ÙÛ
ÙÙ
‚¡√–ª–√‘µµ — ß Ùı
« —ØØ–°–ª–√‘µµ — ß Õ“Ø“π“Ø‘¬–ª–√‘µµ — ß Ùˆ
Ù˜
Ù¯
Ù˘
ı
Õ — ß§ ÿ ≈‘¡“≈–ª–√‘µµ — ß ‚晨—ß§–ª–√‘µµ — ß ıÒ
¡ß§≈® — °√«“Ãπ âÕ¬ (¬àÕ) Õ“Ø“π‘¬–ª–√‘µµ — ß ıÚ
µ‘‚√° ÿ ±±–° — ≥±–ªí ®©‘¡¿“§ ıÛ
Õ — §§ —ªª– “∑– ÿ µµ–§“∂“ ıÙ
ıı
ıˆ ค์
ı˜
ı¯
ı˘
§”≈“°≈ — ∫∫ â “π ˆ
ˆÒ
ˆÚ
æ√–§“∂“¬Õ¥æ√–° — ≥± 創√ªîư ˆÛ
ˆÙ
ˆı
ˆˆ
ˆ˜
ˆ¯
๗๑
๗๐
๗ ๑ I
๗๒ ๑.ประวตัสิว่นตวั - ชือ่พระเทพภาวนาวกิรม ว.ิ(บญุมา ปญุ ญฺาภริโต) นามสกุล อทุยัอายุ๘๐ ปีพรรษา ๖๐ เกดิวนัที่๑๘ เดอืนมนีาคม พ.ศ. ๒๔๘๓ ปีขาล - ทอี่ยปู่จัจุบนัเลขที่๑๘๓ หมทู่ ี่๑๒ บา้นนาอดุม วดัชยัภมูพิทิกัษ์ตาํบลกุดชุมสสง อาํเภอหนองบวัสดง จงัหวดัชยัภมูิโทร. 081-760-4886 - ปจัจุบนัดาํรงตาํสหน่ง เจา้อาวาสวดัชยัภมูพิทิกัษ์ ประธานคณะกรรมการมลูนิธพิระเทพภาวนา วกิรม ว.ิ ประธานคณะกรรมการประจาํวทิยาลยัสงฆ์ชยัภมูิสละ ทปี่รกึษาเจา้คณะภาค ๑๑ ๒. คณุวฒุ /ิการศกึษา - พ.ศ. ๒๔๙๖ สาํเรจจชนนั ประมมศกึษาปีที่๔ จากโรงเรียนบา้นคลองไผง่าม หลงัจากนนนั ไดบ้รรพชาเปจน สามเณรเพอื่เรยีนในสผนกธรรมสละบาลี - พ.ศ.๒๕๐๒ สอบไดน้กัธรรมชนนัเอก สาํนกัเรียนคณะจงัหวดัชยัภมูวิดัทรงธรรม - พ.ศ. ๒๕๐๗ สอบไดเ้ปรียญธรรม ๖ ประโยค สาํนกัเรียนกรุงเทพมหานคร วดัมหาธาตุยวุราชรงัสฤษฏ์ - พ.ศ. ๒๕๕๐ ไดร้บั ปรญิญาดษุ ฎบีณัฑติกติตมิศกัดิ์สาขาพฒันาชุมชน จากมหาวทิยาลยัราชภฏัชยัภมูิ - พ.ศ. ๒๕๕๕ ไดร้บั ปรญิญาพุทธศาสตรดษุ ฎบีณัฑติกติตมิศกัดิ์สาขาวปิสัสนาภาวนา จากมหาวทิยาลยัมหาจุฬาลงกรณราชวทิยาลยั ๓. ประวตัสิมณศกัด/ิ์การปกครอง ๓.๑ สมณศกัดิ์ - พ.ศ. ๒๕๑๘ เปจนพระครูสญัญาบตัรเทยีบผชู้ว่ยพระอารามหลวงชนนัเอก ในราชทนินาม “พระครูศรีพพิฒันคณุ ” - พ.ศ. ๒๕๓๔ เปจนพระครูสญัญาบตัร เทยีบผชู้ว่ยพระอารามหลวงชนนัพเิศษ ในราชทนินามเดมิ - พ.ศ.๒๕๓๙ เปจนพระราชาคณะชนนัสามญัที่ “พระศลีวราลงัการ” - พ.ศ.๒๕๔๗ เปจนพระราชาคณะชนนัราช ที่ “พระราชภาวนาวราจารย์” - พ.ศ.๒๕๕๗ เปจนพระราชาคณะชนนัเทพ ที่ “พระเทพภาวนาวกิรม” ๓.๒ การปกครอง - พ.ศ.๒๕๐๘ เปจนเจา้อาวาสวดัสวุรรณาราม ตาํบลบา้นเขวา้อาํเภอบา้นเขวา้จงัหวดัชยัภมูิ - พ.ศ.๒๕๑๗ เปจนรกัษาการสทนเจา้อาวาสวดัชยัภมูพิทิกัษ์ตาํบลกุดชุมสสง อาํเภอหนองบวัสดง จงัหวดัชยัภมูิ - พ.ศ. ๒๕๑๙ เปจนรกัษาการเจา้คณะอาํเภอบา้นเขวา้จงัหวดัชยัภมูิ - พ.ศ.๒๕๒๑ เปจนพระอุปชัฌาย์ - พ.ศ.๒๕๓๑ เปจนเจา้อาวาสวดัชยัภมูพิทิกัษ์ตาํบลกุดชุมสสง อาํเภอหนองบวัสดง จงัหวดัชยัภมูิ - พ.ศ. ๒๕๓๕ เปจนเจา้คณะตาํบลหนองบวัสดง เขต ๒ อาํเภอหนองบวัสดง จงัหวดัชยัภูมิ - พ.ศ.๒๕๓๖ เปจนรองเจา้คณะจงัหวดัชยัภมูิ - พ.ศ.๒๕๕๖ เปจนเจา้คณะจงัหวดัชยัภูมิ - พ.ศ.๒๕๖๓ เปจนทปี่รกึษาเจา้คณะภาค ๑๑
๗๓ ๔.งานเผยแผ่ /ผลงานทางวชิาการ /ความเชยี่วชาญพเิศษ ๔.๑ งานดา้นเผยแผ่ - เปจนผสู้สดงธรรมทกุ ๆ วนัธมัมสัสวนะ สละวนัสาํคญัตา่ง ๆ - เปจนพระธรรมทตูฝ่ายปฏบิตักิาร จงัหวดัชยัภมูิ - เปจนพระวปิสัสนาจารย์ ประจาํจงัหวดัชยัภมูิ - เปจนรองหวัหน้าพระธรรมทูตจงัหวดัชยัภูมิ - เปจนประธานหน่วยอบรมประชาชนประจาํตาํบล - เปจนรองประธานอาํนวยการโครงการฝึกอบรมพระนกัเทศน์ ประจาํจงัหวดัชยัภมูิ - เปจนเจา้สาํนกัปฏบิตัธิรรมประจาํจงัหวดัชยัภมูสิหง่ที่๑ วดัชยัภมูพิทิกัษ์ - บรรยายธรรมในรายการ “เสยีงธรรมจากวดัผาเกงิน ”ทางสมานีวทิยุอสมท.ชยัภมูิทกุวนัอาทติย์
