The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by armynco2665, 2022-07-18 01:59:14

วิชายุทธวิธี 1

วิชายุทธวิธี 1

1

คู่มือ
วิชายุทธวธิ ี (1)

ป้อมสนาม
เครอ่ื งกีดขวาง
ภารกจิ การจัดหมู่ ปล.
รูปขบวนทาการรบของหมู่ ปล.
ทศั นสญั ญาณ

หลกั สูตร นนส.ทบ.
กองการศึกษา โรงเรยี นนายสบิ ทหารบก

พ.ศ.2562

คำนำ

ตามท่ี ผู้บัญชาการโรงเรียนนายสิบทหารบก ได้มีดาริให้แผนกวิชาจัดทาคู่มือการสอน แต่ละ
รายวิชาโดยรวบรวมจาก เอกสารตารา รส., คฝ. ที่เกี่ยวข้องนามาจัดเป็นรูปเล่มเพื่อ ใช้เป็นแนวสอนให้กับ ครู,
อาจารย์ ของโรงเรยี นนายสิบทหารบก

แผนกยทุ ธวิธีไดจ้ ัดทาและรวบรวมตารา แบง่ ออกเปน็ 3 เลม่ ในเล่มนี้เป็นเล่มที่ 1 จะกล่าวถึง
เรือ่ งปอ้ มสนาม,เครื่องกีดขวาง, ภารกิจการจดั หมปู่ นื เล็ก, รปู ขบวนทาการรบของหมูป่ นื เลก็ และทัศนสัญญาณ

แผนกยุทธวิธี หวังเป็นอย่างย่ิงว่าหนังสือคู่มือเล่มน้ีจะเกิดประโยชน์ต่อครู, อาจารย์ ของ
โรงเรียนนายสิบทหารบก และกาลังพลท่ีสนใจ หากมีข้อแนะนาประการใด ให้ส่งมาท่ี กองการศึกษาโรงเรียน
นายสิบทหารบก จะเปน็ พระคณุ อย่างยง่ิ

พันโท

( วินยั เฟ่อื งฟู )
อาจารยห์ วั หนา้ แผนกวชิ ายทุ ธวธิ ี กองการศกึ ษา

โรงเรยี นนายสิบทหารบก

สารบญั หน้า

บทที่ 1
1
บทที่ 1 ปอ้ มสนาม.......................................................................................................................... 1
1. กลา่ วนา……………………………………………………………………………………………….............. 1
2. ประเภทปอ้ มคา่ ย…………………………………………………………………………………..…………. 1
3. ประเภทป้อมสนาม…………………………………………………………………………….……….……. 1
4. ความรับผดิ ชอบ………………………………………………………………….………….………………… 2
5. การก่อสรา้ ง…………………………………………………………………………………..…………………. 3
6. การถากถางพ้ืนยิง………………………………………………………………………….…….…………… 3
7. การปฏิบตั ติ ่อดนิ ท่ีขุดข้นึ มา…………………………………………………………….……….………… 3
8. การดดั แปลงหลมุ ระเบดิ ………………………………………………………………….….…………….. 4
9. หลมุ บคุ คลนอนยิง………………………………………………………………….……………...………… 4
10. หลุมบุคคล…………………………………………………………………………………..………………… 5
11. หลมุ บุคคลเด่ียว…………………………………………………………………………..…………………. 6
12. หลมุ บคุ คลสองคน…………………………………………………………………….……………………. 8
13. ที่ตั้งยิงปืนกล เอ็ม. 60……………………………………………………………………..……………… 9
14. ทต่ี ง้ั ยิงปนื กลต่อสอู้ ากาศยาน ปก. 93……………………………………………….……………… 13
15. ท่ีตัง้ ยิงเครื่องยิงจรวดต่อสรู้ ถถงั ………………………………………………………….……….……. 14
16. ทีต่ ้งั ยิงปืนไร้แรงสะท้อนถอยหลงั ขนาด 106 มม.……………………………….………………. 15
17. ทีต่ ้ังยิงเคร่ืองยงิ ลูกระเบิด ขนาด 60 มม.…………………………………………….…………….. 15
18. ทีต่ ง้ั ยิงเคร่ืองยงิ ลูกระเบิด ขนาด 81 มม.………………………………………….……………….. 16
19. ทตี่ ั้งยงิ เครื่องยงิ ลูกระเบดิ ขนาด 120 มม.………………………………………………………… 19
20. คู…………………………………………………………………….…………………………….……………… 20
21. แนวคูมาตรฐาน…………………………………………………………………….…………….…………. 24
22. การก่อสร้างเคร่ืองกาบังเหนอื ศีรษะ และการทาชนั้ ต่าง ๆ…………………………………… 25
คาถามทา้ ยบท…………………………………………………………………….………………….….………… 25
25
บทที่ 2 เคร่ืองกดี ขวาง…………………………………………………………………….………………………..……… 26
1. กลา่ วนา…………………………………………………………………….………………………………….… 37
2. การใช้เครือ่ งกีดขวาง………………………………………………………………………..…….………… 37
3. ประเภทเคร่ืองกดี ขวาง……………………………………………………………………..…….………… 41
4. เครอ่ื งกดี ขวางของข้าศึก………………………………………………………………………..………..… 41
5. การเจาะและกวาดล้างเครื่องกดี ขวาง……………………………………………………………….…
6. วธิ ที าช่องทางและเจาะช่องสนามทุน่ ระเบิด………………………………………….………………
7. การตรวจค้นทนุ่ ระเบิด………………………………………………………………….…….……..………

8. การทาเคร่ืองหมายท่นุ ระเบดิ ……………………………………………………….……………….…… 42
9. การเจาะช่องสนามทุ่นระเบิด……………………………………………………….…….……….……… 43
10. วิธีทาช่องทางและเจาะช่องลวดหนาม…………………………………………………….………… 43
11. การตัดลวดหนาม…………………………………………………………………….………….…..……… 44
12. การเจาะชอ่ งลวดหนามชนิดหีบเพลง………………………………………………….………..…… 44
13. การเจาะชอ่ งลวดหนาม……………………………………………………………………..……………. 45
14. การข้ามร้วั ลวดหนาม…………………………………………………………………….……………….. 45
15. การใช้บงั กาโลตอร์ปิโด…………………………………………………………………….….………….. 45
คาถามทา้ ยบท…………………………………………………………………….…………......................... 46
บทท่ี 3 รปู ขบวนทาการรบของหมูแ่ ละหมวดปืนเลก็ …………………………………………….…………… 47
1. กลา่ วนา…………………………………………………………………….……………………………………. 47
2. รูปขบวนทาการรบขงหมู่ปืนเลก็ ………………………………………………………….……………… 48
3. รูปขบวนหมแู่ ถวตอน…………………………………………………………………….…….……………. 49
4. รูปขบวนหมู่หนา้ กระดาน……………………………………………………………………..…………… 50
5. การเปล่ียนรปู ขบวน…………………………………………………………………….……….……......... 52
6. การปรับรูปขบวนภายในชุดยิงของหมู่………………………………………………….……………… 55
7. รปู ขบวนทาการรบของหมวดปนื เล็ก……………………………………………………..……………. 56
8. รปู ขบวนหมวดแถวตอน……………………………………………………………………..……………… 57
9. รูปขบวนหมวดหนา้ กระดาน………………………………………………………………..…………….. 60
10. รปู ขบวนหมวดสามเหล่ียมแหลมหลัง……………………………………………….….……………. 64
11. รปู ขบวนหมวดสามเหล่ียมแหลมหนา้ ……………………………………………….…….………… 67
12. การเปลีย่ นรูปขบวน……………………………………………………………………..………………… 69
คาถามท้ายบท…………………………………………………………………….……………….………………. 82
บทท่ี 4 ทัศนสัญญาณ……………………………………………………………………………………….……………… 83
1. กลา่ วนา…………………………………………………………....................................................... 83
2. ทา่ สญั ญาณมาตรฐาน……………………………………………………………………………………….. 83
3. ท่าสัญญาณการฝกึ หมูท่ าการรบสาหรับทหารราบ…………………………….………………….. 111
4. ท่าสญั ญาณสาหรับปักหลักเล็ง………………………………………………………….……………….. 113
คาถามทา้ ยบท…………………………………………………………………………………….……………..… 114

-1-

บทที่ 1
ปอ้ มสนาม

1. กลา่ วนา
เพ่ือให้ทราบถึงการปฏิบัติและหลักการที่ดีที่สุดของปูอมสนาม ซ่ึงได้ปรับปรุงทดลองและได้พิสูจน์แล้วใน

สงครามโลกครงั้ ที่สอง นอกจากน้นั จะไดก้ ล่าวถงึ รายละเอียดในการสร้างคูชนิดเร่งด่วน, ที่ตั้งยิงของอาวุธต่าง ๆ, ท่ีพัก
กาบงั , เครอ่ื งกดี ขวาง, เคร่ืองมือเครือ่ งใชต้ ลอดจนเครือ่ งมือยุทธวธิ ใี นการใช้

2. ประเภทป้อมคา่ ย
ปอู มคา่ ย แบ่งประเภทใหญ่ ๆ ได้ 2 ประเภท คือ ปูอมสนามและปูอมถาวร
2.1 ปูอมสนาม
เป็นงานท่ไี ด้สร้างข้นึ ในขั้นตน้ เม่ือปะทะกับขา้ ศึกหรอื ในเม่ือข้าศกึ อยู่ในระยะใกล้ งานเหลา่ นี้

โดยทั่วไปประกอบดว้ ย
1) การถากถางพ้นื ยงิ
2) การขุดท่วี างตวั บคุ คลและที่ต้ังยิงอาวธุ
3) การวางสนามทุ่นระเบิดทาลายรถถงั และสงั หาร
4) การสรา้ งเครอ่ื งกดี ขวางชนิดลวด
5) การเสริมความแขง็ แรงเครอ่ื งกดี ขวางธรรมชาติ
6) การเลือกท่ีต้งั บังคับการ ท่ตี ั้งตรวจการณ์และการพราง

2.2 ปูอมถาวร
เปน็ งานทไ่ี ดส้ ร้างขึน้ เมอื่ ยังไม่มีการปะทะกับข้าศึก และเมื่อการเข้าตีของข้าศึกยงั ไม่ใกลเ้ ขา้ มา เป็น

งานท่ีค่อย ๆ ปรบั ปรุงให้ดีขน้ึ จากปอู มสนาม ปูอมถาวรเหล่าน้ีประกอบด้วยคูสนามเพลาะถาวรและประณีต คดู ัก
รถถงั เครื่องกีดขวางที่สรา้ งข้ึนดว้ ยคอนกรีต/เหล็ก ที่ต้ังอาวุธทปี่ รับปรุงให้แขง็ แรง เคร่อื งกดี ขวางลวดหนามชนิด
ประณตี ที่พักกาบงั ของหนว่ ยทหาร ซง่ึ ปูองกันการยงิ ทาลายของปนื ใหญ่ สามารถต้านทานภัยจากดนิ ฟูาอากาศได้
และมีการพรางอย่างประณีต

3. ประเภทของป้อมสนาม
ปอู มสนาม เป็นงานทสี่ รา้ งขน้ึ โดยหน่วยพลรบ และหน่วยชว่ ยรบทุกหนว่ ย หน่วยทหารช่าง เป็นผใู้ ห้ความ

ช่วยเหลอื หน่วยตา่ ง ๆ ทท่ี าการยดึ ครอง การใหค้ วามช่วยเหลอื เหล่านอี้ าจรับผดิ ชอบงานปูอมสนาม ในพนื้ ที่เฉพาะ
แห่งทั้งหมดโดยสนิ้ เชงิ ปอู มสนามแบง่ ออกตามคาจากัดความได้ 2 ประเภท คือ

3.1 ปูอมสนามซ่งึ ทาการสรา้ งโดยหน่วยใช้ ปอู มสนามเหลา่ น้ี คอื ทตี่ ้งั อาวธุ และที่พักกาบงั ชวั่ คราว ซงึ่
สามารถสรา้ งได้ด้วยเหตผุ ลงา่ ย ๆ โดยหนว่ ยใช้ไมอ่ ยู่ในการกากับดูแลของหน่วยทหารชา่ ง และใช้เคร่ืองมือเท่าท่มี ีอยู่
ทาการสร้าง

3.2 ปอู มสนามซงึ่ ทาการสร้างโดยหนว่ ยทหารชา่ ง ปูอมสนามเหลา่ นค้ี อื ที่ตง้ั อาวุธและที่พักกาบังชัว่ คราว
ซงึ่ ตอ้ งกอ่ สรา้ งโดยหน่วยทหารช่าง

4. ความรับผดิ ชอบ
4.1 ผบ.หน่วย ทกุ ระดบั ชัน้ เป็นผรู้ ับผิดชอบ
4.2 ฝอ.ทหารชา่ ง ทุกระดับเป็นผชู้ ว่ ยเตรียมวางแผน, ส่งั การ ตรวจทางเทคนคิ และใหค้ าแนะนา

5. การก่อสรา้ ง
การก่อสร่างปอู มสนามมีการปฏิบตั ดิ ังตอ่ ไปน้ี คือ

-2-

5.1 การขุดดินพ้ืนที่ปานกลาง ธรรมดาแล้วเรามักขุดด้วย เสียม, พลั่ว การขุดย่อมข้ึนอยู่กับเคร่ืองมือที่มี
อยู่ สภาพและความชานาญของทหาร ขา้ ศกึ อยู่ท่ใี ด, จานวนแสงสวา่ ง, ขนาดของส่ิงท่ขี ดุ สภาพดินฟูาอากาศ

5.2 การขดุ พื้นดินเปน็ นา้ แขง็ จะตอ้ งอาศยั เครือ่ งมือกล และดินระเบดิ ช่วยเหลือ
5.3 การขุดดินพื้นดินแข็ง เพ่ือให้การขุดดินง่าย ก็ให้ใช้ดินระเบิดนาเสียก่อน การใช้ดินระเบิดต้องใช้
แตน่ อ้ ย ในเมอื่ สถานการณท์ างยุทธวิธีบงั คับไม่ใหท้ าเสยี งดงั จงึ ไมใ่ ชด้ นิ ระเบดิ
5.4 ภูมิประเทศที่เป็นเขา การขุดดินที่เป็นภูเขามักจะยาก เนื่องจากพื้นดินเป็นหิน ปกคลุมไปด้วยปุา
แต่บริเวณภูเขาส่วนมากแล้วจะมีถ้าโพรง ก้อนหินโผล่ การทาปูอมสนามมักจะต้องอาศัยก้อนหินกอง หรือใช้หีบ
กระสนุ บรรจุกอ้ นหิน ใชล้ วดตาข่ายพนั เพื่อปูองกนั กระสนุ และสะเก็ดระเบิด
5.5 ขดุ ดินพื้นท่เี ปน็ ปาุ พื้นทีเ่ ปน็ ปาุ สว่ นมากแล้วจะมีรากไม้และพุ่มไม้มาก ทาให้การขุดดินยากต้องอาศัย
เครอ่ื งมอื ตัดไม้
5.6 ภูมิประเทศทีร่ าบนา้ ขัง

1) การขุดดนิ ในหนองบึงท่แี ฉะ และในพน้ื ท่ีที่คล้ายคลึงกันน้ีทาไม่ได้เพราะว่าน้าใต้ดินในไม่ช้าจะท่วม
เต็มหลุมท่ีขุด การแก้ไขจะต้องใชก้ ระสอบทราย, ทอ่ นไม,้ หบี กระสนุ , หีบเสบยี งกรงั บรรจุดนิ ขา้ งใน อานาจการยิงของ
อาวธุ หนกั จะทาใหก้ ารยิงได้ไมด่ ี

2) หนองบึงจะมเี กาะเล็ก ๆ อยู่ประปราย สามารถขุดท่ีต้ังยิงได้ แต่การซ้อนเร้นไม่ดีควรหลีกเลี่ยงเสีย
นอกจากมีความจาเปน็

6. การถากถางพน้ื ยิง
ขณะเมื่อทาการรุกและการรบต่อเน่ืองกับข้าศึกตลอดเวลา ตามธรรมดาก็มีโอกาสบ้างเล็กน้อย ท่ีจะทา

การถากถางพื้นที่การยิงของพลปืนเล็กเป็นบุคคล และพลประจาอาวุธท่ีอยู่ในแนวหน้า ต้องเลือกท่ีม่ันตามธรรมชาติ
ของตนเท่าท่ีมีอยู่ให้ดีที่สุดและตามธรรมดา มีเวลาท่ีจะทาถากถางแต่เพียงบริเวณใกล้ ๆ ที่ตั้งอาวุธน่ันเอง อย่างไร
กต็ าม ในการเตรยี มทม่ี ั่นตง้ั รับเพอ่ื มุ่งหมายทาการปะทะกบั ขา้ ศึก ก็ทาการถากถางพื้นท่ีการยิง, มีหลักท่ีจะต้องปฏิบัติ
ดังต่อไปนี้

6.1 อย่าเปดิ เผยพนื้ ที่ต้ังรับ อย่าถากถางมาก
6.2 ในพ้ืนท่ที ีท่ าการดัดแปลงเพอ่ื ตั้งรบั ในระยะประชิด ให้เริ่มทาการถากถางจาก ขนพร. ไปข้างหนา้
อย่างน้อย 100 เมตร
6.3 ให้เหลอื ฉากบาง ๆ ตามธรรมชาตขิ องวัชพชื เอาไว้ เพ่ือซ่อนพราง

