The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

ระเบียบกรมราชทัณฑ์อื่นๆ

333

ข้อ ๖ เงินบำ�รุงโรงพยาบาลที่ได้รับจะนำ�ไปก่อหนี้ผูกพัน หรือจ่ายได้เฉพาะกรณีที่พึงจ่ายได้จากเงิน
งบประมาณรายจ่าย เพือ่ กิจการในหน้าทข่ี องโรงพยาบาล
เงินบำ�รุงโรงพยาบาลที่ได้รับสำ�หรับดำ�เนินการสร้างหลักประกันสุขภาพให้นำ�ไปใช้จ่าย เพื่อดำ�เนินการ
ด้านการเสริมสรา้ งระบบบริการและคมุ้ ครองสขุ ภาพของประชาชนใหม้ ีสขุ ภาพดถี ้วนหน้า
การจา่ ยเงินบ�ำ รุงโรงพยาบาลในกรณตี อ่ ไปน้ี ตอ้ งเปน็ ไปตามหลักเกณฑ์ วธิ กี าร และเงื่อนไขทีอ่ ธิบดีกรม
ราชทณั ฑ์กำ�หนด คอื
(๑) การจ่ายเงินบ�ำ รุงเพื่อการปฏิบัติราชการของหน่วยงานในสังกัดกรมราชทัณฑ์ที่ให้บริการด้าน
การรกั ษาพยาบาล
(๒) การจา่ ยเงนิ บ�ำ รงุ ในลกั ษณะเงนิ คา่ ตอบแทน หรอื เงนิ ตอบแทนพเิ ศษแกบ่ คุ คลทใ่ี หบ้ รกิ าร หรอื
สนับสนุนบริการในงานด้านๆ ดงั นี้
(ก) ดา้ นการรกั ษาพยาบาล
(ข) ดา้ นการสาธารณสุขทเี่ ป็นบริการอนั เป็นสาธารณประโยชน์
(ค) ด้านการชนั สตู รพลิกศพ
(ง) งานดา้ นอนื่ ท่ีกฎหมาย หรือกรมราชทัณฑ์ กำ�หนดให้เปน็ หน้าท่ที ่จี ะต้องปฏิบัติ
(๓) การจา่ ยเงินบ�ำ รงุ เพ่ือเปน็ ค่าบรกิ ารทางการแพทย์ให้แกโ่ รงพยาบาล สถานอี นามัย หรือสถาน
พยาบาลทเี่ รียกชอ่ื เปน็ อยา่ งอ่นื ทง้ั ภาครฐั และเอกชน กรณีสง่ ตอ่ อบุ ตั เิ หตุ เจบ็ ปว่ ยฉกุ เฉิน หรือจำ�เป็นตอ้ งไดร้ ับการรักษา
ตอ่ เน่อื ง ตามค�ำ สั่งของแพทย์ผู้รักษา
(๔) การจ่ายเงินบ�ำ รุงเพื่อเปน็ ค่าจ้างลกู จา้ งชั่วคราว หรือลกู จา้ งรายคาบ
(๕) การจา่ ยเงนิ บ�ำ รงุ เพอื่ เปน็ คา่ ซ่อมแซมบ้านพกั หรอื อาคารที่พกั
(๖) การจ่ายเงินบำ�รุงเป็นค่าครุภัณฑ์ที่มีราคาไม่เกินหน่วยละสองหมื่นบาท และรายจ่ายค่าที่ดิน
และสงิ่ กอ่ สรา้ งทม่ี ีราคาไมเ่ กินห้าหม่ืนบาท

ข้อ ๗ รายจา่ ยดงั ตอ่ ไปนห้ี ้ามจา่ ยจากเงนิ บ�ำ รุงโรงพยาบาล
(๑) รายจา่ ยเปน็ เงินยมื ท้งั น้ี เวน้ แต่การยืมเพ่อื ใช้ทดรองจา่ ยในการปฏิบตั ิงานของโรงพยาบาล
โดยตรง (๒) รายจ่ายในลกั ษณะบ�ำ เหนจ็ บ�ำ นาญ
(๓) รายจา่ ยในการเดินทางไปตา่ งประเทศ
(๔) รายจา่ ยเพื่อซอื้ ยานพาหนะ
(๕) รายจา่ ยค่าครุภณั ฑท์ ี่มีราคาเกนิ กว่าหนว่ ยละสองหมนื่ บาท
(๖) รายจ่ายค่าท่ีดิน และสิ่งก่อสร้างทม่ี ีราคาเกินกว่าห้าหมนื่ บาท
ในกรณมี คี วามจ�ำ เปน็ ตอ้ งจา่ ยรายจา่ ยตาม (๔) (๕) และ (๖) ใหข้ อท�ำ ความตกลงกบั ส�ำ นกั งบประมาณกอ่ น


ขอ้ ๘ ให้อธิบดีกรมราชทัณฑ์ หรอื ผทู้ ไ่ี ดร้ บั มอบหมายเปน็ ผ้มู ีอ�ำ นาจอนมุ ัติการจ่ายเงินบำ�รุงโรงพยาบาล

ขอ้ ๙ ใหโ้ รงพยาบาลเกบ็ รกั ษาเงินไว้เพื่อส�ำ รองใชจ้ ่ายได้ ภายในวงเงินท่ีอธิบดกี รมราชทณั ฑ์ หรอื ผทู้ ไ่ี ด้
รับมอบหมายกำ�หนด โดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลงั นอกนนั้ ใหน้ ำ�ฝากกระทรวงการคลัง

รวมกฎหมายราชทณั ฑ์พร้อมดว้ ยกฎกระทรวง
ระเบียบ ขอ้ บงั คบั และประกาศทีเ่ กย่ี วข้อง

334

ขอ้ ๑๐ การด�ำ เนินการจัดซอ้ื หรอื จัดจ้าง ใหถ้ ือปฏิบตั ิตามระเบยี บวา่ ด้วยการพัสดุ
ขอ้ ๑๑ การบญั ชี ใหท้ �ำ ตามระบบบญั ชที ส่ี อดคลอ้ งกบั หลกั การและนโยบายบญั ชสี �ำ หรบั หนว่ ยงานภาครฐั
ทก่ี ระทรวงการคลงั ก�ำ หนด และใหจ้ ดั ท�ำ ทะเบยี นคมุ เงนิ บ�ำ รงุ ทไ่ี ดร้ บั ส�ำ หรบั ด�ำ เนนิ การสรา้ งหลกั ประกนั สขุ ภาพแยกตา่ งหาก
จากเงินบ�ำ รงุ ประเภทอืน่
เมื่อปิดบัญชีประจำ�ปีแล้ว ให้ส่งงบการเงินไปให้สำ�นักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบและรับรอง
ภายในเก้าสิบวันนบั แต่วันสนิ้ ปีงบประมาณ และเมื่อส�ำ นกั งานการตรวจเงนิ แผ่นดนิ ไดต้ รวจสอบรับรองงบการเงนิ แล้ว ให้
ส่งงบการเงินดังกลา่ วให้กรมบญั ชกี ลางและสำ�นกั งบประมาณภายในสามสิบวัน นบั แตว่ ันท่สี �ำ นักงานการตรวจเงนิ แผ่นดิน
ไดร้ บั รองงบการเงนิ
ขอ้ ๑๒ เมอ่ื สน้ิ เดอื นหนง่ึ ๆ ใหโ้ รงพยาบาลจดั ท�ำ รายงานการรบั จา่ ยเงนิ บ�ำ รงุ ในระหวา่ งเดอื นนน้ั ตามแบบ
แนบท้ายระเบยี บนี้ ส่งใหห้ น่วยตรวจสอบภายในกรมราชทณั ฑ์ และสำ�นกั งานการตรวจเงินแผน่ ดนิ ภายในวนั ที่ ๑๕ ของ
เดือนถดั ไป พรอ้ มทงั้ รวบรวมใบสำ�คัญคูจ่ า่ ยและเอกสารอื่นอันเปน็ หลกั ฐานแหง่ หน้ีและจดั ท�ำ หน้างบใบสำ�คญั คู่จา่ ย ตาม
แบบแนบทา้ ยระเบียบนี้ ให้เสร็จภายในวนั สน้ิ เดอื นถัดไปเพือ่ เก็บไวใ้ หห้ นว่ ยตรวจสอบภายใน หรอื สำ�นักงานการตรวจเงนิ
แผน่ ดนิ ตรวจสอบแล้วแต่กรณี
ขอ้ ๑๓ ให้โรงพยาบาลสง่ สำ�เนาการรับ-จ่ายเงนิ ตามข้อ ๑๒ ประจำ�เดือนมนี าคม และกนั ยายน ใหก้ รม
บญั ชีกลาง และส�ำ นกั งบประมาณทราบภายในวนั สิ้นเดือนของเดือนถัดไป
ขอ้ ๑๔ ในกรณที ีป่ รากฏว่า โรงพยาบาลมเี งินบำ�รงุ โรงพยาบาลเหลือเกินความจำ�เปน็ กระทรวงการคลงั
จะก�ำ หนดให้โรงพยาบาลนำ�สง่ เปน็ รายได้แผน่ ดินตามจ�ำ นวนท่เี ห็นสมควร
ขอ้ ๑๕ วิธปี ฏิบตั ิอ่ืนใดซึง่ มไิ ด้ก�ำ หนดไว้ในระเบียบน้ี ให้ปฏิบตั ิตามระเบยี บของทางราชการโดยอนโุ ลม
ข้อ ๑๖ ใหอ้ ธิบดกี รมราชทณั ฑเ์ ป็นผ้รู ักษาการตามระเบยี บน้ี

ประกาศ ณ วันที่ ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๘
(ลงชอ่ื ) นัทธี จิตสว่าง

(นายนัทธ ี จิตสว่าง)
อธิบดกี รมราชทัณฑ์

รวมกฎหมายราชทณั ฑพ์ ร้อมดว้ ยกฎกระทรวง
ระเบยี บ ขอ้ บังคบั และประกาศทเี่ กี่ยวข้อง

335

ระเบยี บกรมราชทัณฑ์
วา่ ด้วยเงินบำ�รงุ ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทณั ฑ์ กรมราชทณั ฑ์

(ฉบับท่ี ๒)
พ.ศ. ๒๕๕๑

โดยทเ่ี ปน็ การสมควรแกไ้ ขเพม่ิ เตมิ ระเบยี บกรมราชทณั ฑ์ วา่ ดว้ ยเงนิ บ�ำ รงุ ทณั ฑสถานโรงพยาบาลราชทณั ฑ์
กรมราชทณั ฑ์ พ.ศ. ๒๕๔๘ ใหม้ คี วามเหมาะสมยง่ิ ขน้ึ ทง้ั น้ี เพอ่ื ใหก้ ารด�ำ เนนิ งานและการบรหิ ารจดั การเงนิ บ�ำ รงุ โรงพยาบาล
มีความครอบคลมุ ถึงสถานพยาบาลประจำ�เรอื นจ�ำ ทณั ฑสถาน และสถานกักขังทว่ั ประเทศ
อาศยั อำ�นาจตามความในมาตรา ๒๔ วรรคห้า แห่งพระราชบัญญัตวิ ิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ ซึ่ง
แก้ไขเพ่ิมเตมิ โดยพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ (ฉบับท่ี ๕) พ.ศ. ๒๕๓๔ กรมราชทัณฑโ์ ดยไดร้ ับอนุมตั จิ ากรัฐมนตรี
วา่ การกระทรวงการคลงั และผู้อ�ำ นวยการสำ�นกั งบประมาณ จึงกำ�หนดระเบยี บไว้ดังตอ่ ไปน้ี
ขอ้ ๑ ระเบยี บน้ีเรียกวา่ “ระเบียบกรมราชทณั ฑ์ ว่าด้วยเงินบำ�รุงทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ กรม
ราชทัณฑ์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑”
ขอ้ ๒ ระเบยี บนีใ้ ห้ใช้บังคับตง้ั แตว่ ันถดั จากวันประกาศเป็นตน้ ไป
ข้อ ๓ ให้ยกเลิกบทนิยามคำ�ว่า “โรงพยาบาล” ในข้อ ๔ แห่งระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยเงินบำ�รุง
ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ กรมราชทัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๔๘ และใหใ้ ชค้ วามต่อไปนแ้ี ทน
““โรงพยาบาล” หมายความวา่ ทณั ฑสถานโรงพยาบาลราชทณั ฑ์ สถานพยาบาลประจ�ำ เรอื นจ�ำ
ทณั ฑสถาน และสถานกกั ขงั ในสงั กดั กรมราชทณั ฑท์ ข่ี น้ึ ทะเบยี นเปน็ หนว่ ยบรกิ ารเครอื ขา่ ยตามกฎหมายวา่ ดว้ ยหลกั ประกนั
สขุ ภาพแหง่ ชาติ”
ขอ้ ๔ ใหย้ กเลกิ ความในขอ้ ๖ แหง่ ระเบยี บกรมราชทณั ฑว์ า่ ดว้ ยเงนิ บ�ำ รงุ ทณั ฑสถานโรงพยาบาลราชทณั ฑ์
กรมราชทณั ฑ์ พ.ศ. ๒๕๔๘ และใหใ้ ชค้ วามตอ่ ไปนี้แทน
“ข้อ ๖ เงินบ�ำ รงุ โรงพยาบาลทไ่ี ด้รบั จะน�ำ ไปกอ่ หนผี้ ูกพนั หรือจา่ ยได้เฉพาะกรณที พี่ งึ จ่ายไดจ้ าก
เงนิ งบประมาณรายจา่ ย เพ่อื กิจการในหน้าทีข่ องโรงพยาบาล

รวมกฎหมายราชทัณฑ์พร้อมดว้ ยกฎกระทรวง
ระเบียบ ขอ้ บงั คับและประกาศทเ่ี กยี่ วข้อง

336

เงนิ บ�ำ รงุ โรงพยาบาลทไ่ี ดร้ บั ส�ำ หรบั ด�ำ เนนิ การสรา้ งหลกั ประกนั สขุ ภาพใหน้ �ำ ไปใชจ้ า่ ย เพอ่ื ด�ำ เนนิ การ
ด้านการเสริมสรา้ งระบบบริการและคุ้มครองสุขภาพของประชาชนให้มีสุขภาพดีถ้วนหนา้ ยกเวน้ เงินบำ�รงุ โรงพยาบาลของ
สถานพยาบาลประจำ�เรือนจำ� ทัณฑสถาน และสถานกกั ขงั ใหน้ �ำ ไปใช้จา่ ยไดแ้ ต่เฉพาะ เพือ่ ด�ำ เนินการด้านการเสรมิ สร้าง
ระบบบริการและคุ้มครองสุขภาพของผูต้ อ้ งขัง
การจ่ายเงินบำ�รุงโรงพยาบาลในกรณีต่อไปนี้ ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่
อธิบดกี รมราชทณั ฑก์ �ำ หนด คอื
(๑) การจ่ายเงินบ�ำ รุงเพ่ือการปฏิบัติราชการของหน่วยงานในสังกัดกรมราชทัณฑ์ท่ีให้บริการด้าน
การรักษาพยาบาล
(๒) การจา่ ยเงินบ�ำ รุงในลักษณะเงนิ คา่ ตอบแทน หรอื เงนิ ค่าตอบแทนพิเศษแกบ่ ุคคลทใี่ ห้บรกิ าร
หรือสนับสนนุ บรกิ ารในงานดา้ นต่างๆ ดงั น้ี
(ก) ด้านการรกั ษาพยาบาล
(ข) ด้านการสาธารณสขุ ทเี่ ปน็ บริการอนั เปน็ สาธารณประโยชน์
(ค) ด้านการชนั สตู รพลิกศพ
(ง) งานดา้ นอนื่ ทกี่ ฎหมาย หรอื กรมราชทัณฑ์ ก�ำ หนดใหเ้ ปน็ หน้าทท่ี จี่ ะตอ้ งปฏบิ ตั ิ
(๓) การจา่ ยเงนิ บ�ำ รุงเพอื่ เปน็ ค่าบรกิ ารทางการแพทยใ์ ห้แกโ่ รงพยาบาล สถานอี นามยั หรอื สถาน
พยาบาลทเ่ี รยี กชื่อเปน็ อย่างอนื่ ทั้งภาครฐั และเอกชน กรณีส่งต่อ อุบัติเหตุ เจ็บป่วยฉกุ เฉิน หรอื จ�ำ เปน็ ต้องไดร้ ับการรักษา
ตอ่ เนอ่ื ง ตามค�ำ สั่งของแพทย์ผรู้ ักษา
(๔) การจ่ายเงินบ�ำ รงุ เพื่อเป็นคา่ จ้างลกู จา้ งชว่ั คราว หรือลูกจา้ งรายคาบ
(๕) การจ่ายเงินบำ�รุงเพอื่ เปน็ ค่าซ่อมแซมบา้ นพักหรืออาคารทพ่ี ัก
(๖) การจ่ายเงินบำ�รุงเป็นค่าครุภัณฑ์ที่มีราคาไม่เกินหน่วยละห้าแสนบาท และรายจ่ายค่าที่ดิน
และส่งิ ก่อสร้างทมี่ ีราคาไมเ่ กนิ หา้ หมื่นบาท”
ขอ้ ๕ ใหย้ กเลกิ ความใน (๕) ของขอ้ ๗ แหง่ ระเบยี บกรมราชทณั ฑ์ วา่ ดว้ ยเงนิ บ�ำ รงุ ทณั ฑสถานโรงพยาบาล
ราชทัณฑ์ กรมราชทัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๔๘ และให้ใชค้ วามต่อไปน้แี ทน
“(๕) รายจา่ ยค่าครุภัณฑท์ ี่มรี าคาเกนิ กวา่ หนว่ ยละห้าแสนบาท”

ประกาศ ณ วนั ท่ ี ๑ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๕๑
(ลงชือ่ ) นทั ธ ี จิตสว่าง

(นายนทั ธ ี จิตสวา่ ง)
อธบิ ดีกรมราชทัณฑ์

รวมกฎหมายราชทัณฑ์พร้อมด้วยกฎกระทรวง
ระเบยี บ ขอ้ บงั คับและประกาศท่เี กยี่ วขอ้ ง

329

ระเบยี บกรมราชทณั ฑ์
ว่าดว้ ยการปฏบิ ัตริ าชการเพื่อประชาชนเกยี่ วกบั การลดขั้นตอน

และระยะเวลาในการปฏบิ ตั ริ าชการ พ.ศ. ๒๕๔๗

ด้วยคณะรฐั มนตรีมีมติ เม่ือวันท่ี ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๔๖ เหน็ ชอบตามท่ีส�ำ นักงานคณะกรรมการพฒั นา
ระบบราชการ (ก.พ.ร.) เสนอใหท้ กุ ส่วนราชการให้บริการประชาชนด้วยความสะดวก รวดเรว็ และให้ลดเวลาการบริการลง
ร้อยละ ๓๐ ถึง ๕๐ จากระยะเวลาท่ีเคยใหบ้ ริการอยเู่ ดิมโดยให้เร่มิ จากเร่อื งทป่ี ระกาศกำ�หนดเวลาไว้ตามระเบียบส�ำ นกั
นายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการปฏิบัติราชการเพื่อประชาชนของหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. ๒๕๓๒ เป็นลำ�ดับแรก แล้วขยายไปสู่
งานบริการประชาชนด้านอื่น ๆ เพื่อให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี กรมราชทัณฑ์จึงกำ�หนดลดขั้นตอนและระยะเวลา
ในการปฏบิ ตั ริ าชการ ๔ กระบวนงาน ไดแ้ ก่ การพจิ ารณาการขอพระราชทานอภยั โทษผตู้ อ้ งขงั เปน็ รายบคุ คล การพจิ ารณา
อนุญาตจ่ายผู้ต้องกักขังออกทำ�งานภายนอก การพิจารณาอนุญาตให้นักศึกษาเข้าเก็บข้อมูลการศึกษาวิจัยในเรือนจำ�
และการพิจารณาเรื่องหน่วยงานภายนอกขอทราบข้อมูลผู้ต้องขังชาวต่างประเทศ ดังนั้น อาศัยอำ�นาจตามความในข้อ ๙
แห่งระเบียบสำ�นักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการปฏิบัติราชการเพื่อประชาชนของหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. ๒๕๓๒ อธิบด ี
กรมราชทัณฑจ์ งึ ก�ำ หนดระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบกรมราชทัณฑ์ ว่าด้วยการปฏิบัติราชการเพื่อประชาชนเกี่ยวกับการ
ลดขัน้ ตอน และระยะเวลาในการปฏิบตั ิราชการ พ.ศ. ๒๕๔๗”
ขอ้ ๒ ระเบียบนใี้ หใ้ ช้บงั คับตงั้ แต่บัดน้ีเปน็ ตน้ ไป
ขอ้ ๓ การพจิ ารณาการขอพระราชทานอภยั โทษเปน็ รายบคุ คล กรณมี เี อกสารประกอบครบถว้ น มขี น้ั ตอน
และระยะเวลาในการด�ำ เนินการดังน้ี
ขั้นตอนที่ ๑ เมื่อเรือนจำ�/ทัณฑสถานได้รับฎีกาทูลเกล้าฯ ขอพระราชทานอภัยโทษของนักโทษ
เด็ดขาด หรอื ผูม้ ีประโยชน์เกยี่ วข้องแล้วประสานงานกับหน่วยงานทเ่ี กี่ยวข้องเพอ่ื รวบรวมเอกสารดงั ตอ่ ไปนี้ให้ครบถ้วน
๑. สำ�เนาคำ�พพิ ากษาของศาลทกุ ช้นั ศาล
๒. ส�ำ เนาหมายจำ�คุกเมื่อคดีถงึ ทส่ี ุด และหมายลดโทษ
๓. ทะเบียนประวัติอาชญากร
๔. ส�ำ เนาทะเบยี นรายตัว (ร.ท.๑๐๑)
๕. บันทกึ ความเหน็ แพทย์ หรือจิตแพทย์
๖. คำ�ส่ังถอดยศ กรณนี ักโทษเดด็ ขาดเคยเป็นขา้ ราชการทหารหรือต�ำ รวจ

รวมกฎหมายราชทณั ฑพ์ ร้อมด้วยกฎกระทรวง
ระเบยี บ ข้อบังคับและประกาศทเี่ กย่ี วข้อง

330

เรือนจำ�/ทัณฑสถานดำ�เนินการสอบสวนนักโทษเด็ดขาดผู้ขอรับพระราชทานภัยโทษพร้อม
รวบรวมเอกสารในขอ้ ๑ - ๖ จัดส่งกรมราชทัณฑ์ ๑๕ วนั ทำ�การ
ขั้นตอนที่ ๒ สำ�นักงานเลขานุการกรม (ฝ่ายสารบรรณ) กรมราชทัณฑ์รับฎีกาทูลเกล้าฯ ขอ
พระราชทานอภัยโทษ และเอกสารในขน้ั ตอนท่ี ๑ จากเรือนจำ�/ทณั ฑสถาน แลว้ สง่ ให้ส�ำ นักทณั ฑปฏบิ ัติ (สว่ นอภยั โทษ)
มอบหมาย เจ้าหน้าท่ีดำ�เนินการตรวจสอบ ๓ วันท�ำ การ
ขั้นตอนท่ี ๓ เจ้าหนา้ ทีส่ ่วนอภยั โทษพิจารณาดำ�เนนิ การ
๑. ตรวจสอบความถกู ต้องครบถ้วนของเอกสาร
๒. สรุปยอ่ ฎีกาทลู เกล้าฯ ขอพระราชทานอภัยโทษ และคำ�พพิ ากษาของศาล
๓. ศกึ ษาวิเคราะห์ข้อเท็จจริง ประกอบขอ้ กฎหมายและท�ำ ความเห็นเสนอผูบ้ งั คบั บัญชา ๑๐ วนั
ท�ำ การ
ข้นั ตอนท่ี ๔ หัวหน้าฝ่ายอภัยโทษตรวจสอบส่งพิมพ์หนังสือถึงปลัดกระทรวงและเลขาธิการ
คณะรฐั มนตรี น�ำ เสนอผอู้ ำ�นวยการสว่ นอภยั โทษ และผอู้ �ำ นวยการส�ำ นักทณั ฑปฏิบัตพิ จิ ารณาตามข้นั ตอน ๙ วันทำ�การ
ขน้ั ตอนท่ี ๕ ผู้อำ�นวยการสำ�นักทัณฑปฏิบัติพิจารณาแล้ว นำ�เสนอกรมราชทัณฑ์พิจารณาให้
ความเห็นชอบ ๑ วนั ท�ำ การ
ขน้ั ตอนที่ ๖ กรมราชทัณฑ์พิจารณาเพื่อเสนอปลัดกระทรวงและรัฐมนตรีพิจารณาตามอำ�นาจ
หนา้ ท่ีตอ่ ไป ๓ วนั ท�ำ การ
ข้อ ๔ การพิจารณาอนุญาตจ่ายผู้ต้องกักขังออกทำ�งานภายนอกสถานกักขัง มีขั้นตอนและระยะเวลา
ในการด�ำ เนินการ ดังน้ี
ขั้นตอนท่ี ๑ คณะกรรมการคัดเลือกผู้ต้องกักขังประจำ�สถานกักขัง ทำ�การคัดเลือกผู้ต้องกักขัง
ออกทำ�งานภายนอกสถานกักขัง เสนอผู้อำ�นวยการสถานกักขังพิจารณาให้ความเห็นชอบ และรวบรวมเอกสารส่งกรม
ราชทณั ฑ์ ๑ วนั ทำ�การ
ขน้ั ตอนที่ ๒ ส�ำ นกั งานเลขานกุ ารกรม (ฝา่ ยสารบรรณ) กรมราชทณั ฑร์ บั เรอ่ื งสง่ ใหส้ �ำ นกั ทณั ฑปฏบิ ตั ิ
พจิ ารณาด�ำ เนินการ ๑ วันท�ำ การ
ข้นั ตอนที่ ๓ สำ�นักทัณฑปฏิบัติตรวจสอบเอกสารหลักฐาน และคุณสมบัติของผู้ต้องกักขังตาม
หลักเกณฑ์ ที่กรมราชทณั ฑ์กำ�หนดแล้วเสนอกรมราชทณั ฑ์พิจารณาอนุมัต/ิ ไมอ่ นมุ ัติ ๑ วันทำ�การ
ขัน้ ตอนที่ ๔ กรมราชทัณฑ์แจ้งผลการพิจารณาให้สถานกกั ขังทราบ ๑ วนั ท�ำ การ
ข้อ ๕ การพิจารณาอนุญาตให้นักศึกษาเข้าเก็บข้อมูลการศึกษาวิจัยในเรือนจ�ำ มีข้ันตอนและระยะเวลา
ในการดำ�เนินการ ดงั นี้
ขั้นตอนที่ ๑ สถานศึกษา/นักศึกษา มีหนังสือถึงกรมราชทัณฑ์เพื่อขออนุญาตเข้าเก็บข้อมูลการ
ศกึ ษาวิจยั ในเรือนจำ�
ขั้นตอนท่ี ๒ กรมราชทัณฑ์รับเรื่องการขออนุญาตจากขั้นตอนที่ ๑ และมอบหมายให้สำ�นัก
ทณั ฑวทิ ยาเปน็ ผ้พู จิ ารณาด�ำ เนินการตามอำ�นาจหนา้ ที่ ๑ วันทำ�การ
ขน้ั ตอนท่ี ๓ ส�ำ นกั ทณั ฑวทิ ยาพจิ ารณาตรวจสอบโครงรา่ งการศกึ ษาวจิ ยั และแจง้ ผลการตรวจสอบ
อนมุ ตั ิ หรือไมอ่ นมุ ตั ิ ดงั นี้

