กิจกรรมพฒั นาผเู รยี น กิจกรรมแนะแนว
ชน้ั มัธยมศึกษาปท่ี 3 และ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที่ 5
ภาคเรียนท่ี 1 ปก ารศึกษา 2564
นางสาวอญั ชลี ใจคาํ
ตาํ แหนง ครู
โรงเรยี นสตรีเศรษฐบุตรบาํ เพ็ญ
สาํ นักงานเขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษามัธยมศกึ ษา กรงุ เทพหานคร เขต 2
กระทรวงศึกษาธิการ
กราู้จรักทตําคนวเอางมด้วยแบบทดสอบวัดบุคลกิ ภาพ
แนะแนว ม.3 ครวู า่ น
การรู้จกั ตนเอง (Self awareness)
รวมไปถงึ การรับรู้และรจู้ ักความ
สามารถของตัวเราเอง จะตอ้ งร้วู ่าเรา
เปนคนอย่างไร ชอบอะไร ไมช่ อบอะไร
เก่งอะไร ไมเ่ กง่ อะไร และทีสําคญั เรา
ตอ้ งร้อู ารมณข์ องตนเองด้วย ว่าขณะ
นเี รามอี ารมณ์เปนอยา่ งไร การรูจ้ ัก
อารมณต์ นเองจะนําไปสู่การควบคุม
อารมณแ์ ละการแสดงออก
รปู แบบของการรู้จักตนเอง
ตามแนวคดิ ของ คารล์ อาร์ โรเจอร์
ก) ตนเองตามอดุ มคติ (Ideal Self) หมายถึง ตนตามจินตนาการทีตนคดิ อยากจะเปนและอยากจะมี เช่น อยากจะ
เปนคนดี คนเด่น คนดัง อยากรํารวย เปนต้น
ข) ตนตามทีรบั รู้ (Perceived Self) หมายถงึ ตนตามทีตนไดร้ บั รู้ ทงั ทีตนเองปกปดและเปดเผย รวมทงั ตนตามที
ผู้อนื คาดหวงั (Other Expectation) เชน่ เพือน ๆ คาดหวังวา่ เราควรเปนคนดี ไม่ประพฤติผดิ กฎหมายและศลี
ธรรมจรรยา พฤตกิ รรมดงั กลา่ วทําใหต้ นเองมีความคดิ เกยี วกับตนเองขนึ มาเรยี กว่า "อตั มโนทัศน์ (Self
Concept)" ในส่วนของอตั มโนทศั น์นนั ประกอบดว้ ยพฤตกิ รรมส่วนจรงิ พฤติกรรมส่วนเกิน และพฤติกรรมส่วน
ขาด คือ
พฤตกิ รรมส่วนจรงิ เปนพฤติกรรมจริง ๆ ของตนเอง ทังทมี ีอย่แู ละเปนอยู่ เช่น ตนเองมรี ่างกายจริง ๆ ที
เคลอื นไหวได้ เปนตน้
พฤตกิ รรมส่วนเกิน เปนพฤติกรรมทไี ม่มี / ไมเ่ ปนอย่จู ริง เช่น การคยุ โม้ โออ้ วด โกหก หลอกลวง การสรา้ ง
ภาพลวงตาใหผ้ ูอ้ ืนหลงเชือ และคล้อยตาม เปนต้น
พฤตกิ รรมส่วนขาด เปนพฤตกิ รรมทมี จี รงิ และเปนจริงแตเ่ ปนการเสแสร้ง หรอื บงั คับให้เปนเชน่ นนั เช่น การ
ออ่ นน้อม ถม่ ตน และการปฏิเสธความจริง เปนต้น
ค) ตนตามความเปนจริง (Real Self) หมายถึง ตนทีเปนจรงิ ซึงมีทงั จดุ เดน่ และจดุ ด้อย ทังทที ราบและไมท่ ราบ
ซงึ เปนธรรมชาติของบุคคล วา่ ไม่มีบุคคลใดทีสมบรู ณแ์ บบ ดังคํากลา่ ววา่ "Nobody Perfect"
5 ขอ้ ดยี ิงร้จู ักตวั เองเรว็ ยงิ ได้เปรยี บ
1. ร้ใู จ ตัดสินใจเร็วขึน ...
2. รู้ตัวตน ยงิ เปนตวั ของตัวเอง ...
3. เขา้ ใจตวั เอง เห็นใจคนอนื มากขนึ ...
4. รจู้ ุดแขง็ กลายเปนพรสวรรค์ ...
