The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนวิชา องค์การและการจัดการสมัยใหม่

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by krookan8639, 2021-03-20 23:46:12

แผนวิชา องค์การและการจัดการสมัยใหม่

แผนวิชา องค์การและการจัดการสมัยใหม่

แผนการจัดการเรียนรู้

รหัสวชิ า 30001-1002 วชิ า องค์การและการจดั การสมยั ใหม่

หลักสูตรประกาศนียบัตรวชิ าชีพ พทุ ธศักราช 2563
ประเภทวชิ าพาณชิ ยกรรม

โดย
นางสาวกานต์พชิ ชา ผายป้องนา

ครู (พนักงานราชการ)
แผนกวชิ าการบัญชี
วทิ ยาลัยการอาชีพพรรณานคิ ม

รหัสและช่อื วิชา 30001-1002 ลกั ษณะรายวิชา 54 ชวั่ โมง
หนว่ ยกจิ (ช่วั โมง) 2-2-3 วิชาองคก์ ารและการจัดการสมยั ใหม่

เวลาเรียนตอ่ ภาค

รายวิชาตามหลักสตู ร ปรับคาอธบิ ายรายวิชาเป็น ช่ัวโม

สมรรถนะ ง

จดุ ประสงค์รายวชิ า สมรรถนะรายวชิ า 3

1. มีความรู้ความเขา้ ใจเกย่ี วกับหลักการจดั การ 1. แสดงความรู้ท่ัวไปเก่ยี วกับ

2.. เข้าใจแนวคิด ความเป็นมาในการจัดการ การประกอบธุรกิจ

3. มคี วามรูค้ วามเขา้ ใจหน้าทแ่ี ละกระบวนการในการจดั การ 2. แสดงแนวคดิ และความ 3

4. มีความรคู้ วามเขา้ ใจเกีย่ วกบั แรงงานสมั พนั ธ์ ประกันสงั คม เป็นมาในการจดั การ

และการจัดการโดยนาเทคโนโลยสี มยั ใหมม่ าใชไ้ ด้อย่าง 3. แสดงหลักการและ 6

เหมาะสม กระบวนการจดั การ

5.นาความรใู้ นการจดั การไปประยุกตใ์ ช้ในงานอาชพี สาขา 4. วางแผนดาเนนิ ธุรกจิ ตาม 6

ต่าง ๆ ได้ เวลาทีก่ าหนด

มาตรฐานรายวิชา 5. แบ่งกล่มุ งานองคก์ ารที่ 6

1. มคี วามรคู้ วามเขา้ ใจเก่ยี วกบั หลกั การ กระบวนการของการ เหมาะสม 6

จัดการ 6. กาหนดคุณสมบัติและ

2. สามารถจดั ทาโครงการและปฏิบัติงานได้ตามเปา้ หมาย ลกั ษณะขอบงผนู้ า 6

3. เห็นคณุ ค่า ความสาคญั ของหลกั การจดั การ สามารถ 7. กาหนดการติดตอ่ สอ่ื สาร 6

ปฏิบัตงิ านโดยใชห้ ลกั วชิ าการอยา่ งเหมาะสม และมีเหตุผล เหมาะสม

คาอธิบายรายวชิ า 8. ออกแบบการควบคุมตาม 6

ศึกษาเก่ียวกบั ความรู้ทวั่ ไปเก่ยี วกบั หลกั การจดั การ กระบวนการบรหิ าร

ความเปน็ มาและแนวคดิ การจดั การ หลักการและกระบวนการ 9. กาหนดกระบวนการสรรหา

จดั การ การวางแผน การจัดองค์การ การจดั การงานบุคคล บุคคลเหมาะสม นา

การอานวยการ การกากบั ดูแล แรงงานสัมพันธ์และ กฎหมายแรงงานและ 6

ประกันสงั คม การนาเทคโนโลยใี หม่ ๆ มาใชใ้ นการจดั การ การ ประกนั สังคมไปใชใ้ นการ

ประยุกตห์ ลักการจดั การในงานอาชีพ ประกอบการ

10. เลือกวิธกี ารจัดการ

สมยั ใหม่มาใชไ้ ด้เหมาะสม

รวม 54

หนว่ ยการเรยี นรู้

สัปดาห์ ครั้งท่ี หวั ขอ้ เรื่อง จานวน กิจกรรมการ สื่อการสอน
ที่ คาบ สอน
ความร้ทู ัว่ ไปเกยี่ วกบั การประกอบ
11 ธุรกิจ 3 -บรรยาย -เอกสารการ
ความหมายของธุรกิจ
ความสาคัญของธรุ กจิ -ถาม-ตอบ สอน
องคป์ ระกอบของธุรกิจ
ประเภทของธุรกิจ -กิจกรรมกลุ่ม -Power
รูปแบบของธรุ กจิ
จรยิ ธรรมในการประกอบธุรกจิ -นาเสนองาน Point
วิวัฒนาการและแนวความคิดพน้ื ฐาน
ดา้ นการจัดการ -ทาแบบฝึกหัด -ใบงาน
ววิ ฒั นาการของการจัดการ
แนวคดิ พ้นื ฐานด้านการจดั การ -สอบประจาบท แบบทดสอบ
รูปแบบการจัดการด้านการจดั การ
22 แนวโน้มการจดั การในอนาคต 3 -บรรยาย -เอกสารการ
3-4 3-4 ปญั หาด้านกฎหมายและสังคม
5-6 5-6 องคก์ ารและการจัดการ -ถาม-ตอบ สอน
ความหมายขององค์การและการจดั การ
ความสาคัญขององคก์ ารและการจัดการ -กิจกรรมกลมุ่ -Power
ลกั ษณะขององค์การ
กระบวนการบริหาร -นาเสนองาน Point
สภาพแวดล้อมทางการจัดการ
ผู้บรหิ ารกับการจัดการ -ทาแบบฝกึ หัด -ใบงาน
การวางแผน
ความหมายของการวางแผน -สอบประจาบท แบบทดสอบ
ความสาคญั ของการวางแผน
องค์ประกอบของการวางแผน 6 -บรรยาย -เอกสารการ
ประเภทของการวางแผน
คณุ ลกั ษณะของการวางแผนทด่ี ี -ถาม-ตอบ สอน
กระบวนการและเทคนิคในการวางแผน
-กิจกรรมกลุม่ -Power

-นาเสนองาน Point

-ทาแบบฝกึ หดั -ใบงาน

-สอบประจาบท แบบทดสอบ

6 -บรรยาย -เอกสารการ

-ถาม-ตอบ สอน

-กจิ กรรมกลุม่ -Power

-นาเสนองาน Point

-ทาแบบฝึกหัด -ใบงาน

-สอบประจาบท แบบทดสอบ

หลกั และวธิ ีการเขียนโครงการ

7-8 7-8 การจดั องค์การ 6 -บรรยาย -เอกสารการ

ความหมายของการจดั องค์การ -ถาม-ตอบ สอน

ความสาคญั ของการจดั องค์การ -กจิ กรรมกลมุ่ -Power

องค์ประกอบของการจดั องคก์ าร -นาเสนองาน Point

ประเภทของการจัดองค์การ -ทาแบบฝกึ หัด -ใบงาน

หลักและกระบวนการจดั องคก์ าร -สอบประจาบท แบบทดสอบ

รูปแบบโครงสร้างองคก์ าร

9-10 9-10 การจดั การทรัพยากรมนุษย์ 6 -บรรยาย -เอกสารการ

ความหมายของการจัดการทรัพยากร -ถาม-ตอบ สอน

มนษุ ย์ ความสาคญั ของการจดั การ -กจิ กรรมกลุ่ม -Power

ทรพั ยากรมนุษย์ -นาเสนองาน Point

กระบวนการจัดการทรพั ยากรมนษุ ย์ -ทาแบบฝกึ หัด -ใบงาน

หลกั การจดั การทรัพยากรมนษุ ยท์ มี่ ี -สอบประจาบท แบบทดสอบ

ประสทิ ธิภาพ

ผบู้ ริหารกบั การจดั การทรพั ยากรมนุษย์

ข้อกฎหมายสาหรบั การบริหาร

ทรัพยากรมนษุ ย์

11-12 11-12 การส่งั การ 6 -บรรยาย -เอกสารการ

ความหมายของผนู้ าและภาวะผนู้ า -ถาม-ตอบ สอน

ความสาคัญของผนู้ าและภาวะผนู้ า -กจิ กรรมกลมุ่ -Power

คุณลกั ษณะและคุณสมบัติของผ้นู า -นาเสนองาน Point

ทักษะสาคัญสาหรับผนู้ า -ทาแบบฝกึ หดั -ใบงาน

รปู แบบของผู้นา -สอบประจาบท แบบทดสอบ

หนา้ ที่ของผู้นา

13-14 13-14 การตดิ ต่อสือ่ สาร 6 -บรรยาย -เอกสารการ

ความหมายของการติดตอ่ สอ่ื สาร -ถาม-ตอบ สอน

ความสาคญั ของการตดิ ตอ่ ส่ือสาร -กจิ กรรมกลุ่ม -Power

องคป์ ระกอบของการติดตอ่ สอ่ื สาร -นาเสนองาน Point

กระบวนการตดิ ต่อสอ่ื สาร -ทาแบบฝกึ หัด -ใบงาน

ประเภทของการติดตอ่ ส่ือสาร

รูปแบบของการตดิ ตอ่ สื่อสาร

ปสรรคในการตดิ ต่อสื่อสาร

การเพม่ิ ประสิทธิภาพในการ

ตดิ ตอ่ ส่อื สาร

15-16 15-16 การควบคุม 6 -บรรยาย -เอกสารการ

ความหมายของการควบคมุ -ถาม-ตอบ สอน

ความสาคญั ของการควบคมุ -กจิ กรรมกลุ่ม -Power

ประเภทของการควบคมุ -นาเสนองาน Point

กระบวนการควบคุม -ทาแบบฝึกหัด -ใบงาน

หลักการควบคมุ -สอบประจาบท แบบทดสอบ

ขอบขา่ ยและเคร่ืองมือในการควบคมุ

17 17 การจดั การสมยั ใหม่ 3 -บรรยาย -เอกสารการ

ความหมายของการจดั การสมัยใหม่ -ถาม-ตอบ สอน

ความสาคัญของการจดั การสมัยใหม่ -กจิ กรรมกลุม่ -Power

ลักษณะขององค์การสมัยใหม่ -นาเสนองาน Point

บทบาทและหนา้ ที่ของผู้บรหิ ารองค์การ -ทาแบบฝกึ หัด -ใบงาน

สมัยใหม่ -สอบประจาบท แบบทดสอบ

เทคนิคการจัดการสมัยใหม่

18 18 สอบปลายภาค 3 ปฏิบตั ิการสอบ แบบทดสอบ
54
รวม

ตารางวเิ คราะห์หลกั สตู รรายวิชา

รหสั วชิ า 3200-1002 ชื่อวิชา หลักการจัดการ จานวน 3 หนว่ ยกิต 4 ช่วั โม/สปั ดาห์

ระดบั คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ การบูรณาการปรชั ญา
พทุ ธพิสัย เศรษฐกจิ พอเพยี ง

หนว่ ย ชือ่ หน่วยการเรยี นรู้ ความรู้
ท่ี ความเ ้ขาใจ
นาไปใช้
ิวเคราะ ์ห
สังเคราะ ์ห
การประเมินค่า
ัทกษะ ิพสัย
จิต ิพสีย
ความพอประมาณ
มีเห ุตผล
มีภูมิคุ้ม ักน
เงื่อนไขความรู้
เงื่อนไขคุณธรรม
เวลาช่ัวโมง

1 ความรทู้ ่ัวไปเกย่ี วกบั การประกอบ      3

ธรุ กิจ  3

2 วิวฒั นาการและแนวความคดิ      6
 6
พื้นฐานด้านการจดั การ  6
 6
3 องค์การและการจัดการ   6
 6
4 การวางแผน   6
 3
5 การจัดองคก์ าร 
3
6 การจัดการทรัพยากรมนุษย์  50 30 3 ห่วง 2 เงอ่ื นไข 54

7 การสัง่ การ 

8 การติดตอ่ สือ่ สาร 

9 การควบคมุ 

10 การจัดการสมัยใหม่ 

สอบปลายภาค

สดั ส่วน (รอ้ ยละ) 50

แผนการเรยี นรู้แบบบรู ณาการปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง

รหสั วชิ า 30001-1002 ชื่อวชิ า หลกั การจดั การ หน่วยกิต (ชม.) 2-2-3

หลกั สตู ร ประกาศนยี บตั รวิชาชีพชน้ั สงู แผนกวิชา การบญั ชี สาขางาน การบญั ชี

ชือ่ หนว่ ย ความรูท้ ่ัวไปเกย่ี วกบั การประกอบธรุ กจิ สอนครั้งที่ 1 จานวน 3 ชม.

