วเิ คราะห์เน้อื หากาพย์เรื่องพระไชยสุรยิ า
กาพยเ์ รือ่ งพระไชยสรุ ยิ า
จุดประสงคข์ องการแตง่
ใช้เป็นแบบเรียนภาษาไทย สาหรับสอน
เด็กให้หัดอ่านหนังสือ เนื่องจากมีเนื้อเรื่องเป็น
นิทาน มีตัวละคร มีฉาก จึงทาเกิดความ
สนุกสนานเพลิดเพลินในการอ่าน และมีคติ
สอนใจ
กาพยเ์ รื่องพระไชยสุริยา
กาพย์เรื่องพระไชยสุริยา เริ่มต้นด้วยบท
ไหว้ครูโดยใช้คาในมาตรา แม่ ก กา จากนั้นเป็น
เนือ้ เรอ่ื ง แต่งเรยี งตามมาตราตวั สะกด คอื
แม่ ก กา แม่กน แม่กก แม่กง แมก่ ด แมก่ บ
แมก่ ม แมเ่ กย เม่อื จะขนึ้ มาตราใดกจ็ ะบอก
ไวอ้ ย่างชดั เจน
เรอ่ื งย่อกาพยเ์ รอ่ื งพระไชยสุริยา
ต่อมาเป็นเรื่องเล่ากล่าวถึงพระไชยสุริยาครองเมืองสาวัตถี มีมเหสีพระนามว่า
สุมาลีทรงปกครองบ้านเมืองด้วยความผาสุก แต่ต่อมาบรรดาข้าราชการประพฤติตนไม่ดี
ไม่อยู่ในศีลธรรม ทาให้เกิดอาเพศต่าง ๆ พระไชยสุริยาจึงทรงพานางสุมาลีลงเรือสาเภา
เรือถูกพายุพัดอับปาง พระไชยสุริยาและพระมเหสีขึ้นฝั่งได้ จากนั้นก็เดินทางรอนแรม
กลางป่าได้รบั ความทกุ ข์ ฤๅษรี ปู หนง่ึ เวทนาจึงเทศนาธรรมะ พระไชยสรุ ยิ าและพระมเหสจี ึง
เสดจ็ ออกผนวชบาเพ็ญพรตตลอดพระชนมช์ พี
เน้ือเร่อื ง
กาพย์เร่อื งพระไชยสรุ ยิ า เร่ิมตน้ ดว้ ยบทไหว้ครูโดยใชค้ าในมาตรา แม่ ก กา
สะธสุ ะจะขอไหว้ พระศรีไตรสรณา
พอ่ แมแ่ ลครูบา เทวดาในราศี
เข้ามาต่อ ก กา มี
ขา้ เจา้ เอา ก ข ดีมิดอี ยา่ ตรชี า
แกไ้ ขในเท่านี้
เนื้อเรอื่ ง
สาธุจะขอไหวค้ ุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พอ่ แม่
ครู อาจารย์ เทวดาท่ีส่งิ สถิตตามท่ีตา่ ง ๆ ข้าพเจา้ จะเอา ก ข ก กา
มาต่อคากนั เทา่ ท่ีจะหาได้ จะดีหรอื ไมด่ ีอยา่ งไรก็ขออยา่ ไดด้ ูถูกกัน
เนือ้ เรื่อง จะร่าคาตอ่ ไป พอลอ่ ใจกมุ ารา
ธรณีมีราชา เจา้ พาราสาวะถี
(กาพย์ยานี ๑๑) มีสดุ ามเหสี
ชื่อพระไชยสุริยา อยู่บรุ ไี ม่มีภยั
ชอื่ วา่ สุมาลี มกี ิริยาอชั ฌาศัย
ได้อาศัยในพารา
ขา้ เฝ้าเหล่าเสนา ชาวบุรีกป็ รีดา
