ชดุ กิจกรรมการเรยี นร้แู บบสบื เสาะหาความรู้ 5 ข้นั รายวชิ าเคมี 1 ชดุ ที่ 2 พนั ธะโคเวเลนต์ 1 1
ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรูแ้ บบสบื เสาะหาความรู้ 5 ขนั้ รายวชิ าเคมี 1 ชุดที่ 2 พันธะโคเวเลนต์ 1 2ก
ค�ำน�ำ
ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้แบบสบื เสาะหาความรู้ 5 ขน้ั รายวชิ าเคมี 1 เร่อื ง พนั ธะเคมี สำ� หรบั
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 4 ผู้สร้างได้ออกแบบการเรียนอิงมาตรฐานตามหลักสูตรแกนกลาง
การศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 โดยใช้กระบวนการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning)
ตามแนวคิดวิธีการจัดการเรียนการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ข้ันของสถาบันส่งเสริม
การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) มาเป็นแนวทางในการน�ำเสนอเพ่ือพัฒนาผู้เรียน
ด้านความรู้ ตามสาระการเรียนรู้ ทักษะกระบวนการ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และทักษะ
ในศตวรรษที่ 21 โดยยดึ หลกั ทวี่ า่ ผเู้ รยี นสามารถเรยี นรแู้ ละพฒั นาตนเองไดแ้ ละถอื วา่ ผเู้ รยี นสำ� คญั
ทสี่ ดุ ตามแนวการจดั การศกึ ษาของพระราชบญั ญตั กิ ารศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐานพทุ ธศกั ราช 2542 และมี
ครูเปน็ ผู้ช่วยหรอื ผู้อ�ำนวยความสะดวก
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้น้ี ประกอบด้วยชุดการเรียนรู้ทั้งหมด 9 ชุด ชุดการเรียนรู้น้ี
เป็นชุดท่ี 2 พันธะโคเวเลนต์ 1 มีเนื้อหาเก่ียวกับ การเกิดพันธะโคเวเลนต์ ชนิดของพันธะ
โคเวเลนต์ การเขยี นสูตรและเรยี กชือ่ สารโคเวเลนต์ ใช้เวลาในการจัดการเรยี นรู้ 4 ช่ัวโมง
หวงั เปน็ อย่างย่งิ ว่าชุดกจิ กรรมการเรียนรู้น้ีจะช่วยให้การเรียนรู้วชิ าเคมี 1 หน่วยพนั ธะเคมี
เป็นเร่ืองสนุก น่าสนใจ ผู้เรียนได้พัฒนาทักษะกระบวนการคิดวิเคราะห์ เกิดทักษะกระบวนการ
แสวงหาและสรา้ งองค์ความรไู้ ดด้ ว้ ยตนเองทสี่ ามารถนำ� ไปใชป้ ระโยชน์ในชวี ติ ประจำ� วนั และบรรลุ
เป้าหมายตามทห่ี ลกั สตู รได้กำ� หนดไว้
คุณค่าและประโยชน์ทั้งปวงของชุดกิจกรรมการเรียนรู้นี้ ผู้สร้างหวังได้รับการช้ีแนะและ
ปรับปรุงในส่วนที่ยังไม่สมบูรณ์เพ่ือให้เ กิดประโยชน์สูงสุดกับผู้เรียน และขอมอบคุณค่าของชุด
กจิ กรรมน้ใี ห้กับการพัฒนาการศกึ ษาต่อไป
สุขใจ สงิ สาโร
ชดุ กิจกรรมการเรยี นร้แู บบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขัน้ รายวชิ าเคมี 1 ชุดท่ี 2 พันธะโคเวเลนต์ 1 3ข
สารบญั
เรอ่ื ง หน้า
คำ� น�ำ ก
สารบญั ข
ค�ำช้ีแจง 1
ขนั้ ตอนการจัดกจิ กรรมชุดกจิ กรรมการเรียนรู้แบบสบื เสาะหาความรู้ 5 ขนั้ 2
แผนผังแสดงขนั้ ตอนการเรยี นโดยใช้ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้ 3
แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขนั้
คำ� แนะน�ำการใช้ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้แบบสบื เสาะหาความรู้ 5 ขน้ั 4
สำ� หรบั คร ู
คำ� แนะนำ� การใช้ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้แบบสบื เสาะหาความรู้ 5 ขนั้ 6
ส�ำหรับนักเรยี น
ผลการเรยี นรู้และสาระการเรยี นรู้ 8
แบบทดสอบก่อนเรยี น 9
กิจกรรมการเรยี นรู้
- E1 สงสัยใคร่รู้
บตั รกจิ กรรม E1 สงสัยใคร่รู้ 12
- E2 ค้นดเู ร่งเสาะหา
บัตรเนอ้ื หา E2 ค้นดูเร่งเสาะหา 13
บัตรกจิ กรรม E2 ค้นดูเร่งเสาะหา 23
แบบบนั ทกึ ผลกิจกรรม E2 27
- E3 ตกผลกึ ความรู้ มุ่งสู่ข้อสรุป
บตั รกจิ กรรม E3 ตกผลกึ ความรู้ มุ่งสู่ข้อสรปุ 33
- E4 เปิดกรอบความคดิ เพิ่มพูนความรู้
บัตรกจิ กรรม E4 เปิดกรอบความคดิ เพ่มิ พนู ความรู้ 34
- E5 ประเมนิ ความรู้
บตั รกจิ กรรม E5 ประเมนิ ความรู้ 36
ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรูแ้ บบสบื เสาะหาความรู้ 5 ขั้น รายวชิ าเคมี 1 ชุดที่ 2 พนั ธะโคเวเลนต์ 1 4ค
สารบญั (ตอ่ )
เรือ่ ง หนา้
แนวคำ� ตอบบตั รกจิ กรรม E1 สงสัยใคร่รู้ 39
แนวคำ� ตอบบัตรกจิ กรรม E2 ค้นดเู ร่งเสาะหา 40
แนวคำ� ตอบบัตรกจิ กรรม E3 ตกผลกึ ความรู้ มุ่งสู่ข้อสรปุ 47
แนวค�ำตอบบตั รกจิ กรรม E4 เปิดกรอบความคดิ เพม่ิ พนู ความรู้ 48
แนวค�ำตอบบัตรกจิ กรรม E5 ประเมนิ ความรู้ 51
เกณฑ์การให้คะแนนชดุ กจิ กรรมชุดท่ี 2 พนั ธะโคเวเลนต์ 1 53
แบบทดสอบหลังเรยี น 54
กระดาษค�ำตอบแบบทดสอบก่อนเรยี น 57
กระดาษคำ� ตอบแบบทดสอบหลังเรยี น 58
เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี น-หลังเรยี น 59
บรรณานกุ รม 60
ชุดกิจกรรมการเรยี นรแู้ บบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขัน้ รายวชิ าเคมี 1 ชดุ ที่ 2 พันธะโคเวเลนต์ 1 1
คำ� ชีแ้ จง
1. ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้แบบสบื เสาะหาความรู้ 5 ขั้น เร่อื งพนั ธะเคมี ชดุ นีเ้ ป็นชดุ ท่ี 2
จากทงั้ หมด 9 ชุด ดงั น้ี
ชุดท่ี 1 บทนำ� : พันธะเคมี
ชดุ ท่ี 2 พันธะโคเวเลนต์ 1
ชุดที่ 3 พนั ธะโคเวเลนต์ 2
ชดุ ท่ี 4 พันธะโคเวเลนต์ 3
ชดุ ท่ี 5 พันธะโคเวเลนต์ 4
ชุดที่ 6 พนั ธะไอออนกิ 1
ชดุ ท่ี 7 พันธะไอออนกิ 2
ชดุ ท่ี 8 พันธะโลหะ
ชดุ ที่ 9 การใช้ประโยชน์ของสารโคเวเลนต์ สารประกอบไอออนกิ และโลหะ
2. ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้แบบสบื เสาะหาความรู้ 5 ขนั้ มีเน้อื หาตรงตามหลกั สูตรสถาบนั ส่งเสรมิ
การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.)
3. ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขนั้ นส้ี ร้างขึน้ เพอื่ ให้ผู้เรยี นได้เรียนรู้
ด้วยตนเองตามความแตกต่างระหว่างบุคคล
4. ส่วนประกอบของชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้แบบสบื เสาะหาความรู้ 5 ขนั้ ชุดน้ี ประกอบด้วย
4.1 คำ� ชแี้ จง
4.2 ขน้ั ตอนการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้
4.3 แผนผังแสดงขน้ั ตอนการใช้ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้
4.4 ค�ำแนะนำ� การใช้ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้สำ� หรบั ครู
4.5 ค�ำแนะน�ำการใช้ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้สำ� หรับนกั เรยี น
4.6 ข้อควรปฏบิ ตั ิ
4.7 ผลการเรยี นรู้และสาระการเรยี นรู้
4.8 แบบทดสอบก่อนเรยี น
4.9 กิจกรรมการเรยี นรู้ ประกอบด้วย
E1 สงสยั ใคร่รู้
E2 ค้นดูเร่งเสาะหา
E3 ตกผลกึ ความรู้ มุ่งสู่ข้อสรุป
E4 เปิดกรอบความคดิ เพ่ิมพูนความรู้
E5 ประเมินความรู้
4.10 แบบทดสอบหลงั เรยี น
4.11 บรรณานกุ รม
5. ผู้ใช้ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้น้คี วรศกึ ษาค�ำแนะนำ� ก่อนใช้
ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้แบบสบื เสาะหาความรู้ 5 ข้นั รายวชิ าเคมี 1 ชุดที่ 2 พันธะโคเวเลนต์ 1 2
ขน้ั ตอนการจัดกจิ กรรม
ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้
แบบสบื เสาะหาความรู้ 5 ขนั้
ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ข้ัน รายวชิ าเคมี 1 ชดุ ท่ี 2 พันธะโคเวเลนต์ 1 3
แผนผังแสดงข้นั ตอนการเรยี นโดยใช้
ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรูแ้ บบสืบเสาะหาความรู้ 5 ข้ัน
ชุดกจิ กรรมการเรยี นรแู้ บบสบื เสาะหาความรู้ 5 ขนั้ รายวชิ าเคมี 1 ชดุ ท่ี 2 พนั ธะโคเวเลนต์ 1 4
ค�ำแนะน�ำการใชช้ ุดกจิ กรรมการเรยี นร้แู บบสบื เสาะหาความรู้ 5 ขน้ั
สำ� หรับครู
การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้โดยใช้ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้แบบสบื เสาะหาความรู้ 5 ขน้ั รายวิชา
เคมี 1 เร่ือง พันธะเคมี ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนมหาวชิราวุธ จังหวัดสงขลา
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 พนั ธะเคมี ชุดที่ 2 พนั ธะโคเวเลนต์ 1 มีจดุ มุ่งหมายเพื่อใช้ในการจดั กจิ กรรม
การเรียนรู้ โดยนักเรียนและมีครูเป็นผู้ช่วย ตาม พ.ร.บ. การศึกษาข้ันพื้นฐานพุทธศักราช 2542
เน้นให้ผู้เรยี นเรยี นรู้ด้วยตนเอง ผู้สอนควรเตรยี มความพร้อม และปฏบิ ตั ิตามคำ� แนะน�ำดงั ต่อไปน้ี
1. ศกึ ษารายละเอยี ดของแผนจดั การเรยี นรู้ เนอื้ หา เอกสารชดุ กจิ กรรมการเรยี นรแู้ บบสบื เสาะ
หาความรู้ 5 ขน้ั และคำ� ชแี้ จงต่าง ๆ ให้เข้าใจก่อนดำ� เนนิ กจิ กรรมการเรยี นรู้
2. เตรยี มสอ่ื อุปกรณ์ในการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ให้พร้อมตามจ�ำนวนผู้เรยี นหรอื กลุ่ม
3. เมอื่ มีกิจกรรมกลุ่มให้แบ่งนกั เรียนเป็นกลุ่ม ๆ ละ 4-5 คน จ�ำนวนกลุ่มขน้ึ อยู่กับนกั เรยี น
ในช้ันเรียน โดยคละนักเรียน เก่ง ปานกลางและอ่อน ให้สมาชิกจับสลากเพื่อท�ำหน้าท่ีภายในกลุ่ม
ประกอบด้วย
ประธานกลุ่ม ท�ำหน้าท่ี ประสานงานกบั ครแู ละสมาชกิ ในกลุ่มเพอ่ื ทำ� กิจกรรมต่าง ๆ
เลขานกุ ารกลุ่ม ทำ� หน้าท่ี จดบนั ทกึ ข้อมูล
ผู้อ่าน ท�ำหน้าท่ี อ่านค�ำสั่งจากชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้ในขน้ั ต่าง ๆ
ผู้นำ� เสนอ ท�ำหน้าท่ี น�ำเสนอผลงานของกลุ่มในขนั้ E3
ผู้อำ� นวยความสะดวก ทำ� หน้าท่ี อ�ำนวยความสะดวกในกลุ่ม
4. กอ่ นจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ ครคู วรชแ้ี จงใหน้ กั เรยี นเขา้ ใจบทบาทของตนเอง แนะนำ� ขน้ั ตอน