6.4 ในพนื้ ทปี่ ุาโปร่ง ใหล้ ิดกง่ิ ไมต้ า่ ๆ ของต้นไมใ้ หญ่ท่ีขึ้นอยกู่ ระจดั กระจายกนั ออกบางโอกาสจาเป็นต้อง
โค่นต้นไมท้ ้ังต้น ซ่งึ ข้าศกึ อาจจะใช้เปน็ ที่หมายในการยงิ ได้

6.5 ในปุาทึบ การถากถางพื้นท่ีการยิงโดยตลอดจะกระทาไม่ได้ ควรจะทาการถากถางพุ่มไม้ข้างล่างต้น
ไม่ใหญใ่ ห้โปร่ง และลิดก่ิงไมต้ อนล่างของต้นไมใ้ หญอ่ อก และทาการถากถางชอ่ งทางยิง ของอาวุธกลเพ่มิ เตมิ ขน้ึ

6.6 พ่มุ ไมไ้ มเ่ หมาะเปน็ เคร่ืองขดี ขวาง
6.7 เกยี่ วขา้ วและเกยี่ วหญ้าในนาออก การเผาขา้ วและหญ้าในทุ่งนาจะกระทาต่อเมื่อทาการตั้งรับประณีต
เทา่ น้นั
6.8 กง่ิ ไมท้ ต่ี ัดออกอาจจะอานวยความสะดวกในการซอ่ นพรางให้กบั ข้าศึก ควรจะนาไปซ่อนเร้นให้มีความ
ปกปดิ เสีย
6.9 ก่อนท่ีจะทาการถากถางพ้ืนท่ีการยิง จะต้องคิดให้รอบคอบ ถึงเวลาที่มีอยู่น้ันจะทาการถากถางได้
เพียงใด และจะกาหนดลกั ษณะการถากถางในครั้งนนั้ ใหเ้ หมาะสมกับเวลาได้เพียงใด

-3-

7. การปฏิบัติต่อดนิ ทข่ี ุดข้นึ มา
7.1 ในพ้ืนดินโดยเฉล่ียท่ัวไป ดินท่ีขุดขึ้นย่อมมีสีเข้มและผิวเนื้อหยาบกว่าพื้นดินหน้าและจะต้องทาการ

ซ่อนเสียด้วยการระมดั ระวัง เพ่อื ปอู งกันไม่ให้เหน็ ปูอมค่าย ดินทีข่ ดุ อาจจะจักการไดด้ งั ต่อไปน้ี
1) อาจใช้ดินที่ขุดขนึ้ กอ่ นทาเปน็ มูนดิน จัดเก็บเอาดินชั้นบนไว้ให้ดีเพื่อใช้ปกคลุมมูนดิน กอหญ้า,

แผน่ หญ้า, ใบไม้, หรือส่งิ อ่ืน ๆ ใตพ้ มุ่ ไม้ หรือใต้ต้นไมใ้ กล้เคียงอาจนามาใชท้ ามนู ดนิ ให้เหมือนกับส่งิ ต่าง ๆ โดยรอบ
2) อาจนาเอาดินท่ีขุดไปซ่อนเสียใต้ต้นไม้หรือใต้พุ่มไม้ หรือในเหวอย่างระมัดระวัง ต้องระวังอย่าให้

เหน็ รอยทางได้
3) อาจรวมดนิ ทขี่ ดุ เอาไว้และใช้ทาเปน็ มนู ดนิ สาหรบั ทม่ี นั่ ลวง บางส่วนกท็ าการพรางเสีย

7.2 ในฤดหู นาว หมิ ะและดินท่ผี สมกนั จากท่ีต้ังอาวุธท่ีขุดขน้ึ จะตอ้ งทาการปกคลุมเสียด้วยหิมะใหม่ ๆ ข้างบน
เพอื่ ทาการพราง

8. การดัดแปลงหลุมระเบิด
8.1 พน้ื ภมู ปิ ระเทศ ระหว่างหน่วยทหารทั้งสองฝุายทาการต่อสู้กัน มักจะมีรอยประปรายด้วยบ่อระเบิด

ขนาดตา่ ง ๆ กนั จากกระสุน ป., ค. ลกู ระเบิดท้ิงจากเครื่องบิน, ทุ่นระเบิด, หลุมต่าง ๆ เหล่านี้ มักจะมีการซ่อนเร้น
ดีอยแู่ ล้ว เม่อื ทหารเคลือ่ นทีไ่ ปบนภมู ปิ ระเทศอยา่ งน้ี อาจจะดดั แปลงเป็นปูอมสนามเรง่ ด่วนไดท้ ันที

8.2 หลมุ ระเบดิ ทีม่ เี ส้นผา่ ศนู ย์กลางประมาณ 2 ถึง 3 ฟตุ ใช้ดัดแปลงเป็นทีม่ ัน่ ได้ดที ีส่ ดุ
8.3 ในการดัดแปลงหลุมระเบิด ให้ขุดหลุมระเบิดทางด้านข้าศึกลงไปตรง ๆ และแต่งเป็นหลุมนอนยิง, เป็น
หลุมคกุ เขา่ ยิง หรือนอนยิง (ดูรูปท่ี 1 - 1)

รูปที่ 1 - 1 การดดั แปลงหลุมระเบดิ เป็นท่ีตั้งยงิ

9. หลุมบุคคลนอนยิง
9.1 ทีต่ ง้ั ยงิ แบบหลมุ ตืน้ นี้ กระทาเพื่อเปน็ ที่นอนยิงอย่างเร่งด่วนและช่ัวคราวสาหลับพลปืนเล็กเป็นบุคคล

ในเมื่อสถานการณ์ต้องการที่กาบังในทันทีทันใด เพ่ือปูองกันการยิงอย่างหนักจากข้าศึก และเมื่อมีท่ีตั้งยิงซึ่งอับกระสุน
จากข้าศึก ทหารทุกคนคว่าติดดินหรือนอนตะแคงและใช้เคร่ืองมือขุดดินประจากาย ขุดดินข้ึนกองเป็นมูนดินต่าระหว่าง
ตนเองกบั ขา้ ศึก หลุมนไ้ี ม่ควรขดุ ใหต้ ้ังฉากกบั ทิศทางยิงของข้าศึก เพราะวา่ จะเปน็ เปูาหมายของการยิงทางข้าง

9.2 ขณะอยู่ในหลุมบุคคลนอนยิง จะเป็นเปูาหมายต่อข้าศึกน้อยท่ีสุด และจะปูองกันการยิงของอาวุธเบาของ
ข้าศึกไดบ้ ้าง ถ้าหากวา่ การเขา้ ตโี ดยท่ัวไปหยุดตามแนวรุกน้ี หลุมบุคคลนอนยิงอาจจะดัดแปลงให้เป็นหลุมบุคคลชนิดลึกได้

-4-

การหยุดทาการเข้าตีในบริเวณที่ราบโล่งและทาการขุดดินวางตัวนี้ ให้กระทาต่อเม่ือฉุกเฉินอย่างท่ีสุดเท่าน้ัน หรือถ้า
ภมู ิประเทศไมอ่ านวยใหท้ าอย่างอื่นได้ (ดรู ปู ที่ 1 - 2)

รปู ที่ 1 - 2 หลมุ บคุ คลนอนยิง

10. หลุมบคุ คล
หลมุ บุคคลเปน็ ทมี่ ่นั ต้ังรบั หลกั ของพลปืนเล็กเป็นบุคคล หลุมบุคคลให้ความปูองกันอย่างสูงต่อการยิงทุก

ชนิดของข้าศึก และปูองกันการบดทับของรถถังหลุมบุคคลอาจดัดแปลงจากบ่อระเบิดซ่ึงมีท่ีต้ังเหมาะอยู่แต่เดิม
ดัดแปลงจากหลุมบุคคลนอนยิง, และโพรงหิมะ เม่ือมีเวลาและเครื่องใช้อานวยจะต้องดัดแปลงหลุมบุคคล ให้มีเคร่ือง
กาบังเหนือศรี ษะเป็นแบบเร่งดว่ นเสมอ

10.1 ขนาดและรูปร่างและวิธีสร้างหลุมบุคคล เพ่ือใช้เป็นหลุมทาการรบ ย่อมเปลี่ยนแปลงให้เหมาะสม
กับสภาวะทางยุทธวิธี และภูมิประเทศท่ีเป็นอยู่ไม่ว่าจะขุดหลุมแบบใดจะต้องจัดการระบายน้าฝนด้วย ทาเป็นหลุม
รวมน้าทั้งยงั จาเปน็ ตอ้ งสร้างชอ่ งดกั ลกู ระเบิดขวา้ ง เพอื่ ไม่ใหเ้ ป็นอันตรายจากลูกระเบิดขว้างของข้าศึกที่ขว้างลงไปใน
หลุม หลุมบุคคลต้องลึกพอ ให้มีระยะห่างอย่างน้อย 2 ฟุต ระหว่างทหารท่ีหมอบอยู่ในหลุมถึงปากหลุม เพ่ือปูองกัน
การบดทบั ของรถถัง

10.2 หลุมบุคคลมักจะขุดให้ด้านยาวของหลุมขนานกับแนวหน้า แต่ทาให้เป็นท่ีต้ังอาวุธท่ีมีการต่อสู้ได้
รอบตัว หลมุ ทที่ าการรบทุกหลุมประการแรกต้องเลือกที่ตงั้ ให้มีพน้ื ท่ีการยิงดี สว่ นการซอ่ นเร้นให้พิจารณาในขัน้ ท่ี 2

10.3 ในท่ีม่ันตั้งรับอยู่กับท่ี อาจทาการขยายขนาดหลุมบุคคลให้มีที่สาหรับนอน ท่ีสาหรับนอนต้องมี
เคร่ืองกาบงั เหนอื ศีรษะที่แข็งแรง

11. หลุมบุคคลเดี่ยว
ขนาดของหลุมไม่ตายตัวข้ึนอยู่กับขนาดของคนท่ียึดครองท่ีมั่น แต่มีเกณฑ์ต่าง ๆ ซึ่งกาหนดขนาดของ

หลมุ ไว้ หลุมควรเลก็ เท่าท่ีจะทาไดเ้ พ่ือให้เปน็ เปูาหมายเล็กและให้การปูองกันการบดทับของรถถังได้มากขึ้น อย่างไรก็
ตามควรกว้างอยา่ งนอ้ ย 2 ฟตุ (60 ซม.) เพอ่ื ใหพ้ อดีกบั ไหลข่ องทหารท่นี ่งั ลงบนที่ยนื ยิง และควรยาวอย่างน้อย 3 1/2
ฟตุ (1.05 ม.) และไม่เกิน 4 ฟุต (1.20 ม.) ระยะจากระดับพื้นดินลงไปถึงที่ยืนยิงลึกประมาณระดับอกของผู้ใช้ ระวัง
อยา่ ขดุ ให้ลึกเกินไป ถา้ ลึกเกนไปแล้วก็จะทาใหล้ าบากท่ีจะยิงให้ได้ผลและสะดวกสบาย การขุดโดยหลักทั่วไปด้านยาว

-5-

ของหลุมจะหันไปทิศทางข้าศึก ดินท่ีขุดข้ึนมาทามูนดินโดยรอบ กว้าง 3 ฟุต (90 ซม.) สูง 6 นิ้ว (15 ซม.) ท่ีพาด
ขอ้ ศอกกวา้ ง 1 ฟตุ (30 ซม.) และมีสว่ นประกอบภายในดงั นี้

11.1 ที่ยืนยงิ ลกึ 3 1/2 ฟุต ถึง 5 ฟตุ (1.05 ม. ถงึ 1.50 ม.) ตามขนาดความสูงของผู้ใช้หรอื ลกึ ประมาณ
ระดบั อก ยาว 2 ฟตุ (60 ซม.)

11.2 บอ่ รวมน้า ลกึ 1 1/2 ฟตุ (45 ซม.) ยาว 1 ½ ฟุต (45 ซม.)
11.3 บ่อรับลกู ระเบิด เป็นบ่อกลม เส้นผ่าศูนย์กลาง 8 นวิ้ (20 ซม.) ลกึ 18 นวิ้ (45 ซม.) ลาด 30 องศา
ขดุ ให้พุ่งเขา้ ไปใต้ท่ียนื ยิงในแนวเดยี วกบั พ้นื ของบอ่ รวมนา้ เพอ่ื ใช้เป็นทจ่ี ากดั การระเบดิ ของลกู ระเบิดขวา้ ง (ดูรปู ท่ี 1 - 3)

รปู ที่ 1- 3 หลุมบุคคลเดีย่ ว

12. หลุมบคุ คลสองคน (หลุมบุคคลคู่)
12.1 ในการตัง้ รับหลมุ บุคคล 2 คน โดยทว่ั ไปแล้วเป็นทน่ี ิยมมากกวา่ หลุมบคุ คลคนเดียวดว้ ยเหตุผลดังนี้
1) มกี ารเตรยี มการง่ายกวา่ คนหนึ่งให้ความปูองกันในขณะทอี่ ีกคนหนงึ่ กาลงั ทางาน
2) อานวยให้มีการผลัดเปลี่ยนและทาการพัก สาหรับผู้ท่ียึดครองคนหน่ึงพัก ในขณะที่อีกคนหน่ึง

เฝาู ดูเหตุการณ์ ดังนัน้ ทีม่ ัน่ แบบนีม้ ผี ลดีในเมื่อต้องประจาอยนู่ าน ๆ
3) ถา้ ทหารคนหนึ่งบาดเจ็บ ที่ม่ันยังคงมกี ารยึดครองอยไู่ ด้ และไม่เกิดช่องว่างในแนวต้ังรับ
4) ภายในความกดดัน ผลทางกาลังใจในการอยู่เป็นเพื่อนกันนี้ทาให้ทหารยึดม่ันอยู่ได้นานกว่าการ

ที่อยู่คนเดียว
5) อานวยความสบายให้มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอากาศหนาวเม่ือมีทหาร 2 คน อาจใช้ผ้าเต็นท์

ซอ้ นกัน 2 ผนื
12.2 หลุมบุคคลสองคน ขนาดของหลุม กว้าง 2 ฟุต (60 ซม.) ยาว 6 ฟุต (1.80 ม.) มูนดินกว้าง 3 ฟุต

(90 ซม.) สงู 6น้ิว (15 ซม.) โดยรอบ ทพ่ี าดขอ้ ศอก กว้าง 1 ฟุต (30 ซม.) และมีสว่ นประกอบภายในดงั น้ี
1) ทีย่ นื ยิง ลึกประมาณระดบั อกของผใู้ ช้ มี 2 ข้าง ข้างหนงึ่ ยาว 3 ฟตุ (90 ซม.)

อีกข้างหนึ่งยาว 1 1/2 ฟตุ (45 ซม.)

-6-
2) บ่อรวมนา้ ลกึ 1 ฟตุ (30 ซม.) ยาว 1 1/2 ฟตุ (45 ซม.) และอยู่ระหว่างกลางท่ียนื ยิงทั้ง 2 ข้าง
3) บ่อรับลูกระเบิด เป็นบ่อกลม เส้นผ่าศูนย์กลาง 8 นิ้ว (20 ซม.) ลึก 18 นิ้ว (45 ซม.) ลาด 30
องศา ขุดใหพ้ ่งุ ไปทศิ ทางข้าศึกในแนวเดยี วกับพ้ืนของบ่อรวมน้า (ดูรปู ท่ี 1 - 4)

รูปที่ 1 - 4 หลุมบุคคลสองคน (หลุมบคุ คลคู่)
13. ทตี่ ้ังยิงปนื กล เอ็ม.60

ทต่ี ั้งยิงปืนกล เอ็ม.60 มีอยู่ 3 แบบ คือ แบบบ่อ แบบเกือกม้า และแบบหลุมบุคคลสองหลมุ
13.1 แบบบ่อ ทต่ี ้งั ยงิ แบบนเ้ี ปน็ ทตี่ ัง้ ยงิ ในข้ันตน้ แบบเร่งดว่ นใช้ปืนต้งั ยงิ ในหลุมลักษณะของหลุมเปน็ รปู
วงกลมรี ขนาดกวา้ ง 5 ฟุต (1.50 ม.) ยาว 8 ฟตุ (2.40 ม.) ลกึ 6 น้ิว (15 ซม.) มมี ูนดินโดยรอบ (ดูรูปที่ 1 - 5)

-7-

รปู ท่ี 1 - 5 ทีต่ ั้งยิงปนื กล เอ็ม 60 แบบบ่อ
13.2 แบบเกอื กม้า ทต่ี งั้ ยิงแบบนม้ี คี วามอ่อนตวั เพราะวา่ สามารถหันปืนยงิ ได้เปน็ มมุ ถงึ 180 องศา โดย
ไม่ต้องเลอ่ื นขาหยัง่ ปืนและยงั ใหก้ ารปอู งกันแก่พลประจาปืนอย่างไดผ้ ล ทีต่ ัง้ ยิงมีส่วนประกอบดังน้ี

1) ฐานตั้งปืน กว้าง 3 1/2 ฟตุ (1.05 ม.) ยาว 3 1/2 ฟตุ (1.05 ม.)
2) ครู ปู เกือกม้า กว้าง 2 ฟุต (60 ซม.) โค้งรอบฐานตงั้ ปืนลกึ ประมาณระดับอกของผ้ใู ช้
3) มนู ดนิ กวา้ ง 3 ฟตุ (90 ซม.) สงู 6 นว้ิ (15 ซม.) โดยรอบ
4) ชานกันดนิ กวา้ ง 1 ฟตุ (30 ซม.) (ดูรูปที่ 1 - 6)

