หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 3 การใช้งานอนิ เทอรเ์ น็ตอย่างมปี ระสิทธภิ าพ
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 1 การคน้ หาขอ้ มูลโดยใช้อนิ เทอรเ์ น็ต
9. การจดั กระบวนการเรียนรู้
ชว่ั โมงท่ี 1
1. ครูให้นกั เรยี นทาแบบทดสอบกอ่ นเรยี น
ขั้นนา (10 นาที)
กระต้นุ ความสนใจ
2. ครูใหน้ ักเรียนเปิดหนังสือเรยี นรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป.6 หน่วย
การเรียนรู้ที่ 3 หน้า 58 และถามคาถามสาคัญประจาหน่วยกับนักเรียนว่า การค้นหาข้อมูลอย่างมี
ประสิทธิภาพมลี ักษณะอย่างไร โดยครูให้นักเรียนเขียนคาถามและเขียนตอบลงในสมุด โดยท่ียังไม่ได้
เรียนเน้ือหา และหลังจากเรียนเน้ือหาครบ ครูจะให้นักเรียนกลับมาตรวจสอบคาตอบของตนเองอีก
ครง้ั
3. ครูถามนักเรียนว่า หากนักเรียนต้องการหาข้อมูล เพ่ือทาการบ้าน ทารายงาน หรือเพ่ือหาความรู้
นกั เรยี นจะคน้ หาขอ้ มูลไดจ้ ากที่ใด (คาตอบ: อินเทอรเ์ นต็ )
4. ครูถามนักเรียนถึงความรู้เดิมว่า เหตุใดเราจึงเลือกใช้อินเทอร์เน็ต ในการค้นหา (แนวคาตอบ: เพราะ
อินเทอร์เน็ตเป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ อีกท้ังยังเป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลหลากหลาย
ประเภท ท่สี บื คน้ ได้อยา่ งสะดวกและรวดเรว็ )
ขนั้ สอน (50นาท)ี
สารวจค้นหา
5. ครูเล่าสถานการณ์สมมติให้นักเรียนฟังว่า วันหน่ึง เด็กชาย ก. ต้องหาข้อมูลเก่ียวกับประวัติความ
เปน็ มาของวันสงกรานต์ ซงึ่ เปน็ วันสาคัญของประเทศไทย โดยเดก็ ชาย ก. ได้ค้นหาโดยใช้เวบ็ Search
Engine แล้วพิมพ์คาค้นหาว่า สงกรานต์ ปรากฏว่า ผลการค้นหาคาว่าสงกรานต์ กลับไม่ใช่ส่ิงที่
เดก็ ชาย ก. ตอ้ งการ (ครูเปิดภาพให้นกั เรยี นด)ู จากนนั้ ครถู ามนักเรยี นว่า หากนักเรียนเปน็ เด็กชาย ก.
นักเรียนจะแก้ปัญหาน้ีอย่างไร (แนวคาตอบ: พิมพ์คาค้นหาเพ่ิมเติมที่เฉพาะเจาะจงมากข้ึน เช่น วัน
สงกรานต์ ประวตั ิวันสงกรานต์ เปน็ ต้น)
โรงเรียนเทศบาลวารินวชิ าชาติ สังกดั กองการศึกษา เทศบาลเมืองวารินชาราบ
50
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3 การใช้งานอนิ เทอรเ์ นต็ อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 1 การคน้ หาข้อมลู โดยใชอ้ นิ เทอร์เนต็
6. ครูบอกนักเรียนว่า หากเราอยากได้ข้อมูลที่ตรงตามความต้องการและได้ภายในระยะเวลาที่รวดเร็ว
มากขึ้น เราจะตอ้ งใช้เทคนิคการคน้ หาข้อมลู แบบต่าง ๆ
7. ครใู หน้ กั เรียนเปดิ หนังสือเรยี นรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.6 หนว่ ย
การเรียนร้ทู ี่ 3 หน้า 59 และถามคาถามสาคัญประจาเรื่องเพ่ือกระตุ้นความคิดนักเรียนว่า การค้นหา
ข้อมูลโดยใชเ้ ทคนิคต่าง ๆ มีข้อดอี ยา่ งไร โดยครยู งั ไม่ใหน้ ักเรียนตอบตอนนี้ ใหน้ ักเรยี นได้ศึกษาขอ้ มูล
และทากจิ กรรมก่อน แล้วครคู อ่ ยถามคาถามนอ้ี กี ครัง้ ในภายหลงั
8. ครูให้นักเรียนสารวจข้อมูลเรื่องเทคนิคการค้นหาข้อมูลในหนังสือเรียนรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.6 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 หน้า 59-67 พร้อมท้ังเข้าใช้งานเว็บไซต์
สาหรบั สบื ค้น (Search Engine) เพ่ือทาตามตวั อยา่ งในหนงั สือเรียน
อธิบายความรู้
9. ครูยกกรณีของเด็กชาย ก. มาพูดให้นักเรียนฟังอีกครั้งว่า หากเราต้องการสืบค้นประวัติความเป็นมา
ของวันสงกรานต์ เราควรพิมพ์คาสาคัญ หรือ คีย์เวิร์ด ที่ตรงประเด็น และตรงตามความต้องการ เช่น
คาว่า ประวัติวันสงกรานต์ ประเพณีสงกรานต์ เทศกาลสงกรานต์ ซ่ึงเรียกการค้นหาในลักษณะน้ีว่า
การค้นหาโดยใชค้ าสาคัญ
10. ครูให้นักเรียนลองค้นหาข้อมูลโดยใช้เทคนิคการค้นหาโดยใชค้ าสาคัญ จากหัวข้อท่ีนักเรียนสนใจหรือ
ครอู าจยกตัวอยา่ งสถานการณ์อืน่ ๆ เพอ่ื ใหน้ ักเรยี นลองค้นหา
11. ครูและนักเรียนรว่ มกนั ตอบคาถามเก่ียวกบั เทคนิคการคน้ หาข้อมูลแบบต่าง ๆ
ประเดน็ คาถาม
1) หากนักเรียนต้องการข้อมูลเก่ียวกับวันสงกรานต์ในรูปแบบไฟล์ .pdf จะสามารถหา
ข้อมูลได้หรือไม่ (แนวคาตอบ: สามารถค้นหาข้อมูลที่เป็นไฟล์ต่าง ๆ ได้ โดยการพิมพ์
นามสกุลไฟลห์ ลังคาค้นหา เช่น วันสงกรานต.์ pdf)
2) หากนักเรียนต้องการข้อมูลเก่ียวกับวันสงกรานต์ แต่ต้องเป็นข้อมูลจากเว็บไซต์ของ
หน่วยงานรัฐเท่าน้ัน จะสามารถค้นหาได้หรือไม่ (แนวคาตอบ: สามารถทาได้ โดยการ
พิมพ์ประเภทของเวบ็ ไซต์หลังคาค้นหา เช่น วนั สงกรานต์ Site:go.th)
3) หากนักเรียนพิมพ์คาค้นหาว่า “สถานท่ีท่องเท่ียวในวังสงกรานต์” โดยมีเครื่องหมาย
อัญประกาศกากับอยู่ ผลการค้นหาจะมีลักษณะอย่างไร (แนวคาตอบ: จะแสดงข้อมูลที่
แสดงผลทุกคาในประโยค)
12. ครูและนกั เรียนรว่ มกันสรุปว่า เทคนคิ การคน้ หาข้อมูลแบบตา่ ง ๆ มี 5 แบบ ได้แก่ 1) การคน้ หาโดย
ใช้คาสาคญั 2) การค้นหาโดยระบุชนิดของไฟล์ 3) การค้นหาโดยระบปุ ระเภทของเว็บไซต์ 4) การ
คน้ หาโดยใช้เครื่องหมายหรือสัญลักษณ์ 5) การคน้ หาโดยใช้ตวั ดาเนินการ
โรงเรยี นเทศบาลวารนิ วชิ าชาติ สังกดั กองการศึกษา เทศบาลเมอื งวารินชาราบ
51
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 3 การใชง้ านอนิ เทอรเ์ นต็ อย่างมีประสทิ ธิภาพ
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 1 การคน้ หาขอ้ มูลโดยใชอ้ นิ เทอรเ์ นต็
13. ครูมอบหมายงานใหน้ ักเรียนทากจิ กรรมลองทาดู ในแบบฝึกหัดรายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์
เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 3 หนา้ 44 และแบบฝึกหัดเรือ่ ง การค้นหาขอ้ มูล
โดยใชอ้ ินเทอร์เน็ต หนา้ 45-47 เปน็ การบา้ น เพอ่ื เปน็ การฝกึ ฝนและทบทวนความรู้
ชัว่ โมงท่ี 2
ขั้นสอน (ต่อ) (60 นาท)ี
1. ครูและนกั เรยี นทบทวนความรเู้ ดิมท่เี รียนในชวั่ โมงทแี่ ล้ว เร่อื ง เทคนิคการคน้ หาข้อมูลแบบตา่ ง ๆ
2. นักเรียนเปิดกจิ กรรมฝกึ ทักษะ Com Sci ในหนงั สือเรยี นรายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี
(วทิ ยาการคานวณ) ป.6 หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 3 หน้า 68-69 โดยในหน้า 68 ใหน้ ักเรยี นกลับไปทาเปน็
การบ้าน เพราะต้องมีการตดิ ภาพลงในสมดุ สว่ นในหนา้ 69 ใหท้ าพร้อมกันในห้องเรยี น
3. ครูให้นกั เรียนพจิ ารณาข้อมลู ในกจิ กรรมฝึกทกั ษะ Com Sci หนา้ 69 จานวน 5 ข้อ ได้แก่
1) คน้ หาขอ้ มูลเก่ยี วกบั ประวัติความเปน็ มาของวดั พระแก้ว
2) คน้ หาข้อมลู เก่ยี วกับสถานทท่ี ่องเท่ียวในภาคเหนือท่ีไม่ใช่วัด
3) ค้นหาข้อมลู เกยี่ วกับวนั สาคัญโดยเน้นวนั แมแ่ ห่งชาติ
4) คน้ หาขอ้ มูลเก่ียวกับอาหารไทยหรอื อาหารต่างชาติ
5) ค้นหาขอ้ มลู เกี่ยวกบั ภาพถ่ายท่ีมนี ามสกลุ .JPG
4. ครูถามนักเรยี นวา่ จากโจทย์ในกิจกรรมฝึกทกั ษะ Com Sci นักเรียนจะเลอื กใช้คาค้นหาใดในการ
ค้นหาข้อมูลดงั กล่าว คาค้นหานน้ั จัดอยใู่ นเทคนิคการคน้ หาข้อมลู แบบใด และเพราะเหตุใดจงึ เลือกใช้
เทคนคิ การคน้ หาขอ้ มูลนี้ โดยใหน้ ักเรียนบนั ทึกลงสมุด ใหเ้ วลาในการทา 20 นาที
5. ครูสุ่มถามนักเรียนวา่ ได้คาตอบแบบใด มใี ครได้คาตอบเหมือนหรอื แตกตา่ งกับเพ่อื นหรือไม่ อย่างไร
และลงข้อสรุปรว่ มกัน
ขยายความรู้
6. ครบู อกนักเรยี นว่า จะมีเกมให้นกั เรียนรว่ มกันเล่นในชว่ั โมงถัดไป น่นั คือเกม ถามป๊ปุ ตอบปป๊ั โดยใน
ชว่ั โมงน้ี ครจู ะใหน้ ักเรียนเตรียมข้อมูลก่อน
7. ครใู ห้นกั เรียนแบ่งกลมุ่ กลุ่มละ 4-5 คน พรอ้ มท้ังตงั้ ชอื่ กลุ่ม เพอ่ื เตรยี มเลน่ เกม โดยการเล่นเกมจะมี
คะแนนสะสม กล่มุ ใดเล่นเกมถามปปุ๊ ตอบปัป๊ ได้คะแนนเยอะท่ีสุด กลุ่มนั้นจะไดร้ างวัล (ครูอาจเตรยี ม
รางวลั เป็นอุปกรณ์การเรยี น หรอื สิ่งของเล็ก ๆ นอ้ ย ๆ เพื่อกระตุน้ ความสนใจของนักเรียน)
8. ครูถามนักเรียนว่า นักเรยี นมีสงิ่ ใดหรือเร่อื งใดท่ชี อบมาก ๆ หรือไม่ เช่น นักร้องทีช่ อบ การ์ตูนทชี่ อบ
หนังสอื ท่ชี อบ หรือมีเรอื่ งราวตา่ ง ๆ ท่ีชอบ
โรงเรียนเทศบาลวารนิ วชิ าชาติ สังกดั กองการศึกษา เทศบาลเมอื งวารินชาราบ
52
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 3 การใชง้ านอนิ เทอร์เน็ตอยา่ งมีประสิทธิภาพ
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 1 การคน้ หาขอ้ มูลโดยใช้อินเทอร์เนต็
9. ครใู หน้ ักเรยี นในกลมุ่ หารือร่วมกนั เพื่อเสนอเร่อื งหรือข้อหวั ทีน่ กั เรยี นแต่ละคนสนใจ และร่วมกนั
โหวตเลอื กเรอื่ งที่น่าสนใจทสี่ ุด มาตง้ั เปน็ คาถามในเกมถามปุป๊ ตอบป๊ัป
10. ครูให้นกั เรียนหาขอ้ มลู และตัง้ คาถามเกี่ยวกับเร่ืองท่นี ักเรียนสนใจ จานวน 3 ขอ้ โดยคาถามที่ใช้ ต้อง
มแี นวโน้มทเ่ี พ่ือนกลุม่ อื่นจะตอบไม่ได้ และตอ้ งใชเ้ ทคนิคการคน้ หาแบบต่าง ๆ มาช่วย ถึงจะหา
คาตอบนนั้ ได้ เช่น นกั เรียนสนใจเรื่องการประกวดนางงามจักรวาล และต้ังคาถามเก่ียวกับการ
ประกวดนางงามว่า นางงามจักรวาลคนใด ที่พูดคาวา่ ดิฉนั ภมู ิใจทเ่ี ปน็ ผูห้ ญงิ ไทย, สาวไทยคนใดท่ีได้
ตาแหน่งนางงามจกั รวาล แต่ไมใ่ ชป่ ยุ๋ พรทิพย์ โดยใหน้ กั เรียนแตล่ ะกลุ่มออกมาถามคาถามเพ่ือนใน
ชวั่ โมงถดั ไป โดยให้เวลากล่มุ ละ 10 นาที
ชว่ั โมงท่ี 3
ขั้นสอน (ต่อ) (40 นาที)
1. ครใู ห้นักเรยี นแต่ละกลุ่มออกมาบอกหวั ข้อที่สนใจ และถามคาถามทีเ่ ตรยี มมา 3 ข้อ โดยถามคาถามที
ละ ข้อ และใหเ้ พื่อนกลุม่ อนื่ ๆ ช่วยกันคน้ หาขอ้ มลู หากเพ่ือนในกลุ่มใดสามารถตอบคาถามได้เรว็
และถูกต้อง กล่มุ นั้นจะได้คะแนน 1 คะแนน และครจู ะถามนักเรียนกลมุ่ นัน้ วา่ นักเรียนใช้เทคนคิ การ