สาระสาคัญ

ธุรกจิ เปน็ กิจกรรมต่าง ๆ ของกลุ่มบุคคลที่ดาเนินการจาหน่ายสนิ ค้าหรอื บริการ โดยมุง่ หวงั ผลกาไร

และมคี วามเสียงจากการลงทนุ โดยการประกอบธรุ กจิ จะชว่ ยใหก้ ารดารงชวี ิตของมนุษยม์ คี วามสะดวกสบาย

มากยิ่งขนึ้ องค์ประกอบสาคญั ของการประกอบธรุ กจิ คือการผลติ สินค้าและบริการ การแลกเปล่ียน การ

จาหนา่ ย และการกระขายสินค้า ซ่ึงประเภทและรปู แบบในการประกอบธุรกิจจะสง่ ผลกระทบตอ่ การดาเนิน

กิจกรรมตา่ ง ๆ ทั้งดา้ นการลงทุน ความรบั ผิดชอบตอ่ สงั คม สามารถทาไดโ้ ดยยดึ ม่นั การดาเนนิ กิจกรรมทาง

การค้าภายใต้จรยิ ธรรมท่พี งึ ปฏิบตั ิ

สาระการเรยี นรู้

ด้านความรู้

1. ความของของธรุ กิจ

2. ความสาคัญของธรุ กจิ

3. ประเภทของธุรกจิ

4. รูปแบบของธุรกิจ

5. จริยธรรมในการประกอบธรุ กิจ

ดา้ นทกั ษะ

1. แยกประเภทธรุ กจิ

ดา้ นคุณธรรม จริยธรรม

1. ความรบั ผิดชอบ ความประหยัด ความอดทน ความสนใจใฝร่ ู้ ความรอบร้แู ละรอบคอบ ไม่เอารัด

เอาเปรียบ ไมฉ่ วยโอกาส มีความยุติธรรม

สมรรถนะอาชีพประจาหน่วย

1. แยกประเภทของธุรกจิ ได้อย่างถกู ตอ้ ง

จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้

1. อธิบายความหมายและความสาคญั ของธุรกิจได้

2. อธิบายองคป์ ระกอบของธรุ กจิ ได้

3. อธบิ ายประเภทของการประกอบธุรกิจได้

4. อธบิ ายรูปแบบของธรุ กจิ ได้

5. สามารถแยกแยะรูปแบบของธรุ กจิ ได้

6. บอกจริยธรรมทด่ี ใี นการประกอบธุรกิจได้

เน้ือหาสาระ

1. ความของของธุรกิจ
2. ความสาคัญของธรุ กจิ
2.1 ระดับบุคคล
2.1.1 ด้านการตอบสนองความตอ้ งการของมนุษย์
2.1.2 ดา้ นรายได้
2.2 ระดบั สังคม
2.2.1 ด้านปัญหาสงั คม
2.2.2 ดา้ นการพัฒนาเทคโนโลยี
2.3 ระดับประเทศชาติ
2.3.1 ด้านความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
2.3.2 ด้านการพัฒนาประเทศชาติ
2.3.3 ดา้ นการเผยแพร่ประเทศชาติ
3. องค์ประกอบของธุรกจิ

3.1 คน (Man)
3.2 เงนิ (Money)
3.3 วตั ถดุ ิบ (Material)
3.4 วธิ ีปฏิบัติ (Method)
4. ประเภทของธรุ กจิ
4.1 ธรุ กิจการเกษตร (Agriculture)
4.2 ธุรกิจอตุ สาหกรรม (Manufacturing)
4.3 ธุรกิจพาณชิ ย์ (Commercial)
4.4 ธุรกจิ การเงิน (Financial)
4.5 ธุรกิจก่อสรา้ ง (Construction)
4.6 ธุรกิจบริการ (Services)
4.7 ธรุ กจิ อาชพี อิสระ (Freelance)
5. รูปแบบของธุรกิจ
5.1 กิจการเจ้าของคนเดียว

5.1.1 ขอ้ ได้เปรยี บในการประกอบธรุ กจิ เจ้าของคนเดียว
5.1.2 ขอ้ เสียเปรยี บในการประกอบธรุ กจิ เจ้าของคนเดียว
5.2 ห้างหนุ้ ส่วน
5.2.1 ประเภทของห้างหุน้ ส่วน
5.2.2 ขอ้ ไดเ้ ปรยี บของการประกอบธรุ กจิ ประเภทห้างหุ้นสว่ น

5.2.3 ข้อเสียเปรยี บของการประกอบธุรกิจประเภทห้างหุ้นสว่ น
5.3 บริษัท จากดั

5.3.1 ประเภทของบรษิ ัท จากัด
5.3.2 ข้อได้เปรียบของการประกอบธุรกิจประเภทบรษิ ทั จากัด
5.3.3 ข้อเสียเปรยี บของการประกอบธุรกิจประเภทบรษิ ัท จากัด
6. จริยธรรมในการประกอบธรุ กจิ
6.1 หลักปฏบิ ัตเิ กีย่ วกับจรรยาบรรณของผปู้ ระกอบธรุ กจิ
6.1.1 ความซ่ือสัตย์สจุ ริต
6.1.2 ความภกั ดีต่อกจิ การ
6.1.3 ความพากเพียร
6.1.4 ความไวว้ างใจซงึ่ กนั และกัน
6.2 ความรบั ผิดชอบและจรรยาบรรณในดา้ นต่าง ๆ ของการประกอบธุรกจิ
6.2.1 จรรยาบรรณดา้ นการผลิตสินค้า
6.2.2 จรรยาบรรณดา้ นการจดั จาหน่ายสินค้า
6.2.3 จรรยาบรรณด้านการบรกิ าร
6.2.4 จรรยาบรรณด้านความรบั ผดิ ชอบต่อสังคม
6.2.5 จรรยาบรรณด้านการตั้งราคาสินคา้
6.2.6 จรรยาบรรณดา้ นคู่แข่ง
สรปุ
ธุรกจิ หมายถงึ กจิ กรรมต่าง ๆ ของกลุม่ บคุ คลท่ีดาเนนิ การจาหนา่ ยสนิ คา้ หรอื บริการโดยมงุ่ หวัง
ผลกาไร ซึ่งมคี วามเสย่ี งตอ่ การลงทนุ และมีผลตอบแทนในรูปของกาไร ขาดทนุ โดยการประกอบธรุ กจิ จะชว่ ย
ใหก้ ารดารงชีวติ ของมนษุ ย์มคี วามสะดวกสบายมากยิ่งข้นึ
ประเภทของธรุ กิจแบง่ ออกเป็น 2 ประเภท คอื กลุม่ การผลิตและกลุม่ กาบรกิ าร
รูปแบบการประกอบธรุ กิจ ประกอบด้วย ธุรกจิ เจ้าของคนเดียว หา้ งหนุ้ สว่ น และบริษัทจากดั ซง่ึ
แต่ละรูปแบบจะมีกระบวนการท่แี ตกต่างกนั ในดา้ นการดาเนินธรุ กิจและการเสียภาษีอากรของธุรกจิ นัน้ ๆ
ในการดาเนนิ การของธรุ กจิ ทรพั ยากรทเ่ี ปน็ องค์ประกอบทีส่ าคัญของการประกอบธุรกิจ คอื คน
เงิน วัตถุดบิ และวธิ ีการปฏิบัติ ทา่ มกลางการแขง่ ขนั ของการตลาดทน่ี บั วันจะทวีความรนุ แรงมากยงิ่ ขน้ึ
จริยธรรมและจรรยาบรรณทางธรุ กจิ จึงนับเป็นสิ่งจาเปน็ ท่ีผู้ประกอบธุรกจิ จะต้องแสดงออกเพือ่ รับผดิ ชอบตอ่
สังคม และทาให้ผู้บรโิ ภคเกิดความเชือ่ ม่ัน

กิจกรรมการเรยี นการสอน

ขั้นนาเข้าสูบ่ ทเรยี น
ครูผสู้ อน อธิบายเนอ้ื หารายวชิ า และหลักเกณฑก์ ารประเมินผลพรอ้ มรปู แบบการเรยี นการสอน

และจุดประสงค์การเรียนร้ใู นภาคเรยี นนี้ แจ้งวธิ กี ารวัดผลประเมินผล
ขน้ั สอน

กจิ กรรมครู
1. ครผู ู้สอนพดู คุยกับนกั ศกึ ษาเกยี่ วกับการดาเนนิ ชีวิตในแตล่ ะวนั ว่าเราตอ้ งใชส้ ินค้าต่าง ๆ
ทขี่ ายตามทอ้ งตลอด เราใช้สนิ คา้ ต้ังแต่ตน่ื นอนจนเข้านอน และในขณะทน่ี อนเราก็ยงั ใช้
สินค้าตา่ ง ๆ สิ่งต่าง ๆ ท่ีใช้อยู่ทกุ วันเกดิ ขน้ึ จากการดาเนินธุรกจิ ของกลุ่มบุคคลคา้ ง ๆ
2. ครใู หผ้ ูเ้ รียนทาแบบประเมินผลก่อนเรยี น
3. ครผู สู้ อนให้ผเู้ รียนศกึ ษาเนือ้ หาเอกสารประกอบการสอน
4. เปิดโอกาสใหผ้ ู้เรียนได้แสดงความคดิ เหน็ เพิ่มเติม และรวมกนั อภปิ ราย
5. ครูบรรยายเน้อื หาเพิ่มเตมิ

กิจกรรมผเู้ รียน
1. ผเู้ รยี นโตต้ อบพูดคุยกบั ผู้สอนเรอื่ งเก่ียวกบั การดาเนินชีวิตในแต่ละวันว่าใช้สินค้า
อะไรบ้างในแตล่ ะวนั
2. ผู้เรยี นทาแบบประเมนิ ผลก่อนเรียน
3. ผเู้ รยี นศึกษาเอกสารประกอบการเรียน
4. ผู้เรียนอภิปรายเพื่อแสดงความคดิ เห็น พรอ้ มยกตัวอย่าง โดยครูผสู้ อนกระต้นุ ดว้ ยการใช้
คาถาม
5. ผูเ้ รยี นฟังบรรยายสรุปของครแู ล้วจดบนั ทึกสาระสาคัญทคี่ รูบรรยายเพมิ่ เติมให้
6. ผู้เรียนปฏบิ ัติกจิ กรรมท้ายบท/ใบงาน

ข้ันสรปุ

1. ครูและผู้เรียนร่วมกนั สรุป
2. ผเู้ รยี นสอบหลังเรยี น

สื่อการเรียนการสอน

1. หนงั สือเรยี น วิชาหลักการจดั การ
2. แบบทดสอบกอ่ นเรยี น/หลงั เรียน
3. PowerPoint (เนอ้ื หาเรอื่ ง ความรูท้ ว่ั ไปเกย่ี วกบั การประกอบธรุ กจิ )
4. กิจกรรมการเรียนรู้
5. กจิ กรรมท้ายบท

การวัดผลและการประเมินผล

วิธวี ัดผล
1. ตรวจแบบทดสอบกอ่ นเรียน/หลงั เรยี น
2. สังเกตพฤติกรรมรายบุคคล
3. สังเกตกระบวนการทางานเป็นกล่มุ
4. ตรวจผลงานตามกจิ กรรมท้ายบท
เคร่ืองมือวดั ผล
1. แบบทอสอบกอ่ นเรยี น/หลังเรยี น
2. แบบประเมินผลการเรยี นรู้

เกณฑ์วัดผลและประเมนิ ผล

1. การให้ความรว่ มมอื ในการปฏิบัติกจิ กรรมตามเกณฑ์ 70 %
2. ตรวจผลงานจากการทดสอบใหผ้ ่านได้ 70 % ขึ้นไป
3. ตรวจประเมินผลกิจกรรม ต้องทาถูกตอ้ ง 70%

กจิ กรรมการเรยี นรู้

ชือ่ กิจกรรม รปู แบบของธุรกจิ

จุดประสงค์การเรียนรู้

1. เพ่ือใหผ้ เู้ รียนสามารถจาแนกประเภทของธรุ กิจได้

กจิ กรรมปฏบิ ัติ

1. ใหผ้ ูเ้ รียนแต่ละคนศึกษาและค้นคว้า เรอ่ื งประเภทของธุรกจิ

2. ให้ผู้เรยี นทกุ คนเลือกภาพที่เกีย่ วข้องกบั ประเภทของธุรกจิ แต่ละประเภท โดยให้ศกึ ษาคน้ คว้า

จากหนงั สอื พิมพ์ วารสาร นิตยสาร อินเทอรเ์ น็ต หรือแหลง่ อื่น ๆ

3. ใหผ้ ู้เรยี นแต่ละคนนาภาพทีไ่ ด้มาคัดเลือกแลว้ แยกเป็นประเภทของธรุ กิจแตล่ ะประเภท แล้ว

ให้เขียนใตภ้ าพวาเปน็ ภาพธุรกจิ ประเภทใด

4. ผูส้ อนสุม่ เลอื กให้ผูเ้ รยี นนาเสนอหนา้ ช้ัน 5-6 คน โดยใหน้ าเสนอวา่ ภาพทน่ี าเสนอนน้ั เปน็ ภาพ

ของธรุ กจิ ประเภทใด

5. ผ้สู อนและผเู้ รียนร่วมกนั แสดงความคิดเห็น

6. ผู้เรยี นนาผลงานส่งผสู้ อนเพอ่ื ประเมนิ ผล

การประเมนิ ผล

ท่ี รายการประเมิน 43 21

1 ความรบั ผดิ ชอบในการปฏบิ ัตกิ ิจกรรม

2 สื่อประกอบในการนาเสนอ

3 รูปแบบการนาเสนอหน้าชัน้ เรียน

4 ความถกู ตอ้ งของเนือ้ หาทีนาเสนอ

5 ผลสาเรจ็ ของงาน

เกณฑ์การประเมิน 4=ดีมาก 3=ดี 2=พอใช้ 1=ปรบั ปรุง

ผ้ปู ระเมนิ ..........................................
............/............................../............

แผนการเรียนรู้แบบบรู ณาการปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง
รหสั วชิ า 30001-1002 ชอื่ วชิ า หลกั การจัดการ หน่วยกิต (ชม.) 2-2-3
หลกั สูตร ประกาศนียบตั รวิชาชพี ช้ันสูง แผนกวิชา การบญั ชี สาขางาน การบญั ชี
ช่ือหน่วย วิวฒั นาการและแนวคดิ พน้ื ฐานด้านการจัดการ สอนครง้ั ที่ 2 จานวน 3 ชม.

