The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

คู่มือการจัดโปรแกรมการแก้ไขฟื้นฟูผู้ต้องขัง

~ 48 ~

วนั ที่ รายละเอยี ดหลกั สตู ร เครอ่ื งมอื ท่ีใช้ วิทยากร
วันที่ ๔
หลักการพูดและการประกาศเสยี งตามสาย เจ้าหน้าที่
เชา้ - การเตรียมข้อมลู - บทในการประกาศ เรือนจา/กศน
(ภาคทฤษฎี) - หลกั การและวธิ กี ารในการผลติ ส่อื ข้อมูล /
บทสาหรับประกาศ เสียงตามสายของ เจา้ หนา้ ที่
บ่าย - การใชเ้ สียงภาษาไทย จงั หวะในการพูด การ
(ภาคปิบิ ัติ) ประกาศเสยี งตามสาย ตลอดจนการพดู ในที่ เรือนจา เรอื นจา/กศน
วนั ที่ ๕ สาธารณะได้อยา่ งถกู ต้องและเป็นมืออาชพี
- การฝึกปิิบัตเิ ขยี นข้อมูลสาหรับใชป้ ระกาศผา่ น ภาพยนตร์ เจา้ หน้าที่
เชา้ เสียงตามสายและฝกึ พูดตามขอ้ มลู ท่ไี ด้เตรยี มไว้ เรือนจา/กศน
บ่าย ใบงานเดยี่ ว/ใบงาน
- ชมภาพยนตร์แลว้ ให้ใบงานเพอื่ ทากจิ กรรมการ กลุ่ม เจา้ หน้าที่
วนั ที่ ๖ เรยี นรู้ เรอื นจา/กศน
เชา้ - ทากิจกรรมเด่ียว/ กจิ กรรมกลุ่มจากการชม
บา่ ย ภาพยนตร์ กจิ กรรมกลมุ่ เจา้ หนา้ ท่ี
- บันทึกสรุปผลท่ไี ด้จากการทากิจกรรม กจิ กรรมกลมุ่ เรือนจา/กศน
วันท่ี ๗
เช้า - รปู แบบการจัดบอร์ดสง่ เสริมการเรยี นรู้/จดั เจา้ หนา้ ท่ี
บา่ ย บอรด์ อย่างไรใหน้ ่าสนใจ เรอื นจา/กศน
- กิจกรรมการแบ่งกลมุ่ จัดบอร์ดประชาสัมพนั ธ์
วนั ท่ี ๘ ให้ความรใู้ นหัวข้อท่กี าหนด เพ่อื ฝกึ การทางาน ชมคลิปจากYoutube เจา้ หน้าท่ี
เชา้ เป็นทีม เร่ืองเกย่ี วกบั อาชพี ตา่ งๆ เรือนจา/กศน
- บนั ทึกสรปุ ผลท่ไี ด้จากการจัดบอรด์
บา่ ย กิจกรรมกลมุ่ เจ้าหน้าท่ี
- เปิด Youtube เพื่อสร้างแรงบันดาลใจด้าน เรอื นจา/กศน
อาชพี ให้ผูต้ ้องขัง
- กจิ กรรมตลาดนดั ไอเดยี ให้คิดอาชีพทตี่ ้องการ ใบงานเดี่ยว เจ้าหน้าท่ี
ทาหลังพ้นโทษ โดยออกแบบชีวิตของตนเองที่ เรอื นจา/กศน
ต้องการเปน็
แบบประเมินผลหลัง เจา้ หนา้ ท่ี
- การฝกึ ทักษะการเขียนเชงิ สรา้ งสรรค์ ในหัวขอ้ เรยี น เรือนจา/กศน
“อนาคตกาหนดได้ด้วยตัวเราเอง” นาความรู้
และส่ิงที่ได้จากการทากจิ กรรมมาประมวลเป็น
งานเขยี นเพ่ือวางแผนอนาคตของตนเอง
- ฝกึ การพูดสิ่งท่ีได้เขยี นไว้ให้เพอื่ นและ
อาจารย์ฟัง
- การประเมนิ ผลหลงั เรียน

~ 49 ~

การวัดและประเมนิ ผล
ประเมนิ ผลกอ่ นเรียน
เพื่อให้ทราบระดับความรู้ ความสนใจของผู้ต้องขังว่าสามารถฟัง พูด อ่าน เขียนได้ดีระดับใด

เพื่อนาข้อมูลมาใช้ในการคัดเลือกสื่อและวางแผนการจัดกิจกรรมให้เหมาะสมกับผู้ต้องขังท่ีเข้าหลักสูตรใน
ระดับเดยี วกนั

ประเมนิ ผลระหว่างเรียน
ระหว่างการจัดการเรียนรู้ เจ้าหน้าท่ี/ครูผู้สอน สามารถพิจารณาความสามารถในการเรียนรู้
ในแต่ละคน ซ่ึงสามารถประเมินได้หลายวิธี เช่น การสังเกต การตอบคาถาม การพูดคุย การตรวจผลงาน การ
ทาใบงานตา่ งๆ การมีสว่ นร่วมในกิจกรรม
ประเมินผลหลังเรยี น
เป็นการประเมินผลในภาพรวมทังหมด โดยเจ้าหน้าท่ีและครูผู้สอนสามารถใช้แบบทดสอบ
หรือตรวจสอบเอกสารหลกั ฐาน จากคะแนนของใบงานตา่ งๆ รวมทังการประเมนิ ผลความพงึ พอใจของผู้ต้องขัง
หลังเรียน
การจบหลกั สตู ร
๑. ผู้ต้องขังตอ้ งเขา้ รว่ มในทุกกจิ กรรมของหลักสูตร
๒. ผตู้ อ้ งขังที่เข้าหลกั สูตรต้องผ่านเกณฑ์การประเมินไมน่ ้อยกว่า ๘๐ คะแนน
๓. ผ้ตู อ้ งขงั จะไดร้ ับใบประกาศนยี บตั รเพ่อื นาไปใช้ในการเล่ือนชันได้

๒. การเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย (การฟืน้ ฟจู ิตใจ การวางแผนชวี ิต การสงเคราะห์หลงั ปลอ่ ย แนะนาอาชพี )
การดาเนนิ งานตามหลกั สูตร

๑. การเสริมสร้างสมรรถภาพทางร่างกาย มีวัตถุประสงค์ เพ่ือให้ผู้ต้องขังได้มีความพร้อม
ทางด้านร่างกาย มีความแข็งแรง อดทน มีระเบียบวินัย เป็นการเตรียมพร้อมเพ่ือเข้าสู่กิจกรรมอื่น
ประกอบด้วยกิจกรรมตา่ ง ๆ ดงั นี

- การฝึกระเบยี บแถว การฝกึ ระเบยี บวินัยประจาวนั ฯลฯ
- การออกกาลงั กายบรหิ าร
- การเลน่ กฬี าและนนั ทนาการ
- กิจกรรมค้นหาสาระและคณุ คา่ ชวี ิต Walk Rally for Life
๒. การพัฒนาด้านจิตใจ มีวัตถุประสงค์ เพ่ือปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม สร้างจิตสานึก และความ
เข้มแขง็ ในด้านจติ ใจ ประกอบด้วยกจิ กรรมตา่ ง ๆ ดงั นี
- ทักษะในการใช้ชีวิต ได้แก่ การเสริมสร้างความเข้มแข็งทางจิตใจ การเห็นคุณค่าในตนเอง
ทกั ษะการปิเิ สธ ทักษะการตดั สินใจและแกป้ ญั หา ฯลฯ
- อบรมหลักสูตรตามลัทธิศาสนาแบบเข้มข้น โดยเชิญวิทยากรท่ีเป็นผู้สอนศาสนาของ
แตล่ ะศาสนาและจดั อบรมตามความเหมาะสม เชน่ ศาสนาพุทธ มีการฝกึ วิปสั สนากรรมฐาน เปน็ ต้น
๓. การฝกึ ทักษะอาชพี มีวตั ถปุ ระสงค์ เพ่ือเสริมสร้างความรู้เกี่ยวกับอาชีพอสิ ระและอาชีพระยะสัน
ใหส้ ามารถนาไปประกอบอาชีพภายหลงั พน้ โทษ ทังนีขนึ อยู่กบั ความต้องการของตลาดแรงงานและความสมคั ร
ใจของผตู้ ้องขัง กาหนดไว้ ๕ อาชพี

~ 50 ~

๔. การพัฒนาคุณภาพชีวิตและส่งเสริมความสัมพันธ์ในครอบครัว มีวัตถุประสงค์ เพ่ือเสริมสร้าง
และพัฒนาความรู้ ความเขา้ ใจ ตลอดจนสร้างเสริมความมน่ั ใจและความมุ่งม่ันในการปรับตนเป็นพลเมืองดีของ
สงั คม โดยไม่หวนกลับมากระทาผิดซาอีก ประกอบด้วยกจิ กรรมต่าง ๆ ดงั นี

- อบรมให้ความรู้เก่ียวกับกฎหมายเบืองต้นท่ีใช้ในชีวิตประจาวันและเงื่อนไขในการ
คุมประพฤติ ฯลฯ

- การใหค้ วามรใู้ นการใชช้ ีวิตพอเพียงตามแนวพระราชดาริ
- การให้คาปรึกษาและการแนะแนวทางด้านการประกอบอาชีพ เช่น แนะนาแหล่งงาน
การหางานทา การสมคั รงาน หนว่ ยงานทใ่ี หบ้ รกิ ารทางสงั คม
- การจัดกจิ กรรมครอบครัวสมั พันธ์ เพ่ือสรา้ งความสัมพนั ธ์ในครอบครวั แบง่ เป็น กจิ กรรม
เจ้าหน้าทพ่ี บญาติ และ ให้ญาติพบผู้ตอ้ งขังเพ่อื พดู คุยและมีกจิ กรรมรว่ มกนั
สัปดาห์ที่ ๑ เน้นการเสริมสร้างสมรรถภาพทางร่างกายและการพัฒนาทางด้านจิตใจ เพื่อพัฒนา
ทักษะทางดา้ นร่างกาย การมีวนิ ัย การรู้บทบาทหนา้ ที่ของตน การรู้จักเสียสละเพ่ือส่วนรวม ตลอดจนปลกู ฝัง
คณุ ธรรม จริยธรรม สร้างจติ สานึก และการสร้างความเข้มแขง็ ในดา้ นจิตใจ
สัปดาห์ท่ี ๒ เน้นการให้ความรู้เก่ียวกับอาชีพอิสระและอาชีพระยะส้ัน เพ่ือสามารถนาไปประกอบ
อาชีพภายหลังพ้นโทษได้ ทงั นขี ึนอยกู่ ับความตอ้ งการของตลาดแรงงานและความสมัครใจของผูต้ ้องขัง
สปั ดาห์ท่ี ๓ เน้นการพัฒนาคุณภาพชีวิตและส่งเสรมิ ความสัมพันธ์ในครอบครัวมีวัตถุประสงค์เพ่ือ
เสริมสร้างและพัฒนาความรู้ ความเข้าใจ ตลอดจนสร้างเสริมความมั่นใจและความมุ่งมั่นในการปรับตนเป็น
พลเมอื งดขี องสงั คม โดยไมห่ วนกลับมากระทาผิดซาอีก
** หมายเหตุ ตารางกจิ กรรมสามารถปรับไดต้ ามความเหมาะสม แตต่ อ้ งครอบคลมุ ให้ครบทัง ๔ ด้าน

~ 51 ~

 การรายงานผลแนวทางการแก้ไขฟน้ื ฟผู ูต้ ้องขังตามลกั ษณะแหง่ คดแี ละพฤตกิ ารณ์การกระทาผิด

แบบฟอร์มการรายงานผล ประกอบดว้ ย
๑. โครงการทผ่ี า่ นการอนมุ ัตจิ ากผบู้ ังคับบญั ชา (ผบู้ ญั ชาการเรือนจา/ผู้อานวยการทัณฑสถาน)
๒. ตารางหลักสตู รการฝกึ อบรม (แบบฟอรม์ ที่ ๑)
๓. บญั ชรี ายชอื่ ผ้ตู อ้ งขังทเี่ ข้าโปรแกรม (แบบฟอร์มท่ี ๒)
๔. แบบประเมนิ ผลการเปล่ียนแปลงทัศนคติ และพฤตกิ รรมของผ้ตู อ้ งขัง (แบบฟอร์มท่ี ๓)
๕. แบบประเมินความคิดเหน็ ของผู้ตอ้ งขังต่อการเขา้ ร่วมโปรแกรมแก้ไขฟื้นฟู (แบบฟอร์มที่ ๔)
๖. แบบรายงานผลการจดั โปรแกรมแก้ไขฟนื้ ฟผู ู้ต้องขัง และภาพถา่ ย (แบบฟอรม์ ที่ ๕)
๗. แบบรายงานการใช้จา่ ยงบประมาณ (แบบฟอร์มท่ี ๖)

~ 52 ~

(แบบฟอรม์ ๑ )
การดาเนินงานโปรแกรม.................................

เรือนจา / ทณั ฑสถาน......................
(ระหว่างวันที่ ..............................)

วันท่ี หลกั สตู ร / เนื้อหา เวลา วิทยากร

~ 53 ~

(แบบฟอรม์ ๒)
บญั ชรี ายชื่อผู้ตอ้ งขงั โปรแกรม.......................................

ลาดบั ชื่อ - สกลุ อายุ ต้องโทษ คดี กาหนดโทษ วันพน้ โทษ หมายเหตุ
ครงั้ ท่ี

~ 54 ~

(แบบฟอร์ม ๓)
แบบประเมินผลการเปลี่ยนแปลงทัศนคติและพฤติกรรมของผู้ตอ้ งขงั

สาหรับเจ้าหน้าท่ี

ระดบั ความก้าวหนา้ ดขี ึน้ เหมือนเดมิ แย่ลง

๑. ทศั นคติและพฤติกรรมโดยรวม
๒. การมสี ว่ นร่วมทากจิ กรรมในกลมุ่
๓. การมีปฏกิ ริ ยิ าและบทบาทในกลมุ่ อย่างเหมาะสม
๔. การทางานทีม่ อบหมายสาเรจ็
๕. ระดับของความเหน็ ใจผู้เสียหาย
๖. ระดบั การสานึกในสงิ่ ท่ีตนได้กระทาผดิ ลงไป
๗. การพัฒนาแนวคดิ ท่ีจะแก้ไขความผิดพลาดของตนเอง
๘. ระดบั ของการลดการปฏิบตั ิหรือเข้าขา้ งตนเอง โทษผู้อ่นื

ในการกระทาผิด
๙. การเรยี นรู้สาเหตุชักนาไปสู่การกระทาผิด
๑๐.ทราบถึงปัจจัยเสีย่ งทนี่ าไปสกู่ ารกระทาผิดขึน้ อีก
๑๑.การพดู คยุ ปัญหาอยา่ งเปิดเผย
๑๒.ระดับของการเปล่ียนแปลงพฤตกิ รรม
๑๓.ระดับของทักษะในการแก้ไขปัญหา
๑๔.ระดับของเทคนคิ ในการปฏิเสธการกระทาผิด
๑๕.ความสามารถในการวางแผนและตงั้ เป้าหมายในชีวิต

ลงชื่อ..........................................................เจ้าหนา้ ท่ีผู้ดูแลโปรแกรม
( ............................................................ )

วนั ทีร่ ายงาน.............................................

