นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ สอน 3. การแกไ้ ขปญั หาดา้ นฮารด์ แวรเ์ บอื้ งตน้ เมอ่ื เครอ่ื งคอมพวิ เตอรท์ ใ่ี ชง้ ำนเกดิ มปี ญั หำ โดย
เฉพำะในสว่ นของฮำรด์ แวรซ์ งึ่ เปน็ อปุ กรณอ์ เิ ลก็ ทรอนกิ สท์ ตี่ อ้ งใชไ้ ฟฟำ้ จงึ ควรเปน็ ชำ่ งหรอื บคุ คล
สาํ รวจคน หา ที่มีควำมรู้และควำมช�ำนำญโดยเฉพำะ เพรำะอำจจะท�ำให้เกิดควำมเสียหำยเกิดข้ึนกับฮำร์ดแวร์
มำกกว่ำเดิมได้ ดังนั้นผู้ใช้งำนควรจะแค่ส�ำรวจหรือตรวจสอบ แทนที่จะลงมือซ่อมอุปกรณ์นั้น ๆ
4. นกั เรยี นสงั เกตปญ หาทางดา นฮารด แวรท เี่ กดิ ขน้ึ ดว้ ยตนเอง
และการแกป ญ หาจากตวั อยา งในหนงั สอื เรยี น
ตัวอยาง
อธบิ ายความรู ปัญหำทเี่ กดิ ขน้ึ ทำงดำ้ นฮำรด์ แวร์ และกำรแกไ้ ขปญั หำเบ้อื งต้นท่ีเกิดขนึ้
1. ครสู มุ นกั เรยี น 3-4 คน ออกมาอธบิ ายถงึ ปญ หา เม่อื เปด คอมพวิ เตอร์แล้วเครอื่ งไม่ทา� งาน หรอื เครอื่ งท�างานแต่หนา้ จอไมต่ ิด
ที่เกิดกับคอมพิวเตอรและวิธีการแกปญหา
คอมพวิ เตอรท นี่ กั เรยี นพบในเบอ้ื งตน พรอ มกบั • สาเหตุ : ไ ม่ได้ตอ่ สำยไฟเขำ้ กบั เตำ้ เสยี บ ไม่ได้ต่อสำยพ่วงระหวำ่ ง
อภปิ รายรว มกนั ในชนั้ เรยี น เชน ลาํ โพงไมม เี สยี ง
ใชว ธิ กี ารตรวจสอบสายลาํ โพงและชอ งเสยี บสาย จอคอมพิวเตอร์กบั ตวั เคร่ือง หรือสำยไฟที่ต่อหลวมเกินไป
มอี าการหนา จอสฟี า ใหจ ดรหสั โคด หนา จอสฟี า
มาสืบคนขอมูล เมาสใชการไมได ตรวจสอบ • การแกป้ ญั หา : ต รวจสอบกำรต่อสำยไฟระหว่ำงตัวเคร่ืองกับเต้ำเสียบ และ
เมาสกับชองเสยี บ USB เครอื่ งทาํ การรีสตารต
เอง สงศูนยบรกิ ารใหชา งซอ ม สำยพว่ งระหวำ่ งตวั เครอื่ งกบั จอคอมพวิ เตอรว์ ำ่ ไดต้ อ่ หรอื ไม ่
ถำ้ ต่อแล้วกใ็ หต้ รวจสอบดูวำ่ หลวมหรอื ไม่
เมื่อเปดเคร่ืองแลว้ ได้ยนิ เสยี ง Beep หลายครั้ง
• ส าเหต ุ : มีชิปท่ีติดอยู่กับเมนบอร์ด หรืออุปกรณ์ที่เสียบอยู่กับเมนบอร์ด
มีปัญหำ เช่น กำร์ดเสียบไม่แน่น กำร์ดสกปรก RAM มีปัญหำ
เป็นต้น
• การแก้ปัญหา : ส ง่ิ ทเี่ กดิ ขน้ึ เกดิ จำกภำยในของตวั เครอื่ ง เมอ่ื ไมม่ คี วำมรคู้ วำม
ชำ� นำญควรตดิ ตอ่ ชำ่ งหรอื ผทู้ สี่ ำมำรถแกไ้ ขปญั หำเฉพำะทำง
และแจ้งอำกำรทเ่ี กิดข้ึนให้ครบถว้ นเพอ่ื หำทำงแก้ไข
เปด เครือ่ งตดิ แต่เมาสห์ รือคีย์บอรด์ ใชไ้ มไ่ ด้
• สาเหตุ : เ สยี บสำยเมำสห์ รือคยี บ์ อรด์ ไม่แน่น
• การแก้ปญั หา : ปดิ เครือ่ งแล้วขยบั เสยี บสำยใหแ้ น่น
แล้วเปิดเครอ่ื งใหม่อีกคร้ัง
84
เกร็ดแนะครู กิจกรรม ทา ทาย
ครูอาจจะสอนเสริมความรู เรื่อง Blue Screen Code คอื หนาจอสฟี า ใหนักเรียนคนหาขอ มลู รหสั หนา จอสีฟาคนละ 10 รหสั แลว
ท่ีแสดงรหัสขอผิดพลาดจากปญหาในดานตางๆ ของเครื่องคอมพิวเตอร ทําการตรวจสอบความหมายของแตละรหัสเพ่ือแบงกลุมออกเปน
เพ่ือฝกใหนักเรียนสามารถประเมินหรือทํานายปญหาของเคร่ืองคอมพิวเตอร 3 กลุม คือ
ในเบ้ืองตนได กอนท่ีจะสงใหชางซอมหรือทําการแกไข เพื่อชวยประหยัดเวลา
ในการคน หาสาเหตขุ องปญ หาทเี่ กิดขึ้น 1. รหัสท่ีแสดงวา เปนปญ หาดานฮารดแวร
2. รหสั ที่แสดงวา เปนปญ หาดานซอฟตแวร
3. รหัสที่แสดงวา อาจจะเปนปญหาดานฮารดแวรหรือ
ซอฟตแ วรอ ยา งใดอยา งหนง่ึ หรือท้งั 2 อยาง (ไมแ นนอน)
T94
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
4. การแกไ้ ขปญั หาด้านซอฟตแ์ วร์เบ้อื งตน้ ขนั้ สอน
ปญั หำทเี่ กดิ ขน้ึ กบั กำรใชง้ ำนซอฟตแ์ วรบ์ นเครอื่ งคอมพวิ เตอร ์ ทง้ั ในสว่ นของซอฟตแ์ วร์
ระบบหรอื ระบบปฏิบตั ิกำร และสว่ นของซอฟตแ์ วร์ประยุกต ์ สำมำรถแยกเป็น 2 กรณ ี ไดด้ ังนี้ อธบิ ายความรู้
1) กรณีท่ีพบปัญหำหลังกำรติดตั้งซอฟต์แวร์เสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยส่วนมำกมัก
จะเกดิ จำกกำรตดิ ตง้ั ทไี่ มส่ มบรู ณห์ รอื ตดิ ตง้ั เวอรช์ นั (Version) ของซอฟตแ์ วรไ์ มต่ รงหรอื ไมส่ ำมำรถ 2. ครอู ธบิ ายเพม่ิ เตมิ เกย่ี วกบั ปญ หาและการแกไ ข
ใชง้ ำนรว่ มกบั ระบบปฏบิ ตั กิ ำรทใ่ี ชง้ ำนอยใู่ นปจั จบุ นั ได ้ แนวทำงกำรแกไ้ ขปญั หำในกรณนี ้ี คอื ใหผ้ ู้ การใชง านระบบคอมพวิ เตอรว า นอกจากจะมี
ท่มี คี วำมร้ใู นกำรติดต้ังซอฟต์แวร์ทำ� กำรตดิ ต้ังซอฟตแ์ วร์ทับลงไปใหม ่ แตห่ ำกยังพบปญั หำอยูอ่ ีก ปญหาดานฮารดแวรและซอฟตแวรแลว ยังมี
อำจจะตอ้ งทำ� กำรถอนกำรตดิ ตงั้ ซอฟตแ์ วรต์ วั นนั้ ออกจำกเครอ่ื งและทำ� กำรตดิ ตงั้ ซอฟตแ์ วรต์ วั นนั้ ปญหาดานไวรัสที่เกิดขึ้นกับคอมพิวเตอร
ใหมท่ ง้ั หมด ทงั้ นใ้ี นกำรตดิ ตงั้ ซอฟตแ์ วรต์ อ้ งระวงั เรอื่ งขอ้ มลู ลบหำย ควรมกี ำรสำ� รองขอ้ มลู (Backup) ดังน้ัน ถาพบวาคอมพิวเตอรทํางานชาลง
เก็บไว้ก่อนทุกครั้งท่ีมีกำรติดตั้งซอฟต์แวร์ทับลงไปใหม่ หรือก่อนกำรถอนซอฟต์แวร์ตัวใดก็ตำม กวาปกติ คอมพิวเตอรหยุดการตอบสนอง
ออกจำกเครื่อง หรือติดขัดบอยคร้ัง คอมพิวเตอรขัดของแลว
2) กรณที พ่ี บปญั หำหลงั จำกกำรใชง้ ำนซอฟตแ์ วรม์ ำสกั ระยะเวลำหนงึ่ สว่ นมำกมกั เกดิ เร่ิมใหมทุกสองสามนาที โปรแกรมประยุกต
จำกไฟลท์ ีเ่ ปน็ องค์ประกอบของซอฟตแ์ วร์น้ัน ๆ มปี ญั หำ เชน่ อำจจะเผลอลบไฟลท์ ิง้ ไป หรอื เกิด ในคอมพิวเตอรทํางานไมถูกตอง ซ่ึงปญหา
จำกไวรัสคอมพิวเตอร ์ ดังนน้ั กำรแกไ้ ขปัญหำเบอ้ื งต้น คอื ตอ้ งระมัดระวงั ในกำรลบไฟล ์ และควร ดังกลาวนี้ อาจเกิดจากการมีไวรัสท่ีฝงอยูใน
หำซอฟตแ์ วรป์ อ้ งกนั ไวรสั มำตดิ ตง้ั ในเครอ่ื งคอมพวิ เตอร ์ หรอื กำรแกป้ ญั หำสดุ ทำ้ ย คอื กำรสำ� รอง คอมพิวเตอร ดังนั้น จึงควรติดตั้งโปรแกรม
ขอ้ มูลและท�ำกำรถอนกำรตดิ ตงั้ จำกนั้นท�ำกำรตดิ ตัง้ ซอฟแวร์ใหม่ ตรวจสอบไวรัสและหม่ันตรวจสอบอยูเสมอ
เพ่ือความปลอดภยั ของขอมูล
Com Sci
ขยายความเขา้ ใจ
activity
1. นกั เรยี นทาํ กจิ กรรมทสี่ อดคลอ งกบั เนอ้ื หา โดย
การจดั การขอ้ มูลสารสนเทศ การตอบคําถามเพื่อพัฒนาความรูและทักษะ
การเรียนรู (Com Sci Activity) เกี่ยวกบั ระบบ
1. ให้นักเรียนบอกช่ือฮำร์ดแวร์ที่รู้จักที่เป็นองค์ประกอบของคอมพิวเตอร์มำให้มำกท่ีสุด พร้อมอธิบำยว่ำ คอมพวิ เตอรลงในสมุด
ฮำรด์ แวร์ชิน้ นน้ั ๆ ทำ� หน้ำที่อะไร
2. นกั เรียนทาํ ใบงาน เรอ่ื ง การแกปญหา
2. ใ หน้ กั เรยี นบอกชอื่ ซอฟตแ์ วรท์ กุ ชนดิ ทร่ี จู้ กั ในคอมพวิ เตอรห์ รอื อปุ กรณท์ ร่ี จู้ กั มำใหม้ ำกทสี่ ดุ พรอ้ มอธบิ ำย คอมพิวเตอร
ว่ำ ซอฟต์แวร์ตัวน้ัน ๆ ทำ� หน้ำทอ่ี ะไร
3. ครูสมุ นักเรยี น 2-3 คน ออกมานําเสนอหนา
3. ถ ้ำมีควำมจ�ำเป็นต้องใช้คอมพิวเตอร์สำธำรณะเพ่ือติดต่อสื่อสำร ท�ำธุรกรรมทำงกำรเงิน หรือเข้ำใช้งำน ช้ันเรียน พรอมท้ังอภิปรายรวมกันภายใน
เฟซบุ๊กด้วยรหัสสว่ นตวั นกั เรยี นคดิ ว่ำ ปลอดภัยหรอื ไม่ อยำ่ งไร แลว้ ถำ้ จำ� เป็นตอ้ งใช้งำนคอมพวิ เตอร์ ชั้นเรยี น
สำธำรณะ นักเรยี นคดิ ว่ำ ตอ้ งทำ� อย่ำงไรหลังเลกิ ใชง้ ำน
ทักษะการเรยี นรู้ในศตวรรษที่ 21 2. กำรคดิ อย่ำงมวี ิจำรณญำณและกำรแก้ปญั หำ
1. ทักษะด้ำนเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสอื่ สำร
3. ควำมยืดหยุ่นและควำมสำมำรถในกำรปรับตวั
85
ขอ สอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู
การสาํ รองขอมลู ในรปู แบบใดมีความเสย่ี งมากทสี่ ดุ ครอู าจจะใหค วามรเู พม่ิ เตมิ วา ในปจ จบุ นั เรามกี ารใชเ ทคโนโลยกี ารควบคมุ
1. สาํ รองไวใ นไดรฟ D ระยะไกล (Remote control) ซงึ่ สามารถใชค อมพวิ เตอรเ ครอื่ งหนง่ึ เขา ไปควบคมุ
2. สํารองไวใ นแฮนดีไดรฟ หนาจอของอีกเคร่ืองที่อยูในเครือขายเดียวกันได โปรแกรมในการรีโมตท่ีรูจัก
3. สาํ รองไวใ นพื้นทีแ่ บบออนไลน ทวั่ ไป คอื Remote Desktop ของระบบปฏบิ ตั กิ ารวนิ โดวส ซงึ่ ในหลายหนว ยงาน
4. สํารองไวใ นคอมพิวเตอรเ ครอ่ื งอน่ื จะมผี ดู แู ลระบบทท่ี าํ หนา ทตี่ ง้ั คา เครอ่ื งคอมพวิ เตอรท กุ เครอ่ื งในองคก ร ใหผ ดู แู ล
(วิเคราะหคําตอบ จากตัวเลือกท่ีกําหนดให วิเคราะหไดวา สามารถเขาไปแกปญหาดวยวิธีการควบคุมเคร่ืองจากระยะไกลได โดยไมตอง
เสยี เวลาเดินทางไปท่ีตัวเคร่ืองหลังจากไดรับแจงปญหา ซ่ึงเปนเทคโนโลยีที่มี
การสํารองขอมูลไวในไดรฟ D จะมีความเสี่ยง คือ ขอมูลอยู ประโยชนมาก
บนฮารดดิสกตัวเดียวกันแตคนละไดรฟ กรณีท่ีเกิดปญหาดาน
ฮารดแวร คือ ฮารดดิสกเสีย จะสูญเสียท้ังขอมูลหลักและขอมูล
สาํ รอง ขอ 2. ขอ 3. และขอ 4. เปนการสํารองขอมูลไวท แี่ หลง
เก็บขอมูลภายนอกจึงมีความเสยี่ งนอยกวา ดงั น้ัน ตอบขอ 1.)
T95
นาํ สอน สรุป ประเมิน
ขน้ั สรปุ Summary
ตรวจสอบผล ระบบคอมพิวเตอร์
1. ครปู ระเมนิ ผลนกั เรยี นจากการสงั เกตการตอบ องคป์ ระกอบของระบบคอมพวิ เตอร์
คาํ ถาม การนาํ เสนอหนาชัน้ เรียน และการทาํ
ใบงาน คอมพิวเตอรจ์ ะสำมำรถท�ำงำนได ้ จะตอ้ งประกอบไปด้วยสว่ นประกอบที่สำ� คญั 5 ประกำร
คอื
2. ครตู รวจสอบความถกู ตอ งของผลการทาํ ใบงาน 1) ฮำร์ดแวร์ 2) ซอฟตแ์ วร์ 3) บคุ ลำกร
3. นักเรียนและครูรวมกันสรุปเก่ียวกับการ 4) ข้อมูลและสำรสนเทศ 5) กระบวนกำร
ประยุกตใ ชงานและการแกป ญ หาเบอ้ื งตน หลกั การทาํ งานของระบบคอมพวิ เตอร์
4. นักเรียนตรวจสอบความรูความเขาใจดวย
หนวยความจาํ หลกั
ตนเองจากหนงั สือเรียน (Primary Storage)
5. นักเรียนทําแบบฝกหัดประจําหนวยการเรียนรู
ท่ี 3 และทาํ ชน้ิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) และ
นํามาสง ในช่ัวโมงถดั ไป
6. นกั เรยี นทาํ แบบทดสอบหลงั เรยี นหนว ยการเรยี นรู
ที่ 3 เรอื่ ง ระบบคอมพวิ เตอร
ขนั้ ประเมนิ หนว ยรบั ขอ้ มูล หนว ยประมวลผลกลาง หนวยแสดงผลข้อมลู
(Input Unit) (Central Processing Unit: CPU) (Output Unit)
ตรวจสอบผล
ตารางการวดั และประเมนิ ผล
วิธีการ เครอ่ื งมือ เกณฑก ารประเมนิ หนวยความจาํ สาํ รอง
ตรวจแบบทดสอบ แบบทดสอบ รอ ยละ 60 (Secondary Storage)
หลงั เรยี น หลังเรยี น ผา นเกณฑ
ตรวจใบงาน ใบงาน รอยละ 60 เทคโนโลยกี ารสอื่ สาร
ผานเกณฑ
เปน็ กำรสง่ ขอ้ มลู ขำ่ วสำรจำกผสู้ ง่ สำรไปยงั ผรู้ บั สำร โดยอำศยั สอื่ กลำงกำรสอ่ื สำร ทงั้ สอ่ื กลำง
ตรวจช้นิ งาน/ แบบประเมิน ระดับคุณภาพ 2 ทีม่ สี ำยและส่ือกลำงไร้สำยในทิศทำงตำ่ ง ๆ
ภาระงาน ชิ้นงาน/ ผานเกณฑ
(รวบยอด) ภาระงาน การประยกุ ต์ใชง้ านและการแกป้ ญั หาเบอ้ื งตน้
(รวบยอด)
ประเมนิ แบบประเมนิ ระดับคณุ ภาพ 2 คอมพวิ เตอรก์ ลำยเป็นส่วนหนึ่งในชีวติ ประจำ� วนั ของบุคคลทัว่ ไป ทง้ั กำรทำ� งำน กำรเรียน
การนําเสนอ การนําเสนอ ผานเกณฑ หนงั สอื ใหค้ วำมบนั เทงิ ตำ่ ง ๆ ทง้ั นคี้ อมพวิ เตอรเ์ ปน็ อปุ กรณอ์ เิ ลก็ ทรอนกิ สท์ ส่ี ำมำรถชำ� รดุ เสยี หำย
ผลงาน ผลงาน หรอื หมดสภำพกำรใชง้ ำนได ้ หำกพบควำมผดิ ปกตขิ องเครอ่ื งคอมพวิ เตอรห์ รอื ซอฟตแ์ วรท์ ใ่ี ชง้ ำน
ต้ังแต่แรกไม่ควรปล่อยท้ิงไว้หรือละเลยควำมผิดปกติท่ีเกิดขึ้น ควรรีบแก้ไขในเบื้องต้นอย่ำงทัน
สงั เกตพฤติกรรม แบบสงั เกต ระดบั คณุ ภาพ 2 ท่วงที เพรำะอำจท�ำให้เกดิ ควำมเสียหำยจนไมส่ ำมำรถแก้ไขได้
การทํางาน พฤตกิ รรม ผา นเกณฑ
รายบคุ คล 86
สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกต ระดับคุณภาพ 2
การทํางานกลุม พฤตกิ รรม ผา นเกณฑ
แนวทางการวัดและประเมินผล กจิ กรรม สรางเสริม
ครูสามารถสังเกตการนําเสนอผลงาน พฤติกรรมการทํางานรายบุคคล ครอู ธิบายใหน กั เรียนรูจกั safe mode บนคอมพิวเตอรและ
และการทํางานกลุมของนักเรียน โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผลจาก ใหนักเรียนทดลองทําการเขา safe mode จากนั้นใหครู
แบบประเมินการนําเสนอผลงาน แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานรายบุคคล ตรวจสอบหนา จอครบทกุ คน ใครทยี่ งั ทาํ ไมไ ดใ หเ พอื่ นทนี่ งั่ ตดิ กนั
และแบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุมท่ีแนบมาทายแผนการจัดการเรียนรู ชวยสอนให เม่อื ทําสําเรจ็ ครบทกุ คนแลว ครสู รปุ ประโยชนใ นการ
ท่ี 4 หนว ยการเรยี นรทู ่ี 3 เขา safe mode ใหน กั เรยี นฟง แลว ใหน กั เรยี นออกจาก safe mode
พรอมกัน ขัน้ ตอนสดุ ทาย คือ ใหเวลา 5 นาที ใหนกั เรียนคน หา
แบบประเมินการนาเสนอผลงาน แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุม่ คลิปวิดีโอวิธกี ารแกปญหาคอมพิวเตอรดว ยการเขา safe mode
คาชีแ้ จง : ใหผ้ สู้ อนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ลงในชอ่ งที่ คาช้ีแจง : ใหผ้ ูส้ อนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ลงในชอ่ งที่ มาศึกษา จากนั้นครูสุมเรียกนักเรียนใหอธิบายตัวอยางในคลิป
คาชี้แจง: ให้ผู้สอนสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ลงในช่องที่ ตรงกับระดับคะแนน ตรงกับระดับคะแนน วา เปน การใช safe mode เพอ่ื แกป ญหาในลกั ษณะใด
ตรงกับระดับคะแนน ระดบั คะแนน การทางาน การมี
32 ตามท่ีได้รบั สว่ นรว่ มใน
ลาดับท่ี รายการประเมนิ 1 ลาดบั ที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน 1 ลาดับที่ ช่ือ–สกุล การแสดง การยอมรบั มอบหมาย ความมนี า้ ใจ การปรบั ปรงุ รวม
32 ของนักเรียน ความคดิ เหน็ ฟังคนอ่ืน ผลงานกล่มุ 15
1 ความถูกต้องของเนือ้ หา 1 การแสดงความคิดเหน็ คะแนน
2 ความคดิ สร้างสรรค์ 2 การยอมรับฟงั ความคดิ เห็นของผู้อื่น
3 วธิ ีการนาเสนอผลงาน 3 การทางานตามหนา้ ท่ีทไ่ี ด้รบั มอบหมาย 321321321321321
4 การนาไปใชป้ ระโยชน์ 4 ความมนี ้าใจ
5 การตรงต่อเวลา 5 การตรงต่อเวลา
รวม รวม
ลงชอื่ ...................................................ผปู้ ระเมนิ ลงช่ือ...................................................ผปู้ ระเมิน
............/................./................... ............/.................../................
เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ลงช่อื ...................................................ผปู้ ระเมนิ
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ สมบรู ณช์ ัดเจน ให้ 2 คะแนน ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมอย่างสม่าเสมอ ให้ 2 คะแนน ............./.................../...............
ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินเป็นส่วนใหญ่ ให้ 1 คะแนน ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยคร้ัง ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางสว่ น ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบางครงั้
เกณฑก์ ารตดั สนิ คุณภาพ เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน
ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมอย่างสม่าเสมอ ให้ 2 คะแนน
14–15 ดมี าก ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบ่อยคร้ัง ให้ 1 คะแนน
14–15 ดีมาก ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบางคร้งั
11–13 ดี 11–13 ดี เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ
8–10 พอใช้
ต่ากว่า 8 ปรบั ปรงุ 8–10 พอใช้ ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ
ตา่ กวา่ 8 ปรับปรุง 14–15 ดีมาก
11–13 ดี
8–10 พอใช้
ต่ากวา่ 8 ปรับปรุง
T96
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
แนวตอบ Self Check
Self Check 1. ถกู
2. ผิด
ให้นักเรียนตรวจสอบความเข้าใจ โดยพิจารณาข้อความว่าถูกหรือผิด แล้วบันทึกลงในสมุด 3. ผดิ
หากพิจารณาข้อความไมถ่ กู ตอ้ ง ใหก้ ลบั ไปทบทวนเนือ้ หาตามหวั ขอ้ ท่ีก�าหนดให้ 4. ถกู
5. ถกู
1. คอมพิวเตอรจ์ ะสำมำรถทำ� งำนได้ต้องประกอบดว้ ยฮำรด์ แวร ์ ถูก/ผิด ทบทวนหวั ข้อ
ซอฟตแ์ วร ์ ขอ้ มูลและสำรสนเทศ บคุ ลำกร และกระบวนกำร
1
2. เ มอ่ื รบั ขอ้ มูลมำแลว้ ขอ้ มลู จะถูกส่งตอ่ ไปยัง 2
หนว่ ยประมวลผลกลำง
ับ น ทึ ก ล ง ใ น ส ุม ด
3. กำรสื่อสำรทำงเดียวเป็นกำรส่ือสำรตอบโต้กันระหว่ำงผู้ส่งสำร 3
กับผูร้ ับสำร
4. ส ือ่ กลำงกำรสอ่ื สำรข้อมลู ม ี 2 ประเภท คือ ส่อื กลำงประเภท 3
มีสำยและไรส้ ำย
5. ถ ้ำนักเรยี นจะพิมพร์ ำยงำนส่งคณุ คร ู นกั เรียนจะเลอื กใช้ 4
คอมพิวเตอรส์ ว่ นบคุ คล
Unit Question 3
1 จงอธบิ ำยขน้ั ตอนกำรทำ� งำนของระบบคอมพิวเตอร์
2 ในกำรท�ำงำนของระบบคอมพวิ เตอร์ องค์ประกอบใดเปน็ สว่ นทส่ี ำ� คญั ที่สดุ
3 ในกำรส่ือสำรข้อมูลจะต้องประกอบดว้ ยองค์ประกอบอะไรบ้ำง จงอธิบำย
4 กำรทำ� งำนของระบบคอมพิวเตอร ์ มหี ลักกำรท�ำงำนอยำ่ งไร จงอธบิ ำย
5 เครอื ขำ่ ยระดบั ประเทศ มลี กั ษณะอย่ำงไร
6 เม่อื คอมพิวเตอร์ของนักเรยี นเกิดปญั หำไม่สำมำรถใชง้ ำนได้ นักเรยี นควรทำ� อย่ำงไร
87
เฉลย Unit Question
1. มี 4 ข้นั ตอน คอื 1) การรับขอมูล คือ การนาํ เขา ขอ มลู ผานอปุ กรณฮ ารด แวรเ ขาสูเครอ่ื ง 2) การประมวลผลขอมูล คอื การนําขอ มูลท่รี บั เขา มาเกบ็ ไวแ ลว
นาํ มาประมวลผล เสรจ็ แลวนําไปเก็บอีกคร้งั 3) การจดั เกบ็ ขอมลู ขณะประมวลผลจะเก็บในหนว ยความจาํ หลกั เวลาปกติจะเก็บในหนว ยความจาํ สํารอง
และ 4) การแสดงผลขอมลู คอื การนาํ ขอ มูลท่ีผานการประมวลผลแลว มาแสดงผลผานฮารดแวรตางๆ
2. CPU เปนตัวประมวลผลขอ มูล ซง่ึ เปน หนาทีท่ สี่ าํ คัญทส่ี ุดของคอมพิวเตอร
3. มอี งคประกอบสาํ คัญ 5 ประการ คือ 1) ขอ มลู ขา วสาร (Message) คือ ขอเทจ็ จริงท่ผี ูสง ตองการถา ยทอดไปยังผูร บั 2) ผูส งสาร (Sender) บคุ คล กลุม
บคุ คล หรืออุปกรณที่ทําหนา ที่เปน แหลง กาํ เนดิ ขอมลู ขา วสาร 3) ส่ือกลาง (Medium) ตัวกลางในการสง ขอมูลขา วสารไปยงั ผรู ับ 4) ผรู บั สาร (Receiver)
บุคคล กลมุ บคุ คล หรอื อุปกรณที่ทาํ หนาที่เปน ตัวรับขอมลู ขา วสาร และ 5) โปรโตคอล (Protocol) กฎหรือขอตกลงทใ่ี ชใ นการสือ่ สารขอมูล
4. แบงเปน 3 หนวย คือ หนวยรับขอ มูล ทําหนา ท่ีรับขอ มูลเขา มาเก็บไวในเครอ่ื งคอมพวิ เตอร หนว ยประมวลผลขอมูล ทาํ หนาที่นาํ ขอ มูลมาประมวลผล
และหนว ยแสดงผลขอมูล ทาํ หนา ที่นําขอมลู ท่ีประมวลผลเสรจ็ แลว มาแสดงผล
5. เปนการเช่ือมตอ เครือขา ยคอมพวิ เตอรร ะยะไกล ขา มทวีปครอบคลุมทั่วโลก โดยใชอุปกรณแ ปลงสัญญาณเชอื่ มตอ กับระบบสอ่ื สารขององคการโทรศพั ท
6. นักเรียนแสดงความคิดเห็นตามประสบการณของตนเอง เชน นักเรียนอาจหาขอมูลจากอาการเสียเบื้องตนกอน หากปญหาไมซับซอนและเขาใจวิธีการ
แกไขแลว นกั เรียนสามารถลงมอื แกไ ขเองได หากไมแนใจใหต ดิ ตอ ชางหรอื ผูเชี่ยวชาญเทา นั้น
T97
Chapter Overview
แผนการจัด สือ่ ที่ใช จ�ดประสงค ว�ธส� อน ประเมิน ทกั ษะที่ได คณุ ลกั ษณะ
การเร�ยนรู อนั พึงประสงค
แผนฯ ท่ี 1
การใช - แบบทดสอบกอ่ นเรียน 1. อธิบายคุณประโยชน์ แบบสบื เสาะ - ตรวจแบบทดสอบ - ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์ - มวี นิ ยั
เทคโนโลยี - หนงั สอื เรียน รายวิชา และโทษจากการใช้ หาความรู้ ก่อนเรยี น - ทักษะการทา� งาน - ใฝเ รียนรู้
สารสนเทศ พื้นฐาน เทคโนโลยี เทคโนโลยีสารสนเทศได้ (5Es - ตรวจใบงาน รว่ มกัน - มุ่งมนั่ ใน
(วทิ ยาการคา� นวณ) ม.2 ถูกตอ้ ง (K) Instructional - ประเมินการ - ทกั ษะการสบื คน้ ขอ้ มลู การทา� งาน
2 - ใบงาน เรอื่ ง 2. สบื ค้นปญั หาทเ่ี กดิ จาก Model) นา� เสนอผลงาน
คณุ ประโยชนแ์ ละโทษ เทคโนโลยีสารสนเทศได้ - สงั เกตพฤติกรรม
ชั่วโมง จากการใชง้ านเทคโนโลยี (P) การท�างานรายบุคคล
สารสนเทศ 3. สนใจใฝเรยี นร้ใู นการ - สังเกตพฤตกิ รรม
ศกึ ษาและน�าไปใชใ้ นชีวิต การทา� งานกลุ่ม
ประจา� วัน (A) - สงั เกตคุณลักษณะ
อันพงึ ประสงค์
แผนฯ ที่ 2 - หนงั สอื เรยี น รายวชิ า 1. อธบิ ายรปู แบบของเน้อื หา แบบสืบเสาะ - ตรวจใบงาน - ทกั ษะการสื่อสาร - มวี นิ ยั
การ พ้ืนฐาน เทคโนโลยี ตา่ ง ๆ ทีไ่ มเ่ หมาะสมได้ หาความรู้ - สงั เกตพฤติกรรม - ทกั ษะการแลกเปล่ยี น - ใฝเ รยี นรู้
ปฏบิ ัติตนเม่ือ (วทิ ยาการคา� นวณ) ม.2 ถูกตอ้ ง (K) (5Es การท�างานรายบคุ คล ข้อมูล - มุ่งมั่นใน
พบเนื้อหาที่ - ใบงาน เรอ่ื ง 2. บอกวิธกี ารปฏิบตั ติ นเมื่อ Instructional - สงั เกตพฤตกิ รรม - ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์ การทา� งาน
ไมเหมาะสม การปฏบิ ตั ิตน พบเนื้อหาท่ไี ม่เหมาะสม Model) การท�างานกลุ่ม - ทกั ษะการทา� งาน
เมอื่ พบเน้ือหา ได้ถกู ต้อง (K) - สงั เกตคุณลักษณะ รว่ มกนั
2 ทีไ่ ม่เหมาะสม 3. สืบคน้ ข้อมลู เกยี่ วกบั อันพงึ ประสงค์ - ทกั ษะการสบื คน้ ขอ้ มลู
เนือ้ หาท่ีไมเ่ หมาะสมทีพ่ บ
ชั่วโมง ในขณะทใี่ ชง้ าน
อินเทอร์เนต็ (P)
4. สนใจใฝเ รยี นรู้ในการ
ศกึ ษาและนา� ไปใชใ้ นชีวติ
ประจา� วนั (A)
แผนฯ ท่ี 3 - หนงั สอื เรยี น รายวิชา 1. อธิบายความหมาย แบบสบื เสาะ - ตรวจใบงาน - ทักษะการสื่อสาร - มวี ินัย
ความรับผดิ ชอบ พ้ืนฐาน เทคโนโลยี ของความรับผดิ ชอบ หาความรู้ - ประเมินการ - ทกั ษะการแลกเปลย่ี น - ใฝเรยี นรู้
ตอการใชงาน (วทิ ยาการคา� นวณ) ม.2 ตอ่ ตนเอง ตอ่ บคุ คลอืน่ (5Es นา� เสนอผลงาน ข้อมลู - มุง่ มัน่ ใน
เทคโนโลยี - ใบงาน เรื่อง และตอ่ สงั คมเมอ่ื มีการ Instructional - สังเกตพฤติกรรม - ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์ การทา� งาน
สารสนเทศ ความรับผิดชอบต่อ ใชง้ านเทคโนโลยี Model) การท�างานรายบุคคล - ทักษะการสังเกต
2 การใชง้ านเทคโนโลยี สารสนเทศได้ถูกตอ้ ง (K) - สงั เกตพฤติกรรม - ทกั ษะการทา� งาน
สารสนเทศ 2. สืบค้นวธิ กี ารกระทา� การทา� งานกลมุ่ ร่วมกนั
ช่ัวโมง เพอ่ื แสดงความรบั ผิดชอบ - สงั เกตคุณลกั ษณะ - ทกั ษะการสบื คน้ ขอ้ มลู
ต่อตนเอง ตอ่ บคุ คลอ่นื อันพงึ ประสงค์
และตอ่ สังคมเมือ่ มกี ารใช้
งานเทคโนโลยีสารสนเทศ
ได้ (P)
3. สนใจใฝเ รยี นรู้ในการ
ศึกษาและนา� ไปใช้ในชีวติ
ประจา� วนั (A)
T98
Chapter Concept Overview
หนว ยการเรียนรูที่ 4
แผนการจดั ส่ือท่ีใช จด� ประสงค ว�ธ�สอน ประเมนิ ทกั ษะท่ีได คณุ ลักษณะ
การเรย� นรู อันพึงประสงค
แผนฯ ที่ 4
ทรพั ยสิน - แบบทดสอบหลงั เรยี น 1. อธิบายความหมายของ แบบสืบเสาะ - ตรวจแบบทดสอบ - ทักษะการสือ่ สาร - มวี นิ ยั
ทางปญญา - หนังสือเรียน รายวชิ า ทรพั ยส์ ินทางปัญญา หาความรู้ หลงั เรยี น - ทักษะการแลกเปล่ยี น - ใฝเรยี นรู้
พืน้ ฐาน เทคโนโลยี ไดถ้ กู ต้อง (K) (5Es - ตรวจใบงาน ข้อมูล - มงุ่ มั่นใน
2 (วทิ ยาการคา� นวณ) ม.2 2. บอกประเภทของงาน Instructional - ตรวจช้ินงาน/ - ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์ การทา� งาน
- ใบงาน เร่ือง ทมี่ ีลิขสิทธ์ิไดถ้ ูกต้อง (K) Model) ภาระงาน - ทกั ษะการทา� งาน
ช่วั โมง ประเภทของลิขสิทธิ์ 3. บอกความแตกตา่ ง (รวบยอด) รว่ มกัน
- ชนิ้ งาน/ภาระงาน ประเภทของสิทธิบัตร - ประเมินการ - ทกั ษะการสบื คน้ ขอ้ มลู
(รวบยอด) ได้ถกู ตอ้ ง (K) นา� เสนอผลงาน
4. สืบค้นข้อมูลตา่ ง ๆ - สงั เกตพฤตกิ รรม
เกี่ยวกบั ทรัพยส์ ิน การท�างานกลุม่
ทางปญั ญาได้ (P) - สงั เกตคณุ ลักษณะ
5. สนใจใฝเรยี นรูใ้ นการ อันพงึ ประสงค์
ศกึ ษาและน�าไปใชใ้ นชีวิต
ประจ�าวนั (A)
T99
Chapter Overview
การใชเ ทคโนโลยสี ารสนเทศ
ในปัจจุบันเทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจ�าวันของผู้คนในหลายด้าน แต่เทคโนโลยีน้ันสร้างท้ังคุณประโยชน์และโทษให้กับ
ผใู้ ชห้ ลายลกั ษณะ ตวั อย่างของคณุ ประโยชนแ์ ละโทษจากการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ มีดงั น้ี
1. คุณประโยชน์จากการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ มีผลต่อการด�ารงชีวิตของทุกคนโดยไม่รู้ตัว เช่น ท�าให้เกิดคุณภาพชีวิตท่ีดีขึ้น
ใช้อ�านวยความสะดวกในด้านการศึกษา ประหยดั ค่าใชจ้ ่ายและเวลา ทา� ให้เกดิ การจดั การทรพั ยากรธรรมชาตไิ ดด้ ีย่งิ ข้ึน
2. โทษจากการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ มกั เกดิ จากการขาดความรคู้ วามเขา้ ใจ ความขาดสติ ความคกึ คะนอง รวมถงึ ตอ้ งเปน ทสี่ นใจ
ของสังคม เช่น ปัญหาการตดิ เกมจากการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ ปัญหาการละเมดิ ลขิ สิทธจ์ิ ากการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ ปญั หาสังคม
เสื่อมจากการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ ปญั หาอาชญากรรมทางขอ้ มลู จากการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ ปัญหาการละเมดิ สิทธิสว่ นบุคคลจาก
การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ ปญั หาอาชญากรรมที่มีผลตอ่ ชีวติ จากการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ
การปฏบิ ตั ิตนเมอื่ พบกบั เน้อื หาท่ไี มเหมาะสม
รูปแบบของเน้อื หา รปู แบบของเน้อื หา รูปแบบของเนื้อหา รูปแบบของเนือ้ หา
เกีย่ วกบั การพนนั เก่ียวกบั ส่อื ลามกอนาจาร เกย่ี วกับการหลอกลวง เกย่ี วกบั การคกุ คามหรือขม ขู
เปนการชักจูงให้เข้ามาเล่นโดยใช้ มวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอ่ื เรา้ อารมณท์ างเพศ เปน การแอบอา้ งหรอื นา� ขอ้ มลู ของ เปน สง่ิ ทสี่ รา้ งความเดอื ดรอ้ นรา� คาญ
ผลตอบแทนล่อใจ ส่วนใหญ่เล่น ซงึ่ อาจจะนา� ไปสปู่ ญั หาอาชญากรรม ผู้อ่ืนไปใช้ท�าให้เกิดความเสียหาย กระทบสทิ ธสิ ่วนบุคคล และอาจนา�
แล้วจะติดไปเร่ือย ๆ เพราะอยาก ตา่ งๆ เมอื่ พบเนอื้ หาดงั กลา่ ว ควรแจง้ ข้อปฏิบัติที่ส�าคัญ คือ ไม่ควร ไปสู่ปัญหาอาชญากรรมตา่ ง ๆ ซึ่ง
ได้เงินกลับคืนมา เม่ือพบเนื้อหา ผู้ใหญ่ หรือเจ้าหน้าที่ต�ารวจ และ เปด เผยขอ้ มลู สว่ นตวั เปน สาธารณะ จะปองกันได้โดยการไม่เปดอ่าน
ดังกล่าวไม่ควรเข้าไปดู และควร ควรติดต้ังโปรแกรมที่ใช้ส�าหรับ ถ้ามีใครชวนลงทุนหรือให้โอนเงิน อเี มล ท่ไี ม่มีการระบุตัวตน ควรรีบ
แจ้งผใู้ หญ่ หรือเจ้าหน้าทตี่ า� รวจ ปอ งกนั เนอ้ื หาทไ่ี มเ่ หมาะสมลงบน ควรปรึกษาผใู้ หญ่กอ่ น แจ้งผู้ใหญ่ หรือเจ้าหน้าที่ต�ารวจ
เคร่ืองคอมพวิ เตอร์ เมอื่ ไดร้ บั ขอ้ ความทค่ี ิดวา่ เปนการ
ข่มขู่
ความรับผดิ ชอบตอการใชงานเทคโนโลยสี ารสนเทศ
1. ความรับผิดชอบต่อตนเองเมื่อใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ เปนส่ิงที่ควรกระท�า เพ่ือไม่ให้เกิดความขัดแย้งหรือท�าให้ผู้อ่ืนเดือดร้อน
เชน่ ไมพ่ ยายามใช้งานบัญชีของผู้อ่ืน ไมต่ ิดต้งั ซอฟตแ์ วรท์ ่ผี ิดกฎหมาย
2. ความรับผิดชอบต่อบคุ คลอืน่ เม่อื ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ เปนการให้ความเคารพต่อสิทธขิ องแตล่ ะคน เปรยี บไดก้ ับมารยาททาง
สงั คมทีพ่ งึ กระท�า เช่น ไม่คดั ลอกผลงานผอู้ ืน่ มาแอบอา้ งเปน ของตนเอง ไม่ข่มขู่ หลอกลวง ทา� ส่งิ ใด ๆ ให้ผอู้ ื่นเดอื ดรอ้ น
3. ความรบั ผดิ ชอบตอ่ สงั คมเมอื่ ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ เปน ความรบั ผดิ ชอบทที่ กุ คนพงึ มแี ละตอ้ งปฏบิ ตั ทิ งั้ ในระดบั บคุ คลและองคก์ ร
เชน่ ไมน่ �าข้อมูลภายในองค์กรไปเผยแพร่ คัดลอก หรอื ดดั แปลงแก้ไขโดยไม่ได้รับอนญุ าต เคารพกฎระเบียบสว่ นรวม
T100
Chapter Concept Overview
หนว ยการเรยี นรูที่ 4
ทรัพยสินทางปญญา
ทรัพย์สินทางปญญา คือ ผลงานอันเกิดจากความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ เปนทรัพย์สินท่ีนอกเหนือจากสังหาริมทรัพย์และ
อสังหาริมทรพั ย์
1. ประเภทของทรัพยส์ ินทางปญั ญา
1) ลขิ สทิ ธิ์ คอื สทิ ธแิ์ ตผ่ เู้ ดยี วทที่ างกฎหมายรบั รองใหผ้ สู้ รา้ งสรรคผ์ ลงานสามารถทา� ซา�้ ดดั แปลง หรอื นา� ออกโฆษณาได้ มีอายุ
การค้มุ ครอง 50 ป หลังผสู้ รา้ งสรรคค์ นสดุ ท้ายเสยี ชีวติ โดยเปน การให้ความคมุ้ ครองอตั โนมตั ิแกท่ ายาทด้วย
- ประเภทของงานทม่ี ลี ิขสิทธิ์ กฎหมายลขิ สิทธใิ์ ห้ความค้มุ ครองแก่งานสรา้ งสรรค์ 9 ประเภท ตามท่ีกฎหมายกา� หนด ดงั น้ี
งานวรรณกรรม เช่น หนงั สอื โปรแกรมคอมพิวเตอร์ งานนาฏกรรม เชน่ การเต้น การท�าท่า งานศลิ ปกรรม เชน่ จิตรกรรม ประตมิ ากรรม
งานดนตรกี รรม เช่น ค�ารอ้ ง ท�านอง งานโสตทศั นวัสดุ เช่น วดิ โี อ ดวี ีดี งานภาพยนตร์ เชน่ ภาพยนตร์ รวมท้ังเสยี งประกอบภาพยนตร์
งานสง่ิ บนั ทึกเสียง เชน่ เทปเพลง ซดี ี งานแพรเ่ สยี งแพร่ภาพ เชน่ รายการวทิ ยุ รายการโทรทัศน์ หรืองานอืน่ ใดในแผนกวรรณคดี แผนก
วทิ ยาศาสตร์ หรือศิลปะ
- การไดม้ าซง่ึ ลขิ สทิ ธิ์ จะมผี ลทนั ทที ผี่ สู้ รา้ งไดส้ รา้ งสรรคผ์ ลงานเสรจ็ โดยไมต่ อ้ งจดทะเบยี น เจา้ ของลขิ สทิ ธค์ิ วรปกปอ งคมุ้ ครอง
สิทธขิ องตนเอง ควรเก็บหลกั ฐานในการพิสูจน์ความเปน เจ้าของไว้ดว้ ย
- เจา้ ของลขิ สทิ ธิ์ ไดแ้ ก่ ผสู้ รา้ งสรรคผ์ ลงาน ผสู้ รา้ งสรรคใ์ นฐานะพนกั งานหรอื ลกู จา้ ง ผวู้ า่ จา้ งกรณวี า่ จา้ งใหบ้ คุ คลอน่ื สรา้ งสรรค์
ผลงาน ผูด้ ัดแปลง หน่วยงานตา่ ง ๆ เชน่ กระทรวง ทบวง กรม และผรู้ บั โอนลขิ สทิ ธ์ิ
