...¢ŒÒ¾ÃÐͧ¤ÃÑ¡¸ÃÃÁºÑÞÞѵԢͧ¾ÃÐͧ¤¨ÃÔ§æ ໚¹¤íÒÀÒǹҢͧ¢ŒÒ¾ÃÐͧ¤àÊÁÍ cover aw.indd 1 14/7/23 AD 09:36
ขอมอบแด่ ...................................................................................................................................... ...................................................................................................................................... จาก ...................................................................................................................................... วัน-เดือน-ปี ......................................................................................................................................
...ข้าพระองค์รักธรรมบัญญัติของพระองค์จริงๆ เป็นค�ำภาวนาของข้าพระองค์เสมอ
เด็กดีด้วยพระธรรม สงวนลิขสิทธิ์ 2023 สมาคมพระคริสตธรรมไทย พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับมาตรฐาน ภาพ 2001 สหสมาคมพระคริสตธรรม Copyright 2023 Thailand Bible Society The Holy Bible - Thai Standard Version Illustrations 2001 United Bible Society พิมพ์ครั้งที่ 1 : กรกฎาคม 2023 TBS-2023-2M ISBN 978-616-339-181-0 จัดพิมพ์ และเผยแพร่โดย สมาคมพระคริสตธรรมไทย 319/52-55 ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400 โทรศัพท์ 0-2279-8341 โทรสาร 0-2616-0517 อีเมล [email protected] www.thai.bible
คาน ํ า ํ ในชั้นเรียนระดับประถมศึกษาแห่งหนึ่ง คุณครูถามนักเรียนว่า เด็กดีเป็นอย่างไร? เด็กๆ ต่างช่วยกันตอบอย่างสนุกสนาน “เด็ก ดีต้องเชื่อฟังพ่อแม่” “เด็กดีต้องไม่ดื้อไม่ซน” “เด็กดีต้องไม่เถียง คุณครู” “เด็กดีต้องไม่รังแกเพื่อน” แต่คำตอบหนึ่งที่ตรึงใจครูผู้ สอน มากมาจากเด็กที่ได้ชื่อว่าเป็นทโมนที่สุดของห้อง เด็กผู้นี้ตอบ ว่า “พ่อแม่บอกผมว่าเด็กดีคือเด็กที่กล้าทำ ในสิ่งที่ถูกต้อง” ค่าตอบ นี้ดูจะเกินตัวสาหรับเด็กวัยประถม แต่ก็น่าชื่นใจที่เด็กสามารถถ่าย ํ ทอดคำจากัดความของ “เด็กดี” ที่พ่อแม่บอกเขาได้อย่างแม่นย ํา ํ อย่างไร ก็ดี คำตอบนี้ก็นำ มาซึ่งโจทย์ที่ผู้ใหญ่อย่างเช่นพ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย รวมทั้งคุณครูจะต้องคิดต่อไป นั่นคือเด็กจะรู้ได้อย่างไรว่า อะไรคือ “สิ่งที่ถูกต้อง” การวางรากฐานในชีวิตของเด็กเป็นสิ่งจําเป็นที่ต้องทำตั้งแต่ ช่วงแรกเกิดจนถึงอายุ 10 ขวบ เป็นงานชิ้นสาคัญที่สุดที่พ่อแม่ ํ และผู้ปกครองไม่อาจละเลยหรือปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคนอื่น เนื่อง ด้วยความจริงที่ว่ารากฐานที่มั่นคงของชีวิตจะต้องถูกก่อร่าง สร้างขึ้น ตั้งแต่ปฐมวัยเพื่อเด็กจะมีคุณธรรมเป็นหลักในการดาเนิน ํ ชีวิตทั้งทางด้านการประพฤติปฏิบัติ ความคิดและการตัดสินใจ ใน พระธรรมสุภาษิตบทที่ 22 ข้อ 6 กล่าวว่า จงฝึกเด็กในทางที่เขาควรจะเดินไป และเมื่อเขาเป็นผู้ใหญ่ แล้วเขาจะไม่พรากจากทางนั้น สมาคมพระคริสตธรรมไทยได้ตระหนักถึงความสาคัญในเรื่อง ํ นี้ จึงได้จัดทาหนังสือ “เด็กดีด้วยพระธรรม” ขึ้นเพื่อให้พ่อแม่ ํ และผู้ปกครองใช้เป็นอุปกรณ์ในการสร้างฐานชีวิตของเด็ก เรื่อง ราวจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ที่คัดสรรมาบรรจุไว้ในหนังสือเล่ม