รปู ท่ี 1 - 6 ทต่ี ั้งยิงปืนกลเอ็ม 60 แบบเกือกมา้

-8-

13.3 แบบหลุมบุคคลสองหลุม ที่ตั้งยิงแบบน้ีมีความอ่อนตัวน้อยกว่าแบบเกือกม้า การสร้างคือนาเอา
หลุมบุคคลเดี่ยวมาใช้ประกอบด้วยหลุมบุคคลเดี่ยว 2 หลุม การกรุยแนวท่ีต้ังยิงให้ขีดเส้นลงบนพ้ืนดิน ตรงไปยัง
ทิศทางยิงหลัก ทางด้านขวาของเส้นที่ขีดขุดหลุมสาหรับพลยิง หันด้านกว้าง 2 ฟุต (60 ซม.) ไปทางข้าศึก ทางด้าย
ซ้ายของเส้นและห่างออกไป 1 1/2 ฟุต (45 ซม.) ขุดหลุมสาหรับพลบรรจุกระสุน หันด้านยาว 3 1/2 ฟุต (1.05 ม.)
ไปทางข้าศกึ ดินทข่ี ุดขน้ึ มาทามนู ดนิ โดยรอบ กว้าง 3 ฟตุ (90 ซม.) สงู 6 นิ้ว (15 ซม.) (ดรู ูปท่ี 1 - 7)

รูปที่ 1 - 7 ทตี่ ้ังยิงปืนกล เอ็ม 60 แบบหลมุ บคุ คลสองหลุม
14. ทตี่ ั้งยิงปนื กลต่อส้อู ากาศยาน ปก.93

เม่ือใชป้ ืนกลขนาด .50 น้ิว เป็นปืนต่อสู้อากาศยานเรามักใช้ขาหยั่ง เอ็ม 63 เม่ือใช้ขาหยั่ง เอ็ม 63 ท่ีตั้ง
ยิงจะเป็นหลุมรูปขนาดโตมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 8 ฟุต (2.70 ม.) พื้นฐานต้ังขาหยั่งอยู่ตรงกลาง 5 ฟุต (1.50 ม.) มีคู
โดยรอบกวา้ ง 2 ฟตุ (60 ซม.) ลกึ ระดบั เอว ดินทขี่ ุดจากหลุมควรใชท้ ามูนดนิ รอบ ๆ หลุม (ดูรูปท่ี 1 - 8)

-9-

รูปท่ี 1 - 8 ท่ีตั้งยิงปืนกลต่อสอู้ ากาศยาน (ปก.93)
15. ทตี่ ั้งยิงเคร่อื งยิงจรวดต่อส้รู ถถงั

ท่ีต้ังยงิ เคร่ืองยิงจรวดตอ่ ส้รู ถถัง มี 2 แบบ คือ แบบบ่อ และแบบหลุมบคุ คลสองหลุม
15.1 แบบบ่อ ท่ีต้ังยิงเครื่องยิงจรวดต่อสู้รถถังแบบน้ีมีรูปร่างลักษณะเป็นหลุมรูปวงกลม
เสน้ ผ่าศูนยก์ ลาง 4 ฟุต (1.20 ม.) ลึก 3 1/2 ฟุต (1.05 ม.) ท่ีก้นหลุมมีบ่อรวมน้าอยู่ตรงกลางเส้นผ่าศูนย์กลาง 2 ฟุต
(60 ซม.) ลึก 2 ฟุต (60 ซม.) ไว้ด้วย ท่ีต้ังยิงแบบน้ีไม่จาเป็นต้องมีมูนดินโดยรอบ และเพ่ือเป็นการปูองกันอันตราย

- 10 -
ท่ีจะบังเกิดต่อพลประจาปืน จะต้องมีการสร้างท่ีพักกาบังไว้ใกล้ ๆ กับท่ีตั้งยิง โดยมีคูติดต่อเป็นทางเดินระหว่างท่ีพัก
กาบงั กบั ทต่ี ง้ั ยงิ ด้วย (ดรู ูปที่ 1 - 9)

รปู ท่ี 1 - 9 ทต่ี ้ังยิงเครื่องยิงจรวดต่อสรู้ ถถังแบบบก

- 11 -
รูปที่ 1 - 9 ทต่ี ั้งยิงเคร่อื งยงิ จรวดตอ่ สู้รถถังแบบบก (ตอ่ )

- 12 -
15.2 แบบหลุมบุคคลสองหลุม ท่ีต้ังแบบน้ีประกอบด้วยหลุมบุคคลเดี่ยว 2 หลุม วางเคียงกันให้อยู่ห่าง
กัน 2 ฟตุ (60 ซม.) หลุมบคุ คลแตล่ ะหลมุ กวา้ ง 2 ฟุต (60 ซม.) ยาว 5 1/2 ฟุต (1.65 ม.) การขุดหันด้านกว้าง 2 ฟุต
(60 ซม.) ไปทศิ ทางขา้ ศึก ลึกตามขนาด ความสูงของผู้ใช้หรือลึกประมาณระดับอก ด้านหน้ามีบ่อรวมน้ากว้าง 2 ฟุต
(60 ซม.) ยาว1 1/2 ฟุต (45 ซม.) ลึก 1 1/2 ฟุต (45 ซม.) มีท่ีพักกาบังอยู่ด้านหน้าหลุม ท่ีต้ังยิงแบบน้ีมีความ
แขง็ แรงเพราะมเี ครอื่ งกาบงั เหนอื ศรี ษะ ซ่ึงพลประจาปืนอาจได้รับความปลอดภัยจากการยิงของอาวุธนิวเคลียร์ และ
การถูกโจมตีดว้ ยยานเกราะ (ดูรปู ท่ี 1 - 10)

รูปท่ี 1 - 10 ที่ต้ังยิงเครอ่ื งยิงลกู จรวดต่อสรู้ ถถังแบบหลุมบุคคลสองหลุม

- 13 -
16. ทต่ี ้ังยิงปนื ไรแ้ รงสะท้อนถอยหลงั ขนาด 106 มม.

ท่ีต้งั ยงิ ปรส. ขนาด 106 มม. โดยธรรมดาแล้วจะติดตั้งอยู่บนรถบรรทุกขนาด 1/4 ตัน ที่ต้ังยิงต้องขุดดิน
ลงไป ให้มีลาดและขนาดของหลุมเพียงพอแก่การนารถแล่นเข้าไป ขนาดของหลุมกว้าง 8 ฟุต (2.40 ม.) ยาว 12 ฟุต
(3.60 ม.) ลึก 2 1/2 ฟุต (75 ซม.) การขุดหลุมให้หันด้านยาวของหลุมไปทิศทางยิง ด้านหลังของหลุมทาเป็นลาดจาก
ระดับพื้นดินลงไปถึงก้นหลุม ยาว 15 ฟุต (4.50 ม.) ไว้สาหรับแล่นลงไป ทางท้ายสุดทางลาดวัดจากแนวลากล้องปืน
จากทิศทางยิงหลักขีดเส้นตรงมาข้างหลังกว้างข้างละ 10 ฟุต (3.10 ม.) มูนดินกว้าง 4 ฟุต (1.20 ม.) สูง 1 ฟุต (30
ซม.) รอบ 3 ด้าน ด้านหนา้ และด้านขา้ ง 2 ดา้ น ชานกันดนิ กวา้ ง 1 ฟุต (30 ซม.) (ดูรปู ท่ี 1 - 11)

ถา้ จะใช้ ปรส. ขนาด 106 มม. เปน็ อาวธุ ตั้งขาหยัง่ บนพืน้ ดินก็ควรขยายที่ตั้งยิงสาหรับ ปรส. ที่ได้กล่าว
มาแลว้ ให้เหมาะสม

รปู ที่ 1 - 11 ที่ต้งั ยิงปนื ไร้แรงสะท้อนถอยหลังขนาด 106 มม.
17. ที่ตั้งยิงเคร่ืองยิงลกู ระเบิดขนาด 60 มม.

ทต่ี ้ังยิงเครอ่ื งยิงลกู ระเบิดขนาด 60 มม มีอยู่ 2 แบบ คือ แบบหลุมเปิด และแบบหลุมบุคคลสองหลุม
17.1 แบบหลุมเปิด ท่ีต้ังยิงแบบนี้มีรูปร่างลักษณะเป็นบ่อธรรมดารูปส่ีเหล่ียมผืนผ้า กว้าง 4 ฟุต
(1.20 ม.) ยาว 6 ฟตุ (1.80 ม.) ลึก 3 1/2 ฟุต (1.05 ม.) ก้นหลุมกว้าง 4 ฟุต (1.20 ม.) ยาว 4 ฟุต (1.20 ม.) ซ่ึงเป็น
ขนาดที่พอบรรจุ เครื่องยิง, พลยิง, พลยิงผู้ช่วยและกระสุนได้ตามสมควร ปากหลุมทางด้านทิศทางข้าศึกทาเป็นลาด

- 14 -
ตรงหน้าต้องมีพ้ืนท่ีว่างออกไปประมาณ 10 หลา (9.00 ม.) เพื่อใช้สาหรับปักหลักเล็ง และให้สามารถเล็งได้ถนัด
รวมทงั้ ตอ้ งไมม่ สี ิ่งกีดขวางทิศทางของกระสุนเวลายิงออกไป ดินที่ขุดขึ้นมาทามูนดินโดยรอบที่ต้ังยิงเช่นเดียวกับที่ตั้ง
ยงิ อาวธุ อนื่ ๆ ทกี่ ลา่ วมาแล้ว สาหรบั หลมุ บุคคลในหมู่เครื่องยงิ ใหข้ ุดอยใู่ กล้ ๆ กับท่ตี ้งั ยงิ (ดรู ูปที่ 1 - 12 )

รูปที่ 1 - 12 ทตี่ ้งั ยงิ เครอื่ งลูกระเบิดขนาด 60 มม.

รปู ท่ี 1 - 13 ทีต่ งั้ ยงิ เครอื่ งยิงลูกระเบดิ ขนาด 60 มม. แบบหลุมบุคคลสองหลมุ
17.2 แบบหลุมบคุ คลสองหลมุ ทีต่ งั้ ยงิ แบบน้ีโอกาสทใี่ ช้ เม่ือ ค.60 มม. อยู่ในพ้ืนทีอ่ ับกระสุนเปน็ หลมุ
ชนิดเรง่ ด่วนลึกระดับเอว ท่ตี ั้งยิงประกอบด้วยหลมุ บุคคลเดยี่ ว 2 หลมุ ขดุ เอาข้างหลมุ เขา้ หากันโดยใหข้ ้างหลุมพุ่งเข้า
หากันเปน็ รปู ตวั วี แต่ไมจ่ ดกัน ใหท้ างด้านปลายแหลมพ่งุ ไปทางขา้ ศกึ ให้ขอบหลุมห่างกันประมาณ 2 ฟตุ (60 ซม.)
หรือขนาดความกวา้ งของขาหย่ัง ดนิ ทีข่ ุดขน้ึ มาจากหลุมทามนู ดนิ โดยรอบ กว้าง 3 ฟุต (90 ซม.) สูง 6 น้วิ (15 ซม.)
(ดูรูปท่ี 1 - 13)

- 15 -

18. ทีต่ ้ังยิงเครอื่ งยิงลูกระเบิด ขนาด 81 มม.
ทต่ี ัง้ ยิงเคร่อื งยิงลูกระเบิด ขนาด 81 มม. มี 2 แบบ คือ แบบวงกลม และแบบบ่อ
18.1 แบบวงกลม ท่ตี ั้งยงิ แบบนสี้ ว่ นมากใชก้ ระสอบทรายบรรจุทรายกอ่ ขึน้ เปน็ รูปวงกลม โดยเปิดให้มี

ช่องสาหรับเลง็ และช่องทางเขา้ ออกไว้กว้างขนาดประมาณ 3 1/2 ฟุต (1.05 ม.) อยา่ งน้อย 2 ชอ่ ง เส้นผ่าศูนยก์ ลาง
วงกลมกระสอบทราย (วดั ดา้ นใน ) 8 ฟตุ (2.40 ม.) วางกระสอบทรายสงู จากพนื้ ระดับ 3 ฟตุ (90 ซม.) และมีมูนดิน
โดยรอบ (ดรู ปู ที่ 1 - 14)

18.2 แบบบอ่ ทีต่ ง้ั ยงิ แบบน้ีมรี ูปร่างลักษณะเป็นรปู สีเ่ หลี่ยมธรรมดา กวา้ งประมาณด้านละ 6 ฟตุ (1.80
ม.) ลึกประมาณ 4 ฟุต (หรือ 1.20 ม.) มมี นู ดินโดยรอบ ทิศทางตรงหนา้ ตอ้ งมพี นื้ ทีว่ ่างสาหรบั ปักหลกั เล็งสองหลักใน
ระยะหา่ งปนื 50 และ 100 เมตร และใหส้ ามารถเล็งได้ถนัด รวมทง้ั ตอ้ งไม่มีสิง่ กดี ขวางทิศทางของลกู กระสนุ เม่ือเวลา
ยงิ ด้วย (ดูรปู ที่ 1 - 15)

19. ทต่ี ั้งยิงเครือ่ งยิงลูกระเบิดขนาด 120 มม.
สาหรับที่ต้ังยงิ เครือ่ งยงิ ลูกระเบิดขนาด 120 มม. คงมีรปู ร่างลักษณะเช่นเดียวกับที่กล่าวไว้ในข้อท่ี 18

(รปู ท่ี 1 - 14) ข้างตน้ โดยอนโุ ลม แต่มีข้อแตกตา่ งกันเล็กนอ้ ย ตรงท่ีจะต้องสรา้ งให้มขี นาดเสน้ ผา่ ศนู ย์กลางของวงกลม
กระสอบทราย (วัดด้านใน) 12 ฟตุ (3.60 ม.)

รปู ที่ 1 - 14 ท่ีตงั้ เคร่ืองยิงทุ่นระเบิดขนาด 81 มม. และ 4.2 น้ิว แบบวงกลม

- 16 -

รูปท่ี 1 - 15 ทต่ี งั้ ยงิ เครื่องยิงลกู ระเบิดขนาด 81 มม. แบบบ่อ
20. คู

การขุดคเู ป็นงานปูอมสนามอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งในท่ีม่นั ตงั้ รบั จาเปน็ จะต้องสรา้ งขนึ้ ทง้ั นี้เพื่อใชป้ ระโยชน์ใน
การเชอ่ื มต่อระหว่างหลุมบคุ คล, ท่ตี ั้งอาวธุ และทีพ่ ักกาบังต่าง ๆ และนอกจากนย้ี ังสามารถใชค้ เู ปน็ ท่ีมน่ั ได้อีกด้วย
คแู บง่ ออกเปน็ 3 ชนดิ คือ คูคลาน คูตอ่ สู้ และคมู าตรฐาน

20.1 คูคลาน ในขณะที่หน่วยทหารยังไม่มีเวลาพอ แต่ต้องการให้มีเส้นทางเคลื่อนที่ไปยังที่ม่ัน หรือให้มี
เส้นทางเคล่ือนที่ติดต่อถึงกันได้ภายในที่ม่ันอย่างปลอดภัยพอสมควร ก็อาจใช้วิธีขุดคูอย่างเร่งด่วนขึ้น เพ่ือเชื่อมโยง
ระหว่างท่ตี งั้ ยิงและหลุมบุคคลต่าง ๆ ซึง่ เรยี กว่า “คคู ลาน” คคู ลานน้คี วรขดุ ใหม้ ขี นาดกว้าง 2 ฟุต (60 ซม.) ลึก 2 ฟุต
ถงึ 2 1/2 ฟตุ (60 ซม. ถงึ 75 ซม.) สาหรับวิธีการขุดหรือการวางแนวในการขุดนัน้ ควรขุดคูให้มีแนวเป็นลักษณะสลับ
ฟันปลา ดินที่ขุดขึ้นมาควรพูนไว้ที่ขอบของคูท้ังสองข้างเพื่อทาเป็นมูนดินถ้าจะต้องขุดคูคลานนี้สลับฟันปลาไปตาม
ลาดหน้าเนิน ก็ควรใช้ดินท่ีขุดขึ้นมาน้ีทาเป็นมูนดินทางด้านข้าศึกแต่เพียงด้านเดียวก็พอ แต่ให้มีขนาดสูงกว่าที่ราบ
เลก็ น้อย

20.2 คตู อ่ สู้ ในการตัง้ รับนน้ั ถ้าหากมีเวลาอานวยให้แล้ว ทหารจะต้องพยายามพัฒนาคูคลานที่สร้างข้ึนไว้
แต่เดิมแบบเร่งด่วนนั้น ให้เป็นคูที่แข็งแรงและใช้เป็นท่ีม่ันในการต่อสู้กับข้าศึกได้ การพัฒนาคูคลานให้เป็นคูต่อสู้
จะกระทาไดเ้ ป็น 2 ข้ัน คือ

1) ขัน้ ท่ีหน่ึง ให้ขุดคูคลานให้ลึกถึง 3 ฟุต (90 ซม.) นับตั้งแต่ระดับของพื้นดินเดิมเมื่อขุดคูได้ลึกตามท่ี
กลา่ วน้ีได้แลว้ ทหารก็อาจจะใช้คูนนี้ ่งั คกุ เขา่ ยงิ ได้ ในการขุดคูชนิดน้ีจะต้องพยายามขุดให้ด้านข้างหรือผนังของคูมีลักษณะ
ตั้งเป็นเส้นดิ่ง ให้มากท่ีสุดเท่าท่ีสามารถจะทาได้ ถ้าดินบริเวณนั้นมีลักษณะไม่มั่นคงอาจทาให้ผนังของคูยุบหรือพังได้

