The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

คู่มือครู วิทยาการคำนวณ ม.2

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by opart_2000, 2021-09-21 04:18:22

คู่มือครู วิทยาการคำนวณ ม.2

คู่มือครู วิทยาการคำนวณ ม.2

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขนั้ สอน 3. การแกไ้ ขปญั หาดา้ นฮารด์ แวรเ์ บอื้ งตน้ เมอ่ื เครอ่ื งคอมพวิ เตอรท์ ใ่ี ชง้ ำนเกดิ มปี ญั หำ โดย
เฉพำะในสว่ นของฮำรด์ แวรซ์ งึ่ เปน็ อปุ กรณอ์ เิ ลก็ ทรอนกิ สท์ ตี่ อ้ งใชไ้ ฟฟำ้ จงึ ควรเปน็ ชำ่ งหรอื บคุ คล
สาํ รวจคน หา ที่มีควำมรู้และควำมช�ำนำญโดยเฉพำะ เพรำะอำจจะท�ำให้เกิดควำมเสียหำยเกิดข้ึนกับฮำร์ดแวร์
มำกกว่ำเดิมได้ ดังนั้นผู้ใช้งำนควรจะแค่ส�ำรวจหรือตรวจสอบ แทนที่จะลงมือซ่อมอุปกรณ์นั้น ๆ
4. นกั เรยี นสงั เกตปญ หาทางดา นฮารด แวรท เี่ กดิ ขน้ึ ดว้ ยตนเอง
และการแกป ญ หาจากตวั อยา งในหนงั สอื เรยี น
ตัวอยาง
อธบิ ายความรู ปัญหำทเี่ กดิ ขน้ึ ทำงดำ้ นฮำรด์ แวร์ และกำรแกไ้ ขปญั หำเบ้อื งต้นท่ีเกิดขนึ้

1. ครสู มุ นกั เรยี น 3-4 คน ออกมาอธบิ ายถงึ ปญ หา เม่อื เปด คอมพวิ เตอร์แล้วเครอื่ งไม่ทา� งาน หรอื เครอื่ งท�างานแต่หนา้ จอไมต่ ิด
ที่เกิดกับคอมพิวเตอรและวิธีการแกปญหา
คอมพวิ เตอรท นี่ กั เรยี นพบในเบอ้ื งตน พรอ มกบั • สาเหตุ : ไ ม่ได้ตอ่ สำยไฟเขำ้ กบั เตำ้ เสยี บ ไม่ได้ต่อสำยพ่วงระหวำ่ ง
อภปิ รายรว มกนั ในชนั้ เรยี น เชน ลาํ โพงไมม เี สยี ง
ใชว ธิ กี ารตรวจสอบสายลาํ โพงและชอ งเสยี บสาย จอคอมพิวเตอร์กบั ตวั เคร่ือง หรือสำยไฟที่ต่อหลวมเกินไป
มอี าการหนา จอสฟี า ใหจ ดรหสั โคด หนา จอสฟี า
มาสืบคนขอมูล เมาสใชการไมได ตรวจสอบ • การแกป้ ญั หา : ต รวจสอบกำรต่อสำยไฟระหว่ำงตัวเคร่ืองกับเต้ำเสียบ และ
เมาสกับชองเสยี บ USB เครอื่ งทาํ การรีสตารต
เอง สงศูนยบรกิ ารใหชา งซอ ม สำยพว่ งระหวำ่ งตวั เครอื่ งกบั จอคอมพวิ เตอรว์ ำ่ ไดต้ อ่ หรอื ไม ่
ถำ้ ต่อแล้วกใ็ หต้ รวจสอบดูวำ่ หลวมหรอื ไม่
เมื่อเปดเคร่ืองแลว้ ได้ยนิ เสยี ง Beep หลายครั้ง

• ส าเหต ุ : มีชิปท่ีติดอยู่กับเมนบอร์ด หรืออุปกรณ์ที่เสียบอยู่กับเมนบอร์ด

มีปัญหำ เช่น กำร์ดเสียบไม่แน่น กำร์ดสกปรก RAM มีปัญหำ
เป็นต้น

• การแก้ปัญหา : ส ง่ิ ทเี่ กดิ ขน้ึ เกดิ จำกภำยในของตวั เครอื่ ง เมอ่ื ไมม่ คี วำมรคู้ วำม

ชำ� นำญควรตดิ ตอ่ ชำ่ งหรอื ผทู้ สี่ ำมำรถแกไ้ ขปญั หำเฉพำะทำง
และแจ้งอำกำรทเ่ี กิดข้ึนให้ครบถว้ นเพอ่ื หำทำงแก้ไข
เปด เครือ่ งตดิ แต่เมาสห์ รือคีย์บอรด์ ใชไ้ มไ่ ด้

• สาเหตุ : เ สยี บสำยเมำสห์ รือคยี บ์ อรด์ ไม่แน่น
• การแก้ปญั หา : ปดิ เครือ่ งแล้วขยบั เสยี บสำยใหแ้ น่น

แล้วเปิดเครอ่ื งใหม่อีกคร้ัง

84

เกร็ดแนะครู กิจกรรม ทา ทาย

ครูอาจจะสอนเสริมความรู เรื่อง Blue Screen Code คอื หนาจอสฟี า ใหนักเรียนคนหาขอ มลู รหสั หนา จอสีฟาคนละ 10 รหสั แลว
ท่ีแสดงรหัสขอผิดพลาดจากปญหาในดานตางๆ ของเครื่องคอมพิวเตอร ทําการตรวจสอบความหมายของแตละรหัสเพ่ือแบงกลุมออกเปน
เพ่ือฝกใหนักเรียนสามารถประเมินหรือทํานายปญหาของเคร่ืองคอมพิวเตอร 3 กลุม คือ
ในเบ้ืองตนได กอนท่ีจะสงใหชางซอมหรือทําการแกไข เพื่อชวยประหยัดเวลา
ในการคน หาสาเหตขุ องปญ หาทเี่ กิดขึ้น 1. รหัสท่ีแสดงวา เปนปญ หาดานฮารดแวร
2. รหสั ที่แสดงวา เปนปญ หาดานซอฟตแวร
3. รหัสที่แสดงวา อาจจะเปนปญหาดานฮารดแวรหรือ

ซอฟตแ วรอ ยา งใดอยา งหนง่ึ หรือท้งั 2 อยาง (ไมแ นนอน)

T94

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

4. การแกไ้ ขปญั หาด้านซอฟตแ์ วร์เบ้อื งตน้ ขนั้ สอน
ปญั หำทเี่ กดิ ขน้ึ กบั กำรใชง้ ำนซอฟตแ์ วรบ์ นเครอื่ งคอมพวิ เตอร ์ ทง้ั ในสว่ นของซอฟตแ์ วร์
ระบบหรอื ระบบปฏิบตั ิกำร และสว่ นของซอฟตแ์ วร์ประยุกต ์ สำมำรถแยกเป็น 2 กรณ ี ไดด้ ังนี้ อธบิ ายความรู้
1) กรณีท่ีพบปัญหำหลังกำรติดตั้งซอฟต์แวร์เสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยส่วนมำกมัก
จะเกดิ จำกกำรตดิ ตง้ั ทไี่ มส่ มบรู ณห์ รอื ตดิ ตง้ั เวอรช์ นั (Version) ของซอฟตแ์ วรไ์ มต่ รงหรอื ไมส่ ำมำรถ 2. ครอู ธบิ ายเพม่ิ เตมิ เกย่ี วกบั ปญ หาและการแกไ ข
ใชง้ ำนรว่ มกบั ระบบปฏบิ ตั กิ ำรทใ่ี ชง้ ำนอยใู่ นปจั จบุ นั ได ้ แนวทำงกำรแกไ้ ขปญั หำในกรณนี ้ี คอื ใหผ้ ู้ การใชง านระบบคอมพวิ เตอรว า นอกจากจะมี
ท่มี คี วำมร้ใู นกำรติดต้ังซอฟต์แวร์ทำ� กำรตดิ ต้ังซอฟตแ์ วร์ทับลงไปใหม ่ แตห่ ำกยังพบปญั หำอยูอ่ ีก ปญหาดานฮารดแวรและซอฟตแวรแลว ยังมี
อำจจะตอ้ งทำ� กำรถอนกำรตดิ ตงั้ ซอฟตแ์ วรต์ วั นนั้ ออกจำกเครอ่ื งและทำ� กำรตดิ ตงั้ ซอฟตแ์ วรต์ วั นนั้ ปญหาดานไวรัสที่เกิดขึ้นกับคอมพิวเตอร
ใหมท่ ง้ั หมด ทงั้ นใ้ี นกำรตดิ ตงั้ ซอฟตแ์ วรต์ อ้ งระวงั เรอื่ งขอ้ มลู ลบหำย ควรมกี ำรสำ� รองขอ้ มลู (Backup) ดังน้ัน ถาพบวาคอมพิวเตอรทํางานชาลง
เก็บไว้ก่อนทุกครั้งท่ีมีกำรติดตั้งซอฟต์แวร์ทับลงไปใหม่ หรือก่อนกำรถอนซอฟต์แวร์ตัวใดก็ตำม กวาปกติ คอมพิวเตอรหยุดการตอบสนอง
ออกจำกเครื่อง หรือติดขัดบอยคร้ัง คอมพิวเตอรขัดของแลว
2) กรณที พ่ี บปญั หำหลงั จำกกำรใชง้ ำนซอฟตแ์ วรม์ ำสกั ระยะเวลำหนงึ่ สว่ นมำกมกั เกดิ เร่ิมใหมทุกสองสามนาที โปรแกรมประยุกต
จำกไฟลท์ ีเ่ ปน็ องค์ประกอบของซอฟตแ์ วร์น้ัน ๆ มปี ญั หำ เชน่ อำจจะเผลอลบไฟลท์ ิง้ ไป หรอื เกิด ในคอมพิวเตอรทํางานไมถูกตอง ซ่ึงปญหา
จำกไวรัสคอมพิวเตอร ์ ดังนน้ั กำรแกไ้ ขปัญหำเบอ้ื งต้น คอื ตอ้ งระมัดระวงั ในกำรลบไฟล ์ และควร ดังกลาวนี้ อาจเกิดจากการมีไวรัสท่ีฝงอยูใน
หำซอฟตแ์ วรป์ อ้ งกนั ไวรสั มำตดิ ตง้ั ในเครอ่ื งคอมพวิ เตอร ์ หรอื กำรแกป้ ญั หำสดุ ทำ้ ย คอื กำรสำ� รอง คอมพิวเตอร ดังนั้น จึงควรติดตั้งโปรแกรม
ขอ้ มูลและท�ำกำรถอนกำรตดิ ตงั้ จำกนั้นท�ำกำรตดิ ตัง้ ซอฟแวร์ใหม่ ตรวจสอบไวรัสและหม่ันตรวจสอบอยูเสมอ
เพ่ือความปลอดภยั ของขอมูล
Com Sci
ขยายความเขา้ ใจ
activity
1. นกั เรยี นทาํ กจิ กรรมทสี่ อดคลอ งกบั เนอ้ื หา โดย
การจดั การขอ้ มูลสารสนเทศ การตอบคําถามเพื่อพัฒนาความรูและทักษะ
การเรียนรู (Com Sci Activity) เกี่ยวกบั ระบบ
1. ให้นักเรียนบอกช่ือฮำร์ดแวร์ที่รู้จักที่เป็นองค์ประกอบของคอมพิวเตอร์มำให้มำกท่ีสุด พร้อมอธิบำยว่ำ คอมพวิ เตอรลงในสมุด
ฮำรด์ แวร์ชิน้ นน้ั ๆ ทำ� หน้ำที่อะไร
2. นกั เรียนทาํ ใบงาน เรอ่ื ง การแกปญหา
2. ใ หน้ กั เรยี นบอกชอื่ ซอฟตแ์ วรท์ กุ ชนดิ ทร่ี จู้ กั ในคอมพวิ เตอรห์ รอื อปุ กรณท์ ร่ี จู้ กั มำใหม้ ำกทสี่ ดุ พรอ้ มอธบิ ำย คอมพิวเตอร
ว่ำ ซอฟต์แวร์ตัวน้ัน ๆ ทำ� หน้ำทอ่ี ะไร
3. ครูสมุ นักเรยี น 2-3 คน ออกมานําเสนอหนา
3. ถ ้ำมีควำมจ�ำเป็นต้องใช้คอมพิวเตอร์สำธำรณะเพ่ือติดต่อสื่อสำร ท�ำธุรกรรมทำงกำรเงิน หรือเข้ำใช้งำน ช้ันเรียน พรอมท้ังอภิปรายรวมกันภายใน
เฟซบุ๊กด้วยรหัสสว่ นตวั นกั เรยี นคดิ ว่ำ ปลอดภัยหรอื ไม่ อยำ่ งไร แลว้ ถำ้ จำ� เป็นตอ้ งใช้งำนคอมพวิ เตอร์ ชั้นเรยี น
สำธำรณะ นักเรยี นคดิ ว่ำ ตอ้ งทำ� อย่ำงไรหลังเลกิ ใชง้ ำน

ทักษะการเรยี นรู้ในศตวรรษที่ 21 2. กำรคดิ อย่ำงมวี ิจำรณญำณและกำรแก้ปญั หำ
1. ทักษะด้ำนเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสอื่ สำร
3. ควำมยืดหยุ่นและควำมสำมำรถในกำรปรับตวั

85

ขอ สอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู

การสาํ รองขอมลู ในรปู แบบใดมีความเสย่ี งมากทสี่ ดุ ครอู าจจะใหค วามรเู พม่ิ เตมิ วา ในปจ จบุ นั เรามกี ารใชเ ทคโนโลยกี ารควบคมุ
1. สาํ รองไวใ นไดรฟ D ระยะไกล (Remote control) ซงึ่ สามารถใชค อมพวิ เตอรเ ครอื่ งหนง่ึ เขา ไปควบคมุ
2. สํารองไวใ นแฮนดีไดรฟ หนาจอของอีกเคร่ืองที่อยูในเครือขายเดียวกันได โปรแกรมในการรีโมตท่ีรูจัก
3. สาํ รองไวใ นพื้นทีแ่ บบออนไลน ทวั่ ไป คอื Remote Desktop ของระบบปฏบิ ตั กิ ารวนิ โดวส ซงึ่ ในหลายหนว ยงาน
4. สํารองไวใ นคอมพิวเตอรเ ครอ่ื งอน่ื จะมผี ดู แู ลระบบทท่ี าํ หนา ทตี่ ง้ั คา เครอ่ื งคอมพวิ เตอรท กุ เครอ่ื งในองคก ร ใหผ ดู แู ล
(วิเคราะหคําตอบ จากตัวเลือกท่ีกําหนดให วิเคราะหไดวา สามารถเขาไปแกปญหาดวยวิธีการควบคุมเคร่ืองจากระยะไกลได โดยไมตอง
เสยี เวลาเดินทางไปท่ีตัวเคร่ืองหลังจากไดรับแจงปญหา ซ่ึงเปนเทคโนโลยีที่มี
การสํารองขอมูลไวในไดรฟ D จะมีความเสี่ยง คือ ขอมูลอยู ประโยชนมาก
บนฮารดดิสกตัวเดียวกันแตคนละไดรฟ กรณีท่ีเกิดปญหาดาน
ฮารดแวร คือ ฮารดดิสกเสีย จะสูญเสียท้ังขอมูลหลักและขอมูล
สาํ รอง ขอ 2. ขอ 3. และขอ 4. เปนการสํารองขอมูลไวท แี่ หลง
เก็บขอมูลภายนอกจึงมีความเสยี่ งนอยกวา ดงั น้ัน ตอบขอ 1.)

T95

นาํ สอน สรุป ประเมิน

ขน้ั สรปุ Summary

ตรวจสอบผล ระบบคอมพิวเตอร์

1. ครปู ระเมนิ ผลนกั เรยี นจากการสงั เกตการตอบ องคป์ ระกอบของระบบคอมพวิ เตอร์
คาํ ถาม การนาํ เสนอหนาชัน้ เรียน และการทาํ
ใบงาน คอมพิวเตอรจ์ ะสำมำรถท�ำงำนได ้ จะตอ้ งประกอบไปด้วยสว่ นประกอบที่สำ� คญั 5 ประกำร
คอื
2. ครตู รวจสอบความถกู ตอ งของผลการทาํ ใบงาน 1) ฮำร์ดแวร์ 2) ซอฟตแ์ วร์ 3) บคุ ลำกร
3. นักเรียนและครูรวมกันสรุปเก่ียวกับการ 4) ข้อมูลและสำรสนเทศ 5) กระบวนกำร

ประยุกตใ ชงานและการแกป ญ หาเบอ้ื งตน หลกั การทาํ งานของระบบคอมพวิ เตอร์
4. นักเรียนตรวจสอบความรูความเขาใจดวย
หนวยความจาํ หลกั
ตนเองจากหนงั สือเรียน (Primary Storage)
5. นักเรียนทําแบบฝกหัดประจําหนวยการเรียนรู

ท่ี 3 และทาํ ชน้ิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) และ
นํามาสง ในช่ัวโมงถดั ไป
6. นกั เรยี นทาํ แบบทดสอบหลงั เรยี นหนว ยการเรยี นรู
ที่ 3 เรอื่ ง ระบบคอมพวิ เตอร

ขนั้ ประเมนิ หนว ยรบั ขอ้ มูล หนว ยประมวลผลกลาง หนวยแสดงผลข้อมลู
(Input Unit) (Central Processing Unit: CPU) (Output Unit)
ตรวจสอบผล

ตารางการวดั และประเมนิ ผล

วิธีการ เครอ่ื งมือ เกณฑก ารประเมนิ หนวยความจาํ สาํ รอง
ตรวจแบบทดสอบ แบบทดสอบ รอ ยละ 60 (Secondary Storage)

หลงั เรยี น หลังเรยี น ผา นเกณฑ

ตรวจใบงาน ใบงาน รอยละ 60 เทคโนโลยกี ารสอื่ สาร
ผานเกณฑ
เปน็ กำรสง่ ขอ้ มลู ขำ่ วสำรจำกผสู้ ง่ สำรไปยงั ผรู้ บั สำร โดยอำศยั สอื่ กลำงกำรสอ่ื สำร ทงั้ สอ่ื กลำง
ตรวจช้นิ งาน/ แบบประเมิน ระดับคุณภาพ 2 ทีม่ สี ำยและส่ือกลำงไร้สำยในทิศทำงตำ่ ง ๆ
ภาระงาน ชิ้นงาน/ ผานเกณฑ
(รวบยอด) ภาระงาน การประยกุ ต์ใชง้ านและการแกป้ ญั หาเบอ้ื งตน้
(รวบยอด)

ประเมนิ แบบประเมนิ ระดับคณุ ภาพ 2 คอมพวิ เตอรก์ ลำยเป็นส่วนหนึ่งในชีวติ ประจำ� วนั ของบุคคลทัว่ ไป ทง้ั กำรทำ� งำน กำรเรียน
การนําเสนอ การนําเสนอ ผานเกณฑ หนงั สอื ใหค้ วำมบนั เทงิ ตำ่ ง ๆ ทง้ั นคี้ อมพวิ เตอรเ์ ปน็ อปุ กรณอ์ เิ ลก็ ทรอนกิ สท์ ส่ี ำมำรถชำ� รดุ เสยี หำย
ผลงาน ผลงาน หรอื หมดสภำพกำรใชง้ ำนได ้ หำกพบควำมผดิ ปกตขิ องเครอ่ื งคอมพวิ เตอรห์ รอื ซอฟตแ์ วรท์ ใ่ี ชง้ ำน
ต้ังแต่แรกไม่ควรปล่อยท้ิงไว้หรือละเลยควำมผิดปกติท่ีเกิดขึ้น ควรรีบแก้ไขในเบื้องต้นอย่ำงทัน
สงั เกตพฤติกรรม แบบสงั เกต ระดบั คณุ ภาพ 2 ท่วงที เพรำะอำจท�ำให้เกดิ ควำมเสียหำยจนไมส่ ำมำรถแก้ไขได้
การทํางาน พฤตกิ รรม ผา นเกณฑ
รายบคุ คล 86

สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกต ระดับคุณภาพ 2
การทํางานกลุม พฤตกิ รรม ผา นเกณฑ

แนวทางการวัดและประเมินผล กจิ กรรม สรางเสริม

ครูสามารถสังเกตการนําเสนอผลงาน พฤติกรรมการทํางานรายบุคคล ครอู ธิบายใหน กั เรียนรูจกั safe mode บนคอมพิวเตอรและ
และการทํางานกลุมของนักเรียน โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผลจาก ใหนักเรียนทดลองทําการเขา safe mode จากนั้นใหครู
แบบประเมินการนําเสนอผลงาน แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานรายบุคคล ตรวจสอบหนา จอครบทกุ คน ใครทยี่ งั ทาํ ไมไ ดใ หเ พอื่ นทนี่ งั่ ตดิ กนั
และแบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุมท่ีแนบมาทายแผนการจัดการเรียนรู ชวยสอนให เม่อื ทําสําเรจ็ ครบทกุ คนแลว ครสู รปุ ประโยชนใ นการ
ท่ี 4 หนว ยการเรยี นรทู ่ี 3 เขา safe mode ใหน กั เรยี นฟง แลว ใหน กั เรยี นออกจาก safe mode
พรอมกัน ขัน้ ตอนสดุ ทาย คือ ใหเวลา 5 นาที ใหนกั เรียนคน หา
แบบประเมินการนาเสนอผลงาน แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุม่ คลิปวิดีโอวิธกี ารแกปญหาคอมพิวเตอรดว ยการเขา safe mode
คาชีแ้ จง : ใหผ้ สู้ อนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ลงในชอ่ งที่ คาช้ีแจง : ใหผ้ ูส้ อนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ลงในชอ่ งที่ มาศึกษา จากนั้นครูสุมเรียกนักเรียนใหอธิบายตัวอยางในคลิป
คาชี้แจง: ให้ผู้สอนสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ลงในช่องที่ ตรงกับระดับคะแนน ตรงกับระดับคะแนน วา เปน การใช safe mode เพอ่ื แกป ญหาในลกั ษณะใด

ตรงกับระดับคะแนน ระดบั คะแนน การทางาน การมี
32 ตามท่ีได้รบั สว่ นรว่ มใน
ลาดับท่ี รายการประเมนิ  1 ลาดบั ที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน 1 ลาดับที่ ช่ือ–สกุล การแสดง การยอมรบั มอบหมาย ความมนี า้ ใจ การปรบั ปรงุ รวม
  32  ของนักเรียน ความคดิ เหน็ ฟังคนอ่ืน ผลงานกล่มุ 15
1 ความถูกต้องของเนือ้ หา   1 การแสดงความคิดเหน็   คะแนน
2 ความคดิ สร้างสรรค์   2 การยอมรับฟงั ความคดิ เห็นของผู้อื่น  
3 วธิ ีการนาเสนอผลงาน   3 การทางานตามหนา้ ท่ีทไ่ี ด้รบั มอบหมาย   321321321321321
4 การนาไปใชป้ ระโยชน์  4 ความมนี ้าใจ  
5 การตรงต่อเวลา 5 การตรงต่อเวลา 

รวม รวม

ลงชอื่ ...................................................ผปู้ ระเมนิ ลงช่ือ...................................................ผปู้ ระเมิน
............/................./................... ............/.................../................

เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ลงช่อื ...................................................ผปู้ ระเมนิ
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ สมบรู ณช์ ัดเจน ให้ 2 คะแนน ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมอย่างสม่าเสมอ ให้ 2 คะแนน ............./.................../...............
ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินเป็นส่วนใหญ่ ให้ 1 คะแนน ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยคร้ัง ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางสว่ น ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบางครงั้

เกณฑก์ ารตดั สนิ คุณภาพ เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน
ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมอย่างสม่าเสมอ ให้ 2 คะแนน
14–15 ดมี าก ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบ่อยคร้ัง ให้ 1 คะแนน
14–15 ดีมาก ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบางคร้งั

11–13 ดี 11–13 ดี เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ
8–10 พอใช้
ต่ากว่า 8 ปรบั ปรงุ 8–10 พอใช้ ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ
ตา่ กวา่ 8 ปรับปรุง 14–15 ดีมาก
11–13 ดี
8–10 พอใช้
ต่ากวา่ 8 ปรับปรุง

T96

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

แนวตอบ Self Check

Self Check 1. ถกู
2. ผิด
ให้นักเรียนตรวจสอบความเข้าใจ โดยพิจารณาข้อความว่าถูกหรือผิด แล้วบันทึกลงในสมุด 3. ผดิ
หากพิจารณาข้อความไมถ่ กู ตอ้ ง ใหก้ ลบั ไปทบทวนเนือ้ หาตามหวั ขอ้ ท่ีก�าหนดให้ 4. ถกู
5. ถกู
1. คอมพิวเตอรจ์ ะสำมำรถทำ� งำนได้ต้องประกอบดว้ ยฮำรด์ แวร ์ ถูก/ผิด ทบทวนหวั ข้อ
ซอฟตแ์ วร ์ ขอ้ มูลและสำรสนเทศ บคุ ลำกร และกระบวนกำร
1

2. เ มอ่ื รบั ขอ้ มูลมำแลว้ ขอ้ มลู จะถูกส่งตอ่ ไปยัง 2
หนว่ ยประมวลผลกลำง
ับ น ทึ ก ล ง ใ น ส ุม ด
3. กำรสื่อสำรทำงเดียวเป็นกำรส่ือสำรตอบโต้กันระหว่ำงผู้ส่งสำร 3
กับผูร้ ับสำร

4. ส ือ่ กลำงกำรสอ่ื สำรข้อมลู ม ี 2 ประเภท คือ ส่อื กลำงประเภท 3
มีสำยและไรส้ ำย

5. ถ ้ำนักเรยี นจะพิมพร์ ำยงำนส่งคณุ คร ู นกั เรียนจะเลอื กใช้ 4
คอมพิวเตอรส์ ว่ นบคุ คล

Unit Question 3

1 จงอธบิ ำยขน้ั ตอนกำรทำ� งำนของระบบคอมพิวเตอร์
2 ในกำรท�ำงำนของระบบคอมพวิ เตอร์ องค์ประกอบใดเปน็ สว่ นทส่ี ำ� คญั ที่สดุ
3 ในกำรส่ือสำรข้อมูลจะต้องประกอบดว้ ยองค์ประกอบอะไรบ้ำง จงอธิบำย
4 กำรทำ� งำนของระบบคอมพิวเตอร ์ มหี ลักกำรท�ำงำนอยำ่ งไร จงอธบิ ำย
5 เครอื ขำ่ ยระดบั ประเทศ มลี กั ษณะอย่ำงไร
6 เม่อื คอมพิวเตอร์ของนักเรยี นเกิดปญั หำไม่สำมำรถใชง้ ำนได้ นักเรยี นควรทำ� อย่ำงไร

87

เฉลย Unit Question

1. มี 4 ข้นั ตอน คอื 1) การรับขอมูล คือ การนาํ เขา ขอ มลู ผานอปุ กรณฮ ารด แวรเ ขาสูเครอ่ื ง 2) การประมวลผลขอมูล คอื การนําขอ มูลท่รี บั เขา มาเกบ็ ไวแ ลว
นาํ มาประมวลผล เสรจ็ แลวนําไปเก็บอีกคร้งั 3) การจดั เกบ็ ขอมลู ขณะประมวลผลจะเก็บในหนว ยความจาํ หลกั เวลาปกติจะเก็บในหนว ยความจาํ สํารอง
และ 4) การแสดงผลขอมลู คอื การนาํ ขอ มูลท่ีผานการประมวลผลแลว มาแสดงผลผานฮารดแวรตางๆ

2. CPU เปนตัวประมวลผลขอ มูล ซง่ึ เปน หนาทีท่ สี่ าํ คัญทส่ี ุดของคอมพิวเตอร
3. มอี งคประกอบสาํ คัญ 5 ประการ คือ 1) ขอ มลู ขา วสาร (Message) คือ ขอเทจ็ จริงท่ผี ูสง ตองการถา ยทอดไปยังผูร บั 2) ผูส งสาร (Sender) บคุ คล กลุม

บคุ คล หรืออุปกรณที่ทําหนา ที่เปน แหลง กาํ เนดิ ขอมลู ขา วสาร 3) ส่ือกลาง (Medium) ตัวกลางในการสง ขอมูลขา วสารไปยงั ผรู ับ 4) ผรู บั สาร (Receiver)
บุคคล กลมุ บคุ คล หรอื อุปกรณที่ทาํ หนาที่เปน ตัวรับขอมลู ขา วสาร และ 5) โปรโตคอล (Protocol) กฎหรือขอตกลงทใ่ี ชใ นการสือ่ สารขอมูล
4. แบงเปน 3 หนวย คือ หนวยรับขอ มูล ทําหนา ท่ีรับขอ มูลเขา มาเก็บไวในเครอ่ื งคอมพวิ เตอร หนว ยประมวลผลขอมูล ทาํ หนาที่นาํ ขอ มูลมาประมวลผล
และหนว ยแสดงผลขอมูล ทาํ หนา ที่นําขอมลู ท่ีประมวลผลเสรจ็ แลว มาแสดงผล
5. เปนการเช่ือมตอ เครือขา ยคอมพวิ เตอรร ะยะไกล ขา มทวีปครอบคลุมทั่วโลก โดยใชอุปกรณแ ปลงสัญญาณเชอื่ มตอ กับระบบสอ่ื สารขององคการโทรศพั ท
6. นักเรียนแสดงความคิดเห็นตามประสบการณของตนเอง เชน นักเรียนอาจหาขอมูลจากอาการเสียเบื้องตนกอน หากปญหาไมซับซอนและเขาใจวิธีการ
แกไขแลว นกั เรียนสามารถลงมอื แกไ ขเองได หากไมแนใจใหต ดิ ตอ ชางหรอื ผูเชี่ยวชาญเทา นั้น

T97

Chapter Overview

แผนการจัด สือ่ ที่ใช จ�ดประสงค ว�ธส� อน ประเมิน ทกั ษะที่ได คณุ ลกั ษณะ
การเร�ยนรู อนั พึงประสงค
แผนฯ ท่ี 1
การใช - แบบทดสอบกอ่ นเรียน 1. อธิบายคุณประโยชน์ แบบสบื เสาะ - ตรวจแบบทดสอบ - ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์ - มวี นิ ยั
เทคโนโลยี - หนงั สอื เรียน รายวิชา และโทษจากการใช้ หาความรู้ ก่อนเรยี น - ทักษะการทา� งาน - ใฝเ รียนรู้
สารสนเทศ พื้นฐาน เทคโนโลยี เทคโนโลยีสารสนเทศได้ (5Es - ตรวจใบงาน รว่ มกัน - มุ่งมนั่ ใน
(วทิ ยาการคา� นวณ) ม.2 ถูกตอ้ ง (K) Instructional - ประเมินการ - ทกั ษะการสบื คน้ ขอ้ มลู การทา� งาน
2 - ใบงาน เรอื่ ง 2. สบื ค้นปญั หาทเ่ี กดิ จาก Model) นา� เสนอผลงาน
คณุ ประโยชนแ์ ละโทษ เทคโนโลยีสารสนเทศได้ - สงั เกตพฤติกรรม
ชั่วโมง จากการใชง้ านเทคโนโลยี (P) การท�างานรายบุคคล
สารสนเทศ 3. สนใจใฝเรยี นร้ใู นการ - สังเกตพฤตกิ รรม
ศกึ ษาและน�าไปใชใ้ นชีวิต การทา� งานกลุ่ม
ประจา� วัน (A) - สงั เกตคุณลักษณะ
อันพงึ ประสงค์

แผนฯ ที่ 2 - หนงั สอื เรยี น รายวชิ า 1. อธบิ ายรปู แบบของเน้อื หา แบบสืบเสาะ - ตรวจใบงาน - ทกั ษะการสื่อสาร - มวี นิ ยั
การ พ้ืนฐาน เทคโนโลยี ตา่ ง ๆ ทีไ่ มเ่ หมาะสมได้ หาความรู้ - สงั เกตพฤติกรรม - ทกั ษะการแลกเปล่ยี น - ใฝเ รยี นรู้
ปฏบิ ัติตนเม่ือ (วทิ ยาการคา� นวณ) ม.2 ถูกตอ้ ง (K) (5Es การท�างานรายบคุ คล ข้อมูล - มุ่งมั่นใน
พบเนื้อหาที่ - ใบงาน เรอ่ื ง 2. บอกวิธกี ารปฏิบตั ติ นเมื่อ Instructional - สงั เกตพฤตกิ รรม - ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์ การทา� งาน
ไมเหมาะสม การปฏบิ ตั ิตน พบเนื้อหาท่ไี ม่เหมาะสม Model) การท�างานกลุ่ม - ทกั ษะการทา� งาน
เมอื่ พบเน้ือหา ได้ถกู ต้อง (K) - สงั เกตคุณลักษณะ รว่ มกนั
2 ทีไ่ ม่เหมาะสม 3. สืบคน้ ข้อมลู เกยี่ วกบั อันพงึ ประสงค์ - ทกั ษะการสบื คน้ ขอ้ มลู
เนือ้ หาท่ีไมเ่ หมาะสมทีพ่ บ
ชั่วโมง ในขณะทใี่ ชง้ าน

อินเทอร์เนต็ (P)
4. สนใจใฝเ รยี นรู้ในการ
ศกึ ษาและนา� ไปใชใ้ นชีวติ
ประจา� วนั (A)

แผนฯ ท่ี 3 - หนงั สอื เรยี น รายวิชา 1. อธิบายความหมาย แบบสบื เสาะ - ตรวจใบงาน - ทักษะการสื่อสาร - มวี ินัย
ความรับผดิ ชอบ พ้ืนฐาน เทคโนโลยี ของความรับผดิ ชอบ หาความรู้ - ประเมินการ - ทกั ษะการแลกเปลย่ี น - ใฝเรยี นรู้
ตอการใชงาน (วทิ ยาการคา� นวณ) ม.2 ตอ่ ตนเอง ตอ่ บคุ คลอืน่ (5Es นา� เสนอผลงาน ข้อมลู - มุง่ มัน่ ใน
เทคโนโลยี - ใบงาน เรื่อง และตอ่ สงั คมเมอ่ื มีการ Instructional - สังเกตพฤติกรรม - ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์ การทา� งาน
สารสนเทศ ความรับผิดชอบต่อ ใชง้ านเทคโนโลยี Model) การท�างานรายบุคคล - ทักษะการสังเกต

2 การใชง้ านเทคโนโลยี สารสนเทศได้ถูกตอ้ ง (K) - สงั เกตพฤติกรรม - ทกั ษะการทา� งาน
สารสนเทศ 2. สืบค้นวธิ กี ารกระทา� การทา� งานกลมุ่ ร่วมกนั
ช่ัวโมง เพอ่ื แสดงความรบั ผิดชอบ - สงั เกตคุณลกั ษณะ - ทกั ษะการสบื คน้ ขอ้ มลู
ต่อตนเอง ตอ่ บคุ คลอ่นื อันพงึ ประสงค์
และตอ่ สังคมเมือ่ มกี ารใช้
งานเทคโนโลยีสารสนเทศ
ได้ (P)
3. สนใจใฝเ รยี นรู้ในการ
ศึกษาและนา� ไปใช้ในชีวติ
ประจา� วนั (A)

T98

Chapter Concept Overview

หนว ยการเรียนรูที่ 4

แผนการจดั ส่ือท่ีใช จด� ประสงค ว�ธ�สอน ประเมนิ ทกั ษะท่ีได คณุ ลักษณะ
การเรย� นรู อันพึงประสงค
แผนฯ ที่ 4
ทรพั ยสิน - แบบทดสอบหลงั เรยี น 1. อธิบายความหมายของ แบบสืบเสาะ - ตรวจแบบทดสอบ - ทักษะการสือ่ สาร - มวี นิ ยั
ทางปญญา - หนังสือเรียน รายวชิ า ทรพั ยส์ ินทางปัญญา หาความรู้ หลงั เรยี น - ทักษะการแลกเปล่ยี น - ใฝเรยี นรู้
พืน้ ฐาน เทคโนโลยี ไดถ้ กู ต้อง (K) (5Es - ตรวจใบงาน ข้อมูล - มงุ่ มั่นใน
2 (วทิ ยาการคา� นวณ) ม.2 2. บอกประเภทของงาน Instructional - ตรวจช้ินงาน/ - ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์ การทา� งาน
- ใบงาน เร่ือง ทมี่ ีลิขสิทธ์ิไดถ้ ูกต้อง (K) Model) ภาระงาน - ทกั ษะการทา� งาน
ช่วั โมง ประเภทของลิขสิทธิ์ 3. บอกความแตกตา่ ง (รวบยอด) รว่ มกัน
- ชนิ้ งาน/ภาระงาน ประเภทของสิทธิบัตร - ประเมินการ - ทกั ษะการสบื คน้ ขอ้ มลู
(รวบยอด) ได้ถกู ตอ้ ง (K) นา� เสนอผลงาน
4. สืบค้นข้อมูลตา่ ง ๆ - สงั เกตพฤตกิ รรม
เกี่ยวกบั ทรัพยส์ ิน การท�างานกลุม่
ทางปญั ญาได้ (P) - สงั เกตคณุ ลักษณะ
5. สนใจใฝเรยี นรูใ้ นการ อันพงึ ประสงค์
ศกึ ษาและน�าไปใชใ้ นชีวิต
ประจ�าวนั (A)

T99

Chapter Overview

การใชเ ทคโนโลยสี ารสนเทศ

ในปัจจุบันเทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจ�าวันของผู้คนในหลายด้าน แต่เทคโนโลยีน้ันสร้างท้ังคุณประโยชน์และโทษให้กับ
ผใู้ ชห้ ลายลกั ษณะ ตวั อย่างของคณุ ประโยชนแ์ ละโทษจากการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ มีดงั น้ี

1. คุณประโยชน์จากการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ มีผลต่อการด�ารงชีวิตของทุกคนโดยไม่รู้ตัว เช่น ท�าให้เกิดคุณภาพชีวิตท่ีดีขึ้น
ใช้อ�านวยความสะดวกในด้านการศึกษา ประหยดั ค่าใชจ้ ่ายและเวลา ทา� ให้เกดิ การจดั การทรพั ยากรธรรมชาตไิ ดด้ ีย่งิ ข้ึน

2. โทษจากการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ มกั เกดิ จากการขาดความรคู้ วามเขา้ ใจ ความขาดสติ ความคกึ คะนอง รวมถงึ ตอ้ งเปน ทสี่ นใจ
ของสังคม เช่น ปัญหาการตดิ เกมจากการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ ปัญหาการละเมดิ ลขิ สิทธจ์ิ ากการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ ปญั หาสังคม
เสื่อมจากการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ ปญั หาอาชญากรรมทางขอ้ มลู จากการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ ปัญหาการละเมดิ สิทธิสว่ นบุคคลจาก
การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ ปญั หาอาชญากรรมที่มีผลตอ่ ชีวติ จากการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ

การปฏบิ ตั ิตนเมอื่ พบกบั เน้อื หาท่ไี มเหมาะสม

รูปแบบของเน้อื หา รปู แบบของเน้อื หา รูปแบบของเนื้อหา รูปแบบของเนือ้ หา

เกีย่ วกบั การพนนั เก่ียวกบั ส่อื ลามกอนาจาร เกย่ี วกับการหลอกลวง เกย่ี วกบั การคกุ คามหรือขม ขู

เปนการชักจูงให้เข้ามาเล่นโดยใช้ มวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอ่ื เรา้ อารมณท์ างเพศ เปน การแอบอา้ งหรอื นา� ขอ้ มลู ของ เปน สง่ิ ทสี่ รา้ งความเดอื ดรอ้ นรา� คาญ
ผลตอบแทนล่อใจ ส่วนใหญ่เล่น ซงึ่ อาจจะนา� ไปสปู่ ญั หาอาชญากรรม ผู้อ่ืนไปใช้ท�าให้เกิดความเสียหาย กระทบสทิ ธสิ ่วนบุคคล และอาจนา�
แล้วจะติดไปเร่ือย ๆ เพราะอยาก ตา่ งๆ เมอื่ พบเนอื้ หาดงั กลา่ ว ควรแจง้ ข้อปฏิบัติที่ส�าคัญ คือ ไม่ควร ไปสู่ปัญหาอาชญากรรมตา่ ง ๆ ซึ่ง
ได้เงินกลับคืนมา เม่ือพบเนื้อหา ผู้ใหญ่ หรือเจ้าหน้าที่ต�ารวจ และ เปด เผยขอ้ มลู สว่ นตวั เปน สาธารณะ จะปองกันได้โดยการไม่เปดอ่าน
ดังกล่าวไม่ควรเข้าไปดู และควร ควรติดต้ังโปรแกรมที่ใช้ส�าหรับ ถ้ามีใครชวนลงทุนหรือให้โอนเงิน อเี มล ท่ไี ม่มีการระบุตัวตน ควรรีบ
แจ้งผใู้ หญ่ หรือเจ้าหน้าทตี่ า� รวจ ปอ งกนั เนอ้ื หาทไ่ี มเ่ หมาะสมลงบน ควรปรึกษาผใู้ หญ่กอ่ น แจ้งผู้ใหญ่ หรือเจ้าหน้าที่ต�ารวจ
เคร่ืองคอมพวิ เตอร์ เมอื่ ไดร้ บั ขอ้ ความทค่ี ิดวา่ เปนการ
ข่มขู่

ความรับผดิ ชอบตอการใชงานเทคโนโลยสี ารสนเทศ

1. ความรับผิดชอบต่อตนเองเมื่อใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ เปนส่ิงที่ควรกระท�า เพ่ือไม่ให้เกิดความขัดแย้งหรือท�าให้ผู้อ่ืนเดือดร้อน
เชน่ ไมพ่ ยายามใช้งานบัญชีของผู้อ่ืน ไมต่ ิดต้งั ซอฟตแ์ วรท์ ่ผี ิดกฎหมาย

2. ความรับผิดชอบต่อบคุ คลอืน่ เม่อื ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ เปนการให้ความเคารพต่อสิทธขิ องแตล่ ะคน เปรยี บไดก้ ับมารยาททาง
สงั คมทีพ่ งึ กระท�า เช่น ไม่คดั ลอกผลงานผอู้ ืน่ มาแอบอา้ งเปน ของตนเอง ไม่ข่มขู่ หลอกลวง ทา� ส่งิ ใด ๆ ให้ผอู้ ื่นเดอื ดรอ้ น

3. ความรบั ผดิ ชอบตอ่ สงั คมเมอื่ ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ เปน ความรบั ผดิ ชอบทที่ กุ คนพงึ มแี ละตอ้ งปฏบิ ตั ทิ งั้ ในระดบั บคุ คลและองคก์ ร
เชน่ ไมน่ �าข้อมูลภายในองค์กรไปเผยแพร่ คัดลอก หรอื ดดั แปลงแก้ไขโดยไม่ได้รับอนญุ าต เคารพกฎระเบียบสว่ นรวม

T100

Chapter Concept Overview

หนว ยการเรยี นรูที่ 4

ทรัพยสินทางปญญา

ทรัพย์สินทางปญญา คือ ผลงานอันเกิดจากความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ เปนทรัพย์สินท่ีนอกเหนือจากสังหาริมทรัพย์และ
อสังหาริมทรพั ย์

1. ประเภทของทรัพยส์ ินทางปญั ญา
1) ลขิ สทิ ธิ์ คอื สทิ ธแิ์ ตผ่ เู้ ดยี วทที่ างกฎหมายรบั รองใหผ้ สู้ รา้ งสรรคผ์ ลงานสามารถทา� ซา�้ ดดั แปลง หรอื นา� ออกโฆษณาได้ มีอายุ

การค้มุ ครอง 50 ป หลังผสู้ รา้ งสรรคค์ นสดุ ท้ายเสยี ชีวติ โดยเปน การให้ความคมุ้ ครองอตั โนมตั ิแกท่ ายาทด้วย
- ประเภทของงานทม่ี ลี ิขสิทธิ์ กฎหมายลขิ สิทธใิ์ ห้ความค้มุ ครองแก่งานสรา้ งสรรค์ 9 ประเภท ตามท่ีกฎหมายกา� หนด ดงั น้ี

งานวรรณกรรม เช่น หนงั สอื โปรแกรมคอมพิวเตอร์ งานนาฏกรรม เชน่ การเต้น การท�าท่า งานศลิ ปกรรม เชน่ จิตรกรรม ประตมิ ากรรม
งานดนตรกี รรม เช่น ค�ารอ้ ง ท�านอง งานโสตทศั นวัสดุ เช่น วดิ โี อ ดวี ีดี งานภาพยนตร์ เชน่ ภาพยนตร์ รวมท้ังเสยี งประกอบภาพยนตร์
งานสง่ิ บนั ทึกเสียง เชน่ เทปเพลง ซดี ี งานแพรเ่ สยี งแพร่ภาพ เชน่ รายการวทิ ยุ รายการโทรทัศน์ หรืองานอืน่ ใดในแผนกวรรณคดี แผนก
วทิ ยาศาสตร์ หรือศิลปะ

- การไดม้ าซง่ึ ลขิ สทิ ธิ์ จะมผี ลทนั ทที ผี่ สู้ รา้ งไดส้ รา้ งสรรคผ์ ลงานเสรจ็ โดยไมต่ อ้ งจดทะเบยี น เจา้ ของลขิ สทิ ธค์ิ วรปกปอ งคมุ้ ครอง
สิทธขิ องตนเอง ควรเก็บหลกั ฐานในการพิสูจน์ความเปน เจ้าของไว้ดว้ ย

- เจา้ ของลขิ สทิ ธิ์ ไดแ้ ก่ ผสู้ รา้ งสรรคผ์ ลงาน ผสู้ รา้ งสรรคใ์ นฐานะพนกั งานหรอื ลกู จา้ ง ผวู้ า่ จา้ งกรณวี า่ จา้ งใหบ้ คุ คลอน่ื สรา้ งสรรค์
ผลงาน ผูด้ ัดแปลง หน่วยงานตา่ ง ๆ เชน่ กระทรวง ทบวง กรม และผรู้ บั โอนลขิ สทิ ธ์ิ