คน้ หาขอ้ มูลแบบใด ถึงทาให้ไดค้ าตอบเร็วกวา่ เพ่ือนกลุ่มอน่ื ๆ และเพราะเหตใุ ดจึงเลือกใช้เทคนิคน้ี
2. ครูถามนักเรยี นกลุ่มอืน่ ๆ วา่ มใี ครใชเ้ ทคนิคการค้นหาขอ้ มูลแตกตา่ งจากเพ่ือนกลุ่มท่ีตอบได้หรอื ไม่
เพราะเหตุใด
3. เมอ่ื นกั เรยี นแต่ละกล่มุ ออกมาถามคาถามจนครบ ครูสรปุ คะแนนและมอบรางวลั ให้กับนักเรยี นกลมุ่ ท่ี
ไดค้ ะแนนมากท่ีสดุ
ขน้ั สรปุ (20 นาที)
ตรวจสอบผล
4. ครูถามนักเรยี นแตล่ ะกลุ่มว่า จากการเลน่ เกมถามปุป๊ ตอบปั๊ปในวนั นี้ นกั เรียนสามารถบอกประโยชน์
ของเทคนิคการค้นหาข้อมูลแบบต่าง ๆ และสามารถนาไปประยกุ ใช้ในชวี ติ ประจาวนั ได้หรือไม่
อย่างไร
5. ครูเรียกถามนักเรียนแต่ละกลุ่มจนครบ พร้อมทั้งโยงไปถึงคาถามสาคัญประจาเร่ืองในหนังสือเรียน
รายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 หน้า 59 ว่า การ
ค้นหาข้อมูลโดยใช้เทคนิคต่าง ๆ มีข้อดีอย่างไร โดยครูและนักเรียนได้ข้อสรุปร่วมกันว่า เทคนิคการ
ค้นหาขอ้ มลู ชว่ ยให้เราได้ข้อมูลที่ตรงตามความตอ้ งการภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว
โรงเรยี นเทศบาลวารินวิชาชาติ สังกัด กองการศกึ ษา เทศบาลเมอื งวารนิ ชาราบ
53
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3 การใชง้ านอนิ เทอร์เน็ตอย่างมีประสทิ ธิภาพ
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 1 การคน้ หาข้อมลู โดยใช้อินเทอร์เน็ต
10. สื่อ/แหลง่ การเรียนรู้
1. หนงั สือเรยี นรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.6
2. แบบฝึกหดั รายวชิ าพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป.6
11. การวดั และการประเมนิ ผล
การประเมินระหวา่ งการจดั กิจกรรม
จุดประสงค์ วิธีการประเมนิ เคร่ืองมอื การประเมนิ เกณฑ์การประเมนิ
แบบประเมนิ กจิ กรรมฝกึ อธบิ ายเหตผุ ลทเี่ ลอื กใช้
อธิบายเทคนิคการค้นหา ตรวจกจิ กรรมฝึกทักษะ ทักษะ Com Sci เทคนคิ การค้นหาข้อมลู
แบบต่าง ๆ ในการคน้ หา
ข้อมลู แบบตา่ ง ๆ ในการ Com Sci ที่บนั ทึกลงใน แบบประเมินการทางาน ข้อมูล ระดบั คุณภาพ
กลุ่ม พอใช้ขึ้นไป
คน้ หาขอ้ มูลได้ สมุด
เลือกใช้เทคนคิ การคน้ หา
ใช้เทคนิคการคน้ หา ประเมนิ การทางานกลมุ่ ข้อมูลแบบตา่ ง ๆ ระดับ
ขอ้ มลู แบบตา่ ง ๆ ได้ คณุ ภาพระดบั พอใช้ข้ึนไป
เหมาะสมกับส่ิงท่ีต้องการ
คน้ หาได้
เห็นประโยชน์ของเทคนิค ประเมนิ การตอบคาถาม แบบประเมนิ กิจกรรม บอกประโยชน์ และ
การคน้ หาข้อมลู แบบตา่ ง ท้ายการเลน่ เกมถามป๊ปุ ถามปปุ๊ ตอบปปั๊ แนวทางการนาไป
ๆ และนาไปประยุกตใ์ ช้ ตอบป๊ปั ประยุกตใ์ ช้ ระดับ
ในชวี ติ ประจาวนั ได้ คุณภาพระดบั พอใช้ขน้ึ ไป
โรงเรียนเทศบาลวารนิ วิชาชาติ สงั กดั กองการศกึ ษา เทศบาลเมืองวารินชาราบ
54
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 3 การใชง้ านอนิ เทอร์เน็ตอยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ
แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 1 การคน้ หาข้อมูลโดยใช้อนิ เทอร์เนต็
12. บนั ทึกผลหลังการสอน
ผลการจดั การเรยี นการสอน
ปญั หา/อปุ สรรค
แนวทางแก้ไข
ครผู ู้สอน
( นายอคั รพล พลชยั )
ตำแหนง่ ครู วิทยฐานะ ครูชานาญการ
13. ความเห็นของผู้บริหารสถานศกึ ษาหรอื ผทู้ ี่ไดร้ ับมอบหมาย )
ข้อเสนอแนะ .......
ลงชอื่
(
ตาแหน่ง
โรงเรยี นเทศบาลวารินวชิ าชาติ สงั กดั กองการศึกษา เทศบาลเมอื งวารินชาราบ
55
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 3 การใช้งานอนิ เทอรเ์ นต็ อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 2 การจัดลาดบั ผลลพั ธก์ ารคน้ หา
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 2
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 3 การใช้งานอินเทอร์เน็ตอย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ เวลา 8 ชั่วโมง
เร่ือง การจดั ลาดบั ผลลัพธ์การคน้ หา เวลา 2 ชั่วโมง
รายวชิ า วิทยาการคานวณ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 6
1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวชี้วดั
สาระที่ 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคานวณในการแก้ปัญหาท่ีพบในชีวิตจริงอย่างเป็นขั้นตอน
และเป็นระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารในการเรียนรู้ การทางาน และการแก้ปัญหาได้อย่างมี
ประสทิ ธิภาพ รู้เท่าทนั และมจี ริยธรรม
ตัวชี้วัด ป.6/3 ใชอ้ ินเทอรเ์ น็ตในการค้นหาขอ้ มูลอยา่ งมีประสทิ ธิภาพ
2. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1. อธบิ ายวธิ ีการคน้ หาข้อมูลโดยใชก้ ารจัดลาดับผลการค้นหาหรือการคน้ หาขน้ั สูงได้ (K)
2. ค้นหาข้อมลู โดยใชก้ ารจดั ลาดับผลการค้นหา หรอื การค้นหาขนั้ สูงได้ (P)
3. เห็นประโยชน์ของการจัดลาดับผลการค้นหาหรือการค้นหาข้ันสูง และนาไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจาวันได้
(A)
3. สาระสาคญั
การค้นหาข้อมูลในแต่ละคร้ัง โปรแกรมค้นหาจะแสดงข้อมูลจากคาค้นหาเป็นจานวนมาก เพ่ือให้
ผู้ใช้งานสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตได้อย่างมีประสิทธิภาพและได้ข้อมูลตรงตามความต้องการมากท่ีสุด ผู้ใช้
จะต้องเรียนรูเ้ กี่ยวกับการจัดลาดับผลลพั ธท์ ไ่ี ด้จากโปรแกรมค้นหา
4. สาระการเรียนรู้
การจดั ลาดบั ผลการคน้ หา
5. รูปแบบการสอน/วิธีการสอน
1. วธิ กี ารสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Modal)
2. เทคนคิ การสอนโดยใชเ้ กม
3. เทคนิคตามแนวคิดเชิงคานวณ
4. เทคนิคการสอนแบบบทบาทสมมติ
โรงเรยี นเทศบาลวารนิ วชิ าชาติ สังกดั กองการศกึ ษา เทศบาลเมอื งวารินชาราบ
56
หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 3 การใชง้ านอนิ เทอร์เน็ตอยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 2 การจดั ลาดบั ผลลัพธก์ ารคน้ หา
6. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น
ความสามารถในการส่ือสาร
ความสามารถในการคิด
ความสามารถในการแก้ปัญหา
ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิต
ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
7. ทกั ษะ 4 Cs
ทักษะการคดิ วิจารณญาณ (Critical Thinking)
ทกั ษะการทางานรว่ มกัน (Collaboration Skill)
ทกั ษะการส่ือสาร (Communication Skill)
ทกั ษะความคิดสรา้ งสรรค์ (Creative Thinking)
8. คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ ซ่ือสตั ย์ สจุ รติ
รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์ ใฝ่เรยี นรู้
มีวนิ ัย มงุ่ มั่นในการทางาน
อยูอ่ ยา่ งพอเพยี ง มีจติ สาธารณะ
รกั ความเปน็ ไทย
9. การจดั กระบวนการเรยี นรู้
ชวั่ โมงท่ี 1
ขน้ั นา (15 นาที)
กระต้นุ ความสนใจ
1. ครูทบทวนความรู้เดิมท่เี รยี นในชั่วโมงทแี่ ลว้ เรอื่ งเทคนิคการคน้ หาขอ้ มูลแบบต่าง ๆ
2. ครูใหน้ ักเรียนเปดิ เว็บไซตค์ ้นหา และพิมพค์ าค้นหาทีน่ ักเรียนตอ้ งการ โดยครูยกตัวอยา่ งการคน้ หาคา
ว่าสถานการณน์ ้าท่วม
โรงเรยี นเทศบาลวารินวชิ าชาติ สงั กัด กองการศึกษา เทศบาลเมืองวารินชาราบ
57
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3 การใช้งานอนิ เทอรเ์ นต็ อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 2 การจัดลาดับผลลัพธ์การค้นหา
3. ครใู หน้ กั เรยี นสงั เกตเว็บไซต์ท่ีแสดงข้ึนมา ว่ามีขอ้ มูลพ้ืนฐานใดบ้าง โดยครูและนักเรียนสรปุ รว่ มกันวา่
มีขอ้ มลู พ้ืนฐาน 4 อย่าง ได้แก่ ชอ่ื หัวขอ้ ของเวบ็ ไซต์, ทอ่ี ยู่เว็บไซต์, วันทเี่ ผยแพรข่ ้อมูล และตัวอย่าง
ขอ้ มูล
4. ครใู ห้นักเรียนสงั เกตวนั ท่ีเผยแพร่ข้อมูล และถามนักเรยี นว่าถ้าหากเราอยากได้ขอ้ มูลในชว่ งระยะเวลา
ทีเ่ ราตอ้ งการ เช่น อยากได้ขอ้ มลู สถานการณน์ ้าท่วมในประเทศไทยในช่วงปี พ.ศ. 2560-2562 เราจะ
สามารถค้นหาขอ้ มูลดังกลา่ วได้หรือไม่ (แนวคาตอบ: ตามดุลยพนิ จิ ของนักเรยี น)
5. ครูพดู เช่อื มโยงไปยงั เรื่องเทคนิคการค้นหาข้อมลู ว่า หากเราอยากได้ข้อมูลท่เี ราตอ้ งการ เรากพ็ ิมพ์คา
ค้นหาโดยใช้เทคนคิ แบบตา่ ง ๆ ได้ แต่ถา้ เราอยากได้ข้อมลู หลายประเภท เชน่ เราอยากไดข้ ้อมูล
สถานการณ์นา้ ท่วมเฉพาะในภาคกลางของประเทศไทย ในชว่ งปี พ.ศ. 2560-2562 ตอ้ งเป็นเว็บไซต์
ของหน่วยงานรัฐ เพ่ือความเชื่อถือได้ และตอ้ งเปน็ ไฟล์ PDF เราจะมีวิธคี น้ หาขอ้ มูลได้อย่างไร (แนว
คาตอบ: ตามดลุ ยพนิ จิ ของนักเรียน)
ขนั้ สอน (45 นาที)
ค้นหาความรู้
6. ครใู ห้นกั เรยี นศึกษาเรอ่ื งการจัดลาดับผลลัพธก์ ารค้นหาในหนงั สอื เรยี นรายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์
เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป.6 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 3 หน้า 70-73 เพื่อหาคาตอบวา่ หากเรา
ตอ้ งการคน้ หาข้อมูลหลาย ๆ ประเภทจะทาไดห้ รือไม่ อย่างไร และถามคาถามประจาเร่ืองกบั นักเรยี น
วา่ การจัดลาดบั ผลลพั ธ์การค้นหาช่วยใหก้ ารคน้ หามปี ระสิทธิภาพอยา่ งไร
7. ครใู หน้ ักเรยี นอ่านมุม Com Sci ในหนงั สอื เรยี นหนา้ 70 เพ่ือศึกษาความรเู้ พิ่มเติม เรื่องการนาขอ้ มลู
ท่คี น้ หาได้จากอินเทอร์เนต็ มาใชง้ าน
8. ครขู ยายความคาวา่ การจดั ลาดับผลลัพธ์การคน้ หาว่า เปน็ การจดั เรียงขอ้ มลู ท่เี รากรอกลงในช่อง โดย
จะมกี ารจดั เรียงตามภาษา จดั เรียงตามพนื้ ท่ีทีต่ ้องการ จัดเรยี งตามเวลา จัดเรยี งตามตาแหนง่ ท่ีตง้ั
