโปรแกรมดว้ ยการเขยี นขอ้ ความ
6. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน
ความสามารถในการส่ือสาร
ความสามารถในการคิด
ความสามารถในการแกป้ ัญหา
ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวติ
ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
7. ทกั ษะ 4 Cs
ทักษะการคดิ วิจารณญาณ (Critical Thinking)
ทักษะการทางานร่วมกัน (Collaboration Skill)
ทักษะการสื่อสาร (Communication Skill)
ทกั ษะความคดิ สรา้ งสรรค์ (Creative Thinking)
8. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ซือ่ สัตย์ สจุ ริต
รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ใฝเ่ รียนรู้
มวี นิ ยั มุ่งมัน่ ในการทางาน
อยู่อย่างพอเพียง มจี ติ สาธารณะ
รักความเปน็ ไทย
9. การจดั กระบวนการเรยี นรู้
ช่ัวโมงท่ี 1
1. ครูใหน้ กั เรียนทาแบบทดสอบกอ่ นเรยี น
ขนั้ นา (10 นาท)ี
2. ครูนาเข้าสู่บทเรียนโดยถามนักเรียนว่า ในตอนเช้านักเรียนมีขั้นตอนการแปรงฟันอย่างไรบ้าง ให้
นักเรียนคดิ และส่มุ ถามใหน้ กั เรียน 1-2 คน ตอบคาถาม
3. ครูสนทนากับนักเรยี นว่า นักเรียนรู้ไหมว่านักเรียนสามารถอธิบายขั้นตอนการแปรงฟันด้วยการเขียน
ขอ้ ความเปน็ ข้ันตอนเพอ่ื ให้เข้าใจง่ายขึ้นได้
4. ครูให้นักทากิจกรรมลองทาดู ในแบบฝึกหัดรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการ
คานวณ) ป.6 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 2 หน้า 20 เพือ่ เปน็ การทบทวนความรูเ้ ดมิ
โรงเรียนเทศบาลวารนิ วิชาชาติ สังกัด กองการศึกษา เทศบาลเมืองวารินชาราบ
22
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 2 การออกแบบและเขยี นโปรแกรมอย่างงา่ ย
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 1 การออกแบบโปรแกรมด้วยการเขียนข้อความ
5. ครูถามคาถามประจาหน่วย ในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการ
คานวณ) ป.6 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 หน้า 22 กับนักเรยี นว่า ทาไมจึงต้องมีการออกแบบและตรวจสอบ
การทางานของโปรแกรมอยู่เสมอ โดยครูให้เขียนคาถามนี้ไว้ในสมุดก่อน เมื่อเรียนครบทุกเรื่องใน
หนว่ ยนแ้ี ล้ว คอ่ ยกลับมาตอบอกี คร้ัง
6. ครูถามคาถามประจาเร่ือง ในหนังสือเรียนหนังสือเรียนหน้า 23 กับนักเรียนว่า การออกแบบ
โปรแกรมมปี ระโยชน์อยา่ งไร
(แนวคาตอบ: การออกแบบโปรแกรมจะช่วยอธิบายการทางานของโปรแกรมได้อย่างเป็นลาดับ
ขั้นตอน)
ขั้นสอน (50 นาที)
7. ครูอธิบายการออกแบบโปรแกรมด้วยการเขยี นข้อความ ตามเนอ้ื หาในหนังสอื เรยี นรายวชิ าพนื้ ฐาน
วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป.6 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 2 หนา้ 23 เรอ่ื ง การออกแบบ
โปรแกรมดว้ ยการเขยี นขอ้ ความ โดยยกตัวอย่างการออกแบบโปรแกรมแสดงขัน้ ตอนการทางานของ
พดั ลมตามหนังสือเรียน และตวั อยา่ งเหตุการณ์ในชีวิตประจาวนั ประกอบ
8. ครูให้นกั เรียนแบ่งกล่มุ 3-4 คน เพอื่ ทากจิ กรรม ในแบบฝึกหัดรายวชิ าพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์
เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.6 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 หน้า 21 ข้อที่ 1 โปช้ ่วยแม่ล้างจาน
9. ครูถามนักเรยี นว่า นักเรียนคนใดลา้ งจานเองบ้าง หรอื นักเรยี นคนใดเคยช่วยคณุ พ่อคุณแม่ล้างจาน
บา้ ง จากนนั้ ครูให้นักเรยี นหารือรว่ มกนั ภายในกลุ่มถึงขน้ั ตอนการลา้ งจานว่าต้องทาอยา่ งไรบ้าง
10. ครูให้นักเรยี นเขยี นขั้นตอนการลา้ งจานลงในแบบฝึกหัด เมื่อทาเสรจ็ แล้วใหแ้ ลกเปล่ยี นกับเพอ่ื นกลมุ่
อน่ื เพื่อดวู า่ เพ่ือนเข้าใจขนั้ ตอนท่เี ราเขียนไวห้ รือไม่ มีการข้ามขน้ั ตอนใดไปหรอื ไม่
11. ครูส่มุ ถามนักเรยี น ถงึ ขน้ั ตอนทีน่ ักเรยี นออกแบบจากสถานการณ์ท่ีกาหนดให้ในแบบฝึกหดั ว่าแตล่ ะ
คนเขียนขนั้ ตอนจากสถานการณ์ท่กี าหนดให้ได้ถูกต้องหรือไม่ อยา่ งไร
12. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกันวิเคราะหล์ าดบั ขั้นตอนของโปรแกรมท่ีแต่ละกลุ่มออกแบบ ว่ามีกล่มุ ในทเ่ี ขียน
ขนั้ ตอนออกมาแตกตา่ งกนั บา้ ง แลว้ ผลลพั ธ์ทไี่ ดเ้ หมือนกันหรอื ไม่ อยา่ งไร
13. ครมู อบหมายการบ้านกิจกรรม Com Sci ในหนังสอื เรยี นรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี
(วทิ ยาการคานวณ) ป.6 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 2 หนา้ 24 ให้นักเรียนพจิ ารณาสถานการณ์ท่ีกาหนดให้
แล้วอธบิ ายการทางานเป็นข้อความ
โรงเรยี นเทศบาลวารินวิชาชาติ สงั กดั กองการศกึ ษา เทศบาลเมืองวารนิ ชาราบ
23
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 2 การออกแบบและเขยี นโปรแกรมอยา่ งง่าย
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 1 การออกแบบโปรแกรมดว้ ยการเขียนขอ้ ความ
ชวั่ โมงที่ 2
ข้นั สอน (ต่อ) (50 นาท)ี
1. ครูทบทวนความรู้เดิมทเ่ี รียนในชวั่ โมงทแ่ี ลว้ (เฉลยการบา้ นกิจกรรม Com Sci ในหนังสอื เรียน
รายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป.6 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 2 หนา้ 24
เรอ่ื ง การเขียนโปรแกรมอย่างงา่ ย โดยสมุ่ นักเรยี น 1-2 คน เพ่อื ใหน้ กั เรียนนาเสนอข้นั ตอนทไ่ี ด้
ออกแบบมา โดยใหเ้ พื่อน ๆ ชว่ ยตรวจสอบความถูกต้อง และช่วยเพ่มิ เติมข้อมลู ทย่ี งั ไมค่ รบถ้วน)
2. ครูให้นักเรยี นจับกลมุ่ 3-4 คน เพอ่ื ทากจิ กรรมในแบบฝึกหัด รายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี
(วิทยาการคานวณ) ป.6 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 2 หนา้ 22 ข้อท่ี 2 ปกู าลงั รอขา้ มถนนตรงทางม้าลาย
3. ครูถามนักเรียนวา่ นักเรยี นเคยข้ามถนนทีท่ างมา้ ลายหรือไม่ เม่อื วานนกั เรียนได้ลองเขยี นข้ันตอนการ
ลา้ งจานด้วยการเขียนข้อความไปแลว้ วนั น้ีครจู ะให้นักเรยี นเขียนขน้ั ตอนการขา้ มถนนที่ทางม้าลาย
กันบ้าง จากนั้นครใู หน้ กั เรยี นหารือร่วมกนั ภายในกล่มุ ถงึ ขั้นตอนการขา้ มถนนด้วยทางม้าลายว่าตอ้ ง
ทาอย่างไรบ้าง
4. ครใู หน้ กั เรียนเขยี นขั้นตอนการข้ามถนนดว้ ยทางม้าลายลงในแบบฝึกหัด เมอื่ ทาเสร็จแลว้ ให้
แลกเปลย่ี นกับเพื่อนกลุ่มอ่นื เพ่อื ดวู า่ เพือ่ นเขา้ ใจขั้นตอนทีเ่ ราเขียนไว้หรือไม่ มีการขา้ มข้ันตอนใดไป
หรือไม่
5. ครูส่มุ ถามนักเรียน ถึงขนั้ ตอนท่นี ักเรียนออกแบบจากสถานการณท์ ่ีกาหนดใหใ้ นแบบฝึกหัด ว่าแต่ละ
กลมุ่ เขยี นข้ันตอนจากสถานการณ์ท่ีกาหนดให้ได้ถูกต้องหรือไม่ อยา่ งไร ครแู ละนกั เรียนร่วมกนั
วิเคราะห์ลาดับข้นั ตอนของโปรแกรมท่ีแต่ละกลุ่มออกแบบ ตรวจสอบและชี้แนะลาดับขน้ั ใหถ้ ูกต้อง
และมปี ระสิทธิภาพสูงสุด
ขั้นสรุป (10 นาท)ี
6. ครูบอกนักเรียนว่า การออกแบบโปรแกรมด้วยการเขียนข้อความ เป็นการอธิบายการทางานของ
โปรแกรมท่ีใชภ้ าษาพูดท่เี ข้าใจง่าย การออกแบบโปรแกรมทาได้ทง้ั การเขียนข้อความและการเขียนผัง
งาน ซึง่ จะเรยี นในเร่ืองต่อไป