สาระสาคัญ

จากการศกึ ษาคน้ คว้าและรวบรวมขอ้ มลู ทางประวตั ิศาสตร์เกี่ยวกับววิ ัมนาการทางการจดั การ จาก
รอ่ งกอยอารยธรรมตา่ ง ๆ ไดแ้ กอ่ ารยธรรมลุม่ แมน่ ้าไนล์ อารยธรรมลุ่มแม่น้าไทกรสี -ยูเฟรติส อารยธรรมลมุ่
แม่น้าสินธุ และอารยธรรมลมุ่ แม่นา้ ฮวงโห ในปจั จุบนั เรายงั คงพบเห็นผลงานท่ีเกดิ จากการจัดการในยคุ กอ่ น ๆ
ได้โดยแนวคิดพืน้ ฐานทางการจดั การ ประกอบไปดว้ ยแนวคิดการจดั การยุคคลาสสิก แนวคิดการจัดการมนุษย
สัมพนั ธ์ แนวคดิ การจัดการเชงิ ปรมิ าณและแนวคิดการจดั การตามสถานการณ์ สาหรับการจัดการในปจั จบุ ัน
และแนวโน้มการจดั การในอนาคตมงุ่ เนน้ การให้ความสาคัญกบั มนุษย์ และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมากขน้ึ

สาระการเรยี นรู้

ดา้ นความรู้
1. วิวัฒนาการทางการจัดการ
2. แนวคดิ พ้นื ฐานทางการจัดการ
3. รูปแบบการจัดการในปัจจุบนั
4. แนวโน้มการจดั การในอนาคต
5. ปัญหาด้านกฎหมายและสงั คมเก่ยี วกับความก้าวหนา้ ทางเทคโนโลยี
ดา้ นทกั ษะ
-
ดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรม
1. ความรบั ผิดชอบ ความประหยดั ความอดทน ความในใจใฝร่ ู้ ความรอบรูร้ อบคอบ

สมรรถนะอาชพี ประจาหนว่ ย

1. นาแนวคดิ ทางการบรหิ ารมาปรับใช้ไดอ้ ย่างเหมาะสม

จดุ ประสงค์การเรียนรู้

1. บอกผลงานทางการจัดการในยุคอารยธรรมต่าง ๆ ได้
2. อธบิ ายแนวคดิ พ้ืนฐานทางการจัดการได้
3. อธบิ ายรปู แบบการจัดการในปจั จุบนั และแนวโนม้ ในอนาคตได้
4. อธิบายปัญหาดา้ นกฎหมายและสงั คมเกีย่ วกบั ความกา้ วหน้าทางเทคโนโลยี

เน้อื หาสาระ

1. วิวัฒนาการของการจัดการ
1.1 การจดั การในอารยธรรมลุ่มแม่น้าไนล์
1.2 การจดั การในอารยธรรมลุ่มแม่น้าไทกรสี -ยเู ฟรติส
1.3 การจัดการในอารยธรรมลุ่มแมน่ า้ สินธุ
1.4 การจัดการในอารยธรรมลุ่มแม่น้าฮวงโห

2. แนวคิดพ้นื ฐานด้านการจดั การ
2.1 แนวความคดิ การจดั การยคุ คลาสกิ

2.1.1 แนวความคดิ การจัดการแบบวิทยาศาสตร์
2.1.2 แนวความคดิ ทฤษฎอี งค์การแบบคลาสสกิ

2.2 แนวความคิดการจดั การแบบพฤตกิ รรมศาสตร์
2.2.1 แนวความคดิ ของ Elton Mayo
2.2.2 แนวความคดิ ของ Abraham Maslow
2.2.3 แนวความคดิ ของ Douglas McGregor

2.3 แนวคดิ การจัดการเชงิ ปรมิ าณ
2.3.1 ศาสตร์แห่งการจัดการ
2.3.2 การจดั การเชงิ ปฏิบตั กิ าร
2.3.3 การจดั การระบบขอ้ มูลข่าวสารเพอื่ การจดั การ

2.4 แนวความคดิ การจัดการตามสถานการณ์
2.4.1 การจดั การเชิงระบบ
2.4.2 การจดั การเชิงสถานการณ์

3. รูปแบบการจัดการในปจั จบุ นั
3.1 องค์การแห่งการส่อื สาร
3.2 อนิ เทอร์เนต็
3.3 ธุรกจิ อเิ ลก็ ทรอนิกส์
3.4 การใชค้ อมพิวเตอร์ในการควบคุมงาน

4. แนวโน้มการจัดการในอนาคต
4.1 ยุคแห่งทุนทางปัญญา
4.2 ยุคแห่งโลกาภิวัตน์
4.3 ยุคแหง่ เทคโนโลยี
4.4 ยุคแห่งความหลากหลาย
4.5 ยุคถามหาจรยิ ธรรมและความรับผิดชอบต่อสังคม

5. ปัญหาดา้ นกฎหมายและสังคม
5.1 ความเปน็ ส่วนตวั
5.2 การคุม้ ครองทรพั ยส์ นิ ทางปัญญา

สรปุ

ววิ ัฒนาการของการจัดองคก์ าร การศึกษาบันทึกขอ้ มลู และร่องรอยในอดีต หรอื ศึกษาจากโบราณวัตถุ
และโบราณสถานทีไ่ ด้รบั การออกแบบพัฒนาในยุคต่าง ๆ แสดงให้เหน็ ถึงวิวัฒนาการความร่งุ เรืองดา้ นการ
จัดการของมนษุ ย์

แนวคดิ พ้นื ฐานด้านการจดั การท่สี าคญั แบง่ ได้เป็น 4 กลุม่ คือ แนวความคดิ การจัดการยคุ คลาสสกิ
แนวความคิดการจัดการแบบพฤตกิ รรมศาสตร์ แนวคดิ การจัดการเชิงปรมิ าณ และความคิดการจัดการตาม
สถานการณ์

รูปแบบการจดั การในปัจจุบนั ธรุ กจิ สว่ นใหญพ่ ่งึ พาเทคโนโลยีแบบต่างๆ เพิ่มมากข้นึ ไม่วา่ จะเปน็
เทคโนโลยีสารสนเทศ การส่อื สาร อนิ เทอรเ์ น็ต และธรุ กิจผดิ ชอบตอ่ สังคม

แนวโนม้ การจัดการในอนาคตเปน็ เร่ืองของทนุ ทางปัญญา การพฒั นาเทคโนโลยี การกา้ วเขา้ ส่ยู ุคโลกา
ภิวตั น์ ตลอดจนความหลากหลายของแรงงานและความรับผิดชอบแต่สังคม

ปัญหาด้านกฎหมายและสงั คมที่สืบเนอ่ื งจากธรุ กจิ อเิ ล็กทรอนกิ สแ์ ละอนิ เทอร์เนต็ ทาให้เกิดการล่วง
ละเมิดขอ้ มูลส่วนตวั และการละเมดิ ทรัพยส์ นิ ทางปัญญา

กิจกรรมการเรยี นการสอน

ขนั้ นาเขา้ สู่บทเรยี น
1. ครูผสู้ อน แจง้ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
2. ครใู ช้คาถามนาทาง เก่ยี วกับรอ่ งรอยอารยธรรมในยุคต่าง ๆ เช่น กาแพงเมืองจีน อย่ใู นอารย
ธรรมใด อารยธรรมใดทีก่ าหนดให้ 7 วนั เป็น 1 สัปดาห์ ฯลฯ

ขั้นสอน
กิจกรรมครู
1. ครูผู้สอน ใหผ้ ูเ้ รียนศึกษาเอกสารประกอบการเรียน เรอ่ื งววิ ัฒนาการและแนวคิดพื้นฐาน
ด้านการจดั การในยุคต่างๆ
2. ครผู ู้สอนใหข้ อ้ เสนอแนะในการเรียนการสอน
3. ครผู สู้ อนเปดิ โอกาสให้ผ้เู รยี นได้แสดงความคดิ เหน็ เพมิ่ เติม และรวมกนั อภิปราย
4. ครบู รรยายเน้ือหาเพิ่มเติม
กจิ กรรมผเู้ รยี น
1. ผูเ้ รียนโตต้ อบพดู คุยกับผู้สอนเร่อื งเกยี่ วกับการดาเนินชวี ิตในแต่ละวันวา่ ใชส้ ินคา้
อะไรบา้ งในแตล่ ะวนั
2. ผเู้ รยี นทาแบบประเมินผลกอ่ นเรียน
3. ผูเ้ รยี นศึกษาเอกสารประกอบการเรยี น
4. ผ้เู รียนอภปิ รายเพ่อื แสดงความคดิ เห็น พร้อมยกตัวอย่าง โดยครผู ู้สอนกระตนุ้ ดว้ ยการใช้
คาถาม
5. ผเู้ รยี นฟังบรรยายสรปุ ของครูแลว้ จดบันทึกสาระสาคัญทค่ี รบู รรยายเพิ่มเตมิ ให้
6. ผเู้ รียนปฏิบัตกิ จิ กรรมท้ายบท/ใบงาน

ขน้ั สรปุ

1. ครูและผ้เู รียนรว่ มกนั สรุป
2. ผู้เรียนสอบหลงั เรียน

สือ่ การเรยี นการสอน

1. หนังสอื เรยี น วชิ าหลักการจดั การ
2. แบบทดสอบกอ่ นเรยี น/หลงั เรียน
3. PowerPoint (เนือ้ หาเร่อื งววิ ฒั นาการและแนวคิดพนื้ ฐานด้านการจดั การ)
4. กจิ กรรมการเรยี นรู้
5. กจิ กรรมท้ายบท

การวัดผลและการประเมินผล

วธิ วี ดั ผล
1. ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน/หลงั เรยี น
2. สังเกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล
3. สงั เกตกระบวนการทางานเปน็ กลุ่ม
4. ตรวจผลงานตามกิจกรรมท้ายบท

เครอื่ งมอื วัดผล
1. แบบทอสอบกอ่ นเรียน/หลังเรยี น
2. แบบประเมนิ ผลการเรียนรู้

เกณฑว์ ัดผลและประเมินผล

3. การให้ความร่วมมอื ในการปฏิบัตกิ ิจกรรมตามเกณฑ์ 70 %
4.ตรวจผลงานจากการทดสอบใหผ้ ่านได้ 70 % ขึ้นไป
5.ตรวจประเมนิ ผลกจิ กรรม ตอ้ งทาถูกตอ้ ง 70%

กจิ กรรมการเรยี นรู้

ช่อื กจิ กรรม แนวคดิ ทฤษฎพี น้ื ฐานด้านการจดั การ

จุดประสงค์การเรยี นรู้

1. เพื่อใหผ้ เู้ รยี นสามารถเปรยี บเทยี บความแตกต่าง ๆ ของแนวคดิ ทฤษฎตี ่างๆ ได้

2. เพื่อใหผ้ ้เู รยี นสามารถทางานเป็นกลุม่ ได้

กิจกรรมปฏิบัติ

1. ให้ผเู้ รยี นแบง่ กลมุ่ กลมุ่ ละ 3-5 คน

2. ให้ผ้เู รียนแต่ละกลุ่ม ดาเนินกจิ กรรมกลมุ่ ดงั นี้

2.1 เลือกประธานกลุม่

2.2 เลขานุการกลมุ่

2.3 สมาชกิ กล่มุ

2.4 วางแผนการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม

2.5 ดาเนนิ กจิ กรรมท่กี าหนดให้

3. ใหผ้ ู้เรียนแตล่ ะกลุ่ม ช่วยกันศึกษาเนื้อหา เรอ่ื งแนวคิดพื้นฐานดา้ นกาจัดการ จากหนังสือเรยี น

ค้นควา้ เพิ่มเติมในหอ้ งสมดุ และอนิ เทอร์เน็ต แลว้ นาแนวความคิดท่ไี ด้มาเรียบเทยี บความแตกต่างของทฤษฎที ่ี

กาหนดให้ ดังนี้ แนวคิดทฤษฎอี งค์การแบบวิทยาศาสตร์ แนวคดิ ทฤษฎอี งค์การแบบคลาสสิก แนวคดิ ทฤษฎี

การจดั การแบบพฤติกรรมศาสตร์

4. ใหแ้ ต่ละกลมุ่ นาผลงานเสนอหน้าชน้ั โดยเปรียบเทียบแนวคิดทฤษฎตี ่าง ๆ

5. ผู้สอนและผู้เรียนรว่ มกันแสดงความคิดเหน็

6. ผเู้ รยี นแต่ละกลมุ่ นาผลงานสง่ ผู้สอนเพ่ือประเมินผล

การประเมินผล

ท่ี รายการประเมิน 4 3 21

1 ความรว่ มมือในการปฏบิ ัตกิ ิจกรรม

2 สอ่ื ประกอบในการนาเสนอ

3 รปู แบบการนาเสนอหนา้ ช้นั เรยี น

4 ความถกู ตอ้ งของเนอ้ื หาท่นี าเสนอ

5 ผลสาเรจ็ ของงาน

เกณฑก์ ารประเมนิ 4=ดีมาก 3=ดี 2=พอใช้ 1=ปรบั ปรุง

ผู้ประเมนิ .............................................
............./............................./...............

แผนการเรียนรู้แบบบูรณาการปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง

รหสั วิชา 30001-1002 ชอื่ วชิ า หลกั การจัดการ หน่วยกิต (ชม.) 2-2-3

หลักสูตร ประกาศนียบัตรวชิ าชีพช้ันสงู แผนกวชิ า การบญั ชี สาขางาน การบญั ชี

ช่อื หนว่ ย องค์การและการจัดการ สอนครงั้ ท่ี 3-4 จานวน 6 ชม.

สาระสาคัญ

การจดั การเปน็ การดาเนินกจิ กรรมตา่ ง ๆ ภายใต้ข้อกาหนดทางทรัพยากร ผา่ นกระบวนการอยา่ ง

ต่อเน่ืองเพอ่ื ให้บรรลุถงึ เปา้ หมายท่ตี อ้ งการอย่างมีประสทิ ธิภาพและประสทิ ธิผล โดยการจัดการทดี่ ีจะส่งผลให้

การดาเนนิ กิจกรรมต่าง ๆ เปน็ ไปอยา่ งมีระบบ สามารถควบคมุ ดูแลและหลกี เลีย่ งความเสียงได้ดีมากยงิ่ ข้ึน

ลกั ษณะขององคก์ ารทีส่ าคัญ คือ จะต้องมีเป้าหมายทชี่ ัดเจน มีการแบ่งงานกนั ทาและมสี ายการบงั คบั บัญชา

เปน็ ลาดับขั้น หน้าทีท่ างการจดั การที่สาคัญได้แก่ การวางแผน การจัดองคก์ าร การนา คลอดจนการควบคุม

ทั้งนี้เพ่ือให้องคก์ ารเดินไปสูจ่ ดุ หมายทวี่ างไว้ได้อยา่ งสมบรู ณ์

สาระการเรยี นรู้

ด้านความรู้

1. ความหมายขององค์การและการจัดการ

2. ความสาคัญของการจัดการ

3. ลักษณะขององคก์ าร

4. กระบวนการจัดการ

5. สภาพแวดลอ้ มทางการจดั การ

6. หน้าที่ผบู้ รหิ ารกับการจดั การ

ดา้ นทกั ษะ

-

ดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรม

1. ความรับผิดชอบ ความประหยัด ความอดทน ความในใจใฝ่รู้ ความรอบร้รู อบคอบ

สมรรถนะอาชีพประจาหน่วย

-

จดุ ประสงค์การเรียนรู้

1. บอกความหมายและความสาคัญของการจัดการได้

2. อธิบายลักษณะและกระบวนการของการจัดการได้

3. อธิบายสภาพแวดลอ้ มทางการจดั การได้

4. อธิบายหน้าท่ีผ้บู รหิ ารได้

เนือ้ หาสาระ

1. ความหมายขององคก์ ารและการจดั การ
2. ความสาคัญขององคก์ ารและการจัดการ
2.1 การจดั การทด่ี ีเปน็ สมองขององค์การ
2.2 การจดั การเป็นแนวทางแห่งความคิดสรา้ งสรรค์
2.3 การจดั การชว่ ยลดความซา้ ซอ้ นในการทางาน
2.4 การจดั การเปน็ วธิ กี ารบรหิ ารท่ีพยายามแสวงหาวธิ ที ีด่ ีท่ีสสุ ด
3. ลักษณะขององคก์ าร
3.1 องค์การต้องมวี ัตถุประสงค์
3.2 องคก์ ารตอ้ งมีการแบ่งงานกนั ทา
3.3 องคก์ ารตอ้ งมสี ายการบงั คับบัญชาแบ่งเปน็ ข้ัน ๆ ลดหลัน่ การลงมา
4. กระบวนการบรหิ าร

4.1 ทรพั ยากรหรอื ปัจจัยทางการจดั การ
4.1.1 คน (Man)
4.1.2 เงิน (Money)
4.1.3 วตั ถุดิบ (Material)
4.1.4 เครอื่ งจักร (Machines)

