The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หนังสือเรียนแบบเรียน เล่าเรื่อง… ณ เมืองคอน-สุราษฎร์ สู่ปราชญ์ภาษาไทย

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by chonrada8344, 2022-04-01 08:55:54

หนังสือเรียนแบบเรียน เล่าเรื่อง… ณ เมืองคอน-สุราษฎร์ สู่ปราชญ์ภาษาไทย

หนังสือเรียนแบบเรียน เล่าเรื่อง… ณ เมืองคอน-สุราษฎร์ สู่ปราชญ์ภาษาไทย

เล่าเรื่อง… ณ เมืองคอน-สุราษฎร์
สู่ปราชญ์ภาษาไทย

ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒

กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช๒๕๕๑

หนังสือเรียน รายวิชาเพิ่มเติมภาษาไทย

เล่าเรื่อง… ณ เมืองคอน-สุราษฎร์ สู่ปราชญ์ภาษาไทย

ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ ๒
































กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย

ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน

พุทธศักราช ๒๕๕๑



คำนำ


หนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติม ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒

เล่าเรื่อง… ณ เมืองคอน-สุราษฎร์สู่ปราชญ์ภาษาไทยเล่มนี้ จัดทำขึ้นตามหลักสูตรแกนกลาง
การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยเพื่อใช้ในการจัดการ
เรียนรู้ในสาระการอ่าน การฟัง การดู เเละการพูด รวมถึงหลักการใช้ภาษาไทย ที่มุ่งพัฒนา
ทักษะด้านต่างๆของผู้เรียน ได้เเก่ การอ่านเพื่อจับใจความ การพูดอวยพรในโอกาสต่างๆ การ
พูดรายงาน การสร้างคำสมาส เเละประโยคในภาษาไทยเพื่อนำไปสู่การพัฒนาสมรรถนะ
ผู้เรียนในด้านคิด การสื่อสาร เเละความสามารถในการใช้ทักษะชีวิตโดยถ่ายทอดอัตลักษณ์
ความเป็นท้องถิ่นผ่านการใช้ข้อมูลทางพหุวัฒนธรรมของจังหวัดนครศรีธรรมราชและสุราษฎร์-
ธานีสอดเเทรกไว้ในบทเรียน เพื่อให้ผู้เรียนได้ศึกษาเรื่องราวต่างๆที่ถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรม
อันดีงามพร้อมทั้งตระหนักถึงคุณค่าทางวัฒนธรรมเเละปลูกฝังจิตสำนึกรักในท้องถิ่นของตน
ผ่านการเรียนการสอน

เนื้อหาในหนังสือเล่มนี้มีทั้งหมด ๓ หน่วยการเรียนรู้ ได้เเก่ บทที่ ๑ เล่าขาน
ตำนานถิ่นใต้ บทที่ ๒ ย้อนรอยเมืองคอน สู่เเดนสุราษฎร์ฯ เรียนรู้เรื่องประวัติศาสตร์ เเละบทที่
๓ เมืองพี่เมืองน้อง เมืองสองอารยะ ซึ่งในเเต่ละหน่วยการเรียนรู้ผู้เรียนจะได้เรียนรู้ข้อมูลทาง
วัฒนธรรมท้องถิ่น ผ่านการบอกเล่าเรื่องราวของตัวละครหลัก ๒ พี่น้อง “พี่บ่าว สาวนุ้ย”
เมื่อพี่บ่าวผู้หลงใหลในอารยธรรมวัฒนธรรมถิ่นใต้ ชื่นชอบในการหาความรู้รอบตัวเกี่ยวกับ
สถานท่องเที่ยวต่างๆ วางเเผนการท่องเที่ยวในจังหวัดนครศรีธรรมราชและสุราษฎร์ธานีใน
ช่วงปิดภาคเรียน พร้อมทั้งสาวนุ้ยผู้เป็นน้องสาวที่ขอติดตามไปด้วย ในการเดินทางครั้งนี้ทั้ง
สองจะได้เรียนรู้ พหุวัฒนธรรมที่หลากหลายของทั้ง ๒ จังหวัด นอกจากนี้ผู้เรียนจะได้รับ
เนื้อหาความรู้ตามตัวชี้วัดที่ได้นำมาบูรณาการจากหน่วยการเรียนรู้ทั้ง ๓ บท ตามโครงสร้าง
หลักสูตร เเละกิจกรรมท้ายบทที่สร้างขึ้นเพื่อเน้นให้ผู้เรียนได้พัฒนาทักษะเเละมีสมรรถนะใน
ด้านการอ่าน การพูด เเละหลักการใช้ภาษาไทย

คณะผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่า หนังสือเล่มนี้จะเป็นประโยชน์เเก่การจัดการเรียน
การสอนพัฒนาศักยภาพของผู้เรียนให้บรรลุตัวชี้วัดและมาตรฐานตามหลักสูตรแกนกลาง
พุทธศักราช ๒๕๕๑ กำหนดไว้ทุกประการ เเละขอขอบคุณอาจารย์ปริยากรณ์ ชูเเก้ว อาจารย์
ประจำภาควิชาภาษาไทย คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ ที่คอยให้
คำปรึกษาเเละคำเเนะนำตลอดการทำหนังสือเรียนเล่มนี้ พร้อมทั้งคอยช่วยเหลือให้หนังสือ
เรียนเล่มนี้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี เเละหากมีเเนะนำเพื่อปรับปรุงเเก้ไขหนังสือเรียน ผู้จัดทำ
ขอน้อมรับเเละนำไปปรับปรุงเพื่อพัฒนาหนังเรียนเล่มนี้ต่อไป

ผู้เรียบเรียง

คำเเนะนำการใช้หนังสือเรียน

หนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติม ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ เล่าเรื่อง… ณ เมือง

คอน-สุราษฎร์ สู่ปราชญ์ภาษาไทย เล่มนี้ จัดทำขึ้นตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช ๒๕๕๑ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เพื่อใช้ในการจัดการเรียนรู้ในสาระการอ่าน
การฟัง การดูเเละการพูด รวมถึงหลักการใช้ภาษาไทย ที่มุ่งพัฒนาทักษะด้านต่างๆของผู้เรียน
ได้เเก่ การอ่านเพื่อจับใจความ การพูดอวยพรในโอกาสต่างๆ การพูดรายงาน การสร้างคำสมาส
เเละลักษณะประโยคในภาษาไทย เพื่อนำไปสู่การพัฒนาสมรรถนะผู้เรียนในด้านคิด การสื่อสาร
เเละความสามารถในการใช้ทักษะชีวิตบูรณาการกับเนื้อหาสาระข้อมูลทางพหุวัฒนธรรมท้องถิ่น
ของจังหวัดนครศรีธรรมราชและสุราษฎร์ธานีเพื่อให้ผู้เรียนได้ตระหนักถึงคุณค่าทางวัฒนธรรมเเละ
ปลูกฝังจิตสำนึกรักในท้องถิ่นของตนผ่านการเรียนการสอน