การใช้ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้แบบสบื เสาะหาความรู้ 5 ขนั้ แนวปฏบิ ัตใิ นระหว่างการดำ� เนนิ กจิ กรรม
การเรยี นรู้
5. จดั กิจกรรมการเรยี นรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขน้ั ซ่งึ ประกอบด้วย
ข้ันท่ี 1 ข้ันสร้างความสนใจ (Engagement) ประกอบด้วย กิจกรรมสงสัยใคร่รู้
ครูท�ำหน้าท่ีต้ังค�ำถาม เพื่อกระตุ้น ยั่วยุ ให้นักเรียนอยากรู้อยากเห็นและก�ำหนดประเด็นปัญหาให้
นกั เรียนได้สามารถเชอ่ื มโยงความรู้เดมิ กับความรู้ใหม่เพ่อื นำ� ไปสู่การสำ� รวจตรวจสอบ
ข้ันที่ 2 ข้ันการส�ำรวจค้นหา (Exploration) ประกอบด้วย กิจกรรมค้นดูเร่งเสาะหา
ครูกระตุ้นให้นักเรียนได้ตรวจสอบปัญหาโดยการส�ำรวจ ตรวจสอบ ทดลอง และจัดกระท�ำข้อมูล
ด้วยตนเอง
ขั้นท่ี 3 ขั้นการอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) ประกอบด้วย กิจกรรมตกผลึก
ความรู้ ม่งุ ส่ขู ้อสรปุ โดยครสู ่งเสรมิ ให้นกั เรยี นได้นำ� ข้อมลู มาวเิ คราะห์ แปลผล สรปุ ผล และนำ� เสนอ
ผลทไี่ ด้ในรปู แบบของแผนทค่ี วามคดิ เพอ่ื ให้ได้ข้อสรปุ และเกดิ การเรยี นรู้ด้วยตนเอง
ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรแู้ บบสบื เสาะหาความรู้ 5 ขั้น รายวชิ าเคมี 1 ชดุ ที่ 2 พันธะโคเวเลนต์ 1 5
ขน้ั ที่ 5 ขนั้ ประเมนิ ความรู้ (Evaluation) ประกอบดว้ ย กจิ กรรมประเมนิ ความรู้ เปน็ การประเมนิ
ผลการเรยี นรดู้ ว้ ยกระบวนการตา่ ง ๆ เพอื่ ชว่ ยใหน้ กั เรยี นสามารถนำ� ความรทู้ ไ่ี ดม้ าประมวลเชอ่ื มโยง
กับความรู้เดมิ และสร้างองค์ความรู้ใหม่ ปรบั ประยกุ ต์ใช้ในเรอ่ื งอนื่ ๆ ได้ ครูควรส่งเสรมิ ให้นกั เรยี น
นำ� ความรู้ใหม่ท่ไี ด้ไปปรับประยุกต์ใช้ในเรอ่ื งอื่น ๆ ต่อไป
6. การวดั และประเมนิ ผล ประเมินจาก
6.1 ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของชุดกิจกรรม (แบบทดสอบก่อนเรียน-หลังเรียน)
10 คะแนน
6.2 ประเมินคะแนนกระบวนการรายชดุ กจิ กรรม ประกอบด้วย
1) ทกั ษะกระบวนการ (9 คะแนน)
(1) สบื ค้นข้อมูล 3 คะแนน
(2) อภปิ ราย/ อธบิ าย 3 คะแนน
(3) จัดกระทำ� และสอ่ื ความหมายข้อมลู 3 คะแนน
2) คุณลักษณะพงึ ประสงค์ (9 คะแนน)
(1) ซอ่ื สตั ย์สจุ ริต 3 คะแนน
(2) ใฝ่เรยี นรู้ 3 คะแนน
(3) มุ่งมัน่ ในการทำ� งาน 3 คะแนน
3) สมรรถนะสำ� คัญ (6 คะแนน)
(1) ความสามารถในการสอ่ื สาร 3 คะแนน
(2) ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต 3 คะแนน
(การท�ำงานทเ่ี น้นกระบวนการกลุ่ม)
4) ความรู้ ความเข้าใจ (จากบัตรกจิ กรรม E5) 10 คะแนน
7. เมื่อส้ินสุดการปฏิบัติกิจกรรม ให้นักเรียนเก็บชุดกิจกรรม วัสดุ สิ่งของและอุปกรณ์ให้
เรียบร้อย เพ่อื สะดวกในการใช้ครง้ั ต่อไป
ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้แบบสบื เสาะหาความรู้ 5 ขั้น รายวชิ าเคมี 1 ชดุ ท่ี 2 พนั ธะโคเวเลนต์ 1 6
คำ� แนะนำ� การใช้ชดุ กจิ กรรมการเรยี นร้แู บบสบื เสาะหาความรู้ 5 ขัน้
สำ� หรับนกั เรยี น
การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้โดยใช้ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขนั้
รายวิชาเคมี 1 เร่อื ง พันธะเคมี ของนักเรยี นชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 โรงเรียนมหาวชริ าวุธ
จังหวดั สงขลา หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 2 พันธะเคมี ชดุ ที่ 2 พันธะโคเวเลนต์ 1 ให้นักเรยี นปฏบิ ัติตาม
ขน้ั ตอน และให้ความซ่อื สัตย์ต่อตนเอง ดงั น ้ี
1. ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้แบบสบื เสาะหาความรู้ 5 ขัน้ ชุดท่ี 2 พันธะโคเวเลนต์ 1 ใช้เวลา
ในการเรยี นรู้ 4 ชั่วโมง
2. แบ่งกลุ่มนกั เรยี นกลุ่มละ 4-5 คน โดยคละความสามารถ ประกอบด้วย นักเรยี นกลุ่มเก่ง
ปานกลาง และอ่อน ให้สมาชกิ จับสลากเพ่อื ท�ำหน้าที่ภายในกลุ่ม ประกอบด้วย
ประธานกลุ่ม ทำ� หน้าท่ี ประสานงานกบั ครูและสมาชกิ ในกลุ่มเพ่อื ท�ำกจิ กรรมต่าง ๆ
เลขานุการกลุ่ม ทำ� หน้าท่ี จดบันทกึ ข้อมลู
ผู้อ่าน ท�ำหน้าท่ี อ่านคำ� สั่งจากชุดกจิ กรรมการเรียนรู้ในขนั้ ต่าง ๆ
ผู้น�ำเสนอ ท�ำหน้าท่ี น�ำเสนอผลงานของกลุ่มในขนั้ E3
ผู้อำ� นวยความสะดวก ท�ำหน้าท่ี อ�ำนวยความสะดวกในกลุ่ม
3. อ่านคำ� ชี้แจง คำ� แนะน�ำการใช้ชุดกจิ กรรม ขั้นตอนการใช้ชดุ กจิ กรรม ให้เข้าใจก่อนลงมอื
ศึกษา โดยใช้ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้แบบสบื เสาะหาความรู้ 5 ขน้ั
4. ศึกษาผลการเรยี นรู้และสาระการเรยี นรู้
5. ปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ ตามขั้นตอนในชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้
5 ข้ัน ซง่ึ มที ้ังหมด 5 กิจกรรม ดังน้ี
E1 สงสัยใคร่รู้
E2 ค้นดูเร่งเสาะหา
E3 ตกผลึกความรู้ มุ่งสู่ข้อสรปุ
E4 เปิดกรอบความคดิ เพมิ่ พนู ความรู้
E5 ประเมินความรู้
6. เม่ือปฏิบัติกิจกรรมเสร็จในแต่ละข้ันตอนของกิจกรรม E1-E5 ให้นักเรียนตรวจสอบ
คำ� ตอบได้จากแนวคำ� ตอบกจิ กรรมการเรยี นรู้แต่ละกจิ กรรม
7. เมื่อนักเรียนท�ำกิจกรรมครบทุกขั้นตอนแล้วครูแจ้งผลการเรียน ถ้าผ่านเกณฑ์ให้ศึกษา
ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขน้ั ชุดท่ี 3 ต่อไป
8. หากไม่ผ่านเกณฑ์ ให้นกั เรยี นศกึ ษาตามขนั้ ตอนใหม่ โดยนดั เวลาครผู ู้สอน เพอ่ื ทำ� กจิ กรรม
จนกว่าจะผ่านเกณฑ์
ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขัน้ รายวชิ าเคมี 1 ชุดท่ี 2 พนั ธะโคเวเลนต์ 1 7
ขอ้ ควรปฏบิ ตั ิ
1. หากมขี ้อสงสัยให้รบี ถามครู เพ่อื ร่วมกันแก้ปญั หาและคล่คี ลายข้อสงสัยนน้ั ๆ
2. เพ่อื ให้เกดิ ประโยชน์สงู สุด ให้นกั เรยี นปฏบิ ัตติ ามขนั้ ตอน มคี วามซื่อสตั ย์ต่อตนเอง
ไม่เปิดดแู นวค�ำตอบจนกว่านักเรยี นจะทำ� กจิ กรรมเสร็จแต่ละขนั้
3. ให้นกั เรยี นมสี ่วนร่วมในทกุ กจิ กรรม และทำ� งานอย่างตง้ั ใจ
ชุดกจิ กรรมการเรยี นรแู้ บบสบื เสาะหาความรู้ 5 ข้นั รายวชิ าเคมี 1 ชดุ ที่ 2 พนั ธะโคเวเลนต์ 1 8
ผลการเรียนรู้และสาระการเรยี นรู้
ผลการเรยี นรู้
สืบค้นข้อมูล อภิปราย อธิบายการเกิดพันธะโคเวเลนต์แบบพันธะเด่ียว พันธะคู่ พันธะสาม
ด้วยโครงสร้างลวิ อิส และเขยี นสูตรพร้อมทง้ั เรยี กช่อื สารโคเวเลนต์ได้
สาระการเรยี นรู้
1. การเกิดพนั ธะโคเวเลนต์
2. ชนิดของพนั ธะโคเวเลนต์
3. การเขยี นสตู รและเรยี กช่ือสารโคเวเลนต์
ทกั ษะ/กระบวนการ
1. สบื ค้นข้อมูล
2. อภปิ ราย/อธบิ าย
3. การจดั กระท�ำและส่อื ความหมายข้อมลู
คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์
1. ซ่ือสัตย์สจุ ริต
2. ใฝ่เรยี นรู้
3. มุ่งมนั่ ในการทำ� งาน
สมรรถนะส�ำคัญ
1. ความสามารถในการส่อื สาร
2. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ
(การท�ำงานท่เี น้นกระบวนการกลุ่ม
ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรูแ้ บบสบื เสาะหาความรู้ 5 ขน้ั รายวชิ าเคมี 1 ชุดท่ี 2 พันธะโคเวเลนต์ 1 9
แบบทดสอบกอ่ นเรยี น
ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้แบบสบื เสาะหาความรู้ 5 ขั้น
ชุดที่ 2 พนั ธะโคเวเลนต์ 1
คำ� ชแี้ จง
1. แบบทดสอบแบบปรนยั ทงั้ หมด 10 ข้อ 4 ตวั เลอื ก คอื ก ข ค และ ง ใช้เวลาทำ�
10 นาที คะแนนเต็ม 10 คะแนน
2. ให้นกั เรยี นเลือกคำ� ตอบท่ีถกู ท่สี ดุ เพยี งค�ำตอบเดียว แล้วทำ� เครอ่ื งหมายกากบาท (X)
ทบั ตวั อักษร ก ข ค และ ง ลงในกระดาษคำ� ตอบ
1. ข้อใดกล่าวถกู ต้องเกย่ี วกับการเกิดพนั ธะโคเวเลนต์
ก. แรงดึงดูดระหว่างอเิ ลก็ ตรอนของธาตโุ ลหะ
ข. การใช้เวเลนซ์อเิ ล็กตรอนธาตุอโลหะกับธาตุอโลหะร่วมกนั
ค. แรงดงึ ดูดระหว่างไอออนบวกของธาตุโลหะและไอออนลบของธาตุอโลหะ
ง. เกิดจากการการให้อเิ ล็กตรอนของธาตโุ ลหะและการรับอเิ ล็กตรอนของธาตุอโลหะ
2. ถ้าการเกดิ พันธะโคเวเลนต์ในโมเลกลุ XY มกี ารเปลยี่ นแปลงพลงั งานดงั รปู ถามว่าระยะระหว่าง
อะตอมทต่ี �ำแหน่งใด ทำ� ให้โมเลกลุ XY มคี วามเสถยี รมากทส่ี ดุ
ก. ต�ำแหน่ง A
ข. ตำ� แหน่ง B
ค. ตำ� แหน่ง C
ง. ต�ำแหน่ง D
ชุดกิจกรรมการเรยี นรแู้ บบสบื เสาะหาความรู้ 5 ข้นั รายวชิ าเคมี 1 ชดุ ที่ 2 พนั ธะโคเวเลนต์ 1 10
3. เมื่ออะตอมคลอรีน 2 อะตอม เคลือ่ นท่ีเข้าใกล้กนั และรวมตวั เป็นโมเลกลุ คลอรนี ณ จุดที่อะตอม
คลอรนี ท้งั สองสร้างพันธะนนั้ เกดิ ปรากฎการณ์ใด
ก. เกิดแรงดงึ ดดู ระหว่างอเิ ลก็ ตรอนและโปรตอน
ข. เกดิ แรงดงึ ดูดและแรงผลักในปรมิ าณเท่ากนั
ค. เกิดแรงดึงดดู มากกว่าแรงผลัก
ง. อะตอมทง้ั คู่มีพลังงานศกั ย์สงู สุด
4. การเกดิ พนั ธะระหวา่ งธาตไุ ฮโดรเจน และธาตฟุ ลอู อรนี มอี เิ ลก็ ตรอนครู่ ว่ มพนั ธะและมอี เิ ลก็ ตรอน
คู่โดดเดย่ี วจำ� นวนกค่ี ู่ ตามลำ� ดับ
ก. อเิ ลก็ ตรอนคู่ร่วมพนั ธะ 1 คู่ อเิ ล็กตรอนคู่โดดเดย่ี ว 2 คู่
ข. อเิ ลก็ ตรอนคู่ร่วมพนั ธะ 1 คู่ อเิ ลก็ ตรอนคู่โดดเด่ยี ว 3 คู่
ค. อเิ ลก็ ตรอนคู่ร่วมพนั ธะ 2 คู่ อเิ ลก็ ตรอนคู่โดดเด่ยี ว 2 คู่
ง. อิเล็กตรอนคู่ร่วมพนั ธะ 2 คู่ อเิ ลก็ ตรอนคู่โดดเด่ยี ว 3 คู่
5. อะตอมของธาตุไนโตรเจนรวมตวั เป็นโมเลกุลเสถยี รมาก เน่อื งจากเหตุผลในข้อใด
ก. พันธะเด่ยี ว
ข. พันธะคู่
ค. พนั ธะสาม
ง. พนั ธะโคออร์ดเิ นตโคเวเลนต์
6. ข้อใดเขยี นสูตรและเรียกชอื่ ของธาตุซลิ คิ อนกับคลอรนี ได้ถูกต้อง
ก. SiCl ซลิ คิ อนคลอไรด์
ข. SSSiiiCC2Cll42l 2ซ ซ ลิ ไลิ ดคิ คิ ซออลินนิคเตไอดตนครไละดคอคลไลรออดไไ์รรดด์ ์
ค.