- 17 -
ก็ควรจัดให้มีการกรุลาดเสียด้วยในทันที สาหรับดินที่ขุดขึ้นมาใหม่นี้ ให้ใช้ไปในการเพิ่มความสูงของมูนดินท้ังสองฝ่ัง
ของคูให้สูงข้ึนเป็นประมาณ 1 ฟุต (30 ซม.) ถึง 1 1/2 ฟุต (45 ซม.) โดยระมัดระวังไม่ให้ทับถมพ้ืนที่ที่เป็นชาน
ระหว่างปากคูถึงมูนดินให้สูงขึ้นด้วย ถ้ายังมีดินเหลืออีกก็ควรขยายมูนดินหน้า (ทางข้าศึก)ให้กว้างออกไปอีกได้จนถึง
5 ฟตุ (1.50 ม.) (ดรู ปู ท่ี 1 - 16)

รปู ที่ 1 - 16 การดัดแปลงคูคลานให้เป็นคตู อ่ สู้
2) ขนั้ ทส่ี อง งานขยายคคู ลานเป็นคูต่อสู้ขั้นท่ีสอง ก็คือ ขุดคูให้ลึกลงไปอีกจนถึงประมาณ 4 1/2 ฟุต
(1.35 ม.) นบั ตั้งแต่ระดับส่วนสูงสุดของมูนดินหน้า จัดทาเป็นช่องเก็บกระสุนโดยใช้แผ่นไม้ตีเป็นกรอบสี่ด้านฝั่งไว้ใต้มูนดิน
ดา้ นหลังของมูนดินหน้า เพื่อกันดินพังและจัดการพรางมูนดินให้เรียบร้อย (ดูรปู ที่ 1 - 17)

รูปท่ี 1 - 17 การดัดแปลงคูคลานให้เปน็ คตู ่อส้(ู ตอ่ )

- 18 -

รปู ที่ 1 - 18 คูมาตรฐานแบบแอง่ ยิง
20.3 คูมาตรฐาน คมู าตรฐานจะตอ้ งดัดแปลงมาจากคตู ่อสู้ นับว่าเป็นท่ีมั่นที่มั่นคงที่สุดโดยการขุดคูต่อสู้
ให้มีความลึกจนถึง 5 1/2 ฟุต (1.65 ม.) ในการสร้างคูมาตรฐานน้ีอาจจะทาเป็นคูมาตรฐาน แบบแอ่งยืนยิง (รูปที่
18) หรือจะทาเป็นคูมาตรฐานแบบที่ยืนยิง (รูปท่ี 19) ก็ได้ คูชนิดน้ีให้การปูองกันได้ดีกว่าคูต่อสู้ตรงท่ีมีความลึก
มากกว่า และถ้าจะให้มีการปูองกันได้อย่างมากที่สุด ก็อาจจะทาที่กาบังเหนือศีรษะเพิ่มเติมข้ึนอีกด้วยก็ได้ ส่วนมาก
แล้วมักนิยมใช้คูชนิดน้ีเป็นท่ีมั่นในการต่อสู้กับข้าศึก แต่อย่างไรก็ตาม ก็อาจใช้ประโยชน์ได้กับการติดต่อส่ือสาร,
การส่งกาลงั , การส่งกลับ, และการเคลื่อนทข่ี องหนว่ ยทหาร สาหรบั ขนาดของคู และรายละเอียดอื่น ๆ (ดูรูปท่ี 1 - 18
และ 1 - 19)

รปู ที่ 1 - 19 คูมาตรฐานแบบทีย่ นื ยิง

- 19 -

รปู ที่ 1 - 19 คูมาตรฐานแบบท่ยี นื ยิง (ตอ่ )
21. แนวคมู าตรฐาน

แนวคมู าตรฐาน แบ่งออกได้ 2 ชนิด คอื แนวอตั ถโกญและแนวฟันเลือ่ ย
21.1 แนวอัตถโกญ นับว่าเป็นเย่ียมสาหรับคูยงิ ในทกุ สถานการณ์ใช้
ขอ้ ดี

1) ตดิ ต่อง่าย
2) ให้ความคุ้มกนั ดีเลศิ จากการยงิ กราด
3) ใหค้ วามสะดวกในการยิงประสานตลอดแนว
4) ประหยดั ในการสร้างทง้ั แรงงานและวัสดุ
5) สามารถทาแท่นยนื ยิงได้ตลอดแนว
ข้อเสยี ทีส่ าคญั คือ การวางแนวยาก (รูปท่ี 1 - 20)

รูปที่ 1 - 20 แนวอัตถโกญ

- 20 -

21.2 แนวฟนั เล่ือย แนวคแู บบนใ้ี ห้ความคมุ้ กันจากการยงิ กราด และการระเบดิ ของลูกกระสุนปนื ใหญ่
ขอ้ ดี ของแนวฟนั เลอ่ื ย
1) งา่ ยทสี่ ดุ ในการสรา้ ง, การกรลุ าด และการบารงุ
2) อาจปรบั ปรุงให้เข้ากับภูมิประเทศได้
3) สามารถยิงไดท้ ง้ั ทางตรงหน้าและทางปกี
ขอ้ เสยี ไม่มี (รปู ที่ 1 - 21)

รปู ที่ 1 - 21 แนวฟันเลื่อย
22. การกอ่ สร้างเคร่อื งกาบังเหนือศีรษะ และการทาชน้ั ตา่ ง ๆ

การทาชั้นต่าง ๆ บนเคร่ืองกาบังเหนือศีรษะก็เพื่อกาหนดความพอเพียงในการปูองกันจากการทะลุ
ทะลวง และการระเบดิ ของกระสนุ ปืนใหญแ่ ละลูกระเบิด โครงสร้างทต่ี ้องการเหนือศีรษะควรปกปิดด้วยดินท่ีหนา เมื่อ
ประสบผลล้มเหลวในการทาลายที่ม่ัน โดยรวบรวมวัสดุและการใช้สิ่งเหล่านั้นมาทาเป็นชั้นต่าง ๆ ตามลาดับ สิ่งท่ี
ตอ้ งการในการปอู งกันคือ การกาหนดการขุดดนิ แต่น้อยและให้ผลในการปูองกัน แบบของเครื่องกาบังเหนือศีรษะควร
ทาแตล่ ะชน้ั ใหป้ ูองกนั การทะลทุ ะลวงจากการระเบิดของกระสุนปืนใหญ่ ขนาด 155 มม. เคร่ืองกาบังเหนือศีรษะควร
ประกอบด้วยชั้นต่าง ๆ ดังน้ี คือ ช้ันพราง, ช้ันทาให้เกิดการระเบิด, ช้ันกันน้า, ช้ันรับแรงกระแทกและชั้นกันฝุน ชั้น
ต่าง ๆ เหล่านี้เม่ือรวมแล้วจะหนาอย่างน้อยท่ีสุดประมาณ 3 ฟุต ตามรูปข้างล่างนี้แสดงโครงสร้างเครื่องกาบังเหนือ
ศีรษะแตล่ ะชน้ั ส่วนความมุ่งหมายของแต่ละช้ันและการสร้างจะได้กล่าวต่อไป

22.1 การสร้างหลังคาแบบซ้อนกันหลายชั้น หลังคาแบบนี้ใช้ไม้ท่ีเล่ือยแล้วเป็นแผ่นหนาขนาด 2 นิ้ววาง
ซ้อนสลบั กนั 5 แผ่น ถา้ ใชไ้ มห้ นาขนาด 1 นว้ิ ใชว้ างซอ้ นสลบั กนั 7 แผ่น ไม้แผ่นดังกล่าวนี้จะวางซ้อนสลับกันเป็นช้ัน ๆ
และวางอย่ขู ้างบนของโครงสร้าง (ดรู ูปท่ี 1 - 22)

- 21 -

รปู ท่ี 1 - 22 การสรา้ งหลังคาแบบซอ้ นหลายชนั้
1) ชั้นพราง เป็นช้ันที่ปกคลุมช้ันทาให้เกิดการระเบิด ชั้นนี้อาจเป็นดินร่วนหรือแผ่นหญ้าที่เป็นแผ่น ๆ
หนาประมาณ 2 น้ิว ความหนาของชนั้ พรางไมห่ นาเกนิ ท่ีกาหนดไว้ จะช่วยเบี่ยงเบนประสิทธภิ าพของการระบดิ
2) ชั้นทาให้เกิดการระเบิด ชั้นน้ีจะให้การปูองกันท่ีพักกาบังทั้งหมดให้พ้นจากการขยายตัวของ
อานาจการระเบิด ความมุ่งหมายของช้ันทาให้เกิดการระเบิดก็เพื่อให้กระสุนปืนใหญ่ที่ใช้ชนวนไวที่มาถูกโดยตรงเสีย
รูปออกไปกอ่ นทีจ่ ะขยาย หรือทะลุทะลวงเข้าไปยังช้นั ปอู งกันช้ันล่าง ข้อนีค้ วรใชก้ ้อนหินที่มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 5 น้ิว ถึง
8 น้ิว วางเรียงซอ้ นกัน รอยตอ่ เหล่อื มกันอย่างน้อย 1 ฟุต การวางที่ล้าเหล่ือมกันจะทาให้มีประสิทธิภาพมากกว่าเรียง
กันเปน็ ระเบยี บ ถา้ ไม่มหี ินใช้ท่อนซงุ แทน ท่อนซุงควรมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 8 นิ้ว ใช้ลวดผูกมัดให้แน่นหนา ชั้นทา
ให้เกดิ การระเบิดควรขยายดา้ นขา้ งของส่วนกาบงั ออกไปอย่างน้อย 5 ฟุต
3) ช้ันกันน้า ใช้วัสดุที่กันน้าได้ เช่นกระดาษน้ามัน ผ้าใบ หรือวัสดุที่คล้ายคลึงกันนี้ความมุ่งหมาย
เพ่อื ปอู งกันน้าฝนไหลซมึ ลงไปภายใน และเก็บความช้ืนของช้นั รบั แรงกระแทก
4) ช้ันรับแรงกระแทก ชั้นบนประกอบด้วยชั้นดินธรรมดามิได้บดทับให้แน่น ดินร่วนเป็นวัสดุที่ดี
ที่สดุ สาหรับชน้ั นี้ควรหนาอยา่ งนอ้ ย 1 ฟตุ ชัน้ นที้ าหน้าที่รับแรงระเบิดเช่นเดียวกับชอคแอลเซอร์เบอร์ของรถยนต์ ซึ่ง
จะรบั แรงกระแทกจากกระสุนปนื ใหญท่ ่ีถกู ตรง ๆ ซ่งึ จะระเบิดเพราะช้ันทาให้เกิดการระเบดิ น้ัน

- 22 -

5) ช้ันกนั ฝุน การกอ่ สร้างใช้วสั ดุอย่างเดียวหรอื คลา้ ยคลงึ กบั ช้ันกนั นา้ วางไว้บนแผ่นไม้ที่วางซ้อนกัน
ทาเป็นหลงั คา เพื่อใชใ้ นการปูองกันฝุนละอองและส่ิงท่ีสกปรกจากการส่ันสะเทือนลงบนอุปกรณ์, อาวุธ และกาลังพล
ภายใน

22.2 การสร้างหลังคาแบบช้ันเดียว หลังคาแบบน้ีสิ่งปกปิดเหนือศีรษะคล้ายคลึงกันกับการสร้างหลังคา
แบบซ้อนกันหลายชั้น การสร้างหลังคาแบบชั้นเดียวนี้ใช้ไม้ท่อนแปรรูปหรือซุงที่มีขนาดโตและแข็งแรงพอที่จะรองรับ
น้าหนักชั้นต่าง ๆ ทั้งหมดรวมท้ังแรงกระแทกจากการระเบิดของกระสุนปืนใหญ่ ท่ีมาถูกโดยตรงได้ด้วยไม้ท่อน
ดงั กล่าวนี้จะวางเรยี งชดิ ติดกันอย่ขู ้างบนของโครงสรา้ ง (ดูรูปท่ี 1 - 23)

1) ชั้นรบั แรงกระแทกชน้ั ลา่ ง มีขนาดหนา/ฟตุ วางอยูบ่ นชั้นกนั ฝนุ ชนั้ ใชด้ นิ ธรรมดาท่ไี ดจ้ ากการขุด
มิให้อัดให้แน่น หรือดินร่วน เช่นเดียวกันกับชั้นรับแรงกระแทกช้ันบนซ่ึงทาหน้าท่ีในลักษณะเดียวกันกับช้ันรับแรงที่
กลา่ วไวใ้ นข้อ ก. (4)

2) ช้ันแผ่นประกอบด้วยท่อนซุงขนาดส้นผ่าศูนย์กลาง 8 น้ิว ชั้นนี้จะอยู่ระหว่างกึ่งกลางของช้ันรับ
แรงกระแทกชน้ั ลา่ งและชน้ั บน และวางเรียงชิดติดกันสานด้วยเส้นลวดเป็นรูปเส่ือ หรือใช้น็อตหรือตะปูจีนตอกติดกัน
กไ็ ด้ ช้นั นจี้ ะแผ่รบั น้าหนักแรงกระแทก เพ่ือมิให้ส่วนหน่ึงสวนใดรับน้าหนักมากเกินไป (พูดง่าย ๆ คือการเฉล่ียการรับ
นา้ หนกั ) ชั้นน้จี ะขยายออกดา้ นข้างของสว่ นกาบังอยา่ งน้อยทส่ี ุด 5 ฟุต

รูปท่ี 1 - 23 การสรา้ งหลังคาแบบชน้ั เดียว
หมายเหตุ ช้ันต่าง ๆ ของการสร้างหลังคาแบบช้ันเดียว ท่ีนอกเหนือจากชั้นท่ีกล่าวมาแล้วน้ันตาม
รูปที่ 1 - 23 ซ่ึงทาหน้าที่เหมือนกันกับช้ันต่าง ๆ ของการสร้างหลังคาแบบซ้อนกันหลายชั้นตามท่ีได้กล่าวไว้ในข้อ
ก.(1) ตามลาดบั รูปที่ 1 – 22

- 23 -
22.3 เครอ่ื งค้าจุนสง่ิ ปกปดิ เหนอื ศรี ษะ

1) สิ่งกาบังเหนือศีรษะ โดยธรรมดาใช้เครื่องค้าจุนเป็นโครงสร้างของหลังคาเพ่ือรับน้าหนักทอดลง
ไปปลายเสาเพื่อไปสู่ฐานรองรับ อาจมีความจาเป็นในบางโอกาสที่จะค้าจุนหลังคาโดยตรงบนด้านข้างของท่ีต้ัง แต่
อย่างไรก็ตามไม้หมอนซึ่งเป็นโครงรองรับโครงหลังคาไม่ควรวางบนดินท่ีขุดข้ึนมาเลยทีเดียว เพราะน้าหนักอาจเป็น
เหตุผลหน่ึงทีเ่ พม่ิ ความกดลงบนผนังจึงทาใหเ้ กิดการทรดุ

2) การวางโครงสร้างของหลังคาท่ีรองรับท่อนไม้ หรือท่อนซุงเป็นฐาน ควรวางบนผิวดินท่ีระยะ
ปลอดภยั จากดินท่ีตดั ระยะปลอดภัยนี้อย่างน้อยควรเป็น 1 ใน 4 ของความลึกที่ทาการตัดไม่ว่ากรณีใด ๆ ไม่ควรน้อย
กว่า/ฟุต นับจากขอบการตัดโดยรอบ ซุงท่ีใช้นี้ควรฝังลึกลงไปอย่างน้อยคร่ึงหน่ึงของเส้นผ่าศูนย์กลางที่กาหนด ทั้งนี้
เพอื่ ใหม้ พี นื้ ทร่ี องรบั แรงอดั ของท่อนซงุ กับมวลดิน หลักการวางดังได้แสดงไวใ้ นรปู ขา้ งลา่ งนี้ (ดูรูปที่ 1 - 24 )

รปู ที่ 1 - 24 เครอ่ื งคา้ จุนส่ิงปกปิดเหนือศีรษะ

- 24 -

คาถามทา้ ยบท

1. ปอู มคา่ ย แบ่งประเภทใหญๆ่ ได้ก่ีประเภท อะไรบ้าง
2. ปูอมถาวร หมายถึงอะไร
3. การขดุ หลมุ บคุ คลนอนยงิ ควรขดุ ในลักษณะใด
4. หลุมบุคคลเดยี่ ว หลุมควรเล็กเท่าทจ่ี ะทาไดเ้ พือ่ ใหเ้ ป็นเปูาหมายเล็ก สภาพหลุมควรยาวอยา่ งน้อยเท่าใด
5. บ่อรับลกู ระเบิด เป็นบ่อกลม มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 8 นวิ้ ลึก 18 นิ้ว อยากทราบวา่ บ่อมีความลาดก่ีองศา
6. หลมุ บคุ คลสองคน โดยรอบมที ่ีพาดศอกกวา้ งเทา่ ใด
7. ทตี่ ้งั ยงิ ปนื กล เอ็ม 60 มีอยู่ 3 แบบ อะไรบา้ ง
8. ลาดบั ความเรง่ ดว่ นของงานปอู มสนาม ลาดับแรกคืออะไร
9. การถากถางพ้นื ทก่ี ารยงิ มีหลกั การปฏบิ ตั ิอยา่ งไรบ้าง
10. การปฏิบัติต่อดนิ ทขี่ ดุ ข้ึนมา เพ่ือปอู งกันมิให้ขา้ ศึกเหน็ ดนิ ท่ขี ุดขึน้ มาจะจัดการอย่างไร

