The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการจัดการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 หน่วยที่ 2

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by puifaichalita, 2022-10-29 13:53:19

แผนการจัดการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 หน่วยที่ 2

แผนการจัดการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 หน่วยที่ 2

แผนการจัดการเรียนรู
รายวิชาวิทยาศาสตร

ชั้นประถมศึกษาปที่ 3
หนวยการเรียนรูท่ี 2
เร่ือง อากาศและชีวิตของสัตว

นางสาวชลติ า วริ ยิ ะมงั่ มี รหสั นกั ศกึ ษา 63040112106

นายนรนิ ทร คนั ธี รหสั นกั ศกึ ษา 63040112108

นายฉตั รชยั เปนมงคล รหสั นกั ศกึ ษา 63040112113

นายศภุ ลกั ษณ ผาบครี ี รหสั นกั ศกึ ษา 63040112122

นายเศรษฐาพงศ บสุ ดี รหสั นกั ศกึ ษา 63040112131

แผนการจดั การเรียนรู้

วชิ า วิทยาศาสตร์
กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

ระดบั ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 3

นางสาวชลิตา วริ ิยะมั่งมี 63040112106
นายนรนิ ทร์ คนั ธี 63040112108
นายฉตั รชัย เป็นมงคล 63040112113
นายศุภลักษณ์ ผาบครี ี 63040112122
นายเศรษฐาพงศ์ บสุ ดี 63040112131

สาขาวทิ ยาศาสตร์ท่วั ไปและเคมี

การจดั การเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ระดับประถมศกึ ษา (ES14301)
คณะครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภัฏอุดรธานี
ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2565



คำนำ

แผนการจัดการเรียนรู้ฉบับนี้ ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการสอนรายวิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐาน หน่วยการ
เรียนรู้ที่ 2 ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่เกิดจากการวิเคราะห์สภาพการจัดการเรียนการสอน เพื่อวางแผน
พฒั นาการเรยี นการสอนใหม้ ีประสทิ ธิภาพ

แผนการจัดการเรียนรู้ฉบับนี้ ได้รวบรวมข้อมลู ไมว่ ่าจะเป็นคำอธิบายรายวิชา โครงสร้างหลักสูตรรายวิชา
กำหนดการสอนรายวิชา และแผนการจัดการเรียนรู้ ประกอบด้วยมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัด สาระสำคัญ
จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ข้นั ตอนการจัดกจิ กรรมการเรียนแบบใช้ทักษะกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ สื่อและแหล่ง
การเรียนรู้ การวดั และประเมนิ ผล

หวังเป็นอย่างยิ่งว่าแผนการจัดการเรียนรู้ฉบับนี้ จะสามารถนำไปใช้ประกอบการจัดการเรียนการสอน
รายวชิ าวิทยาศาสตร์ นำไปส่กู ารพัฒนาที่ถูกต้องและเกดิ ผลแก่ผเู้ รียนเปน็ อยา่ งดี

คณะผู้จดั ทำ

เร่อื ง สารบญั ข

คำนำ เรื่อง อากาศ หน้า
สารบญั เรอ่ื ง สว่ นประกอบและความสำคญั ของอากาศ
คำอธบิ ายรายวชิ า เรอ่ื ง มลพิษทางอากาศ ก
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 1 เรอ่ื ง การดำรงชวี ิตของสัตว์ ข
เรอ่ื ง การดำรงชวี ิตของสตั วแ์ ละมนษุ ย์ ค
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง การดำรงชีวติ ของสัตว์และมนษุ ย์ (ต่อ) 1
เรื่อง วฎั จักรชีวิตของสัตว์ 13
36
54
61
70
77



ว13101 วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี คำอธบิ ายรายวชิ า
ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ 3
กลุ่มสาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เวลา 80 ช่ัวโมง

ศกึ ษา วิเคราะห์ อธิบาย ทดลอง และฝกึ ทักษะการแก้ปญั หาต่อไปนี้
ปัจจัยที่สำคัญต่อการดำรงชีวิต การเจริญเติบโตและวัฏจักรชีวิตของสัตว์ชนิดต่างๆ เช่น ผีเสื้อ กบ ไก่
มนุษย์ การแยกชิ้นส่วนของวัตถุออกจากกันและสามารถนำชิ้นส่วนเหล่านั้นมาประกอบเป็นวัตถุชิ้นใหม่
การเปลี่ยนแปลงของวัสดุเมื่อให้ความร้อนและทำให้วัสดุเย็นลง แรงดึง แรงผลัก แรงแม่เหล็ก และการเคลื่อนท่ี
ของวัตถุ พลังงาน เช่น พลังงานกล พลังงานไฟฟ้า พลังงานแสง พลังงานเสียงและพลังงานความร้อน
การเปลี่ยนแปลงพลังงานหนึ่งไปเป็นอีกพลังงานหนึ่ง ไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานธรรมชาติ เช่น พลังงานจากลม
พลงั งานจากน้ำ พลังงานจากแก๊สธรรมชาติ ความสำคญั ของไฟฟา้ ในชีวิตประจำวัน การข้นึ และตกของดวงอาทิตย์
การหมุนรอบตัวเองของโลกขณะโคจรรอบดวงอาทิตย์ ความสำคัญของดวงอาทิตย์ อากาศและการลดมลพิษทาง
อากาศ การแสดงอัลกาลิทึมในการทำงานหรือแก้ไขปัญหาอย่างง่ายโดยใช้ภาพ สัญลักษณ์ หรือข้อความ
เขียนโปรแกรมอย่างง่าย โดยใช้ซอฟต์แวร์หรือสื่อ และตรวจหาข้อผิดพลาดของโปรแกรม การใช้อินเทอร์เน็ตหา
ความรู้ รวบรวม ประมวลผล และนำเสนอข้อมูลโดยใช้ซอฟต์แวร์ตามวัตถุประสงค์ การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
อย่างปลอดภัย และปฏิบัติตามข้อตกลงในการใช้อนิ เทอรเ์ น็ต
โดยใช้ทักษะสื่อสาร การคิด แก้ปัญหา เทคโนโลยี และกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ที่หลากหลายมาใช้แก้ปัญหาในสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม มีการเรียนรู้แบบบูรณาการ การเรียนรู้ด้วย

ตนเอง กระบวนการสร้างความรู้ การเรียนรู้จากประสบการณ์จริง การปฏิบัติ ลงมือทำจริง การจัดการ การวิจัย

การคิด และกระบวนการทางสงั คม

เพื่อให้เกิดคุณลักษณะอันพึงประสงค์ มีความรับผิดชอบ ใฝ่เรียนรู้ มุ่งมั่นในการทำงาน มีวินัย อยู่อย่าง

พอเพยี ง พร้อมท้งั ตระหนกั ถึงในคุณค่า และมีเจตคตทิ ด่ี ีต่อวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

ตวั ช้วี ัด
ว1.2 ป.3/1, ป.3/2, ป.3/3, ป.3/4
ว2.1 ป.3/1, ป.3/2
ว2.2 ป.3/1, ป.3/2, ป3/3, ป.3/4
ว2.3 ป.3/1, ป.3/2, ป.3/3
ว3.1 ป.3/1, ป.3/2, ป.3/3
ว3.2 ป.3/1, ป.3/2, ป.3/3, ป.3/4
ว4.2 ป.3/1, ป.3/2, ป.3/3, ป.3/4, ป.3/5



รวมทั้งหมด 25 ตัวชวี้ ดั

1

แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 1 ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 3
กลมุ่ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เวลา 22 ชวั่ โมง
หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 2 อากาศและชีวติ ของสัตว์ จํานวน 1 ชัว่ โมง
เรอ่ื ง อากาศ ผู้สอน นายฉตั รชัย เปน็ มงคล
ภาคเรียนท่ี 2/2565

1. สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้ และตวั ชวี้ ัด
สาระท่ี 3 วิทยาศาสตร์และอวกาศ
มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจองค์ประกอบและความสัมพันธ์ของระบบโลก กระบวนการ เปลี่ยนแปลงภายใน

โลก และบนผวิ โลก ธรณีพบิ ัตภิ ัย กระบวนการเปลีย่ นแปลงลมฟา้ อากาศและ ภมู ิอากาศโลก รวมทงั้ ผลต่อสง่ิ มีชีวิต
และสง่ิ แวดลอ้ ม

ตัวชี้วัด ป.3/1 ระบุสวนประกอบของอากาศ บรรยายความสําคัญของอากาศ และผลกระทบของมลพิษ
ทางอากาศตอสิง่ มีชวี ิต จากขอมลู ทร่ี วบรวมได
2. สาระสําคัญ

อากาศโดยทัว่ ไปไมม่ สี ีไมม่ ีกลน่ิ ประกอบดว้ ยแกส๊ ไนโตรเจน แกส๊ ออกซเิ จน แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์
แกส๊ อืน่ ๆ รวมทัง้ ไอน้ำ และฝนุ่ ละออง อากาศมีความสาํ คญั ต่อสิ่งมชี วี ิต หากสว่ นประกอบของอากาศไม่เหมาะสม
เนื่องจากมีแก๊สบางชนิดหรือฝุ่นละอองในปริมาณมาก อาจเป็นอันตรายต่อส่ิงมีชวี ิตชนิดต่าง ๆ จัดเป็นมลพิษทาง
อากาศ
3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ เมื่อเรยี นจบบทเรยี นน้แี ล้วนักเรียนสามารถ

ดา้ นความรู้ (K)
1. ระบสุ วนประกอบของอากาศได้
2. บรรยายความสําคัญของอากาศและผลกระทบของมลพิษทางอากาศตอสิ่งมีชีวิต จากขอมูลท่ีรวบรวม
ได
ด้านทักษะและกระบวนการ (P)
1. ตระหนักถงึ ความสาํ คญั ของอากาศ โดยนาํ เสนอแนวทางการปฏิบัตติ นในการลดมลพษิ ทางอากาศ
ด้านเจตคติ (A)
1. มีความรับผิดชอบในการทาํ งาน แสดงความคิดเห็น และยอมรับฟงั ความคดิ เหน็ ของผู้อืน่ ได้
4. สาระการเรยี นรู้

มลพษิ ทางอากาศ (Pollution)

อากาศเปน็ สิง่ จําเป็นต่อการดํารงชวี ติ ของสง่ิ มีชวี ิต โดยปกติอากาศรอบตัวเราเป็นอากาศสะอาด
ไม่มีกล่ิน ไม่มสี ิ่งเจอื ปน แต่ในปจั จบุ นั พบว่าอากาศในบางพ้ืนทไ่ี มส่ ะอาด เพราะมีส่งิ เจือปน ในอากาศ
เชน่ มีฝนุ่ ละอองในปริมาณ มากกว่าปกติเปน็ เวลานาน จะทาํ ให้ เกดิ อนั ตรายต่อส่งิ มชี วี ติ อากาศทมี่ ี กลน่ิ
เหม็นหรอื มสี ารพิษบางอยา่ งซง่ึ จะสง่ ผลเสยี ต่อสขุ ภาพจัดเปน็ มลพิษทางอากาศ
บางครั้งการกระทําของมนุษย์กท็ าํ ให้เกิดมลพิษทางอากาศ เช่น การเผาไหมเ้ ช้ือเพลิงของยานพาหนะ การ
ทงิ้ ขยะ การเผาป่าซึ่งทําให้เกิดไฟป่า

2

การเผาเช้อื เพลงิ ของยาน การทง้ิ ขยะ

การเผาปา่ ซึง่ ทาํ ใหเ้ กิดไฟปา่

อากาศ (Air) คือ ของผสมทีเ่ กิดจากก๊าซหลายชนดิ อากาศบรสิ ทุ ธ์จิ ะไม่มีสี ไมม่ ีกล่ิน และไม่มรี ส
ส่วนผสมสำคัญโดยปริมาตร ไดแ้ ก่ ไนโตรเจน จำนวนร้อยละ 78.09 ออกซิเจน ร้อยละ 20.94
กา๊ ซเฉ่ือย ซ่ึงสว่ นใหญไ่ ด้แก่ ก๊าซอาร์กอน รอ้ ยละ 0.93 คาร์บอนไดออกไซด์ รอ้ ยละ 0.03 และส่วนผสมของก๊าซ
ฮเี ลยี ม ไฮโดรเจน นอี อน คริปตอน ซนี อน โอโซน มเี ทน ไอนำ้ และสง่ิ อืน่ รวมกัน ร้อยละ 0.01
อากาศใกล้ผวิ โลกจะมีอยู่อย่างหนาแนน่ มากทส่ี ดุ เพราะแรงดงึ ดดู ของโลกปริมาณและการปรากฎของ ก๊าซจะ
เปล่ยี นแปลงไปตามเวลาและสถานท่ี กา๊ ซออกซิเจนท่พี อเหมาะแก่การดำรงชวี ติ จะอยสู่ ูงจากพนื้ โลก 5 – 6
กโิ ลเมตร ตามธรรมชาตแิ ลว้ อากาศท่ีบรสิ ุทธ์จิ ะหาไดย้ ากมาก และการทอี่ ากาศลอยปนอยู่กับ ลกั ษณะทาง
กายภาพจงึ ทำให้มีการเปลย่ี นแปลงได้