ง.
7. อะตอมคู่ใดท่ไี ม่รวมตัวกันด้วยพันธะโคเวเลนต์
ก. เหลก็ กับคลอรนี
ข. คลอรนี กับโบรมนี
ค. คาร์บอนกับก�ำมะถัน
ง. ซลิ กิ อนกบั ออกซเิ จน
8 . โ มเลกก. ลุพโันคธเะวเเดลย่ีนวต ์ข พองนั ธCะHค4ู่ , พCนั2Hธ2ะส, าCมO 2 ช นดิ ของพันธะโคเวเลนต์ตรงกบั ข้อใด ตามล�ำดบั
ข. พันธะเด่ยี ว พนั ธะสาม พันธะคู่
ค. พนั ธะคู่ พนั ธะสาม พนั ธะเดย่ี ว
ง. พนั ธะสาม พันธะเดย่ี ว พนั ธะคู่
ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรูแ้ บบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขน้ั รายวชิ าเคมี 1 ชุดที่ 2 พันธะโคเวเลนต์ 1 11
คำ� ช้แี จง ใช้ข้อมูลต่อไปนต้ี อบคำ� ถาม ข้อ 9
ธาตุ เลขอะตอม
A 15
B 30
C 35
D 56
9. การรวมตัวระหว่างธาตใุ ดเกดิ สารโคเวเลนต์
ก. A กับ B
ข. A กบั C
ค. B กับ C
ง. C กับ D
10. ข้อใดต่อไปน้เี ขียนสตู รและเรยี กชอ่ื สารโคเวเลนต์ได้ถกู ต้อง
ก. CO คาร์บอนออกไซด์
ข. PNS22OSO25 ไนโตรเจนมอนออกไซด์
ค. ซลั เฟอร์ไดออกไซด์
ง. ฟอสฟอรสั ซลั ไฟด์
ชดุ กจิ กรรมการเรยี นร้แู บบสบื เสาะหาความรู้ 5 ขน้ั รายวชิ าเคมี 1 ชุดที่ 2 พนั ธะโคเวเลนต์ 1 12
บัตรกจิ กรรม E1 สงสัยใครร่ ู้
พนั ธะโคเวเลนต์ 1 : การเกดิ พนั ธะโคเวเลนต์ ชนดิ พันธะโคเวเลนต์
การเขียนสตู รและเรยี กช่อื สารโคเวเลนต์
ค�ำสัง่ ให้นักเรยี นในกลุ่มร่วมกนั แสดงความคดิ เห็น ช่วยกนั ตอบคำ� ถามและน�ำเสนอค�ำตอบ/แนวคดิ
1. สารในเน้อื เพลงท่คี รูแต่งขนึ้ คอื สารใด
...................................................................................................................................
..................................................................................................................................
2. ให้นกั เรยี นเขยี นสูตรของสารในเน้อื เพลง
...................................................................................................................................
...................................................................................................................................
3. สารในเน้อื เพลง นักเรยี นคดิ ว่าอะตอมของธาตยุ ดึ เหนี่ยวกนั อย่างไร
...................................................................................................................................
..................................................................................................................................
4. นักเรยี นคดิ ว่าการเขียนสตู รสารโคเวเลนต์ ต้องมคี วามรู้ในเร่อื งใดก่อน
...................................................................................................................................
..................................................................................................................................
5. จากเน้ือเพลง เหตใุ ดธาตคุ าร์บอนจงึ เขียนก่อนธาตอุ อกซเิ จน
...................................................................................................................................
..................................................................................................................................
6. ตัวเลขในเนอ้ื เพลง เก่ียวข้องกับการเขยี นสูตรโคเวเลนต์อย่างไร
...................................................................................................................................
..................................................................................................................................
7. เพราะเหตใุ ดสารในเนอ้ื เพลง จงึ ต้องมีธาตุคาร์บอน 1 อะตอม และธาตุออกซเิ จน 2 อะตอม
...................................................................................................................................
..................................................................................................................................
...................................................................................................................................
ชดุ กจิ กรรมการเรยี นร้แู บบสบื เสาะหาความรู้ 5 ข้ัน รายวชิ าเคมี 1 ชดุ ที่ 2 พันธะโคเวเลนต์ 1 13
บัตรเนื้อหา E2 ค้นดูเรง่ เสาะหา
พนั ธะโคเวเลนต์ 1 : การเกดิ พนั ธะโคเวเลนต์ ชนดิ พนั ธะโคเวเลนต์
การเขยี นสูตรและเรยี กชือ่ สารโคเวเลนต์
1. การเกดิ พนั ธะโคเวเลนต์
พนั ธะโคเวเลนตเ์ กดิ ขนึ้ เมอ่ื อะตอม 2 อะตอมทม่ี คี า่ อเิ ลก็ โทรเนกาตวิ ติ ี (EN) สงู และมคี า่ พลงั งาน
ไอออไนเซชันสงู น�ำเวเลนซ์อิเล็กตรอนมาใช้ร่วมกันเป็นคู่ ๆ เพ่ือท�ำให้มีเวเลนซ์อิเล็กตรอนครบ 8
ตามกฎออกเตต ซง่ึ ส่วนใหญ่เป็นธาตอุ โลหะ
ขณะทีอ่ ะตอม 2 อะตอมเคล่ือนท่ี เข้าใกล้กนั จะเกดิ แรงดึงดูดระหว่างอเิ ล็กตรอนกับโปรตอน
ในนวิ เคลยี สของทง้ั สองอะตอม ในขณะเดยี วกนั เกดิ การผลกั ระหวา่ งโปรตอนกบั โปรตอนและระหวา่ ง
อิเลก็ ตรอนกับอเิ ลก็ ตรอน ดงั ภาพท่ี 1
(ท่มี า : https:/ภ/sาitพesท.gี่ 1ooแgบleบ.cจoำ� mล/อsงitแe/ร3ง2ด6งึ 9ด8ูดdแieลwะแ/pรhงaผnลthักaใ-นkโhมoเล-wกลุe-Hle2n-t-1, 2558)
จากภาพท่ี 1 การเกิดพันธะไฮโดรเจนสามารถอธิบายได้โดยใช้การเกิดพันธะโคเวเลนต์ของ
ไฮโดรเจนเป็นต้นแบบ ดงั น้ี
ไฮโดรเจน 1 อะตอมประกอบด้วยโปรตอน 1 โปรตอน และอเิ ลก็ ตรอน 1 อเิ ลก็ ตรอน ในสภาวะ
นไี้ ฮโดรเจนจะมกี ารจดั เรยี งอเิ ลก็ ตรอนเปน็ 1s1ซงึ่ เปน็ การจดั เรยี งอเิ ลก็ ตรอนทไ่ี มเ่ สถยี ร ดงั นน้ั สภาวะ
น้ีอะตอมจะมพี ลังงานสงู และมคี วามเสถียรต่�ำ แต่เมือ่ อะตอมของไฮโดรเจน 2 อะตอม เคล่ือนทเี่ ข้า
มาอยใู่ กลก้ นั จะเกดิ ทง้ั แรงดงึ ดดู ระหวา่ งอเิ ลก็ ตรอนของอะตอมหนงึ่ กบั นวิ เคลยี สของอกี อะตอมหนง่ึ
แรงผลักระหว่างนิวเคลียสของอะตอมหนึ่งกับอิเล็กตรอนของอีกอะตอมหน่ึง ซ่ึงเม่ือท้ัง 2 อะตอม
เคลอ่ื นที่เข้ามาใกล้กนั จดุ หน่งึ และเกดิ สมดลุ ระหว่างแรงดงึ ดูดและแรงผลกั ขน้ึ ผลรวมของแรงนจ้ี ะ
ทำ� ให้นวิ เคลยี สของทงั้ 2 อะตอมไม่แยกออกจากกนั
ชดุ กิจกรรมการเรยี นรแู้ บบสืบเสาะหาความรู้ 5 ข้นั รายวชิ าเคมี 1 ชุดท่ี 2 พนั ธะโคเวเลนต์ 1 14
แรงดงึ ดดู ทที่ ำ� ใหอ้ ะตอมทง้ั สองเขา้ ใกลก้ นั ทำ� ใหพ้ ลงั งานศกั ยร์ วมของระบบลดลง เมอ่ื อะตอม
ทงั้ สองเข้าใกล้กันในระยะทเ่ี หมาะสม ระบบจะมพี ลังงานศกั ย์ต�่ำทสี่ ดุ จะเกดิ แรงยดึ เหนย่ี วระหว่าง
อะตอมทัง้ สอง เรยี กว่า พันธะโคเวเลนต์ ดังภาพท่ี 2
พลงั งานศกั ย์ (kJ/mol)
ภาพท่ี 2 กราฟแสดงการเปล่ยี นแปลงพลังงานในการเกดิ โมเลกลุ ไฮโดรเจน
(ทมี่ า : สขุ ใจ สงิ สาโร, 2558)
จากภาพที่ 2 การเปล่ยี นแปลงพลงั งานในการเกดิ โมเลกลุ ไฮโดรเจน สรปุ ได้ว่า
ช่วงท่ี 1 อะตอมอยู่ห่างกันจึงยังไม่มีแรงกระท�ำระหว่างกัน ระดับพลังงานศักย์ของท้ังสอง
อะตอมจงึ ยังสูงอยู่และไม่เสถียร
ช่วงที่ 2 เมื่ออะตอมเคล่อื นทเี่ ข้ามาใกล้กันเรอ่ื ยๆ จะมีแรงดงึ ดูดและแรงผลักเกดิ ขน้ึ ซ่งึ ช่วงน้ี
แรงดึงดูดมากกว่าแรงผลักจึงเหน่ียวน�ำให้อะตอมท้ังสองเคลื่อนที่เข้าใกล้กันมากขึ้นเร่ือย ๆ ระดับ
พลงั งานของอะตอมกจ็ ะลดลงเร่อื ย ๆ เช่นกัน
ช่วงที่ 3 เมื่ออะตอมเคลื่อนท่ีเข้ามาใกล้กันในระยะท่ีเหมาะสม (74 พิโกเมตร) จะท�ำให้เกิด
ความสมดลุ ระหว่างแรงดงึ ดดู กับแรงผลัก และเกิดเป็นพนั ธะโคเวเลนต์ขนึ้ ช่วงนี้ระบบจะมพี ลงั งาน
ศักย์ต�่ำสุดท�ำให้เกดิ โมเลกุลท่เี สถียร
ช่วงท่ี 4 หากอะตอมเคลอ่ื นทเี่ ข้ามาใกล้มากขึ้น พลงั งานสูงข้ึนจะทำ� ให้แรงผลกั มีค่ามากกว่า
แรงดึงดดู ท�ำให้โมเลกลุ ของสารทเ่ี กิดข้นึ ไม่เสถยี รและไม่สามารถอยู่เปน็ โมเลกลุ ต่อไปได้
ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขน้ั รายวชิ าเคมี 1 ชดุ ที่ 2 พันธะโคเวเลนต์ 1 15
2 . ชนดิ ของพนั ธะโคเวเลนต์
2.1 พนั ธะเดย่ี ว
ธาตุคลอรีน (Cl) มีเวเลนซ์อิเล็กตรอนเท่ากับ 7 (มีการจัดเรียงอิเล็กตรอนเป็น