นี้มีด้วยกัน 366 เรื่อง แต่ละเรื่องเปรียบดังก้อนอิฐแต่ละก้อนที่ ถูกจัดเรียงเพื่อก่อความรู้สึกนึกคิดที่ดีงามให้กับเด็ก สิ่งที่ผู้ใหญ่ ควรจะทำคือให้เวลาในการอ่านหนังสือเล่มนี้วันละหน้าร่วมกับ เด็กในความดูแลของท่าน เป็นการนำลูกหลานของท่านเข้าเฝ้า พระเจ้า จูงเขามายังพระบัลลังก์ของพระองค์และฟังพระองค์พูด คุยสนทนากับเขาผ่านบทเรียนของแต่ละวัน ในแต่ละหน้าของ หนังสือเล่มนี้จะประกอบไป ด้วยหัวข้อ วันที่ เนื้อหาที่คัดมาจาก พระคริสตธรรมคัมภีร์ ตามด้วยข้อพระคัมภีร์ที่เสนอให้อ่านเพิ่ม เติมโดยตรงจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ และจบด้วยข้อควรจำซึ่ง เป็นการย้ำข้อคิดที่สาคัญจากบทเรียนในวันนั้นๆ การใช้หนังสือ เล่มนี้เป็นโอกาสที่เด็กจะมีประสบการณ์กับการเข้าเฝ้าพระเจ้าประ จาวันตั้งแต่เยาว์วัยนอกจากนั้น ยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดี ํ ในครอบครัวเพราะท่านและ ลูกหลานสามารถแบ่งปันหรือแสดง ความคิดเห็นต่อกันและกันได้ทั้งยังช่วยฝึกเด็กให้รู้จักแสดงความ คิดเห็น ให้เขารู้จักคุณค่าของตนเอง ดังนั้น หนังสือเล่มนี้จึงมีบท เรียนในหลายๆ ด้านจากพระคริสตธรรมคัมภีร์และมีคุณค่าในการ ช่วยพัฒนาลูกหลานของท่านให้เติบโตขึ้นเป็นเด็กดีด้วยพระธรรม ของพระเจ้า ให้เขาแยกแยะได้ว่า “สิ่งที่ถูกต้อง” คืออะไร และ ให้เขากล้าที่จะทาสิ่งนั้น ํ ท้ายที่สุดนี้ ขอให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงนำ ท่านและ ครอบครัวให้ใกล้ชิดกับพระเจ้าทุกวัน และเข้าใจนำ พระทัยอัน เลิศประเสริฐ ของพระองค์เพื่อท่านและลูกหลานของท่านจะ พรักพร้อมในการทาดีทุกอย่างเพื่อถวายเกียรติแด่พระองค์ ํ สมาคมพระคริสตธรรมไทย
...ข้าพระองค์รักธรรมบัญญัติของพระองค์จริงๆ เป็นค�ำภาวนาของข้าพระองค์เสมอ
9 เนรมิตสร้างโลก วันที่ 1 1 มกราคม ในปฐมกาล พระเจ้าทรงเนรมิตสร้างฟ้าและแผ่นดิน แผ่นดินก็ร้างและว่างเปล่า ความมืดอยู่เหนือน้ำ และพระ วิญญาณของพระเจ้าทรงปกอยู่เหนือน้ำ นั้น พระเจ้าตรัสว่า “จงเกิดความสว่าง” ความสว่างก็เกิดขึ้น พระเจ้าทรงเห็นว่าความสว่างนั้นดี และทรงแยกความสว่าง ออกจากความมืด พระเจ้าทรงเรียกความสว่างนั้นว่า วัน และความมืดนั้นว่า คืน มีเวลาเย็นและเวลาเช้า เป็นวันแรก ปฐมกาล 1:1-5 อ่านเพิ่มเติม ยอห์น 1:1-3; ฮีบรู 11:3 ข้อควรจำ โลกไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่พระเจ้า ผู้ยิ่งใหญ่เป็นผู้สร้าง
10 11 เนรมิตสร้างโลก วันที่ 2 2 มกราคม พระเจ้าตรัสว่า “จงมีภาคพื้นในระหว่างน้ำ แยกน้ำออก จากกัน” พระเจ้าทรงสร้างภาคพื้นนั้นขึ้น แล้วทรงแยกน้ำ ที่อยู่ใต้ภาคพื้นออกจากน้ำ ที่อยู่เหนือภาคพื้น ก็เป็นดังนั้น พระเจ้าจึงทรงเรียกภาคพื้นนั้นว่า ฟ้า มีเวลาเย็นและเวลา เช้า เป็นวันที่สอง ท้องฟ้าประกาศพระสิริของพระเจ้า และพื้นฟ้าสำ แดงผล งานแห่งพระหัตถ์ของพระองค์ วันส่งถ้อยคำ ให้แก่วัน และ คืนแจ้งความรู้ให้แก่คืน ถ้อยคำ ไม่มี วาจาก็ไม่มี และไม่มี ใครได้ยินเสียงฟ้า ปฐมกาล 1:6-8; สดุดี 19:1-3 อ่านเพิ่มเติม สดุดี 33:1-11 ข้อควรจำ เมื่อพระเจ้าตรัส ทุกสิ่งจะเป็นไปตามนั้น
