The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การวิเคราะห์คำประพันธ์เรื่อง ขุนช้างขุนแผน 2

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Saranphorn Pumma, 2024-06-15 05:40:49

การวิเคราะห์คำประพันธ์เรื่อง ขุนช้างขุนแผน 2

การวิเคราะห์คำประพันธ์เรื่อง ขุนช้างขุนแผน 2

การวิเคราะห์ค าประพันธ์เรื่อง ขุนช้างขุนแผน ตอน ขุนช้างถวายฎีกา จัดท าโดย นายณัฏฐพล ทองแดง ม.๖.๔ เลขที่ ๑๑ นายธัญวิสิฏฐ์ เพชรสังข์ ม.๖.๔ เลขที่ ๑๒ นางสาว ญาณภัทร ชูหนู ม.๖.๔ เลขที่ ๑๙ นางสาวปาฐิฉัตร ฉัตรธงชัย ม.๖.๔ เลขที่ ๒๘ นางสาวศรัณย์พร พุ่มมา ม.๖.๔ เลขที่ ๓๔ เสนอ ครู ณัฐยา อาจมังกร รายงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของ รายวิชาภาษาไทย ท๓๓๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๗ โรงเรียนมัธยมวัดหนองแขม เขตหนองแขม กรุงเทพมหานคร


การวิเคราะห์ค าประพันธ์เรื่อง ขุนช้างขุนแผน ตอน ขุนช้างถวายฎีกา จัดท าโดย นายณัฏฐพล ทองแดง ม.๖.๔ เลขที่ ๑๑ นายธัญวิสิฏฐ์ เพชรสังข์ ม.๖.๔ เลขที่ ๑๒ นางสาว ญาณภัทร ชูหนู ม.๖.๔ เลขที่ ๑๙ นางสาวปาฐิฉัตร ฉัตรธงชัย ม.๖.๔ เลขที่ ๒๘ นางสาวศรัณย์พร พุ่มมา ม.๖.๔ เลขที่ ๓๔ เสนอ ครู ณัฐยา อาจมังกร รายงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของ รายวิชาภาษาไทย ท๓๓๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๗ โรงเรียนมัธยมวัดหนองแขม เขตหนองแขม กรุงเทพมหานคร


ค าน า รายงานเล่มนี้จัดท าขึ้นเพื่อประกอบการเรียนการสอนในรายวิชาภาษาไทย ทางผู้จัดท าชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ เรื่องขุนช้างขุนแผน ตอน ขุนช้างถวายฎีกา เพื่อให้นักเรียน นักศึกษา หรือผู้อ่านได้รับความรู้ ความเข้าใจใน เนื้อหามากยิ่งขึ้น ซึ่งรายงานนี้มี เนื้อหาเกี่ยวกับ การถอดค าประพันธ์ การวิเคราะห์ คุณค่าด้านวรรณศิลป์ คุณค่าด้านสังคม คุณค่าด้านเนื้อหา และคุณค่าด้าน การน าไปใช้ คณะผู้จัดท าหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารายงานเล่มนี้จะเป็นประโยชน์แก่นักเรียน นักศึกษา ผู้อ่านและผู้สนใจ ไม่มากก็น้อย หากมีข้อผิดพลาดประการใด คณะผู้จัดท า ขออภัยมา ณ ที่นี้ คณะผู้จัดท า ๙ มิถุนายน ๒๕๖๗


สารบัญ หน้า เนื้อเรื่อง ๑ ค าศัพท์ ๓๕ วิเคราะห์คุณค่าวรรณคดี ๔๑ คุณค่าด้านวรรณศิลป์ ๔๑ คุณค่าด้านเนื้อหา ๔๕ คุณค่าด้านสังคม ๔๘ การน าไปปรับใช้ชีวิตประจ าวัน ๕๐ บรรณานุกรม ๕๑


๑ เนื้อเรื่อง ขุนช้างขุนแผน ตอน ขุนช้างถวายฎีกา จะกล่าวถึงโฉมเจ้าพลายงาม เมื่อเป็นความชนะขุนช้างนั่น กลับมาอยู่บ้านส าราญครัน เกษมสันต์สองสมภิรมย์ยวน พร้อมญาติขาดอยู่แต่มารดา นึกนึกตรึกตราละห้อยหวน โอ้ว่าแม่วันทองช่างหมองนวล ไม่สมควรเคียงคู่กับขุนช้าง เออนี่เนื้อเคราะห์กรรมมาน าผิด น่าอายมิตรหมองใจไม่หายหมาง ฝ่ายพ่อมีบุญเป็นขุนนาง แต่แม่ไปแนบข้างคนจัญไร ถอดความได้ว่า: พลายงามชนะความขุนช้าง ก็ได้กลับมาบ้านอย่างสุขสบาย เหลือแต่มารดา พลายงามคิด ว่านางวันทองไม่ควรอยู่กับขุนช้าง อาจจะเป็นเคราะห์กรรมของแม่วันทองถึงต้อง มาอับอายแบบนี้ พ่อก็เป็นถึงขุนนาง แต่แม่กลับไปอยู่กับคนจัญไร(ขุนช้าง) รูปร่างวิปริตผิดกว่าคน ทรพลอัปรีย์ไม่ดีได้ ทั้งใจคอชั่วโฉดโหดไร้ ช่างไปหลงรักใคร่ได้เป็นดี วันนั้นแพ้กูเมื่อด าน ้า ก็กริ้วซ ้าจะฆ่าให้เป็นผี แสนแค้นด้วยมารดายังปรานี ให้ไปขอชีวีขุนช้างไว้ แค้นแม่จ าจะแก้ให้หายแค้น ไม่ทดแทนอ้ายขุนช้างบ้างไม่ได้ หมายจิตคิดจะให้มันบรรลัย ไม่สมใจจ าเพาะเคราะห์มันดี ถอดความได้ว่า: หน้าตาหน้าเกลียด ใจคอโหดเหี้ยม ไม่รู้ว่านางวันทองไปรักขุนช้างได้อย่างไร ท้าวความถึงตอนที่ขุนช้างด าน ้าเพื่อพิสูจน์โทษเมื่อเป็นคดีกับตน พลายงามโกรธมากและจะฆ่า ขุนช้างให้ตาย แต่แม่ห้ามและขอชีวิตไว้


๒ อย่าเลยจะรับแม่กลับมา ให้อยู่ด้วยบิดาเกษมศรี พรากให้พ้นคนอุบาทว์ชาติอัปรีย์ ยิ่งคิดก็ยิ่งมีความโกรธา อัดอึดฮึดฮัดด้วยขัดใจ เมื่อไรตะวันจะลับหล้า เข้าห้องหวนละห้อยคอยเวลา จวนสุริยาเลี้ยวลับเมรุไกร เงียบสัตว์จัตุบททวิบาท ดาวดาษเดือนสว่างกระจ่างไข น ้าค้างตกกระเซ็นเย็นเยือกใจ สงัดเสียงคนใครไม่พูดจา ถอดความได้ว่า: พลายงามแค้นขุนช้าง จะต้องหาทางแก้แค้นขุนช้างให้ได้ อยากให้ขุนช้างตาย แต่ขุนช้างดวงดี ก็เลยจะรับนางวันทองให้มาอยู่บ้านกับขุนแผน จะพานางวันทองหนีให้พ้นจาก ขุนข้างคนชั่วช้าใจทราม ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้นใจ กระวนกระวายว่าเมื่อไรจะได้ไปรับแม่กลับบ้าน จนเย็น ไม่มีแม้แต่เสียงใดๆ ดาวที่อยู่บนท้องฟ้าส่องแสงสว่าง ในตอนมืดอากาศเริ่มเย็น มีน ้าค้าง เงียบสงัดไม่มีแม้แต่เสียงคนพูด ได้ยินเสียง ได้ยินเสียงฆ้องย ่าประจ าวัง ลอยลมล่องดังถึงเคหา คะเนนับย ่ายามได้สามครา ดูเวลาปลอดห่วงทักทิน ฟ้าขาวดาวเด่นดวงสว่าง จันทร์กระจ่างทรงกลดหมดเมฆสิ้น จึงเซ่นเหล้าข้าวปลาให้พรายกิน เสกขมิ้นว่านยาเข้าทาตัว ลงยันต์ราชะเอาปะอก หยิบยกมงคลขึ้นใส่หัว เป่ามนตร์เบื้องบนชอุ่มมัว พรายยั่วยวนใจให้ไคลคลา ถอดความได้ว่า:เสียงฆ้องตีบอกเวลาจากวัง ได้ยินถึงบ้าน เป็นเวลาตีสาม เป็นเวลาที่จะได้ ปลดปล่อยความชั่วร้าย เมื่อท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวและดวงจันทร์สว่างไม่มีเมฆบดบัง น าเหล้าและอาหารไปเซ่นให้ผีพรายกิน เอาขมิ้นมาทาตามตัว ลงยันต์ที่อกและเอาสิ่งมงคล มาใส่หัว เป่ามนตร์คาถา เพื่อให้หลงมนตร์ที่เป่าลงไป


๓ จับดาบเคยปราบณรงค์รบ เสร็จครบบริกรรมพระคาถา ลงจากเรือนไปมิได้ช้า รีบมาถึงบ้านขุนช้างพลัน ฯ เห็นคนนอนล้อมอ้อมเป็นวง ประตูลั่นมั่นคงขอบรั้วกั้น กองไฟสว่างดังกลางวัน หมายส าคัญตรงมาหน้าประตู จึงร่ายมนตรามหาสะกด เสื่อมหมดอาถรรพ์ที่ฝังอยู่ ภูตพรายนายขุนช้างวางวิ่งพรู คนผู้ในบ้านก็ซานเซอะ ถอดความได้ว่า:น าดาบมาร่ายมนตร์เสกคาถา และลงจากเรือนไปบ้านขุนช้าง เมื่อมาถึงก็เห็น คนนอนหลับกันหมด ประตูปิดสนิท มีไฟสว่างอยู่หน้าบ้าน พลายงามรีบมาที่หน้าประตู ร่ายมนตร์สะกดพวกผีพรายของขุนช้าง ผู้คนในบ้านต่างง่วงหลับด้วยมนตร์ของพลายงาม ทั้งชายหญิงง่วงงมล้มหลับ นอนทับคว ่าหงายก่ายกันเปรอะ จี่ปลาคาไฟมันไหลเลอะ โงกเงอะงุยงมไม่สมประดี ใช้พรายถอดกลอนถอนลิ่ม รอยทิ่มถอดหลุดไปจากที่ ย่างเท้าก้าวไปในทันที มิได้มีใครทักแต่สักคน มีแต่หลับเพ้อมะเมอฝัน ทั้งไฟกองป้องกันทุกแห่งหน ผู้คนเงียบส าเนียงเสียงแต่กรน มาจนถึงเรือนเจ้าขุนช้าง ถอดความได้ว่า:ผู้คนในบ้านต่างก็ง่วงหลับด้วยมนต์ของพลายงาม นอนทับกันไปมา พลายงาม จึงใช้ให้พรายไปถอดกลอนประตู และก้าวเข้าไปถึงเรือนของขุนช้าง จุดเทียนสะกดข้าวสารปราย ภูตพรายโดดเรือนสะเทือนผาง สะเดาะ ดาลบานเปิดหน้าต่างกาง ย่างเท้าก้าวขึ้นร้านดอกไม้ หอมหวนอวลอบบุปผาชาติ เบิกบานก้านกลาดกิ่งไสว เรณูฟูร่อนขจรใจ ย่างเท้าก้าวไปไม่โครมคราม ข้าไทนอนหลับลงทับกัน สะเดาะกลอนถอนลั่นถึงชั้นสาม กระจก ฉากหลากสลับวับแวมวาม อร่ามแสงโคมแก้วแววจับตา


๔ ถอดความได้ว่า:พลายงามจุดเทียนร่ายมนต์สะกด โปรยข้าวสารเสกใส่ท าให้ภูตพรายหนี จึงสะเดาะกลอนประตูเข้าไปถึงสามชั้น บานหน้าต่าง เข้าไปข้างในห้อง และได้กลิ่นหอมของ ดอกไม้ที่หอมหวนอบอวลไปทั่วห้อง แล้วก้าวเข้าไปอย่างเงียบๆ พวกข้ารับใช้ก าลังนอนหลับ พลายงามจึงใช้มนตร์สะเดาะกลอนประตูเข้ามาภายในถึง3ชั้น ม่านมู่ลี่มีฉากประจ ากั้น อัฒจันทร์เครื่องแก้วก็หนักหนา ชมพลางย่างเยื้องช าเลืองมา เปิดมุ้งเห็นหน้าแม่วันทอง นิ่งนอนอยู่บนเตียงเคียงขุนช้าง มันแนบข้างกอดกลมประสมสอง เจ็บใจดังหัวใจจะพังพอง ขยับจ้องดาบง่าอยากฆ่าฟัน จะใคร่ถีบขุนช้างที่กลางตัว นึกกลัวจะถูกแม่วันทองนั่น พลางนั่งลงนอบนบอภิวันท์ สะอื้นอั้นอกแค้นน ้าตาคลอ ถอดความได้ว่า: เมื่อเข้าไปถึงในห้องมีงกระจกฉาก และม่านมู่ลี่ที่กั้นอยู่ เมื่อพลายงามเดิน มาถึง พลายงามจึงเปิดมุ้งและเห็นขุนช้างนอนกอดแม่วันทองอยู่ จึงเจ็บใจจนอยากจะชักดาบ มาฆ่ามัน คิดจะถีบขุนช้างก็กลัวจะถูกแม่วันทอง พลายงามจึงนั่งลงและยกมือไหว้ สะอื้นน ้าตาคลอ โอ้แม่เจ้าประคุณของลูกเอ๋ย ไม่ควรเลยจะพรากจากคุณพ่อ เวรกรรมน าไปไม่รั้งรอ มิพอที่จะต้องพรากก็จากมา มันไปฉุดมารดาเอามาไว้ อ้ายหัวใสข่มเหงไม่เกรงหน้า ที่ท าแค้นกูจะแทนให้ทันตา ขอษมาแม่แล้วก็ขับพราย เป่าลงด้วยพระเวทวิทยา มารดาก็ฟื้นตื่นโดยง่าย ดาบใส่ฝักไว้ไม่เคลื่อนคลาย วันทองรู้สึกกายก็ลืมตา ถอดความได้ว่า: พลายงามร าพันว่านางวันทองไม่ควรพลัดพรากจากขุนแผน แล้วโทษว่าเป็น เวรกรรมที่ท าให้ต้องแยกกัน พรายงามได้แม่แล้วขอขมาไล่พราย พร้อมทั้งเป่ามนต์ให้แม่วันทอง ตื่นขึ้นมา