1s22s2263s23p5) ซ่ึงไม่เสถียร ธาตุคลอรีนต้องการอิเล็กตรอนเพิ่มอีก 1 อิเล็กตรอน เพื่อจัด
เรียงอิเล็กตรอนให้เสถียร (มีการจัดเรียงอิเล็กตรอนเป็น 1s22s22p63s23p6) ดังนั้นคลอรีนท้ัง
สองอะตอมจึงน�ำเวเลนซ์อิเล็กตรอนมาใช้ร่วมกัน 1 คู่ เพื่อให้มีเวเลนซ์อิเล็กตรอนครบ 8 ตาม
กฎออกเตต เขียนแผนภาพและสัญลักษณ์แบบจุดของลิวอิสแสดงการเกิดพันธะได้ ดังภาพท่ี 3
ภาพที่ 3 การเกดิ พนั ธะโคเวเลนต์ในโมเลกลุ แก๊สคลอรนี
(ทม่ี า : สขุ ใจ สงิ สาโร, 2558)
จากภาพท่ี 3 การเกดิ พนั ธะโคเวเลนต์ในโมเลกุลแก๊สคลอรนี เกดิ จากการใช้เวเลนซ์อเิ ล็กตรอน
ร่วมกัน 1 คู่ เรยี กพนั ธะน้วี ่า พันธะเดยี่ ว โดยอิเลก็ ตรอนคู่ทใ่ี ช้ร่วมกัน 1 คู่ ใช้สัญลักษณ์แบบเส้น 1
เส้น เรียกอเิ ล็กตรอนท่ีใช้ร่วมกันว่า อเิ ล็กตรอนคู่ร่วมพนั ธะ ส่วนอเิ ลก็ ตรอนคู่ท่ไี ม่ได้เกดิ พนั ธะ
เรยี กว่า อเิ ล็กตรอนคู่โดดเด่ยี ว ดงั ภาพท่ี 4
ภาพที่ 4 การเกดิ พันธะโคเวเลนต์ชนดิ พันธะเดย่ี ว
(ทม่ี า : สุขใจ สงิ สาโร, 2558)
ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้แบบสบื เสาะหาความรู้ 5 ข้ัน รายวชิ าเคมี 1 ชุดท่ี 2 พนั ธะโคเวเลนต์ 1 16
2.2 พันธะคู่
เท่ากบั 6 เ กกิดากรเากรดิใชพ้เนัวเธละนในซโ์อมเิ ลเล็กกตุลรแอกน๊สรอ่วอมกกซันเิ จ2นค(ู่ Oเพ2)่อื อใหอ้เกปซ็นเิ ไจปนตแาตม่ลกะฎออะอตกอเมตมตีเวเเกลดิ นพซนั ์อธเิ ละโก็ คตเวรอเลนนต์
แบบพันธะคู่ เขยี นแผนภาพและสัญลกั ษณ์แบบจดุ ของลวิ อสิ แสดงการเกดิ พนั ธะได้ ดงั ภาพท่ี 5
ภาพที่ 5 การเกดิ พันธะโคเวเลนต์ในโมเลกุลแก๊สออกซเิ จน
(ทีม่ า : สขุ ใจ สงิ สาโร, 2558)
2.3 พนั ธะสาม
เ ท่ากับ 5 ด กงั นารน้ั เไกนดิ โพตรนั เธจะนใทนง้ัโมสเอลงกอุละแตกอ๊สมไจนะโใตชร้เวเจเลนน(ซN์อ2)เิ ลไน็กโตตรรอเจนนร่วแมตก่ลนัะอ3ะตคอู่ เมพม่อื เี ใวหเล้เปนน็ ซไ์อปเิ ตลา็กมตรอน
กฎออกเตต เกดิ พันธะโคเวเลนซ์ แบบพนั ธะสาม เขียนแผนภาพและสัญลกั ษณ์แบบจดุ ของลวิ อสิ
แสดงการเกดิ พันธะดงั ภาพท่ี 6
ภาพท่ี 6 การเกดิ พันธะโคเวเลนต์ในโมเลกลุ แก๊สไนโตรเจน
(ท่ีมา : สขุ ใจ สงิ สาโร, 2558)
ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ข้นั รายวชิ าเคมี 1 ชดุ ที่ 2 พันธะโคเวเลนต์ 1 17
จากตัวอย่างการเกิดพันธะโคเวเลนต์ของแก๊สคลอรีน แก๊สออกซิเจน และแก๊สไนโตรเจน
จะเห็นว่าพันธะโคเวเลนต์เกิดได้ท้ังพันธะเดี่ยว พันธะคู่ และพันธะสาม การเกิดพันธะโคเวเลนต์
สามารถเขียนแสดงได้ด้วย โครงสร้างลวิ อสิ ซ่งึ อเิ ล็กตรอนคู่ร่วมพนั ธะเขยี นแทนด้วยจดุ หรอื เส้น
โดย 1 เส้น ( ─ ) แทนอเิ ล็กตรอนคู่ร่วมพนั ธะ 1 คู่
2 เส้น ( ═ ) แทนอิเลก็ ตรอนคู่ร่วมพันธะ 2 คู่
3 เส้น ( ≡ ) แทนอเิ ล็กตรอนคู่ร่วมพันธะ 3 คู่
ตวั อย่างโครงสร้างลวิ อสิ ของโมเลกลุ โคเวเลนต์แสดงดังตารางท่ี 1
ตารางที่ 1 ตวั อยา่ งโครงสร้างลวิ อิสของโมเลกุลโคเวเลนต์บางชนดิ
สาร โครงสรา้ งลวิ อสิ
แก๊สคลอรีน (Cl2) Cl - Cl
แก๊สออกซเิ จน (O2)
แก๊สไนโตรเจน (N2)
แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2)
อะเซทลิ นี (C2H2)
จากตารางท่ี 1 พบวา่ โมเลกลุ ประกอบดว้ ยอะตอมมากกวา่ 2 อะตอม อะตอมกลางจะเปน็ ธาตุ
ท่ตี ้องการจำ� นวนอเิ ลก็ ตรอนมากท่สี ุดเพือ่ ให้เป็นไปตามกฎออกเตต
มาศกึ ษาความรู้เพ่มิ เติม
กันเถอะ
ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้แบบสบื เสาะหาความรู้ 5 ขั้น รายวชิ าเคมี 1 ชดุ ท่ี 2 พันธะโคเวเลนต์ 1 18
ความรเู้ พิ่มเตมิ
1. โมเลกลุ ท่ไี มเ่ ป็นไปตามกฎออกเตต
อะตอมของธาตทุ เี่ สถยี รมกั เปน็ ไปตามกฎออกเตต แตอ่ ยา่ งไรกต็ าม พบวา่ ในสารประกอบบาง
ชนดิ จะมจี ำ� นวนอเิ ล็กตรอนไม่เป็นไปตามกฎออกเตต ซ่งึ สามารถแบ่งออกเปน็ 3 ประเภท ดังน้ี
1.1 โมเลกลุ ทไี่ มค่ รบกฎออกเตต สารประกอบของธาตทุ ม่ี เี วเลนซอ์ เิ ลก็ ตรอนนอ้ ยกวา่ 4 เชน่
4BเทB ee่าCกlแ2ับลเตปะ6วั ็นอ5สตBย่ว้นา่ เนงมอ่ืBCeเlกCแดิlล2เะแปล็นFะสมBาเี Fรว3ปเลจรนะะเซกห์ออน็ ิเบวลาโ่ ก็ คBตเeวรเอมลนเีนวเตเทล์แ่านลกซ้วับอ์ จเิ8ะลไก็มคต่ครรบรอบตนาตเมาทมกา่ ฎกกบัฎอออ4กอแเกลตเะตตตBดมงัเชภเี ว่นาเลพBนทFซ3่ี 7อ์, เิBลCก็ l3ตรแอลนะ
ภาพที่ 7 โมเลกุลท่ไี ม่ครบตามกฎออกเตต
(ท่มี า : สขุ ใจ สงิ สาโร, 2558)
1.2 โมเลกลุ ทเ่ี กนิ กฎออกเตต สารประกอบของธาตทุ อ่ี ยใู่ นคาบท่ี 3 ของตารางธาตเุ ปน็ ตน้ ไป
สามารถสรา้ งพนั ธะแล้วทำ� ใหอ้ เิ ลก็ ตรอนเกนิ 8 (ตามกฎการจดั อเิ ลก็ ตรอน 2n2 ในคาบที่ 3 สามารถ
มอี เิ ลก็ ตรอนไดเ้ ตม็ ทถี่ งึ 18 อเิ ลก็ ตรอน) โดยสว่ นใหญแ่ ลว้ ธาตทุ เ่ี กนิ ออกเตต มกั เปน็ ธาตฟุ อสฟอรสั
(P) ซลั เฟอร์ (S) และโลหะแทรนซชิ นั เป็นต้น
โซม่งึ เเลกกินลุ กฎPCอlอ5กธเาตตตุ Pดเังกภิดาพพันทธ่ี 8ะกบั Cl รวม 5 พันธะจงึ มเี วเลนซ์อิเลก็ ตรอนเท่ากบั 10
ภาพท่ี 8 (โทมีม่ เลาก:ุลสPขุ Cใจl5 ทีเ่ กนิ 8 ตามกฎออกเตต
สงิ สาโร, 2558)
ชุดกจิ กรรมการเรยี นรแู้ บบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขน้ั รายวชิ าเคมี 1 ชดุ ท่ี 2 พันธะโคเวเลนต์ 1 19
ซ ่งึ เกนิ กฎโอมอเลกกเตลุ ตSดFงั6ภธาาพตทุ S่ี 9เกดิ พันธะกับ F รวม 6 พันธะจงึ มเี วเลนซ์อเิ ลก็ ตรอนเท่ากับ 12
ภาพท่ี 9 (โทมี่มเลาก:ลุ สขุSใFจ6 ที่เกิน 8 ตามกฎออกเตต
สงิ สาโร, 2558)
จงึ รวมเป็น โ1ม0เลอกเิ ลลุ ็กตICรl3อธนาซตง่ึุ Iเกเกนิ ดิ กพฎนัอธอะกกเตบั ตCดl รงั ภวมาพ3ทพ่ี 1ัน0ธะและมอี เิ ล็กตรอนคู่โดดเด่ยี ว 2 คู่
ภาพท่ี 10(ทโม่ีมเาลก: ุลสขุ ICใจl3 ท่เี กิน 8 ตามกฎออกเตต
สงิ สาโร, 2558)
1.3 โมเลกลุ ท่มี จี ำ� นวนอเิ ล็กตรอนเป็นเลขค่ี มักเกิดกับธาตุ N หรอื Cl ท่มี อี ิเลก็ ตรอน
ไม่ได้จับคู่หรอื อิเล็กตรอนเด่ยี ว เช่น NO NO2 ClO2
2. พันธะโคออร์ดเิ นตโคเวเลนต์
คอื พนั ธะโคเวเลนต์ท่เี กดิ ขน้ึ โดยอะตอมหนงึ่ เป็นตัวให้คู่อเิ ลก็ ตรอนเพอ่ื เกดิ พันธะ มักเกดิ
กับโมเลกุลท่ีมอี เิ ลก็ ตรอนคู่โดดเดย่ี วเหลอื อยู่เแล้วเมือ่ ใช้ไปแล้วกม็ จี ำ� นวนอเิ ล็กตรอนวงนอกไม่เกนิ
8 ตัวอย่างเช่น แHอ+ มในโมกเานรยี สมรไ้าองอพอันนธะ(NดHงั 4ภ+)าซพึง่ ทเก่ี 1ิด1จาก H+ + NH3 ได้ผลติ ภณั ฑ์เปน็ NH4+ โดย N ให้คู่
อิเลก็ ตรอนกบั
ชดุ กิจกรรมการเรยี นร้แู บบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น รายวชิ าเคมี 1 ชดุ ท่ี 2 พันธะโคเวเลนต์ 1 20
ภาพที่ 11 พนั ธะโคออร์ดเิ นตโคเวเลนต์
(ทีม่ า : สุขใจ สงิ สาโร, 2558)
โค มู่โดเลดกเแลุดอแีย่ มอวอโมมยโเมู่น1เยีนคมยีู่ เไมอ(Nือ่อHแอ3อน)มป(โNรมHะเ4กน+)อยี เบทกดำ�ดิ ป้วจยฏาพกิกปนัิริยฏธาะกิ กโริ คบัยิ เไาวฮรเโละดหนรวตเา่จ์ Nงนแ-ไอHอมอ3โอมพนเนนั (ยีHธ+ะ()NแแHลอ3ะ)มทกโ่ไี มบั นเไโนฮตยีโรดจเรจะเนสจมรน้าอีไองิเพลอก็นัอตธนะร(กอHับน+)
ไฮโดรเจนไอออน โดยให้ไฮโดรเจนไอออนซึ่งไม่มีอิเล็กตรอน ใช้อิเล็กตรอนคู่โดดเด่ียวที่ไนโตรเจน
1 คู่ร่วมกนั เกดิ เป็นพันธะโคออรด์ เิ นตโคเวเลนต์ ยึดระหว่าง NH3 กบั H+
ตัวอยา่ ง พนั ธะโคออร์ดเิ นตโคเวเลนต์โมเลกลุ NH3-BF3 ดังภาพที่ 12
ภาพที่ 12 พันธะโคออร์ดเิ นตโคเวเลนต์โมเลกลุ NH3-BF3
(ทมี่ า : สขุ ใจ สงิ สาโร, 2558)
จากภาพท่ี 12 แก๊สโบรอนไตรฟลูออไรด์สามารถท�ำปฏิกิริยากับแก๊สแอมโมเนียเกิดเป็น
ใสนารBปFร3ะทก�ำอใหบ้อNะHต3อ-มBโFบ3รโอดนยม(Bพี )นั มธเี ะวโเคลอนอซร์อ์ดเิ ลเิ นก็ ตตโรคอเวนเคลรนบต์เ8กดิตขาน้ึมรกะฎหอวอ่ากงเอตะตตอม N ใน NH3 กบั B
ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ข้ัน รายวชิ าเคมี 1 ชุดท่ี 2 พันธะโคเวเลนต์ 1 21
3. การเขยี นสูตรและเรยี กชื่อสารโคเวเลนต์
3.1 การเขยี นสูตรสารโคเวเลนต์
สูตรโมเลกลุ ของสารโคเวเลนต์ โดยทว่ั ไปเขยี นสญั ลักษณ์ของธาตุองค์ประกอบ โดยเรยี ง
ลำ� ดับจากค่าอิเลก็ โทรเนกาตวิ ิตนี ้อยไปมาก พร้อมทง้ั ระบุจำ� นวนอะตอมของธาตทุ ่มี จี ำ� นวน
นอะยิ ตมอเขมยี มนาสกญั กวล่ากั ษ1 ณอะ์ขตอองมธาเตชทุ่นเ่ี ปCO็นอ2 ะCตCอl4มSไFว6้ขแ้าลงหะนN้า2Oท4งั้ ยทกี่ธเาวต้นไุ สนาโรตบราเจงนชนแลดิ ะเธชา่นตNคุ Hาร3์บแอลนะมCคี H่า4อทิ ่ี
เลก็ โทรเนวาตวิ ติ ีสงู กว่าธาตุไฮโดรเจน
3.2 การเรียกช่อื สารโคเวเลนต์
1. สารโคเวเลนต์ท่ปี ระกอบด้วยธาตุชนดิ เดียวกนั เรยี กตามช่อื ธาตุนน้ั ซง่ึ ธาตเุ หล่าน้ี
ส่วนใหญ่ มสี ถานะแก๊สทอ่ี ุณหภมู หิ ้อง จงึ นิยมเรยี กชอ่ื โดยระบสุ ถานะด้วย เช่น O2 เรยี กว่า