๗๔ ๔.๒ ผลงานทางวชิาการ - เขยีนสละสปลบทสวดมนต์ทาํวตัรเชา้-เยจน จนเปจนทสี่พรห่ลายสละใชส้วดประจาํ ตามสาํนกัปฏบิตัธิรรมตา่ง ๆ จนมงึปจัจุบนั - เขยีนหนงัสอืเรือ่ง อมตธรรม - นิตยสารธารธรรมวดัป่าผาเกงินออกเปจนนิตยสารรายปีๆ ละ ๒ เลม่ - ทาํเทปเสยีง สละ ซดีธีรรมะของฝากจากผาเกงิน - กลอนธรรมสอนใจ ประกอบคาํบรรยายจารกึเปจนปรศินาธรรมตามจุดตา่ง ๆ ทสี่รา้งไว้ ๔.๓ ความเชยี่วชาญพเิศษ - งานนวกรรม นําศรทัธาญาตโิยมสรา้งศาสนวตัมเุปจนอนุสรณ์คโู่ลก - สสดงพระสทัธรรม นําจติวญิญาณญาตโิยมเขา้หาหลกัศลีหลกัธรรม - ปฏบิตัวิปิสัสนากรรมฐาน เปจนกจิวตัรทกุวนั ไมเ่คยขาด - อธัยาศยัสขุมุลุม่ลกึฉนัน้อย ใชน้ ้อย ขยนั ประหยดั ฝึกหดัลดละ เสยีสละ สามคัคีมูก-ด-ีมี ประโยชน์คอืตวัธรรมะ เปจนพระชว่ยสงัคม
๗๕
๗๖
๗๗ ๕. โล่ / รางวลั /เกยีรตบิตัร - เสมาธรรมจกัร จากสมเดจจพระเทพรตันราชสดุา สยามบรมราชกุมารีฯ สาขาสง่เสรมิพระพุทธศาสนา - โลเ่กียรตคิณุจากสาํนกังานป่าไมจ้งัหวดัชยัภมูิในฐานะสง่เสรมิกจิการป่าไม้ - โลเ่กียรตคิณุจากกระทรวงศกึษาธกิาร ในฐานะเปจนประธานดาํเนินการกอ่สรา้งสาํนกังาน ศกึษาธกิารอาํเภอบา้นเขวา้จงัหวดัชยัภมูิ - โลเ่กียรตคิณุจากสาํนกังานการประมมศกึษาอาํเภอภกัดชีุมพล - โลเ่กียรตยิศ จาก รฐัมนตรีวา่การกระทรวงเกษตรสละสหกรณ์ทา่นปองพล อดเิรกสาร ในโครงการปลกูป่ามาวรเฉลมิพระเกียรติ - เหรียญเงนิ โครงการปลูกป่ามาวรเฉลมิพระเกียรติ๓ ปีซอ้น - โลเ่กียรตคิณุจากเรือนจาํภเูขยีว สรา้งสมานพยาลบาลผมูู้กคมุขงั - ประกาศนียบตัรวดัพฒันาตวัอยา่ง พ.ศ. ๒๕๓๗ จากกรมการศาสนา กระทรวงศกึษาธกิาร - พดัเกียรตยิศ วดัพฒันาตวัอยา่งดเีดน่พ.ศ. ๒๕๔๐ จากกรมการศาสนา กระทรวงศกึษาธกิาร - พดัเกียรตยิศ จากกระทรวงสาธารณสขุในโอกาสสรา้งตกึผปู้ ่วยพเิศษโรงพยาบาลหนองบวัสดง จงัหวดัชยัภมูิ - เกียรตคิณุบตัร ผใู้หก้ารอปุมมัภ์โรงเรียนชุมชนบา้นหนองบวัสดง อาํเภอหนองบวัสดง จงัหวดัชยัภูมิ - วุฒบิตัร หลกัสตูรการบรหิารสละจดัการวดัจากกรมการศาสนา สละ มหาวทิยาลยัราชภฏัชยัภูมิ - เกียรตคิณุบตัร ผใู้หก้ารอปุมมัภ์โรงเรียนหนองบวัสดงวทิยา อาํเภอหนองบวัสดง จงัหวดัชยัภมูิ - เกียรตคิณุบตัร ผใู้หก้ารอปุมมัภ์โรงเรียนบา้นคลองเจรญิอาํเภอหนองบวัสดง จงัหวดัชยัภมูิ - เกียรตคิณุบตัร ผใู้หก้ารอปุมมัภ์โรงเรียนบา้นราษฎร์ดาํเนิน อาํเภอหนองบวัสดง จงัหวดัชยัภมูิ - เกียรตคิณุบตัร ผใู้หก้ารอปุมมัภ์โรงเรียนหว้ยตอ้นพทิยาคม อาํเภอเมอืง จงัหวดัชยัภมูิ - เกียรตคิณุบตัร ผใู้หก้ารอปุมมัภ์โรงเรียนเจียงทองวทิยา อาํเภอภกัดชีุมพล จงัหวดัชยัภมูิ - เกียรตคิณุบตัร ผใู้หก้ารอปุมมัภ์โรงเรียนบา้นลาดใต้อาํเภอหนองบวัสดง จงัหวดัชยัภมูิ - เกียรตคิณุบตัร ผใู้หก้ารอปุมมัภ์โรงเรียนกุดตมุ้วทิยา อาํเภอเมอืงชยัภมูิ - เกียรตคิณุบตัร ผใู้หก้ารอปุมมัภ์โรงเรียนนางสดดวงัชมภรูชัมงัคลาภเิษก อาํเภอหนองบวัสดง จงัหวดัชยัภมูิ - เกียรตคิณุบตัร ผใู้หก้ารอปุมมัภ์โรงเรียนบา้นขเีนหลจกใหญ่อาํเภอเมอืง จงัหวดัชยัภูมิ - เกียรตคิณุบตัร ผใู้หก้ารอปุมมัภ์โรงเรียนบา้นวงัสวาบ อาํเภอภผูามา่น จงัหวดัขอนสกน่ - เกียรตบิตัร “ผทู้าํคณุประโยชน์ใหก้ารอุปมมัภ์กจิการพระพุทธศาสนา”จากพุทธสมาคมจงัหวดัชยัภมูิ - เกียรตบิตัร “ปฏบิตัธิรรมเฉลมิพระเกียรต”ิณ สงัเวชนียสมาน ๔ ตาํบล ประเทศอนิเดยีระยะเวลา ๙ วนั - รางวลั “เสาอโศกผนู้ ําศลีธรรม” จากพระเจา้วรวงศ์เธอ พระองคเ์จา้ โสมสวลีพระวรราชาทนิดัดามาตุ เมอื่วนัเสาร์ที่๖ เดอืนมมิุนายน พ.