5. รู้คณุ ค่า เจอเปาหมายชีวิต
วิธีการฝกให้เรารจู้ ักตัวเอง
1.การวเิ คราะหจ์ ุด
แขง็ ยอมรบั จุด
ออ่ นและหาจดุ บอด
ของตนเอง
วธิ กี ารฝกให้เราร้จู กั ตัวเอง
ยอบรบั กบั จดุ ออ่ น
ของตัวเอง
จุดอ่อน = สิงทคี ณุ ไมถ่ นัด คณุ ทาํ ได้ไมด่ ี
แตไ่ ม่ใช่ข้อเสีย
วธิ กี ารฝกใหเ้ ราร้จู ักตวั เอง
มองจดุ บอดใหเ้ ปน
= ขอ้ เสียทมี าจากพรสวรรค์
คณุ
เชน่ ความเปน perfectionist ของคณุ
จะทาํ ใหง้ านออกมาดเี สมอ แตบ่ างครงั
อาจทําใหง้ านไมเ่ สรจ็ สักที นคี อื จดุ บอด
ครบั
วิธกี ารฝกให้เรารจู้ ักตวั เอง
การแกไ้ ขงา่ ยๆๆ ในส่วนของ
จดุ ออ่ นและจดุ บอดของเรา
กค็ อื การทาํ งานเปนทมี
เพราะเรอื งทเี ราทาํ ไมไ่ ดอ้ าจจะมคี นทถี นดั
ดา้ นนนั มากกวา่
วธิ ีการฝกให้เรารู้จักตัวเอง
2. ชืนชมตัวเองบ้าง ทังในด้านทีดี
และยังใจในด้านทีไม่ดี
พลังแห่งการชืนชม ฟงแล้ว รู้สึกมีพลังใจ มีความ
เชือมัน มีความตังมันทีจะทาํ สิงดี ๆ ต่อไปอย่างเปน
ธรรมชาติ
วิธกี ารฝกใหเ้ รารจู้ กั ตวั เอง
3. ลองทาํ อะไรใหม่ๆ
ที ช ว น ใ ห้ รู้ สึ ก ท้ า ท า ย
ปลกุ พลังสร้างสรรค์ในตวั . ตอนเดก็ ๆ เรามีความอยากรใู้ นสิงตา่ งๆ รอบ
ตวั แต่เมือโตขึนเรากลบั กลวั อปุ สรรคและความล้มเหลว การออกจาก
Comfort Zone
วธิ กี ารฝกให้เรารู้จกั ตวั เอง
4 . รู้ จั ก อ า ร ม ณ์ แ ล ะ ค ว า ม รู้ สึ ก ต่ า ง ๆ
คนเรามีสภาวะอารมณ์หลายอย่างเปลียนแปลง
ตลอดเวลา ขึนอยู่กับปจจัยต่าง ๆ ทังสิงแวดล้อม
สิ ง เ ร้ า ภ า ย น อ ก แ ล ะ ภ า ย ใ น ที ม า ก ร ะ ท บ จิ ต ใ จ
นอกจากนีอารมณ์แต่ละชนิดก็ยังมีระดับความ
รุนแรงแตกต่างกันไป
วิธกี ารฝกใหเ้ รารู้จกั ตัวเอง
5. ทบทวนและพู ดคุยเกียวกับ
ความหวังและความฝน
คนเราย่อมมีความฝนหรือสิงทีอยากทาํ อยากเปนด้วยกัน
ทังนัน ซึงความฝนนีแหละ ทีทีจะผลักดันให้เกิดความรู้สึก
อยากพั ฒนาตัวเองต่อไป
แบบทดสอบเรามารู้จักกับตัวแบบทดสอบวัดบุคลิกภาพกัน
โดย MBTI ทัง 8 คือ E I P S T F N J มาจัดเปนชุด ชุดละ 4
ตัวอักษร ทําให้เกิดเปนลักษณะบุคลิกภาพทังหมด 16 แบบ
05/09/64
1
05/09/64
2
05/09/64
3
05/09/64
4
05/09/64
5
05/09/64
6
วชิ าแนะแนว ชนั ม.3 ครวู า่ น
เจาะลกึ การวางแผนศกึ ษาตอ่ กลมุ่ สามญั ศกึ ษา
โครงสร้างแผนการเรียนแผนการเรยี นวทิ ยาศาสตร์
วิคทยณิาตศาศาสสตตร์ร์คณิตศาสตร์
อเเมขาสโข้ชอือค้น้อพีเจรทสดงบทาียีขสจงีมขอรากาอกงา้แางงกวรรกกทิวางราาายใรรงนเ์รเเแสครรยี ผายยีณี นยนนนวิตวศวทิ ิทิทึกยยยษ์ ์ ค์าคคตณณณ่อิติติต
