The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by chaiyaphumculture, 2021-10-28 23:53:07

เสน่ห์อิสานเล่าขานเมืองชัยภูมิ

Book11

การเลน่ สะบ้า

เม่อื เสร็จจากหนา้ นา เลน่ สะบา้ คราเดอื นส่ี
กฬี าประเพณี ของน้องพ่ีไทคอนสาร

การเล่นสะบา้ เปน็ การละเล่นพ้ืนบ้านประเภทกฬี าและนนั ทนาการ
ทช่ี าวอ�ำ เภอคอนสาร ไดส้ ืบทอดจากป่ยู ่าตายาย นยิ มเลน่ กนั ในช่วงตง้ั แตเ่ ดือน
๔ ซึ่งเป็นฤดูแล้งหลังจากเก็บเกี่ยวข้าวเสร็จแล้ว และมีการแข่งขันกันใน
เทศกาลบุญเดือน ๔ ซึ่งกำ�หนดจัดระหว่างวันขึ้น ๑-๓ ค่ำ� เดือน ๕ ซึ่งมี
ทั้งเลน่ เพ่อื ความสนุกสนาน และการแขง่ ขนั อุปกรณ์การเล่นสะบ้ามเี พยี งลูก
สะบ้าที่ได้จากฝักสะบ้าแก่ที่มีอยู่ตามธรรมชาติเพียงเท่านั้น มีการเล่นอยู่
๒ ประเภท คือ สะบ้าโกบโก้ และสะบ้ายิง การเล่นมีขั้นตอนอยู่ ๔ ขั้นตอน
ได้แก่ การขัด (การใช้นิ้วมือขัดกับสะบ้า) การโคน (การเล่นสะบ้าบนเข่า)
การแถะ (การเล่นสะบา้ บนฝา่ มือ) การเซิง (การใช้เท้าเลน่ สะบ้า) นอกจากชาว
คอนสารทม่ี กี ารละเลน่ สะบา้ แลว้ ในพน้ื ทจ่ี งั หวดั ชยั ภมู ิ ยงั มกี ลมุ่ ชาตพิ นั ธญุ์ ฮั กรุ
ซ่ึงเป็นกลมุ่ คนเชือ้ สายมอญสมัยทวารวดี ทยี่ ังมีการละเล่นสะบา้ กนั อยู่บ้าง

๕๑

ชาติพันธุ์ในจังหวัดชัยภูมิ

ชาติพนั ธุ์ “ญฮั กรุ ”

ญัฮกรุ มอญโบราณ มหี ลักฐานในถ่นิ น้ี
อยกู่ นั หลายพื้นท่ี ภาษามีชาติพันธุ์

ญฮั กุร เปน็ กล่มุ ชาตพิ นั ธ์กุ ลมุ่ หนึ่งทีอ่ าศัยอยู่ในประเทศไทยในเขตจังหวัด เพชรบูรณ์ นครราชสีมา และจังหวดั ชัยภมู ิ ซึง่ เป็นจงั หวดั ทพ่ี บประชากรชาวญฮั กุร
มากท่สี ดุ ชาวญฮั กรุ อาศัยอยู่ในพน้ื ที่ ๔ อำ�เภอไดแ้ ก่ อำ�เภอเทพสถิต อำ�เภอบ้านเขวา้ อ�ำ เภอหนองบวั ระเหว อำ�เภอซับใหญ่ และพบหนาแนน่ ทีส่ ดุ ท่ีอำ�เภอเทพสถิต
“ญฮั กุร” มีความหมายว่า “คนภเู ขา” ภาษาทีช่ าวญัฮกุรพูดไดด้ งึ ดดู ให้นักภาษาศาสตรท์ ำ�การสืบค้นจนพบวา่ ภาษาญัฮกุรเปน็ ภาษาเดยี วกับภาษามอญโบราณที่
ปรากฏอยู่ในจารกึ สมยั ทวารวดเี มื่อประมาณ ๒,๐๐๐ ปี มาแล้ว

๕๒

๕๓

แหลง่ นำ�้ศั กดิส์ ิทธิจ์ ากต้นน้�ำ ชี ชีผุด ชีดัน้

เป็นต้นก�ำ เนิดแม่นำ้�ชี อยู่ในเขตอำ�เภอหนองบวั แดง เกิดจากเทอื กเขาพญาฝ่อ
มีน้ำ�ผุดออกมาตลอดปี กลายเป็นธารน�ำ้ ไหลรินลงมา ลำ�ธารบางชว่ งจะมดุ หาย
ไปในซอกหินท้ังสาย เรียกวา่ ชดี ้นั แล้วปรากฏเป็นนำ�้ ผดุ ในระยะทหี่ า่ งกันหลาย
กโิ ลเมตร และรวมตัวกันเปน็ ล�ำ ธารของต้นน�้ำ ชีในท่ีสดุ

แหลง่ นำ�้ศั กดิส์ ิทธิจ์ ากวัดไพรีพินาศ

มลี ักษณะเป็นตาน�ำ้ ลึกใต้ใบเสมาโบราณ สภาพน้�ำ มีความใสปกตเิ หมอื นน�ำ้
ธรรมชาติ สามารถดื่มกนิ ได้ไม่เคยแหง้ โดยในปีพทุ ธศักราช ๒๕๕๐ วัดไพรพี ินาศ
รว่ มกบั ประชาชนผู้มีจิตศรัทธาจดั สร้างบ่อนำ�้ ศกั ดิ์สิทธ์ิ ถวายพระบาทสมเดจ็
พระบรมชนกาธเิ บศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร ในวโรกาส
เฉลมิ พระชนมายุ ๘๐ พรรษา

ในพธิ พี ลกี รรม ไดต้ กั น�ำ้ จากแหลง่ น�ำ้ ศกั ดส์ิ ทิ ธท์ิ ง้ั ๒ แหลง่ นเ้ี พอื่ รว่ มท�ำ “น�ำ้ อภเิ ษก” ในพระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษก สมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั มหาวชริ าลงกรณ
บดินทรเทพยวรางกรู ขึ้นเสวยราชสมบตั ิอย่างสมบรู ณต์ ามโบราณราชประเพณี ซึ่งก�ำ หนดจดั ขึ้นในวนั ท่ี ๔-๖ พฤษภาคม ๒๕๖๒

๕๔

ปรางค์กู่ (บ้านหนองบัว)

ต้ังอยูท่ บ่ี ้านหนองบวั ต�ำ บลในเมือง อ�ำ เภอเมืองชัยภมู ิ เป็นศาสนสถานหรือเรียกว่าอโรคยาศาล ประจ�ำ สถานพยาบาล
สร้างในสมยั พระเจ้าชัยวรมนั ที่ ๗ มีผงั เปน็ รูปสเ่ี หล่ียมผืนผ้า ประกอบด้วยปราสาทประธาน บรรณาลยั และก�ำ แพงแก้วล้อมรอบ
มปี ระตทู างเขา้ ทางด้านทิศตะวันออก ดา้ นซา้ ยมอื ของประตูทางเข้าเปน็ สระนำ้� กรดุ ว้ ยศลิ าแลง เป็นรูปแบบท่ีพบในอโรคยาศาลอ่ืนๆ
เช่นกัน ที่หน้าบันประตูทางเข้าปราสาทประธานแกะสลักเป็นรูปโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ๔ กร ส่วนทับหลังแกะสลักเป็น
พระพุทธรูปปางสมาธิภายในซุ้มเรือนแก้วเหนือหน้ากาล และลายใบไม้ทั้งสองข้าง เป็นศิลปะแบบบายน ภายในปราสาทประธาน
ทรงสเี่ หลย่ี มจตั รุ สั ประดษิ ฐานพระพทุ ธรปู ศิลาปางสมาธิ ศลิ ปทวารวดี สันนษิ ฐานวา่ นา่ จะน�ำ มาจากทอ่ี ่นื

๕๕

ใบเสมาบ้านกุดโงง้

เป็นใบเสมาหินทรายศิลปทวารวดี ท่พี บเปน็ จำ�นวนมากในบรเิ วณ
รอบหมบู่ า้ น โดยถกู เก็บรวบรวมไว้ในภายในศาลาวัด ภายในบรเิ วณโรงเรยี น
วัดกุดโง้ง ตำ�บลบุ่งคล้า อำ�เภอเมืองชัยภูมิ รวมทั้งหมดกว่า ๓๐ ชิ้น
เปน็ เสมาหนิ ทรายศลิ ปทวารวดอี ายรุ าวพทุ ธศตวรรษท่ี ๑๒-๑๓ ทพ่ี บในภาคอสี าน
เปน็ โบราณวัตถุทเ่ี ปน็ หลกั ฐานแสดงให้เหน็ ถงึ ชมุ ชนในยคุ สมัยทวารวดี ซง่ึ เป็น
ยคุ ท่ีพุทธศาสนาลัทธหิ ินยานได้มีการเผยแผเ่ ข้ามา

๕๖

พระธาตุกุดจอก

ตัง้ อยู่ทว่ี ดั พระธาตุกุดจอก บา้ นยางน้อย หมูท่ ี่ ๒ ตำ�บลบา้ นยาง อ�ำ เภอเกษตรสมบูรณ์ ภายในพ้ืนท่ี
ปรากฏโบราณสถาน ๓ หลงั แต่ละหลงั เชอื่ มตอ่ กนั โดยมวี หิ ารนาคปรกหนั ด้านหน้าไปทางทศิ ตะวันออก
มีพระธาตุทรงดอกบัวเหลี่ยมอยู่ด้านหลังเยื้องไปทางทิศเหนอื และมีพระธาตุขนาดเลก็ อยู่ดา้ นหลัง
วิหารนาคปรก ท้งั หมดก่อสร้างดว้ ยอฐิ เปน็ วสั ดุหลัก มปี นู ฉาบและปนู ปั้นประดับตกแต่ง กำ�หนดอายอุ ยู่
ในสมยั วัฒนธรรม ไทย ลาว พทุ ธศตวรรษท่ี ๒๒ - ต้นพุทธศตวรรษท่ี ๒๕