แก๊สออกซเิ จน
2. สารโคเวเลนต์ท่ปี ระกอบด้วยธาตุ 2 ชนดิ ให้เปลย่ี นพยางค์ของธาตตุ ัวท้ายเปน็ ไ-ด์ (ide)
และระบุจ�ำนวนอะตอมธาตุองค์ประกอบในโมเลกุล ด้วยค�ำในภาษากรีก ดังตารางท่ี 2 ยกเว้น
คกรารณ์บีทอ่ีธนาไตดุแซรัลกไฟมีเดพ์ ียแงตอ่ถะ้าตธอามตเุหดลียังวมีเไพมีย่ตง้อองะรตะอบมุจเ�ำดนียววนตอ้อะงตระอบมุจข�ำอนงวธนาอตะุนต้ันอมเชน่นั้นดC้วSย2 เรียกว่า
เรียกว่า คลอรนี มอนอฟลูออไรด์ เช่น ClF
ตารางที่ 2 จ�ำนวนอะตอมในภาษากรกี ท่ใี ชเ้ รยี กชื่อสารโคเวเลนต์
จำ� นวน 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10
อะตอม
คำ� ระบุ มอนอ ได ไตร เตตระ เพนตะ เฮกซะ เฮปตะ ออกตะ โนนะ เดคะ
จำ� นวน (mono) (di) (tri) (tetra) (penta) (hexa) (hepta) (octa) (nona) (deca)
การเรียกชอ่ื สารโคเวเลนต์ทเ่ี ปน็ สารประกอบออกไซด์ นอกจากเรยี กช่ือตามหลกั การข้างต้น
แล้วยังนิยมเรียกชื่อโดยตัดสระตัวสุดท้ายของค�ำท่ีระบุจ�ำนวนอะตอมออก เช่น CO นิยมเรียกเป็น
จคteำ�าtนrรo์บวxนอidทนeเี่ม)ปอแ็นนตพอ่ ยกCาไOงซ2คด์เเ์ดร(ยีียcaวกrวb่าoคnาmร์บonอoนxไidดeอ)อNก2ไOซ4ดน์ ยิ(cมaเrรbยีonกเdปi็นoxไดidไeน)โตโดรยเจไมน่เมตีกตารรอตกัดไสซรดะ์ ข(dอinงiคtr�ำoรgะeบnุ
ชุดกจิ กรรมการเรยี นรแู้ บบสบื เสาะหาความรู้ 5 ข้ัน รายวชิ าเคมี 1 ชดุ ที่ 2 พนั ธะโคเวเลนต์ 1 22
นอกจากน้ีสารบางชนิดยังมีช่ือท่ีเรียกโดยไม่เป็นไปตามหลักการข้างต้นครบทุกประการ เช่น
HCl นยิ มเรียกว่า ไฮโดรเจนคลอไรด์ (hydrogen chloride) แทนที่จะเรียกว่า ไฮโดรเจนมอนอคลอไรด์
(hydrogen monochloride) สตู รโมเลกลุ และชอ่ื ของสารโคเวเลนต์บางชนดิ แสดงดังตารางท่ี 3
ตารางที่ 3 ตัวอย่างสตู รโมเลกลุ และการเรยี กช่ือสารโคเวเลนต์
สารโคเวเลนต์ การเรยี กช่อื
H2S ไดไฮโดรเจนมอนอซลั ไฟด์ (dihydrogen monosulfide)
หรอื นิยมเรยี กว่า ไฮโดรเจนซัลไฟด์ (hydrogen sulfide)
BF3 โบรอนไตรฟลอู อไรด์ (boron trifluoride)
ไดคลอรนี มอนออกไซด์ (dichlorine monooxide)
Cl2O หรอื นิยมเรยี กว่า ไดคลอรนี มอนอกไซด์ (dichlorine monoxide)
ไดคลอรนี เฮปตะออกไซด์ (dichlorine heptaoxide)
Cl2O7 หรือนยิ มเรยี กว่า ไดคลอรนี เฮปตอกไซด์ (dichlorine heptoxide)
เตตระฟอสฟอรสั เดคะออกไซด์ (tetraphosphorus decaoxide)
P4O10 หรอื นิยมเรยี กว่า เตตระฟอสฟอรัสเดคอกไซด์ (tetraphosphorus decoxide)
ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรแู้ บบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขน้ั รายวชิ าเคมี 1 ชุดท่ี 2 พนั ธะโคเวเลนต์ 1 23
บตั รกิจกรรม E2 คน้ ดเู รง่ เสาะหา
พนั ธะโคเวเลนต์ 1 : การเกดิ พนั ธะโคเวเลนต์ ชนดิ พันธะโคเวเลนต์
การเขียนสูตรและเรยี กชื่อสารโคเวเลนต์
แนวปฏบิ ตั ิ
1. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ รว่ มกนั ศกึ ษาชดุ กจิ กรรมการเรยี นร้แู บบ 5 ขน้ั ชดุ ที่ 2 พนั ธะโคเวเลนต์ 1
จากกจิ กรรมทก่ี ำ� หนดให้
2. ตัวแทนกลุ่ม ๆ ละ 2 คน รบั อปุ กรณ์การทำ� กจิ กรรม
3. ปฏิบตั ิกิจกรรมตามวธิ กี ารท�ำกจิ กรรมท่รี ่วมกนั ศกึ ษา
4. บนั ทกึ ผลลงในแบบบนั ทกึ ผลกจิ กรรม อภปิ รายผลการทำ� กจิ กรรม สรปุ ผลการทำ� กจิ กรรม
พร้อมทงั้ ตอบคำ� ถามหลังให้ถกู ต้อง
กิจกรรมท่ี 1 การสบื คน้ ข้อมูลพนั ธะโคเวเลนต์ 1 : การเกดิ พนั ธะโคเวเลนต์ ชนดิ พนั ธะ
โคเวเลนต์ และการเขยี นสตู รและเรยี กช่อื สารโคเวเลนต์
จดุ ประสงค ์
1. อธบิ ายการเกิดพนั ธะโคเวเลนต์ได้
2. ระบุชนดิ ของพนั ธะโคเวเลนต์ได้
3. การเขียนสูตรและเรยี กชอื่ สารโคเวเลนต์ได้
วิธกี ารท�ำกจิ กรรมท่ี 1
1. ให้นกั เรยี นสืบค้นและวเิ คราะห์ข้อมลู ความหมายการเกดิ พนั ธะโคเวเลนต์ ชนดิ พนั ธะ
โคเวเลนต์ การเขยี นสตู รและการเรยี กชือ่ สารโคเวเลนต์จากบตั รเน้อื หา หรอื สืบค้นจาก
อนิ เทอร์เนต็ แล้วบันทกึ กิจกรรมในแบบบันทกึ ผลกจิ กรรม
2. สะท้อนความคดิ หลังทำ� กิจกรรม
ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น รายวชิ าเคมี 1 ชดุ ท่ี 2 พันธะโคเวเลนต์ 1 24
กจิ กรรมท่ี 2 ชนิดของพนั ธะโคเวเลนต์ จ�ำนวน/กลุ่ม
32 แผ่น
จดุ ประสงค ์ 1 อนั
ระบุชนิดของพันธะโคเวเลนต์ได้ 1 เล่ม
วัสดอุ ปุ กรณ์ 1 ม้วน
1 อนั
ท่ี รายการ 1 ซอง
1 บัตรชือ่ ธาตขุ นาด 5.5 x 7.5 เซนตเิ มตร
2 กรรไกร
3 ปากกาเคมี
4 เชือกด้ายดบิ
5 เครอื่ งเจาะรกู ระดาษ
6 ซองใส่บตั รค�ำ
ตวั อยา่ ง บตั รช่อื ธาตกุ จิ กรรมการเกดิ พนั ธะโคเวเลนต์และชนดิ พันธะโคเวเลนต์
- น�ำกระดาษสหี รอื กระดาษ A4 ท่คี รูทำ� การ์ดให้ เรยี บร้อยแล้วโดยเขยี นธาตุแผ่นละ 1
ตัวอย่าง ดงั ภาพท่ี 13
ภาพท่ี 13 บตั รชอ่ื ธาตุ
(ท่มี า : สุขใจ สงิ สาโร, 2558)
ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น รายวชิ าเคมี 1 ชดุ ที่ 2 พันธะโคเวเลนต์ 1 25
ตวั อย่าง ธาตทุ ท่ี ำ� บัตรชื่อธาตุ ดงั ตารางท่ี 4
ตารางท่ี 4 การทำ� บตั รช่อื ธาตุในการทำ� กจิ กรรม
ธาตุ จ�ำนวนธาตุ (แผน่ )
B2
Be 2
N3
C3
S4
Cl 5
O5
F6
H8
วิธกี ารท�ำกจิ กรรม
1. ตวั แทนกลุ่มออกมาจบั สลากโมเลกุล กลุ่มละ 5 โมเลกลุ โดยใน 5 โมเลกุลจะมีชนดิ ของ
พนั ธะโคเวเลนต์ เปน็ พนั ธะเดย่ี ว พนั ธะคู่และพันธะสาม
2. น�ำบัตรของธาตตุ ามตารางท่ี 4 เพ่ือต่อเปน็ โมเลกลุ ในแบบบนั ทกึ ผลกิจกรรม E2
3. เขียนสญั ลักษณ์แบบจดุ ของลวิ อสิ รอบ ๆ อะตอมของธาตุนน้ั ๆ ท่จี ะต่อเป็นโมเลกุล
4. เจาะรตู ามจดุ ทเ่ี ขยี นไว้ในข้อท่ี 2
5 นำ� ด้ายดบิ มาร้อยอะตอมของธาตุเพ่อื รวมเป็นสารโคเวเลนต์ตามกฎออกเตต
6. ร่วมกันวิเคราะห์ธาตุตามบัตรชื่อธาตุท่ีได้รับ บันทึกข้อมูลในแบบบันทึกผลการท�ำ
กิจกรรม
7. อภิปรายผลการท�ำกจิ กรรม สรปุ ผลการท�ำกจิ กรรม และตอบคำ� ถามหลังท�ำกจิ กรรม
8. สะท้อนความคดิ หลงั ท�ำกิจกรรม
ชุดกจิ กรรมการเรยี นรแู้ บบสบื เสาะหาความรู้ 5 ขน้ั รายวชิ าเคมี 1 ชุดที่ 2 พันธะโคเวเลนต์ 1 26
กจิ กรรมท่ี 3 เกมสตู รโมเลกุลและช่อื สารโคเวเลนต์
จดุ ประสงค ์
เขียนสตู รและเรยี กชอื่ สารโคเวเลนต์ได้
วสั ดอุ ุปกรณ์
ที่ รายการ จำ� นวน/กลุม่
1 แบบลกู บาศก์ในกระดาษแขง็ 2 ลกู
2 ปากกาเมจิ 1 กล่อง
3 กาว 1 ขวด
วิธีการทำ� กิจกรรม
1. ครเู ตรยี มแบบลูกบาศก์ลงกระดาษแขง็ ให้นักเรยี น
2. ให้นักเรยี นใช้ปากกาเมจิกเขยี นสญั ลกั ษณ์ของธาตุ ดังภาพท่ี 14
ภาพที่ 14 แบบลกู บาศก์กจิ กรรมเขยี นสตู รโมเลกุลและอ่านช่อื สารโคเวเลนต์
(ทมี่ า : สุขใจ สงสาโร, 2558)
3. ตดั กระดาษตามแบบแล้วสร้างเป็นลกู บาศก์ กลุ่มละ 1 ชดุ (2 ลูกบาศก์ ตามข้อ 2)
4. ให้นักเรยี นโยนลกู บาศก์ 2 ลูก พร้อมกัน แล้วเขยี นสตู รและชอ่ื สารโคเวเลนต์ให้ได้มากท่สี ุด
ภายในเวลา 2 นาที แล้วบนั ทกึ ผลในแบบบันทึกผลการทำ� กจิ กรรม
5. เมอ่ื นักเรยี นทำ� กิจกรรมเสร็จส้นิ ให้นักเรียนอภปิ รายและสรปุ ผลการท�ำกจิ กรรม และ
ตอบคำ� ถามหลงั การท�ำกจิ กรรม
6. สะท้อนความคดิ หลงั ท�ำกจิ กรรม
ชุดกจิ กรรมการเรยี นรแู้ บบสบื เสาะหาความรู้ 5 ขน้ั รายวชิ าเคมี 1 ชดุ ท่ี 2 พนั ธะโคเวเลนต์ 1 27
แบบบนั ทกึ ผลกจิ กรรม E2 คน้ ดูเรง่ เสาะหา
พันธะโคเวเลนต์ 1 : การเกดิ พนั ธะโคเวเลนต์ ชนดิ พนั ธะโคเวเลนต์
การเขยี นสตู รและเรยี กชอ่ื สารโคเวเลนต์
สมาชิกกลมุ่ ท่.ี ................ เลขท.่ี .........ชน้ั ...........
1. ชื่อ.......................................................... ทำ� หน้าท่ี ............. เลขท.ี่ .........ชน้ั ...........
2. ช่ือ........................................................ ท�ำหน้าท่ี ............. เลขท.่ี .........ชน้ั ...........
3. ชือ่ ........................................................ ทำ� หน้าท่ี ............. เลขท.่ี .........ชน้ั ............
4. ชื่อ........................................................ ทำ� หน้าท่ี ............. เลขท.่ี .........ชน้ั ............
5. ชื่อ........................................................ ทำ� หน้าท่ี .............
กจิ กรรมท่ี 1 การสืบค้นข้อมลู พันธะโคเวเลนต์ 1 : การเกดิ พันธะโคเวเลนต์ ชนดิ พันธะ
โคเวเลนต์ และการเขยี นสตู รและเรยี กชอื่ สารโคเวเลนต์
จุดประสงค์
1. อธบิ ายการเกิดพนั ธะโคเวเลนต์ได้