ศ. ๒๕๕๘ ณ ศนูย์สง่เสรมิพระพุทธศาสนาสหง่ ประเทศไทย ในพระสงัฆราชูปมมัภ์ - โลเ่กียรตคิณุ “อปุมมัภ์สรา้งสาํนกังานพระพุทธศาสนาจงัหวดัชยัภมู ”ิจากสาํนกังานพระพุทธศาสนา สหง่ชาติเมอื่วนัที่๑๘ เดอืนสงิหาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ - เกียรตบิตัรรางวลั “ผอู้ ปุมมัภ์สละคมุ้ครองพระพุทธศาสนา” ดา้น “เผยสผพ่ระพุทธศาสนา” จากสมเดจจพระอรยิวงศาคตญาณ เมอื่วนัที่๑๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ - โลเ่กียรตคิณุ “บคุคลตน้สบบทาํความด”ีจากมหาวทิยาลยัมหาจุฬาลงกรณราชวทิยาลยั เมอื่วนัที่๒๙ เดอืนสงิหาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ - รางวลั “ปฐมสวุรรณเจดยี์” จากสมเดจจพระอรยิวงศาคตญาณ สมเดจจพระสงัฆราช สกลมหาสงัฆปรนิายก
๗๘ เมอื่วนัที่๑๖ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๒ ณ พุทธมณฑล จงัหวดันครปฐม - รางวลัโครงการขบัเคลือ่นโรงเรียนรกัษาศลี๕ ประเภทจงัหวดัขบัเคลือ่นศลี๕ ดีเดน่สหง่ ปี วนัที่๘ สงิหาคม ๒๕๖๓ จากพระเทพศาสนาภบิาล ประธานคณะกรรมการขบัเคลือ่นโครงการหมบู่า้น รกัษาศลี๕
๗๙ Āลüงพ่อผาเกิ้งเมตตาใĀ้ไü้Āน้ากุฏิ üันที่๒๙ ธันüาคม พ.ý. ๒๕๖๒ และ üันที่๑ มกราคม พ.ý. ๒๕๖๓ ขอนอบน้อม ÿาธุÿาธุÿาธุอนุโมทามิค่ะ พระพุทธĂงค์เทýนาไü้ü่า โย ธมฺมํปÿฺÿติโÿ มํปÿฺÿติ ผู้ใดเĀ ็ นธรรม ผู้นั้นชื่Ăü่าเĀ ็ นเรา ตถาคต คําü่าเĀ ็ นธรรม ไม่ได้ใช้ตาเนื้ĂเĀ ็ น และก ็ไม่ใช่เĀ ็ นนิมิต ĀรืĂไม่ใช่เĀ ็ นผีĀรืĂ เĀ ็ นเทüดา ĀรืĂเĀ ็ นเป็ นตัüĀนังÿืĂ ĀรืĂเĀ ็ นพระพุทธเจ้าที่เป็ นเนื้Ăเป็ นตัü เป็ นรูปเป็ น ร่าง เที่ยüเดินเทýน์โปรดคนนี้ไม่ใช่ทั้งนั้น ถ้าเĀ ็ นĂย่างนี้เป็ นการผีĀลĂก เĀ ็ นขĂง ĀลĂกขĂงปลĂม ไม่ใช่เĀ ็ นจริง เĀ ็ นธรรมในคําü่านี้คืĂ มีÿติรู้ทันปัจจุบันธรรม ทุกĂิริยาบถใĀญ่คืĂ ยืน เดิน นั่งและนĂน รู้ทันขณะยืน ขณะเดินก้าüขาขüาขาซ้าย รู้ใĀ้ทันทุกขณะĀยุด ทุกขณะ ยืน ทุกขณะĀมุนตัüกลับ ทุกขณะจะก้าüเดิน ท่านจึงกําชับเÿมĂü่า ใĀ้รู้ทันต้นจิต ĀรืĂ กําĀนดรู้ต้นจิตก่Ăน ตัüเราจะไปไĀน จะทําĂะไร นี้เรียกü่ารู้ทันĂิริยาบถใĀญ่ยืน เดิน นั่งและนĂน รüมทั้งรู้ทันĂิริยาบถย่Ăย ปกติธรรมดาทั่ü ๆ ไป จะเคี้ยüĂาĀารก ็ รู้ตามเคี้ยü ๆ ๆ จนแĀลก จนกลืน จะĂาบน้ํา จะซักผ้า จะกüาด จะถูบ้าน บ้üนน้ําลาย คลายĀรืĂ ทิ้งน้ํามูก ถ่ายĂุจจาระปัÿÿาüะ ถ้าฝึกĀัดปฏิบัติฝึกĀัดเÿพคุ้นĂย่างนี้การได้เĀ ็ นธรรม เĀ ็ นพระพุทธเจ้าจะชัดเจนขึ้น แล้üจะเกิดคüามรู้ÿึกü่าพระพุทธเจ้าĂยู่กับเราทุก Ăิริยาบถและทั้งüันทั้งคืน ก ็ จะเกิดปีติทั้งüันทั้งคืนเช่นเดียüกัน เĀ ็ นธรรมเĀ ็ น พระพุทธเจ้าก ็ จะชัดเจนยิ่งขึ้น ขĂแต่ทําใĀ้ได้ĀรืĂปฏิบัติตามที่ü่ามาคืĂ ตั้งÿติกําĀนด
๘๐ ĀรืĂรู้ใĀ้ทันปัจจุบัน คู้เข้าก ็ รู้ใĀ้ทันก่Ăน จะเĀยียดĂĂกก ็ ขĂใĀ้มีÿติรู้ทันก่Ăน จะยกมืĂ ขึ้นก ็ ÿติรู้ทันก่Ăน พ่Ăเทýน์Ăยู่เÿมĂü่าเมื่Ăÿติรู้ขาขüาĀรืĂขาซ้ายขณะเดิน ĀรืĂÿติกําĀนดรู้ลม Āายใจเข้าลมĀายใจĂĂก ขณะนั่งĀายใจเข้าก ็ รู้ใĀ้ชัด ĀายใจĂĂกก ็ รู้ใĀ้ชัด ลมĀายใจ ÿั้นก ็ รู้ใĀ้ชัด ลมĀายใจยาüก ็ใĀ้รู้ใĀ้ชัด ÿติรู้ĀรืĂกําĀนดรู้นี้จะเกิดธรรมคืĂ ýีล ÿมาธิ ปัญญา มิใช่เกิดเฉพาะ ýีล ÿมาธิปัญญา จะเกิดรüมไปถึงĂริยมรรคมีĂงค์๘ Ăัน ได้แก่ÿัมมาทิฏฐิÿัมมาÿังกัปปะ ๒ Ăย่างนี้เป็ นตัüปัญญาใน ýีล ÿมาธิปัญญา ÿัมมาüาจา ÿัมมากัมมันตะ ÿัมมาĂาชีüะ ๓ Ăย่างนี้เป็ นตัüýีล ในคําü่า ýีล ÿมาธิปัญญา ÿัมมาüายามะ ÿัมมาÿติÿัมมาÿมาธิเป็ นตัüÿมาธิในคําü่า