- เอกสารที่ใช้ประกอบการแจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์ ส�าเนาบัตรประชาชน ส�าเนาหนังสือรับรองนิติบุคคล หนังสือมอบอ�านาจ
ผลงานหรอื ภาพถ่ายงานลิขสทิ ธิ์ สา� เนาหนังสือแต่งตั้งผบู้ ริหาร (กรณีหนว่ ยงานรัฐ) ส�าเนาบตั รประชาชนผูย้ น่ื ค�าขอ
- ประโยชนข์ องลขิ สทิ ธ์ิ เจา้ ของลขิ สทิ ธไ์ิ ดร้ บั ความคมุ้ ครองตามกฎหมาย มสี ทิ ธใิ์ นการทา� ซา�้ ดดั แปลง เผยแพรต่ อ่ สาธารณชน
สามารถอนญุ าตให้ผู้อืน่ ใชล้ ิขสิทธ์ขิ องตนโดยได้รบั ค่าตอบแทนท่เี ปน ธรรม
2) สทิ ธบิ ตั ร คือ หนังสือท่ีรฐั ออกใหเ้ พอื่ ค้มุ ครองการประดิษฐห์ รือการออกแบบ
- ประเภทของสิทธิบตั ร แบง่ เปน สทิ ธบิ ตั รการประดิษฐ์ สิทธิบัตรการออกแบบผลติ ภัณฑ์ และอนสุ ทิ ธิบัตร
- ความแตกต่างระหว่างอนุสิทธิบัตรและสิทธิบัตรการประดิษฐ์ อนุสิทธิบัตรเปนการคุ้มครองการประดิษฐ์ที่มีเทคนิคที่ไม่สูง
มากนัก ส่วนสทิ ธิบตั รจะมขี ั้นการประดิษฐ์ทีส่ งู ขน้ึ
- ประโยชน์ของสทิ ธิบัตร ทา� ให้เห็นความเปน มา พัฒนาการ และข้อบกพร่องของสง่ิ ประดษิ ฐ์ ก่อใหเ้ กดิ แนวคดิ ใหม่ ๆ ในการ
พฒั นาตามมาในทางธรุ กิจ ช่วยใหส้ ามารถคาดการณ์แนวโน้มของเทคโนโลยีทีก่ �าลงั เกิดขึ้น และประเมนิ ความกา้ วหน้าของเทคโนโลยไี ด้
2. ข้อด-ี ขอ้ เสียของทรพั ยส์ ินทางปัญญา
- ข้อดี ใหค้ วามเปน ธรรมแกผ่ คู้ ดิ คน้ ในเร่อื งคา่ ตอบแทน คุ้มครองเจ้าของผลงาน
- ขอ้ เสยี การตงั้ ราคาไมเ่ ปน ธรรมทา� ใหล้ ขิ สทิ ธนิ์ น้ั มรี าคาแพง กา� ลงั ซอ้ื ผบู้ รโิ ภคมไี มพ่ ออาจสง่ ผลตอ่ ชวี ติ เชน่ ยารกั ษาโรครา้ ยแรง
T101
นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ นาํ 4 การใชเ ทคโนโลยสี ารสนเทศหนว ยการเรยี นรทู ่ี
อยา งปลอดภยั
กระตนุ ความสนใจ
1. นักเรียนทําแบบทดสอบกอนเรียน หนวยการ
เรียนรูท่ี 4 เรือ่ ง การใชเ ทคโนโลยสี ารสนเทศ
อยางปลอดภยั เพื่อวัดความรูเ ดิมของนักเรียน
กอ นเขาสกู จิ กรรม
2. ครถู ามคาํ ถามกระตนุ ความสนใจของนกั เรยี น
วา ปญหาที่เกิดจากการใชเทคโนโลยีมีอะไร
บา ง
(แนวตอบ นักเรียนตอบตามประสบการณของ
ตนเอง โดยคําตอบขึ้นอยูกับดุลยพินิจของ
ครผู สู อน เชน การละเมดิ ลขิ สทิ ธ์ิ การนาํ ขอ มลู
สว นบุคคลมาเผยแพร การนาํ ผลงานของผูอนื่
มาแอบอางเปนของตน)
การใชงานเทคโนโลยีสารสนเทศมีทั้งประโยชนและโทษ
ดงั นนั้ ผใู ชง านเทคโนโลยสี ารสนเทศจะตอ งมคี วามรบั ผดิ ชอบ
และรูจกั การปฏิบตั ติ นในการเขา ใชงานอยา งเหมาะสม
ตวั ชว้ี ัด
ว 4.2 ม.2/4 ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภยั มีความรบั ผิดชอบ สร้างและแสดงสิทธใิ นการเผยแพรผ่ ลงาน
เกร็ดแนะครู
เนื้อหาในบทเรียนนี้ เปนการกลาวถึงเหตุการณที่เกิดข้ึนในชีวิตจริงและ
สามารถพบเห็นไดทั่วไป ครูสามารถหาขอมูลตัวอยางกรณีศึกษามาประกอบ
การสอน เพอ่ื ใหน กั เรยี นไดเ หน็ ความเสยี หายทเี่ กดิ ขน้ึ จรงิ จากการใชเ ทคโนโลยี
ผดิ ทาง ตลอดจนบทลงโทษทผ่ี กู ระทาํ ผดิ ไดร บั วธิ กี ารปฏบิ ตั ติ นเพอ่ื ปอ งกนั และ
หลกี เลยี่ งปญ หาเหลา น้ี รวมถงึ คณุ ประโยชนจ ากการนาํ เทคโนโลยไี ปใชแ กป ญ หา
อยางสรางสรรค หนวยการเรียนรูนี้จึงเปนหนวยการเรียนรูที่ควรใหนักเรียน
ไดเ รยี นรูจากเหตุการณ กรณีศึกษา เพือ่ ใหส ามารถนาํ ความรูท ีไ่ ดไ ปใชใ นชีวติ
ประจําวันไดจริง
T102
นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ นาํ
กระตนุ ความสนใจ
เราสามารถหลีกเล่ยี ง 1 การใชเ ทคโนโลยสี ารสนเทศ 3. จากนั้นครูถามคําถามสําคัญประจําหัวขอวา
ปญ หาของการถูกขโมย นักเรียนรูหรือไมวา เราสามารถหลีกเลี่ยง
ขอมูลหรอื หลอกลวงให เทคโนโลยีสารสนเทศได้เข้ามามีบทบาทกับชีวิต ปญหาของการถูกขโมยขอมูลหรือหลอกลวง
หลงเชอ่ื จากการใชเ ทคโนโลยี ของผคู้ นในหลากหลายดา้ น และถอื เปน็ เครอ่ื งมอื ทมี่ คี วาม ใหห ลงเชอื่ จากการใชเ ทคโนโลยสี ารสนเทศได
สารสนเทศไดอ ยา งไรบาง ส�าคัญอย่างย่ิงต่อการด�าเนินชีวิตของคนในสังคมปัจจุบัน อยา งไรบาง
โดยเราสามารถใช้เทคโนโลยีในการเข้าถึงข้อมูลจากผู้อ่ืน ขน้ั สอน
รวมถึงสามารถแชร์ข้อมูลของตนเองไปสู่ผู้อ่ืนได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่มีคอมพิวเตอร ์
สมารต์ โฟน หรอื แทบ็ เลต็ ทต่ี อ่ เขา้ กบั เครอื ขา่ ยอนิ เทอรเ์ นต็ กส็ ามารถเขา้ ถงึ ขอ้ มลู ตา่ ง ๆ สาํ รวจคน หา
ทีต่ ้องการได้แลว้ 1. นักเรียนแบงกลุม กลุมละ 3-4 คน เพอ่ื ศกึ ษา
และอภิปรายรวมกันถึงประโยชนจากการใช
เมื่อเทคโนโลยีสารสนเทศได้รับการพัฒนาให้มีรูปแบบท่ีมีความน่าสนใจและอยู่ใกล้ชิดกับ เทคโนโลยีสารสนเทศในหนังสือเรียน รายวชิ า
ชีวิตของมนุษย์มากย่ิงข้ึน เทคโนโลยีจึงสร้างทั้งคุณประโยชน์และโทษให้กับผู้ใช้ ซึ่งจะเห็นได้ว่า พ้ืนฐาน เทคโนโลยี (วิทยาการคํานวณ) ม.2
ในปัจจุบันเกิดปัญหาทางสังคมจากการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ท้ังโดยต้ังใจหรือไม่ต้ังใจใน หรือสืบคนขอมูลจากอินเทอรเน็ตที่เครื่อง
หลากหลายลักษณะ ตัวอย่างของคณุ ประโยชน์และโทษของการใชเ้ ทคโนโลย ี มดี ังนี้ คอมพิวเตอรของตนเอง จากน้ันใหนักเรียน
แตล ะกลมุ ออกมานาํ เสนอเกย่ี วกบั คณุ ประโยชน
1. คุณประโยชนจากการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศ การใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศ จากการใชเทคโนโลยีสารสนเทศ พรอม
มปี ระโยชนม์ ากมายและมผี ลตอ่ การดา� รงชวี ติ ของทกุ คนโดยไมร่ ตู้ วั เชน่ อภิปรายรวมกับเพ่ือนในชั้นเรียน โดยครูคอย
• ท�าให้เกิดคุณภาพชีวิตท่ีดีขึ้น และมีความสะดวกสบายย่ิงข้ึนจากส่ิงอ�านวยความ บันทึกคําตอบของนักเรียนแตละกลุมลงบน
สะดวกตา่ ง ๆ กระดาน
• ใช้อ�านวยความสะดวกในด้านการศึกษา เช่น ระบบการลงทะเบียน ระบบการจัด 2. ครูเปดโอกาสใหนักเรียนซักถามขอสงสัย
ตารางสอน นอกจากน ้ี ยงั ใชเ้ ปน็ เครอื่ งมอื ในการเพม่ิ โอกาสการเรยี นรขู้ องผใู้ ชง้ าน เชน่ การสบื คน้ และครูใหความรูเพิ่มเติมในสวนน้ันหรือ
ข้อมลู ทางอนิ เทอร์เนต็ ส่ือการสอน หรอื บทเรียน เปดโอกาสใหนักเรียนศึกษาความรูเพ่ิมเติม
• ประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลา จากอินเทอรเน็ต
สามารถติดต่อสื่อสารระหว่างกันอย่างสะดวก 3. ครูและนักเรียนรวมกันจัดอันดับคุณประโยชน
รวดเร็ว โดยใช้โทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ หรือ จากการใชเทคโนโลยีสารสนเทศจากคําตอบ
แหลง่ อ่ืน ๆ ของนกั เรยี นบนกระดาน
• ท�าให้เกิดการจัดการทรัพยากร
ธรรมชาติได้ดีย่ิงขึ้น เช่น การรวบรวมข้อมูล แนวตอบ คําถามสาํ คญั ประจําหวั ขอ
เรอื่ งคุณภาพในแมน่ า�้ ลา� คลองสายต่าง ๆ เพอ่ื นกั เรยี นตอบตามประสบการณข องตนเอง โดย
น�ามาตรวจวัดมลภาวะ แล้วด�าเนินการแก้ไข คําตอบขึ้นอยูกับดุลยพินิจของครูผูสอน เชน ใส
เครดติ ทผี่ ลงานของตนเองเพอ่ื ปอ งกนั การดดั แปลง
ปัญหา เป็นตน้ ภาพท่ี 4.1 การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ แกไข หรือปลอมแปลง ใชเทคโนโลยีสารสนเทศ
เพือ่ ขอความชว่ ยเหลือ 89
อยา งมสี ติ ไมใ หข อ มลู สว นตวั กบั หนว ยงานทเี่ ชอ่ื ถอื
ไมได
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู
ขอใดจัดเปนเทคโนโลยีที่มีคุณประโยชนในดานประหยัดทั้ง ครูอาจจะนําตัวอยางขาวสารที่มีเน้ือหาตรงกับหัวขอคุณประโยชนของ
คา ใชจายและเวลา เทคโนโลยใี นแตล ะดา นในปจ จบุ นั มานาํ เสนอใหน กั เรยี นไดศ กึ ษาจากเหตกุ ารณ
จริงจากทั้งในประเทศและทั่วโลก เพ่ือเชื่อมโยงความรูและความเขาใจของ
1. หุนยนตสาํ รวจทะเลลกึ นักเรียนใหมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น หรืออาจใหนักเรียนแบงกันสืบคนขอมูล
2. เตยี งไฟฟา สําหรับผปู วยอัมพาต ตามหวั ขอดังกลาว แลวออกมานําเสนอหนา ชัน้ เรยี นกไ็ ด
3. ระบบเตอื นภัยสึนามใิ นทะเลลึก
4. โทรศพั ทดาวเทยี มสําหรบั สือ่ สารไดท ุกทบ่ี นโลก
(วเิ คราะหคาํ ตอบ จากตัวเลือกที่กําหนดให วิเคราะหไดวา
เทคโนโลยีท่ีประหยัดทั้งคาใชจายและเวลา คือ เทคโนโลยีการ
ส่ือสาร ดงั นั้น ตอบขอ 4.)
T103
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ สอน 2. โทษจากการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ มักจะเกิด CinoRmeaSlcLiife
ข้ึนจากความตั้งใจและไม่ต้ังใจ ซ่ึงมักจะขาดสติความย้ังคิดต่อ
สาํ รวจคน หา การรับรู้ข่าวสาร หรือเกิดจากการหลงเชื่อส่ิงที่มีการโฆษณา การเข้าถึงสารสนเทศในยุค
หลอกลวงท�าให้เกิดเหตุการณ์ที่มีผลกระทบต่อผู้คนหรือตัว ดิจิทัลเน่ืองจากเป็นยุคท่ีมีการ
4. นกั เรยี นแตล ะกลมุ ออกมานาํ เสนอเกย่ี วกบั โทษ ผใู้ ชไ้ ด ้ โดยสว่ นใหญส่ าเหตทุ เี่ กดิ ขนึ้ มกั จะเกดิ จากตวั ผรู้ บั ขา่ วสาร ติดต่อสื่อสารท่ีรวดเร็วและยัง
จากการใชเ ทคโนโลยสี ารสนเทศ พรอ มอภปิ ราย ขาดความรคู้ วามเขา้ ใจ หรอื เกดิ ความคกึ คะนอง รวมถงึ ตอ้ งการ สามารถเข้าถึงได้ง่ายมาก จึง
รวมกับเพ่ือนในช้ันเรียน โดยครูคอยบันทึก ท�าให้ระบบการรักษาความ
คําตอบของนกั เรยี นแตล ะกลมุ ลงบนกระดาน ปลอดภัยนั้นไม่สามารถท�าได ้
ให้เปน็ ทสี่ นใจของสงั คม 100% และปัจจบุ นั ปัญหานไี้ ด้
อธบิ ายความรู 1) ปญหาการติดเกมจากการใช้เทคโนโลยี เพ่ิมขึ้นตลอดเวลา เนื่องจาก o_O
สารสนเทศ เป็นปัญหาท่ีเกิดขึ้นมานาน และยังเป็นปัญหาท่ี การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
ครูอธิบายเช่ือมโยงความรูสูชีวิตประจําวัน เกดิ ขนึ้ ในวยั เดก็ ไปจนถงึ วยั ผใู้ หญ ่ และยงั กอ่ ใหเ้ กดิ ปญั หาสงั คม ไปในทางท่ีผิด ดังน้ัน การใช้
(Com Sci in Real Life) วา การเขาถงึ สารสนเทศ บ่อยครั้ง เชน่ การซ้ือของในเกม การเล่นเกมเป็นเวลานานจน สารสนเทศจงึ ควรระวังในเรอื่ ง
ในยคุ ดจิ ทิ ลั เนอื่ งจากเปน ยคุ ทม่ี กี ารตดิ ตอ สอ่ื สาร เสยี ชวี ติ การควบคมุ อารมณไ์ มไ่ ด ้ การทา� ลายทรพั ยส์ นิ ของผอู้ นื่ ของการกระท�าในทางสื่อสาร
ทรี่ วดเรว็ และยงั สามารถเขา ถงึ ไดง า ยมาก จงึ ทาํ ให หรอื ของตนเอง หรอื เผยแพร ่ เพ่อื ปอ งกนั การ
ระบบการรักษาความปลอดภัยนั้นไมสามารถ ถูกล่อลวงหรือขโมยข้อมูล
ทาํ ได 100% และปจ จบุ นั ปญ หานไ้ี ดเ พมิ่ ขนึ้ ตลอด 2) ปญหาการละเมิดลิขสิทธ์ิจากการใช้เทคโนโลยี ส่วนตัว
เวลา เนอ่ื งจากการใชเ ทคโนโลยสี ารสนเทศไปใน สารสนเทศ เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ซึ่งเกิดจากผู้ที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ
ทางท่ีผิด ดังน้ัน การใชสารสนเทศจึงควรระวัง จนน�ามาซึ่งปัญหาการเรียกร้องค่าเสียหายต่อผู้ท่ีกระท�าผิด เช่น การดาวน์โหลด หรือคัดลอก
ในเรื่องของการกระทําในทางสื่อสารหรือเผยแพร
เพอ่ื ปอ งกันการถูกลอ ลวงหรอื ขโมยขอ มูล
ขอ้ ความ ภาพ ผลงาน และอนื่ ๆ โดยไม่ได้รับการอนุญาตใหเ้ ผยแพรห่ รอื ครอบครองก่อนได้รับ
อนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธ์ิ
ภาพที่ 4.2 ปญั หาการตดิ เกม ภาพท่ี 4.3 ปัญหาการละเมดิ ลิขสทิ ธ์ิ
90
เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคดิ
ครูอาจจะนําตัวอยางขาวสารขอมูลในปจจุบันที่ตรงกับโทษของการใช ขอใดจัดเปนการแกปญหาที่ดีท่ีสุดหลังจากตรวจพบภายหลัง
เทคโนโลยใี นทางทผี่ ดิ ในแตล ะดา นมานาํ เสนอใหน กั เรยี นไดศ กึ ษาจากเหตกุ ารณ วาไดเผยแพรขา วสารขอมูลทเี่ ปนเท็จลงไปในโซเชียล
จรงิ จากทง้ั ในประเทศและทว่ั โลก เพอื่ ใหเ หน็ ผลลพั ธท เี่ กดิ ขนึ้ แลว รว มกนั อภปิ ราย
ถงึ แนวทางในการปอ งกนั แกไ ขปญ หาดว ย 1. ลบโพสตท้งิ
2. แกไขโพสตแ จง ใหทราบวา เปน ขอ มลู เทจ็
T104 3. สบื คน ขอ มลู ท่ีถูกตองมาโพสต พรอมอธิบายเพมิ่ เติม
4. ทาํ ทงั้ ขอ 2. และขอ 3.
(วเิ คราะหคาํ ตอบ จากตัวเลอื กทก่ี ําหนดให วิเคราะหไ ดวา การ
แกไ ขโพสตเ พอื่ ชแี้ จงความจรงิ จะชว ยใหค นทมี่ าอา นหรอื เผยแพร
ขอ มลู ตอ จากเราไปแลว ไดร บั ทราบวา เปน ขอ มลู ทเ่ี ปน เทจ็ และการ
สืบคนขอมูลที่ถูกตองมาโพสตก็จะชวยใหผูที่เขาใจผิดไดศึกษา
ทาํ ความเขา ใจความจรงิ เพอื่ ทจี่ ะไดช ว ยกนั เผยแพรข อ มลู ทถี่ กู ตอ ง
ไปใหคนอื่นไดรับทราบแทนขอมูลเดิม ซ่ึงมีประโยชนมากกวา
การลบโพสตทง้ิ ไป ดงั นัน้ ตอบขอ 4.)
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
3) ปญหาสังคมเส่ือมจากการใชเทคโนโลยีสารสนเทศ การใชเทคโนโลยีในทางท่ี ขน้ั สอน
ผดิ กาํ ลงั เปน ปญ หาในสงั คมไทย จากการเผยแพร
ขยายความเขา ใจ
หรือแสดงพฤติกรรมเลียนแบบท่ีไมเหมาะสม
1. ครูเปดโอกาสใหนักเรียนซักถามขอสงสัย
ซงึ่ ปจ จบุ นั เดก็ เลก็ กส็ ามารถเขา ไปรบั ชม รบั ฟง โดยครูใหความรเู พ่มิ เติมในเรอื่ ง โทษจากการ
ใชงานเทคโนโลยีสารสนเทศ
ไดงาย ทําใหเด็กเกิดอยากรูอยากลองเปน
2. นกั เรยี นทาํ ใบงาน เรอื่ ง คณุ ประโยชนแ ละโทษ
จากการใชงานเทคโนโลยีสารสนเทศ
การกระทําที่เปนพฤติกรรมเลียนแบบ กอให
เกิดปญหาอาชญากรรมจากการใชเทคโนโลยี
มากขน้ึ ในวยั เดก็ เพราะเดก็ ยงั ไมม วี จิ ารณญาณ
ในการคิดวิเคราะหส่ิงท่ีเห็นหรือรับฟง ซ่ึงเปน
ปญหาใหญท่ีทําใหสังคมเสื่อมจากการใช
เทคโนโลยี ดงั น้ัน ตองรบี แกไขโดยการปลกู ฝง ภาพท่ี 4.4 การใชเ ทคโนโลยใี นวยั เดก็ ควรมีผใู หญใ ห
การใชเ ทคโนโลยสี ารสนเทศในทางท่ถี ูกตอง คาํ แนะนําหรือหลีกเลี่ยงการรับขอ มูลทไี่ มเ หมาะสม
4) ปญหาอาชญากรรมทางขอมูลจากการใชเทคโนโลยีสารสนเทศ เปนปญหาที่มี
ผลกระทบรุนแรง เพราะเปนการนําขอมูลสว นบุคคล หรอื องคก ร มาดดั แปลง แกไ ข ปลอมแปลง
หรือทําการขโมยโดยใชเทคโนโลยีสารสนเทศเพ่ือใหไดขอมูลมา ทําใหเกิดการสูญเสียทรัพยสิน
ตอผูที่ถูกกระทํา เชน ขอมูลทางการเงิน ขอมูลบัตรเครดิต ขอมูลบัตรประจําตัวประชาชน
หนงั สอื เดนิ ทาง (Passport) การบิดเบือนขาวสารจากความเปน จรงิ
ภาพที่ 4.5 ขอมูลหลอกลวง ภาพที่ 4.6 การปลอมแปลงขอ มูล
91
ขอ สอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู
YouTube Kids เปนแอปรวมวิดโี อทเี่ หมาะสมสาํ หรับเด็กและ ครูอาจจะจัดการเรียนการสอนเปนกิจกรรมบทบาทสมมติ โดยคิด
ครอบครัว เปนแอปที่ไมมีพิษภัย ผูปกครองสามารถควบคุมการ สถานการณทีส่ ื่อถึงโทษของการใชเ ทคโนโลยที ั้ง 6 ขอ มาใหนักเรยี นจับสลาก
ใชง านได จากขอ ความขา งตน เปน การปอ งกนั ปญ หาการเกดิ โทษ ออกมาแสดงละครส้นั จากสถานการณทค่ี รูกาํ หนดใหท้งั 6 สถานการณ ขอละ
จากการใชง านเทคโนโลยใี นดา นใด ประมาณ 3-5 นาที โดยใหน กั เรยี นทีเ่ ปน ฝา ยนง่ั ชมชวยกันสรุปในตอนทา ยของ
ละครส้นั แตละเร่อื งวาตรงกับโทษของการใชงานเทคโนโลยีในขอใด
1. ปญ หาการติดเกมจากการใชเ ทคโนโลยสี ารสนเทศ
2. ปญหาสงั คมเสอื่ มโทรมจากการใชเ ทคโนโลยสี ารสนเทศ T105
3. ปญ หาการละเมิดลิขสทิ ธจิ์ ากการใชเทคโนโลยสี ารสนเทศ
4. ปญ หาอาชญากรรมทางขอ มลู จากการใชเ ทคโนโลยี
สารสนเทศ
(วิเคราะหคําตอบ จากตัวเลือกที่กําหนดให วิเคราะหไดวา
จากตัวอยางในโจทยเปนการใชเทคโนโลยีปองกันเด็กจากการ
เขาถึงสื่อภาพและเสียงท่ีไมเหมาะสม เพื่อไมใหเกิดพฤติกรรม
เลียนแบบทไ่ี มเ หมาะสมตามมา ดังน้นั ตอบขอ 2.)