๕๗

พระธาตุชัยภูมิ

พระธาตุชัยภมู มิ ีชอ่ื เต็มวา่ พระมหาธาตรุ ัชมงคลเจดยี ส์ ิรชิ ัยภูมิ ตง้ั อยู่ท่ีบา้ นภสู องชัน้ ต�ำ บลเกา่ ย่าดี อ�ำ เภอแกง้ ครอ้
เป็นสถานที่ประดิษฐาน พระบรมสารีริกธาตุอันศักดิ์สิทธิ์ รอบๆวิหารคตมีพระพุทธรูปปางประทานพรต่างๆ รายรอบ
ทุกทศิ มรี ูปหลอ่ องค์เจา้ พ่อพญาแลองค์ใหญ่ท่ีสดุ ประดษิ ฐานอยู่ชน้ั กลางของบริเวณพระธาตุ ในทกุ วันส�ำ คัญท่ีเกีย่ วขอ้ ง
กับพระพุทธเจ้าทั้งสามวัน คือวันวิสาขบูชา วันอาสาฬหบูชา และวันมาฆบูชา จะมีพิธีสมโภชน์พระธาตุอย่างยิ่งใหญ่
มีประชาชนไปร่วมพิธีบุญอยู่มากมาย และในวันธรรมดา พระธาตุชัยภูมิแห่งนี้ก็จะมีชาวพุทธแวะเวียนมากราบไหว้
ขอพรอยู่เป็นประจำ� สถาปัตยกรรมการก่อสร้างพระธาตุชัยภูมิแห่งนี้งดงามมาก เป็นการผสมผสานศิลปะล้านช้าง
และลา้ นนาได้อย่างวิจิตรบรรจง บริเวณรอบๆพระธาตชุ ัยภูมิงดงามด้วยภมู ิทัศนท์ างธรรมชาติ ผูเ้ ขา้ ชมสามารถมอง
ผา่ นพระธาตไุ ด้โดยรอบแบบพาโนรามา

๕๘

พระพุทธบาทเขายายหอม

พระพทุ ธบาทเขายายหอม อยู่หา่ งจากตวั อำ�เภอเทพสถติ ไปทางทศิ ตะวนั
ออกเฉียงเหนอื ประมาณ ๖๕ กิโลเมตร ต้ังอยบู่ นลานหินยอดภเู ขายายหอม
ในเทือกเขาพังเหย ในบรเิ วณวดั พระพทุ ธบาทเขายายหอม ตำ�บลนายางกลกั
อ�ำ เภอเทพสถิต

พบเม่ือปี พ.ศ. ๒๔๑๒ เป็นรอยพระพุทธบาทข้างซ้าย ประทับลึกลงไป
ในลานหินสีแดง ขนาดกว้าง ๗๕ เซนติเมตร ยาว ๑๘๐ เซนติเมตร ลึก ๔๕
เซนติเมตร ปลายรอบพระพุทธบาทหันเย้ืองไปทางทศิ อาคเนย์

๕๙

๖๐

วัดถ้�ำ สัจธรรม (คอนสาร)

ถำ้�สจั ธรรม ตัง้ อยหู่ มู่บา้ นหนองเชยี งรอดเหนือ ต�ำ บล ทงุ่ ลยุ ลาย อ�ำ เภอคอนสาร ชัยภูมิ
ค�ำ นีเ้ ปน็ ค�ำ ท่คี รูบาอาจารย์ท่านให้ไวก้ ับดนิ แดนท่ีอยู่รายล้อมดว้ ยธรรมชาตแิ ละหุบเขา ครงั้ หนึ่งแต่เดิมไดม้ พี อ่
แม่ครบู าอาจารย์ หลวงปชู่ อบ ฐานสโมท่านเคยมาปฏบิ ัติวิปัสสนากรรมฐานและเดนิ จงกรมในถ�ำ้ แหง่ น้ี

ปัจจุบันยังมีทางเดินจงกรมที่ให้ชาวบ้านได้ขึ้นไปกราบสักการบูชารอยแห่งพระอรหันต์ผู้มากด้วยบารมี
ต่อมา หลวงปู่สีทน สีลธโน (วัดถ้ำ�ผาปู) ท่านได้ออกเดินธุดงค์มาตามนิมิตของท่าน และได้มาถึงที่ถ้ำ�สัจธรรมแห่งนี้
ทกุ อย่างทอ่ี ยู่ในถ�ำ้ ตรงตามทีท่ ่านนิมิตท้ังหมด
สำ�คัญท่ีสุดคือมหี ินขนาดใหญ่สงู ประมาณตกึ สามช้ันทเี่ กิดขึ้นเองตามธรรมชาติอยู่ภายในถ้ำ�ซงึ่ ความพเิ ศษของ
หินก้อนนี้จะมีรปู ลกั ษณะเป็น “พระเจดีย์ทรงพระปรางค์” ที่สูงใหญแ่ ละงดงามเปน็ อย่างมาก
ภายหลังต่อมาท่านก็ได้เริ่มบุกเบิกพาชาวบ้านสร้างวัดนี้ขึ้นและได้ให้หลวงปู่เล็ก เจ้าอาวาสองค์ก่อนหน้านี้
มาประจำ�อยทู่ ีว่ ัดเปน็ ตวั แทนของทา่ น และตอ่ มาไม่นานหลวงปเู่ ล็ก ทา่ นก็ไดม้ รณภาพลง

๖๑

สระหงษ์

สระหงษ์ ตั้งอยู่ในบรเิ วณวัดเขาสระหงษ์ ตำ�บลนาเสยี ว อำ�เภอเมืองชยั ภมู ิ หา่ งจากตัวเมือง ๑๒ กโิ ลเมตร บรเิ วณวัดเปน็ ลาดหินเนนิ เขา มีหินก้อนหนงึ่ รูปร่าง
คล้ายหงษ์ ซึ่งเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ถัดจากศาลาวัดไปด้านหลังมีสระน้ำ�โบราณกว้างประมาณ ๑๐ เมตร เร่ืองเล่ามีอยู่ว่า บริเวณสระหงษ์ปัจจุบัน ลานกว้าง
บริเวณนี้สมัยพระพุทธองค์ยังมีพระชนม์ชีพ พระพุทธองค์เคยเสด็จมาใช้ลานหินนี้เพื่อเทศนา ส่วนหงษ์ก็เข้ามาฟังธรรมด้วย แต่น้อยใจที่ไม่ได้เป็นมนุษย์เพื่อฟัง
ธรรมจึงกราบทลู พระพทุ ธเจา้ วา่ ถา้ ข้าพทุ ธเจ้าไดส้ ้นิ ชีวิตข้าพระพุทธเจา้ ขออาราธนาพระพุทธองค์ใหม้ าเผารา่ งขา้ พระพทุ ธเจา้ ด้วยเทอญ หลงั จากท่หี งษ์ไดเ้ สียชวี ิต
พระพุทธองค์กเ็ สร็จมาเผาศพหงษ์ ตามท่หี งษ์ไดอ้ าราธนาไว้ และมีพระพทุ ธบาทประดิษฐานไว้

๖๒

พระใหญท่ วารวดี

พระใหญ่ทวารวดี ประดิษฐานอยูท่ วี่ ดั คอนสวรรค์ บา้ นคอนสวรรค์
อำ�เภอคอนสวรรค์ เปน็ พระพุทธรปู ทมี่ อี ายเุ กา่ แก่คบู่ า้ นคเู่ มอื งนครกาหลง
มาแต่โบราณ สนั นษิ ฐานวา่ สรา้ งมาต้ังแตส่ มัยขอมเรืองอำ�นาจ และมคี วาม
ขลงั ศกั ด์สิ ิทธิ์ เปน็ พระพุทธรปู หินแกะสลักปางประทับยนื ศลิ ปทวารวดีสร้าง
ด้วยศลิ าแลง เปน็ ทเ่ี คารพสกั การะของชาวจงั หวดั ชยั ภมู มิ ากองคห์ นง่ึ ชาวบา้ น
เรยี กวา่ “หลวงพอ่ ใหญ”่ เดมิ พบอยบู่ นเนนิ ดนิ ชาวบา้ นจงึ เรยี กเนนิ นน้ั วา่ “เนนิ หลวงพอ่
ใหญ”่ สนั นษิ ฐานวา่ คงจะสรา้ งในสมยั ขอมเรอื งอ�ำ นาจในภมู ภิ าคแถบน้ี ตอ่ มาในปี
พ.ศ.๒๔๖๘ ขนุ บัญชาคดี ซ่งึ เปน็ นายอ�ำ เภอคอนสวรรค์ ในขณะนัน้ ไดร้ ว่ มมือกับ
ชาวบ้านทำ�พิธีอัญเชิญพระพุทธรูปหลวงพ่อใหญ่ไปประดิษฐานไว้ที่
วัดบา้ นคอนสวรรค์ ตำ�บลคอนสวรรค์ อ�ำ เภอคอนสวรรคจ์ นถึงปัจจบุ ัน
ดา้ นหนา้ อาคารเกบ็ ใบเสมามวี หิ ารประดษิ ฐานพระพทุ ธรปู ใหญส่ มยั ทวารวดี
แกะจากศลิ าแลง สูง ๓ เมตร ชาวบ้านเรยี กว่าหลวงพอ่ ใหญ่

๖๓

พระเจ้าองค์ตือ้

วดั ศลิ าอาสน์ (ภูพระ) ต้งั อยู่ที่ ต�ำ บลนาเสียว อำ�เภอเมือง จังหวดั ชัยภูมิ
หา่ งจากตวั เมอื ง ประมาณ ๑๒ กโิ ลเมตร เปน็ แหลง่ ทอ่ งเทย่ี วทส่ี �ำ คญั อกี แหง่ หนง่ึ
ของชยั ภมู ิ ภายในบรเิ วณวัดเงียบสงบ มีผาหนิ ซึ่งมภี าพจำ�หลักกลุ่มพระพุทธรปู
ทั้งหมด ๙ องค์ อันเป็นที่มาของช่ือ ภูพระ มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ประทับนั่ง
ขัดสมาธชิ าวบ้านเรยี ก “พระเจ้าองค์ต้ือ” ซ่ึงเปน็ ทเ่ี คารพศรทั ธาของชาวชยั ภมู ิ
และในพ้ืนท่ี ใกลเ้ คยี งมาช้านาน ใกล้กันมีพระพทุ ธรปู อีก ๗ องค์ จ�ำ หลักรอบเสา
หนิ ทราย พระพทุ ธรูปทง้ั หมดเปน็ พระพุทธรปู โบราณมพี ุทธลักษณะแบบพระพุทธ
รูปอู่ทอง มีอายุราวศตวรรษที่ ๑๘-๑๙ กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็น
โบราณสถาน-โบราณวัตถุ

มคี วามเชอื่ กันว่า พระเจ้าองคต์ ื้อ มีความศักดสิ์ ทิ ธิ์ และสามารถดลบนั ดาลให้
ประสบผลส�ำ เรจ็ ในส่ิงทีป่ รารถนาได้

๖๔

พระประธาน ๗๐๐ ปี
วัดเจดีย์ อำ�เภอคอนสาร

พระพทุ ธรูปองค์ใหญ่ท่พี บนั้นเป็นพระพุทธรปู เน้ือศลิ าแลงปางมารวิชยั
คลา้ ยศิลปะแบบขอม คาดว่าสร้างตง้ั แตส่ มยั สโุ ขทัย ขนาดหน้าตกั กวา้ ง ๓ ศอก
สูง ๘ ศอก