เจาะลกึ การวางแผนศกึ ษาต่อ กลมุ่ สามญั ศกึ ษา
เจาะลกึ การวางแผนศึกษาตอ่ กลมุ่ สามญั ศกึ ษา
ขอ้ มูลน่ารเู้ กียวกับเด็ก
วทิ ย์ คณติ
กล่มุ นีจะมุง่ เน้นในวชิ า ฟสกิ ส์ เคมี ชวี วทิ ยา เชน่ เดยี วกับวชิ าคณติ ศาสตร์ ทีเพมิ
ดีกรคี วามเขม้ ขน้ ของเนือหา สว่ นวชิ าอืนๆ ยงั คงพบเจออยูบ่ า้ งแต่ไมใ่ ชส่ ดั สว่ นที
มากมาย
ดงั นนั คณุ สมบตั ิทีควรมพี นื ฐานการคิดคํานวณทีดีระดับหนงึ ทักษะในการ
อธบิ ายเหตผุ ล วเิ คราะหอ์ ยา่ งมวี จิ ารณญาณ ชา่ งสงั เกต มคี วามสามารถในการ
จนิ ตนาการ การมองเหน็ ทิศทางการเคลือนทีของสงิ ทีเปนนามธรรม
**ทีสาํ คัญมคี วามอดทนอดกลันและจติ ใจต้องมนั คงเพราะเนอื หาโดยรวมทีซบั ซอ้ น
และต้องใชเ้ วลาทําความเขา้ ใจค่อนขา้ งมาก
เจาะลกึ การวางแผนศึกษาตอ่ กลมุ่ สามญั ศกึ ษา
ขอ้ ดีของสายวทิ ย์ – คณิต
1. มีโอกาสเลือกสอบเข้ามหาวิทยาลัย และวิชาทีใช้สอบ
*ขอให้พิจารณาตัวเองให้ดีนะครบั ลองดูว่าคณะทีเราอยากเรยี นมัน
ต้องเน้นวิชาอะไรแล้วเค้าจาํ กัดสายการเรยี นหรอื เปล่า
2.การเรยี นวิทย์ทําให้เราได้รูจ้ ักการคิดอย่างเปนระบบ
3.ฝกให้เราเปนคนอดทน/การบรหิ ารจัดการเวลา
4.ได้เปรยี นตอนสอบ มอนัทคยแจําําเา่ใะบวถหงทลบานอ้ ําามจยในั อหอบั าล่าเ้ยกปนร่ะูเ่อราหเสรพะ่านมเสูน้ ดรังอกึหา็นสวะอนออืา่ ตยงั ะท้อาเสไรรกํางอื าไหมสมมตางิกีาถ้อคกเาึงงหํารขเอตลตปนึ ่า่าอังนนนบี
เจาะลึกการวางแผนศกึ ษาตอ่ กลมุ่ สามญั ศกึ ษา
ขอ้ เสยี ของสายวทิ ย์ – คณิต
1.การเรยี นทีหนกั มาก GPA อาจไมส่ วยนกั
2.โอกาสทํากิจกรรมอาจนอ้ ยกวา่ แผนการเรยี นอืนๆ
3.ความกดดัน ในความคาดหวงั ของแผนการเรยี น
ทแเโงีมลลินคีกะสทวนงิอาีเลมตงําเม็มชคนัไอื่าปไ…วมดา่ ้เว่ ตคยัวยผเขอคู้ างนดคใแห่คู คมวลร่ ๆนกับเสตคาํ ็มวหไารปมบั ดสค้วขุ นย
ไมจจะใ่ งไชดโแ่ฟ้ เคกด่มัสินโใขนนนึภสบางิ พนัทใไีตนด้อหในงัวทโลํากใหแ้มหา่งกคพวอามแเลป้วนเจรรางิ
เจาะลึกการวางแผนศกึ ษาตอ่ กลุ่มสามญั ศกึ ษา
เสน้ ทางการวางแผนศึกษาต่อ
เมอื จบจากวทิ ย์ คณติ
ก ลุ่ ม ค ณ ะ ส า ข า ที เ ป ด ส อ น ใ น ม ห า วิ ท ย า ลั ย
1 . วิ ท ย์ สุ ข ภ า พ 2 . วิ ท ย์ ก า ย ภ า พ แ ล ะ 3 . วิ ศ ว ก ร ร ม ศ า ส ต ร์
ชี ว ภ า พ
สหเวชศาสตร์ สาธารณสุขศาสตร์
เทคนิคการแพทย์ พยาบาลศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติ
เทคโนโลยีสารสนเทศ
วิทยาศาสตร์การกีฬา
ทันตแพทยศาสตร์ เภสัชศาสตร์
สัตวศาสตร์
เจาะลึกการวางแผนศกึ ษาต่อ กลุ่มสามญั ศกึ ษา
เสน้ ทางการวางแผนศึกษาต่อ