ýีล ÿมาธิ ปัญญา เมื่Ăÿติได้กําĀนดรู้ปัจจุบันที่ตรงไĀนเช่น ขาขüา ขาซ้าย ก้าüเดิน ĀรืĂนั่ง กําĀนดรู้ลมĀายใจเข้า (Ăัÿÿาÿะ ภาþามคธĀรืĂภาþาบาลี) ลมĀายใจĂĂก (ปัÿÿาÿะ ภาþามคธĀรืĂภาþาบาลี) ก ็ เกิดýีล ÿมาธิปัญญา ทุกขณะที่กําĀนดรู้และก ็ไม่ใช่เกิด เฉพาะýีล ÿมาธิปัญญา เกิดĂริยมรรคมีĂงค์๘ ด้üยเพราะýีล ÿมาธิปัญญา ย่Ăมา จากĂริยมรรคมีĂงค์๘ ดังกล่าüมา และที่เกิดพร้ĂมÿติกําĀนดรู้ไม่ใช่มีแค่นั้น ยังเกิดโยงไปถึงโพธิปักขิยธรรม ๓๗ ประการด้üยเพราะเป็ นธรรมโยงถึงกัน โยงถึงกันเĀมืĂนลูกโซ่Ăันได้แก่ÿติปัฏฐาน ๔ คืĂ กายานุปัÿÿนา รู้ทันกายเคลื่ĂนไĀü เüทนานุปัÿÿนา รู้ทันเüทนาĀรืĂรู้ถึง คüามรู้ÿึกÿุขĀรืĂทุกข์ปüดเมื่Ăย จิตตานุปัÿÿนา รู้ทันจิต มันนึก มันคิด มันเผลĂ มัน Āลง มันนึกคิด เผลĂไปĀลงไป รู้ตัüü่ามันนึกคิดĀรืĂเผลĂ Āลงก ็ใĀ้ตั้งรู้ใĀม่เผลĂไป Āลงไป ก ็ ตั้งÿติรู้ใĀม่Ăย่างนี้เรื่Ăยไป เรียกü่าĂาตาปีเผลĂไปĀลงไปนึกคิดไป ตั้งÿติรู้ ใĀม่เรียกü่าĂาตาปีĂาตาปีกับüิริยะคนละคüามĀมาย üิริยะการขยันทําคüามเพียร
๘๑ ข้Ăที่๔ ธัมมานุปัÿÿนา รู้ทันÿภาüธรรมต่าง ๆ ที่เกิดในขณะทําคüามเพียร เดิน จงกรมĀรืĂเüลานั่ง รู้ทันÿภาüธรรมĂะไรก ็ ตาม ดีĀรืĂไม่ดีภาþาธรรมะ ดีเรียก Ăิฏฐารมณ์ไม่ดีเรียกĂนิฏฐารมณ์ชĂบĀรืĂไม่ชĂบ ตั้งÿติกําĀนดรู้ü่า รู้แล้ü ๆ คืĂรู้ü่า ÿภาüะธรรมมันเกิด Ăย่าใĀ้เกิดคüามรู้ÿึกยินดีĀรืĂยินร้าย ถ้าใĀ้เกิดคüามรู้ÿึกยินดี ĀรืĂยินร้ายเรียกü่า Āüั่นไĀüĀลงใĀลไปตามบ่üงมาร กลายเป็ นüิปัÿÿนูปกิเลÿ ไม่ใช่ üิปัÿÿนา กําĀนดรู้Ăย่างเดียüจึงเป็ นüิปัÿÿนา ถ้าไม่กําĀนดรู้ปล่ĂยจิตĀลงฝ่ายดีĀรืĂ ปล่ĂยใĀ้ยินร้ายไม่พĂใจจะเป็ นüิปัÿÿนูปกิเลÿ ทําใĀ้เพี้ยนĀรืĂบ้าไปได้ทั้งฝ่ายดีและ ฝ่ายไม่ดี ปฏิบัติüิปัÿÿนาต้ĂงกําĀนดรู้ÿภาüะต่าง ๆ และจิตต้Ăงเป็ นจิตÿํานึก คืĂใĀ้จิต เป็ นปกติธรรมดา Ăย่าปล่ĂยจิตใĀ้เป็ นจิตใต้ÿํานึก ถ้าปล่ĂยจิตใĀ้ĀลงคืĂไม่กําĀนดรู้ จิตจะเป็ นจิตใต้ÿํานึก เผลĂĀลงĀรืĂเพี้ยน ง่üงซึม ÿะลึมÿะลืĂ ÿัปปĀงกโงกง่üง ไม่ Āลับก ็ฟุ้ง ĀรืĂไม่ฟุ้งก ็ Āลับ ต้Ăงปฏิบัติติดต่ĂĀรืĂต่Ăเนื่Ăงจึงจะได้เĀ ็ นธรรม เĀ ็ นพระพุทธเจ้าจริง ๆ Ăยู่ ตามใจชĂบ ทําตามใจชĂบ ทําบ้างไม่ทําบ้าง ก ็ จักไม่ได้Ăะไร ไม่เĀ ็ นĂะไร จะเĀ ็ นแต่ ขĂงปลĂม จ้า ต่Ăโพธิปักขิยธรรม ๓๗ ประการ ÿติปัฏฐาน ๔ พูดไปแล้ü ÿัมมัปปธาน ๔ ได้แก่ÿังüรปธาน เพียรĂย่าใĀ้บาปเกิดขึ้น มารตัüร้ายกาจก ็ คืĂ คüามโลภ คüามโกรธ คüามĀลง ถ้าเกิดขึ้นในจิตใจจะกลายเป็ นยักþ์เป็ นมาร เป็ น เปรต เป็ นผีเป็ นปีýาจ Ăÿุรกาย ÿัตü์นรก เป็ นเดียรัจฉานเลย ไม่ใช่มนุþย์จิตüิญญาณ มนุþย์เท่านั้นจึงจะรับธรรมขĂงพระพุทธเจ้า แม้แต่โลภในĂาĀารการกินการนĂน ก ็ มี
๘๒ ผลข้างเคียงคืĂ บาปĀรืĂติดบ่üงมาร รูป เÿียง กลิ่น รÿĂาĀาร โผฏฐัพพะ เย ็ น ร้Ăน Ă่Ăน แข ็ ง ĀรืĂ ผัÿÿะเพý ปĀานปธาน เพียรละบาปที่เกิดขึ้นแล้ü บาปĂะไรที่เกิดขึ้น เคยพูดคําĀยาบ พูด เท ็ จ พูดÿ่Ăเÿียด พูดเพ้Ăเจ้ĂเĀลüไĀลไร้ÿาระ เคยĀลงการกินÿบาย การนĂนÿบาย ขี้ เกียจ ĀลงมĂมเมา ปรนปรืĂในเรื่ĂงĂบายมุขและขĂงเÿพย์ติดทั้งĀลาย ใĀ้เพียรลด ละ เลิก รüมทั้งÿถานเริงรมย์แบบบ้าตัณĀา ภาüนาปธาน เพียรทํา ĀรืĂĂบรมกาย üาจา ใจ ใĀ้ดีใĀ้เป็ นบุญ เป็ นกุýล เป็ น บารมีครบบริบูรณ์ดี Ăนุรักþขนาปธาน เพียรรักþาบุญกุýลคุณงามคüามดีบารมีใĀ้เÿมĂต้นเÿมĂ ปลาย เช่น พูดคüามจริง พูดนิ่มนüล ไพเราะเพราะพริ้งเป็ นประจําÿม่ําเÿมĂต้นเÿมĂ ปลาย ทําบุญÿังฆทาน ถูกกาละเทýะ ไĀü้พระÿüดมนต์ก่ĂนนĂน กรรมฐานÿมาธิ เÿมĂต้นเÿมĂปลาย Ăิทธิบาท ๔ คืĂ ฉันทะ ยินดีพĂใจรักใคร่ในการทําคüามดีÿüดมนต์ภาüนา ÿมาธิ üิริยะ ทําคüามเพียรทางบุญทางกุýล ตามĀลักที่กล่าüมาข้างต้น ๒ Ăย่างคืĂ เจริญÿติตามĀลักÿติปัฏฐาน ๔ (และปธาน ๔) จิตตะ ตั้งจิตจดจ่Ăกับการบําเพ ็ ญเพียรภาüนาĂย่างเพียร üิมังÿา พินิจพิจารณา ĀาüิธีĀากุýโลบายใĀ้ตนเĂงü่าทําĂย่างไรÿมาธิจะ ก้าüĀน้า ÿมาธิจะก้าüĀน้าก ็ จะแÿดงĂาการ ๖ ประการ ๑. ถ้ามีÿัมมาÿติÿัมมาÿมาธิÿัมมาญาณะ จิตจะมุทตา Ă่Ăนโยน ยĂมแพ้ แม้กระทั่งมดแดงมดดํา ไม่มีฆ่า ไม่มีข่ม ไม่ขู่ ไม่โĂ้ไม่Ăüด
๘๓ ๒. ถ้ามีÿัมมาÿติÿัมมาÿมาธิÿัมมาญาณะ เกิดในจิต จิตจะลĀุตา เบาเĀมืĂน แบกขĂงĀนัก เมื่ĂüางขĂงแล้üจะเบา นี้เทียบใĀ้ดูจิตจะเบาก ็ ต้Ăงปล่Ăยüาง ตาเĀ ็ น รูปก ็ปล่Ăยüาง แล้üจิตจะเบาไม่ยึดติด Āูได้ยินก ็ปล่Ăยüาง Ăย่ายึดติด คืĂĂย่าไปใĀ้เกิด คüามยินดีและยินร้าย เĂาĂุเบกขา üางไปปล่Ăยไป จมูก ลิ้น กาย ก ็ เช่นกัน ๓. ĂาการขĂงÿมาธิที่๓ กัมมนิยา คล่Ăงตัü ปรับตัüได้เร ็ üทันÿมัย ไม่ĂืดĂาด ยืดยาด ไปไĀนมาไĀน ทําĂะไรจะถึงก่ĂนคนĂื่น ปรับตัüทันÿมัย ทําการทํางานก ็ เÿร ็ จ เรียบร้Ăย รüดเร ็ ü ทันใจ ๔. ĂาการขĂงÿมาธิที่ü่าก้าüĀน้าที่๔ ÿุÿมาĀิตา ราบเรียบÿงบเย ็ นจะเกิดขึ้น ในจิต นี้เป็ นĂาการทางจิตที่มีÿมาธิก้าüĀน้า ÿัมมาÿติÿัมมาÿมาธิÿัมมาญาณะ จะมี กําลังประคับประคĂงจิตใĀ้ราบเรียบÿงบเย ็ น ๕. Ăาการที่๕ ปริÿุทธา ĂาการขĂงจิตจะราบเรียบÿงบเย ็ น ผ่Ăงแผ้ü แช่มชื่น ร่าเริง ๖. ปริโยธาตา โปร่งเย ็ น ü่าง üาง เป็ นĂิÿระจากÿรรพกิเลÿน้ĂยใĀญ่จะมาเป็ น เจ้าเรืĂนในใจไม่ได้ไม่ตกเป็ นทาÿ Āาÿิ่งขĂงมามĂมเมาปรนปรืĂ มันĂยากได้Ăะไร ĂยากกินĂะไร ก ็ ดิ้นรนแÿüงĀามา นี้เป็ นĂาการขĂงÿมาธิก้าüĀน้า และĂิทธิบาท ๔ ข้Ă Ăินทรีย์๕ ก ็ มีÿัทธา üิริยะ ÿติÿมาธิปัญญา ๑. ÿัทธาĀรืĂýรัทธา คüามเชื่Ăมั่นĀลักธรรมĀรืĂเชื่Ăมั่นในกุýลÿมาธิในการ บําเพ ็ ญเพียรภาüนาเพื่ĂĀาทางĀลุดพ้นจากüัฏฏÿงÿาร การเüียนเกิดเüียนตายไม่ใĀ้ ต้ĂงกลับมาเกิดมาตายในโลกĂันน่าเĀลืĂĂดเĀลืĂทนนี้Ăีก ซ้ํา ๆ ซาก ๆ ไม่Āüั่นไĀü คลĂนแคลน
๘๔ ๒. üิริยะ ขยันทําคüามเพียร เÿี่ยงเป็ นเÿี่ยงตายแบบเĂาชีüิตเป็ นเดิมพัน เป็ นก ็ เป็ น ตายก ็ ยĂมตายไปพร้Ăมการทําเพียรภาüนา ๓. ÿติในเมื่Ăเชื่Ăมั่นและĀมั่นทําเพียรภาüนาต่Ăเนื่Ăงแล้ü ÿติก ็ จักมีกําลังมั่นคง ในการกําĀนดรู้ไม่เผลĂไม่ĀลงĀรืĂเผลĂน้ĂยĀลงน้Ăย ÿติที่พยายามทําĀน้าที่ไม่เผลĂ ไม่Āลงก ็ จักกําĀนดได้คล่Ăงตัü จะกลายÿภาพจากÿติธรรมดาเป็ นมĀาÿติเมื่Ăÿติเป็ น มĀาÿติแล้ü ýีล ÿมาธิปัญญา ก ็ จะแปรÿภาพกลายตาม จะยกฐานะÿูงขึ้นตามมĀาÿติ คืĂเมื่ĂกําĀนดรู้ได้คล่Ăง ไม่เผลĂไม่Āลงไม่นึกคิดปรุงแต่ง นี่แĀละเรียกü่าÿติแปร ÿภาพเป็ นมĀาÿติýีล ÿมาธิปัญญา ก ็ ยกฐานะÿูงขึ้นตาม จากýีลก ็ จะแปรเป็ นĂธิýีล จากÿมาธิธรรมดาก ็ จะแปรÿภาพเป็ นĂธิจิต เพราะไม่คิดไปนĂก คิดและติดแต่กับรูป กับนาม ไม่ĂĂกไปคิดเพลินÿนุก ไม่ปรุงแต่งเรื่ĂงนĂกไปจากการกําĀนดรู้รูปนามĂย่าง เดียü และปัญญาก ็ จักแปรÿภาพเป็ นĂธิปัญญา รู้แจ้งเĀ ็ นจริงในรูปในนาม ÿภาüะ ต่าง ๆ ที่เรียกü่าÿภาüธรรม ĀรืĂคําü่าธัมมานุปัÿÿนา รู้ตามĀรืĂตามรู้ÿภาüธรรม ก ็ จะรู้แจ้งเĀ ็ นจริง ธาตุแท้ĀรืĂคüามจริงขĂงÿภาüธรรมทุกชนิด ก ็ ตกในชตากรรม เĀมืĂน ๆ กัน ุĂุปปาทะ เกิดขึ้น ฐีติตั้งĂยู่ภังคะ ดับไป นี่Ăธิบายครบถ้üนĂินทรีย์๕ ÿัทธา üิริยะ ÿติÿมาธิและปัญญา พละ ๕ นี้ก ็ เป็ นธรรมะข้ĂเดียüกับĂินทรีย์๕ คืĂ ÿัทธา üิริยะ ÿติÿมาธิและ ปัญญา เพียงแต่ต่างกันตรงที่ü่าเมื่ĂใดĀรืĂเริ่มแรกปฏิบัติขĂงทุกๆคนจะติดตามÿมมุติ บัญญัติตามแบบขĂงชาüโลกเช่นกัน เช่น üัü คüาย ช้าง ม้า ĀมูĀมา เป็ ด ไก่คน ทะเล ป่าไม้ก้ĂนĀิน กุ้ง ปูปลา ĀĂย นี้ÿมมุติบัญญัติ