4.2 หนา้ ที่ทางการบรหิ าร
4.2.1 การวางแผน (Planning)
4.2.2 การจดั องค์การ (Organizing)
4.2.3 การนาและการบงั คบั บญั ชา (Leading)
4.2.4 การควบคมุ (Controlling)

4.3 เป้าหมายของการจดั การ
4.3.1 การใชศ้ าสตรแ์ ละศิลป์ในการจดั การ
4.3.2 ประสทิ ธภิ าพและประสิทธผิ ล

5. สภาพแวดล้อมทางการจัดการ
5.1 สภาพแวดลอ้ มภายนอก

5.1.1 สภาพแวดล้อมท่ัวไป
5.1.2 สภาพแวดล้อมทางการแข่งขนั
5.2 สภาพแวดลอ้ มภายใน

5.2.1 การเงินและการบัญชี
5.2.2 การตลาด
5.2.3 ทรัพยากรมนษุ ย์

5.2.4 การผลติ
6. ผู้บรหิ ารกับการบริหารจัดการ

6.1 บทบาทด้านการจดั การ
6.1.1 บทบาทด้านมุษยสัมพันธ์
6.1.2 บทบาทด้านขอ้ มลู ขา่ วสาร
6.1.3 บทบาทในการตัดสนิ ใจ
6.2 ทักษะของผบู้ ริหาร

6.2.1 ทักษะด้านความคดิ
6.2.2 ทักษะดา้ นมนษุ ยสมั พนั ธ์/ด้านคน
6.2.3 ทกั ษะด้านเทคนคิ /ดา้ นงาน
6.3 ระดับของการบริหาร
6.3.1 ผู้บริหารระดับสงู
6.3.2 ผูบ้ รหิ ารระดบั กลาง
6.3.3 ผู้บริหารระดับต้น/ระดับปฏบิ ตั ิการ

สรปุ

องค์การและหลกั การจดั การ หมายถงึ กลมุ่ คนตง้ั แต่ 2 คนขน้ึ ไป พยายามใชศ้ าสตรแ์ ละศลิ ป์ในการ
ตดั สินใจใช้ทรัพยากรตา่ ง ๆ ทางการจดั การใหเ้ กิดประโยชนส์ ูงสุด เพื่อบรรลุวตั ถุประสงคแ์ ละเปา้ หมายของ
องค์การที่กาหนดไว้

ลักษณะสาคัญขององค์การ คอื องค์การตอ้ งมีวัตถุประสงค์ มกี ารแบ่งงานกนั ทา และมสี ายการบงั คับ
บญั ชาเป็นช้นั ลดหลน่ั กันลงมา

การจดั การเปน็ กจิ กรรมทม่ี ีความสาคญั มากตอ่ องค์การ และองคก์ ารทม่ี ีการจัดการท่ีดยี ่อมทาให้
องคก์ ารบรรลวุ ตั ถปุ ระสงค์ และเป้าหมายได้รวดเร็วมากขน้ึ ภายใตป้ ระสทิ ธภิ าพและประสิทธิผลสูงสุด

การบริหารงานขององค์การ คือ การผลิตสินคา้ หรือบริการใหก้ ับลกู ค้าเพื่อบรรลุเป้าหมายขององค์การ
ทีก่ าหนดไว้ ซง่ึ ประกอบด้วย 3 ระบบใหญ่ ๆ คือ ทรพั ยากรทใี่ ชก้ ระบวนการแปรรูปและการผลิตทรัพยากร
ไดแ้ ก่ คน เงิน วัตถุดบิ เทคโนโลยีและข้อมูลข่าวสาร

สภาพแวดล้อมทางการจดั การถือเปน็ จดุ สาคัญในการกาหนดทิศทางกลยุทธ์ต่าง ๆ ท่จี ะนาองคก์ าร
ไปส่คู วามสาเร็จ สามารถแบ่งสภาพแวดลอ้ มออกเปน็ 2 ลกั ษณะ คือ สภาพแวดล้อมภายในและ
สภาพแวดลอ้ มภายนอก

การบรหิ ารกบั การจัดการ นอกจากอานาจหนา้ ท่ที ี่พงึ มพี งึ ได้ และใชใ้ ห้เกิดประโยชนส์ ูงสดุ แล้ว
ผูบ้ รหิ ารต้องมีบทบาทด้านการจดั การ ดา้ นทักษะการบริหารงานในแตล่ ะระดับของตาแหน่งหน้าทท่ี ี่เหมาะสม

กจิ กรรมการเรยี นการสอน

ขนั้ นาเขา้ สบู่ ทเรยี น
1. ครผู สู้ อน แจง้ จดุ ประสงค์การเรียนรู้
2. ครูผสู้ อนทบทวนเน้อื หาหนว่ ยการเรียนที่ผ่านมา เกีย่ วกบั การบริหารในอารยธรรมลุ่มแม่นา้
ต่างๆ แนวคิดการจดั การรูปแบบตา่ ง ๆ

ขนั้ สอน
กจิ กรรมครู
1. ให้ผู้เรยี นทาแบบทดสอบก่อนเรยี น
2. ครูผู้สอน แบง่ ผู้เรยี นออกเปน็ 2 กลุ่ม โดยใช้วิธนี ับ 1-2 ตามเลขที่ ในใบเช็คชอื่ โดยกลุ่ม
ทีน่ บั 1 ให้รับผดิ ชอบหวั ข้อท่ี 1-3 กลุ่มท่ีนบั 2 ให้รบั ผิดชอบหัวขอ้ ที่ 4-6 โดยใหศ้ ึกษา
จากเอกสารประกอบการเรยี น วชิ าหลกั การจัดการ
3. ครูผูส้ อนให้คาปรึกษาและให้ข้อเสนอแนะในการค้นคว้าและการทางานกลุ่ม
4. ครูผูส้ อนให้ตวั แทนแต่ละกลมุ่ นาเสนอผลงานหนา้ ช้ันเรยี น
5. ครบู รรยายเน้ือหาเพ่ิมเตมิ
กจิ กรรมผเู้ รยี น
1. ผู้เรียนทาแบบประเมินผลกอ่ นเรียน
2. ผู้เรยี นศกึ ษาเอกสารประกอบการเรียน
3. ตัวแทนกลมุ่ นาเสนองานกลมุ่
4. ผเู้ รียนและครซู กั ถามเนื้อหาที่ นาเสนองานกลมุ่
5. ผเู้ รยี นฟงั บรรยายสรุปของครูแลว้ จดบันทึกสาระสาคัญท่คี รูบรรยายเพิ่มเติมให้
6. ผ้เู รียนปฏิบัติกิจกรรมทา้ ยบท/ใบงาน
7.

ขนั้ สรุป
1. ครแู ละผเู้ รียนรว่ มกันสรปุ
2. ผเู้ รียนทดสอบหลังเรยี น

ส่อื การเรยี นการสอน

1. หนังสอื เรยี น วชิ าหลักการจดั การ
2. แบบทดสอบกอ่ นเรียน/หลังเรียน
3. PowerPoint (เนื้อหาเรอ่ื งองค์การและการจดั การ)
4. กจิ กรรมการเรยี นรู้
5. กิจกรรมท้ายบท

การวัดผลและการประเมนิ ผล

วธิ ีวดั ผล
1. ตรวจแบบทดสอบก่อนเรยี น/หลงั เรียน
2. สงั เกตพฤติกรรมรายบุคคล
3. สงั เกตกระบวนการทางานเปน็ กลุ่ม
4. ตรวจผลงานตามกจิ กรรมท้ายบท

เครอื่ งมอื วัดผล
1. แบบทอสอบกอ่ นเรียน/หลงั เรียน
2. แบบประเมินผลการเรยี นรู้

เกณฑว์ ดั ผลและประเมินผล

1. การให้ความรว่ มมือในการปฏิบัตกิ ิจกรรมตามเกณฑ์ 70 %
2. ตรวจผลงานจากการทดสอบให้ผ่านได้ 70 % ข้ึนไป
3. ตรวจประเมนิ ผลกจิ กรรม ตอ้ งทาถกู ต้อง 70%

กิจกรรมการเรยี นรู้

ชอ่ื กิจกรรม ระดับของผบู้ ริหาร

จุดประสงค์การเรียนรู้

1. เพอ่ื ให้ผู้เรยี นสามารถแบ่งระดบั ของผู้บรหิ ารองค์การได้

2. เพ่อื ใหผ้ เู้ รียนสามารถทางานเปน็ กลุม่ ได้

กจิ กรรมปฏิบัติ

1. ใหผ้ ู้เรียนแบง่ กลุม่ เป็น 2 กล่มุ

2. ใหผ้ ู้เรยี นแต่ละกลุ่ม ดาเนินกจิ กรรมกลมุ่ ดงั น้ี

2.1 เลอื กประธานกลุ่ม

2.2 เลขานกุ ารกลมุ่

2.3 สมาชกิ กลุม่

2.4 วางแผนการปฏิบัตกิ จิ กรรม

2.5 ดาเนินกจิ กรรมทกี่ าหนดให้

3. ให้ผู้เรียนแต่ละกลมุ่ ชว่ ยกันศึกษาค้นควา้ เนอ้ื หา ตามหวั ขอ้ ที่ได้รบั มอบหมาย

4. ใหแ้ ต่ละกลุม่ สง่ ตวั แทนนาผลงานเสนอหน้าชั้น

5. ผสู้ อนและผู้เรยี นรว่ มกันแสดงความคดิ เหน็ และซักถาม

6. ผู้เรยี นแต่ละกลมุ่ นาผลงานส่งผูส้ อนเพอื่ ประเมินผล

การประเมนิ ผล

ท่ี รายการประเมนิ 432 1

1 ความร่วมมือในการปฏิบัตกิ ิจกรรม

2 สอื่ ประกอบในการนาเสนอ

3 รูปแบบการนาเสนอหน้าช้นั เรยี น

4 ความถูกตอ้ งของเนื้อหาท่ีนาเสนอ

5 ผลสาเร็จของงาน

เกณฑก์ ารประเมิน 4=ดีมาก 3=ดี 2=พอใช้ 1=ปรับปรุง

ผู้ประเมิน.............................................
............./............................./...............

แผนการเรยี นรูแ้ บบบรู ณาการปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง

รหสั วชิ า 30001-1002 ช่อื วชิ า หลักการจัดการ หน่วยกิต (ชม.) 2-2-3

หลักสูตร ประกาศนยี บัตรวชิ าชีพชน้ั สงู แผนกวชิ า การบญั ชี สาขางาน การบัญชี

ช่อื หนว่ ย การวางแผน สอนครงั้ ที่ 5-6 จานวน 6 ชม.

สาระสาคญั

การวางแผนเป็นเสมอื นเขม็ ทศิ ท่ีสามารถช่วยช้นี าแนวทางการปฏิบัติงาน เพือ่ ให้บรรลุวัตถุประสงค์

ตามท่ีองค์การกาหนดไว้ โดยการวางแผนทด่ี ีจะช่วยลดปัญหาความไม่แนน่ นอน ลดความสญู เปล่าและความ

ซา้ ซอ้ นของงาน องค์ประกอบสาคัญของการวางแผน คอื วิสัยทัศน์ พันธกิจ วตั ถุประสงค์ เป้าหมาย และ

นโยบายขององค์การ ประเภทของการวางแผนทสี่ าคญั คอื การวางแผนตามลาดับขององค์การ โดยเทคนิคใน

การวางแผนที่สาคัญ คือ ความเป็นไปไดข้ องแผนงานภายใต้สภาพเศรษฐกจิ สงั คม การเมือง และ

สภาพแวดล้อม และแผนท่ีดคี วรยืดหยนุ่ ปรับได้ตามสภาพแวดลอ้ มท่คี วรจะเปน็

สาระการเรยี นรู้

ดา้ นความรู้

1. ความหมายของการวางแผน

2. ความสาคัญของการวางแผน

3. องคป์ ระกอบของการวางแผน

4. ประเภทของการวางแผน

5. คุณลักษณะของการวางแผนทด่ี ี

6. กระบวนการและเทคนคิ ในการวางแผน

7. หลักและวิธกี ารเขียนโครงการ

ด้านทกั ษะ

1. ฝึกวิเคราะหเ์ พ่อื วางแผน

2. ฝกึ เขียนโครงการเพื่อการวางแผน

ดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม

1. ความรับผิดชอบ ความประหยัด ความอดทน ความสนใจใฝ่รู้ ความรอบรู้รอบคอบ

สมรรถนะอาชพี ประจาหน่วย

1. สามารถวิเคราะหง์ านเพ่ือการวางแผน

2. สามารถเขยี นโครงการเพื่อการวางแผน

จดุ ประสงค์การเรียนรู้

1. อธิบายความหมายและความสาคัญของการวางแผนได้

2. อธิบายองคป์ ระกอบในการวางแผนได้

3. อธิบายประเภทและคุณลักษณะที่ดีของการวางแผนได้

4. อธิบายกระบวนการและเทคนิคในการวางแผนได้
5. สามรารถเขียนโครงการได้

เนอ้ื หาสาระ

1. ความหมายของการวางแผน
2. ความสาคัญของการวางแผน
2.1 ด้านเวลา
2.2 ดา้ นงบประมาณ
2.3 ดา้ นกระบวนการปฏบิ ัติ
3. องค์ประกอบของการวางแผน

3.1 วสิ ัยทศั น์ (Vision)
3.2 พันธกจิ (Mission)
3.3 วตั ถุประสงค์ (Objective)
3.4 เป้าหมาย (Goals)
3.5 นโยบาย (Policy)
4. ประเภทของการวางแผน
4.1 การจาแนกแผนตามระยะเวลา
4.1.1 แผนระยะสั้น
4.1.2 แผนระยะปานกลาง
4.1.3 แผนระยะยาว
4.2 การจาแนกแผนตามระดบั การบรหิ ารประเทศ
4.2.1 แผนระดับชาติ
4.2.2 แผนระดับภาค
4.2.3 แผนระดับทอ้ งถ่ิน
4.3 การจาแนกแผนตามระดบั ขององค์การภาคเอกชน

4.3.1 แผนกลยุทธ์
4.3.2 แผนปฏบิ ัตกิ าร
5. คณุ ลกั ษณะของการวางแผนท่ดี ี
5.1 แผนควรจะมีลักษณะชเ้ี ฉพาะ
5.2 แผนควรจะจาแนกความแตกต่าง
5.3 แผนควรจะมีการเชอ่ื มโยงอย่างเปน็ เหตผุ ล
5.4 แผนควรยืดหยนุ่
5.5 แผนจะตอ้ งไดร้ ับการยอมรบั