* หมายเหตุ แบบประเมินน้ีใช้สาหรบั ให้เจ้าหนา้ ที่เป็นผ้ปู ระเมินผตู้ ้องขงั แตล่ ะคนทเี่ ข้าโปรแกรม
เวลารายงานให้รายงานสรุปเป็นภาพรวมของท้ังหมดได้

~ 55 ~

ตวั อย่าง (แบบฟอร์ม ๓)
แบบประเมินผลการเปลี่ยนแปลงทศั นคติและพฤตกิ รรมของผูต้ อ้ งขัง

สาหรบั เจา้ หน้าที่

ระดบั ความก้าวหน้า ดขี น้ึ เหมือนเดมิ แยล่ ง
จานวน / % จานวน / % จานวน / %
๑. ทัศนคติและพฤติกรรมโดยรวม
๒. การมีส่วนร่วมทากิจกรรมในกลมุ่ 25 / 96.15 % 1 / 3.85 % -
๓. การมปี ฏกิ ริ ิยาและบทบาทในกลมุ่ อยา่ งเหมาะสม 26 / 100 % 0.00 -
๔. การทางานทีม่ อบหมายสาเร็จ 22 / 84.62 % -
๕. ระดบั ของความเห็นใจผู้เสยี หาย 26 / 100 % 4 / 15.38 % -
๖. ระดบั การสานึกในส่งิ ที่ตนได้กระทาผิดลงไป 24 / 92.31 % 0.00 -
๗. การพัฒนาแนวคิดทีจ่ ะแก้ไขความผดิ พลาดของตนเอง 24 / 92.31 % -
๘. ระดับของการลดการปฏบิ ตั ิหรอื เข้าข้างตนเอง โทษผอู้ ่นื 23 / 88.46 % 2 / 7.69 % -
22 / 84.62 % 2 / 7.69 % -
ในการกระทาผดิ 3 / 11.54 %
๙. การเรยี นรสู้ าเหตชุ กั นาไปสู่การกระทาผดิ 4 / 15.38 % -
๑๐.ทราบถึงปัจจยั เส่ียงทน่ี าไปสู่การกระทาผดิ ข้นึ อีก -
๑๑.การพดู คยุ ปญั หาอย่างเปิดเผย 24 / 92.31 % 2 / 7.69 % -
๑๒.ระดับของการเปลยี่ นแปลงพฤติกรรม 24 / 92.31 % 2 / 7.69 % -
๑๓.ระดับของทักษะในการแก้ไขปัญหา 20 / 76.92 % 6 / 23.08 % -
๑๔.ระดบั ของเทคนคิ ในการปฏเิ สธการกระทาผดิ 24 / 92.31 % 2 / 7.69 % -
๑๕.ความสามารถในการวางแผนและตัง้ เปา้ หมายในชีวิต 22 / 84.62 % 4 / 15.38 % -
23 / 88.46 % 3 / 11.54 %
21 / 80.77 % 5 / 19.23 %

ลงช่ือ..........................................................เจ้าหน้าที่ผู้ดแู ลโปรแกรม
( ............................................................ )

วันทร่ี ายงาน.............................................

* หมายเหตุ แบบประเมนิ น้ีใชส้ าหรับให้เจา้ หน้าทเี่ ป็นผู้ประเมินผู้ต้องขงั แต่ละคนท่เี ข้าโปรแกรม
เวลารายงานให้รายงานสรปุ เป็นภาพรวมของทงั้ หมดได้

~ 56 ~

(แบบฟอรม์ ๔)
แบบประเมนิ ความคิดเหน็ ของผู้ต้องขังต่อการเขา้ รว่ มโปรแกรมแก้ไขฟ้ืนฟูสาหรับผูต้ อ้ งขงั

ระดับความคดิ เห็น
ท่ี หวั ข้อ มากท่สี ุด มาก ปาน น้อย นอ้ ยท่ีสุด

กลาง
๑. ท่านสมคั รใจเขา้ ร่วมกจิ กรรมตามโปรแกรมนี้
๒. ทา่ นมีความพงึ พอใจตอ่ การเข้ารว่ มโปรแกรมแก้ไข

ฟ้นื ฟผู ูต้ ้องขังในครง้ั น้ี
๓. การเขา้ รว่ มโปรแกรมฯครั้งน้ีทาใหท้ ่านสานึกผดิ ต่อ

การกระทาของตนเอง
๔. ทา่ นไดร้ บั ความรู้และประโยชนจ์ ากการเขา้ รว่ ม

โปรแกรมครั้งนี้
๕. ท่านสามารถนาความรแู้ ละทักษะทไี่ ด้รับไปใชใ้ น

การพฒั นาตนเอง
๖. ทา่ นสามารถปรบั เปล่ยี นทัศนคติ และพฤติกรรมไป

ในแนวทางท่ีถูกต้องหลงั จากเขา้ รว่ มโปรแกรม
๗. ทา่ นรูส้ กึ ว่าตนเองมคี ุณค่ามากขึน้
๘. ท่านมีความเช่ือม่ันในตวั เองว่าหลังจากพ้นโทษแลว้

จะไม่กลับไปกระทาผดิ ซา้ อกี
๙. ท่านจะทาให้ พ่อแม่ ญาตพิ นี่ ้องม่นั ใจ ว่าท่าน

สามารถกลับตนเปน็ คนดีได้
๑๐. ทา่ นอยากให้มีการจดั โปรแกรมในลักษณะน้ีอย่าง

ต่อเนื่องและจัดโปรแกรมกับผู้ต้องขังกลุ่มอื่นๆ ดว้ ย
ขอ้ เสนอแนะ

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………

* หมายเหตุ แบบประเมินนี้ใช้สาหรบั ใหผ้ ตู้ ้องขงั แตล่ ะคนเป็นผู้ประเมิน เวลารายงานใหร้ ายงานสรุปเปน็
ภาพรวมของทง้ั หมดได้

~ 57 ~

ตัวอย่าง (แบบฟอร์ม ๔)

แบบประเมินความคดิ เห็นของผูต้ อ้ งขังตอ่ การเขา้ รว่ มโปรแกรมแกไ้ ขฟ้ืนฟสู าหรับผู้ต้องขัง

ระดบั ความคิดเหน็

ท่ี หวั ข้อ มากทส่ี ุด มาก ปานกลาง น้อย น้อยทส่ี ดุ

จานวน / % จานวน / % จานวน / % จานวน จานวน / %
/%

๑. ทา่ นสมัครใจเขา้ รว่ มกจิ กรรมตามโปรแกรมน้ี 10 10 6 --

38.46% 38.46% 23.08%

๒. ทา่ นมีความพงึ พอใจตอ่ การเข้าร่วมโปรแกรมแก้ไข 9 14 3 --

ฟื้นฟูผู้ต้องขังในครง้ั น้ี 34.62% 53.85% 15.38%

๓. การเขา้ รว่ มโปรแกรมฯครง้ั นี้ทาใหท้ า่ นสานึกผดิ ตอ่ 16 10 - --

การกระทาของตนเอง 61.54 38.46 %

%

๔. ทา่ นไดร้ บั ความร้แู ละประโยชน์จากการเข้ารว่ ม 16 10 - --

โปรแกรมครง้ั น้ี 61.54 % 38.46 %

๕. ทา่ นสามารถนาความรแู้ ละทักษะทไ่ี ด้รับไปใชใ้ น 13 13 - --

การพฒั นาตนเอง 50.00% 50.00%

๖. ท่านสามารถปรบั เปล่ยี นทศั นคติ และพฤติกรรมไป 10 16 - --

ในแนวทางท่ีถูกต้องหลงั จากเข้ารว่ มโปรแกรม 38.46% 61.54 %

๗. ท่านรสู้ กึ วา่ ตนเองมีคุณค่ามากข้ึน 14 8 4 --

53.85% 30.77 % 15.38 %

๘. ทา่ นมคี วามเช่ือมัน่ ในตวั เองว่าหลังจากพน้ โทษแล้ว 21 5 - --

จะไม่กลบั ไปกระทาผิดซ้าอกี 80.77% 19.23 %

๙. ท่านจะทาให้ พ่อแม่ ญาติพี่น้องมั่นใจ ว่าท่าน 21 5 - --

สามารถกลบั ตนเปน็ คนดไี ด้ 80.77% 19.23 %

๑๐. ทา่ นอยากให้มีการจัดโปรแกรมในลักษณะน้ีอยา่ ง 15 11 - --

ตอ่ เน่ืองและจดั โปรแกรมกับผู้ตอ้ งขังกลุ่มอ่ืนๆ ดว้ ย 57.69% 42.31 %

ข้อเสนอแนะ

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

* หมายเหตุ แบบประเมินนี้ใชส้ าหรบั ให้ผู้ต้องขังแตล่ ะคนเปน็ ผูป้ ระเมนิ เวลารายงานให้รายงานสรปุ เปน็

ภาพรวมของทง้ั หมดได้

~ 58 ~

(แบบฟอร์ม ๕)
แบบรายงานผลการจดั โปรแกรมแก้ไขฟน้ื ฟูผูต้ อ้ งขงั

๑. ชอื่ เรือนจา / ทัณฑสถาน.............................................................................
๒. ชือ่ โปรแกรม..............................................................................................
๓. หลักการและเหตผุ ลในการนาโปรแกรมมาปฏบิ ัติต่อผู้ตอ้ งขัง

………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
รายละเอยี ดของการดาเนนิ การตามโปรแกรมฯ และภาพถ่าย

………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ผลสาเร็จของการดาเนินการตามโปรแกรมฯ

………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ปัญหาและอปุ สรรคในการจัดโปรแกรมฯ
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
การขยายผลการดาเนินงาน และข้อเสนอแนะในการดาเนินการครง้ั ต่อไป
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………
…………………………………………………………………………………

ลงชือ่ .....................................................................
ผู้บัญชาการ / ผู้อานวยการ......................................

วันที่............../............../.....................

~ 59 ~

แบบฟอร์มท่ี ๖

รายงานการใช้จ่ายงบประมาณในการจัดโปรแกรมการแก้ไขฟ้นื ฟผู ู้ต้องขัง
เรอื นจา/ทณั ฑสถาน......................................................

โปรแกรม งบประมาณ งบประมาณ รายละเอียดการใชจ้ ่าย
การจดั โปรแกรมการแก้ไขฟน้ื ฟูผ้ตู อ้ งขัง ที่ได้รบั ท่ดี าเนนิ การ
โปรแกรม จัดสรร ๑.คา่ ตอบแทนวิทยากรภายนอก
.......................................................................... จานวน......................................บาท
๒.ค่าตอบแทนวิทยากรภายใน
โปรแกรม จานวน......................................บาท
.......................................................................... ๓.คา่ วสั ดุอปุ กรณ์
จานวน......................................บาท
รวมทัง้ ส้ิน ๔.ค่าใชจ้ า่ ยอื่น ๆ ระบุ
........................
จานวน......................................บาท
๑.ค่าตอบแทนวทิ ยากรภายนอก
จานวน......................................บาท
๒.คา่ ตอบแทนวทิ ยากรภายใน
จานวน......................................บาท
๓.ค่าวสั ดุอุปกรณ์
จานวน......................................บาท
๔.ค่าใช้จ่ายอน่ื ๆ ระบุ
........................
จานวน......................................บาท

ผ้ใู หข้ ้อมลู .............................................................
ตาแหนง่ ..............................................................

(หมายเหตุ : แนบสาเนาหลกั ฐานการเบกิ จ่ายงบประมาณมาพรอ้ มนี้)

ภำคผนวก

เลม่ ๑๒๙ ตอนพิเศษ ๑๔๑ ง หน้า ๑ ๑๗ กนั ยายน ๒๕๕๕
ราชกิจจานุเบกษา

ระเบยี บกระทรวงการคลัง

วา่ ด้วยค่าใชจ้ ่ายในการฝกึ อบรม การจัดงาน
และการประชุมระหว่างประเทศ (ฉบับท่ี ๓)

พ.ศ. ๒๕๕๕

โดยท่เี ปน็ การสมควรแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรม
การจัดงาน และการประชุมระหวา่ งประเทศ ใหเ้ หมาะสมยง่ิ ขน้ึ

อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๒๑ (๒) แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒
กระทรวงการคลังโดยความเหน็ ชอบของคณะรฐั มนตรีจงึ กาํ หนดระเบยี บไว้ ดังต่อไปนี้

ขอ้ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรม
การจัดงาน และการประชมุ ระหวา่ งประเทศ (ฉบบั ที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๕”

ขอ้ ๒ ระเบียบน้ีใหใ้ ช้บังคับต้ังแต่วนั ถดั จากวนั ประกาศในราชกจิ จานเุ บกษาเป็นตน้ ไป
ข้อ ๓ ให้เพิ่มความต่อไปน้ีเป็นวรรคสองของข้อ ๖ แห่งระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วย
คา่ ใช้จ่ายในการฝกึ อบรม การจัดงาน และการประชมุ ระหวา่ งประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๙
“การเบิกจ่ายเงินและหลักฐานการจ่ายซ่ึงมิได้กําหนดไว้ในระเบียบน้ี ให้ถือปฏิบัติตามท่ี
กระทรวงการคลงั กาํ หนด”
ขอ้ ๔ ให้ยกเลิกความในข้อ ๗ แห่งระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรม
การจดั งาน และการประชุมระหวา่ งประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๙ และให้ใช้ความต่อไปนแ้ี ทน
“ข้อ ๗ ในกรณที ่มี ปี ญั หาเกยี่ วกบั การปฏบิ ัตติ ามระเบียบน้ี ใหป้ ลัดกระทรวงการคลังเป็นผวู้ ินจิ ฉัย
การเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรม การจัดงาน และการประชุมระหว่างประเทศ
นอกเหนือจากที่กําหนดไว้ในระเบียบนี้ หรือกําหนดไว้แล้วแต่ไม่สามารถปฏิบัติได้ ให้หัวหน้าส่วนราชการ
ขอทาํ ความตกลงกับกระทรวงการคลงั ”
ข้อ ๕ ใหย้ กเลกิ ความในหมวด ๒ คา่ ใช้จ่ายในการฝกึ อบรม ขอ้ ๘ ถงึ ข้อ ๒๗ แห่งระเบียบ
กระทรวงการคลงั วา่ ดว้ ยค่าใชจ้ า่ ยในการฝกึ อบรม การจัดงาน และการประชุมระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๙
และให้ใช้ความต่อไปน้แี ทน

“หมวด ๒
ค่าใชจ้ า่ ยในการฝกึ อบรม

สว่ นที่ ๑
คา่ ใช้จ่ายของสว่ นราชการทจี่ ดั การฝกึ อบรม

ข้อ ๘ โครงการหรือหลักสูตรการฝึกอบรมที่ส่วนราชการจัดหรือจัดร่วมกับหน่วยงานอ่ืน
ต้องได้รบั อนุมตั จิ ากหัวหน้าสว่ นราชการ เพื่อเบกิ จา่ ยคา่ ใช้จ่ายตามระเบียบน้ี

เลม่ ๑๒๙ ตอนพิเศษ ๑๔๑ ง หน้า ๒ ๑๗ กันยายน ๒๕๕๕
ราชกจิ จานุเบกษา

ใหส้ ่วนราชการท่จี ัดการฝึกอบรมเบกิ จ่ายคา่ ใช้จ่ายในการฝกึ อบรมได้ ดงั ตอ่ ไปน้ี