รวมกฎหมายราชทัณฑพ์ ร้อมดว้ ยกฎกระทรวง
ระเบยี บ ข้อบังคบั และประกาศท่เี ก่ียวข้อง

331

๑. กรณีเก็บข้อมูลการศึกษาในเรือนจำ�/ทัณฑสถาน ระดับ ๙ จะแจ้งผลการตรวจสอบให้สถาน
ศึกษา/นักศึกษา และเรือนจ�ำ /ทณั ฑสถานทราบ
๒. กรณีเก็บข้อมูลการศึกษาในเรือนจำ�/ทัณฑสถาน ระดับ ๘ จะแจ้งผลการตรวจสอบโครงร่าง
การศกึ ษาวจิ ยั และผลการพจิ ารณาอนมุ ตั ิ หรอื ไมอ่ นมุ ตั ิ ไปยงั สถานศกึ ษา/นกั ศกึ ษา และเรอื นจ�ำ /ทณั ฑสถาน ๑ วนั ท�ำ การ
ข้อ ๖ การพจิ ารณาเรอ่ื ง หนว่ ยงานภายนอกขอทราบข้อมลู ผู้ตอ้ งขงั ชาวต่างประเทศมขี ้นั ตอนและระยะ
เวลาในการดำ�เนินการ ดังนี้
ข้นั ตอนที่ ๑ กรมราชทัณฑ์ได้รับหนังสือจากหน่วยงานภายนอกเพื่อขอทราบข้อมูลผู้ต้องขังชาว
ตา่ งประเทศ แล้วสง่ ใหส้ ำ�นกั ทณั ฑวิทยา โดยส่วนราชทัณฑ์ตา่ งประเทศดำ�เนินการตรวจสอบ ดังนี้
๑. กรณตี รวจสอบแลว้ เหน็ วา่ ไมส่ มควรสง่ ขอ้ มลู ให้ จะมหี นงั สอื ตอบปฏเิ สธใหห้ นว่ ยงานทข่ี อขอ้ มลู
ทราบ
๒. กรณตี รวจสอบแลว้ เหน็ สมควรสง่ ขอ้ มลู ให้ กจ็ ะแจง้ ใหเ้ รอื นจ�ำ /ทณั ฑสถาน ทค่ี วบคมุ ผตู้ อ้ งขงั นน้ั
ท�ำ การตรวจสอบและจัดส่งขอ้ มลู มากรมราชทัณฑ์ ๓ วนั ทำ�การ
ขนั้ ตอนท่ี ๒ เรอื นจำ�/ทัณฑสถานด�ำ เนนิ การตรวจสอบขอ้ มลู ผตู้ ้องขัง พรอ้ มท้ังรวบรวมเอกสาร
หลักฐานสง่ ให้กรมราชทณั ฑ์ ๑๐ วนั ทำ�การ
ข้ันตอนท่ี ๓ เม่ือกรมราชทัณฑ์ได้รับแจ้งผลการตรวจสอบข้อมูลผู้ต้องขังจากเรือนจำ�/
ทณั ฑสถานแลว้ พจิ ารณาด�ำ เนนิ การจัดสง่ ข้อมลู ใหห้ น่วยงานท่ีขอข้อมลู ทราบ ๒ วันทำ�การ
ขอ้ ๗ ให้อธบิ ดีกรมราชทณั ฑ์เปน็ ผ้รู ักษาการตามระเบียบนี้

ประกาศ ณ วันที่ ๑๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๗
(ลงช่อื ) นทั ธี จติ สว่าง

(นายนัทธี จติ สว่าง)
อธบิ ดีกรมราชทัณฑ์

รวมกฎหมายราชทณั ฑ์พรอ้ มดว้ ยกฎกระทรวง
ระเบียบ ขอ้ บังคบั และประกาศที่เกยี่ วขอ้ ง

326

ระเบียบกรมราชทัณฑ์
ว่าดว้ ยการปฏบิ ัติราชการเพอ่ื ประชาชนเกี่ยวกบั การขอลากิจ
การขอยา้ ยกลับภมู ิล�ำ เนาใหผ้ ้ตู อ้ งขงั และการบรกิ ารรับส่งจดหมายของ

ผตู้ อ้ งขงั พ.ศ. ๒๕๔๖


ตามระเบยี บกรมราชทณั ฑ์ วา่ ดว้ ยการปฏบิ ตั ริ าชการเพอ่ื ประชาชนเกย่ี วกบั การขอลากจิ และการขอยา้ ยกลบั
ภูมิล�ำ เนาใหผ้ ู้ตอ้ งขัง พ.ศ. ๒๕๔๕ ลงวนั ที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๕ ก�ำ หนดขน้ั ตอน และระยะเวลาปฏิบตั ริ าชการเก่ียวกบั
การขอลากจิ และการขอยา้ ยกลบั ภมู ลิ ำ�เนาใหผ้ ตู้ อ้ งขังเพือ่ ใหเ้ ปน็ ไปตามระเบยี บสำ�นกั นายกรัฐมนตรี วา่ ด้วยการปฏิบัติ
ราชการเพ่อื ประชาชนของหน่วยงานของรฐั พ.ศ. ๒๕๓๒ นน้ั
เนอื่ งจากคณะรัฐมนตรีมมี ติเหน็ ชอบ เมือ่ วันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๔๖ ตามทส่ี ำ�นกั งานคณะกรรมการ
พัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) เสนอให้ทุกส่วนราชการให้บริการประชาชนด้วยความสะดวก รวดเร็ว และให้ลดเวลา
การบริการลง ร้อยละ ๓๐ ถึง ๕๐ จากระยะเวลาที่เคยให้บริการอยู่เดิมโดยให้เริ่มจากเรื่องที่ประกาศกำ�หนดเวลาไว้ตาม
ระเบียบสำ�นักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการปฏิบัติราชการเพื่อประชาชนของหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. ๒๕๓๒ เป็นลำ�ดับแรก
แล้วขยายไปสู่งานบริการประชาชนด้านอื่น ๆ ดังนั้น อาศัยอำ�นาจตามความในข้อ ๙ แห่งระเบียบสำ�นักนายกรัฐมนตรี
วา่ ด้วยการปฏบิ ัติราชการเพือ่ ประชาชนของหนว่ ยงานของรัฐ พ.ศ. ๒๕๓๒ อธิบดกี รมราชทัณฑจ์ งึ ก�ำ หนดระเบยี บส�ำ หรบั
ปฏิบัติราชการเพื่อประชาชน ในเรื่องเกี่ยวกับการขอลากิจ การขอย้ายกลับภูมิลำ�เนาให้ผู้ต้องขัง และการบริการรับส่ง
จดหมายของผ้ตู ้องขงั ไวด้ ังนี้
ขอ้ ๑ ระเบียบน้ีเรียกวา่ “ระเบียบกรมราชทัณฑ์ วา่ ดว้ ยการปฏบิ ตั ิราชการเพ่ือประชาชนเก่ยี วกับการ
ขอลากิจ การขอยา้ ยกลบั ภมู ลิ �ำ เนาใหผ้ ตู้ ้องขัง และการบริการรบั สง่ จดหมายของผูต้ ้องขัง พ.ศ. ๒๕๔๖”
ขอ้ ๒ ระเบียบนี้ให้ใชบ้ งั คบั ตัง้ แตบ่ ัดนเ้ี ปน็ ต้นไป
ขอ้ ๓ ใหย้ กเลกิ ระเบยี บกรมราชทณั ฑ์ วา่ ดว้ ยการปฏบิ ตั ริ าชการเพอ่ื ประชาชนเกย่ี วกบั การขอลากจิ และ
การขอยา้ ยกลับภมู ิลำ�เนาให้ผูต้ อ้ งขงั พ.ศ. ๒๕๔๕ ลงวนั ท่ี ๑๙ กันยายน ๒๕๔๕ และบรรดาระเบยี บ คำ�สงั่ หรอื หนังสอื สั่ง
การท่ขี ดั หรอื แยง้ กบั ระเบยี บฉบับนี้ โดยให้ใชร้ ะเบียบฉบับน้ีแทน
ขอ้ ๔ การพิจารณาคำ�ร้องขออนญุ าตลากิจของผู้ตอ้ งขัง มขี น้ั ตอนและระยะเวลาในการดำ�เนินการ ดังนี้

รวมกฎหมายราชทัณฑ์พรอ้ มดว้ ยกฎกระทรวง
ระเบยี บ ข้อบงั คบั และประกาศทเ่ี ก่ียวขอ้ ง

327

ขน้ั ตอนท่ี ๑ ญาตหิ รือผตู้ ้องขังน�ำ หลกั ฐาน และเอกสารดงั ต่อไปนี้ย่ืนต่อเรือนจำ�/ทณั ฑสถาน
๑. หนงั สอื คำ�รอ้ งขอลากจิ
๒. หลักฐานแสดงกจิ ธรุ ะท่ตี ้องไปท�ำ (ถา้ ม)ี
๓. สำ�เนาบัตรประจ�ำ ตัวประชาชน และส�ำ เนาทะเบยี นบ้านของผูต้ ้องขังทขี่ อลากจิ
๔. กรณญี าตเิ ปน็ ผยู้ น่ื ค�ำ รอ้ งขอ นอกจากตอ้ งมเี อกสารตามขอ้ ๑ - ๓ แลว้ ใหส้ ง่ ส�ำ เนาบตั รประจ�ำ ตวั
ประชาชน สำ�เนาทะเบยี นบา้ น และเอกสารหลกั ฐานท่ีพอเชอื่ ถือไดว้ า่ เป็นญาตกิ ับผู้ตอ้ งขงั ประกอบด้วย
ขั้นตอนที่ ๒ เรือนจำ�/ทัณฑสถานรับคำ�ร้องขอลากิจ และพิจารณาแล้ว รวบรวมเอกสารส่ง
กรมราชทณั ฑ์ ๒ วันทำ�การ
ขั้นตอนที่ ๓ กรมราชทัณฑต์ รวจสอบเรอ่ื งราว พจิ ารณาอนุมัติหรือไม่อนมุ ัติ และแจ้งใหเ้ รือนจำ�/
ทัณฑสถานทราบ เพ่ือแจง้ ผลให้ผูข้ อลากจิ ทราบ ๒ วนั ท�ำ การ

ขอ้ ๕ การพจิ ารณาคำ�ร้องขอยา้ ยผู้ต้องขงั กลับภมู ลิ �ำ เนา มีขน้ั ตอนและระยะเวลาในการดำ�เนินการ ดงั นี้
ขัน้ ตอนที่ ๑ เมื่อเรือนจำ�/ทัณฑสถานได้รับคำ�ร้องขอย้ายกลับภูมิลำ�เนาจากญาติหรือผู้ต้องขัง
หรอื จากกรมราชทัณฑ์ ใหแ้ จ้งญาตหิ รือผตู้ ้องขงั ส่งเอกสารหลักฐานตอ่ ไปนี้ เพ่ือประกอบการพจิ ารณา
๑. สำ�เนาทะเบยี นบา้ นที่มีช่ือผูต้ ้องขงั
๒. กรณญี าตเิ ปน็ ผยู้ น่ื ค�ำ รอ้ งขอ ญาตติ อ้ งมภี มู ลิ �ำ เนาในทอ้ งทเ่ี ดยี วกนั กบั ผตู้ อ้ งขงั ทง้ั น้ี ใหย้ น่ื ส�ำ เนา
ทะเบยี นบา้ นและส�ำ เนาบตั รประจำ�ตวั ประชาชนของญาตผิ ยู้ น่ื ค�ำ ร้องขอประกอบด้วย
๓. กรณีผู้ยื่นคำ�ร้องขอเป็นสามี/ภรรยา ให้แนบสำ�เนาทะเบียนสมรสหรือหลักฐานอื่นซึ่งแสดง
ความเปน็ สาม-ี ภรรยา ประกอบดว้ ย
ขน้ั ตอนท่ี ๒ เรอื นจ�ำ /ทณั ฑสถาน รบั ค�ำ รอ้ งพรอ้ มเอกสารหลกั ฐานในขน้ั ตอนท่ี ๑ แลว้ ใหด้ �ำ เนนิ การ
ดังนี้
ตรวจสอบเอกสารหลักฐานและคุณสมบัติของผู้ต้องขังท่ีจะขอย้ายตามหลักเกณฑ์ที่กรมราชทัณฑ์
กำ�หนด แล้วส่งคำ�ร้องขอพร้อมเอกสารหลักฐาน และความเห็นไปยังกรมราชทัณฑ์ หรือเรือนจำ�/ทัณฑสถานที่มีอำ�นาจ
การอนุญาต ๕ วนั ทำ�การ
ขน้ั ตอนท่ี ๓ เมอ่ื ไดร้ บั เอกสารหลกั ฐานในขน้ั ตอนท่ี ๒ แลว้ กรมราชทณั ฑห์ รอื เรอื นจ�ำ /ทณั ฑสถาน
ทีไ่ ดร้ บั มอบอ�ำ นาจการอนญุ าต
๑. ตรวจสอบค�ำ ร้องขอพร้อมเอกสารหลกั ฐานและคณุ สมบัติของผตู้ อ้ งขังวา่ อยใู่ นหลกั เกณฑ์ทีจ่ ะ
ยา้ ยไดห้ รือไม่ ๕ วนั ทำ�การ
๒. พิจารณาคำ�รอ้ งขอและแจง้ ผลให้ผูย้ น่ื ค�ำ ร้องขอทราบ ๔ วนั ทำ�การ

ข้อ ๖ เมื่อมีการยื่นคำ�ขอให้ดำ�เนินการตาม ข้อ ๔ และข้อ ๕ แล้ว ปรากฏข้อเท็จจริงว่า มีเหตุจำ�เป็นที่
ไมอ่ าจด�ำ เนนิ การใหแ้ ลว้ เสรจ็ ภายในก�ำ หนดระยะเวลากด็ ี หรอื ตอ้ งมกี ารบนั ทกึ สอบสวน หรอื ตอ้ งตรวจสอบขอ้ เทจ็ จรงิ เพม่ิ เตมิ
ก็ดี ให้แจ้งเหตุผลเป็นลายลักษณ์อักษรให้ผู้ยื่นคำ�ขอทราบ และขยายเวลาเพื่อดำ�เนินการในขั้นตอนดังกล่าวออกไปอีก
๑๐ วันท�ำ การ

รวมกฎหมายราชทัณฑพ์ ร้อมด้วยกฎกระทรวง
ระเบยี บ ข้อบังคบั และประกาศทเี่ กีย่ วข้อง

328

ขอ้ ๗ การพจิ ารณาเรอ่ื ง การบรกิ ารรบั สง่ จดหมายของผตู้ อ้ งขงั มขี น้ั ตอนและระยะเวลาในการด�ำ เนนิ การ
ดงั นี้
ขน้ั ตอนท่ี ๑ เรอื นจ�ำ /ทณั ฑสถานไดร้ บั จดหมายทส่ี ง่ ถงึ ผตู้ อ้ งขงั หรอื ทผ่ี ตู้ อ้ งขงั สง่ ถงึ บคุ คลอน่ื หรอื
หน่วยงานภายนอก
ข้ันตอนท่ี ๒
๑. ตรวจสอบพจิ ารณา ๑ วันท�ำ การ
๒. น�ำ สง่ เพื่อไปยังบคุ คลอ่ืน หรอื หน่วยงานภายนอก หรอื น�ำ จา่ ยใหก้ ับผู้ตอ้ งขงั ๑ วนั ท�ำ การ
กรณีจดหมายภาษาตา่ งประเทศ ให้ขยายระยะเวลาด�ำ เนินการออกไปอกี ๓ วนั ทำ�การ
ขอ้ ๘ ใหอ้ ธิบดกี รมราชทัณฑเ์ ป็นผูร้ ักษาการตามระเบียบนี้

ประกาศ ณ วนั ท่ี ๙ กนั ยายน พ.ศ. ๒๕๔๖
(ลงช่อื ) ขวัญชยั วศวงศ์

(นายขวัญชยั วศวงศ)์
อธบิ ดกี รมราชทัณฑ์

รวมกฎหมายราชทณั ฑพ์ ร้อมด้วยกฎกระทรวง
ระเบียบ ขอ้ บังคับและประกาศท่ีเกีย่ วขอ้ ง

314

ระเบยี บกรมราชทณั ฑ์
ว่าด้วย การใชอ้ าวธุ ปืน และเครอ่ื งกระสนุ ปนื

พ.ศ. ๒๕๔๓

เพื่อให้การดำ�เนินการเกี่ยวกับการใช้อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน ของข้าราชการ และหน่วยงานของ
กรมราชทณั ฑ์ เปน็ ไปตามกฎกระทรวง ฉบบั ท่ี ๑๔ (พ.ศ. ๒๕๓๘) ออกตามความในพระราชบญั ญตั อิ าวธุ ปนื เครอ่ื งกระสนุ ปนื
วตั ถุระเบิด ดอกไม้เพลงิ และส่งิ เทียมอาวุธปืน พ.ศ. ๒๔๙๐ ขอ้ ๘ (๔) กรมราชทณั ฑโ์ ดยความเหน็ ชอบของคณะกรรมการ
ตามกฎกระทรวง ฉบบั ที่ ๑๔ (พ.ศ. ๒๕๓๘) ออกตามความในพระราชบัญญตั อิ าวธุ ปืน เครื่องกระสุนปืน วตั ถรุ ะเบดิ
ดอกไมเ้ พลิง และสิง่ เทียม อาวุธปืน พ.ศ. ๒๔๙๐ อธบิ ดีกรมราชทณั ฑ์จึงวางระเบยี บไว้ดงั ตอ่ ไปน้ี
ขอ้ ๑ ระเบยี บนเ้ี รยี กวา่ “ระเบยี บกรมราชทณั ฑ์ วา่ ดว้ ยการใชอ้ าวธุ ปนื และเครอ่ื งกระสนุ ปนื พ.ศ. ๒๕๔๓”
ข้อ ๒ ระเบียบนีใ้ หใ้ ชบ้ ังคบั ต้งั แตบ่ ดั นีเ้ ป็นต้นไป
ข้อ ๓ ให้ยกเลกิ ระเบียบกรมราชทณั ฑ์ วา่ ดว้ ยการใช้อาวุธปืนในภายในเรอื นจำ� พ.ศ. ๒๕๓๑
ขอ้ ๔ บรรดา ระเบียบ ข้อบังคบั หรือค�ำ สง่ั อนื่ ซง่ึ ขดั หรือแยง้ กับระเบียบน้ี ให้ใชร้ ะเบียบน้แี ทน
ข้อ ๕ ในระเบียบน้ี
“อาวุธปืน” หมายความรวมถงึ อาวุธปืนและเคร่อื งกระสุนปนื ท่ีได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการ
ตามกฎกระทรวง ฉบับท่ี ๑๔ (พ.ศ. ๒๕๓๘) ออกตามความในพระราชบญั ญัติอาวุธปืน เคร่ืองกระสุนปืน วัตถรุ ะเบดิ
ดอกไมเ้ พลิง และสิง่ อาวธุ พ.ศ.๒๔๙๐ ซ่งึ กระทรวงมหาดไทยได้ทำ�เคร่ืองหมาย และบญั ชแี ล้ว
“การใชอ้ าวธุ ปืน” หมายความรวมถงึ การเบิกจา่ ย การเรียกสง่ คนื การเกบ็ การบำ�รุงรกั ษา และ
การพกพาอาวุธปนื
“ผสู้ ง่ั จา่ ย” หมายความรวมถงึ ผบู้ ญั ชาการเรอื นจ�ำ ผอู้ �ำ นวยการทณั ฑสถาน และหวั หนา้ หนว่ ยงาน
สถานทอี่ ืน่ ใดของกรมราชทัณฑ์ทีใ่ ช้ควบคมุ ผู้ตอ้ งขงั
“นายทะเบียน” หมายความรวมถึง ข้าราชการกรมราชทัณฑ์ซึ่งได้รับแต่งตั้งจากกรมราชทัณฑ์
ทำ�หน้าทน่ี ายทะเบยี น ผดู้ ูแลการเบกิ จ่าย ฝากเกบ็ และจัดทำ�บญั ชปี ระจำ�การอาวธุ ปืน
“เรอื นจำ�” หมายความรวมถึง ทัณฑสถาน สถานกักขงั สถานกักกนั และสถานที่อ่ืนใด ของกรม
ราชทณั ฑ์ ทใ่ี ช้ควบคมุ ผตู้ ้องขงั ผ้ตู อ้ งกักขัง ผูต้ อ้ งกกั กนั

รวมกฎหมายราชทณั ฑ์พร้อมด้วยกฎกระทรวง
ระเบยี บ ขอ้ บังคับและประกาศท่เี กยี่ วข้อง

315

“ขา้ ราชการกรมราชทณั ฑ”์ หมายความรวมถงึ ขา้ ราชการในสงั กดั สว่ นกลางกรมราชทณั ฑ์ เรอื นจ�ำ
และทัณฑสถาน และให้หมายความรวมถงึ ขา้ ราชการอ่นื ที่ได้รับแต่งต้ังเปน็ ผ้คู มุ พิเศษดว้ ย
“อธบิ ดี” หมายความรวมถึง อธิบดกี รมราชทณั ฑ์
ข้อ ๖ อธิบดีกรมราชทัณฑเ์ ป็นผู้รักษาการตามระเบียบน้ี

หมวด ๑
การเบิกจา่ ยและการเรยี กส่งคนื
ขอ้ ๗ การเบกิ จา่ ยอาวธุ ปืนให้แกข่ ้าราชการกรมราชทัณฑ์ ใหจ้ ่ายไดเ้ ฉพาะกรณที ่จี �ำ เป็นตอ้ งนำ�ไปใชใ้ น
การปฏบิ ตั ิหนา้ ที่ราชการ โดยให้ผสู้ ่งั จา่ ยพิจารณาจ่ายใหเ้ หมาะสมกับเหตุการณ์ และความจำ�เป็น และหา้ มจ่ายประจ�ำ ตวั
เป็นประจ�ำ เว้นแต่จะไดร้ ับอนุญาตจากผูส้ ัง่ จ่ายเป็นกรณพี เิ ศษ และเมื่อเสรจ็ สิน้ ภารกจิ แล้ว ตอ้ งสง่ คืนเกบ็ ทันที
อาวธุ ปนื และเครอ่ื งกระสนุ ปนื ตามขอ้ ๔ (๑) – (๘) และ (๑๒) แหง่ กฎกระทรวง ฉบบั ท่ี ๑๔ (พ.ศ. ๒๕๓๘)
ออกตามความในพระราชบัญญัติอาวุธปืน เคร่อื งกระสนุ ปืน วัตถุระเบดิ ดอกไมเ้ พลิง และส่งิ เทยี มอาวธุ ปืน พ.ศ. ๒๔๙๐
ห้ามจา่ ยประจ�ำ ตัวเปน็ การประจ�ำ เป็นอันขาดเม่ือเสรจ็ ส้ินภารกจิ และกลบั มาถงึ หนว่ ยงานแลว้ ตอ้ งสง่ คืนเกบ็ ทนั ที
ขอ้ ๘ การเบกิ จ่ายและการฝากเก็บให้นายทะเบยี นทำ�บญั ชจี า่ ยอาวุธปนื และฝากเก็บอาวุธปืน ตามแบบ
ทา้ ยระเบยี บนี้