๕ ครานั้นจึงโฉมเจ้าวันทอง ต้องมนต์มัวหมองเป็นหนักหนา ตื่นพลางทางช าเลืองนัยน์ตามา เห็นลูกยานั้นยืนอยู่ริมเตียง ส าคัญคิดว่าผู้ร้ายให้นึกกลัว กอดผัวร้องดิ้นจนสิ้นเสียง ซวนซบหลบลงมาหมอบเมียง พระหมื่นไวยเข้าเคียงห้ามมารดา อะไรแม่แซ่ร้องทั้งห้องนอน ลูกร้อนร าคาญใจจึงมาหา จะร้องไยใช่โจรผู้ร้ายมา สนทนาด้วยลูกอย่าตกใจ ถอดความได้ว่า: นางวันทองรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาสายตามองเห็นพลายงามแต่คิดว่าเป็นโจร จึงเข้ากอดขุนช้างด้วยความกลัว พลายงามปลอบ บอกนางวันทองว่าพลายงามเอง ไม่ใช่โจร อย่าตกใจไปเลย ครานั้นวันทองผ่องโสภา ครั้นรู้ว่าลูกยาหากลัวไม่ ลุกออกมาพลันด้วยทันใด พระหมื่นไวยเข้ากอดเอาบาทา วันทองประคองสอดกอดลูกรัก ซบพักตร์ร้องไห้ไม่เงยหน้า เจ้ามาไยปานนี้นี่ลูกอา เขารักษาอยู่ทุกแห่งต าแหน่งใน ใส่ดาลบ้านช่องกองไฟรอบ พ่อช่างลอบเข้ามากะไรได้ อาจองทะนงตัวไม่กลัวภัย นี่พ่อใช้ฤๅว่าเจ้ามาเอง ถอดความได้ว่า: เมื่อวันทองรู้ว่าพลายงามมาหา ก็รีบลุกเข้าไปกอดพลายงามแล้วก็ซบหน้า ร้องไห้แล้วถามว่าลูกผ่านคนที่คอยเฝ้าอยู่มาได้ยังไง ที่นี่มีคนคอยเฝ้าดูแลอยู่ทุกต าแหน่ง ท าไมถึงรอดเข้ามาได้ลูกไม่กลัวหรอ นี่ขุนแผนใช้ลูกมา หรือ ลูกมาเอง


๖ ขุนช้างตื่นขึ้นมิเป็นการ เขาจะรุกรานพาลข่มเหง จะเกิดผิดแม่คิดคะนึงเกรง ฉวยสบเพลงพลาดพล ้ามิเป็นการ มีธุระสิ่งไรในใจเจ้า พ่อจงเล่าแก่แม่แล้วกลับบ้าน มิควรท าจ้าอย่าท าให้ร าคาญ อย่าหาญเหมือนพ่อนักคะนองใจ ฯ จมื่นไวยสารภาพกราบบาทา ลูกมาผิดจริงหาเถียงไม่ รักตัวกลัวผิดแต่คิดไป ก็หักใจเพราะรักแม่วันทอง ถอดความได้ว่า: ถ้าขุนช้างตื่นมาอาจจะท าร้ายลูก แม่เป็นห่วงมาก แม่กลัวว่าถ้าลูกเสียจังหวะ พลาดไปพลายงามอาจจะถูกท าร้ายได้นะแม่กลัว ถ้ามีธุระอะไรก็รีบมาเล่าให้แม่ฟัง แล้วก็รีบ กลับไปซะ อย่าท าตัวกล้าหาญเหมือนขุนแผนพ่อของลูก พลายงามกราบเท้าแม่แล้วบอกว่า ลูกท าผิดจริงจะไม่เถียงผิดที่คิดไปแต่ก็ต้องจ า ใจเพราะรักแม่วันทอง ทุกวันนี้ลูกชายสบายยศ พร้อมหมดเมียมิ่งก็มีสอง มีบ่าวไพร่ใช้สอยทั้งเงินทอง พี่น้องข้างพ่อก็บริบูรณ์ ยังขาดแต่แม่คุณไม่แลเห็น เป็นอยู่ก็เหมือนตายไปหายสูญ ข้อนี้ที่ทุกข์ยังเพิ่มพูน ถ้าพร้อมมูลแม่ด้วยจะส าราญ ลูกมาหมายว่าจะมารับ เชิญแม่วันทองกลับคืนไปบ้าน แม้นจะบังเกิดเหตุเภทพาล ประการใดก็ตามแต่เวรา ถอดความได้ว่า: ทุกวันนี้พลายงามมียศถาบรรดาศักดิ์มีพร้อมทุกอย่างทั้งเงินทองบ่าวไพร่ มีเมียสองคน ผู้ใหญ่ฝ่ายพ่อก็อยู่ดี ยังขาดแต่แม่วันทอง อยู่ไปก็เหมือนตายไม่เคยสนใจเพราะ อย่างนี้ที่ยังทุกข์หนัก ถ้ามีแม่วันทองด้วยจะสุขส าราญ ที่มาตั้งใจว่าจะมารับแม่วันทอง กลับบ้านถึงจะเกิดเรื่องก็แล้วแต่เวรแต่กรรม


๗ มาอยู่ไยกับไอ้หินชาติ แสนอุบาทว์ใจจิตริษยา ดังทองค าท าเลี่ยมปากกะลา หน้าตาด าเหมือนมินหม้อมอม เหมือน แมลงวันว่อนเคล้าที่เน่าชั่ว มาเกลือกกลั้วปทุมาลย์ที่หวานหอม ดอกมะเดื่อฤๅจะเจือดอกพะยอม ว่านักแม่จะตรอมระก าใจ แม่เลี้ยงลูกมาถึงเจ็ดขวบ เคราะห์ประจวบจากแม่หาเห็นไม่ จะคิดถึงลูกบ้างฤๅอย่างไร ฤๅหาไม่ใจแม่ไม่คิดเลย ถ้าคิดเห็นเอ็นดูว่าลูกเต้า แม่ทูนเกล้าไปเรือนอย่าเชือนเฉย ให้ลูกคลายอารมณ์ได้ชมเชย เหมือนเมื่อครั้งแม่เคยเลี้ยงลูกมา ถอดความได้ว่า: มาอยู่ท าไมกับคนเลวทรามแบบนี้ หน้าตาก็น่าเกลียด เหมือนแมลงวันเน่า มาบินตอมดอกไม้ที่สวยงามอย่างแม่ เหมือนคนชั่วมาปนกับคนดี จะว่ามากก็กลัวแม่จะทุกข์ใจ แม่เลี้ยงลูกมาถึง ๗ ขวบ เพราะเคราะห์กรรมของแม่ถึงต้องจากกัน แม่วันทองคิดถึงลูกบ้างไหม หรือว่าแม่ไม่คิดถึงลูกเลย ถ้าแม่ยังเอ็นดูลูกอยู่ แม่รีบไปกับอยู่กับลูก เหมือนครั้งที่แม่เคยเลี้ยงดู ลูกมา ครานั้นจึงโฉมเจ้าวันทอง เศร้าหมองด้วยลูกเป็นหนักหนา พ่อพลายงามทรามสวาดิของแม่อา แม่โศกาเกือบเจียนจะบรรลัย ใช่จะอิ่มเอิบอาบด้วยเงินทอง มิใช่ของตัวท ามาแต่ไหน ทั้งผู้คนช้างม้าแลข้าไท ไม่รักใคร่เหมือนกับพ่อพลายงาม ทุกวันนี้ใช่แม่จะผาสุก มีแต่ทุกข์ใจเจ็บดังเหน็บหนาม ต้องจ าจนทนกรรมที่ติดตาม จะขืนความคิดไปก็ใช่ที ถอดค าประพันธ์: นางวันทองตอบพลายงามว่า เศร้าใจเจียนตาย เงินทองข้าทาสบริวารไม่มี อะไรส าคัญกว่าลูกทุกวันนี้ที่นางวันทองทนอยู่ก็มีแต่ความทุกข์ไม่ได้มีความสุขเลยแต่ก็ต้องทน อยู่จะท าตามใจตนเองก็ไม่ได้


๘ เมื่อพ่อเจ้าเข้าคุกแม่ท้องแก่ เขาฉุดแม่ใช่จะแกล้งแหนงหนี ถึงพ่อเจ้าเล่าไม่รู้ว่าร้ายดี เป็นหลายปีแม่มาอยู่กับขุนช้าง เมื่อพ่อเจ้ากลับมาแต่เชียงใหม่ ไม่เพ็ดทูลสิ่งไรแต่สักอย่าง เมื่อคราวตัวแม่เป็นคนกลาง ท่านก็วางบทคืนให้บิดา เจ้าเป็นถึงหัวหมื่นมหาดเล็ก มิใช่เด็กดอกจงฟังค าแม่ว่า จงเร่งกลับไปคิดกับบิดา ฟ้องหากราบทูลพระทรงธรรม์ ถอดความได้ว่า : เมื่อตอนที่ขุนแผนถูกจับเข้าคุก นางวันทองก็ท้องแก่ ขุนช้างฉุดนางมา หนีก็ไม่ได้ ในตอนขุนแผนรบชนะเชียงใหม่มีความดีความชอบ พระพันวษาก็ตัดสินให้ไปอยู่ กับขุนแผน พลายงามเป็นถึงหัวหมื่นมหาดเล็ก ไม่ใช่เด็กแล้วให้กลับไปคิดไตร่ตรองกับพ่อให้ดี แล้วไปกราบทูลพระพันวษา พระองค์คงจะโปรดประทานให้ จะปรากฏยศไกรเฉิดฉัน อันจะมาลักพาไม่ว่ากัน เช่นนั้นใจแม่มิเต็มใจ ครานั้นจึงโฉมเจ้าพลายงาม ฟังความเห็นว่าแม่หาไปไม่ คิดบ่ายเบี่ยงเลี่ยงเลี้ยวเบี้ยวบิดไป เพราะรักไอ้ขุนช้างกว่าบิดา จึงว่าอนิจจาลูกมารับ แม่ยังกลับทัดทานเป็นหนักหนา เหมือนไม่มีรักใคร่ในลูกยา อุตส่าห์มารับแล้วยังมิไป ถอดความได้ว่า : พระพันวษาอนุญาตให้ ถ้าจะมาลักตัวนางวันทองกลับนางไม่ว่าแต่นางจะ ไม่เต็มใจกลับ พลายงามได้ฟังที่นางวันทองพูดจึงตอบไปว่า เพราะว่าแม่รักชุนช้างมากกว่า ขุนแผนแม่ถึงได้บ่ายเบี่ยงไม่ยอมที่จะกลับทั้งๆที่ลูกก็มาแล้วแล้ว หรือว่าแม่ไม่รักลูกแล้ว


๙ เสียแรงเป็นลูกผู้ชายไม่อายเพื่อน จะพาแม่ไปเรือนให้จงได้ แม้นมิไปให้งามก็ตามใจ จะบาปกรรมอย่างไรก็ตามที จะตัดเอาศีรษะของแม่ไป ทิ้งแต่ตัวไว้ให้อยู่นี่ แม่อย่าเจรจาให้ช้าที จวนแจ้งแสงศรีจะรีบไป ฯ ครานั้นวันทองผ่องโสภา เห็นลูกยากัดฟันมันไส้ ถือดาบฟ้าฟื้นยืนแกว่งไกว ตกใจกลัวว่าจะฆ่าฟัน ถอดความได้ว่า : พลายงามตอบว่าตนเป็นลูกผู้ชายวันนี้จะต้องพาแม่กลับบ้านไปให้ได้ถึงแม้ว่า นางจะไม่ยอมก็ตาม ถ้านางวันทองไม่กลับไปขอท าบาปกรรมแล้ววันนี้ ต่อให้ต้องตัดหัวของ นางไปแล้วทิ้งแต่ตัวไว้ที่นี่ก็จะท า อย่ามัวพูดอยู่ รีบไปเถอะฟ้าจะสว่างแล้ว ฝ่ายนางวันทอง พอเห็นลูกกัดฟัน แกว่งดาบฟ้าฟื้นก็กลัว จึงปลอบว่าพลายงามพ่อทรามรัก อย่าฮึกฮักว้าวุ่นท าหุนหัน จงครวญใคร่ให้เห็นข้อส าคัญ แม่นี้พรั่นกลัวแต่จะเกิดความ ด้วยเป็นข้าลักไปไทลักมา เห็นเบื้องหน้าจะอึงแม่จึงห้าม ถ้าเห็นเจ้าเป็นสุขไม่ลุกลาม ก็ตามเถิดมารดาจะคลาไคล ว่าพลางนางลุกออกจากห้อง เศร้าหมองโศกาน ้าตาไหล พระหมื่นไวยก็พามารดาไป พอรุ่งแจ้งแสงใสก็ถึงเรือน ถอดความได้ว่า : นางวันทองปลอบพลายงามว่าอย่าหุนหัน ที่นางไม่ไปนั้นเพราะกลัวลูก จะเดือดร้อนเป็นคดีความ แต่ถ้าลูกเห็นว่าดี นางก็จะตามกลับไป แล้ววันทองก็ตามพลายงาม กลับบ้าน พลายงามพานางวันทองไปถึงบ้านเมื่อใกล้สว่าง


๑๐ จะกล่าวถึงเจ้าจอมหม่อมขุนช้าง นอนครางหลับกรนอยู่ป่นเปื้อน อัศจรรย์ฝันแปรแชเชือน ว่าขี้เรื้อนขึ้นตัวทั่วทั้งนั้น หาหมอมารักษายาเข้าปรอท มันกินปอดตับไตออกไหลลั่น ทั้งไส้น้อยไส้ใหญ่แลไส้ตัน ฟันฟางก็หักจากปากตัว ตกใจตื่นผวาคว้าวันทอง ร้องว่าแม่คุณแม่ช่วยผัว ลุกขึ้นงกงันตัวสั่นรัว ให้นึกกลัวปรอทจะตอดตาย ถอดความได้ว่า:ขุนช้างที่นอนหลับอยู่ ก็ได้ฝันร้ายว่า “เป็นขี้เรือนทั่วทั้งตัว พอไปหาหมอกินยา ประสมปรอทจึงถูกปรอทกินกินตับไตไส้พุงและฟันฟางก็หักออกจากปาก” เมื่อขุนช้างตื่นขึ้นมา ก็ผวาจะคว้าหานางวันทอง ลืมตาเหลียวหาเจ้าวันทอง ไม่เห็นน้องห้องสว่างตะวันสาย ผ้าผ่อนล่อนแก่นไม่ติดกาย เห็นม่านขาดเรี่ยรายประหลาดใจ ตะโกนเรียกในห้องวันทองเอ๋ย หาขานรับเช่นเคยสักค าไม่ ทั้งข้าวของมากมายก็หายไป ปากประตูเปิดไว้ไม่ใส่กลอน พลางเรียกหาข้าไทอยู่ว้าวุ่น อีอุ่นอีอิ่มอีฉิมอีสอน อีมีอีมาอีสาคร นิ่งนอนไยหวามาหากู ถอดความได้ว่า: พอขุนช้างตื่นขึ้นก็ไม่เห็นนางวันทองอยู่ในห้อง จึงตะโกนเรียกหาวันทอง ก็ไม่มีเสียงขานรับกลับมา พอมองไปในห้องก็เห็นข้าวของมากมายหายไป จึงตะโกนเรียก บ่าวไพร่ในบ้านให้เข้ามาหา