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน 5) ปญหาการละเมดิ สทิ ธิสว่ นบุคคลจากการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นการคกุ คาม
ซง่ึ ในปจั จบุ นั มผี ถู้ กู ดา� เนนิ คดมี ากมาย จากการ
ขยายความเขา ใจ ก่อความร�าคาญ หรือท�าให้ผู้อื่นได้รับความ
3. นักเรียนและครูรวมกันจัดลําดับโทษจากการ
ใชงานเทคโนโลยีสารสนเทศ จากคาํ ตอบของ
นักเรยี นบนกระดาน
ขน้ั สรปุ เดือดร้อนทั้งต้ังใจและไม่ตั้งใจ เนื่องจาก
ขาดความรู้ความเข้าใจในข้อกฎหมายทาง
ตรวจสอบผล เทคโนโลยีสารสนเทศ และมาจากการท่ีขาด
จริยธรรมและมารยาทในการใช้เทคโนโลยี
1. ครูประเมินผลนักเรียนจากการสังเกตการ สารสนเทศ เช่น การน�าภาพบุคคลอ่ืนมา
ตอบคําถาม ความสนใจในการเรียน การทํา แอบอ้างเปน็ ของตน ดัดแปลงแกไ้ ขขอ้ มูลของ
กิจกรรมกลมุ และการทาํ ใบงาน ผู้อ่ืนโดยไม่ได้รับอนุญาต การเข้าไปดูข้อมูล
ผู้อน่ื ในส่วนที่ไม่ได้รบั อนญุ าต
2. ครตู รวจสอบความถกู ตองของการทําใบงาน ภาพท่ี 4.7 การละเมดิ สทิ ธิส่วนบคุ คล
3. นักเรียนและครูรวมกันสรุปเก่ียวกับการใช
6) ปญหาอาชญากรรมท่ีมีผลต่อชีวิตจากเทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นอาชญากรรม
เทคโนโลยสี ารสนเทศ ท่ีร้ายแรงและมีผลกระทบร้ายแรงในวงกว้างตั้งแต่ระดับบุคคลไปจนถึงระดับโลก ซ่ึงปัญหานี้เกิด
จากการนา� ความสามารถทางเทคโนโลยไี ปใชใ้ นทางท่ผี ดิ หรือเพื่อแสวงหาผลก�าไร จนท�าให้ผอู้ ่ืน
ขนั้ ประเมนิ เดอื ดรอ้ น สง่ ผลตอ่ ชวี ิตของผ้ทู ี่โดนกระท�าและสง่ ผลต่อเศรษฐกิจของประเทศ ทา� ใหม้ ีผลกระทบ
ตอ่ เศรษฐกจิ ของโลกในทีส่ ดุ เชน่ การท�าลาย เปล่ียนแปลง ขโมยข้อมลู ในระบบคอมพวิ เตอร์ ซ่ึง
ตรวจสอบผล เราจะรจู้ กั กนั ดใี นรปู ของการกอ่ อาชญากรรมไซเบอร ์ (Cyber Crime) อาชญากรทก่ี อ่ อาชญากรรม
ประเภทนี้ มักเรียกว่า แครกเกอร์ (Cracker)
ตารางการวดั และประเมินผล ซึ่งมีอยู่หลายระดับความสามารถและมีความ
มุ่งหมายในการก่ออาชญากรรมที่แตกต่างกัน
วิธกี าร เครื่องมือ เกณฑการประเมนิ ซ่ึงมีท้ังผู้ที่เริ่มต้น (Novice) พวกวิกลจริต
ตรวจแบบทดสอบ แบบทดสอบ ประเมนิ ตาม (Deranged Persons) กลมุ่ อาชญากรทก่ี ระท�า
ผดิ (Organized Crime) อาชญากรระดับอาชีพ
กอนเรียน กอนเรยี น สภาพจรงิ (Career) ผทู้ ม่ี คี วามรู้ความสามารถและทกั ษะ
ดา้ นคอมพิวเตอรร์ ะดบั สูง (Hacker/Cracker)
ตรวจใบงาน ใบงาน รอยละ 60
ผา นเกณฑ
ประเมนิ แบบประเมิน ระดับคณุ ภาพ 2
การนําเสนอ การนําเสนอ ผานเกณฑ
ผลงาน ผลงาน
สังเกตพฤติกรรม แบบสังเกต ระดับคุณภาพ 2 ภาพท่ี 4.8 การกอ่ อาชญากรรมไซเบอร์
การทํางาน พฤติกรรม ผานเกณฑ
รายบุคคล
สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสังเกต ระดับคณุ ภาพ 2 92
การทํางานกลุม พฤติกรรม ผา นเกณฑ
แนวทางการวัดและประเมินผล ขอ สอบเนน การคดิ
ครูสามารถสังเกตการนําเสนอผลงาน พฤติกรรมการทํางานรายบุคคล นกั เลงคอมพวิ เตอรเ ยาวชนอายุ 16 ป เจาะระบบของบรษิ ทั ไอที
และการทํางานกลุมของนักเรียน โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผลจาก ดานระบบรักษาความปลอดภัย ขโมยขอมูลไฟลไปกวา 70 GB
แบบประเมินการนําเสนอผลงาน แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานรายบุคคล ถูกจับกุมและสงฟองศาลเด็ก ขอความขางตนเกี่ยวของกับโทษ
และแบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทาํ งานกลมุ ทแ่ี นบมาทา ยแผนการจดั การเรยี นรทู ่ี 4 จากการใชงานเทคโนโลยีในดานใดตอ ไปนม้ี ากทส่ี ดุ
หนวยการเรียนรทู ่ี 4
1. ปญ หาสังคมเสอ่ื มจากการใชเทคโนโลยสี ารสนเทศ
แบบประเมินการนาเสนอผลงาน แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม 2. ปญหาการติดเกมจากการใชเทคโนโลยสี ารสนเทศ
3. ปญ หาการละเมิดลขิ สิทธ์ิจากการใชเ ทคโนโลยีสารสนเทศ
คาชแี้ จง:ใหผ้ สู้ อนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขีด ลงในช่องที่ คาชี้แจง : ให้ผสู้ อนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องที่ คาชแี้ จง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ลงในชอ่ งท่ี 4. ปญหาอาชญากรรมท่ีมีผลตอชีวิตจากการใชเทคโนโลยี
ตรงกับระดับคะแนน ตรงกบั ระดับคะแนน ตรงกบั ระดับคะแนน
สารสนเทศ
ลาดับที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน 1 ลาดบั ที่ รายการประเมนิ ระดับคะแนน ลาดบั ที่ ชื่อ–สกลุ การแสดง การยอมรบั การทางาน ความมนี ้าใจ การมี รวม
32 32 ของนกั เรียน ความคิดเหน็ ฟงั คนอื่น ตามท่ีได้รบั สว่ นร่วมใน 15 (วเิ คราะหคําตอบ จากตวั เลือกทก่ี าํ หนดให วิเคราะหไ ดว า เม่อื
1 มอบหมาย การปรับปรงุ คะแนน บริษัทถูกเจาะระบบขโมยขอมูล ความนาเช่ือถือของบริษัทก็จะ
ผลงานกลุม่ ลดลง อาจสงผลเสยี หายตามมาในหลายดา น เชน ทําใหห ุนของ
1 ความถกู ต้องของเน้ือหา 1 การแสดงความคิดเหน็ บรษิ ัทตกลงมา บรษิ ัทอาจถูกลกู คา ฟอ งรอ งได ดงั นน้ั ตอบขอ 4.)
2 ความคดิ สรา้ งสรรค์ 2 การยอมรบั ฟงั ความคดิ เหน็ ของผอู้ น่ื 321321321321321
3 วิธีการนาเสนอผลงาน 3 การทางานตามหน้าท่ีท่ไี ดร้ บั มอบหมาย
4 การนาไปใชป้ ระโยชน์ 4 ความมีนาใจ
5 การตรงต่อเวลา 5 การตรงต่อเวลา
รวม รวม
ลงช่อื ...................................................ผ้ปู ระเมนิ ลงช่ือ...................................................ผู้ประเมนิ
............/................./................... ............/.................../................
เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ลงช่ือ...................................................ผูป้ ระเมนิ
ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ สมบูรณช์ ัดเจน ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่าเสมอ ให้ 2 คะแนน ............./.................../...............
ให้ 1 คะแนน ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินเปน็ ส่วนใหญ่ ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครัง เกณฑก์ ารให้คะแนน
ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินบางสว่ น ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ
ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบางครงั ปฏิบัติหรอื แสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง
ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบางครั้ง ให้ 3 คะแนน
เกณฑ์การตดั สนิ คณุ ภาพ เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน
ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ
ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ
14–15 ดีมาก
14–15 ดีมาก ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
11–13 ดี
11–13 ดี 14–15 ดีมาก
8–10 พอใช้
8–10 พอใช้ 11–13 ดี
ต่ากว่า 8 ปรับปรงุ
ต่ากวา่ 8 ปรับปรุง 8–10 พอใช้
ตา่ กวา่ 8 ปรับปรุง
T106
นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ
เมอ่ื นกั เรยี นพบวา ระหวา ง 2 การปฏิบัติตนเมอ่ื พบเนื้อหา ขน้ั นาํ
ใชง านอนิ เทอรเ นต็ มี ท่ีไมเ หมาะสม
ขอ ความขน้ึ วา “คณุ คอื กระตนุ ความสนใจ
ผโู ชคด”ี นกั เรยี นควรทาํ การใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศรูปแบบหนึ่งที่มี
อยา งไรตอ ไป ผูใ้ ชง้ านมากที่สดุ คอื อนิ เทอร์เน็ต ซึ่งถอื เป็นเครอื ข่าย ครูถามคําถามสําคัญประจําหัวขอกับนักเรียน
เพ่ือกระตุนความสนใจวา เม่ือนักเรียนพบวา
คอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่มีการเชื่อมต่อเครือข่ายคอมพิวเตอร์หลายเครือข่ายทั่วโลก ระหวางใชงานอินเทอรเน็ตอยู แลวมีขอความ
เข้าด้วยกัน และเป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ท่ีทุกคนสามารถเข้าถึงได้ง่ายผ่านเครื่อง- ขนึ้ มาวา คณุ คอื ผูโชคดี นักเรยี นควรทาํ อยางไร
คอมพิวเตอร์ สมาร์ตโฟน หรือแท็บเล็ต
โดยในการเข้าใช้งานอินเทอร์เน็ตของ ขน้ั สอน
แต่ละคนกม็ ีจดุ ประสงค์ทแ่ี ตกต่างกนั เช่น
เพอ่ื ตอ้ งการเยยี่ มชมเวบ็ ไซต ์ เพอื่ ตอ้ งการ สาํ รวจคน หา
ค้นหาข้อมูล เพ่ือต้องการส่งเอกสาร
หรือแลกเปลี่ยนข่าวสารระหว่างกัน เพ่ือ 1. นกั เรยี นแบง กลมุ กลมุ ละ 3-4 คน เพอ่ื อภปิ ราย
ตอ้ งการเขา้ สอื่ สงั คมออนไลน ์ เพอื่ ตอ้ งการ รวมกันถึงเนื้อหาตางๆ ที่ไมเหมาะสมและ
ซ้ือสินค้า เพื่อต้องการท�าธุรกรรมทาง พบเจอในขณะที่ใชงานอินเทอรเน็ต จากน้ัน
การเงิน ใหนักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนออกมานํา
ภาพท่ี 4.9 การใช้งานอนิ เทอร์เน็ตในที่สาธารณะ เสนอเกยี่ วกบั เนอ้ื หาตา งๆ ทไ่ี มเ หมาะสม และ
พบในขณะท่ีใชง านอนิ เทอรเนต็ หนา ชนั้ เรยี น
โดยจะเหน็ ว่า การเข้าใชง้ านอนิ เทอร์เนต็ ไม่วา่ จะดว้ ยวตั ถปุ ระสงคใ์ ด เราสามารถทีจ่ ะพบ
ขอ้ มลู หรอื เนอื้ หาทีไ่ มพ่ งึ ประสงคห์ รอื ไมเ่ หมาะสมได ้ โดยเนอ้ื หาทพี่ บอาจทา� ใหเ้ กดิ ความเสยี หาย 2. นกั เรยี นแตล ะกลมุ สบื คน ขอ มลู จากอนิ เทอรเ นต็
ทั้งต่อตนเอง คนรอบข้าง และสังคมได้ง่าย เกย่ี วกบั เนอ้ื หาตา งๆ ทไี่ มเ หมาะสม และพบใน
โดยเฉพาะเมื่อส่ือสังคมออนไลน์ที่เข้ามามี ขณะทใ่ี ชง านอนิ เทอรเ นต็ เพ่ิมเติม
บทบาทอยา่ งมากกบั คนในสงั คมไทยในทกุ เพศ
ทกุ วยั เนอ้ื หาทไ่ี มเ่ หมาะสมมที ง้ั ทอ่ี ยใู่ นรปู แบบ แนวตอบ คําถามสําคญั ประจาํ หัวขอ
ของข้อความ ภาพนิ่ง ภาพเคล่ือนไหว หรือ
เสียง เช่น เน้ือหาเก่ียวกับการพนัน เน้ือหา นักเรียนตอบตามความคิดเห็นของตนเอง
เก่ียวกับสอ่ื ลามกอนาจาร เน้อื หาเกย่ี วกับการ โดยคําตอบข้ึนอยูกับดุลยพินิจของครูผูสอน เชน
คุกคาม เน้ือหาเก่ียวกับการหลอกลวงหรือ ไมควรคลิกเขาไปชม ควรแจงเจาหนาท่ีหรือ
ข่มข่ตู า่ ง ๆ แจง ไปยังผูดูแลเว็บไซต
ภาพท่ี 4.10 การใช้งานอนิ เทอรเ์ น็ตส่วนบุคคล
93
กิจกรรม สรางเสริม เกร็ดแนะครู
ใหนักเรียนเขียนรายช่ือเว็บไซตท่ีนักเรียนใชงานอยูใน ครอู าจจะใหน กั เรยี นลองชว ยกนั ยกตวั อยา งเนอื้ หาทไี่ มเ หมาะสมในรปู แบบ
ชี วิ ต ป ร ะ จํ า วั น ที่ มี ช อ ง ท า ง นํ า ไ ป สู เ นื้ อ ห า ท่ี ไ ม เ ห ม า ะ ส ม ตา งๆ ทนี่ กั เรยี นเคยพบเจอระหวา งใชง านอนิ เทอรเ นต็ มาประมาณ 6-8 ตวั อยา ง
บนอินเทอรเน็ตที่นักเรียนเคยพบมาคนละ 4-5 เว็บไซต ใหค รเู ขยี นแตล ะตวั อยา งลงบนกระดาน เสรจ็ แลว ใหน กั เรยี นลองชว ยกนั จดั กลมุ
พรอ มอธบิ ายวา มชี อ งทางนําไปสเู น้อื หาทไ่ี มเ หมาะสมในรปู แบบ ดูวา มตี ัวอยา งใดบา งทส่ี ามารถจัดอยใู นกลมุ เดียวกนั ได
ใดบาง และนักเรียนควรปฏิบัติตนอยางไร เมื่อใชงานเว็บไซต
ดงั กลา ว
T107
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน 1. รปู แบบของเนอ้ื หาเกยี่ วกบั การพนนั
อธบิ ายความรู หรือการเสี่ยงโชค มักพบอยู่ในรูปแบบของ
1. ครูใหนักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนออกมา เน้ือหาในการชักจูงบุคคลต่าง ๆ ให้เข้ามาเล่น
นําเสนอเนื้อหาเพ่ิมเติมหนาชั้นเรียน โดย
แตละกลุมจะตองนําเสนอเนื้อหาที่พบและ โดยแสดงให้เห็นถึงผลตอบแทนที่สูงกับการ
ไมซํ้ากับกลุมอื่นๆ พรอมอภิปรายรวมกันใน
ชนั้ เรียน ลงทุนท่ีน้อย หรืออาจเป็นในลักษณะของการ
2. ครูอธิบายกับนักเรียนวา เมื่อสังคมออนไลน เล่นเพื่อความบันเทิงท่ีต้องมีการเสียค่าใช้จ่าย
ท่ีเขามามีบทบาทอยางมากกับคนในสังคม
ไทยในทุกเพศทุกวัย เน้ือหาที่ไมเหมาะสม และจะได้ผลตอบแทนกลับมา มีทั้งท่ีอยู่บน
มีท้ังท่ีอยูในรูปแบบของขอความ ภาพนิ่ง
ภาพเคลอื่ นไหว หรอื เสยี ง เชน เนอื้ หาเกย่ี วกบั เว็บไซต์ หรือในสงั คมออนไลนต์ า่ ง ๆ บอ่ ยครง้ั
การพนัน เน้ือหาเก่ียวกับสื่อลามกอนาจาร
เนอ้ื หาเกยี่ วกบั การคกุ คาม เนอื้ หาเกย่ี วกบั การ ภาพท่ี 4.11 เวบ็ ไซตก์ ารพนัน ทบ่ี คุ คลเขา้ ไปในเนอื้ หาทเ่ี กย่ี วกบั การพนนั โดย
หลอกลวงหรือขม ขูต า งๆ ไม่ได้ต้ังใจ อาจจะเป็นการแนะน�าจากเพื่อน
3. ครูเปดโอกาสใหนักเรียนซักถามขอสงสัยและ หรือจากโฆษณาท่ีมีการแสดงให้เห็นถึงผลตอบแทนต่าง ๆ ที่สูง โดยคนส่วนใหญ่เม่ือเข้าไปแล้ว
ครูใหความรเู พ่มิ เติมในสว นน้นั
ก็จะเห็นว่าได้เงินจริง แต่เม่ือมีการเล่นจนติดและเม่ือเสียเงินจะท�าให้อยากได้เงินกลับคืนมา
4. ครอู ธบิ ายรปู แบบเนอ้ื หาทเ่ี กยี่ วขอ งกบั การพนนั
ที่แฝงอยูในเว็บไซตตางๆ ใหนักเรียนฟง จึงลงทุนเลน่ เพิ่มขน้ึ อีกทา� ให้เสยี เงนิ จา� นวนมากข้นึ เรอ่ื ย ๆ
โดยมภี าพตัวอยา งประกอบ และนาํ ขอ มลู ขาว
เก่ียวกับโทษของการเลนการพนันออนไลนมา การปฏิบตั ติ นเม่อื พบเน้ือหาเกีย่ วกบั การพนัน
นําเสนอใหนักเรียนไดศึกษาตัวอยางผลการ
กระทําของผูที่หลงผิดเขาไปใชบริการเว็บไซต • เมอื่ พบเนือ้ หาเกย่ี วกบั การพนนั ในระหวา่ งการใช้งานอนิ เทอรเ์ นต็ ควรแจง้ ผใู้ หญ ่ หรอื
ดงั กลา ว เพอ่ื เชอ่ื มโยงใหเ หน็ โทษของการพนนั เจา้ หนา้ ทท่ี เ่ี กย่ี วขอ้ ง เชน่ เจา้ หนา้ ทตี่ า� รวจ เจ้าหนา้ ท่ฝี ายปกครอง เป็นตน้
จากเหตุการณจริงและการปฏิบัติตนเม่ือพบ • ไม่ควรโอนเงินให้ใคร จากเน้ือหา
เน้อื หาเกย่ี วกับการพนนั ท่ีมีการกล่าวอ้างว่าจะมีผลตอบแทนจากเงิน
ที่เราโอนไป เพราะจะเข้าข่ายว่าเป็นเน้ือหา
เก่ียวกบั การพนัน
• เม่ือพบเห็นโฆษณาที่ไม่เหมาะสม
หรือเข้าข่ายว่าเป็นการโฆษณาเชิญชวนให้
เขา้ ไปเลน่ การพนนั ไมค่ วรคลกิ เขา้ ไปชมควร
แจ้งเจ้าหน้าที่ หรือแจ้งไปยังผู้ดูแลเว็บไซต์
หรือเจ้าของแอปพลิเคชันท่ีโฆษณาน้ัน
ปรากฏขนึ้ มา
ภาพท่ี 4.12 ปดก้ันการรบั ขอ้ มลู การพนนั
94
เกร็ดแนะครู กจิ กรรม สรางเสรมิ
ครอู าจจะหาตวั อยา งขา วเกยี่ วกบั ผกู ระทาํ ความผดิ ทกี่ อ คดตี า งๆ ทเ่ี กยี่ วขอ ง ขอมูลสาเหตุสําคัญท่ีคนไทยติดหน้ีพนันบอลจากนิดาโพล
กบั การตดิ หนกี้ ารพนนั โดยเฉพาะการพนนั ออนไลนใ หน กั เรยี นไดด เู ปน ตวั อยา ง ป 2560 มดี ังนี้ 31% เกดิ จากคา นยิ มทช่ี อบเลน การพนนั 26.4%
หลายๆ คดี แลว จงึ พดู คยุ แลกเปลย่ี นถงึ ผลเสยี จากการพนนั กบั นกั เรยี น เพอ่ื ให เกิดจากชอ งทางการพนันทง่ี า ยขึน้ 20.21% เจาหนาทร่ี ัฐรับสนิ บน
เกดิ ความตระหนกั ในปญ หาและรจู กั ระวงั ตวั ไมเ ขา ไปเกยี่ วขอ ง 10.98% กฎหมายลาสมัย 6.28% มกี ารถา ยทอดสดฟตุ บอลตลอด
3.68% การวิเคราะหทาํ นายผลของกรู ู ใหน กั เรียนแบงเปน 4 กลุม
กําหนดเวลา 5 นาที ใหสมาชิกกลุมรวมกันวิเคราะหวา ควรจะ
แกปญหาการติดหนี้พนันบอลจากสาเหตุใดเปนอันดับแรก
เพราะอะไร และจะมีแนวทางอยางไรในการแกปญหาดังกลาว
ใหต วั แทนแตละกลุมออกมานาํ เสนอหนา ช้นั เรยี น
T108
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
2. รูปแบบของเนื้อหาเก่ียวกับส่ือ ขน้ั สอน
ลามกอนาจาร หรอื บางครั้งเรียกวา่ สอ่ื ส�าหรบั อธบิ ายความรู
ผใู้ หญ ่ มักเป็นสอื่ ทม่ี กี ารแสดงเนือ้ หาเกยี่ วกับ 5. ครูอธิบายรูปแบบเนื้อหาท่ีเกี่ยวของกับส่ือ
ลามกอนาจารที่แฝงอยูในเว็บไซตตางๆ ให
เร่ืองเพศ โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือเร้าอารมณ์ นักเรียนฟง โดยนําขาวเก่ียวกับโทษของการ
เขาไปยุงเกี่ยวกับส่ือลามกอนาจารมานําเสนอ
ทางเพศ ท�าให้ผู้ท่ีรับข้อมูลเกิดอารมณ์ทาง ใหน กั เรยี นไดศ กึ ษาตวั อยา งผลการกระทาํ ของ
ผูที่หลงผิดเขาไปใชบริการเว็บไซตดังกลาว
เพศได้งา่ ย เน้ือหาข้อมลู จะถกู ส่งมาในรูปแบบ หรือเปนผูเผยแพร เพื่อเชื่อมโยงใหเห็นโทษ
ของส่ือลามกอนาจารจากเหตุการณจริง และ
ของภาพนงิ่ ภาพเคลอ่ื นไหว หรอื เสยี ง รวมทง้ั การปฏิบัติตนเมื่อพบเน้ือหาเกี่ยวกับสื่อลามก
อนาจาร
ผลิตภัณฑ์ทางเพศต่าง ๆ ที่เป็นของเทียม
เน้ือหาเกี่ยวกับสื่อลามกอนาจารมักถูกแสดง ภาพท่ี 4.13 เว็บไซตล์ ามกอนาจาร
อยใู่ นรูปของเว็บไซต์และสื่อโฆษณา ซงึ่ ปญั หา
ของสอ่ื ลามกอนาจารบอ่ ยครงั้ อาจจะนา� ไปส่ปู ัญหาอาชญากรรมต่าง ๆ ที่ผดิ ตอ่ ศีลธรรมได้
การปฏบิ ตั ติ นเมื่อพบเนอื้ หาเกี่ยวกบั ส่ือลามกอนาจาร
• เม่ือพบเน้ือหาเก่ียวกับสื่อลามก ภาพท่ี 4.14 ปด กน้ั การรบั ส่อื ลามกอนาจาร
อนาจาร ควรแจ้งผู้ใหญ่ หรือเจ้าหน้าที่
ท่ีเกี่ยวขอ้ ง เชน่ เจา้ หนา้ ทต่ี า� รวจ เจ้าหน้าท่ี
ฝายปกครอง เป็นต้น
• ควรติดต้ังโปรแกรมในการบล็อก
เว็บไซต์ท่ีแปลกปลอม หรือแอปพลิเคชันที่
มีเนอื้ หาทไ่ี มเ่ หมาะสม
• ควรตงั้ คา่ ความปลอยภยั ในโปรแกรม
หรือระบบปฏิบัติการเพ่ือไม่ให้เข้าถึงเนื้อหา
ที่ไม่เหมาะสม
95
ขอ สอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู
จับกุมเจาของเว็บไซตลามกอนาจารเด็ก สารภาพทํามาแลว ครูอาจจะหาตัวอยางขาวเกี่ยวกับการจับกุมผูกระทําความผิดคดีเกี่ยวกับ
1 ป มีรายไดจากการขายโฆษณาเว็บไซตพ นนั บอล จากขอความ ส่ือลามกอนาจารมาใหนักเรียนไดศึกษาจากขาวจริง โดยใหมีการแสดงความ
พาดหัวขาวขา งตน นกั เรยี นคดิ วา เวบ็ ไซตด งั กลา วมกี ารนาํ เสนอ คิดเห็น หาแนวทางในการระวังปองกันตนเองและคนใกลชิดจากการเขาไป
รปู แบบเนอ้ื หาที่ไมเหมาะสมในรูปแบบใดบาง เกี่ยวของกับเนื้อหาที่ไมเหมาะสมจนอาจจะกลายเปนเหย่ือหรือเปนผูกระทํา
ความผดิ คดีเก่ียวกับสื่อลามกอนาจารในภายหลังได
1. เนื้อหาเก่ยี วกับสือ่ ลามกอนาจาร
2. เนือ้ หาเก่ยี วกับสอื่ ลามกอนาจารและการพนนั T109
3. เนอื้ หาเกย่ี วกับการพนันและการคุกคามหรอื การขม ขู
4. เนือ้ หาเก่ียวกบั สอ่ื ลามกอนาจารและการคุกคาม
หรือการขมขู
(วเิ คราะหค าํ ตอบ จากตวั เลอื กทกี่ าํ หนดให วเิ คราะหไดวา จาก
ตัวอยางในโจทยเว็บไซตดังกลาวถือเปนส่ือลามกอนาจาร สวน
โฆษณาในเวบ็ ไซตเกีย่ วขอ งกบั การพนัน ดงั นัน้ ตอบขอ 2.)