พอ่ คา้ มาแตไ่ กล ไดเ้ ข้าปลาแลสาลี
ไพรฟ่ า้ ประชาชี
ทาไรข่ ้าวไถนา
เนอ้ื เรอื่ ง
บรรยายคาต่อไปนี้เพื่อเป็นสิ่งล่อใจ
เด็ก ๆ ว่า มีพระมหากษัตริย์องค์หนึ่งทรง
พระนามวา่ พระไชยสรุ ยิ า ครองเมืองสาวะถี
มีพระมเหสีนามว่า สุมาลี พระไชยสุริยา
ปกครองบ้านเมอื งด้วยความสงบสุข
เน้อื เรื่อง
ขนุ นางทงั้ หลายยดึ มั่นอยูใ่ นครรลองคลองธรรม พอ่ ค้า
ชาวเมือง ชาวไร่ ชาวนา ตา่ งมีความสขุ กนั ถว้ นหนา้
เน้อื เร่อื ง
อยูม่ าหม่ขู า้ เฝา้ กห็ าเยาวนารี
ทหี่ นา้ ตาดดี ี ทามโหรีท่เี คหา
เข้าแต่หอล่อกามา
คา่ เชา้ เฝ้าสซี อ โลโภพาให้บ้าใจ
หาได้ใหภ้ รยิ า เหไปเข้าภาษาไสย
ฉอ้ แต่ไพร่ใสข่ อื่ คา
ไม่จาคาพระเจ้า
ถือดมี ขี า้ ไท
เน้ือเร่ือง
จนกระทั่งเมื่อข้าราชการ ขุนนาง และ
ผู้มีอานาจ ขาดศีลธรรม มัวเมาในอบายมุข
ลุ่มหลงในอิสตรี ขาดศีลธรรม ไม่นับถือพระ
ศาสนา นับถอื ไสยศาสตร์ ไร้ความเมตตา
เน้อื เรอื่ ง
คดีทม่ี ีคู่ คือไก่หมเู จ้าสภุ า
ใครเอาเขา้ ปลามา ให้สุภาก็ว่าดี
ไมถ่ ือพระประเวณี
ทแี่ พ้แกช้ นะ ไลด่ า่ ตีมีอาญา
ขฉ้ี อ้ ก็ไดด้ ี ว่าโง่เงา่ เต่าปูปลา
ว่าใบบ้ า้ สาระยา
ที่ซ่อื ถอื พระเจ้า
ผูเ้ ฒา่ เหล่าเมธา
พวกตุลาการกม็ ัวแตร่ ับสนิ บน ไมป่ ฏิบตั หิ นา้ ทีต่ ามควรของตนเอง
ไมม่ ีความยตุ ธิ รรม แถมยงั ดหู มิน่ ผู้ทน่ี ับถือพระศาสนา
เนื้อเรื่อง
ภิกษสุ มณะ เล่าก็ละพระสธรรม
คาถาวา่ ลานา ไปเรร่ า่ ทาเฉโก
ศีรษะไม้ใจโยโส
ไม่จาคาผใู้ หญ่ ข้าขอโมทนาไป
ที่ดมี อี ะโข
อกี ทัง้ บรรดาพระสงฆก์ ็มพี ฤติกรรมทไี่ ม่สมกบั เปน็ ผสู้ ืบถอด
พระพุทธศาสนา ไมส่ นใจในทางธรรม ถอื ดี ไมป่ ฏบิ ัตติ ามกิจของสงฆ์
เน้อื เร่อื ง ใครไมม่ ปี รานใี คร
พาราสาวะถี ท่ใี ครไดใ้ ส่เอาพอ
ดดุ ื้อถือแตใ่ จ ทาดุดื้อไม่ซือ้ ขอ
อะไรลอ่ ก็เอาไป
ผู้ท่ีมฝี มี ือ มไิ ดว้ า่ หมู่ขา้ ไท
ไล่ควา้ ผา้ ทค่ี อ แต่นา้ ใจไม่นาพา
ไพร่ฟ้าเศรา้ เปล่าอรุ า
ข้าเฝา้ เหล่าเสนา ไลต่ ีดา่ ไมป่ ราณี
ถือนา้ รา่ เข้าไป
หาได้ใครหาเอา