บรรยากาศ (Atmosphere) คอื มวลก๊าซทหี่ อ่ หุ้มตง้ั แตผ่ ิวโลกจนสูงขนึ้ ไปประมาณ 900 กิโลเมตร โดยจะ
เกิดรว่ มกบั ลกั ษณะทางกายภาพอืน่ ได้แก่ อุณหภูมิ ความกดอากาศ ความชืน้ ลม และอนุภาคฝุ่นผง หรือมลสาร
(Pollutant) ซึง่ อยใู่ นระดบั ต่ำและคงอยู่ไดด้ ว้ ยแรงโนม้ ถ่วงของโลก บรรยากาศท่สี ูงขนึ้ ประมาณ 80 กโิ ลเมตรจะ
มสี ่วนผสมของก๊าซคลา้ ยคลึงกนั คนในสถานความสำคัญของอากาศ

3

ความสำคัญของอากาศและบรรยากาศ
อากาศและบรรยากาศมีความสำคัญดงั น้ี
1. มีก๊าซท่ีจำเป็นตอ่ การมีชีวติ ของมนษุ ย์สตั ว์และพชื
2. มอี ิทธิพลต่อการเกิดปริมาณและคุณภาพของทรพั ยากรอื่น เช่นป่าไม้และแร่ธาตุ
3. ช่วยปรบั อุณหภมู ิของโลก โดยเฉพาะไอน้ำและคารบ์ อนไดออกไซดซ์ ึ่งจะชว่ ยปอ้ งกันการสญู เสยี ความร้อนจาก
พื้นดนิ ทำให้ความแตกต่างของอณุ หภมู ิระหว่างกลางวันกบั กลางคืน และ ฤดรู ้อนกบั ฤดูหนาวไมแ่ ตกตา่ งกนั มาก
และทำให้บริเวณผวิ โลกมีความอบอุน่ ขนึ้
4. ทำให้เกิดลมและฝน
5. มีผลต่อการดำรงชวี ิต สภาพจติ ใจ และรา่ งกายของมนษุ ย์ ถ้าสภาพอากาศไมเ่ หมาะสม เชน่ แหง้ แล้ง หรอื หนาว
เย็นเกินไปคนจะอยู่อาศัยดว้ ยความยากลำบาก
6. ชว่ ยป้องกนั อนั ตรายจากรงั สขี องดวงอาทติ ย์ โดยกา๊ ซโอโซนในบรรยากาศจะกรองหรือดดู ซับรังสอี ัลตราไวโอเลต ซง่ึ ทำ
ใหผ้ วิ ไหมเ้ กรียม เป็นโรค มะเรง็ ผิวหนงั และโรคต้อกระจก
7. ช่วยเผาไหม้วตั ถทุ ่ีตกมาจากฟา้ หรืออกุ กาบาตให้กลายเปน็ อนุภาคเล็กๆ จนไมเ่ ป็นอันตรายตอ่ มนษุ ย์ และทรัพย์สิน
8. ทำใหท้ ้องฟ้ามสี สี วยงาม โดยอนุภาคของสิง่ อน่ื ที่ปนอยู่กับกา๊ ซในบรรยากาศจะทำใหแ้ สงหกั เห เราจงึ มองเหน็
ท้องฟา้ มแี สงสีที่งดงามแทนท่ีจะเห็นเปน็ สีดำมดื นอกจากน้กี า๊ ซโอโซนซ่ึงมีสีน้ำเงิน ยังชว่ ยให้มองเหน็ ท้องฟ้าเปน็ สีคราม
หรือสีฟา้ สดใสอกี ด้วย
ส่วนประกอบของอากาศ
อากาศเป็นของผสมทปี่ ระกอบด้วยส่วนประกอบหลกั ที่สำคญั ดงั น้ี
1. แกส๊ เป็นองค์ประกอบสว่ นใหญ่ของอากาศ แก๊สในอากาศแห้ง 100 สว่ น ประกอบดว้ ยแกส๊ ตา่ ง ๆ ดังน้ี

แก๊ส เปอรเ์ ซ็นต์

แก๊สไนโตรเจน 78.084

แก๊สออกซเิ จน 20.946

แก๊สอาร์กอน 0.924

แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ 0.033

แกส๊ นอี อน 0.00182

แกส๊ ฮเี ลยี ม 0.00520

แกส๊ อนื่ ๆ 0.000598

4

2. ของเหลว ของเหลวในอากาศ ได้แก่ ไอนำ้ ซง่ึ เกิดจากการระเหยของน้ำจากแหลง่ น้ำบนพนื้ ผวิ โลก รวมทั้งการ
คายน้ำของพชื และการหายใจของสิ่งมีชวี ิตตา่ งๆ เมอ่ื ไอนำ้ ทถ่ี กู ปล่อยออกมาลอยขนึ้ สู่อากาศ จะทำให้เกิดเป็น
ปรากฏการณ์ต่างๆ เช่น ฝน เมฆ หมอก และนำ้ ค้าง ทำใหอ้ ากาศมีความช้ืน
3. ของแขง็ นอกจากอากาศประกอบด้วยแกส๊ และของเหลว เช่น ไอนำ้ อากาศยังประกอบดว้ ยอนภุ าคของฝุ่น
ละอองตา่ งๆ ซง่ึ อาจเป็นอนุภาคท่ีเกิดข้ึนเองตามธรรมชาติ เช่น ฝ่นุ ละอองดนิ ละอองหนิ ละอองเกสรดอกไม้ หรือ
อนภุ าคทเี่ กดิ ข้ึนจากการกระทำของมนษุ ย์ เชน่ อนุภาคของฝ่นุ ละอองจากกระบวนการอุตสาหกรรม การคมนาคม
การเผาไหม้ รวมท้ังจุลนิ ทรยี ์ตา่ งๆ ท่ปี ะปนอย่ใู นอากาศ อนุภาคของฝุ่นละอองทม่ี ีอยู่ในอากาศเปน็ ทย่ี ดึ เกาะของ
หยดนำ้ ทเ่ี กดิ จากการ กลั่นตัวของไอนำ้ ในบรรยากาศ ถ้าไมม่ ฝี ุ่นละอองกจ็ ะไมม่ ีหยดน้ำในอากาศ ดงั นน้ั สภาพ
อากาศในทตี่ ่างๆ จึงมีความแตกตา่ งกันไป
5. กระบวนการจัดการเรียนรู้ (5E)

5.1 ข้ันสร้างความสนใจ (Engagement) 10 นาที

5.1.1 ครตู รวจสอบความรูเดิมของนักเรียนเกี่ยวกับอากาศ โดยใชรูป เชน รูปควันที่ปกคลุมพื้นที่
ภาคเหนือ ทําใหทัศนวิสัยในการมองเห็นต่ำจนทําใหเครื่องบินไมสามารถขึ้นและลงจอดได
จากนั้นนาํ อภิปรายโดยใชคาํ ถาม ดังนี้
1.1 จากสถานการณนี้นักเรียนคิดวาเกิดจากสาเหตุใด (นักเรียนตอบตามความเขาใจของตนเอง
เชน มีฝุนละอองและมคี วนั ไฟจากการเผาปา)
1.2 ถาอากาศมีสภาพเชนนี้ตอไปนาน ๆ จะสงผลตอสิ่งมีชีวิตอยางไร (นักเรียนตอบตามความ
เขาใจของตนเอง เชน ทําใหเกิดปญหาตอการหายใจของส่งิ มีชีวิต และอาจทาํ ใหเสียชวี ติ ได)
1.3 สถานการณนี้เปนมลพิษทางอากาศหรือไม เพราะเหตุใดจึงคิด เชนนั้น (นักเรียนตอบตาม
ความเขาใจของตนเอง เชน สถานการณน้ีเปนมลพษิ ทางอากาศเพราะควันทปี่ กคลุมภาคเหนือซ่ึง

5

เกิดจากการเผาปา ทําใหเกิดฝุนละอองจํานวนมากในบรรยากาศ ซ่ึงอาจกอใหเกดิ อันตรายตอสิ่ง
มชี วี ติ ได)
5.1.2 ครเู ชือ่ มโยงความรูเดิมของนักเรยี นสูการเรียนเร่อื ง อากาศ โดยใชคําถาม
วาอากาศมีความสําคัญตอสิ่งมชี วี ติ อยางไร
5.2 ขน้ั สาํ รวจและค้นหา (Exploration) 30 นาที
5.2.1 นักเรียนอานช่ือเรื่องและคําถามในคิดกอนอาน ในหนังสือเรียน หนา 49 แลวรวมกัน
อภิปรายเพื่อหาแนวคําตอบและนําเสนอ ครูบันทึกคําตอบของนักเรียนบนกระดานเพื่อใช
เปรยี บเทียบคาํ ตอบหลังจากอานเนอื้ เรือ่ ง
5.2.2 นักเรียนอานคําสําคัญ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ (หากนักเรียนอานไมได ครูควร
สอนอานใหถูกตอง) จากน้ันครูชักชวนใหนักเรียนอธิบายความหมายของคําสําคัญตามความเข
าใจของตนเอง
5.2.3 นกั เรียนอานเนอื้ เรื่องในหนังสือเรียน หนา 49-50 โดยครฝู กทกั ษะการอานตามวิธีการอ่าน
ที่เหมาะสมกับความสามารถของนักเรียน จากนั้นครูตรวจสอบความเขาใจจากการอาน โดยใช
คําถามดังน้ี

- อากาศมีอยูท่ีใดบาง รูไดอยางไร (อากาศมีอยูรอบตวั เรา รูไดจากเมื่อโบกมือไปมาจะมี
อากาศมาสมั ผัสกับตวั เรา)
5.2.4 มลพิษทางอากาศมลี ักษณะอยางไร (เปนอากาศทม่ี ีแกสบางชนิดสารพิษ หรือฝุนละอองใน
ปรมิ าณมาก ทีท่ าํ ใหเกิดอนั ตรายตอส่ิงมีชวี ติ )
5.2.5 การกระทําของมนุษยที่ทําใหเกิดมลพิษทางอากาศมีอะไรบาง (การเผาไหมเชื้อเพลิง การ
ทง้ิ ขยะ การเผาปาหรือการเกดิ ไฟปา)
5.2.6 ในชีวิตประจําวัน นักเรียนไดทํากิจกรรมที่กอใหเกิดมลพิษทางอากาศบางหรือไม อยางไร
(นกั เรยี นตอบตามความเปนจริง)
5.2.7 นักเรียนคิดวาเราจะลดมลพิษทางอากาศไดอยางไร (นักเรียนตอบตามความเขาใจของ
ตนเอง)
5.3 ขั้นอธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation) 45 นาที
5.3.1 ครูนํารูปควันจากการเผาปาทางภาคเหนือซึ่งครูใชตรวจสอบความรูเดมิ ของนักเรียนมาให
นกั เรยี นดูอีกครัง้ จากนน้ั ครูและนักเรียนอภปิ รายรวมกันวาสถานการณดงั กลาวเปน
มลพิษทางอากาศหรือไม (เปนมลพิษทางอากาศ เพราะมีฝุนละอองจํานวนมากเขาปกคลุมพื้นท่ี
ซ่งึ อาจเปนอนั ตรายตอมนุษยเม่ือหายใจเขาไป)
5.3.2 นักเรียนรวมกันสรุปเรื่องที่อานซึ่งควรสรุปไดวา อากาศมีอยูรอบตัวเราเมื่ออากาศมี
สิ่งเจือปน เชน สารพิษ ฝุนละอองจนเปนอนั ตรายตอส่งิ มีชีวติ จัดเปนมลพิษทางอากาศ ซึง่ มลพิษ
ทางอากาศสวนใหญเกดิ จากการกระทําของมนุษย

6

5.4 ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) 15 นาที
5.4.1 นกั เรียนตอบคาํ ถามในรูหรอื ยงั ในแบบบนั ทกึ กจิ กรรม หนา 47
5.4.2 นักเรียนอานคําถามทายเรอ่ื งท่ีอานและลองตอบคําถาม ดังนี้
- อากาศมสี วนประกอบอะไรบาง
- เราควรปฏิบตั ติ นอยางไรเพื่อลดมลพิษทางอากาศ
ครยู ังไมเฉลยคําตอบแตชกั ชวนใหนักเรียนหาคําตอบจากการทาํ กจิ กรรม

5.5 ชน้ั ประเมินผล (Evaluation) 20 นาที
5.5.1 นักเรียนรวมกันอภิปรายเพื่อเปรยี บเทียบคําตอบของนักเรียนในรูหรอื ยัง กับคําตอบที่เคย
ตอบและบันทกึ ไวในคดิ กอนอาน

6. สื่อและแหลง่ การเรียนรู้
6.1 หนงั สือเรียน ป. 3 เลม 1 หนา 49-69
6.2 แบบบนั ทกึ กจิ กรรม ป. 3 เลม 1 หนา 47-65

7. การวดั และประเมินผล

ส่ิงทีต่ อ้ งการวดั วธิ ีการวดั เครื่องมอื ที่ใช้ เกณฑ์การประเมิน
ในการวัด

1. ดา้ นความรู้ (Knowledge) - แบบประเมิน - น ั ก เ ร ี ย น ส า ม า ร ถ ต อ บ
- ระบุสวนประกอบของอากาศ - ใบงาน ใบงาน คำถามในใบงานได้ถูกต้อง
ได้
รอ้ ยละ 80
- ใบงาน
- แบบประเมิน - นักเรียนสามารถตอบ
- บรรยายความสําคัญของ ใบงาน คําถามได้ถูกต้องร้อยละ 80
อากาศและผลกระทบของ ข้นึ ไป
มลพิษทางอากาศต อสิ่งมีชีวิต
จากขอมลู ทร่ี วบรวมได

2. ดา้ นทกั ษะและ

กระบวนการ (Skill/Process)

- ตระหนักถึงความสําคัญของ - การสงั เกต
อากาศ โดยนําเสนอแนว

ทางการปฏิบัติตนในการลด 7
มลพิษทางอากาศ
- แบบประเมิน - นักเรียนมีผลการประเมิน
การนําเสนอ การนําเสนอผลงานอยู่ใน
ผลงาน ระดบั ดขี ้นึ ไป

3. ดา้ นเจตคติ (Attitude) - แบบประเมิน - นักเรียนร้อยละ 80 มีผล
พฤติกรรมราย การประเมินอยู่ในระดับดีข้ึน
- ความรับผิดชอบในการทํางาน - การสงั เกต กลุ่ม ไปถือวา่ ผา่ นเกณฑ์
แสดงความคิดเห็นและยอมรับ
ฟังความคิดเหน็ ของผอู้ ืน่ ได้

8

บันทกึ ผลหลังการสอน

1. สรปุ ผลการเรยี นการสอน
……........................................................................................................................... .............................................
……........................................................................................................................................................................
……........................................................................................................................... .............................................
2. ปัญหา / อปุ สรรค
……........................................................................................................................... .............................................
……............................................................ .............................................................................................. ..............
……........................................................................................................................... .............................................
3. แนวทางแกไ้ ข / แนวทางการพฒั นา

……........................................................................................................................... .............................................
……........................................................................................................................................................................
……........................................................................................................................... .............................................

ลงช่ือ…………………………………………..ผู้สอน
(นายฉตั รชัย เป็นมงคล)

นักศกึ ษาฝึกประสบการณ์

วันที่.........เดือน......................พ.ศ..............

ความคิดเหน็ ของครพู ่เี ลี้ยง
……........................................................................................................................... .............................................
……........................................................................................................................... .............................................
……........................................................................................................................... .............................................

ลงช่อื ................................................................
(……………………………………….)
ครพู ่ีเลี้ยง

วนั ที่.........เดอื น......................พ.ศ. ..................

9

ความคิดเหน็ ของหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้
……........................................................................................................................... .............................................
……........................................................................................................................... .............................................
……........................................................................................................................... .............................................
……................................................................................... ....................................................................... ..............
……........................................................................................................................... .............................................

ลงชื่อ................................................................ผู้ตรวจสอบ
(…………………………………………)

หวั หนา้ กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
วนั ท่ี.........เดือน......................พ.ศ. ..................

ความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศกึ ษาหรอื ผ้ทู ่ีได้รับมอบหมาย
……........................................................................................................................... .............................................
……........................................................................................................................... .............................................
……........................................................................................................................................................................
……........................................................................................................................... .............................................
……........................................................................................................................... .............................................
……........................................................................................................................................................................
……........................................................................................................................... .............................................
……........................................................................................................................... .............................................
……........................................................................................................................................................................
……........................................................................................................................... .............................................

ลงชอ่ื ................................................................
()
หวั หนา้ กลุ่มงานการจดั การเรียนรู้

วนั ท่ี.........เดอื น......................พ.ศ. .................

10

แบบประเมนิ การนําเสนอผลงาน

รายวิชา ว13101 วิทยาศาสตร์ ภาคเรียนท่ี 2/2565

เร่อื ง……………………………………………………………………………………………………วันท…ี่ ……………………………………

คาํ ชแี้ จง : ใหค้ รูผู้สอนบนั ทึกคะแนนลงในรายการท่นี กั เรยี นปฏบิ ัตไิ ด้

เกณฑก์ ารให้คะแนน : 3 = ปฏิบตั ติ ลอดเวลาท่ที ํากิจกรรม 2 = ปฏิบัตบิ า้ ง 1 = ปฏบิ ตั ิน้อยมาก

รายการประเมนิ กลมุ่ ที่ 8
คะแนน

1 2 3 4567

1. รปู แบบเทคนคิ การนาํ เสนอ 3

2. ความร่วมมอื ภายในกลมุ่ 3

3. สอ่ื /อปุ กรณ์ที่ใช้ในการรายงาน 3

4. สาระที่ได้จากการรายงาน 3

รวม 12

ลงชื่อ…………………………………………………….ผ้บู นั ทกึ
(…………….…………………………….)

………………………/…………………………./………………………

ระดบั คณุ ภาพ
คะแนน 10 - 12 หมายถงึ ดมี าก
คะแนน 7-9 หมายถึง ดี
คะแนน 4 - 6 หมายถึง พอใช้
คะแนน 1 - 3 หมายถงึ ปรังปรุง

11

สรุปผลการประเมิน
- มีนักเรยี นอยู่ในเกณฑด์ ีขึน้ ไปทง้ั หมด…………..กลุ่ม คิดเปน็ รอ้ ยละ…………..ของจํานวนกล่มุ ทง้ั หมด
- มีนักเรียนอยูต่ ำ่ กวา่ เกณฑด์ ที ง้ั หมด…………กลุ่ม คดิ เปน็ ร้อยละ..............ของจาํ นวนกล่มุ ทง้ั หมด

ผ่าน ไมผ่ า่ น

12

แบบประเมินพฤติกรรมรายกลุม่

รายวิชา ว13101 วิทยาศาสตร์ ภาคเรยี นท่ี 2/2565

คำชี้แจง : ให้ครูผู้สอนนสังเกตการทำงานรายกลุ่มของนักเรียนแลว้ บันทึกระดับของพฤตกิ รรมให้ตรงกับความเปน็
จริง

พฤตกิ รรมทีส่ ังเกต กลุ่มท่ี
1 2 3 4567 8
1. มีขัน้ ตอนในการทำงานอย่างเปน็ ระบบ
2. มีการวางแผนการทำงานร่วมกัน
3. การยอมรับฟังความคิดเห็นของผูอ้ น่ื
4. การแบง่ งานกนั นทำ
5. ใชเ้ วลาในการทำงานอยา่ งเหมาะสม

รวม

เกณฑ์การให้คะแนน
พฤตกิ รรมท่ีทำเปน็ ประจำ ให้ 3 คะแนน
พฤตกิ รรมทีท่ ำเปน็ บางครัง้ ให้ 2 คะแนน

พฤตกิ รรมทที่ ำน้อยครงั้ ให้ 1 คะแนน
เกณฑ์การให้คะแนน

ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ
13-15 ดีมาก
8-12 ดี
5-7 พอใช้

*หมายเหตุ : นักเรียนมพี ฤติกรรมในระดับ ดขี ้ึนไป คอื ผ่านเกณฑก์ ารประเมิน

13

แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 1 (ต่อ 1)

กลุม่ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 3

หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 อากาศและชวี ติ ของสัตว์ เวลา 22 ชว่ั โมง

เร่ือง อากาศ (ส่วนประกอบและความสำคญั ของอากาศ) จํานวน 3 ชว่ั โมง

ภาคเรยี นที่ 2/2565 ผสู้ อน นายฉัตรชัย เปน็ มงคล

1. สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้ และตัวชี้วดั
สาระที่ 3 วิทยาศาสตร์และอวกาศ
มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจองค์ประกอบและความสัมพันธ์ของระบบโลก กระบวนการ เปลี่ยนแปลงภายใน

โลก และบนผิวโลก ธรณพี บิ ัตภิ ยั กระบวนการเปล่ียนแปลงลมฟ้าอากาศและ ภูมอิ ากาศโลก รวมท้ังผลตอ่ ส่ิงมีชีวิต
และสง่ิ แวดลอ้ ม

ตัวชี้วัด ป.3/1 ระบุสวนประกอบของอากาศ บรรยายความสําคัญของอากาศ และผลกระทบของมลพิษ
ทางอากาศตอส่งิ มชี วี ติ จากขอมูลทร่ี วบรวมได
2. สาระสําคัญ

อากาศโดยทว่ั ไปไม่มีสไี ม่มีกลิ่น ประกอบด้วยแกส๊ ไนโตรเจน แกส๊ ออกซเิ จน แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์
แกส๊ อนื่ ๆ รวมท้ังไอน้ำ และฝนุ่ ละออง อากาศมคี วามสําคัญตอ่ สิ่งมชี วี ิต หากสว่ นประกอบของอากาศไม่เหมาะสม
เนื่องจากมีแก๊สบางชนิดหรือฝุ่นละอองในปริมาณมาก อาจเป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตชนิดต่าง ๆ จัดเป็นมลพิษทาง
อากาศ
3. จุดประสงค์การเรยี นรู้ เม่ือเรียนจบบทเรยี นนแ้ี ล้วนักเรียนสามารถ

ด้านความรู้ (K)
1. ระบสุ วนประกอบของอากาศได้
2. บรรยายความสำคญั ของอากาศตอ่ สง่ิ มชี ีวติ ได้
ดา้ นทักษะและกระบวนการ (P)
1. สังเกตสวนประกอบของอากาศ
ด้านเจตคติ (A)
1. มีความรับผิดชอบในการทาํ งาน แสดงความคิดเห็น และยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นได้
4. สาระการเรียนรู้

อากาศ (Air) คือ ของผสมที่เกิดจากก๊าซหลายชนดิ อากาศบริสทุ ธิจ์ ะไม่มีสี ไม่มีกลน่ิ และไม่มรี ส ส่วนผสม
ส ำ ค ั ญ โ ด ย ป ร ิ ม า ต ร ไ ด ้ แ ก ่ ไ น โ ต ร เ จ น จ ำ น ว น ร ้ อ ย ล ะ 78.09 อ อ ก ซ ิ เ จ น ร ้ อ ย ล ะ 20.94
ก๊าซเฉื่อย ซึ่งส่วนใหญ่ได้แก่ ก๊าซอาร์กอน ร้อยละ 0.93 คาร์บอนไดออกไซด์ ร้อยละ 0.03 และส่วนผสมของก๊าซ
ฮีเลียม ไฮโดรเจน นีออน คริปตอน ซีนอน โอโซน มีเทน ไอน้ำและสิ่งอื่นรวมกัน ร้อยละ 0.01
อากาศใกล้ผิวโลกจะมีอยู่อย่างหนาแน่นมากที่สุดเพราะแรงดึงดูดของโลกปริมาณและการปรากฎของ ก๊าซจะ
เปลี่ยนแปลงไปตามเวลาและสถานที่ ก๊าซออกซิเจนที่พอเหมาะแก่การดำรงชีวิตจะอยู่สูงจากพื้นโลก 5 – 6
กิโลเมตร ตามธรรมชาติแล้วอากาศที่บริสุทธิ์จะหาได้ยากมาก และการที่อากาศลอยปนอยู่กับ ลักษณะทาง
กายภาพจงึ ทำให้มกี ารเปล่ียนแปลงได้

14

บรรยากาศ (Atmosphere) คือ มวลก๊าซที่หอ่ หมุ้ ตัง้ แต่ผิวโลกจนสงู ขน้ึ ไปประมาณ 900 กโิ ลเมตร โดยจะ
เกิดร่วมกับลักษณะทางกายภาพอื่น ได้แก่ อุณหภูมิ ความกดอากาศ ความชื้น ลม และอนุภาคฝุ่นผง หรือมลสาร
(Pollutant) ซ่งึ อยู่ในระดบั ตำ่ และคงอยู่ไดด้ ้วยแรงโนม้ ถ่วงของโลก บรรยากาศทส่ี ูงขึน้ ประมาณ 80 กโิ ลเมตรจะมี
สว่ นผสมของกา๊ ซคลา้ ยคลึงกัน คนในสถานความสำคญั ของอากาศ