เมอื จบจากวทิ ย์ คณติ
ก ลุ่ ม ค ณ ะ ส า ข า ที เ ป ด ส อ น ใ น ม ห า วิ ท ย า ลั ย
4 สถาปตยกรรมศาสตร์ 5 เกษตรศาสตร์ 6. บริหาร พาณิชยศาสตร์
บริหารธุรกิจ พาณิชยศาสตร์
การบัญชี เศรษฐศาสตร์ การท่อง
เทียวและโรงแรม
เจาะลึกการวางแผนศกึ ษาตอ่ กลุ่มสามญั ศกึ ษา
เสน้ ทางการวางแผนศึกษาต่อ
เมอื จบจากวทิ ย์ คณติ
ก ลุ่ ม ค ณ ะ ส า ข า ที เ ป ด ส อ น ใ น ม ห า วิ ท ย า ลั ย
7 ครุศาสตร์ 8 ศิ ลปกรรมศาสตร์ 9 มนุษยศาสตร์และ
ศึ กษาศาสตร์ สั ง ค ม ศ า ส ต ร์
วิจิตรศิลป ศิลปประยุกต์
ดุริยางคศิลป นาฏศิลป ศิลปะการ นิเทศศาสตร์ วารสารศาสตร์
ออกแบบพัสตราภรณ์ และศิลปะการ อักษรศาสตร์ ศิลปศาสตร์
มนุษยศาสตร์ รัฐศาสตร์
อ อ ก แ บ บ หัต ถ อุ ต ส า ห ก ร ร ม นิติศาสตร์ สังคมวิทยา
สังคมสงเคราะห์ศาสตร์
เจาะลกึ การวางแผนศกึ ษาตอ่ กลุม่ สามญั ศกึ ษา
เสน้ ทางการวางแผนศึกษาต่อ
เมอื จบจากวทิ ย์ คณติ
ก ลุ่ ม ค ณ ะ ส า ข า ที เ ป ด ส อ น ใ น ม ห า วิ ท ย า ลั ย
กปสรพคะคคทเณทณณ.คศะกะทะณไสลแทันตั่มุพะยตเวสทภแแถยจสพพาะศชั ทบเทศปายนั ยสนาศแศสตกพาตาราสสท์รร1ตตร์ย16รวรศ0์ม์8ส9ากสสถสสลตถาถถบ่มุ าราบานัขแ์ บบนัอหนั นั งง่
กลุ่ม 10 แพทยศาสตร์
เจาะลกึ การวางแผนศกึ ษาตอ่ กลมุ่ สามญั ศกึ ษา
วศิ วกรรมการเงนิ มหาวทิ ยาลัยทเี ปดสอน
เเกจคแสาะลรยี รเอื้วงนเงง้นงตนิคากลอนกาอมทราดพเรที จรลวิ าํยนี เงสตนกทว่ อทานุนรรกั ใใอแ์ ษหชยละญเ้ า่ะคดกงจ่ร้าชาอะืนาํรเงกปนจคานัดาํารญงกนวาาวเิ นเครณมคดรอื แา้วาจะลนาบหมะ์ หว1.ิศคอวกณกาะรรวรคทิ ม้ายกไาทาศรยาเงสนิ ตมรแ์หลาะวเทิ ทยคาโลนัยโลยี สาขา
บรหิ ารความเสยี ง นโยบายสนิ เชอื (2ป. .คโทณ)ะจวุฬทิ ายลางศการสณต์มร์หสาาวขทิ ายวิศาลวัยกรรมการเงนิ
วเิ คราะห์หลักทรพั ย์ เเ3ทง.นิคคแณโนละโะวลกทิ ยายพีราจรศัดะาจกสอาตมรรเ(ก์FสลEา้าMขธา)นมวบิชหาุราวี ว(ศิปิทวรยกญิ ารลญรัยมากโทาร)
((Pนพ44หr.ิดร+โลoะค้า1ักgจ)รKสrอ–งaMูตกมmนรIาเTปการiLnนลรห-ญิ้าาลFNชเักiจญInาDส้าตaาAตูคnิ)ตรุณcDรรioตทีaว่ u่อมlหbEเาสนlnรeถือลgางDาinบปดeeนัรgกeญิเrรทreะiญคneบgโางั นโ+โทลยี
เจาะลกึ การวางแผนศึกษาตอ่ กลมุ่ สามญั ศกึ ษา
นบถทกั รรนือเําทวสวษวิงกัไทิีสบดเนิ ัทาวคารนยว้อทิเรมวลา่ดผายาเมา็กศว้ปะลราหยศานตกถใข์หสาอานรแอ้ญสรตวาาํถมวตชจไร่มปเิูลตพสีรข์คคใเขอ์่ามชอ้รพ่างอ้บงา้ามตอืตมะแาหวอูลป้อนูลรเิขบ์รงงคไจ(ดอ้บแัแกDะรมทจ้ปทหาาaระรูําลรนง่ หtหงิตงุเยทaพ์นผัววองัศอืSไา้จิลาสปวทนยทัcิตงูรรี าํiิจรอภวeแ่กไษดัปีกมัณnลาทเสรดะtกฑนiีคู่ว้ s็บ์าํยวtา)มรู้ มหาวทิ ยาลัยทเี ปดสอน
