การสมั ผสั
พยางคส์ ดุ ท้ายของวรรคท่ี ๑ สัมผัสกับพยางค์ที่ ๒ ของวรรคท่ี ๒
(บางครง้ั ใหส้ มั ผัสกับ พยางคท์ ี่ ๓ หรอื ๔ ของวรรคที่ ๒ กไ็ ด)้
พยางคส์ ดุ ทา้ ยของวรรคท่ี ๒ สมั ผสั กบั พยางค์สุดท้ายของวรรคท่ี ๓
พยางคส์ ดุ ท้ายของวรรคท่ี ๓ สัมผัสกับพยางค์ท่ี ๒ ของวรรคท่ี ๔
(บางคร้งั ใหส้ ัมผัสกบั พยางคท์ ่ี ๓ หรอื ๔ ก็ได)้
พยางค์สุดทา้ ยของวรรคท่ี ๔ สมั ผัสกบั พยางค์สุดท้ายของวรรคที่ ๒
ของบทต่อไป ซ่งึ เรยี กว่า การสมั ผัสระหวา่ งบท
การแบ่งจังหวะการอ่าน
แต่ละ วรรคมี ๖ คํา ให้แบง่ เป็น ๓ จังหวะ
คือ ๒ คํา/๒ คํา /๒ คํา
เช่น ผเี สอื้ /แสนสวย/โบยบนิ จากถ่นิ /ท่อี ยู่/อาศัย
พลว้ิ ปีก/รา่ ยรํา/เรงิ ใจ ชื่นชม/ดอกไม้/รายทาง
ผีเสอ้ื /แสนสวย/โบยบนิ จากถิน่ /ทอี่ ย/ู่ อาศยั
พล้ิวปกี /ร่ายราํ /เริงใจ ชน่ื ชม/ดอกไม/้ รายทาง
บินสู่/ป่าเหนือ/เมอ่ื ร้อน สัญจร/เทีย่ วไป/ไพรกวา้ ง
นํ้าตก/ภผู า/ป่าปาง ทกุ อยา่ ง/สวยสด/งดงาม
O-NET ป.6
ฉบับ
อยา่ เยอะ
กลอนสุภาพ หรอื กลอนแปด
เป็นร้อยกรองที่ไดร้ บั ความนยิ มมากมาต้งั แต่สมยั
กรงุ ศรอี ยุธยา เพราะมีความไพเราะและเรยี บงา่ ย
เปน็ แมแ่ บบของกลอนอกี หลายรปู แบบ
จาํ ง่าย ๆ คือ ๑ บทมี ๔ วรรค ทอ่ งวา่ สดับ รบั รอง สง่
๑ บท มี ๔ วรรค - สมั ผสั นอก คือ
๑ วรรค มี ๘ คาํ คาํ คล้องจองท่อี ยนู่ อกวรรค
(บางคร้ังมี ๗-๙ คาํ ) (สมั ผัสสระ) เปน็ สมั ผัสบงั คับ
๑ บท มี ๒ บาท
๑ บาท มี ๒ วรรค - สมั ผสั ใน คอื
คาํ คลอ้ งจองทอ่ี ยใู่ นวรรค
(สัมผสั สระ หรือสมั ผัสพยัญชนะ)
การสมั ผสั
คําสุดท้ายวรรคที่ ๑ สมั ผัสกับคาํ ที่ ๓ หรอื ๕ ของวรรคท่ี ๒
คําสดุ ท้ายวรรคท่ี ๒ สมั ผัสกับคาํ สุดท้ายของวรรคที่ ๓
คําสดุ ท้ายวรรคที่ ๓ สมั ผสั กบั คําท่ี ๓ หรอื ๕ ของวรรคท่ี ๔
สว่ นสัมผัสระหวา่ งบทก็เชน่ เดียวกัน คอื คาํ สุดทา้ ยวรรคท่ี ๔
ของบทแรก สัมผัสกับคาํ สดุ ท้ายของวรรคที่ ๒ ของบทถดั ไป
การแบง่ จังหวะการอา่ นกลอนสภุ าพ
แต่ละวรรคมี ๗ คํา ใหแ้ บง่ เปน็ ๓ จังหวะ คือ ๒ คาํ /๒ คํา/๓ คาํ
แต่ละวรรคมี ๘ คาํ ให้แบ่งเปน็ ๓ จังหวะ คอื ๓ คาํ /๒ คํา/๓ คาํ