มีลักษณะพุทธศิลป์สมบูรณ์และงดงามยิ่งนัก มีลักษณะเด่นคือ
พระโอษฐส์ แี ดง อายุประมาณ ๗๐๐ ปี ปัจจุบันชื่อว่า พระพุทธชยั สารมุนี แตช่ าว
บา้ นกเ็ รยี กวา่ หลวงพ่อพระประธาน และขา้ งๆ กันนั้นยงั มีเจดีย์ย่อมมุ ไม้สบิ สอง
ซง่ึ เปน็ ศลิ ปะแบบอยธุ ยาตอนตน้ ในปี ๒๔๗๙ ส�ำ นกั งานพพิ ธิ ภณั ฑสถานแหง่ ชาตพิ มิ าย
ได้ขึ้นทะเบียนพระประธานเป็นโบราณวัตถุ มีอายุประมาณ ๗๐๐ ปี

๖๕

พระพุทธชัยภูมิพิทักษ์ (วัดผาเกงิ้ )

วัดชัยภูมิพิทักษ์ (วัดผาเกิ้ง) บ้านนาคานหัก ตำ�บลกุดชุมแสง
อำ�เภอหนองบัวแดง สร้างเมื่อ พ.ศ.๒๕๑๒ มีหน้าผาที่มีความสำ�คัญทาง
ประวัติศาสตรข์ องอำ�เภอหนองบัวแดง ตัง้ อย่รู ะหวา่ งภูเขาสองลกู ท่ีมาบรรจบกนั
บางครงั้ ชาวบา้ นจะเรียกวา่ ชอ่ งบญุ กว้าง เปน็ เส้นทางลัดท่ีใช้เป็นทห่ี มายในการเดิน
ทางจากหบุ เขาภูเขียว(ทวิ เขาเพชรบูรณ)์ มายงั จังหวัดชัยภมู ิ มพี ระพุทธชัยภมู พิ ิทักษ์
เป็นพระพุทธรูปศิลปะสมัยรัตนโกสินทร์ ขนาดสูงจากฐานถึงยอด ๑๔ ศอก
(๗ เมตร) ก่ออิฐถือปูน หุ้มด้วยกระเบื้องโมเสกสีทองทั้งองค์
เริ่มสร้างวนั ที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๑๒ แล้วเสรจ็ ปี พ.ศ.๒๕๑๖ มีชา่ งจากกรมศิลปากร
ควบคุมงานก่อสร้างองคพ์ ระ

๖๖

หลวงป่ ูหลักคำ�

หลวงปู่หลักคำ� มีนามเดิมว่าพระอาจารย์สิงห์ หรือเจ้าหัวครูสิงห์ (พระครูปรีชาชินวงศาจารย์) ตามคำ�บอกเล่าว่าท่านเดินทางมาจากบ้านตาลเดี่ยว
อ�ำ เภอโคกส�ำ โรง จงั หวดั ลพบรุ ี อดตี เจา้ คณะแขวงเมอื งชยั ภมู ิ รปู แรกในสมยั เดยี วกนั กับพระยาภกั ดีชมุ พล ทา่ นเป็นพระธุดงคท์ เี่ คร่งครัดในธดุ งควตั ร เมือ่ ไดท้ ่านธดุ งค์
เรื่อยมาจากแผ่นดินบ้านเกิดท่านจนถึงเมืองชัยภูมิ ญาติโยมบ้านโนนปอบิดเหน็ จรยิ าวตั รที่งดงามจึงไดน้ มิ นต์ให้จ�ำ พรษาทว่ี ดั กลางเมืองเกา่

หลวงปู่หลักคำ�เป็นพระสุปฏิปันโน มีคุณวิเศษโดยเฉพาะเร่ืองความอยู่ยงคงกระพันและทางเมตตานิยม จนปรากฎเป็นเลื่องลือมากในสมัยนั้น
เชน่ มเี หตุการณ์หลายครงั้ ทีม่ ีโจรมาขโมยทรพั ย์สินหรือของมคี ่าของชาวบ้าน ชาวบ้านได้มาขอพงึ่ บารมีของหลวงปู่ให้ชว่ ยติดตาม กล่มุ โจรก็ยงิ หลวงปจู่ นกระสุนปืนหมด
แต่ก็ไมส่ ามารถทำ�อนั ตรายได้ มเี พียงแต่ทำ�ให้สบงและจวี รช�ำ รุดไปบา้ งเท่าน้นั ในทีส่ ุดกลมุ่ โจรกย็ อมจ�ำ นนและคืนทรพั ย์สนิ ให้ ทราบถงึ ทางมณฑลนครราชสีมาจึงได้รับแตง่
ตงั้ ให้เปน็ เจ้าคณะแขวงเมอื งชยั ภมู ิ นอกจากน้นั ก็ยังมปี ฏิปทาอน่ื ๆ อกี ท่ีหลวงปู่ไดน้ ำ�ความเลอื่ มใสและสรา้ งคณุ งามความดีให้ปรากฏทง้ั แก่ส่วนรวมและพระพทุ ธศาสนา
แม้ในปัจจุบนั บญุ ญาภินิหารของหลวงปหู่ ลักคำ�กย็ งั คุม้ ครองรกั ษาให้ผทู้ ่ีไปขอพรได้ส�ำ เรจ็ ดังปรารถนาจนเกดิ มงี านบุญประจ�ำ ปีถวายหลวงปตู่ ลอดมา ทางวัดยังได้สรา้ ง
มณฑปหลวงปหู่ ลกั ค�ำ เพอื่ เปน็ อนสุ รณแ์ ละเป็นทีบ่ รรจอุ ฐั ิหลวงปู่หลกั คำ� มงี านบุญประเพณีวันเพญ็ เดอื น ๔ ปดิ ทองรูปเหมือนหลวงปหู่ ลกั ค�ำ

๖๗

พระเทพภาวนาวิกรม วิ.
(หลวงพ่อเจ้าคุณศรี/ผาเกงิ้ )

พระเทพภาวนาวิกรม (บุญมา ปุญญาภริ โต/อุทยั น.ธ.เอก,ป.ธ.๖) ทปี่ รึกษาเจ้า
คณะภาค ๑๑ เจ้าอาวาสวดั ชัยภูมพิ ิทกั ษ์ เกดิ วนั พฤหัสบดีท่ี ๕ เมษายน พ.ศ.๒๔๘๑ ปีขาล
ณ บา้ นคลองไผง่ าม ตำ�บลบ้านเขว้า อ�ำ เภอบา้ นเขว้า จังหวดั ชัยภูมิ ได้รับการบรรพชาเป็น
สามเณรที่วดั ทรงศลิ า พ.ศ. ๒๔๙๗ ส�ำ เรจ็ การศึกษาเปน็ นกั ธรรมชั้นเอกเป็นเปรยี ญธรรม
๖ ประโยค พ.ศ. ๒๕๐๓ ก็ครบกำ�หนดอุปสมบทเป็นพระภกิ ษุ

ท่านเป็นพระปฏิบัติสายกมั มัฏฐาน ได้ออกจารกิ ธดุ งค์ส่วนมากยังเป็นปา่ เปน็ ดง
ยงั ไมค่ ่อยมบี ้านคน เป็นดงชา้ งดงเสอื อยู่ แม้เสน้ ทางเดนิ ตอนน้นั ก็ยังไมม่ เี ส้นทางเดนิ ลดั
เลาะผา่ นป่าผา่ นเขา

ท่านไดบ้ ุกเบิกสร้างวดั ชัยภูมพิ ิทกั ษผ์ าเกง้ิ เมือ พ.ศ. ๒๕๑๒ ได้รเิ ร่ิมบกุ เบิกสร้าง
วัดและสร้างพระพร้อมกบั นำ�พาข้าราชการและประชาชนราษฎรต์ ดั ถนนผ่านภูแลนคาทะลุ
ไปอำ�เภอหนองบัวแดง ดำ�เนินการจัดหาทุนสร้างอาคารและสิ่งอำ�นวยความสะดวก
คิดเป็นมูลค่าเงินรวมทั้งปัจจัยเป็นเงินมากกว่า ๘๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท และสร้างวัดในเขต
ท่ีโรงพยาบาล งานสาธารณสงเคราะห์ เป็นเงินไม่นอ้ ยกวา่ ๑๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท

๖๘

พระราชภาวนาวชิรคุณ วิ.
(หลวงป่ ูจือ่ พันธมุตโต)

พระราชภาวนาวชริ คุณ (หลวงปู่จ่อื พันธมตุ โต) เป็นพระสงฆส์ ายวิปัสสนา
เกิดเมอ่ื วันพฤหสั บดที ี่ ๑๗ มถิ ุนายน ๒๔๘๖ ท่ีตำ�บลบ้านกอก อ�ำ เภอจตั รุ สั จงั หวดั ชัยภูมิ
อุปสมบทเม่ือวันที่ ๑๕ พฤศจกิ ายน ๒๕๑๘ ท่วี ัดศรแี ก้งครอ้ ต�ำ บลชอ่ งสามหมอ อำ�เภอ
แกง้ ครอ้ จงั หวดั ชยั ภมู ิ ทา่ นเปน็ ศษิ ยห์ ลวงพอ่ ผาง จติ ตฺ คตุ โฺ ต พระอรยิ สงฆแ์ หง่ ภาคอสี าน
วดั อดุ มคงคาครี เี ขต อ�ำ เภอมญั จาครี ี จงั หวดั ขอนแกน่ เปน็ เจา้ อาวาสวดั เขาตาเงาะอดุ มพร”
บ้านหัวหนอง อำ�เภอหนองบัวระเหว จังหวัดชัยภูมิ มีพื้นที่ ๒๐๐ ไร่ มีทัศนียภาพสวยงาม
ภายในพระอุโบสถมพี ระพทุ ธรปู ขนาดใหญ่ที่สวยงาม มภี าพวาดพระเวสสันดรชาดกประณีต
สวยงามเป็นพิพธิ ภณั ฑ์ไมส้ กั ทอง

หลวงปู่เป็นผู้เปี่ยมไปด้วยบารมี ท่านเป็นพระนักปฏิบัติ นักพัฒนาได้สร้าง
ประโยชน์ให้สว่ นรวมมากมาย ทั้งถนน ฝา่ ยกักเกบ็ น�้ำ มอี ทิ ธิฤทธิ์ปรากฏ เมอ่ื ทา่ นสรา้ งฝาย
เกบ็ น�ำ้ ๒ แหง่ ปรากฏวา่ ฤดฝู นฝายรา้ ว ถงึ ขนาดนายอ�ำ เภอ(คงไมส่ ามารถเอย่ นามทา่ นได)้
ต้องซ้อมแผนอพยพประชาชนท่อี ยู่ใตฝ้ าย ท่านเลยไปดแู ละเหยยี บเหนือรอยร้าว ๓ ครั้ง
ฝายท้ัง ๒ แหง่ ยงั อยู่จนปจั จุบันน้ี