7. ครใู ห้นักเรียนแตล่ ะกลุม่ อภปิ รายประโยชน์ของการออกแบบโปรแกรมด้วยการเขียนข้อความพร้อมทั้ง
ยกตวั อย่างการนาไปใช้ในชีวิตประจาวนั
10. ส่อื แหลง่ การเรยี นรู้
1. หนงั สอื เรียนรายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป.6
2. แบบฝึกหดั รายวชิ าพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป.6
โรงเรยี นเทศบาลวารินวิชาชาติ สังกดั กองการศึกษา เทศบาลเมอื งวารนิ ชาราบ
24
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 2 การออกแบบและเขยี นโปรแกรมอย่างงา่ ย
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 1 การออกแบบโปรแกรมดว้ ยการเขยี นข้อความ
11. การวัดและการประเมินผล
การประเมนิ ระหว่างการจัดกิจกรรม
จุดประสงค์ วธิ กี ารประเมิน เครื่องมอื การ เกณฑก์ ารประเมนิ
ประเมนิ นกั เรยี นสามารถอธบิ าย
ขนั้ ตอนการออกแบบ
1.อธิบายข้ันตอนการ ตรวจแบบฝึกและกจิ กรรม แบบประเมินการ โปรแกรมด้วยการเขียน
ขอ้ ความไดใ้ นระดบั คณุ ภาพ
ออกแบบโปรแกรมดว้ ยการ ฝกึ ทกั ษะ ทาแบบฝึกหัดและ พอใช้ขน้ึ ไป ถอื วา่ ผ่าน
นกั เรยี นแสดงขน้ั ตอนการ
เขยี นขอ้ ความได้ (K) กิจกรรมฝึกทกั ษะ ออกแบบโปรแกรมด้วยการ
เขียนข้อความได้ในระดบั
2.ออกแบบโปรแกรมด้วย ตรวจแบบฝึกและกิจกรรม แบบประเมินการ คณุ ภาพ พอใช้ขน้ึ ไป ถอื ว่า
การเขียนข้อความได้ (P) ผา่ น
ฝึกทกั ษะ ทาแบบฝกึ หัดและ นกั เรียนสามารถยกตวั อยา่ ง
การออกแบบโปรแกรมดว้ ย
กิจกรรมฝึกทกั ษะ การเขียนข้อความใน
ชีวิตประจาวนั ได้ ในระดับ
3.ยกตัวอยา่ งการเขียน ประเมนิ การนาเสนอ แบบประเมินการ คุณภาพ พอใช้ขน้ึ ไป ถือว่า
โปรแกรมอย่างงา่ ยใน นาเสนอกล่มุ ผ่าน
ชีวิตประจาวนั ได้ (A)
โรงเรยี นเทศบาลวารนิ วิชาชาติ สังกัด กองการศกึ ษา เทศบาลเมืองวารนิ ชาราบ
25
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 2 การออกแบบและเขยี นโปรแกรมอย่างงา่ ย
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 1 การออกแบบโปรแกรมด้วยการเขยี นขอ้ ความ
12. บันทกึ ผลหลังการสอน
ผลการจดั การเรียนการสอน
ปญั หา/อปุ สรรค
แนวทางแก้ไข
ครูผ้สู อน
( นายอคั รพล พลชัย )
ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชานาญการ
13. ความเห็นของผบู้ ริหารสถานศกึ ษาหรือผู้ทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย )
ขอ้ เสนอแนะ .......
ลงชื่อ
(
ตาแหน่ง
โรงเรยี นเทศบาลวารนิ วิชาชาติ สังกัด กองการศึกษา เทศบาลเมืองวารินชาราบ
26
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 การออกแบบและเขยี นโปรแกรมอย่างงา่ ย เวลา 16 ช่วั โมง
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 2 การออกแบบโปรแกรมด้วยการเขียนผงั งาน เวลา 2 ช่ัวโมง
ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี 6
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 2
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 2 การออกแบบและเขยี นโปรแกรมอย่างงา่ ย
เร่อื ง การออกแบบโปรแกรมดว้ ยการเขียนผังงาน
รายวิชา วิทยาการคานวณ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
1. มาตรฐานการเรยี นรู/้ ตวั ชี้วัด
สาระที่ 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคานวณในการแก้ปัญหาท่ีพบในชีวิตจริงอย่างเป็นข้ันตอน
และเป็นระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารในการเรียนรู้ การทางาน และการแก้ปัญหาได้อย่างมี
ประสทิ ธภิ าพ รู้เทา่ ทนั และมจี รยิ ธรรม
ตัวชี้วัด ป.6/2 ออกแบบและเขียนโปรแกรมอย่างง่าย เพื่อแก้ปัญหาในชีวิตประจาวัน ตรวจหา
ขอ้ ผิดพลาดของโปรแกรมและแก้ไข
2. จุดประสงค์การเรียนรู้
1. อธบิ ายข้ันตอนการออกแบบโปรแกรมดว้ ยการเขยี นผงั งานได้ (K)
2. ออกแบบผังงานโดยการเขียนสัญลกั ษณ์แทนความหมายต่าง ๆ ได้ (P)
3. ยกตัวอยา่ งการออกแบบโปรแกรมดว้ ยการเขียนผังงานในชวี ติ ประจาวันได้ (A)
3. สาระสาคัญ
การออกแบบโปรแกรมด้วยการเขียนผังงาน เป็นการอธิบายการทางานของโปรแกรมด้วยการใช้
สัญลักษณ์แทนความหมายต่าง ๆ แนวคิดการเขียนผังงาน (Flowchart) มีหลักการง่าย ๆ 3 ข้อ คือ 1. การ
ทางานแบบลาดับ 2. การทางานแบบทางเลือก 3. การทางานแบบทาซ้า โดยสัญลักษณ์ที่ใช้ในการเขียนผัง
งาน มดี ังนี้
โรงเรียนเทศบาลวารนิ วชิ าชาติ สงั กดั กองการศกึ ษา เทศบาลเมืองวารนิ ชาราบ
27
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 2 การออกแบบและเขยี นโปรแกรมอยา่ งงา่ ย ซ่อื สัตย์ สจุ รติ
แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 2 การออกแบบโปรแกรมด้วยการเขยี นผงั งาน ใฝเ่ รยี นรู้
ม่งุ มน่ั ในการทางาน
4. สาระการเรยี นรู้ มีจติ สาธารณะ
การออกแบบโปรแกรมดว้ ยการเขียนผังงาน
5. รูปแบบการสอน/วธิ ีการสอน
1. รูปแบบการสอนแบบการอภปิ ราย
2. เทคนคิ ตามแนวคิดเชิงคานวณ
6. สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น
ความสามารถในการสื่อสาร
ความสามารถในการคิด
ความสามารถในการแก้ปัญหา
ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ
ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
7. ทักษะ 4 Cs
ทกั ษะการคิดวจิ ารณญาณ (Critical Thinking)
ทกั ษะการทางานร่วมกนั (Collaboration Skill)
ทักษะการสื่อสาร (Communication Skill)
ทักษะความคิดสรา้ งสรรค์ (Creative Thinking)
8. คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์
รกั ชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์
มวี ินยั
อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง
รักความเปน็ ไทย
โรงเรยี นเทศบาลวารนิ วิชาชาติ สงั กัด กองการศกึ ษา เทศบาลเมืองวารนิ ชาราบ
28
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 2 การออกแบบและเขยี นโปรแกรมอย่างง่าย
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 2 การออกแบบโปรแกรมด้วยการเขียนผงั งาน
9. การจดั กระบวนการเรียนรู้
ชว่ั โมงท่ี 1
ขน้ั นา (10 นาที)
1. ครทู บทวนความรู้เดมิ จากคาบที่แลว้ วา่ การออกแบบโปรแกรมสามารถทาได้ด้วยการเขียนข้อความ
2. ครูเช่ือมโยงเข้าสู่บทเรียนโดยอธิบายให้นักเรียนเห็นถึงความสาคัญของการออกแบบการทางานก่อน
การเขยี นโปรแกรม ว่ามอี ะไรบ้าง
ขั้นสอน (50 นาที)
3. ครูอธิบายรายละเอียดข้ันตอนการออกแบบโปรแกรมโดยใช้วิธีการต่าง ๆ และบอกนักเรียนว่าวิธีการ
ออกแบบโดยผังงานเป็นวิธีท่ีนิยมที่สุด เพราะสามารถอธิบายการทางานต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจนและ
เป็นระบบ แล้วให้นักเรียนเร่ิมศึกษาสัญลักษณ์ต่าง ๆ ในผังงาน ในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน
วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.6 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 หน้า 25 เรื่อง การออกแบบ
โปรแกรมดว้ ยการเขยี นผงั งาน
4. ครูให้นักเรียนดูตัวอย่างผังงานแบบต่าง ๆ 2-3 ตัวอย่าง โดยครูเตรียมตัวอย่างขึ้นเอง และดูตัวอย่าง
จากหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.6 หน่วยการเรียนรู้ที่