6. กระบวนการและเทคนิคในการวางแผน
6.1 ขั้นตอนของการวางแผน

6.1.1 กาหนดเป้าหมายหรือวตั ถปุ ระสงคท์ ตี่ อ้ งการ
6.1.2 ศกึ ษาและวิเคราะห์สถานการณ์ทเี่ ป็นอยู่โดยละเอียด
6.1.3 ดาเนนิ การวางแผนเพอ่ื ให้บรรลเุ ปา้ หมายท่ีกาหนดไว้

6.2 ข้นั นาแผนไปปฏบิ ัติ
6.2.1 จดั ให้มีการอานวยการ

6.3 ข้นั การประเมินผล
7. หลักและวธิ ีการเขียนโครงการ
7.1ปัจจัยในการกาหนดโครงรปู ในการวางแผน
7.1.1 นโยบายของรัฐ
7.1.2 การพยากรณ์และข้อมลู ภายในธุรกจิ
7.1.3 ระยะเวลาและการตัดสินใจ
7.2 ลักษณะของโครงการ
7.2.1 วตั ถุประสงค์ของโครงการ
7.2.2 ความเปน็ อิสระ
7.2.3 กาหนดรูปแบบกิจกรรมใหม้ ีความสอดคลอ้ งกัน
7.2.4 สถานทตี่ งั้ โครงการ
7.2.5 การกาหนดระยะเวลาท่ีชัดเจน
7.3 องคป์ ระกอบของโครงการ
7.3.1 องค์ประกอบของโครงการในภาครฐั
7.3.2 องค์ประกอบของโครงการในภาคเอกชน

สรปุ

การวางแผน เปน็ การรวมกิจกรรมตา่ ง ๆ ไว้ล่วงหนา้ อย่างมีรปู แบบและข้ันตอนที่ได้มาตรฐานเพอ่ื ที่จะ
ใช้ในการปฏิบตั งิ านในอนาคต

การวางแผนมีความสาคัญในด้านเวลา ด้านงบประมาณ และดา้ นกระบวนการปฏิบัติ
องค์ประกอบสาคัญในการวางแผนให้มีความสมบูรณย์ งิ่ ข้ึน คอื การกาหนดวสิ ยั ทศั น์ พันธกจิ
วตั ถปุ ระสงค์ เปา้ หมาย และนโยบาย
ประเภทของการวางแผน แบ่งไดเ้ ปน็ การวางแผนตามระยะเวลา และการวางแผนระดับการบรหิ าร
ตา่ ง ๆ ในองคก์ าร
คณุ ลักษณะท่ีดขี องการวางแผน คอื มีการคาดเหตุการณต์ า่ ง ๆในอนาคต โดยอาศัยขอ้ มูลเป็นพ้นื ฐาน
และต้องแยกความแตกตา่ งระหว่างส่งิ ที่รกู้ บั ไม่รูใ้ ห้เดน่ ชดั และควรมีการเชื่อมโยงมเี หตุผล มีความยืดหยนุ่ และ
ต้องไดร้ ับการยอมรับ

กระบวนการและเทคนิคในการวางแผน เรม่ิ ตน้ จากการวางแผน การนาแผนไปปฏบิ ัติและประเมินผล
การปฏบิ ตั หิ ลงั จากได้ดาเนนิ การตามแผน

การเขยี นโครงการท่ีดถี อื เป็นการวางแผนการทางานประเภทหนงึ่ เพ่อื มงุ่ หวังในการบรรเทา ขจดั
ปัญหา หรือเพมิ่ พนู ในดา้ นต่าง ๆ โดยโครงการของภาครฐั และเอกนจะมีความแตกต่างกัน

กจิ กรรมการเรยี นการสอน

ข้ันนาเข้าสบู่ ทเรียน
1. ครูผู้สอน แจง้ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
2. ครผู ู้สอนทบทวนหนว่ ยการเรยี นทีผ่ า่ นมา
3. ครูผู้สอนพดู คยุ กับผู้เรียนเก่ียวกบั การวางแผนใหก้ ับตวั เองในการดาเนินชวี ติ ในแต่ละวัน
หรือวางแผนชวี ติ ตวั เองอย่างไรล้าง แล้วนาเข้าสู่เนอ้ื หา

ขนั้ สอน
กิจกรรมครู
1. ใหผ้ ้เู รยี นทาแบบประเมนิ ผลกอ่ นเรียน
2. ครูผู้สอน แบง่ ผู้เรียนออกเป็นกลุ่มๆ ละ 5 คน โดยใหผ้ เู้ รยี นเลอื กกลุ่มกันเองตามความ
สมัครใจ
3. ครผู สู้ อนให้ผูเ้ รียนทากิจกรรมการวางแผน คอื วางแผนในการปกปอ้ งไข่ ตามใบงานท่ี
กาหนด ขณะท่ีผ้เู รยี นปฏิบัตกิ จิ กรรมครูคอยใหค้ าปรกึ ษาและขอ้ เสนอแนะ และสงั เกต
การปฏบิ ตั กิ ิจกรรม
4. ให้ผู้เรยี นแต่ละกลุ่มนาเสนอผลงานหน้าชน้ั
5. ครูผู้สอนเปดิ โอกาสใหผ้ ้เู รยี นได้แสดงความคิดเห็นเพม่ิ เติม และรวมกนั อภิปราย
6. ครูบรรยายเน้ือหาเพมิ่ เติม
กจิ กรรมผู้เรยี น
1. ผเู้ รียนโต้ตอบพูดคุยกบั ผสู้ อนเร่ืองเกย่ี วกบั การดาเนินชีวิตในแตล่ ะวัน และการวางแผนใน
การศกึ ษาต่อระดับสูงขนึ้ ไป และการเลือกประกอบอาชีพในอนาคต
3. ผเู้ รียนทาแบบประเมินผลก่อนเรียน
4. ผูเ้ รียนปฏิบตั ิกิจกรรมตามใบงานท่คี รกู าหนด (วางแผนปกปอ้ งไข)่
5. ผูเ้ รยี นศึกษาเอกสารประกอบการเรยี นเร่ืองการวางแผน การเขียนโครงการ
6. ผูเ้ รยี นอภปิ รายเพ่ือแสดงความคดิ เห็น พร้อมยกตัวอย่าง โดยครูผสู้ อนกระตนุ้ ด้วยการใช้
คาถาม
7. ผเู้ รียนฟังบรรยายสรปุ ของครูแล้วจดบันทึกสาระสาคัญทค่ี รูบรรยายเพิ่มเตมิ ให้
8. ผู้เรียนปฏบิ ตั ิกิจกรรมทา้ ยบท/ใบงาน

ขัน้ สรุป

9. ครแู ละผ้เู รียนร่วมกันสรปุ
10. ผู้เรียนสอบหลังเรียน

สอื่ การเรยี นการสอน

11. หนังสอื เรียน วิชาหลักการจดั การ
12. แบบทดสอบก่อนเรียน/หลังเรยี น
13. PowerPoint (เนอื้ หาเร่อื งการวางแผน)
14. กิจกรรมการเรยี นรู้ ที่ 1,2
15. กิจกรรมท้ายบท

การวัดผลและการประเมนิ ผล

วธิ ีวัดผล
16. ตรวจแบบทดสอบกอ่ นเรยี น/หลังเรยี น
17. สงั เกตพฤติกรรมรายบุคคล
18. สงั เกตกระบวนการทางานเปน็ กลุ่ม
19. ตรวจผลงานตามกิจกรรมทา้ ยบท

เครอื่ งมือวดั ผล
3. แบบทอสอบกอ่ นเรียน/หลังเรยี น
4. แบบประเมนิ ผลการเรียนรู้

เกณฑว์ ัดผลและประเมนิ ผล

3. การให้ความร่วมมือในการปฏิบตั ิกิจกรรมตามเกณฑ์ 70 %
4.ตรวจผลงานจากการทดสอบให้ผ่านได้ 70 % ขึ้นไป
5.ตรวจประเมนิ ผลกิจกรรม ต้องทาถกู ต้อง 70%

กิจกรรมการเรียนรู้

กิจกรรมท่ี 1

ช่ือกจิ กรรม การปกปอ้ งไข่

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้

1. เพอ่ื ใหผ้ ู้เรยี นสามารถทางานเป็นกล่มุ ได้

2. เพื่อให้ผเู้ รยี นฝึกการวางแผนการปฏบิ ัติงาน

กจิ กรรมปฏิบตั ิ

1. ใหผ้ ้เู รียนแบ่งกลุ่ม กล่มุ ละ 5 คน ให้แต่ละกล่มุ ดาเนินกจิ กรรมกลุม่ ดังน้ี

2. ใหผ้ เู้ รียนแต่ละกลมุ่ นาวสั ดแุ ละอุปกรณ์ทก่ี าหนด (ไข่ไก่ 1 ฟอง ไม้เสียบลูกชิ้น 10 อัน หนงั

ยางรัดถงุ 10 เสน้ กระดาษชาระแบบม้วน ยาวประมาณ 2 ฟตุ )

3. ใหผ้ ู้เรยี นแต่ละกลุ่มวางแผนในการปกปอ้ งไข่ โดยใชว้ สั ดุในข้อ 2 ปกป้องไข่ (ไข่ที่ผู้เรยี น

วางแผนปกปอ้ งแล้ว เมอื่ ผู้เรียนยนื บนเกา้ อีย้ กมอื สงู ขนึ้ เหนอื ศีรษะแลว้ ปลอ่ ยไข่ทป่ี กปอ้ งแล้ว

ลงมาพื้นหอ้ ง ถ้าไขไ่ ม่แตกแสดงว่าการวางแผนมีประสทิ ธิภาพ ถ้าไข่แตกแสดงว่าการวางแผน

ไมมปี ระสทิ ธภิ าพ

4. ให้ผู้เรยี นแต่ละกลุ่มเสนอผลงานการวางแผนหนา้ ชั้น

5. ผูส้ อนและผู้เรียนร่วมกันอภิปรายผลงาน และขน้ั ตอนในการวางแผนการปกป้องไข่

6. ผู้เรียนนาผลงานส่งผู้สอนเพ่ือประเมินผล

การประเมินผล

ที่ รายการประเมิน 4 3 21

1 ความรว่ มมอื ในการปฏิบตั ิกิจกรรม

2 สอ่ื ประกอบในการนาเสนอ

3 รปู แบบการนาเสนอหน้าชน้ั เรยี น

4 ความถกู ต้องของเนอื้ หาทีน่ าเสนอ

5 ผลสาเรจ็ ของงาน

เกณฑก์ ารประเมนิ 4=ดีมาก 3=ดี 2=พอใช้ 1=ปรบั ปรุง

ผูป้ ระเมนิ .............................................
............./............................./...............

กิจกรรมการเรยี นรู้

กจิ กรรมที่ 2

ช่อื กจิ กรรม การเขียนโครงการ

จุดประสงค์การเรยี นรู้

1.เพอ่ื ใหผ้ ู้เรียนสามารถเขียนโครงการเพอื่ การวางแผนได้

กิจกรรมปฏิบตั ิ

1. ให้ผ้เู รยี นแต่ละคนเขียนโครงการเพื่อรณรงคแ์ กไ้ ขปัญหาศกั ยภาพวัยรนุ่ ไทย

2. ครผู ู้สอนสุ่มเลอื กให้ผ้เู รียนนาเสนอโครงการหน้าชั้น 5-6 คน โดยสาเสนอรายละเอยี ดของ

โครงการ

3. ครผู สู้ อนและผู้เรยี นทกุ คนในช้ันร่วมกนั แสดงความคิดเหน็

4. ผู้เรยี นนาผลงานส่งผสู้ อนเพือ่ ประเมนิ ผล

การประเมนิ ผล

ที่ รายการประเมนิ 4 3 21

1 ความรว่ มมอื ในการปฏบิ ัตกิ จิ กรรม

2 สือ่ ประกอบในการนาเสนอ

3 รปู แบบการนาเสนอหนา้ ช้นั เรยี น

4 ความถูกตอ้ งของเนอื้ หาท่ีนาเสนอ

5 ผลสาเร็จของงาน

เกณฑก์ ารประเมนิ 4=ดมี าก 3=ดี 2=พอใช้ 1=ปรบั ปรุง

ผปู้ ระเมิน.............................................
............./............................./...............

แผนการเรยี นรแู้ บบบรู ณาการปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

รหสั วิชา 30001-1002 ชอ่ื วิชา หลักการจัดการ หนว่ ยกติ (ชม.) 2-2-3

หลักสตู ร ประกาศนยี บตั รวชิ าชพี ชนั้ สงู แผนกวิชา การบัญชี สาขางาน การบญั ชี

ชือ่ หนว่ ย การจดั องค์การ สอนครง้ั ที่ 7-8 จานวน 6 ชม.

สาระสาคญั

องคก์ ารคอื การกาหนดโครงสร้างขอบขา่ ยความรบั ผดิ ชอบตามบทบาทหน้าที่และความสมั พันธ์ เพ่ือ

เอ้ือตอ่ การดาเนินงานขององคก์ ารใหเ้ ป็นไปตามวัตถปุ ระสงคท์ ีก่ าหนดไว้ โดยองคป์ ระกอบสาคญั ของการจดั

องค์การ คอื การกาหนดขอบเขต การมอบหมายอานาจหน้าที่ และความรับผิดชอบท่ีชัดเจน ประเภทของ

องค์การแบ่งเปน็ 2 ประเภทตามลกั ษณะการจัดต้ัง คอื การจัดองคก์ ารอย่างเปน็ ทางการและไมเ่ ปน็ ทางการ

โดยเทคนิคสาคญั ในการจดั องค์การ คือ การจดั แผนงานท่เี หมาะสม เพอ่ื อานวยต่อการดาเนนิ กจิ กรรมภายใต้

ทรัพยากรทจี่ ากัด ให้เกดิ ประสิทธิภาพและประสิทธิผล

สาระการเรยี นรู้

ด้านความรู้

1. ความหมายของการจดั องค์การ

2. ความสาคญั ของการจดั องค์การ

3. องค์ประกอบของการจดั องคก์ าร

4. ประเภทของการจดั องคก์ าร

5. กระบวนการจัดองค์การ

6. รปู แบบโครงสร้างองค์การในการวางแผน

ด้านทักษะ

1. ฝกึ เขียนแผนภูมโิ ครงสรา้ งองค์การ

2. ฝกึ เขยี นรายละเอียดของงานในอาชพี (Job Description)

ด้านคณุ ธรรมจรยิ ธรรม

1. ความรบั ผดิ ชอบ ความประหยัด ความอดทน ความสนใจใฝร่ ู้ ความรอบรู้และรอบคอบ ทางาน