๑๑ บ่าวผู้หญิงวิ่งไปอยู่งกงัน เห็นนายนั้นแก้ผ้ากางขาอยู่ ต่างคนทรุดนั่งบังประตู ตกตะลึงแลดูไม่เข้ามา ขุนช้างเห็นข้าไม่มาใกล้ ขัดใจลุกขึ้นทั้งแก้ผ้า แหงนเถ่อเป้อปังยืนจังก้า ย่างเท้าก้าวมาไม่รู้ตัว ยายจันงันงกยกมือไหว้ นั่นพ่อจะไปไหนพ่อทูนหัว ไม่นุ่งผ่อนนุ่งผ้าดูน่ากลัว ขุนช้างมองดูตัวก็ตกใจ ถอดความได้ว่า: บ่าวที่เป็นผู้หญิงก็วิ่งกันไปหาแต่เห็นขุนช้างแก้ผ้าอยู่ ก็หลบกันไปอยู่หลัง ประตูไม่กล้าเข้ามา ชุนช้างเห็นดังนั้นก็ขัดใจจึงลุกขึ้นทั้งๆที่ยังแก้ผ้าอยู่ ยืนค้างถ่างขาแล้ว ก้าวออกไปโดยที่ไม่รู้ตัว ยายจันก็ยกมือไหว้แล้วถามขุนช้างว่าจะไปไหน เสื้อผ้าไม่ใส่ พอขุนช้างมองดูตัวเองก็ต้องตกใจ สองมือปิดขาเหมือนท่าเปรต ใครมาเทศน์เอาผ้ากูไปไหน ให้นึกอดสูหมู่ข้าไท ยายจันไปเอาผ้าให้ข้าที ยายจันตกใจเต็มประดา เข้าไปฉวยผ้าเอามาคลี่ หยิบยื่นส่งไปให้ทันที เมินหนีอดสูไม่ดูนาย ขุนช้างตัวสั่นทาวบอกบ่าวไพร่ วันทองไปไหนอย่างไรหาย เอ็งไปดูให้รู้ซึ่งแยบคาย พบแล้วอย่าวุ่นวายให้เชิญมา ถอดความได้ว่า: ขุนช้างเอามือไปปิดขาเหมือนท่าที่เปรตยืน แล้วบอกว่าใครเอาผ้าไปไหน เลยนึกละอายใจกับเหล่าคนใช้ แล้วบอกให้ยายจันไปเอาผ้ามาให้ ยายจันก็ตกใจแล้วไปหยิบ ผ้ามาคลี่แล้วส่งไปให้กับขุนช้าง แล้วตนเองก็หลบไปไม่กล้ามอง ขุนช้างก็บอกคนใช้ อย่างสั่นเทาว่า นางวันทองหายไปไหน ให้ไปดูว่าอยู่ที่ไหนถ้าเจอตัวแล้วก็ให้เชิญตัวกลับมา


๑๒ ข้าไทได้ฟังขุนช้างใช้ ต่างเที่ยวค้นด้นไปจะเอาหน้า ทั้งห้องนอกห้องในไม่พบพา ทั่วเคหาแล้วไปค้นจนแผ่นดิน เห็นประตูรั้วบ้านบานเปิดกว้าง ผู้คนนอนสล้างไม่ตื่นสิ้น เสาแรกแตกต้นเป็นมลทิน กินใจกลับมาหาขุนช้าง บอกว่าได้ค้นคว้าหาพบไม่ แล้วเล่าแจ้งเหตุไปสิ้นทุกอย่าง ข้าเห็นวิปริตผิดท่าทาง ที่นวลนางวันทองนั้นหายไป ถอดความได้ว่า: พวกคนใช้ได้ฟังที่ขุนช้างใช้ต่างก็ไปค้นหาเพื่อที่จะเอาหน้า แต่หาเท่าไรก็ยัง หากันไม่พบพอออกไปหน้าบ้านก็เห็นประตูบ้านเปิดอยู่กับคนที่นอนเกลื่อนกลาดเพราะ มนต์สะกด ก็กลับมารายงานขุนช้างว่าไม่พบนางวันทอง เห็นแต่ “เสาแรกแตกต้น” ซึ่งดูผิดประหลาดไป ครานั้นขุนช้างฟังบ่าวบอก เหงื่อออกโซมล้านกระบานใส คิดคิดให้แค้นแสนเจ็บใจ ช่างท าได้ต่างต่างทุกอย่างจริง สองหนสามหนก่นแต่หนี พลั้งทีลงไม่รอดนางยอดหญิง คราวนั้นอ้ายขุนแผนมันแง้นชิง นี่คราวนี้หนีวิ่งไปตามใคร ไม่คิดว่าจะเป็นเห็นว่าแก่ ยังสาระแนหลบลี้หนีไปไหน เอาเถิดเป็นไรก็เป็นไป ไม่เอากลับมาได้มิใช่กู ถอดความได้ว่า: ขุนช้างได้ฟังที่คนใช้พูดเหงื่อก็ออกเต็มหัวล้าน คิดไปแล้วขุนช้างก็เจ็บใจ ขุนช้างพอได้ยินก็เหงื่อท่วมตัวทั้งแค้น ทั้งเจ็บใจ บ่นด่านางวันทองว่าหายไปไหน หนีตนไปได้ สองสามครั้งแล้ว พอได้โอกาสก็หนี ตอนนั้นขุนแผนเป็นคนพาไป แล้วคราวนี้นางวันทองไป กับใคร แต่ถึงอย่างไรก็จะต้องตามกลับมาให้ได้


๑๓ จะกล่าวถึงโฉมเจ้าพลายงาม เกรงเนื้อความนั่งนึกตรึกตรองอยู่ อ้ายขุนช้างสารพัดเป็นศัตรู ถ้ามันรู้ว่าลักเอาแม่มา มันก็จะสอดแนมแกมเท็จ ไปกราบทูลสมเด็จพระพันวษา ดูจะระแวงผิดในกิจจา มารดาก็จะต้องซึ่งโทษภัย คิดแล้วเรียกหมื่นวิเศษผล เอ็งเป็นคนเคยชอบอัชฌาสัย จงไปบ้านขุนช้างด้วยทันใด ไกล่เกลี่ยเสียอย่าให้มันโกรธา ถอดความได้ว่า: พลายงามเกรงว่าขุนช้างจะน าเรื่องที่เอาตัวนางวันทองมา ไปกราบทูล พระพันวษา ท าให้นางวันทองต้องรับโทษไปด้วย คิดได้ดังนั้นจึงเรียกหมื่นวิเศษผล ให้ไปบ้าน ขุนช้างแล้วไกล่เกลี่ยเรื่องนางวันทอง อย่าให้ขุนช้างโกรธ บอกว่าเราจับไข้มาหลายวัน เกรงแม่จะไม่ทันมาเห็นหน้า เมื่อคืนนี้ซ ้ามีอันเป็นมา เราใช้คนไปหาแม่วันทอง พอขณะมารดามาส่งทุกข์ ร้องปลุกเข้าไปถึงในห้อง จึงรีบมาเร็วไวดังใจปอง รักษาจนแสงทองสว่างฟ้า ไม่ตายคลายคืนฟื้นขึ้นได้ กูขอแม่ไว้พอเห็นหน้า แต่พอให้เคลื่อนคลายหลายเวลา จึงจะส่งมารดานั้นคืนไป ถอดความได้ว่า: ให้หมื่นวิเศษผลบอกกับขุนช้างว่าตนไม่สบายมาหลายวันจึงอยากพบหน้าแม่ เลยใช้คนไปตามแม่ถึงบ้าน แม่จึงรีบมาหาตน แต่ตอนนี้ตนไม่เป็นอะไรแล้ว แต่ขอให้แม่อยู่กับ ตนสักระยะหนึ่งแล้วจะส่งแม่กลับ หมื่นวิเศษรับค าแล้วอ าลา รีบมาบ้านขุนช้างหาช้าไม่ ครั้นถึงแอบดูอยู่แต่ไกล เห็นผู้คนขวักไขว่ทั้งเรือนชาน ขุนช้างนั่งเยี่ยมหน้าต่างเรือน ดูหน้าเฝื่อนทีโกรธอยู่งุ่นง่าน จะดื้อเดินเข้าไปไม่เป็นการ คิดแล้วลงคลานเข้าประตู


๑๔ ถอดความได้ว่า : หมื่นขุนวิเศษรับค าจากจมื่นไวย(พลายงาม) แล้วมาที่บ้านขุนช้าง พอเข้าไป ถึงเรือนขุนช้าง ดูท่าทางขุนช้างก าลังโกรธจึงคลานเข้าไปหา ครานั้นเจ้าจอมหม่อมขุนช้าง นั่งคาหน้าต่างเยี่ยมหน้าอยู่ เห็นคนคลานเข้ามาเหลือบตาดู นี่มาล้อหลอกกูฤๅอย่างไร อะไรพอสว่างวางเข้ามา เด็กหวาจับถองให้จงได้ ลุกขึ้นถกเขมรร้องเกนไป ทุดอ้ายไพร่ขี้ครอกหลอกผู้ดี ถอดความได้ว่า : ขุนช้างเห็นเข้าก็โกรธถกผ้านุ่งขึ้น กระทุ้งศอกเพราะนึกว่าจะมาหลอกตน ครานั้นวิเศษผลคนว่องไว ยกมือขึ้นไหว้ไม่วิ่งหนี ร้องตอบไปพลันในทันที คนดีดอกข้าไหว้ใช่คนพาล ข้าพเจ้าเป็นบ่าวพระหมื่นไวย เป็นขุนหมื่นรับใช้อยู่ในบ้าน ท่านใช้ให้กระผมมากราบกราน ขอประทานคืนนี้พระหมื่นไวย ถอดความได้ว่า : หมื่นวิเศษรีบยกมือขึ้นไหว้แล้วตอบว่าตนเป็นคนดีไม่ใช่คนร้าย เป็นบ่าวของ จมื่นไวยเป็นขุนหมื่นรับใช้อยู่ในบ้าน พลายงามไม่สบายจึงใช้ให้ตนมาแจ้ง ขอให้นางวันทอง อยู่ด้วยหนึ่งคืน เจ็บจุกปัจจุบันมีอันเป็น แก้ไขก็เห็นหาหายไม่ ร้องโอดโดดดิ้นเพียงสิ้นใจ จึงใช้ให้ตัวข้ามาแจ้งการ พอพบท่านมารดามาส่งทุกข์ ข้าพเจ้าร้องปลุกไปในบ้าน จะกลับขึ้นเคหาเห็นช้านาน ท่านจึงรีบไปในกลางคืน ถอดความได้ว่า : พลายงามไม่สบายเลยจึงอยากพบหน้าแม่ เลยให้คนใช้ไปตามแม่มา นางวันทองจึงมาหาหลายงามหลพลายงามจึงหมื่นวิเศษผลมาแจ้ง


๑๕ พยาบาลคุณพระนายพอคลายไข้ คุณอย่าสงสัยว่าไปอื่น ให้ค ามั่นสั่งมาว่ายั่งยืน พอหายเจ็บแล้วจะคืนไม่นอนใจ ฯ ครานั้นขุนช้างได้ฟังว่า แค้นดังเลือดตาจะหลั่งไหล ดับโมโหโกรธาท าว่าไป เราก็ไม่ว่าไรสุดแต่ดี ถอดความได้ว่า : นางวันทองจึงมาหาหลายงามหลพลายงามจึงหมื่นวิเศษผลมาแจ้ง ขุนช้าง ได้ฟังแล้วรู้สึกแค้นขึ้นมา แต่แกล้งพูดไปว่า การเจ็บไข้นั้นเป็นเรื่องปกติเป็นกันทั่วไป การไข้เจ็บล้มตายไม่วายเว้น ประจุบันอันเป็นทั้งกรุงศรี ถ้าขัดสนสิ่งไรที่ไม่มี ก็มาเอาที่นี่อย่าเกรงใจ ว่าแล้วปิดบานหน้าต่างผาง ขุนช้างเดือดดาลทะยานไส้ ทอดตัวลงกับหมอนถอนฤทัย ดูดู๋เป็นได้เจียววันทอง ถอดความได้ว่า : ถ้าขัดสนสิ่งใดให้มาขอที่ตน พอขุนช้างพูดเสร็จก็ปิดประตูเสียงดัง แล้วเข้าไป นอนแค้นนางวันทองกับครอบครัว เพราะกูแพ้ความจมื่นไวย มันจึงเหิมใจท าจองหอง พ่อลูกแม่ลูกถูกท านอง ถึงสองครั้งแล้วเป็นแต่เช่นนี้ อ้ายพ่อไปเชียงใหม่มีชัยมา ตั้งตัวดังพระยาราชสีห์ อ้ายลูกเป็นหมื่นไวยท าไมมี เห็นกูนี้คนผิดติดโทษทัณฑ์ ถอดความได้ว่า : เพราะว่าตนแพ้ความจมื่นไวยจึงท าให้จมื่นไวยเหิมใจนัก ทั้งขุนแผนและ พลายงามนั้นชนะตนถึง 2 ครั้งแล้ว มันจึงข่มเหงไม่เกรงใจ จะพึ่งพาใครได้ที่ไหนนั่น ขุนนางน้อยใหญ่เกรงใจกัน ถึงฟ้องมันก็จะปิดให้มิดไป ตามบุญตามกรรมได้ท ามา จะเฆี่ยนฆ่าหาคิดชีวิตไม่ ยิ่งคิดเดือดดาลทะยานใจ ฉวยได้กระดานชนวนมา


