The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by chaiyaphumculture, 2021-10-28 23:53:07

เสน่ห์อิสานเล่าขานเมืองชัยภูมิ

Book11

อำ�เภอคอนสวรรค์

“นครกาหลง” ต้ังอยูท่ บ่ี ้านคอนสวรรค์ อ�ำ เภอคอนสวรรค์ จงั หวดั ชัยภูมิ สาเหตุท่ีได้ชอ่ื ว่าเมืองกาหลงนนั้ คือ เมือ่ พระยาขนุ หาญได้มาพบวา่ บรเิ วณนี้เป็น
แหลง่ เหมาะสมที่จะสร้างบา้ นแปงเมือง เพราะมหี ว้ ย หนอง คลองบึง จ�ำ นวนมาก เป็นทรี่ าบชายฝงั่ ลำ�นำ�้ ซี จงึ ได้ตดั สินใจสรา้ งบ้านเมืองท่ีนี่ เนื่องจากเป็นทที่ อ่ี ดุ ม
สมบูรณด์ ้วยพชื พนั ธุธ์ ัญญาหาร เมอ่ื นกกาที่บนิ ผา่ นมาจะหาอาหารกินจนเพลนิ จนลืมกลบั รัง เมอ่ื พระยาขุนหาญสรา้ งเมอื งเสร็จก็ได้ จดั สง่ สว่ ย เคร่ืองบรรณาการ
ไปใหเ้ มอื งแมเ่ ป็นนิจ สันนษิ ฐานว่าเป็นเมอื งสมยั ทวารวดี เพราะที่เมืองกาหลงนตี้ ัวหนงั สอื สมัยทวารวดี จารกึ ปรากฏอยู่บนแผ่นหินมากมาย และมีพระพทุ ธรูปท่ี
ชาวบา้ นเรยี กวา่ “พระใหญ”่ เปน็ พระพุทธรปู สมยั ทวารดีในดนิ แดนนอ้ี ีกด้วย

๑๐๑

อำ�เภอบำ�เหน็จณรงค์

เมืองบ�ำ เหน็จณรงค์ ตั้งอยทู่ ีบ่ ้านชวน ตำ�บลบ้านชวน

ภมู ปิ ระเทศแต่เดิมเป็นที่ราบลุ่ม ๑ ส่วน ท่ีสงู ปา่ ไมห้ นาทบึ ตดิ เทอื กเขาพงั เหย ๓ สว่ น มีสัตวป์ ่าชุกชุม มีพรานจากเมืองนครราชสมี า เข้ามาล่าสตั ว์พบ
หนองนำ้�ใหญ่ เนอ้ื ท่ปี ระมาณพนั ไร่ เรียกวา่ บงึ ชวน จึงชกั ชวนกนั มาตัง้ ถิน่ ฐานเป็นจำ�นวนมาก เรียกวา่ บ้านชวน เมื่อสมัยของพระบาทสมเด็จพระพทุ ธเลศิ หลา้
นภาลยั รชั กาลที่ ๒ ได้โปรดเกลา้ ฯตัง้ บา้ นชวนขึ้นเป็นด่าน เรียกวา่ “ดา่ นชวน” โดยมีขุนพลเมืองขุขันธ์มาเป็นนายดา่ น พ.ศ.๒๓๖๙ ซ่ึงขนุ พลด่านชวนเขา้ ร่วมกับ
พระยาปลัดเมืองนครราชสีมา คณุ หญิงโม(ทา้ วสุรนารี) และกองทัพหลวง ท�ำ การรบปราบปรามกบฏเจา้ อนุวงศเ์ วียงจนั ทน์ จนได้รบั ชัยชนะ พระบาทสมเดจ็ พระ
น่งั เกลา้ เจ้าอย่หู ัว จึงไดพ้ ระราชทานบ�ำ เหน็จความชอบให้ขุนพลดา่ นชวนเป็น “พระฤทธฦิ ๅชัย” และไดย้ กฐานะดา่ นชวนเปน็ “เมอื งบำ�เหน็จณรงค์” ซง่ึ มีความ
หมายวา่ รางวลั กล้าหาญการศกึ

๑๐๒

บา้ นทองคำ�พิง

ในอดีต ตามค�ำ เล่าขานของ ป่ยู ่า ตายาย บรรพบุรษุ ของบา้ นทองค�ำ พงิ
เล่าว่า มขี นุ พลนายหนงึ่ มีนามว่า “ขุนหาญ” และ “หลวงชาต”ิ ไดน้ �ำ ชาวบ้าน
จ�ำ นวนหนง่ึ อพยพมาตั้งถน่ิ ฐานบรเิ วณพนื้ ทีบ่ ้านทองค�ำ พิงในปัจจบุ ัน ซง่ึ ในอดตี
นน้ั เป็นพนื้ ท่แี ห้งแลง้ ขาดความอดุ มสมบรู ณ์ติดตอ่ กนั หลายปี ท�ำ ใหช้ าวบ้านอยู่
กันดว้ ยความยากล�ำ บาก ขาดแคลนน�้ำ อปุ โภค บริโภค ขุนหาญ และหลวงชาติ
จึงได้พาชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในบริเวณพื้นที่นั้น ช่วยกันลงไปขุดหาตาน้ำ�เพื่อ
ให้น้�ำ ซมึ ในลำ�หว้ ยค�ำ ปิงระหวา่ งที่ขุดไดพ้ บ “แผน่ ทองค�ำ ”พิงอยู่บรเิ วณฝ่ังของ
ลำ�หว้ ย ชาวบ้านจึงได้พยายามช่วยกนั หาวิธที ีจ่ ะน�ำ แผน่ ทองค�ำ ขึ้นจากล�ำ ห้วย
ระหวา่ งที่พยายามนัน้ กเ็ กิดเหตุการณฟ์ ้าร้อง ลมพาพดั แรง ฝนตกและมีน�้ำ ปา่
ไหลมาตามล�ำ หว้ ยท่วมแผน่ ทองค�ำ ชาวบ้านกต็ ่างพากนั หนตี ายข้ึนฝงั่