รว่ มกบั ผู้อน่ื ได้

สมรรถนะอาชพี ประจาหน่วย

1. สามารถเขยี นแผนภมู ิโครงสร้างองคก์ ารตามลักษณะขององค์การ

2. สมารถเขียนรายละเอียดของตาแหนง่ งานได้เหมาะสมกับลักษณะงานของแตล่ ะองคก์ าร

จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้

1. อธบิ ายความหมายและความสาคัญของการจัดองคก์ ารได้

2. อธิบายประเภทของการจดั องคก์ ารได้

3. อธบิ ายกระบวนการในการจดั องค์การได้

4. อธิบายรูปแบบโครงสรา้ งองคก์ ารได้
5. สามารถเขียนโครงสรา้ งองคก์ ารได้
6. สามารถเขียนรายละเอียดตาแหน่งงานได้
7. ปฏบิ ัติงานไดอ้ ย่างถูกต้องและสาเรจ็ ตามเวลาทกี่ าหนด

เนือ้ หาสาระ

1. ความหมายของการจดั องค์การ
2. ความสาคญั ของการจัดองค์การ
2.1 ดา้ นการวางแผน
2.2 ด้านทรพั ยากร
2.3 ด้านการบริหารจัดการและควบคมุ
2.4 ดา้ นการควบคมุ
3. องค์ประกอบของการจดั องค์การ
3.1 โครงสร้างองคก์ าร
3.2 แผนผงั องคก์ าร
3.3 สายการบังคบั บัญชา
3.4 อานาจหนา้ ที่
3.5 หลกั การมีผ้บู งั คับบญั ชาคนเดยี ว
3.6 จานวนผู้ใต้บงั คบั บญั ชา
3.7 ความรับผิดชอบ
3.8 การมอบหมายอานาจและความรบั ผิดชอบ
3.9 การกระจายอานาจและการรวมอานาจ
3.10 ฝา่ ยปฏบิ ัติการ
3.11 ฝ่ายที่ปรกึ ษา
3.12 การขยายความรบั ผดิ ชอบงานในระดบั สงู กวา่ เดิม
4. ประเภทของการจดั องค์การ

4.1 องคก์ ารทีเ่ ป็นทางการ
4.1.1 ลกั ษณะขององคก์ ารทเ่ี ปน็ ทางการ
4.1.2 ข้อดีขององค์การทเ่ี ปน็ ทางการ
4.1.3 ข้อเสยี ขององคก์ ารท่ีเป็นทางการ

4.2 องคก์ ารทไ่ี มเ่ ปน็ ทางการ
4.2.1 ลกั ษณะขององคก์ ารที่ไมเ่ ปน็ ทางการ
4.2.2 ขอ้ ดขี ององค์การท่ีไม่เปน็ ทางการ

4.2.3 ขอ้ เสียขององค์การทีไ่ มเ่ ปน็ ทางการ
5. หลักและกระบวนการจดั องค์การ
5.1 หลกั การจัดองค์การ

5.1.1 วตั ถุประสงค์
5.1.2 ภารกจิ
5.1.3 การแบง่ หนา้ ที่
5.1.4 สายการบังคับบญั ชา
5.1.5 การประเมนิ ผล

5.2 กระบวนการจดั องคก์ าร
5.2.1 พิจารณากลุ่มงาน

5.2.2 กาหนดความสมั พันธ์ในเชงิ บงั คบั บญั ชา
5.2.3 กาหนดระบบการสอื่ สาร
5.2.4 การกาหนดโครงสรา้ งองค์การ
5.2.5 พจิ ารณาอานาจหน้าทข่ี องแต่ละตาแหนง่

5.3 ลักษณะการจดั วางแผนภูมอิ งคก์ าร
5.3.1 แบบแนวด่ิง
5.3.2 แบบแนวราบ (แนวระนาบ)
5.3.3 แบบวงกลม

6. รูปแบบโครงสรา้ งองค์การ
6.1 โครงสร้างตามหนา้ ที่ในองค์การ

6.1.1ข้อดีของการจดั โครงสร้างองค์การตามหน้าท่ี
6.1.2 ข้อเสียของการจัดโครงสรา้ งองค์การตามหน้าที่

6.2 โครงสรา้ งองคก์ ารตามหนว่ ยงาน
6.2.1 ขอ้ ดีของการจดั โครงสรา้ งองค์การตามหนว่ ยงาน
6.2.2 ข้อเสยี ของการจัดโครงสรา้ งองค์การตามหนว่ ยงาน

6.3 โครงสรา้ งองคก์ ารแบบผสม
6.4 โครงสรา้ งองคก์ ารแบบแมททริกซ์

6.4.1 ขอ้ ดขี องการจัดโครงสร้างองค์การแบบแมททรกิ ซ์
6.4.2 ขอ้ เสยี ของการจดั โครงสร้างองค์การแบบแมททรกิ ซ์
6.5 โครงสรา้ งองค์การแบบเครือขา่ ย
6.5.1 ขอ้ ดขี องการจัดโครงสรา้ งองคก์ ารแบบเครอื ขา่ ย
6.5.2 ขอ้ เสยี ของการจดั โครงสรา้ งองค์การแบบเครอื ข่าย

สรปุ
การจัดองคก์ ารเปน็ การกาหนดโครงสรา้ ง ขอบข่ายความรบั ผิดชอบตามบทบาทหนา้ ที่และ

ความสาคญั เพือ่ เอื้อตอ่ การดาเนินงานขององค์การให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์
การจัดองคก์ ารมีความสาคัญต่อการบรหิ ารงานขององคก์ ารในด้านการวางแผนด้านทรพั ยากร และ

ด้านบริหารจัดการ
องคป์ ระกอบของการจัดองค์การประกอบไปด้วยโครงสรา้ งขององคก์ าร สายการบงั คบั บัญชา อานาจ

หน้าท่แี ละความรับผดิ ชอบของบุคคลในองคก์ าร
ประเภทของการจัดองค์การ แบ่งไดเ้ ปน็ 2 ประเภท คือ องคก์ ารทีเ่ ปน็ ทางการและองคก์ ารท่ีไม่เปน็

ทางการ
กระบวนการจัดองคก์ ารเริม่ ต้นจากการพิจารณากลมุ่ งาน การกาหนดความสัมพันธ์เชิงบังคบั บญั ชา

กาหนดระบบการสือ่ สาร และพจิ ารณาอานาจหน้าทแ่ี ต่ละฝ่าย
รูปแบบโครงสร้างองคก์ ารจะประกอบไปดว้ ยกจิ กรรมหรอื งานจานวนมากในองค์การทางธรุ กจิ ซงึ่

ประกอบดว้ ย งานการผลติ งานการตลาด งานการบริหารสานักงานและงานการบริหารทรพั ยากรมนษุ ย์

กิจกรรมการเรยี นการสอน

ขั้นนาเขา้ สู่บทเรียน
1. ครผู ู้สอนทบทวนความรู้เดิมทไ่ี ด้ศึกษาในหน่วยการเรยี นที่ผ่านมาในเรอื่ งการวางแผน โดย
ใช้วิธีถาม – ตอบ ในชน้ั เรียน เพอ่ื กระตุ้นผเู้ รยี น
2. ครผู สู้ อนแจ้งจดุ ประสงค์การเรยี นรู้

ข้ันสอน
กจิ กรรมครู
1. ครูผสู้ อนให้ผ้เู รียนทาแบบทดสอบกอ่ นเรยี น
2. ครูผู้สอน ใหผ้ เู้ รยี นศึกษาเอกสารประกอบการเรยี น เรอื่ งการจัดองค์การ ศึกษาตัวอยา่ ง
แผนภูมิโครงสร้างองคก์ าร
3. ขณะท่ีผ้เู รยี นศกึ ษาเน้อื หาเอกสารประกอบการเรียน และศกึ ษาตวั อยา่ งแผนภูมิ
โครงสรา้ งองคก์ ารครูผ้สู อนใหค้ าปรกึ ษาและข้อเสนอแนะในการศกึ ษาค้นคว้า และตอบ
คาถามผู้เรียนทมี่ ขี อ้ สงสยั
4. ครผู ้สู อนเปิดโอกาสให้ผ้เู รียนไดแ้ สดงความคดิ เห็นเพ่ิมเตมิ และรวมกันอภปิ ราย
5. ครูผสู้ อนให้ผู้เรยี นปฏิบตั ิกจิ กรรมท่ี 1,2
6. ใหผ้ ูเ้ รยี นนาเสนอผลงานหน้าชัน้
7. ครูบรรยายเนือ้ หาเพิ่มเติม
กิจกรรมผเู้ รยี น
1. ผู้เรยี นตอบคาถามที่ครซู ักถาม และจดบันทึก
2. ผเู้ รียนทาแบบประเมนิ ผลก่อนเรียน
3. ผูเ้ รยี นศึกษาเอกสารประกอบการเรยี น เรอ่ื งการจดั องค์การ และศกึ ษาตวั อย่างแผนภูมิ
โครงสรา้ งองคก์ าร
4. ผ้เู รยี นแบ่งกล่มุ กลุ่มละ 3-5 คน เพอื่ ปฏิบัติกิจกรรมท่คี รผู ู้สอนมอบหมาย ตามกิจกรรมท่ี
1,2
5. ผ้เู รียนอภิปรายเพ่ือแสดงความคิดเหน็ พรอ้ มยกตัวอยา่ ง และตอบคาถามที่ครผู ู้สอน
ซกั ถาม
6. ผู้เรยี นนาเสนอผลงานหนา้ ชนั้
7. ผู้เรยี นฟงั บรรยายสรุปของครผู สู้ อนแล้วจดบนั ทกึ สาระสาคญั ท่ีครบู รรยายเพม่ิ เติมให้

ข้นั สรปุ

1. ครูและผ้เู รยี นร่วมกนั สรปุ
2. ผู้เรียนทอสอบหลงั เรยี น

สื่อการเรียนการสอน

1. หนังสอื เรยี น วิชาหลักการจดั การ
2. แบบทดสอบก่อนเรียน/หลังเรยี น
3. PowerPoint (เนอ้ื หาเรื่องการจดั องคก์ าร และตวั อยา่ งแผนภมู โิ ครงสร้างองค์การ)
4. กจิ กรรมการเรียนรทู้ ่ี 1,2
5. กิจกรรมท้ายบท

การวดั ผลและการประเมนิ ผล

วธิ วี ัดผล
6. ตรวจแบบทดสอบก่อนเรยี น/หลงั เรียน
7. สงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล
8. สังเกตกระบวนการทางานเป็นกลุม่
9. ตรวจผลงานตามกิจกรรมทา้ ยบท

เครอ่ื งมือวัดผล
5. แบบทอสอบกอ่ นเรียน/หลังเรยี น
6. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้

เกณฑ์วัดผลและประเมินผล

3. การให้ความรว่ มมอื ในการปฏบิ ตั ิกิจกรรมตามเกณฑ์ 70 %
4.ตรวจผลงานจากการทดสอบใหผ้ ่านได้ 70 % ข้ึนไป
5.ตรวจประเมนิ ผลกิจกรรม ตอ้ งทาถูกต้อง 70%

กจิ กรรมการเรยี นรู้

กิจกรรมที่ 1

ชอ่ื กิจกรรม รูปแบบโครงสรา้ งองค์การ

จุดประสงค์การเรียนรู้

1. เพอ่ื ใหผ้ ูเ้ รียนสามารถจาแนก จดั กลุม่ งาน เพอ่ื จัดองค์การได้

2. เพ่ือใหผ้ ู้เรยี นสามารถเขยี นแผนภูมิโครงสร้างองค์การได้

3. เพื่อให้ผเู้ รียนสามารถทางานเป็นกลุ่มได้

กจิ กรรมปฏิบัติ

1. ให้ผ้เู รียนแบ่งกลมุ่ กล่มุ ละ 2-3 คน ใหแ้ ตล่ ะกลุ่ม ดาเนินกจิ กรรมกลุม่ ดังนี้

1.1 เลอื กประธานกลุ่ม

1.2 เลขานกุ ารกลุ่ม

1.3 สมาชิกกลมุ่

1.4 วางแผนการปฏิบัติกิจกรรม

1.5 ดาเนินกจิ กรรมกลมุ่ ตามทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย

2. ให้ผู้เรยี นแต่ละกลุม่ เขียนแผนภูมโิ ครงสร้างองค์การแบบแนวด่ิง และแผนภมู อิ งค์การแบบตาม

หนา้ ที่ พรอ้ มกาหนดตาแหนง่ หนา้ ทตี่ า่ ง ๆ ตามความเหมาะสมของลักษณะองคก์ าร (องค์การ

ในสาขาอาชพี ท่เี รียน)

3. ใหผ้ ูเ้ รยี นแต่ละกลุ่มนาเสนอผลงานหนา้ ชนั้ โดนนาเสนอแผนภูมิโครงสรา้ งองคก์ ารและ

กาหนดตาแหน่งหน้าทต่ี ่าง ๆ

4. ผู้สอนและผู้เรยี นรว่ มกนั แสดงความคิดเห็น

5. ผเู้ รยี นนาผลงานส่งผู้สอนเพ่อื ประเมนิ ผล

การประเมินผล

ท่ี รายการประเมนิ 4 3 21

1 ความรว่ มมือในการปฏบิ ัติกจิ กรรม

2 ส่อื ประกอบในการนาเสนอ

3 รูปแบบการนาเสนอหนา้ ชัน้ เรียน

4 ความถกู ตอ้ งของเน้อื หาทนี่ าเสนอ

5 ผลสาเร็จของงาน

เกณฑ์การประเมนิ 4=ดมี าก 3=ดี 2=พอใช้ 1=ปรบั ปรุง

ผปู้ ระเมิน.............................................
............./............................./...............