- 25 -

บทท่ี 2
เครอื่ งกดี ขวาง

1. กลา่ วนา
เคร่ืองกีดขวาง คือ เครื่องมือขัดขวางท้ังท่ีมีอยู่แล้วตามธรรมชาติ และท่ีมนุษย์สร้างข้ึน ซ่ึงสามารถหันเห

หยุด รบกวน หรือสกัดก้ันการเคล่ือนที่ของกาลังทหารได้ หมวดปืนเล็กต้องรู้วิธีใช้เครื่องกีดขวาง และวิธีเจาะผ่าน
รวมท้ังกวาดลา้ งเครื่องกดี ขวาง รายละเอียดอยูใ่ น รส.5 – 34 และ รส.5 – 102

2. การใช้เคร่อื งกดี ขวาง
เคร่ืองกดี ขวางจาเปน็ ต้องใช้ในการรบทกุ แบบ แต่จะมีประโยชน์มากที่สดุ ในการรบด้วยวธิ ีรุก โดยปกติแล้ว

การสร้างเคร่ืองกดี ขวางจะดาเนินการโดยทหารชา่ งและหมวดปืนเล็กเป็นผู้ช่วยเหลือ แต่อาจมีบ่อยครั้งท่ีหมวดปืนเล็ก
ตอ้ งสร้างเครื่องสนามเองโดยไมม่ ที หารชา่ งดาเนนิ การให้ หรือชว่ ยเหลอื ในกรณีดังกล่าวผู้บังคับหมวดต้องขอคาแนะนาทาง
เทคนคิ จากทหารชา่ ง สง่ิ ท่ตี อ้ งพิจารณาคอื วัสดทุ ่ตี ้องใชก้ บั ระยะเวลาในการสร้าง

ในการรบดว้ ยวิธีรกุ หมวด/หม่ปู นื เล็ก ใชเ้ ครือ่ งกีดขวาง เพื่อ
- ชว่ ยปูองกันปกี
- จากัดการตโี ตต้ อบของข้าศกึ
- แยกทีห่ มายใหโ้ ดดเด่ยี วจากกัน
- ตัดเส้นทางการเพม่ิ เตมิ กาลงั หรอื เสน้ ทางถอนตวั ของขา้ ศึก
ในการรบด้วยวธิ รี บั หมวด/หมูป่ นื เล็ก ใชเ้ ครือ่ งกีดขวาง เพ่ือ
- หน่วงเหน่ยี วการรกุ ของขา้ ศกึ ใหช้ ้าลง เพ่ือให้มเี วลาพอในการรวมอานาจการยิงไปยังกาลังขา้ ศึก
- ปูองกันกาลังทตี่ ้ังรับ
- บีบใหข้ ้าศกึ เคลอ่ื นท่ไี ปยังตาบลทส่ี ามารถทาลายไดง้ า่ ยกว่า
- แยกทหารราบและรถถังข้าศึกออกจากกนั
- เสริมความแขง็ แรงในแนวตัง้ รบั ทเ่ี บาบาง
2.1 การใช้งานเครื่องกีดขวาง เคร่ืองกีดขวางอาจใช้เพื่อความมุ่งหมายอย่างใดอย่างหนึ่ง 4 ประการ คือ
รบกวน (disrupt) หันเห (turn) หยดุ (fix) หรอื สกดั กนั้ (block) การเคลอ่ื นท่ขี องข้าศกึ

1) รบกวน เคร่ืองกีดขวางชนิดนี้ใช้รบกวนรูปขบวนการรบของส่วนท่ีเข้าโจมตี ทาลายระบบควบคุม
และบงั คบั บัญชาระดบั ตา่ ขณะทฝี่ ุายข้าศกึ อยูภ่ ายใตก้ ารยงิ เลง็ ตรง

2) หันเห ใช้เครื่องกีดขวางบีบบังคับและล่อข้าศึกให้เคลื่อนท่ีในลักษณะที่ฝุายเราได้เปรียบ โดยล่อ
หรือบังคับให้ข้าศึกเคลื่อนที่ตามทิศทางท่ีฝุายเราต้องการ ด้วยการแยกรูปขบวนของข้าศึกออกเป็นส่วน ๆ โดยการ
หน่วงเหนีย่ วใหเ้ ปล่ียนทิศทาง หรอื โดยการทาใหข้ า้ ศกึ เกดิ จุดอ่อนทางปีก

3) หยุด ใช้เคร่ืองกีดขวางหน่วงเหน่ียวให้ข้าศึกเคล่ือนท่ีช้าลง หรือหยุดลง ณ พื้นท่ีหน่ึง เพื่อให้
สามารถยงิ ทาลายได้ หรือเพ่อื ใหฝ้ าุ ยเรามเี วลาพอท่ีจะหยุดการปะทะและผละจากการรบได้

4) สกัดกั้น เคร่ืองกีดขวางเพ่ือความมุ่งหมายน้ี จะมีลักษณะซับซ้อน มีการวางระบบในทางลึกและ
ผสมผสานด้วยการยิง เป็นการสกัดกั้นข้าศึกไม่ให้ใช้แนวทางเคล่ือนท่ีแนวใดแนวหนึ่ง เคร่ืองกีดขวางชนิดน้ีจะเป็น
เครื่องมือจากัดการรุกของข้าศึกไมใ่ หเ้ กนิ เลยไปกวา่ แนวท่ฝี ุายเรากาหนดไว้

2.2 หลักการใช้เคร่ืองกีดขวาง ในการใช้เคร่ืองกีดขวาง ผู้บังคับหมวดต้องพิจารณาใช้โดยยึดถือหลักการ
ตา่ ง ๆ ดงั น้ี

1) เครื่องกีดขวางต้องสนับสนุนแผนทางยุทธวิธี เครื่องกีดขวางต้องช่วยเพิ่มพูนอานาจกาลังรบฝุาย
เรา ลดความคลอ่ งแคลว่ ในการเคล่ือนท่ีของข้าศึก และให้การระวังปูองกันแก่ฝุายเรา ผู้บังคับหมวดพิจารณาแนวทาง

- 26 -

เคล่ือนท่ขี องข้าศกึ ขณะเดียวกันต้องพจิ ารณาถงึ ความจาเป็นในการเคลือ่ นทีข่ องฝาุ ยเราดว้ ย เชน่ เส้นทางการส่งกาลัง
เส้นทางถอนตัว ทศิ ทางการตโี ตต้ อบ เสน้ ทางการลาดตระเวน และเสน้ ทางไปยังทีต่ รวจการณ์ เปน็ ตน้

2) ผสมผสาน ผู้บังคับหมวดต้องผสมผสานเคร่ืองกีดขวางท่ีมีอยู่กับท่ีจะสร้างข้ึนใหม่เข้าด้วยกัน
รวมท้งั สนธิแผนการใช้เครื่องกดี ขวางเขา้ กับแผนการยงิ สนับสนนุ ดว้ ย

3) คุ้มครองด้วยการตรวจการณ์และการยิง ผู้บังคับหมวดต้องคุ้มครองเครื่องกีดขวางท้ังส้ินด้วยการ
ตรวจการณแ์ ละการยงิ เพอ่ื ลดขีดความสามารถของข้าศึกท่ีจะรื้อถอนหรือเจาะผ่านและเพิ่มขีดความสามารถของฝุาย
เราในการวางการยิงไปยงั ข้าศึกไดร้ วดเรว็ เมอื่ ข้าศึกเขา้ มาสพู่ ้นื ที่เครอ่ื งกดี ขวาง

4) สร้างเคร่ืองกีดขวางทางลึก เคร่ืองกีดขวางทางลึกจะช่วยลิดรอนกาลังข้าศึกให้อ่อนแอลงเรื่อย ๆ
ตามลาดบั ตลอดแนวทางเคลื่อนที่ ทาให้ข้าศึกต้องเผชิญกับเคร่ืองกีดขวางใหม่ตามลาดับขั้นเรื่อยไป ซึ่งจะส่งผลให้ฝุาย
เราสามารถโต้ตอบได้ตามต้องการและอยู่ภายใต้ความควบคุมของฝุายเรา การใช้เคร่ืองกีดขวางทางลึกอย่างเหมาะสมทาให้ข้าศึก
ถูกทาลายความเป็นปึกแผ่นและเพิ่มความไดเ้ ปรยี บแกฝ่ ุายเราอยา่ งรวดเร็ว

5) ให้ผลจู่โจม เคร่ืองกีดขวางท่ีมีลักษณะเห็นเด่นชัดอาจเปิดเผยที่ต้ังหน่วยและอาวุธฝุายเรา กาลัง
ฝุายเราต้องหลีกเล่ียงการใช้เครอ่ื งกดี ขวางทสี่ ังเกตเหน็ ไดง้ า่ ย หรอื ใชซ้ า้ วธิ ีการเดิมหลาย ๆ คร้ัง

3. ประเภทของเคร่อื งกีดขวาง
เครอ่ื งกีดขวางมี 2 ประเภท คอื เคร่อื งกีดขวางท่มี อี ยู่ (existing) และเครอ่ื งกดี ขวางเพิ่มเตมิ (reinforcing)
3.1 เคร่ืองกีดขวางทม่ี ีอยู่ หมายถงึ ส่ิงกีดขวางตามธรรมชาติ (natural) หรือตามวัฒนธรรม (cultural) ซ่ึง

สามารถขัดขวางการเคล่ือนท่ีได้เป็นสิ่งท่ีมีอยู่แล้วเป็นส่วนหนึ่งของภูมิประเทศบริเวณที่เร่ิมวางแผนการรบ ที่ต้ังและ
คณุ สมบตั ขิ องเคร่อื งกีดขวางทีม่ ีอยู่โดยธรรมชาตหิ รอื โดยวัฒนธรรม มีความสมั พันธโ์ ดยตรงต่อแผนการปฏิบัติและการ
วางกาลัง เคร่ืองกีดขวางที่มีอยู่ควรง่ายแก่การปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพมากย่ิงขึ้น ควรพ้นจากการตรวจการณ์ของ
ข้าศึก ควรอยู่ในการตรวจการณ์และการยิงของฝุายเรา สามารถปูองกันการเจาะผ่านและอ้อมผ่านได้ยาก เคร่ืองกีด
ขวางท่มี อี ยู่ ได้แก่

1) ความลาดชัน ความลาดชันมาก - น้อย ท่ีมีอยู่ สามารถหยดุ การเคล่ือนท่ีของยานพาหนะชนิดต่าง ๆ
ได้ รถถังสามารถเคล่ือนท่ีปีนลาดชันได้ไม่เกิน 60% หลุมขรุขระ กับระเบิด ไม้ล้ม และกองมูนดินจะช่วยเพิ่มความ
ลาบากในการผา่ นลาดชนั มากข้นึ ด้วย

2) คันดิน หน้าตัดทางด่ิงหรือเกือบดิ่ง สูงตั้งแต่ 1.5 เมตรข้ึนไป ยานพาหนะไม่สามารถเคลื่อนท่ี
ผ่านได้โดยไม่มีการเจาะผ่าน แนวกาแพงหิน คันดินรางรถไฟ และลาดชันตามแนวด้านข้างทางหลวง คือตัวอย่างของ
เคร่อื งกดี ขวางแบบคันดิน

3) หุบเขา ห้วยและคู โดยทั่วไปหุบเขา ห้วยและคู่เป็นเครื่องกีดขวางยานล้อ หากมีความกว้างตั้งแต่
5 เมตร ข้ึนไป จะสามารถใชเ้ ปน็ เครื่องกีดขวางยานยนตส์ ายพานได้

4) แม่น้า ลาธาร และคลอง คุณค่าของแม่น้า ลาธาร และคลองในการเป็นเคร่ืองกีดขวางอยู่ท่ีข้าศึก
จาต้องทาการขา้ มดว้ ยเคร่อื งมอื พเิ ศษ เชน่ เครื่องมอื ลุยข้ามนา้ ลกึ ข้ามบนผิวนา้ หรอื ขา้ มทางอากาศ การลุยข้ามและ
การข้ามบนผิวน้า จะทาได้สะดวกเพียงใดต้องพิจารณาความกว้างและความลึกของน้า ความเร็วของกระแสน้า
ลกั ษณะใต้พื้นน้าและริมฝง่ั

5) ที่ลุ่มและหนองบึง ที่ลุ่มและหนองบึง หมายถึงพ้ืนที่ที่พ้ืนดินอ่อน หรือท่ีอยู่ใต้ผิวน้าประมาณ
1 เมตร เป็นเครอื่ งกดี ขวางการเคลือ่ นท่ขี องยานยนต์ทุกชนดิ และจากดั การเคลือ่ นทข่ี องทหารราบเปน็ อยา่ งมากดว้ ย

6) หิมะ แม้จะเป็นภูมิประเทศท่ีสามารถเคลื่อนท่ีได้ก็ตาม แต่หากมีหิมะหนาต้ังแต่ 1 เมตรข้ึนไป
จะกลายเป็นเครือ่ งกดี ขวางท้งั ยานยนตแ์ ละการเดนิ เท้าในทนั ที

- 27 -

7) ตน้ ไม้ ไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ท่ีมีเส้นผ่าศูนย์กลางต้ังแต่ 8 นิ้วขึ้นไป มีระยะห่างระหว่างลาต้นน้อยกว่า
20 ฟตุ จะกลายเป็นเครือ่ งกีดขวางไปโดยอัตโนมตั ิ หากมกี ารใช้ยานเกราะชน – ทบั เพ่ือเคลอ่ื นท่ีผ่าน

8) พ้ืนท่ีสิ่งปลูกสร้าง ส่ิงปลูกสร้างที่จะใช้เป็นเครื่องกีดขวางได้ขึ้นอยู่กับขนาด ท่ีตั้ง และลักษณะการ
กอ่ สร้าง ความเป็นเครื่องกดี ขวางของพืน้ ทป่ี ลูกสร้างสามารถเพม่ิ เติมให้หนาแนน่ ขึ้นโดยใชป้ ระโยชน์จากสิ่งต่าง ๆ เช่น
ถนนที่ชารุด กาแพงตึกท่ีถูกทาลาย รถยนต์ หรือรถไฟที่พลิกคว่าหรือตกราง และการสร้างเคร่ืองปิดกั้นถนนจากวัสดุ
ต่าง ๆ เช่น รางรถไฟ คาน และซากตึก เมื่อเพ่ิมเติมด้วยกับระเบิดและลวดหนามจะทาให้สามารถปูองกันยานเกราะ
ยานยนต์ และทหารราบเดนิ เท้าได้

3.2 เคร่ืองกีดขวางเพ่ิมเติม เคร่ืองกีดขวางเพิ่มเติม หมายถึง ส่ิงท่ีสร้างข้ึน นามาติดตั้ง หรือวางการระเบิด
ณ ตาบลใดตาบลหน่งึ เปน็ การเฉพาะ เพือ่ สนธเิ พม่ิ ความแข็งแรง และขยายขอบเขตเคร่ืองกีดขวางที่มีอยู่ การใช้เคร่ือง
กีดขวางเพ่ิมเติมให้มีประสิทธิภาพสูงสุดจะต้องมีการพิจารณาประเมินค่าลักษณะภูมิประเทศทางด้านความเป็นเคร่ือง
กีดขวางว่ามีความสามารถขัดขวาง หรือหันเหการเคล่ือนที่ได้มากน้อยเพียงใด ปัจจัยสาคัญยิ่งสองประการในการใช้
เคร่ืองกีดขวางเพิ่มเติมคือ เวลาที่ต้องการใช้ในการสร้าง และแรงงานท่ีจะปฏิบัติ กาลังทหาร สามารถสนับสนุน
แรงงานในการสร้างได้ดที สี่ ุด เครอ่ื งกดี ขวางเพม่ิ เตมิ ประกอบด้วย

1) หลุมบ่อบนผิวถนน ผิวถนนที่ขรุขระเป็นเคร่ืองกีดขวางที่มีประสิทธิภาพ สาหรับการเคล่ือนท่ีตาม
ถนนหรือเสน้ ทาง หากใชบ้ รเิ วณทีม่ ลี าดชนั ทางดา้ นข้างหรอื ใช้ท่นุ ระเบดิ รว่ มดว้ ย

2) ไมล้ ม้ สรา้ งเครอ่ื งกดี ขวางดว้ ยการตัดต้นไมห้ ลาย ๆ ต้นให้ล้มลงโดยหันยอดปลายลาต้นไปทางทิศที่
ข้าศกึ จะเข้ามาและให้ก่ายเกยกัน สามารถหยุดการเคล่ือนที่ของยานยนต์ได้ดี อาจผสมผสานกับการใช้ทุ่นระเบิดและ
กับระเบดิ แสวงเครือ่ งกไ็ ด้

3) คู สร้างเป็นเคร่ืองกีดขวางโดยการขุดขวางถนนหรือเส้นทาง แต่การขุดคูขนาดกว้างในพื้นท่ีเปิด
จาเป็นตอ้ งใชเ้ คร่ืองจักรกลช่วย

4) รวั้ ทอ่ นซงุ ทอ่ นซงุ ท่ีนามาสร้างเปน็ ร้ัวหรอื กาแพงกัน้ ถนนสามารถหยดุ การเคล่ือนท่ีในทันที สามารถ
สรา้ งไดง้ ่ายและจะมีประสิทธิภาพมากขนึ้ หากใชร้ ่วมกบั เคร่ืองกีดขวางอน่ื ๆ