หมวด ๒
การใช้อาวธุ ปืน
ข้อ ๙ ห้ามนำ�อาวุธปืนเข้าไปภายในเรือนจำ�โดยเด็ดขาด เจ้าพนักงานเรือนจำ� หรือเจ้าพนักงานตาม
กฎหมายอน่ื ทถ่ี อื อาวธุ จะเขา้ ไปตดิ ตอ่ ภายในเรอื นจ�ำ ใหฝ้ ากอาวธุ ปนื กระสนุ ปนื รวมทง้ั กระสนุ ปนื ทน่ี �ำ ออกจากอาวธุ ปนื แลว้
ไว้กับเจ้าพนักงานเรือนจำ�ที่มีหน้าที่รับฝาก พร้อมกับให้ลงชื่อผู้ฝากและผู้รับฝากในสมุดไว้เป็นหลักฐาน เสร็จแล้วให้เก็บ
รกั ษาไว้ในท่ีปลอดภัยทกุ ครั้ง ทัง้ นี้ เว้นแต่เจา้ พนกั งานซงึ่ ปฏบิ ัติหน้าทเ่ี วรรกั ษาการณใ์ นเวลากลางคืน
ในกรณฉี กุ เฉนิ ทีจ่ ะต้องปฏบิ ตั ติ ามมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัตริ าชทณั ฑ์ พทุ ธศักราช ๒๔๗๙ ไม่อยู่
ในบังคับแห่งระเบียบขอ้ นี้
ขอ้ ๑๐ ใหจ้ า่ ยอาวธุ ปนื ยาวพรอ้ มกระสนุ ปนื ไมเ่ กนิ ๕ นดั แกเ่ จา้ พนกั งานซง่ึ ปฏบิ ตั หิ นา้ ทเ่ี วรรกั ษาการณ์
ในเวลากลางคืน สำ�หรบั เวรผู้ใหญ่และพัศดเี วร ให้จ่ายปืนพกพรอ้ มด้วยกระสนุ ปนื ไมเ่ กนิ ๑ ชุด
อาวธุ ปนื ทจ่ี ะน�ำ เขา้ ไปปฏบิ ตั หิ นา้ ท่ี ใหผ้ สู้ ง่ั จา่ ยเปน็ ผพู้ จิ ารณาตามความเหมาะสม แตห่ ากเหน็ วา่ สภาพการณ์
แห่งเรือนจำ�ไม่เหมาะสม หรือไม่มีความจำ�เป็นต้องใช้อาวุธปืนขณะปฏิบัติหน้าที่เวรรักษาการณ์ในเวลากลางคืน ก็ให้
พิจารณาส่ังการในทางที่เป็นประโยชนแ์ กก่ ารควบคุมผตู้ อ้ งขงั
ข้อ ๑๑ ในระหว่างปฏิบตั หิ น้าท่ี ใหผ้ ู้ใช้อาวธุ ปนื ถอื อาวุธปืนและกระสนุ ปนื ติดตัวอย่ตู ลอดเวลา และให้
ระมดั ระวังอยา่ งใหอ้ าวธุ ปนื หรอื กระสุนตกอยู่ในความครอบครองของผูต้ อ้ งขงั หรือบุคคลอน่ื ใดเป็นอันขาด

รวมกฎหมายราชทัณฑ์พร้อมด้วยกฎกระทรวง
ระเบยี บ ขอ้ บังคบั และประกาศทเี่ ก่ียวข้อง

316

หมวด ๓
การเกบ็ และบ�ำ รงุ รกั ษา
ขอ้ ๑๒ การเกบ็ อาวุธปืนให้เปน็ ไปตามหลกั เกณฑ์และวธิ ีการทก่ี รมราชทณั ฑ์กำ�หนดใหถ้ อื ปฏิบัติดังนี้
(๑) ในสว่ นกลาง ใหก้ องคลงั เปน็ นายทะเบยี นผรู้ บั ผดิ ชอบในการเกบ็ รกั ษาโดยจดั ตพู้ รอ้ ม กญุ แจ
และท�ำ บญั ชีควบคุมการเบิกจา่ ยอาวธุ ปืนตามแบบท่ีกำ�หนด
(๒) ให้เรือนจำ�จัดสร้างท่สี ำ�หรับเก็บอาวุธปืนและเคร่อื งกระสุนปืนไว้เป็นสัดส่วนมีความแข็งแรง
และอยูใ่ นทีป่ ลอดภัยยากแกก่ ารท่ผี ู้ตอ้ งขงั จะเข้าถึง
(๓) ให้เรอื นจำ�แตง่ ตง้ั ข้าราชการตั้งแต่ระดับ ๗ ขึน้ ไป เปน็ นายทะเบยี น และจะใหม้ ผี ้ชู ่วยตาม
จำ�นวนที่เหน็ สมควรเป็นผู้ช่วยนายทะเบยี นรว่ มรบั ผดิ ชอบในการเบิกจา่ ย ฝากเกบ็ และดแู ลรักษา อาวธุ ปืนทกุ ชนดิ ของ
เรือนจ�ำ
ขอ้ ๑๓ การบ�ำ รงุ รกั ษาอาวธุ ปนื ใหเ้ ปน็ ไปตามวธิ ปี ฏบิ ตั แิ ละขอ้ แนะน�ำ ในการบ�ำ รงุ รกั ษา ตามทก่ี รมราชทณั ฑ์
ก�ำ หนด

หมวด ๔
การพาอาวุธปนื
ขอ้ ๑๔ หา้ มข้าราชการกรมราชทัณฑ์ ซ่งึ แตง่ เคร่ืองแบบกด็ ี หรือมไิ ดแ้ ตง่ เครือ่ งแบบก็ดี พาอาวุธปนื ไป
ในเมือง หมู่บา้ น หรอื ทางสาธารณะโดยเปิดเผย หรือโดยไมม่ ีเหตอุ ันสมควรหรอื พาไปในชมุ ชนทีไ่ ดจ้ ัดให้มขี ้ึนเพ่อื นมสั การ
การรนื่ เรงิ การมหรสพ หรอื การอนื่ ใด เว้นแต่ในกรณี ดังตอ่ ไปนี้
(๑) ผทู้ ี่ได้รบั มอบหมายให้ติดตามจับกมุ ผตู้ อ้ งขงั ทีห่ ลบหนกี ารควบคุมของเรือนจำ�
(๒) ผทู้ ี่ปฏิบัตหิ น้าทีค่ วบคมุ ผตู้ อ้ งขงั หรือเวรรักษาการณ์
(๓) ผ้ซู ่งึ ทำ�หนา้ ทค่ี วบคมุ เงนิ หรือพัสดขุ องหลวงท่ีมีคา่
(๔) ผู้ซึ่งทำ�หนา้ ทนี่ ำ�อาวธุ ปืนของทางราชการหรือของกลางส่งยังทต่ี ่างๆ
(๕) ในกรณพี ิเศษอน่ื ๆ ที่ไดร้ ับอนุญาตจากอธบิ ดี
เม่อื เสร็จภารกิจแลว้ ใหผ้ ู้มีอาวธุ ปืนเหลา่ น้นั กลบั หน่วยงานตนโดยเร็ว ห้ามพาอาวุธปนื แวะเวียนไปในท่ี
อน่ื ใดอีก
ขอ้ ๑๕ ขา้ ราชการกรมราชทณั ฑท์ ม่ี คี วามจ�ำ เปน็ ตอ้ งพาอาวธุ ปนื ตดิ ตวั ไป เพอ่ื ปฏบิ ตั หิ นา้ ทร่ี าชการจะตอ้ ง
ได้รับอนญุ าตจากอธิบดีหรอื ผู้ท่ีอธบิ ดมี อบหมาย การอนุญาตดังกลา่ วต้องทำ�เปน็ หนังสอื ตามแบบท้ายกฎกระทรวงฯ โดย
มอบให้กบั ผรู้ ับอนุญาตนำ�ตดิ ตวั ไป การอนญุ าตใหอ้ ยูใ่ นดลุ ยพินิจของอธบิ ดหี รอื ผู้ท่ีอธบิ ดีมอบหมาย โดยพจิ ารณาก�ำ หนด
ระยะเวลาแตล่ ะคร้ังตามความเหมาะสม ท้งั น้ี การอนญุ าตครง้ั หน่ึงตอ้ งไมเ่ กิน ๖ เดือน
ขอ้ ๑๖ หา้ มข้าราชการกรมราชทัณฑพ์ าอาวธุ ปืนเขา้ ไปในเขตพระราชฐานโดยเดด็ ขาด

รวมกฎหมายราชทัณฑพ์ รอ้ มด้วยกฎกระทรวง
ระเบียบ ขอ้ บงั คบั และประกาศท่เี ก่ยี วขอ้ ง

317

ขอ้ ๑๗ การพาอาวธุ ปืนเพื่อปฏิบัตริ าชการตามระเบียบนี้ ให้ขา้ ราชการกรมราชทัณฑ์ถอื ปฏิบัติ ดังน้ี
(๑) กรณีแต่งเครอ่ื งแบบ ให้พาไดโ้ ดยใชซ้ องปืนสีน�ำ้ ตาล หรือสีดำ� รอ้ ยตดิ เขม็ ขัดใหเ้ รยี บรอ้ ย
(๒) กรณีท่มี ิไดแ้ ต่งเคร่อื งแบบ ใหพ้ าไปโดยมดิ ชดิ ไม่อาจสงั เกตไดง้ า่ ยและห้ามพาอาวุธปนื โดย
เปดิ เผยใหเ้ ปน็ ทห่ี วาดกลวั แกป่ ระชาชนเปน็ อนั ขาด ทง้ั น้ี ใหน้ �ำ บตั รประจ�ำ ตวั ขา้ ราชการตดิ ตวั ไวใ้ หพ้ รอ้ มทจ่ี ะรบั การตรวจ
ได้ทุกเม่อื
(๓) กรณีพาอาวุธปืนชนิดปืนยาวไปปฏิบัติราชการ ต้องแต่งเครื่องแบบโดยพาไปให้เหมาะสม
อยา่ พาไปในลักษณะทท่ี ำ�ให้ประชาชนเกดิ ความรสู้ กึ หวาดกลัว
ขอ้ ๑๘ ให้ข้าราชการกรมราชทัณฑ์ท่ีพาอาวุธปืนถือปฏิบัติตามระเบียบนี้โดยเคร่งครัดหากฝ่าฝืนย่อม
เปน็ ความผดิ ทางวนิ ัยหรอื อาจถกู ด�ำ เนนิ คดตี ามกฎหมายได้

ประกาศ ณ วันท่ี ๑๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๓
(ลงชือ่ ) ศิวะ แสงมณี

(นายศวิ ะ แสงมณี)
อธิบดีกรมราชทณั ฑ์

รวมกฎหมายราชทณั ฑพ์ ร้อมด้วยกฎกระทรวง
ระเบียบ ขอ้ บังคับและประกาศทเ่ี ก่ียวขอ้ ง

318

แบบหนงั สอื อนญุ าต
พกพาอาวธุ ปืน และเครอ่ื งกระสุนปืน ออกไปนอกบริเวณท่ตี ง้ั ของหนว่ ยงาน

(ดา้ นหนา้ )
ขนาด ๘ x ๑๐.๕ ซม.

หนงั สอื อนุญาตพาอาวธุ ปนื และเครื่องกระสนุ ปนื ออกไปนอกบริเวณ
ที่ตัง้ ของหน่วยงานราชการ

ที่ / (ชอ่ื หน่วยราชการ)...........................................................................
อนญุ าตใหย้ ศ/นาม...........................................บตั รประจำ�ตวั เลขที่....................................................
ตำ�แหน่ง.................................................................สงั กัด.....................................................................
นำ�อาวุธปนื ชนดิ ......................................ขนาด...................................เลขหมาย................................
เครื่องหมาย....................................จำ�นวน.................................กระบอก
กระสุนปืน ชนดิ .............................................ขนาด....................................จ�ำ นวน........................นดั
พาตดิ ตวั ไปเพื่อปฏิบตั ริ าชการ.............................................................................................................
ณ ที.่ ....................................................................................................................................................
ตั้งแต่วันที่....................................................................ถงึ วนั ที่............................................................
 ออกให้ ณ วนั ท่.ี .................................................................
............................................................. ...............................................................
(..........................................................) (............................................................)
ลายมือชอื่ ผถู้ อื หนงั สืออนญุ าต ตำ�แหน่ง .................................ผอู้ นุญาต

หมายเหตุ ตอ้ งมีเครอ่ื งหมายตราครุฑประทับกลางแบบ

รวมกฎหมายราชทณั ฑ์พรอ้ มด้วยกฎกระทรวง
ระเบียบ ข้อบงั คบั และประกาศท่ีเก่ียวข้อง

 319

(ดา้ นหลงั )
ขนาด ๘ x ๑๐.๕ ซม.

ข้อพงึ ปฏิบัตสิ �ำ หรบั ผู้ถอื หนงั สอื อนญุ าต
๑. ต้องนำ�หนังสืออนุญาตนี้ติดตัวไปด้วยทุกครั้ง เมื่อนำ�อาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืน
ออกไปนอกบริเวณท่ีต้องของหนว่ ยราชการในกรณีท่มี ใิ ชเ่ หตฉุ กุ เฉิน
๒. ในกรณีที่หนังสืออนุญาตนี้หมดอายุ สูญหาย หรือถูกทำ�ลาย หรือชำ�รุดในสาระสำ�คัญ
หรือมีการเปลี่ยนชื่อตัว ชื่อสกุล หรือเปลี่ยนตำ�แหน่งหน้าที่การงานใหม่ ให้ผู้ถือหนังสืออนุญาต
นำ�หลักฐานที่เกี่ยวข้องไปขอเปลี่ยนหนังสืออนุญาตใหม่ ภายในกำ�หนด ๑๕ วัน นับแต่วันที่กรณี
ดังกล่าวเกิดข้ึน
ตดิ รปู ถา่ ย ถ่ายพมิ พ์
หัวแมม่ ือขวาหรือซา้ ย

รปู ถา่ ย
ขนาด ๒ x ๓ ซม.
ติดรปู ถ่าย ถ่ายพมิ พ ์
หัวแม่มอื ขวาหรอื ซา้ ย
หมายเหตุ มตี ราประจำ�หนว่ ยราชการประทบั มุมรปู

รวมกฎหมายราชทัณฑพ์ ร้อมด้วยกฎกระทรวง
ระเบียบ ข้อบงั คบั และประกาศทเี่ กย่ี วข้อง

บัญชฝี ากเกบ็ รักษาอาวธุ ปนื
หน่วยงาน.....................(๑)..................................

ล�ำ ดับที่ รายการ หนว่ ยนบั จ�ำ นวน ชื่อผฝู้ ากเกบ็ รกั ษา ลงลายมือชื่อผฝู้ าก วนั เดอื น ปี วนั เดอื น ปี ลงลายมอื ชอ่ื ผู้รบั นายทะเบยี น หมายเหตุ
(๒) (๓) (๔) (๕) (๖) เก็บรักษา ผสู้ ง่ั จ่าย นายทะเบยี น ทฝี่ ากเก็บ ทส่ี ง่ มอบ มอบคนื (๑๓) (๑๔)
(๗) (๑๒)
รักษา คืน
(๘) (๙) (๑๐) (๑๑)

320

รวมกฎหมายราช ัทณ ์ฑพร้อมด้วยกฎกระทรวง
ระเ ีบยบ ้ขอบัง ัคบและประกาศ ่ทีเ ่กียว ้ของ

บัญชจี า่ ยอาวุธปืน
หน่วยงาน.....................(๑)..................................

ลำ�ดบั ท่ี รายการ หนว่ ยนบั จ�ำ นวน ชื่อผ้ยู มื ลงลายมอื ชือ่ ผู้ยมื ผู้ส่งั จ่าย นายทะเบยี น วนั เดอื น ปี วนั เดอื น ปี ลงลายมือช่อื ผู้ส่ง นายทะเบยี น หมายเหตุ
(๒) (๓) (๔) (๕) (๖) (๗) ทร่ี ับมอบ ท่สี ่งคนื (๑๒) (๑๓) (๑๔)

(๘) (๙) (๑๐) (๑๑)

321

รวมกฎหมายราชทัณฑพ์ รอ้ มด้วยกฎกระทรวง
ระเบยี บ ข้อบังคับและประกาศท่เี กี่ยวขอ้ ง

322

คำ�อธิบายการลงบัญชฝี ากเก็บรกั ษาอาวุธปืน

(๑) “หนว่ ยงาน” ใหล้ งชือ่ หนว่ ยงานทที่ �ำ การฝากเกบ็ รกั ษาและจดั ท�ำ บญั ชีฝากเก็บรกั ษาอาวธุ ปนื
(๒) “ล�ำ ดบั ” ใหล้ งตัวเลขเปน็ ล�ำ ดับลงมา
(๓) “รายการ” ใหล้ งรายการของอาวธุ ปืนท่ีท�ำ การฝากเก็บรกั ษา ดังน้ี
- ชนดิ
- ขนาด
- แบบหรือรนุ่
- ความยาวลำ�กล้อง/นิว้
- บรรจุกระสุน/นดั
- สี
- เลขหมายประจำ�ปนื
(๔) “หน่วยนับ” ให้ลงหน่วยนับของอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนและวัตถุระเบิดที่ฝากเก็บรักษา เช่น
กระบอก ชดุ เป็นต้น
(๕) “จำ�นวน” ลงตัวเลขจ�ำ นวนอาวุธปืน เครอ่ื งกระสนุ ปนื และวตั ถุระเบดิ ทท่ี ำ�การฝากเกบ็ รกั ษา
(๖) “ชอ่ื ผฝู้ ากเกบ็ รกั ษา” ใหล้ งชอ่ื ผฝู้ ากเกบ็ รกั ษาอาวธุ ปนื เครอ่ื งกระสนุ ปนื และวตั ถรุ ะเบดิ ดว้ ยตวั บรรจง
พรอ้ มยศหรอื คำ�นำ�หนา้ นาม
(๗) “ลงลายมือช่อื ผฝู้ ากเกบ็ รกั ษา” ให้ลงลายมือช่ือผฝู้ ากเกบ็ รักษาตาม (๖)
(๘) “ผสู้ ง่ั จา่ ย” ใหล้ งชอ่ื ผสู้ ง่ั จา่ ยตามหนงั สอื สง่ั จา่ ยอาวธุ ปนื เครอ่ื งกระสนุ ปนื และวตั ถรุ ะเบดิ ทผ่ี เู้ บกิ จา่ ย
นำ�มาแสดงต่อนายทะเบียน ด้วยตวั บรรจงพร้อมยศหรือค�ำ น�ำ หน้านาม
(๙) “นายทะเบียน” ให้ลงลงลายมือชื่อนายทะเบียนซึ่งเป็นผู้ทำ�การรับฝากเก็บรักษาอาวุธปืน เครื่อง
กระสนุ ปืนและวัตถุระเบิด
(๑๐) “วัน เดอื น ปี ท่ฝี ากเก็บรกั ษา” ใหล้ งวันที่ เดือน ปี ท่ีฝากเกบ็ รกั ษา อาวุธปืน เครือ่ งกระสนุ และ
วัตถุระเบิด
(๑๑) “วนั เดือน ปี ท่ีสง่ มอบคนื ” ใหล้ งวันที่ เดือน ปี สง่ มอบอาวุธปนื เครื่องกระสุนปืนและวตั ถรุ ะเบิด
คนื ให้กบั ผู้น�ำ ฝากเก็บรกั ษา
(๑๒) “ลงลายมือชื่อผรู้ บั มอบคนื ” ใหล้ งลายมอื ชือ่ ผู้ทร่ี ับมอบอาวุธปนื เครอื่ งกระสนุ ปนื และวัตถรุ ะเบิด
กลบั คืนจากผรู้ บั ฝาก และวงเลบ็ ช่ือ สกุลด้วยตัวบรรจง พร้อมระบุตำ�แหนง่ เช่น

- ลายมอื ชื่อ -

(นายขาว แดงดำ�)
นายตรวจสรรพสามติ

(๑๓) “นายทะเบียน” ให้ลงลายมือชอ่ื นายทะเบียนท่ที ำ�การสง่ มอบคืน อาวธุ ปืน เครื่องกระสนุ ปืนและ
วตั ถรุ ะเบดิ
(๑๔) “หมายเหตุ” ให้ลงข้อสังเกตตามที่เห็นว่าเป็นเรื่องจำ�เป็นที่ต้องการบันทึกไว้เป็นหลักฐาน เช่น
เบกิ จา่ ยอาวธุ ปนื ฯ ตามหนงั สอื ที่ ............/............ ลงวันท่ี .......... เดือน .............. พ.ศ. ...... หรอื ปืน (ระบรุ ายละเอยี ด
ตาม (๓) มรี อยชำ�รุดทีพ่ านทา้ ยปืนในเวลาฝากเก็บรกั ษาเนือ่ งจากทำ�ตกกระแทกกับพน้ื ฯลฯ เปน็ ต้น

รวมกฎหมายราชทณั ฑพ์ รอ้ มดว้ ยกฎกระทรวง
ระเบียบ ข้อบังคับและประกาศที่เกยี่ วขอ้ ง

323

การปฏิบัตติ ามระเบยี บกรมราชทัณฑ์วา่ ด้วยการใช้อาวธุ ปนื ฯ พ.ศ. ๒๕๔๓

ตามทก่ี รมราชทณั ฑไ์ ดอ้ อกระเบยี บกรมราชทณั ฑ์ วา่ ดว้ ยการใชอ้ าวธุ ปนื และเครอ่ื งกระสนุ ปนื พ.ศ. ๒๕๔๓
มาใช้บงั คับ โดยมีผลบงั คบั ใชต้ งั้ แต่วันท่ี ๑๗ ตุลาคม ๒๕๔๓ นน้ั ระเบยี บฉบบั น้มี รี ายละเอียดแยกสาระส�ำ คัญไดด้ ังนี้

การเบกิ จ่ายและการเรยี กส่งคืน
การเบิกอาวุธปืนให้แก่ข้าราชการกรมราชทัณฑ์จะจ่ายได้เฉพาะในกรณีที่จำ�เป็นต้องใช้ในการปฏิบัติ
ราชการเท่านั้น โดยผู้สั่งจ่ายจะพิจารณาตามความเหมาะสม และห้ามจ่ายประจำ�ตัวเป็นประจำ� เว้นแต่จะได้รับอนุญาต
จากผสู้ งั่ จา่ ยเป็นกรณีพิเศษ และเมือ่ มีการปฏิบัตหิ น้าท่ีเสร็จสน้ิ แล้ว ตอ้ งสง่ คืนอาวธุ ปืนทนั ที
สำ�หรับอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน ตามข้อ ๔ (๑) – (๘) และ (๑๒) แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๔
(พ.ศ. ๒๕๓๘) ออกตามความในพระราชบญั ญตั อิ าวธุ ปืน เคร่ืองกระสนุ ปนื วัตถรุ ะเบิดดอกไม้เพลงิ และสิ่งเทียมอาวธุ ปนื
พ.ศ. ๒๔๙๐ คือ
๑. อาวธุ ปนื เลก็ ส้ัน
๒. อาวุธปืนเล็กสั้นกึ่งอัตโนมัติ
๓. อาวธุ ปืนเล็กสน้ั อัตโนมตั ิ
๔. อาวธุ ปืนเลก็ ยาว
๕. อาวธุ ปืนเล็กยาวกงึ่ อตั โนมตั ิ
๖. อาวุธปนื เลก็ ยาวอตั โนมตั ิ
๗. อาวธุ ปนื กลมอื
๘. อาวุธปืนกลเบา
๙. เครอื่ งกระสนุ ปนื สำ�หรับใช้กบั อาวธุ ปนื ซง่ึ ระบไุ ว้ตามข้อ ๑-๘ หา้ มจา่ ยประจ�ำ ตวั เปน็ การประจ�ำ เป็น
อนั ขาด โดยเมื่อใช้ปฏิบตั หิ น้าที่เสรจ็ แล้วตอ้ งส่งคืนทนั ที (ข้อ ๗)
ทง้ั น้ี ใหน้ ายทะเบยี นเปน็ ผทู้ �ำ การบญั ชกี ารเบกิ จา่ ย และการฝากเกบ็ ทกุ ครง้ั ตามแบบทา้ ยระเบยี บน้ี (ขอ้ ๘)

การใช้อาวุธปนื

เจ้าพนักงานเรือนจำ�หรือเจา้ พนักงานตามกฎหมายอ่นื ที่ถืออาวธุ จะเขา้ ตดิ ต่อภายในเรอื นจ�ำ จะต้องฝาก
อาวุธปืน กระสนุ ปนื รวมท้ังกระสนุ ปืนทน่ี ำ�ออกจากอาวธุ ปนื แลว้ ไว้กับเจา้ พนกั งานเรอื นจ�ำ ทมี่ หี น้าทีร่ บั ฝาก โดนการลงช่ือ
ผู้ฝากและผู้รับฝากไว้ในสมุดเป็นหลักฐานแล้วเก็บในที่ปลอดภัย ห้ามนำ�อาวุธปืนเข้าภายในเรือนจำ�โดยเด็ดขาด เว้นแต่
เปน็ เจ้าพนักงานเวรรกั ษาการณ์ในเวลากลางคนื
สำ�หรับในกรณีเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งจะต้องปฏิบัติตามมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติราชทัณฑ์
พทุ ธศักราช ๒๔๗๙ ไม่อย่ภู ายใต้บงั คับแห่งระเบยี บนี้ (ขอ้ ๙)
เจา้ พนกั งานซง่ึ ปฏบิ ตั หิ นา้ ทเ่ี วรรกั ษาการณใ์ นเวลากลางคนื จา่ ยอาวธุ ปนื ยาวพรอ้ มกระสนุ ปนื ไมเ่ กนิ ๕ นดั
ส�ำ หรบั เวรผูใ้ หญแ่ ละพศั ดีเวร ใหจ้ ่ายปนื พกพร้อมกระสุนปืนไม่เกนิ ๑ ชดุ
อาวุธปืนที่จะจ่ายให้แก่เจ้าพนักงานผู้ปฏิบัติหน้าที่นั้น ผู้สั่งจ่ายจะเป็นผู้พิจารณาตามความเหมาะสมแก่
สถานการณ์ และหากผู้สั่งจ่ายเห็นว่าไม่มีความจำ�เป็นที่จะต้องใช้อาวุธปืนในขณะปฏิบัติหน้าที่เวรรักษาการณ์กลางคืน
กส็ ามารถพจิ ารณาส่ังการเปน็ อยา่ งอ่ืนที่เหน็ ว่าจะเป็นประโยชน์แกก่ ารควบคมุ ผตู้ อ้ งขงั ได้ (ข้อ ๑๐)

