การพัฒนาบทเรียนออนไลน์ เรื่อง การแต่งกลอนสี่ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 นางสาวหัทยา มหารัตน์ นายภาณุวัฒน์ กรอนกลาง นางสาวนุชนารถ ปันอิน นางสาวอารยา จันแก้วปง โครงงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา THAI3902 โครงงานและสัมมนา ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่
การพัฒนาบทเรียนออนไลน์ เรื่อง การแต่งกลอนสี่ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 นางสาวหัทยา มหารัตน์ รหัสนักศึกษา 62151127 นายภาณุวัฒน์ กรอนกลาง รหัสนักศึกษา 62151164 นางสาวนุชนารถ ปันอิน รหัสนักศึกษา 62151169 นางสาวอารยา จันแก้วปง รหัสนักศึกษา 62151172 หมู่เรียน ท 62.ค.บ.4.2 โครงงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา THAI3902 โครงงานและสัมมนา ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่
ก ชื่อโครงงาน การพัฒนาบทเรียนออนไลน์ เรื่อง การแต่งกลอนสี่ สำหรับ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ชื่อผู้จัดทำโครงงาน นางสาวหัทยา มหารัตน์ นายภาณุวัฒน์ กรอนกลาง นางสาวนุชนารถ ปันอิน นางสาวอารยา จันแก้วปง อาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. กิตติพงษ์ วงศ์ทิพย์ บทคัดย่อ โครงงานการพัฒนาบทเรียนออนไลน์ เรื่อง การแต่งกลอนสี่ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษา ปีที่ 4 มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาบทเรียนออนไลน์ เรื่อง การแต่งกลอนสี่ สำหรับนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 4 การดำเนินการจัดทำโครงงานขั้นตอนแรกได้สร้างแบบทดสอบก่อนและหลังเรียน จำนวน 10 ข้อ โดยใช้รูปแบบแบบเติมคำ ซึ่งแบบทดสอบก่อนเรียนจะใช้วัดความรู้พื้นฐานเรื่อง การแต่งกลอนสี่ ส่วนแบบทดสอบหลังเรียนจะใช้ทดสอบความรู้ความเข้าใจของนักเรียนหลังจากเรียน บทเรียนออนไลน์ เรื่อง การแต่งกลอนสี่ ขั้นที่สองคือบทเรียน เรื่อง การแต่งกลอนสี่ ได้แก่ ความหมาย ของกลอนสี่ คณะของกลอนสี่ สัมผัสของกลอนสี่ และตัวอย่างกลอนสี่ โดยนำข้อมูลเนื้อหาการแต่ง กลอนสี่จากหนังสือหลายเล่มและเว็บไซต์ที่มีความน่าเชื่อถือมาสรุปเรียบเรียงให้เหมาะสมกับนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เพื่อใช้ในการสร้างองค์ความรู้ และฝึกทักษะการแต่งกลอนสี่ของนักเรียน หลังจากศึกษาเนื้อหาครบถ้วน ขั้นที่สามนำวิดีโอเพิ่มความรู้จากช่องยูทูปของคุณบุศรา คำมูลนา จำนวน 4 ตอน ได้แก่ การแต่งกลอนสี่ แผนผังกลอนสี่ คำคล้องจองและคำสัมผัส และประลองความรู้ ใส่ในบทเรียนออนไลน์ เพื่อให้นักเรียนได้ทบทวนความรู้ หากไม่เข้าใจเนื้อหาเรื่อง การแต่งกลอนสี่ใน บทเรียนออนไลน์ขั้นที่สี่สร้างเกมเพื่อทดสอบความเข้าใจ จำนวน 3 เกม ได้แก่ เกมเปิดกล่อง เกมจับคู่ และเกมเรียงลำดับข้อความ เพื่อให้นักเรียนเข้าใจเรื่อง การแต่งกลอนสี่เพิ่มมากขึ้น
ข กิตติกรรมประกาศ การทำโครงงานในครั้งนี้คณะผู้จัดทำโครงงานได้รับการช่วยเหลือจากบุคคลต่าง ๆ จึงทำให้ โครงงานนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ซึ่งผู้ที่ช่วยเหลือในการทำโครงงานมีดังต่อไปนี้ ขอกราบขอบพระคุณอาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. กิตติพงษ์ วงศ์ทิพย์ ที่ได้เสียสละเวลาในการทำงานเพื่อให้คำปรึกษาในการทำโครงงาน ให้แนวคิดและคำแนะนำ ตลอดจน คอยช่วยเหลือ แก้ไขความผิดพลาดต่าง ๆ จนโครงงานเสร็จสมบูรณ์ ขอกราบขอบพระคุณอาจารย์ภาควิชาภาษาไทยทุกท่านที่กรุณาอำนวยความสะดวก ในการทำโครงงาน โดยการเอื้อเฟื้อสถานที่ในการจัดทำโครงงานครั้งนี้ ขอกราบขอบพระคุณคุณพ่อและคุณแม่ที่ให้การสนับสนุนด้านทุนทรัพย์ และกำลังใจใน การทำโครงงานครั้งนี้จนสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี คณะผู้จัดโครงงาน
ค สารบัญ หน้า บทคัดย่อ ก กิตติกรรมประกาศ ข สารบัญ ค สารบัญรูปภาพ จ บทที่ 1 บทนำ 1 ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา 1 วัตถุประสงค์ 2 ขอบเขตการศึกษา 2 นิยามศัพท์เฉพาะ 3 ประโยชน์ที่ได้รับ 3 บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง 4 เอกสารที่เกี่ยวข้องกับความรู้เรื่องการแต่งกลอนสี่ 4 เอกสารที่เกี่ยวข้องกับความรู้เรื่องบทเรียนออนไลน์ 9 เอกสารที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาบทเรียนออนไลน์ด้วย Google site 14 บทที่ 3 วิธีดำเนินการ 18 ขั้นก่อนดำเนินการจัดทำโครงงาน 18 ขั้นการดำเนินการจัดทำโครงงาน 19 บทที่ 4 ผลการดำเนินการ 44 ผลการจัดทำแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน 44 ผลการจัดทำบทเรียน เรื่อง การแต่งกลอนสี่ 48 ผลการจัดทำวิดีโอเพิ่มความรู้ 51 ผลการจัดทำเกมเพื่อทดสอบความเข้าใจ 54 บทที่ 5 สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ 63 สรุปผลการดำเนินงาน 63 อภิปรายผลการดำเนินงาน 63 ข้อเสนอแนะ 66 บรรณานุกรม 67 ประวัติผู้จัดทำ 69
ง สารบัญรูปภาพ ภาพที่ หน้า 1 ลักษณะบังคับของกลอนสี่ 5 2 ห้องเรียน Google site 15 3 เนื้อหาบทเรียน 16 4 สื่อในบทเรียน 16 5 ปรึกษาและวางแผนจัดทำโครงงาน 18 6 นำเสนอโครงงานต่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน 19 7 สืบค้นวิธีการสร้างแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน 20 8 นำเสนอแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนต่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน 21 9 แบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนแบบเติมคำที่บันทึกเป็น PDF 22 10 การสร้างแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนในโปรแกรม Live Worksheets 23 11 การใส่โค้ดในแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน 24 12 การระบุชั้นเรียนและรายวิชา 25 13 แบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนแบบเติมคำที่สร้างด้วยโปรแกรม Live Worksheets 26 14 สืบค้นข้อมูลเนื้อหาการแต่งกลอนสี่ 27 15 ปกความหมายของกลอนสี่ในบทเรียนออนไลน์ 28 16 เนื้อหาเรื่อง ความหมายของกลอนสี่ในบทเรียนออนไลน์ 28 17 ปกคณะของกลอนสี่ในบทเรียนออนไลน์ 29 18 เนื้อหาเรื่อง คณะของกลอนสี่ในบทเรียนออนไลน์ 30 19 ปกสัมผัสของกลอนสี่ในบทเรียนออนไลน์ 30 20 เนื้อหาเรื่อง สัมผัสของกลอนสี่ในบทเรียนออนไลน์ 31 21 ปกตัวอย่างกลอนสี่ในบทเรียนออนไลน์ 31 22 เนื้อหาเรื่อง ตัวอย่างการแต่งกลอนสี่ในบทเรียนออนไลน์ 32 23 สืบค้นวิดีโอเรื่อง การแต่งกลอนสี่ 33 24 วิดีโอที่ 1 รู้จักกลอนสี่ในบทเรียนออนไลน์ 34 25 วิดีโอที่ 2 แผนผังกลอนสี่ในบทเรียนออนไลน์ 35 26 วิดีโอที่ 3 คำคล้องจองและคำสัมผัสในบทเรียนออนไลน์ 36 27 วิดีโอที่ 4 ประลองความรู้ในบทเรียนออนไลน์ 37 28 เลือกรูปแบบเกมที่สอดคล้องกับเนื้อหาการแต่งกลอนสี่ 38