5) ท่อนซงุ แบบคอกหมู ทอ่ นซงุ ทนี่ ามาก่อเรียงกันแบบคอกหมูรปู สีเ่ หลี่ยมหรอื สามเหลยี่ มแล้วบรรจุดิน
และหนิ ลงไปในกรอบคอกหมูใช้ปิดกั้นถนนแคบหรือช่องทางแคบ ๆ เครื่องกีดขวางแบบนี้ไม่สามารถหยุดรถถังได้เว้น
แต่จะสรา้ งด้วยวัสดทุ ีแ่ ข็งแรงเท่านน้ั

6) หลักไม้ฝังดิน ใช้ท่อนซุงฝังลงบนถนนเรียงรายตามทางลึก สามารถหยุดการเคลื่อนที่ของยานยนต์
สายพานได้ หากไม่หันเหไปทิศทางอื่นแต่พยายามจะปีนทับผ่านไป หลักไม้เหล่านี้ก็จะทาให้สายพานชารุดได้เมื่อใช้
ร่วมกับลวดหนามและทนุ่ ระเบดิ สามารถหนว่ งเหน่ียวการเคลื่อนทีข่ องทหารราบให้ช้าลงได้

7) ซากส่ิงก่อสร้าง ซากปรักหักพังของอาคารท่ีสร้างด้วยอิฐ ปูน และส่ิงก่อสร้างในพ้ืนที่ปลูกสร้าง
สามารถจากดั การเคลอื่ นทข่ี องขา้ ศึก และใช้เป็นเคร่อื งกาบังทม่ี ่นั ได้

8) เคร่อื งกีดขวางลวดหนามสามารถจากัดการเคลือ่ นทีข่ องทหาร และในบางสถานการณ์สามารถจากัด
การเคล่ือนที่ของยานยนตล์ ้อและสายพานไดด้ ว้ ย วสั ดทุ ี่ใช้สร้างมีขนาดเบาเม่ือเทียบกับเคร่ืองกีดขวางอื่นและราคาถูก
เม่ือเทียบกบั ผลของความเปน็ เครือ่ งกดี ขวางทีไ่ ดร้ บั

8.1) รั้วลวดหนามหีบเพลงแบบมาตรฐานสามช้ัน เป็นเคร่ืองกีดขวางลวดหนามที่หมวดหรือหมู่ปืน
เล็กสามารถสร้างได้เหมือนกันหมด อาจใช้ลวดหนามหีบเพลงหรือลวดหีบเพลงแถบหนาม (barbed tape concertina) ก็ได้
วิธีการสร้างไม่แตกต่างกัน (รูปที่ 2 - 1) ในการสร้างร้ัวลวดหนามมาตรฐานสามชั้นยาว 300 เมตร จะต้องใช้แรงงาน
และวสั ดดุ ังน้ี

- 28 -

- เสาเหล็กยาว จานวน 160 ท่อน

- เสาเหลก็ สนั้ (สมอบก) จานวน 4 ทอ่ น (สมอบก)

- ลวดหนามความยาวขดละ 400 เมตร จานวน 3 ขด

- ลวดหนามหีบเพลง จานวน 59 ม้วน

- ลวดผกู จานวน จานวน 317 ชนิ้

- แรงงานในการสร้าง 30 คน ใน 1 ชวั่ โมง

ข้นั แรกนาเสาเหลก็ ยาววางจากซ้ายไปขวา และเริ่มปักเสาจากซ้ายไปขวา (เมื่อหันหน้าไปทาง

ข้าศึก) ระยะห่างระหว่างเสา 5 ก้าว ส่วนเสาเหล็กสั้นที่ใช้เป็นสมอบก ตอกห่างจากซ้ายสุด ขวาสุดของแนวรั้วลวด

หนามด้านละ 2 ก้าว ปักเสาเหล็ก 2 แนว คือ แนวด้านทิศทางข้าศกึ กับแนวด้านฝาุ ยเรา ระยะห่างระหว่างแนว 3 ก้าว

ตอ่ จากน้ันนาลวดหนามหบี เพลงมาวาง โดยวางลวดหนาม 1 ม้วน ด้านฝ่ังข้าศึกตรงกับเสาเหล็ก เสาที่ 3 และวางลวด

หนาม 2 มว้ นด้านฝ่ังของฝาุ ยเราตรงกับเสาเหล็กต้นที่ 3 เช่นเดียวกัน วางลวดหนามหีบเพลงในลักษณะเช่นนี้เร่ือยไป

ทุก ๆ ระยะ 4 ช่วงเสาเหลก็ หลงั จากน้นั ตดิ ต้ังลวดหนามหบี เพลง และขงึ ลวดหนามตามแนวนอนเข้ากับแนวเสาเหล็ก

แถวหน้า (ด้านข้าศึก) วางลวดหนามหีบเพลงคร่อมแนวร้ัว ต่อมาติดต้ังลวดหนามหีบเพลงและขึงลวดหนามตาม

แนวนอนเข้ากบั แนวรัว้ เหล็กแถวหลัง (ด้านฝุายเรา) สดุ ท้ายติดต้ังลวดหนามหีบเพลงชั้นบนสุด และยึดตรึงเข้ากับแนว

ลวดหนามแถวหลัง

รูปที่ 2 - 1 ร้ัวลวดหนามหีบเพลง

- 29 -

รูปท่ี 2 - 1 ร้ัวลวดหนามหีบเพลง (ต่อ)
8.2) ลวดหนามหีบเพลงปิดกั้นถนน เป็นเคร่ืองกีดขวางท่ีวางปิดขวางถนน เพื่อหยุดการ
เคลื่อนที่ของยานยนต์ล้อ หรือยานยนต์สายพาน ใช้ลวดหนามหีบเพลงจานวน 11 ม้วนวางติดต่อกันจะเป็นระยะ
เครื่องกีดขวางทางลึก ประมาณ 10 เมตร ยึดตรึงกับพ้ืนดินด้วยเสาเหล็กยาว ตอกลงระหว่างลวดหนามหีบเพลง
ระยะหา่ งในแตล่ ะแนวประมาณ 5 กา้ ว การยึดตรึงลวดหนามไมค่ วรใหต้ ึงเกนิ ไป เพ่ือให้ลวดหนามมีความหยุ่นพอท่ีจะ
เกดิ การดงึ และพนั ตดิ กบั เพลายานยนต์ล้อหรือล้อบดและล้อกาลัง (sprockets) ของรถถังที่ผ่านเข้ามา นอกจากนี้ควร
ใช้ลวดหนามผกู ยาวตามแนวนอนเชื่อมโยงตลอดทกุ มว้ นของลวดหนามหบี เพลงดว้ ย (รูปที่ 2 - 2)

- 30 -

รูปที่ 2 - 2 ลวดหนามหบี เพลงปิดกนั้ ถนน
8.3) ลวดหนามดักการเดินเท้า (tanglefoot) เคร่ืองกีดขวางน้ีใช้เม่ือต้องการซ่อนพรางท่ีต้ังฝุาย
เราอยา่ งเข้มงวด และเพื่อปูองกันไม่ให้ข้าศึกคลานผ่านระหว่างแนวร้ัวและด้านหน้าที่ม่ันฝุายเรา กว้างด้านหน้าควรมี
ระยะไม่ต่ากว่า 32 เมตร ควรตอกเสาเหล็กโดยให้มีระยะห่างไม่แน่นอนตั้งแต่ 2.5 ฟุต ถึง 10 ฟุต และความสูงของ
ลวดหนามควรอยู่ประมาณ 9 - 30 น้ิว ลวดหนามดักการเดินเท้าควรสร้างในพื้นที่ปุาละเมาะ ถ้าเป็นไปได้จะใช้ความ
รกของวชั พืชเสริมลวดหนามด้วย ส่วนในพ้ืนทค่ี ่อนขา้ งโล่งใชเ้ สาเหล็กแบบสน้ั
8.4) ทุ่นระเบิด เป็นเครื่องกีดขวางที่มีประสิทธิภาพสูงสุดประเภทหน่ึง สาหรับการทาลายรถถัง
และบุคคลในสนามรบ สนามทุ่นระเบิดที่หมวดหรือหมู่ปืนเล็กสามารถสร้างได้ท่ัวไปคือ สนามทุ่นระเบิดแบบปูองกัน
ตนเรง่ ดว่ น เปน็ จดุ และลวง

(1) สนามทุ่นระเบิดปูองกันตนเร่งด่วน ในการตั้งรับ หมวด และหมู่ปืนเล็กสร้างสนามทุ่น
ระเบิดปูองกันตนเรง่ ดว่ นเพอ่ื เสรมิ ระบบอาวธุ เสรมิ การจ่โู จม และเพ่ือการแจ้งเตือนแต่เนิ่นเม่ือข้าศึกเข้ามา หมวดปืน
เลก็ ตอ้ งได้รับอนมุ ตั ิจากผู้บงั คับกองร้อยก่อนจงึ จะสร้างสนามทุน่ ระเบิดน้ไี ด้ เมื่อสร้างแล้วต้องรายงานผู้บังคับกองร้อย
และบันทึกการสร้างลงในแบบฟอร์มท่ีกาหนด ผู้บังคับหมวดจะวางสนามทุ่นระเบิดปูองกันตนเร่งด่วนขวางแนวทาง
เคลือ่ นท่ีท่คี าดวา่ ข้าศึกนา่ จะใชม้ ากท่สี ดุ และอยู่ภายในระยะยิงหรือภายในความคุ้มครองของอาวุธในอัตราของหมวด
หากมีเวลาพอควรฝังทุ่นระเบิดไว้ใต้ดินเพ่ือเพ่ิมประสิทธิภาพของสนามทุ่นระเบิด แต่สามารถวางบนผิวดินก็ได้ โดยมี
ระยะห่างไม่แน่นอนเมื่อวางแล้วต้องบันทึกการวางก่อนท่ีจะปรับสลักไปยังตาแหน่งพร้อมใช้งาน ต้องแจ้งเตือนหน่วย
ขา้ งเคียงและรายงานท่ีต้ังให้ผู้บังคับกองร้อยทราบเมื่อหมวดปืนเล็กจะออกจากพ้ืนที่ (เว้นแต่ถอนตัวเมื่อข้าศึกกดดัน)
จะตอ้ งเกบ็ กู้ทนุ่ ระเบดิ หรือสง่ มอบความรบั ผดิ ชอบให้แก่หน่วยใหม่ต่อไป ทุ่นระเบิดที่ใช้จะใช้เฉพาะแบบโลหะเท่าน้ัน ไม่
มีการใชท้ นุ่ ระเบดิ แสวงเครื่องเน่ืองจากเก็บกูไ้ ดช้ า้ ผูบ้ งั คบั หมวดที่รับผิดชอบสนามทนุ่ ระเบดิ ตอ้ งคมุ้ ครองด้วยการตรวจ
การณแ์ ละการยงิ ให้ได้ตลอดเวลา ตอ่ ไปนี้เปน็ ตวั อย่างของวธิ กี ารสรา้ งสนามท่นุ ระเบิดปูองกันตนเรง่ ดว่ น

- 31 -

ตัวอย่าง

หลังจากรอ้ งขอและได้รับอนุมตั ิให้สร้างสนามทุ่นระเบิดแล้ว ผู้บังคับหมวดและผู้บังคับหมู่ทา
การลาดตระเวนตรวจภูมิประเทศ เพ่ือเลือกพื้นที่ท่ีแน่นอนที่จะวางทุ่นระเบิด พิจารณาความต้องการท่ีจะต้องใช้ทุ่น
ระเบดิ ดักรถถัง เพื่อหยุดการเคลื่อนท่ีของยานยนต์ข้าศึกบรเิ วณสะพานและท่าข้าม รวมทั้งทุ่นระเบิดสังหารบุคคลเพ่ือ
คมุ้ ครองทนุ่ ระเบิดดกั รถถงั และเพือ่ ขดั ขวางแนวทางเคลื่อนทท่ี ี่คาดว่าข้าศึกเดินเท้านา่ จะใชม้ ากที่สดุ (รปู ที่ 2 - 3)

รปู ท่ี 2 - 3 ทุ่นระเบิดดักรถถัง และสังหารบุคคล ในสนามทุ่นระเบดิ ป้องกันตนเรง่ ดว่ น
ในขณะที่ทหารกาลังวางทุ่นระเบิด ผู้บังคับหมวดจะพยายามหาจุดท่ีง่ายแก่การอ้างอิงถึง

สนามทุน่ ระเบิดบรเิ วณด้านหน้าทม่ี ั่นของหมวด เพื่อบนั ทกึ สนามทนุ่ ระเบดิ โดยใชจ้ ุดอา้ ง (รูปท่ี 2 - 4) แนวทุ่นระเบิดที่
อยู่ใกล้ข้าศึกมากที่สุด กาหนดเป็นแนว ก และแนวถัดเข้ามาจะกาหนดเป็นแนว ข ค ตามลาดับ ปลายสุดทั้งสองด้าน
ของแนวทนุ่ ระเบิดจะทาเคร่อื งหมายบนหมดุ ปักบนดินกากับโดยมีตัวอักษรกาหนดแนว เลข 1 สาหรับปลายด้านขวา
และเลข 2 สาหรับปลายด้านซ้ายแต่ละแถวจะกาหนดตัวเลขจากขวาไปซ้ายเมื่อหันหน้าเข้าหาข้าศึก หลักหมุดหมาย
แนวดงั กลา่ ว อาจทาด้วยเหล็กหรือไมซ้ ง่ึ มีตะปูหรอื ฝากระป๋องตอกติดอยู่ก็ได้ เพื่อให้สามารถตรวจจับได้ด้วยเครื่องมือ
ตรวจคน้ ทนุ่ ระเบดิ แบบโลหะ

- 32 -

รูปที่ 2 – 4 ผู้บังคับหมวด หมายแนวสนามทุ่นระเบดิ ป้องกันตนเร่งด่วน
จากท่ีมน่ั แขง็ แรง ผู้บงั คบั หมวดวัดมมุ ภาคทิศเหนือแมเ่ หล็กเปน็ องศาและเดินนับก้าวไปยังจุด

ซ่ึงอยู่ระหว่าง 15 ถึง 25 ก้าว ทางขวาของทุ่นระเบิดทุ่นแรกในแถวด้านฝุายเรา (รูปท่ี 2 - 5) ณ จุดนี้ คือ หมุดหมาย
แนว ข – 1 ซ่งึ เป็นจุดเริ่มต้นของทุน่ ระเบดิ แถวท่ี 2 ผู้บังคับหมวดปักหลักหมุด ข - 1 และบันทึกมุมภาค ระยะจากที่
ม่ันไปยัง ข - 1 ลงในแบบฟอร์มทก่ี าหนด

- 33 -

รปู ที่ 2 - 5 หลักหมุดหมายแนวและการบันทกึ สนามทุ่นระเบิด
ต่อไป จาก ข - 1 ผู้บังคับหมวดวัดมุมภาคทิศและระยะไปยังจุดซ่ึงอยู่ห่างจากทุ่นระเบิดทุ่น
แรกในแถว ก ประมาณ 15 ถึง 25 เมตร แลว้ วางหมุดบรเิ วณนแี้ ละบันทกึ เป็นจุด ก - 1 ต่อจากน้ันวัดมุมภาคทิศและ
ระยะจาก ก - 1 ไปยังทุ่นระเบิดทุ่นแรกในแถว ก แล้วบันทึกจุดที่ตั้งของทุ่นระเบิด ต่อไปวัดมุมภาคทิศและระยะจาก
ทุ่นระเบิดทุ่นแรกไปยังทุ่นท่ีสอง ทาเช่นน้ีเรื่อยไปจนกระทั่งทุ่นระเบิดได้ทาการบันทึกที่ตั้งทั้งหมดแล้วตามภาพ ผู้
บังคับหมวดกาหนดหมายเลขกากับทุ่นระเบิดทุกทุ่นเพ่ือการพิสูจน์ทราบตามตารางในแบบฟอร์ม เม่ือเสร็จสิ้นการ
บันทึกในแถว ก แลว้ ผู้บังคับหมวดวดั มมุ ภาคทิศและระยะจากทุ่นระเบิดทุ่นสดุ ทา้ ยไปยังจุดซึ่งอยู่ห่าง 15 ถึง 25 ก้าว
จากทนุ่ สดุ ทา้ ย ปกั หมุดอ้างองิ กาหนดเป็น ก - 2 ต่อจากน้นั ผู้บังคับหมวดทาเชน่ น้เี ร่อื ยไปในแถว ข

- 34 -

รูปท่ี 2 - 5 หลักหมุดหมายแนวและการบนั ทึกสนามทุ่นระเบิด (ตอ่ )
เมื่อผู้บังคับหมวดปักหลักหมุดหมายแนวและบันทึกสนามทุ่นระเบิดเสร็จแล้ว จะทาการวัด

มมุ ภาคทศิ และระยะจากจุดอ้างอิงไปยัง ข - 2, ก - 2 แล้วบันทึก หากใช้ทุ่นระเบิดดักรถถังควรใช้ ณ จุด(ท่ีม่ัน) ก - 2
หรือ ข - 2 เนอ่ื งจากสะดวกแกก่ ารเกบ็ กู้

- 35 -

รูปท่ี 2 - 5 หลักหมดุ หมายแนวและการบันทึกสนามทนุ่ ระเบดิ (ตอ่ )
ต่อมาผ้บู ังคับหมวดโยงยึดจุดอ้างอิงเข้ากับภูมิประเทศถาวรที่เด่นชัดในแผนที่ วัดระยะและ