รวมกฎหมายราชทัณฑพ์ ร้อมดว้ ยกฎกระทรวง
ระเบยี บ ขอ้ บังคบั และประกาศทเ่ี กี่ยวขอ้ ง

324

ขณะปฏิบัติหน้าที่ ผู้ใช้อาวุธปืน จะต้องถืออาวุธปืนและกระสุนปืนติดตัวตลอดเวลาโดยต้องระมัดระวัง
อย่างใหอ้ าวธุ ปืนหรือกระสุนปนื ตกไปอยูใ่ นความครอบครองของผู้ตอ้ งขงั หรอื บุคคลอน่ื ๆ เดด็ ขาด (ข้อ ๑๑)

การเกบ็ และบำ�รงุ รักษา
การเกบ็ อาวธุ ปนื
สว่ นกลาง ให้กองคลังทำ�หน้าที่เปน็ นายทะเบียน โดยแตง่ ตั้งจากหวั หนา้ ฝา่ ยพัสดุ หรือบุคคลอ่ืนทีม่ คี วาม
เหมาะสม
เรอื นจ�ำ ให้แตง่ ตงั้ จากข้าราชการในเรอื นจำ�นนั้ ตงั้ แต่ระดบั ๗ ข้นึ ไป โดยให้มีผ้ชู ่วยนายทะเบียนได้ตาม
จำ�นวนที่เหมาะสม
สถานที่จัดเก็บ ให้เรือนจำ�สร้างที่สำ�หรับเก็บอาวุธปืนฯ ไว้เป็นสัดส่วน มีความมั่นคงแข็งแรง ปลอดภัย
ยากแก่การท่ีผ้ตู อ้ งขงั เข้าถงึ (ข้อ ๑๒)

การพาอาวธุ ปืน
หา้ มขา้ ราชการกรมราชทัณฑพ์ าอาวธุ ปนื ไปตามท่สี าธารณะโดยเปิดเผย หรอื ไมเ่ หตอุ นั ควร หรอื พาไปใน
พ้ืนท่ีซึ่งมีการชมุ นมุ กันเพ่ือการรนื่ เริง หรือการอน่ื ใด เว้นแตจ่ ะเข้ากรณดี ังนี้
๑. ผทู้ ีไ่ ด้รบั มอบหมายให้ติดตามจับกมุ ผูต้ ้องขงั ท่ีหลบหนีการควบคุมของเรือนจ�ำ
๒. ผู้ที่ปฏบิ ัติหนา้ ทคี่ วบคุมผู้ตอ้ งขงั หรอื เวรรกั ษาการณ์
๓. ผซู้ ง่ึ ท�ำ หน้าท่ีควบคุมเงนิ หรอื พัสดุของหลวงทม่ี คี ่า
๔. ผู้ซึ่งทำ�หนา้ ท่นี ำ�อาวธุ ของทางราชการหรือของกลางส่งยังทตี่ ่างๆ
๕. ในกรณีพเิ ศษอน่ื ๆ ท่ไี ด้รับอนุญาตจากอธิบดี
เมอ่ื ปฏบิ ตั หิ นา้ ทเ่ี รยี บรอ้ ยแลว้ ตอ้ งกลบั หนว่ ยงานของตนโดยเรว็ หา้ มพาอาวธุ ปนื แวะเวยี นไปทอ่ี น่ื (ขอ้ ๑๔)
การพาอาวธุ ปืนเพอื่ ไปปฏิบัตหิ น้าที่ราชการตามระเบียบนใี้ ห้ขา้ ราชการราชทัณฑ์ปฏิบตั ิดงั น้ี
(๑) กรณีแต่งเครือ่ งแบบ ใหพ้ าไดโ้ ดยใชซ้ องปืนสนี ำ�้ ตาล หรือสดี �ำ รอ้ ยตดิ เข็มขัดใหเ้ รียบรอ้ ย
(๒) กรณีทไี่ มไ่ ด้แต่งเครือ่ งแบบ ใหพ้ าไปโดยมิดชิดไม่สามารถสงั เกตได้ง่าย และหา้ มพาอาวุธปนื โดยเปิด
เผยใหเ้ ปน็ ที่หวาดกลัวแก่ประชาชน และใหน้ ำ�บัตรประจำ�ตัวข้าราชการตดิ ตัวไวเ้ พ่อื พร้อมจะรบั การตรวจทุกเมื่อ
(๓) กรณพี าอาวธุ ปนื ชนดิ ปืนยาวไปปฏิบตั ริ าชการ ตอ้ งแตง่ เครือ่ งแบบโดยพาไปให้เหมาะสม หา้ มทำ�ให้
ประชาชนหวาดกลวั (ข้อ ๑๗)
ทงั้ นี้ หา้ มพาอาวธุ ปนื เขา้ ไปในเขตพระราชฐานโดยเด็ดขาด (ข้อ ๑๖)
ข้าราชการกรมราชทัณฑ์ท่ีพาอาวุธปืนไปปฏิบัติหน้าที่ราชการต้องถือปฏิบัติตามระเบียบน้ีโดยเคร่งครัด
หากฝา่ ฝืนจะเปน็ ความผิดทางวินยั หรือาจถกู ด�ำ เนินคดีตามกฎหมายได้ (ข้อ ๑๘)

รวมกฎหมายราชทัณฑพ์ ร้อมดว้ ยกฎกระทรวง
ระเบยี บ ขอ้ บงั คับและประกาศท่เี กี่ยวข้อง

325

การอนุญาตให้พกพาอาวุธปนื

ข้าราชการกรมราชทัณฑ์ที่มีความจำ�เป็นต้องพาอาวุธปืนติดตัว เพื่อไปปฏิบัติหน้าที่ราชการตามที่กล่าว
ข้างต้น จะต้องรับอนุญาตจากอธิบดีหรือผู้ที่อธิบดีมอบหมาย เป็นหนังสือตามแบบท้ายกฎกระทรวงฯ ก่อน และผู้รับ
อนุญาตจะต้องนำ�หนังสือฯ นั้นติดตัวไปด้วย โดยอธิบดีหรือผู้ที่อธิบดีมอบหมายจะพิจารณากำ�หนดระยะเวลาในการ
อนุญาตตามความเหมาะสม แต่ต้องไมเ่ กิน ๖ เดือน ต่อการอนุญาตแต่ละคร้งั (ขอ้ ๑๕)
ขณะนี้ยังไม่ได้มอบหมายการอนุญาตพาอาวุธปืนให้กับผู้ใด ในชั้นนี้ หากอธิบดีเห็นควรมอบอำ�นาจการ
อนุญาตพาอาวุธตามระเบียบดังกล่าวจะต้องทำ�เป็นคำ�สั่งมอบอำ�นาจโดยจะมอบอำ�นาจให้กับผู้มีตำ�แหน่งใด ให้ที่ประชุม
พิจารณา

------------------------------

รวมกฎหมายราชทัณฑพ์ รอ้ มด้วยกฎกระทรวง
ระเบยี บ ข้อบงั คบั และประกาศที่เกีย่ วข้อง

309

ระเบยี บกรมราชทัณฑ์
วา่ ด้วยเครื่องแต่งกายส�ำ หรับผตู้ อ้ งขัง

พ.ศ. ๒๕๓๘

โดยท่ีกรมราชทัณฑ์ไดพ้ ิจารณาเห็นสมควรแก้ไขปรบั ปรงุ ระเบียบกรมราชทัณฑ์ (ฉบับที่ ๒) ลงวนั ท่ี ๓๑
พฤษภาคม พุทธศกั ราช ๒๔๘๐ เรอื่ ง เครื่องแตง่ กายสำ�หรับผ้ตู อ้ งขัง ซง่ึ ได้มกี ารประกาศกำ�หนดใช้มาเป็นเวลานานแล้ว
รปู แบบเคร่อื งแต่งกายของผูต้ อ้ งขังบางประเภทแลดูไมเ่ หมาะสม บางประเภทยังมิได้มีการก�ำ หนดข้ึนโดยเฉพาะ ดงั น้นั
เพื่อใหก้ ารแต่งกายของผู้ตอ้ งขงั แต่ละประเภทเปน็ ไปอย่างมีระเบยี บเรยี บรอ้ ย เหมาะสมกับกาลสมยั
ฉะน้ัน อาศัยอำ�นาจตามความในขอ้ ๖๙ แหง่ กฎกระทรวงมหาดไทย ออกตามความในพระราชบัญญตั ิ
ราชทณั ฑ์ พุทธศักราช ๒๔๗๙ จงึ ก�ำ หนดรปู แบบเคร่อื งแตง่ กายของผตู้ อ้ งขงั ข้นึ ใหม่ ดงั ตอ่ ไปน้ี
ขอ้ ๑ ระเบยี บนีเ้ รยี กว่า “ระเบยี บกรมราชทัณฑ์ วา่ ดว้ ยเคร่ืองแตง่ กายส�ำ หรบั ผูต้ อ้ งขัง พ.ศ. ๒๕๓๘”
ขอ้ ๒ ใหใ้ ชร้ ะเบยี บนตี้ ั้งแต่บดั นเ้ี ป็นต้นไป
ขอ้ ๓ ให้ยกเลิกระเบยี บกรมราชทณั ฑ์ (ฉบับท่ี ๒) ลงวันท่ี ๓๑ พฤษภาคม พุทธศกั ราช ๒๔๘๐ เรื่อง
เครอื่ งแตง่ กายสำ�หรบั ผูต้ อ้ งขัง และบรรดาระเบยี บ ขอ้ บงั คับ หรือค�ำ สัง่ อ่นื ใดในสว่ นทไ่ี ด้ก�ำ หนดไวแ้ ลว้ ในระเบยี บน้ี หรอื
ซ่งึ ขัดหรอื แย้งกบั ระเบยี บนี้ ใหใ้ ช้ระเบียบน้แี ทน
ข้อ ๔ นักโทษเด็ดขาดชายเว้นแต่ผู้ได้รับการแต่งตั้งให้มีตำ�แหน่งหน้าที่ช่วยเหลือเจ้าพนักงานเรือนจำ�
ใหใ้ ชเ้ ครอื่ งแต่งกายตามกำ�หนด ดงั น้ี
ก. เสือ้ คอกลมแขนส้ันแคศ่ อก
ข. กางเกงขาสั้นเหนอื เขา่ พองาม
ขอ้ ๕ นักโทษเดด็ ขาดหญงิ ใหใ้ ชเ้ ครอื่ งแต่งกายตามแบบก�ำ หนดดังน้ี
ก. เสอ้ื คอกลมผ่าหนา้ เลก็ น้อย แขนสั้นแคศ่ อก
ข. ผ้าถุง
ขอ้ ๖ นักโทษเด็ดขาดท่อี ยู่ในชน้ั ดขี ึ้นไป ใหใ้ ช้เครือ่ งแตง่ กายเส้ือสฟี า้ กางเกงหรือผ้าถุงสีกรมทา่ ส�ำ หรบั
ผ้ทู ี่อยู่ชั้นกลางลงมา ใหใ้ ช้เคร่ืองแต่งกายเสอื้ สีนำ�้ ตาลอ่อน กางเกงหรือผา้ ถงุ สีน�ำ้ ตาลเข้ม

รวมกฎหมายราชทณั ฑพ์ รอ้ มด้วยกฎกระทรวง
ระเบยี บ ข้อบงั คับและประกาศทเี่ ก่ียวขอ้ ง

310

ข้อ ๗ นักโทษเด็ดขาดชาย ผู้ได้รับการแต่งตั้งให้มีตำ�แหน่งหน้าที่ช่วยเหลือเจ้าพนักงานเรือนจำ� ให้ใช้
เครอื่ งแตง่ กายตามแบบก�ำ หนดดงั น้ี
ก. เสอื้ เชติ้ สเี ทาแขนสนั้ แคศ่ อก
ข. กางเกงขาส้ันสกี รมท่า
ค. เขม็ ขดั หนังสดี �ำ หวั เข็มขัดทำ�ดว้ ยโลหะสที องเปน็ รูปสี่เหล่ยี มผืนผ้าทางต้งั มุมมน มีเข็มส�ำ หรับ
สอดรู ๑ เข็ม
ง. รองเทา้ ผ้าใบและถงุ เท้าสีด�ำ

ข้อ ๘ นักโทษเด็ดขาดหญิง ผู้ได้รับการแต่งตั้งให้มีตำ�แหน่งหน้าที่ช่วยเหลือเจ้าพนักงานเรือนจำ� ให้ใช้
เคร่อื งแต่งกายตามแบบก�ำ หนดดงั น้ี
ก. เส้อื เชติ้ สเี ทาแขนสน้ั แคศ่ อก
ข. ผ้าถงุ สีกรมท่า

ขอ้ ๙ คนตอ้ งขงั อน่ื และคนฝาก ใหใ้ ชเ้ ครอ่ื งแตง่ กายสว่ นตวั ของผตู้ อ้ งขงั นน้ั ๆ หากไมม่ แี ละจ�ำ เปน็ ใหจ้ า่ ย
เฉพาะเสอ้ื กางเกง หรอื ผา้ ถงุ ทก่ี �ำ หนดไวส้ �ำ หรบั นกั โทษเดด็ ขาดชน้ั กลาง ตามความจ�ำ เปน็ ของผตู้ อ้ งขงั ชายหรอื ผตู้ อ้ งขงั หญงิ นน้ั

ขอ้ ๑๐ ผ้ตู ้องขงั ในทณั ฑสถานวยั หนุ่ม ใหใ้ ชเ้ ครอ่ื งแต่งกายตามแบบท่กี ำ�หนดดงั นี้
ก. เส้อื คอปกโปโลแขนสั้นเหนือศอกเล็กนอ้ ยสขี าว
ข. กางเกงขาสนั้ แบบนักเรียน เอวติดตะขอมียางยดื ดา้ นข้างทั้งสอง สีกรมท่า

ขอ้ ๑๑ ผตู้ อ้ งขงั ป่วยที่พกั รกั ษาตัวอยใู่ นโรงพยาบาลหรือสถานพยาบาล ใหใ้ ช้เครอื่ งแตง่ กาย ตามแบบที่
ก�ำ หนดดงั นี้ ก. เส้อื คอกลม ผ่าอกตลอดตัว ใช้ผ้าผกู เส้อื แทนติดกระดมุ สีขาว
ข. กางเกงเอวปลอ่ ย ขายาวปรกเข่าเลก็ นอ้ ย หรือผา้ ถุงสขี าว


ข้อ ๑๒ ผตู้ อ้ งขังทอ่ี อกไปท�ำ งานภายนอกเรอื นจ�ำ ใหใ้ ช้เคร่ืองแตง่ กายเชน่ เดยี วกับผู้ต้องขงั ปกติ

ขอ้ ๑๓ เครอ่ื งแตง่ กายผตู้ อ้ งขงั ประเภทใด มรี ปู แบบอยา่ งใด ใหเ้ ปน็ ไปตามแบบทก่ี �ำ หนดทา้ ยระเบยี บน้ี

ข้อ ๑๔ ในกรณีมีเหตุพิเศษ อธิบดีจะอนุญาตให้ผู้ต้องขังใช้เครื่องแต่งกายหรือเครื่องประกอบอย่างอื่น
นอกจากที่กำ�หนดไว้ในระเบยี บนก้ี ็ได้

ขอ้ ๑๕ ให้อธบิ ดีกรมราชทัณฑเ์ ปน็ ผ้รู ักษาการตามระเบียบน้ี

ประกาศ ณ วนั ท่ี ๒๔ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๕๓๘

(ลงชื่อ) พันโท กมล ประจวบเหมาะ
(กมล ประจวบเหมาะ)
อธบิ ดีกรมราชทณั ฑ์

รวมกฎหมายราชทัณฑ์พรอ้ มดว้ ยกฎกระทรวง
ระเบยี บ ขอ้ บงั คบั และประกาศทีเ่ กี่ยวข้อง

295

ระเบยี บกรมราชทัณฑ์
ว่าด้วยการจา่ ยเงนิ คา่ รักษาพยาบาลค่าทำ�ขวัญ
และคา่ ใช้จา่ ยอนื่ ๆ แกน่ กั โทษเดด็ ขาดทส่ี ง่ ออกไปท�ำ งานสาธารณะ

นอกเรือนจ�ำ พ.ศ. ๒๕๒๙

โดยทีเ่ ปน็ การสมควรก�ำ หนดหลกั เกณฑ์การจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาล ค่าท�ำ ขวัญ และค่าใชจ้ า่ ยอ่ืน ๆ แก่
นกั โทษเด็ดขาด ซ่ึงสง่ ออกไปท�ำ งานสาธารณะนอกเรอื นจ�ำ และ ไดร้ บั อนั ตรายบาดเจ็บ หรอื ถงึ แก่ความตาย กรมราชทณั ฑ์
จงึ วางระเบยี บไว้ ดงั ต่อไปนี้
ข้อ ๑ ระเบียบนเี้ รยี กวา่ “ระเบยี บกรมราชทณั ฑ์ ว่าด้วยการจา่ ยเงนิ คา่ รักษาพยาบาล ค่าท�ำ ขวัญ และ
ค่าใช้จา่ ยอืน่ ๆ แกน่ กั โทษเด็ดขาดทสี่ ่งออกไปทำ�งานสาธารณะ นอกเรอื นจำ� พ.ศ. ๒๕๒๙”
ขอ้ ๒ ใหใ้ ชร้ ะเบยี บนต้ี ั้งแต่บดั น้ีเป็นตน้ ไป
ขอ้ ๓ นกั โทษเดด็ ขาดผใู้ ดทไ่ี ดร้ บั การสง่ ตวั ออกท�ำ งานสาธารณะนอกเรอื นจ�ำ ไดร้ บั อนั ตราย หรอื ถกู ประทษุ รา้ ย
หรือได้รับการป่วยเจ็บ หรือประสบอุบัติเหตุ เนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ และการได้รับอันตราย หากถูกประทุษร้าย
การไดร้ ับการป่วยเจ็บ หรอื การประสบอบุ ตั เิ หตนุ ้นั มไิ ด้เกดิ จากความประมาทเลนิ เล่ออย่างรา้ ยแรง หรอื เกิดจากความผดิ
ของตนเอง ใหน้ กั โทษเดด็ ขาดผนู้ น้ั ไดร้ บั เงนิ คา่ ใชจ้ า่ ยเกย่ี วกบั การรกั ษาพยาบาลหรอื เงนิ ท�ำ ขวญั โดยใหพ้ จิ ารณาตามหลกั เกณฑ์
ตอ่ ไปนี้
(๑) ผทู้ ไ่ี ดร้ บั บาดเจบ็ ไม่ถงึ อนั ตรายสาหัส ให้ได้รบั เงินท�ำ ขวญั ไม่เกิน ๔,๐๐๐ บาท
(๒) ผู้ทีไ่ ด้รับบาดเจ็บจนเป็นอนั ตรายสาหัสใหไ้ ดร้ บั เงินท�ำ ขวญั ไมเ่ กนิ ๘,๐๐๐ บาท
(๓) ผ้ทู ่ไี ดร้ ับอันตรายจนถงึ เสยี ชวี ติ ใหไ้ ด้รับเงนิ ทำ�ขวัญไมเ่ กิน ๑๐,๐๐๐ บาท ผ้ทู ่ไี ด้รบั บาดเจบ็
หรอื ไดร้ ับอนั ตรายตาม (๑) (๒) หรือ (๓) อาจพิจารณาจา่ ยเงนิ ค่าใช้จ่ายเกีย่ วกบั การรักษาพยาบาลใหอ้ กี สว่ นหน่งึ ก็ได้
ขอ้ ๔ ในกรณีทีน่ ักโทษเด็ดขาดซงึ่ ไดร้ ับการส่งตวั ออกท�ำ งานสาธารณะนอกเรอื นจำ�ไดร้ บั
ข้อ ๕ เงินค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล เงินทำ�ขวัญ ตามข้อ ๓ หรือ เงินค่าทำ�ศพตามข้อ ๔
ใหจ้ า่ ยจากเงนิ รายไดท้ เ่ี กดิ จากงานสาธารณะในโครงการทน่ี กั โทษเดด็ ขาดผนู้ น้ั มสี ว่ นรว่ มในการท�ำ งาน โดยใหถ้ อื วา่ เปน็ คา่
ใชจ้ า่ ยประเภทหนึ่งของงานใน โครงการนั้น

รวมกฎหมายราชทัณฑ์พร้อมด้วยกฎกระทรวง
ระเบียบ ข้อบังคับและประกาศทเี่ กย่ี วข้อง

296

เพือ่ ประโยชนใ์ นการจา่ ยเงนิ เก่ยี วกับการรักษาพยาบาล เงนิ ทำ�ขวญั และเงินคา่ ท�ำ ศพนกั โทษเดด็ ขาดที่
ออกไปท�ำ งานสาธารณะประเภททีไ่ ม่มผี ลประโยชน์ตอบแทน ใหเ้ รอื นจำ�หรือทัณฑสถานกนั เงินรอ้ ยละหนึ่งของราคาของ
งานสาธารณะท่ีมผี ลประโยชน์ ตอบแทนในแตล่ ะโครงการไว้ แล้วให้ส่งเงินนั้นไปเก็บทีก่ รมราชทัณฑ์ และใหจ้ ่ายจากเงนิ
ดังกลา่ ว
ข้อ ๖ เมื่อมีกรณีเกิดขึ้นตามข้อ ๓ หรือข้อ ๔ ให้ผู้บัญชาการเรือนจำ� ผู้อำ�นวยการหรือผู้ปกครอง
ทณั ฑสถาน แตง่ ตั้งกรรมการขน้ึ คณะหนึง่ ไม่นอ้ ยกวา่ ๓ นาย ประกอบด้วยขา้ ราชการตั้งแตร่ ะดับ ๓ ขึ้นไป ทำ�การสอบสวน
พิจารณาว่านักโทษผู้น้ันสมควรได้รับเงนิ ค่าใชจ้ ่ายเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล เงินท�ำ ขวญั หรือเงนิ คา่ ท�ำ ศพหรอื ไม่ ถ้าเหน็
สมควรไดร้ บั ควรจะได้รับเปน็ จำ�นวนเงนิ เท่าใด แล้วให้เสนอรายงานต่อผสู้ ั่งแตง่ ต้งั คณะกรรมการ
ข้อ ๗ เมื่อผู้บัญชาการเรือนจำ� ผู้อำ�นวยการ หรือผู้ปกครองทัณฑสถาน ได้รับรายงานดังกล่าวแล้ว
ให้ตรวจสอบพิจารณา ถ้าเห็นสมควรได้รับเงินค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล หรือเงินทำ�ขวัญ ให้เสนอความเห็นว่า
สมควรไดร้ ับ เปน็ จำ�นวนเงินเทา่ ใด พร้อมทั้งสง่ เอกสารการสอบสวนไปกรมราชทัณฑ์ เพื่อพิจารณาสั่งการตอ่ ไป
ข้อ ๘ การจ่ายเงินค่าทำ�ศพตามข้อ ๔ ให้เรือนจำ�หรือทัณฑสถานทดรองจ่ายให้แก่ผู้จัดการศพไปก่อน
ได้แล้วใหร้ ายงานกรมราชทณั ฑท์ ราบ พรอ้ มทั้งหลักฐานการจา่ ยเงนิ
ข้อ ๙ การจ่ายเงินทำ�ขวัญตามข้อ ๓ (๓) ให้จ่ายแก่ทายาทของผู้นั้น ในกรณีที่ไม่มีทายาทของผู้ตาย
มาขอรับเงิน เมอื่ พน้ ก�ำ หนด ๓ เดอื น นบั แตว่ นั ทไ่ี ดแ้ จ้งให้ทายาทผู้น้ันทราบ ใหส้ ง่ เงินนั้นเปน็ รายได้แผ่นดนิ ตอ่ ไป

ประกาศ ณ วันท่ี ๒๔ กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๒๙
(ลงชื่อ) สนทิ รจุ ิณรงค์

(นายสนทิ รจุ ิณรงค)์
อธิบดีกรมราชทัณฑ์

รวมกฎหมายราชทัณฑพ์ รอ้ มด้วยกฎกระทรวง
ระเบียบ ขอ้ บังคบั และประกาศที่เกยี่ วข้อง

291

ระเบยี บกรมราชทัณฑ์
วา่ ดว้ ยการปฏบิ ัตหิ น้าท่ีเวรยามรักษาการณก์ ลางคืน
และกลางวันในวันหยดุ ราชการของเรอื นจ�ำ หรือทัณฑสถาน