(๑) ค่าใช้จ่ายเก่ยี วกับการใช้และการตกแต่งสถานทฝ่ี กึ อบรม
(๒) ค่าใชจ้ า่ ยในพธิ เี ปดิ - ปดิ การฝึกอบรม
(๓) คา่ วัสดุ เคร่อื งเขียนและอุปกรณ์
(๔) ค่าประกาศนียบัตร
(๕) คา่ ถ่ายเอกสาร ค่าพมิ พ์เอกสารและสิ่งพมิ พ์
(๖) คา่ หนงั สอื สําหรับผู้เขา้ รบั การฝกึ อบรม
(๗) คา่ ใช้จา่ ยในการตดิ ต่อสื่อสาร
(๘) คา่ เช่าอุปกรณ์ต่าง ๆ ในการฝกึ อบรม
(๙) คา่ อาหารว่างและเครื่องดืม่
(๑๐) คา่ กระเปา๋ หรอื สิ่งทใ่ี ช้บรรจเุ อกสารสาํ หรบั ผู้เขา้ รับการฝึกอบรม
(๑๑) ค่าของสมนาคณุ ในการดูงาน
(๑๒) คา่ สมนาคณุ วทิ ยากร
(๑๓) คา่ อาหาร
(๑๔) คา่ เชา่ ท่ีพัก
(๑๕) คา่ ยานพาหนะ
ค่าใช้จ่ายตาม (๑) ถึง (๙) ให้เบิกจ่ายได้เท่าที่จ่ายจริง ตามความจําเป็น เหมาะสม
และประหยัด
คา่ ใช้จา่ ยตาม (๑๐) ใหเ้ บกิ จ่ายไดเ้ ท่าท่จี า่ ยจริง ไมเ่ กนิ อัตราใบละ ๓๐๐ บาท
ค่าใช้จ่ายตาม (๑๑) ใหเ้ บกิ จา่ ยไดเ้ ท่าท่จี ่ายจรงิ แหง่ ละไมเ่ กนิ ๑,๕๐๐ บาท
ค่าใช้จ่ายตาม (๑๒) ถึง (๑๕) ให้เบิกจ่ายตามหลักเกณฑ์และอัตราตามท่ีกําหนดไว้ใน
ระเบยี บน้ี
ข้อ ๙ การฝกึ อบรมบุคคลภายนอกให้จัดได้เฉพาะการฝกึ อบรมในประเทศเทา่ นัน้
ขอ้ ๑๐ บุคคลทีจ่ ะเบิกจา่ ยค่าใช้จา่ ยในการฝึกอบรมตามระเบียบนี้ ไดแ้ ก่
(๑) ประธานในพธิ ีเปิดหรอื พิธปี ิดการฝึกอบรม แขกผมู้ เี กียรติ และผ้ตู ิดตาม
(๒) เจา้ หนา้ ที่
(๓) วทิ ยากร
(๔) ผ้เู ข้ารับการฝึกอบรม
(๕) ผสู้ ังเกตการณ์
ค่าใช้จ่ายตามวรรคหนึ่งให้ส่วนราชการที่จัดการฝึกอบรมเป็นผู้เบิกจ่าย แต่ถ้าจะเบิกจ่ายจาก
สว่ นราชการตน้ สังกัดให้ทาํ ไดเ้ ม่ือสว่ นราชการท่จี ัดการฝึกอบรมร้องขอและสว่ นราชการต้นสังกัดตกลงยินยอม

เลม่ ๑๒๙ ตอนพเิ ศษ ๑๔๑ ง หน้า ๓ ๑๗ กันยายน ๒๕๕๕
ราชกจิ จานุเบกษา

ขอ้ ๑๑ การเทียบตําแหน่งของบุคคลตามข้อ ๑๐ (๑) (๒) (๓) และ (๕) ที่มิได้เป็น
บคุ ลากรของรัฐ เพ่อื เบกิ จา่ ยคา่ ใชจ้ ่ายตามระเบียบน้ี ใหส้ ่วนราชการที่จัดการฝึกอบรมเทียบตําแหน่งได้
ดงั น้ี

(๑) บุคคลที่เคยเป็นบุคลากรของรัฐมาแล้วให้เทียบตามระดับตําแหน่งหรือชั้นยศครั้งสุดท้าย
กอ่ นออกจากราชการหรอื ออกจากงาน แลว้ แต่กรณี

(๒) บุคคลที่กระทรวงการคลังไดเ้ ทียบระดบั ตาํ แหน่งไวแ้ ลว้
(๓) วิทยากรในการฝกึ อบรมข้าราชการประเภท ก ให้เทียบเท่าข้าราชการตําแหน่งประเภท
บริหารระดับสูง สําหรับวิทยากรในการฝึกอบรมข้าราชการประเภท ข และวิทยากรในการฝึกอบรม
บุคคลภายนอกให้เทยี บเทา่ ข้าราชการตาํ แหน่งประเภทอาํ นวยการระดับตน้
(๔) นอกจาก (๑) (๒) หรอื (๓) ให้หัวหน้าส่วนราชการเจ้าของงบประมาณพิจารณาเทียบ
ตําแหน่งตามความเหมาะสม โดยถือหลกั การเทยี บตําแหน่งของกระทรวงการคลังตาม (๒) เป็นเกณฑ์
ในการพจิ ารณา
ข้อ ๑๒ การเทียบตําแหน่งของบุคคลตามข้อ ๑๐ (๔) ที่มิได้เป็นบุคลากรของรัฐ
เพอ่ื เบกิ จ่ายคา่ ใชจ้ ่ายตามระเบยี บน้ี ให้สว่ นราชการทจ่ี ดั การฝกึ อบรมเทียบตําแหน่งได้ ดังน้ี
(๑) ผู้เข้ารับการฝึกอบรมในการฝึกอบรมข้าราชการประเภท ก ให้เทียบได้ไม่เกินสิทธิ
ของขา้ ราชการตาํ แหนง่ ประเภทบรหิ ารระดับสงู
(๒) ผู้เข้ารับการฝึกอบรมในการฝึกอบรมข้าราชการประเภท ข ให้เทียบได้ไม่เกินสิทธิ
ของขา้ ราชการตาํ แหนง่ ประเภทอํานวยการระดับตน้
ข้อ ๑๓ การเบิกจ่ายค่าพาหนะเดินทางไป - กลับระหว่างสถานท่ีอยู่ ท่ีพัก หรือท่ีปฏิบัติราชการ
ไปยังสถานที่จัดฝึกอบรมของบุคคลตามข้อ ๑๐ ให้อยู่ในดุลพินิจของหัวหน้าส่วนราชการท่ีจัด
การฝกึ อบรมหรอื ส่วนราชการตน้ สงั กัด
ข้อ ๑๔ การจ่ายค่าสมนาคณุ วทิ ยากรให้เปน็ ไปตามหลกั เกณฑแ์ ละอัตรา ดงั นี้
(๑) หลกั เกณฑ์การจา่ ยคา่ สมนาคุณวทิ ยากร

(ก) ชั่วโมงการฝกึ อบรมที่มีลกั ษณะเป็นการบรรยาย ใหจ้ า่ ยคา่ สมนาคุณวทิ ยากรได้ไม่เกิน
๑ คน

(ข) ชั่วโมงการฝึกอบรมที่มีลักษณะเป็นการอภิปรายหรือสัมมนาเป็นคณะ ให้จ่าย
ค่าสมนาคุณวิทยากรได้ไม่เกิน ๕ คน โดยรวมถึงผู้ดําเนินการอภิปรายหรือสัมมนาที่ทําหน้าท่ี
เช่นเดยี วกบั วิทยากรดว้ ย

(ค) ชั่วโมงการฝึกอบรมท่ีมีลักษณะเป็นการแบ่งกลุ่มฝึกภาคปฏิบัติ แบ่งกลุ่มอภิปราย
หรือสัมมนา หรือแบ่งกลุ่มทํากิจกรรม ซึ่งได้กําหนดไว้ในโครงการหรือหลักสูตรการฝึกอบรม
และจาํ เป็นตอ้ งมวี ทิ ยากรประจาํ กลุม่ ให้จ่ายคา่ สมนาคณุ วทิ ยากรไดไ้ ม่เกินกลุม่ ละ ๒ คน

เล่ม ๑๒๙ ตอนพิเศษ ๑๔๑ ง หน้า ๔ ๑๗ กันยายน ๒๕๕๕
ราชกจิ จานเุ บกษา

(ง) ชั่วโมงการฝึกอบรมใดมีวิทยากรเกินกว่าจํานวนท่ีกําหนดไว้ตาม (ก) (ข) หรือ (ค)
ให้เฉลี่ยจา่ ยค่าสมนาคุณวิทยากรไมเ่ กนิ ภายในจํานวนเงนิ ทจี่ ่ายได้ตามหลกั เกณฑ์

(จ) การนับชั่วโมงการฝึกอบรมใหน้ บั ตามเวลาท่ีกําหนดในตารางการฝึกอบรม โดยไม่ต้อง
หักเวลาท่ีพักรับประทานอาหารว่างและเครื่องดื่ม แต่ละชั่วโมงการฝึกอบรมต้องมีกําหนดเวลา
การฝึกอบรมไม่น้อยกว่าห้าสิบนาที กรณีกําหนดเวลาการฝึกอบรมไม่ถึงห้าสิบนาที แต่ไม่น้อยกว่า
ย่สี บิ ห้านาที ให้จ่ายค่าสมนาคณุ วิทยากรไดก้ ึง่ หน่ึง

(๒) อัตราคา่ สมนาคุณวิทยากร
(ก) วิทยากรท่ีเป็นบุคลากรของรัฐไม่ว่าจะสังกัดส่วนราชการที่จัดการฝึกอบรมหรือ

ไมก่ ต็ าม ใหไ้ ด้รบั คา่ สมนาคณุ สําหรบั การฝกึ อบรมข้าราชการประเภท ก ไม่เกินชั่วโมงละ ๘๐๐ บาท
สว่ นการฝกึ อบรมขา้ ราชการประเภท ข และการฝึกอบรมบุคคลภายนอก ให้ได้รับค่าสมนาคุณไม่เกิน
ชั่วโมงละ ๖๐๐ บาท

(ข) วิทยากรท่ีมิใช่บุคคลตาม (ก) ให้ได้รับค่าสมนาคุณสําหรับการฝึกอบรมข้าราชการ
ประเภท ก ไม่เกินช่ัวโมงละ ๑,๖๐๐ บาท ส่วนการฝึกอบรมข้าราชการประเภท ข และ
การฝึกอบรมบุคคลภายนอก ใหไ้ ดร้ บั คา่ สมนาคุณไม่เกินช่ัวโมงละ ๑,๒๐๐ บาท

(ค) กรณที จี่ ําเป็นตอ้ งใช้วทิ ยากรท่ีมีความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์เป็นพิเศษ
เพ่ือประโยชน์ในการฝึกอบรมตามโครงการหรือหลักสูตรที่กําหนด จะให้วิทยากรได้รับค่าสมนาคุณ
สูงกว่าอัตราท่ีกําหนดตาม (ก) หรือ (ข) ก็ได้ โดยให้อยู่ในดุลพินิจของหัวหน้าส่วนราชการเจ้าของ
งบประมาณ

(ง) การฝึกอบรมท่ีส่วนราชการจัดหรือจัดร่วมกับหน่วยงานอ่ืน ถ้าวิทยากรได้รับ
ค่าสมนาคณุ จากหนว่ ยงานอนื่ แลว้ ให้ส่วนราชการที่จัดการฝกึ อบรมงดเบิกค่าสมนาคุณจากส่วนราชการ

ท่จี ดั การฝึกอบรม เวน้ แต่จะทาํ ความตกลงกับกระทรวงการคลงั เป็นอยา่ งอื่น
(๓) การจ่ายคา่ สมนาคณุ วิทยากรให้ใช้แบบใบสําคัญรับเงินสําหรับวิทยากรเอกสารหมายเลข ๑

ทา้ ยระเบียบนี้ เป็นหลักฐานการจา่ ย
ขอ้ ๑๕ ในโครงการหรือหลักสูตรการฝึกอบรมที่มีการจัดอาหารให้แก่บุคคลตามข้อ ๑๐

ใหส้ ว่ นราชการท่ีจัดการฝึกอบรมเบิกจ่ายค่าอาหารได้เท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินอัตราค่าอาหารตามบัญชี
หมายเลข ๑ ท้ายระเบียบน้ี

ข้อ ๑๖ ในโครงการหรอื หลักสูตรการฝึกอบรมท่มี กี ารจัดที่พกั หรือออกค่าเช่าที่พักให้แก่บุคคล
ตามข้อ ๑๐ ให้ส่วนราชการที่จัดการฝึกอบรมเบิกจ่ายค่าเช่าท่ีพักได้เท่าท่ีจ่ายจริง แต่ไม่เกินอัตรา
คา่ เช่าทพี่ ักตามบญั ชหี มายเลข ๒ และบัญชีหมายเลข ๓ ทา้ ยระเบียบน้ี และตามหลกั เกณฑ์ ดงั น้ี

(๑) การจัดท่ีพักให้แก่ผู้เข้ารับการฝึกอบรม สาํ หรับการฝึกอบรมข้าราชการประเภท ข
และการฝึกอบรมบคุ คลภายนอก ให้พักรวมกันต้ังแต่สองคนขึ้นไปโดยให้พักห้องพักคู่ เว้นแต่เป็นกรณี
ท่ีไม่เหมาะสมหรือมเี หตจุ าํ เปน็ ไม่อาจพักรวมกบั ผู้อ่ืนได้ หวั หน้าส่วนราชการท่ีจัดการฝึกอบรมอาจจัดให้

พักห้องพักคนเดียวได้

เล่ม ๑๒๙ ตอนพเิ ศษ ๑๔๑ ง หนา้ ๕ ๑๗ กนั ยายน ๒๕๕๕
ราชกิจจานเุ บกษา

(๒) การจัดท่ีพักให้แก่ผู้สังเกตการณ์หรือเจ้าหน้าที่ตําแหน่งประเภทอํานวยการระดับต้น
ตําแหน่งประเภทวิชาการระดับปฏิบัติการ ระดับชํานาญการ ระดับชํานาญการพิเศษ และตําแหน่ง

ประเภททัว่ ไประดับปฏบิ ัตงิ าน ระดบั ชํานาญงาน ระดบั อาวโุ ส ใหพ้ ักรวมกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปโดยให้
พักห้องพักคู่ เว้นแต่เป็นกรณีท่ีไม่เหมาะสมหรือมีเหตุจําเป็นไม่อาจพักรวมกับผู้อื่นได้ หัวหน้าส่วนราชการ
ที่จัดการฝึกอบรมอาจจัดให้พักห้องพักคนเดียวได้ ส่วนผู้สังเกตการณ์หรือเจ้าหน้าท่ีตําแหน่งประเภท
บริหารระดับตน้ ระดบั สงู หรอื ตาํ แหน่งท่เี ทียบเท่าตําแหน่งประเภทอาํ นวยการระดบั สูง ตําแหน่งประเภท
วิชาการระดับเชี่ยวชาญ ระดับทรงคุณวุฒิ และตําแหน่งประเภททั่วไประดับทักษะพิเศษ จะจัดให้
พกั ห้องพกั คนเดยี วกไ็ ด้

(๓) การจัดท่พี ักให้แกป่ ระธานในพิธเี ปิดหรอื พธิ ีปิดการฝึกอบรม แขกผ้มู ีเกยี รติ และผู้ติดตาม
หรอื วทิ ยากร ให้พักหอ้ งพกั คนเดยี วหรือพกั หอ้ งพกั คกู่ ็ได้ และเบิกจา่ ยคา่ เชา่ ที่พักไดเ้ ท่าทีจ่ ่ายจริง

ข้อ ๑๗ การจัดการฝกึ อบรมทส่ี ว่ นราชการท่ีจัดการฝึกอบรมจัดยานพาหนะให้หรือรับผิดชอบ
คา่ ยานพาหนะสาํ หรับบคุ คลตามขอ้ ๑๐ ใหส้ ว่ นราชการดําเนนิ การตามหลักเกณฑ์ ดงั น้ี