ของเว็บไซต์ จัดเรียงตามชนิดของไฟล์ และลิขสทิ ธิ์ของข้อมูล
9. ครูให้นกั เรยี นลองใสค่ าคน้ หาต่าง ๆ ตามตวั อยา่ งในหนงั สอื เรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.6 หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 3 หนา้ 73-74 เพื่อให้เขา้ ใจมากย่ิงขนึ้
โรงเรียนเทศบาลวารนิ วิชาชาติ สงั กัด กองการศกึ ษา เทศบาลเมอื งวารนิ ชาราบ
58
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 3 การใชง้ านอนิ เทอร์เน็ตอยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 2 การจดั ลาดบั ผลลัพธก์ ารค้นหา
อธิบายความรู้
10. ครแู ละนักเรยี นสรปุ ความรูร้ ว่ มกนั ว่าหากเราต้องการคน้ หาข้อมูลหลาย ๆ ประเภทสามารถทาไดโ้ ดย
ใชก้ ารคน้ หาข้ันสงู ซ่ึงเปน็ การจัดลาดบั ผลลพั ธท์ ี่ไดจ้ ากโปรแกรมค้นหา
11. ครูให้นกั เรยี นทากจิ กรรมฝกึ ทักทกั ษะ Com Sci ในหนังสือเรยี นรายวชิ าพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป.6 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 หนา้ 75 โดยให้นักเรยี นอ่านสถานการณ์ท่ี
กาหนดให้ และลองพมิ พ์คาค้นหาในคอมพิวเตอร์ จากนนั้ บันทกึ คาค้นหาลงในสมดุ
12. ครสู ่มุ ถามนักเรยี น 4-5 คน แลว้ ใหน้ กั เรยี นอธิบายว่าได้กรอกคาค้นหาใดในชอ่ งคน้ หาบ้าง จึงได้
ผลลัพธต์ ามทีต่ อ้ งการ จากนั้นสรุปความรรู้ ว่ มกนั
ขยายความรู้
13. ครูใหน้ กั เรยี นจบั คู่กัน เพ่ือทากจิ กรรมในใบงานท่ี 3.2.1 เรื่อง นักข่าวตัวนอ้ ย โดยใหน้ กั เรยี นคน้ หา
ขอ้ มูลเก่ียวกับข่าวประเภทต่าง ๆ เชน่ ข่าวเศรษฐกิจ ขา่ วสิ่งแวดลอ้ ม ข่าวกีฬา หรืออื่น ๆ ยกเวน้ ขา่ ว
บนั เทงิ และต้องเป็นขา่ วท่ีมาจากเว็บไซต์ทางการค้า ทเี่ กดิ ขึน้ ในระยะเวลาไมเ่ กิน 1 สปั ดาห์ นบั จาก
วันท่ีได้รับมอบหมายงาน โดยครูให้นักเรียนสมมติบทบาทเปน็ นักขา่ ว และออกมานาเสนอขา่ วหนา้ ชน้ั
เรยี นในช่ัวโมงถดั ไป
ประเดน็ ในใบงานที่ 3.2.1 เรื่อง นกั ขา่ วตัวน้อย
1) หวั ขอ้ ขา่ ว
2) รปู ภาพประกอบ
3) ขอ้ มลู ขา่ ว/เนอื้ ข่าว
4) บอกแหลง่ ทมี่ าของข้อมลู
5) ใชก้ ารค้นหาข้ันสงู โดยกรอกคาค้นหาว่าอย่างไร เพอ่ื ให้ได้ผลลพั ธ์ท่ีต้องการ
ชั่วโมงท่ี 2
ขน้ั สอน (ต่อ) (45 นาที)
1. ครใู ห้นกั เรียนแต่ละคู่ ออกมานาเสนอข่าวทีเ่ ตรียมมา พรอ้ มท้งั บอกแหลง่ ทีม่ าของข้อมลู และบอก
วิธีการคน้ หาโดยใชก้ ารคน้ หาข้นั สงู พรอ้ มให้เหตผุ ล
ขนั้ สรปุ (15 นาที)
ตรวจสอบผล
2. หลังจากนาเสนอข่าวครบทุกกลมุ่ แลว้ ครูสุ่มถามนักเรยี นถงึ ประโยชนข์ องการจัดลาดบั ผลการค้นหา
หรอื การค้นหาข้นั สูง และการนาไปประยุกตใ์ ช้
โรงเรยี นเทศบาลวารินวชิ าชาติ สงั กดั กองการศกึ ษา เทศบาลเมอื งวารินชาราบ
59
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 3 การใชง้ านอนิ เทอรเ์ น็ตอย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 2 การจดั ลาดบั ผลลพั ธ์การค้นหา
3. ครูและนกั เรยี นร่วมกนั สรปุ ความรทู้ เี่ รยี นมาทั้งหมดเก่ียวกับเรอื่ งการจดั ลาดับผลการคน้ หา หรือการ
คน้ หาขัน้ สูง
4. ครูมอบหมายงานให้นักเรียนทาแบบฝกึ หดั เร่ือง การจดั ลาดับผลการค้นหา ในแบบฝึกหัด รายวิชา
พน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป.6 หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 3 หนา้ 48-50 เพ่ือ
ทบทวนความรู้
10. ส่ือแหล่งการเรียนรู้
1. หนงั สอื เรยี นรายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป.6
2. แบบฝึกหัดรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป.6
3. ใบงานที่ 3.2.1 เรือ่ ง นักข่าวตัวนอ้ ย
11. การวดั และการประเมนิ ผล
การประเมินระหว่างการจดั กิจกรรม
จดุ ประสงค์ วธิ ีการประเมิน เคร่อื งมือการประเมนิ เกณฑก์ ารประเมิน
อธิบายวธิ กี ารค้นหา การนาเสนอข่าวในใบ แบบประเมนิ การนาเสนอ อธบิ ายวิธกี ารคน้ หา
ขอ้ มลู โดยใชก้ ารจัดลาดับ งานที่ 3.2.1 เรื่อง ข้อมลู โดยใช้การจดั ลาดบั
ผลการค้นหาหรอื การ นกั ข่าวตัวน้อย ผลการค้นหาหรอื การ
ค้นหาข้ันสงู ได้ (K) คน้ หาขน้ั สงู ได้ ระดับ
คณุ ภาพพอใช้ข้นึ ไป
ค้นหาขอ้ มูลโดยใชก้ าร ตรวจใบงานท่ี 3.2.1 ใบงานท่ี 3.2.1 เรอื่ ง ใชค้ าคน้ หาไดถ้ ูกต้องตาม
จัดลาดับผลการค้นหา เรื่อง นกั ข่าวตวั นอ้ ย นักข่าวตวั น้อย ความต้องการ 60% ขึ้น
หรือการคน้ หาขน้ั สูงได้ ไป
(P)
เห็นประโยชนข์ องการ สังเกตพฤตกิ รรมการตอบ แบบสงั เกตพฤติกรรม บอกประโยชน์ และ
จัดลาดับผลการคน้ หา คาถามรายบุคคล การตอบคาถาม แนวทางการนาไป
หรือการคน้ หาขัน้ สงู และ รายบคุ คล ประยกุ ตใ์ ช้ ระดับ
นาไปประยุกต์ใชใ้ น คณุ ภาพพอใช้ขึ้นไป
ชวี ติ ประจาวนั ได้ (A)
โรงเรียนเทศบาลวารนิ วชิ าชาติ สังกัด กองการศกึ ษา เทศบาลเมอื งวารนิ ชาราบ
60
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 3 การใช้งานอนิ เทอรเ์ นต็ อย่างมปี ระสทิ ธิภาพ
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 2 การจดั ลาดับผลลัพธ์การคน้ หา
12. บันทกึ ผลหลังการสอน
ผลการจัดการเรยี นการสอน
ปญั หา/อปุ สรรค
แนวทางแก้ไข
ครูผ้สู อน
( นายอคั รพล พลชัย )
ตำแหน่ง ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการ
13. ความเห็นของผู้บริหารสถานศึกษาหรือผู้ท่ไี ดร้ บั มอบหมาย )
ขอ้ เสนอแนะ .......
ลงชือ่
(
ตาแหนง่
โรงเรียนเทศบาลวารินวิชาชาติ สงั กดั กองการศึกษา เทศบาลเมอื งวารินชาราบ
61
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 3 การใช้งานอนิ เทอรเ์ นต็ อยา่ งมีประสิทธภิ าพ
แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 3 การประเมนิ ความน่าเชอื่ ถอื
แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 3
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 3 การใช้งานอนิ เทอร์เน็ตอย่างมีประสทิ ธิภาพ เวลา 8 ช่ัวโมง
เรือ่ ง การประเมินความนา่ เช่ือถอื เวลา 3 ช่ัวโมง
รายวชิ า วิทยาการคานวณ กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ 6
1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวช้ีวดั
สาระที่ 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคานวณในการแก้ปัญหาท่ีพบในชีวิตจริงอย่างเป็นขั้นตอน
และเป็นระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรียนรู้ การทางาน และการแก้ปัญหาได้อย่างมี
ประสทิ ธภิ าพ รู้เทา่ ทนั และมีจริยธรรม
ตัวช้ีวดั ป.6/3 ใชอ้ นิ เทอร์เน็ตในการคน้ หาข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ
2. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
1. อธิบายหลักการประเมนิ ความน่าเช่ือถือของขอ้ มลู ได้ (K)
2. ประเมนิ ความนา่ เชื่อถอื ของข้อมูลได้ (P)
3. เหน็ ความสาคัญของการประเมินความนา่ เชื่อถอื ของข้อมลู (A)
3. สาระสาคญั
ในการสืบค้นข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ จะต้องมีการประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูลเพ่ือให้ได้ข้อมูลท่ี
ถกู ตอ้ ง และตรงตามความต้องการ โดยหลกั การประเมินความนา่ เช่ือถือของข้อมลู มี 5 ขอ้ ดังนี้
1. พิจารณาเวบ็ ไซตท์ ่นี า่ เชอื่ ถือได้
2. ระบุช่ือผู้เขยี นหรือผใู้ หข้ อ้ มูล
3. ระบุวนั ท่เี ผยแพร่ และครง้ั ท่ีปรับปรุง
4. อ้างองิ แหล่งทีม่ า
5. บอกวัตถปุ ระสงคใ์ นการทา
4. สาระการเรยี นรู้
การประเมนิ ความนา่ เชื่อถือ
โรงเรียนเทศบาลวารนิ วชิ าชาติ สงั กดั กองการศกึ ษา เทศบาลเมืองวารินชาราบ
62
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 การใชง้ านอนิ เทอร์เนต็ อย่างมีประสิทธิภาพ ซ่ือสัตย์ สจุ รติ
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 3 การประเมนิ ความน่าเชอ่ื ถอื ใฝ่เรียนรู้
มงุ่ มัน่ ในการทางาน
5. รปู แบบการสอน/วิธีการสอน มจี ิตสาธารณะ
1. วธิ ีการสอนแบบกระบวนการกล่มุ (Group Process)
2. เทคนคิ ตามแนวคิดเชงิ คานวณ
3. การใชก้ รณีตวั อยา่ ง
4. การใชบ้ ทบาทสมมติ
6. สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน
ความสามารถในการสื่อสาร
ความสามารถในการคิด
ความสามารถในการแก้ปัญหา
ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
7. ทักษะ 4 Cs
ทักษะการคดิ วจิ ารณญาณ (Critical Thinking)
ทกั ษะการทางานร่วมกนั (Collaboration Skill)
ทักษะการส่ือสาร (Communication Skill)
ทักษะความคิดสร้างสรรค์ (Creative Thinking)
8. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
รกั ชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์
มีวนิ ัย
อยู่อย่างพอเพยี ง
รกั ความเปน็ ไทย
โรงเรยี นเทศบาลวารินวิชาชาติ สงั กดั กองการศึกษา เทศบาลเมอื งวารินชาราบ
63
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 3 การใชง้ านอนิ เทอรเ์ น็ตอย่างมีประสิทธภิ าพ
แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 3 การประเมนิ ความนา่ เชอื่ ถอื
9. การจดั กระบวนการเรยี นรู้
ชว่ั โมงท่ี 1
ขั้นนา
1. ครูและนกั เรยี นร่วมกนั ทบทวนความรูเ้ ดมิ ในชัว่ โมงท่แี ลว้ เรื่องเทคนิคการค้นหาข้อมูลและการ
จดั ลาดับผลลพั ธก์ ารค้นหา
2. ครยู กตวั อยา่ งบทความท่ีอยู่ในอนิ เทอร์เนต็ ใหน้ กั เรยี นดู โดยเปน็ บทความที่เขียนเกนิ จริง หรือมี
ความไม่น่าเช่ือถือ เช่น
1) ขา่ วเดก็ อายุ 14 ปวดท้อง หมอตรวจพบชาไข่มุกหลายรอ้ ยเมด็ อยู่ในลาไส้