๑๖ ถอดความได้ว่า : ขุนช้างคิดขึ้นมาได้ว่าจะไปฟ้องคดีแย่งนางวันทองคืนถ้าฟ้องตาม กระบวนการพวกขุนนางจะช่วยสองพ่อลูกนั้นได้ คราวนี้ต้องฟ้องกับพระพันวษาเอง ถึงจะถูกเฆี่ยนตีก็ตาม ว่าแล้วก็หยิบกระดานชนวนขึ้นมาร่างค าฎีกา ร่างฟ้องท่องเทียบให้เรียบร้อย ถ้อยค าถี่ถ้วนเป็นหนักหนา ลงกระดาษพับไว้มิได้ช้า อาบน ้าผลัดผ้าแล้วคลาไคล วันนั้นพอพระปิ่นนรินทร์ราช เสด็จประพาสบัวยังหากลับไม่ ขุนช้างมาถึงซึ่งวังใน ก็คอยจ้องที่ใต้ต าหนักน ้า ถอดความได้ว่า : ร่างค าฎีกาแล้วลอกใส่กระดาษอีกที เสร็จแล้วก็อาบน ้าเตรียมตัวไปทูล พระพันวษา ขุนช้างมาคอยจ้องเข้าเฝ้าพระพันวษาที่ต าหนักน ้า ตั้งแต่ยังไม่เสด็จกลับจาก ประพาสบัว จะกล่าวถึงพระองค์ผู้ทรงเดช เสด็จคืนนิเวศน์พอจวบค ่า ฝีพายรายเล่มมาเต็มล า เรือประจ าแหนแห่เซ็งแซ่มา พอเรือพระที่นั่งประทับที่ ขุนช้างก็รี่ลงตีนท่า ลอยคอชูหนังสือดื้อเข้ามา ผุดโผล่โงหน้ายึดแคมเรือ ถอดความได้ว่า : พระพันวษารีบเสด็จกลับตอนค ่าขุนช้างรีบลงจากท่าแล้วลอยคอ ชูหนังสือฎีกาถวาย เข้าตรงบโทนอ้นต้นกัญญา เพื่อนโขกลงด้วยกะลาว่าผีเสื้อ มหาดเล็กอยู่งานพัดพลัดตกเรือ ร้องว่าเสือตัวใหญ่ว่ายน ้ามา ขุนช้างดึงดื้อมือยึดเรือ มิใช่เสือกระหม่อมฉานล้านเกศา สู้ตายขอถวายซึ่งฎีกา แค้นเหลือปัญญาจะทานทน


๑๗ ถอดความได้ว่า : โผล่เข้ามาทางที่แคมเรือจนคนบนเรือตกใจนึกว่าเป็นผีน ้าหรือเสือว่ายมา ท าให้เกิดความวุ่นวาย จนมหาดเล็กอยู่งานพลัดตกจากเรือ แล้วร้องว่าเสือตัวใหญ่ว่ายน ้ามา ขุนช้างเอามือไปยึดเรือแล้วพูดว่าเป็นตนเองไม่ใช่เสือจะมาขอถวายฎีกา ครานั้นสมเด็จพระพันวษา ทรงพระโกรธาโกลาหล ทุดอ้ายจัญไรมิใช่คน บนบกบนฝั่งดังไม่มี ใช่ที่ใช่ทางวางเข้ามา ฤๅอ้ายช้างเป็นบ้ากระมังนี่ เฮ้ยใครรับฟ้องของมันที ตีเสียสามสิบจึงปล่อยไป ถอดความได้ว่า : พระพันวษาโกรธว่าขุนช้างไม่ใช่คน บนฝั่งก็มีขุนช้างเป็นบ้าหรอถึงท าแบบนี้ จึงสั่งให้มหาดเล็กไปรับฎีกาแล้วโบยขุนช้าง ๓๐ ที แล้วค่อยปล่อยไป มหาดเล็กก็รับเอาฟ้องมา ต ารวจคว้าขุนช้างหาวางไม่ ลงพระราชอาญาตามว่าไว้ พระจึงให้ตั้งกฤษฎีกา ว่าตั้งแต่วันนี้สืบต่อไป หน้าที่ของผู้ใดให้รักษา ถ้าประมาทราชการไม่น าพา ปล่อยให้ใครเข้ามาในล้อมวง ระวางโทษเบ็ดเสร็จเจ็ดสถาน ถึงประหารชีวิตเป็นผุยผง ตามกฤษฎีการักษาพระองค์ แล้วลงจากพระที่นั่งเข้าวังใน ถอดความได้ว่า : มหาดเล็กรับค าฟ้องของขุนช้าง แล้วน าตัวขุนช้างไปเฆี่ยนตี และพระพันวษา ทรงออกกฎหน้าที่ของใครให้ดูแลให้ดี ถ้าใครประมาทปล่อยให้คนเข้ามาได้เช่นนี้อีกจะลงโทษ สูงสุดถึงประหารชีวิต เมื่อพระพันวษากล่าวจบก็กลับเข้าวังไป


๑๘ จะกล่าวถึงขุนแผนแสนสนิท เรืองฤทธิฦๅจบพิภพไหว อยู่บ้านสุขเกษมเปรมใจ สมสนิทพิสมัยด้วยสองนาง ลาวทองกับเจ้าแก้วกิริยา ปรนนิบัติวัตถาไม่ห่างข้าง เพลิดเพลินจ าเริญใจไม่เว้นวาง คืนนั้นในกลางซึ่งราตรี นางแก้วลาวทองทั้งสองหลับ ขุนแผนกลับผวาตื่นฟื้นจากที่ พระจันทรจรแจ่มกระจ่างดี พระพายพัดมาลีตรลบไป ถอดความได้ว่า : ขุนแผนมีความสุขที่มีนางลาวทองและนางแก้วกิริยาคอยปรนนิบัติ คืนนั้น ขณะที่นางทั้งสองหลับไปขุนแผนกลับผวาตื่นขึ้น คิดคะนึงถึงมิตรแต่ก่อนเก่า นิจจาเจ้าเหินห่างร้างพิสมัย ถึงสองครั้งตั้งแต่พรากจากพี่ไป ดังเด็ดใจจากร่างก็ราวกัน กูก็ชั่วมัวรักแต่สองนาง ละวางให้วันทองน้องโศกศัลย์ เมื่อตีได้เชียงใหม่ก็โปรดครัน จะเพ็ดทูลคราวนั้นก็คล่องใจ สารพัดที่จะว่าได้ทุกอย่าง อ้ายขุนช้างไหนจะโต้จะตอบได้ ไม่ควรเลยเฉยมาไม่อาลัย บัดนี้เล่าเจ้าไวยไปรับมา ถอดความได้ว่า : ขุนแผนคิดถึงนางวันทองซึ่งได้พรากจากตนเองไปถึง ๒ ครั้ง โดยที่ตนนั้น มัวแต่อยู่กับนางลาวทองและนางแก้วกิริยาปล่อยให้นางวันทองต้องเศร้า เมื่อตอนไปตี เชียงใหม่ได้ก็ไปทูลขอนางวันทองก็ได้กลับมาแล้วขุนช้างก็ไปพรากอีก ตอนนี้พลายงามไปรับ ตัวนางวันทองมาแล้ว


๑๙ จ ากูจะไปสู่สวาดิน้อง เจ้าวันทองจะคอยละห้อยหา คิดพลางจัดแจงแต่งกายา น ้าอบทาหอมฟุ้งจรุงใจ ออกจากห้องย่องเดินด าเนินมา ถึงเรือนลูกยาหาช้าไม่ เข้าห้องวันทองในทันใด เห็นนางหลับใหลนิ่งนิทรา ลดตัวลงนั่งข้างวันทอง เตือนต้องด้วยความเสนหา สั่นปลุกลุกขึ้นเถิดน้องอา พี่มาหาแล้วอย่านอนเลย ถอดความได้ว่า : ขุนแผนคิดว่าตนต้องไปหานางวันทองที่ตอนนี้คงจะเฝ้ารอตนอยู่ว่าแล้วจึง แต่งตัวแล้วออกจากห้องไปยังเรือนพลายงาม เข้าไปในห้องนางวันทองเห็นนางหลับอยู่ จึงนั่งลงข้างๆแล้วปลุกให้นางตื่น ว่าตนมาหาแล้วให้ตื่น นางวันทองตื่นอยู่รู้สึกตัว หมายใจว่าผัวก็ท าเฉย นิ่งดูอารมณ์ที่ชมเชย จะรักจริงฤๅจะเปรยเป็นจ าใจ แต่นิ่งดูกิริยาเป็นช้านาน หาว่าขานโต้ตอบอย่างไรไม่ ทั้งรักทั้งแค้นแน่นฤทัย ความอาลัยปั่นป่วนยวนวิญญาณ์ ถอดความได้ว่า : เมื่อขุนแผนเข้าไปในห้องนางวันทองแล้วพบนางหลับไป จึงนั่งข้างๆแล้วปลุก ให้นางตื่น ว่าตนมาหาแล้ว โอ้เจ้าแก้วแววตาของพี่เอ๋ย เจ้าหลับใหลกะไรเลยเป็นหนักหนา ดังนิ่มน้องหมองใจไม่น าพา ฤๅขัดเคืองคิดว่าพี่ทอดทิ้ง ความรักหนักหน่วงทรวงสวาดิ พี่ไม่คลาศคลายรักแต่สักสิ่ง เผอิญเป็นวิปริตพี่ผิดจริง จะนอนนิ่งถือโทษโกรธอยู่ไย ว่าพลางเอนแอบลงแนบข้าง จูบพลางชวนชิดพิสมัย ลูบไล้พิไรปลอบให้ชอบใจ เป็นไรจึงไม่ฟื้นตื่นนิทรา


๒๐ ถอดความได้ว่า : ขุนแผนง้อนางวันทองด้วยค าพูดหวานๆและขอโทษนางวันทอง ว่าอย่าโกรธ ขุนแผนเลย จะนอนนิ่งไม่คุยกับขุนแผนเลยหรอ ขุนแผนพูดไปแล้วก็ก้มลงนอนแนบข้างๆ นางวันทองพร้อมพรมจูบ ลูบแขน และถามนางวันทองว่าท าไมไม่ตื่นขึ้นมาคุยกับตน เจ้าวันทองน้องตื่นจากที่นอน โอนอ่อนวอนไหว้พิไรว่า หม่อมน้อยใจฤๅที่ไม่เจรจา ใช่ตัวข้านี้จะงอนค่อนพิไร ชอบผิดพ่อจงคิดคะนึงตรอง อันตัวน้องมลทินหาสิ้นไม่ ประหนึ่งว่าวันทองนี้สองใจ พบไหนก็เป็นแต่เช่นนั้น ที่จริงใจถึงไปอยู่เรือนอื่น คงคิดคืนที่หม่อมเป็นแม่นมั่น ด้วยรักลูกรักผัวยังพัวพัน คราวนั้นก็ไปอยู่เพราะจ าใจ ถอดความได้ว่า : นางวันทองจึงตื่นขึ้นมาบอกว่า ขุนแผนน้อยใจนางวันทองเหรอ นางไม่ได้งอน แต่รู้สึกว่าตัวนางเป็นคนสองใจอยู่ตลอดเวลา ถึงตัวจะอยู่ที่เรือนของขุนช้างแต่ใจนั้นยังรักลูก และขุนแผนมาก ที่อยู่กับขุนช้างก็เพราะจ าใจ แค้นคิดด้วยมิตรไม่รักเลย ยามมีที่เชยเฉยเสียได้ เสียแรงร่วมทุกข์ยากกันกลางไพร กินผลไม้ต่างข้าวทุกเพรางาย พอได้ดีมีสุขลืมทุกข์ยาก ก็เพราะหากหม่อมมีซึ่งที่หมาย ว่านักก็เครื่องเคืองระคาย เอ็นดูน้องอย่าให้อายเขาอิกเลย ฯ พี่ผิดจริงแล้วเจ้าวันทองเหมือน ลืมน้องหลงเลือนท าเชือนเฉย ใช่จะเพลิดเพลินชื่นเพราะอื่นเชย เงยหน้าเถิดจะเล่าอย่าเฝ้าแค้น ถอดความได้ว่า : นางวันทองแค้นใจที่ขุนแผนมัวแต่หลงนางลาวทองกับแก้วกิริยาจนลืมนาง เสียแรงที่ได้เคยอาศัยอยู่กินกันในป่า พอไปได้ดิบได้ดีมีความสุขก็ลืมนางไป เป็นเพราะขุนแผน มีที่หมายใหม่ นางวันทองอยากให้ขุนแผนรักนางไม่ทิ้งนางให้ขายหน้าอีก ขุนแผนกล่าวว่า พี่ผิดไปแล้ว ไม่ได้ลืมน้องเพราะมีหญิงอื่น เงยหน้าเถอะอย่าโกรธพี่เลย


๒๑ เมื่อติดคุกทุกข์ถึงเจ้าทุกเช้าค ่า ต้องกลืนกล ้าโศกเศร้านั้นเหลือแสน ซ ้าขุนช้างคิดคดท าทดแทน มันดูแคลนว่าพี่นี้ยากยับ อาลัยเจ้าเท่ากับดวงชีวิตพี่ คิดจะหนีไปตามเอาเจ้ากลับ เกรงจะพากันผิดเข้าติดทับ แต่ขยับอยู่จนได้ไปเชียงอินท์ กลับมาหมายว่าจะไปตาม พอเจ้าไวยเป็นความก็ค้างสิ้น ถอดความได้ว่า : ขุนแผนขอโทษนางวันทองและเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเพื่อปรับความเข้าใจกับ นางว่าสาเหตุที่ไม่ได้ไปหาก็เพราะติดคุก แต่คิดถึงนางวันทองตลอดเวลา พอออกจากคุกก็ว่าจะ ไปพานางวันทองกลับมา แต่ก็เกิดเรื่องของพระไวยขี่นก่อน หัวอกใครได้แค้นในแผ่นดิน ไม่เดือดดิ้นเท่าพี่กับวันทอง คิดอยู่ว่าจะทูลพระพันวษา เห็นช้ากว่าจะได้มาร่วมห้อง จะเป็นความอิกก็ตามแต่ท านอง จึงให้ลูกรับน้องมาร่วมเรือน จะเป็นตายง่ายยากไม่ยากรัก จะฟูมฟักเหมือนเมื่ออยู่ในกลางเถื่อน ขอโทษที่พี่ผิดอย่าบิดเบือน เจ้าเพื่อนเสนหาจงอาลัย พี่ผิดพี่ก็มาลุแก่โทษ จะคุมโกรธคุมแค้นไปถึงไหน ถอดความได้ว่า : ขุนแผนจะไปขอพระพันวษาแต่เห็นว่าคงจะช้าเลยให้พลายงามเป็นคนรับ นางวันทองกลับมา จะดูแลนางวันทองเหมือนตอนที่อยู่ด้วยกันในป่า ขุนแผนขอโทษ นางวันทองแล้วบอกว่าอย่าโกรธขุนแผน ขุนแผนผิดจึงมาขอโทษจะโกรธเคืองไปถึงไหน ความรักพี่ยังรักระงมใจ อย่าตัดไมตรีตรึงให้ตรอมตาย ว่าพลางทางแอบเข้าแนบอก ประคองยกของส าคัญมั่นหมาย เจ้าเนื้อทิพหยิบชื่นอารมณ์ชาย ขอสบายสักหน่อยอย่าโกรธา ใจน้องมิให้หมองอารมณ์หม่อม ไม่ตัดใจให้ตรอมเสนหา ถ้าตัดรักหักใจแล้วไม่มา หม่อมอย่าว่าเลยว่าฉันไม่คืนคิด