(๑) กรณใี ช้ยานพาหนะของส่วนราชการท่ีจดั การฝึกอบรม หรือกรณยี มื ยานพาหนะจากส่วนราชการ
หรอื หนว่ ยงานอ่ืน ใหเ้ บกิ จา่ ยคา่ เช้อื เพลงิ ได้เทา่ ทีจ่ า่ ยจรงิ

(๒) กรณีใช้ยานพาหนะประจําทางหรือเช่าเหมายานพาหนะ ให้จัดยานพาหนะตามระดับ
ของการฝึกอบรมตามสิทธิของข้าราชการตามพระราชกฤษฎีกาค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ
โดยอนโุ ลม ดงั นี้

(ก) การฝึกอบรมข้าราชการประเภท ก ให้จัดยานพาหนะตามสิทธิของข้าราชการ
ตําแหน่งประเภทบริหารระดับสูง เว้นแต่กรณีเดินทางโดยเคร่ืองบินให้ใช้ช้ันธุรกิจ แต่ถ้าไม่สามารถ
เดินทางโดยช้ันธรุ กิจไดใ้ หเ้ ดนิ ทางโดยชน้ั หน่งึ

(ข) การฝึกอบรมข้าราชการประเภท ข ให้จัดยานพาหนะตามสิทธิของข้าราชการ
ตาํ แหน่งประเภททวั่ ไประดบั ชํานาญงาน

(ค) การฝึกอบรมบุคคลภายนอกให้จัดยานพาหนะตามสิทธิของข้าราชการตําแหน่ง
ประเภทท่ัวไประดับปฏบิ ตั ิงาน

ทง้ั น้ี ใหเ้ บกิ จ่ายค่าพาหนะได้เท่าท่ีจา่ ยจรงิ ตามความจําเปน็ เหมาะสม และประหยัด
(๓) กรณีวิทยากรมีถิ่นที่อยู่ในท้องที่เดียวกับสถานที่จัดการฝึกอบรม ส่วนราชการที่จัด

การฝึกอบรมจะเบิกจ่ายเงินค่าพาหนะรับจ้างไป - กลับ ให้แก่วิทยากรแทนการจัดรถรับส่งวิทยากรได้
โดยให้ใช้แบบใบสําคัญรับเงนิ สาํ หรบั วทิ ยากรเอกสารหมายเลข ๑ ทา้ ยระเบียบน้ี เป็นหลกั ฐานการจา่ ย

ขอ้ ๑๘ การจัดการฝึกอบรมที่ส่วนราชการท่ีจัดการฝึกอบรมไม่จัดอาหาร ที่พัก
หรือยานพาหนะ ทัง้ หมดหรอื จัดใหบ้ างส่วน ใหส้ ่วนราชการทจี่ ัดการฝึกอบรมเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายทั้งหมด
หรอื ส่วนทขี่ าดให้แก่บุคคลตามข้อ ๑๐ แต่ถ้าบุคคลตามข้อ ๑๐ (๔) หรือ (๕) เป็นบุคลากรของรัฐ
ให้เบิกจ่ายจากต้นสังกัด ท้ังนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการท่ีกําหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกาค่าใช้จ่าย

ในการเดินทางไปราชการ ยกเว้น

เลม่ ๑๒๙ ตอนพเิ ศษ ๑๔๑ ง หนา้ ๖ ๑๗ กันยายน ๒๕๕๕
ราชกจิ จานเุ บกษา

(๑) คา่ เชา่ ท่ีพัก ใหเ้ บิกจ่ายตามหลักเกณฑ์และอตั ราตามขอ้ ๑๖
(๒) ค่าเบ้ียเล้ียงเดินทาง ให้คํานวณเวลาเพื่อเบิกจ่ายเบ้ียเล้ียงเดินทางโดยให้นับตั้งแต่เวลา
ที่เดินทางออกจากสถานที่อยู่หรือสถานท่ีปฏิบัติราชการตามปกติ จนกลับถึงสถานท่ีอยู่หรือสถานที่
ปฏิบตั ิราชการตามปกติ แลว้ แตก่ รณี โดยใหน้ ับย่ีสบิ สชี่ ่วั โมงเป็นหน่ึงวัน ถ้าไม่ถึงยี่สิบสี่ช่ัวโมงหรือเกิน
ยส่ี ิบสช่ี ว่ั โมงและส่วนทีไ่ ม่ถงึ ยส่ี ิบสีช่ วั่ โมงหรอื เกินยส่ี ิบสช่ี ัว่ โมงนน้ั เกนิ กว่าสิบสองชั่วโมงให้ถือเป็นหน่ึงวัน
แลว้ นําจํานวนวนั ทง้ั หมดมาคูณกับอัตราเบี้ยเลี้ยงเดินทาง ในกรณีท่ีผู้จัดการฝึกอบรมจัดอาหารบางมื้อ
ในระหว่างการฝึกอบรม ให้หักเบี้ยเลี้ยงเดินทางท่ีคํานวณได้ในอัตราม้ือละ ๑ ใน ๓ ของอัตราเบ้ียเล้ียง
เดนิ ทางต่อวัน
ข้อ ๑๙ การจัดการฝึกอบรมบุคคลภายนอก ถา้ สว่ นราชการทจ่ี ดั การฝึกอบรมไมจ่ ัดอาหาร ที่พัก
หรือยานพาหนะ ทั้งหมดหรือจัดให้บางส่วน ให้ส่วนราชการที่จัดการฝึกอบรมเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายให้แก่
ผู้เข้ารับการฝึกอบรมท่ีเป็นบุคลากรของรัฐตามหลักเกณฑ์ท่ีกําหนดไว้ในข้อ ๑๘ และให้ส่วนราชการ
ทจ่ี ัดการฝกึ อบรมเบกิ จา่ ยค่าใชจ้ า่ ยท้ังหมดหรือส่วนท่ีขาดใหแ้ ก่ผู้เข้ารับการฝึกอบรมที่มิได้เป็นบุคลากรของรัฐ
ตามหลักเกณฑ์ ดังนี้
(๑) ค่าอาหาร

(ก) การฝึกอบรมท่ีจัดอาหารให้ ๒ ม้ือ ให้เบิกจ่ายค่าอาหารในลักษณะเหมาจ่าย
ได้ไม่เกินคนละ ๘๐ บาท ต่อวัน

(ข) การฝกึ อบรมที่จดั อาหารให้ ๑ มื้อ ให้เบิกจ่ายค่าอาหารในลักษณะเหมาจ่ายได้ไม่เกิน
คนละ ๑๖๐ บาท ตอ่ วัน

(ค) การฝึกอบรมที่ไม่จัดอาหารให้ท้ัง ๓ ม้ือ ให้เบิกจ่ายค่าอาหารในลักษณะเหมาจ่าย
ได้ไมเ่ กนิ คนละ ๒๔๐ บาท ต่อวนั

(๒) ค่าเช่าท่ีพัก ใหเ้ บิกจ่ายในลกั ษณะเหมาจา่ ยไม่เกินคนละ ๕๐๐ บาท ตอ่ วัน
(๓) ค่าพาหนะเดนิ ทาง ใหเ้ บกิ จ่ายไดต้ ามสิทธขิ องขา้ ราชการตาํ แหนง่ ประเภททั่วไประดบั ปฏิบตั ิงาน
การเบิกจ่ายค่าใช้จา่ ยตามข้อนี้ ใหใ้ ชแ้ บบใบสําคัญรับเงนิ ค่าใช้จา่ ยในการฝึกอบรมบุคคลภายนอก
เอกสารหมายเลข ๒ ทา้ ยระเบยี บน้ี เปน็ หลักฐานการจา่ ย
ขอ้ ๒๐ การเบิกค่าเคร่ืองแต่งตัวในการเดินทางไปฝึกอบรมในต่างประเทศ ให้เบิกจ่ายได้
เฉพาะผเู้ ข้ารบั การฝึกอบรมทีเ่ ป็นบคุ ลากรของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ ตามบัญชีหมายเลข ๔ ทา้ ยระเบียบน้ี
ขอ้ ๒๑ โครงการหรือหลักสูตรการฝึกอบรมท่ีส่วนราชการที่จัดการฝึกอบรมได้รับความช่วยเหลือ
ค่าใชจ้ า่ ยทง้ั หมดจากหน่วยงานภายในประเทศ ต่างประเทศ หรือระหว่างประเทศ ให้งดเบิกจ่ายค่าใช้จ่าย
ส่วนกรณีทีส่ ว่ นราชการท่ีจดั การฝกึ อบรมไดร้ บั ความช่วยเหลอื ค่าใช้จ่ายบางสว่ น ใหเ้ บิกจา่ ยคา่ ใช้จ่ายสมทบ
ในส่วนทไี่ มไ่ ดร้ ับความช่วยเหลอื ตามหลกั เกณฑ์และอตั ราที่กําหนดไวใ้ นระเบยี บน้ี
ข้อ ๒๒ กรณีส่วนราชการที่จัดการฝึกอบรมประสงค์จะจ้างจัดฝึกอบรมในโครงการ
หรอื หลกั สูตรการฝึกอบรมไมว่ า่ ทง้ั หมดหรือบางสว่ น ใหด้ าํ เนินการได้ตามหลักเกณฑ์และอัตราค่าใช้จ่าย
ตามระเบียบน้ี และถ้าใช้เคร่ืองบินโดยสารเป็นยานพาหนะในการเดินทางไปฝึกอบรมในต่างประเทศ
ใหป้ ฏิบตั ิตามมตคิ ณะรัฐมนตรแี ละหนงั สือกระทรวงการคลังทกี่ ําหนดในเรือ่ งดงั กล่าวด้วย

เล่ม ๑๒๙ ตอนพเิ ศษ ๑๔๑ ง หน้า ๗ ๑๗ กนั ยายน ๒๕๕๕
ราชกจิ จานุเบกษา

การจ่ายเงินค่าใช้จ่ายตามวรรคหน่ึง ให้ใช้ใบเสร็จรับเงินของผู้รับจ้างเป็นหลักฐานการจ่าย
แต่ถ้าเป็นการจ่ายเงินโดยกรมบัญชีกลางเพ่ือเข้าบัญชีให้กับผู้รับจ้าง หรือผู้มีสิทธิรับเงินโดยตรง
ใหใ้ ช้รายงานในระบบตามที่กระทรวงการคลงั กําหนดเป็นหลกั ฐานการจา่ ย

ข้อ ๒๓ ให้มีการประเมินผลการฝึกอบรม และรายงานต่อหัวหน้าส่วนราชการท่ีจัด
การฝกึ อบรมภายใน ๖๐ วันนับแตว่ นั สน้ิ สุดการฝกึ อบรม

สว่ นท่ี ๒
ค่าใชจ้ า่ ยของผเู้ ขา้ รับการฝกึ อบรม

ข้อ ๒๔ ในการส่งบคุ ลากรเข้ารับการฝึกอบรม ใหส้ ่วนราชการต้นสังกัดพิจารณาอนุมัติเฉพาะ
ผู้ท่ปี ฏบิ ัตหิ น้าที่ทีเ่ ก่ียวข้องหรือเป็นประโยชน์ต่อส่วนราชการนั้นตามจํานวนที่เห็นสมควร โดยคํานึงถึง
ความจําเปน็ และเหมาะสมในการปฏบิ ัติงาน

ข้อ ๒๕ คา่ ใชจ้ า่ ยทีเ่ ป็นค่าลงทะเบียน คา่ ธรรมเนยี ม หรอื คา่ ใช้จ่ายทํานองเดียวกันที่เรียกชื่อ
อย่างอื่น ให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมเบิกเท่าท่ีจ่ายจริง แต่ไม่เกินอัตราที่ส่วนราชการหรือหน่วยงานที่จัด
การฝกึ อบรมเรยี กเกบ็

ขอ้ ๒๖ กรณคี า่ ใชจ้ ่ายตามข้อ ๒๕ ได้รวมค่าอาหาร ค่าเช่าที่พัก หรือค่าพาหนะของผู้เข้า
รับการฝึกอบรมหรือผู้สังเกตการณ์ไว้ทั้งหมด หรือส่วนราชการหรือหน่วยงานท่ีจัดการฝึกอบรม
ไดร้ ับผดิ ชอบคา่ ใชจ้ ่ายเกี่ยวกบั คา่ อาหาร คา่ เชา่ ทพี่ กั หรือค่าพาหนะท้ังหมดให้แก่ผู้เข้ารับการฝึกอบรม
หรือผสู้ งั เกตการณ์ ให้ผู้เข้ารับการฝกึ อบรมหรือผ้สู งั เกตการณง์ ดเบกิ คา่ ใชจ้ ่ายดังกล่าว

กรณีคา่ ใชจ้ ่ายตามข้อ ๒๕ ไมร่ วมค่าอาหาร คา่ เช่าทพี่ ัก หรอื คา่ พาหนะ หรือรวมไว้บางส่วน
หรือส่วนราชการหรือหน่วยงานที่จัดการฝึกอบรมไม่รับผิดชอบค่าอาหาร ค่าเช่าท่ีพัก หรือค่าพาหนะ
ท้ังหมดหรือรับผิดชอบให้บางส่วน ให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมหรือผู้สังเกตการณ์เบิกค่าใช้จ่ายทั้งหมด
หรอื เฉพาะส่วนท่ขี าด หรือสว่ นทีส่ ว่ นราชการหรือหน่วยงานท่ีจัดการฝึกอบรมมิได้รับผิดชอบนั้นได้ตาม
หลักเกณฑ์ที่กําหนดไว้ในข้อ ๑๘

ขอ้ ๒๗ กรณีท่ีบุคลากรของรัฐได้รับอนุมัติให้เดินทางไปฝึกอบรมในต่างประเทศโดยได้รับ
ความชว่ ยเหลอื ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปฝึกอบรมท้ังหมด ใหง้ ดเบกิ ค่าใช้จ่าย แต่ถ้าได้รับความช่วยเหลือ
ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปฝึกอบรมบางส่วน ให้เบิกค่าใช้จ่ายสมทบในส่วนที่ไม่ได้รับความช่วยเหลือ
ได้ตามพระราชกฤษฎีกาคา่ ใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ แต่ต้องไม่เกินวงเงินท่ีได้รับความช่วยเหลือ
ภายใต้เง่ือนไข ดงั นี้

(๑) กรณไี ด้รับความช่วยเหลือค่าโดยสารเคร่ืองบินไป - กลับ แล้ว แม้จะตํ่ากว่าสิทธิท่ีได้รับ
กใ็ ห้งดเบกิ คา่ โดยสารเครื่องบิน แต่ถ้าได้รบั ความช่วยเหลอื ค่าโดยสารเครื่องบินเพียงเที่ยวเดียว ให้เบิก
ค่าโดยสารเคร่อื งบนิ อกี หนึง่ เท่ียวในชั้นเดยี วกบั ที่ได้รบั ความชว่ ยเหลอื แต่ต้องไมส่ ูงกวา่ สทิ ธทิ ่พี งึ ได้รับ

เล่ม ๑๒๙ ตอนพเิ ศษ ๑๔๑ ง หน้า ๘ ๑๗ กันยายน ๒๕๕๕
ราชกจิ จานเุ บกษา

(๒) กรณีมกี ารจัดท่พี กั ให้ ให้งดเบิกค่าเชา่ ท่ีพัก แตถ่ า้ ได้รับความช่วยเหลือค่าเช่าที่พักต่ํากว่า
สิทธิที่พึงได้รับ ให้เบิกค่าเช่าท่ีพักสมทบเฉพาะส่วนท่ีขาดตามที่จ่ายจริง แต่เมื่อรวมกับค่าเช่าท่ีพัก
ทไ่ี ดร้ บั ความชว่ ยเหลอื แลว้ จะต้องไม่เกนิ สทิ ธิทพ่ี งึ ไดร้ บั