2 หน้า 26 โดยเร่ิมจากง่ายไปยาก และอธิบายความหมายของสัญลักษณ์ต่าง ๆ ตามลาดับ และคอย
สอบถามความเขา้ ใจ
5. ครูนาตัวอย่างผังงานที่ได้สอนแสดงข้ึนหน้าห้องเรียน และสุ่มนักเรียนขึ้นมา ตอบคาถามเก่ียวกับส่วน
ต่าง ๆ และขั้นตอนของผังงานคนละข้อ เพื่อตรวจสอบความเข้าใจ และเพ่ิมเติมในส่วนท่ีนักเรียนยัง
ตอบไดไ้ มช่ ดั เจน
6. ครูบอกนักเรยี นวา่ ในครงั้ ก่อน เราได้ออกแบบข้ันตอนการลา้ งจานด้วยข้อความไปแล้ว ในครัง้ นี้เราจะ
มาลองเขยี นข้ันตอนการล้างจานโดยผังงานกันบ้าง
7. ครูใหน้ ักเรียนออกแบบผังงาน จากการเขียนขั้นตอนโป้ช่วยแม่ล้างจาน ในแบบฝึกหัดรายวิชาพ้ืนฐาน
วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.6 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 หน้า 23 โดยครูเชื่อมโยงให้
เหน็ ขอ้ ดีของการเขยี นข้นั ตอนการทางานโดยการออกแบบผงั งาน เทียบกบั การอธบิ ายเปน็ ขอ้ ความ
8. ครูและนักเรียนร่วมกันตรวจสอบความถูกต้อง วิเคราะห์ลาดับข้ันตอนของโปรแกรมที่นักเรียน
ออกแบบ จากนน้ั สรปุ และอธิบายเพ่ิมเตมิ ในสว่ นทีย่ ังมีข้อบกพร่องอยู่
ชัว่ โมงท่ี 2
ข้นั สอน (50 นาที)
1. ครูให้นักเรียนทากิจกรรม ในแบบฝึกหัดรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ)
ป.6 หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 2 หนา้ 24-27 แล้วเขยี นขน้ั ตอนวิธกี ารออกแบบโดยผงั งาน
โรงเรยี นเทศบาลวารนิ วชิ าชาติ สังกดั กองการศกึ ษา เทศบาลเมืองวารนิ ชาราบ
29
หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 2 การออกแบบและเขยี นโปรแกรมอยา่ งง่าย
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 2 การออกแบบโปรแกรมดว้ ยการเขียนผงั งาน
2. ครูให้นักเรียนจับกลุ่ม กลุ่มละ 3-5 คน และให้นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันทากิจกรรมฝึกทักษะที่ 1
เรื่อง ชีวิตท่ีง่ายข้ึน ในแบบฝึกหัดรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.6
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 หน้า 37 โดยให้นักเรียนร่วมกันพิจารณาปัญหาในชีวิตประจาวันของนักเรยี นใน
กลุ่ม และเลือกมา 1 ปัญหา พร้อมเขียนผังงานลงในกระดาษฟลิปชาร์ท ภายในเวลา 10 นาที
หลังจากนั้นให้ออกมานาเสนอผลงานหน้าชั้นเรียน พร้อมทั้งบอกประโยชน์ของการออกแบบโปรแกรม
ดว้ ยการเขียนผังงาน โดยเพ่ือนรว่ มช้ันเรียนคอยตรวจสอบความถูกตอ้ งและครูคอยอธิบายเพิ่มเติมใน
สว่ นทย่ี งั มีข้อบกพรอ่ งอยู่ จากน้นั ให้นกั เรยี นตรวจสอบ แกไ้ ข ส่งทา้ ยคาบเรยี น
ข้ันสรปุ (10 นาที)
3. ครมู อบหมายการบ้านกจิ กรรม Com Sci ในหนงั สอื เรียนรายวชิ าพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี
(วิทยาการคานวณ) ป.6 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 หน้า 27 ให้นกั เรียนพิจารณาสถานการณท์ ่ีกาหนดให้
แลว้ เขียนผังงานอธิบายการทางานของโปรแกรม
10. ส่อื แหลง่ การเรียนรู้
1. หนงั สอื เรียนรายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.6
2. แบบฝึกหัดรายวชิ าพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.6
โรงเรียนเทศบาลวารินวิชาชาติ สังกัด กองการศึกษา เทศบาลเมอื งวารนิ ชาราบ
30
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 2 การออกแบบและเขยี นโปรแกรมอยา่ งงา่ ย
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 2 การออกแบบโปรแกรมดว้ ยการเขียนผงั งาน
11. การวดั และการประเมินผล
การประเมนิ ระหว่างการจดั กิจกรรม
จุดประสงค์ วธิ ีการประเมนิ เคร่อื งมอื การประเมิน เกณฑก์ ารประเมนิ
แบบประเมนิ การทา
1.อธบิ ายขัน้ ตอนการ ตรวจแบบฝึกหัดและ แบบฝกึ หดั และกจิ กรรม นกั เรยี นอธิบายขั้นตอน
ฝึกทกั ษะ การออกแบบโปรแกรม
ออกแบบโปรแกรมด้วยการ กิจกรรมฝึกทักษะ ด้วยการเขยี นผังงานไดใ้ น
แบบประเมนิ การทา ระดบั คุณภาพ พอใชข้ ึ้นไป
เขยี นผังงานได้ (K) แบบฝึกหดั และกจิ กรรม ถือว่าผ่าน
ฝึกทักษะ
2.ออกแบบผังงานโดยการ ตรวจแบบฝึกหัดและ นักเรยี นสามารถเขยี น
แบบประเมินการนาเสนอ สัญลักษณ์แทนความหมาย
เขียนสญั ลกั ษณแ์ ทน กิจกรรมฝกึ ทกั ษะ กลุม่ ต่าง ๆ ได้ ในระดบั
คณุ ภาพ พอใช้ขึน้ ไป ถือ
ความหมายตา่ ง ๆ ได้ (P) วา่ ผา่ น
3.ยกตัวอยา่ งการออกแบบ ประเมินการนาเสนอ นักเรียนสามารถ
โปรแกรมด้วยการเขยี นผัง ยกตวั อยา่ งการออกแบบ
งานในชีวติ ประจาวันได้ (A) โปรแกรมดว้ ยการเขียนผัง
งานในชีวติ ประจาวันได้ ใน
ระดบั คุณภาพ พอใชข้ ึน้ ไป
ถือว่าผา่ น
โรงเรียนเทศบาลวารินวชิ าชาติ สงั กัด กองการศกึ ษา เทศบาลเมืองวารินชาราบ
31
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 การออกแบบและเขยี นโปรแกรมอยา่ งง่าย
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 2 การออกแบบโปรแกรมด้วยการเขยี นผงั งาน
12. บันทกึ ผลหลังการสอน
ผลการจัดการเรียนการสอน
ปญั หา/อุปสรรค
แนวทางแก้ไข
ครผู ้สู อน
( นายอัครพล พลชัย )
ตำแหนง่ ครู วิทยฐานะ ครูชานาญการ
13. ความเหน็ ของผบู้ ริหารสถานศึกษาหรือผู้ทไี่ ดร้ บั มอบหมาย )
ขอ้ เสนอแนะ .......
ลงชอ่ื
(
ตาแหน่ง
โรงเรยี นเทศบาลวารนิ วิชาชาติ สังกดั กองการศึกษา เทศบาลเมืองวารินชาราบ
32
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 2 การออกแบบและเขยี นโปรแกรมอยา่ งงา่ ย เวลา 16 ชว่ั โมง
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 3 การเขียนโปรแกรมด้วยภาษา Scratch เวลา 8 ชัว่ โมง
ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 6
แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ 3
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 2 การออกแบบและเขียนโปรแกรมอย่างง่าย
เร่อื ง การเขียนโปรแกรมด้วยภาษา Scratch
รายวชิ า วิทยาการคานวณ กลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
1. มาตรฐานการเรียนรู/้ ตวั ช้ีวัด
สาระท่ี 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคานวณในการแก้ปัญหาท่ีพบในชีวิตจริงอย่างเป็นข้ันตอน
และเป็นระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรียนรู้ การทางาน และการแก้ปัญหาได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ รู้เทา่ ทันและมีจริยธรรม
ตัวช้ีวัด ป.6/2 ออกแบบและเขียนโปรแกรมอย่างง่าย เพื่อแก้ปัญหาในชีวิตประจาวัน ตรวจหา
ขอ้ ผิดพลาดของโปรแกรมและแก้ไข
2. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. อธิบายลาดับขัน้ ตอนการเขียนโปรแกรมดว้ ย Scratch ได้ (K)
2. ออกแบบสร้างโปรแกรมจาก Scratch ตามข้นั ตอนท่ีกาหนดได้ (P)
3. เหน็ ประโยชนข์ องการศึกษาโปรแกรม Scratch (A)
3. สาระสาคัญ
โปรแกรม Scratch เป็นโปรแกรมภาษาคอมพิวเตอร์ มีลักษณะเปน็ บล็อกโปรแกรม (block) นามาต่อ
กันเพื่อสร้างรหัสคาสั่ง (Code) เพื่อสั่งให้โปรแกรม Scratch ทางานตามท่ีได้เขียนโปรแกรมไว้ สามารถ
นามาใช้พัฒนาซอฟต์แวร์เชงิ สรา้ งสรรค์ โดยต้องกาหนดตวั แปร เขียนโปรแกรมอย่างมีเง่ือนไข เขียนโปรแกรม
แบบวนซา้ และเขียนโปรแกรมหาค่า ค.ร.น.