11 เนรมิตสร้างโลก วันที่ 3 3 มกราคม พระเจ้าตรัสว่า “น้ำ ที่อยู่ใต้ฟ้าจงรวมอยู่ในที่เดียวกัน ที่ แห้งจงปรากฏขึ้น” ก็เป็นดังนั้น พระเจ้าจึงทรงเรียกที่แห้ง นั้นว่า แผ่นดิน และที่ซึ่งน้ำรวมกันนั้นว่า ทะเล พระเจ้าทรง เห็นว่าดี พระเจ้าตรัสว่า “แผ่นดินจงเกิดพืช คือ ธัญพืชที่ให้ เมล็ด และต้นไม้ผลที่ออกผลตามชนิดของมัน และมีเมล็ดใน ผลบนแผ่นดิน” และก็เป็นดังนั้น แผ่นดินก็เกิดพืช คือธัญพืช ที่ให้เมล็ดตามชนิดของมัน และต้นไม้ที่ออกผลมีเมล็ดในผล ตามชนิดของมัน พระเจ้าทรงเห็นว่าดี มีเวลาเย็นและเวลา เช้า เป็นวันที่สาม ปฐมกาล 1:9-13 อ่านเพิ่มเติม สดุดี 148 ข้อควรจำ พระเจ้าวางแผนสำ หรับทุกสิ่งที่พระองค์สร้างไว้ อย่างดี
12 13 เนรมิตสร้างโลก วันที่ 4 4 มกราคม พระเจ้าตรัสว่า “จงมีดวงสว่างต่างๆ ของภาคพื้นฟ้า เพื่อ แยกวันออกจากคืน ให้เป็นหมายกำ หนดฤดู วัน ปี และให้ เป็นดวงสว่างต่างๆ บนภาคพื้นฟ้า เพื่อส่องสว่างเหนือแผ่น ดิน” ก็เป็นดังนั้น พระเจ้าทรงสร้างดวงสว่างขนาดใหญ่ ไว้สองดวง ให้ดวงที่ใหญ่กว่าครองวัน ดวงที่เล็กกว่าครอง คืน พระองค์ทรงสร้างดวงดาวต่างๆ ด้วย พระเจ้าทรงตั้ง ดวงสว่างเหล่านี้ไว้บนภาคพื้นฟ้า ให้ส่องสว่างเหนือแผ่น ดิน ให้ครองวันและคืน และแยกความสว่างออกจากความ มืด พระเจ้าทรงเห็นว่าดี มีเวลาเย็นและเวลาเช้า เป็นวันที่สี่ ปฐมกาล 1:14-19 อ่านเพิ่มเติม สดุดี 104:19-23 ข้อควรจำ พระเจ้าสร้างและจัดลำดับสิ่งต่างๆ บนโลก เรา จึงได้มีวันจันทร์ถึงวันอาทิตย์ และฤดูหนาวถึงฤดูร้อน
13 เนรมิตสร้างโลก วันที่ 5 5 มกราคม พระเจ้าตรัสว่า “น้ำจงอุดมด้วยฝูงสัตว์ที่มีชีวิต และให้นก บินไปมาในภาคพื้นฟ้าเหนือแผ่นดิน” พระเจ้าทรงสร้างสัตว์ ทะเลขนาดใหญ่ และสัตว์ที่มีชีวิตทุกชนิด ซึ่งแหวกว่ายอยู่ใน น้ำ เป็นฝูงๆ ตามชนิดของมัน และสัตว์ปีกทุกชนิดตามชนิด ของมัน พระเจ้าทรงเห็นว่าดี พระเจ้าจึงทรงอวยพรสัตว์เหล่า นั้นว่า “จงมีลูกดกทวีมากขึ้นจนเต็มน้ำ ในทะเล และให้นกทวี มากขึ้นบนแผ่นดินโลก” มีเวลาเย็นและเวลาเช้า เป็นวันที่ห้า ปฐมกาล 1:20-23 อ่านเพิ่มเติม สดุดี 104:23-26 ข้อควรจำ พระเจ้าสร้างสิ่งมีชีวิตไว้มากมายหลายอย่าง และ ทุกๆ สิ่งที่พระองค์สร้างนั้นดี
14 15 เนรมิตสร้างโลก วันที่ 6 6 มกราคม แล้วพระเจ้าตรัสว่า “ให้เราสร้างมนุษย์ตามฉายาของ เรา ตามอย่างของเรา ให้ครอบครองฝูงปลาในทะเล ฝูงนก ในท้องฟ้าและฝูงสัตว์ใช้งาน ให้ปกครองแผ่นดินโลกทั้งหมด และสัตว์เลื้อยคลานทุกชนิดบนแผ่นดินทั้งหมด” พระเจ้าจึง ทรงสร้างมนุษย์ขึ้นตามพระฉายาของพระองค์ ตามพระฉายา ของพระเจ้านั้น พระองค์ทรงสร้างมนุษย์ขึ้น และทรงสร้าง ให้เป็นชายและหญิง พระเจ้าทรงอวยพรพวกเขา ตรัสกับพวกเขาว่า “จงมีลูก ดกทวีมากขึ้นจนเต็มแผ่นดิน จงมีอำ นาจเหนือแผ่นดิน จง ครอบครองฝูงปลาในทะเล และฝูงนกในท้องฟ้า กับสัตว์ที่ เคลื่อนไหวบนแผ่นดินทั้งหมด” พระเจ้าทอดพระเนตรสิ่งทั้งปวงที่พระองค์ทรงสร้างไว้ ดูสิ ทรงเห็นว่าดียิ่งนัก มีเวลาเย็นและเวลาเช้า เป็นวันที่หก ปฐมกาล 1:26-28,31 อ่านเพิ่มเติม สดุดี 139:13-16 ข้อควรจำ มนุษย์มีบางส่วนที่เหมือนพระเจ้า เช่น เรารู้จัก คิด มีความรู้สึก และสามารถกำ หนดทางเลือก