2. ระบุชนดิ ของพันธะโคเวเลนต์ได้
3. การเขียนสตู รและเรยี กช่ือสารโคเวเลนต์ได้
แบบบันทกึ ผลการทำ� กจิ กรรม
-การเกิดพนั ธะโคเวเลนต์..........................................................................................
.....................................................................................................................................
.....................................................................................................................................
.....................................................................................................................................
.....................................................................................................................................
.....................................................................................................................................
.....................................................................................................................................
.....................................................................................................................................
.....................................................................................................................................
- แบบจ�ำลองแรงดงึ ดดู และแรงผลกั ในโมเลกลุ H2
ชดุ กจิ กรรมการเรยี นร้แู บบสบื เสาะหาความรู้ 5 ข้นั รายวชิ าเคมี 1 ชุดท่ี 2 พันธะโคเวเลนต์ 1 28
- กราฟการเปลย่ี นแปลงพลงั งานในการเกดิ โมเลกลุ ไฮโดรเจน
- ชนดิ ของพนั ธะโคเวเลนต์.......................................................................................
.....................................................................................................................................
.....................................................................................................................................
.....................................................................................................................................
.....................................................................................................................................
.....................................................................................................................................
.....................................................................................................................................
- การเขยี นสตู รและเรยี กชอ่ื สารโคเวเลนต์.................................................................
.....................................................................................................................................
.....................................................................................................................................
.....................................................................................................................................
.....................................................................................................................................
ชุดกจิ กรรมการเรยี นร้แู บบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขัน้ รายวชิ าเคมี 1 ชุดท่ี 2 พันธะโคเวเลนต์ 1 29
กิจกรรมท่ี 2 ชนิดของพนั ธะโคเวเลนต์
จดุ ประสงค ์
ระบุชนิดของพันธะโคเวเลนต์ได้
บันทึกผลการท�ำกจิ กรรม
สูตรเคมี เวเลนซ์ จำ� นวนเวเลนซ์ โครงสร้างแบบจุด ชนดิ ของ อเิ ล็กตรอน
อิเล็กตรอน อเิ ล็กตรอน ของลิวอสิ พันธะ คู่โดดเดย่ี ว/
ของแต่ละ อิเลก็ ตรอนคู่
ท้ังหมด ร่วมพนั ธะ
อะตอม
อภปิ รายผลการท�ำกจิ กรรม
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................………………………………………………………………………………………………………………………………………
ชดุ กิจกรรมการเรยี นรแู้ บบสบื เสาะหาความรู้ 5 ขั้น รายวชิ าเคมี 1 ชดุ ที่ 2 พันธะโคเวเลนต์ 1 30
สรปุ ผลการท�ำกจิ กรรม
....................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
คำ� ถามหลังการทำ� กจิ กรรม
1. โครงสร้างแบบจุดของลวิ อสิ ใช้สง่ิ ใดในการยดึ เหนย่ี วระหว่างอะตอมของธาตุ
.................................................................................................................................................
2......โ.ค...ร..ง.ส...ร..้า..ง.โ..ม..เ.ล...ก..ุล..แ...ก..๊ส..อ...อ..ก..ซ...เิ .จ..น....(.O..2.)...ม..ีอ...ิเ.ล..ก็..ต...ร..อ..น..ค...ู่ร..่ว..ม..พ...นั ..ธ..ะ..ก...ค่ี ..ู่.อ...ิเ.ล..ก็...ต..ร..อ..น...ค..ู่โ.ด...ด..เ.ด...่ยี ..ว..ก..่ีค...ู่ ..
..................................................................................................................................................
3. จากกจิ กรรม พันธะเดย่ี ว พันธะคู่และพนั ธะสาม ของกลุ่มนักเรยี นคือสารใด
....................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
..
ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขน้ั รายวชิ าเคมี 1 ชุดที่ 2 พนั ธะโคเวเลนต์ 1 31
กจิ กรรมท่ี 3 เกมสตู รโมเลกุลและช่อื สารโคเวเลนต์
จุดประสงค ์
เขียนสตู รและเรยี กชื่อสารโคเวเลนต์ได้
แบบบันทกึ ผลการทำ� กจิ กรรม
ธาตุ สูตรโมเลกลุ ชื่อสาร
ลกู บาศก์ 1 ลูกบาศก์ 2
อภิปรายผลการท�ำกจิ กรรม
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………............
ชุดกิจกรรมการเรยี นรูแ้ บบสบื เสาะหาความรู้ 5 ขน้ั รายวชิ าเคมี 1 ชดุ ท่ี 2 พันธะโคเวเลนต์ 1 32
สรปุ ผลการท�ำกิจกรรม
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
คำ� ถามหลงั การทำ� กจิ กรรม
1. ในการทำ� กจิ กรรม หลักการอ่านชอ่ื สารโคเวเลนต์ใดบ้างท่ไี ม่เปน็ ไปตามหลักการ
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. จงเขียนสูตรและเรยี กช่ือของสารโคเวเลนต์ลงในช่องว่างจากตารางให้ถกู ต้อง
สตู ร ชอื่ สาร
CCl4 ………………………………………………………………………………………………
................... ซนี อนเตตระฟลอู อไรด์ (xenon tetrafluoride)
................... โบรมีนเพนตะฟลอู อไรด์ (bromine pentafluoride)
PH3
………………………………………………………………………………………………
................... แอนทโิ มนไี ตรโบร์ไมด์ (antimony tribromide)
SeF6
………………………………………………………………………………………………
................... ไดซลิ ิคอนเฮกซะโบร์ไมด์ (disilicon hexabromide)
P2O5
………………………………………………………………………………………………
................... ไดฟอสฟอรสั ไตรซลั ไฟด์ (diphosphorus trisulfide)
..................
ไดไนโตรเจนเพนตะซลั ไฟด์ (dinitrogen pentasulfide)
ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ข้ัน รายวชิ าเคมี 1 ชดุ ท่ี 2 พันธะโคเวเลนต์ 1 33
บัตรกิจกรรม E3 ตกผลกึ ความรู้ มงุ่ สู่ข้อสรปุ
พันธะโคเวเลนต์ 1 : การเกดิ พนั ธะโคเวเลนต์ ชนดิ พนั ธะโคเวเลนต์
การเขียนสตู รและเรยี กชอ่ื สารโคเวเลนต์
ค�ำส่ัง ให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายและสรุป เร่ือง พันธะโคเวเลนต์ 1 : การเกิดพันธะโคเวเลนต์
ชนดิ พันธะโคเวเลนต์ การเขยี นสูตรและเรยี กชอ่ื สารโคเวเลนต์ ในรปู แผนท่คี วามคดิ
ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น รายวชิ าเคมี 1 ชดุ ที่ 2 พันธะโคเวเลนต์ 1 34
บัตรกิจกรรม E4 เปิดกรอบความคดิ เพ่มิ พูนความรู้
พนั ธะโคเวเลนต์ 1 : การเกดิ พันธะโคเวเลนต์ ชนดิ พันธะโคเวเลนต์
การเขยี นสูตรและเรยี กชื่อสารโคเวเลนต์
ชอื่ ..................................................................................... เลขท่.ี ................ ช้นั ................