- เอกสารที่ใช้ประกอบการแจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์ ส�าเนาบัตรประชาชน ส�าเนาหนังสือรับรองนิติบุคคล หนังสือมอบอ�านาจ
ผลงานหรอื ภาพถ่ายงานลิขสทิ ธิ์ สา� เนาหนังสือแต่งตั้งผบู้ ริหาร (กรณีหนว่ ยงานรัฐ) ส�าเนาบตั รประชาชนผูย้ น่ื ค�าขอ

- ประโยชนข์ องลขิ สทิ ธ์ิ เจา้ ของลขิ สทิ ธไ์ิ ดร้ บั ความคมุ้ ครองตามกฎหมาย มสี ทิ ธใิ์ นการทา� ซา�้ ดดั แปลง เผยแพรต่ อ่ สาธารณชน
สามารถอนญุ าตให้ผู้อืน่ ใชล้ ิขสิทธ์ขิ องตนโดยได้รบั ค่าตอบแทนท่เี ปน ธรรม

2) สทิ ธบิ ตั ร คือ หนังสือท่ีรฐั ออกใหเ้ พอื่ ค้มุ ครองการประดิษฐห์ รือการออกแบบ
- ประเภทของสิทธิบตั ร แบง่ เปน สทิ ธบิ ตั รการประดิษฐ์ สิทธิบัตรการออกแบบผลติ ภัณฑ์ และอนสุ ทิ ธิบัตร
- ความแตกต่างระหว่างอนุสิทธิบัตรและสิทธิบัตรการประดิษฐ์ อนุสิทธิบัตรเปนการคุ้มครองการประดิษฐ์ที่มีเทคนิคที่ไม่สูง

มากนัก ส่วนสทิ ธิบตั รจะมขี ั้นการประดิษฐ์ทีส่ งู ขน้ึ
- ประโยชน์ของสทิ ธิบัตร ทา� ให้เห็นความเปน มา พัฒนาการ และข้อบกพร่องของสง่ิ ประดษิ ฐ์ ก่อใหเ้ กดิ แนวคดิ ใหม่ ๆ ในการ

พฒั นาตามมาในทางธรุ กิจ ช่วยใหส้ ามารถคาดการณ์แนวโน้มของเทคโนโลยีทีก่ �าลงั เกิดขึ้น และประเมนิ ความกา้ วหน้าของเทคโนโลยไี ด้
2. ข้อด-ี ขอ้ เสียของทรพั ยส์ ินทางปัญญา
- ข้อดี ใหค้ วามเปน ธรรมแกผ่ คู้ ดิ คน้ ในเร่อื งคา่ ตอบแทน คุ้มครองเจ้าของผลงาน
- ขอ้ เสยี การตงั้ ราคาไมเ่ ปน ธรรมทา� ใหล้ ขิ สทิ ธนิ์ น้ั มรี าคาแพง กา� ลงั ซอ้ื ผบู้ รโิ ภคมไี มพ่ ออาจสง่ ผลตอ่ ชวี ติ เชน่ ยารกั ษาโรครา้ ยแรง

T101

นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขนั้ นาํ 4 การใชเ ทคโนโลยสี ารสนเทศหนว ยการเรยี นรทู ่ี
อยา งปลอดภยั
กระตนุ ความสนใจ

1. นักเรียนทําแบบทดสอบกอนเรียน หนวยการ
เรียนรูท่ี 4 เรือ่ ง การใชเ ทคโนโลยสี ารสนเทศ
อยางปลอดภยั เพื่อวัดความรูเ ดิมของนักเรียน
กอ นเขาสกู จิ กรรม

2. ครถู ามคาํ ถามกระตนุ ความสนใจของนกั เรยี น
วา ปญหาที่เกิดจากการใชเทคโนโลยีมีอะไร
บา ง
(แนวตอบ นักเรียนตอบตามประสบการณของ
ตนเอง โดยคําตอบขึ้นอยูกับดุลยพินิจของ
ครผู สู อน เชน การละเมดิ ลขิ สทิ ธ์ิ การนาํ ขอ มลู
สว นบุคคลมาเผยแพร การนาํ ผลงานของผูอนื่
มาแอบอางเปนของตน)

การใชงานเทคโนโลยีสารสนเทศมีทั้งประโยชนและโทษ
ดงั นนั้ ผใู ชง านเทคโนโลยสี ารสนเทศจะตอ งมคี วามรบั ผดิ ชอบ
และรูจกั การปฏิบตั ติ นในการเขา ใชงานอยา งเหมาะสม
ตวั ชว้ี ัด
ว 4.2 ม.2/4 ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภยั มีความรบั ผิดชอบ สร้างและแสดงสิทธใิ นการเผยแพรผ่ ลงาน

เกร็ดแนะครู

เนื้อหาในบทเรียนนี้ เปนการกลาวถึงเหตุการณที่เกิดข้ึนในชีวิตจริงและ
สามารถพบเห็นไดทั่วไป ครูสามารถหาขอมูลตัวอยางกรณีศึกษามาประกอบ
การสอน เพอ่ื ใหน กั เรยี นไดเ หน็ ความเสยี หายทเี่ กดิ ขน้ึ จรงิ จากการใชเ ทคโนโลยี
ผดิ ทาง ตลอดจนบทลงโทษทผ่ี กู ระทาํ ผดิ ไดร บั วธิ กี ารปฏบิ ตั ติ นเพอ่ื ปอ งกนั และ
หลกี เลยี่ งปญ หาเหลา น้ี รวมถงึ คณุ ประโยชนจ ากการนาํ เทคโนโลยไี ปใชแ กป ญ หา
อยางสรางสรรค หนวยการเรียนรูนี้จึงเปนหนวยการเรียนรูที่ควรใหนักเรียน
ไดเ รยี นรูจากเหตุการณ กรณีศึกษา เพือ่ ใหส ามารถนาํ ความรูท ีไ่ ดไ ปใชใ นชีวติ
ประจําวันไดจริง

T102

นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขนั้ นาํ

กระตนุ ความสนใจ

เราสามารถหลีกเล่ยี ง 1 การใชเ ทคโนโลยสี ารสนเทศ 3. จากนั้นครูถามคําถามสําคัญประจําหัวขอวา
ปญ หาของการถูกขโมย นักเรียนรูหรือไมวา เราสามารถหลีกเลี่ยง
ขอมูลหรอื หลอกลวงให เทคโนโลยีสารสนเทศได้เข้ามามีบทบาทกับชีวิต ปญหาของการถูกขโมยขอมูลหรือหลอกลวง
หลงเชอ่ื จากการใชเ ทคโนโลยี ของผคู้ นในหลากหลายดา้ น และถอื เปน็ เครอ่ื งมอื ทมี่ คี วาม ใหห ลงเชอื่ จากการใชเ ทคโนโลยสี ารสนเทศได
สารสนเทศไดอ ยา งไรบาง ส�าคัญอย่างย่ิงต่อการด�าเนินชีวิตของคนในสังคมปัจจุบัน อยา งไรบาง

โดยเราสามารถใช้เทคโนโลยีในการเข้าถึงข้อมูลจากผู้อ่ืน ขน้ั สอน
รวมถึงสามารถแชร์ข้อมูลของตนเองไปสู่ผู้อ่ืนได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่มีคอมพิวเตอร ์
สมารต์ โฟน หรอื แทบ็ เลต็ ทต่ี อ่ เขา้ กบั เครอื ขา่ ยอนิ เทอรเ์ นต็ กส็ ามารถเขา้ ถงึ ขอ้ มลู ตา่ ง ๆ สาํ รวจคน หา

ทีต่ ้องการได้แลว้ 1. นักเรียนแบงกลุม กลุมละ 3-4 คน เพอ่ื ศกึ ษา
และอภิปรายรวมกันถึงประโยชนจากการใช
เมื่อเทคโนโลยีสารสนเทศได้รับการพัฒนาให้มีรูปแบบท่ีมีความน่าสนใจและอยู่ใกล้ชิดกับ เทคโนโลยีสารสนเทศในหนังสือเรียน รายวชิ า
ชีวิตของมนุษย์มากย่ิงข้ึน เทคโนโลยีจึงสร้างทั้งคุณประโยชน์และโทษให้กับผู้ใช้ ซึ่งจะเห็นได้ว่า พ้ืนฐาน เทคโนโลยี (วิทยาการคํานวณ) ม.2
ในปัจจุบันเกิดปัญหาทางสังคมจากการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ท้ังโดยต้ังใจหรือไม่ต้ังใจใน หรือสืบคนขอมูลจากอินเทอรเน็ตที่เครื่อง
หลากหลายลักษณะ ตัวอย่างของคณุ ประโยชน์และโทษของการใชเ้ ทคโนโลย ี มดี ังนี้ คอมพิวเตอรของตนเอง จากน้ันใหนักเรียน
แตล ะกลมุ ออกมานาํ เสนอเกย่ี วกบั คณุ ประโยชน
1. คุณประโยชนจากการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศ การใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศ จากการใชเทคโนโลยีสารสนเทศ พรอม
มปี ระโยชนม์ ากมายและมผี ลตอ่ การดา� รงชวี ติ ของทกุ คนโดยไมร่ ตู้ วั เชน่ อภิปรายรวมกับเพ่ือนในชั้นเรียน โดยครูคอย
• ท�าให้เกิดคุณภาพชีวิตท่ีดีขึ้น และมีความสะดวกสบายย่ิงข้ึนจากส่ิงอ�านวยความ บันทึกคําตอบของนักเรียนแตละกลุมลงบน
สะดวกตา่ ง ๆ กระดาน
• ใช้อ�านวยความสะดวกในด้านการศึกษา เช่น ระบบการลงทะเบียน ระบบการจัด 2. ครูเปดโอกาสใหนักเรียนซักถามขอสงสัย
ตารางสอน นอกจากน ้ี ยงั ใชเ้ ปน็ เครอื่ งมอื ในการเพม่ิ โอกาสการเรยี นรขู้ องผใู้ ชง้ าน เชน่ การสบื คน้ และครูใหความรูเพิ่มเติมในสวนน้ันหรือ
ข้อมลู ทางอนิ เทอร์เนต็ ส่ือการสอน หรอื บทเรียน เปดโอกาสใหนักเรียนศึกษาความรูเพ่ิมเติม
• ประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลา จากอินเทอรเน็ต
สามารถติดต่อสื่อสารระหว่างกันอย่างสะดวก 3. ครูและนักเรียนรวมกันจัดอันดับคุณประโยชน
รวดเร็ว โดยใช้โทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ หรือ จากการใชเทคโนโลยีสารสนเทศจากคําตอบ
แหลง่ อ่ืน ๆ ของนกั เรยี นบนกระดาน
• ท�าให้เกิดการจัดการทรัพยากร
ธรรมชาติได้ดีย่ิงขึ้น เช่น การรวบรวมข้อมูล แนวตอบ คําถามสาํ คญั ประจําหวั ขอ

เรอื่ งคุณภาพในแมน่ า�้ ลา� คลองสายต่าง ๆ เพอ่ื นกั เรยี นตอบตามประสบการณข องตนเอง โดย

น�ามาตรวจวัดมลภาวะ แล้วด�าเนินการแก้ไข คําตอบขึ้นอยูกับดุลยพินิจของครูผูสอน เชน ใส
เครดติ ทผี่ ลงานของตนเองเพอ่ื ปอ งกนั การดดั แปลง
ปัญหา เป็นตน้ ภาพท่ี 4.1 การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ แกไข หรือปลอมแปลง ใชเทคโนโลยีสารสนเทศ

เพือ่ ขอความชว่ ยเหลือ 89

อยา งมสี ติ ไมใ หข อ มลู สว นตวั กบั หนว ยงานทเี่ ชอ่ื ถอื
ไมได
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู

ขอใดจัดเปนเทคโนโลยีที่มีคุณประโยชนในดานประหยัดทั้ง ครูอาจจะนําตัวอยางขาวสารที่มีเน้ือหาตรงกับหัวขอคุณประโยชนของ
คา ใชจายและเวลา เทคโนโลยใี นแตล ะดา นในปจ จบุ นั มานาํ เสนอใหน กั เรยี นไดศ กึ ษาจากเหตกุ ารณ
จริงจากทั้งในประเทศและทั่วโลก เพ่ือเชื่อมโยงความรูและความเขาใจของ
1. หุนยนตสาํ รวจทะเลลกึ นักเรียนใหมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น หรืออาจใหนักเรียนแบงกันสืบคนขอมูล
2. เตยี งไฟฟา สําหรับผปู วยอัมพาต ตามหวั ขอดังกลาว แลวออกมานําเสนอหนา ชัน้ เรยี นกไ็ ด
3. ระบบเตอื นภัยสึนามใิ นทะเลลึก
4. โทรศพั ทดาวเทยี มสําหรบั สือ่ สารไดท ุกทบ่ี นโลก
(วเิ คราะหคาํ ตอบ จากตัวเลือกที่กําหนดให วิเคราะหไดวา
เทคโนโลยีท่ีประหยัดทั้งคาใชจายและเวลา คือ เทคโนโลยีการ
ส่ือสาร ดงั นั้น ตอบขอ 4.)

T103

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขนั้ สอน 2. โทษจากการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ มักจะเกิด CinoRmeaSlcLiife
ข้ึนจากความตั้งใจและไม่ต้ังใจ ซ่ึงมักจะขาดสติความย้ังคิดต่อ
สาํ รวจคน หา การรับรู้ข่าวสาร หรือเกิดจากการหลงเชื่อส่ิงที่มีการโฆษณา การเข้าถึงสารสนเทศในยุค
หลอกลวงท�าให้เกิดเหตุการณ์ที่มีผลกระทบต่อผู้คนหรือตัว ดิจิทัลเน่ืองจากเป็นยุคท่ีมีการ
4. นกั เรยี นแตล ะกลมุ ออกมานาํ เสนอเกย่ี วกบั โทษ ผใู้ ชไ้ ด ้ โดยสว่ นใหญส่ าเหตทุ เี่ กดิ ขนึ้ มกั จะเกดิ จากตวั ผรู้ บั ขา่ วสาร ติดต่อสื่อสารท่ีรวดเร็วและยัง
จากการใชเ ทคโนโลยสี ารสนเทศ พรอ มอภปิ ราย ขาดความรคู้ วามเขา้ ใจ หรอื เกดิ ความคกึ คะนอง รวมถงึ ตอ้ งการ สามารถเข้าถึงได้ง่ายมาก จึง
รวมกับเพ่ือนในช้ันเรียน โดยครูคอยบันทึก ท�าให้ระบบการรักษาความ
คําตอบของนกั เรยี นแตล ะกลมุ ลงบนกระดาน ปลอดภัยนั้นไม่สามารถท�าได ้
ให้เปน็ ทสี่ นใจของสงั คม 100% และปัจจบุ นั ปัญหานไี้ ด้
อธบิ ายความรู 1) ปญหาการติดเกมจากการใช้เทคโนโลยี เพ่ิมขึ้นตลอดเวลา เนื่องจาก o_O
สารสนเทศ เป็นปัญหาท่ีเกิดขึ้นมานาน และยังเป็นปัญหาท่ี การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
ครูอธิบายเช่ือมโยงความรูสูชีวิตประจําวัน เกดิ ขนึ้ ในวยั เดก็ ไปจนถงึ วยั ผใู้ หญ ่ และยงั กอ่ ใหเ้ กดิ ปญั หาสงั คม ไปในทางท่ีผิด ดังน้ัน การใช้
(Com Sci in Real Life) วา การเขาถงึ สารสนเทศ บ่อยครั้ง เชน่ การซ้ือของในเกม การเล่นเกมเป็นเวลานานจน สารสนเทศจงึ ควรระวังในเรอื่ ง
ในยคุ ดจิ ทิ ลั เนอื่ งจากเปน ยคุ ทม่ี กี ารตดิ ตอ สอ่ื สาร เสยี ชวี ติ การควบคมุ อารมณไ์ มไ่ ด ้ การทา� ลายทรพั ยส์ นิ ของผอู้ นื่ ของการกระท�าในทางสื่อสาร
ทรี่ วดเรว็ และยงั สามารถเขา ถงึ ไดง า ยมาก จงึ ทาํ ให หรอื ของตนเอง หรอื เผยแพร ่ เพ่อื ปอ งกนั การ
ระบบการรักษาความปลอดภัยนั้นไมสามารถ ถูกล่อลวงหรือขโมยข้อมูล
ทาํ ได 100% และปจ จบุ นั ปญ หานไ้ี ดเ พมิ่ ขนึ้ ตลอด 2) ปญหาการละเมิดลิขสิทธ์ิจากการใช้เทคโนโลยี ส่วนตัว
เวลา เนอ่ื งจากการใชเ ทคโนโลยสี ารสนเทศไปใน สารสนเทศ เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ซึ่งเกิดจากผู้ที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ
ทางท่ีผิด ดังน้ัน การใชสารสนเทศจึงควรระวัง จนน�ามาซึ่งปัญหาการเรียกร้องค่าเสียหายต่อผู้ท่ีกระท�าผิด เช่น การดาวน์โหลด หรือคัดลอก
ในเรื่องของการกระทําในทางสื่อสารหรือเผยแพร
เพอ่ื ปอ งกันการถูกลอ ลวงหรอื ขโมยขอ มูล

ขอ้ ความ ภาพ ผลงาน และอนื่ ๆ โดยไม่ได้รับการอนุญาตใหเ้ ผยแพรห่ รอื ครอบครองก่อนได้รับ
อนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธ์ิ

ภาพที่ 4.2 ปญั หาการตดิ เกม ภาพท่ี 4.3 ปัญหาการละเมดิ ลิขสทิ ธ์ิ

90

เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคดิ

ครูอาจจะนําตัวอยางขาวสารขอมูลในปจจุบันที่ตรงกับโทษของการใช ขอใดจัดเปนการแกปญหาที่ดีท่ีสุดหลังจากตรวจพบภายหลัง
เทคโนโลยใี นทางทผี่ ดิ ในแตล ะดา นมานาํ เสนอใหน กั เรยี นไดศ กึ ษาจากเหตกุ ารณ วาไดเผยแพรขา วสารขอมูลทเี่ ปนเท็จลงไปในโซเชียล
จรงิ จากทง้ั ในประเทศและทว่ั โลก เพอื่ ใหเ หน็ ผลลพั ธท เี่ กดิ ขนึ้ แลว รว มกนั อภปิ ราย
ถงึ แนวทางในการปอ งกนั แกไ ขปญ หาดว ย 1. ลบโพสตท้งิ
2. แกไขโพสตแ จง ใหทราบวา เปน ขอ มลู เทจ็
T104 3. สบื คน ขอ มลู ท่ีถูกตองมาโพสต พรอมอธิบายเพมิ่ เติม
4. ทาํ ทงั้ ขอ 2. และขอ 3.

(วเิ คราะหคาํ ตอบ จากตัวเลอื กทก่ี ําหนดให วิเคราะหไ ดวา การ
แกไ ขโพสตเ พอื่ ชแี้ จงความจรงิ จะชว ยใหค นทมี่ าอา นหรอื เผยแพร
ขอ มลู ตอ จากเราไปแลว ไดร บั ทราบวา เปน ขอ มลู ทเ่ี ปน เทจ็ และการ
สืบคนขอมูลที่ถูกตองมาโพสตก็จะชวยใหผูที่เขาใจผิดไดศึกษา
ทาํ ความเขา ใจความจรงิ เพอื่ ทจี่ ะไดช ว ยกนั เผยแพรข อ มลู ทถี่ กู ตอ ง
ไปใหคนอื่นไดรับทราบแทนขอมูลเดิม ซ่ึงมีประโยชนมากกวา
การลบโพสตทง้ิ ไป ดงั นัน้ ตอบขอ 4.)

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

3) ปญหาสังคมเส่ือมจากการใชเทคโนโลยีสารสนเทศ การใชเทคโนโลยีในทางท่ี ขน้ั สอน
ผดิ กาํ ลงั เปน ปญ หาในสงั คมไทย จากการเผยแพร
ขยายความเขา ใจ
หรือแสดงพฤติกรรมเลียนแบบท่ีไมเหมาะสม
1. ครูเปดโอกาสใหนักเรียนซักถามขอสงสัย
ซงึ่ ปจ จบุ นั เดก็ เลก็ กส็ ามารถเขา ไปรบั ชม รบั ฟง โดยครูใหความรเู พ่มิ เติมในเรอื่ ง โทษจากการ
ใชงานเทคโนโลยีสารสนเทศ
ไดงาย ทําใหเด็กเกิดอยากรูอยากลองเปน
2. นกั เรยี นทาํ ใบงาน เรอื่ ง คณุ ประโยชนแ ละโทษ
จากการใชงานเทคโนโลยีสารสนเทศ

การกระทําที่เปนพฤติกรรมเลียนแบบ กอให

เกิดปญหาอาชญากรรมจากการใชเทคโนโลยี

มากขน้ึ ในวยั เดก็ เพราะเดก็ ยงั ไมม วี จิ ารณญาณ

ในการคิดวิเคราะหส่ิงท่ีเห็นหรือรับฟง ซ่ึงเปน

ปญหาใหญท่ีทําใหสังคมเสื่อมจากการใช

เทคโนโลยี ดงั น้ัน ตองรบี แกไขโดยการปลกู ฝง ภาพท่ี 4.4 การใชเ ทคโนโลยใี นวยั เดก็ ควรมีผใู หญใ ห
การใชเ ทคโนโลยสี ารสนเทศในทางท่ถี ูกตอง คาํ แนะนําหรือหลีกเลี่ยงการรับขอ มูลทไี่ มเ หมาะสม

4) ปญหาอาชญากรรมทางขอมูลจากการใชเทคโนโลยีสารสนเทศ เปนปญหาที่มี
ผลกระทบรุนแรง เพราะเปนการนําขอมูลสว นบุคคล หรอื องคก ร มาดดั แปลง แกไ ข ปลอมแปลง
หรือทําการขโมยโดยใชเทคโนโลยีสารสนเทศเพ่ือใหไดขอมูลมา ทําใหเกิดการสูญเสียทรัพยสิน
ตอผูที่ถูกกระทํา เชน ขอมูลทางการเงิน ขอมูลบัตรเครดิต ขอมูลบัตรประจําตัวประชาชน
หนงั สอื เดนิ ทาง (Passport) การบิดเบือนขาวสารจากความเปน จรงิ

ภาพที่ 4.5 ขอมูลหลอกลวง ภาพที่ 4.6 การปลอมแปลงขอ มูล

91

ขอ สอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู

YouTube Kids เปนแอปรวมวิดโี อทเี่ หมาะสมสาํ หรับเด็กและ ครูอาจจะจัดการเรียนการสอนเปนกิจกรรมบทบาทสมมติ โดยคิด
ครอบครัว เปนแอปที่ไมมีพิษภัย ผูปกครองสามารถควบคุมการ สถานการณทีส่ ื่อถึงโทษของการใชเ ทคโนโลยที ั้ง 6 ขอ มาใหนักเรยี นจับสลาก
ใชง านได จากขอ ความขา งตน เปน การปอ งกนั ปญ หาการเกดิ โทษ ออกมาแสดงละครส้นั จากสถานการณทค่ี รูกาํ หนดใหท้งั 6 สถานการณ ขอละ
จากการใชง านเทคโนโลยใี นดา นใด ประมาณ 3-5 นาที โดยใหน กั เรยี นทีเ่ ปน ฝา ยนง่ั ชมชวยกันสรุปในตอนทา ยของ
ละครส้นั แตละเร่อื งวาตรงกับโทษของการใชงานเทคโนโลยีในขอใด
1. ปญ หาการติดเกมจากการใชเ ทคโนโลยสี ารสนเทศ
2. ปญหาสงั คมเสอื่ มโทรมจากการใชเ ทคโนโลยสี ารสนเทศ T105
3. ปญ หาการละเมิดลิขสทิ ธจิ์ ากการใชเทคโนโลยสี ารสนเทศ
4. ปญ หาอาชญากรรมทางขอ มลู จากการใชเ ทคโนโลยี

สารสนเทศ

(วิเคราะหคําตอบ จากตัวเลือกที่กําหนดให วิเคราะหไดวา
จากตัวอยางในโจทยเปนการใชเทคโนโลยีปองกันเด็กจากการ
เขาถึงสื่อภาพและเสียงท่ีไมเหมาะสม เพื่อไมใหเกิดพฤติกรรม
เลียนแบบทไ่ี มเ หมาะสมตามมา ดังน้นั ตอบขอ 2.)