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ สอน 3. รูปแบบของเนื้อหาเก่ียวกับการ
หลอกลวง การเติบโตของสื่อสังคมออนไลน ์
อธบิ ายความรู หรือเครือข่ายสังคมออนไลน์ในปัจจุบัน เช่น
เฟซบกุ ไลน์ ทวติ เตอร์ เว็บบล็อก ทา� ให้คน
6. ครูอธิบายรูปแบบเน้ือหาที่เกี่ยวของกับการ ในสังคมสามารถท�าความรู้จักกัน และเปดเผย
หลอกลวงที่แฝงอยูในเว็บไซตตางๆ ให ขอ้ มลู สว่ นตวั ไดง้ า่ ยทง้ั รปู ภาพ วดิ โี อของตนเอง
นักเรียนฟง โดยมีเว็บไซตตัวอยางใหดู และ มกี ารแลกเปลยี่ นความคดิ เหน็ และความสนใจ
นาํ ขอ มลู จากขา วทม่ี เี นอื้ หาเกย่ี วกบั การหลอก ร่วมกัน และมีการสร้างเป็นกลุ่มคนหรือ
ลวงรูปแบบตางๆ มานําเสนอใหนักเรียนได เครือข่ายของชุมชนเพ่ือวัตถุประสงค์ต่าง ๆ
ศึกษาขอมูลจากผูกระทําการหลอกลวงและ มากมาย เช่น เพ่ือการศึกษา เพ่ือการค้า
ผูที่ตกเปนเหยื่อ เพ่ือเช่ือมโยงใหเห็นโทษของ เพ่ือการเมือง เพ่ือแลกเปล่ียนพูดคุยในส่ิงที่
ส่ือลามกอนาจารจากเหตุการณจริง และการ
ปฏบิ ตั ติ นเมอื่ พบเนอื้ หาเกย่ี วกบั การหลอกลวง
ภาพที่ 4.15 เวบ็ ไซตห์ ลอกลวง
คิดเห็นเหมือนกันหรือต่างกันก็ตาม โดยลืมตระหนักไปว่าข้อมูลส่วนตัวท่ีได้เปดเผยไปน้ัน
กลุ่มบุคคลที่อยู่ในเครือข่ายท่ีไม่ประสงค์ดีอาจน�าข้อมูลของเราไปใช้ เพื่อหาช่องในการ
เข้ามาหลอกลวงท�าให้เกิดความเสียหายแก่ตนเองหรือน�าไปหลอกลวงผู้อ่ืนได้ เช่น หลอกลวง
ให้โอนเงิน หลอกลวงใหร้ ว่ มลงทุน หลอกลวงให้ออกมาพบปะและกระทา� การไม่สมควรกบั ตวั เรา
รวมถงึ ครอบครวั
การปฏบิ ัตติ นเมอื่ พบเนอ้ื หาเกี่ยวกับการหลอกลวง
• ไม่เปด เผยขอ้ มลู ส่วนตวั ใหเ้ ปน็
สาธารณะ
• เมอ่ื มใี ครบอกใหโ้ อนเงนิ รว่ มลงทนุ
หรือนัดเจอ ควรรีบแจ้งหรือปรึกษาผู้ใหญ่
ทนั ที
• ไม่ควรเขียนข้อความท่ีบ่งบอก
ถึงความเป็นตัวตนของเรา หรือเก่ียวกับ
ครอบครัวของเราต่อสาธารณะ
ภาพที่ 4.16 ปดก้นั การรบั สอื่ ขอ้ มลู ที่หลอกลวง
96
เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคดิ
ครูอาจจะหาตัวอยางขาวเกี่ยวกับผูกระทําความผิดคดีหลอกลวงผูอื่น สาวหนา ตาดโี รแ จง ความ ถกู หนมุ หลอ ปลอมโพรไฟล อา งเปน
ใหเสียทรัพย การปลอมแปลงขอมูลทําใหเกิดความเสียหายมาใหนักเรียน เจาของธุรกิจ มีรถหรูขับ แชตลวงชวนรวมลงทุนกอนหลอกให
ไดศึกษาจากขาวจริง และใหมีการแสดงความคิดเห็น หาแนวทางในการระวัง โอนเงนิ พบเหยอื่ กวา 100 ราย สญู เงินกวา 2 แสน
ปองกันตนเองและคนใกลชิดจากการเขาไปเก่ียวของกับเนื้อหาท่ีไมเหมาะสม
จนอาจจะกลายเปนเหยื่อหรือเปนผูกระทําความผิดคดีหลอกลวงผูอ่ืนให จากขอ ความพาดหวั ขา วขา งตน นกั เรยี นคดิ วา มคี วามเกย่ี วขอ ง
เสยี ทรพั ยใ นภายหลงั ได กับรปู แบบเนื้อหาท่ไี มเหมาะสมรปู แบบใด
T110 1. เนอ้ื หาเกยี่ วกบั การพนัน
2. เนอื้ หาเกี่ยวกับการหลอกลวง
3. เนอื้ หาเก่ยี วกับส่อื ลามกอนาจาร
4. เนอื้ หาเกย่ี วกบั การคุกคามหรอื การขม ขู
(วิเคราะหคําตอบ จากตัวเลือกท่ีกําหนดให วิเคราะหไดวา
จากตวั อยา งในโจทยค นรา ยใชว ธิ กี ารปลอมแปลงขอ มลู ใหน า เชอื่ ถอื
จนเหยื่อหลงเชื่อ แลวจงึ ชกั ชวนลงทนุ เพื่อทําการฉอ โกง เปน การ
สรา งเนื้อหาเกย่ี วกบั การหลอกลวง ดงั นนั้ ตอบขอ 2.)
นาํ สอน สรุป ประเมิน
ขน้ั สอน
อธบิ ายความรู
4. รูปแบบของเน้ือหาเกี่ยวกับการ 7. ครอู ธบิ ายรปู แบบเนอื้ หาทเ่ี กย่ี วกบั การคกุ คาม
คุกคามหรือการข่มขู่ ถือเป็นปัญหาหน่ึง หรือการขมขูที่แฝงอยูในส่ือสังคมออนไลน
ท่ีสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ที่ใช้งาน และการปฏิบัติตนเม่ือพบเนื้อหาเกี่ยวกับการ
คอมพิวเตอร์เป็นอย่างมาก นอกจากจะสร้าง คุกคามหรือการขมขู
ความเดือดร้อนและความร�าคาญแล้ว ก็ยังมี ขยายความเขา ใจ
ผลกระทบถึงสิทธิส่วนบุคคล รวมถึงความ
เป็นอยู่ในชีวิตประจ�าวัน ท้ังจิตใจและอารมณ ์ ครูใหนักเรียนทําใบงาน เร่ือง การปฏิบัติตน
ทรัพย์สิน ตลอดจนร่างกายและชีวิต ซ่ึงอาจ เม่อื พบเนือ้ หาท่ไี มเ หมาะสม
น�าไปสู่ปัญหาอาชญากรรมต่าง ๆ ได้ โดย ขนั้ สรปุ
การคุกคามหรือข่มขู่ส่งมาในรูปแบบท่ีเป็น
ข้อความ ภาพน่งิ ภาพเคล่ือนไหว หรือเสียง ภาพท่ี 4.17 เวบ็ ไซตค์ กุ คามหรือข่มขู่ ตรวจสอบผล
โดยการใชร้ ะบบออนไลน ์ เชน่ อเี มล (E-mail) เวบ็ บอรด์ (Web Board) หอ้ งสนทนา (Chat Room) 1. ครูประเมินผลนักเรียนจากการสังเกตการ
หรือผ่านส่ือสังคมออนไลน์รูปแบบต่าง ๆ ซึ่งรูปแบบในการคุกคามอาจจะเป็นการคุกคามต่อผู้ใช้ ตอบคาํ ถาม การนาํ เสนอหนา ชนั้ เรยี น การทาํ
โดยตรง หรอื การคุกคามโดยการยยุ ง ปลุกปนั ต่อบคุ คลที่สามก็ได้ กจิ กรรมกลมุ และการทาํ ใบงาน
การปฏบิ ตั ิตนเมอ่ื พบเน้ือหาเก่ียวกบั การขม ขู 2. ครตู รวจสอบความถกู ตอ งของการทาํ ใบงาน
3. นกั เรยี นและครรู ว มกนั สรปุ เกย่ี วกบั การปฏบิ ตั ิ
ตนเมอ่ื พบเนอ้ื หาตา งๆ ทไี่ มเ หมาะสมจากการ
ใชง านอนิ เทอรเ นต็
• ไมเ่ ปด อา่ นอเี มลใด ๆ ทไี่ มร่ จู้ กั หรอื ขน้ั ประเมนิ
ระบตุ วั ตนไมไ่ ด ้ ไมว่ า่ จะเปน็ ขอ้ ความ ภาพนง่ิ
ภาพเคลือ่ นไหว หรือเสียงจากคนที่ไมร่ ู้จกั ตรวจสอบผล
• เม่ือมีการพูดคุยกับบุคคลอ่ืนผ่าน
เวบ็ บอรด์ หรอื หอ้ งสนทนา กรณมี กี ารถามถงึ ตารางการวัดและประเมนิ ผล
ข้อมูลส่วนตัว ครอบครัว หรือคนรู้จัก ให้
หยดุ พดู คยุ ทันที วธิ กี าร เคร่อื งมือ เกณฑการประเมนิ
• เมอ่ื มขี อ้ ความใด ๆ ทคี่ ดิ วา่ เปน็ การ ตรวจใบงาน ใบงาน รอยละ 60
คกุ คาม ขม่ ข ู่ ใหร้ บี แจง้ ผใู้ หญ ่ หรอื เจา้ หนา้ ท่ี ผา นเกณฑ
ท่เี กยี่ วขอ้ ง เช่น เจ้าหนา้ ท่ตี า� รวจ เจา้ หน้าท่ี
ฝายปกครอง เปน็ ต้น ประเมิน แบบประเมิน ระดบั คุณภาพ 2
การนาํ เสนอ การนําเสนอ ผานเกณฑ
ผลงาน ผลงาน
ภาพที่ 4.18 ปด กน้ั การรบั สือ่ ขอ้ มูลทคี่ ุกคามหรือขม่ ขู่
สงั เกตพฤติกรรม แบบสงั เกต ระดบั คณุ ภาพ 2
97 การทํางาน พฤติกรรม ผานเกณฑ
รายบคุ คล
สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสังเกต ระดบั คุณภาพ 2
การทํางานกลมุ พฤติกรรม ผา นเกณฑ
ขอสอบเนน การคิด แนวทางการวัดและประเมินผล
การรังแกในพื้นที่ไซเบอรของวัยรุนหญิงไทยพบวา วัยรุน ครูสามารถสังเกตการนําเสนอผลงาน พฤติกรรมการทํางานรายบุคคล
หญิงไทยเคยถูกรังแกในพื้นท่ีไซเบอรรอยละ 45.4 ซึ่งแบงเปน และการทํางานกลุมของนักเรียน โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผลจาก
การรงั แกในลกั ษณะการโจมตขี ม ขอู อนไลนร อ ยละ 41.4 ถกู คกุ คาม แบบประเมินการนําเสนอผลงาน แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานรายบุคคล
ทางเพศออนไลนรอยละ 5.3 และถูกบันทึกและเผยแพรขอมูล และแบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทาํ งานกลมุ ทแี่ นบมาทา ยแผนการจดั การเรยี นรทู ่ี 4
ออนไลนในลักษณะใหรายรอยละ 16.3 จากขอความขางตน หนว ยการเรยี นรทู ี่ 4
นักเรียนคิดวามีความเกี่ยวของกับรูปแบบเนื้อหาท่ีไมเหมาะสม
รูปแบบใด และนักเรียนจะมีวิธีการปฏิบัติตนอยางไรเม่ือพบเจอ แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม
สถานการณนัน้
คาช้ีแจง:ใหผ้ สู้ อนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในชอ่ งท่ี คาช้แี จง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องที่ คาช้ีแจง : ให้ผสู้ อนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ลงในช่องที่
(วิเคราะหคําตอบ จากตัวอยางในโจทยการถูกรังแกในพ้ืนท่ี ตรงกบั ระดับคะแนน ตรงกบั ระดับคะแนน ตรงกับระดับคะแนน
ไซเบอรผานการใชเทคโนโลยีเปนลักษณะของเน้ือหาเก่ียวกับการ
คุกคามหรือการขมขู การปฏิบัติตนเม่ือพบเนื้อหาท่ีไมเหมาะสม การแสดง การยอมรับ การทางาน การมี
ดงั กลาว คือ ใหร ีบแจง ผใู หญหรือเจา หนา ท่ที ่เี กย่ี วของ) ความคิดเห็น ฟงั คนอืน่ ตามทีไ่ ด้รับ สว่ นรว่ มใน
ลาดบั ท่ี รายการประเมิน ระดบั คะแนน 1 ลาดบั ท่ี รายการประเมนิ ระดับคะแนน ลาดบั ท่ี ชื่อ–สกลุ มอบหมาย ความมีนา้ ใจ การปรับปรุง รวม
32 32 ของนกั เรยี น 15
1 ผลงานกล่มุ คะแนน
1 ความถูกต้องของเน้อื หา 1 การแสดงความคดิ เหน็
2 ความคิดสร้างสรรค์ 2 การยอมรบั ฟงั ความคิดเหน็ ของผอู้ ืน่ 321321321321321
3 วธิ ีการนาเสนอผลงาน 3 การทางานตามหน้าที่ทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย
4 การนาไปใชป้ ระโยชน์ 4 ความมีนาใจ
5 การตรงต่อเวลา 5 การตรงต่อเวลา
รวม รวม
ลงช่ือ...................................................ผูป้ ระเมิน ลงชือ่ ...................................................ผู้ประเมนิ
............/................./................... ............/.................../................
เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน
ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบรู ณ์ชัดเจน ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ 2 คะแนน ............./.................../...............
ให้ 1 คะแนน ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ เป็นส่วนใหญ่ ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครัง เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน
ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางส่วน ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่าเสมอ
ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมบางครัง ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครั้ง
ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบางครง้ั ให้ 3 คะแนน
เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน
ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ
ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ เกณฑก์ ารตัดสนิ คุณภาพ
14–15 ดีมาก
14–15 ดีมาก ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ
11–13 ดี
11–13 ดี 14–15 ดีมาก
8–10 พอใช้
8–10 พอใช้ 11–13 ดี
ตา่ กวา่ 8 ปรับปรงุ
ต่ากวา่ 8 ปรับปรุง 8–10 พอใช้
ตา่ กว่า 8 ปรบั ปรุง
T111
นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ นาํ เมอื่ ตอ งใชค อมพวิ เตอร 3 ความรับผดิ ชอบตอ การใชงาน
รว มกบั ผอู น่ื จะตอ งทาํ เทคโนโลยสี ารสนเทศ
กระตนุ ความสนใจ อยา งไร เพอื่ รกั ษาความ
เปน สว นตวั และไมส ราง การใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศในปัจจุบันมีทั้ง
ครถู ามคาํ ถามสาํ คญั ประจาํ หวั ขอ กบั นกั เรยี นวา ความเดอื ดรอ นตอ สว นรวม การใชง้ านเพ่ืองานส่วนตวั หรือใชง้ านเพือ่ สว่ นรวม และ
เมื่อตองใชคอมพิวเตอรรวมกับผูอื่น จะตอง
ทาํ อยา งไร เพอ่ื รกั ษาความเปน สว นตวั และไมส รา ง ขณะใช้งานมีทั้งการใช้งานโดยตัวเราคนเดียว หรือการ
ความเดือดรอนตอ สวนรวม ใช้งานรว่ มกบั บคุ คลอน่ื ซึง่ ไมว่ ่าจะเป็นการใช้งานแบบใดหรอื ลกั ษณะใดกต็ ามล้วนแลว้
แต่ต้องมีจริยธรรมและความรับผิดชอบต่อการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศทั้งส้ิน คือ
ขน้ั สอน ความรบั ผิดชอบตอ่ ตนเอง ตอ่ บุคคลอนื่ และตอ่ สังคม
สาํ รวจคน หา ภาพท่ี 4.19 การใช้เทคโนโลยีรว่ มกบั บคุ คลอ่ืน ภาพท่ี 4.20 การใชง้ านเทคโนโลยีส่วนบุคคล
1. นักเรียนแบง กลมุ กลุมละ 3-4 คน เพอ่ื พูดคยุ Com Sci
กันถึงความรับผิดชอบตอตนเองเม่ือมีการใช
เทคโนโลยีสารสนเทศ แตละกลุมสงตัวแทน Focus Log in áÅÐ Password
ออกมานําเสนอเก่ียวกับความรับผิดชอบตอ
ตนเองเม่ือมีการใชเทคโนโลยีสารสนเทศ Log in และ Password เปน็ สง่ิ ส�าคญั ในการระบตุ วั ตนเพื่อใช้งานในสว่ นที่ตอ้ งการปกปด
พรอ มอภิปรายรว มกันในหอ งเรียน ขอ้ มลู สว่ นตวั หรอื ทา� ธรุ กรรมทางการเงนิ ทางอนิ เทอรเ์ นต็ ดงั นน้ั รหสั ทใ่ี ชใ้ นสว่ น Log in
และ Password ตอ้ งเปน็ ความลับอย่างยง่ิ ซง่ึ ยากตอ่ การจดจา�
2. นกั เรียนศึกษาความรูเสริม (Com Sci Focus) หรือคาดเดาได้และควรจดจ�าได้แค่เพียงเจ้าตัวคนเดียว
จากเน้ือหาเพื่อขยายความรูของผูเรียน เร่ือง เทา่ นน้ั โดยไมท่ า� การบนั ทกึ หรอื เขยี นทง้ิ ไว ้ และหมน่ั เปลยี่ น
Log in และ Password รหสั อยเู่ สมอ และสง่ิ ทส่ี า� คญั ทส่ี ดุ ทเ่ี ปน็ ความลบั มาก เชน่ การ
ทา� ธรุ กรรมทางการเงนิ ไมค่ วรใชอ้ ุปกรณ์ท่ีเปน็ สาธารณะ
3. นักเรียนศึกษาความรับผิดชอบตอตนเองเมื่อ
ใชเ ทคโนโลยสี ารสนเทศ จากหนังสอื เรียน 98
แนวตอบ คําถามสาํ คญั ประจาํ หวั ขอ
นกั เรยี นตอบตามความคดิ เหน็ ของตนเอง โดย
คําตอบขึ้นอยูกับดุลยพินิจของครูผูสอน เชน ตอง
มีจริยธรรมและความรับผิดชอบตอการใชงาน
เทคโนโลยีสารสนเทศ ตอตนเอง บุคคลอ่ืน และ
สงั คม
เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคดิ
ครูอาจจะลองสํารวจขอมูลจากนักเรียน และใหนักเรียนออกมาเลา ขอ ใดเปนขอควรปฏบิ ตั ิเม่ือตองใชเคร่ืองคอมพิวเตอรของผอู นื่
ประสบการณก ารถกู ละเมดิ ขอมลู สว นบคุ คล เชน การถูกเปลีย่ นรหัสอเี มล ให 1. ตดิ ตัง้ โปรแกรมใหมๆ ใหเพ่อื น
เพื่อนรว มชัน้ ฟง 2-3 คน แลว ใหพ ูดถึงแนวทางการปองกนั การถกู ละเมดิ และ 2. เขาไปลบไฟลข ยะในอีเมลใหเพอ่ื น
การไมไ ปทาํ การละเมดิ ขอมลู สวนบคุ คลของผอู ่นื ดวย 3. เปลี่ยนรหัสผานเขาเคร่ืองคอมพวิ เตอรใ หจ ดจาํ ไดงา ย
4. หากจําเปนตองเขาสูระบบอีเมล ตองไมใหเครื่องคอม
พวิ เตอรจ ดจาํ รหัสผา นของเรา
(วิเคราะหคําตอบ จากตัวเลือกท่ีกําหนดให วิเคราะหไดวา ใน
การใชงานเคร่ืองคอมพิวเตอรของผูอื่นไมควรเขาไปยุงกับแฟม
ขอมูลของเจาของเครื่องคอมพิวเตอรหรือทําอะไรโดยที่ไมไดรับ
อนญุ าตจากเจา ของเครื่องคอมพวิ เตอร และหากจําเปนตอ งเขา สู
ระบบอีเมล ไมควรใหเคร่ืองคอมพิวเตอรจดจํารหัสผานของเรา
ดังนัน้ ตอบขอ 4.)