จ สารบัญรูปภาพ (ต่อ) ภาพที่ หน้า 29 รูปแบบเกมเปิดกล่อง 39 30 กรอกข้อมูลคำถามในเกมเปิดกล่อง 39 31 รูปแบบเกมจับคู่ 40 32 กรอกข้อมูลคำถามในเกมจับคู่ 41 33 รูปแบบเกมเรียงลำดับข้อความ 42 34 กรอกข้อมูลคำถามในเกมเรียงลำดับข้อความ 42 35 การเผยแพร่เว็บไซต์ 43 36 คิวอาร์โค้ดบทเรียนออนไลน์ 43 37 แบบทดสอบก่อนเรียน 45 38 แบบทดสอบหลังเรียน 46 39 หน้าจอแสดงตัวอย่างผลคะแนนจากการทำแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน 47 40 ความหมายของกลอนสี่ 48 41 คณะของกลอนสี่ 49 42 สัมผัสของกลอนสี่ 49 43 สัมผัสใน 50 44 สัมผัสอักษร 50 45 ตัวอย่างกลอนสี่ 51 46 วิดีโอเพิ่มความรู้ 52 47 วิดีโอที่ 1 รู้จักกลอนสี่ 52 48 วิดีโอที่ 2 แผนผังกลอนสี่ 53 49 วิดีโอที่ 3 คำคล้องจองและคำสัมผัส 53 50 วิดีโอที่ 4 ประลองความรู้ 54 51 เกมเปิดกล่อง 55 52 ตัวอย่างเกมเปิดกล่องที่เลือกคำตอบถูกต้อง 55 53 ตัวอย่างเกมเปิดกล่องที่เลือกคำตอบไม่ถูกต้อง 56 54 หน้าจอแสดงผลคะแนนจากการเล่นเกมเปิดกล่อง 56 55 เกมจับคู่ 57 56 ตัวอย่างเกมจับคู่ที่เลือกคำตอบถูกต้อง 58
ฉ สารบัญรูปภาพ (ต่อ) ภาพที่ หน้า 57 ตัวอย่างเกมจับคู่ที่เลือกคำตอบไม่ถูกต้อง 58 58 หน้าจอแสดงผลคะแนนจากการเล่นเกมจับคู่ 59 59 เกมเรียงลำดับข้อความ 60 60 ตัวอย่างเกมเรียงลำดับข้อความที่เรียงลำดับข้อความได้ถูกต้อง 61 61 ตัวอย่างเกมเรียงลำดับข้อความที่เรียงลำดับข้อความไม่ถูกต้อง 61 62 หน้าจอแสดงผลคะแนนจากการเล่นเกมเรียงลำดับข้อความ 62
บทที่ 1 บทนำ ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา ภาษาไทยเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมอันก่อให้เกิดความเป็นเอกภาพและเสริมสร้างบุคลิกภาพ ของคนไทยให้มีความเป็นไทย นอกจากนี้ยังแสดงถึงภูมิปัญญาของบรรพบุรุษในการประดิษฐ์ ตัวอักษรไทยขึ้นใช้และการนำภาษามารังสรรค์เป็นงานประพันธ์หรือบทร้อยกรองประเภทต่าง ๆ ที่มี สัมผัสคล้องกัน ก่อให้เกิดความไพเราะ และช่วยให้สามารถจดจำเนื้อความของบทร้อยกรองเหล่านั้น ได้ง่ายยิ่งขึ้น จากที่กล่าวมาข้างต้นจะเห็นได้ว่า บทร้อยกรองแสดงถึงภูมิปัญญาทางภาษาของคนไทยที่มี มาตั้งแต่อดีต กระทรวงศึกษาธิการจึงกำหนดในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551 กลุ่มสาระภาษาไทย ให้ผู้เรียนเรียนรู้เกี่ยวกับบทร้อยกรอง โดยเริ่มศึกษาตั้งแต่คำคล้องจอง กลอนสี่ กาพย์ยานี 11 กลอนสุภาพ โคลงสี่สุภาพ ร่าย และฉันท์ตามลำดับ และยังกำหนดคุณภาพ ของผู้เรียนเมื่อจบหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานชั้นประถมศึกษาจะต้องมีความรู้ความสามารถ ในการแต่งบทร้อยกรองประเภทกลอนสี่กลอนสุภาพ และกาพย์ยานี 11 ซึ่งนักเรียนชั้นประถมศึกษา ปีที่ 4 จะต้องสามารถแต่งบทร้อยกรองประเภทกลอนสี่ได้ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551 ได้กำหนดไว้ อย่างไรก็ตาม การเรียนการสอนบทร้อยกรองประเภทกลอนสี่สำหรับ นักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ยังคงประสบปัญหา เนื่องจากนักเรียนในระดับชั้นนี้ประมวลคำศัพท์ได้น้อย ใช้คำได้ไม่หลากหลาย และใช้คำสื่อความไม่ชัดเจน ปัญหาอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้การจัดการเรียน การสอนการแต่งบทร้อยกรองประเภทกลอนสี่ยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร คือ ผู้สอนใช้วิธีสอน แบบบรรยายทำให้ผู้เรียนเกิดความเบื่อหน่ายและไม่สนใจที่จะเรียน นอกจากนี้ผู้สอนยังไม่ถนัด การแต่งกลอนสี่จึงไม่สามารถถ่ายทอดความรู้ได้อย่างเต็มที่ ตลอดจนขาดสื่อการสอนที่เหมาะสม ซึ่งสื่อการสอนมีบทบาทสำคัญที่จะทำให้ผู้เรียนเกิดความสนใจและเกิดการเรียนรู้ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ดังนั้น ผู้สอนจึงต้องใช้สื่อการสอนที่เร้าความสนใจเพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สื่อการเรียนการสอนประเภทหนึ่งที่สามารถนำมาใช้แก้ปัญหาในการสอนแต่งบทร้อยกรองได้ ก็คือบทเรียนออนไลน์เนื่องจากบทเรียนออนไลน์เน้นผลิตในรูปแบบของเว็บไซต์ที่สามารถปรับปรุง และเปลี่ยนแปลงเนื้อหาได้ง่าย และสามารถเสริมเนื้อหาได้หลากหลายรูปแบบด้วยลิงก์ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบไฟล์ วิดีโอ หรือไฟล์เสียงเข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ตได้อย่างรวดเร็วและผู้เรียน สามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลได้ง่ายยิ่งขึ้น ทั้งนี้ยังเร้าความสนใจของผู้เรียนเหมาะสำหรับการนำมา
2 ประยุกต์ใช้กับการเรียนการสอนภาษาไทย เพื่อให้ผู้เรียนสามารถเข้าถึงเนื้อหาได้ตลอดเวลาและสร้าง บรรยากาศในชั้นเรียนทำให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยเหตุผลที่ได้กล่าวข้างต้น คณะผู้จัดทำโครงงานได้ตระหนักถึงความสำคัญและประโยชน์ ของการสอนภาษาไทย เรื่อง การแต่งกลอนสี่ โดยใช้บทเรียนออนไลน์ ซึ่งจะช่วยให้ผู้เรียนสามารถ เรียนรู้ด้วยตนเอง และเข้าถึงเนื้อหาได้ตลอดเวลา คณะผู้จัดทำโครงงานจึงสนใจที่จะพัฒนาบทเรียน ออนไลน์ เรื่อง การแต่งกลอนสี่ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เพื่อใช้ในการจัดการเรียน การสอนเรื่องการแต่งกลอนสี่ให้มีประสิทธิภาพ วัตถุประสงค์ วัตถุประสงค์ของการทำโครงงานครั้งนี้ คือ เพื่อพัฒนาบทเรียนออนไลน์ เรื่อง การแต่ง กลอนสี่ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ขอบเขตการศึกษา การศึกษาครั้งนี้คณะผู้จัดทำโครงงานจะจัดทำบทเรียนออนไลน์ เรื่อง การแต่งกลอนสี่ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ซึ่งประกอบด้วยเนื้อหา 4 ส่วน ได้แก่ 1. แบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน จำนวน 10 ข้อ 2. บทเรียน เรื่อง การแต่งกลอนสี่ ประกอบด้วย 2.1 ความหมายของกลอนสี่ 2.2 คณะของกลอนสี่ 2.3 สัมผัสของกลอนสี่ 2.4 ตัวอย่างกลอนสี่ 3. วิดีโอเพิ่มความรู้จำนวน 4 ตอน 3.1 รู้จักกลอนสี่ 3.2 แผนผังกลอนสี่ 3.3 คำคล้องจองและคำสัมผัส 3.4 ประลองความรู้ 4. เกมเพื่อทดสอบความเข้าใจ จำนวน 3 เกม 4.1 เกมเปิดกล่อง 4.2 เกมเรียงลำดับข้อความ 4.3 เกมจับคู่
3 นิยามศัพท์เฉพาะ บทเรียนออนไลน์ หมายถึง บทเรียนที่นำเสนอเนื้อหาสาระเกี่ยวกับการแต่งกลอนสี่ ที่คณะผู้จัดทำโครงงานจัดทำขึ้น ประกอบด้วยแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน บทเรียน เรื่อง การแต่งกลอนสี่ วิดีโอเพิ่มความรู้ และเกมเพื่อทดสอบความเข้าใจ ซึ่งนักเรียนสามารถเรียนรู้ได้ด้วย ตนเอง โดยไม่จำกัดเวลา สถานที่ หรือจำนวนครั้ง กลอนสี่ หมายถึง กลอนสุภาพชนิดหนึ่ง มีลักษณะฉันทลักษณ์คือ แต่ละวรรคจะมี 4 คำ บทหนึ่งมี 4 วรรค กลอนสี่ 2 วรรค เรียกว่า 1 บาท หรือ 1 คำกลอน ฉะนั้นกลอนสุภาพบทหนึ่งจะมี 2 บาท หรือ 2 คำกลอน บาทแรก เรียกว่า บาทเอก บาทที่สอง เรียกว่า บาทโท ประโยชน์ที่ได้รับ 1. คณะผู้จัดทำโครงงานได้บทเรียนออนไลน์ เรื่อง การแต่งกลอนสี่ สำหรับนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 2. คณะผู้จัดทำโครงงานสามารถนำบทเรียนออนไลน์ เรื่อง การแต่งกลอนสี่ ไปใช้ประกอบ การจัดการเรียนรู้ในอนาคต