หลังจากนั้นชาวบ้านก็มีน้ำ�อุปโภค บริโภค และใช้ทำ�การเกษตรโดย
ไม่ขาดแคลน ทำ�ให้พื้นที่บริเวณลำ�ห้วยคำ�ปิง มีความอุดมสมบูรณ์จึงทำ�ให้มี
ประชากรอพยพมาอยเู่ พม่ิ มากขึ้น ชาวบา้ นจึงมีความเชื่อวา่ เทวดาช่วยบันดาล
ให้หมบู่ ้านมีความร่มเยน็ อุดมสมบรู ณ์ จงึ ได้ตงั้ ช่อื หมบู่ า้ นตามเหตกุ ารณท์ ีเ่ กดิ
ข้ึนในอดีตว่า “บ้านทองคำ�พงิ ”

หลวงพอ่ แสนฤทธ์ิ ประดษิ ฐานในมณฑปวัดทองค�ำ พงิ

๑๐๓

บ้านนายางกลัก ต�ำ บลนายางกลกั อำ�เภอเทพสถิต อำ�เภอเทพสถิต

ต�ำ บลนายางกลักตั้งอยู่ในเขตอ�ำ เภอเทพสถิต บ้านนายางกลกั เดิมเปน็ หมบู่ ้าน“ชาวดง”“ชาวาบน” หรือ “ญัฮกุร” เปน็ ชนเผา่ มอญโบราญอาศยั อย่ปู ระมาณ
๒๐ หลงั คาเรอื นไดม้ าอาศัยอยู่ ต่อมาราษฎรจากทตี่ า่ งๆอพยพเขา้ มาตั้งถิ่นฐานบา้ นเรือนรวมกนั อยูเ่ ปน็ กลุ่มมากขน้ึ จนเปน็ หม่บู ้านและต่อมาเป็นตำ�บลนายางกลกั
คำ�ว่า “บ้านนายางกลกั ” มีความหมาย ดังนค้ี ือคำ�วา่ “นา” หมายถึง ทงุ่ นาทางทิศตะวันตกของหม่บู า้ น

ค�ำ วา่ “ยาง” หมายถงึ ตน้ ยางสามตน้ ทม่ี ลี �ำ ตน้ ขนาดใหญเ่ กดิ บรเิ วณศาลาเจา้ พอ่ ขนุ พล ตดิ ล�ำ หว้ ยกระจวนค�ำ วา่ “กลกั ” หมายถงึ ตน้ กระเบากลกั คนสมยั กอ่ น
จึงน�ำ ทัง้ สามคำ�มาเรยี กรวมกันวา่ บา้ นนายางกลัก ซึ่งเปน็ ชือ่ ทม่ี คี วามหมายดมี าก บง่ บอกถงึ เอกลักษณ์ ของตำ�บลได้เป็นอยา่ งดี

๑๐๔

บ้านแทน่ ตำ�บลบ้านแท่น อ�ำ เภอบา้ นแท่น อำ�เภอบ้านแท่น

สนั นษิ ฐานว่าช่อื “บา้ นแทน่ ” ได้ช่ือมาจากพระแท่น ซึ่งเปน็ พระพุทธรปู คบู่ า้ นและมแี ทน่ เคารพอยูเ่ บอ้ื งหนา้ พระพุทธรปู พระแทน่ จะสรา้ งข้นึ เมื่อใดไมม่ ปี ระวัติ
พอท่ีจะคน้ ได้ ผู้สูงอายเุ ล่าวา่ บรเิ วณทพ่ี ระแทน่ ประดษิ ฐานอย่นู ้ี เปน็ ปา่ ไมห้ นา มีเถาวัลย์ปกคลมุ หนาทึบ ปู่ยา่ ตาทวดในสมยั นั้นนับถือว่าเป็นพระภูมเิ จา้ ท่ีศกั ดิ์สิทธิ์
พอถึงเดือน ๕ เดือน ๖ ทุก ๆ ปี จะพาลูกหลานนำ�น้ำ�อบน้ำ�หอมมาและบนบานศาลกล่าวขจัดปัดเป่าภยันอันตรายต่างๆ ทำ�ให้ประชาชนในหมู่บ้านอยู่เป็นสุข
เมื่อประมาณปี พ.ศ. ๒๔๗๓ ขนุ สาหร่าย เจ้าหนา้ ทีป่ ราบปรามจากอ�ำ เภอภเู ขยี วได้มาปราบปรามผู้ร้าย และตดิ ตามโจรซง่ึ หนีไปซ่อนตวั อยู่ในบริเวณทพี่ บพระแทน่
เห็นว่าพระแท่นซึง่ เปน็ วตั ถโุ บราณต้งั อยู่ในท่ีไมเ่ หมาะสม จงึ พาราษฎรยา้ ยพระแทน่ เขา้ ไปไว้ในวัดบลั ลังก์จงึ เกดิ อาเพศ เล่ากันวา่ สัตว์ป่า เก้ง กวาง ลงิ ลม ชะนี
วิ่งเข้ามาสู่หมู่บ้านประชาชนเกิดโรคระบาดจึงไปปรึกษาพระครูถาวรสีลวัฒน์ เจ้าคณะอำ�เภอภูเขียว แนะนำ�ว่าให้นำ�พระแท่นบัลลังก์กลับมาไว้ที่เดิม
ซงึ่ เปน็ ที่ประดิษฐานในปัจจบุ นั น่ี เหตอุ าเพศดงั กลา่ วจึงหายไป

๑๐๕

อำ�เภอหนองบัวระเหว

บา้ นหนองบวั ระเหว
เดิมชอ่ื วา่ “บา้ นหนองบัว” ตอ่ มาผูน้ ำ�ในหมู่บา้ นเหน็ ว่าชือ่ “บ้านหนองบวั ” มซี ำ�้ กนั อยหู่ ลายหมบู่ ้านดว้ ยกันเชน่ บ้านหนองบัวบาน บา้ นหนองบวั ใหญ่
จงึ ไดเ้ ปลี่ยนชื่อหมบู่ ้านเสยี ใหม่วา่ “บา้ นหนองบวั ระเหว” สาเหตุท่ตี ้ังช่อื วา่ หนองบวั ระเหว ตามท่ีคนเฒ่าคนแกเ่ ล่าลอื กนั ต่อมามอี ยู่ ๒ ประเดน็ ด้วยกันคอื

ประเด็นแรก ทหารได้เข้ามาส่องกล้องถางป่าเป็นทางเล็กๆ ลากเส้นกระแสวัดไปตามลำ�ห้วยที่ผ่านหมู่บ้าน (เรียกว่า เซอร์เวย์)
แต่ชาวบ้านเรียกว่า “ระเว” ซงึ่ หมายถึงการแทรก หรอื วดั และจงึ เรยี กล�ำ หว้ ยท่ีทหารเขา้ มาเซอรเ์ วย์วา่ “ระเว” ตอ่ มาหลายปเี ข้ามาจึงมเี สียงเรยี กเพ้ยี น
ไปเป็น “ห้วยระเหว” (Ra way)