(๓) กรณีได้รับความช่วยเหลือค่าเบี้ยเล้ียงเดินทางต่ํากว่าสิทธิท่ีพึงได้รับ ให้เบิกค่าเบ้ียเล้ียง
เดินทางสมทบเฉพาะส่วนที่ขาด แต่ถ้ามีการจัดอาหารในระหว่างการฝึกอบรม การเบิกค่าเบ้ียเล้ียง

เดินทางให้เปน็ ไปตามหลักเกณฑท์ กี่ ําหนดไว้ในข้อ ๑๘
การเบกิ คา่ ใชจ้ า่ ยตามวรรคหนึง่ ใหจ้ ัดทํารายละเอยี ดค่าใช้จ่ายตามแบบรายละเอียดค่าใช้จ่าย

กรณไี ดร้ ับความชว่ ยเหลือ ตามเอกสารหมายเลข ๓ ทา้ ยระเบยี บนี้ พร้อมแนบสําเนาหนังสือของส่วนราชการ
หรอื หน่วยงานท่ใี ห้ความชว่ ยเหลอื เพื่อเป็นหลักฐานประกอบการเบิกจ่าย แต่ถ้าหน่วยงานท่ีให้ความช่วยเหลือ
ไมไ่ ดร้ ะบวุ งเงนิ ใหค้ วามช่วยเหลือไว้ ให้คํานวณเงินค่าใช้จ่ายท่ีได้รับความช่วยเหลือตามอัตราค่าใช้จ่าย
ตามระเบยี บนี้

ขอ้ ๒๘ ให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมหรือผู้สังเกตการณ์ท่ีเข้ารับการฝึกอบรมที่ส่วนราชการ
หรือหน่วยงานอ่ืนจัดการฝึกอบรม จัดทํารายงานผลการเข้ารับการฝึกอบรมเสนอหัวหน้าส่วนราชการ
ตน้ สงั กัดภายใน ๖๐ วันนับแต่วนั เดนิ ทางกลบั ถงึ สถานทป่ี ฏบิ ตั ริ าชการ”

ข้อ ๖ ให้ยกเลิกความในหมวด ๓ ค่าใช้จ่ายในการจัดงาน ข้อ ๒๘ ถึงข้อ ๒๙ แห่งระเบียบ
กระทรวงการคลงั ว่าด้วยคา่ ใช้จา่ ยในการฝึกอบรม การจัดงาน และการประชุมระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๙
และใหใ้ ชค้ วามตอ่ ไปนแี้ ทน

“หมวด ๓
ค่าใชจ้ า่ ยในการจดั งาน

ขอ้ ๒๙ การจัดงานตามแผนงานโครงการตามภารกิจปกติหรือตามนโยบายของทางราชการ
ให้หัวหน้าส่วนราชการพิจารณาอนุมัติการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายในการจัดงานได้เท่าที่จ่ายจริง ตามความจําเป็น
เหมาะสม และประหยดั

กรณีที่สว่ นราชการทีจ่ ดั งานจัดอาหาร ท่พี ัก หรอื ยานพาหนะ ให้แก่ประธานในพิธี แขกผู้มีเกียรติ
ผู้ติดตาม เจ้าหน้าที่หรือผู้เข้าร่วมงาน ให้นําความในข้อ ๑๕ ข้อ ๑๖ และข้อ ๑๗ มาใช้บังคับ
แต่ถ้าส่วนราชการท่ีจัดงานไม่จัดอาหาร ท่ีพัก หรือยานพาหนะ ให้นําความในข้อ ๑๘ มาใช้บังคับ
และถ้าสว่ นราชการประสงคจ์ ะจา้ งดําเนินการดงั กลา่ ว ใหน้ าํ ความในข้อ ๒๒ วรรคสอง มาใชบ้ ังคับดว้ ย”

ขอ้ ๗ ให้ยกเลกิ ความในข้อ ๓๙ แห่งระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรม
การจดั งาน และการประชมุ ระหวา่ งประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๙ และให้ใช้ความตอ่ ไปนแ้ี ทน

“ข้อ ๓๙ กรณีสว่ นราชการทจ่ี ัดการประชมุ ระหว่างประเทศประสงค์จะจ้างจัดประชุมระหว่าง
ประเทศไมว่ า่ ทง้ั หมดหรือบางสว่ น ใหด้ ําเนนิ การไดภ้ ายใตห้ ลกั เกณฑแ์ ละอตั ราตามข้อ ๓๑ ถึงข้อ ๓๖
โดยให้นําความในข้อ ๒๒ วรรคสอง มาใช้บังคับดว้ ย”

เลม่ ๑๒๙ ตอนพิเศษ ๑๔๑ ง หน้า ๙ ๑๗ กันยายน ๒๕๕๕
ราชกิจจานุเบกษา

ข้อ ๘ ค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมหรือค่าใช้จ่ายในการจัดงานใดท่ีได้ดําเนินการตามระเบียบ
ที่ใช้บงั คบั อยู่ในวนั ก่อนวนั ทีร่ ะเบยี บน้ีใช้บังคับ หรือท่ีได้รับอนุมัติจากกระทรวงการคลังในวันก่อนวันที่
ระเบียบนใี้ ช้บงั คับ ให้ดําเนนิ การตามระเบียบหรือหลักเกณฑ์หรือตามท่ีได้รับอนุมัติจากกระทรวงการคลัง
ต่อไปจนแลว้ เสร็จ

ประกาศ ณ วันที่ ๓ กนั ยายน พ.ศ. ๒๕๕๕
กติ ตริ ตั น์ ณ ระนอง

รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงการคลัง

อตั ราค่าอาหารใ
(บาท : ว

การฝกึ อบรมในสถานท่ีของส่วนราชการ รฐั วิส
หรอื หน่วยงานอนื่ ของรัฐ

ระดับการฝึกอบรม ในประเทศ ในต่างป
จัดครบทุกมอ้ื จัดไม่ครบทกุ มื้อ

๑.การฝึกอบรมข้าราชการ ไมเ่ กิน ๗๐๐ ไม่เกิน ๕๐๐ ไม่เกนิ ๒
ประเภท ก

๒ การฝึกอบรมข้าราชการ ไม่เกนิ ๕๐๐ ไมเ่ กนิ ๓๐๐ ไมเ่ กนิ ๒
ประเภทข และการฝกึ อบรม
บคุ คลภายนอก

บญั ชหี มายเลข ๑

ในการฝึกอบรม
วนั : คน )

สาหกจิ การฝึกอบรมในสถานทข่ี องเอกชน
ประเทศ
ในประเทศ ในต่างประเทศ
จดั ครบทกุ มอ้ื จดั ไม่ครบทุกมื้อ

๒,๕๐๐ ไมเ่ กนิ ๑,๐๐๐ ไมเ่ กิน ๗๐๐ ไมเ่ กิน ๒,๕๐๐

๒,๕๐๐ ไม่เกิน ๘๐๐ ไม่เกิน ๖๐๐ ไม่เกนิ ๒,๕๐๐

บัญชีหมายเลข ๒

อตั ราคา่ เชา่ ทีพ่ กั ในการฝกึ อบรมในประเทศ

(บาท : วัน : คน)

ระดับการฝึกอบรม ค่าเชา่ หอ้ งพกั คนเดยี ว คา่ เชา่ ห้องพกั คู่
ไมเ่ กนิ ๒,๐๐๐ บาท ไม่เกนิ ๑,๑๐๐ บาท
๑. การฝึกอบรมขา้ ราชการประเภท ก ไม่เกิน ๑,๒๐๐ บาท ไม่เกิน ๗๕๐ บาท

๒. การฝึกอบรมขา้ ราชการประเภท ข
และการฝกึ อบรมบคุ คลภายนอก

หมายเหตุ : ค่าเชา่ หอ้ งพกั คนเดยี ว หมายความวา่ คา่ ใชจ้ า่ ยในการเชา่ หอ้ งพักหน่งึ หอ้ งท่ีสถานทพ่ี กั แรมเรยี กเก็บ

กรณที ผี่ เู้ ชา่ เขา้ พกั เพียงคนเดียว
ค่าเชา่ หอ้ งพกั คู่ หมายความวา่ คา่ ใช้จา่ ยในการเชา่ หอ้ งพกั ที่สถานท่พี กั แรมเรยี กเก็บกรณที ผ่ี ้เู ชา่ เขา้ พกั

รวมกนั ตงั้ แตส่ องคนขน้ึ ไป

อตั ราคา่ เช่าทพ่ี ักในการฝ
(บาท : ว

ประเภท ก.

ระดบั การฝึกอบรม คา่ เชา่ หอ้ งพกั ค่าเชา่ หอ้ งพักคู่
คนเดยี ว
๑. การฝึกอบรมข้าราชการประเภท ก
๒. การฝึกอบรมข้าราชการประเภท ข ไมเ่ กนิ ๘,๐๐๐ ไมเ่ กิน ๕,๖๐๐

และการฝึกอบรมบคุ คลภายนอก ไม่เกนิ ๖,๐๐๐ ไม่เกนิ ๔,๒๐๐

หมายเหตุ : (๑) คา่ เชา่ หอ้ งพกั คนเดยี ว หมายความวา่ คา่ ใชจ้ า่ ยในการเชา่ หอ้ ง
(๒) คา่ เชา่ หอ้ งพกั คู่ หมายความวา่ คา่ ใชจ้ า่ ยในการเชา่ หอ้ งพักท
(๓) ประเภท ก ประเภท ข และ ประเภท ค หมายถงึ ประเ

บญั ชหี มายเลข ๓

ฝกึ อบรมในตา่ งประเทศ

วัน : คน)

ประเภท ข. ประเภท ค.

คา่ เช่าหอ้ งพัก คา่ เช่าหอ้ งพักคู่ ค่าเช่าหอ้ งพกั คา่ เชา่ หอ้ งพักคู่
คนเดียว คนเดียว

ไม่เกิน ๕,๖๐๐ ไม่เกนิ ๓,๙๐๐ ไม่เกิน ๓,๖๐๐ ไม่เกิน ๒,๕๐๐

ไม่เกนิ ๔,๐๐๐ ไมเ่ กิน ๒,๘๐๐ ไม่เกิน ๒,๔๐๐ ไมเ่ กนิ ๑,๗๐๐

งพักหน่ึงหอ้ งทส่ี ถานทพ่ี กั แรมเรียกเก็บกรณที ผ่ี ูเ้ ชา่ เขา้ พักเพียงคนเดียว
ทส่ี ถานทพ่ี ักแรมเรียกเกบ็ กรณีทผ่ี ้เู ชา่ เขา้ พกั รวมกนั ตงั้ แต่สองคนขึ้นไป
เทศ รฐั เมอื ง ตามบัญชแี นบทา้ ยบญั ชนี ี้

บัญชีประเทศจาํ แนกตามประเภท ก. ประเภท ข. และประเภท ค. แนบท้ายบัญชหี มายเลข ๓

ประเภท ก ได้แก่ ประเทศ รัฐ เมือง ดังนี้

๑. ญ่ีป่ นุ
๒. สาธารณรฐั ฝรงั่ เศส
๓. สหพนั ธรฐั รสั เซีย
๔. สมาพนั ธรัฐสวสิ
๕. สาธารณรฐั อติ าลี
๖. ราชอาณาจกั รเบลเยี่ยม
๗. ราชอาณาจกั รสเปน
๘. สหพนั ธ์สาธารณรฐั เยอรมนี
๙. สหรัฐอเมริกา
๑๐. สหราชอาณาจกั รบริเตนใหญ่และไอร์แลนดเ์ หนือ
๑๑. สาธารณรัฐโปรตเุ กส
๑๒. สาธารณรฐั สงิ คโปร์
๑๓. แคนาดา
๑๔. เครือรฐั ออสเตรเลยี
๑๕. ไต้หวนั
๑๖. เติร์กเมนิสถาน
๑๗. นิวซีแลนด์
๑๘. บอสเนียและเฮอร์เซโกวนี า
๑๙. ปาปัวนิวกีนี
๒๐. มาเลเซีย
๒๑. ราชรัฐโมนาโก
๒๒. ราชรฐั ลกั เซมเบิร์ก
๒๓. ราชรัฐอนั ดอร์รา
๒๔. ราชอาณาจกั รกมั พชู า
๒๕. ราชอาณาจกั รเดนมาร์ก
๒๖. ราชอาณาจกั รนอร์เวย์
๒๗. ราชอาณาจกั รเนเธอร์แลนด์
๒๘. ราชอาณาจกั รโมร็อกโก
๒๙. ราชอาณาจกั รสวาซิแลนด์
๓๐. ราชอาณาจกั รสวเี ดน

๓๑. รัฐสลุ ตา่ นโอมาน
๓๒. โรมาเนีย
๓๓. สหพนั ธ์สาธารณรฐั บราซิล
๓๔. สหพนั ธ์สาธารณรฐั ยโู กสลาเวยี
๓๕. สหรฐั อาหรบั อมิ เิ รตส์
๓๖. สาธารณรฐั เกาหลี (เกาหลใี ต้)
๓๗. สาธารณรัฐโครเอเชีย
๓๘. สาธารณรัฐชิลี
๓๙. สาธารณรัฐเชก็
๔๐. สาธารณรฐั ตรุ กี
๔๑. สาธารณรฐั บลั แกเรีย
๔๒. สาธารณรัฐประชาชนจีน
๔๓. สาธารณรฐั ประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย
๔๔. สาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์ – เลสเต
๔๕. สาธารณรัฐเปรู
๔๖. สาธารณรัฐโปแลนด์
๔๗. สาธารณรฐั ฟิ นแลนด์
๔๘. สาธารณรฐั ฟิ ลิปปินส์
๔๙. สาธารณรัฐมอริเซียส
๕๐. สาธารณรัฐมอลตา
๕๑. สาธารณรฐั โมซมั บิก
๕๒. สาธารณรัฐเยเมน
๕๓. สาธารณรฐั ลิทวั เนีย
๕๔. สาธารณรัฐสโลวกั
๕๕. สาธารณรัฐสโลวเี นยี
๕๖. สาธารณรัฐออสเตรีย
๕๗. สาธารณรฐั อาเซอร์ไบจาน
๕๘. สาธารณรฐั อนิ โดนเี ซีย
๕๙. สาธารณรัฐอินเดยี
๖๐. สาธารณรัฐเอสโตเนีย
๖๑. สาธารณรฐั แอฟริกาใต้
๖๒. สาธารณรฐั ไอซ์แลนด์
๖๓. สาธารณรัฐไอร์แลนด์
๖๔. สาธารณรฐั ฮงั การี
๖๕. สาธารณรัฐเฮลเลนิก (กรีซ)
๖๖. ฮอ่ งกง