2) นา้ มะนาวสามารถหยอดตา แก้ต้อเน้ือตาฟางได้
3) 20 ปี น้าท่วมโลก
3. ครูใหน้ กั เรียนร่วมกันวิเคราะห์บทความดงั กล่าววา่ เชือ่ ถือไดห้ รือไม่ เพราะเหตุใด (แนวคาตอบ:
ขึ้นอยู่กับดลุ ยพนิ จิ ของนักเรยี น)
4. ครูบอกนักเรยี นวา่ อนิ เทอรเ์ นต็ เป็นพืน้ ท่ีอสิ ระท่ีผูค้ นต่างก็สามารถสร้างข้อมูล อปั โหลดหรอื แชร์
ขอ้ มูลตา่ ง ๆ ลงในอินเทอรเ์ น็ตได้ ซ่ึงข้อมูลบางสว่ นอาจจะไมเ่ ปน็ ความจรงิ ก็ได้ ดงั นนั้ ก่อนทีเ่ รา
จะนาข้อมูลจากอนิ เทอรเ์ น็ตมาใช้หรือเผยแพร่ เราควรประเมินความนา่ เชื่อถอื ของข้อมลู กอ่ น
5. ครถู ามนักเรยี นวา่ นักเรยี นรู้หรอื ไม่วา่ การประเมินความน่าเชอื่ ถือของข้อมูลสามารถทาได้
อย่างไร และถามคาถามประจาหนว่ ยหวั ข้อในหนงั สอื เรียนว่า การประเมินความน่าเช่ือถือของ
ข้อมลู กอ่ นนามาใช้ มีประโยชนอ์ ยา่ งไร
ข้นั สอน
6. ครูใหน้ กั เรยี นศึกษาข้อมูลเร่อื ง การประเมินความน่าเช่ือถือ ในหนงั สอื เรยี นรายวิชาพืน้ ฐาน
วทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.6 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 3 หนา้ 76
7. ครสู มุ่ ถามนักเรียนวา่ การประเมินความน่าเชือ่ ถือของขอ้ มูลมีอะไรบ้าง จากนนั้ ลงข้อสรปุ รว่ มกัน
ว่าการประเมนิ ความน่าเชอ่ื ถือของข้อมูลสามารถทาได้โดย 1) พิจารณาเว็บไซต์ท่ีน่าเชื่อถือได้ 2)
ระบุชือ่ ผู้เขยี นหรือผูใ้ หข้ ้อมูล 3) ระบวุ ันทเ่ี ผยแพร่ และครง้ั ท่ีปรบั ปรุง 4) อ้างอิงแหล่งทม่ี า 5)
บอกวัตถุประสงค์ในการจัดทา
8. ครูใหน้ กั เรยี นศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม เร่อื งการคน้ หาข้อมูลอย่างมปี ระสิทธิภาพ ในมมุ Com Sci ใน
หนังสือเรียนหนา้ 76
9. ครใู หน้ กั เรยี นแบ่งกลมุ่ เป็น 4 กลุ่ม เพื่อทากจิ กรรมเรื่อง เช่ือถือไดห้ รือไม่
โรงเรยี นเทศบาลวารนิ วิชาชาติ สงั กัด กองการศกึ ษา เทศบาลเมอื งวารนิ ชาราบ
64
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 3 การใชง้ านอนิ เทอร์เนต็ อยา่ งมีประสิทธภิ าพ
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 3 การประเมนิ ความน่าเชอ่ื ถอื
10. ครแู บ่งฐานทัง้ หมด 4 ฐาน แตล่ ะฐานจะเปดิ หนา้ เว็บไซต์ไว้ 1 เว็บไซต์ จากนน้ั ให้นกั เรยี นแตล่ ะ
กลุ่มสารวจข้อมูลทลี ะฐาน แล้วตอบคาถามลงในใบงานที่ 1 เร่อื ง เชือ่ ถือได้หรอื ไม่ โดยให้เวลา
สารวจข้อมูลฐานละ 5 นาที เม่ือครบ 5 นาทีแล้วครูใหส้ ัญญาณเสียงเพ่ือใหน้ ักเรียนเปล่ียนฐาน
(ครูควรเลือกเวบ็ ไซต์ท่เี ช่อื ถือได้ และเชื่อถอื ไม่ได้ คละกัน เพอ่ื ให้นักเรียนวิเคราะห์และประเมนิ
ความน่าเชอ่ื ถือ)
ตวั อย่างเว็บไซต์ในแต่ละฐาน
1) PM 2.5 ตอ้ งหนา้ กาก N 95 แล้วละ่ http://www.cleothailand.com/health/pm-
25.html
2) แนะนาวธิ ีป้องกันไฟปา่ https://www.thaihealth.or.th/Content/4753-แนะวธิ ีป้องกนั ไฟปา่ .html
3) คล่นื ความหนาวแผ่ปกคลุมประเทศไทยมากสุดในรอบ 14 ปี
http://thesis2550.blogspot.com/2016/01/5.html
4) ทฤษฎีแกลง้ ดนิ อันเน่ืองมาจากพระราชดาริ
https://www.prd.go.th/ewt_news.php?nid=151154&filename=prd
11. เมอ่ื นกั เรียนสารวจขอ้ มูลครบทกุ ฐานแลว้ ครูสมุ่ เรยี กนักเรียน 1 กล่มุ ให้ออกมาหนา้ ชนั้ เรียน
เพ่อื วเิ คราะห์และประเมนิ ความน่าเช่อื ถือของขอ้ มลู ในฐานท่ี 1 ที่นักเรยี นได้ไปสารวจมา จากน้นั
ครูถามเพ่อื นกล่มุ อน่ื ว่า มกี ารวเิ คราะห์และประเมนิ ความน่าเช่ือถือทเ่ี หมือนหรือแตกต่างกัน
หรอื ไม่อย่างไร
12. ครสู มุ่ เรยี กนกั เรยี นกลมุ่ อ่นื ๆ เพื่อวิเคราะห์และประเมนิ ความนา่ เชือ่ ถือของขอ้ มูลในฐานต่อ ๆ
ไปจนครบ
13. ครเู ปดิ โอกาสให้นักเรียนซักถามขอ้ สงสัย และสรปุ ความรูร้ ่วมกนั ท้ายคาบเรยี น
14. ครูมอบหมายงานให้นักเรียนทากจิ กรรมฝกึ ทักษะ Com Sci ในหนงั สือเรยี นรายวชิ าพืน้ ฐาน
วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป.6 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 3 หนา้ 78 เป็นการบา้ น
ชว่ั โมงท่ี 2
ขั้นสอน (ต่อ)
1. ครูและนักเรยี นทบทวนความรู้เดมิ เรอ่ื ง การประเมนิ ความนา่ เช่อื ถอื ทเ่ี รยี นในช่ัวโมงทแี่ ลว้
2. ครบู อกนักเรยี นว่า วันนีค้ รูจะใหน้ กั เรยี นเปน็ นักสืบ ชว่ ยสืบความจริงใหค้ รูวา่ หัวข้อเหล่านี้เปน็ ความ
จริงหรือไม่
โรงเรยี นเทศบาลวารินวิชาชาติ สังกัด กองการศกึ ษา เทศบาลเมอื งวารินชาราบ
65
หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 3 การใช้งานอนิ เทอรเ์ นต็ อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 3 การประเมนิ ความนา่ เชอื่ ถอื
3. ครใู ห้นกั เรยี นแบ่งกล่มุ เปน็ 5 กล่มุ จากน้นั ใหน้ ักเรียนทากิจกรรมฝึกทักษะที่ 1 เร่ือง จริงหรอื ไม่ ใน
แบบฝึกหดั รายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป.6 หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 3
หน้า 53 โดยให้แต่ละกลุ่มเลอื กหัวข้อทสี่ นใจ หรือจบั สลากเลอื ก
หัวข้อทจ่ี ะให้นกั เรยี นสบื
1) วางโทรศพั ท์ไว้ใกล้ศีรษะเวลานอน อันตรายจริงหรือไม่
2) วางไฟแช็กไว้ในรถ เสีย่ งไฟไหม้จรงิ หรอื ไม่
3) กนิ เนือ้ ย่างบอ่ ย ๆ มีความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งจริงหรอื ไม่
4) หลังจากออกกาลงั กายเสร็จใหม่ ๆ ไมค่ วรอาบนา้ ทันทจี รงิ หรอื ไม่
5) เล่นโทรศพั ท์ในท่มี ืดเป็นเวลานาน เส่ยี งตาบอดจรงิ หรือไม่
4. ครูให้เวลานักเรยี นแต่ละกลุ่มสืบคน้ ข้อมลู 20 นาที จากนั้นให้นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ออกมานาเสนอหนา้
ชน้ั เรียน โดยมปี ระเด็นในการนาเสนอดังนี้
ประเดน็ ในการนาเสนอ
1) หัวขอ้ ทน่ี กั เรยี นสืบคอื เรื่องอะไร
2) นักเรยี นใชค้ าค้นหาใดบ้าง
3) หลงั จากสบื ค้นแลว้ หัวข้อท่นี ักเรียนเลอื ก เปน็ จริงหรือไม่
4) นักเรยี นค้นหาข้อมูลท้ังหมดก่ีเวบ็ ไซต์ อะไรบ้าง
5) แต่ละเวบ็ ไซต์มีความน่าเชือ่ ถือหรอื ไม่ เพราะเหตุใด
5. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนซักถามขอ้ สงสยั และสรุปความรรู้ ่วมกนั ทา้ ยคาบเรยี น
6. ครมู อบหมายงานให้นักเรยี นทาแบบฝึกหดั ในหนงั สือแบบฝกึ หดั รายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์
เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป.6 หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 3 หนา้ 51-52 เป็นการบ้านเพื่อเป็นการ
ทบทวนความรู้
ชวั่ โมงที่ 3
ขัน้ สอน (ต่อ)
1. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั ทบทวนความร้เู ดมิ ท่ีเรยี นในชว่ั โมงที่แลว้
2. ครถู ามนักเรียนวา่
1) นักเรยี นเคยแชรข์ ้อความหรือขอ้ มูลต่าง ๆ ลงในสือ่ ออนไลนห์ รอื ไม่ (คาตอบ: เคย/ไม่
เคย)
2) กอ่ นนักเรียนแชร์ขอ้ มูลหรอื ข้อความนัน้ นกั เรยี นไดม้ ีการประเมนิ ความน่าเช่อื ถือก่อน
หรอื ไม่ (แนวคาตอบ: ขนึ้ อยู่กับประสบการณ์เดมิ ของนักเรียน)
โรงเรียนเทศบาลวารนิ วิชาชาติ สงั กัด กองการศึกษา เทศบาลเมอื งวารินชาราบ
66
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 การใชง้ านอนิ เทอร์เนต็ อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ
แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 3 การประเมนิ ความนา่ เชอ่ื ถอื
3) หากข้อความหรือข้อมูลนน้ั ไม่เปน็ ความจริง จะส่งผลกระทบตอ่ ผ้หู ลงเช่อื อย่างไร (แนว
คาตอบ: หากมกี ารทาตามข้อมลู ท่ผี ดิ อาจสง่ ผลเสียตอ่ ผูห้ ลงเชื่อ)
3. ครใู ห้นกั เรียนอา่ นสถานการณใ์ นกิจกรรมฝกึ ทักษะท่ี 2 เร่ือง เช็คก่อนแชร์ ในหนงั สอื เรียนรายวชิ า
วทิ ยาศาสตรพ์ ื้นฐาน เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.6 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3 หนา้ 56
สถานการณ์: ตวงได้รบั ข้อความทางสื่อออนไลนจ์ ากแต้ว ตวงเกิดความสงสยั ว่าแต้วได้ข้อมลู นีม้ า
จากใคร แต้วบอกวา่ ข้อความนี้ถูกส่งต่อกันมา โดยไมท่ ราบแหลง่ ทมี่ า
รว่ มกันใส่ EM Ball ลงในแม่นา้ แทนการลอย
กระทง เพ่ือลดขยะในแมน่ ้าและแกป้ ัญหาน้าเนา่ เสีย
ส่งตอ่ ข้อความน้ี ถ้าอยากช่วยโลกของเรา
4. ครถู ามนักเรียนว่า ถ้าหากนักเรยี นเป็นตวง นักเรยี นจะเลือกทาสิ่งใดก่อน ระหวา่ งเช็คกบั แชร์ เพราะ
เหตใุ ด จากน้นั ครใู หน้ ักเรยี นเขยี นคาตอบลงในกจิ กรรมฝึกทกั ษะที่ 2 ข้อ 1
5. ครูแบ่งกลุ่มนักเรยี นเป็น 2 กลุม่ คอื กลุ่มท่เี ลอื กเช็ค และกลุม่ ที่เลอื กแชร์
6. ครูให้นกั เรียนกลุ่มท่ีเลอื กเช็ค ตอบคาถามในกจิ กรรมฝึกทักษะท่ี 2 ข้อ 2 และข้อ 3 ตามลาดบั และ
ใหน้ กั เรียนกลมุ่ ท่เี ลือกแชร์ ตอบคาถามในกจิ กรรมฝึกทักษะที่ 2 ข้อ 3
7. ครใู ห้นกั เรยี นกลุ่มที่เลือกแชร์กอ่ น กลบั ไปเช็คข้อมลู ในข้อ 2 แล้วพจิ ารณาอีกคร้ังวา่ จะแชร์ขอ้ มูล
หรือไม่ เพราะเหตใุ ด
8. ครแู ละนักเรียนร่วมกันอภิปรายร่วมกันในประเดน็ เรือ่ ง EM Ball ว่าสามารถนาไปใสใ่ นแม่นา้ ได้
หรือไม่ จนได้ข้อสรุปรว่ มกันว่า EM Ball หากนาไปใส่ในแม่น้า จะทาใหน้ า้ เน่าเสียยง่ิ กว่าเดิม
9. ครสู ่มุ นักเรยี นว่า หากเราแชรข์ ้อมูลน้ีไป โดยไม่เช็คขอ้ มูลก่อน จะสง่ ผลกระทบต่อใครบ้าง และส่งผล
กระทบอย่างไร
10. ครถู ามนักเรยี นตอ่ ว่า หากนักเรียนทราบถงึ ผลกระทบของการแชรข์ อ้ มูลทีผ่ ดิ แล้ว ในครง้ั ถดั ไป หาก
นกั เรยี นต้องนาข้อมูลต่าง ๆ มาใช้ หรือจะแชร์ขอ้ มูล นักเรียนจะตรวจสอบข้อมลู ก่อนหรือไม่ เพราะ
เหตใุ ด
ขน้ั สรปุ