ประเดน็ ที่สอง ลำ�ห้วยระเหวตง้ั ตน้ มาจากเขาสามพกั ไหลคู่กนั มากับลำ�หว้ ยส้มปอ่ ย มาทางทิศตะวันออกเรอ่ื ยมาตามล�ำ ดบั จนถงึ บา้ นวงั กุงในปัจจบุ ัน
ลำ�ห้วยเกิดไหลวกขึ้นทางทิศเหนือไปเสียดื้อๆ จนถึงลำ�ห้วยเชียงทา (ทางข้ามไปบ้านละหานค่ายเดิม) ชาวบ้านจึงเรียกช่ือลำ�ห้วยนี้ว่า “ห้วยไหลเว”
เพราะไหลหนีไปทางทิศเหนือ ต่อมาคำ�ว่าไหลเวเพี้ยนเป็น “ระเหว” ผู้เป็นหัวหน้าหมู่บ้านจึงให้เอาช่ือของลำ�ห้วยมาต่อท้ายช่ือหมู่บ้าน ละเปลี่ยนชื่อจาก
“บ้านหนองบัว” มาเปน็ “บา้ นหนองบัวระเหว” (Nongbua Raway)จนถึงปัจจบุ นั

ข้อมูลจาก วิกิพีเดยี http://th.m.wikipedia.org

บา้ นพนังเส่ือ
แต่เดมิ หมบู่ า้ นพนงั เสือ่ ชอื่ หมบู่ ้านหนองขาม บา้ นพนงั เสื่อมีที่มาจากชาวบา้ นไดพ้ บแผ่นหนิ ขนาดใหญ่ท่มี ลี ักษณะคลา้ ยกบั เส่อื วางเรยี งกันเป็นผืนเหมือนเป็น
พนงั กน้ั จึงได้ชอ่ื ว่า “บา้ นพนงั เสอ่ื ” ในปี พ.ศ. ๒๕๕๐ ได้ขดุ พบหนิ ลา้ นปีอยู่บริเวณขา้ งวดั ทางส�ำ นักงานเกษตรอำ�เภอได้น�ำ นักขา่ ว ชอ่ ง ๑๑ มาทำ�ข่าว ซึ่งหนิ ที่
พบดงั กลา่ วมอี ายปุ ระมาณ ๑๒๐ ลา้ นปี ตอ่ มาในปี พ.ศ. ๒๕๕๙ นายถนอม หลวงนนั ท์ ขณะนน้ั เปน็ ผชู้ ว่ ยผู้ใหญบ่ า้ น ได้ไปหาปลาบรเิ วณสระน�ำ้ สาธารณะบา้ นพนงั เสอื่
แล้วได้ไปพบก้อนหินทีม่ ลี ักษณะคลา้ ยกระดูกจำ�นวนหลายช้นิ จึงได้แจ้งใหน้ ายอำ�เภอหนองบัวระเหวทราบ เพือ่ ประสานงานไปยังกรมทรัพยากรธรณีให้มาตรวจ
สอบกระดูกที่พบดังกล่าว ปรากฏว่ากระดูกที่พบนั้น เป็นกระดูกในส่วนเชิงกรานและกระดูกต้นขาของไดโนเสาร์กินพืช ซึ่งน่าจะมีความยาวจากหัวถึงหาง
ประมาณ ๑๘-๒๐ เมตร

๑๐๖

อำ�เภอภักดีชุมพล

บ้านเจยี ง หม่ทู ี่ 1 ตำ�บลบ้านเจยี ง

ตั้งอยูท่ เ่ี ชงิ เขาทางด้านทิศตะวันออกของเทือกเขาพญาฝอ่ ต้นคลองลำ�เสียง(ปจั จุบันคอื ตน้
ลำ�น�ำ้ เจยี ง) เหตทุ เ่ี รียกวา่ ตน้ นำ�้ เสยี งเพราะตน้ ทางน้ำ�จะอย่ทู างทศิ ตะวันตกเฉียงเหนือนำ้�จะไหล
ไปทางทศิ ตะวันออกเฉียงใต้ไปจดกบั ล�ำ น้ำ�เจา จึงเรียกเพ้ียนเป็นลำ�น้ำ�เจียง จากตน้ นำ�้ ไหลมาตาม
เชิงเขาทางทิศใต้ มีคำ�ล�ำ่ ลือว่าบริเวณนม้ี ที องคำ�อย่เู ปน็ จ�ำ นวนมาก
เมื่อประมาณปี พ.ศ.๒๒๙๔ (๒๗๐ปี) เป็นช่วงที่อยู่ระหว่างสร้างกรุงธนบุรี หรือเมืองบางกอก
ทางการจากได้สั่งการออกสำ�รวจจำ�นวนประชาชนในแต่ละท้องที่ เพื่อเกณฑ์ประชากรเข้าร่วม
สร้างกรุงใหม่ ถ้าใครไม่ไปก็จะต้องส่งส่วยหรือค่ารายหัวเป็นทองคำ�เพื่อเป็นทุนในการสร้างกรุง
ใหม่ดังที่กล่าวดังนั้นผู้คนจึงออกแสวงหาทองคำ�กันในบริเวณนี้ เม่ือหาทองคำ�ได้แล้วจึงนำ�ไปให้
ทางการตรวจสอบ ปรากฎว่าเป็นทองค�ำ จริงตามที่เขาตอ้ งการ ดังนน้ั จงึ มผี ูค้ นจำ�นวนมากหลั่งไหล
มาขุดทอง เพือ่ เปน็ ค่าหวั ตามทร่ี ะบุไว้ขา้ งตน้ จ�ำ นวนทองท่ขี ดุ และรอ่ นโดยธรรมชาติลดจ�ำ นวนลง
ทำ�ใหผ้ ทู้ ี่มาชา้ ตอ้ งใช้เวลานานในการขดุ คน้ ดังนนั้ จึงจ�ำ เป็นต้องหาท่ีพกั และเสบยี งอาหารทร่ี ่อย
หรอลง จากการส�ำ รวจพบวา่ ท่คี ลองเจยี ง(คลองเสียง) เป็นแหล่งทอี่ ุดมสมบรู ณ์ ท้ังพชื ผกั และ
สัตวน์ �ำ้ ทมี่ อี ยู่มาก จึงเลอื กทำ�เลทพี่ ักท่ีปากคลองซับพืน้ ไหลตกนำ้�เจยี งเป็นที่พกั ช่วั คราว มกี าร
ปลูกขา้ วไร่และยาสบู ซึ่งถอื ว่าเป็นสิ่งจำ�เป็นในยุคสมยั น้นั เม่ือมเี สบยี งอาหารเพยี งพอ กอ็ อกขุด
หาทองอีกโดยเฉพาะวดั ถำ�้ แสงเทยี นในปจั จบุ ันเปน็ แหล่งทมี่ ีทองค�ำ มากทส่ี ุดประกอบกับบนเทอื ก
เขามถี ้ำ�(ถ�้ำ พระ)ที่สามารถเปน็ ที่พักและปอ้ งกันอนั ตรายจากสัตวร์ า้ ยได้ จึงมีการขุดที่เปน็ บริเวณ
กวา้ ง กลายเป็นหมู่บา้ นเรียกว่า “บา้ นเจยี งทอง” ตอ่ มาทองหาได้ยากขนึ้ ชาวบ้านจงึ หาเลยี้ งชพี
ด้วยการเป็นเกษตรกร ทำ�นา ท�ำ ไร่ ปลกู มัน ปลกู ข้าวโพด พริก หอมกระเทยี ม
ภาษาพดู จะมลี ักษณะเฉพาะตัวคอื “ไทยเดง้ิ ” สาเหตุมาจากแหล่งรวมชุมชนจากหลายท้องที่