มุมภาคทิศจากภูมิประเทศเหล่าน้ันถึงจุดอ้างอิง ภูมิประเทศเด่นชัดดังกล่าวอาจช่วยให้หน่วยอ่ืน ๆ ทราบที่ตั้งสนาม
ทุ่นระเบดิ ท่มี อี ยู่ ซึง่ เป็นอนั ตรายแกฝ่ ุายเดยี วกนั ได้

- 36 -
ในข้ันสุดท้าย ผู้บังคับหมวดบันทึกแบบฟอร์มให้สมบูรณ์ในลักษณะของตารางและช่อง
สาหรบั การพิสูจน์ทราบ

รปู ที่ 2 - 5 หลักหมุดหมายแนวและการบนั ทกึ สนามท่นุ ระเบิด (ตอ่ )
ขณะที่ผู้บังคับหมวดกาลังโยงยึดภูมิประเทศเด่นชัดกับจุดอ้างอิงนั้น ทหารที่กาลังวางทุ่น

ระเบิดจะปรับสลักพร้อมใช้งาน ทุ่นระเบิดท่ีอยู่ใกล้ข้าศึกมากท่ีสุดก่อนเป็นลาดับแรก (แนว ก) ผู้บังคับหมวดรายงาน
การสร้างสนามทุ่นระเบิดส้ินสุดและเก็บรักษาแบบฟอร์มไว้ หากมีการส่งมอบสนามทุ่นระเบิดให้กับหน่วยใหม่
ผู้บงั คับหมวดที่มารับใหม่จะลงนามและลงวันท่ีที่รับมอบ และรับมอบแบบฟอร์มจากผู้บังคับหมวดคนเก่า ในกรณีที่มี

- 37 -

การร้ือถอนสนามทุ่นระเบิดจะต้องทาลายแบบฟอร์มบันทึกสนามทุ่นระเบิดด้วย กรณีที่สนามทุ่นระเบิดท่ีสร้างไว้ไม่มี
หนว่ ยใดเขา้ มารับผิดชอบแทน หรอื จาเป็นต้องละท้ิงไปโดยไม่คาดคิดมาก่อน ผ้บู ังคบั หมวดต้องส่งแบบฟอร์มบันทึกให้
ผู้บังคับกองร้อย ผู้บังคับกองร้อยจะส่งต่อไปให้ผู้บังคับกองพันเพ่ือนาไปสนธิเข้ากับแบบฟอร์มการบันทึกสนาม
ทุ่นระเบิดอื่น ๆ ท่ีถาวรกวา่ ต่อไป

ในการกู้ทุ่นระเบิดจะเร่ิมจากจุดอ้างอิงไปยังหมุด ข - 1 โดยใช้ระยะและมุมภาคทิศตามท่ี
บันทึกไว้แลว้ แลว้ เลอ่ื นจาก ข - 1 ไปยงั ทนุ่ ระเบิดทุ่นแรกในแถว ข อย่างไรก็ตามหากหมุด ข - 1 ถูกทาลายจะใช้ ข -
2 แทนโดยใช้ระยะและมุมภาคทิศตามท่ีบันทึก จากนั้นใช้มุมภาคทิศกลับจาก ข - 2 ไปยังทุ่นระเบิดทุ่นสุดท้าย หมุด
ก - 1, ข - 1, ก - 2, ข - 2 มีความสาคัญเพราะการค้นหาหมุดกอ่ นย่อมปลอดภยั กว่าค้นหาทุน่ ระเบิดโดยตรง

(2) สนามท่นุ ระเบิดบังคับ (Point minefields) ใช้เพ่ือทาลายระเบียบของข้าศึกและขัดขวาง
ไม่ให้ข้าศึกใช้พ้ืนที่สาคัญ สนามทุ่นระบิดบังคับจะมีรูปร่างและขนาดไม่แน่นอน ประกอบด้วยทุ่นระเบิดดักรถถังและ
สังหารบุคคลทุกประเภทรวมกัน และเครื่องมือปูองกันการเก็บกู้เหมาะท่ีจะใช้สาหรับเพ่ิมประสิทธิภาพของเครื่ องกีด
ขวางทีม่ ีอย่แู ลว้ และท่ีสรา้ งเพ่ิมเติมหรอื ใชอ้ ย่างเร่งดว่ นเพื่อหยุดการเข้าตโี ต้ตอบของข้าศกึ ตามเสน้ ทางทางปีก

(3) สนามทุ่นระเบิด (Phony minefields) ใช้เพื่อลดความคล่องแคล่วในการเคลื่อนท่ีของ
ข้าศกึ และดารงความคล่องแคล่วในการเคล่ือนที่ของฝุายเรา โดยการจาลองแบบสนามทุ่นระเบิดจริงเพื่อลวงข้าศึกใช้
เมื่อมีเวลาและกาลังพลจากัด หรือไม่มีเคร่ืองมือพอที่จะสร้างสนามทุ่นระเบิดจริง สนามทุ่นระเบิดลวงอาจใช้คั่นกับ
สนามทุ่นระเบิดจริงก็ได้ และเพ่ือให้ได้ผลดีย่ิงข้ึนควรทาให้เหมือนจริงโดยการให้เห็นบางส่วนที่ฝังอยู่ หรือให้เห็น
สภาพผวิ ดินคลา้ ยกบั ถกู ฝังวตั ถุอย่ขู ้างใต้บรเิ วณนนั้

4. เครอื่ งกีดขวางของขา้ ศกึ
หมวดปืนเลก็ เคลื่อนที่ผ่านเครอ่ื งกดี ขวางของข้าศึกด้วยการอ้อมผ่านหรอื เจาะผ่าน การตัดสินใจเลือกวิธีใด

วธิ ีหนง่ึ ขึ้นอยู่กบั ภารกิจ สถานการณ์ และเคร่ืองมอื ทม่ี ีอยู่
4.1 การอ้อมผ่าน เป็นวิธีที่ใช้เสมอเมื่อทาได้ ขณะอ้อมผ่านเครื่องกีดขวางผู้บังคับหมวดต้องรายงาน

ประเภท และตาบลของเครื่องกีดขวางถึงหน่วยเหนอื และต้องระมัดระวังการปะทะกับข้าศึกขณะอ้อมผ่าน เพราะโดย
ปกตขิ ้าศกึ จะค้มุ ครองเสน้ ทางอ้อมผา่ นเครอ่ื งกีดขวางด้วยการยิง

4.2 การเจาะผ่าน เป็นการใช้เครื่องมือท้ังส้ินท่ีมีอยู่ เพื่อทะลวงผ่านเครื่องกีดขวางหรือยึดช่องทางผ่าน
เคร่อื งกดี ขวางของขา้ ศึกที่มอี ย่แู ล้ว การเจาะผ่านทาได้ 4 วธิ ี คอื

1) In - stride
2) Deliberate
3) Assault
4) Covert
รายละเอียดใน รส.90 - 13 – 1
5. การเจาะและกวาดลา้ งเครือ่ งกดี ขวาง
ผูบ้ งั คับหมวดตอ้ งรูเ้ ทคนิคการทาลายล้างระบบเคร่ืองกีดขวางที่ข้าศึกสร้างขึ้น เครื่องกีดขวางบางชนิดอาจไม่ขัดขวางการ
เคลื่อนที่ของทหารราบเดินเท้า แต่ขัดขวางการเคล่ือนท่ีของยานยนต์ ทหารราบเดินเท้าอาจจาเป็นต้องช่วยกวาดล้าง
เครื่องกดี ขวางใหย้ านยนต์สามารถเคลอ่ื นท่ไี ด้ การรักษาความลับไม่ให้ข้าศึกรู้ว่าฝุายเราจะกวาดล้างเคร่ืองกีดขวางเป็นสิ่ง
ที่ทาไดย้ าก แตท่ ท่ี าได้คอื การรักษาความลับเรื่องตาบล และเวลาท่ีจะปฏิบัติ การเจาะและกวาดล้างเคร่ือง กีดขวางต่าง
ชนิดกันย่อมต้องใช้เทคนิค เครื่องมือ และวัตถุระเบิดต่างกัน เคร่ืองมือและวัตถุระเบิดท่ีอาจจาเป็นต้องใช้ ได้ แก่ระเบิด
สาย เคร่ืองตรวจคน้ ท่นุ ระเบดิ บังกาโลร์ตอร์ปิโด โยทะกา อาวุธยิงเล็งตรง และวัตถุระเบิดท่ีติดต้ังได้แบบง่าย ๆ แต่ไม่ว่า
จะเปน็ เครื่องกีดขวางชนดิ ใดกต็ าม ในการเจาะและกวาดลา้ งจะตอ้ งปฏบิ ัตติ ามหลักการพนื้ ฐาน 4 ประการดงั นี้

- 38 -

- การยงิ กดข้าศึก เพ่ือใหส้ ่วนท่ีจะทาการเจาะสามารถเข้าปฏิบัติงานได้
- กาบังการตรวจการณ์ ของข้าศึกบริเวณที่จะทาการเจาะ
- ระวังปูองกัน ตาบลเจาะ ทาการเจาะ ยึดและระวงั ปูองกันพน้ื ท่ฝี ่งั ไกล
- ลดคา่ ความตา้ นทาน ของเครือ่ งกีดขวาง เพื่อเพ่ิมความคล่องแคล่วในการเคลื่อนท่ีของกาลังฝุายเราที่จะ
เคลือ่ นทผ่ี า่ น
5.1 สนามทุ่นระเบิด วัตถุประสงค์ของการเจาะและกวาดล้างสนามทุ่นระเบิด คือ เพ่ือกรุยเส้นทางหรือ
ช่องทางท่ีผ่านเข้าไปในสนามทุ่นระเบิดเพื่อให้กาลังฝุายเราสามารถเคล่ือนที่ผ่านเพ่ือปฏิบัติภารกิจต่อไปได้ การเลือก
ช่องทางท่ีจะเจาะผ่านต้องพิจารณาความได้เปรียบในการกาบังและซ่อนพราง การคุ้มครองด้วยการยิง และให้
สอดคลอ้ งกบั แผนดาเนินกลยุทธ์ของผู้บังคับบัญชาด้วย ไม่ควรเร่งรีบทาการเจาะสนามทุ่นระเบิดทันทีท่ีตรวจพบ โดย
ไม่พิจารณาเลอื กตาบลเจาะและชอ่ งทางเจาะอนื่ ๆ ที่เปน็ ไปไดเ้ สียก่อน
หมายเหตุ หากเปน็ สนามทุ่นระเบิดเคมีต้องระวังอันตราย เพราะการระเบิดจะไม่จากัดอยู่เฉพาะบริเวณที่
เจาะเท่าน้ัน

1) ขั้นที่ 1 ยงิ กดขา้ ศึก กาลังข้าศึกส่วนท่คี ุ้มครองสนามทนุ่ ระเบิดนัน้ อยู่จะต้องถูกยงิ กดก่อน
2) ข้ันท่ี 2 กาบังการตรวจการณ์ด้วยควัน เพ่ือไม่ให้ข้าศึกตรวจการณ์เห็นพื้นท่ีท่ีจะทาการเจาะและ
กาลงั ฝุายเราที่จะทาการเจาะ
3) ข้ันที่ 3 กรุยทางและหมายจดุ ทุ่นระเบดิ ทาการตรวจค้นทุ่นระเบิดตามแนวช่องทางที่ต้องการเจาะ
ผา่ น และทาเครอ่ื งหมายทุ่นระเบิดท่ีตรวจพบ วิธีการท่ีดีในการกวาดล้างช่องทางท่ีเจาะผ่านคือ การใช้ระเบิดสายวาง
ด้วยจรวด หรือบังกาโลร์ตอร์ปิโด (รูปที่ 2 - 6) และวิธีเดียวในการกรุยช่องทางผ่านสนามทุ่นระเบิด โดยไม่ต้องใช้
เคร่ืองมือพิเศษคือ ใช้วัสดุอโลหะปลายแหลมตรวจค้นหาทุ่นระเบิด โดยใช้กาลัง 1 หมู่ปืนเล็กทาการกรุยช่องทาง
กาลงั ท่ีเหลอื ของหมวดทาการระวังปูองกันให้ (รูปที่ 2 - 7)

รปู ที่ 2 - 6 บังกาโลร์ตอร์ปโิ ด

- 39 -

รปู ท่ี 2 - 7 หมวดปืนเลก็ (-) ระวงั ป้องกันให้หมู่ปนื เล็กซึ่งกาลังกรุยช่องทางผา่ นสนามทุน่ ระเบดิ
3.1) หมู่ปืนเล็กซึ่งทาหน้าที่กรุยเส้นทาง หรือช่องทางผ่านสนามทุ่นระเบิดจะใช้ทหารสองคนทา

การตรวจคน้ ทุ่นระเบิด คนที่หนง่ึ เคลื่อนท่ีนาหน้า ค้นหา และกรุยทางให้กว้างพอสาหรับเคล่ือนที่ด้วยการคลาน คนท่ี
สองเคลือ่ นทต่ี ามเยอ้ื งทางข้างเล็กน้อย แต่ให้ความกวา้ งของการกรุยทางทาบทับกับคนทห่ี น่งึ

3.2) ทหารคนอืน่ ๆ คลานตามหลงั เพอ่ื ระวังปูองกนั ใหท้ หารสองคนแรก เพื่อช่วยนาพาส่ิงอุปกรณ์
เพ่ิมเติมอ่ืน ๆ หรือเพื่อเข้าปฏิบัติหน้าท่ีแทน หากสองคนแรกไม่สามารถปฏิบัติหน้าท่ีได้ควรมีการหมุนเวียนปฏิบัติใน
หนา้ ทีบ่ ่อย ๆ เพือ่ ปูองกันความเหน็ดเหน่อื ยจนเกินไป หรือเกดิ ความประมาทหรอื ทั้งสองประการ (รปู ท่ี 2 - 8)

3.3) ทหารท่ีตรวจค้นทุ่นระเบิดและกรุยทาง ต้องสวมเสื้อคลุมปูองกันอันตราย หมวกเหล็กและมี
หน้ากากปูองกันไอพิษติดตัว พับแขนเส้ือ ถอดแหวน และนาฬิกา สายโยงบ่า เปู อาวุธ และเครื่องมือเครื่องใช้ที่เป็น
โลหะออกให้ทหารคนอ่ืนนาไปแทน ทหารดังกล่าวต้องเคล่ือนที่เข้าหาทุ่นระเบิดด้วยท่านอนราบใช้สายตาและ
ประสาทสัมผัสค้นหาลวดสะดุด ชนวน หรือส่วนรับแรงกด โดยใช้วัสดุที่เป็นอโลหะปลายแหลมแทงค้นหาทุกระยะ
2 นวิ้ ตลอดความกว้างดา้ นหน้าประมาณ 1 เมตร มุมที่แทงลงบนพน้ื ดินตอ้ งไม่เกนิ 45

รปู ที่ 2 - 8 การตรวจค้นทุน่ ระเบิด
หมายเหตุ : ในกรณีที่ข่าวกรองยืนยันว่าข้าศึกใช้ทุ่นระเบิดท่ีมีชนวนไวต่อระบบแม่เหล็ก ทหารที่
ตรวจค้นจะต้องไม่สวมใส่อุปกรณ์ที่เป็นโลหะ และหากปฏิบัติงานในพื้นที่เปื้อนพิษ ทหารดังกล่าวจะต้องสวมใส่ชุด
ปูองกัน

- 40 -

3.4) หากไมส่ ามารถเคลื่อนที่เขา้ ใกล้จดุ ท่ีจะตรวจค้นได้สะดวก เนอื่ งจากแทงถูกของแข็งใตผ้ วิ ดนิ
ควรใชป้ ลายแหลมของเคร่ืองมอื คุย้ ดนิ ออกก่อน หากเป็นทุ่นระเบดิ ค่อยใช้มือโกยดนิ โดยรอบออกภายหลัง ถา้ พบทนุ่
ระเบดิ ให้คุ้ยดนิ โดยรอบออกจนกระทั่งเหน็ ตัวทนุ่ และทราบชนิด หลงั จากน้ันทาเครื่องหมายโดยไมต่ ้องขยบั เขยื้อนตวั
ทุ่นหรือพยายามสวมสลกั นริ ภัย

หมายเหตุ : หากแทงเครอ่ื งมอื คน้ หาทนุ่ ระเบิดลงดินตรง ๆ ปลายแหลมอาจจะกดต่อทุ่นระเบดิ
โดยตรง ทาให้ชนวนทางานเกิดการระเบิดได้

กรณีมที หารไดร้ ับบาดเจบ็ ภายในสนามทุ่นระเบิด ทกุ คนต้องนิง่ อยู่กับที่ก่อน แล้วใหท้ หารคนทีอ่ ยู่
ใกลท้ ีส่ ดุ กรยุ ทางและค้นหาทุ่นระเบิดเขา้ ไปช่วยทหารท่บี าดเจ็บ เม่อื ถึงตัวแล้วทาการปฐมพยาบาลและนาตวั ออกมา
โดยเคลอื่ นท่ตี ามช่องทางท่ีกรยุ ไวแ้ ลว้