ค�ำสั่ง ให้นักเรียนอ่านบทความแล้วช่วยกันระดมความคิดเพ่ือตอบค�ำถามต่อไปน้ีให้ถูกต้องและ
ชดั เจนที่สดุ
ภาพท่ี 15 The chemistry of ocean acidification
(ที่มา : https://www.compoundchem.com, สบื ค้นเมอื่ วันท่ี 10 มกราคม 2558)
ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรูแ้ บบสบื เสาะหาความรู้ 5 ขั้น รายวชิ าเคมี 1 ชุดที่ 2 พนั ธะโคเวเลนต์ 1 35
1. จากบทความข้างต้น สารใดเป็นสารโคเวเลนต์ และเป็นโคเวเลนต์ชนดิ ใด
2. จากปรากฏการณ์ทะเลกรด นักวทิ ยาศาสตร์ค้นพบหลกั ฐานว่าส่งผลกระทบต่อสัตว์น้�ำจ�ำพวก
มีเปลอื ก ให้นักเรยี นเขยี นสตู รโครงสร้างสารโคเวเลนต์
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
3. ประมาณ ปี ค.ศ. 2100 ค่า pH ในนำ้� ทะเลจะเท่ากับ 7.7 นักเรยี นคดิ ว่ามคี วามเป็นไปได้หรือไม่
อย่างไร และจะมผี ลกระทบถงึ มนุษย์อย่างไร
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
4. จากปรากฏการณ์ทะเลกรดส่งผลกระทบต่อระบบนเิ วศทางทะเลอย่างไร
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้แบบสบื เสาะหาความรู้ 5 ขนั้ รายวชิ าเคมี 1 ชุดที่ 2 พันธะโคเวเลนต์ 1 36
บตั รกจิ กรรม E5 ประเมนิ ความรู้
พันธะโคเวเลนต์ 1 : การเกดิ พนั ธะโคเวเลนต์ ชนดิ พันธะโคเวเลนต์
การเขียนสูตรและเรยี กชอ่ื สารโคเวเลนต์
คำ� ส่ัง ให้นักเรยี นแต่ละคนตอบค�ำถามต่อไปน้ใี ห้ถูกต้องและสมบูรณ์ทส่ี ุด
1. พันธะโคเวเลนต์เกดิ ข้ึนได้อย่างไร (1 คะแนน)
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
2. เมื่ออะตอมคลอรีน 2 อะตอม เคล่ือนท่ีเข้าใกล้กันและรวมตัวกันเป็นโมเลกุลคลอรีนจะมีการ
เปลยี่ นแปลงพลังงานศกั ย์อย่างไร (1 คะแนน)
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
3. พนั ธะโคเวเลนต์มกี ี่ชนิด อะไรบ้าง (1 คะแนน)
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
4. เขียนโครงสร้างลิวอิสตามกฎออกเตต พร้อมทั้งระบุจ�ำนวนอิเล็กตรอนคู่ร่วมพันธะและจ�ำนวน
อิเล็กตรอนคู่โดดเด่ยี วในโมเลกุลต่อไปน้ี (2 คะแนน)
ขอ้ สารโคเวเลนต์ โครงสร้างลวิ อิส อิเลก็ ตรอน อเิ ลก็ ตรอน
ครู่ ่วมพนั ธะ คู่โดดเด่ยี ว
4.1 I2 ........................................... ............. ..........
4.2 CS2 ........................................... ............. ..........
4.3 HCN ........................................... ............. ..........
4.4 H2O2 ........................................... ............. ..........
ชุดกิจกรรมการเรยี นร้แู บบสบื เสาะหาความรู้ 5 ขั้น รายวชิ าเคมี 1 ชดุ ที่ 2 พนั ธะโคเวเลนต์ 1 37
5. จงเขยี นสตู รของสารท่เี กดิ จากการรวมตัวระหว่างอะตอมคู่ต่อไปน้ี (2.5 คะแนน)
5.1 H กบั S
5.2 C กบั F
5.3 Be กับ H
5.4 S กับ O
5.5 N กบั Cl
6. จงเขียนสตู รและเรยี กชอื่ สารประกอบระหว่างธาตตุ ่อไปน้ี (2.5 คะแนน)
6.1 ซิลิคอนกับไฮโดรเจน 6.2 คลอรนี กบั ออกซเิ จน
6.3 ไนโตรเจนกับโบรมนี 6.4 คาร์บอนกับกำ� มะถัน
6.5 ออกซิเจนกบั ฟลอู อรนี
ข้อ สตู ร ช่อื สารประกอบ
6.1 ................................ ......................................................
6.2 ................................ ......................................................
6.3 ................................ ......................................................
6.4 ................................ ......................................................
6.5 ................................ ......................................................
ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรแู้ บบสบื เสาะหาความรู้ 5 ขน้ั รายวชิ าเคมี 1 ชุดท่ี 2 พนั ธะโคเวเลนต์ 1 38
ภาคผนวก
ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขน้ั รายวชิ าเคมี 1 ชุดท่ี 2 พันธะโคเวเลนต์ 1 39
แนวคำ� ตอบบตั ร E1 กจิ กรรมสงสัยใครรู้
พันธะโคเวเลนต์ 1 : การเกดิ พันธะโคเวเลนต์ ชนดิ พันธะโคเวเลนต์
การเขียนสตู รและเรยี กชื่อสารโคเวเลนต์
คำ� สงั่ ให้นักเรียนในกลุ่มร่วมกันแสดงความคดิ เห็น ช่วยกันตอบคำ� ถามและน�ำเสนอคำ� ตอบ/แนวคดิ
1. สารในเน้อื เพลงทคี่ รูแต่งข้ึน คอื สารใด
แนวค�ำตอบ คาร์บอนไดออกไซด์
2. ให้นกั เรยี นเขียนสตู รของสารในเน้อื เพลง
แนวคำ� ตอบ CO2
3. สารในเน้อื เพลง นกั เรยี นคิดว่าอะตอมของธาตยุ ดึ เหน่ียวกนั อย่างไร
แนวค�ำตอบ อะตอมของธาตุยดึ เหนย่ี วกนั โดยใช้เวเลนซ์อเิ ลก็ ตรอนร่วมกนั
4. นักเรียนคดิ ว่าการเขียนสตู รสารโคเวเลนต์ ต้องมคี วามรู้ในเรอ่ื งใดก่อน
แนวค�ำตอบ เรอื่ งอะตอมและตารางธาตุ คอื การจัดเรยี งอเิ ล็กตรอน และสมบตั ขิ องธาตุตาม
หมู่ตามคาบ (ค่าอเิ ล็กโทรเนกาตวิ ิตี)
5. จากเนอ้ื เพลง เหตใุ ดธาตคุ าร์บอนจงึ เขยี นก่อนธาตอุ อกซเิ จน
แนวค�ำตอบ การเขียนสตู รสารโคเวเลนต์จะเขยี นธาตทุ ่ีค่าอเิ ล็กโทรเนกาตวิ ติ นี ้อยข้ึนก่อน และ
ตามด้วยธาตุทม่ี คี ่าอิเลก็ โทรเนกาตวิ ติ ีมาก
6. ตวั เลขในเน้อื เพลง เกี่ยวข้องกบั การเขยี นสูตรโคเวเลนต์อย่างไร
แนวคำ� ตอบ ตัวเลขทใ่ี ช้ในการระบุจำ� นวนอะตอมในสารโคเวเลนต์ และให้ในการเรยี กช่อื
สารโคเวเลนต์
7. เพราะเหตใุ ดสารในเนอ้ื เพลง จงึ ต้องมีธาตคุ าร์บอน 1 อะตอม และธาตอุ อกซเิ จน 2 อะตอม
แนวค�ำตอบ การเกดิ พนั ธะโคเวเลนต์ ธาตเุ กดิ การใช้เวเลนซ์อเิ ลก็ ตรอนร่วมกนั เพ่อื เป็นไปตาม
กฎออกเตต ดงั นน้ั ธาตุท่ีเกดิ การใช้เวเลนซ์อเิ ลก็ ตรอนร่วมกันจะมจี ำ� นวนอะตอมไม่
เท่ากัน เช่น โมเลกลุ คาร์บอนไดออกไซด์ มจี ำ� นวนธาตคุ าร์บอน 1 อะตอม และ
ออกซเิ จน 2 อะตอม
ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้แบบสบื เสาะหาความรู้ 5 ขัน้ รายวชิ าเคมี 1 ชดุ ท่ี 2 พันธะโคเวเลนต์ 1 40
แนวค�ำตอบแบบบันทกึ ผลกิจกรรม E2 ค้นดเู รง่ เสาะหา
พนั ธะโคเวเลนต์ 1 : การเกดิ พนั ธะโคเวเลนต์ ชนดิ พันธะโคเวเลนต์
การเขยี นสตู รและเรยี กชอ่ื สารโคเวเลนต์
กจิ กรรมที่ 1 การสบื คน้ ขอ้ มลู พนั ธะโคเวเลนต์ : การเกดิ พนั ธะโคเวเลนต์ ชนดิ พนั ธะ
โคเวเลนต์ และการเขยี นสูตรและเรยี กชอื่ สารโคเวเลนต์
จุดประสงค์
1. อธบิ ายการเกิดพันธะโคเวเลนต์ได้
2. ระบชุ นดิ ของพันธะโคเวเลนต์ได้
3. การเขยี นสตู รและเรยี กชอ่ื สารโคเวเลนต์ได้
บันทึกผลการท�ำกจิ กรรม
แนวค�ำตอบ พิจารณาค�ำตอบของนักเรยี นโดยอยู่ดุลยพนิ ิจของครูผู้สอน โดยมแี นวตอบ
- การเกิดพันธะโคเวเลนต์ เกดิ ขึน้ กับธาตุอโลหะ เนอ่ื งจากธาตุอโลหะมสี มบัต ิ
เป็นตวั รบั อเิ ล็กตรอนทด่ี ี และยากต่อการสูญเสยี อเิ ล็กตรอน หรอื ธาตุ
อโลหะมคี ่าอเิ ลก็ โทรเนกาตวิ ติ ีสงู ดงั นนั้ เมอ่ื รวมตวั กนั จะไม่อะตอมใดยอม
เสยี อเิ ล็กตรอน อะตอมจงึ ยดึ เหนีย่ วกนั โดยใช้เวเลนซ์อเิ ลก็ ตรอน เรียกการ
ยดึ เหน่ยี วนว้ี ่า พันธะโคเวเลนต์ และเรยี กสารทอี่ ะตอมยดึ เหนีย่ วกันด้วย
พนั ธะโคเวเลนต์ว่า สารโคเวเลนต์ ซง่ึ อิเลก็ ตรอนของธาตอุ โลหะท่เี กดิ พนั ธะ
ต่างส่งแรงดงึ ดดู เพื่อท่จี ะดงึ อเิ ล็กตรอน ทำ� ให้แรงดงึ ดูดจากนวิ เคลยี สของ
สองอะตอมหกั ล้างกนั และเกดิ การใช้อิเล็กตรอนร่วมกนั ท�ำให้พลังงานศกั ย์
ลดลง
- แบบจำ� ลองแรงดงึ ดดู และแรงผลักในโมเลกลุ H2
ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรแู้ บบสบื เสาะหาความรู้ 5 ขัน้ รายวชิ าเคมี 1 ชดุ ที่ 2 พนั ธะโคเวเลนต์ 1 41
- กราฟการเปล่ยี นแปลงพลงั งานในการเกดิ โมเลกลุ ไฮโดรเจน
- ชนดิ ของพนั ธะโคเวเลนต์ เกิดจากการใช้อเิ ล็กตรอนทีใ่ ช้ร่วมกัน เรยี กว่า
อิเลก็ ตรอนคู่ร่วมพนั ธะ ท�ำให้เกดิ เป็นพันธะโคเวเลนต์ โดยพนั ธะโคเวเลนต์
แบ่งออกเปน็ 3 ชนดิ คือ อะตอมท่ใี ช้อิเล็กตรอนร่วมกัน 1 คู่ เกดิ เปน็ พันธะ
เดย่ี ว, อะตอมทใ่ี ช้อิเล็กตรอนร่วมกัน 2 คู่ เกดิ เปน็ พนั ธะคู่ และอะตอมทใ่ี ช้