๘๕ ย้Ăนเข้ามาĀาตัüเรา ผม ขน เล ็ บ ฟัน Āนัง เนื้Ă เĂ ็ น กระดูก ม้าม Āัüใจ ตับ พังผืด ไต ปĂด ไÿ้ใĀญ่ ไÿ้น้Ăย ĂาĀารใĀม่ĂาĀารเก่า นี้ÿมมุติบัญญัติถ้าใĀ้ชี้ĀรืĂใĀ้ จับü่าĂะไรเป็ นคน จับดูÿิพĂจับ ถูกจับตรงไĀนมันไม่ถูกคน จะถูกขนถูกĀนัง แล๋Āนัง ĂĂกก ็ เป็ นเลืĂดเป็ นเนื้Ă แล๋เนื้ĂĂĂกก ็ จะเĀลืĂแต่กระดูกเพราะถูกÿมมุติซ้ําซ้Ăน เลย Āาคนไม่เจĂ ถ้าติดÿมมติบัญญัติมันก ็ ติดการแยกแยะ จิตมันก ็ Āยาบ เป็ นปุถุชนเพียง ใĀ้เกิดรู้ÿึกü่าเป็ นรูปธรรมนามธรรม เป็ นÿภาüะ Ăุปาทะเกิดขึ้น ฐีติตั้งĂยู่ภังคะดับไป เท่านั้น มีĂีกคําĀนึ่งที่ท่านพูดĀรืĂพระพุทธเจ้าเทýนาไü้และใกล้เคียงกับคüามเป็ นจริง คืĂ รูปธรรม นามธรรม รูปธรรมคืĂÿ่üนที่เป็ นรูปเป็ นร่าง นามธรรมคืĂÿ่üนจิตĀรืĂ üิญญาณ ÿิ่งที่พระพุทธĂงค์เทýนาü่าร่างกายเป็ นที่รüมขĂงธาตุทั้งÿี่คืĂ ดิน น้ํา ลม ไฟ เป็ นที่รüมขĂงขันธ์๕ คืĂ ๑. รูปขันธ์Āมายถึงร่างกาย ยาüüาĀนาคืบ ๒. เüทนา ขันธ์Āมายถึงคüามรู้ÿึกÿบายและไม่ÿบาย ๓. ÿัญญาขันธ์ĀมายถึงการจําĂะไรใน Ăดีตที่ผ่านมา ๔. ÿังขารขันธ์Āมายถึงนึกคิดปรุงแต่งเรื่Ăงต่าง ๆ ในเรื่Ăงข้างĀน้าĀรืĂ Ăนาคตทียังมาไม่ถึง ÿัญญาขันธ์กับÿังขารแยกกันตรงĂดีต ถ้านึกคิดปรุงแต่งเรื่ĂงĂดีต เป็ นÿัญญา ถ้านึกคิดปรุงแต่งเรื่ĂงĂนาคตเป็ นÿังขาร ๕. üิญญาณขันธ์คืĂการรู้ĀรืĂ รู้ทัน ตาเĀ ็ นรูปก ็ รู้Āูได้ยินเÿียงก ็ รู้จมูกได้กลิ่น ลิ้นถูกกับรÿเค ็ มรÿĀüานก ็ รู้กาย ถูกต้Ăงเย ็ นร้ĂนĂ่Ăนแข ็ งรู้ทัน เรียกü่าüิญญาณขันธ์ กําĀนดรู้ÿิ่งที่เป็ นจริงในปัจจุบันเป็ นüิปัÿÿนาĀรืĂüิปัÿÿนาญาณ Ăดีตที่ผ่านมา ก ็ไม่ใช่Ăนาคตที่ยังมาไม่ถึงก ็ไม่ใช่üิปัÿÿนา Ăินทรีย์๕ กับพละ ๕ เป็ นธรรมะข้Ăเดียüกัน แต่ตĂนแรกแรกกําĀนดĀรืĂปฏิบัติแรก ถ้าจิตยังติดÿมมติบัญญัติมันจะมีการ นึกคิดปรุงแต่งÿับÿนüุ่นüาย
๘๖ เมื่Ăจิตละÿมมติบัญญัติแล้ü และมีĂาการÿมาธิทั้ง ๖ เกิดขึ้นในจิต จะละÿมมติ บัญญัติคืĂĂยู่กับรูปกับนามภายในĂย่างเดียü ไม่คิดĂĂกไปเพ่นพ่านภายนĂก พยายามฝึกĀัดÿัมผัÿเÿพคุ้นกับÿภาüะดังกล่าüมา เรื่องต่าง ๆ ก ็ จะชัดเจนมี คําตอบเกิดขึ้นทุกขณะไป ถ้าปฏิบัติกําĀนดรู้อิริยาบถใĀญ่คือ ยืน เดิน นั่ง นอน อิริยาบถย่อย เคี้ยüอาĀาร กลืนอาĀาร เดินไปเดินมา อาบน้ํา ซักผ้า แปรงฟัน บ้üนน้ําลาย คลายน้ํามูก ถ่ายอุจจาระ ถ่ายปัÿÿาüะ กําĀนดรู้ปัจจุบันใĀ้ได้ทุกขณะ ยังไม่ได้ก ็ พยายามทําใĀ้ได้จิตจะเข้าÿู่กระแÿพระนิพพาน เมื่อจิตเข้าÿู่กระแÿพระ นิพพาน จิตจะน้อมไป โน้มไป น้าüไป ÿู่พระนิพพาน เĀมือนแม่น้ําน้อยแม่น้ําใĀญ่ ไĀลไป บ่าไป โอนไปÿู่มĀาÿมุทร ยากĀน่อย แต่ก ็ ขอใĀ้ใช้คüามเพียรของบุรุþ คüามพยายามของบุรุþ ถ้า ตั้งใจปฏิบัติเก ็ บĂารมณ์เก ็ บÿมาธิไม่นั่งĀลับนั่งฟุ้ง รู้ตัüตื่นตัüคล่Ăงตัü ปฏิบัติต่Ăเนื่Ăง ÿม่ําเÿมĂแล้ü พระพุทธĂงค์ทรงยืนยันü่า ๑. ผู้มีธุลีในดüงตาน้Ăย ĀรืĂกิเลÿในดüงปัญญาน้Ăย ก ็ จะประÿพผลÿําเร ็ จภายใน ๗ üัน ๒. ผู้มีธุลีในดüงตาปานกลาง ĀรืĂกิเลÿในดüงกันยายนปานกลาง ก ็ จะประÿพ ผลÿําเร ็ จภายใน ๗ เดืĂน ๓. ผู้มีธุลีในดüงตามาก ĀรืĂกิเลÿในดüงปัญญามาก ก ็ จะประÿพผลÿําเร ็ จภายใน ๗ ปี ชีüิตยังเĀลืออยู่ทําไปปฏิบัติไป ÿักüันก ็ ถึงที่ÿุด เมื่อไĀร่นานเท่าไร ก ็ อย่าไป คิด ขอแต่ทําไป