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั สอน 5) ปญหาการละเมดิ สทิ ธิสว่ นบุคคลจากการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นการคกุ คาม
ซง่ึ ในปจั จบุ นั มผี ถู้ กู ดา� เนนิ คดมี ากมาย จากการ
ขยายความเขา ใจ ก่อความร�าคาญ หรือท�าให้ผู้อื่นได้รับความ

3. นักเรียนและครูรวมกันจัดลําดับโทษจากการ
ใชงานเทคโนโลยีสารสนเทศ จากคาํ ตอบของ
นักเรยี นบนกระดาน

ขน้ั สรปุ เดือดร้อนทั้งต้ังใจและไม่ตั้งใจ เนื่องจาก
ขาดความรู้ความเข้าใจในข้อกฎหมายทาง
ตรวจสอบผล เทคโนโลยีสารสนเทศ และมาจากการท่ีขาด
จริยธรรมและมารยาทในการใช้เทคโนโลยี
1. ครูประเมินผลนักเรียนจากการสังเกตการ สารสนเทศ เช่น การน�าภาพบุคคลอ่ืนมา
ตอบคําถาม ความสนใจในการเรียน การทํา แอบอ้างเปน็ ของตน ดัดแปลงแกไ้ ขขอ้ มูลของ
กิจกรรมกลมุ และการทาํ ใบงาน ผู้อ่ืนโดยไม่ได้รับอนุญาต การเข้าไปดูข้อมูล
ผู้อน่ื ในส่วนที่ไม่ได้รบั อนญุ าต
2. ครตู รวจสอบความถกู ตองของการทําใบงาน ภาพท่ี 4.7 การละเมดิ สทิ ธิส่วนบคุ คล
3. นักเรียนและครูรวมกันสรุปเก่ียวกับการใช
6) ปญหาอาชญากรรมท่ีมีผลต่อชีวิตจากเทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นอาชญากรรม
เทคโนโลยสี ารสนเทศ ท่ีร้ายแรงและมีผลกระทบร้ายแรงในวงกว้างตั้งแต่ระดับบุคคลไปจนถึงระดับโลก ซ่ึงปัญหานี้เกิด
จากการนา� ความสามารถทางเทคโนโลยไี ปใชใ้ นทางท่ผี ดิ หรือเพื่อแสวงหาผลก�าไร จนท�าให้ผอู้ ่ืน
ขนั้ ประเมนิ เดอื ดรอ้ น สง่ ผลตอ่ ชวี ิตของผ้ทู ี่โดนกระท�าและสง่ ผลต่อเศรษฐกิจของประเทศ ทา� ใหม้ ีผลกระทบ
ตอ่ เศรษฐกจิ ของโลกในทีส่ ดุ เชน่ การท�าลาย เปล่ียนแปลง ขโมยข้อมลู ในระบบคอมพวิ เตอร์ ซ่ึง
ตรวจสอบผล เราจะรจู้ กั กนั ดใี นรปู ของการกอ่ อาชญากรรมไซเบอร ์ (Cyber Crime) อาชญากรทก่ี อ่ อาชญากรรม
ประเภทนี้ มักเรียกว่า แครกเกอร์ (Cracker)
ตารางการวดั และประเมินผล ซึ่งมีอยู่หลายระดับความสามารถและมีความ
มุ่งหมายในการก่ออาชญากรรมที่แตกต่างกัน
วิธกี าร เครื่องมือ เกณฑการประเมนิ ซ่ึงมีท้ังผู้ที่เริ่มต้น (Novice) พวกวิกลจริต
ตรวจแบบทดสอบ แบบทดสอบ ประเมนิ ตาม (Deranged Persons) กลมุ่ อาชญากรทก่ี ระท�า
ผดิ (Organized Crime) อาชญากรระดับอาชีพ
กอนเรียน กอนเรยี น สภาพจรงิ (Career) ผทู้ ม่ี คี วามรู้ความสามารถและทกั ษะ
ดา้ นคอมพิวเตอรร์ ะดบั สูง (Hacker/Cracker)
ตรวจใบงาน ใบงาน รอยละ 60
ผา นเกณฑ

ประเมนิ แบบประเมิน ระดับคณุ ภาพ 2
การนําเสนอ การนําเสนอ ผานเกณฑ
ผลงาน ผลงาน

สังเกตพฤติกรรม แบบสังเกต ระดับคุณภาพ 2 ภาพท่ี 4.8 การกอ่ อาชญากรรมไซเบอร์
การทํางาน พฤติกรรม ผานเกณฑ
รายบุคคล

สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสังเกต ระดับคณุ ภาพ 2 92
การทํางานกลุม พฤติกรรม ผา นเกณฑ

แนวทางการวัดและประเมินผล ขอ สอบเนน การคดิ

ครูสามารถสังเกตการนําเสนอผลงาน พฤติกรรมการทํางานรายบุคคล นกั เลงคอมพวิ เตอรเ ยาวชนอายุ 16 ป เจาะระบบของบรษิ ทั ไอที
และการทํางานกลุมของนักเรียน โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผลจาก ดานระบบรักษาความปลอดภัย ขโมยขอมูลไฟลไปกวา 70 GB
แบบประเมินการนําเสนอผลงาน แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานรายบุคคล ถูกจับกุมและสงฟองศาลเด็ก ขอความขางตนเกี่ยวของกับโทษ
และแบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทาํ งานกลมุ ทแ่ี นบมาทา ยแผนการจดั การเรยี นรทู ่ี 4 จากการใชงานเทคโนโลยีในดานใดตอ ไปนม้ี ากทส่ี ดุ
หนวยการเรียนรทู ่ี 4
1. ปญ หาสังคมเสอ่ื มจากการใชเทคโนโลยสี ารสนเทศ
แบบประเมินการนาเสนอผลงาน แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม 2. ปญหาการติดเกมจากการใชเทคโนโลยสี ารสนเทศ
3. ปญ หาการละเมิดลขิ สิทธ์ิจากการใชเ ทคโนโลยีสารสนเทศ
คาชแี้ จง:ใหผ้ สู้ อนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขีด ลงในช่องที่ คาชี้แจง : ให้ผสู้ อนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องที่ คาชแี้ จง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ลงในชอ่ งท่ี 4. ปญหาอาชญากรรมท่ีมีผลตอชีวิตจากการใชเทคโนโลยี
ตรงกับระดับคะแนน ตรงกบั ระดับคะแนน ตรงกบั ระดับคะแนน
สารสนเทศ
ลาดับที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน 1 ลาดบั ที่ รายการประเมนิ ระดับคะแนน ลาดบั ที่ ชื่อ–สกลุ การแสดง การยอมรบั การทางาน ความมนี ้าใจ การมี รวม
32  32 ของนกั เรียน ความคิดเหน็ ฟงั คนอื่น ตามท่ีได้รบั สว่ นร่วมใน 15 (วเิ คราะหคําตอบ จากตวั เลือกทก่ี าํ หนดให วิเคราะหไ ดว า เม่อื
   1 มอบหมาย การปรับปรงุ คะแนน บริษัทถูกเจาะระบบขโมยขอมูล ความนาเช่ือถือของบริษัทก็จะ
  ผลงานกลุม่ ลดลง อาจสงผลเสยี หายตามมาในหลายดา น เชน ทําใหห ุนของ
1 ความถกู ต้องของเน้ือหา   1 การแสดงความคิดเหน็   บรษิ ัทตกลงมา บรษิ ัทอาจถูกลกู คา ฟอ งรอ งได ดงั นน้ั ตอบขอ 4.)
2 ความคดิ สรา้ งสรรค์  2 การยอมรบั ฟงั ความคดิ เหน็ ของผอู้ น่ื  321321321321321
3 วิธีการนาเสนอผลงาน  3 การทางานตามหน้าท่ีท่ไี ดร้ บั มอบหมาย  
4 การนาไปใชป้ ระโยชน์ 4 ความมีนาใจ 
5 การตรงต่อเวลา  5 การตรงต่อเวลา 

 

รวม รวม

ลงช่อื ...................................................ผ้ปู ระเมนิ ลงช่ือ...................................................ผู้ประเมนิ
............/................./................... ............/.................../................

เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ลงช่ือ...................................................ผูป้ ระเมนิ
ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ สมบูรณช์ ัดเจน ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่าเสมอ ให้ 2 คะแนน ............./.................../...............
ให้ 1 คะแนน ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินเปน็ ส่วนใหญ่ ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครัง เกณฑก์ ารให้คะแนน
ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินบางสว่ น ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ
ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบางครงั ปฏิบัติหรอื แสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง
ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบางครั้ง ให้ 3 คะแนน
เกณฑ์การตดั สนิ คณุ ภาพ เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน
ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ
ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ
14–15 ดีมาก
14–15 ดีมาก ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
11–13 ดี
11–13 ดี 14–15 ดีมาก
8–10 พอใช้
8–10 พอใช้ 11–13 ดี
ต่ากว่า 8 ปรับปรงุ
ต่ากวา่ 8 ปรับปรุง 8–10 พอใช้

ตา่ กวา่ 8 ปรับปรุง

T106

นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ

เมอ่ื นกั เรยี นพบวา ระหวา ง 2 การปฏิบัติตนเมอ่ื พบเนื้อหา ขน้ั นาํ
ใชง านอนิ เทอรเ นต็ มี ท่ีไมเ หมาะสม
ขอ ความขน้ึ วา “คณุ คอื กระตนุ ความสนใจ
ผโู ชคด”ี นกั เรยี นควรทาํ การใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศรูปแบบหนึ่งที่มี
อยา งไรตอ ไป ผูใ้ ชง้ านมากที่สดุ คอื อนิ เทอร์เน็ต ซึ่งถอื เป็นเครอื ข่าย ครูถามคําถามสําคัญประจําหัวขอกับนักเรียน
เพ่ือกระตุนความสนใจวา เม่ือนักเรียนพบวา
คอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่มีการเชื่อมต่อเครือข่ายคอมพิวเตอร์หลายเครือข่ายทั่วโลก ระหวางใชงานอินเทอรเน็ตอยู แลวมีขอความ
เข้าด้วยกัน และเป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ท่ีทุกคนสามารถเข้าถึงได้ง่ายผ่านเครื่อง- ขนึ้ มาวา คณุ คอื ผูโชคดี นักเรยี นควรทาํ อยางไร
คอมพิวเตอร์ สมาร์ตโฟน หรือแท็บเล็ต
โดยในการเข้าใช้งานอินเทอร์เน็ตของ ขน้ั สอน
แต่ละคนกม็ ีจดุ ประสงค์ทแ่ี ตกต่างกนั เช่น
เพอ่ื ตอ้ งการเยยี่ มชมเวบ็ ไซต ์ เพอื่ ตอ้ งการ สาํ รวจคน หา
ค้นหาข้อมูล เพ่ือต้องการส่งเอกสาร
หรือแลกเปลี่ยนข่าวสารระหว่างกัน เพ่ือ 1. นกั เรยี นแบง กลมุ กลมุ ละ 3-4 คน เพอ่ื อภปิ ราย
ตอ้ งการเขา้ สอื่ สงั คมออนไลน ์ เพอื่ ตอ้ งการ รวมกันถึงเนื้อหาตางๆ ที่ไมเหมาะสมและ
ซ้ือสินค้า เพื่อต้องการท�าธุรกรรมทาง พบเจอในขณะที่ใชงานอินเทอรเน็ต จากน้ัน
การเงิน ใหนักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนออกมานํา
ภาพท่ี 4.9 การใช้งานอนิ เทอร์เน็ตในที่สาธารณะ เสนอเกยี่ วกบั เนอ้ื หาตา งๆ ทไ่ี มเ หมาะสม และ
พบในขณะท่ีใชง านอนิ เทอรเนต็ หนา ชนั้ เรยี น
โดยจะเหน็ ว่า การเข้าใชง้ านอนิ เทอร์เนต็ ไม่วา่ จะดว้ ยวตั ถปุ ระสงคใ์ ด เราสามารถทีจ่ ะพบ
ขอ้ มลู หรอื เนอื้ หาทีไ่ มพ่ งึ ประสงคห์ รอื ไมเ่ หมาะสมได ้ โดยเนอ้ื หาทพี่ บอาจทา� ใหเ้ กดิ ความเสยี หาย 2. นกั เรยี นแตล ะกลมุ สบื คน ขอ มลู จากอนิ เทอรเ นต็
ทั้งต่อตนเอง คนรอบข้าง และสังคมได้ง่าย เกย่ี วกบั เนอ้ื หาตา งๆ ทไี่ มเ หมาะสม และพบใน
โดยเฉพาะเมื่อส่ือสังคมออนไลน์ที่เข้ามามี ขณะทใ่ี ชง านอนิ เทอรเ นต็ เพ่ิมเติม
บทบาทอยา่ งมากกบั คนในสงั คมไทยในทกุ เพศ
ทกุ วยั เนอ้ื หาทไ่ี มเ่ หมาะสมมที ง้ั ทอ่ี ยใู่ นรปู แบบ แนวตอบ คําถามสําคญั ประจาํ หัวขอ
ของข้อความ ภาพนิ่ง ภาพเคล่ือนไหว หรือ
เสียง เช่น เน้ือหาเก่ียวกับการพนัน เน้ือหา นักเรียนตอบตามความคิดเห็นของตนเอง
เก่ียวกับสอ่ื ลามกอนาจาร เน้อื หาเกย่ี วกับการ โดยคําตอบข้ึนอยูกับดุลยพินิจของครูผูสอน เชน
คุกคาม เน้ือหาเก่ียวกับการหลอกลวงหรือ ไมควรคลิกเขาไปชม ควรแจงเจาหนาท่ีหรือ
ข่มข่ตู า่ ง ๆ แจง ไปยังผูดูแลเว็บไซต

ภาพท่ี 4.10 การใช้งานอนิ เทอรเ์ น็ตส่วนบุคคล

93

กิจกรรม สรางเสริม เกร็ดแนะครู

ใหนักเรียนเขียนรายช่ือเว็บไซตท่ีนักเรียนใชงานอยูใน ครอู าจจะใหน กั เรยี นลองชว ยกนั ยกตวั อยา งเนอื้ หาทไี่ มเ หมาะสมในรปู แบบ
ชี วิ ต ป ร ะ จํ า วั น ที่ มี ช  อ ง ท า ง นํ า ไ ป สู  เ นื้ อ ห า ท่ี ไ ม  เ ห ม า ะ ส ม ตา งๆ ทนี่ กั เรยี นเคยพบเจอระหวา งใชง านอนิ เทอรเ นต็ มาประมาณ 6-8 ตวั อยา ง
บนอินเทอรเน็ตที่นักเรียนเคยพบมาคนละ 4-5 เว็บไซต ใหค รเู ขยี นแตล ะตวั อยา งลงบนกระดาน เสรจ็ แลว ใหน กั เรยี นลองชว ยกนั จดั กลมุ
พรอ มอธบิ ายวา มชี อ งทางนําไปสเู น้อื หาทไ่ี มเ หมาะสมในรปู แบบ ดูวา มตี ัวอยา งใดบา งทส่ี ามารถจัดอยใู นกลมุ เดียวกนั ได
ใดบาง และนักเรียนควรปฏิบัติตนอยางไร เมื่อใชงานเว็บไซต
ดงั กลา ว

T107

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั สอน 1. รปู แบบของเนอ้ื หาเกยี่ วกบั การพนนั

อธบิ ายความรู หรือการเสี่ยงโชค มักพบอยู่ในรูปแบบของ

1. ครูใหนักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนออกมา เน้ือหาในการชักจูงบุคคลต่าง ๆ ให้เข้ามาเล่น
นําเสนอเนื้อหาเพ่ิมเติมหนาชั้นเรียน โดย
แตละกลุมจะตองนําเสนอเนื้อหาที่พบและ โดยแสดงให้เห็นถึงผลตอบแทนที่สูงกับการ
ไมซํ้ากับกลุมอื่นๆ พรอมอภิปรายรวมกันใน
ชนั้ เรียน ลงทุนท่ีน้อย หรืออาจเป็นในลักษณะของการ

2. ครูอธิบายกับนักเรียนวา เมื่อสังคมออนไลน เล่นเพื่อความบันเทิงท่ีต้องมีการเสียค่าใช้จ่าย
ท่ีเขามามีบทบาทอยางมากกับคนในสังคม
ไทยในทุกเพศทุกวัย เน้ือหาที่ไมเหมาะสม และจะได้ผลตอบแทนกลับมา มีทั้งท่ีอยู่บน
มีท้ังท่ีอยูในรูปแบบของขอความ ภาพนิ่ง
ภาพเคลอื่ นไหว หรอื เสยี ง เชน เนอื้ หาเกย่ี วกบั เว็บไซต์ หรือในสงั คมออนไลนต์ า่ ง ๆ บอ่ ยครง้ั
การพนัน เน้ือหาเก่ียวกับสื่อลามกอนาจาร
เนอ้ื หาเกยี่ วกบั การคกุ คาม เนอื้ หาเกย่ี วกบั การ ภาพท่ี 4.11 เวบ็ ไซตก์ ารพนัน ทบ่ี คุ คลเขา้ ไปในเนอื้ หาทเ่ี กย่ี วกบั การพนนั โดย
หลอกลวงหรือขม ขูต า งๆ ไม่ได้ต้ังใจ อาจจะเป็นการแนะน�าจากเพื่อน

3. ครูเปดโอกาสใหนักเรียนซักถามขอสงสัยและ หรือจากโฆษณาท่ีมีการแสดงให้เห็นถึงผลตอบแทนต่าง ๆ ที่สูง โดยคนส่วนใหญ่เม่ือเข้าไปแล้ว
ครูใหความรเู พ่มิ เติมในสว นน้นั
ก็จะเห็นว่าได้เงินจริง แต่เม่ือมีการเล่นจนติดและเม่ือเสียเงินจะท�าให้อยากได้เงินกลับคืนมา
4. ครอู ธบิ ายรปู แบบเนอ้ื หาทเ่ี กยี่ วขอ งกบั การพนนั
ที่แฝงอยูในเว็บไซตตางๆ ใหนักเรียนฟง จึงลงทุนเลน่ เพิ่มขน้ึ อีกทา� ให้เสยี เงนิ จา� นวนมากข้นึ เรอ่ื ย ๆ
โดยมภี าพตัวอยา งประกอบ และนาํ ขอ มลู ขาว
เก่ียวกับโทษของการเลนการพนันออนไลนมา การปฏิบตั ติ นเม่อื พบเน้ือหาเกีย่ วกบั การพนัน
นําเสนอใหนักเรียนไดศึกษาตัวอยางผลการ
กระทําของผูที่หลงผิดเขาไปใชบริการเว็บไซต • เมอื่ พบเนือ้ หาเกย่ี วกบั การพนนั ในระหวา่ งการใช้งานอนิ เทอรเ์ นต็ ควรแจง้ ผใู้ หญ ่ หรอื
ดงั กลา ว เพอ่ื เชอ่ื มโยงใหเ หน็ โทษของการพนนั เจา้ หนา้ ทท่ี เ่ี กย่ี วขอ้ ง เชน่ เจา้ หนา้ ทตี่ า� รวจ เจ้าหนา้ ท่ฝี ายปกครอง เป็นตน้
จากเหตุการณจริงและการปฏิบัติตนเม่ือพบ • ไม่ควรโอนเงินให้ใคร จากเน้ือหา
เน้อื หาเกย่ี วกับการพนนั ท่ีมีการกล่าวอ้างว่าจะมีผลตอบแทนจากเงิน
ที่เราโอนไป เพราะจะเข้าข่ายว่าเป็นเน้ือหา
เก่ียวกบั การพนัน
• เม่ือพบเห็นโฆษณาที่ไม่เหมาะสม
หรือเข้าข่ายว่าเป็นการโฆษณาเชิญชวนให้
เขา้ ไปเลน่ การพนนั ไมค่ วรคลกิ เขา้ ไปชมควร
แจ้งเจ้าหน้าที่ หรือแจ้งไปยังผู้ดูแลเว็บไซต์
หรือเจ้าของแอปพลิเคชันท่ีโฆษณาน้ัน
ปรากฏขนึ้ มา
ภาพท่ี 4.12 ปดก้ันการรบั ขอ้ มลู การพนนั

94

เกร็ดแนะครู กจิ กรรม สรางเสรมิ

ครอู าจจะหาตวั อยา งขา วเกยี่ วกบั ผกู ระทาํ ความผดิ ทกี่ อ คดตี า งๆ ทเ่ี กยี่ วขอ ง ขอมูลสาเหตุสําคัญท่ีคนไทยติดหน้ีพนันบอลจากนิดาโพล
กบั การตดิ หนกี้ ารพนนั โดยเฉพาะการพนนั ออนไลนใ หน กั เรยี นไดด เู ปน ตวั อยา ง ป 2560 มดี ังนี้ 31% เกดิ จากคา นยิ มทช่ี อบเลน การพนนั 26.4%
หลายๆ คดี แลว จงึ พดู คยุ แลกเปลย่ี นถงึ ผลเสยี จากการพนนั กบั นกั เรยี น เพอ่ื ให เกิดจากชอ งทางการพนันทง่ี า ยขึน้ 20.21% เจาหนาทร่ี ัฐรับสนิ บน
เกดิ ความตระหนกั ในปญ หาและรจู กั ระวงั ตวั ไมเ ขา ไปเกยี่ วขอ ง 10.98% กฎหมายลาสมัย 6.28% มกี ารถา ยทอดสดฟตุ บอลตลอด
3.68% การวิเคราะหทาํ นายผลของกรู ู ใหน กั เรียนแบงเปน 4 กลุม
กําหนดเวลา 5 นาที ใหสมาชิกกลุมรวมกันวิเคราะหวา ควรจะ
แกปญหาการติดหนี้พนันบอลจากสาเหตุใดเปนอันดับแรก
เพราะอะไร และจะมีแนวทางอยางไรในการแกปญหาดังกลาว
ใหต วั แทนแตละกลุมออกมานาํ เสนอหนา ช้นั เรยี น