T112
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
1. ความรับผิดชอบต่อตนเองเม่ือใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นส่ิงที่พึงควรกระท�า เพื่อ ขนั้ สอน
ปองกันไม่ให้เกิดความขัดแย้งหรือส่งผลกระทบที่ท�าให้ผู้อื่นเดือดร้อน และตระหนักถึงความ
รบั ผดิ ชอบในสงิ่ ท่ีตนเองได้กระทา� ไประหว่างการใช้งานเทคโนโลยสี ารสนเทศดว้ ย สาํ รวจคน หา
ภาพท่ี 4.21 การใชร้ หสั ผา่ นเขา้ ระบบตนเองเพยี งคนเดยี ว 4. นักเรยี นแบงกลมุ กลมุ ละ 3-4 คน (กลมุ เดิม)
เพ่ือพูดคุยกันถึงความรับผิดชอบตอบุคคลอื่น
ตวั อยา่ งความรบั ผิดชอบตอ่ ตนเองทเ่ี ราสามารถท�าได้ เชน่ และตอ สงั คมเมอื่ มกี ารใชเ ทคโนโลยสี ารสนเทศ
• ใช้งานบัญชีผู้ใชเ้ ฉพาะของตนเองเท่านนั้ การมบี ัญชีในการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ โดยนกั เรยี นศกึ ษาเนอื้ หาจากหนงั สอื เรยี นหรอื
เป็นการระบตุ ัวตนของตนเองในการตดิ ต่อสอื่ สาร ดงั นัน้ เราจา� เป็นต้องมคี วามรบั ผดิ ชอบทีจ่ ะไม่ สบื คนเพม่ิ เตมิ จากอนิ เทอรเ นต็
พยายามเขา้ ไปใช้งานบญั ชขี องบุคคลอื่นทไ่ี ม่ใช่บญั ชขี องตนเอง
• ไมต่ ดิ ตงั้ หรอื ใชซ้ อฟตแ์ วรท์ ผ่ี ดิ กฎหมาย เมอื่ ตอ้ งการใชง้ านคอมพวิ เตอรแ์ ลว้ จา� เปน็ 5. นักเรียนแตละกลุมออกมานําเสนอเก่ียวกับ
ต้องใช้ซอฟต์แวร์เฉพาะทางในคอมพิวเตอร์ ไม่ควรน�าซอฟต์แวร์ท่ีผิดกฎหมายมาติดต้ังลงบน ความรับผิดชอบตอบุคคลอ่ืนและตอสังคม
คอมพวิ เตอร์ซึ่งจะทา� ให้เสย่ี งตอ่ การติดไวรัสหรือตดิ สแปมได้ พรอ มอภิปรายรว มกันในชั้นเรยี น
• ไมแ่ จกจา่ ยขอ้ มลู สว่ นตวั ในรปู แบบใด ๆ ใหบ้ คุ คลอน่ื ทไี่ มต่ อ้ งการ การสง่ ขอ้ มลู ไปยงั
บุคคลอื่นที่ไม่รู้จัก และผู้รับไม่ได้ต้องการข้อมูลน้ัน เป็นการสร้างความร�าคาญแก่ผู้อ่ืนและยัง อธบิ ายความรู
เปน็ การคกุ คามสทิ ธิส่วนบุคคลด้วย
• ไม่แสดง หรือไม่เข้าเว็บไซต์ท่ีมีเน้ือหาท่ีไม่เหมาะสม ควรต้ังค่าเพื่อบล็อกเว็บไซต์ 1. ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับความรับผิดชอบ
ดงั กล่าวเอาไว้ ตอการใชงานเทคโนโลยีสารสนเทศวา ผูใช
• หมั่นตรวจสอบ ดูแลระบบคอมพิวเตอร์ทั้งในส่วนของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ คอมพิวเตอรควรมีจรรยาบรรณในการใชงาน
เปน็ ส่ิงทเี่ จา้ ของควรกระทา� เพ่ือจะได้ทราบถงึ สง่ิ ผิดปกตจิ ะไดร้ บี แกไ้ ขเบื้องต้นไว้ก่อน ดงั น้ี ตอ งไมใ ชค อมพวิ เตอรท าํ รายหรอื ละเมดิ
ผอู นื่ ตอ งไมร บกวนการทาํ งานของผอู น่ื ตอ งไม
99 สอดแนมหรอื เปด ดแู ฟม ขอ มลู ของผอู น่ื ตอ งไม
ใชค อมพวิ เตอรเ พอื่ การโจรกรรมขอ มลู ขา วสาร
ตอ งไมใ ชค อมพวิ เตอรส รา งหลกั ฐานทเ่ี ปน เทจ็
ตองไมค ัดลอกโปรแกรมผอู ืน่ ท่มี ลี ขิ สทิ ธิ์
ขอ สอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู
ขอใดจดั วาเปน ผมู ีความรบั ผดิ ชอบตอ ตนเองในการใช ครูอาจจะสอนแนวทางและขั้นตอนการแกปญหากรณีการถูกแอบอาง
เทคโนโลยี นํารปู หรือขอ มูลสวนตวั ไปใชใ หก ับนกั เรยี น เชน การรีพอรตเฟซบกุ การสรา ง
แฟนเพจปลอม วิธีการปองกันไมใหคนอ่ืนมาทําการคัดลอกรูปภาพในโซเชียล
1. โจทดลองใชบ ริการเว็บไซตพ นันบอลออนไลน ของเราไปใช เชน การตง้ั คา ความเปน สว นตวั ในโซเชยี ล การทาํ ลายนา้ํ บนรปู ภาพ
2. จาสรา งบญั ชีไมร ะบุตัวตนเอาไวค ยุ กับคนทไี่ มร ูจกั
3. เจมสต ดิ ตง้ั โปรแกรมปอ งกนั เวบ็ ไซตท ม่ี เี นอื้ หาไมเ หมาะสม
4. จอมติดตั้งซอฟตแ วรเถอ่ื นลงในเครอ่ื งคอมพวิ เตอรข อง
ตนเอง
(วเิ คราะหคําตอบ จากตัวเลือกท่ีกําหนดให วิเคราะหไดวา
การตดิ ตงั้ โปรแกรมปอ งกนั เวบ็ ไซตท มี่ เี นอื้ หาไมเ หมาะสม จดั เปน
ความรับผดิ ชอบตอตนเองในการใชเ ทคโนโลยี ดังน้ัน ตอบขอ 3.)
T113
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน 2. ความรบั ผดิ ชอบตอ่ บคุ คลอน่ื เมอื่ ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ เปน็ สง่ิ ทคี่ วรกระทา� ในการใช้
ชีวติ รว่ มกับบุคคลอน่ื เช่น ผ้รู ่วมงาน ครอบครัว เพือ่ น เปน็ ต้น เป็นการให้ความเคารพต่อสทิ ธิ
อธบิ ายความรู ของแต่ละคน ซึง่ ส่งิ ท่ไี มค่ วรกระทา� คือ การกระทา� ทีเ่ ป็นการคุกคาม สรา้ งความร�าคาญแกผ่ ู้อืน่
อนั เปรียบได้กบั มารยาททางสังคมท่ีบุคคลพงึ กระทา�
2. ครอู ธบิ ายตวั อยา งความรบั ผดิ ชอบตอ บคุ คลอน่ื
เมื่อใชเทคโนโลยีท่ีนักเรียนสามารถทําได
เชน ไมใชงานบัญชีของเพื่อนที่ลืมออกจาก
ระบบ ไมลบไฟลงานของเพ่ือนท่ีอยูบนเคร่ือง
คอมพิวเตอรข องโรงเรียน
ขยายความเขา ใจ
1. นักเรียนทําใบงาน เร่ือง ความรับผิดชอบตอ
การใชงานเทคโนโลยีสารสนเทศ
2. ครสู ุมนกั เรียน 2-3 คน ออกมานาํ เสนอหนา
ชน้ั เรยี น พรอ มกบั อภปิ รายรว มกนั ในหอ งเรยี น
3. ครเู ปด โอกาสใหน กั เรยี นซกั ถามขอ สงสยั และ
ครใู หค วามรเู พมิ่ เตมิ ในสว นนนั้
ภาพท่ี 4.22 การไม่แอบดูหรอื ใชง้ านรหัสผา่ นของผอู้ นื่
ตวั อยา่ งความรับผิดชอบตอ่ บคุ คลอื่นท่ีเราสามารถทา� ได ้ เชน่
• ไมพ่ ยายามทจ่ี ะใชง้ านบัญชีผู้ใช้ของบคุ คลอืน่ เมื่อพบเจอวา่ มีคนลืมออกจากระบบ
คอมพวิ เตอรท์ ก่ี า� ลงั ใชง้ าน ควรแจง้ ใหเ้ จา้ ของบญั ชไี ดท้ ราบเพอื่ ใหเ้ จา้ ของบญั ชไี ดท้ า� การออกจาก
ระบบการใช้งานกอ่ น
• ไมค่ ดั ลอก หรอื นา� เสนอผลงานของผอู้ น่ื ทไี่ มใ่ ชข่ องตนเอง สง่ิ ทเ่ี รานา� ลงไปในเวบ็ ไซต์
เป็นสิ่งท่ีต้องมาจากการคิดเองหรือท�าข้ึนมาเอง ไม่ควรคัดลอกผลงานผู้อ่ืนแล้วแอบอ้างเป็นของ
ตนเอง
• ไมเ่ ปลย่ี นแปลง ยา้ ย หรอื ลบไฟลข์ องผอู้ นื่ เมอื่ ใชค้ อมพวิ เตอรร์ ว่ มกนั ยอ่ มตอ้ งมงี าน
หลาย ๆ คนรวมอย่ใู นคอมพวิ เตอรเ์ คร่ืองเดียว ซึ่งไม่ควรที่จะเปด เข้าไปในพนื้ ที่ของคนอ่นื
• ไม่ข่มขู่ คุกคาม หลอกลวงผู้อ่ืนด้วยข้อมูลใด ๆ โดยเฉพาะอย่างย่ิงผ่านส่ือสังคม
ออนไลน ์ ไมแ่ สดงสงิ่ ที่ทา� ใหผ้ ูอ้ ื่นเดอื ดรอ้ นหรือกระทา� ดว้ ยความคกึ คะนอง
• ไม่ส่งอีเมลท่ีไม่เหมาะสม ไม่ส่งสิ่งที่อาจเกิดอันตรายต่อคอมพิวเตอร์ หรือสแปม
ใหก้ ับบคุ คลอืน่ ควรมกี ารพูดคยุ ตกลงกนั ก่อนในการสง่ ข้อมลู ไปสู่ผูร้ บั
100
เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคดิ
ครอู าจจะหาตวั อยา งขา วเกยี่ วกบั ผกู ระทาํ ความผดิ คดเี กยี่ วกบั การปลอมแปลง ขอ ใดจดั วา เปน ผมู คี วามรบั ผดิ ชอบตอ บคุ คลอนื่ ในการใชเ ทคโนโลยี
ขอมูลบนโซเชียลมาใหนักเรียนไดศึกษาจากขาวจริง และใหมีการแสดงความ 1. บอลสง สแปมเมลใหเ พอื่ น
คิดเห็น สรุปพฤติกรรมท่ีควรและไมควรกระทําในการแสดงความรับผิดชอบ 2. บีมพยายามโจรกรรมรหสั ผานอีเมลของเพ่ือนสนทิ
ตอ บคุ คลอนื่ เมอื่ ใชเ ทคโนโลยสี ารสนเทศ 3. บาสทําการออกจากระบบบญั ชีใหเพอ่ื นทลี่ มื ออกจากระบบ
4. โบคดั ลอกภาพถา ยของเบนซไ ปโพสตแ ละอา งวา เปน ผลงาน
ของตน
(วิเคราะหคาํ ตอบ จากตัวเลอื กท่กี ําหนดให วิเคราะหไ ดวา บาส
ทําการออกจากระบบบัญชีใหเพ่ือนที่ลืมออกจากระบบ โดยที่ไม
แอบดบู ญั ชขี องเพอื่ น และชว ยไมใหเ พ่อื นถูกแอบดบู ัญชี เปน การ
แสดงความรับผิดชอบตอบุคคลอื่นในการใชเทคโนโลยี ดังนั้น
ตอบขอ 3.)
T114
นาํ สอน สรุป ประเมิน
3. ความรบั ผดิ ชอบตอ่ สงั คมเมือ่ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ เปน็ ความรบั ผิดชอบทงั้ ในระดบั ขนั้ สอน
บคุ คลและองค์กร เปน็ ส่ิงทที่ กุ คนพึงมแี ละต้องปฏบิ ัต ิ ไมว่ า่ จะต้องไปปฏบิ ตั ิงาน ประกอบอาชีพ
รวมถงึ การใช้ชีวติ อยรู่ ่วมกบั บคุ คลอ่นื ในสังคม ขยายความเขา ใจ
4. ครูใหนักเรียนศึกษาตัวอยางความรับผิดชอบ
ตอสังคมเมื่อใชเทคโนโลยีเพิ่มเติม โดยให
สแกน QR Code เรื่อง จรรยาบรรณในการ
เขยี นบลอ็ ก จากหนังสือเรยี น โดยใหน ักเรยี น
สรปุ ประเด็นสําคญั ที่ไดด ูคลปิ วิดโี อลงในสมุด
ขนั้ สรปุ
ตรวจสอบผล
1. ครปู ระเมนิ ผลนกั เรยี นจากการสงั เกตการตอบ
คําถาม การนําเสนอหนาช้ันเรียน การทํา
กจิ กรรมกลมุ และการทาํ ใบงาน
2. ครูตรวจสอบความถูกตองของการทําใบงาน
3. นักเรียนและครูรวมกันสรุปเก่ียวกับความ
รบั ผดิ ชอบตอ การใชง านเทคโนโลยสี ารสนเทศ
ภาพท่ี 4.23 มคี วามซ่อื สตั ย์ตอ่ งานท่ไี ดร้ บั มอบหมาย ไมเ่ ปดรบั หรอื สง่ ต่อข้อมูลทีไ่ มไ่ ด้รับอนุญาต ขนั้ ประเมนิ
ตัวอยา่ งความรับผดิ ชอบต่อสังคมทเ่ี ราสามารถท�าได ้ เช่น ตรวจสอบผล
• ไม่พยายามเข้าถึงเครือข่ายใด ๆ ท่ีไม่ได้รับอนุญาต หรือปกปดซ่อนเร้นข้อมูลท่ีจะ
ต้องรายงานต่อผู้บงั คับบัญชา หรือหวั หน้าหน่วยงานทสี่ งั กดั อยู่ ตารางการวัดและประเมนิ ผล
• ปฏบิ ตั ติ ามกฎระเบียบ หรอื ขอ้ บังคบั ขององค์กรในการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศ
เคารพการใช้กฎระเบียบรว่ มกับผู้อน่ื วธิ กี าร เครอ่ื งมอื เกณฑการประเมิน
• ไม่เปด อเี มล ไฟล ์ หรือโปรแกรมท่ไี ดร้ บั มาจากแหลง่ ทีไ่ มร่ จู้ กั เพราะอาจมีไวรสั หรอื ตรวจใบงาน ใบงาน รอยละ 60
สแปมที่มผี ลกระทบต่อระบบขององคก์ ร ผา นเกณฑ
• ไมน่ า� ขอ้ มลู สารสนเทศขององคก์ รไปเผยแพร ่ เพราะขอ้ มลู ทกุ อยา่ งถอื เปน็ ขอ้ มลู ของ
องคก์ รท่ไี ม่ใหม้ กี ารนา� ออกไปส่บู ุคคลภายนอก หรือไม่น�าออกจากองคก์ รก่อนได้รบั อนุญาต ประเมิน แบบประเมนิ ระดับคณุ ภาพ 2
• ไมพ่ ยายามเจาะระบบ เขา้ สรู่ ะบบงาน ขโมย คดั ลอก โอนยา้ ย หรอื แกไ้ ข ปลอมแปลง การนําเสนอ การนําเสนอ ผา นเกณฑ
ข้อมูลโดยไมไ่ ด้รับอนุญาต ผลงาน ผลงาน
สังเกตพฤตกิ รรม แบบสังเกต ระดบั คุณภาพ 2
การทาํ งาน พฤติกรรม ผานเกณฑ
รายบุคคล
จรรยาบรรณในการเขยี นบลอ็ ก 101 สังเกตพฤตกิ รรม แบบสังเกต ระดบั คณุ ภาพ 2
การทาํ งานกลุม พฤติกรรม ผา นเกณฑ
กิจกรรม สรางเสริม แนวทางการวัดและประเมินผล
ครแู บง กลมุ นกั เรยี นเปน เลขคจู าํ นวน 4 หรอื 6 กลมุ ตามความ ครูสามารถสังเกตการนําเสนอผลงาน พฤติกรรมการทํางานรายบุคคล
เหมาะสม ใหเวลา 5 นาที โดยใหก ลุมเลขคี่ชวยกันคดิ พฤตกิ รรม และการทํางานกลุมของนักเรียน โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผลจาก
ที่ควรปฏิบัติในการใชงานเคร่ืองคอมพิวเตอรของโรงเรียน สวน แบบประเมินการนําเสนอผลงาน แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานรายบุคคล
กลมุ เลขคชู ว ยกนั คดิ พฤตกิ รรมทไ่ี มค วรปฏบิ ตั ใิ นการใชง านเครอื่ ง และแบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทาํ งานกลมุ ทแ่ี นบมาทา ยแผนการจดั การเรยี นรทู ่ี 4
คอมพวิ เตอรข องโรงเรยี น แลว ออกมานาํ เสนอ โดยคณุ ครเู ปน ผชู ว ย หนว ยการเรยี นรทู ่ี 4
สรุปขอ มูลบนกระดาน
แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่
คาช้ีแจง:ให้ผู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ลงในช่องท่ี คาช้แี จง : ให้ผสู้ อนสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ลงในช่องท่ี คาชแ้ี จง : ใหผ้ ู้สอนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ลงในช่องท่ี
ตรงกบั ระดับคะแนน ตรงกับระดับคะแนน ตรงกับระดับคะแนน
การแสดง การยอมรับ การทางาน การมี
ความคิดเห็น ฟังคนอื่น ตามที่ไดร้ ับ สว่ นรว่ มใน
ลาดับท่ี รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 1 ลาดบั ท่ี รายการประเมิน ระดบั คะแนน ลาดับที่ ชื่อ–สกลุ มอบหมาย ความมีนา้ ใจ การปรบั ปรุง รวม
32 32 ของนกั เรยี น 15
1 ผลงานกล่มุ คะแนน
1 ความถูกต้องของเน้ือหา 1 การแสดงความคดิ เหน็
2 ความคิดสรา้ งสรรค์ 2 การยอมรบั ฟังความคดิ เห็นของผูอ้ ื่น 321321321321321
3 วธิ ีการนาเสนอผลงาน 3 การทางานตามหนา้ ที่ท่ไี ด้รับมอบหมาย
4 การนาไปใชป้ ระโยชน์ 4 ความมนี าใจ
5 การตรงต่อเวลา 5 การตรงต่อเวลา
รวม รวม
ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมนิ ลงชื่อ...................................................ผปู้ ระเมนิ
............/................./................... ............/.................../................
เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ลงช่อื ...................................................ผู้ประเมนิ
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ สมบูรณช์ ัดเจน ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่าเสมอ ให้ 2 คะแนน ............./.................../...............