พ.ศ. ๒๕๒๕

เพ่ือให้การปฏิบัติหน้าท่ีเวรยามรักษาการณ์ภายในเรือนจำ�หรือทัณฑสถานเป็นระเบียบแบบแผนมีหลัก
เกณฑ์ถือปฏิบัตอิ ยา่ งเดยี วกัน กรมราชทณั ฑจ์ ึงวางระเบยี บไวด้ ังตอ่ ไปนี้
ข้อ ๑ ให้แต่ละเรือนจำ�หรือทัณฑสถานจัดทำ�สมุดจัดเวรยามรักษาการณ์แจ้งให้เจ้าหน้าที่ ผู้จะต้องอยู่
เวรยาม ได้ทราบล่วงหน้าอย่างน้อย ๒ วัน วิธีการแจ้ง ให้แจ้งโดยวางสมุดจัดเวรยามไว้คู่กับสมุดลงเวลามาปฏิบัติราชการ
ประจำ�วันของข้าราชการ และให้ผู้ถูกเวรยามเซ็นชื่อรับทราบในช่องที่ตรงกับรายชื่อที่ผู้นั้นถูกจัดให้อยู่เวรยาม ทั้งนี้
เพื่อสะดวกในการตรวจสอบของเจา้ หนา้ ท่ี
ข้อ ๒ ให้ฝ่ายควบคุมและรักษาการณ์หรือฝ่ายปกครองและรักษาการณ์มีหน้าที่รับผิดชอบในการจัด
เวรยามรกั ษาการณ์ประจำ�วนั ภายในเรือนจำ�หรอื ทณั ฑสถาน โดยจดั ให้เจา้ หนา้ ทที่ ุกคนได้หมุนเวียนผลัดเปลย่ี นกันเข้าเวร
อยา่ งเสมอหน้ากัน และให้จัดเจา้ หน้าท่ีไว้คอยตรวจสอบว่าผู้มีหน้าท่เี ขา้ เวรยามแต่ละวนั ท่ีจัดไว้ลว่ งหนา้ นั้นได้เซ็นรับทราบ
ค�ำ สง่ั ครบถว้ นหรอื ไม่ หากผใู้ ดไมเ่ ซน็ ชอ่ื กใ็ หต้ ดิ ตามเพอ่ื ทราบปญั หาหรอื เหตขุ ดั ขอ้ งแลว้ รบี เสนอผบู้ งั คบั บญั ชาซง่ึ รบั ผดิ ชอบ
ในการจดั เวรยามได้ทราบล่วงหน้าเพ่ือสงั่ การแก้ไขไดท้ ันกาลก่อนจะถึงกำ�หนดเวลาทเ่ี จ้าหนา้ ท่ผี นู้ นั้ จะเขา้ เวรยาม
ทัง้ นี้ เพือ่ มิให้ขาดก�ำ ลงั เจา้ หนา้ ท่เี วรยาม
ข้อ ๓ แม้จะได้มีหลักฐานจัดให้ผู้ถูกเวรยามเซ็นชื่อรับทราบไว้ล่วงหน้าในสมุดจัดเวรยามรักษาการณ์
ตามข้อ ๑ แล้ว แต่เพื่อป้องกันการหลงลมื ของเจา้ หน้าที่ผถู้ ูกเวรยาม จึงใหค้ งมีปา้ ยประกาศรายชอื่ เจ้าหน้าทอ่ี ยูเ่ วรยาม
ประจ�ำ วนั ตดิ ไวท้ ฝ่ี าผนงั ประตเู ข้าเรือนจำ�ดงั เชน่ ท่เี รือนจ�ำ สว่ นใหญ่ถอื ปฏบิ ตั ิอยแู่ ลว้ อกี สว่ นหนงึ่ ด้วย
ขอ้ ๔ การจัดเวรยามรักษาการณ์กลางคืนและกลางวันในวันหยุดราชการของแต่ละเรือนจำ�หรือ
ทณั ฑสถานใหพ้ งึ มรี ะดับการบงั คับบัญชาลดหลั่นกนั ตามล�ำ ดบั ดงั น้ี
๔.๑ เวรผ้ใู หญ่
๔.๒ พศั ดเี วรและผ้ชู ว่ ยพศั ดีเวร
๔.๓ หัวหนา้ เวรรกั ษาการณ์ทุกผลัด
๔.๔ หวั หน้าเวรประตู หวั หนา้ เวรประจ�ำ แดน
๔.๕ เวรรักษาการณท์ ่วั ไป

รวมกฎหมายราชทณั ฑพ์ รอ้ มด้วยกฎกระทรวง
ระเบยี บ ขอ้ บังคับและประกาศทเี่ ก่ยี วขอ้ ง

292

แตท่ ้งั นี้ ตอ้ งจัดอตั ราก�ำ ลงั ให้เหมาะสมกบั สภาพของแต่ละเรอื นจำ� หรอื ทณั ฑสถาน และให้สอดคลอ้ งกับ
จำ�นวนเจา้ หน้าทเ่ี วรยามท่สี ามารถจะเบกิ จา่ ยเงินคา่ อาหารท�ำ การนอกเวลาตามท่ีกระทรวงการคลงั กำ�หนดให้ดว้ ย
ข้อ ๕ นอกจากผู้บัญชาการเรือนจำ� ผู้อำ�นวยการ หรือผู้ปกครองทัณฑสถานจะมีหน้าที่ต้องเข้าตรวจ
ภายในเรอื นจ�ำ หรอื ทณั ฑสถาน ตามระเบยี บทก่ี รมราชทณั ฑก์ �ำ หนดไวแ้ ลว้ ผบู้ ญั ชาการเรอื นจ�ำ ผอู้ �ำ นวยการ หรอื ผปู้ กครอง
ทณั ฑสถานจะต้องจดั เวรตรวจพิเศษให้ผู้บังคับบัญชาระดับรองเป็นเวรเขา้ ตรวจเรอื นจำ�หรือทณั ฑสถาน แทนผ้บู ัญชาการ
เรือนจ�ำ ผูอ้ ำ�นวยการ หรือผู้ปกครองด้วย โดยจะตอ้ งเขา้ ตรวจการปฏิบตั ิหนา้ ทเี่ วรยามรักษาการณเ์ ป็นประจำ�ทกุ วนั ท้ังนี้
เพอื่ เสรมิ ก�ำ ลังการตรวจตราของผ้บู ังคบั บัญชาระดบั สงู อกี ช้นั หนึง่
ขอ้ ๖ การอยเู่ วรยามรกั ษาการณก์ ลางคืน ใหถ้ อื ปฏิบตั ิดงั น้ี
๖.๑ ในวันเปิดท่ที �ำ การตามปกติ ผู้จะเข้าปฏบิ ตั หิ นา้ ท่ีเวรยามรกั ษาการณต์ ามนยั ขอ้ ๔ ทกุ คน
ใหพ้ น้ จากหน้าที่ประจำ�วันเมอ่ื เวลา ๑๕.๐๐ น. เพอ่ื ไปเตรียมตวั เขา้ เวรยาม และจะต้องกลบั เขา้ มารบั มอบหนา้ ทเ่ี วรยาม
ต่อจากเจา้ หน้าทรี่ ับผิดชอบตอนกลางวนั ไมเ่ กนิ เวลา ๑๖.๓๐ น. และให้พ้นจากหน้าทเี่ วรยามรักษาการณก์ ลางคนื เวลา
๐๘.๓๐ น. ของเชา้ วันรุ่งข้ึน แตจ่ ะถอื ว่าพน้ จากหน้าท่กี ต็ ่อเมอ่ื เจา้ หน้าที่ปฏิบัติงานประจำ�วัน หรอื เจ้าหนา้ ท่เี วรยามรกั ษา
การณ์กลางวันในกรณที ี่วันรุ่งข้นึ ตรงกับวนั หยุดราชการมารบั มอบหน้าท่คี รบทกุ คนเสยี กอ่ นด้วย
๖.๒ ให้ผพู้ น้ จากหน้าท่ีเวรยามรักษาการณก์ ลางคืน ซง่ึ จะตอ้ งกลบั เขา้ มาปฏบิ ตั ิหนา้ ทีป่ ระจำ�วนั
ในวันเปดิ ท�ำ การตามปกติ กลับเข้ามาปฏิบัตหิ นา้ ที่ไมเ่ กินเวลา ๑๐.๐๐ น.
๖.๓ ใหผ้ ู้พน้ จากหนา้ ท่เี วรยามรกั ษาการณ์กลางคนื แต่จะต้องถูกเวรคาบเก่ียวกับเวรรกั ษาการณ์
ตอนกลางวนั ในวันหยุดราชการด้วย ใหก้ ลับเข้ามาเข้าเวรไม่เกนิ ๐๙.๓๐ น. ใหเ้ รือนจำ�และทณั ฑสถานพยายามหลีกเลีย่ ง
การจดั เวรยามคาบเกีย่ วกรณนี ใี้ ห้นอ้ ยทส่ี ุด หากเป็นไปไดถ้ า้ จะเปน็ ตอ้ งจดั เมื่อผนู้ ้ันออกเวรรกั ษาการณก์ ลางคืนแลว้ ใหจ้ ดั
อาหารเช้าจากร้านค้าสงเคราะห์ภายในเรือนจำ�เป็นสวสั ดิการแกเ่ จ้าหนา้ ท่ีดงั กล่าว แทนการอนุญาตให้ออกไปรับประทาน
อาหารเช้าท่ีบา้ นกจ็ ะเพิม่ กำ�ลงั การควบคุมให้แข็งแรงขึ้น
๖.๔ การส่งมอบหน้าท่ีเวรยามแต่ละผลัดต้องปลุกเวรผลัดต่อไปมาตรวจและเซ็นรับมอบหน้าท่ี
กันให้เรยี บรอ้ ยเสยี กอ่ น จึงจะออกเวรได้ ถ้าหากเวรผลดั ต่อไปยงั ไม่เซ็นรับมอบหนา้ ทถ่ี อื ว่าเวรคนเดมิ ยังไมห่ มดหนา้ ที่
ข้อ ๗ การอยู่เวรรกั ษาการณ์กลางวันในวนั หยุดราชการ ใหถ้ อื ปฏิบัติดงั นี้
๗.๑ ใหเ้ วรรกั ษาการณก์ ลางวนั ทกุ คนเขา้ ปฏบิ ตั หิ นา้ ทไ่ี มเ่ กนิ เวลา ๐๘.๐๐ น. และใหพ้ น้ จากหนา้ ท่ี
เวลา ๑๗.๐๐ น.
๗.๒ ผ้ทู ่มี หี นา้ ท่เี ปน็ เวรรกั ษาการณ์กลางวัน และมีหน้าที่จะตอ้ งอยู่เวรต่อเนื่องคาบเก่ยี วไปถงึ เวร
รักษาการณก์ ลางคนื ในเย็นวนั นน้ั ดว้ ย อนุญาตใหอ้ อกไปเตรียมตัวเขา้ เวรกลางคนื ตามนัยข้อ ๖.๑ ได้ แต่ทั้งน้ใี หเ้ รือนจำ�
และทัณฑสถานพยายามหลกี เล่ียงการจดั เวรต่อเน่อื งคาบเก่ยี วกันตามนัยข้อ ๖.๓ วรรคสอง
๗.๓ ให้จดั เวรผลดั เปลีย่ นกันออกไปรบั ประทานอาหารกลางวนั ระหว่างชว่ งเวลา ๑๑.๐๐ –
๑๒.๐๐ น. และ ๑๒.๐๐ – ๑๓.๐๐ น. แต่ทงั้ นี้ใหค้ ำ�นึงถึงการจัดก�ำ ลังการควบคมุ ท่ีเหลืออยใู่ หเ้ พยี งพอแก่การรกั ษาความ
ปลอดภยั ของเรอื นจ�ำ หรอื ทณั ฑสถานแตล่ ะแหง่ ด้วย

รวมกฎหมายราชทัณฑ์พรอ้ มดว้ ยกฎกระทรวง
ระเบียบ ข้อบังคบั และประกาศท่เี กยี่ วขอ้ ง

293

ขอ้ ๘ ให้จัดเวรยามส�ำ รองประจำ�วันไว้สว่ นหนึ่ง หากมเี หตจุ �ำ เปน็ เชน่ กรณเี จ้าหนา้ ท่เี วรยามในวนั น้นั
เจ็บป่วยกระทันหันหรือเกิดเหตุการณ์เฉพาะหน้าท่ีไม่อาจมาปฏิบัติหน้าท่ีตามปกติได้เม่ือถึงเวลาที่จะต้องเข้าปฏิบัติหน้าที่
แต่ผู้มหี น้าทีเ่ ข้าเวรยามโดยตรงยังไม่เขา้ ปฏิบัติหนา้ ท่กี ็ให้เวรยามส�ำ รองเขา้ ปฏบิ ตั ิหนา้ ทแ่ี ทนได้ทันที
ข้อ ๙ การขออนุญาตสับเปลี่ยนการอยู่เวรยามแทนกันให้กระทำ�ได้ โดยถือปฏิบัติตามนัยหนังสือ
กรมราชทณั ฑ์ ท่ี มท. ๐๙๐๒/ว ๒๒๒ ลงวนั ท่ี ๓๑ ตลุ าคม ๒๕๒๒ กลา่ วคอื ตอ้ งไดร้ บั อนญุ าตจากผบู้ งั คบั บญั ชาโดยเสนอขอ
อนุญาตผ่านการพิจารณาของพศั ดเี วร จนถงึ หวั หนา้ ฝ่ายควบคมุ และรกั ษาการณ์ หรือผทู้ ี่ได้รับมอบหมายจากผ้บู ญั ชาการ
เรอื นจ�ำ หรอื ผู้ปกครองเป็นผูพ้ จิ ารณาอนญุ าตเสยี ก่อน
ขอ้ ๑๐ ให้เจ้าหน้าที่ประตูตรวจการเข้าออกของเจ้าหน้าที่เวรยามรักษาการณ์เม่ือเจ้าหน้าที่ดังกล่าวได้
เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ภายในเรือนจำ�หรือทัณฑสถานแล้วจะออกไปนอกแดนต้องได้รับอนุญาตจากเวรผู้ใหญ่หรือพัศดีเวร
หากจะออกไปนอกเรอื นจ�ำ หรอื ทณั ฑสถานเจา้ หนา้ ทป่ี ระตจู ะอนญุ าตใหอ้ อกไปไดต้ อ่ เมอ่ื ไดม้ บี นั ทกึ อนญุ าตออกนอกเรอื นจ�ำ
หรอื ทณั ฑสถานจากเวรผใู้ หญ่ หรอื พศั ดเี วรมาแสดงเสยี กอ่ น เมอ่ื อนญุ าตใหผ้ า่ นประตไู ปแลว้ เจา้ หนา้ ทป่ี ระตตู อ้ งยดึ เอกสาร
การอนุญาตดงั กล่าวไว้เปน็ หลกั ฐาน
ขอ้ ๑๑ เวรผู้ใหญ่หรือพัศดีเวรท่ีอนุญาตให้เจ้าหน้าที่เวรยามรักษาการณ์ออกไปจากแดนหรือออกไป
นอกเรือนจำ�หรือทัณฑสถาน จะอนุญาตได้เฉพาะกรณีปฏิบัติตามคำ�สั่งของผู้บังคับบัญชาหากเวรผู้ใหญ่หรือพัศดีเวรจะ
อนุญาตเองอาจกระทำ�ได้เฉพาะเมื่อเจ้าหน้าที่เวรยามผู้นั้นมีเหตุผลความจำ�เป็นจริงๆ และต้องคำ�นึงถึงการควบคุมและ
ความปลอดภยั ภายในของเรอื นจ�ำ หรือทณั ฑสถานเปน็ หลกั ส�ำ คัญ เมือ่ อนุญาตไปแลว้ หากเกดิ ผลเสยี หายผ้อู นญุ าตอาจจะ
ต้องร่วมรบั ผิดชอบดว้ ย ทงั้ จะต้องจัดใหม้ ีผปู้ ฏบิ ตั ิหนา้ ที่รับผิดชอบแทนระหวา่ งผนู้ ัน้ ไม่อยใู่ นหนา้ ทีด่ ้วย
ขอ้ ๑๒ การมอบหมายหน้าที่ระดับการบงั คบั บัญชาและความรบั ผดิ ชอบของเจ้าหน้าท่เี วรยาม ตามนัย
ข้อ ๔ ให้เรือนจำ�หรอื ทัณฑสถานแตล่ ะแห่งเป็นผูก้ ำ�หนด
ขอ้ ๑๓ เมอ่ื ผบู้ งั คบั บญั ชาเขา้ ตรวจเรอื นจ�ำ เจา้ หนา้ ทเ่ี วรยามรกั ษาการณจ์ ะตอ้ งรายงานตนตามขอ้ บงั คบั
ที่ ๔/๒๔๘๕ ลงวนั ที่ ๑๗ มีนาคม ๒๔๘๕ กลา่ วคือ เมื่อไปหยดุ ยนื อย่ตู รงหน้าผทู้ จี่ ะรับรายงานแล้ว ใหท้ �ำ ความเคารพอยู่
ห่างประมาณ ๑ เมตร รายงานโดยกล่าวชื่อตวั และชือ่ สกลุ หน้าท่ที ีต่ นรบั ผดิ ชอบ ในช่วงเวลาใดมเี หตกุ ารณป์ กตหิ รอื ผดิ
ปกตอิ ยา่ งไรหรือไม่ จ�ำ นวนผตู้ ้องขงั มีเท่าใด แยกเปน็ ชายหญงิ เทา่ ไร ส�ำ หรบั เรือนจ�ำ หรอื ทัณฑสถานที่เป็นราชการบรหิ าร
สว่ นกลาง การรายงานครง้ั แรก ตามปกตใิ หเ้ ปน็ หนา้ ทข่ี องพศั ดเี วร ขน้ั ตอ่ ไปเมอ่ื ผบู้ งั คบั บญั ชาผา่ นประตใู ด หรอื หนว่ ยงานใด
ใหเ้ ป็นหน้าทข่ี องหัวหนา้ ผู้รักษาการณ์ประตู หรอื หัวหน้าผคู้ วบคมุ หน่วยงานนน้ั เปน็ ผู้รายงานดังน้ี เปน็ ต้น
ขอ้ ๑๔ ระเบียบนี้ไม่บังคับรวมถึงการจัดเวรป้อมยามรักษาการณ์กำ�แพงเรือนจำ�และเวรรักษาการณ์
ภายนอกเรอื นจ�ำ

รวมกฎหมายราชทณั ฑ์พร้อมด้วยกฎกระทรวง
ระเบยี บ ข้อบังคับและประกาศที่เก่ียวขอ้ ง

294

ขอ้ ๑๕ ไม่ถือเป็นข้อจ�ำ กัดท่จี ะให้เรือนจ�ำ หรือทัณฑสถานแต่ละแห่งก�ำ หนดกฎเกณฑ์รายเดือนปลีกย่อย
ในการวางระเบยี บปฏิบัตเิ ปน็ การภายในใหร้ ดั กมุ และสอดคล้องกับวตั ถุประสงคข์ องระเบยี บนี้
ข้อ ๑๖ ใหใ้ ช้ระเบยี บนีต้ ั้งแต่วันทีป่ ระกาศนเี้ ป็นตน้ ไป

ประกาศ ณ วันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๒๕
(ลงชือ่ ) ทวี ชูทรพั ย์

(นายทวี ชูทรัพย)์
อธบิ ดกี รมราชทัณฑ์

รวมกฎหมายราชทณั ฑ์พรอ้ มด้วยกฎกระทรวง
ระเบียบ ข้อบังคบั และประกาศทเ่ี กย่ี วข้อง

277

ระเบียบกรมราชทัณฑ์
วา่ ดว้ ยการรบั และปล่อยตัวผู้ถกู กกั กัน

พ.ศ. ๒๕๑๑

อาศยั อำ�นาจตามความในมาตรา ๕ แหง่ พระราชบัญญัติเกี่ยวกบั การกักกัน ตามประมวลกฎหมายอาญา
พ.ศ. ๒๕๑๐ อธิบดีกรมราชทัณฑอ์ อกระเบยี บวา่ ด้วยการรับและการปลอ่ ยตวั ผถู้ กู กกั กันไว้ ดงั ตอ่ ไปน้ี

ก. การรบั ตัวผู้ถูกกกั กัน
ข้อ ๑ เมือ่ พนกั งานเจา้ หนา้ ทเี่ ขตกกั กนั ได้รับตัวผ้ถู ูกกกั กนั ไว้แลว้ ใหจ้ ดั การดงั น้ี
ก. ตรวจคน้ สงิ่ ของท่ีตวั ผู้ถกู กกั กนั
ข. ใหแ้ พทยต์ รวจอนามยั ผู้ถูกกักกัน
ค. จดบันทกึ เร่อื งราวเกยี่ วกบั ผูถ้ กู กักกัน
ขอ้ ๒ การตรวจคน้ สง่ิ ของทต่ี วั ผถู้ กู กกั กนั นน้ั ถา้ ผถู้ กู กกั กนั เปน็ ชายใหพ้ นกั งานเจา้ หนา้ ทช่ี ายเปน็ ผตู้ รวจคน้
ถา้ ผถู้ กู กกั กนั เปน็ หญงิ ใหพ้ นกั งานเจา้ หนา้ ทห่ี ญงิ เปน็ ผตู้ รวจคน้ หากไมม่ พี นกั งานเจา้ หนา้ ทห่ี ญงิ กใ็ หผ้ ถู้ กู กกั กนั นน้ั เองแสดง
สงิ่ ของท่ตี นมีตดิ ตวั มาตอ่ พนักงานเจ้าหน้าทีท่ ่มี หี นา้ ทต่ี รวจค้น หากวา่ ยังเปน็ ที่สงสยั วา่ ผ้ถู กู กกั กนั จะไม่แสดงสิง่ ของทต่ี นมี
อยู่ทง้ั หมด กใ็ หเ้ ชิญหญงิ อืน่ ที่เช่ือถือไดม้ าชว่ ย ท�ำ การตรวจค้นให้
ข้อ ๓ หากพบวา่ ผู้ถกู กักกนั คนใดมที รพั ย์สนิ หรือส่งิ ของซ่ึงมอิ าจน�ำ เข้าในเขตกกั กนั กใ็ ห้ดำ�เนนิ การตาม
ระเบยี บวา่ ด้วยทรัพย์สินของผถู้ กู กักกันต่อไป
ขอ้ ๔ จดั ให้แพทย์ตรวจอนามยั ผู้ถกู กักกันท่ไี ดร้ ับไวใ้ หม่ในวนั รบั ตัวน้ัน ถา้ ไมอ่ าจจะมาตรวจในวนั น้นั ได้
ก็ใหม้ าตรวจในวันอืน่ โดยเรว็
ข้อ ๕ เมื่อพบว่าผู้ถูกกักกันคนใดป่วยเจ็บต้องดำ�เนินการรักษาพยาบาลหรือถ้ามีโรคติดต่อ ซึ่งจะลุกลาม
เป็นภัยแก่ผู้อื่น ก็ให้จัดแยกผู้ถูกกักกันนั้นจากผู้ถูกกักกันอื่น และให้แพทย์ชี้แจงแนะนำ�การปฏิบัติแก่พนักงานเจ้าหน้าที ่
ถา้ จ�ำ เปน็ จะสง่ ตวั ผนู้ น้ั ไปรกั ษายงั สถานพยาบาลนอกเขตกกั กนั กใ็ หด้ �ำ เนนิ การตามระเบยี บวา่ ดว้ ยการอนามยั และการสขุ าภบิ าล
ตอ่ ไป
ข้อ ๖ การจดบนั ทึกเรอ่ื งราวเก่ียวกับตัวผถู้ กู กักกันน้นั ตอ้ งใหป้ รากฏขอ้ ความในเรือ่ งตา่ งๆ ดงั ตอ่ ไปน้ี
(๑) ชือ่ อายุ

รวมกฎหมายราชทัณฑ์พรอ้ มดว้ ยกฎกระทรวง
ระเบียบ ขอ้ บังคบั และประกาศทเ่ี ก่ียวข้อง

278

(๒) ต�ำ หนิรูปพรรณ
(๓) ภมู ลิ �ำ เนา และทีอ่ ยปู่ ัจจุบนั
(๔) ประวัติการศกึ ษา
(๕) ประวตั ิการประกอบอาชพี
(๖) ฐานะทางครอบครัว บุคคลในครอบครัว บตุ ร ภรรยา
(๗) ประวตั กิ ารกระทำ�ผิด (เคยต้องโทษฐานใด รบั โทษอะไร เม่อื ใดถงึ เมอ่ื ใด)
(๘) ก�ำ หนดการกักกนั คร้ังน้ี
(๙) ชอื่ ที่อยู่ปจั จุบนั ของบดิ า มารดา ญาตบิ างคน เพอ่ื นสนิท หรือบุคคลท่ีเคารพนบั ถอื ซึง่ จะให้
ตดิ ต่อเมือ่ มีความจ�ำ เป็น

ข้อ ๗ จัดให้มีการถ่ายรูปผู้ถูกกักกันไว้เป็นหลักฐาน เป็นรูปหน้าตรงและด้านข้างครึ่งตัวขนาด ๒”x ๒”
๒ รูป โดยติดไวก้ บั บนั ทึกเร่ืองราวของผูถ้ กู กักกนั

ข้อ ๘ จัดพิมพ์ลายนิ้วมือ ทั้งลายหัวแม่มือขวาและซ้าย ติดไว้เป็นหลักฐานส่วนหนึ่งในบันทึกเรื่องราว
ของผูถ้ กู กกั กัน
ข้อ ๙ ถ้ามเี ด็กอายตุ ำ่�กว่า ๑๔ ปี ตดิ มากบั ผ้ถู กู กกั กัน ไมม่ ีผู้ใดจะเลย้ี งดพู นกั งานเจ้าหน้าที่ จะสง่ เดก็ ไป
ยงั สถานสงเคราะหใ์ ดทสี่ ามารถรับเด็กน้นั หรือหากไมม่ สี ถานสงเคราะหจ์ ะรบั ไว้ พนกั งานเจา้ หน้าท่จี ะอนุญาตให้เดก็ นน้ั
อยู่ในเขตกกั กนั โดยจัดการอปุ การะเลี้ยงดตู ามสมควรก็ได้

ขอ้ ๑๐ ใหพ้ นกั งานเจา้ หน้าทเ่ี ขตกักกนั จัดอบรมผถู้ ูกกกั กันเข้าใหม่ เพอ่ื ใหท้ ราบระเบยี บ ข้อบังคับ และ
วนิ ยั ของเขตกกั กนั ตลอดถึงการประพฤตติ นภายในเขตกกั กนั

ข. การปลอ่ ยตวั ผู้ถูกกกั กัน

ขอ้ ๑๑ เมอ่ื จะปลอ่ ยตวั ผ้ถู กู กักกันใหพ้ นกั งานเจา้ หนา้ ท่เี ขตกกั กนั ปฏิบตั ิดังน้ี
(๑) เรียกพสั ดุของหลวงคืน
(๒) ท�ำ หลกั ฐานในการปล่อยตัว
(๓) คืนทรัพยส์ ินของผู้ถูกกักกนั ใหแ้ ก่ผู้ถกู กักกันไป
(๔) ท�ำ หนงั สือสำ�คัญการปล่อยตัวให้แกผ่ ถู้ ูกกกั กัน