๖๙

หลวงพ่อสายทอง เตชะธัมโม

หลวงพ่อสายทอง เตชะธมั โม/ค�ำ มิสา เกดิ เม่ือวันเสารท์ ่ี ๑๖ ตุลาคม ๒๔๙๑
ณ เลขที่ ๑๙ หมู่ ๗ ดอนส�ำ ราญใต้ ตำ�บลพระธาตุ อ�ำ เภอเชยี งขวญั จังหวัดรอ้ ยเอด็
ในสมัยแรก ๆ ทีท่ ่านออกปฏบิ ัติ ทา่ นเดินจงกรมจนฝา่ เท้าเป็นแผลตอ้ งใช้ผา้ พนั เทา้ ไว้
แล้วเดินต่อ บางครั้งเดินจงกรมเป็นเวลา ๑๓ วัน ๑๓ คืน ติดต่อกัน ไม่ออกจากทาง
จงกรมจนจติ ลง และเพอ่ื นสหธรรมของทา่ นไดเ้ ลา่ ใหฟ้ งั วา่ “สายทองเขาเดนิ ธดุ งคเ์ ทา้ เปลา่ ”
นีก้ ็แสดงใหเ้ หน็ ความเปน็ คนใจเพชรใจพลอย ครัง้ สดุ ทา้ ยทา่ นได้อดอาหารตดิ ต่อเป็น
เวลา ๔๙ วัน จนลำ�ไส้เกือบทะลุ ทา่ นก็อดกลัน้ อดทนดว้ ยตบะ อยา่ งแรงกล้า จน
ผา่ นไปได้ หลวงพ่อสายทอง ไดอ้ อกธดุ งค์ จนถงึ ปี พ.ศ. ๒๕๓๕ พรรษาที่ ๘ จึงได้พบ
สถานทเี่ หมาะสมสำ�หรบั การภาวนา

หลวงพ่อสายทอง เตชะธัมโม ท่านได้มาสร้างวัดป่าห้วยกุ่ม มีพื้นที่ทั้งสิ้น
๓๐๐ ไร่ เดิมเป็นที่ดินของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ต่อมา กฟผ.
ได้ถวายที่ดินผืนนี้ให้หลวงพ่อสายทองเพ่ือสร้างวัด หลวงปู่ได้ สร้างอาคารให้กับ
โรงพยาบาลหนองแค จังหวดั สระบรุ ี เปน็ แห่งแรกในราคา ๕๐ ลา้ นบาท นอกจากนั้น
ยงั ไดเ้ รม่ิ ซ้ือทีด่ ินและสร้างโรงพยาบาล สรา้ งโรงพยาบาล สรา้ งอาคารและส�ำ นักงาน
ให้แก่หน่วยงานทางราชการ ก่อสร้างอาคารสงฆ์อาพาธและผู้ป่วยใน และอื่นๆ
อกี มากมาย เปน็ จำ�นวนเงนิ ไมต่ �่ำ กวา่ ๓๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท

๗๐

บ้านโบราณทรงหักมุก

นางเขยี ว ชาวปทมุ อายุ ๙๗ ปี เจ้าของบา้ นเล่าว่า เกดิ มากเ็ หน็ แลว้ บ้านประมาณ ๑๘๐ ปี บา้ นหนองบัวขาว ตำ�บลชลี อง อำ�เภอเมืองชยั ภมู ิ จังหวัดชัยภูมิ
บา้ นทรงโบราณหกั มุก มีระเบียง บนบ้านมคี รัว มีระดบั ของหอ้ งนอน มีหอ้ งมุก มลี านกลางบ้านรบั ญาติพนี่ ้อง น่ังกนิ ข้าวรว่ มกันตอนเชา้ ตอนเยน็ ใต้ถนุ ได้นง่ั พัก
ผอ่ นรวมญาติ เสาบา้ นทัง้ หมด ๓๐ เสา

๗๑

บ้านโบราณทรงอีสาน

นางสดุ ใจ เสริฐสอน เลา่ ว่า ตั้งอยู่หมู่ ๑ บา้ นเลขที่ ๘๒ ชมุ ชนเมอื งน้อยเหนอื ตำ�บลในเมือง อ�ำ เภอเมืองชยั ภูมิ จงั หวดั ชัยภมู ิ พ่อแมไ่ ดเ้ สียชวี ติ ไป
บา้ นหลงั นี้อายปุ ระมาณ ๙๐ ปี บา้ นโบราณทรงอีสาน วธิ ีการการก่อสรา้ งไม่ได้ใช้ตะปู ใส่กันเปน็ ลม่ิ เขา้ ไม้โดยไม่ใช้ตะปู ไมท้ นี่ �ำ มาสรา้ งเปน็ ไม้เตง็ ไม้รัง

บ้านทรงโบราณอีสาน มีระเบียง บนบ้านมีครัว มีระดับ ของห้องนอน มีห้องมุก มีลานกลางบ้านรับญาติพี่น้อง นั่งกินข้าวร่วมกันตอนเช้า
ตอนเยน็ ใต้ถุน ไดน้ ง่ั พักผอ่ นรวมญาติ เป็นคอกวัว ควาย หมู เปด็ ไก่

๗๒

งามลำ�้ธรรมชาติ

ธรรมชาตงิ ามตา ภูเขาป่าเขียวขจี
เขื่อนอทุ ยานบันดาลม ี แผ่นดินน้ีชยั ภมู ิ

๗๓

๒๐ ธันวาคม ๒๕๒๖

สมเด็จพระนางเจา้ สริ กิ ิตพิ์ ระบรมราชนิ นี าถ พระบรมราชชนนพี ันปหี ลวง
เสดจ็ พระราชด�ำ เนนิ มายังเรือนประทับแรมเพ่อื ทอดพระเนตรทงุ่ กะมงั
ทรงปลกู สน ๓ ใบ และปล่อยเนอ้ื ทราย จ�ำ นวน ๔ ตัว
๗๔

๒๓ ธันวาคม ๒๕๓๐

พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธบิ ดศี รีสินทร มหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอย่หู วั
เมือ่ ครง้ั ด�ำ รงพระอิสรยิ ยศ

สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกฎุ ราชกมุ าร
ได้เสด็จพระราชดำ�เนนิ มาเป็นประธานในพธิ ีถวายสตั ยป์ ฏญิ าณของพรานนกั ลา่ จากหมู่บ้านรอบพ้นื ท่ปี า่ ภูเขยี ว

...ว่าจะไม่เข้าป่าล่าสตั วอ์ ีก..
และมอบอาวุธปืน จำ�นวน ๑,๒๕๐ กระบอก ให้แก่ทางราชการ และทรงปลอ่ ยสตั ว์ป่า จำ�นวน ๒๔๕ ตวั
เพ่อื ถวายเป็นพระราชกศุ ลแด่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธเิ บศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพติ รและ

สมเดจ็ พระนางเจ้าสิริกติ ิ์ พระบรมราชินนี าถ พระบรมราชชนนพี นั ปหี ลวง

๗๕

ปี พ.ศ. ๒๕๓๕ สมเดจ็ พระกนษิ ฐาธริ าชเจา้ กรมสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี ทอดพระเนตรสภาพพน้ื ทป่ี า่ บรเิ วณเขอื่ นจฬุ าภรณ์

อำ�เภอคอนสาร จังหวัดชัยภมู ิ
วันอังคารท่ี ๒๗ เมษายน ๒๕๓๕ สมเดจ็ พระกนษิ ฐาธิราชเจา้ กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี เสดจ็ ฯ ไปทอดพระเนตรสภาพ
พนื้ ทีป่ ่าบรเิ วณเขื่อนจฬุ าภรณ์ ต�ำ บลท่งุ ลุยลาย อำ�เภอคอนสาร จังหวัดชยั ภมู ิ เพ่อื ทรงพิจารณาการจดั ท�ำ โครงการอนุรกั ษป์ า่ ต้นนำ้�ลำ�ธารและศกึ ษาวิจัยตาม
แนวพระราชด�ำ ริ
พื้นที่ดังกล่าวนี้ มีเนื้อที่จำ�นวน ๑๔,๘๐๐ ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ ตำ�บลทุ่งลุยลาย ตำ�บลห้วยยาง และตำ�บลทุ่งพระ อำ�เภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ
ซ่ึงกรมธนารกั ษ์ได้นอ้ มเกลา้ ฯ ถวาย เพ่ือใช้ประโยชน์ในกจิ กรรมของมูลนธิ ชิ ัยพฒั นา เพ่อื จัดท�ำ เป็นโครงการอนุรกั ษป์ ่าต้นนำ้�ลำ�ธารและศึกษาวิจยั ตามแนว
พระราชดำ�ริ
๗๖

อุทยานแหง่ ชาติตาดโตน

“เสยี งน้�ำ ตกดังโยน้ ๆ นำ้�ตกตาดโตนไปเท่ยี วไหมแกม้ แดง” น�ำ้ ตกตาดโตนอยหู่ า่ งจากตวั เมอื งเพียง ๑๓ กโิ ลเมตร อย่บู นเทอื กเขาภูแลนคา
บรเิ วณน�ำ้ ตกตาดโตนจะมีน�ำ้ ไหลตลอดปี มีลานหินที่กว้างใหญ่ น้ำ�ตกไหลลดหลั่นเป็นชั้น ๆ มาตามลานหินกว้างฤดูฝนมีน้ำ�มาก ตัวน้ำ�ตกสูง
ประมาณ ๖ เมตร กว้าง ๕๐ เมตร สองฝั่งของน้ำ�ตกปกคลุมด้วยป่าดงดิบแล้ง และป่าเต็งรัง มีพันธุ์ไม้ที่สำ�คัญและสัตว์ป่าหายากอาศัยอยู่
มากมาย มีเนื้อที่ประมาณ ๑๙๐,๑๙๗.๕๐ ไร่
มแี หลง่ ทอ่ งเทย่ี วทางธรรมชาตทิ ่สี ำ�คัญ ได้แก่ น�้ำ ตกตาดฟ้า นำ้�ตกผาเอียง น�ำ้ ตกผาสองชั้น

๗๗

อุทยานแหง่ ชาติภูแลนคา

ภแู ลนคา เทือกเขาทย่ี าวเหยียด ตัง้ ตระหง่านอยทู่ างทิศเหนอื ของตัวเมืองชัยภมู ิ
ที่ทำ�การอุทยานอยู่ก่อนถึงวัดผาเกิ้งเพียงเล็กน้อย มีลานหินกว้างใหญ่ หน้าผาส�ำ หรับชมวิวหลายจดุ
และมเี ส้นทางไปสูถ่ ้ำ�ต่าง ๆ หลายถ้�ำ