เจาะลกึ การวางแผนศึกษาตอ่ กลมุ่ สามญั ศกึ ษา 1.พระจอมเกล้าฯ ลาดกระบงั
คณะเทคโนโลยสี ารสนเทศ สาขาวิชา
วทิ ยาการข้อมูลและการวเิ คราะห์เชงิ
ธุรกิจ
2.จุฬาลงกรมหาวทิ ยาลัย
คณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควชิ า
วศิ วกรรมคอมพิวเตอร์
3.ม.ศลิ ปากร คณะวิทยาศาสตร์
สาขาวทิ ยาการข้อมลู
4.ม.ธรรมศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์
สาขาวชิ าวทิ ยาศาสตรแ์ ละนวตั กรรม
ข้อมูล
5.ม.เชียงใหม่ คณะวิทยาศาสตร์
สาขาวทิ ยาการข้อมลู
6.ม.สวนดสุ ติ คณะวิทยาศาสตรแ์ ละ
เทคโนโลยี สาขาวชิ าวิทยาการข้อมลู และ
การวเิ คราะห์
นตตทกัหอสลเัวคปนบสถาไรณา้ปยดีแาทกึนแทงแติีเษทกลรนกศาง้วังาสียดรางใงูวนนสณา้ากนกันปแตท์ับคกลทจรากาณจะังป์ งกราุบไรธรเติทํานังะุรคลยศกินแกังาแาันแลดิจเสลปภกะคตกอะน่บัยตะรนาเทรร่านป์อาีษติงปคแราปั้อทระชลตกรงะปพีะเะันปกหมรเททภระรานิ ีคกรอะืศัยคเข่าันเมจวปอโภะนิดานงทัยมยทําแี ละ มหาวทิ ยาลัยทเี ปดสอน
ธนาคาร
1. คณะวทิ ยาศาสตร์ สาขาวชิ าคณิตศาสตรป์ ระกันภัย (หลักสตู ร
นานาชาติ) มหาวทิ ยาลัยมหิดล
2.คณะพาณิชยศาสตรแ์ ละการบญั ชี ภาควชิ าสถิติ สาขาประกันภัย
จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย
3.คณะวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี สาขาวชิ าคณิตศาสตรแ์ ละสถิติ
มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์
4.คณะวทิ ยาศาสตรป์ ระยุกต์ สาขาวชิ าสถิติธุรกิจและการประกัน
ภัย มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยพี ระจอมเกล้าพระนครเหนือ
5.คณะวทิ ยาศาสตร์ สาขาคณิตประยุกต์ สถาบนั เทคโนโลยี
พระจอมเกล้าเจ้าคณุ ทหารลาดกระบงั
6.คณะบรหิ ารธุรกิจ สาขาการประกันภัย มหาวทิ ยาลัยรามคําแหง
7.คณะพาณิชยศาสตรแ์ ละการจัดการ สาขาวชิ าการประกันภัย
และการจัดการความเสยี ง มหาวทิ ยาลัยสงขลานครนิ ทร์
วทิ ยาเขตตรงั
8.คณะบรหิ ารธุรกิจ สาขาการประกันภัย มหาวทิ ยาลัยอัสสมั ชญั
9.คณะสถิติประยุกต์ สาขาวทิ ยาการประกันภัยและการบรหิ าร
ความเสยี ง สถาบนั บณั ฑติ พฒั นบรหิ ารศาสตร์ (NIDA)
เจาะลกึ การวางแผนศกึ ษาตอ่ กลมุ่ สามญั ศกึ ษา
05/09/64
05/09/64
05/09/64
05/09/64
05/09/64
05/09/64
05/09/64
05/09/64
05/09/64
05/09/64
05/09/64
05/09/64
05/09/64
12 June 2021
มาเจาะลกึ การเรยี นในรปู
แบบ อาชวี ศึกษา
กับครูว่าน
อาชวี ศกึ ษาคอื อะไร?