๘๗ พระพุทธĂงค์แÿดงธรรมไü้ü่า üิริโยน ทุกฺขมจฺเจติคนจะถึงที่ÿุดทุกข์ได้เพราะคüามเพียร จ้า โพธิปักขิยธรรมต่ĂĂีก Āายไป ๒ คืĂ คืĂโพชฌงค์๗ Ăันได้แก่ÿติÿัมโพชฌงค์ ธัมมüิจยÿัมโพชฌงค์คüามรู้ÿึกเกิดการüิจัยüิจารณ์พินิจพิเคราะĀ์พิจารณาĀรืĂคิดฟุ้ง ในĀลักธรรม üิริยÿัมโพชฌงค์ปิติÿัมโพชฌงค์ปัÿÿัทธิÿัมโพชฌงค์ÿมาธิÿัมโพชฌงค์ Ăุเบกขาÿัมโพชฌงค์ Ăริยมรรค มีĂงค์๘ ได้แก่ÿัมมาทิฏฐิĂธิบายĂĂกก ็ คืĂĂริยÿัจ ๔ ÿัมมา ÿังกัปปะคืĂรักþาจิตมิใĀ้ตกไปจากปัจจุบัน ÿัมมาüาจา พูดเท่าที่จําเป็ นĀรืĂปิดüาจา ÿัมมากัมมันตะ กระทําชĂบคืĂเจริญÿติตามĀลักÿติปัฏฐาน ÿัมมาĂาชีüะ เลี้ยงชีüิต ชĂบคืĂĂยู่ง่าย กินง่าย Ăะไรก ็ได้เพียงเป็ นĂาĀารยังชีพĂยู่ได้ÿัมมาüายามะ พยายาม ชĂบคืĂเจริญÿติปัฏฐาน ๔ ÿัมมาÿติÿัมมาÿมาธินี้ถ้าÿติกําĀนดรู้ทุกÿภาüะ ทุก Ăิริยาบถ ÿัมมาÿติÿัมมาÿมาธิก ็ ÿมบูรณ์แบบ ยังพูดถึงเรื่Ăงรูปเรื่Ăงนามยังไม่จบ เริ่มจากขันธ์ทั้ง ๕ รูปขันธ์เป็ นรูปมีĂย่าง เดียü แต่เüทนาขันธ์คืĂคüามรู้ÿึกÿุข ĀรืĂรู้ÿึกทุกข์ĀรืĂÿบาย ไม่ÿบาย ÿัญญาขันธ์คüามจํา ท่านกําĀนดถ้าจําได้ĀรืĂนึกคิดปรุงแต่งเรื่Ăงที่ผ่านมาที่ เรียกü่าĂดีต เป็ นÿัญญาขันธ์ ÿังขารขันธ์นึกคิดปรุงแต่งเรื่Ăงข้างĀน้าĀรืĂที่เรียกü่าĂนาคต เป็ นÿังขารขันธ์ ÿัญญาขันธ์กับÿังขารขันธ์เป็ นการนึกคิดปรุงแต่งเĀมืĂนกัน แต่จะแยกกันตรงĂดีตกับ Ăนาคต Ă่านใĀ้ดี
๘๘ üิญญาณขันธ์Āมายถึงการรู้ทันปัจจุบัน เช่น ตาเĀ ็ นรูปก ็ รู้ทันü่าĂะไรเป็ นĂะไร Āูได้ยินเÿียงก ็ รู้ทันü่าเÿียงĂะไร จมูกได้กลิ่นก ็ รู้ทันü่ากลิ่นเĀม ็ นĀรืĂกลิ่นĀĂม ลิ้นถูก รÿĂาĀารก ็ รู้ได้ทันü่าĂร่Ăยไม่Ăร่Ăย กายถูกต้ĂงĂะไรก ็ รู้ทันü่าเย ็ นĀรืĂร้Ăน Ă่ĂนĀรืĂ แข ็ ง üิญญาณขันธ์ทําĀน้าที่รู้Ăย่างเดียü ต้ĂงแยกกันใĀ้ĂĂก รüมเüทนาขันธ์ÿัญญาขันธ์ÿังขารขันธ์üิญญาณขันธ์ÿี่Ăย่างนี้เป็ นนามĀรืĂ นามธรรม ทีนี้ในเรื่ĂงขĂงĂายตนะภายนĂก Ăายตนะภายใน เป็ นคู่กัน ĂายตนะภายในคืĂ ตา Āูจมูก ลิ้น กาย รüมถึงจิต เรียกใĀ้เต ็ มýัพท์ก ็ มีคําü่าใจ คืĂจิตใจ เช่น ตาเĀ ็ นรูป Ăะไรเป็ นรูป Ăะไรเป็ นนาม รูปที่มĂงเĀ ็ นเป็ นรูป üิญญาณที่ทํา Āน้าที่รู้เĀ ็ นเป็ นนาม คําü่าüิญญาณก ็ ตัดĂĂกมาจาก üิญญาณขันธ์ Āูได้ยินเÿียง Ăะไรเป็ นรูป Ăะไรเป็ นนาม ข้Ăนี้เÿียงเป็ นรูปในฐานะเป็ นคู่ปรับĀู üิญญาณผู้ทําĀน้าที่รู้เป็ นนาม จมูกได้กลิ่น Ăะไรเป็ นรูป Ăะไรเป็ นนาม กลิ่นเป็ นรูปเพราะเป็ นคู่ปรับกับจมูก üิญญาณผู้ทําĀน้าที่คĂยรู้เป็ นนาม ลิ้นถูกรÿĂาĀาร Ăะไรเป็ นรูป Ăะไรเป็ นนาม รÿĂาĀารเป็ นคู่ปรับกับลิ้นเป็ นรูป üิญญาณผู้ทําĀน้าที่รู้เป็ นนาม กายถูกต้Ăง เย ็ น ร้Ăน Ă่Ăน แข ็ ง Ăะไรเป็ นรูป Ăะไรเป็ นนาม ผัÿÿะต่าง ๆ ที่มา ถูกต้Ăงกายไม่ใช่เฉพาะเย ็ น ร้Ăน Ă่Ăนและแข ็ ง เป็ นรูป üิญญาณผู้ทําĀน้าที่รู้ก ็ เป็ นนาม เĀมืĂนเĀมืĂนกัน กรณีพิเýþ จิตใจถูกต้Ăงÿภาüธรรมต่าง ๆ ĀรืĂÿภาüธรรมทุกชนิด เช่น คüาม ร้Ăนรุ่ม กระüนกระüาย กระÿับกระÿ่าย ĂึดĂัด รําคาญ รüมไปถึง คüามโลภ คüาม Ăยาก คüามต้Ăงการ คüามเร่งร้Ăน ĂยากใĀ้เÿร ็ จ ĂยากใĀ้ถึง ĂยากĀยุด Ăํานาจฝ่าย