๑๐๗

๑๐๘

เมืองชัยภูมิในอนาคต

จังหวดั ชยั ภมู ิไดม้ กี ารพฒั นาเป็นล�ำ ดับอย่างตอ่ เนอ่ื ง จากการเปลย่ี นแปลงทางสังคม
ในโลกยุคใหม่จึงมคี วามจ�ำ เป็นจะตอ้ งก�ำ หนดวางแผน อนาคตของจังหวดั ชยั ภมู เิ พ่อื เปน็ แนวทางการ
พัฒนาให้สอดคล้องกับบริบทของการเปลี่ยนแปลงในด้านต่างๆ จากการประชุมหารือทุกภาคส่วน
ในจงั หวดั ชยั ภมู ิ ไดม้ ขี อ้ คดิ เหน็ ในการก�ำ หนดประเดน็ การพฒั นาจงั หวดั ชยั ภมู ิ ๔ ดา้ น ใน ๒๐ ปขี า้ งหนา้
(พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๘๔) ดงั นี้

เมืองสีเขียวแห่งความสุข
เมืองอาหารปลอดภยั
เมอื งแหง่ การท่องเทยี่ ว
เมอื งแห่งการเชือ่ มโยงภูมิภาค

๑๐๙

เมืองสีเขียวแหง่ ความสุข

๑๑๐

เมืองสีเขียวแหง่ ความสุข

การขับเคลือ่ นการพฒั นาให้เกิดเมอื งสเี ขียวแห่งความสขุ มีแนวทางการด�ำ เนินการใหเ้ กิดผล ดงั นี้
๑. ประชาชนมคี วามสขุ พึ่งพาตนเองได้ ลดความเหล่ือมลำ้�และการสรา้ งอาชีพ ส่งเสรมิ ให้ประชาชนมีความรู้ในดา้ นตา่ งๆ ทส่ี อดคล้อง
กับสภาวการณ์ในปัจจุบัน เพ่ือให้เกิดการสร้างรายได้ลดรายจ่ายและขยายโอกาสภายใต้ศักยภาพของพื้นที่ และน้อมนำ�หลักปรัชญา
เศรษฐกิจพอเพยี งมาปรับใช้ในชวี ิตประจ�ำ วัน
๒. พัฒนาระบบสาธารณสขุ และสร้างเครือขา่ ยสุขภาพใหเ้ ข้มแข็ง สง่ เสรมิ การสร้างเครอื ขา่ ยหน่วยบริการสขุ ภาพท้ังในระดับปฐมภูมทิ ตุ ิยภมู ิ
และตตยิ ภมู ใิ หค้ รอบคลมุ ทกุ พน้ื ท่ีในจงั หวดั เปน็ การยกระดบั ความมน่ั คงดา้ นสขุ ภาพ สามารถตอบโตภ้ าวะฉกุ เฉนิ ไดท้ กุ ภยั รวมถงึ โรคอบุ ตั ใิ หม่
อย่างรวดเรว็ เป็นระบบ มีความเปน็ เอกภาพและประสิทธภิ าพ
๓. เมืองที่มีอัตลักษณ์ เป็นเมืองที่มีลักษณะเฉพาะของตนเอง โดยเฉพาะด้านวัฒนธรรม ประเพณีที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน
เช่น ประเพณีแห่นาคโหด เป็นการทดสอบความอดทนและความตั้งใจของนาคที่อยู่บนแคร่ที่จะบวชทดแทนคุณบิดามารดา
ซึง่ ไม่มีปรากฏในที่ใด จงึ ถอื เป็นส่งิ เดยี วในโลก ทมี่ อี ยู่ในจังหวดั ชัยภมู ิจนถึงปัจจบุ นั
๔. พัฒนาคุณภาพทรัพยากรมนุษย์ เป็นคนดีมีคุณธรรรมยกระดับการพัฒนาศักยภาพของคนทุกช่วงวัย ทุกกลุ่มให้มีความรู้ ความสามารถ
เพมิ่ มากขนึ้ พร้อมสง่ เสริมคณุ ธรรมเพ่ือใหเ้ ป็นทัง้ คนเก่งและคนดีเพื่อเปน็ พลงั ในการขับเคลื่อนการพัฒนาจังหวดั
๕. มีระบบดูแลผู้สูงอายุที่เป็นมาตรฐานสากล ปัจจุบันไทยได้เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแล้ว จังหวัดชัยภูมิต้องจัดระบบบริการผู้สูงอายุ
โดยใชก้ ลไกจากทุกภาคสว่ นเพือ่ ดูแลผูส้ งู อายุ ได้อยา่ งทั่วถงึ และมีคณุ ภาพ
๖. การจัดการที่ดินเพื่อประชาชน การจัดที่ดินมีเจตนารมณ์เพื่อช่วยเหลือประชาชนให้มีที่ดินเพื่ออยู่อาศัยและประกอบการเลี้ยงชีพ
เป็นการพฒั นารายได้และคณุ ภาพชวี ิต สามารถนำ�หนงั สือ/เอกสารให้ใช้ท่ดี ินท่ีได้รบั จากรัฐไปใชเ้ ป็นหลักประกันเพอ่ื ใหเ้ ขา้ ถึงแหลง่ ทุนส�ำ หรบั
การประกอบอาชีพ สร้างรายได้และใชท้ ด่ี นิ ใหเ้ กดิ ประโยชน์สงู สดุ
๗. เมืองที่ใช้พลังงานสะอาดส่งเสริมการใช้พลังงานที่ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม หรือเกิดมลภาวะที่เป็นพิษโดยส่งเสริมการใช้ไฟฟ้า
ด้วยพลงั งานแสงอาทติ ย์ พลงั งานลม พลังงานจากชวี มวลและพลงั งานจากน�้ำ
๘. ความปลอดภัยในชวี ติ และทรพั ย์สิน พัฒนาประสทิ ธิภาพการปฏบิ ตั งิ านปอ้ งกนั และปราบปรามอาชญากรรมตา่ งๆ อย่างต่อเน่ืองพฒั นาระบบ
การรับแจ้งเหตุ/การเขา้ ถงึ ที่เกดิ เหตอุ ย่างรวดเร็ว สร้างเครอื ขา่ ยชุมชนให้เขม้ แข็ง รวมทั้งน�ำ ระบบเทคโนโลยีมาใช้ในการปฏิบัติงาน
๙. การจัดการสิ่งแวดล้อมลักษณะของจังหวัดชัยภูมิจะเป็นพื้นที่ป่าและมีความอุดมสมบูรณ์ จึงประสบกับปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่า ตัดไม้
ไฟป่า ซึ่งต้องสร้างจิตสำ�นึกให้เกิดกับประชาชน และสร้างเครือข่ายชุมชนให้เข้มแข็งประกอบกับปัจจุบัน จังหวัดชัยภูมิ เริ่มเป็นเมืองขยาย
จงึ ต้องจัดการขยะมูลฝอยและนำ้�เสยี ให้เปน็ ระบบทั้งในเขตชมุ ชนและนอกชมุ ชน ๑๑๑