วิธีการศึกษา เริ่มจากการอ่านบทแนะนำตัวละคร เพื่อทำความรู้จักตัวละครเเต่ละตัว
ตัวละครจะดำเนินเรื่องราวต่างๆโดยปรากฎในงานเขียนประเภทเรื่องสั้นในเเต่ละบทเกี่ยวกับพหุ-
วัฒนธรรมท้องถิ่น ผ่านการเล่าเรื่องของตัวละครหลัก ๒ พี่น้อง “พี่บ่าวเเละสาวนุ้ย” พี่บ่าว
เด็กชายผู้หลงใหลเเละชื่นชอบในการหาความรู้รอบตัวเกี่ยวกับวัฒนธรรมท้องถิ่นของตนเเละมักจะ
ชวน”สาวนุ้ย” น้องสาวออกท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่างๆ ที่มีคุณค่าทางอารยธรรมเก่าเเก่ควรค่า
เเก่การเรียนรู้ คู่หูนักมัคคุเทศก์ตัวน้อยผู้รักในการเดินทาง จุดเริ่มต้นของทั้ง ๒ ในการออกเดินทาง
ไปศึกษาพหุวัฒนธรรมท้องถิ่นในจังหวัดนครศรีธรรมราชและสุราษฎร์ธานี ทำให้ผู้เรียนจะได้เรียน
รู้เนื้อหาสาระเกี่ยวกับพหุวัฒนธรรมร่วมกันของทั้ง ๒ จังหวัด ได้เเก่ วิถีชีวิต ประเพณีวรรณกรรม
พื้นบ้าน ประวัติความเป็นของพุทธศาสนา เเละสถานที่ทางประวัติศาสตร์ ผ่านการดำเนินเรื่อง
ในเเต่ละบท จากนั้นผู้เรียนพัฒนาทักษะด้านการอ่าน การพูด เเละการใช้หลักภาษาผ่านเนื้อหาใน
รายวิชาในเเต่ละบท ตลอดจนการศึกษาค้นคว้าเรื่องราวท้องถิ่นเพิ่มเติมผ่านเนื้อสาระรู้หรือไม่ของ
แต่ละบท นำไปสู่การฝึกทักษะในเรื่องที่เรียนรู้ผ่านคำถามประจำหน่วยการเรียนรู้และกิจกรรม
สร้างสรรค์พัฒนาการเรียนรู้เพื่อเป็นการทบทวนเนื้อหาที่สอดคล้องตามตัวชี้วัดในหลักสูตร
แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ รายวิชาภาษาไทย

คำเเนะนำการใช้หนังสือเรียน

เนื้อหาของหนังสือเรียน เล่าเรื่อง…ณ เมืองคอน-สุราษฎร์ สู่ปราชญ์ภาษาไทยเล่มนี้

ชั้นมัธยมศึกปีที่ ๒ เป็นความรู้ที่จัดขึ้นตามโครงสร้างหลักสูตรสาระการเรียนรู้เพิ่มเติมภาษาไทย
ซึ่งเป็นเพียงส่วนหนึ่งในการใช้เป็นสื่อประกอบการจัดการเรียนรู้ครูผู้สอนสามารถเพิ่มเติมกิจกรรม
หรือสี่ออื่นได้ตามความเหมาะสมเพื่อเป็นการสร้างให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ที่หลากหลายมิติเเละฝึก
ทักษะต่างๆ สำหรับผู้เรียนในศตวรรษที่ ๒๑ พร้อมทั้งส่งเสริมให้ผู้เรียนมีคุณธรรม จริยธรรม
ตระหนักรักในท้องถิ่นเเละร่วมสีบสานมรดกอันทรงคุณค่าของพหุวัฒนธรรมในจังหวันครศรีธรรม-
ราชและสุราษฎร์ธานีให้คงอยู่สืบไปอันเป็นเป้าหมายของการจัดการศึกษาตามหลักสูตร

ผู้เรียบเรียงหนังสือ เล่าเรื่อง… ณ เมืองคอน-สุราษฎร์ สู่ปราชญ์ภาษาไทย

โครงสร้างหลักสูตร สาระการเรียนรู้เพิ่มเติม ภาษาไทย
ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ ๒

สารบัญ

เรื่อง
หน้า

แนะนำตัวละคร ข

เมื่อพี่บ่าวอยากเป็นมัคคุเทศก์…
๑๑
บทที่ ๑ เล่าขานตำนานถิ่นใต้ ๑๑
๑๘
การอ่านจับใจความสำคัญ ๑๙
๒๐
ความหมายการอ่านจับใจความสำคัญ
๒๒
ประเภทของการอ่านจับใจความสำคัญ ๒๒
๒๒
ความสำคัญของการอ่านจับใจความสำคัญ ๒๒
๒๔
หลักการอ่านเพื่อจับใจความสำคัญ ๒๖
๒๗
แบบฝึกหัดการอ่านจับใจความสำคัญ ๒๗
๒๘
การเขียนผังความคิด
๓๖
ความหมายของผังความคิด ๓๖
๓๗
ขั้นตอนการเขียนผังความคิด ๓๘
๓๘
ประโยชน์การใช้ผังความคิดดังนี้