15 เนรมิตสร้างโลก วันที่ 7 7 มกราคม ฟ้าสวรรค์และแผ่นดิน และสรรพสิ่งทั้งสิ้นที่มีอยู่ในนั้น ก็ถูกสร้างเสร็จ วันที่เจ็ด พระเจ้าก็เสร็จงานของพระองค์ที่ ทรงทำ มานั้น ในวันที่เจ็ดนั้นก็ทรงหยุดพักจากการงานทั้งสิ้น ของพระองค์ที่ได้ทรงกระทำ พระเจ้าจึงทรงอวยพรวันที่เจ็ด ทรงตั้งไว้เป็นวันบริสุทธิ์ เพราะในวันนั้นพระองค์ทรงหยุดพัก จากการงานทั้งปวงที่พระเจ้าทรงเนรมิตสร้างและทรงกระทำ เพราะในหกวันพระยาห์เวห์ทรงสร้างฟ้าและแผ่นดิน ทะเล และสรรพสิ่งซึ่งมีอยู่ในที่เหล่านั้น แต่ในวันที่เจ็ดทรง พัก เพราะฉะนั้นพระยาห์เวห์ทรงอวยพรวันสะบาโต และ ทรงตั้งวันนั้นไว้เป็นวันบริสุทธิ์ ปฐมกาล 2:1-3; อพยพ 20:11 อ่านเพิ่มเติม ฟีลิปปี 1:6,9-11 ข้อควรจำ พระเจ้าทรงทำ ให้ทุกสิ่งที่พระองค์เริ่มต้นสำ เร็จ เสมอ
16 17 มนุษย์คนแรกของโลก 8 มกราคม พระยาห์เวห์พระเจ้าทรงปั้นมนุษย์ด้วยผงคลีจากพื้นดิน ระบายลมปราณเข้าทางจมูกของเขา มนุษย์จึงกลายเป็นผู้ มีชีวิตอยู่ พระยาห์เวห์พระเจ้าจึงทรงให้มนุษย์นั้นอาศัยอยู่ในสวน เอเดน ให้ทำ และดูแลสวน พระยาห์เวห์พระเจ้าจึงตรัสสั่ง มนุษย์นั้นว่า “ผลไม้ทุกอย่างในสวนนี้ เจ้ากินได้ตามใจชอบ แต่ผลของต้นไม้แห่งการรู้ถึงความดีและความชั่วนั้น ห้ามเจ้า กิน เพราะในวันใดที่เจ้ากิน เจ้าจะต้องตายแน่” ปฐมกาล 2:7,15-17 อ่านเพิ่มเติม โยบ 12:7-10 ข้อควรจำ พระเจ้าประทานสถานที่พิเศษบนโลกนี้สำ หรับ มนุษย์
¾ÃÐ਌ҵÃÑÊÇ‹Ò “Ἃ¹´Ô¹¨§à¡Ô´¾×ª ¤×Í ¸Ñ޾ת·ÕèãËŒàÁÅç´ áÅеŒ¹äÁŒ ¼Å·ÕèÍÍ¡¼ÅµÒÁª¹Ô´¢Í§Áѹ áÅÐÁÕàÁÅç´ã¹¼Åº¹á¼‹¹´Ô¹” áÅСç໚¹ ´Ñ§¹Ñé¹ »°Á¡ÒÅ 1:11
¾ÃÐ਌Ҩ֧·Ã§ÊÌҧÁ¹ØÉ¢Öé¹µÒÁ¾ÃЩÒÂҢͧ¾ÃÐͧ¤ µÒÁ¾ÃЩÒÂÒ ¢Í§¾ÃÐ਌ҹÑé¹ ¾ÃÐͧ¤·Ã§ÊÌҧÁ¹ØÉ¢Öé¹ áÅзçÊÌҧãˌ໚¹ªÒ áÅÐËÞÔ§ »°Á¡ÒÅ 1:27
ÊѵÇ㪌§Ò¹·ÕèäÁ‹à»š¹ÁÅ·Ô¹áÅÐÊѵÇ㪌§Ò¹·Õè໚¹ÁÅ·Ô¹¡Ñº¹¡áÅÐÊÑµÇ ·Ø¡ª¹Ô´·ÕèàÅ×éͤÅÒ¹º¹á¼‹¹´Ô¹ ¡çÁÒËÒâ¹ÍÒËáÅŒÇࢌÒä»ã¹àÃ×Í໚¹¤Ù‹æ ·Ñé§µÑǼٌáÅеÑÇàÁÕ ´Ñ§·Õè¾ÃÐ਌ҷçºÑÞªÒâ¹ÍÒËäÇŒ »°Á¡ÒÅ 7:8-9
¾ÃÐ਌ҵÃÑÊÇ‹Ò “¹ÕèáËÅÐ໚¹à¤Ã×èͧËÁÒÂáË‹§¾Ñ¹¸ÊÑÞÞÒ «Öè§àÃÒãËŒäÇŒ ÃÐËNjҧàÃҡѺ¾Ç¡à¨ŒÒ áÅСѺÊѵÇÁÕªÕÇÔµ·Ñ駻ǧ·ÕèÍÂÙ‹¡Ñº¾Ç¡à¨ŒÒÊ×ºä» ·Ø¡ªÑèÇÍÒÂØ ¤×ÍàÃÒµÑé§ÃØŒ§¢Í§àÃÒäÇŒ·ÕèàÁ¦ áÅÐÃØŒ§¹Ñ鹨Ð໚¹à¤Ã×èͧËÁÒ áË‹§¾Ñ¹¸ÊÑÞÞÒÃÐËNjҧàÃҡѺâÅ¡ »°Á¡ÒÅ 9:12-13
17 ตัวอะไรเอ่ย? 9 มกราคม พระยาห์เวห์พระเจ้าตรัสว่า “การที่ชายผู้นี้จะอยู่แต่ลำ พัง นั้นไม่ดี เราจะสร้างคู่อุปถัมภ์ที่เหมาะสมกับเขาขึ้น” พระยาห์ เวห์พระเจ้าจึงทรงปั้นสัตว์ทุกชนิดในท้องทุ่ง และนกทุกชนิด ในท้องฟ้าจากดิน แล้วทรงนำมายังชายนั้น เพื่อดูว่า เขา จะเรียกชื่อมันว่าอะไร ชายนั้นตั้งชื่อสัตว์ทุกชนิดที่มีชีวิตว่า อย่างไร สัตว์นั้นก็มีชื่ออย่างนั้น ชายนั้นจึงตั้งชื่อสัตว์ใช้งาน ทุกชนิด และนกในอากาศและสัตว์ป่าทุกชนิด แต่ชายนั้นยัง ไม่พบคู่อุปถัมภ์ที่เหมาะสมกับเขา ปฐมกาล 2:18-20 อ่านเพิ่มเติม ปฐมกาล 2:8-17 ข้อควรจำ พระเจ้ามอบหมายให้อาดัมคอยดูแลสิ่งมีชีวิตที่ พระเจ้าสร้างขึ้น และพระองค์ก็ต้องการให้เราคอยดูแลโลก ที่พระองค์สร้างไว้ให้เราด้วย