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง การจัดทำโครงงานเรื่อง การพัฒนาบทเรียนออนไลน์ เรื่อง การแต่งกลอนสี่ สำหรับนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 คณะผู้จัดทำโครงงานได้ศึกษาเอกสารต่าง ๆ เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนิน โครงงาน ดังนี้ 1. เอกสารที่เกี่ยวข้องกับความรู้เรื่องการแต่งกลอนสี่ 1.1 ความหมายของกลอนสี่ 1.2 ลักษณะบังคับของกลอนสี่ 1.3 วิธีการสอนการแต่งกลอนสี่ 1.4 ประโยชน์ของการเรียนรู้การแต่งกลอนสี่ 2. เอกสารที่เกี่ยวข้องกับความรู้เรื่องบทเรียนออนไลน์ 2.1 ความหมายของบทเรียนออนไลน์ 2.2 คุณลักษณะของบทเรียนออนไลน์ 2.3 ประโยชน์ของบทเรียนออนไลน์ 3. เอกสารที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาบทเรียนออนไลน์ด้วย Google site 3.1 ความหมายของ Google site 3.2 ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Google site 3.3 คุณลักษณะที่สำคัญของ Google site 3.4 ตัวอย่างเว็บไซต์ที่สร้างด้วย Google site เอกสารที่เกี่ยวข้องกับความรู้เรื่องการแต่งกลอนสี่ ความหมายของกลอนสี่ ผู้มีความรู้ในเรื่องบทร้อยกรองประเภทกลอนหลายท่านได้ให้คำจำกัดความของคำว่ากลอนสี่ ในทัศนะที่ใกล้เคียงกัน ดังที่ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (2535:599) ได้ให้ความหมายกลอนสี่ว่า เป็นการเรียงร้อยถ้อยคำให้เป็นเรื่องราว หรือผูกถ้อยคำให้เป็นบทร้อยกรอง โดยมีการบังคับจำนวนคำ จำนวนวรรค สัมผัส ซึ่งกลอนสี่เป็นบทกวีที่แต่งกันมาตั้งเเต่สมัยกรุงศรีอยุธยา วรรณคดีที่แต่งด้วย กวีนิพนธ์ชนิดนี้ปรากฏอยู่ในมหาชาติคำหลวงกัณฑ์มหาพน กลอนบทละครสมัยกรุงศรีอยุธยา และกลอนบทละครสมัยรัตนโกสินทร์ นอกจากนี้ยังพบในพระมาลัยกลอนสวด กลอนแหล่ เทสน์มหาชาติเป็นต้น สอดคล้องกับ ทิพย์ หอมพูล (2552 อ้างถึงใน ปฤษณา แจ้มแจ้ง, 2554) ที่ได้ ให้ความหมายของการแต่งกลอนสี่ว่าเป็นการเรียบเรียงถ้อยคำให้ไพเราะตามข้อบังคับฉันทลักษณ์ของ
5 บทร้อยกรองประเภทกลอนสี่ ส่วน มณี จานโอ (2546:145) ที่กล่าวว่า กลอนสี่ หมายถึง การเรียบเรียงขึ้นตามแบบแผนข้อบังคับอันประกอบด้วยคณะ พยางค์ สัมผัส และต้องมีความไพเราะ ให้ข้อคิดที่ดีงาม จากความหมายที่กล่าวมาข้างต้นสามารถสรุปได้ว่า กลอนสี่ คือ คำประพันธ์ที่เรียบเรียง ตามระเบียบของฉันทลักษณ์กลอนสี่ที่บังคับจำนวนคำ จำนวนวรรค สัมผัส โดยบทประพันธ์จะต้องมี ความไพเราะและให้ข้อคิดที่ดีงาม ลักษณะบังคับกลอนสี่ ราตรี โพธิ์เต็ง (2551:191) กล่าวถึงลักษณะกลอนสี่ว่า มีลักษณะคล้ายกับคำประพันธ์ ชนิดฉันท์8 คือ มาณวกฉันท์ จิตรปทาฉันท์และวิชชุมาลาฉันท์ คือ กำหนดคำวรรคละ 4 คำ เหมือนกัน แต่ต่างกันที่ฉันท์จะบังคับการใช้คำครุ ลหุ และกลอนสี่เพิ่มสัมผัสที่บาทโท ภาพที่ 1 ลักษณะบังคับของกลอนสี่ 1. ลักษณะบังคับ 1 บท มี 2 บาท 1 บาท แบ่งเป็น 2 วรรค วรรคละ 4 คำ 2. สัมผัสบังคับ 2.1 คำสุดท้ายวรรคที่ 1 สัมผัสกับคำที่ 2 วรรคที่2 2.2 คำสุดท้ายวรรคที่ 2 สัมผัสกับคำสุดท้ายวรรคที่ 3 2.3 คำสุดท้ายวรรคที่ 3 สัมผัสกับคำที่2 วรรคที่ 4 2.4 สัมผัสระหว่างบท ให้คำสุดท้ายของบทแรกสัมผัสกับคำสุดท้ายวรรคที่ 2 ของบท ต่อไป 3. สัมผัสสระ คือ คำที่ใช้สระเดียวกัน หรือเสียงสระพ้องกัน เช่น เสียง-เพียง-เขียง-เตียง ร้าว-ขาว-สาว-หนาว
6 4. สัมผัสพยัญชนะ คือ คำที่มีพยัญชนะต้นเสียงเดียวกัน หรือตัวอักษรเดียวกัน หรือพยัญชนะที่มีเสียงสูงต่ำเบาเข้าคู่กันได้ เช่น แน่น-น้อง-เนือง-นอง ปรุง-ปราง-ปรับ-เปลี่ยน แก้ว-กานต์-เกื้อ-ก้าว 5. สัมผัสนอก เป็นสัมผัสบังคับระหว่างวรรค บท กำหนดให้ใช้เฉพาะสัมผัสสระเท่านั้น 6. สัมผัสใน เป็นสัมผัสภายในวรรค มีทั้งสัมผัสสระและสัมผัสพยัญชนะ ที่จะช่วยให้ บทร้อยกรองมีความไพเราะยิ่งขึ้น ตัวอย่าง เด็กไทยวันนี้ ต้องดีต้องเก่ง ต้องช่วยตัวเอง ต้องเร่งก้าวไป ซื่อสัตย์อดทน ฝึกฝนวินัย เรารักเมืองไทย ร่วมใจทำดี (หนังสือภาษาไทย ชั้น ป.1 เล่ม 2:กรมวิชาการ) โธ่เอ๋ยช้างไทย ยิ่งใหญ่หนักหนา ทุเรศนัยน์ตา ต้องมาขอทาน อยู่ถึงป่าดง พงไพรกันดาร ดีกว่าซมซาน อยู่ชานเมืองกรุง (สอนเด็กให้เป็นกวี:ป.มหาขันธ์) จากลักษณะบังคับกลอนสี่ที่กล่าวมาข้างต้นสามารถสรุปได้ว่า ลักษณะบังคับกลอนสี่ ประกอบด้วย ลักษณะบังคับ สัมผัสบังคับ สัมผัสสระ สัมผัสพยัญชนะ สัมผัสนอก สัมผัสใน และตัวอย่างบทร้อยกรองประเภทกลอนสี่ วิธีการสอนการแต่งกลอนสี่ ศุภวรรณ มองเพชร (2547:255) ได้เสนอแนะเกี่ยวกับวิธีการสอนแต่งกลอนสี่ว่า ครูควรเริ่ม แนะนำนักเรียน ดังนี้ 1. ควรเตรียมคำเพื่อใช้ในการแต่งบทร้อยกรอง โดยให้นักเรียนศึกษาคำชนิดต่าง ๆ เช่น คำไวพจน์ คำที่ให้ความรู้สึก เป็นต้น 2. ศึกษาแนวความคิดของนักเรียน บทร้อยกรองที่มีชื่อเสียง เพื่อปลุกเร้าให้เกิดความคิด 3. การลำดับแนวความคิด ครูต้องแนะนำการลำดับความคิดที่ดีของบทร้อยกรองว่า มีหลักการลำดับความคิดอย่างไร และควรชี้แจงให้เห็นถึงการลำดับความคิดที่ไม่ถูกต้องควบคู่ไป
7 4. การเลือกฉันทลักษณ์ให้สัมพันธ์กับเรื่องที่จะนำมาแต่ง ครูจะต้องเน้นให้นักเรียน รู้ว่าฉันทลักษณ์ชนิดใดเหมาะที่จะใช้แต่งกับเนื้อหาอย่างไร คือให้นักเรียนรู้ลีลาท่วงทำนองของ คำประพันธ์ชนิดนั้น ๆ นั่นเอง 5. การใช้ถ้อยคำภาษาในบทร้อยกรอง ครูจะต้องเน้นให้นักเรียนเรียนรู้คำที่ทำให้ เกิดภาพ เกิดเสียง เกิดความรู้สึก คำที่เหมาะกับเนื้อเรื่อง และถ้อยคำสั้น ๆ ที่มีความหมายเด่นชัด โดยนำบทร้อยกรองที่เด่นในเรื่องดังกล่าวมาชี้แนะให้นักเรียนพิจารณาแล้วร่วมกันวิพากษ์วิจารณ์ 6. การขึ้นต้นบทร้อยกรอง ครูจะต้องนำวิธีการขึ้นต้นบทร้อยกรองของนักเขียนที่มีชื่อเสียง มาแยกแยะพิจารณาให้นักเรียนเห็นว่า นักเขียนบทร้อยกรองเหล่านั้นมีกลวิธีในการขึ้นต้น บทร้อยกรองอย่างไร 7. การจบบทร้อยกรอง สิ่งที่นักเรียนจะต้องศึกษาเพื่อเป็นแนวทางในการจบบทร้อยกรอง คือจะต้องศึกษาการจบบทร้อยกรองของนักเขียนที่มีชื่อเสียงเช่นเดียวกับการศึกษาการขึ้นต้นด้วย บทร้อยกรอง 8. การตั้งชื่อเรื่องครูจะต้องเน้นให้เห็นความสำคัญของการตั้งชื่อเรื่องและชี้ให้เห็นว่า การตั้งชื่อเรื่องควรจะต้องตรงกับเนื้อหา ต้องรัดกุม ต้องแปลกใหม่ ต้องใช้ภาษาง่ายและไม่ซ้ำกับของ บุคคลอื่น 9. การดำเนินการแต่งบทร้อยกรอง เมื่อถึงขั้นนี้จะต้องเน้นให้นักเรียนเห็นแนวความคิดว่า จะเขียนเรื่องอะไร แล้วพยายามลำดับความคิดนั้น หาแบบการขึ้นต้นและเตรียมการจบของ บทร้อยกรอง โดยนักเรียนจะต้องคิดวางโครงเรื่องไว้ในใจหรือใส่กระดาษเพื่อช่วยให้บทร้อยกรอง ดำเนินเรื่องไปตามลำดับ ไม่เขียนนอกเรื่องจะไม่ขาดเอกภาพ 10. กิจกรรมและอุปกรณ์ที่ใช้ในการประกอบการสอนแต่งบทร้อยกรอง ครูต้องเลือกใช้ ให้เหมาะสมตามโอกาสและความสะดวก 11. การวัดผลการเขียนบทร้อยกรอง ครูควรจะวัดผลการเขียนบทร้อยกรองควบคู่ไปกับ การเรียนการสอน ไม่ควรสอบเพียงครั้งเดียวเมื่อจบเนื้อหา เพราะจะเป็นการวัดผลที่ไม่เห็น ความเปลี่ยนแปลงของนักเรียน ส่วนการตรวจงานเขียน ครูควรชี้ข้อบกพร่องเล็ก ๆ น้อย ๆ และ ให้กำลังใจแก่นักเรียน ไม่ควรทำให้นักเรียนท้อใจ นักเรียนควรทราบความเปลี่ยนแปลงของตนโดยดูได้ จากผลงานที่ตรวจแก้ไขให้ จากแนวทางของนักการศึกษาข้างต้นได้เสนอแนะวิธีสอนเขียนคำประพันธ์สรุปได้ว่า การสอนเขียนคำประพันธ์ให้ประสบความสำเร็จควรเริ่มต้นจากการให้ความรู้เรื่องการเลือกใช้คำ ฝึกให้นักเรียนรู้จักรวบรวมคำ เรียนรู้เกี่ยวกับฉันทลักษณ์ของคำประพันธ์และหลักการลำดับ แนวความคิดที่ถูกต้อง เปิดโอกาสให้มีการฝึกฝนแต่งคำประพันธ์ตามความสนใจ และความถนัด ของนักเรียนเป็นการเสริมสร้างจินตนาการและสร้างสรรค์ผลงานในการเขียนคำประพันธ์