แตล่ ะวรรคมี ๙ คาํ ให้แบ่งเป็น ๓ จงั หวะ คือ ๓ คํา/๓ คาํ /๓ คํา
สังเกตวา่ การแบง่ จังหวะการอ่านกลอนสภุ าพจะมี ๗ ,๘, ๙ คํากต็ าม
จะลงท้ายด้วย ๓ เสมอ (ออกขอ้ สอบบ่อยมาก)
ตวั อย่างกลอนสภุ าพของสุนทรภู่
เจา้ พลายงาม/ความแสน/สงสารแม่ ชาํ เลอื งแล/ดูหน้า/นํา้ ตาไหล
แล้วกราบกราน/มารดา/ดว้ ยอาลัย ลูกเตบิ ใหญ่/คงจะมา/หาแมค่ ุณ
แตค่ รัง้ น/้ี มกี รรม/จะจาํ จาก ต้องพลดั พราก/แม่ไป/เพราะไอ้ขุน
เทย่ี วหาพ่อ/ขอให้ปะ/เดชะบญุ ไม่ลืมคุณ/มารดา/จะมาเยอื น
แมร่ กั ลูก/ลกู กร็ /ู้ อย่วู ่ารัก คนอนื่ สกั /หมน่ื แสน/ไม่แมน้ เหมือน
จะกินนอน/วอนวา่ /เมตตาเตือน จะจากเรือน/รา้ งแม/่ ไปแตต่ ัว
กลอนขบั รอ้ ง กลอนเพลง
เสภา นริ าศ
สักวา หนงั สือกลอน
ดอกสร้อย กลกลอน
บทละคร กลอนหก
เพลงไทย เพลงยาว
กลอนดอกสรอ้ ย
กลอนดอกสร้อย มรี ปู แบบคลา้ ยกับกลอนสภุ าพ
ฉนั ทลกั ษณ์คลา้ ยกันในเรื่องสัมผสั แตกต่างกนั ที่
วรรคแรกมีเพยี ง ๔ คาํ โดยคาํ ท่ี ๑ และคําที่ ๓ เปน็ คาํ เดียวกนั
และคําที่ ๒ ต้องใช้คําว่า “เอย๋ ” เช่น
“วดั เอย๋ วดั โบสถ์”
“แมวเอย๋ แมวเหมียว”
“จันทรเ์ อย๋ จันทร์เจ้า”
และคาํ ลงทา้ ยของกลอนในวรรคส่งต้องจบด้วยคําว่า “เอย” เสมอ
ตัวอย่างกลอนดอกสรอ้ ย
“ความเอย๋ ความรัก
เรม่ิ สมัคร ชัน้ ตน้ ณ หนไหน
เรม่ิ เพาะ เหมาะกลาง หว่างหวั ใจ
หรอื เริ่มใน สมอง ตรองจงดี
แรกจะเกิด เปน็ ไฉน ใครรูบ้ า้ ง
อย่าอาํ พราง ตอบสาํ นวน ให้ควรท่ี
ใครถนอม กลอ่ มเกลย้ี ง เลี้ยงรตี
ผู้ใดมี คาํ ตอบ ขอบใจเอย”
กลอนสกั วา
กลอนสักวา มรี ูปแบบคล้ายกบั กลอนสภุ าพ
ฉนั ทลกั ษณค์ ลา้ ยกนั ในเร่อื งสมั ผัส
แตกต่างกันทีค่ าํ แรกตอ้ งขนึ้ ตน้ ด้วยคําว่า
“สักวา” และลงท้ายดว้ ยคาํ ว่า “เอย”
เช่น “สกั วาดาวจระเข้กเ็ หหก”
“สกั วาหวานอืน่ มหี ม่นื แสน”
“สกั วาหน้าหนาวสาวขาแตก”
ตัวอยา่ งกลอนสกั วา
สกั วา หวานอืน่ มีหม่ืนแสน
ไมเ่ หมอื นแมน้ พจมาน ท่หี วานหอม
กล่นิ ประเทยี บ เปรยี บดวง พวงพะยอม
อาจจะน้อม จติ โน้ม ดว้ ยโลมลม
แม้นล้อลาม หยามหยาบ ไม่ปลาบปลืม้