T108

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

2. รูปแบบของเนื้อหาเก่ียวกับส่ือ ขน้ั สอน

ลามกอนาจาร หรอื บางครั้งเรียกวา่ สอ่ื ส�าหรบั อธบิ ายความรู

ผใู้ หญ ่ มักเป็นสอื่ ทม่ี กี ารแสดงเนือ้ หาเกยี่ วกับ 5. ครูอธิบายรูปแบบเนื้อหาท่ีเกี่ยวของกับส่ือ
ลามกอนาจารที่แฝงอยูในเว็บไซตตางๆ ให
เร่ืองเพศ โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือเร้าอารมณ์ นักเรียนฟง โดยนําขาวเก่ียวกับโทษของการ
เขาไปยุงเกี่ยวกับส่ือลามกอนาจารมานําเสนอ
ทางเพศ ท�าให้ผู้ท่ีรับข้อมูลเกิดอารมณ์ทาง ใหน กั เรยี นไดศ กึ ษาตวั อยา งผลการกระทาํ ของ
ผูที่หลงผิดเขาไปใชบริการเว็บไซตดังกลาว
เพศได้งา่ ย เน้ือหาข้อมลู จะถกู ส่งมาในรูปแบบ หรือเปนผูเผยแพร เพื่อเชื่อมโยงใหเห็นโทษ
ของส่ือลามกอนาจารจากเหตุการณจริง และ
ของภาพนงิ่ ภาพเคลอ่ื นไหว หรอื เสยี ง รวมทง้ั การปฏิบัติตนเมื่อพบเน้ือหาเกี่ยวกับสื่อลามก
อนาจาร
ผลิตภัณฑ์ทางเพศต่าง ๆ ที่เป็นของเทียม

เน้ือหาเกี่ยวกับสื่อลามกอนาจารมักถูกแสดง ภาพท่ี 4.13 เว็บไซตล์ ามกอนาจาร
อยใู่ นรูปของเว็บไซต์และสื่อโฆษณา ซงึ่ ปญั หา

ของสอ่ื ลามกอนาจารบอ่ ยครงั้ อาจจะนา� ไปส่ปู ัญหาอาชญากรรมต่าง ๆ ที่ผดิ ตอ่ ศีลธรรมได้

การปฏบิ ตั ติ นเมื่อพบเนอื้ หาเกี่ยวกบั ส่ือลามกอนาจาร

• เม่ือพบเน้ือหาเก่ียวกับสื่อลามก ภาพท่ี 4.14 ปด กน้ั การรบั ส่อื ลามกอนาจาร
อนาจาร ควรแจ้งผู้ใหญ่ หรือเจ้าหน้าที่
ท่ีเกี่ยวขอ้ ง เชน่ เจา้ หนา้ ทต่ี า� รวจ เจ้าหน้าท่ี
ฝายปกครอง เป็นต้น
• ควรติดต้ังโปรแกรมในการบล็อก
เว็บไซต์ท่ีแปลกปลอม หรือแอปพลิเคชันที่
มีเนอื้ หาทไ่ี มเ่ หมาะสม
• ควรตงั้ คา่ ความปลอยภยั ในโปรแกรม
หรือระบบปฏิบัติการเพ่ือไม่ให้เข้าถึงเนื้อหา
ที่ไม่เหมาะสม

95

ขอ สอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู

จับกุมเจาของเว็บไซตลามกอนาจารเด็ก สารภาพทํามาแลว ครูอาจจะหาตัวอยางขาวเกี่ยวกับการจับกุมผูกระทําความผิดคดีเกี่ยวกับ
1 ป มีรายไดจากการขายโฆษณาเว็บไซตพ นนั บอล จากขอความ ส่ือลามกอนาจารมาใหนักเรียนไดศึกษาจากขาวจริง โดยใหมีการแสดงความ
พาดหัวขาวขา งตน นกั เรยี นคดิ วา เวบ็ ไซตด งั กลา วมกี ารนาํ เสนอ คิดเห็น หาแนวทางในการระวังปองกันตนเองและคนใกลชิดจากการเขาไป
รปู แบบเนอ้ื หาที่ไมเหมาะสมในรูปแบบใดบาง เกี่ยวของกับเนื้อหาที่ไมเหมาะสมจนอาจจะกลายเปนเหย่ือหรือเปนผูกระทํา
ความผดิ คดีเก่ียวกับสื่อลามกอนาจารในภายหลังได
1. เนื้อหาเก่ยี วกับสือ่ ลามกอนาจาร
2. เนือ้ หาเก่ยี วกับสอื่ ลามกอนาจารและการพนนั T109
3. เนอื้ หาเกย่ี วกับการพนันและการคุกคามหรอื การขม ขู
4. เนือ้ หาเก่ียวกบั สอ่ื ลามกอนาจารและการคุกคาม

หรือการขมขู

(วเิ คราะหค าํ ตอบ จากตวั เลอื กทกี่ าํ หนดให วเิ คราะหไดวา จาก
ตัวอยางในโจทยเว็บไซตดังกลาวถือเปนส่ือลามกอนาจาร สวน
โฆษณาในเวบ็ ไซตเกีย่ วขอ งกบั การพนัน ดงั นัน้ ตอบขอ 2.)

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขนั้ สอน 3. รูปแบบของเนื้อหาเก่ียวกับการ
หลอกลวง การเติบโตของสื่อสังคมออนไลน ์
อธบิ ายความรู หรือเครือข่ายสังคมออนไลน์ในปัจจุบัน เช่น
เฟซบกุ ไลน์ ทวติ เตอร์ เว็บบล็อก ทา� ให้คน
6. ครูอธิบายรูปแบบเน้ือหาที่เกี่ยวของกับการ ในสังคมสามารถท�าความรู้จักกัน และเปดเผย
หลอกลวงที่แฝงอยูในเว็บไซตตางๆ ให ขอ้ มลู สว่ นตวั ไดง้ า่ ยทง้ั รปู ภาพ วดิ โี อของตนเอง
นักเรียนฟง โดยมีเว็บไซตตัวอยางใหดู และ มกี ารแลกเปลยี่ นความคดิ เหน็ และความสนใจ
นาํ ขอ มลู จากขา วทม่ี เี นอื้ หาเกย่ี วกบั การหลอก ร่วมกัน และมีการสร้างเป็นกลุ่มคนหรือ
ลวงรูปแบบตางๆ มานําเสนอใหนักเรียนได เครือข่ายของชุมชนเพ่ือวัตถุประสงค์ต่าง ๆ
ศึกษาขอมูลจากผูกระทําการหลอกลวงและ มากมาย เช่น เพ่ือการศึกษา เพ่ือการค้า
ผูที่ตกเปนเหยื่อ เพ่ือเช่ือมโยงใหเห็นโทษของ เพ่ือการเมือง เพ่ือแลกเปล่ียนพูดคุยในส่ิงที่
ส่ือลามกอนาจารจากเหตุการณจริง และการ
ปฏบิ ตั ติ นเมอื่ พบเนอื้ หาเกย่ี วกบั การหลอกลวง

ภาพที่ 4.15 เวบ็ ไซตห์ ลอกลวง

คิดเห็นเหมือนกันหรือต่างกันก็ตาม โดยลืมตระหนักไปว่าข้อมูลส่วนตัวท่ีได้เปดเผยไปน้ัน
กลุ่มบุคคลที่อยู่ในเครือข่ายท่ีไม่ประสงค์ดีอาจน�าข้อมูลของเราไปใช้ เพื่อหาช่องในการ
เข้ามาหลอกลวงท�าให้เกิดความเสียหายแก่ตนเองหรือน�าไปหลอกลวงผู้อ่ืนได้ เช่น หลอกลวง
ให้โอนเงิน หลอกลวงใหร้ ว่ มลงทุน หลอกลวงให้ออกมาพบปะและกระทา� การไม่สมควรกบั ตวั เรา
รวมถงึ ครอบครวั

การปฏบิ ัตติ นเมอื่ พบเนอ้ื หาเกี่ยวกับการหลอกลวง

• ไม่เปด เผยขอ้ มลู ส่วนตวั ใหเ้ ปน็
สาธารณะ
• เมอ่ื มใี ครบอกใหโ้ อนเงนิ รว่ มลงทนุ
หรือนัดเจอ ควรรีบแจ้งหรือปรึกษาผู้ใหญ่
ทนั ที
• ไม่ควรเขียนข้อความท่ีบ่งบอก
ถึงความเป็นตัวตนของเรา หรือเก่ียวกับ
ครอบครัวของเราต่อสาธารณะ

ภาพที่ 4.16 ปดก้นั การรบั สอื่ ขอ้ มลู ที่หลอกลวง

96

เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคดิ

ครูอาจจะหาตัวอยางขาวเกี่ยวกับผูกระทําความผิดคดีหลอกลวงผูอื่น สาวหนา ตาดโี รแ จง ความ ถกู หนมุ หลอ ปลอมโพรไฟล อา งเปน
ใหเสียทรัพย การปลอมแปลงขอมูลทําใหเกิดความเสียหายมาใหนักเรียน เจาของธุรกิจ มีรถหรูขับ แชตลวงชวนรวมลงทุนกอนหลอกให
ไดศึกษาจากขาวจริง และใหมีการแสดงความคิดเห็น หาแนวทางในการระวัง โอนเงนิ พบเหยอื่ กวา 100 ราย สญู เงินกวา 2 แสน
ปองกันตนเองและคนใกลชิดจากการเขาไปเก่ียวของกับเนื้อหาท่ีไมเหมาะสม
จนอาจจะกลายเปนเหยื่อหรือเปนผูกระทําความผิดคดีหลอกลวงผูอ่ืนให จากขอ ความพาดหวั ขา วขา งตน นกั เรยี นคดิ วา มคี วามเกย่ี วขอ ง
เสยี ทรพั ยใ นภายหลงั ได กับรปู แบบเนื้อหาท่ไี มเหมาะสมรปู แบบใด

T110 1. เนอ้ื หาเกยี่ วกบั การพนัน
2. เนอื้ หาเกี่ยวกับการหลอกลวง
3. เนอื้ หาเก่ยี วกับส่อื ลามกอนาจาร
4. เนอื้ หาเกย่ี วกบั การคุกคามหรอื การขม ขู

(วิเคราะหคําตอบ จากตัวเลือกท่ีกําหนดให วิเคราะหไดวา
จากตวั อยา งในโจทยค นรา ยใชว ธิ กี ารปลอมแปลงขอ มลู ใหน า เชอื่ ถอื
จนเหยื่อหลงเชื่อ แลวจงึ ชกั ชวนลงทนุ เพื่อทําการฉอ โกง เปน การ
สรา งเนื้อหาเกย่ี วกบั การหลอกลวง ดงั นนั้ ตอบขอ 2.)

นาํ สอน สรุป ประเมิน

ขน้ั สอน

อธบิ ายความรู

4. รูปแบบของเน้ือหาเกี่ยวกับการ 7. ครอู ธบิ ายรปู แบบเนอื้ หาทเ่ี กย่ี วกบั การคกุ คาม
คุกคามหรือการข่มขู่ ถือเป็นปัญหาหน่ึง หรือการขมขูที่แฝงอยูในส่ือสังคมออนไลน
ท่ีสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ที่ใช้งาน และการปฏิบัติตนเม่ือพบเนื้อหาเกี่ยวกับการ
คอมพิวเตอร์เป็นอย่างมาก นอกจากจะสร้าง คุกคามหรือการขมขู

ความเดือดร้อนและความร�าคาญแล้ว ก็ยังมี ขยายความเขา ใจ
ผลกระทบถึงสิทธิส่วนบุคคล รวมถึงความ
เป็นอยู่ในชีวิตประจ�าวัน ท้ังจิตใจและอารมณ ์ ครูใหนักเรียนทําใบงาน เร่ือง การปฏิบัติตน
ทรัพย์สิน ตลอดจนร่างกายและชีวิต ซ่ึงอาจ เม่อื พบเนือ้ หาท่ไี มเ หมาะสม

น�าไปสู่ปัญหาอาชญากรรมต่าง ๆ ได้ โดย ขนั้ สรปุ
การคุกคามหรือข่มขู่ส่งมาในรูปแบบท่ีเป็น
ข้อความ ภาพน่งิ ภาพเคล่ือนไหว หรือเสียง ภาพท่ี 4.17 เวบ็ ไซตค์ กุ คามหรือข่มขู่ ตรวจสอบผล

โดยการใชร้ ะบบออนไลน ์ เชน่ อเี มล (E-mail) เวบ็ บอรด์ (Web Board) หอ้ งสนทนา (Chat Room) 1. ครูประเมินผลนักเรียนจากการสังเกตการ
หรือผ่านส่ือสังคมออนไลน์รูปแบบต่าง ๆ ซึ่งรูปแบบในการคุกคามอาจจะเป็นการคุกคามต่อผู้ใช้ ตอบคาํ ถาม การนาํ เสนอหนา ชนั้ เรยี น การทาํ
โดยตรง หรอื การคุกคามโดยการยยุ ง ปลุกปนั ต่อบคุ คลที่สามก็ได้ กจิ กรรมกลมุ และการทาํ ใบงาน

การปฏบิ ตั ิตนเมอ่ื พบเน้ือหาเก่ียวกบั การขม ขู 2. ครตู รวจสอบความถกู ตอ งของการทาํ ใบงาน
3. นกั เรยี นและครรู ว มกนั สรปุ เกย่ี วกบั การปฏบิ ตั ิ

ตนเมอ่ื พบเนอ้ื หาตา งๆ ทไี่ มเ หมาะสมจากการ
ใชง านอนิ เทอรเ นต็

• ไมเ่ ปด อา่ นอเี มลใด ๆ ทไี่ มร่ จู้ กั หรอื ขน้ั ประเมนิ
ระบตุ วั ตนไมไ่ ด ้ ไมว่ า่ จะเปน็ ขอ้ ความ ภาพนง่ิ
ภาพเคลือ่ นไหว หรือเสียงจากคนที่ไมร่ ู้จกั ตรวจสอบผล
• เม่ือมีการพูดคุยกับบุคคลอ่ืนผ่าน
เวบ็ บอรด์ หรอื หอ้ งสนทนา กรณมี กี ารถามถงึ ตารางการวัดและประเมนิ ผล
ข้อมูลส่วนตัว ครอบครัว หรือคนรู้จัก ให้
หยดุ พดู คยุ ทันที วธิ กี าร เคร่อื งมือ เกณฑการประเมนิ
• เมอ่ื มขี อ้ ความใด ๆ ทคี่ ดิ วา่ เปน็ การ ตรวจใบงาน ใบงาน รอยละ 60
คกุ คาม ขม่ ข ู่ ใหร้ บี แจง้ ผใู้ หญ ่ หรอื เจา้ หนา้ ท่ี ผา นเกณฑ
ท่เี กยี่ วขอ้ ง เช่น เจ้าหนา้ ท่ตี า� รวจ เจา้ หน้าท่ี
ฝายปกครอง เปน็ ต้น ประเมิน แบบประเมิน ระดบั คุณภาพ 2
การนาํ เสนอ การนําเสนอ ผานเกณฑ
ผลงาน ผลงาน
ภาพที่ 4.18 ปด กน้ั การรบั สือ่ ขอ้ มูลทคี่ ุกคามหรือขม่ ขู่
สงั เกตพฤติกรรม แบบสงั เกต ระดบั คณุ ภาพ 2
97 การทํางาน พฤติกรรม ผานเกณฑ
รายบคุ คล

สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสังเกต ระดบั คุณภาพ 2
การทํางานกลมุ พฤติกรรม ผา นเกณฑ

ขอสอบเนน การคิด แนวทางการวัดและประเมินผล

การรังแกในพื้นที่ไซเบอรของวัยรุนหญิงไทยพบวา วัยรุน ครูสามารถสังเกตการนําเสนอผลงาน พฤติกรรมการทํางานรายบุคคล
หญิงไทยเคยถูกรังแกในพื้นท่ีไซเบอรรอยละ 45.4 ซึ่งแบงเปน และการทํางานกลุมของนักเรียน โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผลจาก
การรงั แกในลกั ษณะการโจมตขี ม ขอู อนไลนร อ ยละ 41.4 ถกู คกุ คาม แบบประเมินการนําเสนอผลงาน แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานรายบุคคล
ทางเพศออนไลนรอยละ 5.3 และถูกบันทึกและเผยแพรขอมูล และแบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทาํ งานกลมุ ทแี่ นบมาทา ยแผนการจดั การเรยี นรทู ่ี 4
ออนไลนในลักษณะใหรายรอยละ 16.3 จากขอความขางตน หนว ยการเรยี นรทู ี่ 4
นักเรียนคิดวามีความเกี่ยวของกับรูปแบบเนื้อหาท่ีไมเหมาะสม
รูปแบบใด และนักเรียนจะมีวิธีการปฏิบัติตนอยางไรเม่ือพบเจอ แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม
สถานการณนัน้
คาช้ีแจง:ใหผ้ สู้ อนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในชอ่ งท่ี คาช้แี จง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องที่ คาช้ีแจง : ให้ผสู้ อนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ลงในช่องที่
(วิเคราะหคําตอบ จากตัวอยางในโจทยการถูกรังแกในพ้ืนท่ี ตรงกบั ระดับคะแนน ตรงกบั ระดับคะแนน ตรงกับระดับคะแนน
ไซเบอรผานการใชเทคโนโลยีเปนลักษณะของเน้ือหาเก่ียวกับการ
คุกคามหรือการขมขู การปฏิบัติตนเม่ือพบเนื้อหาท่ีไมเหมาะสม การแสดง การยอมรับ การทางาน การมี
ดงั กลาว คือ ใหร ีบแจง ผใู หญหรือเจา หนา ท่ที ่เี กย่ี วของ) ความคิดเห็น ฟงั คนอืน่ ตามทีไ่ ด้รับ สว่ นรว่ มใน
ลาดบั ท่ี รายการประเมิน ระดบั คะแนน 1 ลาดบั ท่ี รายการประเมนิ ระดับคะแนน ลาดบั ท่ี ชื่อ–สกลุ มอบหมาย ความมีนา้ ใจ การปรับปรุง รวม
32  32 ของนกั เรยี น 15
   1 ผลงานกล่มุ คะแนน
1 ความถูกต้องของเน้อื หา  1 การแสดงความคดิ เหน็ 
2 ความคิดสร้างสรรค์   2 การยอมรบั ฟงั ความคิดเหน็ ของผอู้ ืน่   321321321321321
3 วธิ ีการนาเสนอผลงาน  3 การทางานตามหน้าที่ทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย 
4 การนาไปใชป้ ระโยชน์  4 ความมีนาใจ  
5 การตรงต่อเวลา 5 การตรงต่อเวลา 
 

 

รวม รวม

ลงช่ือ...................................................ผูป้ ระเมิน ลงชือ่ ...................................................ผู้ประเมนิ
............/................./................... ............/.................../................

เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน
ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบรู ณ์ชัดเจน ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ 2 คะแนน ............./.................../...............
ให้ 1 คะแนน ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ เป็นส่วนใหญ่ ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครัง เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน
ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางส่วน ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่าเสมอ
ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมบางครัง ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครั้ง
ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบางครง้ั ให้ 3 คะแนน
เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน
ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ
ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ เกณฑก์ ารตัดสนิ คุณภาพ
14–15 ดีมาก
14–15 ดีมาก ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ
11–13 ดี
11–13 ดี 14–15 ดีมาก
8–10 พอใช้
8–10 พอใช้ 11–13 ดี
ตา่ กวา่ 8 ปรับปรงุ
ต่ากวา่ 8 ปรับปรุง 8–10 พอใช้

ตา่ กว่า 8 ปรบั ปรุง

T111

นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ

ขนั้ นาํ เมอื่ ตอ งใชค อมพวิ เตอร 3 ความรับผดิ ชอบตอ การใชงาน
รว มกบั ผอู น่ื จะตอ งทาํ เทคโนโลยสี ารสนเทศ
กระตนุ ความสนใจ อยา งไร เพอื่ รกั ษาความ
เปน สว นตวั และไมส ราง การใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศในปัจจุบันมีทั้ง
ครถู ามคาํ ถามสาํ คญั ประจาํ หวั ขอ กบั นกั เรยี นวา ความเดอื ดรอ นตอ สว นรวม การใชง้ านเพ่ืองานส่วนตวั หรือใชง้ านเพือ่ สว่ นรวม และ
เมื่อตองใชคอมพิวเตอรรวมกับผูอื่น จะตอง
ทาํ อยา งไร เพอ่ื รกั ษาความเปน สว นตวั และไมส รา ง ขณะใช้งานมีทั้งการใช้งานโดยตัวเราคนเดียว หรือการ
ความเดือดรอนตอ สวนรวม ใช้งานรว่ มกบั บคุ คลอน่ื ซึง่ ไมว่ ่าจะเป็นการใช้งานแบบใดหรอื ลกั ษณะใดกต็ ามล้วนแลว้
แต่ต้องมีจริยธรรมและความรับผิดชอบต่อการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศทั้งส้ิน คือ
ขน้ั สอน ความรบั ผิดชอบตอ่ ตนเอง ตอ่ บุคคลอนื่ และตอ่ สังคม

สาํ รวจคน หา ภาพท่ี 4.19 การใช้เทคโนโลยีรว่ มกบั บคุ คลอ่ืน ภาพท่ี 4.20 การใชง้ านเทคโนโลยีส่วนบุคคล

1. นักเรียนแบง กลมุ กลุมละ 3-4 คน เพอ่ื พูดคยุ Com Sci
กันถึงความรับผิดชอบตอตนเองเม่ือมีการใช
เทคโนโลยีสารสนเทศ แตละกลุมสงตัวแทน Focus Log in áÅÐ Password
ออกมานําเสนอเก่ียวกับความรับผิดชอบตอ
ตนเองเม่ือมีการใชเทคโนโลยีสารสนเทศ Log in และ Password เปน็ สง่ิ ส�าคญั ในการระบตุ วั ตนเพื่อใช้งานในสว่ นที่ตอ้ งการปกปด
พรอ มอภิปรายรว มกันในหอ งเรียน ขอ้ มลู สว่ นตวั หรอื ทา� ธรุ กรรมทางการเงนิ ทางอนิ เทอรเ์ นต็ ดงั นน้ั รหสั ทใ่ี ชใ้ นสว่ น Log in
และ Password ตอ้ งเปน็ ความลับอย่างยง่ิ ซง่ึ ยากตอ่ การจดจา�
2. นกั เรียนศึกษาความรูเสริม (Com Sci Focus) หรือคาดเดาได้และควรจดจ�าได้แค่เพียงเจ้าตัวคนเดียว
จากเน้ือหาเพื่อขยายความรูของผูเรียน เร่ือง เทา่ นน้ั โดยไมท่ า� การบนั ทกึ หรอื เขยี นทง้ิ ไว ้ และหมน่ั เปลยี่ น
Log in และ Password รหสั อยเู่ สมอ และสง่ิ ทส่ี า� คญั ทส่ี ดุ ทเ่ี ปน็ ความลบั มาก เชน่ การ
ทา� ธรุ กรรมทางการเงนิ ไมค่ วรใชอ้ ุปกรณ์ท่ีเปน็ สาธารณะ
3. นักเรียนศึกษาความรับผิดชอบตอตนเองเมื่อ
ใชเ ทคโนโลยสี ารสนเทศ จากหนังสอื เรียน 98

แนวตอบ คําถามสาํ คญั ประจาํ หวั ขอ

นกั เรยี นตอบตามความคดิ เหน็ ของตนเอง โดย
คําตอบขึ้นอยูกับดุลยพินิจของครูผูสอน เชน ตอง
มีจริยธรรมและความรับผิดชอบตอการใชงาน
เทคโนโลยีสารสนเทศ ตอตนเอง บุคคลอ่ืน และ
สงั คม

เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคดิ

ครูอาจจะลองสํารวจขอมูลจากนักเรียน และใหนักเรียนออกมาเลา ขอ ใดเปนขอควรปฏบิ ตั ิเม่ือตองใชเคร่ืองคอมพิวเตอรของผอู นื่
ประสบการณก ารถกู ละเมดิ ขอมลู สว นบคุ คล เชน การถูกเปลีย่ นรหัสอเี มล ให 1. ตดิ ตัง้ โปรแกรมใหมๆ ใหเพ่อื น
เพื่อนรว มชัน้ ฟง 2-3 คน แลว ใหพ ูดถึงแนวทางการปองกนั การถกู ละเมดิ และ 2. เขาไปลบไฟลข ยะในอีเมลใหเพอ่ื น
การไมไ ปทาํ การละเมดิ ขอมลู สวนบคุ คลของผอู ่นื ดวย 3. เปลี่ยนรหัสผานเขาเคร่ืองคอมพวิ เตอรใ หจ ดจาํ ไดงา ย
4. หากจําเปนตองเขาสูระบบอีเมล ตองไมใหเครื่องคอม
พวิ เตอรจ ดจาํ รหัสผา นของเรา

(วิเคราะหคําตอบ จากตัวเลือกท่ีกําหนดให วิเคราะหไดวา ใน
การใชงานเคร่ืองคอมพิวเตอรของผูอื่นไมควรเขาไปยุงกับแฟม
ขอมูลของเจาของเครื่องคอมพิวเตอรหรือทําอะไรโดยที่ไมไดรับ
อนญุ าตจากเจา ของเครื่องคอมพวิ เตอร และหากจําเปนตอ งเขา สู
ระบบอีเมล ไมควรใหเคร่ืองคอมพิวเตอรจดจํารหัสผานของเรา
ดังนัน้ ตอบขอ 4.)