ความสำคัญของอากาศและบรรยากาศ
อากาศและบรรยากาศมคี วามสำคัญดงั นี้
1. มกี ๊าซทีจ่ ำเป็นตอ่ การมชี วี ิตของมนษุ ย์สตั วแ์ ละพืช
2. มีอิทธิพลต่อการเกดิ ปรมิ าณและคุณภาพของทรพั ยากรอืน่ เชน่ ป่าไม้และแรธ่ าตุ
3. ช่วยปรับอณุ หภูมิของโลก โดยเฉพาะไอน้ำและคารบ์ อนไดออกไซด์ซ่ึงจะชว่ ยป้องกนั การสญู เสยี ความร้อนจาก
พ้นื ดิน ทำให้ความแตกต่างของอุณหภูมริ ะหว่างกลางวันกบั กลางคืน และ ฤดรู อ้ นกับ ฤดูหนาวไมแ่ ตกต่างกนั มาก
และทำใหบ้ ริเวณผิวโลกมคี วามอบอ่นุ ขึน้
4. ทำให้เกิดลมและฝน
5. มผี ลตอ่ การดำรงชีวติ สภาพจิตใจ และรา่ งกายของมนษุ ย์ ถา้ สภาพอากาศไม่เหมาะสม เชน่ แหง้ แลง้ หรอื หนาว
เยน็ เกินไปคนจะอยูอ่ าศยั ดว้ ยความยากลำบาก
6. ชว่ ยป้องกนั อนั ตรายจากรังสีของดวงอาทติ ย์ โดยก๊าซโอโซนในบรรยากาศจะกรองหรือดดู ซบั รงั สีอลั ตราไวโอเลต ซง่ึ ทำ
ให้ผวิ ไหม้เกรียม เป็นโรค มะเรง็ ผิวหนัง และโรคต้อกระจก
7. ชว่ ยเผาไหม้วตั ถุท่ตี กมาจากฟา้ หรืออุกกาบาตให้กลายเปน็ อนภุ าคเล็กๆ จนไม่เปน็ อันตรายต่อมนษุ ย์ และทรัพย์สนิ
8. ทำให้ท้องฟ้ามสี ีสวยงาม โดยอนภุ าคของส่งิ อื่นทป่ี นอย่กู ับกา๊ ซในบรรยากาศจะทำใหแ้ สงหกั เห เราจึงมองเหน็
ทอ้ งฟา้ มีแสงสที ่งี ดงามแทนที่จะเห็นเป็นสีดำมืดนอกจากนกี้ ๊าซโอโซนซงึ่ มีสีนำ้ เงนิ ยงั ชว่ ยให้มองเหน็ ท้องฟ้าเป็นสคี ราม
หรือสีฟ้าสดใสอกี ด้วย
ส่วนประกอบของอากาศ
อากาศเปน็ ของผสมที่ประกอบดว้ ยส่วนประกอบหลกั ทส่ี ำคญั ดงั น้ี
1. แก๊ส เปน็ องค์ประกอบส่วนใหญข่ องอากาศ แก๊สในอากาศแห้ง 100 ส่วน ประกอบด้วยแก๊สตา่ ง ๆ ดังนี้

แกส๊ เปอรเ์ ซ็นต์

แก๊สไนโตรเจน 78.084

แกส๊ ออกซเิ จน 20.946

แกส๊ อาร์กอน 0.924

แกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์ 0.033

แกส๊ นีออน 0.00182

15

แกส๊ ฮีเลียม 0.00520
แกส๊ อื่นๆ 0.000598

2. ของเหลว ของเหลวในอากาศ ได้แก่ ไอนำ้ ซ่งึ เกิดจากการระเหยของนำ้ จากแหลง่ น้ำบนพ้ืนผวิ โลก รวมทง้ั การ
คายนำ้ ของพืช และการหายใจของสงิ่ มีชีวิตตา่ งๆ เม่อื ไอนำ้ ที่ถูกปล่อยออกมาลอยข้นึ สอู่ ากาศ จะทำใหเ้ กดิ เป็น
ปรากฏการณต์ า่ งๆ เช่น ฝน เมฆ หมอก และน้ำค้าง ทำใหอ้ ากาศมีความชน้ื
3. ของแข็ง นอกจากอากาศประกอบดว้ ยแกส๊ และของเหลว เชน่ ไอนำ้ อากาศยังประกอบดว้ ยอนภุ าคของฝุน่
ละอองต่างๆ ซง่ึ อาจเป็นอนภุ าคที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เชน่ ฝุ่นละอองดนิ ละอองหิน ละอองเกสรดอกไม้ หรือ
อนุภาคที่เกดิ ข้ึนจากการกระทำของมนุษย์ เชน่ อนภุ าคของฝุน่ ละอองจากกระบวนการอตุ สาหกรรม การคมนาคม
การเผาไหม้ รวมท้งั จลุ ินทรยี ์ต่างๆ ทีป่ ะปนอยูใ่ นอากาศ อนุภาคของฝนุ่ ละอองทีม่ ีอยูใ่ นอากาศเปน็ ท่ยี ดึ เกาะของ
หยดนำ้ ท่เี กิดจากการ กลนั่ ตัวของไอนำ้ ในบรรยากาศ ถา้ ไมม่ ฝี นุ่ ละอองก็จะไมม่ หี ยดน้ำในอากาศ ดังนนั้ สภาพ
อากาศในทีต่ ่างๆ จงึ มีความแตกต่างกนั ไป
5. กระบวนการจดั การเรยี นรู้ (5E)

5.1 ขนั้ สรา้ งความสนใจ (Engagement)

5.1.1 นักเรยี นดภู าพ จากนัน้ ครูใช้คำถามดังนี้
- นักเรียนเคยสงสัยไหมว่า มีอะไรอยู่ในอากาศ ช่วงนี้ฝนก็ตกบ่อย บางวันก็มีเมฆครึม
เหมือนฝนกำลังจะตก และแดดก็ไม่จัด ทำไมเราถึงรู้สึกอบอ้าว (นักเรียนตอบตามความ
เขาใจของตนเอง)

16

5.1.2 ครูทบทวนความรูพื้นฐานและตรวจสอบความรูเดิมของนักเรยี นเก่ียวกับสวนประกอบของ
อากาศ โดยใชแนวคําถามดังตอไปนี้

- เรามองเห็นอากาศที่อยูรอบตวั หรอื ไม (มองไมเห็น)
- อากาศรอบตวั เรามีสวนประกอบอะไรบาง (นกั เรยี นตอบตามความเขาใจของตนเอง)
- อากาศในบริเวณตาง ๆ มีสวนประกอบเหมือนกันหรือไมอยางไร (นักเรียนตอบตาม
ความเขาใจของตนเอง)
5.1.3 ครูเช่อื มโยงความรูเดิมของนักเรยี นไปสูกจิ กรรมท่ี 1.1 โดยใชคาํ ถามดังน้ถี าเราเก็บอากาศ
เขาไปอยใู นถงุ พลาสติกและมัดปากถุงไว เราจะสงั เกตเหน็ สงิ่ ใดในอากาศท่ีอยูภายในถงุ (นักเรียน
ตอบตามความเขาใจของตนเอง ซ่งึ นกั เรียนจะคนพบคําตอบจากการทํากิจกรรม)
5.2 ข้นั สํารวจและค้นหา (Exploration)
5.2.1 นกั เรยี นอานช่อื กิจกรรม และ ทําเปนคิดเปน ในหนงั สือเรยี นหนา 51 โดยรวมกันอภิปราย
เพือ่ ตรวจสอบความเขาใจจุดประสงคในการทํากิจกรรม โดยใชคําถามดังน้ี
- กิจกรรมนนี้ ักเรียนจะไดเรยี นเรอื่ งอะไร (สวนประกอบของอากาศ)
- นักเรยี นจะไดเรยี นรูเร่อื งนด้ี วยวธิ ีใด (สงั เกตและรวบรวมขอมูล)
- เม่ือเรยี นแลวนกั เรียนจะทาํ อะไรได้ (ระบุสวนประกอบของอากาศ)
5.2.2 นักเรียนบันทึกจุดประสงคลงในแบบบันทึกกิจกรรม หนา 48 และอาน สิ่งที่ตองใชในการ
ทํากจิ กรรม ซ่งึ ครนู ําอุปกรณตาง ๆ มาแสดงใหนกั เรียนดู
5.2.3 นักเรียนอานทําอยางไรทีละขอ โดยครูใชวิธีฝกอานที่เหมาะสมกับความสามารถของ
นักเรียน จากนน้ั ครูตรวจสอบความเขาใจเก่ียวกับวธิ ีการทํากจิ กรรม จนนักเรียนเขาใจลําดับการ
ทํากิจกรรม โดยใชคาํ ถามดงั น้ี
- กิจกรรมนี้นักเรียนตองสังเกตสิ่งใด และใชอวัยวะรับสัมผัสใดในการสังเกต (สังเกต
ภายในถุงพลาสติก โดยใชตามองดแู ละใชมอื สมั ผสั )
- วธิ กี ารเก็บอากาศบรรจใุ นถงุ ทาํ ไดอยางไร (เปดปากถงุ พลาสตกิ ทแี่ หง แกวงถงุ ไปมาให
อากาศเขาไปเตม็ ถงุ แลวมัดปากถุงใหแนน)
- นักเรียนตองสัมผัสภายในถุงพลาสติกกี่ครั้งและสัมผัสเมื่อใด (ตองสัมผัสภายใน
ถุงพลาสติก 2 ครง้ั โดยสัมผสั กอนและหลงั นาํ ถุงพลาสติกไปแชในกระตกิ น้ำแขง็ )
- นักเรยี นตองนาํ ถุงบรรจอุ ากาศไปแชในกระติกนำ้ แข็งนานเทาใด (แชนาน 10 นาที)
- กอนสัมผัสภายในถุงพลาสติก นักเรียนจะตองทําอยางไร (เช็ดมือใหแหง และใช
กระดาษเย่ือหรอื ผาสะอาดเชด็ ผิวดานนอกของถงุ พลาสตกิ ใหแหง)
- หลังจากที่สมั ผสั ภสยในถุงพลาสติกทั้ง 2 ครั้งเสร็จแล้ว เราต้องอภิปรายและบันทึกสิ่ง
ใด (อภิปรายและบนั ทึกว่าสง่ิ ท่พี บในถุงพลาสติกนัน้ เกดิ ขึน้ ได้อย่างไร)

17

- นักเรียนตองนําขอมูลจากการสังเกตและจากการอานใบความรูไปทําอะไร (อภิปราย
เก่ียวกบั สวนประกอบของอากาศ ความสำคัญของอากาศ และนาํ ขอมลู ไปจดั กระทําและ
นําเสนอในรปู แบบทีน่ าสนใจ)
- รูปแบบการนําเสนอขอมูลที่นาสนใจมีอะไรบาง (นักเรียนตอบตามประสบการณและ
ความถนัดของนักเรียน เชนทําผังความคิด ทําในโปรแกรมวาดรูป โปรแกรมเอกสาร
บันทึกภาพเคลอ่ื นไหว)
- เรยี งลาํ ดับขน้ั ตอนการทํากิจกรรมน้ไี ดอยางไร
(1) สังเกตภายในถุงพลาสตกิ ทแี่ หง
2) บรรจุอากาศเขาไปในถุง นําไปแชในกระติกน้ำแขง็ 10 นาที
3) นาํ ถุงออกจากกระติก เช็ดดานนอกถงุ แลวสงั เกตภายในถุงพลาสติก
4) อภปิ รายผลการสงั เกต
5) อานใบความรูและอภปิ รายสวนประกอบของอากาศและความสำคัญของอากาศ
6) นาํ เสนอขอมลู ในรปู แบบท่ีนาสนใจ)
ครคู วรบนั ทกึ คําตอบของนักเรียนบนกระดานเพ่ือเปนแนวทางใหนกั เรียนทํากิจกรรมตามลาํ ดบั
5.2.4 เม่ือนักเรียนเขาใจวธิ ีการทํากจิ กรรมในทําอยางไรแลว ครูแจกวัสดอุ ุปกรณและใหนักเรียน
เริ่มปฏิบัติตามขั้นตอนการทํากิจกรรมในทําอยางไรขอ 1-3 และบนั ทกึ ผลการทาํ กิจกรรมในแบบ
บนั ทกึ กจิ กรรม หนา 48
5.2.5 หลงั จากทาํ กิจกรรมแลว ครนู ําอภปิ รายผลการสงั เกต โดยใชคําถามดงั นี้
- เมื่อนักเรียนสัมผัสที่ผวิ ดานในของถุงพลาสติกอนนําไปแชในกระติกน้ำแข็งสิ่งทีพ่ บคือ
อะไร (แหง้ ใส ไม่มสี ี ไมพบสิ่งใด)
- เมื่อนักเรียนสัมผัสที่ผิวดานในของถุงพลาสติกหลังจากนําไปแชในกระติกน้ำแข็งนาน
10 นาที สง่ิ ทีพ่ บคืออะไรรูไดอยางไร (ผวิ ด้านในของถงุ พลาสตกิ จะชื่น มนี ้ำ รูไดจากการ
สงั เกตโดยใชตามองดแู ละการใชมือสัมผสั )
- น้ำท่พี บในถุงพลาสตกิ เกดิ ข้ึนได้อย่างไร (เกดิ จากอากาศในถุงพลาสตกิ เปลี่ยนเป็นน้ำ)
- สิ่งที่เกิดขึ้นบริเวณผิวด้านในของถุงพลาสติกก่อนและหลังที่จะแช่ลงในกระติกที่บรรจุ
นำ้ แขง็ แตกตา่ งกนั หรือไม่ อยา่ งไร (กอ่ นแช่ลงในกระตกิ ทีบ่ รรจนุ ้ำแข็ง บริเวณผวิ ด้านใน
ของถุงพลาสติก ไม่พบสิ่งใด หลังแช่ลงในกระติกที่บรรจุน้ำแข็ง พบว่าบริเวณผิวดา้ นใน
ของถุงพลาสติกมีน้ำ)
- น้ำที่พบในถุงพลาสติกเกิดขึ้นได้อย่างไร ทั้งๆที่ถุงไม่ได้รั่ว เกี่ยวข้องกับอากาศที่อยู่ใน
ถงุ หรือเปล่า (หาคำตอบจากใบความร)ู้
5.2.6 นักเรียนรวบรวมขอมูลเพิม่ เตมิ เก่ยี วกับสวนประกอบของอากาศโดยใหนักเรยี นอานใบ
ความรู เรื่องสวนประกอบของอากาศและความสำคัญของอากาศ