ดงั ดูดดมื่ บอระเพด็ ตอ้ งเขด็ ขม
ผูด้ ีไพร่ ไม่ประกอบ ชอบอารมณ์
ใครฟังลม เมินหนา้ ระอาเอย
๑. ให้นกั เรียนเรยี งลําดบั ของกลอนสุภาพพรอ้ มลากสมั ผัสบงั คบั ให้ถูกต้อง
๑. แม้ไม่เคียงเยย่ี งเขาจะเศรา้ ไย
เรอ่ื งกานท์กลอนออ่ นด้อยค่อยค่อยหดั
ทลี ะวรรคถกั ถอ้ ยนาร้อยเรยี ง
แมน้ อดึ อดั ขัดใจอย่าไปเลี่ยง
…………………… ..............................
…………………………. ..............................
๑. ให้นักเรียนเรยี งลาํ ดบั ของกลอนสุภาพพร้อมลากสมั ผัสบังคับใหถ้ กู ต้อง
๒. เฝ้าพากเพียรเจียรจารนาขานไข
จะถูกนิดผิดบา้ งชา่ งปะไร
วางเค้าโครงโยงคาคอ่ ยนาเขียน
เขียนด้วยใจใฝ่รักอักษรา
…….....…………… ..............................
…………………………. ..............................
๑. ให้นกั เรยี นเรียงลาํ ดับของกลอนสุภาพพร้อมลากสมั ผสั บังคบั ใหถ้ ูกต้อง
๓. แตใ่ จรกั ถกั ถอ้ ยรอ้ ยภาษา
อยา่ โมโหโกรธาต่อว่ากัน
แม้ไม่เก่งเพลงกลอนยังออ่ นด้อย
แมถ้ ้อยคานาเขยี นไมเ่ นียนตา
…….....…………… ..............................
…………………………. ..............................
๑. ให้นกั เรยี นเรียงลาํ ดบั ของกลอนสภุ าพพร้อมลากสมั ผัสบงั คบั ให้ถกู ต้อง
๔. ทกุ อักษรกลอนกานท์บนลานฝนั
ทกุ ทุกวรรคถกั ร่ายหมายสบื สาน
เป็นของขวญั คา่ ลน้ เพอื่ ชนไทย
อาบคุณค่าชา้ นานแหง่ วารวัน
…….....…………… ..............................
…………………………. ..............................
๒.
ใหน้ กั เรียนแบง่ วรรคขอ้ ความเปน็ กลอนสภุ าพพรอ้ มแบ่งจังหวะการอ่านให้ถูกต้อง
๑. ถงึ บางพูดพูดดเี ป็นศรีศักด์ิมีคนรักรสถอ้ ยอรอ่ ยจติ แม้พูด
ชัว่ ตัวตายทาลายมติ รจะชอบผดิ ในมนุษยเ์ พราะพูดจา
…………………… ..............................
…………………………. ..............................
๒.
ใหน้ กั เรยี นแบง่ วรรคข้อความเป็นกลอนสภุ าพพรอ้ มแบ่งจังหวะการอา่ นให้ถูกต้อง
๒. เขายอ่ มเปรียบเทียบความว่ายามรักแต่นาผักต้มขมชม
วา่ หวานครันรักจางห่างเหนิ ไปเนน่ิ นานแตน่ าตาลว่า
เปรียวไม่เหลียวแล
…………………… ..............................