ให้ 1 คะแนน ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมินเปน็ สว่ นใหญ่ ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครัง เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน
ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ บางสว่ น ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่าเสมอ
ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครงั ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครั้ง
ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมบางครง้ั ให้ 3 คะแนน
เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ เกณฑ์การตดั สนิ คุณภาพ ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน
ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ
ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ
14–15 ดีมาก
14–15 ดมี าก ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ
11–13 ดี
11–13 ดี 14–15 ดมี าก
8–10 พอใช้
8–10 พอใช้ 11–13 ดี
ต่ากว่า 8 ปรบั ปรงุ
ต่ากวา่ 8 ปรบั ปรงุ 8–10 พอใช้
ต่ากวา่ 8 ปรับปรุง
T115
นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั นาํ นกั เรยี นอยากสรา งสงิ่ ใด 4 ทรัพยส นิ ทางปญญา
ทจ่ี ะเปน ลขิ สทิ ธข์ิ องตนเอง ทรพั ยส นิ ทางปญ ญา คอื ผลงานอนั เกดิ จากความคดิ
กระตนุ ความสนใจ บา ง เพราะเหตใุ ดจงึ ตอ ง สรา้ งสรรคข์ องมนษุ ย ์ เปน็ ทรพั ยส์ นิ อกี ชนดิ หนงึ่ นอกเหนอื
มลี ขิ สทิ ธเิ์ ปน ของตนเอง จากสังหาริมทรัพย์ คือ ทรพั ย์สินทส่ี ามารถเคล่ือนย้ายได้
1. ครถู ามคาํ ถามสาํ คญั ประจาํ หวั ขอ วา นกั เรยี น
อยากสรางสิ่งใดที่จะเปนลิขสิทธิ์ของตนเอง เช่น นาฬก า รถยนต์ เป็นต้น และอสงั หาริมทรพั ย ์ คอื
บา งหรอื ไม และเพราะเหตใุ ดจงึ ตอ งมลี ขิ สทิ ธิ์ ทรัพยส์ ินทีไ่ ม่สามารถเคล่ือนยา้ ยได้ เช่น บา้ น ทด่ี ิน
เปน ของตนเอง
4.1 ประเภทของทรพั ยสนิ ทางปญ ญา
2. ครอู ธบิ ายเพอ่ื เชอ่ื มโยงเขา สบู ทเรยี นวา ทรพั ยส นิ
ทางปญญา คือ ผลงานอันเกิดจากความคิด 1. ลขิ สทิ ธิ ์ คือ สิทธิแตผ่ ูเ้ ดียวที่กฎหมายรับรองใหผ้ ูส้ ร้างสรรค์กระทา� การใด ๆ เกี่ยวกับ
สรา งสรรคข องมนษุ ย เปน ทรพั ยส นิ อกี ชนดิ หนงึ่ งานที่ได้ท�าข้ึน อันได้แก่ สิทธิท่ีจะท�าซ้�า ดัดแปลง หรือน�าออกโฆษณา กฎหมายลิขสิทธิ์ได้ให้
นอกเหนอื จากสงั หารมิ ทรพั ย คอื ทรพั ยส นิ ที่ ความคุ้มครองถึงสิทธิของผู้สร้างสรรค์ผลงานด้านเทคโนโลยี มีอายุการคุ้มครอง 50 ป หลัง
สามารถเคลื่อนยายได เชน นาฬกา รถยนต ผูส้ ร้างสรรคค์ นสุดท้ายเสยี ชวี ิต โดยเป็นการให้ความคุ้มครองอตั โนมัตแิ กท่ ายาทดว้ ย
และอสงั หารมิ ทรพั ย คอื ทรพั ยส นิ ทไี่ มส ามารถ
เคลอื่ นยา ยได เชน บา น ทดี่ นิ 1) ประเภทของงานท่มี ลี ขิ สิทธ ิ์ กฎหมายลิขสิทธใ์ิ ห้ความคุ้มครองแกง่ านสร้างสรรค ์ 9
ประเภทตามท่ีกฎหมายก�าหนด ไดแ้ ก่
ขนั้ สอน • งานวรรณกรรม เช่น หนังสือ จลุ สาร ส่งิ เขียน สิง่ พิมพ์ โปรแกรมคอมพิวเตอร์
• งานนาฏกรรม เชน่ งานท่เี กย่ี วกบั การรา� การเต้น การท�าท่า
สาํ รวจคน หา • งานศลิ ปกรรม เชน่ งานจติ รกรรม งานประตมิ ากรรม ภาพพมิ พ ์ งานสถาปตั ยกรรม
• งานดนตรีกรรม เช่น ค�ารอ้ ง ท�านอง การเรียบเรียงเสยี งประสาน
1. นกั เรยี นแบง กลมุ กลมุ ละ 3-4 คน เพอ่ื อภปิ ราย • งานส่ิงบันทกึ เสยี ง เชน่ เทปเพลง ซดี ี
รว มกนั ถงึ ประเภทของงานตา งๆ ทจี่ าํ เปน ตอ ง • งานโสตทศั นวัสด ุ เช่น วิดโี อ เทป วีซดี ี ดีวดี ี แผ่นเลเซอรด์ สิ กท์ ีบ่ ันทึกขอ้ มูล
มีการจดลิขสิทธิ์ซึ่งกฎหมายลิขสิทธ์ิใหความ • งานภาพยนตร ์ เชน่ ภาพยนตร ์ รวมท้งั เสียงประกอบของภาพยนตร์
คุมครองแกงานสรา งสรรค 9 ประเภท ตามที่ • ง านแพรเ่ สยี งแพรภ่ าพ เชน่
กฎหมายกําหนด
การกระจายเสียงวิทยุ หรือ
แนวตอบ คําถามสําคัญประจาํ หวั ขอ ภาพทางโทรทศั น์
• ง านอ่ืนใดในแผนกวรรณคดี
นักเรียนตอบตามความคิดเห็นของตนเอง แผนกวิทยาศาสตร์ หรือ
โดยคําตอบขึ้นอยูกับดุลยพินิจของครูผูสอน เชน แผนกศลิ ปะ
ไดสทิ ธ์ิความเปน เจา ของผลงานตา งๆ เพ่ือปองกัน
การคดั ลอก ทาํ ซาํ้ หรอื ดดั แปลง ภาพที่ 4.24 งานแกะสลกั ไม ้
102
เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคิด
นอกจากการขอลิขสิทธิ์แลว ครูอาจจะใหความรูเกี่ยวกับข้ันตอนการ โปรแกรมคอมพิวเตอร ถอื เปนงานลขิ สทิ ธิป์ ระเภทใด
ขออนุญาตใชลิขสิทธิ์จากเจาของท่ีถูกตอง หรือการใหเครดิตรูปภาพที่นํามา 1. งานนาฏกรรม
ใชง าน การอา งองิ ขอ มลู ความรจู ากตน ฉบบั และใหน กั เรยี นไดท ดลองทาํ กจิ กรรม 2. งานศิลปกรรม
จําลองเพอ่ื ใหเขาใจข้นั ตอนตา งๆ ไดมากข้นึ ดว ย 3. งานวรรณกรรม
4. งานอืน่ ใดในแผนกวรรณคดี แผนกวิทยาศาสตร หรอื
แผนกศลิ ปะ
(วิเคราะหคําตอบ จากตัวเลือกท่ีกําหนดให วิเคราะหไดวา
โปรแกรมคอมพวิ เตอรเ ปน งานทม่ี ลี ขิ สทิ ธปิ์ ระเภทงานวรรณกรรม
ดงั นนั้ ตอบขอ 3.)
T116
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
2) การไดมาซ่ึงสิทธิ์ สิทธิในลิขสิทธ์ิจะเกิดข้ึนโดยทันทีนับตั้งแตผูสรางไดสรางสรรค ขน้ั สอน
ผลงานเสร็จโดยไมต องจดทะเบียน ดังน้นั เจาของลขิ สทิ ธจิ์ ึงควรปกปอ งคุมครองสิทธขิ องตนเอง
โดยการเกบ็ รวบรวมหลักฐานตา ง ๆ ที่แสดงวา สาํ รวจคน หา
ไดท าํ การสรา งสรรคผ ลงานนนั้ ขนึ้ เพอื่ ประโยชน
ในการพิสูจนสิทธิหรือความเปนเจาของใน 2. นักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนมานําเสนอ
โอกาสตอไป เกี่ยวกับงานประเภทตางๆ ท่ีตองมีการจด
ลิขสิทธิ์ พรอ มอภปิ รายรว มกันภายในชนั้ เรียน
3) เจาของลิขสิทธิ์ คือ ผูที่มีสทิ ธิ
ในการจัดการกับงานลิขสิทธิ์ของตนเอง 3. นักเรียนศึกษาเพ่ิมเติมจากหนังสือเรียน
ไดแก บุคคลดังตอไปนี้ ผูสรางสรรคผลงาน เกยี่ วกบั การไดม าซง่ึ สทิ ธ์ิ เจา ของสทิ ธิ์ เอกสาร
ผสู รา งสรรคใ นฐานะพนกั งานหรอื ลกู จา ง ผวู า จา ง ใชป ระกอบการแจง ขอ มลู ลขิ สทิ ธ์ิ และประโยชน
ของลิขสทิ ธิ์
ในกรณวี าจา งใหบ ุคคลอื่นใหเ ปนคนสรา งสรรค
งาน ผดู ดั แปลง กระทรวง ทบวง กรม หนว ย 4. นักเรียนศึกษาการเชื่อมโยงความรูสูชีวิต
งานของรัฐหรือทอ งถนิ่ และผูร ับโอนลิขสิทธ์ิ ประจาํ วัน (Com Sci in Real Life) เก่ียวกับ
หนวยงานที่ทําหนาท่ีดูแลรับผิดชอบทรัพยสิน
ทางปญ ญา และใหค าํ ปรกึ ษาหรอื คาํ แนะนาํ แก
ผทู ส่ี รา งสรรคผ ลงานจดเปน ลขิ สทิ ธขิ์ องตนเอง
ภาพท่ี 4.25 การสรางสรรคผลงานเพ่อื จดเปนลิขสทิ ธิ์
4) เอกสารทใ่ี ชประกอบการแจงขอมูลลิขสทิ ธิ์ CinoRmeaSlcLiife
• สําเนาบัตรประชาชน พรอมรับรองสําเนา ปจจุบันประเทศไทยมีหนวย o_O
ถกู ตอ ง (กรณีเปนบุคคลธรรมดา) งานทที่ าํ หนา ทด่ี แู ลรบั ผดิ ชอบ
เก่ียวกับทรัพยสินทางปญญา
• สาํ เนาหนงั สอื รบั รองนติ บิ คุ คลที่นายทะเบียน และใหค าํ ปรกึ ษา แนะนาํ แกผ ทู ี่
ออกใหไ มเกนิ 6 เดือนของเจา ของลิขสทิ ธิ์ (กรณีเปนนติ บิ คุ คล) สรา งสรรคผ ลงานจดเปน ลขิ สทิ ธิ์
ของตนเอง คอื กรมทรพั ยส นิ
• หนงั สอื มอบอาํ นาจ พรอ มสาํ เนาบตั รประชาชน ทางปญญา (Department of
ของผูรับมอบอาํ นาจ (รับรองสําเนาถูกตอ ง) Intellectual Property: DIP)
โดยมภี าระกจิ สาํ คญั ไดแ ก การ
• ผลงานหรือภาพถายงานลิขสิทธิ์ จํานวน 1 ใหค วามคมุ ครองทรพั ยส นิ ทาง
ชดุ ของเจา ของสิทธิ (กรณีเปนนติ ิบคุ คล) ปญ ญาและสง เสรมิ การปกปอ ง
สทิ ธใิ นทรพั ยส นิ ทางปญ ญาทงั้
• หนวยงานหรือองคกรของรัฐบาลใชสําเนา ในประเทศและตา งประเทศ
หนงั สอื แตง ตง้ั ผบู รหิ ารหนว ยงานหรอื องคก ร รวมทงั้ สาํ เนาบตั ร
ประชาชนของผูยื่นคาํ ขอ (รบั รองสาํ เนาถูกตอ ง)
103
ขอสอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู
ขอ ใดสาํ คัญทีส่ ดุ ในการปอ งกันการถกู ละเมิดลิขสทิ ธิ์ ครูอาจจะหาตัวอยางผลงานลิขสิทธิ์ของคนไทยที่มีชื่อเสียงมาใหนักเรียน
1. การจดลิขสิทธผ์ิ ลงาน ศึกษาในแตละประเภทของลิขสิทธ์ิ เพ่ือใหนักเรียนไดศึกษาตัวอยางของจริง
2. การใสเ ครดิตในผลงานทกุ ครง้ั ทีเ่ ผยแพร และสามารถระบไุ ดว า ผลงานแตล ะชน้ิ ถอื เปน ลขิ สทิ ธป์ิ ระเภทใด รวมถงึ ใหข อ มลู
3. การมพี ยานยืนยนั ความเปนเจาของลขิ สิทธิ์ ความรเู กย่ี วกบั ตวั อยา งผลประโยชนจ ากการเกบ็ คา ลขิ สทิ ธท์ิ มี่ อี ยใู นปจ จบุ นั เชน
4. การเกบ็ รวบรวมหลักฐานในการพสิ จู นความเปนเจา ของ ขอ มลู ผลประโยชนจ ากการซอ้ื -ขายแฟรนไชสธ รุ กจิ ทม่ี อี ยใู นประเทศไทย เพอื่ ให
ผลงานเอาไว นักเรียนไดเช่ือมโยงความรูจากหนวยการเรียนกับขอมูลจริงในปจจุบัน เพ่ือให
เปนแนวทางในการตัดสนิ ใจประกอบอาชีพในอนาคตไดดวย
(วเิ คราะหค าํ ตอบ จากตวั เลอื กทกี่ าํ หนดให วเิ คราะหไ ดว า ขอ 1.)
ลขิ สทิ ธเ์ิ กดิ ขน้ึ ตงั้ แตผ สู รา งสรา งสรรคผ ลงานแลว ไมว า จะจดทะเบยี น
หรอื ไมก ็ตาม แตก ารเก็บรวบรวมหลักฐานในการพสิ จู นค วามเปน
เจา ของผลงานเอาไวจ ะเปน สงิ่ ยนื ยนั ความเปน เจา ของลขิ สทิ ธไ์ิ ดด ี
ท่ีสุด ดงั นน้ั ตอบขอ 4.)
T117
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน 5) ประโยชนของลิขสิทธ์ิ เจ้าของ ภาพที่ 4.26 ผู้สร้างสรรค์ผลงานจะเป็นผู้ท่ีมีลิขสิทธ์ิใน
ลิขสิทธิ์ย่อมได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย ผลงานนน้ั
อธบิ ายความรู ลิขสิทธ์ิ และมีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวท่ีจะกระท�า
การใด ๆ เก่ียวกับงานท่ีผู้สร้างสรรค์ได้ท�าขึ้น
1. ครูทบทวนเน้ือหาการเรียนเม่ือช่ัวโมงท่ีแลว หรือผลงานตามข้อใดข้อหน่ึงตามที่กล่าวไว้
เก่ยี วกบั ลิขสิทธ์ิ ขา้ งต้น ดงั น้ัน เจ้าของลิขสิทธจ์ิ ะมีสทิ ธใิ นการ
ทา� ซา�้ ดดั แปลง เผยแพรต่ อ่ สาธารณชน และให้
2. นกั เรยี นแบง กลมุ กลมุ ละ 3-4 คน (กลมุ เดมิ ) เชา่ ตน้ ฉบบั หรอื สา� เนางานอนั มลี ขิ สทิ ธข์ิ องตน
เพอื่ อภปิ รายรว มกนั ถงึ ความหมายและประเภท รวมท้ังให้ประโยชน์อันเกิดจากลิขสิทธ์ิแก่ผู้อ่ืน
ของสิทธิบัตร จากหนังสือเรียน ตามหัวขอ หรืออนุญาตให้ผู้อื่นใช้ลิขสิทธิ์ของตนท้ังหมด
ดงั ตอไปน้ี หรอื บางสว่ นกไ็ ด ้ โดยเจา้ ของลขิ สทิ ธยิ์ อ่ มไดร้ บั
1) ความหมายของสิทธบิ ตั ร คา่ ตอบแทนทเ่ี ปน็ ธรรม
2) ประเภทของสิทธบิ ตั ร ไดแ ก สทิ ธบิ ัตรการ
ประดษิ ฐ สทิ ธิบตั รการออกแบบผลติ ภัณฑ 2. สิทธิบัตร คือ หนังสือส�าคัญท่ีรัฐออกให้เพ่ือคุ้มครองการประดิษฐ์ หรือการออกแบบ
และอนสุ ทิ ธิบัตร ผลิตภัณฑ์ทีม่ ลี ักษณะตามที่กฎหมายกา� หนด
3) ความแตกตางระหวางอนุสิทธิบัตรกับสิทธิ
บัตรการประดษิ ฐ 1) ประเภทของสิทธิบัตร
4) ประโยชนข องสทิ ธิบัตร
• สิทธบิ ตั รการประดิษฐ คือ ความคดิ สรา้ งสรรคเ์ กยี่ วกบั องค์ประกอบ โครงสร้าง
3. นักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนออกมานําเสนอ หรอื กลไกของผลิตภณั ฑ์ รวมทั้งกรรมวิธใี นการผลิต และการเก็บรักษา เช่น กลไกของเครือ่ งยนต ์
เกย่ี วกบั ความหมายและประเภทของสทิ ธิบัตร ยารกั ษาโรค มอี ายุคมุ้ ครอง 20 ป
พรอมอภิปรายรวมกันในหอ งเรยี น • สทิ ธบิ ตั รการออกแบบผลติ ภณั ฑ คอื ความคดิ สรา้ งสรรคเ์ กยี่ วกบั รปู รา่ งลกั ษณะ
ภายนอก องค์ประกอบของลวดลายหรือสีของผลิตภัณฑ์ท่ีมองเห็นได้จากภายนอก เช่น การ
ออกแบบแก้วนา�้ มอี ายุค้มุ ครอง 10 ป
• อนสุ ทิ ธบิ ตั ร คอื หนงั สอื สา� คญั ทรี่ ฐั ออกใหเ้ พอื่ คมุ้ ครองการประดษิ ฐท์ มี่ ลี กั ษณะ
เปน็ การประดิษฐ์ข้ึนใหม่ และเป็นการประดิษฐ์ที่สามารถประยุกตใ์ ชใ้ นทางอุตสาหกรรมได้ มีอายุ
คมุ้ ครอง 6 ป เงอ่ื นไขในการขออนสุ ทิ ธบิ ตั รตอ้ งเปน็ การประดษิ ฐข์ น้ึ ใหมท่ แ่ี ตกตา่ งไปจากเดมิ และยงั
ไมเ่ คยมกี ารใช ้ หรอื แพรห่ ลายกอ่ นวนั ยน่ื ขอ หรอื ยงั ไมเ่ คยมกี ารเปด เผยสาระสา� คญั ของการประดษิ ฐ์
นน้ั กอ่ นวนั ย่นื ขอทั้งในประเทศและต่างประเทศ สามารถประยุกต์ใช้ในทางอตุ สาหกรรมได้
2) ความแตกตา่ งระหวา่ งอนสุ ทิ ธบิ ตั รและสทิ ธบิ ตั รการประดษิ ฐ อนสุ ทิ ธบิ ตั รและสทิ ธบิ ตั ร
การประดษิ ฐม์ ขี อบเขตใหค้ วามคมุ้ ครองการประดษิ ฐเ์ ชน่ เดยี วกนั แตอ่ นสุ ทิ ธบิ ตั รเปน็ การคมุ้ ครองการ
ประดษิ ฐท์ ม่ี เี ทคนคิ ทไี่ มส่ งู มากนกั อาจจะเปน็ การปรบั ปรงุ เพยี งเลก็ นอ้ ย สว่ นสทิ ธบิ ตั รการประดษิ ฐ์
จะต้องมกี ารแก้ไขปญั หาทางเทคนคิ ของสงิ่ ทมี่ มี ากอ่ นหรอื ท่ีเรียกว่ามีข้ันการประดิษฐ์ที่สูงขน้ึ
104
เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคดิ
ครูอาจจะหาตัวอยางส่ิงประดิษฐท่ีไดรับการจดสิทธิบัตรแตละประเภท ในการยืน่ ขออนสุ ิทธบิ ัตร ขอ ใดตอไปนีไ้ มค วรทํา
มาเปรยี บเทยี บใหน กั เรยี นไดเ ขา ใจความแตกตา งของเงอื่ นไขในการจดทะเบยี น 1. นาํ ส่ิงประดิษฐไปเผยแพรก อนยน่ื ขออนุสิทธบิ ตั ร
ในแตละประเภทไดมากข้ึน และควรใหความรูเพิ่มเติมถึงหลักเกณฑในการ 2. ทดสอบคณุ ภาพสง่ิ ประดิษฐใ หผา นเกณฑม าตรฐาน
ขอรบั สทิ ธบิ ตั รการประดษิ ฐเ พม่ิ เตมิ ไดแ ก ทกี่ ําหนดไว
3. ตรวจสอบคณุ สมบตั ขิ องส่ิงประดิษฐใ หต รงกับเงือ่ นไข
1. เปน สง่ิ ประดษิ ฐใ หม ในการขออนสุ ิทธิบัตร
2. มขี นั้ การประดษิ ฐท สี่ งู ขน้ึ 4. ตรวจสอบขอ มลู วา มสี งิ่ ประดษิ ฐทีม่ ีความคลา ยหรอื
3. สามารถใชใ นอตุ สาหกรรมได ใกลเคียงส่ิงประดิษฐของเราทีจ่ ดอนสุ ิทธบิ ตั รกอ นแลว
ใหน กั เรยี นเขา ใจดว ย หรอื ไม
(วเิ คราะหค าํ ตอบ จากตวั เลอื กทกี่ าํ หนดให วเิ คราะหไ ดว า ในการ
T118
ยื่นขออนุสิทธิบัตรไมควรนําสิ่งประดิษฐไปเผยแพรกอนทําการ
ย่ืนขออนสุ ทิ ธิบัตร ดงั นั้น ตอบขอ 1.)