อเิ ล็กตรอนร่วมกัน 3 คู่ เกดิ เปน็ พันธะสาม พนั ธะโคเวเลนต์ส่วนใหญ่เปน็ ไป
ตามกฎออกเตต เขยี นแสดงได้ด้วยโครงสร้างลวิ อสิ ท้ังนกี้ ารเกิดพันธะ
โคเวเลนต์ในโมเลกุล โคเวเลนต์บางชนดิ อาจไม่เป็นไปตามกฎออกเตต
- การเขยี นสูตรและเรยี กช่ือสารโคเวเลนต์ เปน็ ดังน้ี
1. สารโคเวเลนต์ทม่ี ธี าตชุ นิดเดยี วกนั เรยี กตามชอื่ ธาตนุ น้ั พร้อมระบุสถานะ
2. อ่านสารโมเลกุล ตวั แรกอ่านช่อื ธาตทุ ั่วไป ตัวสดุ ท้ายลงด้วย –ไอด์ระบ ุ
จ�ำนวนอะตอมด้วยภาษากรกี
3. การเขยี นสูตรโมเลกุล ให้เขยี นธาตทุ ม่ี ีค่า EN น้อยก่อนแล้วตามด้วยธาตทุ ่ี
มคี ่าอเิ ลก็ โทรเนกาตวิ ติ มี าก
แนวค�ำตอบขึน้ อยู่กับความคิดเห็นของ
นักเรียน และจะนำ� แนวความคดิ ของ
นกั เรียนในการท�ำกจิ กรรม น�ำไปใช้
เพ่ือการปรับปรุงและทำ� วจิ ยั ตอ่ ไป
ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขัน้ รายวชิ าเคมี 1 ชุดที่ 2 พนั ธะโคเวเลนต์ 1 42
กจิ กรรมท่ี 2 ชนิดของพนั ธะโคเวเลนต์
จดุ ประสงค ์
ระบุชนดิ ของพันธะโคเวเลนต์ได้
บนั ทึกผลการท�ำกจิ กรรมท่ี 2
แนวค�ำตอบของนักเรียน แต่ละกลุ่มมีชนิดของพันธะโคเวเลนต์ไม่เหมือนกัน ดังตัวอย่าง
เแนวค�ำตอบ ดงั น้ี
เวเลนซ์ อิเลก็ ตรอน
สูตรเคมี อิเล็กตรอน จำ� นวนเวเลนซ์ โครงสรา้ ง ชนิดของ คู่โดดเด่ยี ว/
ของแตล่ ะ อเิ ล็กตรอน แบบจดุ ของ พนั ธะ อเิ ล็กตรอนคู่
ท้ังหมด ร่วมพันธะ
อะตอม ลิวอิส
H2 1+1 2 พนั ธะเดยี่ ว 0/1
HCl 1+7 8 พันธะเดย่ี ว 6/1
H2O 1+1+6 8 พนั ธะเดี่ยว 2/2
NH3 5+1+1+1 8
CH4 4+1+1+1 8 พันธะเดีย่ ว 1/3
COCl2 4+6+7+7 24
พนั ธะเดยี่ ว 0/4
พนั ธะเดยี่ ว 8/4
พนั ธะคู่
ชุดกิจกรรมการเรยี นรแู้ บบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น รายวชิ าเคมี 1 ชดุ ที่ 2 พันธะโคเวเลนต์ 1 43
บันทึกผลการทำ� กจิ กรรมท่ี 2 (ต่อ)
สตู รเคมี เวเลนซ์ จำ� นวนเวเลนซ์ โครงสรา้ งแบบ ชนิดของ อเิ ล็กตรอน
อเิ ลก็ ตรอน อิเลก็ ตรอน จดุ ของลวิ อิส พนั ธะ ค่โู ดดเดี่ยว/
ของแตล่ ะ ท้งั หมด อิเล็กตรอนคู่
ร่วมพนั ธะ
อะตอม
OH- 6+1+1 8 - พันธะเดย่ี ว 2/1
H3O+ 1+1+1+3-1 8 + พนั ธะเด่ยี ว 1/3
N2 5+5 10 พันธะสาม 2/3
BCl3 3+7+7 17 พนั ธะเดีย่ ว 9/3
SF6 48 พันธะเดีย่ ว 0/6
6+(7x6) 4
พนั ธะเดย่ี ว 0/2
BeH2 2+1+1
NH4+ 5+1+1+1+1-1 8 + พนั ธะเดยี่ ว 0/4
CS2 4+6+6 16 พันธะคู่ 4/4
ชุดกจิ กรรมการเรยี นร้แู บบสบื เสาะหาความรู้ 5 ขั้น รายวชิ าเคมี 1 ชุดท่ี 2 พนั ธะโคเวเลนต์ 1 44
อภิปรายผลการทำ� กจิ กรรม
การเกิดพันธะโคเวเลนต์เกิดจากอะตอมท่ีมีค่าอิเล็กโทรเนกาติวิตีสูง ใช้อิเล็กตรอนร่วมกัน
ธาตุที่เกิดพันธะโคเวเลนต์ได้จึงเป็นธาตุอโลหะ เพราะอโลหะมีค่าพลังงานอิเล็กโทรเนกาติวิตีค่อน
ข้างสูง เพือ่ ใช้ในการสร้างแรงดงึ ดดู อิเล็กตรอนระหว่างอะตอมทัง้ สอง เม่ืออะตอมเคล่อื นท่เี ข้าใกล้
กันถึงจุดหนึ่งท�ำให้พลังงานศักย์ลดต่�ำสุด และเกิดสมดุลระหว่างแรงดึงดูดและแรงผลักข้ึน ท�ำให้
นิวเคลยี สทั้งสองไม่แยกออกจากกนั และเกิดการใช้อเิ ล็กตรอนร่วมกนั อิเล็กตรอนทใ่ี ช้ร่วมกัน คือ
อิเล็กตรอนวงนอกสุด เรียกว่าเวเลนซ์อเิ ลก็ ตรอน โดยอเิ ล็กตรอนทใ่ี ช้ร่วมกนั เรียกว่า อิเล็กตรอนคู่
ร่วมพันธะ ทำ� ให้เกดิ ชนดิ ของพนั ธะโคเวเลนต์ คือ อะตอมทใี่ ช้อเิ ล็กตรอนร่วมกนั 1 คู่ เกดิ เปน็ พนั ธะ
เดยี่ ว, อะตอมที่ใช้อเิ ล็กตรอนร่วมกัน 2 คู่ เกิดเปน็ พนั ธะคู่ และอะตอมท่ใี ช้อิเลก็ ตรอนร่วมกัน 3 คู่
เกิดเป็นพนั ธะสาม และคู่อเิ ล็กตรอนทไ่ี ม่เกิดการใช้ร่วมกนั เรยี กว่า อเิ ล็กตรอนคู่โดดเดยี่ ว
สรปุ ผลการทำ� กิจกรรม
พันธะโคเวเลนต์เกิดกับธาตุที่มีค่าอิเล็กโทรเนกาติวิตีสูง เกิดการใช้อิเล็กตรอนร่วมกัน โดย
อเิ ลก็ ตรอนทใี่ ชร้ ว่ มกนั คอื เวเลนซอ์ เิ ลก็ ตรอน และชนดิ ของพนั ธะโคเวเลนต์ มี 3 ชนดิ คอื พนั ธะเดย่ี ว
พนั ธะคู่และพนั ธะสาม
คำ� ถามหลังการท�ำกจิ กรรม
1. โครงสร้างแบบจุดของลวิ อสิ ใช้สง่ิ ใดในการยึดเหน่ยี วระหว่างอะตอมของธาตุ
แนวคำ� ตอบ เวเลนซ์อเิ ลก็ ตรอน
2. โแคนรงวสคร�ำ้าตงอโมบเลแกกุล๊สแอกอ๊สกอซอเิ จกนซเเิ ปจ็นนพ(Oัน2ธ)ะมคีอู่ เิเกลดิก็ จตารกออนิเคลู่ร็ก่วตมรพอันนธคะู่รก่วค่ีมู่พอันิเลธ็กะต2รอคนู่ สค่วู่โนดอดิเเลด็ก่ยี ตวกรอคี่ นู่ คู่
ทไ่ี ม่ได้ ใช้สร้างพนั ธะ เรยี กว่า อิเลก็ ตรอนคู่โดดเดย่ี วมที ง้ั หมด 4 คู่
3. จากกิจกรรม พันธะเด่ยี ว พันธะคู่และพนั ธะสาม ของกลุ่มนกั เรยี นคอื สารใด
แนวค�ำตอบ พจิ ารณาค�ำตอบของนกั เรยี นโดยอยู่ดุลยพนิ จิ ของครผู ู้สอน โดยมแี นวตอบ คอื
พันธะเด่ยี ว แก๊สไฮโดรเจน (H2) พันธะคู่ คาร์บอนไดซลั ไฟด์ (CS2) พนั ธะสาม
แก๊สไนโตรเจน (N2)
แนวค�ำตอบขน้ึ อยกู่ ับความคดิ เห็นของ
นักเรยี น และจะนำ� แนวความคดิ ของ
นักเรยี นในการท�ำกจิ กรรม น�ำไปใช้
เพอ่ื การปรบั ปรุงและทำ� วจิ ยั ต่อไป
ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น รายวชิ าเคมี 1 ชดุ ที่ 2 พนั ธะโคเวเลนต์ 1 45
กจิ กรรมท่ี 3 เกมสูตรโมเลกลุ และชอ่ื สารโคเวเลนต์
จุดประสงค ์
เขียนสตู รและเรยี กชื่อสารโคเวเลนต์ได้
แบบบันทกึ ผลการท�ำกจิ กรรม
ธาตุ ชือ่ สาร
ลกู บาศก์ 1 ลกู บาศก์ 2 สตู รโมเลกุล
H H H2 แก๊สไฮโดรเจน (hydrogen gas)
O O O2 แก๊สออกซเิ จน (oxygen gas)
O C CO2 คาร์บอนไดออกไซด์ (carbon dioxide)
Cl C CCl4 คาร์บอนเตตระคลอไรด์ (carbon tetrachloride)
F C CF4 คาร์บอนเตตระฟลูออไรด์ (carbon tetrafluoride)
Br C CBr4 คาร์บอนเตตระโบรไมด์ (carbon tetrabromide)
N F NF3 ไนโตรเจนไตรฟลอู อไรด์ (nitrogen trifluoride)
O F OF2 ออกซิเจนไดฟลูออไรด์ (oxygen difluoride)
H O H2O น้�ำ (aqua)
N H NH3 แอมโมเนยี (ammonia)
อภิปรายผลการท�ำกจิ กรรม
สตู รโมเลกลุ ของสารโคเวเลนต์แสดงสัญลักษณ์ของธาตเุ รยี ง ตามล�ำดบั ค่าอเิ ลก็ โทรเนกาตวิ ติ ี
จากน้อยไปมาก โดยระบจุ �ำนวนอะตอมของธาตทุ ่มี จี �ำนวนอะตอมมากว่า 1 อะตอม และการอ่านช่อื
สารโคเวเลนต์จะอ่านช่อื ธาตุตามล�ำดบั จากซ้ายไปขวา ถ้ามสี ารโคเวเลนต์ท่เี กิดจากธาตุองค์ประกอบ
เดียวกันมากกว่า 1 ชนดิ ต้องระบุจ�ำนวนอะตอมธาตุองค์ประกอบด้วยคำ� ระบจุ �ำนวนในภาษากรกี
ชุดกจิ กรรมการเรยี นรูแ้ บบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น รายวชิ าเคมี 1 ชดุ ท่ี 2 พันธะโคเวเลนต์ 1 46
สรุปผลการทำ� กิจกรรม
การเขียนสูตรและการอ่านชื่อสารโคเวเลนต์ตามระบบ IUPAC การเขียนสูตรให้เขียนธาตุท่ีเป็น
อะตอมกลางหรืออะตอมที่มีค่าอิเล็กโทรเนกาติวีตีน้อยข้ึนก่อน ตามด้วยอะตอมท่ีมีค่าอิเล็กโทร-
เนกาติวีตีน้อยล้อมรอบ และอ่านช่ือสารโคเวเลนต์ให้อ่านอะตอมที่มีค่าอิเล็กโทรกาติวีน้อย ตามด้วย
อะตอมตวั ท้ายลงท้ายด้วย –ไอด์ พร้อมระบุจ�ำนวนอะตอมเปน็ ภาษากรกี
คำ� ถามหลังการทำ� กจิ กรรม
1. ในการท�ำกจิ กรรม หลกั การอ่านช่อื สารโคเวเลนต์ใดบ้างทไ่ี ม่เป็นไปตามหลักการ
แนวคำ� ตอบ H2O นำ้� NH3 แอมโมเนยี
2. จงเขยี นสูตรและเรยี กชือ่ ของสารโคเวเลนต์ลงในช่องว่างจากตารางให้ถูกต้อง
สตู ร ช่ือสาร
CCl4 คาร์บอนเตตระคลอไรด์ (carbon tetrachloride)
XeF4 ซนี อนเตตระฟลูออไรด์ (xenon tetrafluoride)
BrF5 โบรมีนเพนตะฟลูออไรด์ (bromine pentafluoride)
PH3 ฟอสฟอรัสไตรไฮไดรด์ (phosphorus trihydride)
SbBr3 แอนทโิ มนไี ตรโบร์ไมด์ (antimony tribromide)
SeF6 ซีลเี นียมเฮกซะฟลูออไรด์ (selenium hexafluoride)
Si2Br6 ไดซิลคิ อนเฮกซะโบร์ไมด์ (disilicon hexabromide)
P2O5 ไดฟอสฟอรัสเพนตะออกไซด์ (diphosphorus pentaoxide)
ไดฟอสฟอรสั เพนตอกไซด์ (diphosphorus pentoxide)
P2S3 ไดฟอสฟอรัสไตรซัลไฟด์ (diphosphorus trisulfide)
N2S5 ไดไนโตรเจนเพนตะซัลไฟด์ (dinitrogen pentasulfide)
แนวค�ำตอบขึน้ อยูก่ บั ความคิดเห็นของ
นกั เรียน และจะน�ำแนวความคดิ ของ
นักเรยี นในการทำ� กจิ กรรม นำ� ไปใช้
เพอ่ื การปรับปรุงและท�ำวจิ ยั ตอ่ ไป