กิจกรรมการเรียนรู้
กิจกรรมที่ 2
ชื่อกิจกรรม การเขยี นรายละเอียดของงาน (Job Description)
จดุ ประสงค์การเรียนรู้

1. เพอ่ื ให้ผ้เู รยี นสามารถกาหนดกลุ่มงานได้
2. เพื่อให้ผู้เรยี นสามารถเขยี นรายละเอียดของงานได้
3. เพอื่ ใหผ้ เู้ รยี นสามารถทางานเป็นกล่มุ ได้
กจิ กรรมปฏิบตั ิ
1. ใหผ้ เู้ รียนแบ่งกล่มุ กลุ่มละ 2-3 คน ให้แต่ละกลมุ่ ดาเนินกจิ กรรมกล่มุ ดังน้ี
1.1 เลอื กประธานกลุ่ม
1.2 เลขานกุ ารกลุ่ม
1.3 สมาชิกกลุ่ม
1.4 วางแผนการปฏบิ ัติกิจกรรม
1.5 ดาเนนิ กจิ กรรมกล่มุ ตามท่ไี ดร้ บั มอบหมาย
2. ให้ผเู้ รียนแต่ละกลุม่ เขียนรายละเอยี ดของงานในอาชพี ท่ีตนเองเรยี น ตามรายละเอยี ดต่อไปนี้
ฝา่ ยบริหาร (Management)

ผจู้ ัดการท่วั ไป/ผจู้ ัดการฝา่ ย/ผู้จดั การแผนก/หัวหนา้ งาน/แผนกงาน
หน้าที่ความรบั ผิดชอบ................................................................................................................
ผูบ้ งั คบั บัญชาโดยตรง.................................................................................................................
ความสมั พันธ์กับแผนกอนื่ ...........................................................................................................
การปฏิบตั ิงานในหน้าท่ี .............................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………

3. ใหผ้ ูเ้ รยี นแต่ละกลมุ่ นาเสนอผลงานหนา้ ช้นั โดนนาเสนอแผนภมู โิ ครงสรา้ งองค์การและ
กาหนดตาแหนง่ หน้าทต่ี ่าง ๆ

4. ผู้สอนและผู้เรียนร่วมกนั แสดงความคิดเหน็
5. ผเู้ รียนนาผลงานส่งผสู้ อนเพอื่ ประเมนิ ผล

การประเมินผล

ท่ี รายการประเมิน 4 3 21

1 ความรว่ มมอื ในการปฏิบตั ิกิจกรรม

2 สอ่ื ประกอบในการนาเสนอ

3 รูปแบบการนาเสนอหนา้ ชนั้ เรียน

4 ความถกู ตอ้ งของเนอ้ื หาท่ีนาเสนอ

5 ผลสาเรจ็ ของงาน

เกณฑก์ ารประเมนิ 4=ดมี าก 3=ดี 2=พอใช้ 1=ปรับปรงุ

ผูป้ ระเมนิ .............................................
............./............................./...............

แผนการเรยี นรแู้ บบบูรณาการปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง

รหสั วชิ า 30001-1002 ชอื่ วชิ า หลักการจัดการ หนว่ ยกิต (ชม.) 2-2-3

หลกั สูตร ประกาศนียบตั รวชิ าชีพชั้นสูง แผนกวิชา การบญั ชี สาขางาน การบัญชี

ชือ่ หน่วย การจดั การทรัพยาการมนุษย์ สอนครัง้ ที่ 9-10 จานวน 6 ชม.

สาระสาคัญ

บคุ คลเปน็ ปจั จัยสาคญั ที่จะนาไปสู้ความสาเรจ็ ขององคก์ าร การคดั เลือกบุคคลใหม้ ีความเหมาะสมกบั

งาน จะช่วยให้การดาเนนิ กิจกรรมเป็นไปอย่างสะดวกราบรืน่ มากยิ่งข้นึ การสรรหา การคดั เลอื ก และการดารง

รกั ษาบคุ ลากร ถือเป็นภารถหน้าที่ท่สี าคัญ ซ่ึงแหลง่ ท่ีมรในการสรรหาได้แก่แหลง่ ภายใน และแหลง่ ภายนอก

องค์การ การเพม่ิ พูนความรู้ด้วยการฝกึ อบรม การจัดสวัสดกิ ารท่เี หมาะสม จะช่วยให้บคุ ลากรมขี วญั และ

กาลงั ใจในการปฏิบัติงาน โดยผลงานท่ีเกิดจากความเต็มใจในการปฏบิ ตั ิงานจะมปี ระสิทธภิ าพและประสทิ ธผิ ล

เปน็ ที่พึงพอใจของลูกค้ามากยิ่งข้ึน

สาระการเรยี นรู้

ดา้ นความรู้

1. ความหมายของการจัดการทรัพยากรมนุษย์

2. ความสาคัญของการจดั การทรัพยากรมนษุ ย์

3. กระบวนการจัดการทรพั ยากรมนษุ ย์

4. หลักการจัดการทรัพยากรมนษุ ยท์ ่ีมีประสิทธภิ าพ

5. ผู้บริหารกับการจัดการทรัพยากรมนุษย์

6. ข้อกฎหมายสาหรบั การจดั การทรพั ยากรมนษุ ย์

ด้านทักษะ

1. ฝกึ เขยี นข้ันตอนกระบวนการสรรหา

2. ฝึกเขยี นขน้ั ตอนในการคดั เลือกบุคคลในตาแหนง่ งานขององคก์ าร

3. ฝกึ ออกแบบประกาศรับสมัครงาน

ดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม

1. ความรบั ผดิ ชอบ ความประหยดั ความอดทน ความขยนั สนใจใฝร่ ู้ รอบคอบ ระมดั ระวงั และมี

ความยุติธรรม

สมรรถนะอาชีพประจาหนว่ ย

1. กาหนดคุณสมบัติของบุคคลไดเ้ หมาะสมกบั ตาแหน่งงานขององค์การ

2. กาหนดอัตราคา่ ตอบแทนได้ตามข้อกาหนดของกฎหมายแรงงาน

3. กาหนดขั้นตอนและกระบวนการในการสรรหาบุคคลได้ตามขอ้ กาหนดขององคก์ าร

4. ออกแบบประกาศรับสมัครได้เหมาะสม

จุดประสงค์การเรยี นรู้

1. อธิบายความหมายและความสาคัญของการจัดการทรัพยากรมนุษยไ์ ด้
2. อธิบายกระบวนการและหลักการจัดการทรพั ยากรมนษุ ยท์ ี่มปี ระสิทธิผลได้
3. อธบิ ายหน้าทขี่ องผ้บู รหิ ารในการจัดการทรัพยากรมนษุ ยไ์ ด้
4. ปฏบิ ตั งิ านได้อยา่ งถกู ตอ้ งบ และสาเร็จตามเวลาที่กาหนด
5. บอกสาระสาคญั ๘ของกฎหมายในการจัดการทรัพยากรมนษุ ยไ์ ด้

เนื้อหาสาระ

1. ความหมายของการจดั การทรพั ยากรมนษุ ย์
2. ความสาคญั ๗ของการจดั การทรัพยากรมนษุ ย์
2.1 ด้านตน้ ทุน
2.2 ดา้ นประสิทธภิ าพ

2.2 ด้านการแข่งขัน
3. กระบวนการจดั การทรัพยากรมนษุ ย์การกาหนดความตอ้ งการด้านทรพั ยากรมนุษย์
3.1 การกาหนดความต้องการด้านทรัพยากรมนษุ ย์
3.1.1 การประเมนิ ความตอ้ งการด้านทรพั ยากรมนษุ ย์
3.1.2 การวเิ คราะห์งาน
3.1.3 การพรรณนางาน
3.1.4 การกาหนดคณุ สมบตั เิ ฉพาะงาน

3.1.5 การบริหารคา่ ตอบแทน
3.2 การตอบสนองความตอ้ งการดา้ นทรพั ยากรมนุษย์
3.2.1 กรสรรหา
3.2.2 การคดั เลือก
3.2.3 การฝกึ อบรมพนักงาน

3.2.4 การประเมินผลการปฏบิ ัติงาน
3.3 การดารงรักษาและพัฒนาทรพั ยากรมนษุ ย์
3.3.1 การดารงรักษาพนกั งาน
3.3.2 การพฒั นาบุคลากร
3.3.3 การใหพ้ น้ จากงาน

4. หลกั การจัดการทรัพยากรมนุษยท์ ่มี ีประสทิ ธิผล
4.1 หลักความเสมอภาค
4.2 หลักความสามารถ
4.3 หลักความมั่นคง
4.4 หลกั การเปน็ กลางปลอดจากการเมอื ง

4.5 หลักการพัฒนา
4.6 หลักความเหมาะสม
4.7 หลกั ความยตุ ธิ รรมและเปน็ ธรรม
4.8 หลกั สวสั ดกิ าร
4.9 หลักการเสรมิ สร้างคุณธรรมและจริยธรรม
4.10หลกั มนษุ ยสัมพันธ์
4.11 หลักประสทิ ธิภาพและประสิทธิผล
4.12 หลักการศกึ ษาวิจัยและการสื่อสารอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ
5. ผู้บรหิ ารกับการจัดการทรัพยากรมนุษย์

5.1 ความสามารถคู่คุณธรรม
5.2 ผลสาเรจ็ ขององค์การเกดิ จากความพอใจในงานของสมาชกิ ในองค์การ
5.3 ผลงานทมี่ ีประสทิ ธภิ าพและประสิทธผิ ล เกิดจากงานท่ีตรงกบั ความถนดั และความสามารถ
5.4 สมาชิกมีสว่ นชว่ ยให้องค์การเตบิ โต
5.5 ทกุ องคก์ ารมคี วามขดั แย้ง
5.6 ทุกสิ่งตอ้ งมกี ารเปลย่ี นแปลง
6. ข้อกฎหมายสาหรับการบริหารทรพั ยากรมนษุ ย์
6.1 พระราชบัญญัติคมุ้ ครองแรงงาน
6.2 พระราชบญั ญัตเิ งนิ ทดแทน
6.3 พระราชบญั ญัตแิ รงงานสมั พันธ์
6.4 พระราชบญั ญตั ปิ ระกนั สงั คม
6.5 พระราชบัญญัตกิ ารทางานของคนตา่ งดา้ ว

สรปุ

การจดั การทรัพยากรมนุษย์ เปน็ กระบวนการในการสรรหา คดั เลือกและจัดคนเข้าทางานอยา่ ง
เหมาะสม ตลอดจนดูแลรกั ษา และพฒั นาบุคลากรในองคก์ ารให้มคี วามพร้อมในการปฏบิ ตั ิงาน หากองค์การ
จัดการทรัพยากรมนษุ ยท์ เี่ หมาะสมจะช่วยให้การดาเนนิ งานเปน็ ไปอย่างมปี ระสทิ ธภิ าพและประสิทธผิ ลสูงสุด

กระบวนการจดั การทรัพยากรมนุษย์ ประกอบด้วยขัน้ ตอนการกาหนดความต้องการด้านทรัพยากร
มนุษย์ ขัน้ ตอนการสนองตอบความต้องการด้านทรพั ยากรมนษุ ย์ และขั้นตอนการดารงรกั ษาและพฒั นา
ทรพั ยากรมนษุ ย์

ผบู้ รหิ ารจะต้องมคี วามสามารถคกู่ บั คุณธรรม เพ่ือจะทาให้องค์การไปสู่ความเจรญิ รุ่งเรอื ง และผลงาน
จะมปี ระสทิ ธิภาพจากการทีพ่ นักงานไดท้ างานตรงกบั ความถนดั และความสามรถ

ขอ้ กฎหมายสาหรบั การบรหิ ารทรัพยากรมนษุ ย์ เปน็ กฎหมายใช้บังคบั อยู่เปน็ ประจาตามปกติ เพ่ือวาง
ระเบยี บบังคบั ความประพฤตขิ องบุคคล รวมท้ังองค์การและเจา้ หน้าที่ของรัฐ ได้แก่ พระราชบญั ญัตคิ มุ้ ครอง
แรงงงาน พระราชบัญญัตปิ ระกันสังคม พระราชบัญญตั แิ รงงานตา่ งด้าว เปน็ ต้น

กิจกรรมการเรยี นการสอน

ขั้นนาเขา้ สบู่ ทเรยี น
1. ครผู ู้สอนทบทวนเนอ้ื หาที่ได้ศึกษาผา่ นมา โดยใชว้ ิธีถาม – ตอบ ในชั้นเรยี น เพอื่ กระต้นุ ผเู้ รยี น
แลว้ พดู คุยเกยี่ วกบั ความเป็นอย่ขู องครอบครัว เร่ืองการแบง่ หน้าทคี่ วามรบั ผิดชอบท่ีบ้าน ใคร
ทาหน้าที่อะไรบา้ ง ใครเป็นผู้แบง่ หน้าทค่ี วามรับผิดชอบในบา้ น ฯลฯ
2. ครผู ู้สอนแจ้งจุดประสงค์การเรยี นรู้

ขน้ั สอน
กิจกรรมครู
1. ใหผ้ ู้เรียนทาขอ้ สอบก่อนเรียน
2. ครูผสู้ อน ให้ผ้เู รียนศึกษาเอกสารประกอบการเรยี น เร่ืองการจดั การทรัพยากรมนษุ ย์
3. ครูผสู้ อนแบง่ กลมุ่ ผู้เรียน กลุ่มละ 3-5 คน ปฏบิ ัติกิจกรรม ตามกจิ กรรมการเรยี นรู้ท่ี
กาหนด
4. ขณะทผี่ ู้เรยี นปฏบิ ตั ิกิจกรรมการเรยี นรคู้ รผู ู้สอนใหค้ อยสงั เกตการณ์ปฏิบตั ิกิจกรรม และ
ให้ขอ้ เสนอแนะในการปฏบิ ัตกิ ิจกรรม
5. ครผู ้สู อนเปดิ โอกาสใหผ้ ูเ้ รยี นไดแ้ สดงความคิดเห็นเพิม่ เติม และรวมกันอภิปราย
6. ให้ผู้เรยี นนาเสนอผลลานและส่งผลงาน
7. ครูบรรยายเนอ้ื หาเพมิ่ เตมิ
กิจกรรมผเู้ รียน
1. ผเู้ รียนโต้ตอบพดู คยุ กับผู้สอนเร่อื งเกี่ยวกบั ครอบครวั ของแต่ละคนวา่ ใครทาหนา้ ที่
อะไรบา้ ง และตนไดร้ ับมอบหมายให้ทาหนา้ ท่อี ะไร
2. ผเู้ รียนทาแบบประเมนิ ผลกอ่ นเรียน
3. ผเู้ รียนศกึ ษาเอกสารประกอบการเรียน การจัดการทรพั ยากรมนุษย์ ปฏิบตั ิกิจกรรมการ
เรยี นรตู้ ามทีผ่ ู้สอนกาหนด
4. ผูเ้ รยี นอภปิ รายเพ่ือแสดงความคิดเหน็ พร้อมยกตัวอยา่ ง โดยครูผสู้ อนกระตุ้นด้วยการใช้
คาถาม
5. ผู้เรียนนาเสนอผลงาน และส่งผลงาน
6. ผเู้ รยี นฟงั บรรยายสรปุ ของครูแลว้ จดบันทกึ สาระสาคัญท่คี รูบรรยายเพมิ่ เตมิ ให้
7. ผเู้ รียนปฏิบัตกิ ิจกรรมทา้ ยบท

ข้นั สรุป
1. ครแู ละผูเ้ รยี นร่วมกันสรุป
2. ผู้เรียนสอบหลงั เรียน

สื่อการเรียนการสอน

3. หนังสอื เรียน วชิ าหลกั การจัดการ
4. แบบทดสอบก่อนเรยี น/หลงั เรียน
5. PowerPoint (เร่อื ง การจดั การทรัพยากรมนุษย์)
6. กิจกรรมการเรียนรู้
7. กิจกรรมท้ายบท

การวัดผลและการประเมนิ ผล

วิธีวดั ผล
1. ตรวจแบบทดสอบกอ่ นเรียน/หลังเรยี น
2. สังเกตพฤติกรรมรายบุคคล
3. สงั เกตกระบวนการทางานเป็นกลมุ่
4. ตรวจผลงานตามกจิ กรรมทา้ ยบท