…………………………. ..............................
๒.
ใหน้ กั เรียนแบ่งวรรคขอ้ ความเปน็ กลอนสภุ าพพร้อมแบ่งจงั หวะการอา่ นใหถ้ ูกต้อง
๓. อันอ้อยตาลหวานลินแลว้ สนิ ซากแต่ลมปากหวานหูไม่รู้
หายแมน้ เจบ็ อืน่ หมืน่ แสนจะแคลนคลายเจ็บจนตายเพราะ
เหนบ็ ใหเ้ จบ็ ใจ
…………………… ..............................
…………………………. ..............................
๒.
ให้นักเรยี นแบ่งวรรคข้อความเปน็ กลอนสภุ าพพร้อมแบ่งจังหวะการอา่ นให้ถกู ต้อง
๔. แลว้ สอนวา่ อยา่ ไวใ้ จมนุษย์มันแสนสุดลึกลาเหลือกาหนด
ถึงเถาวัลยพ์ ันเกีย่ วทีเ่ ลียวลดกไ็ ม่คดเหมือนหนงึ่ ในนาใจคน
…………………… ..............................
…………………………. ..............................
๒.
ใหน้ กั เรยี นแบ่งวรรคขอ้ ความเปน็ กลอนสภุ าพพร้อมแบ่งจังหวะการอา่ นใหถ้ ูกต้อง
๕. แมน้ ใครรักรักมั่งชังชังตอบใหร้ อบคอบคิดอ่านนะหลาน
หนารู้ส่งิ ไรไม่สู้รู้วชิ ารูร้ ักษาตัวรอดเปน็ ยอดดี
…………………… ..............................
…………………………. ..............................
๓.
ใหน้ กั เรียนเรยี งลําดบั กลอนดอกสรอ้ ยพรอ้ มโยงเสน้ สัมผสั ให้ถูกตอ้ ง
๑. ๑. ค่าค่าซานั่งระวังหนู ๒. รูปรา่ งประเปรียวเปน็ นักหนา
๓. ควรนับวา่ มันกตัญญู ๔. รอ้ งเรียกเหมียวเหมียวเดีย๋ วก็มา
๕. เคล้าแขง้ เคล้าขาน่าเอ็นดู ๖. พอดูอย่างไวใ้ ส่ใจเอย
๗. แมวเอย๋ แมวเหมียว ๘. รูจ้ ักเอารักเขา้ ต่อตัง
(นายทัด เปรียญ)
……………………............ ……………………............
……………………............ ……………………............
……………………............ ……………………............
……………………............ ……………………............
๓.
ให้นักเรียนเรยี งลาํ ดบั กลอนดอกสร้อยพรอ้ มโยงเส้นสัมผัสให้ถูกต้อง
๒. ๑. ความรูเ้ รายังด้อยเรง่ ศึกษา ๒. ได้ประโยชน์หลายสถานเพราะการเรียน
๔. เด็กเอย๋ เดก็ น้อย
๓. เมื่อเติบใหญ่เราจะได้มีวิชา ๖. เป็นเครื่องหาเลียงชีพสาหรับตน
๘. จงพากเพียรไปเถดิ จะเกิดผล
๕. เกิดเปน็ คนควรมัน่ ขยันเอย
๗. ถงึ ลาบากตรากตราก็จาทน
……………………............ ……………………............
……………………............ ……………………............
……………………............ ……………………............
……………………............ ……………………............
๓.
ใหน้ ักเรียนเรยี งลําดับกลอนดอกสร้อยพร้อมโยงเส้นสัมผัสใหถ้ กู ต้อง
๓. ๑. เห็นใบพงลงคาบคอ่ ยเพียรขน ๒. ราวกับคนช่างพินจิ คดิ ทารัง
๓. มาสอดส่ายดว้ ยจะงอยปากของตน ๔. แม้ทาการหมัน่ พนิ ิจคิดระวงั
๕. นกเอย๋ นกกระจาบ ๖. ชา่ งละเอียดเสียดสลับออกซับซ้อน
๗. ใหไ้ ด้ดังนกกระจาบไม่หยาบเอย ๘. อยูพ่ ักรอ้ นนอนรม่ ได้สมหวัง
……………………............ (นายทัด เปรียญ)
……………………............ ……………………............