4. สาระการเรยี นรู้
การเขยี นโปรแกรมดว้ ยภาษา Scratch
5. รปู แบบการสอน/วิธีการสอน
1. รูปแบบการสอนแบบการอภปิ ราย
2. เทคนคิ ตามแนวคิดเชิงคานวณ
โรงเรยี นเทศบาลวารินวชิ าชาติ สงั กัด กองการศกึ ษา เทศบาลเมืองวารินชาราบ
33
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 2 การออกแบบและเขยี นโปรแกรมอย่างง่าย ซือ่ สัตย์ สุจรติ
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 3 การเขยี นโปรแกรมด้วยภาษา Scratch ใฝเ่ รยี นรู้
มุ่งมนั่ ในการทางาน
6. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รยี น มจี ิตสาธารณะ
ความสามารถในการสื่อสาร
ความสามารถในการคิด
ความสามารถในการแก้ปัญหา
ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ
ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
7. ทักษะ 4 Cs
ทกั ษะการคิดวจิ ารณญาณ (Critical Thinking)
ทกั ษะการทางานร่วมกนั (Collaboration Skill)
ทกั ษะการสื่อสาร (Communication Skill)
ทกั ษะความคิดสร้างสรรค์ (Creative Thinking)
8. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์
รกั ชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์
มีวินยั
อย่อู ยา่ งพอเพียง
รักความเป็นไทย
9. การจดั กระบวนการเรียนรู้
ชว่ั โมงท่ี 1
ขน้ั นา (10 นาที)
1. ครสู อบถามนกั เรยี นวา่ นกั เรียนเคยใช้งานโปรแกรม Scratch หรือไม่ ถา้ มีนักเรยี นคนใดเคยใช้งาน ให้
นักเรียนออกมาเล่าใหเ้ พื่อนในช้นั ฟงั ว่าใช้งานอย่างไร
2. ครูถามคาถามประจาเร่ืองในหนังสอื เรยี น หนา้ 28 กับนักเรยี นว่า การเขียนโปรแกรมมีประโยชน์
อยา่ งไร เปน็ การกระตุ้นให้นักเรยี นเกดิ ความสนใจ
ขน้ั สอน (50 นาที)
3. ครูอธิบายเรอ่ื งการกาหนดตัวแปร ว่ามีความสาคัญในการเขียนโปรแกรม เพราะเป็นการกาหนดค่าของ
ขอ้ มลู เข้า การระบุค่าขอ้ มลู เพือ่ นามาใช้ในการประมวลผลของโปรแกรมตามเงื่อนไข
โรงเรยี นเทศบาลวารนิ วชิ าชาติ สังกัด กองการศึกษา เทศบาลเมืองวารนิ ชาราบ
34
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 2 การออกแบบและเขยี นโปรแกรมอย่างง่าย
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 3 การเขยี นโปรแกรมดว้ ยภาษา Scratch
4. ครูให้นักเรียนเปิดโปรแกรม Scratch และทดลองเขียนโปรแกรมที่มีการกาหนดตวั แปร ตามตัวอยา่ งใน
หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.6 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2
เรื่อง การเขียนโปรแกรมอย่างง่าย หน้า 28-31 โดยเป็นตัวอย่างการเขียนโปรแกรมคานวณเศษเหลือ
จากการหาร
5. ครูอธบิ ายขน้ั ตอนการทางานโปรแกรมภาษา Scratch ตามตัวอย่างทีละข้ันตอน
6. ครใู หน้ กั เรียนอ่านมุม Com Sci จากหนงั สอื เรยี นหน้า 30 เพอื่ ศึกษาความร้เู พ่ิมเติมเรอื่ งเศษเหลือจาก
การหาร
7. ครูให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายสรุปการทางานของโปรแกรมทีละข้ันตอน ว่าโปรแกรมมีหลักการทางาน
อย่างไร รวมทง้ั ตรวจสอบการทางานและแก้ไขข้อผิดพลาดทเี่ กดิ ข้ึน
8. ให้นักเรียนพิจารณาสถานการณ์ที่กาหนดให้ จากกิจกรรมฝึกทักษะ Com Sci ในหนังสือเรียน รายวิชา
พืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.6 หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 2 เรอื่ ง การเขียนโปรแกรม
อยา่ งง่าย หน้า 32 ใหไ้ ปทาเป็นการบา้ นและมานาเสนอในชวั่ โมงถัดไป
ช่วั โมงที่ 2
ข้ันสอน (ต่อ) (60 นาที)
1. ครูและนักเรยี นทบทวนความรู้เดิม จากกิจกรรมฝึกทักษะ Com Sci ในหนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน
วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.6 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 เรื่อง การเขียนโปรแกรมอยา่ ง
ง่าย หน้า 32 ท่ีให้ไปทาเป็นการบ้านว่าโปรแกรมมีหลักการทางานอย่างไร ตรวจสอบความถูกต้อง
และแลกเปล่ยี นแนวความคดิ กนั ในชั้นเรียน
2. ครูให้นักเรียนถามนา้ หนักของเพ่ือนท่ีอยู่ใกล้ ๆ จานวน 5 คน จากนน้ั ครถู ามนักเรียนวา่ นักเรยี นหา
คา่ เฉล่ียของเพอ่ื น ๆ ท้ัง 5 คนได้หรอื ไม่
3. ครทู บทวนวธิ หี าค่าเฉลี่ยใหน้ ักเรียนฟงั
4. ครใู หน้ ักเรยี นเปิดแบบฝกึ หัดรายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป.6 หนว่ ย
การเรยี นรู้ที่ 2 เร่อื ง การกาหนดตวั แปร หน้า 28 โดยให้นักเรยี นเขยี นออกแบบโปรแกรมรับขอ้ มูล
น้าหนักของเพ่ือน 5 คน แลว้ หาคา่ เฉลย่ี ของน้าหนัก
5. ครูให้นกั เรยี นออกแบบโปรแกรมโดยการเขยี นผงั งานลงในแบบฝกึ หดั ก่อน จากนัน้ จึงเริ่มเขยี น
โปรแกรม
6. ครูสุ่มนกั เรียน 2-3 คน เพ่อื อธบิ ายการทางานของโปรแกรมของตนเอง และสอบถามเพื่อน ๆ ว่ามี
ข้ันตอนการทางานแตกตา่ งจากเพื่อนหรือไม่ อยา่ งไร
7. ครูให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายสรุปการทางานของโปรแกรม ทีละข้ันตอน ว่าโปรแกรมมีหลักการ
ทางานอย่างไร รวมทงั้ ตรวจสอบการทางานและแกไ้ ขขอ้ ผดิ พลาดท่เี กดิ ขึ้น
โรงเรียนเทศบาลวารินวชิ าชาติ สังกดั กองการศกึ ษา เทศบาลเมืองวารินชาราบ
35
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 2 การออกแบบและเขยี นโปรแกรมอย่างงา่ ย
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 3 การเขียนโปรแกรมด้วยภาษา Scratch
ชวั่ โมงท่ี 3
ขน้ั สอน (ต่อ) (60 นาท)ี
1. ครูอธบิ ายการเขยี นโปรแกรมแบบมีเง่ือนไขว่าเปน็ การเขียนโปรแกรมท่สี ร้างเง่ือนไขการทางานตาม
เงอ่ื นไขท่รี ะบไุ ว้
2. ครูใหน้ ักเรียนดูตวั อยา่ งโปรแกรมทมี่ ีการทางานแบบมีเง่อื นไข ในหนงั สือรายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.6 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง การเขียนโปรแกรมแบบมเี งื่อนไข หนา้