๑๑๒

เมืองอาหารปลอดภัย

แนวทางพัฒนาจังหวดั ชัยภมู ิ เพอ่ื ให้เปน็ เมอื งอาหารปลอดภยั ประกอบดว้ ย
๑. มี Zoning การผลิตที่เกื้อหนุนซึ่งกันและกัน การกำ�หนด Zoning ทางเกษตรเป็นกลยุทธ์หนึ่งในการใช้ที่ดินเพ่ือการเกษตรให้มี

ประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด จะทำ�ให้เกิดการวางแผนการปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์แต่ละประเภทให้เหมาะสมกับศักยภาพ
การจัดระบบการกระจายน�้ำ ไดอ้ ยา่ งทว่ั ถงึ และเพียงพอกบั ความต้องการซ่งึ จะเปน็ การลดตน้ ทนุ ของเกษตรกรไดอ้ ีกทางหนึง่
๒. มีการพัฒนาระบบชลประทานและแหล่งน้ำ�ขนาดเล็กทั้งพื้นที่จังหวัดชัยภูมิจำ�เป็นจะต้องพัฒนาแหล่งน้ำ� เพื่อเก็บกักน้ำ�
จึงจะเพียงพอกับความต้องการของทุกภาคส่วนโดยพัฒนาแหล่งน้ำ�ขนาดเล็กและพัฒนาพื้นที่ชลประทานต่างๆ
อาทิ การพฒั นาโครงขา่ ยน�ำ้ การพฒั นาระบบสง่ น�ำ้ และการระบบระบายน�ำ้ /บรรเทาอทุ กภยั เพอ่ื เปน็ การใชท้ รพั ยากรน�ำ้ ไดอ้ ยา่ งยง่ั ยนื
๓. ใช้นวัตกรรมเพื่อพัฒนาด้านการเกษตร นวัตกรรมเกษตรและปศุสัตว์เป็นเครื่องมือสำ�คัญในการสร้างมูลค่าสินค้าครบวงจร
ตั้งแต่การผลิตจนถึงการตลาด ตลอดจนการวิจัยเพื่อให้ได้พันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ที่เหมาะสมกับพื้นที่ การส่งเสริมให้เกษตรกร
นำ�นวัตกรรมมาใช้ในกระบวนการเพื่อให้เกดิ การพัฒนา จะทำ�ให้เกดิ ความค้มุ คา่ และเป็นประโยชนส์ ูงสดุ
๔. ส่งเสริมเกษตรอินทรีย์ ในทุกสาขาส่งเสริมและพัฒนาเกษตรอินทรีย์ให้เข้าสู่มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ในระดับต่างๆ ตลอดจนการ
แปรรปู เพ่ือเพม่ิ มลู คา่ สินคา้ เกษตรอนิ ทรียแ์ ละการพัฒนาช่องทางการจำ�หน่ายใหก้ ว้างขวางย่งิ ขึ้น
๕. ส่งเสริมอุตสาหกรรมสีเขียว ส่งเสริมให้ภาคอุตสาหกรรมสามารถอยู่ร่วมกับชุมชนได้ โดยมีมาตรการสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมใน
การปรับเปลี่ยนวิธีการผลิตให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพ่ือลดภาระต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น โดยการควบคุมจำ�นวนโรงงานอุตสาหกรรมหรือ
ปรมิ าณมลพิษทีเ่ ปน็ ไปตามมาตรฐานทางดา้ นสง่ิ แวดลอ้ ม รวมทั้งส่งเสริมการทำ�เกษตรกรรมยง่ั ยืน โดยเฉพาะการลดการใชส้ ารเคมี
ในภาคเกษตรและสนบั สนนุ เกษตรอินทรยี เ์ พ่อื สร้างความปลอดภัยดา้ นอาหาร ลดต้นทนุ การผลิตและลดผลกระทบตอ่ ส่ิงแวดลอ้ ม
๖. การแปรรูปสินค้าเกษตรมูลค่าสูง ส่งเสริมให้มีการแปรรูปสินค้าเกษตรโดยการนำ�ผลผลิตทางการเกษตร มาพิจารณาลักษณะพิเศษ
หรอื จดุ เดน่ เพม่ิ เตมิ เพอ่ื ใหต้ รงตามความตอ้ งการของผบู้ ริโภคมากข้นึ ทงั้ สนิ ค้าที่เป็นอาหารและไม่ใช่อาหารนอกจากการปรับปรงุ เพิ่ม
มูลค่าผลิตภัณฑ์โดยตรงแล้ว ยังมีการส่งเสริมให้มีการสร้างแบรนด์ (Branding) หรือการสร้างภาพลักษณ์ของสินค้า เป็นการทำ�ให้
ตลาดร้จู ักสนิ คา้ ของผู้ผลติ รวมทัง้ การพฒั นาบรรจภุ ณั ฑท์ ี่โดดเดน่ เพิม่ มลู ค่าใหส้ ินค้าดว้ ยบรรจภุ ณั ฑ์ สามารถเพ่มิ มูลคา่ สนิ คา้ เกษตรไป
สอู่ ตุ สาหกรรมอาหารรวมถงึ พัฒนาคุณภาพและมาตรฐานความปลอดภยั ดา้ นอาหาร