8 ประโยชน์ของการแต่งกลอนสี่ กลอนสี่เป็นงานเขียนที่แสดงออกถึงอารมณ์ ความรู้สึก ความรู้ และประสบการณ์ของกวีที่ได้ สั่งสมมา โดยใช้ภาษาที่มีลักษณะพิเศษแตกต่างกันออกไปจากภาษาร้อยแก้วธรรมดา เป็นสื่อ ในการถ่ายทอด เพราะภาษาที่กวีใช้จะมีลักษณะไพเราะงดงามด้วยรสแห่งถ้อยคำที่ใช้ และรสของ ความหมายอันลึกซึ้งทำให้เกิดคุณค่าทั้งต่อตัวของกวี ผู้อ่าน และสังคม ดังที่ พระยาอุปกิตศิลปสาร (2531:39) ได้กล่าวถึงคุณค่าของคำประพันธ์ไว้ว่า คุณของคำประพันธ์ รวมความว่าคำประพันธ์มีคุณ ให้ความรื่นเริงบันเทิงใจแก่พลเมืองผู้ชอบเหลือจะประมาณ คำประพันธ์จึงเป็นของขึ้นใจลืมได้ยาก ตัวอย่างที่เห็นใกล้ ๆ คือ คำกล่อมลูก ซึ่งไม่มีตำรับตำราเลยแต่ก็ยังจำขึ้นใจมาได้จนบัดนี้ คำประพันธ์ ทำเรื่องราวต่าง ๆ ไม่ให้ศูนย์ ด้วยอำนาจของคำประพันธ์นี้และทำให้เรื่องราวต่าง ๆ ตลอดจนตำรา แพทย์โบราณเข้าไปบรรจุอยู่ในสมองแพทย์ได้มากมายโดยไม่ต้องเปิดตำราดูเลย ส่วน บารณี ถาวระ (2541:13) ได้กล่าวถึงประโยชน์ของกลอนสี่ไว้ดังนี้ 1. ประโยชน์ของคำประพันธ์ที่มีต่อผู้แต่ง การที่กวีจะแต่งคำประพันธ์เรื่องใดเรื่องหนึ่งขึ้น เพื่อถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิด จินตนาการ หรือประสบการณ์ในแต่ละครั้งนั้นกวีย่อมมีจุดประสงค์ แล้วว่าจะเขียนเรื่องอะไร เขียนทำไม และเขียนเพื่อใคร หากผู้อ่านได้ศึกษารายละเอียดของ คำประพันธ์แต่ละชิ้นแต่ละเรื่องแล้วเข้าใจจุดประสงค์ดังกล่าว ก็ถือว่าคำประพันธ์ชิ้นนั้นมีคุณค่าต่อ ผู้เขียนเพราะคำประพันธ์ชิ้นนั้นมีองค์ประกอบแห่งวรรณศิลป์ครบถ้วนสมบูรณ์ กวีผู้สร้างงานชิ้นนั้น ย่อมมีความสุขตั้งแต่แรกคิด จึงกล่าวได้ว่าคำประพันธ์เป็นเครื่องมืออันประณีตงดงามที่ช่วยถ่ายทอด ความคิด ความรู้สึก จินตนาการ อันก่อให้เกิดความสุขแก่ผู้แต่งที่ประมาณค่ามิได้ 2. ประโยชน์ของคำประพันธ์ที่มีต่อผู้อ่าน การอ่านคำประพันธ์เป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยเสริมสร้าง ปัญญาให้แก่มนุษย์ ช่วยให้เข้าใจอารมณ์ความรู้สึกนึกคิด ได้ความรู้และประสบการณ์จากผู้อื่น ที่แวดล้อมตัวเราอยู่ในสังคม ผลงานด้านคำประพันธ์นั้นผู้แต่งได้ใช้ศิลปะแห่งภาษาถ่ายทอดออกมา ให้ผู้อ่านทราบด้วยถ้อยคำอันประณีตละเมียดละไม ไพเราะด้วยรสแห่งคำ และความหมายของคำ การอ่านคำประพันธ์ทำให้ผู้อ่านรู้จักผู้อื่น เข้าใจทัศนะอารมณ์ความรู้สึกของผู้อื่นที่อาจตรงหรือ แตกต่างกับความคิดของตนเองก็ได้ ช่วยให้ผู้อ่านมีโลกทัศน์ที่กว้างขึ้น สามารถนำความ รู้ที่ได้ จากการอ่านมาปรับตัว ปรับอารมณ์ความรู้สึกให้สามารถอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข จึงกล่าวได้ว่า คำประพันธ์นั้นจะช่วยให้ผู้อ่านได้รับประโยชน์ในด้านปลุกเร้าความรู้สึกจินตนาการ ความคิดที่ดีงาม และช่วยให้เกิดความเพลิดเพลิน เป็นการเติมอาหารที่ดีให้แก่จิตใจวิธีหนึ่ง 3. ประโยชน์ของคำประพันธ์ที่มีต่อสังคม คำประพันธ์แต่ละเรื่องต่างก็เป็นผลงานที่แสดงถึง ภูมิปัญญาและความสามารถของคนในชาติ แสดงถึงวัฒนธรรมความเจริญงอกงามของสังคมนั้น ชาตินั้น จึงเป็นมรดกทางปัญญาที่มีคุณค่าของสังคมนั้น และถ้าผลงานชิ้นนั้นได้ตีพิมพ์และเผยแพร่ ไปทั่วโลกให้คนทั่วไปได้มีโอกาสอ่าน ผลงานชิ้นนั้นก็จะกลายเป็นสมบัติอันเป็นมรดกของโลกไปด้วย
9 คำประพันธ์จึงเป็นวัฒนธรรมทางภาษา สะท้อนความคิดจิตใจของคนในชาติ สะท้อนสภาพสังคม ค่านิยม ขนบธรรมเนียมประเพณีของคนในยุคสมัยนั้นได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้คำประพันธ์ยังมี ส่วนช่วยให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่ดีในสังคมได้ส่วนหนึ่ง เช่น วรรณคดีที่เกี่ยวกับศาสนา ล้วนแต่ช่วย ชี้นำให้ผู้อ่านเชื่อในเรื่องบาปบุญคุณโทษ และในยุคที่ร้อยกรองหรือคำประพันธ์ที่มีแนวคิดใหม่ แนวเสรีนิยมที่เรียกว่า ศิลปะแห่งชีวิต ก็มีส่วนก่อให้เกิดความคิดขึ้นในใจของผู้อ่าน อันเป็น ส่วนหนึ่งที่จะช่วยสร้างสรรค์จรรโลงคนในสังคมให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีได้ จะเห็นได้ว่าคำประพันธ์มีคุณค่าอย่างยิ่งทั้งต่อตัวผู้เขียน ผู้อ่าน และสังคม เพราะคำประพันธ์ เป็นงานเขียนที่แสดงออกถึงอารมณ์ ความรู้สึกนึกคิด ความรู้ และประสบการณ์ของกวีที่สอดคล้องกับ สภาพสังคมในสมัยนั้นอย่างสละสลวย ไพเราะด้วยรสแห่งถ้อยคำและความหมายของคำ เอกสารที่เกี่ยวข้องกับความรู้เรื่องบทเรียนออนไลน์ ความหมายของบทเรียนออนไลน์ ศรัณย์ พรมสวัสดิ์ (2557:7) กล่าวว่า การเรียนการสอนผ่านเว็บ หมายถึง บทเรียน ผ่านเว็บ (Web-based instruction) คือ กระบวนการเรียนการสอนผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ที่มีรูปแบบของไฮเปอร์มีเดีย โดยอาศัยทรัพยากรอินเทอร์เน็ตและเวิลด์ไวด์เว็บ รวมทั้งเครื่องมือ สื่อสารในการสร้างสรรค์กิจกรรมการเรียนทำให้เกิดการเรียนรู้สามารถเรียนได้ทุกที่ทุกเวลา สอดคล้องกับ เขมณัฏฐ์ มิ่งศิริธรรม (2559:59) ที่กล่าวว่า บทเรียนออนไลน์ หมายถึง สื่อที่ใช้สำหรับ การเรียนการสอนในรูปแบบ E-learning และเป็นการจัดการศึกษารูปแบบใหม่ที่สามารถอำนวย ความสะดวกให้กับผู้เรียนในยุคปัจจุบันโดยผู้เรียนสามารถแสวงหาความรู้จากเนื้อหาบทเรียนที่ จัดเตรียมไว้ผ่านทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ทุกที่ทุกเวลาตามความต้องการและความสามารถของ บุคคล ซึ่งการเรียนการสอนแบบ E-learning สามารถศึกษาได้ทั้งแบบบุคคลและแบบกลุ่ม สอดคล้อง กับ สุวัฒน์ บันลือ (2559:252) กล่าวว่า บทเรียนผ่านเว็บ หรือ บทเรียนออนไลน์ หมายถึง การเรียน การสอนออนไลน์ เป็นรูปแบบที่มีการออกแบบรูปแบบการเรียนการสอนไว้อย่างเป็นระบบ มีการกำหนดวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายการจัดการเรียนการสอนไว้อย่างชัดเจน จัดการเรียนการสอน ตามหลักทฤษฎีทางการศึกษา หลักการเรียนรู้และจิตวิทยาการศึกษา การถ่ายทอดความรู้ การนำเสนอเนื้อหาการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน โดยถ่ายทอดกลยุทธ์การสอนจากการใช้ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเป็นเครื่องมือให้ผู้เรียนสามารถเข้าถึงและเรียนรู้โดยไม่จำกัด สถานที่และเวลา และสอดคล้องกับ กิดานันท์ มลิทอง (2539) กล่าวว่า บทเรียนออนไลน์ หมายถึง การเรียนการสอนผ่านเว็บเป็นการใช้เว็บในการเรียนการสอน โดยอาจใช้เว็บเพื่อนำเสนอบทเรียน ในลักษณะสื่อหลายมิติของวิชาทั้งหมดตามหลักสูตรหรือใช้เพียงการนำเสนอข้อมูลบางอย่าง เพื่อประกอบการสอนก็ได้ รวมทั้งใช้ประโยชน์จากคุณลักษณะต่าง ๆ ของสื่อที่มีอยู่ในอินเทอร์เน็ต