ประเภท ข ได้แก่ ประเทศ รัฐ เมือง ดังนี้

๑. เครือรฐั บาฮามาส
๒. จอร์เจีย
๓. จาเมกา
๔. เนการาบรูไนดารุสซาลาม
๕. มาซิโดเนีย
๖. ยเู ครน
๗. รฐั กาตาร์
๘. รฐั คเู วต
๙. รฐั บาห์เรน
๑๐. รัฐอสิ ราเอล
๑๑. ราชอาณาจกั รซาอดุ อิ าระเบีย
๑๒. ราชอาณาจกั รตองกา
๑๓. สาธารณรฐั เนปาล
๑๔. ราชอาณาจกั รฮซั ไมตจ์ อร์แดน
๑๕. สหพนั ธ์สาธารณรฐั ไนจีเรีย
๑๖. สหภาพพมา่
๑๗. สหรฐั เมก็ ซิโก
๑๘. สหสาธารณรฐั แทนซาเนีย
๑๙. สาธารณรฐั กานา
๒๐. สาธารณรัฐแกมเบีย
๒๑. สาธารณรัฐโกตดิววั ร์ (ไอเวอรี่โคส)
๒๒. สาธารณรฐั คอสตาริกา
๒๓. สาธารณรฐั ครี ์กิซ
๒๔. สาธารณรฐั เคนยา
๒๕. สาธารณรัฐแคเมอรนู
๒๖. สาธารณรฐั คาซคั สถาน
๒๗. สาธารณรัฐจิบตู ี
๒๘. สาธารณรฐั ชาด
๒๙. สาธารณรฐั ซิมบบั เว
๓๐. สาธารณรัฐเซเนกลั

๓๑. สาธารณรฐั แซมเบีย
๓๒. สาธารณรฐั เซียร์ราลีโอน
๓๓. สาธารณรฐั ไซปรสั
๓๔. สาธารณรัฐตรินิแดดและโตเบโก
๓๕. สาธารณรฐั ตนู ิเซยี
๓๖. สาธารณรฐั ทาจิกิสถาน
๓๗. สาธารณรัฐไนเจอร์
๓๘. สาธารณรัฐบรุ ุนดี
๓๙. สาธารณรฐั เบนิน
๔๐. สาธารณรัฐเบลารุส
๔๑. สาธารณรัฐประชาชนบงั กลาเทศ
๔๒. สาธารณรฐั ปานามา
๔๓. สาธารณรฐั มอลโดวา
๔๔. สาธารณรัฐมาลี
๔๕. สาธารณรฐั ยกู นั ดา
๔๖. สาธารณรฐั ลตั เวยี
๔๗. สาธารณรัฐสงั คมนิยมประชาธิปไตยศรีลงั กา
๔๘. สาธารณรัฐสงั คมนิยมเวยี ดนาม
๔๙. สาธารณรฐั อาร์เจนตินา
๕๐. สาธารณรัฐอาร์เมเนีย
๕๑. สาธารณรฐั อาหรับซีเรีย
๕๒. สาธารณรฐั อาหรับอยี ิปต์
๕๓. สาธารณรฐั อิรัก
๕๔. สาธารณรฐั อิสลามปากีสถาน
๕๕. สาธารณรัฐอสิ ลามมอริเตเนีย
๕๖. สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน
๕๗. สาธารณรฐั อซุ เบกิสถาน
๕๘. สาธารณรฐั แอฟริกากลาง

ประเภท ค ได้แก่ ประเทศ รัฐ เมืองอ่ืน ๆ นอกจากท่ีกําหนดในประเภท ก.
และประเภท ข.

คา่ เครอ่ื งแต่งตวั ในการเดนิ ทางไปฝึกอบรม บญั ชหี มายเลข ๔
ในตา่ งประเทศ

__________________________

๑. รายชื่อประเทศท่ีไม่สามารถเบิกคา่ เครอ่ื งแตง่ ตวั ในการเดินทางไปฝึกอบรมในตา่ งประเทศ
(๑) สหภาพพมา่
(๒) เนการาบรไู นดารสุ ซาลาม
(๓) สาธารณรฐั อินโดนเี ซยี
(๔) ราชอาณาจกั รกัมพชู า
(๕) สาธารณรฐั ประชาธิปไตยประชาชนลาว
(๖) มาเลเซยี
(๗) สาธารณรฐั ฟลิ ปิ ปินส์
(๘) สาธารณรฐั สงิ คโปร์
(๙) สาธารณรัฐสังคมนยิ มประชาธปิ ไตยศรลี งั กา
(๑๐) สาธารณรัฐสงั คมนยิ มเวียดนาม
(๑๑) สาธารณรฐั หมู่เกาะฟจิ ิ
(๑๒) ปาปวั นวิ กนิ ี
(๑๓) รัฐเอกราชซามวั
(๑๔) สาธารณรฐั ประชาธปิ ไตยตมิ อร-์ เลสเต

๒. ค่าเครื่องแต่งตัว ใหเ้ บกิ ในลักษณะเหมาจ่ายไมเ่ กินอตั รา ดงั น้ี
๒.๑ คนละ ๗,๕๐๐ บาท ได้แก่
(๑) ขา้ ราชการตาํ แหน่งประเภททว่ั ไป ระดับปฏบิ ตั ิงาน
(๒) ข้าราชการตําแหน่งประเภทวิชาการ ระดบั ปฏบิ ัตกิ าร
๒.๒ คนละ ๙,๐๐๐ บาท ได้แก่

(๑) ขา้ ราชการตําแหนง่ ประเภทท่วั ไป ระดับชํานาญงาน ระดับอาวโุ ส ระดับทักษะพิเศษ
(๒) ข้าราชการตําแหน่งประเภทวิชาการ ระดับชํานาญการ ระดับชํานาญการพิเศษ

ระดบั เชยี่ วชาญ ระดับทรงคุณวฒุ ิ
(๓) ขา้ ราชการตาํ แหนง่ ประเภทอาํ นวยการ ระดบั ตน้ ระดบั สงู
(๔) ขา้ ราชการตําแหนง่ ประเภทบริหาร ระดบั ตน้ ระดับสงู
๓. ผู้ท่ีเคยได้รับค่าเครื่องแต่งตัวในการเดินทางไปฝึกอบรมในต่างประเทศมาแล้ว หรือเคยได้รับ
คา่ เครื่องแตง่ ตวั จากสว่ นราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอ่นื ของรัฐตามกฎหมายหรือระเบยี บอืน่ ใดไมว่ ่าจะเบิกจา่ ยจาก
เงินงบประมาณ เงินนอกงบประมาณ หรือเคยได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยงานใด ๆ ท้ังในประเทศและ
ตา่ งประเทศ ถา้ ต้องเดินทางไปฝกึ อบรมในต่างประเทศ ให้มีสิทธิเบิกค่าเครื่องแต่งตัวได้อีกเมื่อการเดินทางคร้ังใหม่มี
ระยะห่างจากการเดินทางไปต่างประเทศครั้งสุดท้ายที่ได้รับค่าเคร่ืองแต่งตัวเกิน ๒ ปี นับแต่วันที่เดินทางออก

จากประเทศไทย หรือมีระยะเวลาเกินกว่า ๒ ปี นับแต่วันที่เดินทางกลับถึงประเทศไทยสําหรับผู้ที่รับราชการ
ประจําในต่างประเทศ”

เอกสารหมายเลข ๑

ใบสําคัญรบั เงิน
สาํ หรับวทิ ยากร

ชอ่ื สว่ นราชการผจู้ ัดฝกึ อบรม ....................................................................................................................................
โครงการ / หลกั สูตร ................................................................................................................................................

วนั ท่ี ........ เดือน ................................. พ.ศ. .........

ขา้ พเจา้ ..................................................................................................อยู่บา้ นเลขที่ ....................................

ตาํ บล/แขวง .................................................. อําเภอ/เขต ............................................. จังหวัด ..........................................

ได้รับเงินจาก ..................................................................................................................... ดงั รายการต่อไปน้ี

รายการ จํานวนเงิน

บาท

จํานวนเงนิ ( )

(ลงชือ่ ) ........................................................................... ผรู้ บั เงนิ

(ลงชอ่ื ) .......................................................................... ผู้จ่ายเงนิ

แบบใบสําคัญรับเงินค่าใชจ้ ่ายใ

ชอ่ื สว่ นราชการผูจ้ ดั ฝึกอบรม .............................................................................................................
วนั ที่ ....... เดือน .............................พ.ศ. .......... ถึงวันที่ .... เดือน .............................พ.ศ. ..............
ผเู้ ขา้ รบั การฝกึ อบรม / ผูส้ งั เกตการณ์ ไดร้ ับเงินจากกรม ..................................................................
ปรากฏรายละเอยี ดดังนี้

ลาํ ดบั ที่ ชือ่ - สกุล ท่อี ยู่ ค่าอาหาร
(บาท)

รวมเป็นเงินทั้งส้ิน

ลงชื่อ ..............................................
( ..............................................

ตําแหนง่ ......................................

เอกสารหมายเลข ๒

ในการฝึกอบรมบุคคลภายนอก

......โครงการ / หลกั สูตร .....................................................................................................................
.... จาํ นวนผเู้ ข้ารับการฝึกอบรม / ผู้สังเกตการณ์ รวมท้งั สน้ิ ..................................................... คน
..............................................................กระทรวง ...............................................................................

คา่ เช่าที่พกั ค่าพาหนะ รวมเป็นเงนิ วนั เดอื น ปี ลายมอื ชื่อ
(บาท) (บาท) (บาท) ที่รับเงนิ ผู้รบั เงนิ

........................................ ผรู้ บั เงนิ
.......................................... )
....................................................

เอกสารหมายเลข ๓

แบบรายละเอียดคา่ ใชจ้ า่ ยกรณที ่ไี ดร้ บั ความชว่ ยเหลือ

โครงการ / หลกั สูตร ...................................................................................ณ ประเทศ ..........................................................
ตัง้ แต่วันที่ ............................................................ถงึ วันที่ .................................................................

ชื่อ ......................................................................................................................................................
ตําแหนง่ ...............................................................ระดับ ............................กอง ...............................
หนว่ ยงานทใ่ี หค้ วามช่วยเหลอื ...........................................................................................................

คา่ ใชจ้ า่ ยท่ไี ดร้ บั ความชว่ ยเหลือ
๑. คา่ โดยสารเครื่องบิน เสน้ ทาง ................................................................ในวงเงิน .................................. บาท
๒. คา่ เชา่ ทพี่ ัก อตั ราวนั ละ ......................... บาท จํานวน ................ วนั ในวงเงนิ .................................. บาท
๓. ค่าเบ้ียเล้ยี ง อตั ราวันละ ........................ บาท จาํ นวน ................ วัน ในวงเงิน .................................. บาท
๔. ................................................................................................................ในวงเงิน .................................. บาท
๕. ................................................................................................................ในวงเงิน .................................. บาท
๖. ................................................................................................................ในวงเงนิ .................................. บาท

รวมเปน็ เงนิ ................................................. บาท

ค่าใช้จา่ ยทขี่ อเบิกสมทบ

๑. ค่าโดยสารเครอ่ื งบนิ เสน้ ทาง ................................................................ในวงเงิน .................................. บาท

๒. คา่ เชา่ ท่พี กั อตั ราวันละ ......................... บาท จํานวน ................ วนั ในวงเงนิ .................................. บาท

๓. ค่าเบ้ยี เลยี้ ง อตั ราวันละ ........................ บาท จํานวน ................ วนั ในวงเงิน .................................. บาท

๔. คา่ เครือ่ งแต่งตวั ในวงเงนิ .................................. บาท

๕. คา่ พาหนะรบั จา้ งระหวา่ งบ้านพกั ถงึ สนามบินในประเทศ ในวงเงนิ .................................. บาท

๖. คา่ ธรรมเนยี มสนามบินในประเทศ ในวงเงนิ .................................. บาท

๗. คา่ ธรรมเนยี มสนามบินในต่างประเทศ ในวงเงิน .................................. บาท

๘. ค่าธรรมเนียมวซี า่ ในวงเงิน .................................. บาท

รวมเปน็ เงิน ................................................. บาท

ขอรบั รองวา่ ขอ้ ความขา้ งต้นเป็นจริง

ลงชื่อ ..................................................................... ผู้เดินทาง
( ................................................................. )
....................... / ....................... / ....................





7.  แบบทดสอบ : T.A. Exercise (Transactional Analysis) ที่มา : อ.ประจกั ษ  จินดามาตย 

จุดมุงหมาย 
1. เพ่ือวัดและประเมนิ บุคลิกภาพของบุคคล 
2. เพื่อวิเคราะหแ นวทางการตดิ ตอสื่อสารระหวา งบุคคลหรือกลมุ  

วิธกี าร 
โปรดกาเคร่ืองหมาย (P) ลงในชอ งคะแนนทต่ี รงกับพฤติกรรมของทา นมากที่สดุ ดังตอ ไปนี ้

(1 หมายถึงนอ ย 7 หมายถึงมาก) 

รายการ  คะแนน 
1  2  3  4  5  6  7 

1. เอือ้ เฟอเผอ่ื แผ 

2. มเี หตผุ ล 

3. ชางเอาใจ 

รายการ  คะแนน 
1  2  3  4  5  6  7 

4. มีเมตตากรุณา 

5. ชอบคาดการณลว งหนา  

6. ใจเรว็  

7. เห็นอกเห็นใจผูอ่นื  

8. ชอบการประเมนิ  

9. แสวงหาสิง่ ใหม  ๆ ชอบรชู อบเห็น 

10. ชอบแสดงความร ู

11. ยดึ ขอ เท็จจรงิ  

12. ตามใจตัวเอง 

13. เผด็จการ 

14. ชอบทดสอบทดลอง 

15. ชอบเอาชนะ 

16. ยึดมัน่ ในระเบียบขอ บังคบั  กฎเกณฑต า ง ๆ 

17. ชอบคน หาแนวทางในการแกปญหา 

18. มีความคดิ ริเร่ิม

19. ชอบสัง่ สอน 
20. รบั ฟงผอู ่ืน 
21. ยอมเชือ่ ฟง คลอ ยตามผอู นื่  
22. ชอบตําหนติ เิ ตียน 
23. รอบคอบ 
24. ขอ้ี าย 
25. มีขอหามอยูเสมอ 
26. เสนอวธิ กี ารแกป ญหา 
27. ชอบอยูตามลําพัง ไมชอบสงั คม 
28. อารมณแปรเปลี่ยนไดงา ย 
29. ทาํ งานอยา งเปนระบบ 
30. ใจออ น 

ใบจดั ลําดบั ลักษณะบคุ ลิกภาพ 

โปรดนําคะแนนทที่ านตอบแตละขอ มากรอกลงในตารางขางลางน้ี แลวบวกกันเปนคะแนนรวม 
เสรจ็ แลว ผดู ําเนนิ การสาํ รวจสมาชิกทุกคน เพ่อื จะไดรูจ กั บคุ ลิกภาพของสมาชิก 

ลักษณะบคุ ลกิ ภาพ  หมายเลขขอ   คะแนน  คะแนนรวม 

แบบพอ แม  1 
(Parent Ego-State)  4 

10 
13 
16 
19 
22 
25 
28 



11

14 

แบบผใู หญ  17 
(Adult Ego-State)  20 
23 

26 

29 







แบบเดก็   12 
(Child Ego-State)  15 
18 

21 

24 

27 

30 

3. เมื่อไดคะแนนรวมของแตละแบบแลว  จงเขียนวงกลมมขี นาดตามคา ของคะแนน เชน แบบพอ แม 

ได 40 คะแนน แบบผูใหญไ ด 45 คะแนน และแบบเดก็ ได 58 คะแนน นั่นแสดงวาทานมีบคุ ลิกภาพโนมเอียง 

ไปในลักษณะเดก็ น่นั เองดังตวั อยาง 

45  58 

40

แผนภูมทิ  ่ี 0  แสดงการรวมคะแนน 
ท่มี า  :  จรญู   ทองถาวร  (2536  :  49) 

(ตัวอย่าง)

แบบบันทกึ ประวตั สิ มาชิกโปรแกรมการปรับเปล่ยี นพฤติกรรมผ้กู ระทาผดิ อนั เนื่องมาจากการดมื่ สุรา

ช่ือ………………………………….สกลุ …………………………….ชื่อเล่น………………………………….
คดีปัจจุบนั ……………………………………. กำหนดโทษ…………………..พน้ โทษ………………………

1. ข้อมูลทวั่ ไป

1.1 อำย…ุ …………..ปี

1.2 ภูมิลำเนำก่อนตอ้ งโทษ ……………………………………………………………

1.3 ระดบั กำรศึกษำ ไม่ไดเ้ รียนหนงั สือ ประถมศึกษำ มธั ยมศึกษำ ป.ว.ช.