……………………............ ……………………............
……………………............ ……………………............
……………………............
๓.
ใหน้ กั เรียนเรียงลาํ ดับกลอนดอกสรอ้ ยพรอ้ มโยงเส้นสมั ผสั ให้ถูกต้อง
๔. ๑. การงานสักนิดกค็ ดิ หลบ ๒. ตุ๊ดเอ๋ยตุด๊ ตู่
๔. ในเชี่ยวในรูชา่ งอยูไ่ ด้
๓. มาเรียกใหก้ ินหมากไม่อยากคบ ๖. ชาติขีเกียจเบียดเบียนแตเ่ พือ่ นบา้ น
๕. ไม่ขอพบขีเกียจเกลียดนกั เอย ๘. ขีเกียจนักหนาระอาใจ
๗. ตื่นเชา้ เราจะหมัน่ ประชนั พลบ
……………………............ (นายทัด เปรียญ)
……………………............ ……………………............
……………………............ ……………………............
……………………............ ……………………............
……………………............
๓.
ให้นกั เรียนเรยี งลาํ ดับกลอนดอกสรอ้ ยพรอ้ มโยงเส้นสมั ผัสให้ถูกตอ้ ง
๕. ๑. อุตสาห์อ่านเขียนเรียนหนังสือ ๒. ถงึ ว่าไข่ล้มจะต้มกนิ
๔. จะตงั ใยไขก่ ลมกล็ ้มสนิ
๓. ตังเอย๋ ตังไข่ ๖. ถ้าตกดินเสียก็อดหมดฝีมือ
๕. ทังวิชาสารพัดเพียรหัดปรือ ๘. ตังใจเรานีจะดีกวา่
๗. อยา่ ดึงดือตังไข่รา่ ไรเอย
(สมเดจ็ พระบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดารงราชานุภาพ ทรงนิพนธ์)
……………………............
……………………............ ……………………............
……………………............ ……………………............
……………………............ ……………………............
……………………............
๔.
ใหน้ กั เรียนนาํ คาํ ทีก่ าํ หนดให้เติมลงในกลอนสภุ าพใหถ้ ูกต้อง
ที่มอบให้ ทุกทศิ มติ รเจือจาน กลา้ มหาศาล มุ่งลา้ งผลาญ ใครเมตตา
จากร้อยโยชน์ ตอ้ งพรากพลัน ใบหน้า ชุบความหวังครังใหม่ พร่าเพรยี กรอ้ งเรียกหา
คลืน่ ยักษส์ ูงคาฟา้ ถาโถมฝัง่ ด้วยพลังแรง................................
ดังสัตวร์ ้ายหมายชีวิตปลดิ ดวงมาน ......................สินทรัพย์นับอนันต์
เสียงโหยหวน.............................. สุดไขว่คล้าอกใจใหไ้ หวหวั่น
ลูกแนบอกคล่นื กระชาก...................... เพื่อนพีน่ ้องพลัดผันในพรบิ ตา
ความสูญเสียใหญห่ ลวงทะลวงอก นาตาตกใจแห้งเหือด..........................
ตอ่ แตน่ ีอยู่อย่างไร............................. เหน็ แต่ฟ้ากับหาดกว้างร้างวญิ ญาณ
ความชว่ ยเหลือที่หลั่งมาดงั่ ฟ้าโปรด ...........................แดนไกลทุกสถาน
จากเบืองสูงจาก.............................. รว่ มประสานปลอบขวัญมนั่ หทัย
ซึงนาใจคนไทยทโี่ อบเอือ ตา่ งจุนเจือด้วยไมตรี..............................