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
3) ประโยชนข องสทิ ธบิ ตั ร นอกจากประโยชนเ์ ชงิ วชิ าการทเ่ี ราจะไดเ้ รยี นรคู้ วามเปน็ มา ขนั้ สอน
หรอื พฒั นาการของความคดิ และการประดษิ ฐน์ นั้ ๆ ทา� ใหเ้ ราเหน็ ขอ้ บกพรอ่ ง หรอื สว่ นทคี่ วรปรบั ปรงุ
พัฒนาต่อให้เกิดความคิดใหม่ ๆ ตามมาในทางธุรกิจ ข้อมูลจากเอกสารสิทธิบัตรยังท�าให้เห็น อธบิ ายความรู
แนวโนม้ ของเทคโนโลยที ีก่ า� ลงั เกดิ ข้ึน ตลอดจนสามารถประเมนิ ความกา้ วหนา้ ของเทคโนโลยไี ด้
4. ครูอธิบายเพิ่มเติมเกีย่ วกับความจาํ เปนในการ
4.2 ขอดี ขอ เสียของทรัพยสินทางปญญา จดลิขสิทธ์แิ ละสทิ ธบิ ตั รวา หากเราเปนผผู ลติ
อะไรก็ตามไมวาจะเปนส่ิงของเคร่ืองใช หรือ
ข้อดี ขอ้ เสยี แมแตความคิดที่เราคิดวาเราสามารถขาย
เพ่ือสรางรายได หรือเพ่ือใหเกิดประโยชนตอ
1. ช ่วยให้ผทู้ ่คี ิดค้นเกดิ ความเป็นธรรม เพราะหาก 1. การตง้ั ราคาอาจไมเ่ ปน็ ธรรมตอ่ ผบู้ รโิ ภค สง่ ผลต่อ ตัวเราและคนอ่นื ๆ ได หากเราไมไ ดไปทําการ
ผู้ประกอบการรายใดตอ้ งการน�าไปใช้ ควรมกี าร การซอ้ื แบบถกู ลขิ สิทธ์ิตอ้ งเสยี เงินแพง จดสิทธิบัตรหรืออนุสิทธิบัตร และมีคนมา
ขออนุญาตและจ่ายค่าตอบแทนให้แกผ่ ู้คดิ ค้น ลอกเลียนแบบการออกแบบของเรา หรือ
ความคิดของเรา แลวนําไปจดสิทธิบัตรหรือ
2. ช ่วยคุ้มครองเจ้าของผลงานท่ีเป็นผู้คิดและ 2. ฐ านะและก�าลังซ้ือของผู้บริโภคในแต่ละประเทศ อนสุ ทิ ธบิ ตั รกอ นเรา จะสง ผลใหเ ราไมส ามารถ
กลั่นกรองออกมาจนเป็นผลงานท่ีหลายคน แตกตา่ งกนั อาจจะแพงตอ่ ผบู้ รโิ ภคในประเทศทย่ี ากจน ผลิต หรือจําหนายสินคาหรือความคิดน้ันๆ
ต้องการ ทไี่ มม่ รี ายไดม้ ากพอจะซอื้ ทรพั ยส์ นิ ทางปญั ญาจากตา่ ง ไดอกี
ประเทศมาใชไ้ ด ้ และในบางกรณอี าจมผี ลกระทบตอ่ ชวี ติ
เชน่ ยาตา้ นมะเรง็ ขยายความเขา ใจ
Com Sci 1. ครูเปด โอกาสใหน กั เรียนซักถามขอสงสยั และ
ครใู หค วามรเู พมิ่ เตมิ ในสว นนนั้ หรอื ใหน กั เรยี น
activity ศึกษาความรเู พมิ่ เตมิ จากอินเทอรเนต็
การจดั การขอ มลู สารสนเทศ 2. ครใู หน กั เรยี นทาํ กจิ กรรมทสี่ อดคลอ งกบั เนอื้ หา
โดยการตอบคําถามเพื่อพัฒนาความรูและ
1. จงบอกข้อมูลสว่ นตวั ท่ีไม่ควรเปด เผยเปน็ สาธารณะมา 5 ข้อมลู พรอ้ มเหตผุ ลประกอบของแตล่ ะข้อมลู ว่า ทกั ษะการเรยี นรู (Com Sci Activity) เกยี่ วกบั
เพราะอะไร การจดั การขอมูลสารสนเทศลงในสมดุ
2. น ักเรียนคิดวา่ เมื่อพบเนอ้ื หาทไี่ มเ่ หมาะสม ไมว่ า่ จะเปน็ เน้อื หาประเภทใดก็ตาม นกั เรยี นควรจะแจ้งใคร 3. นักเรียนทาํ ใบงาน เร่ือง ประเภทของลขิ สิทธ์ิ
ให้ทราบเป็นอนั ดบั แรก เพราะอะไร
3. บัญชผี ใู้ ช้งานที่เข้าระบบต่าง ๆ นักเรียนคดิ วา่ มคี วามสา� คญั มากนอ้ ยเพยี งใด เพราะเหตใุ ด
4. จงบอกถงึ ความรับผิดชอบต่อการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศในโรงเรียน อยา่ งน้อย 5 ขอ้
5. เมอ่ื พบเห็นการละเมดิ ลิขสิทธ์ ิ นักเรียนจะมวี ธิ ีการอยา่ งไร จงยกตัวอย่าง พรอ้ มคา� อธบิ าย
ทกั ษะการเรยี นรใู้ นศตวรรษท่ี 21 2. ทักษะการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสาร
1. การคิดอย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปญั หา
3. ความมวี นิ ัย คุณธรรม จรยิ ธรรม
105
ขอสอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู
การคิดคนทํานองเพลงสําหรับเลนดนตรีในนํ้ากับการคิดคน ครูอาจจะหาขอมูลคดีความฟองรองกรณีละเมิดลิขสิทธิ์ที่เจาของลิขสิทธิ์
เครอ่ื งดนตรสี าํ หรบั เลน ในนา้ํ จดั เปน ทรพั ยส นิ ทางปญ ญาประเภท ชนะคดมี าใหน กั เรยี นไดศ กึ ษาถงึ ประโยชนจ ากการไดร บั ความคมุ ครองในฐานะ
ใด เจาของผลงานจากเหตุการณจริงประมาณ 2-3 คดี และใหนักเรียนรวมกัน
อภิปรายถึงประโยชนท่ีไดร ับจากการเปนเจาของลิขสทิ ธ์ดิ วย
1. จดั เปนลิขสิทธิท์ ัง้ คู
2. จัดเปน สทิ ธิบตั รทัง้ คู T119
3. ทํานองเพลงสําหรับเลนดนตรีในน้ําจัดเปนลิขสิทธ์ิ
เครอ่ื งดนตรสี ําหรับเลนในนาํ้ จดั เปน สิทธิบัตร
4. ทาํ นองเพลงสําหรบั เลนดนตรีในนํ้าจัดเปน สทิ ธิบตั ร
เคร่อื งดนตรีสําหรบั เลนในนํา้ จดั เปนลิขสทิ ธิ์
(วเิ คราะหค าํ ตอบ จากตวั เลอื กทกี่ าํ หนดให วเิ คราะหไ ดว า ทาํ นอง
เพลงสาํ หรบั เลน ดนตรใี นนา้ํ จดั เปน ลขิ สทิ ธป์ิ ระเภทงานดนตรกี รรม
สวนเครื่องดนตรีสําหรับเลนในน้ําเปนสิ่งประดิษฐท่ีสรางข้ึนมา
ใหมจัดเปนทรัพยสินทางปญญาท่ีสามารถจดสิทธิบัตรได ดังน้ัน
ตอบขอ 3.)
นาํ สอน สรปุ ประเมิน
ขน้ั สรปุ Summary
ตรวจสอบผล การใชเ ทคโนโลยีสารสนเทศ
อยา งปลอดภัย
1. ครูประเมินผลนักเรียนจากการสังเกตการ
ตอบคาํ ถาม การนาํ เสนอหนา ชั้นเรียน การทาํ การใชเ ทคโนโลยสี ารสนเทศ
กิจกรรมกลุม และการทําใบงาน การใชเทคโนโลยีสารสนเทศมีทั้งคุณประโยชนในการดํารงชีวิตของมนุษยใหมีความ
2. นักเรียนตรวจสอบความรู ความเขาใจดวย สะดวกสบายขึ้น ซึ่งมาพรอมกับโทษพวกมีการใชโดยไมคํานึงถึงผลเสียจากการใชเปนเวลานาน
ตนเอง จากหนงั สอื เรียน และละเลยถงึ ความพอดีในการนาํ เทคโนโลยีสารสนเทศเขามาเปน สว นหนึ่งของชวี ติ
การปฏบิ ตั ติ นเมอ่ื พบเนอ้ื หาที่ ไมเ หมาะสม
3. นักเรียนทําแบบฝกหัดประจําหนวยการเรียนรู
ที่ 4 โดยใหบ นั ทึกลงในสมุด และทําช้นิ งาน/ การใชเ ทคโนโลยใี นบางครง้ั อาจพบเจอกบั เนอื้ หาทไี่ มเ หมาะสม ซงึ่ เราควรมที กั ษะพจิ ารณา
ภาระงาน (รวบยอด) เร่อื ง การใชเทคโนโลยี ถงึ ขอ มลู ท่ีไมเ หมาะสม รวมถงึ รูจักวิธีแกปญ หา พรอมรบั มอื หรือหลกี เล่ยี งเน้อื หาท่ีไมเหมาะสม
สารสนเทศอยา งปลอดภยั เพอ่ื ตรวจสอบความ ดังกลาว อันเปน วิธีปองกันตนเอง
เขา ใจ และนาํ มาสง ในชว่ั โมงถัดไป ความรบั ผดิ ชอบตอ การใชง านเทคโนโลยสี ารสนเทศ
4. นักเรียนทําแบบทดสอบหลังเรียนหนวยการ การใชเทคโนโลยีสารสนเทศนั้นตองมีความรับผิดชอบตอตนเอง บุคคลอ่ืน และสังคมได
เรยี นรทู ี่ 4 เรอื่ ง การใชเ ทคโนโลยีสารสนเทศ อยา งถูกตอง และตอ งรจู กั กฎระเบยี บในการใชงานเทคโนโลยีสารสนเทศของแตละองคก ร เพื่อไม
อยางปลอดภัย ใหเกดิ การร่วั ไหลขอ มลู สว นตวั ของบุคคลหรอื องคกรออกไปสบู ุคคลภายนอกได
ทรพั ยส นิ ทางปญ ญา
ขนั้ ประเมนิ
ทรัพยส นิ ทางปญญา คอื ผลงานอันเกิดจากความคิดสรางสรรคของมนุษย เปนทรัพยสนิ
ตรวจสอบผล อีกชนิดหนึ่ง นอกเหนือจากสังหาริมทรัพยและอสังหาริมทรัพย ทรัพยสินทางปญญาท่ีควรรูจัก
ไดแ ก ลขิ สิทธ์ิ และสทิ ธิบัตร
ตารางการวดั และประเมินผล
106
วิธีการ เคร่ืองมอื เกณฑก ารประเมิน
ตรวจแบบทดสอบ แบบทดสอบ รอ ยละ 60
หลงั เรียน หลงั เรยี น ผานเกณฑ
ตรวจใบงาน ใบงาน รอยละ 60
ผา นเกณฑ
ตรวจชิน้ งาน/ แบบประเมิน ระดบั คณุ ภาพ 2
ภาระงาน ชิ้นงาน/ ผานเกณฑ
(รวบยอด) ภาระงาน
(รวบยอด)
ประเมนิ แบบประเมนิ ระดบั คุณภาพ 2
การนําเสนอ การนําเสนอ ผา นเกณฑ
ผลงาน ผลงาน
สงั เกตพฤติกรรม แบบสงั เกต ระดับคุณภาพ 2
การทาํ งานกลมุ พฤตกิ รรม ผานเกณฑ
แนวทางการวัดและประเมินผล ขอ สอบเนน การคิด
ครสู ามารถสงั เกตการนาํ เสนอผลงาน พฤตกิ รรมการทาํ งานกลมุ ของนกั เรยี น ตวั อยา งการประดษิ ฐข อ ใดตอ ไปนส้ี ามารถนาํ มายนื่ จดสทิ ธบิ ตั ร
โดยศกึ ษาเกณฑก ารวดั และประเมนิ ผลจากแบบประเมนิ การนาํ เสนอผลงาน และ การประดิษฐไ ด
แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุมท่ีแนบมาทายแผนการจัดการเรียนรูที่ 4
หนว ยการเรยี นรทู ี่ 4 1. การคนพบจํานวนเฉพาะจาํ นวนใหม ขนาด 23 ลานหลกั
2. การคน พบวิธีการรกั ษาและยบั ย้งั โรคกระดกู พรนุ และ
แบบประเมินการนาเสนอผลงาน แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่
ขอ เสอ่ื มแบบไมต องใชย า
คาช้ีแจง:ใหผ้ ้สู อนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี ลงในช่องที่ คาชี้แจง : ใหผ้ ู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ลงในชอ่ งที่ 3. เครื่องพน ยามะพรา วสาํ หรับตดิ ต้งั กับรถไถเลก็ ทีค่ วบคมุ
ตรงกับระดับคะแนน ตรงกับระดับคะแนน
ปริมาณและทศิ ทางของนํา้ ยาได
การทางาน การมี 4. โปรแกรมฐานขอ มลู ท่ีเพมิ่ จํานวนหมวดหมไู ดไ มจ าํ กดั
การแสดง การยอมรบั ตามท่ไี ด้รบั ส่วนรว่ มใน (วเิ คราะหค าํ ตอบ จากตวั เลอื กทก่ี าํ หนดให วเิ คราะหไ ดว า ฐาน
ลาดับที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน ลาดับที่ ชื่อ–สกุล ความคิดเห็น ฟังคนอ่นื มอบหมาย ความมนี ้าใจ การปรบั ปรงุ รวม ขอมูล โปรแกรมคอมพิวเตอร ทฤษฎีหรือกฎวิทยาศาสตร หรือ
32 ของนักเรียน 15 คณิตศาสตร วิธีการวินิจฉัยและรักษาโรคใหกับมนุษยและสัตว
1 ผลงานกล่มุ คะแนน ไมส ามารถนาํ มายนื่ จดสทิ ธบิ ตั รการประดษิ ฐไ ด ดงั นนั้ ตอบขอ 3.)
1 ความถกู ตอ้ งของเน้อื หา 321321321321321
2 ความคดิ สรา้ งสรรค์
3 วิธีการนาเสนอผลงาน
4 การนาไปใชป้ ระโยชน์
5 การตรงต่อเวลา
รวม
ลงชอ่ื ...................................................ผู้ประเมนิ
............/................./...................
เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ลงชือ่ ...................................................ผู้ประเมนิ
ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินสมบรู ณ์ชัดเจน ให้ 2 คะแนน ............./.................../...............
ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินเป็นส่วนใหญ่ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางสว่ น ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ 2 คะแนน
ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครัง้ ให้ 1 คะแนน
ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมบางครง้ั
เกณฑก์ ารตดั สินคุณภาพ เกณฑก์ ารตัดสนิ คุณภาพ
ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ
14–15 ดีมาก 14–15 ดีมาก
11–13 ดี 11–13 ดี
8–10 พอใช้ 8–10 พอใช้
ต่ากวา่ 8 ปรับปรุง
ต่ากว่า 8 ปรบั ปรงุ
T120
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
แนวตอบ Self Check
Self Check 1. ถกู
2. ผิด
ให้นักเรียนตรวจสอบความเข้าใจ โดยพิจารณาข้อความว่าถูกหรือผิด แล้วบันทึกลงในสมุด 3. ถูก
หากพิจารณาขอ้ ความไมถ่ ูกต้อง ให้กลับไปทบทวนเนอ้ื หาตามหวั ข้อทก่ี �าหนดให้ 4. ผดิ
5. ผดิ
1. ก ารใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศเป็นเวลานาน ท�าให้เราติด ถูก/ผดิ ทบทวนหวั ขอ้
และให้โทษ
1
2. เราควรมรี หสั ผา่ นเอาไว้ใช้เลน่ ๆ และบอกคนอ่ืนได้ 2
3. เม่อื ใช้คอมพวิ เตอรเ์ สร็จแล้วเราควรออกจากระบบการใช้งาน ับ น ทึ ก ล ง ใ น ส ุม ด 3
ให้เรยี บรอ้ ย
4. เม่อื เราอยากรจู้ ักเพอ่ื นคนอนื่ เราจงึ จดรหัสผา่ นของเพื่อน 3
แล้วนา� ไปเข้าระบบของเพอ่ื นเพอื่ ดูขอ้ มลู
5. สิทธกิ ารเปน็ เจา้ ของผลงาน คอื คนท่ีน�าชิ้นงานน้นั มาจากคน 4
อน่ื ทีเ่ ป็นคนสรา้ งสรรค์
Unit Question 4
1 เทคโนโลยีสารสนเทศมคี วามสา� คญั อยา่ งไรในยุคปัจจบุ นั
2 ชน้ิ งานทมี่ ีลขิ สิทธชิ์ ิน้ ใดบา้ งทเ่ี ราสามารถน�ามาใช้ได ้ ยกตวั อยา่ งมา 5 ช้ินงาน
3 เม่ือเราพบเห็นว่า เคร่ืองคอมพิวเตอร์มีการเข้าระบบค้างไว้โดยคนใช้งานคนเดิมยังไม่ได้
ออกจากระบบ เราควรทา� อยา่ งไร
4 เมื่อพบเห็นเนื้อหาท่ีไม่เหมาะสมปรากฏข้ึนมา แต่ไม่มีผู้ใหญ่อยู่บริเวณใกล้เคียง เราจะ
ปฏิบตั ิอยา่ งไร
5 จงเขียนพฤติกรรมทไี่ มเ่ หมาะสมเกีย่ วกบั การใชเ้ ทคโนโลยีต่อตัวเอง บุคคลอ่ืน และสงั คม
มาอยา่ งละ 1 ข้อ
6 นักเรียนจะน�าความรเู้ รื่อง การใช้เทคโนโลยอี ยา่ งปลอดภัย ไปใชใ้ นชีวิตประจ�าวันอยา่ งไร
ไดบ้ ้าง
107
แนวตอบ Unit Question
1. ใชในการรับ-สง และเผยแพรข อมลู ผานเครอื ขาย ใชอ าํ นวยความสะดวกในการสือ่ สารผานระบบท่มี ีท้ังภาพและเสียง การเขาถงึ แหลงขอ มลู ท่ีตอ งการ
ไดอยางรวดเรว็ และอาํ นวยความสะดวกในชวี ติ ประจาํ วันไดอกี หลายดาน
2. ขน้ึ อยกู บั ดลุ ยพนิ จิ ของครผู สู อน เชน การรวบรวมโปสเตอรค วามละเอยี ดสงู ของวตั ถตุ า งๆ ในระบบสรุ ยิ ะจกั รวาลทถ่ี า ยโดยนกั บนิ อวกาศและยานอวกาศ
โดยทีมงาน Spaceth.co ของ NASA มาแจกใหดาวนโหลดนาํ ไปใชงานไดฟ รี
3. แจงใหเ จา ของบัญชีทราบ หากไมรจู ักหรอื หาเจาของบัญชีไมเจอ ใหท ําการออกจากระบบแทนเจาของบญั ชี
4. ปด หนาเวบ็ ไซตทม่ี ีเนอื้ หาไมเหมาะสมนน้ั และเตือนเพื่อนใหระวังเว็บไซตทมี่ ีเน้อื หาไมเ หมาะสมดงั กลาว
5. การตดิ ตงั้ ซอฟตแวรผิดกฎหมาย การคัดลอกผลงานของผอู น่ื มาแอบอา งเปนผลงานของตนเอง การพยายามเจาะระบบเพื่อเขา ถึงขอมูลสว นตวั ของผูอ ่นื
โดยที่ไมไ ดรบั อนุญาต
6. ระวงั ปอ งกนั ตนเองจากการถกู ละเมดิ และขโมยขอ มลู สว นบคุ คล การหลอกลวงผา นการใชเ ทคโนโลยสี ารสนเทศในรปู แบบตา งๆ และเตอื นคนใกลต วั ให
ระวังภัยจากการใชเทคโนโลยีที่เกดิ ขึ้นในปจ จุบนั
T121
บรรณานุกรม
ชนนิ ทร เฉลมิ สขุ และอภชิ าต ิ ค�ำปลิว. 2562. หนังสอื เรียนรายวชิ าพ้ืนฐาน เทคโนโลยี (วิทยาการคำ� นวณ) ม.2. พิมพ์
คร้งั ท่ี 2. นนทบุรี : ไทยร่มเกล้า.
ชาตร ี เกดิ ธรรม. 2542. การเรยี นการสอนวิทยาศาสตร์เน้นนักเรยี นเปน็ ศนู ย์กลาง. กรุงเทพฯ : เซ็นเตอร์ ดสิ คฟั เวอร.ี
ทิศนา แขมมณี. 2556. ศาสตร์การสอน : องค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ท่ีมีประสิทธิภาพ. พิมพ์คร้ังท่ี 17.
กรุงเทพฯ : ส�ำนกั พมิ พ์แหง่ จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลัย.
พมิ พนั ธ์ เดชะคปุ ต.์ 2544. การจดั การเรยี นการสอนดว้ ยวธิ กี ารสอนแบบสบื สวน. กรงุ เทพฯ : เดอะมาสเตอรก์ รปุ๊ แมเนจเมน้ ท.์
. 2544. การเรียนการสอนท่ีเนน้ ผู้เรียนเปน็ สาํ คญั : แนวคิดวธิ ีและเทคนิคการสอน 1. กรุงเทพฯ : เดอะมาสเตอร์
กรปุ๊ แมเนจเมน้ ท์.
ภพ เลาหไพบูลย.์ 2542. แนวการสอนวทิ ยาศาสตร์ (ฉบบั ปรบั ปรุง). พมิ พ์คร้ังที่ 3. กรุงเทพฯ : ไทยวัฒนาพานชิ .
วรรณทิพา รอดแรงค้า และจิต นวนแก้ว. 2542. การพัฒนาการคิดของนักเรียนด้วยกิจกรรมทักษะกระบวนการทาง
วิทยาศาสตร.์ พมิ พค์ รัง้ ที่ 2. กรุงเทพฯ : เดอะมาสเตอรก์ รุ๊ปแมเนจเมน้ ท.์
วราภรณ์ ชยั โอภาส. 2521. การพฒั นาสมรรถภาพในการเรยี นการสอนวชิ าวทิ ยาศาสตรใ์ นโรงเรยี นมธั ยมศกึ ษา. กรงุ เทพฯ :
โรงพมิ พป์ ระเสรฐิ ศิริ.
วจิ ารณ์ พานิช. 2555. วิถสี ร้างการเรียนรู้เพื่อศิษย์ในศตวรรษท่ี 21. กรุงเทพฯ : ตถาตา พบั ลิเคชน่ั .
วชิ าการและมาตรฐานการศกึ ษา สำ� นกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร, สำ� นกั . 2555. แนวทาง
การจดั การกิจกรรมการเรียนรูเ้ พ่ือพฒั นาทกั ษะการคดิ ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน พุทธศักราช
2551 ระดับมัธยมศึกษา (ฉบับปรับปรุง). พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตร
แห่งประเทศไทย.
ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ, สถาบัน. 2560. ตัวช้ีวัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พทุ ธศักราช 2551. กรุงเทพฯ. โรงพมิ พช์ มุ นมุ สหกรณ์การเกษตรแหง่ ประเทศไทย.
สมบัติ การจนารกั พงค.์ 2545. เทคนคิ การสอนใหผ้ ้เู รยี นเกิดทักษะการคดิ . กรุงเทพฯ : ธารอกั ษร.
สรศักด์ิ แพรดำ� . 2544. ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร.์ อุบลราชธานี : สถาบันราชภฏั อบุ ลราชธาน.ี
สำ� นกั บรหิ ารวชิ าการ วทิ ยาลยั เทคโนโลยปี ญั ญาภวิ ฒั น,์ แผนกบรหิ ารหลกั สตู ร. 2557. เอกสารเผยแพรค่ วามรวู้ ชิ าการศกึ ษา :
วิธีการสอน (Teaching Methodology). กรงุ เทพฯ : วิทยาลัยเทคโนโลยีปญั ญาภวิ ฒั น์.
สุวทิ ย์ มูลคำ� และอรทัย มูลค�ำ. 2547. 21 วธิ กี ารจัดการเรียนรู้ : เพอ่ื พัฒนากระบวนการคดิ . พิมพ์ครั้งท่ี 5. กรงุ เทพฯ :
ภาพพิมพ.์
อํานวย รุ่งรัศม.ี 2525. การสอนวทิ ยาศาสตร์แบบก้าวหน้า. มหาสารคาม : ภาควิชาชีววิทยา มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม.
T122