18

5.2.7 หลังจากที่นักเรียนอานใบความรูแลว ครูนําอภิปรายเกี่ยวกับสวนประกอบอากาศและ
ความสำคญั ของอากาศ โดยใชคาํ ถามดงั นี้

- อากาศแหงมีสวนประกอบอะไรบาง (มีแกสตาง ๆ ไดแก แกสไนโตรเจน แกสออกซิ
เจน แกสคารบอนไดออกไซดและแกสอ่ืน ๆ)
- ในอากาศแหง มีแกสชนดิ ใดมากทสี่ ุด และรองลงมาแก๊สชนิดใด และปรมิ าณ
เทาใด (แกสไนโตรเจน มปี ริมาณของแกส 78 สวน ในอากาศ 100 สวน)
- อากาศบนโลกมสี วนประกอบเหมอื นหรือแตกตางจากอากาศแหงอยางไร(อากาศบน
โลกมีชนิดของแกสเหมือนกับอากาศแหง แตมีความแตกตาง คือ อากาศบนโลกมีไอน้ำ
เปนสวนประกอบ)
5.3 ขน้ั อธิบายและลงขอ้ สรปุ (Explanation)
5.3.4 ครูชกั ชวนนกั เรียนรวมกนั อภิปรายเพือ่ เชื่อมโยงผลการทาํ กจิ กรรมกบั ขอมูลท่ีไดจาก
การอานใบความรูเรื่องสวนประกอบของอากาศและความสำคัญของอากาศ โดยใชคําถามดังต
อไปนี้
- น้ำที่พบในถุงพลาสติกเกิดขึ้นได้อย่างไร (ไอน้ำในอากาศภายในถุงจะควบแน่น
กลายเป็นน้ำ)
- ในอากาศมีอะไรเป็นส่วนประกอบอยู่ดว้ ย (ไอน้ำ)
- อากาศท่อี ยูในถุงพลาสติกเปนอากาศแหงหรืออากาศช้นื เพราะเหตใุ ด (เปนอากาศช้ืน
เพราะมไี อนำ้ เปนสวนประกอบ)
- อากาศในแตละบรเิ วณมปี ริมาณไอน้ำเทากันหรือไม อยางไร(อากาศในแตละบริเวณ
อาจมีปริมาณไอน้ำไมเทากนั ขน้ึ อยูกับสภาพแวดลอมในบรเิ วณนนั้ วาเปนพืน้ ทท่ี ่ี
แหงแลงหรอื มแี หลงนำ้ ถาเปนพ้นื ทีแ่ หงแลงก็จะมปี ริมาณไอน้ำ ในอากาศนอยกวาพ้ืนที่
ใกลแหลงนำ้ )
- อากาศมคี วามสําคัญกับสง่ิ มชี ีวิตเพราะเหตุใด (ส่งิ มชี วี ติ ใชแกสออกซเิ จนในการหายใจ
พืชใชแกสคารบอนไดออกไซดในการสรางอาหาร หากไมมอี ากาศสิ่งมีชวี ิตจะตาย)
- อากาศมีความสําคญั ตอโลกอยางไร (อากาศมผี ลตอการเกิดลม ฝน หมิ ะ และลูกเห็บ)
- เรยี งลําดบั ชนดิ ของแกสในอากาศแหงจากปรมิ าณนอยท่สี ุดไปหามากที่สดุ ได้
อยางไร (แกสที่มีปริมาณนอยที่สุด คือ แกสคารบอนไดออกไซดและแกสอื่น ๆ จากน้ัน
เปนแกสออกซิเจน และแกสทมี่ ีปริมาณมากทสี่ ุด คือ แกสไนโตรเจน)
- จากขอมูลที่ไดจากการสังเกตและจากการอานใบความรูสรุปไดวาอากาศมีสวน
ประกอบใดบาง (อากาศประกอบดวยแกสไนโตรเจน แกสออกซิเจน แกสคารบอนได
ออกไซด และแกสอ่ืน ๆ เชน อารกอน รวมถงึ ไอน้ำในอากาศช้นื )
ครูอธิบายเพมิ่ เติม หากนักเรยี นยงั ไมเขาใจคาํ วา ควบแนนดงั นี้

19

การควบแนนเกิดขึ้นเมื่อสวนประกอบของอากาศ คือ ไอน้ำซึ่งมีสถานะแกสและมองไมเห็น เมื่อ
ไอนำ้ สมั ผสั กบั บรเิ วณที่เย็นกวาหรือท่ีมีอุณหภูมิต่ำกวา เชน บริเวณผวิ ของถงุ พลาสติกท่ีนําไปแช
ในกระติกน้ำแข็ง ไอน้ำจะเปลี่ยนสถานะเปนน้ำ ซึ่งการที่แกส (ไอน้ำ) เปลี่ยนสถานะเปนของ
เหลว (น้ำ) เรยี กวา การควบแนน เราจึงพบน้ำท่ีบริเวณผิวดานในของถุงพลาสตกิ ซงึ่ เกิดจากการ
ควบแนนของไอนำ้ นนั่ เอง
5.3.5 หลังจากนกั เรียนอภิปรายขอมูลเก่ียวกับสวนประกอบของอากาศแลวนักเรยี นแตละกลุมชวยกันคิด
รปู แบบการนําเสนอสวนประกอบของอากาศในรูปแบบท่ีนาสนใจ โดยใชวัสดุและอุปกรณที่ครเู ตรยี มใหซ่ึง
อาจจะเปนกระดาษ สีไมหรือคอมพิวเตอรที่มีโปรแกรม เชน โปรแกรมกราฟก (paint) โปรแกรมเอกสาร
(Microsoft word) หรอื แท็บเล็ตทีม่ โี ปรแกรมประยุกต หรอื โทรศพั ทเคลื่อนท่ีเพื่อนํามาใชบันทึกภาพน่ิง
หรอื ภาพเคลื่อนไหว
5.3.6 นักเรียนแตละกลุมนําเสนอขอมูลในรูปแบบทเี่ ลือกในเวลาทเ่ี หมาะสม
5.4 ข้นั ขยายความรู้ (Elaboration)
5.4.1 ครูกระตนุ ใหนักเรยี นฝกตั้งคาํ ถามเก่ียวกับเรื่องทส่ี งสัยหรืออยากรูเพมิ่ เติมใน อยากรูอีกวา
จากนั้นครูอาจสุมนักเรียน 2 -3 คน นําเสนอคําถามของตนเองหนาชั้นเรียน และใหนักเรียนรวม
กนั อภิปรายเกย่ี วกบั คําถามทีน่ ําเสนอ

อยากรอู้ กี ว่า
ต้งั คําถามที่ฉนั อยากรู้เพม่ิ เติมเกี่ยวกับสว่ นประกอบของอากาศ (ต้งั ได้ มากกว่า

1 คําถาม) เช่น ในดนิ และในนำ้ มีอากาศหรือไม่ ถา้ มี ส่วนประกอบของ อากาศท่ีอยู่ในดินและนํ้า
จะเหมือนกับสว่ นประกอบของอากาศโดยทั่วไป หรอื ไม่ เพราะเหตุใด
5.5 ชั้นประเมินผล (Evaluation)
5.5.1 นกั เรียนตอบคําถามใน ฉันรูอะไร และรวมกันอภปิ รายเพือ่ ใหไดแนวคําตอบท่ีถูกตอง
5.5.2 นักเรียนรวมกันสรุปสิ่งที่ไดเรียนรูในกิจกรรมนี้ จากนั้นนักเรียนอานสิ่งที่ไดเรียนรู และ
เปรยี บเทียบกับขอสรุปของตนเอง
6. สื่อและแหล่งการเรียนรู้
6.1 หนังสอื เรียน ป. 3 เลม 1 หนา 49-69
6.2 แบบบนั ทกึ กิจกรรม ป. 3 เลม 1 หนา 47-65
6.3 วัสดอุ ปุ กรณ์
- ถุงพลาสติก
- ยางรดั ของ
- นำ้ แข็ง
- กระดาษเยอ่ื
- ตู้แชห่ รือกระตกิ นำ้ แขง็

20

7. การวัดและประเมนิ ผล

สงิ่ ทต่ี ้องการวดั วธิ ีการวัด เคร่ืองมือที่ใช้ เกณฑ์การประเมนิ
ในการวัด

1. ด้านความรู้ (Knowledge) - แบบประเมิน - น ั ก เ ร ี ย น ส า ม า ร ถ ต อ บ
- ระบุสวนประกอบของอากาศ - ใบงาน ใบงาน คำถามในใบงานได้ถูกต้อง
และบรรยายความสําคัญของ
อากาศได้ รอ้ ยละ 80

2. ด้านทกั ษะและ - แบบประเมิน - นักเรียนมีทักษะการสังเกต
ท ั ก ษ ะ ก า ร ระดบั ดขี ้นึ ไป
กระบวนการ (Skill/Process) สังเกต

- สังเกตส วนประกอบของ - การสงั เกต
อากาศ

3. ดา้ นเจตคติ (Attitude) - แบบประเมิน - นักเรียนร้อยละ 80 มีผล
พฤติกรรมราย การประเมินอยู่ในระดับดีข้ึน
- ความรับผิดชอบในการทํางาน - การสงั เกต กลมุ่ ไปถือวา่ ผ่านเกณฑ์
แสดงความคิดเห็นและยอมรับ
ฟงั ความคิดเหน็ ของผ้อู ื่นได้

21

บนั ทึกผลหลงั การสอน

1. สรปุ ผลการเรียนการสอน
……........................................................................................................................... .............................................
……........................................................................................................................................................................
……........................................................................................................................... .............................................
2. ปัญหา / อุปสรรค
……........................................................................................................................... .............................................……
.............................................................. ............................................................................................ ..............
……........................................................................................................................... .............................................
3. แนวทางแกไ้ ข / แนวทางการพฒั นา

……........................................................................................................................... .............................................
……........................................................................................................................................................ ................
……............................................................................................................... .........................................................

ลงชื่อ…………………………………………..ผ้สู อน
(นายฉตั รชัย เปน็ มงคล)

นักศกึ ษาฝึกประสบการณ์

วนั ที่.........เดือน......................พ.ศ..............

ความคดิ เห็นของครพู เ่ี ล้ยี ง
……........................................................................................................................... .............................................
……........................................................................................................................... .............................................
……........................................................................................................................................................................

ลงช่อื ................................................................
(……………………………………….)
ครูพเี่ ลยี้ ง

วันท่ี.........เดือน......................พ.ศ. ..................

22

ความคดิ เห็นของหัวหน้ากลุ่มสาระการเรยี นรู้
……........................................................................................................................................ ................................
……............................................................................................... ........................................................... ..............
……........................................................................................................................... .............................................
……..................................................................................................................................... ...................................
……............................................................................................ .............................................................. ..............

ลงชื่อ................................................................ผู้ตรวจสอบ
(…………………………………………)

หวั หน้ากลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
วนั ท่ี.........เดือน......................พ.ศ. ..................

ความคดิ เห็นของผู้บรหิ ารสถานศึกษาหรอื ผทู้ ีไ่ ด้รับมอบหมาย
……........................................................................................................................... .............................................
……........................................................................................................................... .............................................
……........................................................................................................................... .............................................
……................................................................................... ....................................................................... ..............
……........................................................................................................................... .............................................
……........................................................................................................................... .............................................
……........................................................................................................................................................................
……........................................................................................................................... .............................................
……........................................................................................................................... .............................................
……........................................................................................................................................................................