ดังสายทองแทรกซา่ นประสานใจ ชุบความหวังครังใหมใ่ หอ้ ันดามนั
แบบทดสอบ
แบบทดสอบ
อา่ นบทร้อยกรองนแ้ี ล้วตอบคําถาม ขอ้ ๑ - ๒
นกึ ถงึ คาํ แคนแค่นแคน้ ใหแ้ นน่ จติ เจ้าหลง่ั จรติ ลอลอ่ ล้อใหเ้ รียมหลง
โออ้ กเราเร่าเรา้ เฝ้าพะวง ทรวงพ่คี งชําชํา่ ชํ้าระกาํ ตาย
๑. ขอ้ ใดเปน็ คําสมั ผัสบงั คบั
ก. โอ้ - อก ข. แคน - แค้น
ค. จิต - ลอ่ ง. หลง – พะวง
แบบทดสอบ
อา่ นบทร้อยกรองนแ้ี ล้วตอบคาํ ถาม ขอ้ ๑ - ๒
นกึ ถึงคาํ แคนแค่นแคน้ ใหแ้ นน่ จิต เจ้าหล่ังจริตลอล่อล้อใหเ้ รียมหลง
โอ้อกเราเรา่ เรา้ เฝ้าพะวง ทรวงพคี่ งชําชํ่าชาํ้ ระกาํ ตาย
๒. ขอ้ ใดเป็นคาํ สัมผัสระหวา่ งบทของกลอนบทนี้
ก. จติ ข. หลง ค. พะวง ง. ตาย
แบบทดสอบ
อา่ นบทรอ้ ยกรองนแี้ ลว้ ตอบคาํ ถาม ข้อ ๓ - ๕
จะพดู จาปราศรยั กบั ใครนัน้ อยา่ ตะค้ันตะคอกใหเ้ คอื งหู
ไม่ควรพูดอื้อองึ ขน้ึ มงึ กู คนจะหลู่ล่วงลามไม่ขามใจ
๓. ขอ้ ใดเปน็ สัมผสั ใน ข. นน้ั – คนั้ หู – กู
ง. หลู่ – ลว่ ง – ลาม กู – หลู่ – หู
ก. จา – ปรา ค้นั – คอก
ค. ออ้ื – องึ กู – หลู่
แบบทดสอบ
อ่านบทร้อยกรองนีแ้ ล้วตอบคําถาม ข้อ ๓ - ๕
จะพูดจาปราศรยั กบั ใครน้นั อย่าตะคนั้ ตะคอกให้เคอื งหู
ไม่ควรพดู ออื้ อึงขึน้ มงึ กู คนจะหลู่ลว่ งลามไมข่ ามใจ
๔. จากขอ้ ความขา้ งต้น เป็นคาํ ประพันธป์ ระเภทใด
ก. กลอนส่ี ข. กาพย์ยานี ๑๑
ค. กลอนสุภาพ ง. ดอกสร้อย
แบบทดสอบ
๕. ข้อใดกลา่ วถึงสมั ผัสบังคับได้ถกู ต้อง
ก. จา – ปรา , นั้น – คัน้ , หู – กู , อ้อื – องึ , ล่วง – ลาม
ข. จา – ปรา , นั้น – ค้ัน , หู – กู , ออื้ – อึง , กู – หลู่
ค. จา – ปรา , นนั้ – คัน้ , หู – กู , อือ้ – องึ , กู – หลู่ , ลวง – ลาม
ง. นั้น – คั้น , หู – กู , กู – หลู่
แบบทดสอบ
๖. ข้อใดกลา่ วถงึ ลกั ษณะของกลอนสุภาพไดถ้ ูกต้อง
ก. ๑ บท มี ๑ บาท ๑ บาท มี ๒ วรรค
ข. ๑ บท มี ๒ คาํ กลอน ๑ คํากลอน มี ๒ วรรค
ค. ๑ บท มี 4 บาท ๑ บาท มี ๒ วรรค
ง. ๑ บท มี ๔ คาํ กลอน ๑ คาํ กลอน มี ๒ วรรค