๗๘

มอหินขาว (เสาหินมหัศจรรย์ล้านปี ) ๗๙

ต้งั อยบู่ นเขตอุทยานแห่งชาติภูแลนคา ตำ�บลท่าหินโงม อำ�เภอเมือง จงั หวัดชัยภมู ิ
ประกอบด้วยกลุ่มหนิ ทรายสีขาวเป็นสวนหนิ ธรรมชาตซิ ง่ึ เกดิ จากการสะสมของตะกอนทรายและดนิ
เหนยี วแข็งตัวกลายเปน็ หิน ลักษณะของหินกลมุ่ ตา่ ง ๆ เกิดจากการเคลอื่ นไหวของเปลอื กโลกบีบอัด
จนเกิดการคดโค้งแตกหัก กัดเซาะทั้งแนวตั้ง และแนวนอน สร้างสรรค์เป็นรูปแบบต่าง ๆ
ตามจนิ ตนาการของผ้พู บเห็น

อศั จรรยม์ อหินขาวกลางราวปา่ ย้ิมให้กบั ผืนฟ้าหรอื ไฉน

กี่ลา้ นปที ม่ี ่นั คงกลางพงไพร แท่งหนิ ใหญป่ ริศนานา่ ไปดู

๘๐

อุทยานแหง่ ชาติป่ าหินงาม และ ทุ่งดอกกระเจียว

ป่าหินงามอยู่ที่อำ�เภอเทพสถิต เป็นป่าหินที่งดงามแปลกตาแทรกตัวขึ้นกับไม้ป่าที่เขียวขจี
หนิ งามมหี ลากหลายรปู มีทั้งรูปถ้วยฟุตบอลโลก รูปมังกรและรูปสัตว์ต่าง ๆ ตามจินตนาการของผู้มา
เยือนมีหินงามต่าง ๆ กระจายอยู่ในพ้ืนท่ี ๑,๐๐๐ กว่าไร่ มดี อกไม้ พนั ธ์ุไม้นานาชนดิ ขึ้นอยู่ตามซอกหนิ
ทุ่งกระเจียว ดอกไม้สีชมพูอมม่วง อ่อนละไม ออกดอกบานสะพรั่งกลางผืนพรมสีเขียวขจี
ของผนื ปา่ เพก็ เปน็ ดง่ั ภาพจากสวรรคเ์ ลยทเี ดยี ว ใน ฤดทู ก่ี ระเจยี วบานจะอยู่ในฤดฝู น เมฆหมอกกลางขนุ เขา
ก็ลอยมาใหผ้ คู้ นท่ีไปเยอื นได้สมั ผสั ละอองอ่มิ ใจ อิ่มตา สนกุ สนานและไดร้ ับอากาศบริสทุ ธิ์กลางยอดเขา

และอีกจุดหนึ่งที่เม่ือไปเยือนแล้ว ต้องไปยืนคือผาสุดแผ่นดิน เส้นกั้นระหว่างที่ราบสูงอีสาน
และที่ราบต่ำ�ภาคกลาง ยืนอยู่ที่นี่จะได้เห็นว่า ฟ้าสูง แผ่นดินต่ำ� ล้ำ�ค่าจริง ๆเพราะแผ่นดินข้างล่างคือ
ยอดไม้ใหญท่ ่ีให้ประโยชน์แก่แผ่นดนิ และทเี่ ติมออกซิเจนใหท้ า่ นในทนั ที

๘๑

อุทยานแหง่ ชาติไทรทอง

ต้ังอยูท่ บี่ ้านวงั น�้ำ เขยี ว ตำ�บลวังตะเฆ่ อ�ำ เภอหนองบัวระเหว อยูห่ ่างจากตัวเมืองชัยภูมิประมาณ ๗๐ กโิ ลเมตร
และห่างจากทว่ี ่าการอำ�เภอหนองบวั ระเหว ๓๗ กิโลเมตร ไปตามเสน้ ทางหลวงหมายเลข ๒๒๕ (ชัยภมู ิ-นครสวรรค์)
ถึงบริเวณหลักกโิ ลเมตรท่ี ๑๒๒ มีทางแยกขวามอื เข้าไปยงั บ้านทา่ โปรง่ ประมาณ ๗ กโิ ลเมตร

อุทยานแห่งชาติไทรทองครอบคลุมพื้นที่ป่าบนเทือกเขาพังเหย มีเนื้อที่ประมาณ ๓๑๙ ตารางกิโลเมตร
หรอื ประมาณ ๑๙๙,๓๗๕ ไร่ อยู่ในท้องทหี่ นองบัวระเหว อำ�เภอเทพสถติ และอ�ำ เภอหนองบวั แดง พ้ืนทปี่ ่าแหง่ นเ้ี ปน็
ปา่ ต้นน�ำ้ ของลำ�ห้วยหลายแห่ง สภาพป่าโดยรอบเปน็ ป่าเต็งรงั ป่าดบิ แล้ง ปา่ ดบิ เขาและป่าเต็งรังผสมป่าเบญจพรรณ
ซึ่งมีไม้ไผ่ลวกขึ้นเป็นจำ�นวนมากทั้งยังเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่านานาชนิดอีกด้วย แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่
ส�ำ คญั ไดแ้ ก่ น�ำ้ ตกไทรทอง น�ำ้ ตกชวนชม ทงุ่ บวั สวรรคห์ รอื ทงุ่ ดอกกระเจยี ว ผาพอ่ เมอื ง จดุ ชมววิ เขาพงั เหย จดุ ชมววิ หลงั สนั

๘๒

เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่ าภูเขียว

ความอุดมสมบูรณ์ที่ยั่งยืนแหง่ ผนื ปา่

มพี น้ื ท่ี ๙๗๕,๐๐๐ ไร่ หรอื ประมาณ ๑,๕๖๐ ตารางกโิ ลเมตร ครอบคลมุ ๓ อ�ำ เภอ คอื อ�ำ เภอคอนสาร อ�ำ เภอเกษตรสมบรู ณ์
และอำ�เภอหนองบัวแดง ภูมิประเทศเป็นเทือกเขาหินทราย มีหน้าผาสูงอยู่ทั่วไป สภาพป่าอุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่งกำ�เนิดของ
ลำ�น้ำ�พรม ลำ�สะพุง แม่น้ำ�ชี และเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่ามากมาย รวมทั้งนกที่มีไม่น้อยกว่า ๓๕๐ ชนิด เหมาะสำ�หรับ
การศึกษาธรรมชาตปิ ่าไมแ้ ละสตั ว์ปา่ มีสถานทีท่ ี่น่าสนใจได้แก่ ศาลปเู่ หนาะ ลำ�น�้ำ พรม บงึ แปน และทงุ่ กะมัง

๘๓

ทุ่งกะมัง

อยู่ในเขตรกั ษาพันธุ์สตั ว์ปา่ ภูเขียว เปน็ ทรี่ าบกว้างใหญ่ ซงึ่ ประกอบด้วยทงุ่ หญา้ เรยี กว่า “หญ้าระบัด” กวา้ งขวาง เขยี วขจี
ล้อมรอบด้วยภูเขา ในเนื้อที่กว่า ๑ ล้านไร่ อยู่ในเขตอำ�เภอคอนสาร อำ�เภอภูเขียว และอำ�เภอเกษตรสมบูรณ์ ในบริเวณนั้นมี
สตั วป์ า่ นานาประเภท เกง้ กวาง กระจง เน้อื ทรายและนกนานาชนิด

๘๔

เขือ่ นจุฬาภรณ์

เขอื่ นจฬุ าภรณห์ รอื เขื่อนน�้ำ พรมต้งั อย่ทู ต่ี �ำ บลทุ่งพระ อ�ำ เภอคอนสาร
เป็นลกั ษณะเขื่อนอเนกประสงค์ใช้ประโยชน์ในการผลิตพลังงานไฟฟา้ เกบ็ กัก
น้ำ�ไดป้ ระมาณ ๑๘๘ ล้านลกู บาศกเ์ มตร เป็นแหลง่ เพาะพนั ธปุ์ ลานำ้�จืดหลาก
หลายชนิด
ภายในบริเวณเขื่อนมีบ้านพัก ร้านอาหาร มีเรือสำ�หรับให้ล่องชม
อ่างเก็บน้ำ� มีจุดชมวิวทิวทัศน์เหนือเขื่อนเรียกว่า “ศาลาหลุบควน”
มพี ระตำ�หนกั หอดดู าวและเป็นศนู ย์ทดลองพชื เมืองหนาว

๘๕

สวนรุกขชาตินำ�้ ผุดทัพลาว

เปน็ สถานทท่ี อ่ งเทย่ี วทางธรรมชาติ อยทู่ ต่ี �ำ บลหว้ ยยาง
อำ�เภอคอนสาร ลกั ษณะเด่นคือมบี อ่ น�้ำ ผุดใสเย็น ผุดออกมา
บริเวณเชงิ เขาและเปน็ สายธารที่ชุ่มฉ่ำ�ท่ามกลางแมกไม้ที่
ร่มรื่น มีน้ำ�ผุดไหลออกตลอดปี สามารถทอ่ งเที่ยวและเล่น
น้�ำ ไดต้ ลอด
๘๖

ป่ าปรงพันปี

อยู่ในเขตอทุ ยานแห่งชาตภิ ูแลนคา ตำ�บลซับสีทอง
อ�ำ เภอเมอื งชยั ภมู ิและในเขตป่าสงวนแห่งชาตภิ ูแลนคาด้าน
ทศิ เหนอื ต�ำ บลทา่ มะไฟหวาน อ�ำ เภอแกง้ ครอ้ เปน็ ปา่ เตง็ รงั
ปา่ ผลดั ใบ การนับอายุต้นปรง วัดทล่ี ำ�ตน้ ในช่วงระยะหา่ ง
๑ เมตรชว่ งโคนตน้ กลางต้น และปลายต้น แล้วนบั อายจุ าก
วงรอบลำ�ตน้ ทีเ่ กดิ จากการเจริญเตบิ โตในแตล่ ะปีน�ำ มาคิดค่า
เฉลีย่ ของจำ�นวนปี
ต้นปรงมี ๒ ชนิด ปรงชนดิ ที่ ๑ คอื ปรงเขา ล�ำ ตน้
สูงได้ประมาณ ๑๒ เมตรกระจายพันธุ์ขึ้นตามป่าเต็งรัง
ป่าเบญจพรรณ ปา่ ดบิ แลง้ หรอื ป่าดบิ เขา ส่วนปรงชนิดที่ ๒
คอื ปรงชยั ภูมิ หรือปรงเท้าช้าง หรือปรงไอต้ นี โต ลำ�ต้นสงู
๑-๓ เมตร โคนตน้ แบนคล้ายเท้าชา้ ง อายปุ ระมาณ ๑,๐๐๐ ปี
มีขนาดใหญ่ สูง ๔-๖ เมตร ขึ้นอยู่ในป่าเต็งรังบริเวณ
หน้าผายอดภคู ี กระจายท่ัวพ้นื ทป่ี ่าเนอ้ื ที่ ๒๐๐ ไร่