18 19 ผู้หญิงคนแรกของโลก 10 มกราคม แล้วพระยาห์เวห์พระเจ้าจึงทรงทำ ให้ชายนั้นหลับสนิท ขณะที่เขาหลับอยู่ พระองค์ทรงชักกระดูกซี่โครงซี่หนึ่ง ของเขาออกมา แล้วทำ ให้เนื้อติดกันเข้าแทนกระดูก ส่วน กระดูกซี่โครงที่พระยาห์เวห์พระเจ้าได้ทรงชักออกจากชายนั้น พระองค์ทรงสร้างให้เป็นหญิง แล้วทรงนำ มาให้ชายนั้น ชาย นั้นจึงว่า “นี่แหละ กระดูกจากกระดูกของเรา เนื้อจากเนื้อ ของเรา จะเรียกคนนี้ว่าหญิง เพราะคนนี้ออกมาจากชาย” เพราะเหตุนั้นผู้ชายจะละจากบิดามารดาของเขาไปผูกพันอยู่ กับภรรยา และเขาทั้งสองจะเป็นเนื้อเดียวกัน ปฐมกาล 2:21-24 อ่านเพิ่มเติม สุภาษิต 31:10-12 ข้อควรจำ พระเจ้าประทานสถาปนาการแต่งงานเพื่อมนุษย์ จะได้ไม่ต้องอยู่เดียวดาย
19 เจ้างูเจ้าเล่ห์ 11 มกราคม ในบรรดาสัตว์ป่าทั้งหมด ที่พระยาห์เวห์พระเจ้าทรงสร้าง นั้น งูฉลาดกว่าหมด มันถามหญิงนั้นว่า “จริงหรือ? ที่พระเจ้า ตรัสว่า ‘ห้ามพวกเจ้ากินผลจากต้นไม้ทุกต้นในสวนนี้’ ” หญิง นั้นจึงตอบงูว่า “ผลของต้นไม้ในสวนนี้เรากินได้ เว้นแต่ผล ของต้นไม้ที่อยู่กลางสวนนั้น พระเจ้าตรัสว่า ‘ห้ามพวกเจ้า กินและถูกต้องเลย มิฉะนั้นพวกเจ้าจะตาย’ ” งูจึงพูดกับ หญิงนั้นว่า “พวกเจ้าจะไม่ตายแน่ เพราะพระเจ้าทรงทราบ อยู่ว่า พวกเจ้ากินผลจากต้นไม้นั้นวันใด ตาของพวกเจ้าจะ สว่างขึ้นในวันนั้น แล้วพวกเจ้าจะเป็นเหมือนอย่างพระเจ้า คือรู้ความดีและความชั่ว” ปฐมกาล 3:1-5 อ่านเพิ่มเติม 1 โครินธ์ 10:12-13 ข้อควรจำ ให้เราอธิษฐานขอสติปัญญาและความเข้มแข็งจาก พระเจ้า เมื่อเราถูกล่อลวงเพื่อเราจะไม่ทำผิดต่อพระเจ้า
20 21 ทางเลือกยอดแย่ 12 มกราคม เมื่อหญิงนั้นเห็นว่าต้นไม้นั้นดีน่ากิน ทั้งเป็นต้นไม้น่า ปรารถนาที่ทำ ให้เกิดปัญญา จึงเก็บผลไม้นั้นมากิน แล้วส่ง ให้สามีที่อยู่กับเธอกินด้วย เขาก็กิน ตาของเขาทั้งสองคนก็ สว่างขึ้น จึงรู้ว่าพวกเขาเปลือยกายอยู่ ก็เอาใบมะเดื่อมาเย็บ เป็นเครื่องปกปิดกายไว้ เวลาเย็นวันนั้น เขาทั้งสองได้ยินเสียงพระยาห์เวห์ พระเจ้าเสด็จดำ เนินอยู่ในสวน ชายนั้นกับภรรยาของเขาก็ ซ่อนตัวอยู่ในหมู่ต้นไม้กลางสวน ให้พ้นจากพระพักตร์พระ ยาห์เวห์พระเจ้า ปฐมกาล 3:6-8 อ่านเพิ่มเติม 1 ยอห์น 1:8-10 ข้อควรจำ เราไม่สามารถหลบซ่อนความผิดจากพระเจ้าได้ แต่เราสามารถขอการยกโทษบาปจากพระองค์ได้เสมอ
21 แก้ตัว (โบ้ย!!) 13 มกราคม พระยาห์เวห์พระเจ้าทรงเรียกชายนั้นและตรัสถามเขา ว่า “เจ้าอยู่ที่ไหน?” ชายนั้นทูลว่า “ข้าพระองค์ได้ยินพระ สุรเสียงของพระองค์ในสวนก็กลัว เพราะข้าพระองค์เปลือย กายอยู่ จึงได้ซ่อนตัวเสีย” พระองค์จึงตรัสว่า “ใครบอกเจ้าว่า เจ้าเปลือยกาย? เจ้ากินผลจากต้นไม้ที่เราสั่งไม่ให้กินนั้นแล้ว หรือ?” ชายนั้นทูลว่า “หญิงที่พระองค์ประทานให้อยู่กับข้า พระองค์ เธอส่งผลจากต้นไม้นั้นให้ข้าพระองค์ ข้าพระองค์ จึงรับประทาน” พระยาห์เวห์พระเจ้าตรัสถามหญิงนั้นว่า “นี่ เจ้าทำอะไรลงไป?” หญิงนั้นทูลว่า “งูล่อลวงข้าพระองค์ ข้า พระองค์จึงรับประทาน” ปฐมกาล 3:9-13 อ่านเพิ่มเติม โรม 5:12-13,17 ข้อควรจำ เราต้องยอมรับเมื่อทำผิด และไม่โยนความผิดให้ คนอื่น