ลงช่อื ................................................................
()
หวั หน้ากล่มุ งานการจัดการเรียนรู้

วนั ที่.........เดอื น......................พ.ศ. .................

23

แบบประเมนิ การนําเสนอผลงาน

รายวิชา ว13101 วิทยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ 2/2565

เรอื่ ง……………………………………………………………………………………………………วันท…่ี ………………………………

คําช้ีแจง : ใหค้ รผู ูส้ อนบันทกึ คะแนนลงในรายการท่นี กั เรียนปฏบิ ัตไิ ด้

เกณฑ์การใหค้ ะแนน : 3 = ปฏบิ ตั ิตลอดเวลาท่ที ํากิจกรรม 2 = ปฏิบัตบิ ้าง 1 = ปฏิบัตนิ ้อยมาก

รายการประเมิน กลมุ่ ที่ 8
คะแนน

1 2 3 4567

1. รูปแบบเทคนคิ การนําเสนอ 3

2. ความรว่ มมือภายในกล่มุ 3

3. ส่ือ/อปุ กรณท์ ่ีใช้ในการรายงาน 3

4. สาระที่ไดจ้ ากการรายงาน 3

รวม 12

ลงชื่อ…………………………………………………….ผู้บันทกึ
(…………….…………………………….)

………………………/…………………………./………………………
ระดบั คุณภาพ

คะแนน 10 - 12 หมายถึง ดีมาก
คะแนน 7-9 หมายถึง ดี
คะแนน 4 - 6 หมายถงึ พอใช้
คะแนน 1 - 3 หมายถงึ ปรงั ปรุง
สรุปผลการประเมนิ
- มนี กั เรียนอยู่ในเกณฑด์ ขี น้ึ ไปท้งั หมด…………..กลมุ่ คิดเป็นรอ้ ยละ…………..ของจาํ นวนกลุม่ ท้ังหมด

24

- มีนักเรียนอยู่ตำ่ กวา่ เกณฑด์ ที ง้ั หมด…………กล่มุ คดิ เป็นรอ้ ยละ..............ของจํานวนกล่มุ ทงั้ หมด
ผา่ น ไม่ผ่าน

25

แบบประเมินพฤติกรรมรายกลุม่

รายวิชา ว13101 วิทยาศาสตร์ ภาคเรยี นที่ 2/2565

คำชี้แจง : ให้ครูผู้สอนนสังเกตการทำงานรายกลุ่มของนักเรียนแลว้ บันทึกระดับของพฤตกิ รรมให้ตรงกบั ความเปน็
จริง

พฤตกิ รรมทีส่ ังเกต กลุ่มท่ี
1 2 3 4567 8
1. มีขัน้ ตอนในการทำงานอย่างเปน็ ระบบ
2. มีการวางแผนการทำงานร่วมกัน
3. การยอมรับฟังความคิดเห็นของผูอ้ น่ื
4. การแบง่ งานกนั นทำ
5. ใชเ้ วลาในการทำงานอยา่ งเหมาะสม

รวม

เกณฑ์การให้คะแนน
พฤตกิ รรมท่ีทำเปน็ ประจำ ให้ 3 คะแนน
พฤตกิ รรมทีท่ ำเปน็ บางครัง้ ให้ 2 คะแนน

พฤตกิ รรมทที่ ำน้อยครงั้ ให้ 1 คะแนน
เกณฑ์การให้คะแนน

ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ
13-15 ดีมาก
8-12 ดี
5-7 พอใช้

*หมายเหตุ : นักเรียนมพี ฤติกรรมในระดับ ดขี ้ึนไป คอื ผ่านเกณฑก์ ารประเมิน

26

ไอน้ำในอากาศเป็นแก๊สที่ไม่สามารถมองเหน็ ได้ ไอนำ้ ในอากาศจะควบแนน่ เปน็ น้ำ
เมื่ออุณหภมู ขิ องอากาศลดลง

27

28

29

30

31

32

33

34

ฉันรอู้ ะไร ?

1. สิ่งท่เี กดิ ข้นึ บรเิ วณผวิ ด้านในของถุงพลาสติกก่อนและหลงั แช่ในกระติกนำ้ แขง็ แตกตา่ งกนั หรือไม่ อย่างไร

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

2. ส่งิ ท่ีพบในถงุ พลาสติกคืออะไร เกดิ ขนึ้ อยา่ งไร

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

3. อากาศมีส่วนประกอบอะไรบา้ ง

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

4. เรยี งลำดบั แกส๊ ในอากาศทมี่ ีปริมาณแกส๊ มากที่สุดไปน้อยท่ีสดุ ได้อยา่ งไร

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

5. ส่วนประกอบใดของอากาศมปี รมิ าณไม่คงที่ เพราะเหตุใด

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

6. จากกจิ กรรมน้ี ค้นพบอะไรบ้างเกย่ี วกับส่วนประกอบของอากาศ

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

35

7. จากสง่ิ ท่คี ้นพบ สรุปได้ว่าอย่างไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

36

แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 1 (ต่อ 2) ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 3
กลุ่มสาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี เวลา 22 ชั่วโมง
หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 2 อากาศและชวี ิตของสัตว์ จาํ นวน 3 ชัว่ โมง
เรื่อง อากาศ (มลพิษทางอากาศ) ผู้สอน นายฉัตรชยั เปน็ มงคล
ภาคเรยี นที่ 2/2565

1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้ และตวั ชี้วัด
สาระที่ 3 วิทยาศาสตร์และอวกาศ
มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจองค์ประกอบและความสัมพันธ์ของระบบโลก กระบวนการ เปลี่ยนแปลงภายใน

โลก และบนผวิ โลก ธรณีพิบัติภยั กระบวนการเปล่ียนแปลงลมฟ้าอากาศและ ภูมอิ ากาศโลก รวมท้งั ผลตอ่ สิ่งมีชีวิต
และสิ่งแวดล้อม

ตัวชี้วัด ป.3/1 ระบุสวนประกอบของอากาศ บรรยายความสําคัญของอากาศ และผลกระทบของมลพิษ
ทางอากาศตอสิ่งมีชีวติ จากขอมลู ทรี่ วบรวมได
2. สาระสําคญั

อากาศโดยท่ัวไปไม่มสี ไี มม่ ีกลน่ิ ประกอบด้วยแกส๊ ไนโตรเจน แกส๊ ออกซิเจน แก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์
แก๊สอ่นื ๆ รวมทง้ั ไอนำ้ และฝุ่นละออง อากาศมีความสาํ คัญต่อสิ่งมชี ีวิต หากส่วนประกอบของอากาศไม่เหมาะสม
เนื่องจากมีแก๊สบางชนิดหรือฝุ่นละอองในปริมาณมาก อาจเป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตชนิดต่าง ๆ จัดเป็นมลพิษทาง
อากาศ
3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ เมอ่ื เรยี นจบบทเรยี นนแี้ ลว้ นกั เรียนสามารถ

ด้านความรู้ (K)
1. บรรยายผลกระทบของมลพษิ ทางอากาศตอสิ่งมีชวี ิต จากขอมลู ท่ีรวบรวมได
ด้านทกั ษะและกระบวนการ (P)
1. ตระหนักถงึ ความสาํ คญั ของอากาศ โดยนําเสนอแนวทางการปฏิบตั ิตนในการลดมลพิษทางอากาศ
ดา้ นเจตคติ (A)
1. มคี วามรับผดิ ชอบในการทาํ งาน แสดงความคิดเหน็ และยอมรบั ฟังความคดิ เหน็ ของผอู้ ่นื ได้
4. สาระการเรยี นรู้

มลพิษทางอากาศ (Pollution)

อากาศเปน็ สงิ่ จําเป็นต่อการดํารงชวี ติ ของสิ่งมชี วี ิต โดยปกติอากาศรอบตัวเราเป็นอากาศสะอาด
ไม่มีกลิ่น ไม่มสี ง่ิ เจือปน แต่ในปัจจบุ นั พบวา่ อากาศในบางพื้นท่ไี ม่สะอาด เพราะมีสิง่ เจือปน ในอากาศ
เชน่ มฝี นุ่ ละอองในปรมิ าณ มากกว่าปกติเป็นเวลานาน จะทําให้ เกิดอันตรายต่อสิง่ มชี วี ิต อากาศทมี่ ี กลน่ิ
เหม็นหรือมีสารพิษบางอย่างซง่ึ จะสง่ ผลเสยี ตอ่ สุขภาพจดั เป็น มลพษิ ทางอากาศ
บางครงั้ การกระทําของมนุษย์กท็ ําให้เกดิ มลพิษทางอากาศ เชน่ การเผาไหมเ้ ช้อื เพลิงของยานพาหนะ การ
ทง้ิ ขยะ การเผาป่าซึ่งทาํ ให้เกิดไฟปา่

37

การเผาเช้อื เพลิงของยาน การทง้ิ ขยะ

การเผาป่าซึง่ ทาํ ให้เกิดไฟปา่

อากาศ (Air) คือ ของผสมที่เกิดจากกา๊ ซหลายชนิด อากาศบรสิ ทุ ธจ์ิ ะไม่มสี ี ไม่มีกล่ิน และไม่มีรส
ส่วนผสมสำคัญโดยปริมาตร ไดแ้ ก่ ไนโตรเจน จำนวนรอ้ ยละ 78.09 ออกซิเจน ร้อยละ 20.94
กา๊ ซเฉ่ือย ซึ่งส่วนใหญ่ไดแ้ ก่ ก๊าซอาร์กอน ร้อยละ 0.93 คาร์บอนไดออกไซด์ รอ้ ยละ 0.03 และส่วนผสมของก๊าซ
ฮีเลยี ม ไฮโดรเจน นีออน คริปตอน ซีนอน โอโซน มเี ทน ไอน้ำและสง่ิ อืน่ รวมกัน ร้อยละ 0.01
อากาศใกล้ผิวโลกจะมอี ยู่อยา่ งหนาแน่นมากทสี่ ุดเพราะแรงดงึ ดูดของโลกปรมิ าณและการปรากฎของ ก๊าซจะ
เปลย่ี นแปลงไปตามเวลาและสถานท่ี กา๊ ซออกซิเจนทพ่ี อเหมาะแก่การดำรงชวี ติ จะอยสู่ ูงจากพน้ื โลก 5 – 6
กิโลเมตร ตามธรรมชาตแิ ลว้ อากาศที่บริสุทธจิ์ ะหาได้ยากมาก และการท่อี ากาศลอยปนอยกู่ ับ ลักษณะทาง
กายภาพจึงทำใหม้ ีการเปลีย่ นแปลงได้

บรรยากาศ (Atmosphere) คือ มวลก๊าซท่ีหอ่ หุ้มตง้ั แต่ผิวโลกจนสูงขนึ้ ไปประมาณ 900 กิโลเมตร โดยจะ
เกดิ รว่ มกบั ลักษณะทางกายภาพอื่น ไดแ้ ก่ อณุ หภูมิ ความกดอากาศ ความชื้น ลม และอนุภาคฝนุ่ ผง หรือมลสาร
(Pollutant) ซึ่งอยู่ในระดบั ต่ำและคงอยู่ได้ด้วยแรงโน้มถ่วงของโลก บรรยากาศท่ีสูงข้นึ ประมาณ 80 กิโลเมตรจะ
มสี ว่ นผสมของก๊าซคลา้ ยคลึงกนั คนในสถานความสำคัญของอากาศ