๑๑๓

๑๑๔

เมืองแหง่ การท่องเทีย่ ว

ขบั เคล่ือนชัยภมู ใิ หเ้ ปน็ เมืองท่องเทีย่ ว โดยมแี นวทางการด�ำ เนนิ การ ดงั นี้
๑. เพมิ่ พืน้ ทีส่ ีเขยี ว เน้นการสร้างจิตสำ�นึกและพฒั นาจิตสาธารณะในการดูแลและเพมิ่ พื้นท่ีสเี ขยี วแก่ทุกภาคสว่ นของสงั คม
๒. พัฒนาสิ่งอำ�นวยความสะดวก/โครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยว การพัฒนาสิ่งอำ�นวยความสะดวกและโครงสร้าง

พื้นฐานด้านการท่องเที่ยวให้เป็นมาตรฐานสากล ประกอบด้วย การปรับปรุงแหล่งท่องเที่ยว ที่พักแรม อาหาร
การปรับปรุงคุณภาพการบริการในยานพาหนะระหว่างการเดินทาง การบริการนำ�เที่ยวและมัคคุเทศก์ สินค้าที่ระลึก
สิ่งแวดล้อมให้เกิดความเป็นระเบียบสวยงาม ตลอดจนการให้ความสำ�คัญในการดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว
รวมทง้ั ใหป้ ระชาชนในพน้ื ทม่ี สี ว่ นรว่ มและเปน็ เจา้ บา้ นทด่ี ตี อ่ นกั ทอ่ งเทย่ี ว สรา้ งความประทบั ใจใหเ้ ดนิ ทางมาเยอื นจงั หวดั ชยั ภมู ิ
อกี เป็นการสรา้ งรายได้จากอตุ สาหกรรมท่องเท่ียวมากยงิ่ ขน้ึ
๓. เมืองแห่งภูมิปัญญาท้องถิ่น ภูมิปัญญาท้องถิ่นเป็นพื้นฐานสำ�คัญในการพัฒนาสังคม เศรษฐกิจและชุมชนให้มีความยั่งยืน
ซง่ึ ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ จะสามารถท�ำ ใหช้ มุ ชนพง่ึ พาตนเองได้ สรา้ งความสมดลุ ระหวา่ งคนกบั สงั คมและธรรมชาตไิ ดอ้ ยา่ งยง่ั ยนื
ทนั ต่อความเปลย่ี นแปลงของสังคมโลก
๔. เมือง Geo Park จากศกั ยภาพของจงั หวัดชัยภูมิท่ีโดดเดน่ ในด้านลกั ษณะทางธรณวี ทิ ยา ท่ีเป็นรอยตอ่ เปลย่ี นผ่านจากทะเล
สู่แผ่นดิน โดยเฉพาะจังหวัดชัยภูมิเป็นแห่งเดียวของประเทศไทยที่พบซากดึกดำ�บรรพ์ครบทั้ง ๓ มหายุค
ได้แก่ มหายุคพาลีโอโซอิก (สัตว์ทะเลโบราณ ๒๙๘ - ๒๕๙.๑ ล้านปี) มหายุคมีโซโซอิก (มูลปลาโบราณ ๒๒๐ ล้านปี)
มหายคุ ซีโนโซอกิ (แพนดา้ ยกั ษแ์ ละสตั วร์ ว่ มสมยั หลายชนดิ อายุ ๒ แสนป)ี ในเขตพน้ื ท่ี ๘ อ�ำ เภอ ไดแ้ ก่ อ�ำ เภอเมอื งชยั ภมู ิ
คอนสาร หนองบวั แดง ภกั ดชี มุ พล เกษตรสมบรู ณ์ หนองบวั ระเหว เทพสถติ และบา้ นเขวา้ โดยจะมกี ารจดั ตง้ั “ชยั ภมู จิ ีโอพารค์ ”
(Chaiyaphum Geopark) เพือ่ เปน็ การพัฒนาพน้ื ที่ให้เกดิ ความยง่ั ยืนและเป็นประโยชนต์ ่อพ้นื ถิน่ ให้มากทส่ี ุด

๑๑๕

๕. พฒั นาแหล่งทอ่ งเท่ยี ววถิ ีธรรมชาติ แหลง่ ท่องเทีย่ วเชงิ เกษตร แหล่งอารยธรรมประวัติศาสตร์ และแหล่งทอ่ งเท่ยี ว
ที่มนุษย์สร้างขึ้น (Man-made attraction) จังหวัดชัยภูมิมีแหล่งท่องเที่ยวมากมาย อาทิ ท่องเที่ยววิถีธรรมชาติ
ท่องเทย่ี วเชิงเกษตร แหล่งอารยธรรมประวัตศิ าสตร์ และแหลง่ ทอ่ งเทยี่ วทีม่ นษุ ยส์ รา้ งข้นึ การพฒั นาแหลง่ ทอ่ งเทยี่ ว
จงั หวดั ชัยภูมิจะมงุ่ เนน้ ให้ไดม้ าตรฐานพรอ้ มกบั สร้างคนชัยภูมิใหเ้ ปน็ มคั คุเทศกท์ ่ีดปี ระจำ�ท้องถนิ่