๘๗

บึงละหาน

อยทู่ ต่ี �ำ บลละหาน อยหู่ า่ งจากตวั เมืองชัยภมู ปิ ระมาณ
๓๒ กโิ ลเมตร ตามทางหลวงหมายเลข ๒๐๑ ก่อนถึงท่ีวา่ การ
อำ�เภอจัตุรัส ประมาณ ๗ กิโลเมตร มีลักษณะเป็นบึง
ธรรมชาติขนาดใหญ่เนื้อที่ ๑๖,๐๐๐ไร่ เป็นแหล่งน้ำ�ที่
อดุ มสมบรู ณด์ ว้ ยปลาน�ำ้ จดื หลายชนดิ เปน็ แหลง่ เพาะพนั ธป์ุ ลา
และมีสถานปี ระมงน้ำ�จดื เป็นหนว่ ยงานดูแล ในช่วงฤดูหนาว
จะมนี กเป็ดนำ�้ จำ�นวนนบั หม่นื ตัวมาหากนิ ในบงึ แห่งนี้

๘๘

เขือ่ นห้วยกุม่ (ศูนย์ศึ กษาธรรมชาติและสัตว์ป่ าห้วยกุม่ )

ต้ังอยูท่ ต่ี �ำ บลหนองโพนงาม อ�ำ เภอเกษตรสมบูรณ์ ห่างจากท้ายเขอ่ื นจฬุ าภรณ์ ประมาณ ๔๐ กิโลเมตร เปน็ เขอื่ นหนิ ทง้ิ แกนดินเหนียว
มคี วามสงู ๓๕.๕ เมตร ความยาว ๒๘๒ เมตร และกวา้ ง ๘ เมตร สามารถจนุ �ำ้ ได้ ๒๐ ลา้ นลกู บาศกเ์ มตร สรา้ งขน้ึ เพอ่ื รับน้ำ�จากเขื่อนจุฬาภรณ์
เก็บกักไว้ใช้ในการเกษตร และมีเครื่องกำ�เนิดไฟฟ้า ๑ เคร่ืองกำ�ลังผลิต ๑,๐๖๐ กิโลวัตต์ บรรยากาศรม่ รืน่ มศี าลาพกั ผอ่ นชมววิ ทีส่ วยงาม
ของเขอ่ื น

๘๙

ภูคิง้ เขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่ าภูเขียว

ภูคงิ้ เปน็ ยอดเขาทส่ี ูงทีส่ ุดอยู่ในบริเวณเทอื กเขาภูเขียว เขตอนุรักษ์พนั ธ์ุสัตวป์ า่ ภูเขียว มีลักษณะเปน็ ทุ่งหญ้า
มีความสูง ๑,๓๐๐ เมตร จากระดับน้ำ�ทะเลสูง เป็นอันดบั ท่ี ๕ ของยอดเขาในภาคอสี าน ตอนกลางคนื จะมีอากาศหนาวเย็น
ตลอดทัง้ ปี ทิศเหนอื เปน็ หน้าผาสูงชัน มลี านหินกว้างย่นื ออกมาจากหน้าผา เปน็ จดุ ชมวิวท่สี วยงามทส่ี ุด สามารถมองเห็น
เขอ่ื นห้วยกุ่ม ภกู ระดงึ ภผู ักขะ ภูนกแซว หากมองลงด้านลา่ งจะเห็นทุ่งนา ไร่สวน อา่ งเก็บน�ำ้ หม่บู ้านถนนหนทาง ผสม
กลมกลืนกับล�ำ นำ้�พรมใสไหลผา่ นคดเคีย้ วตามยอดเขา

๙๐

ดารดาษ นามนีม้ ีทีม่ า

นามน้ีมีทีม่ า ด้วยคุณคา่ ในท้องถน่ิ
ไดฟ้ งั ไดย้ ลยนิ ในแผ่นดนิ อยู่อาศัย

ช่ือบา้ นนามเมอื งในจงั หวดั ชยั ภมู ิ เปน็ หลกั ฐานสำ�คัญอย่างหนึง่
ท่ีบ่งบอกให้เหน็ ถึงเร่ืองราวของชมุ ชนตา่ ง ๆ รวมทัง้ กลมุ่ ผู้คนทอ่ี ยอู่ าศัยตาม
ที่ต่าง ๆ ที่มาของการตั้งช่ือบ้านชื่อเมืองในจังหวัดชัยภูมิมักจะเกี่ยวข้องกับ
ลักษณะทางภูมิศาสตร์ การดำ�เนินชีวิต การประกอบอาชีพ ประเพณี
และวัฒนธรรม เหตุการณส์ ำ�คญั รวมท้งั บุคคลอนั เป็นท่รี ักเคารพและศรทั ธา
เม่ือเวลาผ่านไปบ้านเมืองบางแห่งได้มีการเปลี่ยนแปลงชื่อตามสถานการณ์
ในช่วงเวลานั้น ๆ หนังสือเล่มนี้ได้รวบรวมชื่อบ้านนามเมืองที่น่าสนใจ
ของอ�ำ เภอต่าง ๆ ในจงั หวดั ชยั ภูมเิ พื่อใหผ้ อู้ า่ นไดเ้ ข้าใจวิถีชวี ิตของชาวชัยภมู ิ
ไดม้ ากข้นึ

๙๑

อำ�เภอเมืองชัยภูมิ

บา้ นเมอื งเก่า
ต�ำ บลในเมอื ง อำ�เภอเมอื งชยั ภูมิ

บา้ นเมอื งเกา่ ตง้ั อยู่ ในเขตเทศบาลเมอื งชยั ภมู ิ ทางดา้ นทศิ ตะวนั ออกของตวั เมอื ง โดยมบี รเิ วณตดิ ตอ่ กบั บา้ นหนองบวั และบา้ นปรางคก์ ู่ ปจั จบุ นั มกี ารรวม
บ้านเมืองเก่า บ้านหนองบัว และบ้านปรางค์กู่ เป็นชุมชนเมืองเก่า จากหลักฐานทางโบราณคดีที่อยู่ภายในวัดไพรีพินาศที่เป็นวัดกลางของชุมชนทำ�ให้
สันนิษฐานได้ว่า ชุมชนบ้านเมืองเก่ามีการตั้งถิ่นฐานมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลาย ต่อเนื่องมาสมัยทวารวดีและสมัยเขมร นอกจากนี้
ภายในวดั พบเสมาหนิ ทรายขนาดใหญ่ ดา้ นทศิ เหนอื ของวดั บรเิ วณเสมาหนิ ทรายจะมนี �ำ้ ซมึ ขน้ึ มาตลอดเวลาเปน็ บอ่ น�ำ้ ลอ้ มรอบเสมา สภาพของน�ำ้ ใสสะอาด
ปจั จุบนั ไดม้ ีการสร้างอาคารคลุมบรเิ วณบ่อนำ้� (สร้างเมอ่ื พ.ศ.๒๕๕๐) เปน็ บ่อน้ำ�ศักดสิ์ ิทธ์ขิ องเมืองชยั ภมู ิ น้ำ�จากบ่อนำ�้ ศักด์ิสิทธ์ิไดถ้ ูกน�ำ ไปรว่ มในราชพธิ ี
ที่สำ�คญั ๆ ในปี พ.ศ.๒๕๖๒ มีการตรวจสอบคณุ ภาพน้ำ�ของสำ�นักงานส่งิ แวดลอ้ มภาค ๑๑ จังหวดั นครราชสีมาพบว่าเป็นนำ�้ ท่ีมีคณุ ภาพดีเหมาะสมในการ
รว่ มพธิ อี ันสำ�คัญของบ้านเมอื ง บ่อน้ำ�ศักดิ์สิทธิ์นแี้ ละชผี ดุ ตน้ นำ้�ชี ที่ อ.หนองบัวแดง ได้รับการคัดเลือกใหเ้ ปน็ ๒ ใน ๑๐๗ แหลง่ น�ำ้ ที่ได้เข้าร่วมพธิ ีทำ�น้ำ�
ศกั ดสิ์ ทิ ธ์ิ ในพระราชพธิ บี รมราชาภิเษกของพระบาทสมเดจ็ พระวชริ เกล้าเจ้าอย่หู ัว รชั กาลที่ ๑๐ วดั ไพรพี ินาศยังเป็นท่ปี ระดษิ ฐานสง่ิ ศักดิส์ ิทธิ์ต่างๆของ
ชุมชน รวมทั้งรอยพระพทุ ธบาทจำ�ลองและอัฐิของหลวงปหู่ ลักคำ� พระเกจิชอื่ ดงั วัดไพรพี นิ าศและชาวชุมชนบ้านเมืองเกา่ เห็นถงึ ความส�ำ คญั ของโบราณ
วัตถุที่พบในพื้นที่ ทั้งในแง่ประวัติศาสตร์และความเชื่อจึงได้พยายามดูแลรักษาโบราณวัตถุเหล่านี้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีโบราณสถานปรางค์กู่
ตง้ั อย่ทู บ่ี ้านปรางค์ ในชมุ ชนแห่งนี้อกี ดว้ ย

ฐานขอ้ มลู แหลง่ โบราณคดที ส่ี �ำ คญั ในประเทศไทย
ศนู ยม์ านษุ ยวทิ ยาสริ นิ ธร (องคก์ ารมหาชน) www.sac.or.th