ข้อ ๑๒ ใหใ้ ช้ระเบยี บนต้ี ั้งแตบ่ ดั นเ้ี ป็นตน้ ไป

ประกาศ ณ วนั ที่ ๑๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๑๑

(ลงชอ่ื ) ณรงค ์ บณั ฑติ ย์
(นายณรงค์ บัณฑิตย์)
อธบิ ดีกรมราชทณั ฑ์
รวมกฎหมายราชทณั ฑ์พร้อมดว้ ยกฎกระทรวง
ระเบียบ ขอ้ บงั คับและประกาศทีเ่ ก่ียวข้อง

272

ระเบยี บกรมราชทัณฑ์ ฉบบั ท่ี ๒๓
เรอื่ ง การไหว้พระสวดมนต์ของผตู้ อ้ งขงั

อาศัยอำ�นาจตามความในมาตรา ๒๗ แหง่ พระราชบญั ญัตริ าชทัณฑ์ พทุ ธศักราช ๒๔๗๙ กรมราชทณั ฑ์
วางระเบยี บไหวพ้ ระสวดมนต์ของผู้ต้องขงั ขึน้ ไว้ดงั ตอ่ ไปนี้

ข้อ ๑ ใหผ้ ตู้ ้องขงั ไหว้พระสวดมนตใ์ นหอ้ งขังเวลา ๒๐.๐๐ น. ก่อนนอนทุกวัน เวน้ แต่เรือนจำ�ใดมเี หตุ
พิเศษจำ�เป็นต้องให้ผู้ต้องขังไหว้พระสวดมนต์นอกห้องขังหรือผิดจากเวลาท่ีกำ�หนดไว้เป็นครั้งคราวหรือตลอดไปก็ให้
ผบู้ ัญชาการเรือนจ�ำ พจิ ารณาอนุมัติ

ข้อ ๒ ที่ที่ผู้ต้องขังไหว้พระสวดมนต์นั้นให้พยายามจัดให้มีที่บูชาขึ้น ๑ แห่ง โดยมีพระพุทธรูปหรือรูป
พระพทุ ธเจา้ เชงิ เทยี น กะถางธูป และทใ่ี ส่หรือวางดอกไมอ้ ยา่ งละ ๑ ท่ี กอ่ นลงมือไหวพ้ ระสวดมนตใ์ หจ้ ดั ดอกไม้ธูปเทียน
บชู าพระ เทา่ ทสี่ ามารถจะจดั หาไดท้ กุ คราว เมื่อสวดจบแล้ว ให้ดับธปู และเทียนใหเ้ รยี บรอ้ ย

ขอ้ ๓ ในการไหวพ้ ระสวดมนตน์ น้ั ใหจ้ ดั ผตู้ อ้ งขงั ทส่ี มควรเปน็ หวั หนา้ ผนู้ �ำ สวด เปน็ ประจ�ำ ไว้ ๑ คน ส�ำ หรบั
ขึ้นต้นบท และจดุ ธูปเทียนปกั วางดอกไม้บชู าพระ และใหเ้ จา้ พนกั งานเรือนจำ�จดั ให้ผ้ตู ้องขังหวั หน้านำ�สวดอยูข่ ้างหนา้ หา่ ง
พอสมควรและผตู้ อ้ งขงั อน่ื ๆ เขา้ เปน็ แถวเปน็ แนว ใหไ้ ดร้ ะเบยี บและใหล้ กุ นง่ั ใหพ้ รอ้ มเพรยี งกนั ตลอดจนควบคมุ ใหผ้ ตู้ อ้ งขงั
ได้สวดมนตท์ ่ัวถึงกันทุกคน โดยเครง่ ครดั

อนึง่ เมอ่ื จุดธปู เทยี นบูชาพระเสร็จแล้ว ให้เจา้ พนักงานผูค้ วบคุมการสวดสั่งใหล้ งมือสวด และเมือ่ ลงมือ
สวดแล้ว ผ้ตู อ้ งขงั คนใดจะลกุ ออกจากทโี่ ดยไม่ไดร้ บั อนญุ าตจากเจ้าพนกั งาน ผคู้ วบคุมการสวดก่อนไม่ได้

ข้อ ๔ วิธสี วดมนต์ ให้ดำ�เนนิ การสวดตามแบบซ่งึ แนบมาท้ายระเบยี บน้ี

ข้อ ๕ ให้ใชร้ ะเบียบนี้แกท่ ัณฑสถาน สถานฝึกและอบรม ในสังกดั กรมราชทัณฑ์โดยอนโุ ลมดว้ ย

กรมราชทณั ฑ์ กระทรวงมหาดไทย

วนั ท่ี ๒๒ ตุลาคม พทุ ธศักราช ๒๔๘๓
(ลงชอ่ื ) ศรีศรากร

อธิบดีกรมราชทณั ฑ ์

รวมกฎหมายราชทัณฑ์พรอ้ มดว้ ยกฎกระทรวง
ระเบยี บ ขอ้ บังคับและประกาศทเี่ กย่ี วข้อง

273

แบบไหว้พระสวดมนตข์ องผตู้ อ้ งขงั
ท้ายระเบยี บกรมราชทณั ฑ์ ฉบบั ท่ี ๒๓

บทกราบพระ

ใหผ้ ตู้ อ้ งขงั ทง้ั หมดนง่ั คกุ เขา่ ลงพรอ้ มกนั ประณมมอื ไวใ้ นระหวา่ งอก ผเู้ ปน็ หวั หนา้ น�ำ สวดตามระยะทค่ี น่ั ไว้
และคนอืน่ วา่ ตามพรอ้ มกนั

อรหํ สัมมา สมั พทุ โธ ภควา, พุทธํ ภควนั ตํ อภิวาเทมิ ฯ
กราบพร้อมกัน

สวากขาโต ภควตา ธมั โม, ธัมมํ นมัสสามิ ฯ
กราบพรอ้ มกนั

สปุ ฏปิ นั โน ภควโต สาวกสังโฆ, สังฆํ นมามิ ฯ
กราบพร้อมกนั
บทนโม

ใหผ้ ้ตู ้องขังทงั้ หมดยนื ขนึ้ พรอ้ มกนั ประณมมอื ไวใ้ นระหวา่ งอก แล้วเร่ิมสวดดงั นี้
(หวั หนา้ ผนู้ �ำ สวดขน้ึ ) นโม ตสั ส ภควโต (รบั และสวดพรอ้ มกนั ) อรหโต สมั มา สมั พทุ ธสั ส นโม ตสั ส ภควโต
อรหโต สมั นา สัมพุทธัสส นโม ตสั ส ภควโต อรหโต สัมมา สมั พทุ ธัสส

บทไหว้ ๕ คร้งั
ไหว้ครั้งที่ ๑ ให้นัง่ กระโหยง่ เท้าประณมมือไว้ในระหว่างอก แล้วสวดดังน้ี
(หัวหนา้ ผนู้ ำ�สวดขนึ้ ) อิติปิ โส ภควา อรหํ สัมมา สมั พุทโธ วชิ ชาจรณสัมปนั โนสุคโต โลกวิทู อนุตตโร
ปุรสิ ทมั มสารถี สัตถา เทวมนสุ สานงั พุทโธ ภควาติ ฯ
(หัวหนา้ ผนู้ ำ�สวดข้นึ ) พระพทุ ธเจา้ (รับวา่ พรอ้ มกนั ) ทรงรู้ดีรู้ชอบไดเ้ องทรงบรสิ ทุ ธสิ์ ิน้ เชิง ทรงสงสาร
สั่งสอนผอู้ ่นื ให้รดู้ ีรชู้ อบด้วย ข้าพเจา้ ถึงพระพทุ ธเจ้าเป็นทพ่ี ่งึ ตลอดชวี ิต ไมม่ ที ่พี ่ึงอ่ืนจะยง่ิ กวา่ ฯ หยดุ นิง่ หลบั ตาระลกึ ถงึ
พระกรุณานคุ ณุ ของพระพุทธเจา้ ระลึกถึงจนเห็นชัดเจนอย่างนอ้ ย ๑ นาที แล้วใหก้ ราบลง ๑ ครง้ั

รวมกฎหมายราชทัณฑ์พร้อมด้วยกฎกระทรวง
ระเบยี บ ขอ้ บงั คบั และประกาศทีเ่ กีย่ วข้อง

274

ไหว้ครง้ั ท่ี ๒ คงนัง่ กระโหย่งเทา้ ประณมมือไวใ้ นระหว่างอกดั่งเดิม และสวดดงั น้ี
(หัวหนา้ ผู้นำ�สวดขนึ้ ) สวากขาโต (รับและสวดพรอ้ มกัน) ภควตา ธัมโม สันทิฏฐโิ ก อกาลิโก เอหิปสั สโิ ก
โอปนยิโก ปจั จัตตํ เวทติ พั โพ วิญญหู ิติ ฯ
(หวั หนา้ ผนู้ �ำ สวดขน้ึ ) พระธรรม (รบั พรอ้ มกนั ) ค�ำ สง่ั สอนของพระพทุ ธเจา้ ยอ่ ม คมุ้ ครองรกั ษาผปู้ ฏบิ ตั ติ าม
ไมใ่ ห้ตกไปในที่ชัว่ ขา้ พเจ้าถึงพระธรรมเจ้าเป็นที่พง่ึ ตลอดชวี ิต หลบั ตา ระลึกถึงคณุ ของพระธรรมทร่ี กั ษาผู้ปฏบิ ัตติ ามใหไ้ ด้
รับผลดีตามทตี่ นปฏิบัติมาทำ�ดไี ดด้ ี ท�ำ ชั่วย่อมไดร้ บั ผลชั่ว ระลกึ ถึงจนเห็นชัดเจนอยา่ งน้อย ๑ นาที แล้วให้กราบลง ๑ คร้ัง
ไหวค้ รง้ั ท่ี ๓ คงนง่ั กระโหย่งเทา้ ประณมมอื ไว้ในระหว่างอกตามเดิม และสวดดงั นี้
(หัวหน้าผนู้ ำ�สวดขน้ึ ) สุปฏปิ ันโน (รับและสวดพร้อมกนั ) ภควโต สาวกสังโฆ อุชปุ ฏิปนั โน ภควโต สาวก
สังโฆ ญายปฏปิ ันโน ภควโต สาวกสงั โฆ สามีจิปฏปิ นั โน ภควโต สาวกสงั โฆ ยททิ ํ จตั ตาริ ปรุ สิ ยคุ านิ อัฏฐปรุ ิสปุคคลา เอส
ภควโต สาวกสงั โฆ อาหเุ นยโย ปาหุเนยโย ทกั ขเิ ณยโย อญั ชลีกรณีโย อนุตตรํ ปญุ ญกั เขตตํ โลกสั สาติ ฯ
(หวั หนา้ ผ้นู ำ�สวดข้นึ ) พระสงฆ์ (รบั พรอ้ มกัน) สาวกของพระพุทธเจ้า เป็นผู้ปฏิบัติดี ปฏบิ ตั ติ รง ปฏิบตั ิ
ควร ปฏิบัตชิ อบ เป็นพยานในพระธรรมคำ�สัง่ สอนของพระพุทธเจา้ ว่าปฏิบตั ติ ามได้จรงิ และมีผลประเสริฐจริง ข้าพเจา้ ถึง
พระสงฆเ์ จา้ เปน็ ท่พี ึ่งตลอดชวี ติ ไมม่ ที ี่พึง่ อื่นจะยงิ่ กวา่ หยดุ นงิ่ หลบั ตาระลึกถึงคุณพระอริยสงฆ์ผู้ประพฤติดแี ล้ว ระลกึ ถึง
จนเห็นชดั เจนอยา่ งนอ้ ย ๑ นาที แล้วให้กราบลง ๑ คร้ัง
ไหวค้ รั้งท่ี ๔ ใหเ้ ปล่ียนอริ ยิ าบถเป็นนัง่ พบั เพยี บประณมมือไวใ้ นระหวา่ งอก แลว้ สวดดงั น้ี
(หัวหน้าผู้นำ�สวดขึ้น) พุทธํ (รับและสวดพร้อมกัน) สรณํ คัจฉามิ ธัมมํ สรณํ คัจฉามิ สังฆํ สรณํ คัจฉามิ
(๓ จบ) หยดุ นง่ิ หลบั ตาระลกึ ถงึ จนเหน็ ชดั เจนถงึ คณุ บดิ ามารดาผบู้ งั เกดิ เกลา้ ของตน ระลกึ จนเหน็ ชดั เจนอยา่ งนอ้ ย ๑ นาที
แลว้ ใหก้ ราบลง ๑ ครัง้
ไหว้ครง้ั ท่ี ๕ คงนงั่ พับเพียบอย่างคร้ังที่ ๔ ประณมมือไว้ในระหวา่ งอก หยดุ นิ่ง หลับตาระลกึ ถึงครูบา
อาจารยผ์ ู้มพี ระคณุ ทกุ ๆ ทา่ น และระลึกถงึ ชาตไิ ทย พระมหากษตั ริยข์ องไทย และความเปน็ ปกึ แผน่ ของไทยในอนาคต
ระลกึ ถงึ จนเหน็ ชดั เจนอยา่ งนอ้ ย ๑ นาที แลว้ ใหก้ ราบลง ๑ ครง้ั ขน้ั สดุ ทา้ ย นง่ั อยใู่ นทา่ ทต่ี นถนดั หยดุ นง่ิ หลบั ตาระลกึ ถงึ
ความแปรปรวนแห่ง รา่ งกาย ยอ่ มมีแก่ เจ็บ และถึงซง่ึ ความตาย จะหนีความตายไปไมพ่ น้ ใหห้ ม่ันท�ำ ความดกี อ่ นตาย
แผ่กศุ ล ในการกราบไหว้ ๕ ครง้ั น้ี ใหแ้ ก่ผ้มู พี ระคณุ ทกุ ๆ ทา่ นจงมีแต่ความสขุ อยา่ ก่อเวรและเบยี ดเบยี นกัน ให้รักษาตน
ใหพ้ ้นจากความช่ัวท้งั ปวงเทอญ

บทศลี หา้ ธรรมหา้
ใหย้ ืนข้ึนประณมมอื ไว้ในระหว่างอก แล้วว่าดังนี้

ศีลห้า
(หวั หนา้ ผ้นู �ำ สวดขึ้น) ปาณาติปาตา (รับพร้อมกัน) เวรมณ ี เวน้ จากการฆา่ สตั วม์ ีชีวติ
อทนิ นาทานา เวรมณ ี เว้นจากการถอื เอาสง่ิ ของทเ่ี จา้ ของไมไ่ ดใ้ หด้ ว้ ยอาการเป็นโจร
กาเมสุมจิ ฉาจารา เวรมณ ี เว้นจากการประพฤติผดิ ในกาม
มสุ าวาทา เวรมณ ี เว้นจากการกลา่ วเท็จ
สรุ าเมรยมัชชปมาทฏั ฐานา เวรมณ ี เว้นจากการด่ืมน้�ำ เมา คอื สรุ าและเมรยั

รวมกฎหมายราชทณั ฑพ์ ร้อมดว้ ยกฎกระทรวง
ระเบียบ ขอ้ บังคบั และประกาศที่เกย่ี วข้อง

275

ธรรมห้า
ให้ว่าติดต่อกบั ศีลห้าต่อไป
เมตตากรณุ า เผอื่ แผใ่ ห้ความสุขและช่วยทุกข์ผู้อ่ืน
สมั มาอาชวี ะ หมัน่ หาเลยี้ งชีพในทางทีช่ อบ
ความสำ�รวมในกาม ไมม่ กั มากในกาม
ความมีสตั ย์ ประพฤตติ นเปน็ คนซอ่ื ตรง
ความมีสตริ อบคอบ สุขุมเพือ่ ประกอบความดอี ยูเ่ สมอ

รวมกฎหมายราชทัณฑ์พร้อมด้วยกฎกระทรวง
ระเบียบ ข้อบงั คบั และประกาศทีเ่ กยี่ วขอ้ ง

270

ระเบยี บกรมราชทัณฑ์ (ฉบับท่ี ๒๐)
เร่ือง การทำ�ความเคารพของผู้ต้องขงั

การทำ�ความเคารพของผู้ต้องขังเท่าท่ีปฏิบัติอยู่เวลานี้ยังไม่สมบูรณ์พอสมควรจะต้องประมวลและ
ปรบั ปรงุ ใหไ้ ดผ้ ลยง่ิ ข้ึน ความมงุ่ หมายของการกระทำ�ความเคารพนน้ั ก็เพื่อประโยชน์ คือ
ก. เปน็ การสมานความสามคั คใี นระหวา่ งผบู้ งั คบั บญั ชากบั ผตู้ อ้ งขงั เมอ่ื แลเหน็ กนั กจ็ กั ตอ้ งท�ำ ความเคารพ
ดว้ ยอัธยาศัยไมตรี มใิ ชต่ ่างคนตา่ งอยูไ่ ม่เก่ียวข้องซึ่งกนั และกันหามไิ ด้
ข. เป็นการฝกึ มรรยาทอุปนสิ ัยอันดงี ามแกผ่ ู้ต้องขังให้รจู้ ักหนา้ ที่พลเมืองดีอยู่เสมอ
ค. เป็นแนวทางสำ�หรับสังเกตว่า ผูต้ ้องขังมีวินยั ดหี รือไม่ เพราะผ้มู ีวนิ ัยดีพรอ้ มด้วยมรรยาทอันงามต้อง
ไมเ่ หมอ่ หรอื ใจลอย คอยแสดงความเคารพอยูเ่ สมอ
ฆ. เพ่อื ให้ผ้ตู ้องขังรูจ้ กั วา่ ใครเป็นผูบ้ ังคบั บัญชาเหนอื ตน จึงได้วางระเบยี บปฏิบตั ไิ ว้ ดังต่อไปน้ี
ขอ้ ๑. ผ้ตู ้องขังตอ้ งแสดงความเคารพตอ่ บคุ คลหรอื สงิ่ ตามความหมายตอ่ ไปน้ี
ก. บคุ คล หมายถึง ผ้บู งั คบั บัญชาท่มี ีตำ�แหนง่ บังคับบัญชาเหนอื ตน ไดแ้ ก่ เจา้ พนักงานทีร่ บั
ราชการในทัณฑสถานซ่ึงรวมอยกู่ ับผตู้ ้องขงั ถกู ควบคุมอยู่ และขา้ ราชการกรมราชทัณฑ์ ซ่งึ มหี นา้ ทต่ี �ำ แหนง่ บงั คับบญั ชา
ข. สิง่ นั้น หมายถงึ ธงชาติ ธงเกียรติยศ ตลอดจนพระบรมรูป พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ ัว
รัฐธรรมนญู หรือสง่ิ อนื่ ซึ่งมีเกยี รตยิ ศท่ีต้องเคารพ
ข้อ ๒. วิธที �ำ การเคารพมี ๒ ประเภท คอื
๑. การเคารพเม่อื อยู่ตามลำ�พัง
๒. การเคารพเม่อื อยู่ในการควบคุม
ข้อ ๓. การเคารพเม่อื อยู่ตามล�ำ พงั แบง่ ออกเป็น ๔ วธิ ี
๑. ผตู้ อ้ งขงั อยกู่ บั ท่ี เวลาจะแสดงความเคารพเมอ่ื นง่ั อยใู่ หย้ นื ขน้ึ ในทา่ ตรง ถา้ ยนื อยกู่ ใ็ หท้ �ำ ทา่ ตรง
หนั หนา้ ตรงไปทางผรู้ บั ความเคารพ
๒. ผตู้ อ้ งขงั เดนิ สวนหรอื ผา่ นผรู้ บั ความเคารพ เมอ่ื ถงึ ระยะ ๓ กา้ ว จากผรู้ บั ความเคารพ ใหห้ ยดุ
ทำ�ขวาหรอื ซา้ ยหนั แลว้ หนั ไปทางผรู้ บั ความเคารพ ตาแลผู้รบั ความเคารพ เม่ือผ้รู บั ความเคารพผ่านไปแล้ว ๒ ก้าว ใหท้ �ำ
ขวาหรือซ้ายหันแล้วเดินตอ่ ไป
๓. ผตู้ อ้ งขงั ก�ำ ลงั ไปพบบคุ คลซง่ึ จกั ตอ้ งแสดงความเคารพ โดยผรู้ บั ความเคารพอยกู่ บั ท่ี ผตู้ อ้ งขงั
ท�ำ แลขวาหรอื ซา้ ยเดนิ เรอ่ื ยไปไมต่ อ้ งหยดุ เมอ่ื เดนิ ผา่ นพน้ ผรู้ บั ความเคารพ ไปแลว้ ๒ กา้ ว ใหห้ นั หนา้ เดนิ ตรงตอ่ ไป การท�ำ
ความเคารพในเวลาเคลอื่ นทไี่ ม่ต้องแกวง่ มอื ใหฝ้ ่ามือ ติดอยู่กบั ขาทง้ั ๒ ขา้ ง

รวมกฎหมายราชทณั ฑ์พรอ้ มดว้ ยกฎกระทรวง
ระเบียบ ขอ้ บังคับและประกาศทีเ่ กยี่ วขอ้ ง

271

๔. ผู้ต้องขังอยู่ลำ�ลองหรืออยู่ในความควบคุม แต่กระจัดกระจายกันอยู่ ไม่เป็นหมวดหมู ่
ใหผ้ ตู้ อ้ งขงั ตา่ งคนตา่ งท�ำ ความเคารพโดยล�ำ พงั เพอ่ื ใหผ้ ตู้ อ้ งขงั ระมดั ระวงั การเคารพอยเู่ สมอ เมอ่ื ผตู้ อ้ งขงั คนใดเหน็ ผจู้ ะตอ้ ง
ท�ำ ความเคารพ ให้ผนู้ ั้นบอก “ตรง” ผู้ตอ้ งขงั อื่นไดย้ นิ ใหย้ นื ขนึ้ ในท่าตรง หนั หนา้ ไปทางผู้รบั ความเคารพ
ข้อ ๔. การท�ำ ความคารพเม่อื อยูใ่ นความควบคุมแบง่ ออกเป็น ๒ วิธี
๑. เวลาจะทำ�ความเคารพ ถ้าผู้ต้องขังกำ�ลังทำ�งานอยู่ให้หยุดงานแล้วทำ�ความเคารพ เว้นแต่
ผู้ที่ทำ�งานเกี่ยวแก่เครื่องจักร เครื่องกล ในขณะที่คุมเครื่องเดินเครื่อง หรือกำ�ลังแบกหามของหนัก หรือทำ�งานอื่นใด
เมอ่ื หยดุ อาจเกดิ การเสยี หายขน้ึ ไดด้ งั น้ี ไมต่ อ้ งท�ำ การเคารพ ถา้ ผตู้ อ้ งขงั แบกหามหรอื ถอื สง่ิ ของอยา่ งใดอยู่ ถา้ สามารถจะวางได้
โดยไม่เกดิ ความเสยี หายหรือสภาพความเปน็ อยขู่ องผตู้ อ้ งขัง ก็วางเสียกอ่ น หรือผู้ตอ้ งขังสวมหมวก โพกผา้ ห้อยผ้าทีไ่ หล่
ใหถ้ อดหมวกลดผา้ ลงก่อนแลว้ ท�ำ ความเคารพ
๒. ผตู้ อ้ งขงั อยใู่ นความควบคมุ เปน็ หมวดหมหู่ รอื อยใู่ นหอ้ งเรยี นหอ้ งประชมุ ในโรงงานอตุ สาหกรรม
ให้เจา้ พนกั งานผู้ควบคมุ หรือครูผอู้ บรมสง่ั สอนเป็นผูบ้ อกใหท้ �ำ ความเคารพ
ขอ้ ๕. ใหผ้ ูต้ อ้ งขังท�ำ ความเคารพเจา้ พนักงานทุกตำ�แหนง่ เว้นแตอ่ ย่ใู นความควบคมุ ของเจา้ พนกั งาน
หรือครูเป็นหมวดหมู่ หรืออยู่ในห้องเรียนห้องประชุมก็ให้เจ้าพนักงานผู้ควบคุมหรือ ครูผู้อบรมสั่งสอนนั้นๆ บอกให้
ทำ�ความเคารพแก่เจา้ พนักงานท่มี ตี ำ�แหน่งสงู กว่าตนแต่ชน้ั พศั ดหี รอื ผรู้ กั ษาการแทนขนึ้ ไป ถา้ ตำ�่ กว่าชน้ั พศั ดใี หผ้ ้คู วบคุม
หรือผู้อบรมนนั้ เปน็ ผู้ท�ำ ความเคารพแต่ผูเ้ ดยี ว โดยไม่ต้องบอกใหผ้ ้ตู อ้ งขังทำ�ความเคารพ
ข้อ ๖. ในกรณีที่ผู้ต้องขังไม่สามารถจะทำ�ความเคารพดังกล่าวข้างต้นด้วยประการใด ๆ ก็ตาม หรือ
เป็นผู้เจ็บป่วยอยู่ในที่รักษาพยาบาลหรืออยู่ในห้องขัง ไม่ต้องทำ�ความเคารพดังกล่าวข้างต้น ให้สงบอยู่ในอิริยาบถตาม
สภาพทเ่ี ปน็ อยใู่ นขณะนน้ั จนกวา่ ผรู้ บั ความเคารพจะพน้ ไป แตเ่ มอ่ื ผรู้ บั ความเคารพพดู ดว้ ย กใ็ หย้ นื ขน้ึ ในทา่ ตรง ถา้ ยนื ไมไ่ ด้
โดยจะเป็นอันตราย ก็ให้น่ังหรือนอนอยู่ใน ความสงบดังกล่าวแล้ว
ข้อ ๗. เม่ือผู้ต้องขังอยู่ตามลำ�ลองได้ยินเสียงแตรเป่าบรรเลงเพลงชาติหรือบรรเลงเพลงสรรเสริญ
พระบารมีหรอื ในขณะเม่อื เห็นธงชาติชักขึ้นหรอื ลดลง มผี ู้เชิญธงผา่ น เม่อื ผู้ต้องขังอย่กู บั ทต่ี ามล�ำ พังใหท้ �ำ ท่าตรง ถา้ เดนิ
อยู่ให้หยุดทำ�ท่าตรง เมื่ออยู่ในความควบคุมให้ผู้ควบคุมบอกทำ�ความเคารพ ถ้าผู้ต้องขังโดยสารอยู่ในยานพาหนะใด
ไม่สามารถจะบงั คบั ให้หยุดได้ ใหส้ ำ�รวมกริ ิยา วาจาอยู่ในลกั ษณะสงบ
ขอ้ ๘. การแสดงความเคารพของผตู้ อ้ งขังหญงิ ไมต่ ้องปฏบิ ตั ติ ามระเบยี บดังกล่าวแล้วแต่ให้ผูต้ อ้ งขงั
หญงิ กระท�ำ ความเคารพต่อสิ่งโดยยืนนงิ่ ในความสงบ หรอื ต่อบุคคลโดยน่งั ไหว้ หรือโค้งตวั ไหว้ตามสภาพเปน็ อยู่ในขณะนน้ั