ผทู้ ีม่ อี าญา
เน้อื เรือ่ ง
เมืองสาวะถีกลายเป็นเมืองที่ไร้ความปรานีแก่กัน ผู้ที่มี
อานาจก็ข่มเหงรังแกผู้น้อย เห็นอะไรล่อตาล่อใจก็หยิบเอา
ตามที่ตนต้องการ โดยไม่มีการซื้อหรือขอ ทุกคนในเมืองเป็น
คนเห็นแก่ตัวไม่มีน้าใจ เหล่าเสนาอามาตย์ปล่อยปละละเลยไม่
ดูแลควบคุม ต่างไม่ยึดถือตามคาที่ตนเองเคยทาพิธีดื่มน้า
สาบานตนกอ่ นรับราชการ
เน้อื เร่อื ง
ผีปา่ มากระทา มรณกรรมชาวบรุ ี
น้าป่าเข้าธานี กไ็ ม่มที ี่อาศยั
หนีไปหาพาราไกล
ขา้ เฝ้าเหลา่ เสนา ไมม่ ใี ครในธานี
ชีบาลา่ ลี้ไป
เน้อื เรอ่ื ง
เกิดอาเพศหนัก ผีป่าได้เข้ามาย่ายีชาวเมืองจนล้มตายเป็น
จานวนมาก น้าไหลเข้าท่วมเมือง ประชาชนต่างไร้ที่อยู่อาศัยจึงพา
กันอพยพออกจากเมอื ง ทาให้มืองสาวะดกี ลายเปน็ เมืองร้าง
เนือ้ เร่อื ง พาพระมเหสี
นารที เ่ี ยาว์
(กาพยฉ์ บัง ๑๖) เสนเี สนา
พระไชยสรุ ยิ าภูมี
มาทใี่ นลาสาเภา
เขา้ ปลาหาไปไม่เบา
ก็เอาไปในเภตรา
เถ้าแกช่ าวแม่แซ่มา
กม็ าในลาสาเภา
เน้อื เร่ือง
พระไชยสุริยาพาพระมเหสีลงเรือสาเภา พร้อมข้าวปลา
อาหาร รวมถงึ เด็กหญิงสาววัยรุ่น คนแก่พร้อมหญิงสูงอายุในวัง
เหล่าเสนาอามาตยก์ ม็ าพร้อมกับลาเรือ
เน้อื เร่อื ง วายุพยเุ พลา
คา่ เช้าเปลา่ ใจ
ตมี า้ ล่อชอ่ ใบใส่เสา
สาเภากใ็ ช้ใบไป
เภตรามาในน้าไหล
ท่ใี นมหาวารี
เน้อื เรือ่ ง
ตีเคาะโลหะให้มีเสียงดังแล้วก็ชักใบเรือขึ้นประจวบเวลาที่
พายุพัดใบเรือ จึงทาให้เรือแล่นออกไปตามสายน้า ในเวลาค่า
เช้า รู้สึกเปลี่ยวใจเมื่ออยู่ที่ในท้องทะเล เพราะไม่มีพื้นแผ่นดิน
ให้อยู่อาศัย
เน้อื เร่อื ง
พสุธาอาศัยไม่มี ราชานารี
อย่ทู พ่ี ระแกลแลดู เหราปลาทู
วายุพาคลาไคล
ปลากะโห้โลมาราหู เปลา่ ใจนัยนา
มอี ย่ใู นนา้ คลา่ ไป
ราชาวา้ เหว่หฤทัย
มาในทะเลเอกา
แลไปไมป่ ะพสธุ า
โพลเ้ พลเ้ วลาราตรี
เน้อื เรอ่ื ง
พระราชาและมเหสีเฝ้ามองดูที่ขอบหน้าต่างเรือ มองเห็น
ปลากะโห้ ปลาโลมา ปลาราหู ปลาเหรา ปลาทู มีอยู่เต็มท้องน้า
พระราชารู้สกึ หวา้ เหว่ใจ ลมพายุพาเรือลอยลอ่ งไปตามทอ้ งทะเล