๙๒

บา้ นค่ายหมื่นแผว้
ตำ�บลบา้ นคา่ ย อ�ำ เภอเมืองชยั ภูมิ

บา้ นคา่ ยหมน่ื แผว้ ตง้ั อยทู่ ต่ี �ำ บลบา้ นคา่ ย อ�ำ เภอเมอื งชยั ภมู เิ รอื่ งราวความเปน็ มาของบา้ นคา่ ยอยู่ในชว่ งทเ่ี จา้ อนวุ งศเ์ วยี งจนั ทน์ จากประเทศลาว
ยกทัพเพ่อื ขยายดนิ แดนมายงั ภาคอสี านของไทย ได้มีการน�ำ กองทพั ชา้ งหลวงจากอยุธยามาปราบศกึ เจ้าอนวุ งศ์ พระยาภกั ดชี มุ พล(แล) เจ้าเมอื งชัยภูมิ
ในขณะนั้น ไดต้ ดั สินใจเลือกบรเิ วณน้ีเปน็ ที่ตงั้ ฐานทพั เป็นเมอื งหน้าดา่ น หรอื “ค่าย” ให้กบั เมอื งชัยภมู ิ เพื่อป้องกนั การรุกรานจากข้าศึก เนือ่ งจากเปน็
ทำ�เลที่เหมาะสม อุดมสมบูรณ์ไปด้วยแหล่งน้ำ� มีแม่น้ำ�ชีและป่าไม้สองฝั่งแม่น้ำ�ชี อีกทั้งชุมชนนี้ยังมีการจับช้างป่ามาไว้ใช้งานอีกด้วย โดยแต่งตั้งให้
“หมน่ื แผว้ ”(ยศต�ำ แหนง่ ในสมยั นน้ั ) ซง่ึ เปน็ ผนู้ �ำ หมบู่ า้ นเปน็ หวั หนา้ ทพั และท�ำ คนั ครู อบรมิ ฝง่ั แมน่ �ำ้ ชเี ปน็ ลกั ษณะคนั คสู งู ยาว ตามรมิ ฝง่ั แมน่ �ำ้ คลา้ ยก�ำ แพงดนิ
และใช้เป็นค่ายหรือป้อมเพื่อต่อสู้ข้าศึก อันเป็นที่มาของช่ือหมู่บ้าน “บ้านค่ายหม่ืนแผ้ว” ตามที่ตั้งและผู้นำ�หมู่บ้านตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ปัจจุบันบ้านค่าย
มีชอื่ เสียงในการฝกึ ช้างไวเ้ พ่อื การแสดง นำ�ชา้ งออกแสดงในงานตา่ ง ๆ ทั้งในจังหวัดชัยภมู แิ ละแหลง่ ทอ่ งเที่ยวหลายแหง่ ในประเทศ

บา้ นกุดโง้ง
ต�ำ บลบงุ่ คล้า อำ�เภอเมืองชยั ภมู ิ

บา้ นกดุ โงง้ ต้ังอยูบ่ ริเวณที่อุดมสมบูรณ์ มีกุด (ล�ำ นำ�้ สนั้ ๆ) ทม่ี ีลักษณะคดโคง้ ไปมา มีความคดโคง้ มาก มตี ้นไมข้ น้ึ เต็มไปหมด จงึ เรียกบา้ นวา่
“บ้านกุดโงง้ ” ตามลกั ษณะกดุ ทีพ่ บ มีสภาพพื้นท่ีอุดมสมบรู ณ์ และหว้ ยหนองคลองบงึ มากมาย บ้านกดุ โงง้ มีลักษณะเปน็ เกาะ มลี ำ�ห้วยล้อมรอบ ทศิ เหนือ
และทิศตะวนั ออกตดิ ลำ�ปะทาว ทิศใต้ติดลำ�หว้ ยกอก ทศิ ตะวนั ตกมีลำ�หว้ ยหลัว ดนิ แดนแหง่ นีส้ นั นิษฐานวา่ เป็นที่ต้ังของชนชาติลาวโบราณมาก่อนมีหลักฐาน
หลายอย่างปรากฏให้เห็นคือ ใบเสมาหินขนาดใหญ่เป็นจำ�นวนมากที่จารึกเรื่องราวต่างๆเอาไว้ รวมทั้งเศษอิฐ เศษกระเบื้อง และคูคลองล้อมรอบหมู่บ้าน
หมู่บ้านนี้เคยเป็นหมู่บ้านร้างอยู่ช่วงหนึ่ง อาจจะเนื่องจากในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานีนั้น เกิดสงครามอยู่เสมอ มีการกวาดต้อนผู้คนไปเป็นเชลย
ของตนเอง โดยเฉพาะผู้คนในภาคอีสานที่พูดลาว หรืออาจจะเป็นสาเหตุจากภัยสงครามจึงทำ�ให้ชาวบ้านอพยพหนีไปอยู่ที่อ่ืน ในเวลาต่อมาชนกลุ่มแรก
ซึ่งพ้ืนเพเดมิ อย่ทู ่ีบา้ นผือ ต�ำ บลกดุ ตุ้ม อ�ำ เภอเมอื งชยั ภมู ิ จังหวัดชัยภมู ิ ที่อพยพมาอยู่ ได้แก่ นายจันทร์ นายหลอด นางเทศ นายตา นางอนิ ทร์ นายหน่อ
นางสี นายขุนลาด นางบญุ มา หลงั จากน้ันมผี ู้คนอพยพมาอาศัยอยเู่ พิ่มมากขึน้ จนขยายเปน็ ชมุ ชนกว้างขนึ้ เรือ่ ยมา 

๙๓

อำ�เภอภูเขียว

บ้านธาตหุ นองสามหมื่น
ต�ำ บลหนองตมู อ�ำ เภอภูเขยี ว

บา้ นธาตหุ นองสามหมน่ื สนั นษิ ฐานวา่ ตง้ั ชอื่ ตามหนองสามหมน่ื เปน็ หนองน�ำ้ ใหญท่ อ่ี ย่ใู นบรเิ วณน้ี บรเิ วณนน้ี อกจากจะมคี วามอดุ มสมบรู ณข์ องทรพั ยากรน�ำ้
ดนิ และธรรมชาตแิ ลว้ ยงั มสี ถานทท่ี อ่ งเทย่ี วทางวฒั นธรรม มแี หลง่ โบราณคดี โบราณสถาน เชน่ เจดยี ์ พระธาตสุ ามหมน่ื คเู มอื งเกา่ ใบเสมาโบราณ เปน็ ตน้

บ้านโนนเสลา
ต�ำ บลหนองตมู อ�ำ เภอภเู ขียว

เมอื่ ประมาณ ๒๐๐ ปีก่อน มีพอ่ เฒา่ โอ พอ่ เฒ่าไกร และพอ่ เฒา่ มน่ั น�ำ ลกู หลานอพยพจากบ่งุ อีโต้เพื่อหาท่ีท�ำ กินเดนิ ทางจนมาพบทดี่ อนทม่ี ีไม้
“กะเลา” ขน้ึ อยู่รมิ น้ำ�ห้วยโจด พื้นที่มลี กั ษณะสมบรู ณม์ ากเหมาะต่อการต้งั ถน่ิ ฐานและเพาะปลกู จงึ ไดส้ ร้างบา้ นเรือนอยู่อาศยั ในบริเวณนี้ และเรียกว่า
“บา้ นโนนกะเลา” ในเวลาตอ่ มามคี นอพยพหนีภัยน�ำ้ ทว่ มจาก บ้านตมู ซึง่ อยูห่ ่างไปทางทศิ เหนอื ประมาณ ๒ กโิ ลเมตร และประกอบกับมีผู้คนอพยพหนี
เสือโคร่งจากบ้านน้อยโนนหนามแท่ง ทางทิศตะวันออก จึงทำ�ให้ขุมชนขยายตัวมากขึ้น เม่ือเวลาผ่านไปหลายชั่วอายุคน การเรียกช่ือหมู่บ้านจึงเพี้ยน
ไปจากเดิมเป็น “บ้านโนนเสลา”

ปัจจุบันบ้านโนนเสลาเป็นชุมชนใหญ่ มีประเพณีงานบุญที่เป็นที่น่าสนใจและเป็นที่รู้จักกันดีคือประเพณี “แห่นาคโหด” ซึ่งจัดเป็นประจำ�
ทกุ วนั ที่ ๒ พฤษภาคมของทกุ ปี

๙๔

อำ�เภอจัตุรัส

บ้านหนองพนั ก๊ก
ต�ำ บลหนองโดน อำ�เภอจัตรุ ัส

ในอดีตบา้ นหนองพนั ก๊ก เปน็ หมู่บ้านทอี่ ดุ มสมบรู ณม์ หี นองน้�ำ ขนาดใหญท่ ่ีเตม็ ไปดว้ ยสตั วป์ ่า เชน่ ชา้ ง มา้ เสือ และสัตว์อกี จำ�นวนมากท่ีออกมาหากนิ
บรเิ วณหนองน�้ำ แห่งนี้เป็นประจำ� ท�ำ ใหม้ นี ายพรานออกมาล่าสตั ว์ปา่ ซึง่ นายพรานทา่ นน้มี ีชื่อว่าพัน เปน็ นักลา่ ฝมี ือเกง่ ในหมู่บา้ น และลกั ษณะพ้นื ทีข่ อง
หมู่บ้านที่ตั้งอยู่นั่น ตั้งอยู่กันเป็นก๊ก ๆ ที่ห่างไกลกัน จึงเรียกว่าบ้านหนองพรานก๊ก และเกิดการกร่อนเสียงมาเร่ือย ๆ จนเกิดเป็นบ้านหนองพันก๊ก
จนถงึ ปจั จุบัน

บ้านทุ่งเสมียนตรา
ตำ�บลบ้านขาม อำ�เภอจัตุรัส

บา้ นทงุ่ เสมียนตรา มพี ้นื ท่ตี ิดตอ่ กับอำ�เภอบำ�เหน็จณรงคแ์ ละอำ�เภอจัตุรสั ในการเดินทางจากอำ�เภอจตั รุ ัสไปอ�ำ เภอบ�ำ เหน็จณรงคน์ น้ั จะใช้เกวยี น
ในการเดินทาง ซึ่งมีเสมียนตราที่จะต้องไปตรวจงานที่อำ�เภอบำ�เหน็จณรงค์ (เดิมชื่อบ้านชวน) ระหว่างทางกลับเสมียนตราได้เดินทางผ่านทุ่งกว้าง
และไดเ้ สียชีวิตลง จงึ เปน็ ชื่อบ้านทุ่งเสมียนตรา จนถงึ ปจั จุบนั

๙๕

อำ�เภอแก้งคร้อ

บ้านแกง้ คร้อ
ตำ�บลชอ่ งสามหมอ อ�ำ เภอแกง้ คร้อ

บา้ นแกง้ ครอ้ ในสมยั กอ่ นมลี �ำ หว้ ยไหลผา่ นหมบู่ า้ น ชาวบา้ นเรยี กวา่ “แกง้ ” หรอื “แกง่ ” และทบ่ี รเิ วณล�ำ หว้ ยมตี น้ ตะครอ้ ใหญ่ ผคู้ นเดนิ ทางผา่ นไปมา
กจ็ ะแวะพกั พงิ ใตร้ ม่ ตน้ ตะครอ้ จงึ ตง้ั ชอ่ื หมบู่ า้ นวา่ “บา้ นแกง้ ครอ้ ” จนถงึ ปจั จบุ นั