22 23 เจ้างูเลื้อยคลาน 14 มกราคม พระยาห์เวห์พระเจ้าจึงตรัสกับงูว่า “เพราะเหตุที่เจ้าทำ เช่นนี้ เจ้าจะต้องถูกสาปแช่งมากกว่าสัตว์ใช้งานและสัตว์ ป่าทั้งปวง จะต้องเลื้อยไปด้วยท้อง จะต้องกินผงคลีดินตลอด ชีวิตของเจ้า เราจะให้เจ้ากับหญิงนี้เป็นศัตรูกัน ทั้งพงศ์พันธุ์ ของเจ้า และพงศ์พันธุ์ของนางด้วย เขาจะทำ ให้หัวของเจ้า แหลก และเจ้าจะทำ ให้ส้นเท้าของเขาฟกช้ำ ” ปฐมกาล 3:14-15 อ่านเพิ่มเติม โรม 6:12-14; ยากอบ 4:7 ข้อควรจำ ซาตานยังล่อลวงเราจนถึงทุกวันนี้ เราต้องมั่นคง ในคำ สอนของพระเจ้า และไม่หลงไปตามกลลวงของซาตาน
23 ข่าวร้ายสำ หรับอาดัม และภรรยา 15 มกราคม พระองค์จึงตรัสแก่ชายนั้นว่า “เพราะเหตุเจ้าเชื่อฟังคำ พูดของภรรยา และกินผลจากต้นไม้ที่เราสั่งไม่ให้กินผลจาก ต้นนั้น แผ่นดินจึงต้องถูกสาปเพราะเจ้า เจ้าจะต้องหากิน บนแผ่นดินด้วยความทุกข์ลำ บากตลอดชีวิต ต้นไม้และพืชที่มีหนามจะงอกขึ้นบนดินแก่เจ้า และเจ้า จะกินพืชตามท้องทุ่ง เจ้าจะต้องหากินด้วยเหงื่ออาบหน้า จนเจ้ากลับไปเป็นดิน เพราะเจ้าถูกนำ มาจากดิน และเพราะเจ้าเป็นผงคลีดิน และ เจ้าจะกลับเป็นผงคลีดินดังเดิม” ปฐมกาล 3:17-19 อ่านเพิ่มเติม โยบ 34:10-15 ข้อควรจำ ความผิดบาปจะทำลายแผนการที่พระเจ้าเตรียม ไว้ให้สำ หรับชีวิตของเรา
24 25 บ๊าย... บาย สวนเอเดม 16 มกราคม อาดัมเรียกภรรยาของเขาว่า “เอวา” เพราะนางเป็น มารดาของสิ่งมีชีวิตทั้งปวง พระยาห์เวห์พระเจ้าทรงทำ เสื้อ ด้วยหนังสัตว์ให้อาดัมและภรรยาของเขาสวมปกปิดกาย แล้วพระยาห์เวห์พระเจ้าตรัสว่า “ดูสิ มนุษย์กลายเป็น เหมือนผู้หนึ่งในพวกเราแล้ว โดยที่รู้ความดีและความชั่ว บัดนี้ อย่าปล่อยให้เขายื่นมือไปหยิบผลจากต้นไม้แห่งชีวิตมา กินด้วย แล้วมีอายุยืนชั่วนิรันดร์” เพราะฉะนั้นพระยาห์เวห์ พระเจ้าจึงทรงไล่เขาออกไปจากสวนเอเดน ให้เพาะปลูกบน ดินซึ่งใช้สร้างเขาขึ้นมา พระองค์ทรงขับไล่ชายนั้นออกไป และทรงตั้งเหล่าเครูบทางด้านทิศตะวันออกของสวนเอเดน และตั้งดาบเพลิงอันหนึ่งที่หมุนได้ไว้เฝ้าทางที่จะไปสู่ต้นไม้ แห่งชีวิตนั้น ปฐมกาล 3:20-24 อ่านเพิ่มเติม วิวรณ์ 2:7; 22:1-2 ข้อควรจำ แม้ว่าพระเจ้าทรงลงโทษเรา พระเจ้าก็ยังทรง เมตตาดูแลและทรงเอาใจใส่เราตลอดเวลา
25 พี่น้องคู่แรกของโลก 17 มกราคม ฝ่ายชายนั้นมีเพศสัมพันธ์กับเอวาภรรยาของเขา นางก็ ตั้งครรภ์และให้กำ เนิดบุตรชื่อคาอิน นางจึงกล่าวว่า “ฉันได้ รับผู้ชายคนหนึ่งด้วยความช่วยเหลือของพระยาห์เวห์” ต่อ มานางก็ให้กำ เนิดน้องชายของเขาชื่ออาเบล อาเบลเป็นคน เลี้ยงแกะ ส่วนคาอินเป็นคนเพาะปลูก อยู่มาวันหนึ่งคาอิน นำ พืชผลจากผืนดินมาเป็นของถวายแด่พระยาห์เวห์ ส่วน อาเบลก็นำ แกะหัวปีจากฝูงและไขมันของแกะมาถวาย พระ ยาห์เวห์พอพระทัยอาเบลและของถวายของเขา แต่คาอินกับ ของถวายของเขานั้น พระองค์ไม่พอพระทัย คาอินก็โกรธยิ่ง นัก ก้มหน้าลง ปฐมกาล 4:1-5 อ่านเพิ่มเติม 1 ซามูเอล 15:22-23 ข้อควรจำ ของขวัญที่พระเจ้าพอพระทัยที่สุดคือความเชื่อฟัง