เน้อื เร่อื ง ใครร้คู ดี
ว่าพระมหา
ราชาวา่ แก่เสนี แผ่ไปใหญโ่ ต
วารนี ้เี ทา่ ใดนา
ข้าเฝา้ เลา่ แก่ราชา
วารนี ีไ้ ซรใ้ หญโ่ ต
ไหลมาแตใ่ นคอโค
มโหฬารล์ ้าน้าไหล
เน้อื เร่ือง
พระไชยสุริยาได้ตรัสกับเหล่าเสนาอามาตย์ว่าใครรู้
ขอ้ เท็จจริงบ้างวา่ ทะเลน้ีกว้างใหญเ่ พยี งใด เหล่าเสนาอามาตย์
ทูลพระราชาว่าท้องทะเลนี้ใหญ่โตยิ่งนัก น้าไหลมาจากด้าน
ปากวัวแผ่ไหลออกไปลงสแู่ มน่ า้ ใหญ่
เน้อื เร่อื ง ข้าพเจ้าเขา้ ใจ
ใหญโ่ ตมโหฬาร์
บาลมี ิไดแ้ กไ้ ข ใครร่ ู้คดี
ผใู้ หญ่ผเู้ ฒ่าเลา่ มา
ว่ามพี ญาสกณุ า
กายาเท่าเขาคีรี
ชื่อว่าพญาสาภาที
วารนี โี้ ตเท่าใด
เน้อื เรอ่ื ง
ความเชอื่ ตามคัมภรี ์โบราณ ทข่ี ้าพระพทุ ธเจา้ ยดึ ถอื ตาม
คาที่ผ้เู ฒา่ ผ้แู ก่เลา่ สบื ต่อกันมา เล่าวา่ แต่ก่อนมีพญานก ร่างกาย
ใหญโ่ ตเท่าภเู ขา ชื่อว่าพญาสัมพาที (เป็นลูกพญาครุฑ) ต้องการ
รขู้ อ้ เทจ็ จรงิ วา่ ทอ้ งทะเลนกี้ วา้ งเพยี งใด
เน้อื เร่อื ง พอพระสุรใิ ส
ยอ่ ท้อรอรา
โยโสโผผาถาไป สกณุ าถาไป
จะใกล้โพล้เพลเ้ วลา
แลไปไม่ปะพสุธา
ชีวากจ็ ะประลยั
พอปลามาในน้าไหล
อาศัยท่ศี ีรษะปลา
เน้อื เรอื่ ง
ความยโสจงึ บนิ ออกไปกลางทะเล จนพระอาทิตยใ์ กล้จะ
ตกดิน มองไปทางใดก็ไม่พบพื้นดิน จนรู้สึกย่อท้อเหนื่อยอ่อน
ใกล้จะสิ้นใจ พอดีเห็นปลาว่ายมาตามน้า พญานกก็โผไปเกาะที่
หวั ปลา
เน้อื เร่อื ง จาของอ้ ปลา
ใกล้หรอื วา่ ไกล
ชะแงแ้ ลไปไกลตา มไิ ดไ้ ปมา
วา่ ขอษมาอภัย ลาปลาจรลี
วารที ี่เราจะไป
ขา้ ไหวจ้ ะขอมรคา
ปลาวา่ ขา้ เจ้าเยาวภา
อาศัยอยตู่ อ่ ธรณี
สกุณาอาลัยชวี ี
สู่ท่ภี ูผาอาศัย
เน้ือเรือ่ ง
พญานกมองออกไปจนสุดสายตา แล้วกล่าวว่าข้าขออภัย
ท่านด้วย แม่น้าที่เราอยู่นี้ใกล้หรือไกลออกไปเพียงใด ข้าขอถาม
ทางท่านด้วยเถิด ปลาตอบว่าข้ายังอายุน้อยอยู่ ไม่ได้ไปมาที่อื่น
เลยไม่รู้ จวบจนกระทั่งมาอยู่ริมฝั่งไม่ไกลจากแผ่นดิน พญานก
รู้สึกอาลัยในชีวิตจึงกล่าวลาปลาบิน แล้วบินไปสู่ภูเขาที่ตนเอง