33-36 โดยตัวอยา่ งเปน็ โปรแกรมตรวจสอบคะแนนสอบวา่ สอบผ่านหรอื ไม่
3. ครอู ธบิ ายการออกแบบโปรแกรมจากผังงานแสดงข้นั ตอนการตรวจสอบคะแนนสอบ ในหนังสือเรียน
รายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป.6 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 เรือ่ ง การ
เขียนโปรแกรมแบบมเี งื่อนไข หนา้ 34-36 จากนนั้ ใหน้ ักเรยี นเขียนโปรแกรมตรวจสอบตามตวั อย่าง
4. ให้นกั เรยี นพิจารณาสถานการณท์ ่ีกาหนดใหใ้ นใบงานท่ี 2.3.1 เรื่องชว่ ยพ่อคา้ คิดราคา จากนั้นให้
นกั เรียนเริ่มจากการออกแบบผงั งานเพ่ือแสดงวธิ กี ารแกป้ ญั หาของสถานการณ์ก่อน จากน้ันใช้
โปรแกรมภาษา Scratch ในการเขียนโปรแกรม รวมทง้ั ตรวจสอบการทางานและแก้ไขข้อผิดพลาดท่ี
เกิดขึน้
5. ครูมอบหมายงานให้นักเรยี นทาฝึกทักษะ Com Sci ในหนังสอื เรียน รายวชิ าพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.6 หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 2 เรื่อง การเขียนโปรแกรมอยา่ งง่าย หน้า 37
เป็นการบ้าน
ชว่ั โมงที่ 4
ขนั้ สอน (ต่อ) (60 นาที)
1. ครใู ห้นักเรยี นเปดิ แบบฝึกหัดรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.6 หน่วย
การเรยี นรูท้ ่ี 2 เร่ือง การเขยี นโปรแกรมแบบมีเงือ่ นไข หน้า 31-32
2. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3-4 คน หรือตามความเหมาะสม ครูอธิบายสถานการณ์ในแบบฝึกหัด
เร่ืองโปรแกรมตัดเกรด และเช่ือมโยงให้นักเรียนฝึกเขียนโปรแกรม โดยเร่ิมจากการออกแบบผังงาน
เพื่อแสดงวิธีการแก้ปัญหาของสถานการณ์ก่อน จากน้ันใช้โปรแกรมภาษา Scratch ในการเขียน
โปรแกรม รวมท้ังตรวจสอบการทางานและแก้ไขข้อผดิ พลาดทเ่ี กิดขน้ึ
3. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมาอภิปรายสรุปการทางานของโปรแกรม ทีละขั้นตอน ว่าโปรแกรมมี
หลักการทางานอย่างไร แต่ละกลุ่มมีวิธีการออกแบบเหมือนกันหรือไม่ อย่างไร รวมทั้งร่วมกัน
ตรวจสอบการทางานและแก้ไขข้อผดิ พลาดท่เี กดิ ขนึ้
โรงเรยี นเทศบาลวารนิ วชิ าชาติ สังกัด กองการศกึ ษา เทศบาลเมืองวารนิ ชาราบ
36
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 การออกแบบและเขยี นโปรแกรมอยา่ งง่าย
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 3 การเขยี นโปรแกรมดว้ ยภาษา Scratch
ชว่ั โมงที่ 5
ขัน้ สอน (ต่อ) (60 นาท)ี
1. ครพู ดู ถึงการเขียนโปรแกรมว่าเม่อื นักเรยี นสามารถเขยี นโปรแกรมท่ีมกี ารกาหนดตัวแปร และ
โปรแกรมที่มีเงือ่ นไขไดแ้ ล้ว นกั เรียนสามารถนาความรทู้ เี่ รียนกอ่ นหน้านีม้ าใชใ้ นการเขยี นโปรแกรม
แบบวนซ้าได้ โดยในวนั น้ีเราจะเรียนเรือ่ งการเขยี นโปรแกรมแบบวนซ้า
2. ครถู ามนักเรยี นวา่ นักเรียนสังเกตหรอื ไม่วา่ กิจกรรมในแต่ละวันเรามักจะมหี ลายกิจกรรมทตี่ ้องทา
อะไรซ้า ๆ อยเู่ สมอ และใหน้ ักเรยี นชว่ ยยกตัวอยา่ งกจิ กรรมทีต่ ้องทาซ้า ๆ
3. ครูอธิบายเร่ืองการเขียนโปรแกรมแบบวนซ้า ว่าเป็นการเขียนคาส่ังให้โปรแกรมทางานอย่างใดอย่าง
หน่ึงซ้ากันจนกระท่ังครบตามจานวนรอบท่ีกาหนด หรือหยุดเมื่อตรงเงื่อนไขที่กาหนดไว้ เช่น การ
เขยี นโปรแกรมให้แสดงขอ้ มูลตง้ั แต่ 0-99 จะใชว้ ิธีเขียนโปรแกรมแบบวนซา้
4. ให้นักเรียนเขียนโปรแกรมแสดงผลข้อมูล โดยให้ทางานแบบวนซ้า ในหนังสือรายวิชาพ้ืนฐาน
วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.6 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 ในหัวข้อ การเขียนโปรแกรม
แบบวนซ้า หนา้ 38-41
5. ครูถามคาถามท้าทายความคิดขั้นสูงในหนังสือเรียนหน้า 41 ว่า เพราะเหตุใด จึงต้องมีการเขียน
โปรแกรมแบบวนซ้า แทนการเขียนคาส่ังโปรแกรมซ้ากันหลาย ๆ คร้ัง (แนวคาตอบ: เพราะช่วยลด
พื้นท่แี ละลดคาสง่ั ในการเขยี นโปรแกรม)
6. ครูใหน้ กั เรียนรว่ มกันอภปิ รายสรปุ การทางานของโปรแกรมแสดงผลขอ้ มลู โดยใหท้ างานแบบวนซ้า ที
ละข้ันตอน วา่ โปรแกรมมหี ลักการทางานอย่างไร รวมทั้งตรวจสอบการทางานและแกไ้ ขข้อผดิ พลาดท่ี
เกิดขน้ึ
7. ครูให้นักเรยี นทากิจกรรมเล่นเกมกับ Com Sci ตามหนังสือเรียนหน้า 55 โดยให้นกั เรียนใช้โปรแกรม
Scratch ในการสร้างภาพพื้นหลังของชิ้นงาน แล้วใหน้ ักเรยี นเขียนโปรแกรมสร้างภาพต่าง ๆ เชน่ ภาพ
วงกลม สามเหลี่ยม หรือหกเหลย่ี ม
8. ให้นักเรียนพิจารณาสถานการณ์ที่กาหนดให้ จากกิจกรรมฝึกทักษะ Com Sci ในหนังสือเรียน
รายวชิ าพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.6 หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 2 เรอ่ื ง การเขียน
โปรแกรมอย่างง่าย หน้า 48 ใหไ้ ปทาเป็นการบา้ นและมานาเสนอในช่ัวโมงถดั ไป
ชัว่ โมงที่ 6
ขนั้ สอน (ต่อ) (60 นาที)
1. ครูและนักเรียนทบทวนความรู้เดิม จากกิจกรรมฝึกทักษะ Com Sci ในหนังสือเรียน รายวิชาพ้ืนฐาน
วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป.6 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 เร่อื ง การเขยี นโปรแกรมอยา่ ง
ง่าย หน้า 48 ที่ให้ไปทาเป็นการบ้านว่าโปรแกรมมีหลักการทางานอย่างไร ตรวจสอบความถูกต้อง
และแลกเปล่ยี นแนวความคิดกนั ในชัน้ เรียน
โรงเรียนเทศบาลวารนิ วิชาชาติ สงั กัด กองการศกึ ษา เทศบาลเมืองวารนิ ชาราบ
37
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 2 การออกแบบและเขยี นโปรแกรมอย่างง่าย
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 3 การเขยี นโปรแกรมดว้ ยภาษา Scratch
2. ครูแบ่งกลุ่มนักเรียน 3-4 คน ให้นักเรียนทากิจกรรมในแบบฝึกหัดรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.6 หน้า 30 โดยให้นักเรียนเขียนโปรแกรมวาดรูปสี่เหล่ียมจัสตุรัส
และเช่ือมโยงให้นักเรียนฝึกเขียนโปรแกรม โดยเร่ิมจากการออกแบบผังงานเพื่อแสดงวิธีการแก้ปัญหา