11. ครถู ามคาถามประจาเร่ืองในหนงั สอื เรยี นกบั นักเรียนว่า การประเมนิ ความน่าเชอื่ ถอื ของขอ้ มลู กอ่ นนา
ข้อมูลมาใชม้ ปี ระโยชนอ์ ยา่ งไร จากนนั้ ครูและนักเรยี นร่วมกันอภิปรายจนได้ข้อสรุปร่วมกัน
12. ครูให้นกั เรียนตรวจสอบตนเองหลังจากจบบทเรียนแลว้ ในหนังสอื เรียนหน้า 79
โรงเรียนเทศบาลวารินวิชาชาติ สงั กดั กองการศกึ ษา เทศบาลเมืองวารนิ ชาราบ
67
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3 การใช้งานอนิ เทอร์เนต็ อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 3 การประเมนิ ความนา่ เชอื่ ถอื
13. ครใู ห้นกั เรยี นดูผังสรุปสาระสาคัญ ในหนังสอื เรียนรายวชิ าพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการ
คานวณ) ป.6 หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 3 หนา้ 80 เพื่อเป็นการสรุปความรทู้ ่เี รียนมาท้งั หมด
14. ครูให้นักเรยี นทาแบบทดสอบหลงั เรียน
15. ครูมอบหมายงานให้นักเรยี นทาช้นิ งาน ภาระงาน (รวบยอด) และกจิ กรรมเสริมสรา้ งการเรียนรใู้ น
หนังสอื เรยี นรายวชิ าพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.6 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3
หนา้ 81 เปน็ การบา้ น
10. สื่อแหล่งการเรยี นรู้
1. หนงั สอื เรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป.6
2. แบบฝึกหดั รายวชิ าพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป.6
11. การวัดและการประเมินผล
การประเมนิ ระหว่างการจดั กิจกรรม
จุดประสงค์ วิธกี ารประเมิน เครอื่ งมือการประเมนิ เกณฑก์ ารประเมิน
อธิบายหลักการประเมิน ตรวจกจิ กรรมฝกึ ทักษะ แบบประเมนิ กจิ กรรมท่ี อธิบายเหตุผลทีเ่ ลือกใช้
ความน่าเชื่อถือของขอ้ มูล ที่ 1 เรือ่ งจริงหรือไม่ 1 เรือ่ งจรงิ หรือไม่ ข้อมูลในเว็บไซตต์ ่าง ๆ
ได้ (K) โดยใชห้ ลักการประเมิน
ความนา่ เชื่อถือของข้อมลู
ระดับคุณภาพพอใช้ขนึ้ ไป
ประเมนิ ความนา่ เช่ือถือ ประเมินการนาเสนอใบ แบบประเมินการนาเสนอ นาเสนอการประเมนิ
ของข้อมูลได้ (P) งานท่ี 1 เรื่องเช่ือถือได้ ความน่าเชอื่ ถือของขอ้ มูล
หรอื ไม่ ได้ ระดบั คณุ ภาพระดับ
พอใช้ข้นึ ไป
เหน็ ความสาคญั ของการ ตรวจกจิ กรรมฝึกทักษะท่ี แบบประเมินกจิ กรรมฝึก บอกประโยชน์ และ
ประเมินความน่าเชื่อถือ 2 เรอ่ื งเช็คก่อนแชร์ ทักษะที่ 2 เรื่องเช็คก่อน แนวทางการนาไป
ของข้อมูล (A) แชร์ ประยกุ ตใ์ ช้ ระดบั
คุณภาพระดบั พอใช้ข้นึ ไป
โรงเรยี นเทศบาลวารนิ วิชาชาติ สงั กดั กองการศึกษา เทศบาลเมืองวารินชาราบ
68
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 3 การใช้งานอนิ เทอร์เน็ตอย่างมปี ระสิทธิภาพ
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 3 การประเมนิ ความนา่ เชอ่ื ถอื
12. บันทกึ ผลหลังการสอน
ผลการจัดการเรยี นการสอน
ปญั หา/อปุ สรรค
แนวทางแก้ไข
ครูผ้สู อน
( นายอคั รพล พลชัย )
ตำแหน่ง ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการ
13. ความเห็นของผ้บู ริหารสถานศึกษาหรือผ้ทู ่ีไดร้ บั มอบหมาย )
ขอ้ เสนอแนะ .......
ลงชือ่
(
ตาแหนง่
โรงเรียนเทศบาลวารินวชิ าชาติ สงั กดั กองการศึกษา เทศบาลเมอื งวารินชาราบ
69
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 4 ความปลอดภยั ในการใชง้ านเทคโนโลยสี ารสนเทศ
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 1 การใช้งานเทคโนโลยสี ารสนเทศ
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 1
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 4 ความปลอดภัยในการใชง้ านเทคโนโลยีสารสนเทศ เวลา 6 ชวั่ โมง
เร่อื ง การใช้งานเทคโนโลยสี ารสนเทศ เวลา 4 ชั่วโมง
รายวชิ าวิทยาการคานวณ กล่มุ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 6
1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวชีว้ ัด
สาระท่ี 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใชแ้ นวคิดเชงิ คานวณในการแก้ปญั หาที่พบในชวี ติ จริงอยา่ งเป็นขั้นตอน
และเปน็ ระบบ ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสอื่ สารในการเรยี นรู้ การทางาน และการแกป้ ัญหา
ได้อย่างมีประสทิ ธภิ าพ ร้เู ท่าทนั และมีจรยิ ธรรม
ตวั ช้วี ดั ป.6/4 ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศทางานรว่ มกนั อย่างปลอดภยั เขา้ ใจสทิ ธแิ ละหน้าทขี่ องตน
เคารพในสิทธิของผู้อ่นื แจง้ ผเู้ กี่ยวข้องเมอื่ พบข้อมลู หรือบุคคลท่ไี ม่เหมาะสม
2. จุดประสงค์การเรยี นรู้
1. ประเมินและรเู้ ท่าทนั การใช้งานอนิ เตอร์เน็ต (K)
2. ใชง้ านอินเทอรเ์ นต็ ได้อย่างรู้เทา่ ทนั และรบั ผิดชอบ (P,A)
3. สาระสาคญั
อันตรายจากการใชง้ านเทคโนโลยสี ารสนเทศที่เชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ต ในรปู แบบตา่ ง ๆ และ
แนวทางในการป้องกันอันตรายจากการใช้งานอินเตอร์เนต็ ซึง่ รวมถึงการกาหนดรหัสผ่าน และการกาหนดสิทธ์ิ
ในการใช้งาน รวมทั้งอนั ตรายจากการตดิ ต้ังซอฟแวร์ และแนวทางในการตรวจสอบและป้องกนั มัลแวร์ ซึ่งเป็น
สาเหตใุ ห้เกดิ ความเสยี หายตอ่ ข้อมูล ซอฟต์แวร์และอุปกรณเ์ ทคโนโลยไี ด้
4. สาระการเรยี นรู้
1. อนั ตรายจากการใช้งานอนิ เตอร์เน็ต
2. แนวทางในการปอ้ งกันอนั ตรายจากการใช้งานอนิ เตอร์เน็ต
3. การกาหนดรหัสผา่ น
4. การกาหนดสิทธใิ์ นการเขา้ ใช้งาน
โรงเรียนเทศบาลวารนิ วิชาชาติ สงั กัด กองการศกึ ษา เทศบาลเมืองวารินชาราบ
70
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 4 ความปลอดภยั ในการใชง้ านเทคโนโลยสี ารสนเทศ
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 1 การใชง้ านเทคโนโลยสี ารสนเทศ
5. รปู แบบการสอน/วธิ ีการสอน
1. วิธกี ารสอนโดยใช้บทบาทสมมติ (Role Playing)
2. เทคนิคการอภปิ รายกลุ่มยอ่ ย (Small Group Discussion)
3. เทคนิคตามแนวคิดเชิงคานวณ
6. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน ซอื่ สัตย์ สุจริต
ความสามารถในการสื่อสาร ใฝ่เรยี นรู้
ความสามารถในการคิด มงุ่ มั่นในการทางาน
ความสามารถในการแกป้ ัญหา มีจติ สาธารณะ
ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
7. ทักษะ 4 Cs
ทกั ษะการคดิ วจิ ารณญาณ (Critical Thinking)
ทักษะการทางานรว่ มกัน (Collaboration Skill)
ทกั ษะการส่ือสาร (Communication Skill)
ทักษะความคดิ สร้างสรรค์ (Creative Thinking)
8. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
มวี ินัย
อย่อู ย่างพอเพียง
รกั ความเป็นไทย
9. การจดั กระบวนการเรยี นรู้
ชวั่ โมงที่ 1
1. นกั เรยี นทาแบบทดสอบกอ่ นเรยี น เรอื่ ง ความปลอดภัยในการใชง้ านเทคโนโลยีสารสนเทศ เพ่อื เปน็
การวดั พื้นฐานความรู้ก่อนเรียน
ขั้นนา (20 นาท)ี
2. นกั เรยี นทากิจกรรมลองทาดู ในแบบฝึกหดั รายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการ
คานวณ) ป.6 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 4 หน้า 62 หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 4 เพ่ือเปน็ การทบทวนความร้เู ดมิ ก่อน
เข้าสู่บทเรยี น
โรงเรยี นเทศบาลวารินวิชาชาติ สงั กดั กองการศึกษา เทศบาลเมอื งวารินชาราบ
71
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 4 ความปลอดภยั ในการใชง้ านเทคโนโลยสี ารสนเทศ
แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 1 การใช้งานเทคโนโลยสี ารสนเทศ
3. ครนู านักเรียนสนทนา ความรู้เรื่อง อันตรายจากการใชง้ านอินเตอรเ์ น็ต โดยเปดิ วีดิทัศน์ ”เจด๊ าตลาด
แตก” https://youtu.be/ZtY0aU8JKB0 หรอื สื่ออ่ืนที่นาเสนอปัญหา อนั ตรายจากการใชง้ าน
อินเตอรเ์ น็ต ให้นกั เรยี นดแู ละตง้ั คาถามเพื่อให้เด็กร่วมกันแสดงความเห็นและบนั ทึกลงสมุด ตาม
หวั ข้อดังนี้
1) ปญั หา อนั ตรายจากการใช้งานอนิ เตอร์เน็ตจากวีดทิ ัศน์คืออะไร
2) สาเหตุของปัญหา อนั ตรายจากการใชง้ านอนิ เตอร์เนต็ จากวีดทิ ัศน์คืออะไร
4. จากวีดิทัศน์ทนี่ ักเรียนได้ดู ครูชช้ี วนให้นักเรียนตระหนักถงึ อันตรายจากการใช้งานอนิ เทอรเ์ นต็ และ
เหน็ ความสาคัญในการป้องกันอนั ตรายจากการใชง้ านอนิ เตอร์เน็ต
5. ครบู อกนักเรยี นว่า นอกจากตัวอย่างอนั ตรายจากการใช้งานอนิ เทอร์เนต็ ตามตวั อย่างท่ีครูเปดิ ให้
นกั เรยี นดูแลว้ นกั เรียนร้หู รอื ไมว่ า่ ยังมอี ันตรายจากการใชง้ านอนิ เทอร์เนต็ อีกหลายรปู แบบ วนั นเ้ี รา
จะมาเรียนรู้เร่ืองน้กี นั
ขนั้ สอน (40 นาท)ี
6. ครใู ห้นกั เรียนศึกษาเน้อื หาในหนังสอื เรียนรายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ)
ป. 6 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 4 เรือ่ งอนั ตรายจากการใชง้ านอนิ เทอร์เน็ต หนา้ 83-86 และเรอื่ งแนวทาง
ในการป้องกันอันตรายจากการใชง้ านอินเทอรเ์ นต็ หนา้ 88-89
7. ครูแจกแบบสอบถามใหน้ ักเรียน เพ่อื สารวจอนั ตรายจากการใชอ้ ินเตอร์เน็ตของนกั เรียน โดยให้
นกั เรยี นตอบแบบสอบถาม เรื่อง อนั ตรายจากการใชอ้ ินเตอร์เนต็ และเกบ็ แบบสอบถามไว้กบั ตนเอง
ก่อน (ครสู ามารถใหน้ กั เรียนทาแบบสอบถามผา่ น Google from ก็ได)้
8. ครมู อบหมายงานให้นักเรียนทากิจกรรมฝึกทักษะ Com Sci ในหนงั สอื เรียน รายวชิ าพื้นฐาน
วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป. 6 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 4 หนา้ 87 และหนา้ 90 เพื่อ
ทาเป็นการบ้าน
ชัว่ โมงท่ี 2
ข้ันสอน (60 นาที)