4) ขนั้ ที่ 4 ยดึ และระวงั ปอู งกันฝงั่ ไกล ทันทที ่ีกาลังส่วนทาการเจาะได้กรยุ ช่องทางและตรวจค้นทุ่น
ระเบดิ เสร็จแล้ว กาลงั สว่ นเจาะเองหรือจากสว่ นอืน่ ก็ไดต้ ้องรบี เข้ายึดด้านฝง่ั ไกลของสนามทุ่นระเบิดโดยเร็วท่สี ุดเท่าท่ี
จะทาได้ เพื่อปูองกนั การยงิ ของข้าศึกมายงั พ้ืนท่ที ่ีกาลงั ทาการเจาะผา่ น หรือการเข้าตขี องข้าศกึ ท่ีจะกระทาต่อพน้ื ที่
ดงั กล่าวด้วย ในกรณที ี่ทหารทาการเจาะผา่ นสนามทนุ่ ระเบดิ ใหก้ บั ยานยนต์ หากสามารถเคล่อื นทีอ่ ้อมผ่านดว้ ยการ
เดนิ เท้าได้ ผู้บังคับหมวดควรกาหนดส่วนเคลือ่ นท่ีอ้อมผ่านด้วยเทา้ ให้รีบเคล่ือนทีไ่ ปยึดและระวงั ปูองกันฝง่ั ไกลแต่เน่ิน
ตั้งแต่ในขัน้ แรกของการเจาะผา่ น กาลงั ส่วนนี้ควรมีปืนกล อาวุธตอ่ ส้รู ถถังขนาดเบาหรือขนาดหนัก แผนท่ี – เข็มทิศ
กลอ้ งส่องสองตา หรอื กล้องตรวจจบั ด้วยรังสคี วามร้อน เพ่ือร้องขอและปรับการยิง

5) ข้นั ท่ี 5 ลดความต้านทานของเครื่องกีดขวาง ทาลายทุ่นระเบิดท่ีตรวจพบและทาเคร่อื งหมายไว้
แลว้ ดว้ ยวตั ถุระเบดิ หรือโยทะกา ทุ่นระเบดิ โลหะท้ังหมดจะต้องทาลายใหส้ ้ินก่อนทีจ่ ะนาทหารเคลอื่ นทีผ่ า่ นไป

6) ขน้ั ที่ 6 ทาเคร่ืองหมายชอ่ งทางท่กี วาดลา้ งท่นุ ระเบดิ แลว้ ปฏบิ ัติโดยหมปู่ นื เล็กทท่ี าหน้าที่กรยุ
ชอ่ งทางและกวาดลา้ งท่นุ ระเบดิ

7) ขั้นที่ 7 นาหน่วยเคลื่อนที่ผ่านสนามทุ่นระเบดิ ผู้บังคบั หมวดนากาลงั เคลอื่ นที่ผ่านตามชอ่ งทาง
5.2 คดู ักรถถัง หลักพ้นื ฐานการเจาะและกวาดล้างผา่ นเครอื่ งกีดขวางสามารถใชไ้ ดก้ ับเครอื่ งกดี ขวาง
ประเภทคดู ักรถถัง โดยทหารราบสามารถทลายขอบคดู า้ นใดดา้ นหน่ึงลงด้วยพลัว่ หมวกเหล็กหรอื วัตถรุ ะเบดิ หากมี
เครื่องมอื หนัก เชน่ รถถากถางหมุ้ เกราะ รถถงั ติดใบมีดถากถาง หรอื ยานเกราะทหารช่างสนาม จะสามารถลดความ
ตา้ นทานของเคร่ืองกดี ขวางชนดิ นี้ได้รวดเร็วยิ่งข้นึ (รูปที่ 2 - 9)

รปู ท่ี 2 - 9 การกวาดลา้ งคูดักรถถงั
5.3 หลมุ ดัก สามารถใช้หลักการพ้นื ฐานการเจาะและกวาดล้างผ่านเครื่องกีดขวาง ตามข้ันตอนเหมือนกับ
การกวาดล้างคูดักรถถัง

- 41 -

5.4 ลวดหนามการเจาะและกวาดล้างผ่านเคร่ืองกีดขวางเช่นเดียวกัน หากมียานพาหนะสามารถใช้
ยานพาหนะในการดึงลวดหนามออกให้พ้นจากเส้นทางผ่าน และใช้ช่วยดึงให้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่มีอยู่บริเวณนั้น
เกิดการระเบิดก่อนท่ีฝุายเราจะผ่าน อีกวิธีหน่ึงคือการใช้ทหารราบนาวัสดุวางทับลวดหนามเป็นทางเคลื่อนที่ผ่าน
แต่ต้องกวาดล้างทุ่นระเบิดท่ีอยู่ภายใต้ลวดหนามเสียก่อน และอีกวิธีหน่ึงคือ การตัดลวดหนามให้เป็นช่องทางผ่าน
ตามทจ่ี ะกล่าวถึงรายละเอยี ดตอ่ ไป โดยปฏิบัตหิ ลังจากยิงกดขา้ ศึกและใช้ควนั กาบงั การตรวจการณ์จากข้าศกึ แลว้

1) การกวาดล้างและสร้างช่องทางผ่านแนวลวดหนาม เครื่องมือท่ีใช้ เช่น คีมตัดลวดหนาม
บังกาโลร์ตอรป์ โิ ด หรือวตั ถรุ ะเบิดตา่ ง ๆ หมู่ปืนเล็กที่ทาหนา้ ที่นี้ตอ้ งตรวจค้นท่นุ ระเบิด และลวดสะดดุ บริเวณดังกล่าว
ด้วย โดยมีกาลงั ทเี่ หลือของหมวดปืนเล็กค้มุ ครองการปฏิบัติ เคร่ืองมอื อ่ืน ๆ ทีส่ ามารถใช้ในการกวาดล้างลวดหนามได้
ถา้ มี เชน่ การยงิ ด้วยปืนใหญร่ ถถัง (กระสนุ ระเบิด) การยิงด้วยอาวธุ จากรถรบของทหารช่างสนาม และการรวมอานาจ
การยิงจากอาวธุ ยงิ เลง็ ตรงหรือเลง็ จาลอง เป็นตน้

2) การยึดและระวังปูองกนั ฝ่ังไกล ปฏิบตั ทิ ันทที กี่ วาดล้างและสร้างชอ่ งทางผา่ นไดแ้ ลว้
3) ลดความต้านทานของเคร่ืองกีดขวาง โดยการทาเครื่องหมายและทาลายทุ่นระเบิดท่ีมีอยู่ด้วย
วตั ถุระเบดิ หรือดว้ ยการดงึ ให้ระเบดิ
4) ทาเคร่ืองหมายแสดงชอ่ งทางทสี่ รา้ งเสรจ็ แล้ว
6.วธิ ที าชอ่ งทางและเจาะชอ่ งสนามทนุ่ ระเบิด (HOW TO BREACH AND CROSS A MINEFIELD)
การเจาะช่องสนามทุ่นระเบิดมีหลายวิธี วิธีหน่ึงคือ การตรวจค้นและทาเครื่องหมายทุ่นระเบิด เพ่ือทาให้
ช่องทางเดินปลอดภยั ผา่ นสนามทุ่นระเบดิ
7. การตรวจคน้ ทุน่ ระเบดิ (PROBING FOR MINES)
7.1 ถอดหมวกเหล็ก สายโยงบ่า นาฬิกา แหวน เข็มขัด ปูายช่ือโลหะและสิ่งที่อาจเป็นอุปสรรคในการ
เคลอ่ื นที่หรือตกหล่น
7.2 นาปนื และอุปกรณ์ฝากไวก้ บั ทหารในชุดยิง
7.3 หากิ่งไม้ยาวประมาณ 30 ซม. (12 นิ้ว) ใช้ในการตรวจค้นทุ่นระเบิด และปลายกิ่งไม้แหลม ห้ามใช้
โลหะตรวจ
7.4 ใชอ้ ุ้งมือจับปลายกง่ิ ไม้ท่ีไมแ่ หลม ใชน้ ิ้วหัวแม่มอื ยึดไว้โดยให้น้ิวมือทเ่ี หลอื กางไปตามแนวกงิ่ ไม้
7.5 ตรวจค้นทุก ๆ 5 ซม. (2 นว้ิ ) ในเขตพื้นท่ีข้างหน้า 1 เมตร ใช้กิ่งไม้ปลายแหลมเสียบลงไปในดินอย่าง
นิ่มนวลดว้ ยมมุ น้อยกว่า 45 องศา
7.6 คกุ เขา่ (หรือนอนควา่ ) และใช้มือตรวจหาลวดสะดดุ ข้างหนา้ และผกู ลวดสะดุดกอ่ นเรมิ่ ทาการตรวจคน้
7.7 เสียบกง่ิ ไม้ปลายแหลมลงไปในดินอยา่ งช้า ๆ แลว้ หยิบเศษดนิ กง่ิ ไม้รอบ ๆ ออกนาไปท้ิง

รูปที่ 2 - 10 การตรวจค้นทุ่นระเบดิ
7.8 หยดุ การตรวจคน้ เมื่อปลายกงิ่ ไม้สัมผสั กับวตั ถุแขง็
7.9 นาเศษดนิ รอบ ๆ วตั ถุออกเพือ่ คน้ หาตาแหนง่ ของวตั ถุ

- 42 -

รูปที่ 2 - 11 ช่องทาง
8. การทาเครอ่ื งหมายทุ่นระเบดิ (MARKING THE MINE)

8.1 นาเศษดนิ ออกรอบ ๆ เพือ่ ตรวจสอบชนดิ ของทนุ่ ระเบดิ
8.2 ทาเครอื่ งหมายไว้ และรายงานให้ผู้บังคับหน่วยทราบ วิธีทาเครื่องหมายมีหลายวิธี วิธีทาเครื่องหมาย
ไม่สาคัญเท่ากับว่าให้ทหารทุกคนเข้าใจเครื่องหมาย วิธีปกติทาเคร่ืองหมายคือผูกกระดาษ ผ้า หรือเทปพันสายไฟกับ
หลกั และปักหลักลงในดนิ ใกล้ ๆ กบั ท่นุ ระเบดิ

รปู ท่ี 2 - 12 ผกู ปมชี้ท่นุ ระเบิด

- 43 -
9. การเจาะช่องสนามทุน่ ระเบดิ (CROSSING THE MINCFIELD)

ช่องทางได้ถูกตรวจค้น และทาเครื่องหมายทุ่นระเบิดเรียบร้อย ชุดระวังปูองกันควรจะเจาะช่องสนามทุ่น
ระเบิดเพื่อทาการระวงั ปอู งกันข้างหน้า ส่วนที่เหลือของหน่วยสามารถผา่ นไปได้

รูปท่ี 2 - 13 การทาเครื่องหมายทุ่นระเบิด
10. วิธีทาช่องทางและเจาะช่องรัว้ ลวดหนาม (HOW TO BREACH AND CROSS WIRE OBSTACLES)

ขา้ ศึกใช้รั้วลวดหนามเพ่อื แยกทหารราบออกจากรถถัง และเพ่ือยับยั้งหรือหยุด ทหารราบ รั้วลวดหนาม
ขา้ ศึกคลา้ ยกบั ร้ัวลวดหนามของฝุายเรา ใชค้ ีมตดั ลวดเจาะชอ่ งทางและบังกาโลตอรป์ โิ ด

การเจาะช่องทางรวั้ ลวดหนามต้องใช้การลักลอบ ดังตัวอย่าง เมื่อหน่วยลาดตระเวนทาสาเร็จ อาจจะไม่
ต้องการในการโจมตี ใชค้ ีมตดั ลวดในการเจาะลวดช่องทางหรือใช้บงั กาโลตอร์ปโิ ด

11. การตัดลวดหนาม (CUTTING THE WIRE)
การใช้การลกั ลอบตัดรวั้ ลวดหนาม
11.1 ตัดลวดหนามเส้นต่าสุดเท่านั้น เพื่อพรางไมใ่ หข้ า้ ศกึ เห็นชอ่ งว่าง

รูปท่ี 2 - 14 เจาะชอ่ งรว้ั ลวดหนาม

- 44 -
11.2 ตัดเส้นลวดหนามใกล้กับหลักรั้วเพื่อลดเสียงในขณะตัด ให้ทหารอีกคนพันผ้ารอบเส้นลวดหนาม
และถือไว้ท้ังสองมือ ตัดส่วนของเส้นลวดหนามอยู่ระหว่างมือของทหารอีกคนและทาการงอเส้นลวดหนามไปมา
จนกระทั่งหัก ถ้าปฏิบัติการคนเดียวใช้ผ้าพันรอบเส้นลวดหนามใกล้กับหลักร้ัวตัด และงอไปมาจนกระทั่งเส้นลวด
หนามขาด
12. การเจาะชอ่ งทางลวดหนามชนดิ หบี เพลง (CONCERTINA)
12.1 ตัดเสน้ ลวดหนาม และปกั ไว้ขา้ งหลังเพื่อให้เปดิ ช่องทาง
12.2 ปักเส้นลวดหนามไวข้ า้ งหลงั ใหก้ ว้างพอทจี่ ะคลานผ่านหรือลอดใต้เครื่องกีดขวาง

รูปที่ 2 - 15 ลวดหนามหีบเพลง
13. การเจาะช่องรัว้ ลวดหนาม การคลานใต้รว้ั ลวดหนาม

13.1 นอนหงายเคลอื่ นท่ีไปขา้ งหนา้ โดยใชศ้ รี ษะไปก่อน
13.2 ใช้ส้นเทา้ ดันตวั ไปขา้ งหนา้
13.3 วางอาวุธไว้บนร่างกาย หันปากกระบอกปืนช้ีไปข้างหน้า ใช้มือข้างหนึ่งยึดปืนไว้ เพื่อกันลวดหนาม
เกาะเสื้อผ้า และอุปกรณ์ให้ลวดหนามผ่านไปตามอาวุธ
13.4 ใช้มอื จบั เส้นลวดหนามและลวดสะดุดหรอื ทนุ่ ระเบิด

รูปท่ี 2 - 16 การคลานใตร้ ัว้ ลวดหนาม

- 45 -

14. การข้ามรว้ั ลวดหนาม
14.1 หมอบราบกับพ้นื
14.2 ตรวจหาลวดสะดดุ และทุ่นระเบิด
14.3 จบั เส้นลวดหนามเสน้ แรกใหแ้ น่นและยกขาข้างหนงึ่ ขา้ มอยา่ งระมัดระวงั
14.4 วางเท้าลงพน้ื ช้า ๆ
14.5 ยกขาอกี ข้างขา้ มเสน้ ลวดหนามและวางเทา้ ลงพ้ืน
14.6 ปลอ่ ยเส้นลวดหนาม
14.7 ตอ้ งการขา้ มร้วั ลวดหนามอย่างรวดเร็ว ใชแ้ ผน่ กระดานวางพาดและข้ามไป

15. การใชบ้ งั กาโลตอร์ปิโด (USING A BANGALORE TORPEDO)
บังกาโลตอร์ปิโด มีท่อบรรจุดินระเบิด 10 ท่อ ปลอกต่อ 10 ปลอก และหัวครอบ 1 หัว ใช้ตามจานวน

ต้องการ (ท่อเดียวหรือใช้ท้งั หมด)
ท่อบรรจุดินระเบิดมีฝาปิดหัวท้าย สามารถต่อกันได้กับท่ออ่ืน ๆ โดยใช้ปลอกต่อเพ่ือปูองกันการระเบิด

ก่อน ในขณะวางถ้ากระทบสิ่งกีดขวาง อาจจะเป็นหิน, ก่ิงไม้ จะทาให้เป็นอุปสรรคต่อการทางานของตอร์ปิโด
ให้ใชห้ ัวครอบครอบทีท่ อ่ ตอร์ปิโด

รูปที่ 2 - 17 บงั กะโลตอร์ปโิ ด
หลังจากประกอบบังกาโลตอร์ปิโด เรียบร้อย และดันใส่ในเคร่ืองกีดขวาง จุดระเบิดด้วยเช้ือปะทุไฟฟูา
และเชื้อปะทุชนวน (ผนวก ข)
เมอ่ื ยงิ ตอร์ปโิ ดแลว้ ไมส่ ามารถทาลายเครอ่ื งกีดขวางได้ ให้ใช้วิธอี นื่ หรืออาจจะใช้คีมตดั ลวดหนาม

รปู ที่ 2 - 18 การวางบังกะโลตอรป์ ิโด

- 46 -

คาถามท้ายบท

1. เครือ่ งกีดขวางคืออะไร
2. ในการรบด้วยวิธรี ุก หมวด หม่ปู นื เล็ก ใช้เครื่องกดี ขวางเพอื่ อะไร
3. ในการรบด้วยวิธีรับ หมวด หมปู นื เลก็ ใช้เครอ่ื งกดี ขวางเพ่ืออะไร
4. การใช้งานเคร่ืองกีดขวาง เครื่องกีดขวาง อาจใช้เพ่ือความมุ่งหมายอย่างใดอย่างหน่ึง 4 ประการ
มีอะไรบ้าง
5. การใช้เครื่องกีดขวางบีบบังคับและล่อข้าศึกให้เคล่ือนท่ีในลักษณะท่ีฝุายเราได้เปรียบโดยล่อหรือบังคับให้
ข้าศึกเคล่ือนท่ตี ามท่ฝี ุายเราตอ้ งการ เรียกวา่ อะไร
6. เคร่อื งกีดขาวงมกี ี่ประเภท อะไรบ้าง
7. การข้ามเคร่ืองกีดขาวงของขา้ ศึกกระทาไดก้ ่ีวธิ ี อะไรบ้าง
8. เครอ่ื งกดี ขาวงเพ่ิมเติม หมายถงึ อะไร
9. การสรา้ งร้วั ลวดหนาม 3 ชนั้ ยาว 300 เมตร ต้องใช้คนเทา่ ใด ในเวลา 1 ช่วั โมง
10. การทาลวดหบี เพลง 3 ช้นั เสายาวห่างกนั กีก่ า้ ว


Click to View FlipBook Version