๒๒ ถอดความได้ว่า : ขุนแผนมีความรักอยู่เต็มหัวใจ อย่าตัดความสัมพันธ์ให้เจ็บช ้า ขุนช้างพูดไป ก็ซบนางวันทอง นางวันทองไม่เคยตัดใจจากขุนแผน ถ้าตัดใจแล้วคงไม่กลับมาหาขุนแผน ถึงตัวไปใจยังนับอยู่ว่าผัว น้องนี้กลัวบาปทับเมื่อดับจิต หญิงเดียวชายครองเป็นสองมิตร ถ้ามิปลิดเสียให้เปลื้องไม่ตามใจ คราวนั้นเมื่อตามไปกลางป่า หน้าด าเหมือนหนึ่งทามินหม้อไหม้ ชนะความงามหน้าดังเทียนชัย เขาฉุดไปเหมือนลงทะเลลึก เจ้าพลายงามตามรับเอากลับมา ทีนี้หน้าจะด าเป็นน ้าหมึก ก าเริบใจด้วยเจ้าไวยก าลังฮึก จะพาแม่ตกลึกให้จ าตาย ถอดความได้ว่า : ถึงตัวนางอยู่กับขุนช้างแต่ใจอยู่กับขุนแผนตลอด นางนั้นกลัวบาปที่มีสามี สองคน ตอนหนีไปอยู่ป่ากับขุนแผนก็เสียหน้ามารอบหนึ่งแล้ว พอขุนช้างฉุดไปอยู่ด้วยก็เหมือน โดนฉุดไปอยู่ใต้ทะเลลึกพอมาตอนนี้พลายงามก็มารับกลับไปอีกก็ได้อายเขาอีกรอบ มิใช่หนุ่มดอกอย่ากลุ้มก าเริบรัก เอาความผิดคิดหักให้เหือดหาย ถ้ารักน้องป้องปิดให้มิดอาย ฉันกลับกลายแล้วหม่อมจงฟาดฟัน ไปเพ็ดทูลเสียให้ทูลกระหม่อมแจ้ง น้องจะแต่งบายศรีไว้เชิญขวัญ ไม่พักวอนดอกจะนอนอยู่ด้วยกัน ไม่เช่นนั้นฉันไม่เลยจะเคยตัว ฯ ครั้นเวลาดึกก าดัดสงัดเงียบ ใบไม้แห้งแกร่งเกรียบระรุบร่อน พระพายโชยเสาวรสขจายจร พระจันทรแจ่มแจ้งกระจ่างดวง ถอดความได้ว่า: นางวันทองเลยบอกกับขุนแผนว่า ถ้าขุนแผนรักนางจริงต้องช่วยนาง ไปทูลพระพันวษาขอนางวันทองคืนให้ถูกต้องตามขั้นตอน ไม่อย่างนั้นก็ห้ามขุนแผนเข้าใกล้ นางอีก ในเวลาค ่านั้นเสียงเงียบสงัดจนได้ยินเสียงของใบไม้แห้งดังกรอบแกรบ พระจันทร์ก็ส่องแสงสว่าง


๒๓ ดุเหว่าเร้าเสียงส าเนียงก้อง ระฆังฆ้องขานแข่งในวังหลวง วันทองน้องนอนสนิททรวง จิตรง่วงระงับสู่ภวังค์ ฝันว่าพลัดไปในไพรเถื่อน เลื่อนเปื้อนไม่รู้ที่จะกลับหลัง ลดเลี้ยวเที่ยงหลงในดงรัง ยังมีพยัคฆร้ายมาราวี ทั้งสองมองหมอบอยู่ริมทาง พอนางดั้นป่ามาถึงที่ โดดตะครุบคาดคั้นในทันที แล้วฉุดคร่าพารี่ไปในไพร ถอดความได้ว่า: นกก็ต่างร้องสียงดัง เสียงระฆังตีบอกเวลา นางวันทองที่นอนหลับสนิทอยู่ ก็ฝันว่าตนหลงไปในป่า หาทางกลับไม่ได้ ยิ่งเดินเลี้ยวก็ยิ่งหลงทาง และก็ไปเจอเสือสองตัว นอนหมอบอยู่ริมข้างทางแล้วก็ตะครุบนางเข้าไปในป่า สิ้นฝันครั้นตื่นตกประหม่า หวีดผวากอดผัวสะอื้นไห้ เล่าความบอกผัวด้วยกลัวภัย ประหลาดใจน้องฝันพรั่นอุรา ใต้เตียงเสียงหนูก็กุกกก แมลงมุมทุ่มอกที่ริมฝา ยิ่งหวาดหวั่นพรั่นตัวกลัวมรณา ดังวิญญาณ์นางจะพรากไปจากกาย ฯ ครานั้นขุนแผนแสนสนิท ฟังความตามนิมิตก็ใจหาย ครั้งนี้น่าจะมีอันตราย ฝันร้ายสาหัสตัดต ารา ถอดความได้ว่า: นางก็ตื่นขึ้นมาร้องไห้ผวากอดขุนแผนและเล่าความฝันให้ขุนแผนฟัง ยิ่งได้ยินเสียงหนูร้องและแมงมุมทุ่มอกยิ่งใจหายกลัวจะเกิดเรื่องไม่ดี พิเคราะห์ดูทั้งยามอัฐกาล ก็บันดาลฤกษ์แรงเป็นหนักหนา มิรู้ที่จะแถลงแจ้งกิจจา กอดเมียเมินหน้าน ้าตากระเด็น จึงแกล้งเพทุบายท านายไป ฝันอย่างนี้มิใช่จะเกิดเข็ญ เพราะวิตกหมกไหม้จึงได้เป็น เนื้อเย็นอยู่กับผัวอย่ากลัวทุกข์ พรุ่งนี้พี่จะแก้เสนียดฝัน แล้วท ามิ่งสิ่งขวัญให้เป็นสุข มิให้เกิดราคีกลียุค อย่าเป็นทุกข์เลยเจ้าจงเบาใจ


๒๔ ถอดความได้ว่า: เมื่อขุนแผนได้ฟังความฝันของนางวันทองก็รู้ว่าเป็นลางบอกเหตุที่จะเกิดขึ้น แต่ไม่รู้จะบอกนางวันทองยังไงเลยปลอบใจนางวันทอง จึงแกล้งบอกปลอบใจนางวันทองว่า เป็นเพราะนางคิดมากไปไม่ได้จะเกิดเหตุร้ายหรอก อยู่กับพี่ไม่ต้องกลัว เดี๋ยวพรุ่งนี้จะแก้ สิ่งไม่เป็นมงคลให้และท าสิ่งดีท าให้นางมีความสุข ไม่ให้เกิดสิ่งร้ายๆ สบายใจได้ ครั้นว่ารุ่งสางสว่างฟ้า สุริยาแย้มเยี่ยมเหลี่ยมไศล จะกล่าวถึงพระองค์ผู้ทรงชัย เนาในพระที่นั่งบัลลังก์รัตน์ พร้อมด้วยพระก านัลนักสนม หมอบประนมเฝ้าแหนแน่นขนัด ประจ าตั้งเครื่องอานอยู่งานพัด ทรงเคืองขัดขุนช้างแต่กลางคืน แสนถ่อยใครจะถ่อยเหมือนมันบ้าง ทุกอย่างที่จะชั่วอ้ายหัวลื่น เวียนแต่เป็นถ้อยความไม่ข้ามคืน น ้ายืนหยั่งไม่ถึงยังดึงมา ถอดความได้ว่า: วันรุ่งขึ้นสมเด็จพระพันวษาประทับบนบัลลังก์มีนางก านัลและสนมหมอบเฝ้า ตั้งเครื่องกินและอยู่งานพัดตามหน้าที่ สมเด็จพระพันวษาขัดเคืองขุนช้างตั้งแต่เวลากลางคืน ทรงเห็นว่าขุนช้างเป็นคนชั่วคอยแต่มีคดีความกับผู้อื่น คราวนั้นฟ้องกันด้วยวันทอง นี่มันฟ้องใครอิกไอ้ชาติข้า ด าริพลางทางเสด็จยาตรา ออกมาพระที่นั่งจักรพรรดิ พระสูตรรูดกร่างกระจ่างองค์ ขุนนางกราบราบลงเป็นขนัด ทั้งหน้าหลังเบียดเสียดเยียดยัด หมอบอัดถัดกันเป็นหลั่นไป ทอดพระเนตรมาเห็นขุนช้างเฝ้า เออใครเอาฟ้องมันไปไว้ไหน พระหมื่นศรีถวายพลันในทันใด รับไว้คลี่ทอดพระเนตรพลัน ถอดความได้ว่า: คราวก่อนก็ฟ้องร้องเรื่องวันทอง ครั้งนี้ไม่ทรงทราบว่าจะฟ้องใครอีก พระองค์จึงเสด็จออกมาที่พระที่นั่งจักรพรรดิ เมื่อม่านรูดออกขุนนางก็พร้อมกันกราบลงหมอบ กันอยู่มากมายตามล าดับ ทรงทอดพระเนตรเห็นขุนช้างเข้าเฝ้าอยู่จึงตรัสถามขุนนางว่า จะฟ้องใคร หมื่นศรี จึงถวายฎีกาให้ทอดพระเนตร


๒๕ พอทรงจบแจ้งพระทัยในข้อหา ก็โกรธาเคืองขุ่นหุนหัน มันเคี่ยวเข็ญท าเป็นอย่างไรกัน อีวันทองคนเดียวไม่รู้แล้ว ราวกับไม่มีหญิงเฝ้าชิงกัน ฤๅอีวันทองนั้นมันมีแก้ว รูปอ้ายช้างชั่วช้าตาแบ้งแบว ไม่เห็นแววที่ว่ามันจะรัก ใครจะเอาเป็นผัวเขากลัวอาย หัวหูดูเหมือนควายที่ตกปลัก คราวนั้นเป็นความกูถามซัก ตกหนักอยู่กับเถ้าศรีประจัน ถอดความได้ว่า: พอทอดพระเนตรเสร็จก็กริ้วว่าเรื่องวันทองคนเดียว ท าไมไม่จบกันเสียที เหมือนกับไม่มีผู้หญิงคนอื่นอีกแล้ว และทรงไม่เห็นว่าวันทองจะมีใจรักขุนช้าง ใครก็ไม่อยากได้ ขุนช้างไปเป็นผัว เพราะดูรูปร่างหน้าตาน่าเกลียด วันทองกูสิให้กับไอ้แผน ไยแล่นมาอยู่กับอ้ายช้างนั่น จมื่นศรีไปเอาตัวมันมาพลัน ทั้งวันทองขุนแผนอ้ายหมื่นไวย ฯ ฝ่ายพระหมื่นศรีได้รับสั่ง ถอยหลังออกมาไม่ช้าได้ สั่งเวรกรมวังในทันใด ต ารวจในวิ่งตะบึงมาถึงพลัน ขึ้นไปบนเรือนพระหมื่นไวย แจ้งข้อรับสั่งไปขมีขมัน ขุนช้างฟ้องร้องฎีกาพระทรงธรรม์ ให้หาทั้งสามทั่นนั้นเข้าไป ถอดความได้ว่า: คราวที่แล้วนยกวันทองให้กับขุนแผนไปแล้ว ท าไมจึงมาอยู่กับขุนช้างอีก จึงให้จมื่นศรีไปน าตัววันทอง ขุนแผนและจมื่นไวย พระหมื่นศรีได้รับค าสั่งให้ถอยหลังออกมา ในไม่ช้าและสั่งทหารในวังทันทีให้ทหารวิ่งมาอย่างเร่งรีบและขึ้นไปบนเรือนพระหมื่นไวยและ แจ้งรับสั่งให้รีบไปในทันที ขุนช้างได้ยืนค าร้องทุกข์ให้พระเจ้าแผ่นดินให้เรียกทั้งสามคนมา เข้าเฝ้า


๒๖ ครานั้นวันทองเจ้าพลายงาม ได้ฟังความคร้ามครั่นหวั่นไหว ขุนแผนเรียกวันทองเข้าห้องใน ไม่ไว้ใจจึงเสกด้วยเวทมนตร์ สีขี้ผึ้งสีปากกินหมากเวท ซึ่งวิเศษสารพัดแก้ขัดสน น ้ามันพรายน ้ามันจันทน์สรรเสกปน เคยคุ้มขังบังตนแต่ไรมา แล้วท าผงอิทธิเจเข้าเจิมพักตร์ คนเห็นคนทักรักทุกหน้า เสกกระแจะจวงจันทน์น ้ามันทา เสร็จแล้วก็พาวันทองไป ถอดความได้ว่า: ตอนนั้นนางวันทองและพลายงามได้ฟังค ารับสั่งแล้วรู้สึกตื่นเต้น และขุนแผน เรียกนางวันทองเข้าไปข้างในห้อง เพราะไม่ไว้ใจเลยเสกมนตร์ใส่นางวันทอง เอาขี้ผึ้งมายัดปาก และกินหมากที่ลงมนตร์ไว้ มันเป็นของที่ช่วยแก้ปัญหาทุกอย่าง มีทั้งน ้ามันพรายและ น ้ามันจันทน์ที่ใช้พลางตัวมาตลอด แล้วน าผงเสน่ห์มาทาหน้าเพื่อให้คนที่เห็นที่ทักทุกคน ต่างหลงรักตนและเสกเครื่องหอมที่ท าด้วยไม้จันทร์ท าให้เป็นน ้ามันพอท าเสร็จแล้วก็พา นางวันทองออกไป ครานั้นทองประศรีผู้มารดา ครั้นได้แจ้งกิจจาไม่นิ่งได้ เด็กเอ๋ยวิ่งตามมาไวไว ลงบันไดงันงกตกนอกชาน พลายชุมพลกอดก้นทองประศรี กูมิใช่ช้างขี่ดอกลูกหลาน ลุกขึ้นโขย่งโก้งโค้งคลาน ซมซานโฮกฮากอ้าปากไป ครั้นถึงยั้งอยู่ประตูวัง ผู้รับสั่งเร่งรุดไม่หยุดได้ ขุนแผนวันทองพระหมื่นไวย เข้าไปเฝ้าองค์พระภูมี ถอดความได้ว่า: เมื่อแม่ของนางวันทองได้รู้ข่าวก็ร้อนใจ รีบเรียกลูกหลานให้วิ่งตามมาให้รีบลง จากบันไดจนตกออกนอกชาน พลายชุมพลก็เข้ากอดก้นนางทองประศรี นางทองประศรีจึง ตะโกนบอกว่าพลายชุมพลว่าตนไม่ใช่ช้าง แล้วก็ลุกขึ้น เมื่อถึงหน้าประตูวัง ทั้งสามคนจึงรีบเข้า ไปเข้าเฝ้าพระมหากษัตริย์