๙๖

อำ�เภอเกษตรสมบูรณ์

บา้ นบุ่งสิบส่ี

บ้านบงุ่ สบิ ส่ี ต้งั อยทู่ ี่ ต�ำ บลโนนทอง อำ�เภอเกษตรสมบูรณ์ จงั หวัดชยั ภมู ิ บริเวณท่ีตง้ั ของหมบู่ ้านมีบงุ่ (หนองนำ้�) ที่มคี วามลกึ ของน�ำ้ วัดได้ ๑๔ ศอก
จงึ ไดช้ อ่ื วา่ “บา้ นบงุ่ สบิ ส”่ี ดว้ ยความทต่ี ง้ั อยู่ใกลเ้ ขตรกั ษาพนั ธส์ุ ตั วป์ า่ ภเู ขยี ว และมลี �ำ น�ำ้ พรมไหลผา่ น จงึ มคี วามอดุ มสมบรู ณท์ างธรรมชาตอิ ยมู่ ากชาวบา้ น
ส่วนใหญ่ทำ�การเกษตร ทำ�สวนผลไม้ โดยเฉพาะส้มโอ นิยมปลูกมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็น ส้มโอพันธุ์ทองดี พันธุ์ขาวน้ำ�ผึ้ง และพันธุ์พื้นเมือง คือ แดงภูคิ้ง
มีเนื้อสีแดงฉ่ำ� รสชาติอร่อยแบบหวานอมเปรี้ยว ถือเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่มีที่ใดเหมือน หมู่บ้านนี้ได้รับการพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร โดยดึง
จุดเด่น ด้านวถิ ชี ีวติ วัฒนธรรม และวิวทวิ ทศั น์ที่สวยงาม ให้นกั ท่องเท่ียวไดเ้ ข้ามาซมึ ซับธรรมชาตพิ ร้อมกบั รว่ มกจิ กรรมวิถชี ีวติ ชาวบา้ น

อำ�เภอหนองบัวแดง ๙๗

บา้ นโหล่น ตำ�บลนางแดด อำ�เภอหนองบัวแดง จงั หวดั ชัยภมู ิ

ค�ำ วา่ “โหล่น” เป็นภาษาพ้นื เมอื งอสี านท่ีมีความหมายว่า เนินลาดเอียงลงไปตามไหล่เขา ซึง่ เปน็ ทำ�เลที่ต้ังของ
หมูบ่ ้านซ่ึงตงั้ อยู่บรเิ วณเนินข้างล�ำ น้�ำ ซี บรเิ วณนเ้ี ปน็ ทร่ี วมของล�ำ นำ�้ เลก็ ๆหลายสายทม่ี าจากชีผดุ ชดี ัน้ แล้วเกดิ เป็น
ลำ�น้ำ�ชี แม่น้ำ�สายที่ยาวที่สุดของประเทศไทย พื้นที่เต็มไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่ มีต้นยาง ต้นตะเคียน ประดู่ มะค่า
ปา่ ไผ่ ดงหวายและเถาวลั ยห์ นาทบึ มสี ตั วป์ า่ ชกุ ชมุ เชน่ ชา้ ง เกง้ กวาง หมี ลงิ คา่ งและชะนี รวมทง้ั สตั วป์ า่ ทด่ี รุ า้ ย
เช่นเสือโคร่ง เป็นต้น จากความอุดมสมบูรณ์ทำ�ให้นายพรานที่มาพบเห็นได้นำ�ไปเล่าสู่กันฟังปากต่อปาก
ทำ�ให้มีผู้อพยพเข้ามาอยู่ สร้างที่พักอาศัยดำ�รงชีวิตด้วยการปลูกข้าวไร่ เผือก มันและคอยล่าสัตว์เป็นอาหาร
ปัจจุบันบ้านโหล่นเป็นชุมชนขนาดใหญ่ มีผู้คนทั้งแวะเวียนไปเยี่ยมเยียนเสมอเนื่องจากเป็นหมู่บ้านต้นน้ำ�ชี
มีความอุดมสมบูรณ์ อากาศดี รวมทั้งเป็นแหล่งปลูกพืชเศรษฐกิจและผลไม้ เช่น มะม่วงน้ำ�ดอกไม้สีทอง
สง่ ออกต่างประเทศ

บ้านคอนสาร อ�ำ เภอคอนสาร อำ�เภอคอนสาร

คอนสารเป็นเมืองเกา่ แก่ต้งั แต่สมยั รัตนโกสนิ ทร์ตอนตน้ มีนายภมู ชี าวเมืองนครไทย เมืองพิษณุโลก ได้น�ำ พรรคพวกมาเทย่ี วป่า เห็นว่าบรเิ วณน้ี
มคี วามอดุ มสมบรู ณ์ จงึ ไดต้ ง้ั ถน่ิ ฐานเปน็ หวั หนา้ หมบู่ า้ นอยทู่ น่ี ่ี ตอ่ มาไดน้ �ำ ขผ้ี ง้ึ งาชา้ ง และดนิ ประสวิ เปน็ เครอื่ งราชบรรณาการทลู เกลา้ ฯถวายพระบาทสมเดจ็
พระพุทธยอดฟา้ จฬุ าโลก จึงไดร้ ับพระกรุณาโปรดเกล้าเปน็ “หมนื่ อรา่ มก�ำ แหง” มตี ำ�แหน่งเปน็ นายหมวด มีหนา้ ที่รกั ษาป่า ผึ้ง และ มูลค้างคาวในบรเิ วณน้ี
เนอ่ื งจากระยะทางจากกรงุ เทพมหานครถงึ บา้ นคอนสารไกลมาก พระราชสารตราตงั้ นนั้ ตอ้ งห่อผา้ แลว้ ใช้ไม้คอนมาจนถงึ หมู่บ้านท่ตี นอยู่ จงึ เรียกหม่บู ้านว่า
คอนสาร มาจนทุกวันนี้ ต่อมาหม่ืนอร่ามกำ�แหงได้เล่ือนยศเป็น “หลวงพิชิตสงคราม” เป็นเจ้าเมืองคอนสารคนแรก จนมีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง
เมอื งคอนสารจงึ ยบุ มาเปน็ ต�ำ บลหนง่ึ ของอ�ำ เภอภเู ขยี ว และไดแ้ ยกเปน็ กง่ิ อ�ำ เภอคอนสาร เมอ่ื พ.ศ. ๒๕๐๑ ไดย้ กฐานะเปน็ อ�ำ เภอคอนสาร เมอ่ื พ.ศ. ๒๕๐๓
ภาษาพดู ของชาวคอนสารแตกต่างจากภาษาอสี านท่วั ไป เน่อื งจากสำ�เนียงจะเหมอื นภาษาของชาวนครไทยและหล่มสกั เพราะบรรพบุรุษมาจากเมอื งพิษณุโลก
นัน่ เองคนท่วั ไปและชาวคอนสาร จงึ มกั เรียกตนเองว่า “ไทคอนสาร”

มีแหลง่ ทอ่ งเท่ียวท่สี วยงามและนา่ สนใจหลายแหง่ เช่น เขอ่ื นจฬุ าภรณ์ จุดชมววิ ปางมว่ ง สวนสัตวธ์ รรมชาติท่งุ กะมงั สถานเี พาะเลย้ี งสัตวป์ ่าภเู ขียว
ถำ้�สจั ธรรม นำ้�ผุดทพั ลาว เปน็ ตน้

ขอ้ มูลจาก ส�ำ นกั งานพัฒนาชมุ ชนอำ�เภอคอนสาร district.cdd.go.th
๙๘

บ้านทุ่งลุยลาย อ�ำ เภอคอนสาร

ที่มาของชอื่ “บา้ นทุ่งลุยลาย” มาจากบริเวณที่ตง้ั หมบู่ า้ นเป็นพื้นท่ีปา่ ทีม่ ีความอุดมสมบรู ณ์มาก มสี ัตว์ปา่ นานาชนดิ ผ้คู นมคี วามเป็นอยอู่ ย่างยากล�ำ บาก
โดยเฉพาะการคมนาคมที่ตอ้ งเดินทางดว้ ยเทา้ และจะมีไฟลามป่าเกิดข้นึ ในหนา้ แล้ง เมื่อเกิดไฟป่าผคู้ นจะตอ้ งเดนิ ลยุ ป่า ผลท่ตี ามมาคือทุกคนจะเกดิ แผลลายขึ้น
ตามตวั ตั้งช่ือหมบู่ า้ นว่า “บา้ นทุ่งลุยลาย” ตั้งแต่บดั นน้ั เป็นต้นมา

๙๙

อำ�เภอบ้านเขว้า

บ้านเขวา้ ตำ�บลบา้ นเขวา้ อ�ำ เภอบา้ นเขว้า จงั หวดั ชัยภูมิ

ในอดตี ที่ผา่ นมา เซียงสี เซยี งทอง เซยี งหวิงและ เซียงยอ้ ย ราษฎรจาก “บ้านข่าว” เขตอ�ำ เภอสคี วิ้ จงั หวดั นครราชสีมา ไดเ้ ดนิ ทางเพ่อื ลา่ สัตว์จนมาถงึ
บรเิ วณทีร่ าบลุ่มแม่น้ำ�ชี ทนี่ ่เี ต็มไปด้วยป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ เห็นวา่ บริเวณที่แห่งนเี้ หมาะสมท่ีจะตงั้ หลักปกั ฐานในการต้งั บ้านเรือนเป็นทอ่ี ยู่อาศัยจงึ ได้ชวนกนั อพยพ
โยกยา้ ยชกั ชวนญาตพิ น่ี อ้ งมาตง้ั รกรากถน่ิ ฐานบา้ นเรอื นบรเิ วณนเ้ี มอ่ื มผี คู้ นมาตง้ั รกรากมากขน้ึ จนกลายเปน็ หมบู่ า้ น แลว้ ตง้ั ชอื่ วา่ “บา้ นขา่ ว” เพอื่ เปน็ อนสุ รณ์ใหก้ บั
บรรพบุรุษ ๔ คนแรก ต่อมาประมาณปี พ.ศ. ๒๓๙๓ ทางราชการได้มีการสำ�รวจหมู่บ้านพบว่าหมู่บ้านแห่งนี้ชื่อ “บ้านข่าว” ตามคำ�พูดของชาวบ้าน
แต่ภาษาทางการทางภาคกลางทำ�ให้เรียกช่ือเพี้ยนไปและลงเป็นหลักฐานทางราชการว่า “บ้านเขว้า”อ่านออกเสียงว่า บ้านเขว้า (Ban Kwao) ไม่ใช่ เข-ว้า
ประชาชนโดยทั่วไปที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ ยังคงเรียกชื่อว่า “บ้านข่าว” ประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมและค้าขาย
โดยมีผลิตภัณฑ์ผา้ ไหมมดั หมี่เปน็ สินคา้ Otop ท่ีส�ำ คัญทสี่ รา้ งช่ือเสียงให้กับหมู่บา้ นและจังหวดั ชัยภมู ิ

๑๐๐


Click to View FlipBook Version