กรมราชทณั ฑ์ กระทรวงมหาดไทย
ส่งั มา ณ วนั ที่ ๒๕ ธนั วาคม พทุ ธศักราช ๒๔๘๒

(ลงชือ่ ) ศรีศรากร
อธิบดีกรมราชทัณฑ์

รวมกฎหมายราชทณั ฑ์พรอ้ มด้วยกฎกระทรวง
ระเบยี บ ข้อบังคบั และประกาศทเ่ี กี่ยวขอ้ ง

263

ระเบยี บกรมราชทณั ฑ์ ฉบบั ท่ี ๑๒
เรื่อง การเลีย้ งอาหารผตู้ อ้ งขงั ท่ีมเี ชือ้ ชาติหรือสังกัดตา่ งประเทศ

เพื่อที่จะให้การเลี้ยงอาหารผู้ต้องขังที่มีเชื้อชาติ หรือสังกัดบังคับต่างประเทศดำ�เนินไป โดยมีแบบแผน
แนน่ อน อธิบดีกรมราชทณั ฑจ์ ึงวางระเบยี บไว้ดังตอ่ ไปนี้
ข้อ ๑ บรรดาผู้ต้องขังที่มีเชื้อชาติหรือสังกัดบังคับต่างประเทศนั้น จักได้รับการเลี้ยงดูเช่นเดียวกันกับ
ผู้ตอ้ งขงั ทสี่ ังกดั บงั คับสยาม
ข้อ ๒ การจัดอาหารเล้ยี งนน้ั พงึ ถือความเสมอภาคเป็นหลักปฏบิ ตั กิ ารกลา่ ว คอื จัดเลีย้ งอย่างเดยี วกัน
สำ�หรับผตู้ อ้ งขังโดยทว่ั ๆ ไป แหง่ เรอื นจำ�นน้ั
การจัดอาหารอย่างอ่ืนเล้ยี งผิดแผกไปจากที่กล่าวมาในวรรคก่อน พึงกระทำ�ในกรณี ต่อไปนี้
ก. เม่อื ปรากฏชดั วา่ อาหารท่จี ัดเลีย้ งผ้ตู ้องขงั โดยทวั่ ๆ ไปนนั้ ขัดตอ่ ลัทธศิ าสนาของผูต้ ้องขงั
ข. เมื่อปรากฏโดยชัดเจนว่า ความเคยชินอันเป็นขนบประเพณีหรือการปฏิบัติ โดยเฉพาะของ
ผู้ต้องขงั มานมนานนัน้ อาหารจัดเลย้ี งผู้ต้องขงั โดยทั่ว ๆ ไปขดั แย้งถงึ แก่เป็นการสมควร อยา่ งย่งิ ทีจ่ ะผ่อนผัน
ค. เมอื่ ผูต้ อ้ งขงั ได้ท�ำ งานหนกั หรอื ตรากตรำ� หรอื เป็นนักโทษเดด็ ขาดแต่ชนั้ ดีขนึ้ ไป และมกี ารจดั
เลย้ี งตามความในขอ้ ๗๘ แหง่ กฎกระทรวงมหาดไทย ฉบบั ลงวนั ท่ี ๒๑ เมษายน พ.ศ.๒๔๘๐ ซง่ึ ออกตามความในมาตรา ๕๘
แหง่ พระราชบญั ญัติราชทัณฑ์ พุทธศกั ราช ๒๔๗๙ ประกอบกับ ข้อบงั คับอธิบดกี รมราชทณั ฑ์ ฉบับท่ี ๓
ง. เมอ่ื มีคนป่วยเจ็บซง่ึ แพทยแ์ นะน�ำ ใหจ้ ัดอาหารอยา่ งอ่นื เลีย้ ง
จ. เมอ่ื มกี ารใชอ้ าหารสว่ นตวั ตามทอ่ี นญุ าตไวใ้ นกฎหมาย และขอ้ บงั คบั (ทอ่ี า้ งถงึ ใน วรรค ค. ขา้ งตน้
ดกู ฎกระทรวงฯ ข้อ ๗๖ และ ๗๘)
ข้อ ๓ อาหารซึ่งจัดเลี้ยงนั้น พึงพิจารณาคุณภาพและปริมาณโดยคำ�นึงถึงอนามัยเป็นหลัก ดังที่ได้มี
ค�ำ แนะน�ำ ไว้เป็นอกี สว่ นหนงึ่ แลว้ แต่จะต้องไม่ฟมุ่ เฟอื ยหรือมีรสชาติ หรอื ปรุงเปน็ พเิ ศษอย่างเช่นบุคคลอิสระจะพึงเลือก
และมีรับประทานตามความพอใจ
ขอ้ ๔ ผตู้ อ้ งขงั สงั กดั บงั คบั ตา่ งประเทศทม่ี ไิ ดน้ บั ถอื พระพทุ ธศาสนานน้ั พงึ จดั เลย้ี งอยา่ งเดยี วกนั กบั ผตู้ อ้ งขงั
ในสังกดั บงั คบั สยามทถี่ อื ศาสนาอย่างเดยี วกัน

รวมกฎหมายราชทณั ฑ์พร้อมดว้ ยกฎกระทรวง
ระเบียบ ข้อบังคบั และประกาศท่เี กี่ยวข้อง

264

ข้อ ๕ การจัดอาหารเลี้ยงตามข้อ ๒ นั้น นอกจากที่กำ�หนดไว้แล้วในข้อ ๓ และ ๔ ให้เป็นหน้าที ่
ผู้บญั ชาการเรอื นจำ�พจิ ารณาจดั ตามท่เี ห็นสมควร
ขอ้ ๖ การจดั อาหารเล้ียงตามระเบยี บน้ี ต้องไมเ่ กินเงนิ ในวงงบประมาณท่ีกำ�หนดไว้
ข้อ ๗ ระเบียบนี้ให้บังคบั ใชแ้ ตว่ ันท่ี ๑๕ พฤศจิกายน ๒๔๘๑

วนั ท่ี ๒ พฤศจิกายน พทุ ธศักราช ๒๔๘๑
(ลงชื่อ) เชวงศักดส์ิ งคราม

อธบิ ดีกรมราชทัณฑ์

รวมกฎหมายราชทัณฑพ์ ร้อมดว้ ยกฎกระทรวง
ระเบยี บ ขอ้ บงั คบั และประกาศทีเ่ กย่ี วขอ้ ง

221

ระเบยี บกระทรวงมหาดไทย
เร่ือง การพกั การลงโทษ

โดยท่กี ารพกั การลงโทษตามพระราชบัญญตั ริ าชทณั ฑ์ พทุ ธศกั ราช ๒๔๗๙ เทา่ ท่ีได้ปฏบิ ตั มิ าแลว้ ปรากฏ
ว่าเป็นผลดีแก่ระบอบการราชทัณฑ์ สมควรจะได้ส่งเสริมให้ได้ผลก้าวหน้ายิ่งขึ้นทำ�นองเดียวกับที่นานาอารยะประเทศ
ได้ปฏบิ ตั ิอยู่ และโดยทีค่ วามสำ�คญั ของระบบการพกั การลงโทษอยทู่ ่ที างการเรอื นจำ� ซ่ึงได้ควบคมุ ปกครองผู้ต้องโทษอยู่
โดยใกลช้ ดิ ยอ่ มไดร้ อู้ ปุ นสิ ยั ใจคอของนกั โทษแตล่ ะคนเปน็ อยา่ งดี ประกอบกบั ระยะเวลาทผ่ี นู้ น้ั ไดร้ บั โทษมาพอสมควร และ
ระหว่างต้องโทษแสดงให้เห็นความประพฤติดี มีความอุตสาหะ ความก้าวหน้าในการศึกษาและการงานเกิดผลดี หรือ
ทำ�ความชอบแก่ราชการเป็นพิเศษ หากให้พักโทษไปก็ย่อมจะเป็นเยี่ยงอย่างให้นักโทษและผู้ต้องขังอื่นๆ ได้ปฏิบัติตาม
ด้วยดีเช่นเดียวกัน นบั ว่าเป็นประโยชน์ยงิ่ กว่าการท่จี ะคมุ ขังไว้จนครบกำ�หนดโทษตามหมายศาล
ในการพจิ ารณาให้นกั โทษคนใดไดร้ ับการพกั การลงโทษนนั้ จำ�เปน็ ตอ้ งกระท�ำ ดว้ ยความระมดั ระวงั และ
รอบคอบ ทง้ั จะตอ้ งอาศยั จากการสอบสวนขอ้ เทจ็ จรงิ ตา่ งๆ ทเ่ี กย่ี วกบั ชวี ประวตั ใิ นอดตี ของนกั โทษนน้ั ๆ ในการน้ี จงึ จ�ำ ตอ้ ง
ตดิ ตอ่ ไปยงั ภมู ลิ �ำ เนาและแหลง่ ทน่ี กั โทษเคยอยหู่ รอื เคยมอี าชพี เพอ่ื ทราบชวี ประวตั แิ ละอปุ นสิ ยั ใจคอ ตดิ ตอ่ กบั เจา้ หนา้ ท่ี
ต�ำ รวจเพอ่ื ทราบถงึ ประวตั กิ ารประทษุ ฐกรรมของนกั โทษเหลา่ นน้ั มาเปน็ แนวทางประกอบการพจิ ารณาดว้ ยทกุ ราย เมอ่ื การ
พิจารณาได้ดำ�เนินไปถึงขั้นให้พักการลงโทษแล้ว กล่าวโดยหลักกฎหมายผู้รับพักการลงโทษยังคงสภาพเป็นผู้ต้องโทษอยู่
ในบางอารยะประเทศไดจ้ ดั ให้มเี จ้าหน้าท่ตี ิดตามควบคุมดแู ลเรียก “พาโรลออฟฟติ เซอร์ (Parole Officer) แตเ่ น่อื งดว้ ย
สภาพการราชทัณฑ์ของประเทศไทยในปัจจุบันยังไม่อยู่ในฐานะที่จะจัดตั้งเจ้าหน้าที่โดยเฉพาะดังกล่าวนี้ได้ จำ�เป็นต้อง
อาศัยเจ้าหนา้ ทต่ี ำ�รวจและเจ้าหน้าทฝ่ี ่ายปกครองท้องท่ีชว่ ยรว่ มมอื ด�ำ เนินการแทนเจา้ หนา้ ที่พาโรลออฟฟติ เซอร์ (Parole
Officer) ไปพลางกอ่ น ในเงอื่ นไขการพักการลงโทษนน้ั จะได้ก�ำ หนดระยะเวลาใหผ้ ู้ไดร้ ับพักการลงโทษมารายงานตัวตอ่
เจ้าหน้าที่ตำ�รวจและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เพื่อได้ทราบความเคลื่อนไหวของนักโทษ ผู้ได้พักการลงโทษได้ตลอดเวลาที่
พกั การลงโทษอยู่ และจะตอ้ งใหเ้ จา้ หนา้ ทฝ่ี า่ ยปกครองทอ้ งทซ่ี ง่ึ อยใู่ กลช้ ดิ หมน่ั สอดสอ่ งสงั เกตพฤตกิ ารณแ์ ละความประพฤติ
ของผู้ที่ให้พักการลงโทษไปนั้นอยู่โดยสม่ำ�เสมอ ถ้าหากเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองท้องที่จะแนะนำ�การอาชีพหรือให้ความ
ชว่ ยเหลอื ดว้ ยประการใดกอ็ าจจะตดิ ตามด�ำ เนนิ การไดโ้ ดยสะดวก หรอื เมอ่ื ปรากฏวา่ ผไู้ ดร้ บั การพกั การลงโทษประพฤตผิ ดิ
เง่ือนไขก็อาจจบั กุมส่งเรอื นจำ�ได้ทนั ที
โดยท่ีระบบการพักการลงโทษมีความเกี่ยวเน่ืองท่ีจะต้องอาศัยความร่วมมือของเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายดังได้
กล่าวมาข้างตน้ นัน้ กระทรวงมหาดไทยจงึ เห็นเป็นการสมควรทจี่ ะวางระเบยี บไว้เป็นทางปฏิบัติการสำ�หรบั เจ้าหน้าท่ตี ่างๆ
ผู้เก่ยี วขอ้ งเพื่อใหก้ ิจการได้ด�ำ เนนิ ไปโดยเรยี บรอ้ ย จึงให้วางระเบียบปฏบิ ตั ไิ ว้ด่งั ตอ่ ไปน้ี

รวมกฎหมายราชทณั ฑพ์ ร้อมด้วยกฎกระทรวง
ระเบียบ ข้อบงั คับและประกาศท่ีเกย่ี วขอ้ ง

222

ขอ้ ๑ ทกุ ระยะ ๖ เดอื นนบั แตเ่ ดอื นมกราคม ทกุ ๆ ปี ใหพ้ ศั ดหี รอื เจา้ พนกั งานเรอื นจ�ำ ต�ำ แหนง่ ทเ่ี ทยี บเทา่
พศั ดขี น้ึ ไปพจิ ารณาดวู า่ นกั โทษเดด็ ขาดคนใดมคี ณุ สมบตั คิ รบถว้ น ควรไดร้ บั การพจิ ารณาพกั การลงโทษตามพระราชบญั ญตั ิ
ราชทณั ฑ์ พุทธศักราช ๒๔๗๙ มาตรา ๓๒ ข้อ ๕ และกฎกระทรวงมหาดไทยออกตามความในมาตรา ๕๘ แหง่ พระราช
บัญญัตริ าชทณั ฑ์ พุทธศกั ราช ๒๔๗๙ ข้อ ๔๖ (ก) (ข) ประกอบทง้ั มีความประพฤติดี มีความอตุ สาหะก้าวหนา้ ในการศึกษา
อบรม และการทำ�งานเป็นผลดี หรือท�ำ ความชอบแกร่ าชการเป็นพเิ ศษ กใ็ ห้เสนอรายช่ือตอ่ ผบู้ งั คบั บญั ชาตามลำ�ดบั ชัน้
จนถงึ ผ้บู ญั ชาการเรือนจำ� ทำ�การสอบสวนข้อเท็จจรงิ ตา่ งๆ ท่ีเกย่ี วกับชีวประวัติความเปน็ ไปของนักโทษผู้นน้ั ๆ และผ้ทู ่ี
จะให้ความอปุ การะใหท้ ีพ่ ักอาศัย ตลอดจนการประกอบอาชพี ว่าเป็นผมู้ คี วามประพฤติ ฐานะ และมคี วามเตม็ ใจให้ความ
อปุ การะเพียงใด โดยการตดิ ต่อไปยังนายอ�ำ เภอซึ่งเปน็ เจ้าหนา้ ท่ีฝา่ ยปกครองท้องที่อันเปน็ ภูมลิ �ำ เนาของนักโทษผู้นัน้ หรอื
ที่นักโทษผู้นั้นมีถิ่นที่อยู่หรือมีความเกี่ยวข้องอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา และให้สอบถามประวัติในการกระทำ�ผิด
ของนักโทษผู้นั้นไปยังเจ้าหน้าที่แผนกบันทึก แผนกประทุษฐกรรม กองบัญชาการตำ�รวจสอบสวนกลาง เพื่อประกอบ
การพจิ ารณาในการด�ำ เนนิ การพกั การลงโทษทกุ ราย และเปน็ หนา้ ทข่ี องเจา้ หนา้ ทผ่ี ไู้ ดร้ บั การตดิ ตอ่ เชน่ นน้ั จะตอ้ งใหค้ วามรว่ มมอื
สอบสวนข้อเท็จจริงและท�ำ คำ�ชี้แจงไปยงั ผู้บญั ชาการเรอื นจ�ำ โดยมิชกั ช้า
ข้อ ๒ เมื่อได้ทราบรายละเอียดต่างๆ ดังกล่าวในข้อ ๑ แล้ว ให้ผู้บัญชาการเรือนจำ�ตั้งคณะกรรมการ
ขึ้นพิจารณาวินิจฉัยว่า นักโทษคนใดสมควรให้ได้พักการลงโทษไปหรือไม่ คณะกรรมการนี้ให้เป็นไปตามกฎกระทรวง
มหาดไทยออกตามความในพระราชบญั ญตั ริ าชทณั ฑ์ พทุ ธศกั ราช ๒๔๗๙ ขอ้ ๙๑ แตส่ �ำ หรบั เรอื นจ�ำ ภมู ภิ าคใหป้ ระกอบดว้ ย
เจ้าหน้าที่ต�ำ รวจ เจ้าหน้าทฝี่ า่ ยปกครองทอ้ งที่ และหรอื พนักงานอยั การรว่ มดว้ ย
ข้อ ๓ ให้คณะกรรมการซึ่งได้ตั้งขึ้นตามความในข้อ ๒ ยื่นรายงานการพิจารณาโดยละเอียดเป็นรายตัว
ตามแบบท้ายระเบียบนี้ต่อผู้บัญชาการเรือนจำ� ซึ่งจะได้พิเคราะห์ด้วยตนเองอีกชั้นหนึ่ง หากเห็นควรให้พักการลงโทษก็ให้
ผู้บัญชาการเรือนจำ�รายงานขออนุมัติต่ออธิบดีกรมราชทัณฑ์ ซึ่งตามกฎหมายเป็นอำ�นาจของอธิบดีกรมราชทัณฑ์ที่จะ
วินจิ ฉัยชข้ี าดว่าอนุมตั ิหรือไม่อนุมตั ิ
สำ�หรับเรือนจำ�กลางให้คณะกรรมการเสนอรายการพิจารณาพร้อมด้วยเอกสารหลักฐานประกอบต่อ
อธบิ ดกี รมราชทณั ฑ์
ขอ้ ๔ การตรวจพจิ ารณาพกั การลงโทษนน้ั ใหเ้ จา้ พนกั งานประจ�ำ เรอื นจ�ำ และกรรมการตรวจสอบพจิ ารณา
จากพฤติการณ์ในระหวา่ งทคี่ มุ ขงั อยใู่ นเรอื นจำ� อันเก่ียวด้วยความอตุ สาหะ ความก้าวหน้าในการศกึ ษา การทำ�งาน หรือ
การทำ�ความชอบแก่ราชการเป็นพิเศษ และความประพฤติซึ่งส่อแสดงว่ากลับนิสัยสันดานเป็นคนดีเป็นที่ไว้วางใจได้แล้ว
ประกอบดว้ ยพฤตกิ ารณก์ อ่ นมาตอ้ งโทษอนั เกย่ี วดว้ ยนสิ ยั ความประพฤตทิ ว่ั ๆ ไป ตลอดการท�ำ มาหาเลย้ี งชพี และขอ้ เทจ็ จรงิ
ในการกระทำ�ผิดอนั เปน็ เหตใุ หต้ ้องรบั โทษอย่นู น้ั ตลอดทง้ั ฐานะของครอบครวั ผูอ้ ปุ การะและการอาชพี ซึง่ มีหลักฐานพอที่
เชื่อถือได้ว่าถา้ ไดร้ ับพกั การลงโทษไปแล้ว จะพอด�ำ รงตนอยูภ่ ายนอกเรือนจ�ำ ไดเ้ ชน่ สามญั ชนตามปกติ
ขอ้ ๕ พฤตกิ ารณต์ ่างๆ ดังได้กลา่ วไวใ้ นข้อ ๔ น้ัน ใหต้ รวจพจิ ารณาจากหลกั ฐาน ดงั ต่อไปน้ี คอื
(๑) ข้อความท่ัวไป
๑. ชอื่ อายุ เชอ้ื ชาติ สัญชาติ ศาสนา ช้นั จากทะเบยี นรายตัว
๒. ความผดิ กำ�หนดโทษ จากหมายแดงแจง้ โทษเด็ดขาด
๓. จำ�มาแล้วยังเหลอื จำ�ต่อไปอีก จากหลักฐานของเรือนจำ�

รวมกฎหมายราชทัณฑพ์ ร้อมด้วยกฎกระทรวง
ระเบียบ ข้อบังคับและประกาศท่ีเกีย่ วข้อง

223

๔. รบั วันลดโทษ จากทะเบียนความดคี วามชอบ
๕. การอายดั ตัว จากหลกั ฐานของเรอื นจำ�
(๒) พฤตกิ ารณก์ อ่ นตอ้ งโทษ
๑. ต�ำ บลทีอ่ ยูเ่ มือ่ กอ่ นตอ้ งโทษ บดิ า มารดา ภรรยา บตุ ร อาชีพ จากทะเบยี นรายตัว
๒. นสิ ัยความประพฤติกอ่ นมาตอ้ งโทษ จากการสอบสวน ก�ำ นัน ผู้ใหญ่บา้ น และญาตมิ ติ ร
เพือ่ นบา้ นใกลเ้ คยี ง
๓. ความผิดอาญาที่เคยกระทำ�ผิดมาก่อนต้องโทษครั้งนี้ จากใบแดงแจ้งโทษของตำ�รวจ
สอบสวนกลาง
๔. พฤติการณ์ท่ีกระทำ�ผดิ อาญาคร้ังนี้ จากสำ�เนาคำ�พพิ ากษาชนั้ ทสี่ ดุ
(๓) พฤตกิ ารณ์ในระหว่างทต่ี ้องคมุ ขงั อยูใ่ นเรอื นจำ�
๑. ความประพฤติ
ก. นสิ ยั ความประพฤตทิ ว่ั ๆ ไป จากรายงานของเจา้ พนกั งานประจ�ำ เรอื นจ�ำ ผทู้ �ำ การควบคมุ
บังคบั บญั ชา
ข. การเลอ่ื นช้นั และลดชั้น จากทะเบียนความดีความชอบและความผดิ
ค. ความผิดวินยั จากสำ�นวนการสอบสวนลงโทษของเรอื นจ�ำ
ง. การรบั การอบรมและการปฏบิ ัตติ ามทร่ี ับการอบรมไปของเจ้าพนักงานประจ�ำ เรือนจำ�
ท่ที �ำ หนา้ ท่อี บรม
๒. ความอุตสาหะและการทำ�งานจากรายงานของเจ้าพนักงานประจำ�เรือนจำ�ท่ีทำ�หน้าท่ี
ในการควบคุมและจัดการให้ท�ำ การงาน
๓. การศกึ ษา
ก. วชิ าสามญั จากเอกสารหลกั ฐานและรายงานของเจา้ พนกั งานประจ�ำ เรอื นจ�ำ ผทู้ �ำ หนา้ ท่ี
สอนวชิ าสามัญ
ข. วิชาชีพ จากรายงานของเจา้ พนกั งานประจ�ำ เรือนจำ�ผูท้ ำ�หนา้ ทีฝ่ ึกหัดสัง่ สอนวชิ าชพี
๔. ความชอบพเิ ศษ จากสำ�นวนการสอบสวนพจิ ารณาของเรอื นจำ�
(๔) ส่งิ แวดลอ้ มภายหลงั จากท่จี ะได้รบั การพกั การลงโทษ
๑. ค�ำ รบั รองของเจา้ หนา้ ทป่ี ระจ�ำ ทอ้ งทท่ี จ่ี ะไปอยู่ จากรายงานการรบั รองของเจา้ หนา้ ทฝ่ี า่ ย
ปกครองท้องที่ ก�ำ นัน ผู้ใหญบ่ ้าน และต�ำ รวจ
๒. ฐานะของครอบครัว จากคำ�ใหก้ ารของกำ�นัน ผู้ใหญ่บ้าน และญาติมิตรท่ีใกล้เคียง
๓. อาชพี ทจ่ี ะไปประกอบ จากรายงานความสงั เกตในอปุ นสิ ยั และความสนั ทดั จดั เจน ซง่ึ ปรากฏ
ในขณะต้องโทษ
๔. ผรู้ บั อปุ การะ จากบนั ทึกค�ำ รับรองของผอู้ ปุ การะ ตลอดจนการสอบสวนหลักฐานฐานะ
ของผอู้ ุปการะ
ขอ้ ๖ การตรวจพจิ ารณาพกั การลงโทษในกรณเี หตพุ เิ ศษอนั ตอ้ งเสนอขออนมุ ตั คิ ณะกรรมการ ตามขอ้ ๙๒
แห่งกฎกระทรวงมหาดไทย ให้ดำ�เนนิ การตามระเบยี บนโี้ ดยอนุโลม

รวมกฎหมายราชทณั ฑพ์ ร้อมด้วยกฎกระทรวง
ระเบียบ ขอ้ บงั คับและประกาศที่เกย่ี วขอ้ ง