การเรยี นสายอาชวี ศกึ ษาหรอื สายอาชพี คือ การเรียนตอ่ ในระดับประกาศนียบตั รวชิ าชพี หรือ ปวช.
เป็นการเรยี นในหลกั สตู รทีไ่ ม่ไดเ้ นน้ การเรยี นวชิ าพ้ืนฐานเหมอื นกับสายสามญั
มีระยะเวลาในการเรียน 3 ปี
โดยหากเรยี นจบแลว้ จะมีทางเลือกในการเรยี นต่อ 2 ทางเลอื กใหญๆ่ คือ
1.การเรยี นตอ่ ในระดับประกาศนยี บัตรวชิ าชพี ชนั้ สงู หรือ (ปวส.)
ใชเ้ วลาเรียน 2 ปี หลงั จากจบแล้วสามารถเรียนตอ่ ปริญญาตรี อกี 2 ปี
2.การเรยี นตอ่ ในระดับมหาวทิ ยาลยั (ระดับปรญิ ญาตร)ี
ใชเ้ วลาเรยี น 4 – 5 ปี แลว้ แต่คณะวิชาท่เี ลอื ก
เรยี นสายอาชพี ดีอยา่ งไร
1. ได้ความรู้ ไดป้ ระสบการณ์ มรี ายไดร้ ะหวา่ งเรยี น
นอกจากการเรียนทฤษฎีแลว้ หลกั สตู รสายอาชีพยงั เน้นการลงมือภาคปฏิบตั ิอย่างเข้มขน้ ทกุ หลกั สูตรมกี ารฝกึ งานเพอ่ื สร้างเสริม
ประสบการณแ์ ละทักษะวชิ าชพี ตงั้ แตย่ ังเรยี นอยไู่ ม่น้อยกว่า 300 ช่ัวโมง นกั เรยี นจะไดม้ ีโอกาสลงมอื ปฏบิ ตั งิ านจรงิ ฝึกใช้อปุ กรณ์ เรียนรู้
กระบวนการในสายอาชพี นั้นๆ เปน็ ประสบการณต์ รงจากหน้างาน
2. มีทกั ษะวชิ าชีพติดตัว
การไดม้ ีโอกาสฝกึ งานระหวา่ งเรยี นสายอาชพี ใหอ้ ะไรมากกว่าการเรียนรูจ้ ากตาํ ราเพียงอย่างเดยี ว เพราะการฝกึ ฝนปฏบิ ัติงานเป็นประจาํ ยอ่ มทาํ ให้
เกิดทักษะและความเช่ยี วชาญติดตวั นกั เรียนไปตลอด เมอื่ ศึกษาจบระดบั ประกาศนยี บัตรวิชาชีพสามารถใช้เป็นใบเบกิ ทางสมคั รงานได้เลย
3. สามารถเลอื กเรียนได้หลากหลาย
หลกั สูตรสายอาชพี มีใหเ้ ลอื กเรียนหลากหลายสาขาวชิ า ซง่ึ แต่ละสาขามคี วามนา่ สนใจ จบแลว้ มีตาํ แหนง่ งานรองรับ นักเรยี นสามารถเลือก
เรียนไดต้ ามความสนใจและความถนดั ของตวั เอง
เรยี นสายอาชพี ดีอยา่ งไร
14.ได้รบั ความนยิ มจากตลาดแรงงาน
ตําแหนง่ งานในปัจจบุ นั กาํ ลงั ขาดแคลนชา่ งฝมี อื และบุคลากรวิชาชพี ทกั ษะเฉพาะอยู่เป็นจํานวนมาก หลายคนแม้จะเรยี นจบปรญิ ญา
ตรงกบั สายงาน แต่ยงั ขาดประสบการณใ์ นการทํางานจรงิ การเรียนสายอาชพี จึงมขี ้อไดเ้ ปรียบมากกวา่
5.โอกาสเรยี นต่อระดับอดุ มศกึ ษา
วุฒกิ ารศกึ ษาในการเรยี นสายอาชพี ไมใ่ ชแ่ ค่ ปวช. ปวส. เท่าน้ัน เพราะหลายๆ สถาบันอุดมศึกษาในปจั จบุ นั หันมารับนักเรียนสาย
อาชพี ใหเ้ ขา้ ศกึ ษาในระดับปริญญาตรี โดยเปดิ หลกั สตู รพเิ ศษท่นี า่ สนใจ เพ่ือสนบั สนนุ ให้นกั เรยี นสายอาชีพไดเ้ รียนตอ่ ในระดับสงู ขนึ้
ประเภทวชิ าน่าสนใจของ
สายอาชพี
การเรยี นอาชวี ศึกษาแบบระบบปกติ
หลักสตู รการเรยี นการสอนในระดบั ปวช.นนั ได้มกี ารปรบั ปรุงเพอื ใหส้ อดคล้องกับ
ความต้องการของตลาดแรงงานโดยไดแ้ บง่ ประเภทวชิ าออกเปน 11 ประเภท ได้แก่