๘๙ กิเลÿ ฝ่ายต่ํา ที่เราไม่ต้Ăงการไม่ชĂบ รüมถึงคüามĀลง โกรธ เกลียด เคียดแค้น ĂาฆาตจĂงเüร ÿภาüธรรมฝ่ายดีĂันเกิดจาก ปีติÿมาธิĂุเบกขา ที่เลิýลĂย ที่เราชĂบ ที่ ต้Ăงการ ตัüเบาตัüลĂยรüมไปถึงĂํานาจปีติทําใĀ้เกิดคüามรู้ÿึกเนื้Ăเต้น เĂ ็ นกระตุก ขนลุก ขนพĂง น้ําตาไĀลและตัüโยกตัüคลĂน ĂํานาจปีติทําใĀ้เกิดĂาการเĀล่านี้ เมื่Ăจิตเกิดคüามรู้ÿึกต่าง ๆ เĀล่านี้ถ้ามีคüามคิดĀรืĂคําถามĂย่างเดียüü่า Ăะไรเป็ นรูป Ăะไรเป็ นนาม ตĂบได้เลยü่าเป็ นนามทั้งÿĂงĂย่าง ไม่มีรูป จะแยกแยะ เป็ นรูปไม่ได้เด ็ ดขาดเพราะจะÿัมผัÿด้üยตา Āูจมูก ลิ้น กาย ไม่ได้เĀ ็ นแต่นามธรรม ĀรืĂเป็ นนามĂย่างเดียü เรื่Ăงรูป เรื่Ăงนาม ก ็ จบแค่นี้ การกําĀนดรู้ĀรืĂการเจริญÿติเüลาก้าüขาขüาĀรืĂก้าüขาซ้ายในการเดิน จงกรมที่พาเดินก ็ ดีĀรืĂตั้งÿติรู้ĀรืĂกําĀนดรู้ขณะนั่ง ตั้งÿติรู้ĀรืĂกําĀนดรู้จะเกิดผล ĀรืĂเกิดธรรมะทุกขณะที่กําĀนดรู้ถ้าไม่กําĀนดรู้จะไม่เกิดกุýลธรรม ตามที่ได้กล่าüมา ถ้าได้ตั้งÿติกําĀนดรู้ทุก ๆ ขณะ กุýลธรรมทั้งĀลายที่ยังไม่เกิดก ็ เกิดขึ้น ที่เกิดขึ้นแล้üก ็ จะเจริญยิ่งขึ้น กุýลธรรมĂะไรเกิดพร้Ăมÿติได้พูดผ่านมาแล้ü การกําĀนดรู้ĀรืĂการมีÿติกําĀนดรู้Ăธิบายในแง่เĀ ็ นĂริยะÿัจจ์ก ็ เĀ ็ นĂริยะÿัจจ์ ทุกขณะ Ăธิบายในแง่เĀ ็ นรูปเกิดนามเกิด รูปดับนามดับ ก ็ จะเĀ ็ นรูปเกิด นามเกิด รูปดับ นามดับ ไปทุกขณะกําĀนดรู้ Ăธิบายในแง่เĀ ็ นพระไตรลักþณ์ก ็ จะเĀ ็ นพระไตรลักþณ์ไปทุกขณะ เĀ ็ นพระไตรลักþณ์คนยังเข้าใจÿับÿนĂยู่ถ้าไม่ปฏิบัติจริง ๆ จัง ๆ ร้Ăยละร้Ăยเ ปĂร์เซนต์ก ็ เข้าใจไม่ถูกตามคüามĀมายขĂงพระพุทธเจ้า
๙๐ ถ้านั่งĀลับตาลง เĀ ็ นโน่นเĀ ็ นนี่เĀ ็ นนิมิต เĀ ็ นผีเĀ ็ นพระพุทธรูป เĀ ็ นเทüดา นี่ เป็ นการเĀ ็ นผิดเพี้ยนตามคําÿĂนขĂงพระพุทธเจ้า คําü่ารู้แจ้งเĀ ็ นจริง ไม่ใช่ตาเนื้ĂเĀ ็ น ĀรืĂไม่ใช่เĀ ็ นนิมิต ตาเนื้ĂมันจะมĂงเĀ ็ นแค่ข้างĀน้า ลูกตาĀรืĂตาเนื้ĂจะเĀ ็ นก ็ เĀ ็ นได้ ไม่Āมด แม้แต่ขนตาĂยู่ใกล้ๆ ลูกตา ตาก ็ มĂงไม่เĀ ็ น คําü่ารู้แจ้งเĀ ็ นจริง พระพุทธĂงค์Āมายถึง ใช้ตาใน คืĂÿติÿัมปชัญญะ ÿติกับ ÿัมปชัญญะเป็ นตาพิเýþ เมื่Ăได้เจริญตามĀลักÿติปัฏฐาน ๔ แล้ü ÿติกับÿัมปชัญญะจะรüมตัüเป็ นĀนึ่ง รüมเป็ นตาใน คĂยรู้คĂยดูคĂยÿังเกตและรู้ตัü ตื่นตัü คล่Ăงตัü ทุกĂิริยาบถใĀญ่คืĂ ยืน เดิน นั่งและนĂน และรู้ทันĂิริยาบถน้ĂยคืĂการเคี้ยüĂาĀาร กลืนĂาĀาร Ăาบน้ํา ซักผ้า เช ็ ด ปัด กüาด บ้üนน้ําลาย คลายน้ํามูก ถ่ายĂุจจาระ ถ่ายปัÿÿาüะ ตาในคืĂÿติÿัมปชัญญะนี้แĀละ จะเป็ นเĀตุใĀ้เข้าใจในการเĀ ็ นพระไตรลักþณ์ Ăย่างถูกต้Ăง ตามคüามĀมายขĂงการเĀ ็ นพระไตรลักþณ์ต้Ăงใช้ตาในคืĂ ÿติÿัมปชัญญะ เĀ ็ นพระไตรลักþณ์ถ้าคิดเĀ ็ นĀรืĂตามคüามเข้าใจขĂงคนทั่üไปเป็ นการเĀ ็ น พระไตรลักþณ์แบบÿมมติบัญญัติร้Ăยละร้ĂยเปĂร์เซ ็ นต์ถ้าไม่เข้าใจĀรืĂไม่ได้ปฏิบัติ จริง ๆ จัง ๆ ก ็ จะเĀ ็ นพระไตรลักþณ์แบบเĀ ็ นÿมมติบัญญัติคืĂคิดเĂงü่าคนเราเกิดมา แรกĂยู่ในท้Ăงแม่แรกจริง ๆ จะเป็ นน้ํา นานüันĀรืĂเดืĂนจะเป็ นก้Ăนเนื้Ă นานเดืĂนก ็ จะแตกกิ่งก้านÿาขาเป็ นĀูเป็ นตา เป็ นแขนเป็ นขา เป็ นĀัüเป็ นลําตัü ĂีกĀน่Ăย ๘ เดืĂน ๙ เดืĂนก ็ จะคลĂดĂĂกมาเป็ นเด ็ กแบเบาะร้ĂงĂุแü้นานเดืĂนก ็ เป็ นเด ็ กโตคลานได้ ĂีกĀลายปีก ็ เข้าโรงเรียน ĂีกĀน่ĂยĂĂกจากโรงเรียนเป็ นเด ็ กüัยรุ่น ĂีกĀน่ĂยĀลายปีก ็ เป็ นĀนุ่มเป็ นÿาü ก ็ แต่งงานมีลูก ก ็ เป็ นพ่Ăคนแม่คน ĂีกĀน่ĂยĀลายปีก ็ แก่เฒ่าและก ็ เน่าเข้าโรงไป กลายเป็ นดินเป็ นทราย เป็ นปุ๋ยเป็ นĀญ้า