38

ความสำคัญของอากาศและบรรยากาศ
อากาศและบรรยากาศมีความสำคญั ดงั นี้
1. มีก๊าซท่ีจำเปน็ ต่อการมีชวี ติ ของมนุษยส์ ัตวแ์ ละพืช
2. มอี ิทธพิ ลต่อการเกดิ ปรมิ าณและคุณภาพของทรพั ยากรอน่ื เช่นป่าไม้และแรธ่ าตุ
3. ช่วยปรับอณุ หภมู ิของโลก โดยเฉพาะไอน้ำและคาร์บอนไดออกไซด์ซ่ึงจะชว่ ยป้องกนั การสญู เสยี ความ
รอ้ นจากพืน้ ดนิ ทำให้ความแตกต่างของอุณหภูมิระหวา่ งกลางวันกับกลางคืน และ ฤดรู ้อนกับ ฤดหู นาวไม่
แตกตา่ งกนั มาก และทำใหบ้ ริเวณผิวโลกมคี วามอบอุน่ ข้นึ
4. ทำใหเ้ กดิ ลมและฝน
5. มีผลต่อการดำรงชีวิต สภาพจติ ใจ และร่างกายของมนุษย์ ถา้ สภาพอากาศไมเ่ หมาะสม เชน่ แห้งแล้ง
หรือหนาวเย็นเกินไปคนจะอยู่อาศัยด้วยความยากลำบาก
6. ช่วยป้องกนั อันตรายจากรงั สขี องดวงอาทติ ย์ โดยก๊าซโอโซนในบรรยากาศจะกรองหรอื ดูดซับรงั สี
อัลตราไวโอเลต ซง่ึ ทำให้ผิวไหมเ้ กรยี ม เปน็ โรค มะเร็งผิวหนงั และโรคตอ้ กระจก
7. ช่วยเผาไหม้วัตถทุ ่ตี กมาจากฟ้าหรืออกุ กาบาตใหก้ ลายเปน็ อนภุ าคเล็กๆ จนไม่เปน็ อนั ตรายต่อมนุษย์ และทรพั ยส์ นิ
8. ทำใหท้ ้องฟา้ มสี สี วยงาม โดยอนุภาคของส่ิงอืน่ ทปี่ นอยูก่ ับก๊าซในบรรยากาศจะทำใหแ้ สงหกั เห เราจงึ
มองเห็นทอ้ งฟ้ามีแสงสีทงี่ ดงามแทนทจ่ี ะเหน็ เป็นสีดำมืดนอกจากนก้ี ๊าซโอโซนซ่ึงมีสนี ้ำเงิน ยงั ชว่ ยให้มองเหน็
ทอ้ งฟ้าเป็นสีครามหรือสีฟา้ สดใสอกี ดว้ ย
สว่ นประกอบของอากาศ
อากาศเป็นของผสมทปี่ ระกอบด้วยส่วนประกอบหลกั ท่สี ำคัญดงั น้ี
1. แกส๊ เปน็ องค์ประกอบส่วนใหญข่ องอากาศ แก๊สในอากาศแหง้ 100 สว่ น ประกอบด้วยแก๊สต่าง ๆ
ดังนี้

แกส๊ เปอร์เซน็ ต์

แกส๊ ไนโตรเจน 78.084

แก๊สออกซิเจน 20.946

แก๊สอาร์กอน 0.924

แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ 0.033

แกส๊ นอี อน 0.00182

แก๊สฮีเลียม 0.00520

แก๊สอ่ืนๆ 0.000598

39

2. ของเหลว ของเหลวในอากาศ ไดแ้ ก่ ไอน้ำ ซ่ึงเกิดจากการระเหยของนำ้ จากแหลง่ น้ำบนพน้ื ผิวโลก รวมทัง้ การ
คายนำ้ ของพืช และการหายใจของสงิ่ มีชีวิตตา่ งๆ เม่อื ไอนำ้ ทถ่ี กู ปล่อยออกมาลอยขึน้ สู่อากาศ จะทำใหเ้ กดิ เปน็
ปรากฏการณต์ า่ งๆ เช่น ฝน เมฆ หมอก และนำ้ ค้าง ทำให้อากาศมีความช้ืน
3. ของแขง็ นอกจากอากาศประกอบดว้ ยแก๊ส และของเหลว เชน่ ไอน้ำ อากาศยังประกอบดว้ ยอนุภาคของฝุน่
ละอองตา่ งๆ ซึง่ อาจเป็นอนภุ าคทเ่ี กิดขน้ึ เองตามธรรมชาติ เชน่ ฝุน่ ละอองดนิ ละอองหิน ละอองเกสรดอกไม้ หรอื
อนุภาคที่เกิดขนึ้ จากการกระทำของมนษุ ย์ เชน่ อนุภาคของฝ่นุ ละอองจากกระบวนการอตุ สาหกรรม การคมนาคม
การเผาไหม้ รวมท้ังจลุ ินทรยี ์ต่างๆ ที่ปะปนอย่ใู นอากาศ อนภุ าคของฝุ่นละอองท่มี ีอยใู่ นอากาศเป็นที่ยึดเกาะของ
หยดน้ำทเ่ี กิดจากการ กล่นั ตัวของไอนำ้ ในบรรยากาศ ถ้าไม่มฝี ุ่นละอองก็จะไมม่ ีหยดน้ำในอากาศ ดงั นนั้ สภาพ
อากาศในท่ตี ่างๆ จงึ มีความแตกตา่ งกันไป
5. กระบวนการจดั การเรยี นรู้ (5E)

5.1 ขั้นสรา้ งความสนใจ (Engagement) 10 นาที

5.1.1 ครนู าํ รปู บริเวณท่ีมบี ริเวณกอสรางที่แสดงสภาพอากาศในบรเิ วณท่ีมีฝุนละอองมาก ๆ และ
มคี นสวมหนากากอนามยั เพอ่ื ตรวจสอบความรูเดิมเกีย่ วกับมลพิษทางอากาศ โดยใชคําถามดงั นี้

- เพราะเหตใุ ดคนในรูปจึงสวมหนากากอนามยั (นกั เรียนตอบตามความเขาใจของตนเอง
เชน เพราะบริเวณนนั้ มฝี ุนละอองมาก)
- นักเรียนคิดวาบริเวณที่มีฝุนละอองมาก ๆ เปนบริเวณทีม่ ีมลพิษทางอากาศหรือไม อย
างไร (นักเรียนตอบตามความเขาใจของตนเอง เชน บริเวณที่มีฝุนละอองมาก ๆ เปนบริ
เวณทมี่ มี ลพิษทางอากาศที่อาจกอใหเกิดอนั ตรายตอส่ิงมีชีวิต หากฝุนละอองเหลาน้ันเข

40

าไปในรางกายของเรา เชน เขาตาจะทําใหระคายเคืองตา หรือเขาจมูกอาจทําใหหายใจ
ไมสะดวก)
- ตั้งแตตื่นนอนจนเขานอน นักเรียนไดทําอะไรบางที่กอใหเกิดมลพิษทางอากาศ
(นกั เรียนตอบตามประสบการณของตนเอง)
- แนวทางการปฏิบัติตนเพื่อลดมลพิษทางอากาศทําไดอยางไร (นักเรียนตอบตามความ
เขาใจของตนเอง)
5.1.2 ครูเชื่อมโยงความรูเดมิ ของนกั เรียนเขาสูกจิ กรรมท่ี 1.2 โดยใชคาํ ถามดังนี้
- กจิ กรรมใดบางที่กอใหเกดิ มลพิษทางอากาศ และเราจะปฏิบัตติ นอยางไรเพื่อลดมลพิษ
ทางอากาศ (นักเรียนตอบตามความเขาใจของตนเอง ซึ่งนักเรียนจะคนพบคําตอบจาก
การทาํ กจิ กรรม)
5.2 ขนั้ สาํ รวจและค้นหา (Exploration) 30 นาที
5.2.1 นักเรียนอานชื่อกิจกรรม และทําเปนคิดเปน ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายเพ่ือ
ตรวจสอบความเขาใจจุดประสงคในการทาํ กจิ กรรม โดยใชคําถามดงั นี้
- กิจกรรมนี้นักเรียนจะไดเรียนเรื่องอะไร (สิ่งที่พบในอากาศกับมลพิษทางอากาศ แนว
ทางการปฏบิ ตั ิตนเพ่อื ลดมลพิษทางอากาศ)
- นักเรยี นจะไดเรียนรูเร่อื งนี้ดวยวิธใี ด (สังเกตและรวบรวมขอมูล)
- เมือ่ เรยี นแลวนกั เรยี นจะทาํ อะไรได (บรรยายสิง่ ที่พบในอากาศกับมลพิษทาง อ า ก า ศ
และนาํ เสนอแนวทางการปฏิบตั ิตนในการลดมลพิษทางอากาศ)
5.2.2 นกั เรยี นบนั ทึกจดุ ประสงคตอนท่ี 1 และ ตอนที่ 2 ลงในแบบบนั ทึกกจิ กรรม หนา 52 และ
53 โดยครใู หความชวยเหลอื เพอ่ื ใหนกั เรียนเตมิ จดุ ประสงคใหถูกตอง
5.2.3 นักเรียนอานสิ่งที่ตองใชในการทํากิจกรรม จากนั้นครูนําวัสดุอุปกรณที่ใชในการทํา
กจิ กรรมมาแสดงใหนักเรยี นดทู ีละอยาง
5.2.4 นักเรียนอานทําอยางไร ตอนที่ 1 ทีละขอ ครูฝกทักษะการอานโดยใชวธิ ฝี กอานท่ีเหมาะสม
กับความสามารถของนักเรียน จากนั้นครูตรวจสอบความเขาใจเกี่ยวกับวิธีการทํากิจกรรมจน
นกั เรยี นเขาใจลําดับการทาํ กิจกรรม โดยใชคําถามดังน้ี
- นักเรยี นตองเจาะกระดาษเทาขาวแลวติดเทปใสดังรูปกี่แผน (2 แผน)
- นักเรียนตองนํากระดาษที่ติดเทปใสไปแขวนที่ใดบาง และแขวนอยางไร (แขวนที่
โรงเรียนและที่บาน แขวนโดยเจาะรูดานบนของกระดาษสําหรับรอยเชือก และนําไป
แขวนตามท่ีตาง ๆ อยางนอย 2 วัน)
*** หมายเหตุครูควรแนะนําใหนักเรียนแขวนกระดาษบริเวณที่โลงนอกอาคารหรือ
นอกบาน แตไมควรมีลมพดั แรง หรือมีผูคนรบกวน
- นกั เรียนตองสงั เกตอะไรบาง และสังเกตเมื่อใด (สงั เกตบริเวณเทปใสดานท่ี

41

เปนกาวกอนนําไปแขวนและหลังจากแขวนแลว 2 วัน และสังเกตสภาพแวดลอมของ
บริเวณท่นี าํ กระดาษเทาขาวไปแขวน)
- นกั เรยี นตองใชแวนขยายเม่ือตองการสงั เกตสิง่ ใด (ใชแวนขยายสงั เกตบริเวณเทปใสให
ละเอียดขึน้ หลังจากแขวนกระดาษไวทบ่ี รเิ วณตาง ๆ เปนเวลา 2 วนั )
- นกั เรียนจะบนั ทึกผลการสังเกตท่ีใด (บันทึกลงในแบบบันทึกกจิ กรรม หนา 52)
- นักเรยี นตองรวมกนั อภิปรายและลงความเหน็ จากผลการสังเกตเก่ียวกบั เร่ืองอะไร และ
บันทึกทใ่ี ด (ตองรวมกันอภิปรายและลงความเหน็ เกีย่ วกบั สง่ิ ทพ่ี บบนเทปใส
วาเกิดจากสภาพแวดลอมบริเวณที่แขวนกระดาษเทาขาวนั้นมีมลพิษทางอากาศหรือไม
เพราะเหตุใด บนั ทึกในแบบบนั ทกึ กจิ กรรม หนา 53)
- นักเรยี นจะเรียงลําดบั วิธกี ารทํากิจกรรมทั้งหมดอยางไร
(1) เจาะกระดาษเทาขาว 2 แผนและติดเทปใส สังเกต
2) นํากระดาษไปแขวนท่โี รงเรยี น และทีบ่ าน
3) แขวนกระดาษไวอยางนอย 2 วนั สงั เกต
4) อภิปรายวาผลทไี่ ดจากการทํากจิ กรรมและวิเคราะหวาเกดิ จากมลพิษทางอากาศหรือ
ไม เพราะเหตุใด)
ครูบันทึกขั้นตอนการทํากิจกรรมบนกระดานเพื่อเป นแนวทางในการทํากิจกรรมของ
นกั เรยี น
5.2.5 เมื่อนักเรียนเขาใจขั้นตอนการทํากิจกรรมแลว นักเรียนแตละกลุมชวยกันทํากิจกรรม
ตามลําดับ ซึ่งขณะนักเรียนทํากิจกรรม ครูเดินดูการทํากิจกรรมของนักเรียนเพื่อให คําแนะนํา
หรือชวยเหลอื ตามความจาํ เปน
5.3 ข้นั อธิบายและลงขอ้ สรุป (Explanation) 45 นาที
5.3.1 หลังจากทํากิจกรรมครบ 2 วัน นักเรียนบันทึกผลการสังเกตลักษณะของเทปใสดานที่เป
นกาวที่แขวนไวตามบริเวณตาง ๆ ของโรงเรียนและแขวนไวที่บาน จากนั้นครูอาจใหนักเรียน
นําเสนอผลการสังเกต พรอมบอกสภาพแวดลอมของบริเวณทีแ่ ขวนไว โดยครูอาจเขียนตาราง 1
ลักษณะของเทปใสบนกระดาษที่นําไปแขวนไวบริเวณตาง ๆ ตามแบบบันทึกกิจกรรม หนา 52
ไวบนกระดาน
5.3.2 ครูนาํ อภปิ รายผลการทาํ กิจกรรม โดยใชคาํ ถามดังนี้
- บริเวณเทปใสดานทเ่ี ปนกาวบนแผนกระดาษ กอนและหลังนาํ ไปแขวนในบริเวณตาง ๆ
มีลกั ษณะเหมือนหรอื แตกตางกนั อยางไร (แตกตางกนั โดยกอนนําแผนกระดาษไปแขวน
ไมพบสิ่งใดติดอยูบนเทปใส แตเมื่อแขวนแผนกระดาษเปนเวลา 2 วันพบวามีฝุนละออง
เล็ก ๆ มีผงสดี ําเล็ก ๆ หรอื เศษไมเลก็ ๆ ตดิ อยบู นเทปใส)