1.อุตสาหกรรม สาขาวชิ า : ชา่ งยนต์ ชา่ งกลโรงงาน ชา่ งเชอื มโลหะ ชา่ งไฟฟากําลัง
ชา่ งอิเล็กทรอนิกส์ ชา่ งก่อสรา้ ง เครอื งเรอื นและตกแต่งภายใน สถาปตยกรรม
สาํ รวจ ชา่ งเขยี นแบบเครอื งกล ชา่ งซอ่ มบาํ รุง ชา่ งพมิ พ์ เทคนิคแวน่ ตาและเลนส์
ชา่ งโทรคมนาคม ชา่ งเครอื งมอื วดั และควบคมุ อุตสาหกรรมยาง เมคคาทรอนกิ ส์
ชา่ งเทคนิคคอมพวิ เตอร์ เทคโนโลยฟี อกหนงั ชา่ งเครอื งทําความเยน็ และปรบั อากาศ
เครอื งกลเกษตร
2.พาณิชยกรรม สาขาวชิ า : การบญั ชี การตลาด การเลขานุการ คอมพวิ เตอรธ์ ุรกิจ
ธุรกิจสถานพยาบาล การประชาสมั พนั ธ์ ธุรกิจค้าปลีก ภาษาต่างประเทศ โลจสิ ติกส์
การจดั การสาํ นักงาน การจดั การดา้ นความปลอดภัย ธุรกิจการกีฬา
ประเภทวชิ านา่ สนใจของสายอาชพี
3.ศิลปกรรม สาขาวชิ า : วจิ ติ รศิลป การออกแบบ ศิลปหตั ถกรรม ศิลปกรรมเซรามกิ
ศิลปหตั ถกรรมรปู พรรณเครอื งถมและเครอื งประดับ ถ่ายภาพและมลั ติมเี ดยี
เทคโนโลยศี ิลปกรรม คอมพวิ เตอรก์ ราฟกอุตสาหกรรมเครอื งหนงั เครอื งประดบั
อัญมณี ชา่ งทองหลวง การพมิ พส์ กรนี ออกแบบนเิ ทศศิลป
4.คหกรรม สาขาวชิ า : แฟชนั และสงิ ทอ อาหารและโภชนาการ คหกรรมศาสตร์ ธุรกิจ
เสรมิ สวย ธุรกิจคหกรรม
5.เกษตรกรรม สาขาวชิ า : เกษตรศาสตร์
6.ประมง สาขาวชิ า : เพาะเลียงสตั วน์ ํา
7.อุตสาหกรรมท่องเทียว สาขาวชิ า : การโรงแรม การท่องเทียว
8.อุตสาหกรรมสงิ ทอ สาขาวชิ า : เทคโนโลยสี งิ ทอ เคมสี งิ ทอ เทคโนโลยเี ครอื งน่งุ หม่
9.เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอื สาร สาขาวชิ า : เทคโนโลยสี ารสนเทศ คอมพวิ เตอร์
โปรแกรมเมอร์
10.อุตสาหกรรมบนั เทิงและดนตรี สาขาวชิ า : อุตสาหกรรมบนั เทิง การดนตรี การ
สรา้ งเครอื งดนตรไี ทย
11.พาณชิ ยน์ าวี สาขาวชิ า : เดินเรอื ชา่ งกลเรอื
การจดั การเรยี นการสอนระดบั ปวช
การเรยี นอาชวี ศึกษาแบบทวภิ าคี
เปดสอนบางวทิ ยาลัยเท่านนั
การเรยี นระบบทวภิ าคี คือ การจดั การศึกษาวชิ าชพี ทีเกิดจากขอ้ ตกลงระหวา่ งสถานศึกษากับสถาน
ประกอบการ ในการจดั หลักสตู ร จดั การเรยี นการสอน จดั ฝกอาชพี การวดั และการประเมนิ ผลโดยผู้
เรยี นใชเ้ วลาสว่ นหนึงเรยี นในสถานศึกษาหรอื สถาบนั และเรยี นภาคปฏิบตั ิในสถานประกอบการ การ
เรยี นในระบบทวภิ าคีนีไมใ่ ชเ่ พยี งการฝกงานในบรษิ ัท แต่เปนการฝกทํางานในอาชพี เฉพาะทาง ตลอด
ทังหลักสตู รทีเรยี นนกั เรยี นจะได้ทํางานในสงิ แวดล้อมของการทํางานจรงิ ใกล้ชดิ กับหวั หนา้ งานมพี ี
เลียงในทีทํางาน มรี ุน่ พเี ปนเพอื นรว่ มงาน รวมถึงต้องพบปะกับลกู ค้าในสายงานของตัวเอง ต้อง
เผชญิ กับสถานการณจ์ รงิ แก้ปญหาเฉพาะหนา้ ไดจ้ รงิ อาชวี ศึกษามรี ะบบทวภิ าคีทังระดบั ปวช. ปวส.