๒๗ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงเดช ปิ่นปักนัคเรศเรืองศรี เห็นสามราเข้ามาอัญชลี พระปรานีเหมือนลูกในอุทร ด้วยเดชะพระเวทวิเศษประสิทธิ เผอิญคิดรักใคร่พระทัยอ่อน ตรัสถามอย่างความราษฎร ฮ้าเฮ้ยดูก่อนอีวันทอง เมื่อมึงกลับมาแต่ป่าใหญ่ กูสิให้ไอ้แผนประสมสอง ครั้นกูขัดใจให้จ าจอง ตัวของมึงไปอยู่แห่งไร ถอดความได้ว่า: เมื่อพระพันวสาเห็นขุนช้าง พระไวย และนางวันทอง เดินเข้ามาก็เกิดความ เอ็นดูอย่างลูก จึงตรัสถามความว่าเมื่อกลับมาจากป่าที่ตัดสินให้ไปอยู่กับขุนแผนเป็นอย่างไร ท าไมไม่อยู่กับอ้ายแผน แล่นไปอยู่กับอ้ายช้างใหม่ เดิมมึงรักอ้ายแผนแล่นตามไป ครั้นยกให้สิเต้นกลับเล่นตัว อยู่กับอ้ายช้างไม่อยู่ได้ เกิดรังเกียจเกลียดใจด้วยชังหัว ดูยักใหม่ย้ายเก่าเฝ้าเปลี่ยนตัว ตกว่าชั่วแล้วมึงไม่ไยดี ฯ ครานั้นวันทองได้รับสั่ง ละล้าละลังประนมก้มเกศี หัวสยองพองพรั่นทันที ทูลคดีพระองค์ผู้ทรงธรรม์ ถอดความได้ว่า: ให้ไปอยู่กับขุนแผนท าไมถึงไม่ไปอยู่ แต่กลับไปอยู่กับขุนช้าง ทั้งๆที่แต่ก่อนรัก กับขุนแผนไม่ใช่เหรอพอจะยกให้ไปอยู่กับขุนช้าง ก็รังเกียจขุนช้างขึ้นมา เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา มันไม่ดี เมื่อนางวันทองได้รับสั่ง ก็รู้สึกห่วงหน้าพะวงหลัง จึงประนมมือไหว้เหนือหัว นางรู้สึกกลัวมาก


๒๘ ขอเดชะละอองธุลีบาท องค์หริรักษ์ราชรังสรรค์ เมื่อกระหม่อมฉันมาแต่อารัญ ครั้งนั้นโปรดประทานขุนแผนไป ครั้นอยู่มาขุนแผนต้องจ าจอง กระหม่อมฉันมีท้องนั้นเติบใหญ่ อยู่ที่เคหาหน้าวัดตะไกร ขุนช้างไปบอกว่าพระโองการ มีรับสั่งโปรดปรานประทานให้ กระหม่อมฉันไม่ไปก็หักหาญ ยื้อยุดฉุดคร่าท าสามานย์ เพื่อนบ้านจะช่วยก็สุดคิด ถอดความได้ว่า: นางวันทองทูลขอพระพันวษาว่า เมื่อตอนที่ออกจากป่าพระองค์ยกหม่อมฉัน ให้ขุนแผน ต่อมาขุนแผนถูกเข้าคุก ดิฉันได้ตั้งท้อง ขุนช้างก็เข้ามากระหม่อมไปอยู่ด้วยโดย อ้างว่าเป็นพระบัญชาของพระองค์ มาฉุดกระหม่อมไปเพื่อนบ้านก็เกรงกลัวเพราะคิดว่าเป็น พระบัญชาของพระองค์ ด้วยขุนช้างอ้างว่ารับสั่งให้ ใครจะขัดขืนไว้ก็กลัวผิด จนใจจะมิไปก็สุดฤทธิ ชีวิตอยู่ใต้พระบาทา ครานั้นพระองค์ผู้ทรงภพ ฟังจบกริ้วขุนช้างเป็นหนักหนา มีพระสิงหนาทตวาดมา อ้ายบ้าเย่อหยิ่งอ้ายลิงโลน ตกว่ากูหาเป็นเจ้าชีวิตไม่ มึงถือใจว่าเป็นเจ้าที่โรงโขน เป็นไม่มีอาญาสิทธิคิดดึงโดน เที่ยวท าโจรใจคะนองจองหองครัน ถอดความได้ว่า: พระพันวษาได้ฟังขุนช้างทูลก็ทรงกริ้ว ตวาดเสียงดังลั่น ว่าถ้าพระองค์ ไม่เป็นกษัตริย์ ขุนช้างก็คงมองไม่เห็นหัว จะต้องเฆี่ยนเสียด้วยหวาย


๒๙ เลี้ยงมึงไม่ได้อ้ายใจร้าย ชอบแต่เฆี่ยนสองหวายตลอดสัน แล้วกลับความถามข้างวันทองพลัน เออเมื่อมันฉุดคร่าพามึงไป ก็ช้านานประมาณได้สิบแปดปี ครั้งนี้ท าไมมึงจึงมาได้ นี่มึงหนีมันมาฤๅว่าไร ฤๅว่าใครไปรับเอามึงมา ฯ วันทองฟังถามให้คร้ามครั่น บังคมคัลประนมก้มเกศา ขอเดชะพระองค์ทรงศักดา พระอาญาเป็นพ้นล้นเกล้าไป ถอดความได้ว่า: พระพันวษาก็ตรัสถามนางวันทองว่า เมื่อขุนช้างฉุดไปเป็นเวลาประมาณ ๑๘ ปีท าไมถึงหนีมาได้ หนีมาเองหรือว่าใครไปรับมา นางวันทองได้ฟังค าถามก็รู้สึกกลัว ครั้งนี้จมื่นไวยนั้นไปรับ กระหม่อมฉันจึงกลับคืนมาได้ มิใช่ย้อนยอกท านอกใจ ขุนแผนก็มิได้ประเวณี แต่มานั้นเวลาสักสองยาม ขุนช้างจึงหาความว่าหลบหนี ขอพระองค์จงทรงพระปรานี ชีวีอยู่ใต้พระบาทา ถอดความได้ว่า: นางวันทองกราบทูลสมเด็จพระพันวษาว่าจมื่นไวยไปรับตอนกลางคืน ขุนช้าง จึงคิดว่าหนีออกมา ขุนแผนก็ไม่ได้ท าอะไรไม่ดีไม่งาม นางทูลขอความกรุณาจาก สมเด็จพระพันวษา ครานั้นพระองค์ผู้ทรงเดช ฟังเหตุขุ่นเคืองเป็นหนักหนา อ้ายหมื่นไวยท าใจอหังการ์ ตกว่าบ้านเมืองไม่มีนาย จะปรึกษาตราสินให้ไม่ได้ จึงท าตามน้ าใจเอาง่ายง่าย ถ้าฉวยเกิดฆ่าฟันกันล้มตาย อันตรายไพร่เมืองก็เคืองกู อีวันทองกูให้ไอ้แผนไป อ้ายช้างบังอาจใจท าจู่ลู่ ฉุดมันขึ้นช้างอ้างถึงกู ตะคอกขู่อีวันทองให้ตกใจ


๓๐ ถอดความได้ว่า: เมื่อพระพันวษาได้ฟังความจากนางวันทอง ก็โกรธจมื่นไวยที่ท าการอุกอาจ ท าเหมือนบ้านเมืองไม่มีกฎหมาย ถ้าเกิดมีการฆ่าฟันล้มตาย ประชาชนจะขุ่นเคือง พระพันวษาได้ ทางด้านขุนช้างก็ผิดที่ไปฉุดตัวนางวันทองมา แล้วยังอ้างชื่อพระพันวษา ไปข่มขู่พาตัวนางวันทองมา ชอบตบให้สลบลงกับที่ เฆี่ยนตีเสียให้ยับไม่นับได้ มะพร้าวห้าวยัดปากให้สาใจ อ้ายหมื่นไวยก็โทษถึงฉกรรจ์ มึงถือว่าอีวันทองเป็นแม่ตัว ไม่เกรงกลัวเว้โว้ท าโมหันธ์ ไปรับไยไม่ไปในกลางวัน อ้ายแผนพ่อนั้นก็เป็นใจ มันเหมือนวัวเคยขาม้าเคยขี่ ถึงบอกกูว่าดีหาเชื่อไม่ อ้ายช้างมันก็ฟ้องเป็นสองนัย ว่าอ้ายไวยลักแม่ให้บิดา ถอดความได้ว่า: เฆี่ยนตีขุนช้างสลบคาที่ แล้วเอามะพร้าวห้าวยัดปาก จมื่นไวยก็มีความผิด ฉกรรจ์ที่ไปพาตัวนางวันทองมากลางดึก คงจะมีขุนแผนผู้เป็นพ่อคอยหนุนหลัง เพราะว่า ขุนช้างเอาเรื่องมาบอกพระพันวษาว่า จมื่นไวยฉุดนางวันทองกลับไปให้พ่อถือว่าเป็นความผิด เป็นราคีข้อผิดมีติดตัว หมองมัวมลทินอยู่หนักหนา ถ้าอ้ายไวยอยากจะใคร่ได้แม่มา ชวนพ่อฟ้องหาเอาเป็นไร อัยการศาลโรงก็มีอยู่ ฤๅว่ากูตัดสินให้ไม่ได้ ชอบทวนด้วยลวดให้ปวดไป ปรับไหมให้เท่ากับชายชู้ มันเกิดเหตุทั้งนี้ก็เพราะหญิง จึงหึงหวงช่วงชิงยุ่งยิ่งอยู่ จ าจะตัดรากใหญ่ให้หล่นพรู ให้ลูกดอกดกอยู่แต่กิ่งเดียว


๓๑ ถอดความได้ว่า: ถ้าจมื่นไวยอยากได้ตัวแม่(วันทอง) ท าไมไม่พาพ่อ(ขุนแผน)มาฟ้องศาล หรือ คิดว่าพระพันวษาไม่สามารถตัดสินให้ได้ ต้องลงโทษด้วยลวดและปรับ ส่วนขุนช้างก็บังอาจ อ้างราชโองการ ควรตบให้สลบ แล้วเอามะพร้าวยัดปาก แล้วรับสั่งว่าจะต้องแก้ปัญหานี้ ให้จบเสียที ต้องตัดรากใหญ่(ปัญหา) ให้เหลือลูกดอกกิ่งเดียว (ให้นางวันทองตัดสินใจ เลือกเพียงหนึ่ง) อีวันทองตัวมันเหมือนรากแก้ว ถ้าตัดโคนขาดแล้วก็ใบเหี่ยว ใครจะควรสู่สมอยู่กลมเกลียว ให้เด็ดเดี่ยวรู้กันแต่วันนี้ เฮ้ยอีวันทองว่ากะไร มึงตั้งใจปลดปลงให้ตรงที่ อย่าพะวังกังขาเป็นราคี เพราะมึงมีผัวสองกูต้องแค้น ถ้ารักใหม่ก็ไปอยู่กับอ้ายช้าง ถ้ารักเก่าเข้าข้างอ้ายขุนแผน อย่าเวียนวนไปให้คนมันหมิ่นแคลน ถ้าแม้นมึงรักไหนให้ว่ามา ถอดความได้ว่า: นางวันทองเหมือนกับรากแก้วถ้าตัดโคนได้แล้วใบก็จะเหี่ยวไปเอง พระพันวษาตรัสว่านางวันทองจะตกลงยังไง อย่าลังเลเพราะมีทั้งผัวและลูก ถ้ารักใหม่ ก็ให้ไปอยู่กับขุนช้าง แต่ถ้ารักก็เลือกขุนแผน อย่าชักช้าคนจะนินทาเอาได้ จะเลือกใครก็ว่ามา ครานั้นวันทองฟังรับสั่ง ให้ละล้าละลังเป็นหนักหนา ครั้นจะทูลกลัวพระราชอาชญา ขุนช้างแลดูตายักคิ้วลน พระหมื่นไวยใช้ใบ้ให้แม่ว่า บุ้ยปากตรงบิดาเป็นหลายหน วันทองหมองจิตรคิดเวียนวน เป็นจนใจนิ่งอยู่ไม่ทูลไป ฯ ๏ ครานั้นพระองค์ทรงธรณินทร์ หาได้ยินวันทองทูลขึ้นไม่ พระตรัสความถามซักไปทันใด ฤๅมึงไม่รักใครให้ว่ามา ถอดความได้ว่า: นางวันทองได้ฟังค าพระพันวษาก็เกิดลังเลว่าจะเลือกใคร มองไปทางขุนช้าง ก็ยักคิ้ว มองไปทางจมื่นไวยก็ท าปากบุ้ยไปตรงพ่อ วันทองคิดวนไปวนมา ก็ยังไม่ทูลอะไรแก่ พระพันวษา พระพันวษาไม่เห็นว่านางวันทองทูลอะไร ทรงตรัสถามต่อว่าจะไม่รักใครให้ว่ามา