10 จากการศึกษาความหมายบทเรียนออนไลน์ของนักวิชาการทางการศึกษา สรุปได้ว่า บทเรียนออนไลน์ หมายถึง การจัดการเรียนการสอนผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่มีการออกแบบ รูปแบบการเรียนการสอนไว้อย่างเป็นระบบ และมีการกำหนดวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายการจัด การเรียนการสอนไว้อย่างชัดเจน จัดการเรียนการสอนตามหลักทฤษฎีทางการศึกษาหลักการเรียนรู้ และจิตวิทยาการศึกษา ซึ่งนำเสนอบทเรียนในลักษณะสื่อหลายมิติ ทั้งนี้การใช้เครื่องมือที่เรียกว่า “บทเรียน” ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเป็นการสื่อสารกระบวนการจัดการเรียนการสอน อย่าง สร้างสรรค์ อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ได้ทุกที่ทุกเวลา และทุกรูปแบบของเทคโนโลยีที่สามารถ เชื่อมต่อระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ คุณลักษณะของบทเรียนออนไลน์ Parson (n.d. อ้างถึงใน ศรัณย์ พรมสวัสดิ์, 2557:9) กล่าวว่า การเรียนการสอน ผ่านเว็บมี 3 ลักษณะ ได้แก่ 1. การเรียนการสอนผ่านเว็บแบบรายวิชาอย่างเดียว (Stand-alone course) คือ เว็บ รายวิชาเป็นเว็บที่มีการบรรจุเนื้อหา (Content) หรือเอกสารในรายวิชาเพื่อการสอนเพียงอย่างเดียว เป็นเว็บรายวิชาที่มีเครื่องมือและแหล่งที่เข้าไปถึง และเข้าหาได้โดยผ่านระบบ อินเทอร์เน็ต ลักษณะของการเรียนการสอนผ่านเว็บที่มีลักษณะเป็นแบบวิทยาเขตมีนักศึกษาจำนวน มากที่เข้ามาใช้งานจริงแต่มีลักษณะการสื่อสารส่งข้อมูลระยะไกลและมักจะเป็นการสื่อสาร ทางเดียว 2. การเรียนการสอนผ่านเว็บแบบเว็บสนับสนุนรายวิชา (Web supported course) เป็นเว็บรายวิชาที่มีลักษณะเป็นรูปธรรม มีลักษณะเป็นการสื่อสารสองทางที่มีปฏิสัมพันธ์ระหว่าง ผู้สอนและผู้เรียน และมีแหล่งทรัพยากรทางการศึกษาให้มาก มีการกำหนดงานให้ทำบนเว็บ การกำหนดให้อ่าน มีการร่วมกันอภิปราย การตอบคำถาม มีการสื่อสารอื่น ๆ ผ่านคอมพิวเตอร์ มีกิจกรรมต่าง ๆ ที่ให้ทำในรายวิชามีการเชื่อมโยงไปยังแหล่งทรัพยากรอื่น ๆ เป็นต้น 3. การเรียนการสอนผ่านเว็บแบบศูนย์กลางการศึกษา (Web pedagogical recourse) เป็น เว็บที่มีรายละเอียดทางการศึกษาการเชื่อมโยงไปยังเว็บอื่น ๆ เครื่องมือวัตถุดิบและรวมรายวิชาต่าง ๆ ที่มีอยู่ในสถาบันการศึกษาไว้ด้วยกันและยังรวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับสถาบันการศึกษาไว้บริการทั้งหมด และเป็นแหล่งสนับสนุนกิจกรรมต่าง ๆ ทางการศึกษา ทั้งทางด้านวิชาการและไม่ใช่วิชาการโดยการใช้ สื่อที่หลากหลาย สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (2561:2) กล่าวว่า ลักษณะบทเรียนออนไลน์มีอยู่ 5 ประการ คือ 1) ต้องเป็นดิจิตอล 2) สะดวกต่อการพกพา 3) ต้องสามารถเชื่อมโยงกับเครือข่ายได้เป็น ประจำ 4) อำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้ในภารกิจหลายประการ ได้แก่ การสื่อสาร การเก็บข้อมูล การบันทึก ไฟล์ภาพ และเสียง ฯลฯ และ 5) เป็นเทคโนโลยีที่ปรากฏใช้อย่างแพร่หลาย
11 และสอดคล้องกับ James (n.d. อ้างถึงใน วันเพ็ญ กันสุทธิ, 2561:15) กล่าวว่าบทเรียนออนไลน์มี 3 ลักษณะใหญ่ๆ ได้แก่ 1. โครงสร้างแบบค้นหา (Eclectic structures) ลักษณะของโครงสร้างเว็บไซต์แบบนี้เป็น แหล่งของเว็บไซต์ที่ใช้ในการค้นหาไม่มีการกำหนดขนาด รูปแบบ ไม่มีโครงสร้างที่ผู้เรียนต้องมี ปฏิสัมพันธ์กับเว็บ ลักษณะของเว็บไซต์แบบนี้จะมีแต่การให้ใช้เครื่องมือในการสืบค้นหรือเพื่อบางสิ่งที่ ต้องการค้นหาตามที่กำหนดหรือโดยผู้เขียนเว็บไซต์ต้องการ โครงสร้างแบบนี้จะเป็นแบบเปิดให้ผู้เรียน ได้เข้ามาค้นคว้าในเนื้อหาในบริบท โดยไม่มีโครงสร้างข้อมูลเฉพาะให้ได้เลือกแต่โครงสร้างแบบนี้จะมี ปัญหากับผู้เรียนเพราะผู้เรียนอาจจะไม่สนใจข้อมูลที่ไม่มีโครงสร้าง โดยไม่กำหนดแนวทางใน การสืบค้น 2. โครงสร้างแบบสารานุกรม (Encyclopedic structures) ถ้าเราควบคุมโครงสร้างของเว็บ ที่เราสร้างขึ้นเองได้ เราก็จะใช้โครงสร้างข้อมูลในแบบต้นไม้ในการเข้าสู่ข้อมูล ซึ่งเหมือนกับหนังสือที่มี เนื้อหาและมีการจัดเป็นบทเป็นตอน ซึ่งจะกำหนดให้ผู้เรียนหรือผู้ใช้ได้ผ่านเข้าไปหาข้อมูลหรือ เครื่องมือที่อยู่ในพื้นที่ของเว็บหรืออยู่ภายในและนอกเว็บ เว็บไซต์จำนวนมากมีโครงสร้างในลักษณะ ดังกล่าวนี้ โดยเฉพาะเว็บไซต์ทางการศึกษาที่ไม่ได้กำหนดทางการค้า องค์กร ซึ่งอาจจะต้องมีลักษณะ ที่มากกว่านี้ แต่ในเว็บไซต์ทางการศึกษาต้องรับผิดชอบต่อการเรียนรู้ของผู้เรียน กลวิธีด้านโครงสร้าง จึงมีผลต่อการเรียนรู้ของผู้เรียน 3. โครงสร้างแบบการเรียนการสอน (Pedagogic structures) มีรูปแบบโครงสร้าง หลายอย่างในการนำมาสอนตามต้องการ ทั้งหมดเป็นที่รู้จักดีในบทบาทของการออกแบบ ทางการศึกษาสำหรับคอมพิวเตอร์ช่วยสอนหรือเครื่องมือมัลติมีเดีย ซึ่งความจริงมีหลักการแตกต่าง กันระหว่างคอมพิวเตอร์ช่วยสอนกับเว็บช่วยสอนนั้นคือความสามารถของ HTML ในการที่จะจัดทำ ในแบบไฮเปอร์เท็กซ์กับการเข้าถึงข้อมูลหน้าจอโดยผ่านระบบอินเทอร์เน็ต จากการศึกษาคุณลักษณะสำคัญของบทเรียนออนไลน์ สรุปได้ว่า บทเรียนออนไลน์เป็น การเรียนการสอนผ่านเว็บ โดยสามารถบรรจุข้อความ เสียง ภาพ วีดีโอ ฯลฯ ไว้ในบทเรียนออนไลน์ได้ ทั้งนี้ยังสามารถเชื่อมโยงกับเครือข่ายได้ตลอดเวลา และสร้างกิจกรรมต่าง ๆ ที่ให้ทำในรายวิชา มีการเชื่อมโยงไปยังแหล่งข้อมูลอื่น ๆ ได้ไม่จำกัด อีกทั้งผู้ใช้บทเรียนออนไลน์ยังสะดวกต่อการใช้ บทเรียนออนไลน์ เพราะสามารถเรียนรู้ได้ทุกที่ทุกเวลา ประโยชน์ของบทเรียนออนไลน์ ประโยชน์ของการเรียนการสอนผ่านเว็บหรือบทเรียนออนไลน์มีมากมายหลายประการ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการนำไปใช้ในการจัดการเรียนการสอน ซึ่งเป็นมิติใหม่ของ เครื่องมือ และกระบวนการในการเรียนการสอน โดยมีนักวิชาการศึกษากล่าวถึงประโยชน์ของ การเรียนการสอนบทเรียนออนไลน์ไว้ดังนี้