และปรญิ ญาตรี ดังนนั ไมว่ า่ จะจบม.3 ม.6 หรอื ปวช. สามารถเรยี นทวภิ าคีได้
การจดั การเรยี นการสอนระดบั ปวช.
การเรยี นอาชวี ศึกษาแบบทวศิ ึกษา
เปดสอนบางโรงเรยี นเท่านัน
การเรยี นแบบทวศิ ึกษา คือ การจดั การศึกษาตามหลักสตู รประกาศนียบตั รวชิ าชพี (ปวช.) ใหแ้ ก่
นักเรยี นในระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลายทีมคี วามประสงค์จะเรยี นในสายวชิ าชพี เมอื นักเรยี นสาํ เรจ็ การ
ศึกษาครบตามหลักสตู ร จะได้รบั ประกาศนยี บตั รรบั รองวุฒกิ ารศึกษา ทังในระดับมธั ยมศึกษาปที 6
และระดบั ประกาศนยี บตั รวชิ าชพี พรอ้ มกัน
การจดั การศึกษารปู แบบทวศิ ึกษา เปนแนวคิดใหมแ่ ละเปนการสรา้ งนวตั กรรมในการจดั การศึกษารูป
แบบใหม่ ทีเปนการเพมิ โอกาสทางการศึกษาใหน้ ักเรยี นในระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย (ม.6) ในการ
ศึกษาทางดา้ นวชิ าชพี เพอื เพมิ ทักษะและความรคู้ วามสามารถต่างๆ ซงึ เปนพนื ฐานสาํ คัญในการ
ประกอบอาชพี รวมทังเพมิ โอกาสในการมงี านทํามากกวา่ การมวี ุฒกิ ารศึกษาระดับมธั ยมศึกษาตอน
ปลาย (ม.6) เพยี งอยา่ งเดียว
แนวทางการเลือก
สถานศึกษาเพอื
ศึกษาต่อ
1. ความเหมาะสม คณะ สาขาทีถนดั ตรงตามความ
สามารถ
2.การเดินทาง
3.ค่าใชจ้ า่ ยต่างๆ
ค่าใชจ้ า่ ยในการเรยี นอาชวี ศึกษา
ระดับ ปวช
£´´Ë ©´£¥n» ³ ©´£¾¥¤·
7HDFKHUZDQQ
¿²¿© dz £
£´´Ë ©´£¥»n ³ ³¯m ©´m u©´£¾¥¤· v ¯¹ ¯²Â¥"
©´£¾¥·¤¾| ¢´©²¯¯´¥£q ¥¯¹ ©´£¥n»¬¸ ·Æ¾¶ ¸Ç
¾£¯¹Æ º§n¯¾¶ ³ z ´m´Ä ¿§²Ë´Á¥n »¬n ¸ » ³ £m
¬´¤Á ©mº ©´¤Á §³© ©¶ ³©§ §¯» · dz
¾£Æ¹¯º §¥³¥»n ¥¹¯¥²¾£¶ ©´m z´¾§m´Ç³ ¾|¬¶Æ ·Æ º ´£
¶Á ¥¹¯¯´²¯m Á¾n ¶¯³ ¥´¤¿¥m ´m ´¤ ²¬m§Á¬n ¢´©²
¬£º§¯¥m´´¤¿§²¶ Á¾¬·¤Â