๖. ยกระดบั สนิ คา้ ชมุ ชนใหม้ อี ตั ลกั ษณข์ องจงั หวดั และธรุ กจิ ตอ่ เนอ่ื งดา้ นการทอ่ งเทย่ี ว ยกระดบั สนิ คา้ ชมุ ชนใหม้ อี ตั ลกั ษณ์
ของจงั หวดั ชัยภมู ิ บนฐานอัตลกั ษณ์ชุมชน เพมิ่ มลู ค่าของสินคา้ ทางการเกษตร ด้วยองค์ความรแู้ ละนวัตกรรมเทคโนโลยี
ต่างๆ พฒั นาสินคา้ และบรกิ าร ให้ไดค้ ุณภาพและมาตรฐานตามความต้องการของตลาดเพอื่ ให้คนในพน้ื ทม่ี รี ายไดเ้ พิม่ ขน้ึ
อย่างยั่งยืน สร้างมูลค่าเพิ่มของผลิตภัณฑ์สร้างแบรนด์ (Branding) หรือสร้างภาพลักษณ์ของสินค้า เพื่อให้ตลาดรู้จัก
สินคา้ ของผู้ผลติ รวมถงึ การพัฒนาการบรรจภุ ัณฑ์สินค้าใหม้ คี วามโดดเด่น

๗. เมอื งพ�ำ นกั ระยะยาว (Long Stay) และการทอ่ งเทย่ี ววถิ ธี รรมชาติ การพ�ำ นกั ระยะยาว เปน็ อกี หนง่ึ ปจั จยั ทจ่ี ะชว่ ยสง่ เสรมิ
เศรษฐกจิ การทอ่ งเทย่ี วของประเทศและจงั หวดั ชยั ภมู ใิ หด้ ขี น้ึ เนอ่ื งจากการพ�ำ นกั ระยะยาวจะท�ำ ใหเ้ กดิ การใชจ้ า่ ยในดา้ นตา่ งๆ
การใชช้ วี ติ ประจ�ำ วนั ของนกั ทอ่ งเทย่ี วยอ่ มเปน็ การกระจายรายได้ใหก้ บั หลายอาชพี จงั หวดั ชยั ภมู เิ ตรยี มการส�ำ หรบั การเปน็
เมืองพ�ำ นกั ระยะยาวเพอ่ื การสร้างความเชอื่ มั่นใหก้ บั นักทอ่ งเทยี่ ว และเพม่ิ รายได้ทางการทอ่ งเที่ยวให้กับจังหวดั

๘. การตลาดสมยั ใหม่ ตลาดสมยั ใหมห่ รือการตลาด ๔.๐ เป็นการตลาดในยุคดิจิทัลซง่ึ เทคโนโลยที �ำ ใหเ้ กดิ ความสะดวกสบาย
และความเชอ่ื มโยงมากขน้ึ สามารถเปลย่ี นพฤตกิ รรมผบู้ รโิ ภคไดอ้ ยา่ งสน้ิ เชงิ โดยผบู้ รโิ ภคสามารถเขา้ ถงึ สนิ คา้ และบรกิ าร
รวมถงึ ขอ้ มลู สนิ คา้ ตา่ งๆ ไดต้ ลอดเวลา ผปู้ ระกอบการสามารถขายสนิ คา้ หรอื เขา้ ถงึ ตลาดไดง้ า่ ยมากขน้ึ การพฒั นาผปู้ ระกอบ
การดา้ นตา่ งๆ เรอื่ งการตลาดสมยั ใหม่ ทง้ั ภาคการเกษตร ทอ่ งเทย่ี ว อตุ สาหกรรมจะท�ำ ใหเ้ กดิ ประโยชนต์ อ่ การพฒั นาจงั หวดั

๑๑๖

๑๑๗

เมืองแหง่ การเชือ่ มโยงภูมิภาค

จงั หวัดชยั ภมู ิ เป็นจงั หวัดที่อยู่ใกลก้ ับจงั หวัดเมอื งหลกั จงึ เป็นโอกาสทจี่ ะพฒั นาเมอื งให้เหมาะสมกบั ท�ำ เลทตี่ งั้ รองรับการขยายตัวเมอื งและพัฒนาเมอื งใหเ้ ปน็
จดุ เช่อื มตอ่ ระหว่างภาคกลาง ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือและภาคเหนือ โดยมแี นวทางด�ำ เนินการ ดังน้ี
๑. มรี ะบบขนสง่ สาธารณะ ทีม่ ีประสิทธิภาพพฒั นาระบบขนสง่ สาธารณะทีม่ ีประสทิ ธิภาพ มีคณุ ภาพและมีจ�ำ นวนท่เี พียงพอตอ่ ความตอ้ งการของประชาชนสามารถ