อาศยั อยู่
เน้อื เร่อื ง พระเจ้าเข้าใจ
พายุใหญ่มา
ขา้ เฝา้ เลา่ แกภ่ ูวไนย
ฤทัยวา้ เหวเ่ อกา
จาไปในทะเลเวรา
เภตรากเ็ หเซไป
เนือ้ เรอ่ื ง
เหล่าเสนาอามาตย์ทูลพระราชาจนพระองค์เข้าใจและรู้สึกหว้าเหว่ใจยิ่งนัก
จาใจลอ่ งเรอื ไปในท้องทะเลตามเวรตามกรรม จนพายใุ หญพ่ ัดเรอื หนั เหออกไป
เน้อื เรอ่ื ง
สมอกเ็ กา่ เสาใบ ทะลปุ รุไป
นา้ ไหลเขา้ ลาสาเภา
ผนี ้าซ้าไต่ใบเสา เจ้ากรรมซ้าเอา
สาเภาระยาควา่ ไป
ราชาคว้ามืออรไท เอาผา้ สไบ
ตอ่ ไว้ไม่ไกลกายา
เถ้าแกช่ าวแม่เสนา น้าเข้าหูตา
จระเข้เหราคร่าไป
เน้อื เร่อื ง
สมอเรือครูดไปตามพื้นท้องน้า
ใบเรือขาด น้าไหลเข้ามาในเรือ ผีซ้าด้าม
พลอยใบเรือขาดและเสาหัก จนทาให้เรือ
ลม่ พระราชาควา้ เอาข้อมือพระมเหสีแล้ว
เอาผ้าสไบผูกมัดไว้ไม่ให้ไกลตัว คนแก่
พร้อมหญิงสูงอายุในวัง ถูกน้าพัดพา
ไป บ้างถกู จระเข้ เหรา(สตั วค์ รงึ่ นาคครึ่ง
มังกร) คาบไป
เนอ้ื เรื่อง
ราชานารีร่าไร มกี รรมจาใจ
จาไปพอปะพสุธา
มไี มไ้ ทรใหญใ่ บหนา เข้าไปไสยา
เวลาพอคา่ ราไร
เน้อื เรอื่ ง
พระราชาและพระมเหสีร่าให้กับเวรกรรมที่ได้รับ
จาใจเดินทางต่อไปจนพบพื้นแผ่นดิน มีต้นไทร
ใบหนา เวลาพลบค่า จึงเขา้ ไปนอน
เนอ้ื เรื่อง
(กาพยส์ รุ างคนางค์ ๒๘)
ขึ้นใหม่ในกน ก กา ว่าปน ระคนกนั ไป
เอ็นดูภูธร มานอนในไพร มณฑลตน้ ไทร แทนไพชยนต์สถาน
ส่วนสุมาลี วนั ทาสามี เทวีอย่งู าน
เฝ้าอยูด่ ูแล เหมือนแตก่ ่อนกาล ใหพ้ ระภูบาล สาราญวญิ ญา
วนั นัน้ จนั ทร มดี ารากร เป็นบรวิ าร
เห็นสน้ิ ดนิ ฟา้ ในปา่ ทา่ ธาร มาลีคล่บี าน ใบก้านอรชร
เนอ้ื เร่ือง
(กาพยส์ ุรางคนางค์ ๒๘)
สงสารพระราชาทต่ี อ้ งมานอนในปา่ ใต้ต้นไทร แทนทจ่ี ะไดน้ อนที่
ปราสาทราชวัง สว่ นพระมเหสีอยูป่ รนนบิ ัติพระสวามี
เหมือนดั่งเดิมเพอ่ื ใหพ้ ระองคค์ ลายทกุ ข์
พระองค์ชวนพระมเหสีนอนโดย
ใช้ขอนไมแ้ ทนหมอน
เนื้อเรื่อง
(กาพยส์ ุรางคนางค์ ๒๘)
เยน็ ฉ่าน้าฟ้า ช่ืนชะผกา วายพุ าขจร
สารพนั จันทรอ์ ิน รื่นกลิน่ เกสร แตนต่อคลอร่อน ว้าวอ่ นเวยี นระวนั