๓๒ จะรักชู้ชังผัวมึงกลัวอาย จะอยู่ด้วยลูกชายก็ไม่ว่า ตามใจกูจะให้ดังวาจา แต่นี้เบื้องหน้าขาดเด็ดไป ฯ นางวันทองรับพระราชโองการ ให้บันดาลบังจิตรหาคิดไม่ อกุศลดลมัวให้ชั่วใจ ด้วยสิ้นในอายุที่เกิดมา คิดคะนึงตะลึงตะลานอก ดังตัวตกพระสุเมรุภูผา ให้อุทัจอัดอั้นตันอุรา เกรงผิดภายหน้าก็สุดคิด ถอดความได้ว่า:จะไปอยู่กับลูกไหม ตามแต่ใจ แต่ถ้าตอบมาแล้วจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้ นางวันทองรับพระราชโองการดังนั้นก็คิดไม่ออก ถึงเวลาสิ้นอายุ จึงเกิด “อกุศล” ท าให้ประหม่า และเกรงว่าจะตัดสินใจผิด จะว่ารักขุนช้างกะไรได้ ที่จริงใจมิได้รักแต่สักหนิด รักพ่อลูกห่วงดังดวงชีวิต แม้นทูลผิดจะพิโรธไม่โปรดปราน อย่าเลยจะทูลเป็นกลางไว้ ตามพระทัยท้าวจะแยกให้แตกฉาน คิดแล้วเท่านั้นมิทันนาน นางก้มกรานแล้วก็ทูลไปฉับพลัน ความรักขุนแผนก็แสนรัก ด้วยร่วมยากมานักไม่เดียดฉันท์ สู้ล าบากบุกป่ามาด้วยกัน สารพันอดออมถนอมใจ ถอดความได้ว่า: จะว่ารักขุนช้างก็ไม่ได้เพราะตนไม่ได้รัก ถ้าเกิดทูลพระพันวษาผิดก็จะเป็นทูล จึงทูลเป็นกลางๆตามแต่พระทัยของพระพันวษาว่าจะตัดสินใจอย่างไร จึงทูลออกไปว่าขุนแผน นั้นก็แสนรักร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันมานาน


๓๓ ขุนช้างแต่อยู่ด้วยกันมา ค าหนักหาได้ว่าให้เคืองไม่ เงินทองกองไว้มิให้ใคร ข้าไทใช้สอยเหมือนของตัว จมื่นไวยเล่าก็เลือดที่ในอก ก็หยิบยกรักเท่ากันกับผัว ทูลพลางตัวนางระเริ่มรัว ความกลัวพระอาญาเป็นพ้นไป ฯ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงภพ ฟังจบแค้นคั่งดังเพลิงไหม้ เหมือนดินประสิวปลิวติดกับเปลวไฟ ดูดู๋เป็นได้อีวันทอง ถอดความได้ว่า: ขุนช้างอยู่ด้วยกันมาก็ไม่เคยท าเรื่องให้ขุ่นเคืองใจและมีเงินทองบ่าวไพร่ ใช้ไม่ขัดสน ส่วนจมื่นไวยที่เป็นลูกชายย่อมรักเท่ากับรักผัวอยู่แล้ว ทูลเสร็จนางวันทองก็สั่นด้วย ความกลัวหลังจากนางวันทองทูล พระพันวษากริ้วอย่างมากเหมือนดินประสิวที่โดนไฟแล้วปะทุ จะว่ารักข้างไหนไม่ว่าได้ น ้าใจจะประดังเข้าทั้งสอง ออกนั่นเข้านี่มีส ารอง ยิ่งกว่าท้องทะเลอันล ้าลึก จอกแหนแพเสาส าเภาใหญ่ จะทอดถมเท่าไรไม่รู้สึก เหมือนมหาสมุทรสุดซึ้งซึก น ้าลึกเหลือจะหยั่งกระทั่งดิน อิฐผาหาหาบมาทุ่มถม ก็จ่อมจมสูญหายไปหมดสิ้น อีแสนถ่อยจัญไรใจทมิฬ ดังเพชรนิลเกิดขึ้นในอาจม ถอดความได้ว่า: นางวันทองไม่ยอมบอกว่าจะเลือกใคร พระพันวษารับสั่งด่านางวันทองว่า รักข้างไหนเลือกไม่ถูกจะเอาไว้ส ารองทั้งสองยิ่งว่าความลึกของทะเลทอดสมอลึกเกิน จะหยั่งถึงได้ คนถ่อย จัญไร ใจทมิฬ เหมือนเพชรที่เกิดในสิ่งสกปรก


๓๔ รูปงามนามเพราะน้อยไปฤๅ ใจไม่ซื่อสมศักดิเท่าเส้นผม แต่ใจสัตว์มันยังมีที่นิยม สมาคมก็แต่ถึงฤดูมัน มึงนี่ถ่อยยิ่งกว่าถ่อยอีท้ายเมือง จะเอาเรื่องไม่ได้สักสิ่งสรรพ์ ละโมบมากตัณหาตาเป็นมัน สักร้อยพันให้มึงไม่ถึงใจ ว่าหญิงชั่วผัวยังคราวละคนเดียว หาตามตอมกันเกรียวเหมือนมึงไม่ หนักแผ่นดินกูจะอยู่ไย อ้ายไวยมึงอย่านับว่ามารดา ถอดความได้ว่า: หน้าตาสวยงามชื่อเพราะน้อยไปหรือถึงได้จิตใจไม่ซื่อเท่ากับเส้นผม สันดานเลวกว่าสัตว์เพราะสัตว์ยังมีฤดูผสมพันธุ์ หญิงชั่วยังมีผัวคราวละคน จะอยู่ให้หนักแผ่นดินท าไม ทรงหันไปตรัสกับจมื่นไวยว่าอย่านับนางวันทองเป็นแม่ให้อายเขา กูเลี้ยงมึงถึงให้เป็นหัวหมื่น คนอื่นรู้ว่าแม่ก็ขายหน้า อ้ายขุนช้างขุนแผนทั้งสองรา กูจะหาเมียให้อย่าอาลัย หญิงกาลกิณีอีแพศยา มันไม่น่าเชยชิดพิสมัย ที่รูปรวยสวยสมมีถมไป มึงตัดใจเสียเถิดอีคนนี้ เร่งเร็วเหวยพระยายมราช ไปฟันฟาดเสียให้มันเป็นผี อกเอาขวานผ่าอย่าปรานี อย่าให้มีโลหิตติดดินกู เอาใบตองรองไว้ให้หมากิน ตกดินจะอัปรีย์กาลีอยู่ ฟันให้หญิงชายทั้งหลายดู สั่งเสร็จเสด็จสู่ปราสาทชัย ถอดความได้ว่า: รับสั่งขุนช้างกับขุนแผนพระองค์จะทรงหาเมียใหม่ให้ แล้วรับสั่งให้เอา นางวันทองไปประหารชีวิต เอาขวานผ่าอก แล้วเอาใบตองมารองเลือดให้หมากิน อย่าให้ เลือดอัปรีย์กาลีตกถึงพื้นดินเลย รับสั่งเสร็จก็เสด็จเข้าสู่ปราสาทที่ประทับ


๓๕ ค าศัพท์ ๑.กระแจะ แปลว่า ผงเครื่องหอมต่าง ๆ ที่ผสมกันส าหรับทาหรือเจิม ๒.ของส าคัญ แปลว่า ในที่นี้หมายถึง เต้านม ในความว่า “ว่าพลางทาง แอบเข้าแนบอก ประคองยกของส าคัญมั่นหมาย” ๓.ข้าวสารปราย แปลว่า ข้าวสารที่เสกแล้วซัดให้กระจายไป ๔.ขี้ครอก แปลว่า ลูกของข้าทาส ๕.เครื่อง แปลว่า เหตุ เรื่องราว ในความว่า “ว่านักก็เครื่อง เคืองระคาย“ ๖.เครื่องอาน แปลว่า เครื่องกิน ๗.แง้นชิง แปลว่า แง้น ในที่นี้น่าจะเป็นค าเดียวกับค าว่า แง่น ซึ่ง แปลว่าแยกเขี้ยวจะกัด แง้นชิงจึงหมายถึงแสด อาการโกรธ ๘.จวงจันทน์ แปลว่า เครื่องหอมที่เจือด้วยไม้จวงและไม้จันทน์ ๙. จังกา แปลว่า จังก้า เป็นลักษณะยืนถ่างขาตั้งท่าเตรียมสู้ ๑๐.จัตุบททวิบาท แปลว่า (สัตว์) สี่เท้า สองเท้า ๑๑.จู่ลู่ แปลว่า หุนหันพลันแล่น ในความว่า “อ้ายช้างบังอาจใจ ท าจู่ลู่” ๑๒.ฉวยสบเพลง แปลว่า บังเอิญถูกจังหวะ ๑๓.ฎีกา แปลว่า ค าร้องทุกข์ที่ยื่นถวายพระเจ้าแผ่นดิน


๓๖ ๑๔.ตกว่า แปลว่า ราวกับว่า ๑๕.ตลอดสัน แปลว่า ตลอดสัน ๑๖.ถูกเขมร แปลว่า การนุ่งผ้าหยักรั้งขึ้นไปให้พ้นหัวเข่าถึงง่ามก้น บางทีเรียกว่าขัดเขมร ๑๗.ทรามสวาติ แปลว่า ผู้เป็นที่รัก ๑๘.ตราสิน แปลว่า แจ้งความไว้เพื่อเป็นหลักฐาน ๑๙.ทวนด้วยลวด แปลว่า เฆี่ยนตีด้วยหนังที่ท าเป็นเส้นยาวๆ ซึ่งเรียกว่า ลวดหนัง ๒๐.ทักทิน แปลว่า อ่านว่า ทัก-กะ-ทิน หมายถึง วันชั่วร้ายตาม ความเชื่อในต าราโหราศาสตร์ ๒๑.น ้ายืนหยั่งไม่ถึง แปลว่า น ้าลึกเกินกว่าเท้าจะหยั่งถึง ๒๒.บโทนอ้นต้นกัญญา แปลว่า บโทนคือพนักงานคอยให้จังหวะสัญญาณ ให้ฝีพายพายเรือช้าหรือเร็ว เรือในที่นี้เป็นเรือต้น กัญญา คือเป็นเรือหลวงยาว มีเครื่องบังแดดเป็น รูปหลังคา อัน น่าจะเป็นชื่อของบโทน ๒๓.บริกรรม แปลว่า ส ารวมใจร่ายมนตร์ หรือเสกคาถาซ ้าๆ หลายๆ หน เพื่อให้เกิดความขลังศักดิ์สิทธิ์


๓๗ ๒๔.บายศรี แปลว่า เครื่องเชิญขวัญหรือรับขวัญ ท าด้วยใบตอง รูปคล้ายกระทงเป็นชั้นๆ มีขนาดใหญ่เล็กสอบกัน ขึ้นไปตามล าดับอาจเป็น ๓ ชั้น ๕ ชั้น ๗ ชั้น หรือ ๙ ชั้น มีเสาปักตรงกลางเป็นแกน มีเครื่องสังเวย วางอยู่ในบายศรีและมีไข่ขวัญเสียบอยู่บนยอด ๒๕.ปรนนิบัติวัตถา แปลว่า คือ ปรนนิบัติวัตถาก หมายถึง เอาใจใส่คอย ปฏิบัติรับใช้ ๒๖.ประจุบัน แปลว่า คือ ปัจจุบัน เรียกโรคภัยที่เกิดขึ้นในทันทีทันใดว่า โรคปัจจุบัน "เจ็บจุกประจุบัน" หมายความว่า มีอาการจุกเสียดขึ้นมาทันที ๒๗.ปรับไหม แปลว่า ให้ผู้กระท าผิดช าระเงินทดแทนความผิดที่ได้ กระท าแก่ผู้เสียหาย หรือบิดามารดาหรือ ผู้ปกครองของผู้เสียหาย ๒๘.ผงอิทธิเจ แปลว่า เป็นผงดินสอที่น ามาผัดหน้าส าหรับเป็นเสน่ห์ ท าให้คนรัก ๒๙.ผีเสื้อ แปลว่า คือ ผีเสื้อน ้า เทวดาที่รักษาน่านน ้า ในที่นี้ หมายถึงผีน ้า ๓๐.พระสิงหนาท แปลว่า เสียงตวาดของผู้ที่มีอ านาจซึ่งดังราวกับเสียงค า รามของราชสีห์ ๓๑.เพรางาย แปลว่า เวลาเย็นและเวลาเช้า (เพรา = เย็น, งาย = เช้า)


๓๘ ๓๒.มงคล แปลว่า ในที่นี้หมายถึง สิ่งที่ท าเป็นวง ใช้สวมศีรษะเพื่อ ความเป็นสิริมงคล ท าด้วยด้าย เป็นต้น ๓๓.มินหม้อ แปลว่า เขม่าด าที่ติดกันหม้อ ๓๔.เมรุไกร แปลว่า ภูเขาใหญ่ ๓๕.แมงมุมทุ่มอก แปลว่า ทุ่มอกคือดีอก เชื่อกันว่าเมื่อแมงมุมดีอกของมัน จะเป็นลางร้ายอย่างหนึ่ง ๓๖.ยวน แปลว่า ท าให้ก าเริบรัก ในความว่า "ภิรมย์ยวน" ๓๗.ยาเข้าปรอท แปลว่า ยาที่ประสมสารปรอทซึ่งอาจท าให้เป็นพิษได้ ๓๘.ย ่ายาม แปลว่า ดีกลองหรือฆ้องถี่ๆ หลายครั้งเพื่อบอกเวลา ส าหรับเปลี่ยนยามในเวลากลางคืน ในความว่า "คะเนนับย ่ายามได้สามครา" หมายความว่า นับได้ว่าเป็นการดีบอกเวลาเป็นครั้งที่สามแล้ว เท่ากับเป็นเวลายามสามตรงกับเวลาสามนาพิกา หรือตีสาม ๓๙.ร้องเกน แปลว่า ร้องตะโกนดังๆ ๔๐.ร้านดอกไม้ แปลว่า ในที่นี้หมายถึงชานเรือนโบราณที่ปลูกไม้ดอกไว้ ๔๑.ล่อนแก่น แปลว่า สิ้นเนื้อประดาตัว ไม่มีติดตัว ๔๒.วันนั้นแพ้กูเมื่อด าน ้า แปลว่า จมื่นไวยเท้าความถึงตอนที่ขุนช้างด าน ้าพิสูจน์ โทษเมื่อเป็นคดีกับตน