รองรับนักท่องเที่ยวได้ มีการนำ�เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาประยุกต์ใช้สามารถให้ข้อมูลการบริการต่างๆ แบบ real time ทำ�ให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวสามารถ
วางแผนการเดนิ ทางได้ล่วงหนา้ ส่งผลใหก้ ารเดินทางสะดวกสบาย ประหยัดเวลาการรอคอย เป็นประโยชน์กบั ทกุ ภาคสว่ น
๒. มกี ารพัฒนาตามระบบผังเมอื ง จงั หวัดชัยภูมจิ ะด�ำ เนินการจัดท�ำ และปรับปรงุ ผงั เมืองรวมเพ่ือช้ีนำ�การพฒั นาพ้ืนท่ีรายสาขาและโครงการพฒั นาตา่ งๆ โดยการมี
ส่วนร่วมของทุกภาคส่วนและกระจายลงพื้นที่ในทุกอำ�เภอ สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง สอดรับกับนโยบายการพัฒนาประเทศและโครงการลงทุน
ลดอปุ สรรคการใชพ้ น้ื ทร่ี ะหวา่ งการวางผงั เมอื งกบั การพฒั นาอตุ สาหกรรม ตลอดจนบรู ณาการขอ้ มลู โครงการพฒั นาพน้ื ทเ่ี พอ่ื รองรบั การลงทนุ กบั การวางผงั เมอื งทกุ ระดบั
๓. โครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม/โลจิสติกส์ เช่ือมโยงภูมิภาคจังหวัดชัยภูมิมีทางหลวงแผ่นดินที่เช่ือมต่อกับจังหวัดต่างๆ ระหว่างภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ภาคกลาง และภาคเหนือ ประกอบด้วย หมายเลข ๒๐๑ (สีคิ้ว-ชัยภูมิ-ชุมแพ) เชื่อมระหว่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนกับตอนล่างและภาคเหนือ
หมายเลข ๒๐๒ (บัวใหญ่–สีดา–ชัยภูมิ) เชื่อมระหว่างภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนและตอนล่าง หมายเลข ๒๐๕ (ลำ�นารายณ์-ลำ�สนธิ-ชัยภูมิ)
เช่ือมระหว่างภาคกลางกับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และหมายเลข ๒๒๕ (นครสวรรค์–ชัยภูมิ) เชื่อมระหว่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือกับภาคเหนือ
โดยไดม้ กี ารพฒั นาให้เปน็ ถนน ๔ เลนตามล�ำ ดบั จงั หวดั ชยั ภูมมิ แี ผนจะสร้างถนนเล่ียงเมืองชัยภูมวิ งแหวนรอบเมืองดา้ นทศิ เหนอื โดยมกี ารเชอ่ื มโยงเสน้ ระหวา่ ง
ทางหลวงแผ่นดินหมายเลขตา่ งๆ ซ่งึ การพัฒนาโครงสร้างพืน้ ฐานและสิง่ อ�ำ นวยความสะดวก จะเปน็ การเพม่ิ ประสิทธิภาพการขนส่งสินค้าและเครือขา่ ยโลจสิ ติกส์
๔. พลังงานสะอาดการเป็นเมอื งท่ีมีการขยายดา้ นการคมนาคมขนสง่ การน�ำ พลังสะอาดมาใช้ในระบบโลจิสตกิ ส์จะเปน็ การส่งเสริมให้เมอื งมีความน่าอยู่ ท่ามกลาง
กระแสของโลกท่ีมกี ารเปล่ียนแปลง
ชัยภมู ิในอกี ๒๐ ปขี ้างหน้าจะมกี ารเปลยี่ นแปลงไปอยา่ งไร ขึน้ อยู่กับความรว่ มมือของทกุ ภาคสว่ นในจงั หวดั ทงั้ ภาครฐั ภาคเอกชน ภาคประชาสงั คม และภาค
ประชาชน ทจ่ี ะรว่ มกันขบั เคลื่อนการพัฒนาอยา่ งจริงจัง ตอ่ เนื่องและวางรากฐานการพัฒนาเพอ่ื ให้ชนรนุ่ หลงั ได้สานตอ่ จนปรากฏผลอยา่ งเปน็ รูปธรรม

๑๑๘

๑๑๙

๑๒๐

๑๒๑

๑๒๒

เสน่ห์อิสาน เลา่ ขานเมืองชัยภูมิ ๑๒๓

เสนห่ ์เมืองอิสาน เรื่องเลา่ ขานชัยภมู ิ
ภูเขยี วปา่ เขยี วชมุ่ เขือนห้วยกุ่มน�ำ้ ผุดทัพลาว
เจด็ ดาวเก้าตะวนั อศั จรรยม์ อหินขาว
ผาหวั นาคฉากเรื่องราว นอนดูดาวกลางแดนไพร
กระเจียวบานตระการตา พรมผืนป่าชมพไู สว
ปา่ หินงามจับใจ น�ำ้ ตกใสคอื ไทรทอง
บ้านโหลน่ ตน้ น�ำ้ ชี ปรงพันปเี ย่ยี มยลมอง
หมำ�่ ดีใครลมิ้ ลอง สมใจปองไปอกี นาน
หม่คี ัน่ ขอนารี ขอกระหรชี่ ือ่ กงั วาล
ฝา้ ยไหมสืบตำ�นาน งามเล่าขานแม่บุญมี
พระธาตุชัยภมู เิ ด่น งามวนั เพญ็ ประเพณี
พระใหญท่ วารวดี องคป์ รางค์กูอ่ ยคู่ ู่เมือง
พระยาภกั ดชี มุ พล พระคุณลน้ ชนลอื เลอื่ ง
สร้างบา้ นและแปงเมอื ง ให้ประเทืองเรอื งจำ�รญู
กราบไหวแ้ ลขอพร ใครเดอื ดร้อนทุกขด์ ับสญู
อ�ำ นวยสขุ เพมิ่ พูน ทรัพย์ไหลหลัง่ ดังบูชา
เมอื งน้ดี นี ่าอยู่ เชญิ มาดูและทัศนา
ชยั ภูมภิ ูมพิ นา ภูมใิ จมาชัยภูมิ

“ ภูมิใจชัยภูมิ “

ชัยภมู ิ ภูมิใจท่ีไดม้ าอยู่
เปน็ เมอื งนักส้เู มอื งผกู้ ลา้ เมอื งพญาแล
กราบไหว้วงิ วอนขอพรกส็ ุขใจแท้
พ่อพญาแลคมุ้ แผป่ กป้องคมุ้ ภัย

ใครไดม้ าเยอื นเหมือนเตอื นให้ต้องมนต์ตรา
ภสู งู เบียดฟา้ ภผู ากง็ ามเบียดใจ
งามธรรมชาตปิ ่าเขาและลำ�เนาไพร
ผคู้ นก็มีน้�ำ ใจเลอื่ มใสชืน่ ในกมล

งานบุญเดอื นหกเขาตกเขาแตง่ บายศรี
เป็นประเพณยี ดึ ถอื สร้างบุญกศุ ล
รำ�ลกึ ความดที ีพ่ ่อมตี อ่ ผองชน
หลายปีผา่ นพน้ ผ้คู นคงม่นั ศรทั ธา

นักสู้ผกู้ ลา้ เมืองพญาแล
ซาบซึง้ ใจแท้ปกแผ่สมเปน็ ผู้กลา้
คา่ แห่งความดีไมม่ วี นั เสอ่ื มหรอกหนา
ประทับตรึงตราในใจคนชยั ภมู ิ

๑๒๔ ศรัญญา นิม่ เนียม

ประพันธ์

คณะกรรมการทีป่ รกึ ษา

พระเทพภาวนาวิกรม วิ. (บุญมา ปุญญาภิรโต) ทีป่ รกึ ษาเจ้าคณะภาค ๑๑
พระราชชัยสิทธิสนุ ทร (ฉวี มหทธโน) รักษาการแทนเจ้าคณะจงั หวัดชยั ภูมิ
พระสุวีรญาณ (พชิ าญ สวุ ชิ าโน) เจา้ คณะจังหวดั ชัยภมู ิ (ธ)
พระมหาโยธนิ โยธิโก รศ.ดร. ท่ีปรึกษาวฒั นธรรมจงั หวัดชยั ภมู ิ
เจ้าคณะอ�ำ เภอทุกรปู

จดั ท�ำ โดย


Click to View FlipBook Version