ป.ว.ส. ปริญญำตรี สูงกวำ่ ปริญญำตรี

1.4 สถำนภำพสมรส โสด สมรส หมำ้ ย/หยำ่ /แยกกนั อยู่

1.5 อำชีพหลกั ………………………………………..อำชีพรอง……………………….

1.6 รำยได…้ …………………บำทตอ่ เดือน

1.7 สภำพกำรเป็นอยู่ อยคู่ นเดียว อยกู่ บั เพื่อน อยกู่ บั พอ่ แม่ อยกู่ บั ภรรยำ

อยกู่ บั คนอื่น (ระบุ)……………………………………..

1.8 สภำพท่ีอยอู่ ำศยั บำ้ นเด่ียว ตึกแถว/หอ้ งแถว คอนโดมิเนียม/หอ้ งเช่ำ

อื่น ๆ (ระบุ)……………………………………

1.9 สภำพแวดลอ้ มของที่อยอู่ ำศยั ชุมชนเมือง ชุมชนแออดั ชนบท

อื่น ๆ (ระบุ)………………………….

1.10 สมำชิกในครอบครัว………………คน

1.11 ควำมสัมพนั ธ์กบั สมำชิกในครอบครัวปัจจุบนั

…………………………………………………………………………………………………………

…………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………...

2. ข้อมูลครอบครัวเดิม
2.1 บิดำ ชื่อ………………………………….อำยุ ……….. อำชีพ …………….…. รำยได้ ………………
รำยจ่ำย…………………. . บุคลิกลกั ษณะ ……………………………………………………….
2.2 มำรดำ ชื่อ……………………………….อำยุ ……….. อำชีพ …………….…. รำยได้ ………………
รำยจ่ำย………………….. . บุคลิกลกั ษณะ ……………………………………………………….
2.3 เป็นบุตรคนที่………………….ของครอบครัว
2.4 ควำมสมั พนั ธ์ระหวำ่ งบิดำมำรดำและสมำชิกในครอบครัว(เดิม)….………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………….

2.5 สิ่งที่ไดร้ ับกำรปลูกฝัง อบรมเล้ียงดูจำกครอบครัว เช่น ควำมซื่อสตั ย์ ควำมมีวนิ ยั ควำมอดทน
ควำมขยนั
ฯลฯ……………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
2.6 บุคคลในครอบครัวท่ียดึ เป็นแบบอยำ่ ง…………………………. เพรำะ …………………………………

…………………………………………………………………………………………………………….
2.7 บุคคลที่ใกลช้ ิดท่ีสุด คือ …………………………………เก่ียวขอ้ งเป็น ………………….

3. ท่านมพี ฤตกิ รรม (9 อย่าง) ดงั ต่อไปนีห้ รือไม่ อย่างไร (โดยละเอยี ด เช่น คร้ังแรก ปริมาณ ความถี่ ฯลฯ)
3.1 สูบบุหรี่ ……………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………
3.2 ด่ืมของมึนเมำ………………………………………………………………..…………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………
3.3 เท่ียวสถำนบนั เทิง………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………
3.4 เล่นกำรพนนั ................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................
3.5 ยำเสพติด…………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………
3.6 ใชจ้ ำ่ ยฟ่ ุมเฟื อย ……………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………
3.7 มีเพศสมั พนั ธ์ ………………………………………………………………………………………….…
…………………………………………………………………………………………………………………
3.8 ทะเลำะววิ ำท ………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………….……
3.9 คิดฆ่ำตวั ตำย ………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………

4. พฤติกรรมการดื่มสุรา มำกกวำ่ 3 คร้ัง/สปั ดำห์
4.1 ท่ำนด่ืมสุรำมำกนอ้ ยแค่ไหน
ทุกวนั 1 คร้ัง/สัปดำห์ 2 คร้ัง/สัปดำห์ 3 คร้ัง/สัปดำห์
4.2 ทำ่ นมีค่ำใชจ้ ำ่ ยในกำรด่ืมสุรำ จำนวน ..................... บำท / คร้ัง

4.3 ค่ำนิยมในกำรดื่มสุรำ

ดื่มแลว้ รู้สึกเท่ห์ แสดงถึงควำมเป็นลูกผชู้ ำย ดื่มเพ่อื เขำ้ สงั คม ดื่มเพ่อื ลืมปัญหำ/ดบั ทุกข์

ด่ืมตำมเทศกำล ด่ืมตำมเพอ่ื น ดื่มตำมสื่อ/โฆษณำ อยำกรู้อยำกลอง

อื่น ๆ ระบุ................................................................

4.4 คนในครอบครัวของทำ่ นมีกำรด่ืมสุรำหรือไม่

ไม่มี มี ระบุวำ่ เป็นใคร ...................................................................................

4.5 เม่ือดื่มสุรำแลว้ ท่ำนมีพฤติกรรมดงั ต่อไปน้ี

เอะอะ โวยวำย มีเรื่องทะเลำะววิ ำท ทำร้ำยร่ำงกำยผอู้ ่ืน ทำร้ำยร่ำงกำยคนในครอบครัว

ขำดสติ/ควบคุมอำรมณ์ไม่ได้ ทำใหก้ ลำ้ แสดงออกมำกข้ึน มีควำมตอ้ งกำรทำงเพศสูงข้ึน

อ่ืนๆ ระบุ.....................................................................

5. การกระทาผดิ

1. เคยตอ้ งโทษมำก่อนหรือไม่ ( ) ไม่เคย ( ) เคย.… คร้ัง คดี……………...…กำหนดโทษ……………..

2. กระทำผดิ คร้ังน้ีเป็นคร้ังที่ ……. คดี…………………………………..กำหนดโทษ……………………..

3. มลู เหตุจูงใจในกำรกระทำผดิ ……………………………………………………………………………..

4. ใชส้ ำรเสพติดก่อนกระทำผดิ หรือไม่ ( ) ไมม่ ี ( ) มี ระบุ ………………………

5. กำรวำงแผนล่วงหนำ้ ก่อนกระทำผดิ ( ) ไม่มี ( ) มี ใชเ้ วลำนำนเท่ำใด………………

6. จำนวนคูค่ ดี …………………………. คน เกี่ยวขอ้ งเป็น ………………………………………………..

7. ควำมสมั พนั ธ์กบั ผเู้ สียหำย ( ) ไมร่ ู้จกั ( ) รู้จกั เกี่ยวขอ้ งเป็น …………….…………

13. รู้สึกไม่พอใจ โกรธหรือคบั แคน้ ผเู้ สียหำยมำก่อน ( ) ไมใ่ ช่ ( ) ใช่ เพรำะ………………………

สรุปสาเหตุและพฤติการณ์การกระทาผดิ
……………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………...…………………….
…………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………...…………………….
…………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………...…………………….
…………………………………………………….

เจำ้ หนำ้ ที่ผบู้ นั ทึกขอ้ มูล

//

(แบบฟอร์ม ๓)
แบบประเมินผลการเปลย่ี นแปลงทศั นคตแิ ละพฤตกิ รรมของผ้ตู ้องขงั

สาหรับเจ้าหน้าที่

ระดับความก้าวหน้า ดีขนึ้ เหมอื นเดิม แย่ลง

๑. ทศั นคติและพฤติกรรมโดยรวม
๒. การมีส่วนร่วมทากิจกรรมในกลุ่ม
๓. การมีปฏิกิริยาและบทบาทในกลุ่มอยา่ งเหมาะสม
๔. การทางานท่ีมอบหมายสาเร็จ
๕. ระดบั ของความเห็นใจผเู้ สียหาย
๖. ระดบั การสานึกในสิ่งที่ตนไดก้ ระทาผดิ ลงไป
๗. การพฒั นาแนวคิดที่จะแกไ้ ขความผดิ พลาดของตนเอง
๘. ระดบั ของการลดการปฏิบตั ิหรือเขา้ ขา้ งตนเอง โทษ

ผอู้ ื่นในการกระทาผดิ
๙. การเรียนรู้สาเหตุชกั นาไปสู่การกระทาผดิ
๑๐. ทราบถึงปัจจยั เสี่ยงท่ีนาไปสู่การกระทาผดิ ข้ึนอีก
๑๑. การพดู คุยปัญหาอยา่ งเปิ ดเผย
๑๒. ระดบั ของการเปล่ียนแปลงพฤติกรรม
๑๓.ระดบั ของทกั ษะในการแกไ้ ขปัญหา
๑๔.ระดบั ของเทคนิคในการปฏิเสธการกระทาผดิ
๑๕.ความสามารถในการวางแผนและต้งั เป้ าหมายในชีวติ

ลงชื่อ..........................................................เจา้ หน้าท่ีผดู้ ูแลโปรแกรม
( ............................................................ )
วนั ท่ีรายงาน.............................................

* หมายเหตุ แบบประเมินน้ีใชส้ าหรับใหเ้ จา้ หนา้ ท่ีเป็ นผปู้ ระเมินผตู้ อ้ งขงั แต่ละคนท่ีเขา้ โปรแกรม
เวลารายงานให้รายงานสรุปเป็นภาพรวมของท้งั หมดได้

(แบบฟอร์ม ๔)
แบบประเมนิ ความคดิ เห็นของผู้ต้องขงั ต่อการเข้าร่วมโปรแกรมแก้ไขฟื้ นฟูสาหรับผู้ต้องขงั

ระดบั ความคดิ เหน็
ท่ี หัวข้อ มากทส่ี ุด มาก ปาน น้อย น้อยทส่ี ุด

กลาง
๑. ท่านสมคั รใจเขา้ ร่วมกิจกรรมตามโปรแกรมน้ี
๒. ทา่ นมีความพึงพอใจต่อการเขา้ ร่วมโปรแกรม

แกไ้ ขฟ้ื นฟูผตู้ อ้ งขงั ในคร้ังน้ี
๓. การเขา้ ร่วมโปรแกรมฯคร้ังน้ีทาใหท้ า่ นสานึกผดิ

ต่อการกระทาของตนเอง
๔. ท่านไดร้ ับความรู้และประโยชน์จากการเขา้ ร่วม

โปรแกรมคร้ังน้ี
๕. ท่านสามารถนาความรู้และทกั ษะที่ไดร้ ับไปใชใ้ น

การพฒั นาตนเอง
๖. ท่านสามารถปรับเปลี่ยนทศั นคติ และพฤติกรรม

ไปในแนวทางท่ีถูกตอ้ งหลงั จากเขา้ ร่วมโปรแกรม
๗. ทา่ นรู้สึกวา่ ตนเองมีคุณคา่ มากข้ึน
๘. ท่านมีความเชื่อมนั่ ในตวั เองวา่ หลงั จากพน้ โทษ

แลว้ จะไม่กลบั ไปกระทาผดิ ซ้าอีก
๙. ท่านจะทาให้ พอ่ แม่ ญาติพ่ีนอ้ งมนั่ ใจ วา่ ท่าน

สามารถกลบั ตนเป็นคนดีได้
๑๐. ท่านอยากใหม้ ีการจดั โปรแกรมในลกั ษณะน้ีอยา่ ง

ต่อเน่ืองและจดั โปรแกรมกบั ผตู้ อ้ งขงั กลุ่มอ่ืนๆ
ดว้ ย

ข้อเสนอแนะ
………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………

* หมายเหตุ แบบประเมินน้ีใชส้ าหรับใหผ้ ตู้ อ้ งขงั แต่ละคนเป็นผปู้ ระเมิน เวลารายงานใหร้ ายงานสรุปเป็น
ภาพรวมของท้งั หมดได้

บทที่ 4
การวิเคราะห์การสอ่ื สารสัมพันธร์ ะหว่างบุคคล

วตั ถุประสงค์
1. เพ่ือใหม้ คี วามรู้ ความเข้าใจเกยี่ วกับรปู แบบการส่อื สารที่มีผลมาจากพ้นื ฐานทางบคุ ลิกภาพ
2. เพื่อให้มีความรู้ ความเข้าใจเก่ยี วกบั การวเิ คราะห์การสื่อสารสัมพนั ธร์ ะหว่างบุคคล
3. เพอ่ื ใหเ้ กิดแนวคิดในการนาความรดู้ า้ นการวเิ คราะห์การสื่อสารสัมพันธร์ ะหว่างบุคคลไปใชใ้ นการ

พฒั นาทักษะการสื่อสาร ส่งผลให้การสื่อสารมปี ระสทิ ธภิ าพสูงสุด
*****************

การสื่อสารมีความสาคัญ เพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคม นอกจากอยู่ร่วมกับผู้อ่ืนแล้ว มนุษย์ทุกคนจะมี
การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและความรู้สึกกับผู้อ่ืนตลอดเวลา ไม่ว่าจะท่ีใด ที่บ้าน ที่มหาวิทยาลัย ท่ีทางาน
หรือจะเป็นสถานการณ์ ๆ กต็ าม การสื่อสารจึงเป็นเรือ่ งธรรมดาของมนุษย์ ท่ีมคี วามซับซ้อนแต่ไม่ยากเกินที่จะทา
ความเข้าใจ ซึ่งถ้าใช้เวลาศึกษาเพื่อให้เกิดความเข้าใจกระบวนการส่ือสาร โครงสร้างของบุคลิกภาพของบุคคลที่
สง่ ผลตอ่ การสือ่ สาร พร้อมทั้งหาทางพัฒนาปรับปรุงตนเองและทักษะการสื่อสารให้ดีขึ้น ก็จะเกิดประโยชน์อย่าง
มากต่อตนเอง ทั้งในการดาเนินชีวิตประจาวัน การทางานกับผู้อื่น การอยู่ร่วมกันในครอบครัวและสังคม เกิด
ความสขุ และสาเร็จในทุก ๆ ดา้ นได้เป็นอยา่ งดี

ในการส่ือสารนั้นสิง่ ทส่ี าคัญท่สี ดุ คือ ผรู้ ับสารและผู้ส่งสาร เพราะการรับสารหรือส่งสารน้ันจะเป็นไปได้
อย่างเท่ียงตรง และมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลน้ัน ต้องอาศัยสติปัญญาควบคู่กับอารมณ์ของผู้รับสาร
และผสู้ ่งสาร ทัง้ ในการรับสารและการสง่ สารเชน่ เดยี วกนั ซง่ึ ได้มผี กู้ ล่าววา่ บุคลิกภาพของบุคคลนั้น ๆ จะเป็น
ตวั กาหนดรูปแบบในการส่อื สาร โดยท่ีบุคคลคนหนึง่ จะมีบุคลิกภาพ 3 ส่วนภายในตัวบุคคล นักจิตวิทยาผู้น้ีคือ
Eric Berne ( ค.ศ.1910 – 1970 ) ซึ่งเป็นจิตแพทย์ชาวแคนาดา ได้คิดทฤษฎีว่าด้วยการวิเคราะห์การสื่อสาร
สัมพนั ธ์ระหวา่ งบคุ คล ( Transactional Analysis ) ทฤษฎนี ไ้ี ดร้ บั ความนิยมและน่าสนใจของบุคคลในวงการต่าง
ๆ มากมายไมเ่ ฉพาะแต่นกั จติ วทิ ยาเท่าน้ัน เพราะทฤษฎีการวิเคราะห์การส่ือสารสัมพันธ์ระหว่างบุคคลเป็นวิธีการ
ทางจิตวิทยาที่ช่วยให้บคุ คลเขา้ ใจตนเอง การศึกษาบุคลกิ ภาพสามารถพิจารณาไดจ้ ากพฤติกรรมการแสดงออก ท้ัง
คาพดู ท่าทาง น้าเสียง สีหนา้ ทา่ ทาง การเคลอื่ นไหวของรา่ งกาย ฯลฯ ลักษณะการแสดงออกเหล่านี้จะสะท้อนให้
เห็นบุคลิกภาพของบุคคล ทาใหส้ ามารถเปลี่ยนแปลงปรับปรุงบุคลิกภาพของตนเองได้อย่างมีเหตุผล ช่วยในการ
ปรบั ตัว ทาใหก้ ารตดิ ตอ่ ส่ือสารกบั บคุ คลอ่ืนเป็นไปในลกั ษณะท่ีก่อให้เกิดความเข้าใจและเกดิ สมั พนั ธภาพท่ีดตี ่อกนั