T112

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

1. ความรับผิดชอบต่อตนเองเม่ือใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นส่ิงที่พึงควรกระท�า เพื่อ ขนั้ สอน
ปองกันไม่ให้เกิดความขัดแย้งหรือส่งผลกระทบที่ท�าให้ผู้อื่นเดือดร้อน และตระหนักถึงความ
รบั ผดิ ชอบในสงิ่ ท่ีตนเองได้กระทา� ไประหว่างการใช้งานเทคโนโลยสี ารสนเทศดว้ ย สาํ รวจคน หา

ภาพท่ี 4.21 การใชร้ หสั ผา่ นเขา้ ระบบตนเองเพยี งคนเดยี ว 4. นักเรยี นแบงกลมุ กลมุ ละ 3-4 คน (กลมุ เดิม)
เพ่ือพูดคุยกันถึงความรับผิดชอบตอบุคคลอื่น
ตวั อยา่ งความรบั ผิดชอบตอ่ ตนเองทเ่ี ราสามารถท�าได้ เชน่ และตอ สงั คมเมอื่ มกี ารใชเ ทคโนโลยสี ารสนเทศ
• ใช้งานบัญชีผู้ใชเ้ ฉพาะของตนเองเท่านนั้ การมบี ัญชีในการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ โดยนกั เรยี นศกึ ษาเนอื้ หาจากหนงั สอื เรยี นหรอื
เป็นการระบตุ ัวตนของตนเองในการตดิ ต่อสอื่ สาร ดงั นัน้ เราจา� เป็นต้องมคี วามรบั ผดิ ชอบทีจ่ ะไม่ สบื คนเพม่ิ เตมิ จากอนิ เทอรเ นต็
พยายามเขา้ ไปใช้งานบญั ชขี องบุคคลอื่นทไ่ี ม่ใช่บญั ชขี องตนเอง
• ไมต่ ดิ ตงั้ หรอื ใชซ้ อฟตแ์ วรท์ ผ่ี ดิ กฎหมาย เมอื่ ตอ้ งการใชง้ านคอมพวิ เตอรแ์ ลว้ จา� เปน็ 5. นักเรียนแตละกลุมออกมานําเสนอเก่ียวกับ
ต้องใช้ซอฟต์แวร์เฉพาะทางในคอมพิวเตอร์ ไม่ควรน�าซอฟต์แวร์ท่ีผิดกฎหมายมาติดต้ังลงบน ความรับผิดชอบตอบุคคลอ่ืนและตอสังคม
คอมพวิ เตอร์ซึ่งจะทา� ให้เสย่ี งตอ่ การติดไวรัสหรือตดิ สแปมได้ พรอ มอภิปรายรว มกันในชั้นเรยี น
• ไมแ่ จกจา่ ยขอ้ มลู สว่ นตวั ในรปู แบบใด ๆ ใหบ้ คุ คลอน่ื ทไี่ มต่ อ้ งการ การสง่ ขอ้ มลู ไปยงั
บุคคลอื่นที่ไม่รู้จัก และผู้รับไม่ได้ต้องการข้อมูลน้ัน เป็นการสร้างความร�าคาญแก่ผู้อ่ืนและยัง อธบิ ายความรู
เปน็ การคกุ คามสทิ ธิส่วนบุคคลด้วย
• ไม่แสดง หรือไม่เข้าเว็บไซต์ท่ีมีเน้ือหาท่ีไม่เหมาะสม ควรต้ังค่าเพื่อบล็อกเว็บไซต์ 1. ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับความรับผิดชอบ
ดงั กล่าวเอาไว้ ตอการใชงานเทคโนโลยีสารสนเทศวา ผูใช
• หมั่นตรวจสอบ ดูแลระบบคอมพิวเตอร์ทั้งในส่วนของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ คอมพิวเตอรควรมีจรรยาบรรณในการใชงาน
เปน็ ส่ิงทเี่ จา้ ของควรกระทา� เพ่ือจะได้ทราบถงึ สง่ิ ผิดปกตจิ ะไดร้ บี แกไ้ ขเบื้องต้นไว้ก่อน ดงั น้ี ตอ งไมใ ชค อมพวิ เตอรท าํ รายหรอื ละเมดิ
ผอู นื่ ตอ งไมร บกวนการทาํ งานของผอู น่ื ตอ งไม
99 สอดแนมหรอื เปด ดแู ฟม ขอ มลู ของผอู น่ื ตอ งไม
ใชค อมพวิ เตอรเ พอื่ การโจรกรรมขอ มลู ขา วสาร
ตอ งไมใ ชค อมพวิ เตอรส รา งหลกั ฐานทเ่ี ปน เทจ็
ตองไมค ัดลอกโปรแกรมผอู ืน่ ท่มี ลี ขิ สทิ ธิ์

ขอ สอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู

ขอใดจดั วาเปน ผมู ีความรบั ผดิ ชอบตอ ตนเองในการใช ครูอาจจะสอนแนวทางและขั้นตอนการแกปญหากรณีการถูกแอบอาง
เทคโนโลยี นํารปู หรือขอ มูลสวนตวั ไปใชใ หก ับนกั เรยี น เชน การรีพอรตเฟซบกุ การสรา ง
แฟนเพจปลอม วิธีการปองกันไมใหคนอ่ืนมาทําการคัดลอกรูปภาพในโซเชียล
1. โจทดลองใชบ ริการเว็บไซตพ นันบอลออนไลน ของเราไปใช เชน การตง้ั คา ความเปน สว นตวั ในโซเชยี ล การทาํ ลายนา้ํ บนรปู ภาพ
2. จาสรา งบญั ชีไมร ะบุตัวตนเอาไวค ยุ กับคนทไี่ มร ูจกั
3. เจมสต ดิ ตง้ั โปรแกรมปอ งกนั เวบ็ ไซตท ม่ี เี นอื้ หาไมเ หมาะสม
4. จอมติดตั้งซอฟตแ วรเถอ่ื นลงในเครอ่ื งคอมพวิ เตอรข อง

ตนเอง

(วเิ คราะหคําตอบ จากตัวเลือกท่ีกําหนดให วิเคราะหไดวา
การตดิ ตงั้ โปรแกรมปอ งกนั เวบ็ ไซตท มี่ เี นอื้ หาไมเ หมาะสม จดั เปน
ความรับผดิ ชอบตอตนเองในการใชเ ทคโนโลยี ดังน้ัน ตอบขอ 3.)

T113

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั สอน 2. ความรบั ผดิ ชอบตอ่ บคุ คลอน่ื เมอื่ ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ เปน็ สง่ิ ทคี่ วรกระทา� ในการใช้
ชีวติ รว่ มกับบุคคลอน่ื เช่น ผ้รู ่วมงาน ครอบครัว เพือ่ น เปน็ ต้น เป็นการให้ความเคารพต่อสทิ ธิ
อธบิ ายความรู ของแต่ละคน ซึง่ ส่งิ ท่ไี มค่ วรกระทา� คือ การกระทา� ทีเ่ ป็นการคุกคาม สรา้ งความร�าคาญแกผ่ ู้อืน่
อนั เปรียบได้กบั มารยาททางสังคมท่ีบุคคลพงึ กระทา�
2. ครอู ธบิ ายตวั อยา งความรบั ผดิ ชอบตอ บคุ คลอน่ื
เมื่อใชเทคโนโลยีท่ีนักเรียนสามารถทําได
เชน ไมใชงานบัญชีของเพื่อนที่ลืมออกจาก
ระบบ ไมลบไฟลงานของเพ่ือนท่ีอยูบนเคร่ือง
คอมพิวเตอรข องโรงเรียน

ขยายความเขา ใจ

1. นักเรียนทําใบงาน เร่ือง ความรับผิดชอบตอ
การใชงานเทคโนโลยีสารสนเทศ

2. ครสู ุมนกั เรียน 2-3 คน ออกมานาํ เสนอหนา
ชน้ั เรยี น พรอ มกบั อภปิ รายรว มกนั ในหอ งเรยี น

3. ครเู ปด โอกาสใหน กั เรยี นซกั ถามขอ สงสยั และ
ครใู หค วามรเู พมิ่ เตมิ ในสว นนนั้

ภาพท่ี 4.22 การไม่แอบดูหรอื ใชง้ านรหัสผา่ นของผอู้ นื่

ตวั อยา่ งความรับผิดชอบตอ่ บคุ คลอื่นท่ีเราสามารถทา� ได ้ เชน่
• ไมพ่ ยายามทจ่ี ะใชง้ านบัญชีผู้ใช้ของบคุ คลอืน่ เมื่อพบเจอวา่ มีคนลืมออกจากระบบ
คอมพวิ เตอรท์ ก่ี า� ลงั ใชง้ าน ควรแจง้ ใหเ้ จา้ ของบญั ชไี ดท้ ราบเพอื่ ใหเ้ จา้ ของบญั ชไี ดท้ า� การออกจาก
ระบบการใช้งานกอ่ น
• ไมค่ ดั ลอก หรอื นา� เสนอผลงานของผอู้ น่ื ทไี่ มใ่ ชข่ องตนเอง สง่ิ ทเ่ี รานา� ลงไปในเวบ็ ไซต์
เป็นสิ่งท่ีต้องมาจากการคิดเองหรือท�าข้ึนมาเอง ไม่ควรคัดลอกผลงานผู้อ่ืนแล้วแอบอ้างเป็นของ
ตนเอง
• ไมเ่ ปลย่ี นแปลง ยา้ ย หรอื ลบไฟลข์ องผอู้ นื่ เมอื่ ใชค้ อมพวิ เตอรร์ ว่ มกนั ยอ่ มตอ้ งมงี าน
หลาย ๆ คนรวมอย่ใู นคอมพวิ เตอรเ์ คร่ืองเดียว ซึ่งไม่ควรที่จะเปด เข้าไปในพนื้ ที่ของคนอ่นื
• ไม่ข่มขู่ คุกคาม หลอกลวงผู้อ่ืนด้วยข้อมูลใด ๆ โดยเฉพาะอย่างย่ิงผ่านส่ือสังคม
ออนไลน ์ ไมแ่ สดงสงิ่ ที่ทา� ใหผ้ ูอ้ ื่นเดอื ดรอ้ นหรือกระทา� ดว้ ยความคกึ คะนอง
• ไม่ส่งอีเมลท่ีไม่เหมาะสม ไม่ส่งสิ่งที่อาจเกิดอันตรายต่อคอมพิวเตอร์ หรือสแปม
ใหก้ ับบคุ คลอืน่ ควรมกี ารพูดคยุ ตกลงกนั ก่อนในการสง่ ข้อมลู ไปสู่ผูร้ บั

100

เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคดิ

ครอู าจจะหาตวั อยา งขา วเกยี่ วกบั ผกู ระทาํ ความผดิ คดเี กยี่ วกบั การปลอมแปลง ขอ ใดจดั วา เปน ผมู คี วามรบั ผดิ ชอบตอ บคุ คลอนื่ ในการใชเ ทคโนโลยี
ขอมูลบนโซเชียลมาใหนักเรียนไดศึกษาจากขาวจริง และใหมีการแสดงความ 1. บอลสง สแปมเมลใหเ พอื่ น
คิดเห็น สรุปพฤติกรรมท่ีควรและไมควรกระทําในการแสดงความรับผิดชอบ 2. บีมพยายามโจรกรรมรหสั ผานอีเมลของเพ่ือนสนทิ
ตอ บคุ คลอนื่ เมอื่ ใชเ ทคโนโลยสี ารสนเทศ 3. บาสทําการออกจากระบบบญั ชีใหเพอ่ื นทลี่ มื ออกจากระบบ
4. โบคดั ลอกภาพถา ยของเบนซไ ปโพสตแ ละอา งวา เปน ผลงาน
ของตน

(วิเคราะหคาํ ตอบ จากตัวเลอื กท่กี ําหนดให วิเคราะหไ ดวา บาส
ทําการออกจากระบบบัญชีใหเพ่ือนที่ลืมออกจากระบบ โดยที่ไม
แอบดบู ญั ชขี องเพอื่ น และชว ยไมใหเ พ่อื นถูกแอบดบู ัญชี เปน การ
แสดงความรับผิดชอบตอบุคคลอื่นในการใชเทคโนโลยี ดังนั้น
ตอบขอ 3.)

T114

นาํ สอน สรุป ประเมิน

3. ความรบั ผดิ ชอบตอ่ สงั คมเมือ่ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ เปน็ ความรบั ผิดชอบทงั้ ในระดบั ขนั้ สอน
บคุ คลและองค์กร เปน็ ส่ิงทที่ กุ คนพึงมแี ละต้องปฏบิ ัต ิ ไมว่ า่ จะต้องไปปฏบิ ตั ิงาน ประกอบอาชีพ
รวมถงึ การใช้ชีวติ อยรู่ ่วมกบั บคุ คลอ่นื ในสังคม ขยายความเขา ใจ

4. ครูใหนักเรียนศึกษาตัวอยางความรับผิดชอบ
ตอสังคมเมื่อใชเทคโนโลยีเพิ่มเติม โดยให
สแกน QR Code เรื่อง จรรยาบรรณในการ
เขยี นบลอ็ ก จากหนังสือเรยี น โดยใหน ักเรยี น
สรปุ ประเด็นสําคญั ที่ไดด ูคลปิ วิดโี อลงในสมุด

ขนั้ สรปุ

ตรวจสอบผล

1. ครปู ระเมนิ ผลนกั เรยี นจากการสงั เกตการตอบ
คําถาม การนําเสนอหนาช้ันเรียน การทํา
กจิ กรรมกลมุ และการทาํ ใบงาน

2. ครูตรวจสอบความถูกตองของการทําใบงาน
3. นักเรียนและครูรวมกันสรุปเก่ียวกับความ

รบั ผดิ ชอบตอ การใชง านเทคโนโลยสี ารสนเทศ

ภาพท่ี 4.23 มคี วามซ่อื สตั ย์ตอ่ งานท่ไี ดร้ บั มอบหมาย ไมเ่ ปดรบั หรอื สง่ ต่อข้อมูลทีไ่ มไ่ ด้รับอนุญาต ขนั้ ประเมนิ

ตัวอยา่ งความรับผดิ ชอบต่อสังคมทเ่ี ราสามารถท�าได ้ เช่น ตรวจสอบผล
• ไม่พยายามเข้าถึงเครือข่ายใด ๆ ท่ีไม่ได้รับอนุญาต หรือปกปดซ่อนเร้นข้อมูลท่ีจะ
ต้องรายงานต่อผู้บงั คับบัญชา หรือหวั หน้าหน่วยงานทสี่ งั กดั อยู่ ตารางการวัดและประเมนิ ผล
• ปฏบิ ตั ติ ามกฎระเบียบ หรอื ขอ้ บังคบั ขององค์กรในการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศ
เคารพการใช้กฎระเบียบรว่ มกับผู้อน่ื วธิ กี าร เครอ่ื งมอื เกณฑการประเมิน
• ไม่เปด อเี มล ไฟล ์ หรือโปรแกรมท่ไี ดร้ บั มาจากแหลง่ ทีไ่ มร่ จู้ กั เพราะอาจมีไวรสั หรอื ตรวจใบงาน ใบงาน รอยละ 60
สแปมที่มผี ลกระทบต่อระบบขององคก์ ร ผา นเกณฑ
• ไมน่ า� ขอ้ มลู สารสนเทศขององคก์ รไปเผยแพร ่ เพราะขอ้ มลู ทกุ อยา่ งถอื เปน็ ขอ้ มลู ของ
องคก์ รท่ไี ม่ใหม้ กี ารนา� ออกไปส่บู ุคคลภายนอก หรือไม่น�าออกจากองคก์ รก่อนได้รบั อนุญาต ประเมิน แบบประเมนิ ระดับคณุ ภาพ 2
• ไมพ่ ยายามเจาะระบบ เขา้ สรู่ ะบบงาน ขโมย คดั ลอก โอนยา้ ย หรอื แกไ้ ข ปลอมแปลง การนําเสนอ การนําเสนอ ผา นเกณฑ
ข้อมูลโดยไมไ่ ด้รับอนุญาต ผลงาน ผลงาน

สังเกตพฤตกิ รรม แบบสังเกต ระดบั คุณภาพ 2
การทาํ งาน พฤติกรรม ผานเกณฑ
รายบุคคล

จรรยาบรรณในการเขยี นบลอ็ ก 101 สังเกตพฤตกิ รรม แบบสังเกต ระดบั คณุ ภาพ 2
การทาํ งานกลุม พฤติกรรม ผา นเกณฑ

กิจกรรม สรางเสริม แนวทางการวัดและประเมินผล

ครแู บง กลมุ นกั เรยี นเปน เลขคจู าํ นวน 4 หรอื 6 กลมุ ตามความ ครูสามารถสังเกตการนําเสนอผลงาน พฤติกรรมการทํางานรายบุคคล
เหมาะสม ใหเวลา 5 นาที โดยใหก ลุมเลขคี่ชวยกันคดิ พฤตกิ รรม และการทํางานกลุมของนักเรียน โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผลจาก
ที่ควรปฏิบัติในการใชงานเคร่ืองคอมพิวเตอรของโรงเรียน สวน แบบประเมินการนําเสนอผลงาน แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานรายบุคคล
กลมุ เลขคชู ว ยกนั คดิ พฤตกิ รรมทไ่ี มค วรปฏบิ ตั ใิ นการใชง านเครอื่ ง และแบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทาํ งานกลมุ ทแ่ี นบมาทา ยแผนการจดั การเรยี นรทู ่ี 4
คอมพวิ เตอรข องโรงเรยี น แลว ออกมานาํ เสนอ โดยคณุ ครเู ปน ผชู ว ย หนว ยการเรยี นรทู ่ี 4
สรุปขอ มูลบนกระดาน
แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่

คาช้ีแจง:ให้ผู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ลงในช่องท่ี คาช้แี จง : ให้ผสู้ อนสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ลงในช่องท่ี คาชแ้ี จง : ใหผ้ ู้สอนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ลงในช่องท่ี
ตรงกบั ระดับคะแนน ตรงกับระดับคะแนน ตรงกับระดับคะแนน

การแสดง การยอมรับ การทางาน การมี
ความคิดเห็น ฟังคนอื่น ตามที่ไดร้ ับ สว่ นรว่ มใน
ลาดับท่ี รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 1 ลาดบั ท่ี รายการประเมิน ระดบั คะแนน ลาดับที่ ชื่อ–สกลุ มอบหมาย ความมีนา้ ใจ การปรบั ปรุง รวม
32  32 ของนกั เรยี น 15
   1 ผลงานกล่มุ คะแนน
1 ความถูกต้องของเน้ือหา  1 การแสดงความคดิ เหน็ 
2 ความคิดสรา้ งสรรค์   2 การยอมรบั ฟังความคดิ เห็นของผูอ้ ื่น   321321321321321
3 วธิ ีการนาเสนอผลงาน  3 การทางานตามหนา้ ที่ท่ไี ด้รับมอบหมาย 
4 การนาไปใชป้ ระโยชน์  4 ความมนี าใจ  
5 การตรงต่อเวลา 5 การตรงต่อเวลา 
 

 

รวม รวม

ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมนิ ลงชื่อ...................................................ผปู้ ระเมนิ
............/................./................... ............/.................../................

เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ลงช่อื ...................................................ผู้ประเมนิ
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ สมบูรณช์ ัดเจน ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่าเสมอ ให้ 2 คะแนน ............./.................../...............
ให้ 1 คะแนน ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมินเปน็ สว่ นใหญ่ ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครัง เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน
ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ บางสว่ น ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่าเสมอ
ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครงั ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครั้ง
ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมบางครง้ั ให้ 3 คะแนน
เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ เกณฑ์การตดั สนิ คุณภาพ ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน
ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ
ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ
14–15 ดีมาก
14–15 ดมี าก ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ
11–13 ดี
11–13 ดี 14–15 ดมี าก
8–10 พอใช้
8–10 พอใช้ 11–13 ดี
ต่ากว่า 8 ปรบั ปรงุ
ต่ากวา่ 8 ปรบั ปรงุ 8–10 พอใช้

ต่ากวา่ 8 ปรับปรุง

T115

นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั นาํ นกั เรยี นอยากสรา งสงิ่ ใด 4 ทรัพยส นิ ทางปญญา
ทจ่ี ะเปน ลขิ สทิ ธข์ิ องตนเอง ทรพั ยส นิ ทางปญ ญา คอื ผลงานอนั เกดิ จากความคดิ
กระตนุ ความสนใจ บา ง เพราะเหตใุ ดจงึ ตอ ง สรา้ งสรรคข์ องมนษุ ย ์ เปน็ ทรพั ยส์ นิ อกี ชนดิ หนงึ่ นอกเหนอื
มลี ขิ สทิ ธเิ์ ปน ของตนเอง จากสังหาริมทรัพย์ คือ ทรพั ย์สินทส่ี ามารถเคล่ือนย้ายได้
1. ครถู ามคาํ ถามสาํ คญั ประจาํ หวั ขอ วา นกั เรยี น
อยากสรางสิ่งใดที่จะเปนลิขสิทธิ์ของตนเอง เช่น นาฬก า รถยนต์ เป็นต้น และอสงั หาริมทรพั ย ์ คอื
บา งหรอื ไม และเพราะเหตใุ ดจงึ ตอ งมลี ขิ สทิ ธิ์ ทรัพยส์ ินทีไ่ ม่สามารถเคล่ือนยา้ ยได้ เช่น บา้ น ทด่ี ิน
เปน ของตนเอง
4.1 ประเภทของทรพั ยสนิ ทางปญ ญา
2. ครอู ธบิ ายเพอ่ื เชอ่ื มโยงเขา สบู ทเรยี นวา ทรพั ยส นิ
ทางปญญา คือ ผลงานอันเกิดจากความคิด 1. ลขิ สทิ ธิ ์ คือ สิทธิแตผ่ ูเ้ ดียวที่กฎหมายรับรองใหผ้ ูส้ ร้างสรรค์กระทา� การใด ๆ เกี่ยวกับ
สรา งสรรคข องมนษุ ย เปน ทรพั ยส นิ อกี ชนดิ หนงึ่ งานที่ได้ท�าข้ึน อันได้แก่ สิทธิท่ีจะท�าซ้�า ดัดแปลง หรือน�าออกโฆษณา กฎหมายลิขสิทธิ์ได้ให้
นอกเหนอื จากสงั หารมิ ทรพั ย คอื ทรพั ยส นิ ที่ ความคุ้มครองถึงสิทธิของผู้สร้างสรรค์ผลงานด้านเทคโนโลยี มีอายุการคุ้มครอง 50 ป หลัง
สามารถเคลื่อนยายได เชน นาฬกา รถยนต ผูส้ ร้างสรรคค์ นสุดท้ายเสยี ชวี ิต โดยเป็นการให้ความคุ้มครองอตั โนมัตแิ กท่ ายาทดว้ ย
และอสงั หารมิ ทรพั ย คอื ทรพั ยส นิ ทไี่ มส ามารถ
เคลอื่ นยา ยได เชน บา น ทดี่ นิ 1) ประเภทของงานท่มี ลี ขิ สิทธ ิ์ กฎหมายลิขสิทธใ์ิ ห้ความคุ้มครองแกง่ านสร้างสรรค ์ 9
ประเภทตามท่ีกฎหมายก�าหนด ไดแ้ ก่
ขนั้ สอน • งานวรรณกรรม เช่น หนังสือ จลุ สาร ส่งิ เขียน สิง่ พิมพ์ โปรแกรมคอมพิวเตอร์
• งานนาฏกรรม เชน่ งานท่เี กย่ี วกบั การรา� การเต้น การท�าท่า
สาํ รวจคน หา • งานศลิ ปกรรม เชน่ งานจติ รกรรม งานประตมิ ากรรม ภาพพมิ พ ์ งานสถาปตั ยกรรม
• งานดนตรีกรรม เช่น ค�ารอ้ ง ท�านอง การเรียบเรียงเสยี งประสาน
1. นกั เรยี นแบง กลมุ กลมุ ละ 3-4 คน เพอ่ื อภปิ ราย • งานส่ิงบันทกึ เสยี ง เชน่ เทปเพลง ซดี ี
รว มกนั ถงึ ประเภทของงานตา งๆ ทจี่ าํ เปน ตอ ง • งานโสตทศั นวัสด ุ เช่น วิดโี อ เทป วีซดี ี ดีวดี ี แผ่นเลเซอรด์ สิ กท์ ีบ่ ันทึกขอ้ มูล
มีการจดลิขสิทธิ์ซึ่งกฎหมายลิขสิทธ์ิใหความ • งานภาพยนตร ์ เชน่ ภาพยนตร ์ รวมท้งั เสียงประกอบของภาพยนตร์
คุมครองแกงานสรา งสรรค 9 ประเภท ตามที่ • ง านแพรเ่ สยี งแพรภ่ าพ เชน่
กฎหมายกําหนด
การกระจายเสียงวิทยุ หรือ
แนวตอบ คําถามสําคัญประจาํ หวั ขอ ภาพทางโทรทศั น์
• ง านอ่ืนใดในแผนกวรรณคดี
นักเรียนตอบตามความคิดเห็นของตนเอง แผนกวิทยาศาสตร์ หรือ
โดยคําตอบขึ้นอยูกับดุลยพินิจของครูผูสอน เชน แผนกศลิ ปะ
ไดสทิ ธ์ิความเปน เจา ของผลงานตา งๆ เพ่ือปองกัน
การคดั ลอก ทาํ ซาํ้ หรอื ดดั แปลง ภาพที่ 4.24 งานแกะสลกั ไม ้

102

เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคิด

นอกจากการขอลิขสิทธิ์แลว ครูอาจจะใหความรูเกี่ยวกับข้ันตอนการ โปรแกรมคอมพิวเตอร ถอื เปนงานลขิ สทิ ธิป์ ระเภทใด
ขออนุญาตใชลิขสิทธิ์จากเจาของท่ีถูกตอง หรือการใหเครดิตรูปภาพที่นํามา 1. งานนาฏกรรม
ใชง าน การอา งองิ ขอ มลู ความรจู ากตน ฉบบั และใหน กั เรยี นไดท ดลองทาํ กจิ กรรม 2. งานศิลปกรรม
จําลองเพอ่ื ใหเขาใจข้นั ตอนตา งๆ ไดมากข้นึ ดว ย 3. งานวรรณกรรม
4. งานอืน่ ใดในแผนกวรรณคดี แผนกวิทยาศาสตร หรอื
แผนกศลิ ปะ

(วิเคราะหคําตอบ จากตัวเลือกท่ีกําหนดให วิเคราะหไดวา
โปรแกรมคอมพวิ เตอรเ ปน งานทม่ี ลี ขิ สทิ ธปิ์ ระเภทงานวรรณกรรม
ดงั นนั้ ตอบขอ 3.)

T116

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

2) การไดมาซ่ึงสิทธิ์ สิทธิในลิขสิทธ์ิจะเกิดข้ึนโดยทันทีนับตั้งแตผูสรางไดสรางสรรค ขน้ั สอน
ผลงานเสร็จโดยไมต องจดทะเบียน ดังน้นั เจาของลขิ สทิ ธจิ์ ึงควรปกปอ งคุมครองสิทธขิ องตนเอง
โดยการเกบ็ รวบรวมหลักฐานตา ง ๆ ที่แสดงวา สาํ รวจคน หา
ไดท าํ การสรา งสรรคผ ลงานนนั้ ขนึ้ เพอื่ ประโยชน
ในการพิสูจนสิทธิหรือความเปนเจาของใน 2. นักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนมานําเสนอ
โอกาสตอไป เกี่ยวกับงานประเภทตางๆ ท่ีตองมีการจด
ลิขสิทธิ์ พรอ มอภปิ รายรว มกันภายในชนั้ เรียน
3) เจาของลิขสิทธิ์ คือ ผูที่มีสทิ ธิ
ในการจัดการกับงานลิขสิทธิ์ของตนเอง 3. นักเรียนศึกษาเพ่ิมเติมจากหนังสือเรียน
ไดแก บุคคลดังตอไปนี้ ผูสรางสรรคผลงาน เกยี่ วกบั การไดม าซง่ึ สทิ ธ์ิ เจา ของสทิ ธิ์ เอกสาร
ผสู รา งสรรคใ นฐานะพนกั งานหรอื ลกู จา ง ผวู า จา ง ใชป ระกอบการแจง ขอ มลู ลขิ สทิ ธ์ิ และประโยชน
ของลิขสทิ ธิ์
ในกรณวี าจา งใหบ ุคคลอื่นใหเ ปนคนสรา งสรรค
งาน ผดู ดั แปลง กระทรวง ทบวง กรม หนว ย 4. นักเรียนศึกษาการเชื่อมโยงความรูสูชีวิต
งานของรัฐหรือทอ งถนิ่ และผูร ับโอนลิขสิทธ์ิ ประจาํ วัน (Com Sci in Real Life) เก่ียวกับ
หนวยงานที่ทําหนาท่ีดูแลรับผิดชอบทรัพยสิน
ทางปญ ญา และใหค าํ ปรกึ ษาหรอื คาํ แนะนาํ แก
ผทู ส่ี รา งสรรคผ ลงานจดเปน ลขิ สทิ ธขิ์ องตนเอง

ภาพท่ี 4.25 การสรางสรรคผลงานเพ่อื จดเปนลิขสทิ ธิ์

4) เอกสารทใ่ี ชประกอบการแจงขอมูลลิขสทิ ธิ์ CinoRmeaSlcLiife

• สําเนาบัตรประชาชน พรอมรับรองสําเนา ปจจุบันประเทศไทยมีหนวย o_O
ถกู ตอ ง (กรณีเปนบุคคลธรรมดา) งานทที่ าํ หนา ทด่ี แู ลรบั ผดิ ชอบ
เก่ียวกับทรัพยสินทางปญญา
• สาํ เนาหนงั สอื รบั รองนติ บิ คุ คลที่นายทะเบียน และใหค าํ ปรกึ ษา แนะนาํ แกผ ทู ี่
ออกใหไ มเกนิ 6 เดือนของเจา ของลิขสทิ ธิ์ (กรณีเปนนติ บิ คุ คล) สรา งสรรคผ ลงานจดเปน ลขิ สทิ ธิ์
ของตนเอง คอื กรมทรพั ยส นิ
• หนงั สอื มอบอาํ นาจ พรอ มสาํ เนาบตั รประชาชน ทางปญญา (Department of
ของผูรับมอบอาํ นาจ (รับรองสําเนาถูกตอ ง) Intellectual Property: DIP)
โดยมภี าระกจิ สาํ คญั ไดแ ก การ
• ผลงานหรือภาพถายงานลิขสิทธิ์ จํานวน 1 ใหค วามคมุ ครองทรพั ยส นิ ทาง
ชดุ ของเจา ของสิทธิ (กรณีเปนนติ ิบคุ คล) ปญ ญาและสง เสรมิ การปกปอ ง
สทิ ธใิ นทรพั ยส นิ ทางปญ ญาทงั้
• หนวยงานหรือองคกรของรัฐบาลใชสําเนา ในประเทศและตา งประเทศ
หนงั สอื แตง ตง้ั ผบู รหิ ารหนว ยงานหรอื องคก ร รวมทงั้ สาํ เนาบตั ร
ประชาชนของผูยื่นคาํ ขอ (รบั รองสาํ เนาถูกตอ ง)

103

ขอสอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู

ขอ ใดสาํ คัญทีส่ ดุ ในการปอ งกันการถกู ละเมิดลิขสทิ ธิ์ ครูอาจจะหาตัวอยางผลงานลิขสิทธิ์ของคนไทยที่มีชื่อเสียงมาใหนักเรียน
1. การจดลิขสิทธผ์ิ ลงาน ศึกษาในแตละประเภทของลิขสิทธ์ิ เพ่ือใหนักเรียนไดศึกษาตัวอยางของจริง
2. การใสเ ครดิตในผลงานทกุ ครง้ั ทีเ่ ผยแพร และสามารถระบไุ ดว า ผลงานแตล ะชน้ิ ถอื เปน ลขิ สทิ ธป์ิ ระเภทใด รวมถงึ ใหข อ มลู
3. การมพี ยานยืนยนั ความเปนเจาของลขิ สิทธิ์ ความรเู กย่ี วกบั ตวั อยา งผลประโยชนจ ากการเกบ็ คา ลขิ สทิ ธท์ิ มี่ อี ยใู นปจ จบุ นั เชน
4. การเกบ็ รวบรวมหลักฐานในการพสิ จู นความเปนเจา ของ ขอ มลู ผลประโยชนจ ากการซอ้ื -ขายแฟรนไชสธ รุ กจิ ทม่ี อี ยใู นประเทศไทย เพอื่ ให
ผลงานเอาไว นักเรียนไดเช่ือมโยงความรูจากหนวยการเรียนกับขอมูลจริงในปจจุบัน เพ่ือให
เปนแนวทางในการตัดสนิ ใจประกอบอาชีพในอนาคตไดดวย
(วเิ คราะหค าํ ตอบ จากตวั เลอื กทกี่ าํ หนดให วเิ คราะหไ ดว า ขอ 1.)
ลขิ สทิ ธเ์ิ กดิ ขน้ึ ตงั้ แตผ สู รา งสรา งสรรคผ ลงานแลว ไมว า จะจดทะเบยี น
หรอื ไมก ็ตาม แตก ารเก็บรวบรวมหลักฐานในการพสิ จู นค วามเปน
เจา ของผลงานเอาไวจ ะเปน สงิ่ ยนื ยนั ความเปน เจา ของลขิ สทิ ธไ์ิ ดด ี
ท่ีสุด ดงั นน้ั ตอบขอ 4.)

T117

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั สอน 5) ประโยชนของลิขสิทธ์ิ เจ้าของ ภาพที่ 4.26 ผู้สร้างสรรค์ผลงานจะเป็นผู้ท่ีมีลิขสิทธ์ิใน
ลิขสิทธิ์ย่อมได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย ผลงานนน้ั
อธบิ ายความรู ลิขสิทธ์ิ และมีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวท่ีจะกระท�า
การใด ๆ เก่ียวกับงานท่ีผู้สร้างสรรค์ได้ท�าขึ้น
1. ครูทบทวนเน้ือหาการเรียนเม่ือช่ัวโมงท่ีแลว หรือผลงานตามข้อใดข้อหน่ึงตามที่กล่าวไว้
เก่ยี วกบั ลิขสิทธ์ิ ขา้ งต้น ดงั น้ัน เจ้าของลิขสิทธจ์ิ ะมีสทิ ธใิ นการ
ทา� ซา�้ ดดั แปลง เผยแพรต่ อ่ สาธารณชน และให้
2. นกั เรยี นแบง กลมุ กลมุ ละ 3-4 คน (กลมุ เดมิ ) เชา่ ตน้ ฉบบั หรอื สา� เนางานอนั มลี ขิ สทิ ธข์ิ องตน
เพอื่ อภปิ รายรว มกนั ถงึ ความหมายและประเภท รวมท้ังให้ประโยชน์อันเกิดจากลิขสิทธ์ิแก่ผู้อ่ืน
ของสิทธิบัตร จากหนังสือเรียน ตามหัวขอ หรืออนุญาตให้ผู้อื่นใช้ลิขสิทธิ์ของตนท้ังหมด
ดงั ตอไปน้ี หรอื บางสว่ นกไ็ ด ้ โดยเจา้ ของลขิ สทิ ธยิ์ อ่ มไดร้ บั
1) ความหมายของสิทธบิ ตั ร คา่ ตอบแทนทเ่ี ปน็ ธรรม
2) ประเภทของสิทธบิ ตั ร ไดแ ก สทิ ธบิ ัตรการ
ประดษิ ฐ สทิ ธิบตั รการออกแบบผลติ ภัณฑ 2. สิทธิบัตร คือ หนังสือส�าคัญท่ีรัฐออกให้เพ่ือคุ้มครองการประดิษฐ์ หรือการออกแบบ
และอนสุ ทิ ธิบัตร ผลิตภัณฑ์ทีม่ ลี ักษณะตามที่กฎหมายกา� หนด
3) ความแตกตางระหวางอนุสิทธิบัตรกับสิทธิ
บัตรการประดษิ ฐ 1) ประเภทของสิทธิบัตร
4) ประโยชนข องสทิ ธิบัตร
• สิทธบิ ตั รการประดิษฐ  คือ ความคดิ สรา้ งสรรคเ์ กยี่ วกบั องค์ประกอบ โครงสร้าง
3. นักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนออกมานําเสนอ หรอื กลไกของผลิตภณั ฑ์ รวมทั้งกรรมวิธใี นการผลิต และการเก็บรักษา เช่น กลไกของเครือ่ งยนต ์
เกย่ี วกบั ความหมายและประเภทของสทิ ธิบัตร ยารกั ษาโรค มอี ายุคมุ้ ครอง 20 ป
พรอมอภิปรายรวมกันในหอ งเรยี น • สทิ ธบิ ตั รการออกแบบผลติ ภณั ฑ  คอื ความคดิ สรา้ งสรรคเ์ กยี่ วกบั รปู รา่ งลกั ษณะ
ภายนอก องค์ประกอบของลวดลายหรือสีของผลิตภัณฑ์ท่ีมองเห็นได้จากภายนอก เช่น การ
ออกแบบแก้วนา�้ มอี ายุค้มุ ครอง 10 ป
• อนสุ ทิ ธบิ ตั ร คอื หนงั สอื สา� คญั ทรี่ ฐั ออกใหเ้ พอื่ คมุ้ ครองการประดษิ ฐท์ มี่ ลี กั ษณะ
เปน็ การประดิษฐ์ข้ึนใหม่ และเป็นการประดิษฐ์ที่สามารถประยุกตใ์ ชใ้ นทางอุตสาหกรรมได้ มีอายุ
คมุ้ ครอง 6 ป  เงอ่ื นไขในการขออนสุ ทิ ธบิ ตั รตอ้ งเปน็ การประดษิ ฐข์ น้ึ ใหมท่ แ่ี ตกตา่ งไปจากเดมิ และยงั
ไมเ่ คยมกี ารใช ้ หรอื แพรห่ ลายกอ่ นวนั ยน่ื ขอ หรอื ยงั ไมเ่ คยมกี ารเปด เผยสาระสา� คญั ของการประดษิ ฐ์
นน้ั กอ่ นวนั ย่นื ขอทั้งในประเทศและต่างประเทศ สามารถประยุกต์ใช้ในทางอตุ สาหกรรมได้

2) ความแตกตา่ งระหวา่ งอนสุ ทิ ธบิ ตั รและสทิ ธบิ ตั รการประดษิ ฐ อนสุ ทิ ธบิ ตั รและสทิ ธบิ ตั ร
การประดษิ ฐม์ ขี อบเขตใหค้ วามคมุ้ ครองการประดษิ ฐเ์ ชน่ เดยี วกนั แตอ่ นสุ ทิ ธบิ ตั รเปน็ การคมุ้ ครองการ
ประดษิ ฐท์ ม่ี เี ทคนคิ ทไี่ มส่ งู มากนกั อาจจะเปน็ การปรบั ปรงุ เพยี งเลก็ นอ้ ย สว่ นสทิ ธบิ ตั รการประดษิ ฐ์
จะต้องมกี ารแก้ไขปญั หาทางเทคนคิ ของสงิ่ ทมี่ มี ากอ่ นหรอื ท่ีเรียกว่ามีข้ันการประดิษฐ์ที่สูงขน้ึ

104

เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคดิ

ครูอาจจะหาตัวอยางส่ิงประดิษฐท่ีไดรับการจดสิทธิบัตรแตละประเภท ในการยืน่ ขออนสุ ิทธบิ ัตร ขอ ใดตอไปนีไ้ มค วรทํา
มาเปรยี บเทยี บใหน กั เรยี นไดเ ขา ใจความแตกตา งของเงอื่ นไขในการจดทะเบยี น 1. นาํ ส่ิงประดิษฐไปเผยแพรก อนยน่ื ขออนุสิทธบิ ตั ร
ในแตละประเภทไดมากข้ึน และควรใหความรูเพิ่มเติมถึงหลักเกณฑในการ 2. ทดสอบคณุ ภาพสง่ิ ประดิษฐใ หผา นเกณฑม าตรฐาน
ขอรบั สทิ ธบิ ตั รการประดษิ ฐเ พม่ิ เตมิ ไดแ ก ทกี่ ําหนดไว
3. ตรวจสอบคณุ สมบตั ขิ องส่ิงประดิษฐใ หต รงกับเงือ่ นไข
1. เปน สง่ิ ประดษิ ฐใ หม ในการขออนสุ ิทธิบัตร
2. มขี นั้ การประดษิ ฐท สี่ งู ขน้ึ 4. ตรวจสอบขอ มลู วา มสี งิ่ ประดษิ ฐทีม่ ีความคลา ยหรอื
3. สามารถใชใ นอตุ สาหกรรมได ใกลเคียงส่ิงประดิษฐของเราทีจ่ ดอนสุ ิทธบิ ตั รกอ นแลว
ใหน กั เรยี นเขา ใจดว ย หรอื ไม
(วเิ คราะหค าํ ตอบ จากตวั เลอื กทกี่ าํ หนดให วเิ คราะหไ ดว า ในการ
T118
ยื่นขออนุสิทธิบัตรไมควรนําสิ่งประดิษฐไปเผยแพรกอนทําการ
ย่ืนขออนสุ ทิ ธิบัตร ดงั นั้น ตอบขอ 1.)