224

ข้อ ๗ ในกรณีที่อธิบดีกรมราชทัณฑ์มีคำ�อนุมัติจะได้แจ้งให้ผู้บัญชาการเรือนจำ�ทราบ พร้อมกับกำ�หนด
เง่อื นไขท่ีผู้รบั พักการลงโทษพงึ ปฏบิ ตั ไิ ปด้วย ในเง่อื นไขน้ันต้องระบุให้ผรู้ บั พกั การลงโทษไปรายงานตวั ต่อนายอ�ำ เภอ และ
หวั หนา้ สถานตี �ำ รวจทอ้ งทท่ี ก่ี �ำ หนดใหอ้ ยโู่ ดยดว่ นทส่ี ดุ อยา่ งชา้ ไมเ่ กนิ ๓ วนั นบั แตว่ นั ทไ่ี ปถงึ ทพ่ี กั อาศยั และในคราวตอ่ ๆ ไป
ใหไ้ ปรายงานเก่ยี วกบั ความเปน็ อยูข่ องตนอย่างน้อยเดอื นละ ๑ ครั้ง นบั แตว่ ันรายงานตัวครัง้ แรก
ขอ้ ๘ ให้ผ้บู ัญชาการเรือนจำ�จัดเจ้าหน้าท่นี ำ�ตัวผ้จู ะได้รับพักการลงโทษไปให้เจ้าหน้าท่ตี ำ�รวจท้องถ่นิ น้นั
จัดทำ�ประวัติตามแบบแผนประทุษฐกรรมก่อน สำ�หรับจังหวัดพระนครและธนบุรีให้นำ�ตัวไปยังแผนกบันทึกแบบแผน
ประทษุ ฐกรรมกองพเิ ศษ กองบัญชาการต�ำ รวจสอบสวนกลาง
ข้อ ๙ ใหผ้ บู้ ัญชาการเรอื นจ�ำ ทำ�หนงั สอื สำ�คัญพักการลงโทษตามแบบทา้ ยระเบยี บน้ี ๖ ฉบับ มอบให้แก่
ผู้รบั การพักการลงโทษถือเปน็ คู่มือ ๑ ฉบบั ส่งกรมราชทณั ฑ์ ๑ ฉบับ เรอื นจ�ำ เกบ็ ไว้ ๑ ฉบับ สง่ ผวู้ ่าราชการจงั หวดั ท้องที่
นายอำ�เภอทอ้ งทท่ี ่ีก�ำ หนดใหอ้ ย่แู ห่งละ ๑ ฉบับ
ขอ้ ๑๐ กอ่ นปลอ่ ยตวั นกั โทษผทู้ ไ่ี ดร้ บั พกั โทษนน้ั ใหผ้ บู้ ญั ชาการเรอื นจ�ำ ประชมุ บรรดาผตู้ อ้ งขงั ในเรอื นจ�ำ
ชี้แจงคุณความดีของผู้ที่ได้พักการลงโทษและกล่าวอบรมผู้จะได้พักการลงโทษให้ประพฤติปฏิบัติตนเป็นพลเมืองดีของชาติ
สบื ไป
ข้อ ๑๑ ให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองรวมทั้งกำ�นัน ผู้ใหญ่บ้าน และตำ�รวจท้องที่ ซึ่งผู้พัก
การลงโทษมาอยู่นั้นคอยสอดส่องดูแลความประพฤติและการปฏิบัติตามเง่ือนไขของผู้นั้นว่าได้เป็นไปโดยเรียบร้อยหรือไม่
ประการใด แลว้ รายงานตอ่ นายอ�ำ เภอทอ้ งทเ่ี พอ่ื แจง้ ใหผ้ บู้ ญั ชาการเรอื นจ�ำ ทราบเดอื นละครง้ั เปน็ อยา่ งนอ้ ย และใหผ้ บู้ ญั ชาการ
เรือนจ�ำ รายงานใหก้ รมราชทณั ฑ์ทราบต่อไปโดยเร็ว
ข้อ ๑๒ ถ้าผู้ที่ได้พักการลงโทษไปกระทำ�การผิดเงื่อนไขที่ได้กำ�หนดไว้ ให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองหรือ
ตำ�รวจจับกุมตัวส่งคืนยังเรือนจำ�ตามเดิมโดยไม่ต้องมีหมายจับ หรือถ้าไปกระทำ�ผิดในคดีอาญาขึ้นอีกซึ่งจะต้องดำ�เนินคดี
ตอ่ ไปอีกส่วนหนง่ึ กใ็ ห้เจา้ หนา้ ทฝ่ี า่ ยปกครองท้องทีห่ รือต�ำ รวจทอ้ งที่ซ่งึ ไดด้ �ำ เนินคดแี กผ่ นู้ ั้นแจ้งไปยงั ผูบ้ ัญชาการเรือนจ�ำ
ให้ทราบด้วย ท้งั สองกรณนี ใี้ ห้ผู้บัญชาการเรอื นจำ�เป็นผู้พิจารณาสั่งการชัน้ ต้น แล้วรบี รายงานใหก้ รมราชทัณฑ์ทราบเพอ่ื
พจิ ารณาสั่งการตามควรแก่กรณอี ีกช้ันหนึ่งตามขอ้ ๑๔
ข้อ ๑๓ ในกรณีทีผ่ ู้ไดร้ ับการพกั การลงโทษไปนั้น แมจ้ ะยังมิไดป้ ระพฤติผดิ เง่อื นไข หากแตม่ พี ฤติการณ์
ที่แสดงให้เห็นว่า หากให้พักการลงโทษต่อไปไม่เป็นที่น่าไว้วางใจเพราะอาจก่อกรรมอันมิชอบขึ้นอีก ก็ให้เจ้าหน้าที่ฝ่าย
ปกครองหรือตำ�รวจรายงานให้ผู้บัญชาการเรือนจำ�ทราบเพื่อได้ตรวจสอบดู หากเห็นเป็นการสมควรก็ให้แจ้งเจ้าหน้าที่
ตำ�รวจท้องทคี่ วบคมุ ตวั ผนู้ ัน้ สง่ กลับคืนเรอื นจ�ำ โดยด่วน
ขอ้ ๑๔ ในกรณที ม่ี กี ารประพฤตผิ ดิ เงอ่ื นไขกด็ ี หรอื มกี ารสง่ั ใหค้ วบคมุ ตวั สง่ กลบั เรอื นจ�ำ กด็ ี ใหผ้ บู้ ญั ชาการ
เรอื นจ�ำ เอาตวั นกั โทษเดด็ ขาดผนู้ น้ั คมุ ขงั ไว้ แลว้ รบี รายงานชแ้ี จงและขอเพกิ ถอนการอนมุ ตั ใิ หพ้ กั การลงโทษไปยงั กรมราชทณั ฑ์
โดยมิชกั ช้า เพื่อกรมราชทัณฑจ์ ะได้พิจารณาสงั่ เพิกถอนการอนมุ ตั ิ เม่ือได้รับคำ�ส่งั ใหเ้ พกิ ถอนการอนมุ ัติพักการลงโทษจาก
กรมราชทัณฑ์แล้วให้เรียกหนังสือสำ�คัญพักการลงโทษคืนและรีบแจ้งให้เจ้าหน้าท่ีฝ่ายปกครองท้องที่และตำ�รวจประจำ�
ทอ้ งทีท่ ราบโดยเรว็

รวมกฎหมายราชทณั ฑ์พร้อมดว้ ยกฎกระทรวง
ระเบียบ ขอ้ บงั คับและประกาศทีเ่ กีย่ วข้อง

225

ข้อ ๑๕ ในกรณีนักโทษเด็ดขาดผู้ได้รับพักการลงโทษมีระยะเวลาที่จะต้องปฏิบัติตามเง่ือนไขพักการ
ลงโทษเกินกว่า ๒ ปี ถ้าได้ปฏิบัติตนตามเงื่อนไขโดยเรียบร้อยตลอดมาเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของระยะเวลา
ที่ต้องปฏิบัติตน ตามเงื่อนไขผู้บัญชาการเรือนจำ�จะเสนอกรมราชทัณฑ์ขออนุมัติผ่อนคลายเงื่อนไขลงตามสมควรก็ได้
เมื่ออธิบดีกรมราชทัณฑ์ได้อนุมัติแล้วเป็นหน้าที่ผู้บัญชาการเรือนจำ�จะต้องแจ้งให้ผู้รักษาหนังสือสำ�คัญพักการลงโทษตาม
ข้อ ๙ ไดท้ ราบทกุ ราย

ข้อ ๑๖ การผ่อนคลายเงื่อนไขพักการลงโทษนั้นจะกระทำ�ได้เพียงครั้งเดียว และข้อกำ�หนดในหนังสือ
สำ�คัญพักการลงโทษซึ่งกำ�หนดว่า “หากประพฤติผิดเงื่อนไขเจ้าหน้าที่อาจจับตัวส่งคืนเข้ากักขังในเรือนจำ�ไปรับโทษที่ยัง
เหลอื อยู่ได้ โดยไม่ตอ้ งมหี มายจบั ” ต้องคงไว้จะแกไ้ ขหรือผ่อนคลายมไิ ด้

ข้อ ๑๗ เมื่อนักโทษเด็ดขาดที่ได้รับอนุมัติให้พักการลงโทษได้พักการลงโทษมาครบกำ�หนดพ้นโทษแล้ว
ให้ผบู้ ญั ชาการเรอื นจำ�ออกใบสทุ ธิให้ แล้วให้รายงานการพ้นโทษพรอ้ มทง้ั ช้ีแจงแสดงความเห็น ในผลดแี ละผลเสยี แห่งการ
พักการลงโทษรายนน้ั ไปยงั กรมราชทณั ฑ์ทราบด้วยทุกคราว
ขอ้ ๑๘ ให้ยกเลกิ ระเบยี บกรมราชทัณฑ์ ฉบบั ที่ ๓๐ เร่อื งการตรวจสอบพจิ ารณาพกั การลงโทษนกั โทษ
เดด็ ขาด ลงวันท่ี ๑๔ ธันวาคม ๒๔๘๔ และให้ใช้ระเบียบนี ้ ตั้งแตบ่ ัดนีเ้ ปน็ ต้นไป

กระทรวงมหาดไทย
สั่ง ณ วนั ท่ี ๒๐ มกราคม ๒๔๙๖
พลตรี บัญญัติ เทพหสั ดนิ ณ อยธุ ยา
รัฐมนตรวี า่ การกระทรวงมหาดไทย

รวมกฎหมายราชทณั ฑพ์ รอ้ มด้วยกฎกระทรวง
ระเบยี บ ขอ้ บงั คับและประกาศทเ่ี กี่ยวขอ้ ง

226

แบบรายงานการตรวจพิจารณาพักการลงโทษ
ช่ือ ............................................................................ เรอื นจ�ำ ...................................................................
ช้นั ………..……. เลขประจำ�ตัว ................................. อายุ ............... ปี ศาสนา ............................... เชอ้ื ชาติ ......................
สัญชาติ ............................. อยใู่ นการอายัดตวั ของ ................................................................. ไดร้ ับการตรวจสอบพจิ ารณา
พกั การลงโทษตามขอ้ ............................................................ แหง่ กฎกระทรวงมหาดไทยออกตามความในมาตรา ๕๘ แห่ง
พระราชบญั ญตั ิราชทัณฑ์ พทุ ธศกั ราช ๒๔๗๙
(ก) คุณลกั ษณะตามกฎหมาย
๑. กำ�หนดโทษ ................................ ปี ................................ เดือน ...................... วัน ไดร้ ับพระราชทาน
อภัยโทษ ครัง้ ท่ี ๑ ลง ........................................................ ของก�ำ หนดโทษ โดย .................................................................
คงเหลือกำ�หนดโทษ ........................................ ปี .......................... เดือน ............................. วัน (ถา้ หากมีมากกวา่ ๑ คร้งั
กล็ งเรียงกันไป) พ้นโทษ ................................../............................/...................... ๑ ใน ............................ ของก�ำ หนดโทษ
.................... ปี ................... เดอื น .................. วัน
๒. จำ�มาแลว้ แต่ ................................/.........................../...................... ถงึ ...................../..................../
................... ได้ .................... ปี .................... เดือน .................. วนั คำ�นวณได้ ๑ ใน ……………..…… ของก�ำ หนดโทษ
ครง้ั หลังสุด และยังจะต้องจำ�ต่อไปอกี ..................... ปี ................... เดือน ............................ วัน ค�ำ นวณแล้วได้ ๑ ใน
...................... ของกำ�หนดโทษครั้งหลังสดุ
๓. มวี นั ลดโทษ ......................... ปี .................... เดือน ................ วัน เม่ือหกั วันลดโทษออกแลว้ จะตอ้ ง
จ�ำ ตอ่ ไปอกี ........................... ปี .............................. เดือน ....................... วนั และจะครบก�ำ หนดพ้นโทษ ......................./
....................../.........................
(ข) พฤตกิ ารณ์กอ่ นตอ้ งโทษ
๑. อยบู่ า้ นหมู่ที่ ........................................... ต�ำ บล ...................................... อ�ำ เภอ ................................
จงั หวัด ............................... อาชพี .............................. มหี ลกั ทรัพย์ ........................ ภรรยาหรอื สามี ................................
บตุ ร ........................ อายุ ................... ปี (ถา้ มมี ากกวา่ ๑ คน กล็ งเรียงกันไป)
๒. บิดา ....................................... อายุ .............................. ปี เชื้อชาติ .................. สญั ชาติ ....................
ศาสนา ........................... อยู่บ้านหมทู่ ี่ .............................. ตำ�บล ....................................... อ�ำ เภอ ...................................
จงั หวัด ................................. อาชพี .................................................. หลกั ทรพั ย์ ................................................................
มารดา ....................................... อายุ .................................. ปี เชือ้ ชาติ ...................................... สญั ชาติ .........................
ศาสนา ........................... อยู่บ้านหมทู่ ี่ .............................. ต�ำ บล ....................................... อำ�เภอ ....................................
จังหวดั ................................. อาชพี .................................................. หลักทรพั ย์ ................................................................
๓. ไดค้ วามจาก ............................................... วา่ เปน็ ผู้มอี ุปนสิ ัย ............. ความประพฤติ ......................
และการสมาคม .................................................
๔. ความผิดอาญาทเ่ี คยกระทำ�ผดิ มาก่อนต้องโทษครั้งน้ี คอื
ก. โทษฐาน ....................................................................... ก�ำ หนดโทษ ........................ ปี ..................
เดอื น .............. วนั พน้ โทษโดย ............................................................... เม่ือวนั ที่ ........................ เดือน ..........................
............................. พ.ศ. ......................... โดย .......................................................................................................

รวมกฎหมายราชทณั ฑพ์ ร้อมด้วยกฎกระทรวง
ระเบยี บ ข้อบงั คับและประกาศทีเ่ กย่ี วข้อง

227

ข. โทษฐาน ........................................................................ กำ�หนดโทษ ........................ ปี ..................
เดอื น .............. วัน พ้นโทษโดย ............................................................... เม่อื วันท่ี ........................ เดือน ..........................
............................. พ.ศ. ......................... โดย .......................................................................................................
ค. โทษฐาน ........................................................................ ก�ำ หนดโทษ ........................ ปี ..................
เดือน .............. วัน พ้นโทษโดย ................................................................ เมือ่ วันที่ ........................ เดอื น ..........................
............................. พ.ศ. ......................... โดย .......................................................................................................
ฯลฯ ฯลฯ
๕. ข้อเทจ็ จรงิ ท่กี ระทำ�ผดิ คร้ังน้ี โดยยอ่ คือ ................................................................................................
...............................................................................................................................................................................

(ค) พฤตกิ ารณใ์ นระหวา่ งทตี่ ้องคุมขงั อย่ใู นเรือนจ�ำ
๑. ความประพฤติ
ก. อุปนิสยั ................................................... ความประพฤตทิ ั่วไป .......................................................
และการสมาคม .....................................................................................................................................................
ข. การเลือ่ นชัน้ หรือลดชัน้ คอื
๑. ได้ ................................................ ช้ัน จากชน้ั ............................... เป็นช้ัน .............................
เมื่อ ......................../........................../....................... โดย ...................................................................................
๒. ได้ ................................................ ช้นั จากชัน้ ............................... เปน็ ชั้น .............................
เมอ่ื ......................../........................../....................... โดย ...................................................................................
ค. กระทำ�ผดิ วินัยของเรือนจ�ำ และต้องโทษคือ
ครั้งที่ ๑ เร่อื ง ........................................................ ถกู ลงโทษ ........................................................
เมื่อ ......................./........................../..............................
คร้งั ท่ี ๒ เร่อื ง ........................................................ ถกู ลงโทษ ........................................................
เม่ือ ......................./........................../..............................
ฯลฯ ฯลฯ
ง. การปฏิบตั ติ ามที่ไดร้ บั การอบรมมา ..................................................................................
๒. ความอุตสาหะ
(๑) ความขยันหมัน่ เพียรในการศึกษาเล่าเรียน .....................................................................
(๒) ความขยันขนั แขง็ ในการปฏบิ ัตหิ นา้ ท่กี ารงาน ................................................................
(๓) ความขยันหมนั่ เพียรในการทีจ่ ะประพฤตติ นเป็นคนดี ...................................................
๓. การศึกษา
ก. วชิ าสามัญในเรือนจำ�เรมิ่ เรียน ................................../................................./....................................
ในช้นั ............................. สำ�เร็จชั้น ........................... เมอ่ื ......................../................................./.......................................
(หรือได้รับผลประการใด)
ข. วชิ าชพี ในเรือนจ�ำ เขา้ ฝกึ หดั ทำ�งาน ...................................................................................................
เมื่อ ....................../............................/.................... บังเกดิ ผล ............................................... (ถา้ ไดท้ ำ�มามากกว่า ๑ อย่าง
กใ็ ห้ลงเรียงกันไป)

รวมกฎหมายราชทัณฑ์พร้อมดว้ ยกฎกระทรวง
ระเบียบ ขอ้ บงั คับและประกาศทเี่ ก่ียวข้อง

228

๔. การทำ�งาน
(๑) ได้ท�ำ งานที่ไมห่ าผลประโยชน์ในหนา้ ท่ี ...........................................................................................
เม่อื ....................../............................/.................... บังเกดิ ผล ............................................ (ถ้ามีมากกวา่ ๑ อยา่ ง ให้ลง
เรยี งกันไป)
(๒) ได้ท�ำ การหาผลประโยชน์ในหน้าที่ ...............................................เมอื่ ........................................./
............................/.................... บังเกดิ ผล ............................................ ไดร้ บั เงินรางวลั .....................................................
(ถ้ามมี ากกวา่ ๑ อยา่ ง ให้ลงเรยี งกันไป)
๕. ความชอบพิเศษ
(๑) เรื่อง ........................................................ เม่อื ..................../....................../...................................
เป็นประโยชน์แกร่ าชการราชทัณฑ์ คอื .................................. ไดร้ บั บำ�เหนจ็ ตอบแทนเป็นประโยชน์แก่ ราชการราชทณั ฑ์
คือ ...................................................... ไดร้ ับบ�ำ เหน็จตอบแทน
ฯลฯ ฯลฯ
(ง) ส่งิ แวดล้อมภายหลังที่จะไดร้ บั พกั การลงโทษ
๑. ภรรยา ................................................................ อยู่บ้านหมูท่ ่ี .......................................................
ต�ำ บล ................................................... อ�ำ เภอ .......................................... จังหวดั .............................................................
อาชีพ ............................... สามใี หม่ชือ่ ................................................ เมอ่ื ................../.................../……………………….….
โดย......................................................................................................................................................................
๒. บุตร .......................................................... อายุ ............... ปี อยู่กบั ..............................................
ซ่งึ เปน็ ................................................................ (ถ้ามีมากกว่า ๑ คน กล็ งเรยี งกนั ไป)
๓. หลักทรพั ย์ท่ีมอี ยขู่ ณะน้คี อื ..............................................................................................................
อยู่ที่ ....................................................................... ซง่ึ อย่ใู นความปกครองของ ...................................................................
(ถา้ มมี ากสง่ิ ก็ใหล้ งแยกเรียงกันไป)
๔. ในระหว่างพกั การลงโทษมผี ู้รับรองจะใหก้ ารอปุ การะคอื
(๑) ชอื่ ........................................................................... เป็น ........................................................
มีหลักทรัพย์ ...................................... อาชพี ............................................. จะอปุ การะโดย ................................................
ฯลฯ ฯลฯ
๕. การรบั รองของเจา้ หนา้ ที่แหง่ ทอ้ งทีท่ จี่ ะไปอย่รู ะหวา่ งพกั การลงโทษ
(๑) ผูใ้ หญบ่ า้ นรบั รองวา่ .....................................................................................
(๒) กำ�นันรบั รองว่า ............................................................................................
(๓) เจา้ หนา้ ท่ตี �ำ รวจรับรองว่า ............................................................................
๖. ได้รับพักการลงโทษแลว้ จะไปอย่ทู ี่บ้านหมทู่ ่ี ............... ต�ำ บล ........................... อ�ำ เภอ ................
....................... จังหวดั ..................................... กับ ....................................................... โดยประกอบอาชีพ ......................
...........................................................................................................

รวมกฎหมายราชทณั ฑพ์ ร้อมดว้ ยกฎกระทรวง
ระเบียบ ขอ้ บังคบั และประกาศทเี่ กี่ยวขอ้ ง

229

(จ) เอกสารหลกั ฐาน
ไดร้ วบรวมเอกสารหลักฐานอนั เกยี่ วดว้ ยรายการขา้ งต้นเสนอมาโดยครบถ้วนด้วยแลว้

วันที่ ............ เดือน ................................ พ.ศ. ..............
(ลงนาม) ............................................... พัศดี

ความเหน็ ผ้บู ัญชาการเรือนจำ�
ได้ตรวจสอบหลักฐานอีกครั้งแลว้ เม่ือวันที่ ................ เดอื น ................................. พ.ศ. ...............
เหน็ ว่า ........................................................................................

(ลงนาม) .................................................... ผ้บู ญั ชาการเรอื นจำ�

ความเหน็ ของคณะกรรมการ
ได้ประชมุ ตรวจพจิ ารณาการพกั การลงโทษของ ..............................................................................
เมื่อวันท่ี ............. เดือน .......................... พ.ศ. .......... แลว้ มีความเห็นวา่ ..........................................................................
........................................................... ..... เพราะ ..........................................................................................................
และควรก�ำ หนดเงื่อนไขส�ำ หรับปฏบิ ัตใิ นระหว่างท่ี ................................................................................................................
พักการลงโทษคือ
๑. .............................................................................................................................
๒. .............................................................................................................................
๓. ............................................................................................................................
ฯลฯ ฯลฯ
(ลงนาม) ............................................... ประธานกรรมการ
(ลงนาม) ............................................... กรรมการ
(ลงนาม) ............................................... กรรมการ

รวมกฎหมายราชทณั ฑพ์ รอ้ มดว้ ยกฎกระทรวง
ระเบียบ ข้อบงั คับและประกาศทีเ่ กย่ี วขอ้ ง

230

แบบหนงั สือสำ�คญั พักการลงโทษ
เรือนจ�ำ ......................................................
...................................................................

หนงั สือส�ำ คัญพกั การลงโทษฉบบั น้ีแสดงว่า ...............................................................................................
เลขประจำ�ตัว ..................................................... ชัน้ ............................... เรอื นจำ� ..............................................................
อายุ ................. ปี เปน็ จ�ำ เลยในคดแี ดงท่ี .......................................... ลงวันที่ ....................... เดือน ...................................
พ.ศ. ................. ระหว่าง .................................. โจทก์ .................................... จ�ำ เลย เรื่อง ................................................
ศาล ....................................................... ได้มีค�ำ พพิ ากษาช้นั ทส่ี ุดให้จ�ำ คุก .................... ปี ................... เดือน .............. วัน
นับต้งั แตว่ นั ที่ ................. เดือน .............................. พ.ศ. ................. เมื่อหักวนั ลดโทษออกแล้วจะพน้ โทษ
วันท่ี ............... เดอื น ............................... พ.ศ. .................... ไดร้ บั อนมุ ตั ิจาก ...................................................................
ใหไ้ ด้รับพกั การลงโทษตามขอ้ ...................................................... แห่งกฎกระทรวงมหาดไทยออกตามความในมาตรา ๕๘
แห่งพระราชบญั ญัตริ าชทัณฑ์ พทุ ธศักราช ๒๔๗๙ ตั้งแตว่ ันท่ี ....................... เดอื น ............................ พ.ศ. .....................
ถงึ วันท่ี ................... เดอื น .......................... พ.ศ. ................. ครบก�ำ หนดปล่อยตัวพน้ โทษและพน้ จากการ
พกั การลงโทษ วนั ที่ .............. เดือน .......................... พ.ศ. .................
ในระหวา่ งพกั การลงโทษนักโทษเด็ดขาดผ้นู จี้ ะต้องปฏบิ ัตติ ามเงอ่ื นไขดังต่อไปน้ี
๑. ..........................................................
๒. .........................................................
ฯลฯ ฯลฯ
หากประพฤตผิ ดิ เงอ่ื นไข เจา้ หนา้ ทอ่ี าจจบั ตวั สง่ คนื เขา้ กกั ขงั ในเรอื นจ�ำ ไปรบั โทษทย่ี งั เหลอื อยไู่ ดโ้ ดยไมต่ อ้ ง
มีหมายจบั
ไดม้ อบหนังสอื ส�ำ คญั พักการลงโทษฉบบั นใี้ ห้ .............................................................................................
ผูไ้ ด้รับอนมุ ัติใหพ้ กั การลงโทษยดึ ถอื ไวแ้ ต่วนั ท่ี ..................... เดอื น ............................... พ.ศ. .............. แล้ว

ทปี่ ดิ รูปถา่ ยคร่งึ ตวั หน้าตรงขนาด ๒ ลายมอื ชอื่ ...............................................................
ลายพมิ พ์น้วิ หวั แม่มอื ขวา
..............................................................
ผ้บู ัญชาการเรอื นจ�ำ

รปู ถ่ายลายมอื ชื่อและลายพมิ พ์นวิ้
หัวแมม่ ือขวาของนักโทษเดด็ ขาด ........................................................

รวมกฎหมายราชทัณฑพ์ รอ้ มด้วยกฎกระทรวง
ระเบยี บ ขอ้ บงั คับและประกาศทเ่ี กยี่ วขอ้ ง


Click to View FlipBook Version