จนั ทราคลาเคลือ่ น กระเวนไพรไก่เถ่อื น เตือนเพื่อนขานขนั
ปู่เจา้ เขาเขิน กเู่ กริน่ หากนั สินธุพลุ ั่น ครนื้ คร่ันหวนั่ ไหว
พระฟนื้ ตืน่ นอน ไกลพระนคร สะทอ้ นถอนทัย
เช้าตรสู่ รุ ิยนั ขึน้ พ้นเมรไุ กร มกี รรมจาไป ในป่าอารญั
เน้ือเร่อื ง
(กาพย์สุรางคนางค์ ๒๘)
วันนั้นดวงจันทร์ มีดวงดาวห้อม
ล้อมเป็นบริวาร มองเหน็ พื้นดิน ดอกไม้
แผ่กิ่งก้านสวยงาม ภายใต้แสงจันทร์เย็นชื่น
ฉ่าละอองหมอก ความสดชน่ื ของดอกไม้
ลมพัดพากลิน่ หอมหลากหลายกลน่ิ
ตัวแตน ตอ่ บินตอมกันว่อนไปทวั่
เนอ้ื เรอื่ ง
(กาพยส์ ุรางคนางค์ ๒๘)
พระจันทร์เคลื่อนขยับ ไก่ป่าขันเตือน
พร้อมกับเสียงขานรับจากตัวอื่น ๆ ทั่วทั้ง
ขุนเขาพระราชาตื่นนอน เมื่อยามห่างไกล
พระนครก็ทอดถอนใจ บรรยากาศตอนเช้า
เมื่อพระอาทิตย์โผล่พ้นขอบเขา จาเป็นต้อง
เดนิ ทางในปา่ ตามเวรกรรม
เน้อื เร่อื ง
ขนึ้ กงจงจาสาคญั ท้งั กนปนกัน
ราพันมง่ิ ไมใ้ นดง ตลิงปลงิ ปรงิ ประยงค์
หลน่ เกล่ือนเถอื่ นทาง
ไกรกรา่ งยางยงู สูงระหง
คันทรงสง่ กล่นิ ฝิน่ ฝาง
มะมว่ งพวงพลองช้องนาง
กนิ พลางเดินพลางหว่างเนิน
เน้อื เร่ือง
ขึ้นแม่กง และ แม่กน จงจาไว้ให้ดี จะพรรณนาเรื่องใน
ป่าดง ต้นไกร ต้นกร่าง ยาง ยูง มีลาต้นสูงเรียวระหง
ต้นตลิงปริง ประยงค์ คันทรง ต่างส่งกลิ่นทั่ว ต้นมะม่วง
พลวง พลอง ช้องนาง ใบหลน่ เกลือ่ นเต็มตามทาง
กนิ ผลไมพ้ ลางเดนิ ไปพลางระหว่างเนินเขา
เน้อื เร่อื ง เหมอื นอย่างนางเชญิ
เริงรอ้ งซอ้ งเสียง
เห็นกวางย่างเย้ืองชาเลอื งเดิน ฟังเสยี งเพียงเพลง
พระแสงสาอางขา้ งเคยี ง เพียงฆ้องกลองระฆัง
เขาสงู ฝงู หงสล์ งเรยี ง
สาเนียงนา่ ฟังวงั เวง
กลางไพรไกข่ ันบรรเลง
ซอเจง้ จาเรยี งเวียงวัง
ยูงทองร้องกะโต้งโห่งดัง
แตรสงั ขก์ งั สดาลขานเสยี ง
เน้ือเรือ่ ง
มองเห็นกวางกาลังเยื้องย่างเดิน พร้อมกับชาเลืองมองดู
เหมือนกับเชิญชวนให้มองดูความสวยงาม และระวังอันตรายรอบข้าง
ไปในตัว มองไปที่เขาสูงเห็นฝูงหงส์กาลังโฉบลงเรียงกัน ต่างพากัน