1. ครูทบทวนความรู้เดิมในชวั่ โมงทีแ่ ลว้ เรื่องอนั ตรายจากการใช้งานอนิ เทอรเ์ นต็ และเรอ่ื งแนวทางใน
การป้องกันอันตรายจากการใช้งานอนิ เทอร์เน็ต
2. ครใู หน้ ักเรยี นแบ่งกลมุ่ ใหญ่ ๆ 3-4 กลมุ่ จากน้นั ใหแ้ ต่ละกลุ่ม รวบรวมและประมวลผลแบบสอบถาม
ของกลุ่ม
3. ครแู จกกระดาษฟลิปชารท์ และแจกปากกาสีตา่ ง ๆ เพื่อให้นกั เรียนแต่ละกลมุ่ วเิ คราะห์ปัญหา
เชือ่ มโยงสาเหตุและผลกระทบ รวมท้ังจดั กล่มุ รูปแบบ ปัญหาหรืออนั ตรายการใชง้ านอินเตอรเ์ น็ต
จากแบบสอบถามของกลมุ่ โดยครูให้นกั เรยี นเลือก 3 ปัญหาทคี่ ิดว่ามีความสาคญั หรืออันตรายมาก
ทส่ี ุด วเิ คราะห์สาเหตุของปัญหานั้น ๆ พร้อมทั้งหาแนวทางการปอ้ งกนั หรือแก้ไข โดยครูให้เวลา
นกั เรยี นจดั ทากลุ่มละ 20 นาที
โรงเรียนเทศบาลวารนิ วชิ าชาติ สังกดั กองการศกึ ษา เทศบาลเมอื งวารนิ ชาราบ
72
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 4 ความปลอดภยั ในการใช้งานเทคโนโลยสี ารสนเทศ
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 1 การใชง้ านเทคโนโลยสี ารสนเทศ
4. ครใู ห้นักเรยี นแต่ละกลมุ่ ออกมานาเสนอปญั หา สาเหตุ และแนวทางป้องกันหรือแกไ้ ข เกีย่ วกบั เรอ่ื ง
การใชง้ านอินเทอรเ์ น็ต โดยให้เวลาในการนาเสนอกลมุ่ ละ 7-10 นาที
5. ครูให้นกั เรยี นศึกษา กจิ กรรมเสรมิ สร้างการเรียนรู้ ในหนงั สือเรยี นรายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์
เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป. 6 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 4 หน้า 106 และร่วมอภปิ รายในช้ันเรยี นวา่
หากนกั เรียนไดร้ ับอีเมล นักเรียนควรทาอย่างไร เพราะเหตุผล พร้อมบอกวธิ กี ารสงั เกตและป้องกัน
อันตรายจากการใช้งานอีเมล และบนั ทึกคาตอบลงสมดุ
6. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันสรุปความรทู้ ีไ่ ด้จากการเรียนในชั่วโมงน้ี
ช่วั โมงท่ี 3
ข้ันสอน (60 นาที)
1. ครูถามนักเรยี นว่า รหู้ รอื ไม่วา่ การป้องกนั อนั ตรายจากการใช้งานอินเทอร์เนต็ ทง่ี า่ ยและเปน็ พน้ื ฐานท่ี
สาคญั คอื การกาหนดรหสั ผ่าน และการกาหนดสทิ ธิก์ ารเข้าใชง้ าน ซงึ่ เราทุกคนสามารถทาได้ง่าย ๆ
ดว้ ยตนเอง
2. ครใู หน้ ักเรียนศึกษาศึกษาเนื้อหาในหนงั สอื เรียน รายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการ
คานวณ) ป. 6 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 4 เรื่องการกาหนดรหัสผ่าน หน้า 91 และเร่ืองการกาหนดสิทธิ์ใน
การเข้าใชง้ าน หน้า 93-94
3. ครอู ธบิ ายเพิ่มเติมว่า นักเรยี นสามารถสรา้ งวิธกี ารในการกาหนดรหัสผ่านทมี่ ีความปลอดภยั และ
ผู้ใช้งานจดจาไดง้ า่ ยไดห้ ลากหลายรูปแบบ รวมท้งั ควรศึกษาการกาหนดสิทธิใ์ นการเข้าใชง้ านในสื่อ
หรือบรกิ ารออนไลน์ตา่ ง ๆ นอกเหนือจากทศ่ี กึ ษาในหนงั สือเรยี นมาแลว้ เชน่ การกาหนดสิทธ์ใิ นการ
แชร์ไฟลจ์ าก Google Drive จากน้ันครูแจกใบความรู้ เรื่องการกาหนดรหัสผ่านและการกาหนด
สทิ ธเ์ิ ข้าใชง้ าน เพื่อใหน้ ักเรียนศกึ ษาเพิม่ เตมิ
4. ครูแจกใบงานท่ี 4.1.1 เร่อื ง การกาหนดรหสั ผา่ นและการกาหนดสิทธเิ์ ข้าใชง้ าน โดยมีประเดน็ ดงั นี้
1) นกั เรียนมบี ญั ชี Gmail หรอื ไม่
2) หากนกั เรียนไม่มบี ัญชี Gmail ใหน้ กั เรยี นสมคั ร โดยดขู น้ั ตอนจากใบความรเู้ ร่ืองการ
กาหนดรหัสผ่านและการกาหนดสิทธิ์เข้าใชง้ าน
3) นกั เรยี นคดิ ว่ารหสั ผา่ นท่ีนกั เรียนใช้ มคี วามปลอดภัยมากน้อยเพยี งใด
4) ให้นักเรียนเปิดโปรแกรม Microsoft word แล้วพิมพช์ ื่อ นามสกุล ชัน้ เรยี น และเลขที่
ของตนเอง ลงในโปรแกรม จากน้นั บนั ทึกเป็นไฟล์ .doc แลว้ อปั โหลดไฟล์ลงใน Google
Drive และแชร์ให้คณุ ครูทาง .............(ชือ่ อเี มลของคุณคร)ู ............ โดยกาหนดสทิ ธ์ิให้
คุณครสู ามารถดูไฟล์ข้อมลู ได้เพียงอย่างเดียว ไม่มสี ทิ ธิ์ในการแก้ไขหรอื ปรบั ปรุง
โรงเรียนเทศบาลวารนิ วชิ าชาติ สังกัด กองการศึกษา เทศบาลเมอื งวารินชาราบ
73
หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 4 ความปลอดภยั ในการใชง้ านเทคโนโลยสี ารสนเทศ
แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 1 การใชง้ านเทคโนโลยีสารสนเทศ
5. ครูนานกั เรยี นรว่ มกันอภิปรายสรุปความรทู้ ีไ่ ดจ้ ากใบงานท่ี 4.1.1 เร่ือง การกาหนดรหสั ผา่ นและการ
กาหนดสิทธิใ์ นการเข้าใช้งาน รวมทง้ั ใหน้ กั เรียนบอกแนวทางในการนาไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวันของ
นักเรียน
6. ครูใหน้ ักเรยี นทากจิ กรรมฝึกทักษะ Com Sci เร่อื งการกาหนดรหสั ผ่าน หนา้ 92 และกิจกรรม
เสริมสรา้ งการเรียนรู้ ข้อ 2 หนา้ 107 ท้ายคาบเรียน และมอบหมายงานใหน้ กั เรียนทากจิ กรรมฝกึ
ทกั ษะ Com Sci เร่อื งการกาหนดสิทธ์กิ ารเข้าใชง้ าน หนา้ 95 ในหนังสอื เรียนรายวชิ าพื้นฐาน
วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป. 6 หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 4 เป็นการบา้ น
ชัว่ โมงท่ี 4
ขั้นสอน (50 นาที)
1. ครนู านักเรียนสนทนา เรื่อง “ การกลั่นแกล้งบนโลกออนไลน์”
โดยครสู รุปนยิ าม การกล่นั แกลง้ บนโลกออนไลน์ คือ การใช้อุปกรณ์ เครื่องมือสื่อสารผา่ นสื่อดจิ ทิ ัล
หรอื สือ่ ออนไลน์ เชน่ คอมพวิ เตอร์ แท็บเล็ต โทรศัพท์มอื ถือ ในการกล่นั แกลง้ รงั แก คุกคามโดย
เจตนา และมักจะมีการทาซา้ ๆ เช่น นาขอ้ มลู ส่วนตัวหรือความลับของเพ่ือนไปเผยแพร่ในส่อื สังคม
ออนไลน์ สร้างบญั ชสี ่อื ออนไลน์เพอื่ ต่อต้านหรือลอ้ เลยี นเพือ่ น
2. ครูนานกั เรยี นรว่ มอภปิ รายในประเด็นต่อไปนี้
1) การกล่ันแกล้งบนโลกออนไลนท์ ี่เดก็ เคยพบเจอในโรงเรยี น
แนวคาตอบ: ครูใหน้ กั เรียนอภิปรายตามประสบการณ์ของนกั เรียน
2) สาเหตุท่ีมีการกล่ันแกลง้ บนโลกออนไลนท์ ีเ่ ด็กเคยพบเจอในโรงเรยี น
แนวคาตอบ: ครใู หแ้ นวคาตอบสาเหตุของการกลั่นแกล้งบนโลกออนไลน์ หลงั นักเรยี น
อภปิ ราย
1.ผู้กระทาสามารถปกปดิ ปลอมแปลง ไม่แสดงตัวตนเอง
2.ส่ือสงั คมออนไลน์ถูกใชเ้ ป็นช่องทางระบายอารมณ์
3.ความงา่ ยและสะดวกในการรังแก
4.บางส่วนมีสาเหตุมาจากในชีวิตจรงิ เช่น ความไม่พอใจต่อคนบางคนทีร่ จู้ ักและ
ปฏิสมั พันธใ์ นชีวิตจริง
3) แนวทางในแกป้ ญั หาการโดนกลั่นแกลง้ บนโลกออนไลน์
แนวคาตอบ: ครใู ห้แนวทางในการแก้ปัญหา หลงั นักเรียนอภิปราย
1) STOP ไม่ตอบสนองต่อผกู้ ล่ันแกล้ง และเกบ็ หลักฐานการกลัน่ แกล้ง เช่นรปู ภาพ
ขอ้ ความทผี่ ู้กลนั่ แกล้งโพสหรือสง่
2) BLOCK บลอ็ กการส่ือสารของผู้กล่นั แกล้ง
โรงเรยี นเทศบาลวารนิ วิชาชาติ สังกัด กองการศกึ ษา เทศบาลเมืองวารนิ ชาราบ
74
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 4 ความปลอดภยั ในการใชง้ านเทคโนโลยสี ารสนเทศ
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 1 การใชง้ านเทคโนโลยสี ารสนเทศ
3) REPORT รายงานใหค้ รู ผู้ปกครองหรือผ้ใู หญ่ทไ่ี วว้ างใจไดท้ ราบ และ/หรือ
รายงานไปที่ผู้ให้บริการสอ่ื สงั คมออนไลน์ทโี่ ดนกลัน่ แกลง้
(ทั้งนค้ี รูต้องช้ีให้นักเรยี นเหน็ วา่ ปญั หาแต่ละเหตุการณ์อาจต้องใชว้ ิธกี ารแตกตา่ งกันไป
ตามบรบิ ทปัญหา)
3. ครูบอกนักเรียนวา่ วันนี้ครูมสี ถานการณ์ให้นกั เรยี นลองสมมตบิ ทบาทเปน็ บคุ คลในสถานการณ์ และ
ลองนึกดูวา่ ถา้ หากสถานการณน์ ้เี กดิ กบั เรา เราจะรู้สึกอย่างไร
4. ครใู ห้แบ่งกลมุ่ กลมุ่ ละ 6 คน แลว้ ให้นกั เรยี นรว่ มกันทากจิ กรรมฝกึ ทกั ษะท่ี 1 เร่ือง เหตุเกิด ณ หอ้ ง
คอมพวิ เตอร์ โดยครูใหน้ ักเรียนแตล่ ะคนในกลมุ่ สมมติบทบาทเปน็ ตวั ละครตามสถานการณ์
สถานการณ์ตามเวลาต่าง ๆ
เวลา สถานการณ์
13.00 น. ฝนปวดหัวมาก ครูจึงใหแ้ ฟงพาฝนไปทีห่ ้องพยาบาล
13.05 น. ปุ้มเหน็ กายกาลงั พยายามเขา้ สู่บญั ชีสอ่ื ออนไลน์ในคอมพวิ เตอร์ทฝ่ี นใช้งานอยู่หลายครง้ั และเขา้ ใช้
งานไดโ้ ดยใช้รหสั ประจาตัวนกั เรยี นของฝน แต่ปมุ้ ไมไ่ ดส้ นใจอะไร
13.20 น. เจนเล่นคอมพิวเตอร์และบงั เอญิ ไปเหน็ โพสในสือ่ ออนไลนข์ องฝน โดยในโพสเป็นรปู ภาพฮิปโปแตม่ ี
การตัดตอ่ นารูปหนา้ ของแฟงมาแปะแทนหวั ของฮปิ โป เจนรสู้ ึกตลกกับภาพจงึ แชร์โพสใหก้ ับเพอ่ื น
ๆ
13.21 น. แบมเปน็ เพ่ือนต่างห้องเรยี น เหน็ โพสแล้วไม่เหน็ ดว้ ยกบั ฝน และเขา้ ใจวา่ ฝนนิสยั ไมด่ ี แต่ไมไ่ ด้แชร์
โพส
13.25 น. ปลาเหน็ โพสแล้วรสู้ ึกแปลกใจ เพราะฝนกับแฟงเป็นเพือ่ นสนิทกัน และท้ังคกู่ อ็ ยทู่ ี่หอ้ งพยาบาล ซ่ึง
ไมม่ คี อมพิวเตอร์ จึงนารปู ภาพใหค้ ณุ ครดู ู
13.30 น. ฝนและแฟงกลบั มาทห่ี ้องเรยี น และถกู เพื่อน ๆ มองด้วยสายตาทแี่ ปลก ๆ
13.31 น. ครถู ามเพ่ือนในห้องวา่ ใครเปน็ คนกล่ันแกล้งฝนและแฟง ซ่งึ ไมม่ ใี ครกลา้ ยอมรบั ผดิ
5. ครูใหน้ กั เรยี นอภิปรายกนั ในกลมุ่ ถึงความรู้สึก ความคิดเหน็ จากมมุ มองของตวั ละครตามบทบาทท่ี
ตัวเองได้รับ จากนั้นเขยี นสรุปและตอบคาถามลงในกจิ กรรมฝกึ ทักษะที่ 1 เร่ือง เหตเุ กดิ ณ ห้อง
คอมพิวเตอร์
ขั้นสรปุ (10 นาที)
6. ครนู านักเรียนรว่ มกนั อภิปรายสรุปความรู้ที่ได้จากการจัดกิจกรรม การเห็นความสาคญั ของอนั ตราย
และการป้องกนั อนั ตรายจากการใช้งานอินเตอร์เน็ต รวมท้ังแนวทางในการนาไปใช้ในชวี ิตประจาวนั
ของนักเรยี น โดยครชู ้ใี หน้ ักเรียนให้เห็นประเดน็ สาคัญ คือ
1) โทษของการใชเ้ ทคโนโลยีในการรังแก ใส่ร้ายผู้อืน่ จากการกระทาของกาย ซ่ึงทาใหเ้ พ่ือนได้รับ
ความเสยี ใจและอบั อาย รวมทัง้ จะทาใหถ้ ูกลงโทษจากทางโรงเรยี น และเปน็ ความผิดตาม พ.ร.บ.