โครงสรา้ งของบคุ ลกิ ภาพ (Structure of Personality)

Berne เชอ่ื ว่า บุคลกิ ภาพของบคุ คลประกอบข้นึ ด้วยส่วนที่เรียกว่า “Ego state” และในตัวบุคคลหน่ึงจะ
มี Ego state อยู่ด้วยกนั 3 ส่วน คือ

1. ส่วนทมี่ ลี ักษณะคล้ายพอ่ แม่ = Parent ego state
2. สว่ นทเ่ี ป็นผใู้ หญ่ = Adult ego state
3. สว่ นท่เี ปน็ เด็ก = Child ego state
บุคคลแต่ละคนจะมีลักษณะบุคลิกภาพทั้ง 3 ส่วนมากน้อยแตกต่างกัน บางคนอาจจะมีลักษณะของความ
เป็นพ่อแม่มาก คือ ชอบส่ังสอน ชอบตาหนิ ให้ความเอาใจใส่อยู่เกือบตลอดเวลา แต่บางคนอาจจะมีลักษณะ
ของความเป็นผู้ใหญ่มาก และบางคนอาจจะมีลักษณะของความเป็นเด็กในบุคลิกภาพมาก แต่ท่ีสาคัญคือ
บุคลิกภาพทั้ง 3 ส่วนน้ันจะมีอยู่ในบุคคล ซ่ึงจะแสดงออกมาในแต่ละโอกาสและสถานการณ์ต่าง ๆ โดยแสดงออก
ท้ังทางด้านคาพูด กริยาท่าทาง และการแสดงออก ซ่ึงสามารถวิเคราะห์ได้ว่าเป็นบุคลิกภาพของส่วนใดใน 3
สว่ น รายละเอียดเกย่ี วกับโครงสร้างบุคลิกภาพทงั้ 3 สว่ น (อาภา จนั ทรสกลุ : 2535 ) มีดงั น้ี

1. ลกั ษณะท่ีเป็นพอ่ แม่ (Parent ego state = P) เป็นลักษณะบุคลกิ ภาพที่คล้ายพ่อแม่ ผู้เลี้ยงดู หรือ
บคุ คลอ่ืนทีม่ อี ิทธพิ ลในชวี ติ ถา่ ยทอดใหก้ บั เดก็ ลกั ษณะทีเ่ ปน็ พอ่ แม่ จะเป็นส่วนที่แสดงพฤติกรรมโดยไม่ใช้เหตุผล
แต่จะเปน็ พฤติกรรมต่าง ๆ ที่พ่อแม่ส่ังสอนเราในอดีต ซึ่งถูกเก็บรักษาไว้และจะกลับมาปรากฎในพฤติกรรมของ
เรา คาพูดที่เราชอบใช้ในบคุ ลกิ ภาพลักษณะทเ่ี ป็นบดิ า มารดา เช่น “ต้องทาอย่างนี้นะ” หรือ “อย่าทาอย่าง
นนี้ ะ” หรอื “เวลาเป็นส่งิ ทีม่ ีค่ามากมายมหาศาล อย่าปลอ่ ยเวลาท้ิงนะ” ฯลฯ

เมื่อบุคคลถูกควบคุมด้วยลักษณะท่ีเป็นพ่อแม่ เขาจะไม่พิจารณาปัญหาต่าง ๆ ตามสภาพข้อเท็จจริงใน
ปัจจุบัน แต่จะให้คาส่ังสอน ความเชื่อต่าง ๆ ท่ีบุคคลได้รับการอบรมส่ังสอนมาในอดีตเป็นตัวกาหนดพฤติกรรม
กลา่ วได้ว่าลกั ษณทเ่ี ปน็ พ่อแม่เปน็ ผลมาจากการท่ีบุคคลบันทึกข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นทัศนคติ ค่านิยม กฏเกณฑ์ต่าง
ๆ ที่พ่อแม่สั่งสอน ตลอดจนท่าทางไว้ให้ตนเอง บุคลิกภาพในส่วนที่เป็นพ่อแม่นี้สามารถแบ่งออกได้เป็นลักษณะ
ย่อย ๆ อีก 2 ลกั ษณะ คือ

1.1 ลักษณะพ่อแม่แบบดุ (Critical parent หรือ Controlling parent = CP) เป็นลักษณะท่ี
ได้รับการถ่ายทอดมาจากพ่อแม่ ผู้เล้ียงดู ซึ่งเป็นการประเมินค่าและการตัดสินใจ โดยใช้มาตรฐาน ค่านิยม
ความเชื่อ ตลอดจนวถิ กี ารดาเนินชีวิตแบบท่ีเคยได้รับการอบรมสั่งสอนมา จนบางครั้งอาจเกิดอคติในการประเมิน
ค่า หรือตัดสินใจในเร่ืองต่าง ๆ เน่ืองจากมีความเช่ือที่ผิด ๆ ที่มีอยู่เดิมเป็นพ้ืนฐาน บุคลิกภาพของบุคคลที่ถูก
ควบคุมด้วยลักษณะพ่อแม่ท่ีดุจะมีท่าทางและวาจาท่ีแสดงออกให้เห็นถึงลักษณะ การวิพากษ์วิจารณ์ ชอบตาหนิ

31

ลักษณะจู้จ้ี มีความรู้สึกขี้ราคาญ ชอบวางอานาจ ใช้วิธีการลงโทษไม่ค่อยพอใจในการเปลี่ยนแปลงหรือความ
คิดเหน็ ใหม่ ๆ และยึดตดิ อยกู่ บั ความคดิ เหน็ ของตนเอง

ลักษณะพ่อแม่ที่ดุ เม่ือพิจารณาดูอาจรู้สึกว่าเป็นส่วนของบุคลิกภาพท่ีไม่ดี-ไร้ค่า เพราะเป็น
ลักษณะท่ีใช้ข้อมูลที่เคยมีมาในอดีต แต่ถ้าพิจารณาในอีกด้านหน่ึง ลักษณะพ่อแม่ท่ีดุจะมีประโยชน์ เพราะเป็น
ลักษณะท่ีทาหน้าที่ถ่ายทอดคุณค่าทางวัฒนธรรม แนวคิดหรือความเชื่อท่ีดี และค่านิยม ซ่ึงช่วยให้บุคคล
ตอบสนองต่อเหตุการณ์ในชีวิตประจาวันให้เป็นไปโดยอัตโนมัติหรือตามความเคยชิน โดยไม่ต้องเสียเวลาคิด
ไตร่ตรองไปเสียทุกเรือ่ ง

1.2 ลักษณะพ่อแม่ท่ีใจดีเอื้อเฟ้ือ (Nurturing parent = NP) เป็นบุคลิกภาพในลักษณะของ
พ่อแม่ท่ีคอยดูแล ปกป้อง ช่วยเหลือ คอยปลอบโยน ทาให้เกิดความสบายท้ังด้านร่างกายและจิตใจ ห่วงใยและ
เอ้ืออาทรต่อความทุกข์-สุข มีลักษณะเมตตา โอบอ้อมอารี มีไมตรีจิต เห็นอกเห็นใจผู้อื่น ใส่ใจคนรอบข้าง
และเข้าอกเข้าใจผู้อ่ืน และเป็นที่พ่ึงให้กับผู้อ่ืนได้ ลักษณะพ่อแม่ที่ใจดีเอ้ือเฟ้ือจะแสดงออกด้วยคาพูด ท่าทาง
คอยไต่ถามทกุ ข์สุข ชว่ ยดแู ลและคอยปลอบโยนให้กาลงั ใจแก่ผอู้ ่ืน

2. ลักษณะที่เป็นผู้ใหญ่ (Adult ego state = A) เป็นลักษณะบุคลิกภาพของบุคคลท่ีทางานโดยใช้หลัก
แห่งเหตุผล สติปัญญาในการพิจารณาส่ิงต่าง ๆ โดยพิจารณาตามสภาพข้อเท็จจริงเท่านั้น จะไม่คานึงถึง
ความรู้สึกและไม่มีอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง ส่วนน้ีจะทางานคล้ายเคร่ืองคอมพิวเตอร์ ท่ีพยายามรวมรวมข้อมูล
ตรวจสอบข้อมูล และประมวลผล โดยอาศัยข้อเท็จจริงเท่าน้ัน ดังน้ันเมื่อเผชิญกับปัญหาอะไรก็ตาม บุคคลท่ีมี
ลักษณะที่เป็นผู้ใหญ่ มักจะตั้งคาถามว่า “อะไร” “ทาไม” “อย่างไร” “เพราะอะไร” แล้วตรวจสอบข้อมูลด้วย
สภาพของขอ้ เท็จจรงิ แลว้ จะหาวธิ กี ารแกป้ ญั หานั้นต่อไป

บุคคลที่มีพัฒนาการเป็นไปตามวุฒิภาวะ และรู้จักตัวเองตรงตามความเป็นจริง ลักษณะท่ีเป็นผู้ใหญ่ของ
บุคคลน้ันจะเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ จากประสบการณ์ที่เขาได้เรียนรู้ ซึ่งถ้าเปรียบเทียบกันระหว่างบุคลิกภาพท้ัง
สามส่วนแล้ว ลักษณะที่เป็นเด็กและลักษณะที่เป็นพ่อแม่ มักจะคงที่ไม่เปล่ียนแปลงมากเหมือนลักษณะที่เป็น
ผู้ใหญ่ เพราะข้อเทจ็ จรงิ ตา่ ง ๆ บุคคลเรียนรแู้ ละตอ้ งเปล่ยี นแปลงไปตามสภาพการณ์

ย่ิงกว่าน้ันส่วนของลักษณะท่ีเป็นผู้ใหญ่ จะสามารถพิจารณาใช้เหตุผลตัดสินบุคลิกภาพในส่วนของ
ลักษณะท่ีเป็นเด็กกับลักษณะท่ีเป็นพ่อแม่ ว่าควรปรับปรุงเปลี่ยนแปลงแก้ไขหรือควรลบล้างออกไปอย่างไรบ้าง
แตไ่ มไ่ ด้หมายความวา่ ลกั ษณะทเ่ี ป็นผใู้ หญจ่ ะทาหนา้ ท่เี ป็นผู้บงการ เพียงแต่จะพยายามใช้เหตุผลและข้อมูลต่าง
ๆ มาพยายามปรบั ลักษณะทเ่ี ป็นเดก็ และลกั ษณะท่ีเป็นพอ่ แม่ท่ีบุคคลมอี ยู่ในตัวให้เหมาะสมถูกต้องตามเหตุการณ์
และอย่ใู นสภาวะสมดุลเพือ่ ใหบ้ คุ คลปรับตวั ได้

32

3. ลกั ษณะที่เป็นเด็ก (Child ego state = C) เปน็ ลักษณะบคุ ลกิ ภาพทแ่ี สดงออกถงึ ความรู้สึกแท้จริงที่
ตนมีอยู่ เช่น ดีใจก็ร้องกร๊ีดกร๊าด เสียใจก็ร้องไห้ เป็นส่วนที่แสดงออกอย่างธรรมชาติถึงความต้องการท่ีแท้จริง
ของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์ทางด้านบวกหรือลบ ลักษณะท่ีเป็นเด็กน้ีจะมีอยู่ในตัวของบุคคลทุกคน ไม่ว่า
บุคคลน้นั จะมีอายมุ ากหรอื นอ้ ยเพียงใด เพียงแต่ลักษณะส่วนนี้จะมีอยู่มากน้อยต่างกันในแต่ละบุคคลและเมื่ออายุ
มากขึ้น บุคคลก็จะไม่แสดงออกถึงลักษณะส่วนนี้มากเหมือนกับวัยเด็ก บุคลิกภาพในส่วนที่เป็นเด็กน้ีสามารถแบ่ง
ออกไดเ้ ปน็ ลกั ษณะย่อย ๆ อีก 3 ลกั ษณะ

3.1 ลักษณะที่เปน็ เด็กตามธรรมชาติ (Free child = FC) เปน็ ส่วนของบคุ ลกิ ภาพที่ยังไม่ได้ขัด
เกลา จึงเป็นส่วนที่แสดงออกถึงอารมณ์และความต้องการท่ีแท้จริงของตนเองออกมาอย่างโจ่งแจ้ง เช่น อารมณ์
สนุกสนาน กระโดด โลดเต้น ข้ึนอาย กลัว เช่น แสดงความกลัวท่ีมืด ๆ หรือ สถานท่ีแปลก ๆ ออกมาอย่าง
เปดิ เผย หรือ แสดงออกถึงอารมณ์อิจฉารษิ ยา ปึงปงั เพราะไมไ่ ด้ดงั ใจออกมาตรง ๆ โดยไม่ควบคุม

3.2 ลักษณะที่เป็นเด็กได้รับการขัดเกลา (Adapted child = AC) เป็นส่วนของบุคลิกภาพท่ี
พัฒนาข้ึน เพราะเด็กมีสัมพันธภาพกับพ่อแม่หรือผู้อบรมเล้ียงดู ได้รับการสั่งสอน ควบคุม ขัดเกลาจากพ่อแม่
และจากบุคคลต่าง ๆ ท่ีมีอิทธิพลต่อตัวเด็ก ทาให้บุคคลพัฒนาบุคคลิกภาพในส่วนของการเช่ือฟัง ยอมทาตาม
พ่ึงพาผู้อน่ื ขนึ้ มา

3.3 ลักษณะท่ีเป็นเด็กมีความคิด (Little Professor = LC) เป็นส่วนของ Child ego state ที่
แสดงออกถึงลักษณะบางส่วนของความเป็นผู้ใหญ่ รู้จักใช้ความคิด เหตุผล พิจารณาสิ่งต่าง ๆ เป็นส่วนของ
ความสามารถทางสติปัญญา แสดงออกถึงความเฉลียวฉลาด และเป็นสว่ นของความคดิ ริเริม่ สรา้ งสรรค์

โครงสร้างของบุคลิกภาพทั้ง 3 ส่วน ตามความเช่ือของทฤษฎีการวิเคราะห์การส่ือสารสัมพันธ์ระหว่าง
บคุ คล Berne มกั เขยี นโดยใช้สัญลักษณ์ยอ่ ว่า P, A, C และอธบิ ายได้ด้วยไดอะแกรม ดังน้ี

CP (Critical parent หรือ Controlling parent )
P NP (Nurturing parent)

A A (Adult)
LC (Little child)

C CACccc(hAcdParopfteesdsorc)hild)

FC (Free child)

33


Click to View FlipBook Version