ตัวอย่างการเขียนผังความคิด

แบบฝึกหัดการเขียนผังความคิด

รู้หรือไม่ : หนังสือบุด เป็นคัมภีร์โบราณแห่งปักษ์ใต้

คำถามประจำหน่วยการเรียนรู้

กิจกรรมสร้างสรรค์พัฒนการเรียนรู้

บทที่ ๒ ย้อนรอยเมืองคอน สู่เเดนสุราษฎร์ฯ เรียนรู้เรื่องประวัติศาสตร์

ความรู้พื้นฐานของการพูด

ความหมายของการพูด

องค์ประกอบการพูด

คุณสมบัติของผู้พูด

มายาทการพูด

แบบฝึดหัดความรู้พื้นฐานของการพูด

สารบัญ (ต่อ)

เรื่อง

หน้า

การพูดอวยพร

ความหมายของการพูดอวยพร ๓๙

หลักการของการพูดอวยพร ๓๙

ตัวอย่างของการพูดอวยพร ๔๐

แบบฝึกหัดการพูดอวยพร ๔๒

การพูดรายงานการศึกษาค้นคว้า

ความหมายการพูดรายงานการศึกษาค้นคว้า ๔๓

หลักการของการพูดรายงานการศึกษาค้นคว้า ๔๓

ขั้นตอนการพูดรายงานการศึกษาค้นคว้า ๔๓

ตัวอย่างการพูดรายงานการศึกษาค้นคว้า ๔๓

แบบฝึกหัดการพูดรายงานการศึกษาค้นคว้า ๔๔

รู้หรือไม่ : รู้หรือไม่ : พระธาตุไร้เงา : วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ๔๕

กิจกรรมสร้างสรรค์พัฒนการเรียนรู้ ๔๖

คำถามประจำหน่วยการเรียนรู้ ๔๖

บทที่ ๓ เมืองพี่เมืองน้อง เมืองสองอารยะ ๔๗

คำสมาส

ความหมายของคำสมาส ๕๔

หลักการสังเกตภาษาบาลีเเละสันสกฤต ๕๔

ลักษณะของคำสมาส ๕๕

คำสมาสแบบมีสนธิ ๕๘

ประเภทของคำสมาสแบบมีสนธิ ๕๘

แบบฝึกหัดคำสมาส ๖๑

ประโยคในภาษาไทย

ความหมายของประโยค ๖๓

ส่วนประกอบของประโยค ๖๓

การจำแนกประเภทของประโยค ๖๔

แบบฝึกหัดประโยคในภาษาไทย ๖๙

รู้หรือไม่ : “ ประเพณีชิงเปรต ” ของชาวปักษ์ใต้ อาจเริ่มมากจาก “ชาวฮอลันดา” ๗๒

คำถามประจำหน่วยการเรียนรู้ ๗๓

กิจกรรมสร้างสรรค์พัฒนการเรียนรู้ ๗๓

แนะนำตัวละคร

“พี่บ่าว”
เด็กชายชาวใต้ผู้มีใจรักถิ่นฐานบ้านเกิดเขามีความฝันอยากเป็นมัคคุเทศก์เมื่อมีเวลา
ว่างพี่บ่าวมักจะหาความรู้รอบตัวเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวอยู่เสมอ พี่บ่าวเป็นเด็กผู้ชาย
ที่ร่าเริง สดใส มีน้ำใจและรักการเข้าวัด เพราะพี่บ่าวหลงใหลในอารยวัฒนธรรมที่ยัง
คงความทรงจำในอดีตไว้ในโบราณสถานและโบราณวัตถุทำให้ช่วงปิดเทอมนี้ พี่บ่าวจึง
ชักชวนน้องสาวของตนเองออกท่องเที่ยว ศึกษาประเพณี เข้าวัดฟังธรรมและจำลอง
สถานการณ์ว่าน้องสาวของตนนั้นเป็นนักท่องเที่ยว และตนคือมัคคุเทศก์ในครั้งนี้