ของสถานการณ์กอ่ น จากนั้นใช้โปรแกรมภาษา Scratch ในการเขียนโปรแกรม รวมทั้งตรวจสอบการ
ทางานและแก้ไขขอ้ ผิดพลาดทีเ่ กิดขนึ้
3. ครูบอกนักเรียนว่า นักเรียนสามารถศึกษาเพิ่มเติมเรื่องการเขียนโปรแกรมวาดรูปสี่เหลี่ยมได้ใน
หนงั สือกจิ กรรม Scratch in Action – Animation
4. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมาอภิปรายสรุปการทางานของโปรแกรมทีละข้ันตอน ว่าโปรแกรมมี
หลักการทางานอย่างไร แต่ละกลุ่มมีวิธีการออกแบบเหมือนกันหรือไม่ อย่างไร รวมทั้งร่วมกัน
ตรวจสอบการทางานและแก้ไขขอ้ ผดิ พลาดท่เี กดิ ขน้ึ
ชัว่ โมงท่ี 7
ขนั้ สอน (ต่อ) (60 นาที)
1. ครตู ง้ั โจทย์ใหน้ ักเรียนชว่ ยกนั หาคา่ ค.ร.น. บนกระดาน เพื่อทบทวนความรู้เดิมของผเู้ รยี น และบอก
นกั เรยี นวา่ วันนี้เราจะมาเขียนโปรแกรมเพ่ือหาค่า ค.ร.น. กัน
2. ครูอธิบายเรื่องการเขยี นโปรแกรมหาค่า ค.ร.น. ว่าเปน็ การหาคา่ จานวนเตม็ ท่นี ้อยที่สุด ท่สี ามารถหาร
ตัวเลขตงั้ แต่ 2 จานวนขนึ้ ไป ลงตัวทัง้ หมด ครูอธิบายตัวอย่างการเขียนโปรแกรมหาค่า ค.ร.น ของ
ตวั เลข 2 จานวน ตามตัวอยา่ งหนงั สือเรียนรายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการ
คานวณ) ป.6 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 เรอ่ื ง การเขยี นโปรแกรมอย่างง่าย ในหวั ขอ้ การเขยี นโปรแกรมหา
คา่ ค.ร.น. หนา้ 43
3. ครูให้นักเรียนเขียนโปรแกรมหาค่า ค.ร.น. ตามตัวอย่างในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.6 หน่วยการเรียนรู้ท่ี หน้า 43-47 โดยเร่ิมจากการออกแบบผังงาน
เพ่ือแสดงวิธีการแก้ปัญหาของสถานการณ์ก่อน จากนั้นใช้โปรแกรมภาษา Scratch ในการเขียน
โปรแกรม
ชวั่ โมงท่ี 8
ขั้นสอน (50 นาท)ี
1. ให้นักเรยี นแบ่งกลุ่ม กล่มุ ละ 3-4 คน หรือตามความเหมาะสม พิจารณาสถานการณ์ท่ีกาหนดให้ จาก
กิจกรรมฝึกทักษะ Com Sci ในหนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการ
คานวณ) ป.6 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 หน้า 48 และช่วยกันเขียนโปรแกรม โดยเริ่มจากการออกแบบผัง
โรงเรียนเทศบาลวารินวชิ าชาติ สังกดั กองการศึกษา เทศบาลเมืองวารินชาราบ
38
หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 2 การออกแบบและเขยี นโปรแกรมอยา่ งง่าย
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 3 การเขียนโปรแกรมด้วยภาษา Scratch
งานเพ่ือแสดงวิธีการแก้ปัญหาของสถานการณ์ก่อน จากน้ันใช้โปรแกรมภาษา Scratch ในการเขียน
โปรแกรม
2. ครูให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายสรุปการทางานของโปรแกรมหาค่า ค.ร.น. ทีละขั้นตอนว่าโปรแกรมมี
หลกั การทางานอย่างไร รวมทั้งตรวจสอบการทางานและแก้ไขขอ้ ผดิ พลาดท่ีเกิดข้นึ
3. ครถู ามคาถามท้าทายความคิดข้ันสูงในหนงั สือเรยี นว่า การเขียนโปรแกรมหาค่า ห.ร.ม. สามารถทาได้
อยา่ งไร และแตกตา่ งจากการเขียนโปรแกรมหาค่า ค.ร.น. หรือไม่
ขน้ั สรุป (10 นาที)
4. ครูมอบหมายการบ้านให้นักเรียนเขียนโปรแกรมเครื่องคิดเลข บวก ลบ คูณ หาร ในแบบฝึกหัด
รายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.6 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 หน้า 33 และ
กิจกรรมฝึกทักษะที่ 2 เร่ืองโปรแกรมหาค่า BMI ในแบบฝึกหัดหน้า 38 โดยเร่ิมจากการออกแบบผัง
งานเพื่อแสดงวิธีการแก้ปัญหาของสถานการณ์ก่อน จากน้ันใช้โปรแกรมภาษา Scratch ในการเขียน
โปรแกรม
5. ครูและนักเรยี นร่วมกนั สรุปความรู้ทเ่ี รียนมาทัง้ หมดทา้ ยคาบเรยี น
10. สอื่ แหล่งการเรียนรู้
1. หนังสือเรียนรายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป.6
2. แบบฝกึ หดั รายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป.6
3. หนงั สือกจิ กรรม Scratch in Action-Animation บรษิ ทั อักษร เนกซ์ จากัด
4. ใบงานที่ 2.3.1 เร่อื ง ช่วยพ่อค้าคิดราคา
โรงเรียนเทศบาลวารนิ วิชาชาติ สังกดั กองการศึกษา เทศบาลเมอื งวารินชาราบ
39
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 การออกแบบและเขยี นโปรแกรมอย่างง่าย
แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 3 การเขียนโปรแกรมดว้ ยภาษา Scratch
11. การวัดและการประเมินผล
การประเมนิ ระหวา่ งการจัดกิจกรรม
จุดประสงค์ วิธกี ารประเมิน เครือ่ งมอื การประเมนิ เกณฑ์การประเมิน
แบบประเมนิ การทา นกั เรียนอธบิ ายขัน้ ตอน
1. อธิบายลาดับข้นั ตอน ตรวจแบบฝึกหัดและ แบบฝึกหดั และกิจกรรม การเขยี นโปรแกรมด้วย
ฝึกทักษะ Scratch ได้ในระดับ
การเขียนโปรแกรมด้วย กจิ กรรมฝึกทักษะ คณุ ภาพ พอใช้ขึ้นไป ถือ
แบบประเมนิ การทา ว่าผ่าน
Scratch ได้ (K) แบบฝึกหดั และกจิ กรรม นักเรียนสามารถเขียน
ฝกึ ทกั ษะ โปรแกรมดว้ ย Scratchได้
2. ออกแบบสรา้ ง ตรวจแบบฝึกหดั และ ในระดับคุณภาพ พอใชข้ น้ึ
โปรแกรมจาก Scratch กิจกรรมฝกึ ทกั ษะ แบบประเมินการนาเสนอ ไป ถือวา่ ผ่าน
ตามขน้ั ตอนท่ีกาหนดได้ กลมุ่ นักเรียนสามารถบอก
(P) ประเมนิ การนาเสนอกลมุ่ ประโยชนข์ องการศึกษา
3. เหน็ ประโยชนข์ อง การเขยี นโปรแกรมดว้ ย
การศกึ ษาโปรแกรม Scratchได้ ในระดบั
Scratch (A) คณุ ภาพ พอใช้ข้นึ ไป ถอื
วา่ ผา่ น
โรงเรยี นเทศบาลวารินวชิ าชาติ สังกดั กองการศึกษา เทศบาลเมืองวารินชาราบ
40
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 การออกแบบและเขยี นโปรแกรมอยา่ งง่าย
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 3 การเขยี นโปรแกรมดว้ ยภาษา Scratch
12. บนั ทึกผลหลังการสอน
ผลการจัดการเรยี นการสอน
ปญั หา/อปุ สรรค
แนวทางแก้ไข
ครผู ู้สอน
( นายอัครพล พลชัย )
ตำแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการ
13. ความเห็นของผูบ้ ริหารสถานศกึ ษาหรอื ผทู้ ่ีได้รับมอบหมาย )
ขอ้ เสนอแนะ .......