42

- สิ่งที่พบบนเทปใสที่ในบริเวณตาง ๆ ของโรงเรียนแตกตางกันหรือไม อยางไร (คําตอบ
ขน้ึ อยูกับการทํากิจกรรม เชน ไมแตกตางกัน คือ มีฝุนละอองติดอยูบนเทปใสเหมือนกัน
หรอื แตกตางกนั คือ มปี ริมาณฝุนละอองทพ่ี บไมเทากนั โดยบรเิ วณ
รมิ ถนนมีปริมาณฝุนละอองติดทีเ่ ทปใสมากกวาใตตนไม)
- สิ่งที่พบบนเทปใสที่บานของนักเรียนแตละคนแตกตางกันหรือไมอยางไร (คําตอบ
ขึ้นอยูกับการทํากิจกรรม เชน ไมแตกตางกันคือ มีฝุนละอองติดอยูบนเทปใสในปริมาณ
ทีเ่ ทากัน หรอื แตกตางกัน คอื มปี รมิ าณฝุนละอองทพ่ี บในปรมิ าณที่ไม
เทากันโดยบรเิ วณริมถนนมีปริมาณฝุนละอองติดท่เี ทปใสมากกวาภายในบาน)
- เพราะเหตใุ ดแตละบริเวณจึงพบปรมิ าณฝุนละอองแตกตางกนั (เพราะสภาพแวด
ลอมของแตละบริเวณแตกตางกนั )
- สิ่งท่ที ําใหเกดิ มลพิษทางอากาศในกจิ กรรมนคี้ ืออะไร (ฝนุ ละออง)
- บริเวณใดของโรงเรียนท่ีมมี ลพิษทางอากาศ เพราะเหตุใด (คําตอบขึ้นอยูกับผลการทาํ
กิจกรรม เชน บริเวณรมิ ถนนเพราะมฝี ุนละอองมาก)
- บานของนักเรียนคนใดมีมลพิษทางอากาศ เพราะเหตุใด (คําตอบขึ้นอยูกับผลการทํา
กิจกรรม เชน บานของ......มีมลพิษทางอากาศ เพราะมีฝุนละอองจํานวนมากซึ่งมาจาก
โรงสีขาว)
- ถาเราสูดอากาศที่อยูในบริเวณที่มีฝุนละอองมาก เราจะเปนอยางไร (นักเรียนอาจ
ตอบวา อาจปวย หายใจไมสะดวก)
5.3.3 นักเรียนรวมกันอภิปรายเพื่อตอบคําถามใน ฉันรูอะไร ตอนที่ 1 โดยครูอาจใชคําถาม
เพม่ิ เตมิ ในการอภปิ รายเพอื่ ใหไดแนวคาํ ตอบที่ถูกตอง
5.3.4 ครเู ชือ่ มโยงผลการทํากจิ กรรมในตอนที่ 1 เขาสูกจิ กรรมตอนท่ี 2 โดยใชคาํ ถามดังนี้
- ถาเราตองอาศัยอยูในบริเวณที่มีมลพิษทางอากาศ เราตองปฏิบัติตนอยางไร เพราะ
เหตุใด (นักเรียนตอบตามความเขาใจของตนเอง เชน ควรสวมหนากากอนามัย หรือ
หลกี เล่ียงทจ่ี ะอยูในบริเวณน้นั เปนเวลานาน เพราะอาจเกดิ อนั ตรายตอ่ รางกายได)
- กิจกรรมใดบางในชีวิตประจําวันที่กอใหเกิดมลพิษทางอากาศและมแี นวทางการปฎิบัติ
ตนเพื่อลดมลพิษทางอากาศอยางไร (นักเรียนตอบตามความเขาใจของตนเอง เชน การ
ทงิ้ ขยะโดยไมคัดแยกขยะ ซงึ่ ทาํ ใหเกิดกลิ่นเนาเหม็น แนวทางการปฏิบัติคือควรคัดแยก
ขยะกอนท้งิ )
5.3.5 นกั เรียนอานทาํ อยางไร ตอนที่ 2 ทีละขอ ครฝู กทักษะการอานโดยใชวธิ ีฝกอานที่เหมาะสม
กับความสามารถของนักเรียน จากนั้นครูตรวจสอบความเขาใจเกี่ยวกับขั้นตอนการทํากิจกรรม
โดยใชคาํ ถามดังนี้

43

- เม่ือสังเกตรปู นักเรียนตองบนั ทึกอะไรบาง และบันทึกท่ใี ด (บนั ทกึ กจิ กรรมท่ีกอใหเกิด
มลพิษทางอากาศ ผลของมลพิษทางอากาศที่มีตอสิ่งมีชีวิต และแนวทางการปฏิบัติตน
เพื่อลดมลพิษทางอากาศท่เี กดิ จากกิจกรรมน้ัน ๆ ลงในแบบบนั ทึกกจิ กรรมหนา 53-54)
- นักเรียนรวบรวมขอมูล วิเคราะหและนําเสนอเกี่ยวกับเรื่องอะไร (รวบรวมขอมูล
เกยี่ วกับมลพษิ ทางอากาศทีเ่ กิดจากฝุนละอองแกส หรอื สารเจอื ปนตาง ๆ
วิเคราะหและนาํ เสนอแนวทางการปฏิบัติตนเพื่อลดมลพิษทางอากาศ)
- นกั เรียนตองบนั ทึกผลการวิเคราะหแนวทางการปฎิบัตติ นเพือ่ ลดมลพษิ ทางอากาศที่ใด
(ในแบบบันทึกกิจกรรม หนา 54)
- นักเรียนจะนําเสนอแนวทางการปฏิบัติตนเพื่อลดมลพิษทางอากาศในรูปแบบใดที่น
าสนใจ (นักเรียนตอบตามที่คิดไว เชน ทําผังความคิด วาดรูป โปรแกรมกราฟก(paint)
โปรแกรมเอกสาร (Microsoft word) โปรแกรมประยกุ ต ถายภาพน่งิ หรือ
ถายภาพเคลือ่ นไหวโดยใชโทรศพั ทเคลอ่ื นที่)
- นักเรยี นจะเรยี งลําดับวิธกี ารทาํ กิจกรรมอยางไร
(1) สงั เกตรูปหนา 56
2) วิเคราะหกิจกรรมที่กอใหเกิดมลพิษทางอากาศและผลตอสิ่งมีชีวิต แนวทางการ
ปฎบิ ตั ิตนเพ่อื ลดมลพษิ ทางอากาศบนั ทึกผล
3) ศึกษาขอมลู เกย่ี วกบั มลพษิ ทางอากาศ
4) วิเคราะหและนาํ เสนอแนวทางการปฏิบตั ิตนเพ่ือลดมลพิษทางอากาศ บันทกึ ผล)
ครูบันทึกขั้นตอนการทํากิจกรรมบนกระดานเพื่อเปนแนวทางในการทํากิจกรรมของ
นักเรยี น และ ครเู ตรยี มขอมูลเพือ่ ใหนักเรียนไดรวบรวมขอมลู เกยี่ วกบั มลพิษทางอากาศ
ที่เกิดจากฝุนละออง แกส หรือสารเจือปนตาง ๆ โดยครูสามารถดาวนโหลดเอกสารข
อมูลตาง ๆ ไดจาก http://ipst.me/10910 หรือสามารถเปดวดี ทิ ศั นเกย่ี วกับมลพิษทาง
อากาศ ดังน้ี

สาเหตขุ องมลพษิ ทางอากาศ
https://www.youtube.com/watch?v=JHND-PlpVj8
ผลกระทบและแนวทางการปองกันมลพิษทางอากาศ
https://www.youtube.com/watch?v=AK_e3mdxppg
มลพษิ ทางอากาศคืออะไรและแนวการลดมลพิษทางอากาศ
https://www.youtube.com/watch?v=NI3_46V_K04
5.3.6 เมื่อนักเรียนเขาใจวิธกี ารทํากิจกรรมในทําอยางไร ตอนที่ 2 แลวใหนักเรยี นทํากิจกรรมไป
ทลี ะขอและบันทกึ ผล โดยครคู อยแนะนําและใหความชวยเหลือตามความจําเปน

44

5.3.7 หลังจากทํากจิ กรรมเสร็จแลว นักเรียนแตละกลุมนําเสนอขอมูลเก่ียวกับมลพิษทางอากาศ
ซง่ึ นักเรียนไดจัดกระทําในรูปแบบท่ีนาสนใจโดยอาจใหจัดแสดงหนาหองเรียนแลวใหนักเรียนทุก
คนเดนิ ชมผลงานของเพอ่ื น แลวรวมกนั ใหคะแนนการนาํ เสนอของกลุมท่นี าสนใจมากท่ีสดุ
5.3.8 ครแู ละนกั เรียนรวมกนั อภิปราย โดยใชคําถามดังนี้

- จากรูป กจิ กรรมใดบางทกี่ อใหเกดิ มลพิษทางอากาศ และสงผลตอสงิ่ มีชวี ิต
อยางไร (การปลอยควันจากรถยนตและควันจากโรงงานอุตสาหกรรมกอใหเกิดมลพิษ
ทางอากาศ เพราะทําใหเกิดฝุนละอองจํานวนมากและมีแกสพิษในอากาศ การทิ้งขยะ
และการขับถายของสนุ ขั กอใหเกิดมลพิษทางอากาศเพราะทาํ ใหเกิดกล่ินเหม็น)
- กจิ กรรมดงั กลาว สงผลตอสง่ิ มชี ีวิตอยางไร (นกั เรียนตอบตามความคดิ ของตนเอง เชน
ควันจากรถยนตและควันจากโรงงานอุตสาหกรรมมีผลตอการหายใจของทั้งมนุษย สัตว
และพืช บดบังแสงทพี่ ืชนาํ มาใชในการสรางอาหาร ทาํ ใหบานเรือนสกปรก และถามคี วัน
มาก ๆ จะทําใหการมองเห็นสิ่งตาง ๆ ไมชัดเจน การทิ้งขยะไมถูกที่ทําใหเกิดความ
สกปรกเปนแหลงสะสมเชื้อโรคที่อาจกอใหเกดิ โรค
ตาง ๆ ในมนษุ ยและสตั วได)
- แนวทางการปฏิบัติตนเพื่อลดมลพิษทางอากาศที่เกิดจากกิจกรรมดังกลาว ทําไดอยาง
ไร (นกั เรยี นตอบตามความคดิ ของตนเอง เชน ใชรถสาธารณะ ปลกู ตนไม ลดการใชวัสดุ
ท่ที ําใหเกดิ ขยะ)
5.4 ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration) 15 นาที
5.4.1 ครูกระตนุ ใหนักเรยี นฝกตั้งคําถามเก่ียวกับเรื่องทส่ี งสัยหรืออยากรูเพ่มิ เติมใน อยากรูอีกวา
จากนั้นครูอาจสุมนักเรียน 2 -3 คน นําเสนอคําถามของตนเองหนาชั้นเรียน และใหนักเรียนรวม
กันอภิปรายเกีย่ วกับคําถามทน่ี าํ เสนอ
อยากรอู้ กี วา่

ตั้งคําถามที่ฉันอยากรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับส่วนประกอบของอากาศ (ตั้งได้มากกว่า
1 คาํ ถาม) เช่น ในดินและในนำ้ มอี ากาศหรอื ไม่ ถา้ มสี ว่ นประกอบของ อากาศท่ี
อย่ใู นดินและน้ำจะเหมือนกับสว่ นประกอบของอากาศโดยทั่วไป หรือไม่ เพราะ
เหตใุ ด

5.4.2 ครชู กั ชวนนกั เรียนอภิปรายคาํ ถามชวนคดิ ในหนังสอื เรียน หนา 59 โดยอาจใหนักเรียนไป
สบื คนขอมลู เพิ่มเตมิ เพื่อหาคําตอบ

ชวนคดิ
นักทอ่ งเท่ียวกลมุ่ หนง่ึ ไปกางเตน็ ท์ บนดอยแล้วรสู้ ึกหนาว จึงคิดทีจ่ ะนําเตาถ่าน
จุดไฟเข้าไปไว้ในเต็นท์เพื่อให้ความอบอุ่น การกระทําดังกล่าวเป็นสิ่งที่ควร
กระทํา หรือไม่ เพราะเหตใุ ด


Click to View FlipBook Version