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

3) ประโยชนข องสทิ ธบิ ตั ร นอกจากประโยชนเ์ ชงิ วชิ าการทเ่ี ราจะไดเ้ รยี นรคู้ วามเปน็ มา ขนั้ สอน
หรอื พฒั นาการของความคดิ และการประดษิ ฐน์ นั้ ๆ ทา� ใหเ้ ราเหน็ ขอ้ บกพรอ่ ง หรอื สว่ นทคี่ วรปรบั ปรงุ
พัฒนาต่อให้เกิดความคิดใหม่ ๆ ตามมาในทางธุรกิจ ข้อมูลจากเอกสารสิทธิบัตรยังท�าให้เห็น อธบิ ายความรู
แนวโนม้ ของเทคโนโลยที ีก่ า� ลงั เกดิ ข้ึน ตลอดจนสามารถประเมนิ ความกา้ วหนา้ ของเทคโนโลยไี ด้
4. ครูอธิบายเพิ่มเติมเกีย่ วกับความจาํ เปนในการ
4.2 ขอดี ขอ เสียของทรัพยสินทางปญญา จดลิขสิทธ์แิ ละสทิ ธบิ ตั รวา หากเราเปนผผู ลติ
อะไรก็ตามไมวาจะเปนส่ิงของเคร่ืองใช หรือ
ข้อดี ขอ้ เสยี แมแตความคิดที่เราคิดวาเราสามารถขาย
เพ่ือสรางรายได หรือเพ่ือใหเกิดประโยชนตอ
1. ช ่วยให้ผทู้ ่คี ิดค้นเกดิ ความเป็นธรรม เพราะหาก 1. การตง้ั ราคาอาจไมเ่ ปน็ ธรรมตอ่ ผบู้ รโิ ภค สง่ ผลต่อ ตัวเราและคนอ่นื ๆ ได หากเราไมไ ดไปทําการ
ผู้ประกอบการรายใดตอ้ งการน�าไปใช้ ควรมกี าร การซอ้ื แบบถกู ลขิ สิทธ์ิตอ้ งเสยี เงินแพง จดสิทธิบัตรหรืออนุสิทธิบัตร และมีคนมา
ขออนุญาตและจ่ายค่าตอบแทนให้แกผ่ ู้คดิ ค้น ลอกเลียนแบบการออกแบบของเรา หรือ
ความคิดของเรา แลวนําไปจดสิทธิบัตรหรือ
2. ช ่วยคุ้มครองเจ้าของผลงานท่ีเป็นผู้คิดและ 2. ฐ านะและก�าลังซ้ือของผู้บริโภคในแต่ละประเทศ อนสุ ทิ ธบิ ตั รกอ นเรา จะสง ผลใหเ ราไมส ามารถ
กลั่นกรองออกมาจนเป็นผลงานท่ีหลายคน แตกตา่ งกนั อาจจะแพงตอ่ ผบู้ รโิ ภคในประเทศทย่ี ากจน ผลิต หรือจําหนายสินคาหรือความคิดน้ันๆ
ต้องการ ทไี่ มม่ รี ายไดม้ ากพอจะซอื้ ทรพั ยส์ นิ ทางปญั ญาจากตา่ ง ไดอกี
ประเทศมาใชไ้ ด ้ และในบางกรณอี าจมผี ลกระทบตอ่ ชวี ติ
เชน่ ยาตา้ นมะเรง็ ขยายความเขา ใจ

Com Sci 1. ครูเปด โอกาสใหน กั เรียนซักถามขอสงสยั และ
ครใู หค วามรเู พมิ่ เตมิ ในสว นนนั้ หรอื ใหน กั เรยี น
activity ศึกษาความรเู พมิ่ เตมิ จากอินเทอรเนต็

การจดั การขอ มลู สารสนเทศ 2. ครใู หน กั เรยี นทาํ กจิ กรรมทสี่ อดคลอ งกบั เนอื้ หา
โดยการตอบคําถามเพื่อพัฒนาความรูและ
1. จงบอกข้อมูลสว่ นตวั ท่ีไม่ควรเปด เผยเปน็ สาธารณะมา 5 ข้อมลู พรอ้ มเหตผุ ลประกอบของแตล่ ะข้อมลู ว่า ทกั ษะการเรยี นรู (Com Sci Activity) เกยี่ วกบั
เพราะอะไร การจดั การขอมูลสารสนเทศลงในสมดุ

2. น ักเรียนคิดวา่ เมื่อพบเนอ้ื หาทไี่ มเ่ หมาะสม ไมว่ า่ จะเปน็ เน้อื หาประเภทใดก็ตาม นกั เรยี นควรจะแจ้งใคร 3. นักเรียนทาํ ใบงาน เร่ือง ประเภทของลขิ สิทธ์ิ
ให้ทราบเป็นอนั ดบั แรก เพราะอะไร

3. บัญชผี ใู้ ช้งานที่เข้าระบบต่าง ๆ นักเรียนคดิ วา่ มคี วามสา� คญั มากนอ้ ยเพยี งใด เพราะเหตใุ ด
4. จงบอกถงึ ความรับผิดชอบต่อการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศในโรงเรียน อยา่ งน้อย 5 ขอ้
5. เมอ่ื พบเห็นการละเมดิ ลิขสิทธ์ ิ นักเรียนจะมวี ธิ ีการอยา่ งไร จงยกตัวอย่าง พรอ้ มคา� อธบิ าย

ทกั ษะการเรยี นรใู้ นศตวรรษท่ี 21 2. ทักษะการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสาร
1. การคิดอย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปญั หา
3. ความมวี นิ ัย คุณธรรม จรยิ ธรรม

105

ขอสอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู

การคิดคนทํานองเพลงสําหรับเลนดนตรีในนํ้ากับการคิดคน ครูอาจจะหาขอมูลคดีความฟองรองกรณีละเมิดลิขสิทธิ์ที่เจาของลิขสิทธิ์
เครอ่ื งดนตรสี าํ หรบั เลน ในนา้ํ จดั เปน ทรพั ยส นิ ทางปญ ญาประเภท ชนะคดมี าใหน กั เรยี นไดศ กึ ษาถงึ ประโยชนจ ากการไดร บั ความคมุ ครองในฐานะ
ใด เจาของผลงานจากเหตุการณจริงประมาณ 2-3 คดี และใหนักเรียนรวมกัน
อภิปรายถึงประโยชนท่ีไดร ับจากการเปนเจาของลิขสทิ ธ์ดิ วย
1. จดั เปนลิขสิทธิท์ ัง้ คู
2. จัดเปน สทิ ธิบตั รทัง้ คู T119
3. ทํานองเพลงสําหรับเลนดนตรีในน้ําจัดเปนลิขสิทธ์ิ

เครอ่ื งดนตรสี ําหรับเลนในนาํ้ จดั เปน สิทธิบัตร
4. ทาํ นองเพลงสําหรบั เลนดนตรีในนํ้าจัดเปน สทิ ธิบตั ร

เคร่อื งดนตรีสําหรบั เลนในนํา้ จดั เปนลิขสทิ ธิ์

(วเิ คราะหค าํ ตอบ จากตวั เลอื กทกี่ าํ หนดให วเิ คราะหไ ดว า ทาํ นอง
เพลงสาํ หรบั เลน ดนตรใี นนา้ํ จดั เปน ลขิ สทิ ธป์ิ ระเภทงานดนตรกี รรม
สวนเครื่องดนตรีสําหรับเลนในน้ําเปนสิ่งประดิษฐท่ีสรางข้ึนมา
ใหมจัดเปนทรัพยสินทางปญญาท่ีสามารถจดสิทธิบัตรได ดังน้ัน
ตอบขอ 3.)

นาํ สอน สรปุ ประเมิน

ขน้ั สรปุ Summary

ตรวจสอบผล การใชเ ทคโนโลยีสารสนเทศ
อยา งปลอดภัย
1. ครูประเมินผลนักเรียนจากการสังเกตการ
ตอบคาํ ถาม การนาํ เสนอหนา ชั้นเรียน การทาํ การใชเ ทคโนโลยสี ารสนเทศ
กิจกรรมกลุม และการทําใบงาน การใชเทคโนโลยีสารสนเทศมีทั้งคุณประโยชนในการดํารงชีวิตของมนุษยใหมีความ

2. นักเรียนตรวจสอบความรู ความเขาใจดวย สะดวกสบายขึ้น ซึ่งมาพรอมกับโทษพวกมีการใชโดยไมคํานึงถึงผลเสียจากการใชเปนเวลานาน
ตนเอง จากหนงั สอื เรียน และละเลยถงึ ความพอดีในการนาํ เทคโนโลยีสารสนเทศเขามาเปน สว นหนึ่งของชวี ติ
การปฏบิ ตั ติ นเมอ่ื พบเนอ้ื หาที่ ไมเ หมาะสม
3. นักเรียนทําแบบฝกหัดประจําหนวยการเรียนรู
ที่ 4 โดยใหบ นั ทึกลงในสมุด และทําช้นิ งาน/ การใชเ ทคโนโลยใี นบางครง้ั อาจพบเจอกบั เนอื้ หาทไี่ มเ หมาะสม ซงึ่ เราควรมที กั ษะพจิ ารณา
ภาระงาน (รวบยอด) เร่อื ง การใชเทคโนโลยี ถงึ ขอ มลู ท่ีไมเ หมาะสม รวมถงึ รูจักวิธีแกปญ หา พรอมรบั มอื หรือหลกี เล่ยี งเน้อื หาท่ีไมเหมาะสม
สารสนเทศอยา งปลอดภยั เพอ่ื ตรวจสอบความ ดังกลาว อันเปน วิธีปองกันตนเอง
เขา ใจ และนาํ มาสง ในชว่ั โมงถัดไป ความรบั ผดิ ชอบตอ การใชง านเทคโนโลยสี ารสนเทศ

4. นักเรียนทําแบบทดสอบหลังเรียนหนวยการ การใชเทคโนโลยีสารสนเทศนั้นตองมีความรับผิดชอบตอตนเอง บุคคลอ่ืน และสังคมได
เรยี นรทู ี่ 4 เรอื่ ง การใชเ ทคโนโลยีสารสนเทศ อยา งถูกตอง และตอ งรจู กั กฎระเบยี บในการใชงานเทคโนโลยีสารสนเทศของแตละองคก ร เพื่อไม
อยางปลอดภัย ใหเกดิ การร่วั ไหลขอ มลู สว นตวั ของบุคคลหรอื องคกรออกไปสบู ุคคลภายนอกได
ทรพั ยส นิ ทางปญ ญา
ขนั้ ประเมนิ
ทรัพยส นิ ทางปญญา คอื ผลงานอันเกิดจากความคิดสรางสรรคของมนุษย เปนทรัพยสนิ
ตรวจสอบผล อีกชนิดหนึ่ง นอกเหนือจากสังหาริมทรัพยและอสังหาริมทรัพย ทรัพยสินทางปญญาท่ีควรรูจัก
ไดแ ก ลขิ สิทธ์ิ และสทิ ธิบัตร
ตารางการวดั และประเมินผล
106
วิธีการ เคร่ืองมอื เกณฑก ารประเมิน
ตรวจแบบทดสอบ แบบทดสอบ รอ ยละ 60

หลงั เรียน หลงั เรยี น ผานเกณฑ

ตรวจใบงาน ใบงาน รอยละ 60
ผา นเกณฑ

ตรวจชิน้ งาน/ แบบประเมิน ระดบั คณุ ภาพ 2
ภาระงาน ชิ้นงาน/ ผานเกณฑ
(รวบยอด) ภาระงาน
(รวบยอด)

ประเมนิ แบบประเมนิ ระดบั คุณภาพ 2
การนําเสนอ การนําเสนอ ผา นเกณฑ
ผลงาน ผลงาน

สงั เกตพฤติกรรม แบบสงั เกต ระดับคุณภาพ 2
การทาํ งานกลมุ พฤตกิ รรม ผานเกณฑ

แนวทางการวัดและประเมินผล ขอ สอบเนน การคิด

ครสู ามารถสงั เกตการนาํ เสนอผลงาน พฤตกิ รรมการทาํ งานกลมุ ของนกั เรยี น ตวั อยา งการประดษิ ฐข อ ใดตอ ไปนส้ี ามารถนาํ มายนื่ จดสทิ ธบิ ตั ร
โดยศกึ ษาเกณฑก ารวดั และประเมนิ ผลจากแบบประเมนิ การนาํ เสนอผลงาน และ การประดิษฐไ ด
แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุมท่ีแนบมาทายแผนการจัดการเรียนรูที่ 4
หนว ยการเรยี นรทู ี่ 4 1. การคนพบจํานวนเฉพาะจาํ นวนใหม ขนาด 23 ลานหลกั
2. การคน พบวิธีการรกั ษาและยบั ย้งั โรคกระดกู พรนุ และ
แบบประเมินการนาเสนอผลงาน แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่
ขอ เสอ่ื มแบบไมต องใชย า
คาช้ีแจง:ใหผ้ ้สู อนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี ลงในช่องที่ คาชี้แจง : ใหผ้ ู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ลงในชอ่ งที่ 3. เครื่องพน ยามะพรา วสาํ หรับตดิ ต้งั กับรถไถเลก็ ทีค่ วบคมุ
ตรงกับระดับคะแนน ตรงกับระดับคะแนน
ปริมาณและทศิ ทางของนํา้ ยาได
การทางาน การมี 4. โปรแกรมฐานขอ มลู ท่ีเพมิ่ จํานวนหมวดหมไู ดไ มจ าํ กดั
การแสดง การยอมรบั ตามท่ไี ด้รบั ส่วนรว่ มใน (วเิ คราะหค าํ ตอบ จากตวั เลอื กทก่ี าํ หนดให วเิ คราะหไ ดว า ฐาน
ลาดับที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน ลาดับที่ ชื่อ–สกุล ความคิดเห็น ฟังคนอ่นื มอบหมาย ความมนี ้าใจ การปรบั ปรงุ รวม ขอมูล โปรแกรมคอมพิวเตอร ทฤษฎีหรือกฎวิทยาศาสตร หรือ
32 ของนักเรียน 15 คณิตศาสตร วิธีการวินิจฉัยและรักษาโรคใหกับมนุษยและสัตว
 1 ผลงานกล่มุ คะแนน ไมส ามารถนาํ มายนื่ จดสทิ ธบิ ตั รการประดษิ ฐไ ด ดงั นนั้ ตอบขอ 3.)

1 ความถกู ตอ้ งของเน้อื หา   321321321321321
2 ความคดิ สรา้ งสรรค์ 
3 วิธีการนาเสนอผลงาน  
4 การนาไปใชป้ ระโยชน์ 
5 การตรงต่อเวลา 

รวม 

ลงชอ่ื ...................................................ผู้ประเมนิ
............/................./...................

เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ลงชือ่ ...................................................ผู้ประเมนิ
ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินสมบรู ณ์ชัดเจน ให้ 2 คะแนน ............./.................../...............
ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินเป็นส่วนใหญ่ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางสว่ น ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ 2 คะแนน
ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครัง้ ให้ 1 คะแนน
ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมบางครง้ั

เกณฑก์ ารตดั สินคุณภาพ เกณฑก์ ารตัดสนิ คุณภาพ

ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ

14–15 ดีมาก 14–15 ดีมาก

11–13 ดี 11–13 ดี

8–10 พอใช้ 8–10 พอใช้
ต่ากวา่ 8 ปรับปรุง
ต่ากว่า 8 ปรบั ปรงุ

T120

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

แนวตอบ Self Check

Self Check 1. ถกู
2. ผิด
ให้นักเรียนตรวจสอบความเข้าใจ โดยพิจารณาข้อความว่าถูกหรือผิด แล้วบันทึกลงในสมุด 3. ถูก
หากพิจารณาขอ้ ความไมถ่ ูกต้อง ให้กลับไปทบทวนเนอ้ื หาตามหวั ข้อทก่ี �าหนดให้ 4. ผดิ
5. ผดิ
1. ก ารใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศเป็นเวลานาน ท�าให้เราติด ถูก/ผดิ ทบทวนหวั ขอ้
และให้โทษ
1

2. เราควรมรี หสั ผา่ นเอาไว้ใช้เลน่ ๆ และบอกคนอ่ืนได้ 2

3. เม่อื ใช้คอมพวิ เตอรเ์ สร็จแล้วเราควรออกจากระบบการใช้งาน ับ น ทึ ก ล ง ใ น ส ุม ด 3
ให้เรยี บรอ้ ย

4. เม่อื เราอยากรจู้ ักเพอ่ื นคนอนื่ เราจงึ จดรหัสผา่ นของเพื่อน 3
แล้วนา� ไปเข้าระบบของเพอ่ื นเพอื่ ดูขอ้ มลู

5. สิทธกิ ารเปน็ เจา้ ของผลงาน คอื คนท่ีน�าชิ้นงานน้นั มาจากคน 4
อน่ื ทีเ่ ป็นคนสรา้ งสรรค์

Unit Question 4

1 เทคโนโลยีสารสนเทศมคี วามสา� คญั อยา่ งไรในยุคปัจจบุ นั
2 ชน้ิ งานทมี่ ีลขิ สิทธชิ์ ิน้ ใดบา้ งทเ่ี ราสามารถน�ามาใช้ได ้ ยกตวั อยา่ งมา 5 ช้ินงาน
3 เม่ือเราพบเห็นว่า เคร่ืองคอมพิวเตอร์มีการเข้าระบบค้างไว้โดยคนใช้งานคนเดิมยังไม่ได้

ออกจากระบบ เราควรทา� อยา่ งไร
4 เมื่อพบเห็นเนื้อหาท่ีไม่เหมาะสมปรากฏข้ึนมา แต่ไม่มีผู้ใหญ่อยู่บริเวณใกล้เคียง เราจะ

ปฏิบตั ิอยา่ งไร
5 จงเขียนพฤติกรรมทไี่ มเ่ หมาะสมเกีย่ วกบั การใชเ้ ทคโนโลยีต่อตัวเอง บุคคลอ่ืน และสงั คม

มาอยา่ งละ 1 ข้อ
6 นักเรียนจะน�าความรเู้ รื่อง การใช้เทคโนโลยอี ยา่ งปลอดภัย ไปใชใ้ นชีวิตประจ�าวันอยา่ งไร

ไดบ้ ้าง

107

แนวตอบ Unit Question

1. ใชในการรับ-สง และเผยแพรข อมลู ผานเครอื ขาย ใชอ าํ นวยความสะดวกในการสือ่ สารผานระบบท่มี ีท้ังภาพและเสียง การเขาถงึ แหลงขอ มลู ท่ีตอ งการ
ไดอยางรวดเรว็ และอาํ นวยความสะดวกในชวี ติ ประจาํ วันไดอกี หลายดาน

2. ขน้ึ อยกู บั ดลุ ยพนิ จิ ของครผู สู อน เชน การรวบรวมโปสเตอรค วามละเอยี ดสงู ของวตั ถตุ า งๆ ในระบบสรุ ยิ ะจกั รวาลทถ่ี า ยโดยนกั บนิ อวกาศและยานอวกาศ
โดยทีมงาน Spaceth.co ของ NASA มาแจกใหดาวนโหลดนาํ ไปใชงานไดฟ รี

3. แจงใหเ จา ของบัญชีทราบ หากไมรจู ักหรอื หาเจาของบัญชีไมเจอ ใหท ําการออกจากระบบแทนเจาของบญั ชี
4. ปด หนาเวบ็ ไซตทม่ี ีเนอื้ หาไมเหมาะสมนน้ั และเตือนเพื่อนใหระวังเว็บไซตทมี่ ีเน้อื หาไมเ หมาะสมดงั กลาว
5. การตดิ ตงั้ ซอฟตแวรผิดกฎหมาย การคัดลอกผลงานของผอู น่ื มาแอบอา งเปนผลงานของตนเอง การพยายามเจาะระบบเพื่อเขา ถึงขอมูลสว นตวั ของผูอ ่นื

โดยที่ไมไ ดรบั อนุญาต
6. ระวงั ปอ งกนั ตนเองจากการถกู ละเมดิ และขโมยขอ มลู สว นบคุ คล การหลอกลวงผา นการใชเ ทคโนโลยสี ารสนเทศในรปู แบบตา งๆ และเตอื นคนใกลต วั ให

ระวังภัยจากการใชเทคโนโลยีที่เกดิ ขึ้นในปจ จุบนั

T121

บรรณานุกรม

ชนนิ ทร  เฉลมิ สขุ และอภชิ าต ิ ค�ำปลิว. 2562. หนังสอื เรียนรายวชิ าพ้ืนฐาน เทคโนโลยี (วิทยาการคำ� นวณ) ม.2. พิมพ์
คร้งั ท่ี 2. นนทบุรี : ไทยร่มเกล้า.

ชาตร ี เกดิ ธรรม. 2542. การเรยี นการสอนวิทยาศาสตร์เน้นนักเรยี นเปน็ ศนู ย์กลาง. กรุงเทพฯ : เซ็นเตอร์ ดสิ คฟั เวอร.ี
ทิศนา  แขมมณี. 2556. ศาสตร์การสอน : องค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ท่ีมีประสิทธิภาพ. พิมพ์คร้ังท่ี 17.

กรุงเทพฯ : ส�ำนกั พมิ พ์แหง่ จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลัย.
พมิ พนั ธ์  เดชะคปุ ต.์ 2544. การจดั การเรยี นการสอนดว้ ยวธิ กี ารสอนแบบสบื สวน. กรงุ เทพฯ : เดอะมาสเตอรก์ รปุ๊ แมเนจเมน้ ท.์

. 2544. การเรียนการสอนท่ีเนน้ ผู้เรียนเปน็ สาํ คญั : แนวคิดวธิ ีและเทคนิคการสอน 1. กรุงเทพฯ : เดอะมาสเตอร์
กรปุ๊ แมเนจเมน้ ท์.
ภพ  เลาหไพบูลย.์ 2542. แนวการสอนวทิ ยาศาสตร์ (ฉบบั ปรบั ปรุง). พมิ พ์คร้ังที่ 3. กรุงเทพฯ : ไทยวัฒนาพานชิ .
วรรณทิพา  รอดแรงค้า และจิต นวนแก้ว. 2542. การพัฒนาการคิดของนักเรียนด้วยกิจกรรมทักษะกระบวนการทาง
วิทยาศาสตร.์ พมิ พค์ รัง้ ที่ 2. กรุงเทพฯ : เดอะมาสเตอรก์ รุ๊ปแมเนจเมน้ ท.์
วราภรณ์  ชยั โอภาส. 2521. การพฒั นาสมรรถภาพในการเรยี นการสอนวชิ าวทิ ยาศาสตรใ์ นโรงเรยี นมธั ยมศกึ ษา. กรงุ เทพฯ :
โรงพมิ พป์ ระเสรฐิ ศิริ.
วจิ ารณ์  พานิช. 2555. วิถสี ร้างการเรียนรู้เพื่อศิษย์ในศตวรรษท่ี 21. กรุงเทพฯ : ตถาตา พบั ลิเคชน่ั .
วชิ าการและมาตรฐานการศกึ ษา สำ� นกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร, สำ� นกั . 2555. แนวทาง
การจดั การกิจกรรมการเรียนรูเ้ พ่ือพฒั นาทกั ษะการคดิ ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน พุทธศักราช
2551 ระดับมัธยมศึกษา (ฉบับปรับปรุง). พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตร
แห่งประเทศไทย.
ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ, สถาบัน. 2560. ตัวช้ีวัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พทุ ธศักราช 2551. กรุงเทพฯ. โรงพมิ พช์ มุ นมุ สหกรณ์การเกษตรแหง่ ประเทศไทย.
สมบัติ  การจนารกั พงค.์ 2545. เทคนคิ การสอนใหผ้ ้เู รยี นเกิดทักษะการคดิ . กรุงเทพฯ : ธารอกั ษร.
สรศักด์ิ  แพรดำ� . 2544. ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร.์ อุบลราชธานี : สถาบันราชภฏั อบุ ลราชธาน.ี
สำ� นกั บรหิ ารวชิ าการ วทิ ยาลยั เทคโนโลยปี ญั ญาภวิ ฒั น,์ แผนกบรหิ ารหลกั สตู ร. 2557. เอกสารเผยแพรค่ วามรวู้ ชิ าการศกึ ษา :
วิธีการสอน (Teaching Methodology). กรงุ เทพฯ : วิทยาลัยเทคโนโลยีปญั ญาภวิ ฒั น์.
สุวทิ ย์  มูลคำ� และอรทัย มูลค�ำ. 2547. 21 วธิ กี ารจัดการเรียนรู้ : เพอ่ื พัฒนากระบวนการคดิ . พิมพ์ครั้งท่ี 5. กรงุ เทพฯ :
ภาพพิมพ.์
อํานวย  รุ่งรัศม.ี 2525. การสอนวทิ ยาศาสตร์แบบก้าวหน้า. มหาสารคาม : ภาควิชาชีววิทยา มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม.

T122


Click to View FlipBook Version