ลงช่อื
(
ตาแหน่ง
โรงเรียนเทศบาลวารินวิชาชาติ สังกัด กองการศึกษา เทศบาลเมอื งวารินชาราบ
41
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 2 การออกแบบและเขยี นโปรแกรมอย่างงา่ ย
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 4 การตรวจหาข้อผิดพลาดของโปรแกรม
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 4
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 การออกแบบและเขยี นโปรแกรมอย่างง่าย เวลา 16 ชัว่ โมง
เร่ือง การตรวจหาขอ้ ผดิ พลาดของโปรแกรม เวลา 4 ชั่วโมง
รายวชิ า วิทยาการคานวณ กลุ่มสาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 6
1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชี้วัด
สาระท่ี 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคานวณในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงอย่างเป็นข้ันตอน
และเป็นระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรียนรู้ การทางาน และการแก้ปัญหาได้อย่างมี
ประสิทธภิ าพ ร้เู ทา่ ทนั และมจี ริยธรรม
ตัวชี้วัด ป.6/2 ออกแบบและเขียนโปรแกรมอย่างง่าย เพ่ือแก้ปัญหาในชีวิตประจาวัน ตรวจหา
ข้อผิดพลาดของโปรแกรมและแกไ้ ข
2. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. อธิบายวิธีการตรวจหาข้อผิดพลาดของโปรแกรมได้ถูกต้อง (K)
2. ตรวจสอบและแก้ไขข้อผิดพลาดจากการเขียนโปรแกรมได้ (P)
3. ประยกุ ต์ใช้ความรู้และทักษะในชีวติ ประจาวนั ได้ (A)
3. สาระสาคญั
การตรวจหาข้อผิดพลาดของโปรแกรม ในการเขียนโปรแกรมใด ๆ หากมีข้อผิดพลาดเกิดข้ึน หรือ
โปรแกรมไม่เป็นไปตามความต้องการ จะต้องตรวจสอบข้อผิดพลาดที่เกิดข้ึน โดยการตรวจสอบการทางานที
ละคาสั่ง เม่ือพบจุดที่ทาให้โปรแกรมไม่เป็นไปตามต้องการให้แก้ไขข้อผิดพลาดน้ัน จนกว่าจะได้โปรแกรม
ตามท่ีตอ้ งการ
4. สาระการเรียนรู้
การตรวจหาขอ้ ผดิ พลาดของโปรแกรม
5. รูปแบบการสอน/วธิ ีการสอน
1. รูปแบบการสอนแบบการอภิปราย
2. เทคนิคตามแนวคดิ เชิงคานวณ
โรงเรียนเทศบาลวารนิ วิชาชาติ สังกดั กองการศึกษา เทศบาลเมอื งวารินชาราบ
42
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 การออกแบบและเขยี นโปรแกรมอย่างง่าย
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 4 การตรวจหาข้อผิดพลาดของโปรแกรม
6. สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน
ความสามารถในการส่ือสาร
ความสามารถในการคิด
ความสามารถในการแกป้ ัญหา
ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ
ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
7. ทกั ษะ 4 Cs
ทกั ษะการคิดวิจารณญาณ (Critical Thinking)
ทกั ษะการทางานร่วมกัน (Collaboration Skill)
ทักษะการส่ือสาร (Communication Skill)
ทักษะความคิดสรา้ งสรรค์ (Creative Thinking)
8. คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ ซอื่ สัตย์ สุจริต
รักชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์ ใฝเ่ รยี นรู้
มีวนิ ัย มุง่ ม่นั ในการทางาน
อย่อู ย่างพอเพยี ง มจี ติ สาธารณะ
รักความเป็นไทย
9. การจัดกระบวนการเรยี นรู้
ชัว่ โมงที่ 1
ข้ันนา (10 นาที)
1. ครถู ามคาถามเพ่ือกระต้นุ ความสนใจของนักเรยี นวา่ “ในชวี ติ ประจาวันนกั เรียนพบความผิดพลาด
อะไรบา้ ง และนักเรยี นจะมวี ิธกี ารชว่ ยลดความผดิ พลาดทเ่ี กิดขน้ึ ได้อย่างไร”
2. ครทู บทวนความรู้จากช่ัวโมงท่ีผ่านมา พร้อมซักถามคาถามประจาหวั ข้อเพ่ือกระต้นุ ความสนใจของ
นักเรยี นว่า “ถ้านกั เรยี นพบว่าโปรแกรมทีเ่ ขยี นข้นึ ไม่เปน็ ไปตามที่ต้องการ ควรทาอย่างไร”
ขน้ั สอน (40 นาที)
3. ครอู ธบิ ายการตรวจหาข้อผดิ พลาดของโปรแกรม ว่าในการเขียนโปรแกรมหากมีข้อผดิ พลาด
เกิดขึ้น หรือโปรแกรมไมเ่ ปน็ ไปตามต้องการ จะต้องตรวจสอบข้อผิดพลาดทีเ่ กิดขึน้ ทลี ะคาสั่ง
เมื่อพบจุดผิดพลาด ต้องแกไ้ ขจนกว่าจะไดโ้ ปรแกรมที่ตอ้ งการ
โรงเรยี นเทศบาลวารนิ วชิ าชาติ สงั กดั กองการศึกษา เทศบาลเมอื งวารนิ ชาราบ
43
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 2 การออกแบบและเขยี นโปรแกรมอยา่ งงา่ ย
แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 4 การตรวจหาขอ้ ผดิ พลาดของโปรแกรม
4. ครใู หน้ กั เรยี นทาตามตวั อย่าง เร่ืองการเขียนโปรแกรมตรวจสอบจานวน 5-100 ว่ามีตวั เลขกี่
จานวนท่หี าร 5 ลงตวั ในหนงั สอื เรยี น รายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ)
ป.6 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 เรอ่ื ง การตรวจหาข้อผิดพลาดของโปรแกรม หน้า 49-53
5. ครสู มุ่ ถามนักเรียนแตล่ ะกลมุ่ ถึงการตรวจหาข้อผดิ พลาดและการแกไ้ ข จากนัน้ ถามกลุ่มอน่ื ๆ ทีไ่ ด้
คาตอบแตกต่างกัน พร้อมเหตุผล
6. ครูอธบิ ายเพิ่มเตมิ เรื่องการหาข้อผิดพลาดของโปรแกรมของผูอ้ ืน่ ในมมุ Com Sci ตามหนังสือ
เรียนหน้า 53
7. ครตู รวจสอบและสรุปขั้นตอนการเขียนโปรแกรมคาสง่ั ทถี่ กู ตอ้ งใหน้ ักเรียนดู จากนนั้ นักเรียนและ
ครรู ่วมกันสรุปเกี่ยวกบั การตรวจหาขอ้ ผดิ พลาดและการแก้ไข
ชั่วโมงที่ 2
ขัน้ สอน (ต่อ) (60 นาที)
1. ครูใหน้ ักเรียนพจิ ารณาโปรแกรม กจิ กรรมฝกึ ทกั ษะ Com Sci ในหนงั สอื เรยี น รายวชิ าพ้ืนฐาน
วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป.6 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 เรอื่ ง การตรวจหาข้อผิดพลาด
ของโปรแกรม หนา้ 54 แล้วตรวจสอบว่ามีข้อผิดพลาดหรอื ไม่ ถ้าพบว่ามขี ้อผิดพลาดใหแ้ ก้ไข
โปรแกรมให้ถูกต้อง
2. ครูตรวจสอบและสรปุ ขั้นตอนการเขียนโปรแกรมคาสง่ั ทถ่ี กู ต้องให้นักเรยี นดู จากนนั้ นักเรียนและครู
รว่ มกนั สรุปเก่ียวกับการตรวจหาข้อผิดพลาดและการแกไ้ ข
ชวั่ โมงท่ี 3
ขั้นสอน (ต่อ) (60 นาท)ี
1. ครูให้นกั เรยี นทาแบบฝกึ หดั รายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป.6 หนว่ ย
การเรียนรทู้ ่ี 2 เรอื่ ง การตรวจสอบข้อผิดพลาดของโปรแกรม หน้า 35-36 โดยครใู ห้นกั เรยี น
แบง่ กลุ่ม กลุ่มละ 2-3 คน หรอื ตามความเหมาะสม ให้นกั เรียนเลอื กโปรแกรม 1 โปรแกรมในหนงั สอื
เรยี นรายวชิ าพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป.6 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 โดยให้
นกั เรียนเขยี นโปรแกรมให้มีข้อผดิ พลาด แล้วสลบั กบั เพื่อนกล่มุ อน่ื หาขอ้ ผดิ พลาด
2. จากน้นั ครูสมุ่ นักเรียนสลบั แต่ละกลุ่มให้ชว่ ยกันตรวจสอบข้อผิดพลาด โดยให้นกั เรยี นแกไ้ ข
ขอ้ ผดิ พลาดใหถ้ ูกตอ้ ง
โรงเรยี นเทศบาลวารินวิชาชาติ สังกดั กองการศกึ ษา เทศบาลเมืองวารนิ ชาราบ
44
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 2 การออกแบบและเขยี นโปรแกรมอย่างงา่ ย
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 4 การตรวจหาข้อผิดพลาดของโปรแกรม
ชัว่ โมงท่ี 4
ขน้ั สอน (ต่อ) (50 นาท)ี
1. ครเู ช่ือมโยงเขา้ สู่บทเรียนว่า การเขียนโปรแกรมคาสัง่ ควรมีการตรวจสอบความถูกต้องทุกคร้ังก่อน
นาไปใช้งานจริง เพอ่ื ป้องกันขอ้ ผดิ พลาดท่ีอาจจะเกดิ ข้นึ ขณะใช้งาน โดยขอ้ ผิดพลาดจะมี 2 ลกั ษณะ
คือ
ขอ้ ผิดพลาดทเี่ กิดจากการเขยี นคาส่ังผิด เชน่ จดั ลาดับการทางานผิด เขียนคาส่งั ไม่ครบหรือ
เขยี นคาสั่งเกนิ เป็นต้น
ข้อผิดพลาดทเี่ กิดจากการเขียนคาสัง่ ผดิ รูปแบบ เช่นการกาหนดคา่ การรับข้อมูล การแสดง
ข้อมูล การกาหนดตัวแปรต่าง ๆ เปน็ ตน้
2. ครใู ห้นกั เรียนแตล่ ะกล่มุ สรุปจากการทาแบบฝึกหดั รายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการ
คานวณ) ป.6 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 เรอ่ื ง การตรวจสอบข้อผิดพลาดของโปรแกรม หนา้ 35-36 โดยครู
ให้นกั เรยี นสรปุ วา่ ข้อผดิ พลาดท่ีนกั เรียนพบเป็นลกั ษณะใด และนักเรียนมีวิธีแกไ้ ขอย่างไร และให้
เพอื่ นกล่มุ อ่ืน ๆ รว่ มกนั แสดงความคดิ เห็นว่ามวี ธิ อี ื่นที่แก้ไขได้อีกหรือไม่
ข้ันสรปุ (10 นาท)ี
3. นกั เรียนและครสู รปุ เนือ้ หาร่วมกันเกยี่ วกับการตรวจสอบข้อผิดพลาดจากการเขียนโปรแกรม ร่วมกนั
ตอบคาถามวา่ “นกั เรียนจะนาวิธกี ารตรวจสอบขอ้ ผดิ พลาดทีไ่ ด้เรยี นรนู้ ี้ ไปชว่ ยลดข้อผิดพลาดท่ี
อาจจะเกดิ ข้นึ ในชวี ติ ประจาวันของตนเองไดอ้ ยา่ งไร”
4. ครูใหน้ ักเรียนตอบถามประจาหนว่ ยทถ่ี ามไวเ้ มื่อครั้งทีแ่ ลว้ กอ่ นเรียนหนว่ ยที่ 2 ว่าทาไมจงึ ตอ้ งมีการ
ออกแบบและตรวจสอบการทางานของโปรแกรมอยเู่ สมอ (แนวคาตอบ: เพือ่ ให้การทางานเป็นไป
อยา่ งมลี าดบั ขนั้ ตอน และลดความผิดพลาดของโปรแกรม)
5. ครใู ห้นักเรียนตรวจสอบตนเองในหนังสือเรยี นหน้า 55
6. ครแู ละนักเรียนรว่ มกันสรปุ สาระสาคัญทีเ่ รยี นในหนว่ ยที่ 2 ตามหนงั สอื เรยี นรายวชิ าพน้ื ฐาน
วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป.6 หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 2 หน้า 56
7. ครใู หน้ ักเรยี นทาแบบทดสอบหลงั เรียน
8. ครมู อบหมายงานให้นักเรียนทาชิ้นงาน/ภาระงานรวบยอด และกิจกรรมเสริมสรา้ งการเรียนรใู้ น
หนังสอื เรียนรายวชิ าพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 2 หนา้
57 เปน็ การบา้ น
10. สอื่ แหลง่ การเรยี นรู้
1. หนังสอื เรียนรายวชิ าพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.6
2. แบบฝึกหดั รายวชิ าพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.6
3. โปรแกรม Scratch
โรงเรยี นเทศบาลวารินวิชาชาติ สังกดั กองการศึกษา เทศบาลเมอื งวารินชาราบ
45
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 การออกแบบและเขยี นโปรแกรมอยา่ งง่าย
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 4 การตรวจหาข้อผิดพลาดของโปรแกรม
11. การวดั และการประเมนิ ผล
การประเมนิ ระหวา่ งการจัดกิจกรรม
จุดประสงค์ วิธีการประเมนิ เครอ่ื งมือการประเมิน เกณฑ์การประเมนิ
1. อธบิ ายวธิ กี ารตรวจหา ตรวจแบบฝกึ หดั และ แบบประเมินการทา นักเรยี นอธบิ าย
ข้อผิดพลาดของโปรแกรมได้ กิจกรรมฝกึ ทักษะ แบบฝึกหัดและกิจกรรม ขัน้ ตอนการตรวจหา
ถกู ต้อง (K) ฝึกทักษะ ขอ้ ผดิ พลาดของ
โปรแกรมได้ในระดับ
คุณภาพ พอใช้ขน้ึ ไป
ถือวา่ ผา่ น
2. ตรวจสอบและแก้ไข ตรวจแบบฝึกหัดและ แบบประเมินการทา นกั เรียนสามารถ
ข้อผดิ พลาดจากการเขียน กจิ กรรมฝกึ ทักษะ
โปรแกรมได้ (P) แบบฝกึ หดั และกจิ กรรม ตรวจหาขอ้ ผิดพลาด
ฝกึ ทกั ษะ ของโปรแกรมได้ ใน
ระดับคุณภาพ พอใช้
ข้นึ ไป ถอื ว่าผ่าน
3. ประยุกต์ใช้ความรู้และ ประเมินการนาเสนอ แบบประเมินการ นกั เรียนสามารถ
ทกั ษะในชวี ิตประจาวนั ได้ (A)
นาเสนอกลุม่ ยกตัวอย่างการ
ตรวจหาขอ้ ผดิ พลาด
ของโปรแกรมใน
ชวี ิตประจาวนั ได้ ใน
ระดบั คุณภาพ พอใช้
ข้นึ ไป ถอื วา่ ผ่าน
โรงเรยี นเทศบาลวารินวชิ าชาติ สังกดั กองการศึกษา เทศบาลเมอื งวารนิ ชาราบ
46
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 การออกแบบและเขยี นโปรแกรมอยา่ งง่าย
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 4 การตรวจหาข้อผดิ พลาดของโปรแกรม
12. บนั ทึกผลหลังการสอน
ผลการจัดการเรยี นการสอน
ปญั หา/อปุ สรรค
แนวทางแก้ไข
ครผู ้สู อน
( นายอคั รพล พลชัย )
ตำแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครูชานาญการ
13. ความเห็นของผ้บู ริหารสถานศกึ ษาหรือผู้ท่ไี ดร้ ับมอบหมาย )
ขอ้ เสนอแนะ .......
ลงชอื่
(
ตาแหน่ง
โรงเรยี นเทศบาลวารนิ วชิ าชาติ สังกดั กองการศกึ ษา เทศบาลเมอื งวารินชาราบ
47
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 3 การใช้งานอนิ เทอร์เนต็ อยา่ งมีประสิทธิภาพ
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 1 การคน้ หาขอ้ มูลโดยใช้อนิ เทอร์เน็ต
แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 1
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 3 การใช้งานอินเทอร์เน็ตอย่างมีประสทิ ธภิ าพ เวลา 8 ช่ัวโมง
เร่ือง การค้นหาขอ้ มลู โดยใช้อินเทอร์เนต็ เวลา 3 ชั่วโมง
รายวิชา วิทยาการคานวณ กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 6
1. มาตรฐานการเรียนร้/ู ตวั ชี้วดั
สาระที่ 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคานวณในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงอย่างเป็นขั้นตอน
และเป็นระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรียนรู้ การทางาน และการแก้ปัญหาได้อย่างมี
ประสิทธภิ าพ รู้เท่าทนั และมจี รยิ ธรรม
ตัวชว้ี ัด ป.6/3 ใชอ้ นิ เทอรเ์ นต็ ในการค้นหาขอ้ มูลอยา่ งมีประสทิ ธิภาพ
2. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
1. อธิบายเทคนคิ การคน้ หาขอ้ มลู แบบตา่ ง ๆ ในการคน้ หาข้อมลู ได้ (K)
2. ใช้เทคนิคการค้นหาขอ้ มลู แบบตา่ ง ๆ ไดเ้ หมาะสมกับสง่ิ ทต่ี ้องการคน้ หาได้ (P)
3. เห็นประโยชนข์ องเทคนคิ การค้นหาข้อมูลแบบตา่ ง ๆ และนาไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจาวนั ได้ (A)
3. สาระสาคญั
อินเทอร์เน็ตเป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ท่ีครอบคลุมไปทั่วโลก เราสามารถใช้งาน
อินเทอร์เน็ต เพ่ือให้ได้ข้อมูลท่ีตรงตามความต้องการภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว โดยใช้เทคนิคการค้นหา
ข้อมูลแบบตา่ ง ๆ ดังน้ี
1. การค้นหาโดยใชค้ าสาคัญ
2. การค้นหาโดยระบุชนดิ ของไฟล์
3. การคน้ หาโดยระบุประเภทของเวบ็ ไซต์
4. การค้นหาโดยใช้เครื่องหมายหรือสญั ลักษณ์
5. การคน้ หาโดยใช้ตัวดาเนนิ การ
4. สาระการเรียนรู้
การค้นหาขอ้ มูลโดยใช้อนิ เทอรเ์ นต็
โรงเรยี นเทศบาลวารนิ วิชาชาติ สงั กดั กองการศึกษา เทศบาลเมอื งวารินชาราบ
48
หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 3 การใชง้ านอนิ เทอร์เน็ตอย่างมปี ระสทิ ธิภาพ
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 1 การคน้ หาขอ้ มูลโดยใช้อินเทอร์เนต็
5. รูปแบบการสอน/วธิ ีการสอน
1. วธิ ีการสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Modal)
2. เทคนคิ การสอนโดยใชเ้ กม
3. เทคนิคตามแนวคิดเชงิ คานวณ
4. เทคนคิ การสอนโดยใช้กรณีตัวอยา่ ง (Case)
6. สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน
ความสามารถในการสื่อสาร
ความสามารถในการคิด
ความสามารถในการแกป้ ญั หา
ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ
ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
7. ทักษะ 4 Cs
ทกั ษะการคิดวิจารณญาณ (Critical Thinking)
ทักษะการทางานร่วมกนั (Col aboration Skill)
ทักษะการสื่อสาร (Communication Skil)
ทักษะความคิดสร้างสรรค์ (Creative Thinking)
8. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ซ่ือสตั ย์ สจุ ริต
รกั ชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์ ใฝ่เรยี นรู้
มีวินยั มงุ่ มน่ั ในการทางาน
อยู่อย่างพอเพยี ง มจี ติ สาธารณะ
รักความเปน็ ไทย
โรงเรียนเทศบาลวารินวชิ าชาติ สงั กดั กองการศึกษา เทศบาลเมืองวารนิ ชาราบ
49