26 27 หยุดการเข่นฆ่า ทำร้าย! 18 มกราคม พระยาห์เวห์จึงตรัสถามคาอินว่า “ทำ ไมเจ้าโกรธ? ทำ ไม หน้าเจ้าบูดบึ้ง? ถ้าเจ้าทำดี เจ้าก็จะเป็นที่ยอมรับไม่ใช่หรือ? ถ้าเจ้าทำ ไม่ดี บาปก็หมอบอยู่ที่ประตู อยากตะครุบเจ้า เจ้า จะต้องเอาชนะบาปนั้น” ฝ่ายคาอินพูดกับอาเบลน้องชายของเขาว่า “ให้เราไปที่ทุ่ง นากันเถอะ” เมื่ออยู่ในทุ่งด้วยกัน คาอินก็โถมเข้าฆ่าอาเบล น้องชายของเขา พระยาห์เวห์ตรัสถามคาอินว่า “อาเบลน้อง ชายของเจ้าอยู่ที่ไหน?” คาอินจึงทูลว่า “ข้าพระองค์ไม่ทราบ ข้าพระองค์เป็นผู้ดูแลน้องหรือ?” พระองค์ตรัสว่า “เจ้าทำ อะไรลงไป? เสียงของโลหิตน้องของเจ้าร้องดังขึ้นมาจากดิน ถึงเรา บัดนี้ เจ้าจึงถูกสาปจากดินที่อ้าปากรับโลหิตของน้อง จากมือเจ้า เมื่อเจ้าเพาะปลูกบนดินจะไม่เกิดผลมาก เจ้าจะ ต้องหลบหนีและพเนจรไปในโลก” ปฐมกาล 4:6-12 อ่านเพิ่มเติม สดุดี 33:13-22 ข้อควรจำ พระเจ้าสามารถช่วยเราควบคุมความโกรธได้ อธิษฐานขอให้พระองค์ช่วยทุกครั้งเมื่อเราเริ่มรู้สึกโมโห
27 ผู้เฒ่าที่หายไป 19 มกราคม หลังจากเอโนคมีบุตรคือเมธูเสลาห์แล้ว ก็ดำ เนินกับ พระเจ้า 300 ปี และมีบุตรชายหญิงอีกหลายคน รวมอายุ ของเอโนคได้ 365 ปี เอโนคดำ เนินกับพระเจ้าแล้วก็หายไป เพราะพระเจ้าทรงรับเขาไป โดยความเชื่อ เอโนคจึงถูกรับขึ้นไปเพื่อไม่ให้ท่านประสบ กับความตาย ไม่มีผู้ใดพบท่านเพราะพระเจ้าทรงรับท่านไป แล้ว เพราะก่อนที่จะรับท่านขึ้นไปนั้น ท่านได้รับการรับรอง แล้วว่า ท่านเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้า แต่ถ้าไม่มีความเชื่อ แล้ว จะไม่เป็นที่พอพระทัยเลย เพราะว่าผู้ที่จะมาเฝ้าพระเจ้า นั้น ต้องเชื่อว่าพระองค์ทรงดำรงพระชนม์อยู่ และพระองค์ ทรงเป็นผู้ประทานบำ เหน็จแก่คนเหล่านั้นที่แสวงหาพระองค์ ปฐมกาล 5:22-24; ฮีบรู 11:5-6 อ่านเพิ่มเติม ฮีบรู 11:1-3 ข้อควรจำ ถ้าเราต้องการให้พระเจ้าพอพระทัย เราต้องเชื่อ พระองค์ตลอดชีวิต
28 29 ปัญหาบนโลก 20 มกราคม ต่อไปนี้คือลำดับพงศ์พันธุ์ของโนอาห์ โนอาห์เป็นคนชอบ ธรรมดีพร้อมในสมัยของเขา โนอาห์ดำ เนินกับพระเจ้า พระเจ้าทอดพระเนตรแผ่นดินก็ทรงเห็นว่าเสื่อมทราม เพราะมนุษย์ทั้งหมดประพฤติตนเสื่อมทรามบนแผ่นดิน พระเจ้าจึงตรัสแก่โนอาห์ว่า “เราจะให้มนุษย์และสัตว์ทั้ง ปวงสิ้นสุดต่อหน้าเรา ด้วยเหตุว่า แผ่นดินโลกเต็มด้วยความ โหดร้ายเพราะการกระทำของมนุษย์ ดูเถิด เราจะทำลายพวก เขาพร้อมกับแผ่นดินโลก เจ้าจงต่อเรือด้วยไม้สนโกเฟอร์ แล้ว ทำ เรือเป็นห้องๆ และยาชันทั้งข้างในข้างนอก จงต่อเรือนั้น ตามแบบนี้ คือ ยาว 133 เมตร กว้าง 22 เมตร สูง 13 เมตร จงทำ ช่องสำ หรับเรือให้เสร็จโดยให้ห่างจากข้างบน 44 เซนติเมตร จงตั้งประตูเรือที่ด้านข้าง และทำดาดฟ้าชั้นล่าง ชั้นที่สองและที่สาม พระเจ้าทรงบัญชาให้โนอาห์ทำอย่างไร โนอาห์ก็ทำอย่าง นั้นทุกประการ ปฐมกาล 6:9,12-16,22 อ่านเพิ่มเติม ปฐมกาล 6:5-10 ข้อควรจำ เมื่อพระเจ้าพูดอะไร พระองค์คาดหวังให้เราเชื่อ ฟัง เลือกทางเดินที่ฉลาด และถูกต้องวันนี้!!