เคร่ืองมอื วดั ผล
1. แบบทอสอบกอ่ นเรยี น/หลงั เรยี น
2. แบบประเมินผลการเรยี นรู้

เกณฑ์วดั ผลและประเมนิ ผล

1. การใหค้ วามร่วมมอื ในการปฏบิ ตั ิกิจกรรมตามเกณฑ์ 70 %
2. ตรวจผลงานจากการทดสอบให้ผ่านได้ 70 % ขนึ้ ไป
3. ตรวจประเมินผลกิจกรรม ตอ้ งทาถกู ตอ้ ง 70%

กิจกรรมการเรียนรู้

ชอ่ื กจิ กรรม การแบง่ กล่มุ งาน

จุดประสงค์การเรียนรู้

1. เพอ่ื ใหผ้ เู้ รียนสามารถกาหนดตาแหนง่ งานและแบง่ กลมุ่ งานได้

2. เพื่อให้ผ้เู รยี นสามารถออกแบบประกาศรบั สมัครงานได้

3. เพ่ือใหผ้ ู้เรยี นสามารถทางานเปน็ กลมุ่ ได้

กิจกรรมปฏิบัติ

1. ให้ผเู้ รียนแบ่งกลมุ่ กล่มุ ละ 3-5 คน ตามสาขาอาชีพ ใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ ดาเนนิ กจิ กรรมกลุม่ ดงั นี้

1.1 เลอื กประธานกล่มุ

1.2 เลขานกุ ารกลุ่ม

1.3 สมาชกิ กลุม่

1.4 วางแผนการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม

1.5 ดาเนนิ กจิ กรรมกลมุ่ ตามท่ีไดร้ ับมอบหมาย

2. ให้ผเู้ รียนแต่ละกลุ่ม แบ่งกลมุ่ งานในสาขาอาชีพท่ีเรยี น เช่น ตาแหน่งงานในสาขาการจัดการ

ธุรกิจค้าปลกี ตาแหน่งงานในสาขาคอมพิวเตอรธ์ ุรกจิ

3. ให้ผูเ้ รยี นเลือกกลุม่ งานทแี่ บ่งไดใ้ นขอ้ 2 มา 1 ตาแหน่งงาน แล้วให้ผเู้ รียนแตล่ ะกล่มุ ระดม

สมอง เพ่ือเขียนรายละเอียดการปฏิบัติงาน ในตาแหน่งทเี่ ลอื ก

4. ใหผ้ ูเ้ รียนแต่ละกลุ่มนาเสนอผลงานหน้าชัน้

5. ผู้สอนและผู้เรยี นรว่ มกนั แสดงความคิดเห็น และอภิปราย

6. ผู้เรียนนาผลงานส่งผู้สอนเพ่อื ประเมนิ

การประเมินผล

ท่ี รายการประเมนิ 4 3 21

1 ความรว่ มมอื ในการปฏิบัติกิจกรรม

2 ส่อื ประกอบในการนาเสนอ

3 รปู แบบการนาเสนอหนา้ ชนั้ เรียน

4 ความถกู ต้องของเน้อื หาท่ีนาเสนอ

5 ผลสาเร็จของงาน

เกณฑ์การประเมิน 4=ดีมาก 3=ดี 2=พอใช้ 1=ปรบั ปรงุ

ผูป้ ระเมิน.............................................
............./............................./...............

แผนการเรยี นรแู้ บบบรู ณาการปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง

รหสั วชิ า 30001-1002 ชอ่ื วิชา หลักการจัดการ หน่วยกิต (ชม.) 2-2-3

หลกั สูตร ประกาศนยี บตั รวิชาชีพชัน้ สงู แผนกวชิ า การบญั ชี สาขางาน การบัญชี

ชอ่ื หนว่ ย ผู้นาและภาวะผูน้ า สอนครั้งท่ี 11-12 จานวน 6 ชม.

สาระสาคัญ

ผนู้ าเป็นผทู้ ม่ี ีอิทธิพลตอ่ บุคคลอ่นื โดยผ่านกระบวนการตา่ ง ๆ เพือ่ ใหบ้ ุคคลอ่นื ปฏบิ ตั ิตาม หรือปฏิบัติ

กจิ กรรมอยา่ งเตม็ ท่เี ต็มใจ เพอ่ื ให้บรรลวุ ัตถุประสงค์ท่วี างไว้

หน้าท่ที ่สี าคญั ของผูน้ าคือการจงู ใจ การใชภ้ าวะผู้นา การประสานงาน การติดสินใจ และการบรหิ าร

ความขดั แยง้ ในองค์การ เป็นตน้ คณุ ลกั ษณะสาคัญของผูน้ าท่ดี ี คือ เปน็ ผู้ที่มีศาสตรแ์ ละศิลป์ หากการบริหร

จัดการมีความสามารถในการสื่อสารท่ีดี และสามารถแก้ปญั หาเฉพาะหน้าไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ สว่ น

คณุ สมบัติสาคัญของผู้นา ไดแ้ ก่ ความรู้ ความสามารถพิเศษ ทเ่ี ป็นท่ียอมรบั ของบุคลากรในองค์การ เปน็ ตนั

การมีผู้นาทีด่ ีจะช่วยใหง้ านสาเรจ็ ลุลว่ งได้รวดเร็วและมปี ระสิทธิภาพมากย่ิงขึ้น

สาระการเรยี นรู้

ด้านความรู้

1. ความหมายของผ้นู าและภาวะผูน้ า

2. ความสาคญั ของผ้นู าและภาวะผนู้ า

3. คณุ ลกั ษณะและคุณสมบัติของผ้นู า

4. ทกั ษะสาคัญของผนู้ า

5. ประเภทของผนู้ า

6. หน้าทข่ี องผนู้ า

ด้านทักษะ

1. ฝกึ กาหนดวิสยั ทัศน์

2. ฝกึ วเิ คราะห์ลกั ษณะเดน่ ของผนู้ า

ด้านคุณธรรม จรยิ ธรรม

1. ความรบั ผิดชอบ ความประหยัด ความอดทน ความขยนั สนใจใฝร่ ู้ รอบคอบ ระมัดระวงั และมี

ความยุติธรรม

สมรรถนะอาชพี ประจาหน่วย

1. กาหนดคุณสมบตั ขิ องผนู้ าได้ตามขอ้ กาหนดขององคก์ าร

2. กาหนดหนา้ ที่ความรบั ผิดชอบของผูน้ าตามโครงสร้างขององค์การ

3. วเิ คราะหล์ ักษณะเดน่ และการตัดสนิ ใจของผนู้ า

จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้

1. อธิบายความหมายและความสาคัญของผู้นาและภาวะผู้นาได้
2. อธบิ ายคณุ สมบัติและคุณลักษณะของผนู้ าได้
3. อธิบายทักษะของผนู้ าได้
4. อธบิ ายประเภทของผู้นาได้
5. อธิบายหน้าทข่ี องผนู้ า
6. กาหนดวิสัยทศั น์ขององคก์ ารได้
7. สมามารถวเิ คราะห์การตดั สินใจของผูน้ าได้
8. สามารถวเิ คราะห์ลักษณะเด่นของผนู้ าได้

เนือ้ หาสาระ

1. ความหมายของผ้นู าและภาวะผูน้ า
1.1 ความหมายของผู้นา
1.2 ความหมายของภาวะผ้นู า

2. ความสาคญั ของผ้นู าและภาวะผนู้ า
2.1 ด้านบุคลากร
2.2 ด้านงาน
2.3 ด้านองค์การ

3. คณุ ลักษณะและคณุ สมบตั ิของผู้นา
3.1 คณุ ลักษณะของผู้นา

3.1.1 คณุ ลักษณะดา้ นบคุ ลกิ ภาพทว่ั ไป
3.1.2 คณุ ลกั ษณะท่ีสมั พนั ธ์กบั งาน

3.2 คุณสมบตั ิของผู้นา
3.2.1 เฉลยี วฉลาด
3.2.2 มกี ารศกึ ษาอบรมดี
3.2.3 มีความเช่อื มัน่ ในตนเอง

4. ทักษะสาคัญสาหรับผนู้ า
4.1 ความเชีย่ วชาญทางเทคนิค
4.2 ทกั ษะด้านมนุษยสมั พนั ธ์
4.3 ทักษะดา้ นความคดิ

5. รปู แบบของผนู้ า
5.1 แบบของความเป็นผนู้ าตามลกั ษณะการใช้อานาจหนา้ ท่ี

5.1.1 ผูน้ าแบบเผดจ็ การหรอื อตั นยิ ม
5.1.2 ผู้นาแบบประชาธปิ ไตย

5.1.3 ผู้นาแบบเสรีนิยม
5.2 แบบของความเปน็ ผู้นาตามลักษณะพฤตกิ รรม
5.3 แบบของความเป็นผู้นาตามแนวทางปฏิบัติ

5.3.1 ผู้นาแบบยึดแนวทางเผด็จการ
5.3.2 ผนู้ าแบบทางานเป็นทมี งาน
5.3.3 ผนู้ าแบบยึดแนวทางปฏิบัติ

5.4 แบบของความเปน็ ผนู้ าแบบมงุ่ คนและมงุ่ งาน
5.4.1 ผู้นาแบบให้ความสาคัญกบั คน
5.4.2 ผนู้ าแบบให้ความสาคัญกับงาน

5.5 แบบของความเป็นผ้นู าตามสถานการณ์
6. หน้าท่ีของผู้นา

6.1 การประสานงาน
6.1.1 ลักษณะการประสานงาน
6.1.2 วธิ ีการประสานงาน

6.2 การตัดสนิ ใจ
6.2.1 ประเภทของการตดั สนิ ใจ
6.2.2 กระบวนการแก้ปัญหาและการตดั สนิ ใจ

6.3 การจงู ใจ
6.3.1 ทฤษฎี X และทฤษฎี Y
6.3.2 ทฤษฎีลาดบั ขั้นความตอ้ งการของ Maslow
6.3.3 ทฤษฎคี วามตอ้ งการของ Hertzberg
6.3.4 ทศั นะการจูงใจอน่ื ๆ ท่เี กยี่ วข้อง

6.4 การบริหารความขัดแย้ง
6.4.1 สาเหตขุ องความขัดแย้งในองค์การ
6.4.2 วิธีแกป้ ญั หาความขดั แยง้

สรุป

ผู้นาและภาวะผูน้ า เป็นศาสตร์หรือศิลปะของผทู้ ่ีมีความสามารถในการใช้อิทธิพลที่มีอย่โู ดยไม่ตอ้ งใช้
อานาจบงั คับ ชี้นาหรือชักชวนให้ผ้อู ่ืนทากจิ กรรมเพอื่ ให้บรรลุวตั ถุประสงค์ทก่ี าหนดไว้

ผนู้ าและภาวะผู้นามอี ิทธพิ ลตอ่ บุคคลในลักษณะที่เกี่ยวกับขวญั และกาลงั ใจ ตลอดจนความพงึ พอใจ
ของผปู้ ฏิบัติงาน

คณุ ลกั ษณะและคณุ สมบตั ิของผู้นาท่ีดี จะต้องมคี วามคดิ รเิ ร่ิมสรา้ งสรรค์ในการทางาน มกี ารตัดสินใจ
ในการทากจิ กรรมต่าง ๆ มคี วามรับผดิ ชอบในการเปน็ ผูน้ ากล่มุ หรอื ท่ีมีความเฉลยี วฉลาด มกี ารศึกษาอบรมดี
และเช่อื มัน่ ในตนเอง

ผูบ้ ริหารจะต้องมที ักษะด้านความคิดวเิ คราะหด์ ้านมนษุ ย์สัมพันธ์ และดา้ นเทคนคิ ปฏบิ ตั ิ ซงึ่ ผู้บรหิ าร
แต่ละระดบั จะตอ้ งใชท้ ักษะท่แี ตกตา่ งกนั

รูปแบบของผูน้ า มหี ลายรูปแบบ และผ้นู าทจี่ ะประสบความสาเรจ็ จะต้องคานงึ ถงึ ความพยายามปรับ
วิธีการใหเ้ ขา้ กับสภาพแวดล้อม

หน้าท่ขี องผู้นาจะมีหน้าทใ่ี นการประสานงาน จงู ใจและตัดสินใจ

กจิ กรรมการเรยี นการสอน

ข้ันนาเข้าสูบ่ ทเรียน
1. ครูผู้สอนทบทวนความรู้เดมิ ท่ไี ด้ศึกษามาในหนว่ ยการเรยี นท่ีผา่ นมา โดยใช้วธิ ี ถาม-ตอบ
ในชน้ั เรียน เพ่อื เปน็ การกระต้นุ ผู้เรียน
2. ครผู ู้สอน แจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้

ขั้นสอน
กิจกรรมครู
1. ให้ผู้เรยี นทาแบบทดสอบก่อนเรียน
2. ครผู สู้ อนบรรยายรายละเอียดของเน้ือหาเร่อื งผู้นาและภาวะผู้นา
3. ครผู สู้ อนเปิดโอกาสใหผ้ เู้ รียนได้แสดงความคดิ เหน็ เพิ่มเติม และรวมกนั อภปิ ราย
4. ครูใหผ้ ้เู รียนทากิจกรรมที่ 1 และแบ่งกลุ่มทากจิ กรรมท่ี 2
5. ครผู ู้สอนบรรยายเนอ้ื หาเพิ่มเติม
กิจกรรมผเู้ รียน
1. ผู้เรยี นทาแบบประเมนิ ผลกอ่ นเรียน
2. รับฟงั การบรรยายรายละเอยี ดของเน่อื งหาจากผสู้ อนเรือ่ งผ้นู าและภาวะผ้นู า แล้วจด
บันทกึ
3. ผเู้ รียนอภปิ รายเพอ่ื แสดงความคิดเห็น พรอ้ มยกตัวอย่าง จากการกระตนุ้ ของครผู ู้สอน
ดว้ ยการใช้คาถาม ผเู้ รียนชว่ ยกันตอบคาถาม
4. ผ้เู รยี นทากจิ กรรมที่ 1 และแบ่งกลุ่มทากิจกรรมที่ 2 พรอ้ มนาเสนองานหน้าชน้ั
5. ผเู้ รียนฟังบรรยายสรปุ ของครูแลว้ จดบนั ทกึ สาระสาคญั ท่คี รูบรรยายเพิ่มเตมิ ให้
6. ผเู้ รยี นปฏบิ ัตกิ จิ กรรมทา้ ยบท/ใบงาน

ขนั้ สรปุ
1. ครแู ละผเู้ รยี นร่วมกันสรุป
2. ผู้เรียนสอบหลงั เรยี น


Click to View FlipBook Version