คอมพวิ เตอร์
โรงเรยี นเทศบาลวารินวิชาชาติ สังกัด กองการศึกษา เทศบาลเมอื งวารนิ ชาราบ
75
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 4 ความปลอดภยั ในการใชง้ านเทคโนโลยสี ารสนเทศ
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 1 การใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศ
2) การจดั การต่อสถานการณข์ องผ้ทู ่ถี ูกกลน่ั แกลง้ ทางออนไลน์ คือ ฝนและแฟง โดยแก้ปัญหา
อยา่ งมีสติและรู้จักควบคุมอารมณ์ และใช้กระบวนการ Stop – Block – Report
3) บทบาทของผูท้ ่ีมสี ่วนร่วมในเหตกุ ารณ์ ซง่ึ นักเรียนเลือกได้วา่ ควรจะเลอื กปฏบิ ัติต่อเหตุการณ์
ตามตัวละครใด เพราะอะไร โดยกาหนดให้กายเปน็ ผรู้ ังแก แฟงเปน็ ผู้ถูกรงั แก ปุ้มและแบม ท่เี หน็
การกระทาผดิ ของกาย แต่ไม่ไดท้ าอะไร เปน็ ผู้อยใู่ นเหตุการณ์ เจนทเ่ี ห็นโพสของกายและแชร์
โพสต่อเปน็ ผู้สนบั สนุนการรงั แก และปลาซงึ่ เหน็ โพสและพยายามช่วยผู้ทถ่ี ูกรงั แก เป็นผู้ปกปอ้ ง/
ช่วยเหลอื ผู้ถกู รังแก
นอกจากนค้ี รคู วรกระตุ้นให้นักเรียนเสนอแนวทางสรา้ งสรรค์ของตนเองต่อเหตกุ ารณ์ท่ีเกิดขนึ้
7. ครูมอบหมายงานใหน้ ักเรียนทาแบบฝกึ หัด รายวชิ าพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการ
คานวณ) หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 4 เร่ืองการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศ หนา้ 63-66 เป็นการบ้าน
10. สือ่ แหล่งการเรยี นรู้
1. หนงั สือเรียนรายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.6
2. แบบฝึกหัดรายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป.6
3. วดี ทิ ัศน์”เจ๊ดาตลาดแตก” https://youtu.be/ZtY0aU8JKB0
โรงเรียนเทศบาลวารนิ วิชาชาติ สงั กัด กองการศกึ ษา เทศบาลเมืองวารนิ ชาราบ
76
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 4 ความปลอดภยั ในการใชง้ านเทคโนโลยสี ารสนเทศ
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 1 การใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศ
11. การวัดและการประเมนิ ผล
การประเมินระหว่างการจัดกิจกรรม
จุดประสงค์ วิธกี ารประเมนิ เครอ่ื งมอื การประเมิน เกณฑ์การประเมนิ
แบบประเมนิ การนาเสนอ นักเรียนนาเสนอ การ
1.ประเมนิ และร้เู ท่าทัน ประเมนิ การนาเสนอ การ ประเมนิ อนั ตรายและ
ใบงานที่ 4.1.1 เร่อื ง แนวทางในการปอ้ งกัน
การใชง้ านอินเทอร์เน็ต วิเคราะห์แบบสอบถาม การกาหนดรหสั ผา่ นและ จากการใชง้ าน
การกาหนดสทิ ธ์ิเข้าใช้งาน อินเตอร์เน็ต ในระดบั
(K) เร่ืองอนั ตรายจากการใช้ พอใช้ขนึ้ ไป ถือวา่ ผา่ น
นักเรียนตอบคาถามในใบ
งานอินเทอรเ์ น็ตและ งานได้ถูกต้อง 60 % ขนึ้
ไปถือว่าผ่าน
แนวทางป้องกนั
2. ใช้งานอนิ เทอร์เน็ตได้ ตรวจใบงานที่ 4.1.1 เรอื่ ง
อย่างรูเ้ ท่าทันและ การกาหนดรหัสผา่ นและ
รบั ผดิ ชอบ (P,A) การกาหนดสิทธิเ์ ข้าใช้งาน
ตรวจงานในอเี มล อีเมลของครู นักเรียนส่งงานเข้าถงึ อีเมล
ของครู โดยมีการกาหนด
ตรวจกิจกรรมฝกึ ทักษะ แบบประเมินกิจกรรมฝึก สิทธก์ิ ารเขา้ ถึงใหค้ รู
สามารถดไู ฟล์งานได้เพียง
ที่ 1 เรื่อง เหตุเกิด ณ หอ้ ง ทักษะที่ 1 เรื่อง เหตุเกดิ อย่างเดียว
นักเรียนอธบิ าย
คอมพวิ เตอร์ ณ หอ้ งคอมพวิ เตอร์ ความสาคญั อนั ตราย และ
การปอ้ งกันอันตรายจาก
การใช้งานอนิ เตอรเ์ นต็ ใน
การส่ือสาร อย่างรู้เทา่ ทัน
และรบั ผิดชอบต่อสังคม
ในระดบั คุณภาพ พอใชข้ ้ึน
ไป ถือว่าผ่าน
โรงเรียนเทศบาลวารินวชิ าชาติ สังกัด กองการศึกษา เทศบาลเมืองวารนิ ชาราบ
77
หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 4 ความปลอดภยั ในการใชง้ านเทคโนโลยสี ารสนเทศ
แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 1 การใช้งานเทคโนโลยสี ารสนเทศ
12. บนั ทึกผลหลังการสอน
ผลการจัดการเรียนการสอน
ปญั หา/อุปสรรค
แนวทางแก้ไข
ครผู ู้สอน
( นายอัครพล พลชยั )
ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครชู านาญการ
13. ความเห็นของผู้บริหารสถานศกึ ษาหรือผทู้ ่ีได้รับมอบหมาย )
ขอ้ เสนอแนะ .......
ลงชือ่
(
ตาแหน่ง
โรงเรียนเทศบาลวารินวิชาชาติ สงั กดั กองการศึกษา เทศบาลเมืองวารนิ ชาราบ
78
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 4 ความปลอดภยั ในการใช้งานเทคโนโลยสี ารสนเทศ
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 2 การตดิ ตั้งซอฟตแ์ วรจ์ ากอนิ เทอรเ์ น็ต
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 2 เวลา 6 ชว่ั โมง
หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 4 ความปลอดภยั ในการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศ เวลา 2 ชั่วโมง
เรอื่ ง การตดิ ต้งั ซอฟตแ์ วร์จากอนิ เทอรเ์ น็ต ชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 6
รายวิชา วทิ ยาการคานวณ กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
1. มาตรฐานการเรยี นรู/้ ตัวช้วี ดั
สาระที่ 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชงิ คานวณในการแก้ปญั หาท่ีพบในชวี ติ จริงอย่างเป็นข้ันตอน
และเป็นระบบ ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอื่ สารในการเรยี นรู้ การทางาน และการแกป้ ัญหา
ไดอ้ ย่างมีประสิทธภิ าพ รเู้ ทา่ ทนั และมีจรยิ ธรรม
ตวั ชี้วดั ป.6/4 ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศทางานร่วมกนั อยา่ งปลอดภยั เข้าใจสทิ ธิและหน้าทขี่ องตน
เคารพในสิทธขิ องผู้อ่นื แจ้งผเู้ กีย่ วข้องเมื่อพบข้อมูลหรือบุคคลทีไ่ มเ่ หมาะสม
2. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. อธบิ ายประเภทของมัลแวร์และแนวทางการตรวจสอบและป้องกันมัลแวร์ได้ (K)
2. ตรวจสอบและป้องกันมลั แวรไ์ ด้ (P)
3. เหน็ ความสาคญั ของอนั ตรายจากการติดต้ังซอฟแวร์จากอินเตอร์เน็ต การตรวจสอบและปอ้ งกนั มัลแวร์
(A)
3. สาระสาคญั
การติดตั้งซอฟแวรจ์ ากอนิ เตอร์เน็ต อาจทาให้มลั แวร์ ซ่ึงเป็นซอฟแวรท์ ี่ตง้ั ใจออกแบบมาเพอ่ื ทา
อนั ตรายกับคอมพิวเตอร์ ดงั นนั้ ผ้ใู ชง้ านต้องรู้แนวทางการตรวจสอบและป้องกันมลั แวร์เพ่อื ป้องกนั การ
อนั ตรายในรปู แบบต่างๆ เชน่ ขโมยขอ้ มูล, การลบขอ้ มลู , การทาลายระบบ เปน็ ตน้
4. สาระการเรียนรู้
1. อันตรายจากการติดตั้งซอฟแวรท์ ีอ่ ยู่บนอนิ เตอร์เน็ต
2. แนวทางการตรวจสอบและป้องกันมลั แวร์
5. รปู แบบการสอน/วธิ กี ารสอน
1. วธิ กี ารสอนโดยใช้เกม
2. เทคนิคตามแนวคิดเชงิ คานวณ
โรงเรียนเทศบาลวารินวชิ าชาติ สงั กัด กองการศกึ ษา เทศบาลเมืองวารนิ ชาราบ
79
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 4 ความปลอดภยั ในการใชง้ านเทคโนโลยสี ารสนเทศ ซื่อสัตย์ สุจริต
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 2 การตดิ ตั้งซอฟตแ์ วรจ์ ากอนิ เทอรเ์ น็ต ใฝเ่ รียนรู้
ม่งุ มน่ั ในการทางาน
6. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน มีจิตสาธารณะ
ความสามารถในการสอื่ สาร
ความสามารถในการคิด
ความสามารถในการแก้ปัญหา
ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ
ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
7. ทักษะ 4 Cs
ทักษะการคดิ วจิ ารณญาณ (Critical Thinking)
ทกั ษะการทางานรว่ มกัน (Collaboration Skill)
ทกั ษะการส่ือสาร (Communication Skill)
ทกั ษะความคดิ สรา้ งสรรค์ (Creative Thinking)
8. คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์
รกั ชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์
มีวินยั
อยอู่ ย่างพอเพียง
รักความเป็นไทย
9. การจัดกระบวนการเรียนรู้
ชว่ั โมงท่ี 1
ขนั้ นา
1. ครูถามนักเรยี นวา่ นักเรยี นคนใดเคยเปน็ หวดั บ้าง ร้หู รือไม่ว่าหวดั เกดิ จากอะไร
2. ครูและนกั เรียนร่วมกนั ถาม-ตอบ จนไดข้ ้อสรุปวา่ หวดั เกดิ จากการติดเช้ือไวรัส ทาให้ร่างกายของเรา
เกดิ อาการจาม คัดจมูก มีอาการอ่อนเพลยี มีไขเ้ ล็กน้อย เป็นต้น
3. ครูถามนักเรยี นว่า นอกจากเชื้อไวรสั ทอ่ี ยู่ในร่างกายคนแล้ว นกั เรยี นรู้หรือไมว่ ่าคอมพวิ เตอร์ทเี่ ราใช้
ทางานหรอื คน้ หาข้อมลู ต่าง ๆ ก็สามารถตดิ ไวรสั ไดเ้ หมือนกัน นกั เรยี นรู้จักไวรสั คอมพิวเตอรห์ รอื ไม่
คอื อะไร มคี วามเหมือนหรือแตกตา่ งจากไวรัสที่ทาให้เราเป็นหวัดหรือไม่