๓๙ ๔๓.วัวเคยขาม้าเคยขี่ แปลว่า หมายความว่าคุ้นเคยกันมาอย่างดี รู้ทีกัน เข้าใจ ในท านองของกันและกัน ส านวนนี้ส่วนมากใช้กับ คนที่เดยเป็นสามีภรรยากัน ๔๔.วางบท แปลว่า ถูกก าหนดให้แสดงไปตามบท คือ หน้าที่ที่ ก าหนดให้ในที่นี้หมายถึง ครั้งหนึ่ง สมเด็จพระพันวษาได้เคยทรงตัดสินให้นางวัน ทองกลับไปอยู่กับขุนแผน ๔๕.ส่งทุกข์ แปลว่า เข้าสัวม ๔๖.สะเดาะกลอน แปลว่า ท าให้กลอนประตูหลุดออกได้ด้วยคาถาอาคม ๔๗.เสด็จประพาสบัว แปลว่า ในที่นี้หมายถึงการเสด็จประพาสท้องทุ่งในฤดูน ้า หลากที่มีน ้าเต็มเปี่ยม มีดอกบัวและพันธุ์ไม้น ้า ที่งดงาม อาจเป็นฤดูเล่นเรือหรือเล่นดอก สร้อยสักวา ๔๘.เสนียด แปลว่า ไม่เป็นมงคล ๔๙.แสงศรี แปลว่า มาจากค าว่า แสงสุรีย์ศรี หมายถึง แสงอาทิตย์ ๕๐.หัวหมื่นมหาดเล็ก แปลว่า ต าแหน่งข้าราชการมหาดเล็กถัดจากต าแหน่ง จางวางซึ่งเป็นต าแหน่งหัวหน้าข้ารับใช้ของ เจ้านายชั้นบรมวงศ์หรือทรงกรมลงมา ๕๑.แหงนเถ่อ แปลว่า ค้างอยู่


๔๐ ๕๒.อัฐกาล แปลว่า คือ อัฐเคราะห์ หมายถึง ต าแหน่งดาวเคราะห์ ทั้ง ๘ ตามต าราโหราศาสตร์ ๕๓.อัฒจันทร์ แปลว่า ในที่นี้หมายถึง ชั้นที่ตั้งเครื่องแก้วซึ่งเป็น ของ ประดับบ้าน ๕๔.อาถรรพณ์ แปลว่า หมายถึง ของที่ลงเลขยันด์คาถาแล้วฝังไว้ในดิน โดยวิธีใส่กันหลุมเสา เช่น เสาประตูบ้าน ส าหรับ ป้องกันอันตราย เมื่อจมื่นไวยจะเข้าบ้านขุนช้าง จึงร่ายมนตร์ถอนอาถรรพณ์เสียก่อน เพราะถ้า อาถรรพณ์ของขุนช้างไม่เสื่อม เครื่องรางของขลัง รวมทั้งเวทมนตร์คาถาของจมื่นไวยจะเสื่อม ความศักดิ์สิทธิ์เมื่อผ่านประตูเข้าไป ๕๕.อุธัจ แปลว่า ตกประหม่า


๔๑ วิเคราะห์คุณค่าวรรณคดี คุณค่าด้านวรรณศิลป์ ๑.การบรรยายโวหาร (เสาวรจนีย์) ฟ้าขาวดาวเด่นดวงสว่าง จันทร์กระจ่างทรงกลดหมดมฆสิ้น จึงเซ่นข้าวปลาให้พรายกิน เสกขมิ้นว่านยาเข้าทาตัว ๒.การพรรณนาโวหาร (นารีปราโมทย์) จะเป็นตายง่ายยากไม่จากรัก จะฟูมฟักเหมือนเมื่ออยู่ในกลางเถื่อน ขอโทษที่พี่ผิดอย่าบิดเบือน เจ้าเพื่อเสน่หาจงอาลัย การพรรณนาถึงเรื่องฝันร้าย ครั้งนี่น่าจะมีอันตราย ฝันร้ายสาหัสตัสต ารา พิเคราะห์ดูทั้งยามอัฐกาล ก็บันดาลฤกษ์แรงเป็นหนักหนา มิรู้ที่จะแถลงแจ้งกิจจา กอดเมียเมินหน้าน ้าตากระเด็น ๓.สะท้อนถึงอารมณ์โกรธแค้นและสะเทือนใจ (พิโรธวาทัง) ยิ่งคิดเดือดดาลทะยานใจ ฉวยได้กระดานชนวนมา ร่างฟ้องท่องเทียบให้เรียบร้อย ถ้อยค าถี่ถ้วนเป็นหนักหนา ๔.ใช้ถ้อยค าเกิดความเศร้าสะเทือนใจ (สัลลาปังคพิสัย) วันนี้แม่จะลาพ่อพลายแล้ว จะจ าจากลูกแก้วไปสูญสิ้น พอบ่ายก็จะตายลงถมดิน ผินหน้ามาแม่จะขอชม เกิดมาไม่เหมือนกับเขาอื่น มิได้ชื่นเชยชิดสนิทสนม ร ่าพลางนางกอดพระหมื่นไวย น ้าตกไหลซบเซาไม่เงยหน้า ง่วงหงุบฟุบลงกับพสุธา กอดลูกยาแน่นิ่งไม่ติงกายฯ ๕.สัมผัสกลอนแปด ครานั้นพระองค์ทรงธรณินทร์ หาได้ยินวันทองทูลขึ้นไม่ พระตรัสความถามชักไปทันใด ฤามึงไม่รักใครให้ว่ามา


๔๒ ๖.กวีแทรกอารมณ์ขันในการแต่ง ขุนช้างเห็นข้าไม่มาใกล้ ขัดใจลุกขึ้นทั้งแก้ผ้า แหงนเถ่อเป้อปังยืนจังกา ย่างเท้าก้าวมาไม่รู้ตัว ยายจันงันงกยกมือไหว้ นั่นพ่อจะไปไหนพ่อทูลหัว ไม่นุ่งผ่อนนุ่งผ้าดูน่ากลัว ขุนช้างมองดูตัวก็ตกใจ ๗.การบรรยายเชิงเปรียบเทียบ (อุปมาโวหาร) อีวันทองตัวมันเหมือนแก้ว ถ้าตัดโคนขาดแล้วก็ใบเหี่ยว ใครจะควรสู่สมอยู่กลมเกลียว ให้เด็ดเดี่ยวรู้กันแต่วันนี้ ธุระสิ่งไรในใจเจ้า พ่อจงเล่าแก่แม่แล้วกลับบ้าน มิควรท าเจ้าอย่าท าให้ร าคาญ อย่าหาญเหมือนพ่อนักคะนองใจฯ มีบ่าวไพร่ใช้สอยทั้งเงินทอง พี่น้องข้างพ่อก็บริบูรณ์ ยังขาดแต่แม่คุณไม่แลเห็น เป็นอยู่ก็เหมือนตายไปหายสูญ ๘. อติพจน์ (โวหารการกล่าวเกินจริง) จะกล่าวถึงขุนแผนแสนสนิท เรืองฤทธิ์ลือจบพิภพไหว (กล่าวถึงขุนแผนที่มีเวทมนต์คาถา เลื่องลือไปทั่วจนแผ่นดินสะเทือนไหว) ครานั้นจึงโฉมเจ้าวันทอง เศร้าหมองด้วยลูกเป็นหนักหนา พ่อพลายงามทรามสวาดิของแม่อา แม่โศกาเกือบเจียนจะบรรลัย ชมพลางย่างเยื้องช าเลืองมา เปิดมุ้งเห็นหน้าแม่วันทอง นิ่งนอนอยู่บนเตียงเคียงขุนช้าง มันแนบข้างกอดกลมประสมสอง เจ็บใจดังหัวใจจะพังพอง ขยับจ้องดาบง่าอยากฆ่าฟัน หัวอกใครได้แค้นในแผ่นดิน ไม่เดือดดิ้นเท่าพี่กับวันทอง คิดอยู่ว่าจะทูลพระพันวษา เห็นช้ากว่าจะได้มาร่วมห้อง


๔๓ คราวนั้นเมื่อตามไปกลางป่า หน้าด าเหมือนหนึ่งทามินหม้อไหม้ ชนะความงามหน้าดังเทียนชัย เขาฉุดไปเหมือนลงทะเลลึก ๙. สัมผัสพยัญชนะ น าพยัญชนะเสียงเดียวกันมาวางใกล้กัน ตะโกนเรียกในห้องวันทองเอ๋ย หาขานรับเช่นเคยสักค าไม่ ทั้งข้าวของมากมายก็หายไป ปากประตูเปิดไว้ไม่ใว่กลอน พลางเรียกหาข้าไทอยู่ว้าวุ่น อีอุ่นอีอิ่มอีฉิมอีสอน อีมีอีมาอีสาคร นิ่งนอนไยหวามาหากู ได้ยินเสียงฆ้องย ่าประจ าวัง ลอยลมล่องดังถึงเคหา คะเนนับย ่ายามได้สามครา ดูเวลาปลอดห่วงทักทิน ๑๐. สัมผัสสระ น าพยัญสระเสียงเดียวกันมาวางใกล้กัน ครานั้นพระองค์ผู้ทรงเดช ปิ่นปักนัคเรศเรืองศรี เห็นสามราเข้ามาอัญชลี พระปรานีเหมือนลูกในอุทร ด้วยเดชะพระเวทวิเศษเประสิทธิ์ เผอิญคิดรักใคร่พระทัยอ่อน ตรัสถามอย่างความราษฎร ฮ้าเฮ้ยดูก่อนอีวันทอง พลายชุมพลกอดก้นทองประศรีกูมิใช่ช้างขี่ดอกลูกหลาน ลุกขึ้นโขย่งโก้งโค้งคลาน ซมซานโฮกฮากอ้าปากไป อย่าเลยจะรับแม่กลับมา ให้อยู่ด้วยบิดาเกษมศรี พรากให้พ้นคนอุบาทว์ชาติอัปรีย์ ยิ่งคิดก็ยิ่งมีความโกรธา อัดอึดฮึดฮัดด้วยขัดใจ เมื่อไรตะวันจะลับหล้า ครานั้นจึงโฉมเจ้าพลายงาม ฟังความเห็นว่าแม่หาไปไม่ คิดบ่ายเบี่ยงเลี่ยงเลี้ยวเบี้ยวบิดไป เพราะรักไอ้ขุนช้างกว่าบิดา


๔๔ ๑๑. วรรคทอง ค าประพันธ์บางบทที่มีค่าต่อจิตใจ ชวนให้จ า ความรักขุนแผนก็แสนรัก ด้วยร่วมยากมานักไม่เดียดฉันท์ สู้ล าบากบุกป่ามาด้วยกัน สารพัดอดออมถนอมใจ ขุนช้างแต่อยู่ด้วยกันมา ค าหนักหาได้ว่าให้เคืองไม่ เงินทองกองไว้มิให้ใคร ข้าไทยใช้สอยเหมือนของตัว *ค าให้การของนางวันทอง ๑๒.อุปลักษณ์ คราวนั้นเมื่อตามไปกลางป่า หน้าด าเหมือนหนึ่งทามินหม้อไหม้ ชนะความงามหน้าดังเทียนชัย เขาฉุดไปเหมือนลงทะเลลึก เจ้าพลายงามตามรับเอากลับมา ทีนี้หน้าจะด าเป็นน ้าหมึก ๑๓. สัทพจน์ ใต้เตียงเสียงหนูก็กุกกก แมลงมุมทุ่มอกที่ริมฝา ยิ่งหวาดหวั่นพรั่นตัวกลัวมรณา ดังวิญญาณ์นางจะพรากไปจากกาย ฯ ๑๔. ค าถามเชิงวาทศิลป์ แม่เลี้ยงลูกมาถึงเจ็ดขวบ เคราะห์ประจวบจากแม่หาเห็นไม่ จะคิดถึงลูกบ้างฤๅอย่างไร ฤๅหาไม่ใจแม่ไม่คิดเลย ๑๕. การซ ้าค า พลางเรียกหาข้าไทอยู่ว้าวุ่น อีอุ่นอีอิ่มอีฉิมอีสอน อีมีอีมาอีสาคร นิ่งนอนไยหวามาหากู ๑๖. การเล่นสัมผัสวรรณยุกต์ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงภพ ฟังจบแค้นคั่งดังเพลิงไหม้ เหมือนดินประสิวปลิวติดกับเปลวไฟ ดูดู๋เป็นได้อีวันทอง ๑๗. การเล่นค า อ้ายพ่อไปเชียงใหม่มีชัยมา ตั้งตัวดังพระยาราชสีห์ อ้ายลูกเป็นหมื่นไวยท าไมมี เห็นกูนี้คนผิดติดโทษทัณฑ์


๔๕ ๑๘. บุคคลวัต เหว่าเร้าเสียงส าเนียงก้อง ระฆังฆ้องขานแข่งในวังหลวง วันทองน้องนอนสนิททรวง จิตรง่วงระงับสู่ภวังค์ ๑๙. ปฏิพากย์ เมื่อพ่อเจ้าเข้าคุกแม่ท้องแก่ เขาฉุดแม่ใช่จะแกล้งแหนงหนี ถึงพ่อเจ้าเล่าไม่รู้ว่าร้ายดี เป็นหลายปีแม่มาอยู่กับขุนช้าง ๒๐. สัญลักษณ์ เหมือนแมลงวันว่อนเคล้าที่เน่าชั่ว มาเกลือกกลั้วปทุมาลย์ที่หวานหอม ดอกมะเดื่อฤๅจะเจือดอกพะยอม ว่านักแม่จะตรอมระก าใจ คุณค่าด้านเนื้อหา ๑.๑ เนื้อเรื่อง บทเสภาเรื่อง ขุนช้างขุนแผน ตอน ขุนช้างถวายฎีกา เป็นตอนหนึ่งใน ๘ ตอน ที่ได้รับยกย่อง จากวรรณคดีสโมสรว่าเป็นยอดของกลอนสุภาพที่ไพเราะดีเลิศทั้งเนื้อเรื่อง และกระบวนกลอน เป็นเรื่องเอกที่คนไทยรู้จักมากที่สุดและนิยมอ่านเพราะติดใจในเนื้อเรื่อง เนื้อเรื่องย่อ ขุนช้างถวายฎีกาต่อพระพันวษาว่าเรื่องที่จหมื่นไวยลักลอบขึ้นเรือนพานางวันทองหนีไปจากตน จึง ท าให้เป็นเรื่องใหญ่พระพันวษาให้นางวันทองเลือกว่าจะอยู่กับใครแต่นางวันทองไม่เลือก จึงท าให้ถูกประหารชีวิต ๑.๒ ตัวละคร •สมเด็จพระพันวษา เป็นพระมหากษัตริย์ แห่งกรุงศรีอยุธยา บทบาทของพระพันวษาที่ เด่นที่สุด คือ เป็นผู้ที่ชี้ชะตาชีวิตให้กับตัวละครทุกตัว มีนิสัย ขี้โมโห โกรธง่ายเมื่อมีคดีฟ้องร้อง มีการไต่สวนและพิสูจน์


Click to View FlipBook Version