12 ถ น อ ม พ ร เ ลา ห จร ั สแ สง (2544:87) ก ล่ า ว ว่า ก า ร สอ น บ น เ ว ็บ ม ี ปร ะโยชน์ อยู่หลายประการ ได้แก่ 1. การสอนบนเว็บเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้เรียนที่อยู่ห่างไกล หรือไม่มีเวลาใน การมาเข้าชั้นเรียน ได้เรียนในเวลาและสถานที่ ๆ ต้องการ ซึ่งอาจเป็นที่บ้าน ที่ทำงานหรือ สถานศึกษาใกล้เคียงที่ผู้เรียนสามารถเข้าไปใช้บริการทางอินเทอร์เน็ตได้ การที่ผู้เรียนไม่จำเป็นต้อง เดินทางมายังสถานศึกษาที่กำหนดไว้จึงสามารถช่วยแก้ปัญหาในด้านของข้อจำกัดเกี่ยวกับเวลา และสถานที่ศึกษาของผู้เรียนเป็นอย่างดี 2. การสอนบนเว็บยังเป็นการส่งเสริมให้เกิดความเท่าเทียมกันทางการศึกษา ผู้เรียนที่ศึกษา อยู่ในสถาบันการศึกษาในภูมิภาคหรือในประเทศหนึ่งสามารถที่จะศึกษา ถกเถียง อภิปรายกับ อาจารย์ ครูผู้สอนซึ่งสอนอยู่ที่สถาบันการศึกษาในนครหลวงหรือในต่างประเทศก็ตาม 3. การสอนบนเว็บนี้ยังช่วยส่งเสริมแนวคิดในเรื่องของการเรียนรู้ตลอดชีวิต เนื่องจากเว็บเป็นแหล่งความรู้ที่เปิดกว้างให้ผู้ที่ต้องการศึกษาในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง สามารถเข้ามา ค้นคว้าหาความรู้ได้อย่างต่อเนื่องและตลอดเวลาการสอนบนเว็บสามารถตอบสนองต่อผู้เรียนที่มี ความใฝ่รู้รวมทั้งมีทักษะในการตรวจสอบการเรียนรู้ด้วยตนเอง (Meta-cognitive skills) ได้อย่างมี ประสิทธิภาพ 4. การสอนบนเว็บช่วยทลายกำแพงของห้องเรียนและเปลี่ยนจากห้องเรียนสี่เหลี่ยม ไปสู่โลกกว้างแห่งการเรียนรู้ เปิดโอกาสให้ผู้เรียนสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ได้อย่างสะดวก และมีประสิทธิภาพสนับสนุนสิ่งแวดล้อมทางการเรียนที่เชื่อมโยงสิ่งที่เรียนกับปัญหาที่พบ ในความเป็นจริง โดยเน้นให้เกิดการเรียนรู้ตามบริบทในโลกแห่งความเป็นจริง (Contextualization) และการเรียนรู้จากปัญหา (Problem-based learning) ตามแนวคิดแบบ Constructivism 5. การสอนบนเว็บเป็นวิธีการเรียนการสอนที่มีศักยภาพ เนื่องจากเว็บได้กลายเป็น แหล่งค้นคว้าข้อมูลทางวิชาการรูปแบบใหม่ครอบคลุมสารสนเทศทั่วโลกโดยไม่จำกัดภาษา การสอนบนเว็บช่วยแก้ปัญหาของข้อจำกัดของแหล่งค้นคว้าแบบเดิมจากห้องสมุด อันได้แก่ ปัญหา ทรัพยากรการศึกษาที่มีอยู่จำกัด และเวลาที่ใช้ในการค้นหาข้อมูล เนื่องจากเว็บมีข้อมูลที่หลากหลาย รวมทั้งการที่เว็บใช้การเชื่อมโยงในลักษณะของไฮเปอร์มิเดีย (สื่อหลายมิติ) ซึ่งทำให้การค้นหาทำได้ สะดวกและง่ายดายกว่าการค้นหาข้อมูลแบบเดิม 6. การสอนบนเว็บจะช่วยสนับสนุนการเรียนรู้ที่กระตือรือร้นทั้งนี้เนื่องจากลักษณะ ของเว็บที่เอื้ออำนวยให้เกิดการศึกษา ในลักษณะที่ผู้เรียนถูกกระตุ้นให้แสดงความคิดเห็นได้อยู่ ตลอดเวลาโดยไม่จำเป็นต้องเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง ตัวอย่างเช่น การให้ผู้เรียนร่วมมือกันในการทำ กิจกรรมต่าง ๆ บนเครือข่าย การให้ผู้เรียนได้มีโอกาสแสดงความคิดเห็นและแสดงไว้บนเว็บบอร์ด
13 หรือการให้ผู้เรียนมีโอกาสเข้ามาพบปะกับผู้เรียนคนอื่น ๆ อาจารย์ หรือผู้เชี่ยวชาญในเวลาเดียวกัน ที่ห้องสนทนา เป็นต้น 7. การสอนบนเว็บเอื้อให้เกิดการปฏิสัมพันธ์ ซึ่งการเกิดปฏิสัมพันธ์นี้อาจทำได้ 2 รูปแบบ คือ ปฏิสัมพันธ์กับผู้เรียนด้วยกัน หรือผู้สอนปฏิสัมพันธ์กับบทเรียนในเนื้อหา หรือสื่อการสอนบนเว็บ ซึ่งลักษณะแรกนี้จะอยู่ในรูปแบบของการเข้าไปพูดคุย พบปะ แลกเปลี่ยน ความคิดเห็นกัน ส่วนในลักษณะหลังนั้นจะอยู่ในรูปแบบของการเรียนการสอน แบบฝึกหัด หรือแบบทดสอบที่ผู้สอนได้จัดหาไว้ให้แก่ผู้เรียน 8. การสอนบนเว็บยังเป็นการเปิดโอกาสสำหรับผู้เรียนในการเข้าถึงผู้เชี่ยวชาญ สาขาต่าง ๆ ทั้งในและนอกสถาบันจากในประเทศและต่างประเทศทั่วโลกโดยผู้เรียนสามารถติดต่อ สอบถามปัญหาของข้อมูลต่าง ๆ ที่ต้องการศึกษาจากผู้เชี่ยวชาญจริงโดยตรง ซึ่งไม่สามารถทำได้ ในการเรียนการสอนแบบดั้งเดิม นอกจากนี้ยังประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายเมื่อเปรียบเทียบกับ การติดต่อสื่อสารในลักษณะเดิม ๆ 9. การสอนบนเว็บเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้มีโอกาสแสดงผลงานของตนสู่สายตาอื่น อย่างง่ายดาย ทั้งนี้ไม่ได้จำกัดเฉพาะเพื่อน ๆ ในชั้นเรียนหากแต่เป็นบุคคลทั่วไป ทั่วโลกได้ดังนั้น จึงถือเป็นการสร้างแรงจูงใจภายนอกในการเรียนอย่างหนึ่งสำหรับผู้เรียน ผู้เรียนจะพยายามผลิต ผลงานที่ดีเพื่อไม่ให้เสียชื่อเสียงตนเอง นอกจากนี้ผู้เรียนยังมีโอกาสได้เห็นผลงานของผู้อื่น เพื่อนำมาพัฒนางานของตนเองให้ดียิ่งขึ้น 10. การสอนบนเว็บเปิดโอกาสให้ผู้สอนสามารถปรับปรุงเนื้อหาหลักสูตรให้ ทันสมัยได้อย่างสะดวกสบายเนื่องจากข้อมูลบนเว็บมีลักษณะเป็นพลวัตร (Dynamic) ดังนั้น ผู้สอน สามารถอัปเดตเนื้อหาหลักสูตรที่ทันสมัยแก่ผู้เรียนได้ตลอดเวลา นอกจากนี้การให้ผู้เรียนได้สื่อสาร และแสดงความคิดเห็นที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา ทำให้เนื้อหาการเรียนมีความยืดหยุ่นมากกว่าการเรียน การสอนแบบเดิมและเปลี่ยนแปลงไปตามความต้องการของผู้เรียนเป็นสำคัญ การสอนบนเว็บ สามารถนำเสนอเนื้อหาในรูปของมัลติมีเดีย ได้แก่ ข้อความ ภาพนิ่ง เสียง ภาพเคลื่อนไหว วีดีทัศน์ เป็นต้น จากการศึกษาประโยชน์ของบทเรียนออนไลน์ข้างต้น สรุปได้ว่า บทเรียนออนไลน์เป็น การสอนผ่านเว็บที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้เข้าถึงผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่าง ๆ และเป็นการเอื้อให้เกิด ปฏิสัมพันธ์ ซึ่งอยู่ในรูปแบบของการพูดคุย พบปะ และแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ทั้งนี้ยังเปิดโอกาสให้ ผู้สอนสามารถอัปเดตเนื้อหาที่ทันสมัยแก่ผู้เรียนได้ตลอดเวลา โดยสามารถนำเสนอเนื้อหาในรูปของ มัลติมีเดีย ได้แก่ ข้อความ ภาพนิ่ง เสียง ภาพเคลื่อนไหว วีดีทัศน์ เป็นต้น
14 เอกสารที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาบทเรียนออนไลน์ด้วย Google site ความหมายของ Google site อิงอร นิลประเสริฐ และคณะ (2557:ออนไลน์) ได้ให้ความหมายของ Google site คือ เว็บไซต์ของ Google เป็นโปรแกรมออนไลน์ที่ทำให้การสร้างเว็บไซต์ง่ายขึ้นเหมือนกับการแก้ไข เอกสารธรรมดา ๆ ด้วย Google เว็บไซต์สามารถรวบรวมความหลากหลายของข้อมูลในที่เดียว เช่น รวมวิดีโอ ปฏิทินการนำเสนอ เอกสารหรือสิ่งที่แนบ และข้อความอำนวยความสะดวกให้สามารถ ร่วมกันดู หรือแก้ไขหน้าเว็บ จะเป็นกลุ่มเล็ก ๆ ทั้งองค์กร หรือทั้งโลก และสอดคล้องกับ เกียรติชัย เพ็ญวิจิตร (2560) ที่กล่าวถึงความหมายของ Google site ว่า เป็นโปรแกรมออนไลน์ที่ทำให้ การสร้างเว็บไซต์ง่ายขึ้น ซึ่งการทำเว็บไซต์ของกูเกิลสามารถทำได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องมีทักษะ ความรู้ด้านการเขียนเว็บไซต์ เหมือนกับการแก้ไขเอกสารธรรมดาด้วยกูเกิลไซต์ สามารถรวบรวม ความหลากหลายของข้อมูลไว้ในที่เดียว เช่น รวมวิดีโอ ปฏิทินการนำเสนอ เอกสาร หรือสิ่งที่แนบ และข้อความ อำนวยความสะดวกให้ผู้เรียนที่จะเป็นห้องหรือชั้นเรียน และเป็นบริการที่ต่อยอดมาจาก กูเกิล ผู้ใช้สามารถสร้างหน้าของกูเกิลในแบบที่ตัวเองต้องการได้ แต่กูเกิลออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่าย เพราะสามารถ Add Google gadgets ได้และที่สำคัญทำงานบน Web service การสร้างเว็บไซต์ บนกูเกิล นอกจากที่เราจะได้เว็บไซต์แล้วกูเกิลยังให้พื้นที่ในการเก็บเว็บไซต์ไว้บนกูเกิลได้ สรุปได้ว่า Google site เป็นโปรแกรมออนไลน์ที่ทำให้การสร้างเว็บไซต์ง่ายขึ้นเหมือนกับ การแก้ไขเอกสารธรรมดา ๆ ด้วย Google ซึ่งการทำเว็บไซต์ของกูเกิลสามารถทำได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องมีทักษะความรู้ด้านการเขียนเว็บไซต์และสามารถรวบรวมความหลากหลายของข้อมูลไว้ใน ที่เดียว เช่น รวมวิดีโอ ปฏิทินการนำเสนอ เอกสาร หรือสิ่งที่แนบ และข้อความ อำนวยความสะดวก ให้ผู้เรียนที่จะเป็นห้องหรือชั้นเรียน คุณลักษณะที่สำคัญของ Google site อิงอร นิลประเสริฐ และคณะ (2557:ออนไลน์) ได้กล่าวถึงคุณลักษณะที่สำคัญของ Google site ดังนี้ 1. กำหนดส่วนติดต่อของเว็บไซต์ด้วยตนเอง เพื่อทำให้รูปลักษณ์ของกลุ่มหรือโครงการของ คุณมีความคล้ายคลึงกัน 2. สร้างหน้าย่อยของหน้าเว็บใหม่ 3. เลือกประเภทหน้าเว็บจากรายการที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ได้แก่ หน้าเว็บ ประกาศ ตู้เอกสาร กระดานข้อมูล และรายชื่อ 4. รวมศูนย์ข้อมูลที่ใช้งานร่วมกันโดยการฝังเนื้อหาที่มีข้อมูลมาก (วิดีโอ เอกสารใน Google Documents สเปรตชีต งานนำเสนอ สไลด์โชว์ภาพถ่ายใน Picasa Gadget ของ Google) ลงในหน้า เว็บใด ๆ และอัปโหลดไฟล์แนบต่าง ๆ
15 5. จัดการตั้งค่าการอนุญาต เพื่อให้เว็บไซต์สามารถแก้ไขได้ 6. ค้นหาในเนื้อหาของ Google site ด้วยเทคโนโลยีการค้นหาของ Google สรุปได้ว่าการจัดการเรียนรู้โดยการใช้ Google site ช่วยให้การเรียนการสอนของครูทำให้ครู เชื่อมโยงเนื้อหาสาระของศาสตร์ต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น โดยสามารถเชื่อมโยงเนื้อหาแหล่งความรู้ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบไฟล์ วิดีโอ หรือไฟล์เสียงเข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ต และผู้เรียนสามารถเข้าถึง แหล่งข้อมูลได้ง่ายยิ่งขึ้น จะช่วยให้กระบวนการจัดประสบการการเรียนรู้ตามความสนใจ ความสามารถที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน ให้ผู้เรียนเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม สามารถนำความรู้ ทักษะ และเจตคติไปสร้างงาน แก้ปัญหา และใช้ชีวิตประจำวันได้ง่ายยิ่งขึ้น ตัวอย่างเว็บไซต์ที่สร้างด้วย Google site บทเรียนออนไลน์ห้องเรียนวิชาภาษาไทยครูจิเป็นบทเรียนคอมพิวเตอร์ที่มีการจัดทำสื่อ การเรียนการสอนโดยใช้โปรแกรม Google site ในการสร้างบทเรียนของกลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น มีขั้นตอนดังนี้ 1. พิมพ์ชื่อเว็บไซต์ที่ URL คือ https://sites.google.com/site/krujirawatnfe/wichaphasa-thiy กด Enter จะปรากฏหน้าจอบทเรียนออนไลน์ห้องเรียนวิชาภาษาไทยครูจิ ภาพที่ 2 ห้องเรียน Google site
16 2. เลือกเรียนบทเรียนออนไลน์ห้องเรียนออนไลน์ที่เมนูด้านขวา คลิกเลือกบทเรียน ที่จะเรียน จะปรากฏเนื้อหารายวิชาภาษาไทยในบทเรียนทางด้านซ้าย ภาพที่ 3 เนื้อหาบทเรียน 3. บทเรียนมีเนื้อหาที่เป็นข้อความ ไฟล์ภาพ วิดีโอ และเสียง ที่ครูผู้สอนจัดทำขึ้นเพื่อเป็นสื่อ ให้นักเรียนได้เข้าไปเรียนรู้ ทำใบงาน ผ่านโปรแกรม Google site นักเรียนสามารถเข้าไปเรียน บทเรียน มีการฝากข้อความให้ครูตอบกลับเมื่อเรียนแล้วไม่เข้าใจ และเข้าไปเรียนรู้ในบทเรียน ที่ยังไม่เข้าใจใหม่ได้โดยไม่จำกัดเวลาและสถานที่ ภาพที่ 4 สื่อในบทเรียน
17 สรุปได้ว่า Google site สามารถใช้เป็นช่องทางในการจัดการเรียนการสอนของครูโดยเฉพาะ ครูผู้สอนที่ไม่เชี่ยวชาญในด้านเทคโนโลยีการสื่อสาร โดยเว็บไซต์ที่สร้างด้วย Google site เป็นเว็บไซต์อย่างง่าย ไม่สลับซับซ้อน ครูผู้สอนสามารถเรียนรู้ ใช้งานได้ไม่ยากนัก อีกทั้งครูยังสามารถ ตรวจงานของนักเรียนได้อย่างรวดเร็ว ทันใจ การนำเสนอเนื้อหาในรายวิชาต่าง ๆ เป็นไปได้ง่าย ไม่ว่านักเรียนอยู่ที่ไหน เวลาใด ก็สามารถเรียนรู้ได้ การศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้องข้างต้น พบว่า เอกสารต่าง ๆ สามารถนำมาเป็นข้อมูล ในการจัดทำโครงงาน เรื่อง การพัฒนาบทเรียนออนไลน์ เรื่อง การแต่งกลอนสี่ สำหรับนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 4 เพื่อแก้ไขปัญหาและพัฒนาทักษะการแต่งกลอนสี่ของผู้เรียนให้มีประสิทธิภาพ สูงขึ้น
บทที่ 3 วิธีดำเนินการ การจัดทำโครงงานในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาบทเรียนออนไลน์ เรื่อง การแต่งกลอนสี่ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยคณะผู้จัดทำโครงงานได้ดำเนินการ 2 ขั้นตอน ได้แก่ 1. ขั้นก่อนดำเนินการจัดทำโครงงาน 2. ขั้นการดำเนินการจัดทำโครงงาน ขั้นก่อนดำเนินการจัดทำโครงงาน การดำเนินการในขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนการเตรียมการก่อนที่จะดำเนินการจัดทำโครงงาน เรื่อง การพัฒนาบทเรียนออนไลน์ เรื่อง การแต่งกลอนสี่ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ซึ่งคณะผู้จัดทำโครงงานได้ดำเนินการตามลำดับขั้นตอนดังนี้ 1. ปรึกษาและวางแผนแบ่งหน้าที่ในการทำงานเพื่อให้โครงงานแล้วเสร็จตามระยะเวลา ที่กำหนด ภาพที่ 5 ปรึกษาและวางแผนจัดทำโครงงาน
19 2. นำเสนอโครงงานเรื่อง การพัฒนาบทเรียนออนไลน์ เรื่อง การแต่งกลอนสี่ สำหรับนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ต่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงานเพื่อขออนุมัติจัดทำโครงงาน ภาพที่ 6 นำเสนอโครงงานต่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ขั้นการดำเนินการจัดทำโครงงาน หลังจากที่โครงงานได้รับการอนุมัติจากอาจารย์ที่ปรึกษาโครงงานแล้ว คณะผู้จัดทำโครงงาน ได้ดำเนินการจัดทำบทเรียนออนไลน์ เรื่อง การแต่งกลอนสี่ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ดังรายละเอียดต่อไปนี้ 1. สร้างแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน 1.1 สืบค้นวิธีการสร้างแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนจากเว็บไซต์เพื่อนำมาใช้ใน การแต่งแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน จำนวน 10 ข้อ
20 ภาพที่ 7 สืบค้นวิธีการสร้างแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน 1.2 หลังจากนั้นคณะผู้จัดทำโครงงานได้จัดทำแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน โดย เลือกใช้รูปแบบแบบทดสอบแบบเติมคำ แล้วนำเสนอต่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงานเพื่อตรวจสอบ ความถูกต้องของแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน
21 ภาพที่ 8 นำเสนอแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนต่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน 1.3 เมื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงานได้ตรวจสอบความถูกต้องของแบบทดสอบก่อนเรียน และหลังเรียนแล้ว ผู้จัดทำโครงงานได้จัดทำแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนใน Word แล้วบันทึก เป็น PDF เพื่อนำไปสร้างเป็นแบบทดสอบโดยใช้โปรแกรม Live Worksheets เนื่องจากโปรแกรมนี้ รองรับเฉพาะไฟล์ PDF เท่านั้น