โรงเรยี นเทศบาลวารนิ วชิ าชาติ สงั กัด กองการศึกษา เทศบาลเมอื งวารนิ ชาราบ
80
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 4 ความปลอดภยั ในการใชง้ านเทคโนโลยสี ารสนเทศ
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 2 การติดต้งั ซอฟตแ์ วรจ์ ากอินเทอรเ์ นต็
ขั้นสอน
4. ครอู ธบิ ายเพิ่มเตมิ หลังจากทีน่ ักเรียนแสดงความเห็นร่วมกนั วา่ ไวรสั คอมพวิ เตอร์ คือโปรแกรมชนดิ
หน่งึ ทีถ่ กู เขยี นข้ึนเพื่อใหจ้ ดั การตวั เองได้ โดยมีลักษณะเลียนแบบไวรัส เตบิ โต ขยายและแพรก่ ระจาย
ได้ และสามารถอยรู่ อดไดด้ ้วยการอาพรางตน เหมือนเช้อื ไวรสั ไวรัสคอมพวิ เตอร์เปน็ ประเภทหนงึ่
ของโปรแกรมที่เป็นเครอ่ื งมอื ในการก่อปญั หาอาชญากรรมทางอนิ เตอร์เน็ตที่แฝงมากบั ซอฟแวรท์ ี่
ตดิ ต้งั โดยไวรสั เปน็ หนงึ่ ในประเภทของมัลแวร์ (Malware)
5. ครูถามนักเรียนวา่ นักเรียนร้จู ักมลั แวร์หรือไม่ จากนัน้ ให้นักเรยี นศกึ ษาความหมายและประเภท
ของมลั แวรใ์ นหนังสอื เรยี นรายวชิ าพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.6 หน่วยการ
เรียนรทู้ ี่ 4 หน้า 96-98
6. ครูสแกน QR Code ในหนงั สือเรียนหน้า 98 เพือ่ ให้นักเรียนศกึ ษาวดี ิทศั น์เพม่ิ เติมในเรอ่ื งไวรัส
คอมพิวเตอร์ (ครอู าจให้นกั เรียนที่มโี ทรศัพท์สแกน QR Code ด้วยตนเอง)
7. ครใู ห้นกั เรยี นทากจิ กรรมเล่นเกมกบั Com Sci เกมมลั แวรอ์ ะไรเอย่ ตามหนังสือเรียนรายวชิ าพ้ืนฐาน
วทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป.6 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 4 หนา้ 104 โดยให้นักเรยี นยนื
ข้ึนและจับคู่กบั เพือ่ น หันหนา้ เข้าหากนั จากน้นั ใหค้ ุณครูพูดว่า “มลั แวรอ์ ะไรเอ่ย ? ทม่ี ีลักษณะ
..........” โดยใหค้ รูบอกลกั ษณะของมลั แวรใ์ ดก็ได้ นักเรยี นแต่ละคู่จะต้องแข่งกนั ทายชื่อมัลแวรจ์ าก
ลักษณะทค่ี รูกาหนดให้ หากนักเรยี นคนใดตอบชา้ หรือตอบผิด ใหต้ กรอบ และไปต่อหลงั คนที่ชนะ
แล้วใหค้ นทีช่ นะหาคู่ใหม่ เล่นจนกวา่ จะเหลอื ผู้ชนะเพียงคนเดียว จึงสนิ้ สุดเกม
8. ครบู อกนักเรยี นว่า ตอนนน้ี ักเรยี นทุกคนกไ็ ดร้ จู้ ักมลั แวรป์ ระเภทตา่ ง ๆ ไปแลว้ แล้วเราจะทราบได้
อยา่ งไรว่าคอมพิวเตอรข์ องเราถูกติดตั้งมลั แวร์ไปแล้ว
9. ครูให้นักเรยี นศึกษาแนวทางในการตรวจสอบและป้องกนั มัลแวรจ์ ากหนังสอื เรยี นในหนา้ 100-102
10. ครถู ามนักเรียนว่านกั เรยี นเวลานักเรยี นใชง้ านคอมพวิ เตอร์ของตนเองทบี่ า้ นหรือทโ่ี รงเรยี น นกั เรยี น
เคยพบเห็นความผดิ ปกติของคอมพวิ เตอร์หรือไม่
11. ครูแจกใบงานที่ 4.2.1 เรือ่ ง ตรวจสอบมัลแวร์ ให้นกั เรยี น โดยให้นกั เรยี นกลับไปสารวจคอมพิวเตอร์
ของตนเองท่บี ้านว่ามีอาการผิดปกตหิ รอื ไม่ หากนักเรียนคนใดไม่มีคอมพิวเตอร์ ใหส้ ารวจ
คอมพวิ เตอร์ทโ่ี รงเรยี น โดยใบงานนี้ใหส้ ง่ ในช่วั โมงถัดไป
ประเด็นในการสารวจคอมพิวเตอร์
1) คอมพิวเตอร์ทางานช้าลงหรือมีอาการคา้ งบ่อยขึน้ หรือไม่
2) ไมส่ ามารถเชื่อมต่ออนิ เทอรเ์ น็ตได้ หรือเชอ่ื มต่อได้ชา้
3) ไฟล์ข้อมลู หายโดยไม่ทราบสาเหตุ
4) มโี ฆษณา หรือข้อความแปลก ๆ ข้นึ มาระหวา่ งใชง้ าน
12. ครูมอบหมายงานให้นักเรยี นทากจิ กรรมฝกึ ทักษะ Com Sci ในหนงั สือเรยี นหนา้ 99 และ 103 เป็น
การบ้าน
โรงเรียนเทศบาลวารินวิชาชาติ สงั กัด กองการศกึ ษา เทศบาลเมอื งวารนิ ชาราบ
81
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 4 ความปลอดภยั ในการใช้งานเทคโนโลยสี ารสนเทศ
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 2 การติดตง้ั ซอฟตแ์ วรจ์ ากอินเทอรเ์ น็ต
ชัว่ โมงที่ 2
ขัน้ สอน (ต่อ)
1. ครูและนกั เรียนร่วมกันทบทวนความร้เู ดมิ ทเ่ี รยี นในชั่วโมงทีแ่ ล้ว เร่อื งประเภทและความหมาย
ของมัลแวร์ แนวทางในการตรวจสอบและปอ้ งกนั มัลแวร์
2. ครถู ามนักเรยี นถงึ แบบสารวจท่ีให้นกั เรยี นนาไปทาเป็นการบา้ นวา่ คอมพิวเตอร์ของใคร ที่มอี าการ
หรือมีความนา่ จะเป็นวา่ จะตดิ มัลแวร์บ้าง
3. ครใู หน้ กั เรยี นทากจิ กรรมฝึกทักษะท่ี 2 เรอื่ ง แนวทางการตรวจสอบและปอ้ งกนั มัลแวร์ ในหนังสอื
เรียนรายวิชาวิทยาศาสตรพ์ ้นื ฐาน เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.6 หนว่ ยการเรียนรั้ 4 หน้า 72
โดยใหน้ ักเรยี นบนั ทึกพฤติกรรมเสี่ยงของตนเองท่ีอาจทาให้เกดิ ความไมป่ ลอดภยั จากมัลแวร์ อธบิ าย
วธิ แี กไ้ ขหากเกิดปัญหา และวิธปี อ้ งกัน
4. ครแู จกกระดาษ A4 ออกแบบและจัดทาผงั ความคดิ (Mind Map) เรอ่ื งอันตรายจากการติดตัง้
ซอฟตแ์ วร์เพื่อให้นกั เรยี นสรุปความรู้ทไี่ ด้เรียนท้ังหมด โดยบอกประเภทและความหมายของมลั แวร์
แนวทางในการตรวจสอบและป้องกันมลั แวร์ หากทาไมท่ ันให้นากลับไปทาเปน็ การบา้ นและส่งครูใน
ชัว่ โมงถัดไป
ขั้นสรปุ
5. ครแู ละนกั เรียนร่วมกนั สรปุ ความรูท้ ่ีไดจ้ ากการจัดกจิ กรรม การเห็นความสาคัญ อนั ตรายจากการ
ตดิ ตั้งซอฟแวร์ และแนวทางการตรวจสอบและป้องกันมัลแวร์ รวมทง้ั แนวทางในการนาไปใชใ้ น
ชวี ติ ประจาวนั ของนักเรยี น
6. ครูให้นกั เรียนตรวจสอบตนเองหลังจากจบบทเรยี นแล้วในหนงั สอื เรยี นหน้า 104
7. ครใู ห้นกั เรยี นดผู ังสรปุ สาระสาคัญ ในหนงั สอื เรียนรายวชิ าพื้นฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการ
คานวณ) หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 4 หนา้ 105 เพ่ือเป็นการสรุปความรทู้ ี่เรียนมาท้งั หมด
8. นกั เรียนทาแบบทดสอบหลงั เรยี น เรือ่ ง ความปลอดภัยในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อประเมนิ
ความรู้หลังเรยี น
9. ครูมอบหมายงานใหน้ ักเรยี นทาแบบฝึกหัด ในหนงั สือแบบฝึกหดั รายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์
เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 4 หนา้ 67-69 เป็นการบา้ น เพื่อฝึกฝนความรู้
10. ส่ือ/แหล่งการเรยี นรู้
1. หนงั สือเรยี นรายวชิ าพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.6
2. แบบฝึกหัดรายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป.6
3. ใบงานที่ 4.2.1 เรื่อง ตรวจสอบมลั แวร์
โรงเรยี นเทศบาลวารินวชิ าชาติ สังกดั กองการศกึ ษา เทศบาลเมืองวารินชาราบ
82
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 4 ความปลอดภยั ในการใช้งานเทคโนโลยสี ารสนเทศ
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 2 การติดตงั้ ซอฟตแ์ วรจ์ ากอนิ เทอรเ์ นต็
11. การวดั และการประเมนิ ผล
การประเมินระหว่างการจัดกิจกรรม
จดุ ประสงค์ วธิ กี ารประเมิน เครื่องมอื การประเมนิ เกณฑ์การประเมิน
แบบประเมนิ ผงั ความคิด นกั เรียนอธบิ ายอนั ตรายจาก
1. อธิบายประเภท ตรวจผังความคิด เร่ือง เร่อื งอันตรายจากการ การติดต้ังมลั แวร์และแนว
ตดิ ตั้งซอฟต์แวร์ ทางการตรวจสอบและ
ของมัลแวร์และแนว อันตรายจากการตดิ ต้ัง ป้องกันมัลแวร์ ในระดับ
พอใช้ข้นึ ไป ถอื วา่ ผ่าน
ทางการตรวจสอบและ ซอฟต์แวร์ ตอบคาถามในใบงานได้
ถกู ต้อง 60% ข้นึ ไปถือว่า
ปอ้ งกันมัลแวร์ได้ (K) ผา่ น
อธบิ ายพฤติกรรมเสี่ยงและ
2. ตรวจสอบและ ตรวจใบงานที่ 4.2.1 ใบงานที่ 4.2.1 เร่อื ง วธิ แี ก้ไขได้ ในระดับคุณภาพ
พอใช้ขน้ึ ไป ถือวา่ ผา่ น
ปอ้ งกนั มัลแวร์ได้ (P) เรอ่ื ง ตรวจสอบมัลแวร์ ตรวจสอบมัลแวร์
3. เห็นความสาคัญของ ตรวจกิจกรรมฝึกทักษะ แบบประเมินกิจกรรมฝึก
อันตรายจากการติดต้ัง แบบฝึกหดั หนว่ ยเรยี นรู้ ทกั ษะ เรอ่ื งแนวทางการ
ซอฟแวรจ์ ากอินเตอรเ์ น็ต ที่ 4 เรอื่ งแนวทางการ ตรวจสอบและ
การตรวจสอบและ ตรวจสอบและ ปอ้ งกนั มัลแวร์
ป้องกันมัลแวร์ (A) ปอ้ งกนั มัลแวร์
โรงเรยี นเทศบาลวารนิ วิชาชาติ สังกดั กองการศึกษา เทศบาลเมอื งวารนิ ชาราบ
83
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 4 ความปลอดภยั ในการใช้งานเทคโนโลยสี ารสนเทศ
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 2 การตดิ ต้งั ซอฟตแ์ วรจ์ ากอินเทอรเ์ นต็
12. บันทึกผลหลังการสอน
ผลการจดั การเรยี นการสอน
ปัญหา/อปุ สรรค
แนวทางแก้ไข
ครผู ู้สอน
( นายอัครพล พลชัย )
ตำแหน่ง ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการ
13. ความเหน็ ของผ้บู ริหารสถานศึกษาหรือผูท้ ่ไี ดร้ บั มอบหมาย )
ข้อเสนอแนะ .......
ลงชือ่
(
ตาแหนง่
โรงเรยี นเทศบาลวารินวิชาชาติ สงั กัด กองการศกึ ษา เทศบาลเมืองวารนิ ชาราบ
84