29 สวนสัตว์ลอยน้ำ 21 มกราคม แล้วพระยาห์เวห์ตรัสแก่โนอาห์ว่า “เจ้าและครัวเรือน ทั้งหมดของเจ้าจงเข้าไปในเรือ เพราะในชั่วอายุคนรุ่นนี้เรา เห็นเจ้าเป็นผู้ชอบธรรมต่อหน้าเรา จงเอาสัตว์ใช้งานที่ไม่เป็น มลทินทุกชนิดไปกับเจ้าด้วยอย่างละเจ็ดคู่ทั้งตัวผู้และตัวเมีย และสัตว์ใช้งานที่เป็นมลทินอย่างละคู่ทั้งตัวผู้และตัวเมีย นก ในอากาศอย่างละเจ็ดคู่ทั้งตัวผู้และตัวเมีย เพื่อรักษาพันธุ์สัตว์ ให้มีชีวิตทั่วพื้นแผ่นดิน เพราะว่าอีกเจ็ดวันเราจะทำ ให้ฝนตก บนแผ่นดินสี่สิบวันสี่สิบคืน เราจะทำลายล้างมนุษย์และสัตว์ ทั้งหมดที่เราสร้างจากพื้นแผ่นดิน” สัตว์ใช้งานที่ไม่เป็นมลทินและสัตว์ใช้งานที่เป็นมลทินกับ นกและสัตว์ทุกชนิดที่เลื้อยคลานบนแผ่นดิน ก็มาหาโนอาห์ แล้วเข้าไปในเรือเป็นคู่ๆ ทั้งตัวผู้และตัวเมีย ดังที่พระเจ้าทรง บัญชาโนอาห์ไว้ เมื่อล่วงไปเจ็ดวัน น้ำก็ท่วมแผ่นดิน ปฐมกาล 7:1-4; 8-10 อ่านเพิ่มเติม ทิตัส 3:3-7 ข้อควรจำ จงยืนหยัดที่จะเชื่อฟังพระเจ้า แม้จะดูเหมือน ว่าเราเป็นคนเดียวที่กำ ลังทำ สิ่งที่ถูกต้องตามคำ สอนของ พระองค์
30 31 พายุฝนสุดโหด 22 มกราคม น้ำ ท่วมแผ่นดินตลอด 40 วัน น้ำ ทวีขึ้นหนุนเรือให้สูง เหนือแผ่นดิน น้ำ ทวีมากขึ้นบนแผ่นดิน ส่วนเรือก็ลอยขึ้น บนผิวน้ำ น้ำ ท่วมสูงขึ้นไปเจ็ดเมตรครึ่งและภูเขาทั้งหลายก็ถูก ปกคลุมด้วยน้ำ สิ่งมีชีวิตทั้งปวงที่เคลื่อนไหวบนแผ่นดิน คือนก สัตว์ใช้งาน สัตว์ป่ากับบรรดาสัตว์ที่เคลื่อนที่ติดพื้น ดิน และมนุษย์ทั้งปวงก็ตายสิ้น สิ่งที่มีชีวิตทั้งหมดที่มีลม หายใจเข้าออกทางจมูก คือทั้งหมดที่อาศัยอยู่บนบกก็ตาย สิ้น พระองค์ทรงทำลายล้างสิ่งทั้งปวงที่มีชีวิตอยู่บนพื้นดิน ตั้งแต่มนุษย์ไปจนถึงสัตว์ใช้งานและสัตว์เลื้อยคลาน และนก ในอากาศ พวกเหล่านี้ถูกทำลายล้างเสียจากโลก เหลืออยู่แต่ โนอาห์และบรรดาผู้ที่อยู่กับท่านในเรือ ปฐมกาล 7:17-18,20-23 อ่านเพิ่มเติม 2 เปโตร 3:3-13 ข้อควรจำ พวกเราเปรียบเหมือนกับคนในสมัยโนอาห์ ที่ สมควรตายเพราะความบาปของเรา แต่พวกเราสามารถไว้ใจ พระเยซูที่จะให้ความรอดกับเราเหมือนกับโนอาห์ไว้ใจนาวา ว่าสามารถช่วยให้เขาปลอดภัยจากน้ำ ท่วม
31 โลกแห้ง 23 มกราคม เมื่อถึงวันที่หนึ่งของเดือนที่หนึ่ง ปีที่หกร้อยเอ็ด น้ำ ก็ แห้งจากแผ่นดิน โนอาห์เปิดหลังคาของเรือและมองเห็นว่า พื้นดินแห้ง พระเจ้าตรัสแก่โนอาห์ว่า “เจ้าจงออกไปจากเรือ ทั้ง ภรรยาของเจ้า บุตรชายของเจ้าและบุตรสะใภ้ของเจ้าด้วย จงพาสัตว์ทุกชนิดที่อยู่กับเจ้า ที่มีเลือดเนื้อ คือนก สัตว์ใช้งาน และสัตว์เลื้อยคลานทั้งหมดที่คลานบนดินให้ออกไป เพื่อจะ ได้แพร่พันธุ์ทวีขึ้นมากมายบนแผ่นดิน” โนอาห์ก็ออกไปพร้อม กับบุตร ภรรยา และบุตรสะใภ้ สัตว์ทุกชนิดและสัตว์เลื้อย คลานทั้งหมด กับนกและสัตว์ที่เคลื่อนไหวไปมาบนแผ่นดิน ทั้งหมดก็ออกไปจากเรือตามพันธุ์ของมัน ปฐมกาล 8:13,15-19 อ่านเพิ่มเติม สดุดี 104:1-9 ข้อควรจำ จงไว้ใจพระเจ้า ให้พระองค์ช่วยแก้ปัญหาหนักใจ