ร้องอย่างรื่นเริงสาเนียงเสนาะไพเราะวังเวงยิ่งนัก กลางป่ามีไก่ขัน
แขง่ กันฟังเหมือนเสียงซอที่บรรเลงมาจากในวงั นกยูงทองร้องเสียง
ดงั เหมือนเสยี งฆ้อง กลอง ระฆัง แตร สงั ข์ ดงั ควบค่ขู านเสียง
เน้อื เร่อื ง พระยาลอคลอเคยี ง
เพลนิ ฟังวงั เวง
กะลิงกะลางนางนวลนอนเรียง ค่างแขง็ แรงเริง
แอ่นเอ้ยี งอีโก้งโทงเทง อึงคะนึงผงึ โผง
ค้อนทองเสยี งรอ้ งปอ๋ งเปง๋
อเี ก้งเริงรอ้ งลองเชงิ
ฝูงละม่ังฝงั ดินกนิ เพลิง
ยนื เบ่งิ บงึ้ หนา้ ตาโพลง
ปา่ สูงยูงยางชา้ งโขลง
โยงกนั เลน่ นา้ คลา่ ไป
เนอ้ื เรอ่ื ง
นกกะลิง นกกะลาง นกนางนวล นอนเคียงกัน นกไก่ฟ้า
พญาลอ คลอเคียงคู่กัน พร้อมนกนางแอ่น นกเอี้ยง นกอีโก้ง
และนกโทงเทง นกค้อนทองร้องเสียงดังป๋องเป๋ง ฟังเสียง
เพลิดเพลิน นกอีเก้งเริงร้องลองเชิงกัน ฝูงละมั่งพากันมากินดิน
นอนผึ่งแดด ดูบึกบึนแข็งแรงและรื่นเริง ยืนมองทาหน้าตาโพลง
บริเวณป่าต้นยูง ต้นยางที่สูง มีช้างอยู่โขลงใหญ่กาลังส่งเสียง
และลงเล่นน้า
เน้อื เรอื่ ง แสนลาบากจากเวียงไชย
กนิ ผลไม้ได้เปน็ แรง
ขนึ้ กกตกทุกขย์ าก พระสรุ ิยงเย็นยอแสง
มันเผอื กเลือกเผาไฟ แฝงเมฆเขาเงาเมรธุ ร
ฝูงจง้ิ จอกออกเห่าหอน
รอนรอนออ่ นอัสดง นกหกรอ่ นนอนรงั เรยี ง
ชว่ งดงั นา้ คร่งั แดง อา้ ปากรอ้ งซ้องแซ่เสียง
เลยี้ งลูกออ่ นป้อนอาหาร
ลงิ ค่างครางโครกครอก
ชะนีวิเวกวอน
ลูกนกยกปกี ป้อง
แมน่ กปกปีกเคยี ง
เนือ้ เรอ่ื ง
ขึ้นแม่กก ตกทุกข์ได้ยาก มีความลาบากเมื่อพลัดพรากจากวัง
ไดอ้ าศยั กินเผือก มัน และผลไม้ เพื่อให้ได้มีกาลัง เมื่อพระอาทิตย์ใกล้จะ
หมดแสงลง เป็นเวลาที่มองดแู ลว้ เหมือนกบั น้าครั่งที่กาลังแดง แฝงเข้าไปใน
เมฆระหว่างขุนเขา ฝูงลิง ค่าง ต่างพากันส่งเสียงครางโครกครอก ฝูงสุนัข
จงิ้ จอกออกมาเห่าหอน ชะนสี ง่ เสียงดังวเิ วก นกต่างโผเขา้ ส่รู งั นอน
เรียงกนั เป็นแถว ลกู นกอา้ ปากรอรับอาหารจากแมเ่ สยี งดังเซ็งแซ่
แม่นกยกปกี ปอ้ งเอาไวพ้ รอ้ มกบั ปอ้ นอาหารให้ลกู