22 ภาพที่ 9 แบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนแบบเติมคำที่บันทึกเป็น PDF 1.4 นำแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน จัดทำเป็นรูปแบบออนไลน์ในโปรแกรม Live Worksheets โดยเลือกรูปแบบนำเสนอแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนเป็นแบบทดสอบ ประเภทเติมคำ แต่ใส่โค้ดตามรูปแบบของแบบทดสอบจับคู่เพื่อให้ช่องคำตอบและตัวเลือก มีความสัมพันธ์กัน ทั้งนี้เพื่อให้ได้คำตอบที่ถูกต้องหลังจากทำแบบทดสอบเสร็จแล้ว
23 ภาพที่ 10 การสร้างแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนในโปรแกรม Live Worksheets 1.5 ใส่โค้ดของการสร้างแบบทดสอบจับคู่ คือ drag: ตามด้วยเลข คือคำตอบที่จะ ลากมาเติมในช่องว่าง drop: คือช่องคำตอบที่ถูก เช่น drag: 1 คู่กับ drop: 1
24 ภาพที่ 11 การใส่โค้ดในแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน 1.6 ระบุชั้นเรียนในช่อง Grade/Level และระบุรายวิชาในช่อง School subject ให้ถูกต้อง เพื่อให้นักเรียนสามารถส่งแบบทดสอบได้ทันทีโดยไม่ต้องกรอกอีเมลของคณะผู้จัดทำ โครงงาน จากนั้นคัดลอกลิงก์ใส่ไว้ในหน้าแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนของบทเรียนออนไลน์ที่ คณะผู้จัดทำโครงงานสร้างขึ้น เมื่อนักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนแบบเติมคำ เรียบร้อยแล้ว จะมีช่องให้นักเรียนใส่ชื่อของตนเองก่อนที่จะกดส่งคำตอบไปยังอีเมลส่วนตัวของ คณะผู้จัดทำโครงงาน และ My mail box ในโปรแกรม Live Worksheets
25 ภาพที่ 12 การระบุชั้นเรียนและรายวิชา 1.7 เมื่อคัดลอกลิงก์ใส่ไว้ในหน้าแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนของบทเรียนออนไลน์ ที่คณะผู้จัดทำโครงงานสร้างขึ้นแล้ว หากนักเรียนคลิกเข้าไปในลิงก์แล้วจะปรากฏแบบทดสอบ ก่อนเรียนและหลังเรียนในโปรแกรม Live Worksheets
26 ภาพที่ 13 แบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนแบบเติมคำที่สร้างด้วยโปรแกรม Live Worksheets 2. สร้างเนื้อหาการแต่งกลอนสี่ 2.1 สืบค้นข้อมูลเนื้อหาการแต่งกลอนสี่จากหนังสือหลายเล่ม เช่น ร้อยคำประพันธ์ใน วันสำคัญและโอกาสต่าง ๆ ของนภดล สังข์ทอง หนังสือเรียนภาษาไทยการแต่งคำประพันธ์ของ ประยอม ซองทอง พร้อมคณะ และเว็บไซต์ที่มีความน่าเชื่อถือ เช่น mthai.com แล้วนำมาสรุปเรียบ เรียงให้เหมาะสมกับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4
27 ภาพที่ 14 สืบค้นข้อมูลเนื้อหาการแต่งกลอนสี่ 2.2 เพิ่มเนื้อหาการแต่งกลอนสี่ส่วนต่าง ๆ ได้แก่ ความหมายของกลอนสี่ คณะของกลอนสี่ สัมผัสของกลอนสี่ และตัวอย่างกลอนสี่ ไว้ในแต่ละหน้าของบทเรียนออนไลน์ที่คณะผู้จัดทำโครงงาน ได้จัดทำขึ้น และออกแบบให้น่าสนใจ ดังนี้ 2.2.1 ความหมายของกลอนสี่
28 ภาพที่ 15 ปกความหมายของกลอนสี่ในบทเรียนออนไลน์ ภาพที่ 16 เนื้อหาเรื่อง ความหมายของกลอนสี่ในบทเรียนออนไลน์
29 2.2.2 คณะของกลอนสี่ ภาพที่ 17 ปกคณะของกลอนสี่ในบทเรียนออนไลน์
30 ภาพที่ 18 เนื้อหาเรื่อง คณะของกลอนสี่ในบทเรียนออนไลน์ 2.2.3 สัมผัสของกลอนสี่ ภาพที่ 19 ปกสัมผัสของกลอนสี่ในบทเรียนออนไลน์
31 ภาพที่ 20 เนื้อหาเรื่อง สัมผัสของกลอนสี่ในบทเรียนออนไลน์ 2.2.4 ตัวอย่างกลอนสี่ ภาพที่ 21 ปกตัวอย่างกลอนสี่ในบทเรียนออนไลน์
32 ภาพที่ 22 เนื้อหาเรื่อง ตัวอย่างการแต่งกลอนสี่ในบทเรียนออนไลน์ 3. สร้างวิดีโอเรื่องการแต่งกลอนสี่ 3.1 สืบค้นวิดีโอเรื่องการแต่งกลอนสี่ จำนวน 4 ตอน จากช่องยูทูปของคุณบุศรา คำมูลนา ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในการออกแบบวีดิทัศน์ประกอบการจัดการเรียนรู้
33 ภาพที่ 23 สืบค้นวิดีโอเรื่อง การแต่งกลอนสี่ 3.2 จากนั้นแทรกวิดีโอเรื่องการแต่งกลอนสี่ จำนวน 4 ตอน ได้แก่ รู้จักกลอนสี่ แผนผัง กลอนสี่ คำคล้องจองและคำสัมผัส และประลองความรู้ ลงในหน้าของบทเรียนออนไลน์ที่ คณะผู้จัดทำโครงงานได้จัดทำขึ้น โดยคัดลอกลิงก์จากยูทูปแล้วใส่ไว้ในหน้าวิดีโอเพิ่มความรู้ของ บทเรียนออนไลน์ดังนี้ 3.2.1 รู้จักกลอนสี่ เป็นวิดีโอที่อธิบายถึงความเป็นมาและความหมายของกลอนสี่ เพื่อให้นักเรียนรู้จักกลอนสี่ในเบื้องต้น
34 ภาพที่ 24 วิดีโอที่ 1 รู้จักกลอนสี่ในบทเรียนออนไลน์ 3.2.2 แผนผังกลอนสี่ เป็นวิดีโอที่อธิบายถึงคณะและฉันทลักษณ์ของกลอนสี่ เพื่อให้ นักเรียนเข้าใจและสามารถแต่งกลอนสี่ได้อย่างถูกต้อง
35 ภาพที่ 25 วิดีโอที่ 2 แผนผังกลอนสี่ในบทเรียนออนไลน์ 3.2.3 คำคล้องจองและคำสัมผัส เป็นวิดีโอที่กล่าวถึงการใช้คำคล้องจองและคำสัมผัส ที่นำมาแต่งกลอนสี่ให้มีความไพเราะ และถูกต้องตามฉันทลักษณ์
36 ภาพที่ 26 วิดีโอที่ 3 คำคล้องจองและคำสัมผัสในบทเรียนออนไลน์ 3.2.4 ประลองความรู้เป็นวิดีโอที่ให้นักเรียนได้ทดสอบความเข้าใจหลังจากการดูวิดีโอ ที่ 1-3 โดยให้นักเรียนตอบคำถามจากวิดีโอ
37 ภาพที่ 27 วิดีโอที่ 4 ประลองความรู้ในบทเรียนออนไลน์ 4. สร้างเกมทดสอบความเข้าใจของนักเรียนเรื่องการแต่งกลอนสี่ 4.1 เลือกรูปแบบเกมที่สอดคล้องกับเนื้อหาการแต่งกลอนสี่ จาก Wordwall จำนวน 3 เกม ได้แก่ เกมเปิดกล่อง เกมจับคู่ และเกมเรียงลำดับข้อความ
38 ภาพที่ 28 เลือกรูปแบบเกมที่สอดคล้องกับเนื้อหาการแต่งกลอนสี่ 4.1.1 เกมเปิดกล่อง เป็นเกมที่จับคู่ข้อความที่มีสัมผัสคล้องจองกัน โดยวิธีสร้าง เริ่มจากการคลิกสร้างกิจกรรม แล้วเลือกสร้างเกมเปิดกล่อง หลังจากนั้นกรอกข้อมูลคำถามในช่องของ คำถาม แล้วกรอกตัวเลือกในช่องของคำตอบ คลิกเครื่องหมายถูกหน้าตัวเลือกที่ถูก และคลิก เครื่องหมายผิดหน้าตัวเลือกที่ผิดในแต่ละข้อ จากนั้นกดปุ่ม Done จะปรากฏเกมเปิดกล่องในหน้า หลักของ Wordwall
39 ภาพที่ 29 รูปแบบเกมเปิดกล่อง ภาพที่ 27 สร้างกิจกรรมในเกมเปิดกล่อง ภาพที่30 กรอกข้อมูลคำถามในเกมเปิดกล่อง
40 4.1.2 เกมจับคู่ เป็นเกมที่จับคู่บาทที่ 1 และบาทที่ 2 ของกลอนสี่ให้ถูกต้อง ตามฉันทลักษณ์ของกลอนสี่ โดยวิธีการสร้างเริ่มจากคลิกสร้างกิจกรรม จากนั้นเลือกสร้างเกมจับคู่ แล้วใส่ข้อความบาทที่ 1 ในส่วนของ Keyword และ บาทที่ 2 ในส่วน Definition เมื่อทั้งสองบาท จับคู่กันแล้วจะต้องถูกต้องตามฉันทลักษณ์ของกลอนสี่ จากนั้นกดปุ่ม Done จะปรากฏเกมจับคู่ ในหน้าหลักของ Wordwall ภาพที่ 31 รูปแบบเกมจับคู่
41 ภาพที่ 32 กรอกข้อมูลคำถามในเกมจับคู่ 4.1.3 เกมเรียงลำดับข้อความ เป็นเกมที่เรียงข้อความให้ถูกต้องตามฉันทลักษณ์ของ กลอนสี่ โดยวิธีการสร้างเริ่มจากคลิกสร้างกิจกรรม แล้วเลือกสร้างเกมทำให้ไม่สับสนปนเป ใส่ข้อความ ในช่องของ Instruction จากนั้นกดปุ่ม Done จะปรากฏเกมเรียงลำดับข้อความในหน้าหลักของ Wordwall
42 ภาพที่ 33 รูปแบบเกมเรียงลำดับข้อความ ภาพที่ 34 กรอกข้อมูลคำถามในเกมเรียงลำดับข้อความ