"สาวนุ้ ย"
เด็กหญิงชาวใต้ที่ตามติดพี่ชายของตนตลอดเวลา สาวนุ้ยเป็นเด็กที่น่า
รักช่างพูดช่างเจรจาและช่างสงสัย สาวนุ้ยชอบจดบันทึกและชอบวาดรูปและด้วย
นิสัยติดพี่ชาย ทำให้เธอต้องรับบทเป็นนักท่องเที่ยว และออกเดินทางไปพร้อมกับพี่
ชายของเธอ และตลอดการเดินทางไม่มีสิ่งใดเลยที่สาวนุ้ยจะไม่เอ่ยปากถามพี่ชาย
ของเธอ การเดินทางในครั้งนี้ทำให้สาวนุ้ยได้รูปกลับมาเล่าให้เพื่อนๆ ฟังไปจนหมด
ภาคเรียนเลยทีเดียว



แนะนำตัวละคร

" คุณพ่อ "
ชายวัยกลางคนผู้รักการปลูกดอกกล้วยไม้และชอบกลิ่นกาแฟในยามเช้า
ตรู่เป็นที่สุด เขาเป็นคุณพ่อที่ขยันทำงานและรักลูกทั้งสองเป็นอย่างมาก
คอยสนับสนุนทุกอย่างที่ลูกต้องการจะทำอีกทั้งมีหน้าที่คอยตามรับตาม
ส่งลูกๆไม่ว่าทั้งสองพี่น้องจะต้องการไปที่ไหนก็ตาม

"คุณแม่"
หญิงวัยกลางคนผู้รักการทำอาหารให้ลูกและสามีรับประทาน เธอเป็น
เจ้าของฟาร์มผักปลอดสารพิษที่มีชื่อเสียง อีกทั้งเป็นยอดคุณแม่ที่พร้อมสนับ
สนุนลูกๆของเธออย่างเต็มที่ในการเดินทางล่องใต้ของสองพี่น้องในครั้งนี้ก็
เช่นกัน เธอทำหน้าที่เป็นแรงใจของลูกได้เป็นอย่างดี

เมื่อพี่บ่าวอยากเป็นมัคคุเทศก์…
ลมทะเลพัดเอื่อยโชยเข้ามาผ่านผ้าม่านที่เปิดค้างไว้เพียงครึ่งหนึ่ง เด็กชายหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มกำลัง

นั่งขีด ๆ เขียน ๆ ลงในสมุดบันทึกที่เขามักพกติดตัวอยู่ตลอดเวลา บนโต๊ะเขียนหนังสือของเขาเต็มไป
ด้วยหนังสือ ท่องเที่ยวเป็นสิบ ๆ เล่ม อีกทั้งแผนที่จังหวัดต่าง ๆ ในภาคใต้ที่เขาได้นำมากางแผ่หลาไว้บน
โต๊ะ เด็กชาย ใช้ปากกาสีแดงโยงเส้นไปทางนั้นที ทางนู้นทีจนดูไม่เป็นรูปร่าง เด็กผู้หญิงตัวน้อยกำลัง
จ้องมองการกระทำ ของพี่ชายของเธออยู่เงียบ ๆ ก็ทนไม่ไหวจนเอ่ยปากออกมาว่า

“พี่บ่าวว่างมากจนเอาแผนที่มาทำลายเล่นเลยเหรอคะ” เด็กหญิงพูดพร้อมเดินเข้ามาใกล้พี่ชาย
ของเธอ

“เหวย! สาวนุ้ย เข้ามาไม่ให้ซุ่มให้เสียง พี่บ่าวตกใจนะน้อง” เด็กชายทำหน้าตาเหรอหรา
“น้องขอโทษค่ะ ก็น้องดูพี่บ่าวทำอะไรก็ไม่รู้มาสักพักแล้ว” เด็กหญิงพูดพลางเกาหัวแกรก ๆ

“อ๋อ อันนี้น่ะเหรอ” เด็กชายพูดพร้อมกางแผนที่ให้น้องสาวดูอย่างภาคภูมิใจ
“………”
“ไม่ต้องทำหน้างงเลย อันนี้คือแผนที่จังหวัดในภาคใต้ใช่ไหม” น้องสาวพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ

“น้องรู้ใช่ไหม ว่าพี่อยากเป็นมัคคุเทศก์”
“รู้สิคะ ก็พี่บ่าวพูดกรอกหูน้องทุกวันเลย”
“ดี ๆ รู้แล้วก็ดี ปิดเทอมนี้พี่จะล่องใต้”
“คุณพ่อคุณแม่จะให้ไปเหรอคะ” เด็กหญิงทำหน้าตาสงสัย
พี่ชายถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจ เขาเคาะกะโหลกน้องสาวของตนไปเบา ๆ ทีหนึ่ง
“โอ๊ย พี่มะเหงกน้องทำไมคะ”
“พี่บ่าวสิบแปดปีบริบูรณ์แล้วนะครับสาวนุ้ย”
น้องสาวยังคงทำหน้าสงสัย พี่ชายของเธอสิบแปดแล้วมีผลอะไรกับการไปท่องเที่ยวครั้งนี้หรือ
“ก็คุณพ่อคุณแม่เคยสัญญาไว้ว่าถ้าพี่บ่าวสิบแปดปีแล้วจะไปไหนมาไหนคนเดียวได้ตามสะดวกไง
ครับ”
เมื่อสิ้นเสียงคำเฉลยของพี่ชาย น้องสาวตัวน้อยก็นึกคำพูดของคุณพ่อคุณแม่ได้เช่นกัน
“ทีนี้เข้าใจแล้วใช่ไหม”
น้องสาวพยักหน้ารับรัว ๆ
“น้องขอไปด้วยนะคะ” ไม่ว่าเปล่า เด็กหญิงยังนำคางไปเกยไว้ที่ไหล่ของพี่ชายของเธออีกด้วย
“มะ….ไม่….” พี่ชายยังพูดไม่ทันจบประโยคก็มีเสียงน้องสาวแทรกขึ้นมา



“ถ้าพี่บ่าวไม่ให้น้องไปด้วย แล้วใครจะเป็นนักท่องเที่ยวให้พี่บ่าวคะ ถ้าพี่บ่าวไปคนเดียว พี่
บ่าวจะ กลายเป็นมัคคุเทศก์เดียวดาย แล้วกะ….ก็…….” น้องสาวอธิบายยาวเหยียด
“พอครับ พี่ให้ไปด้วยก็ได้” น้องสาวทำท่าจะกระโดดดีใจที่พี่ชายอนุญาต
“แต่……น้องต้องไปขออนุญาตคุณพ่อคุณแม่ก่อนนะครับ ถ้าคุณพ่อคุณแม่ไม่อนุญาต………” พี่ชายยัง
พูดไม่ทันจบประโยค น้องสาวก็วิ่งแจ้นออกไปจากห้องของเขาพร้อมตะโกนเรียกคุณพ่อ คุณแม่ไปตลอด
ทาง

“คุณพ่อคุณแม่คะ สาวนุ้ยมีเรื่องจะคุยด้วยค่ะ” เด็กหญิงตะโกนเสียงดังลั่นบ้าน พอสิ้นเสียง
น้องสาวคนเล็กของบ้าน ผู้หญิงวัยกลางคนก็เดินออกมาจากในครัวตรงเอวของเธอ ยังมีผ้ากันเปื้อนติดตัว
อยู่ อีกด้านหนึ่ง ผู้ชายวัยกลางคนก็เดินเข้ามาจากทางหน้าบ้าน ในมือของเขา ยังคงถือกระป๋องฉีดน้ำให้
ดอกกล้วยไม้อยู่ พี่ชายเดินตามน้องสาวออกมาจากห้องของตน ทุกคนมารวมกัน ที่ห้องนั่งเล่น โดยมีน้อง
สาวคนเล็กของบ้านยืนตระหง่านอยู่กลางบ้านคล้ายกับว่ามีเหตุด่วนเหตุร้าย อะไรที่จะแจ้งให้คุณพ่อคุณ
แม่ทราบเสียอย่างนั้น

“เสียงดังเอะอะโวยวายเลยนะคะสาวนุ้ย หนูมีอะไรจะบอกคถณพ่อคุณแม่เหรอคะ” เป็นเสียง
ของ ผู้เป็นแม่ที่ถามขึ้นก่อน

“นั่นน่ะสิ พ่อก็ตกอกตกใจเสียใหญ่ คิดไปว่ามีอุบัติเหตุเสียอีก” คนเป็นพ่อพูดเสริมพร้อมทั้งค่อย
ๆ วางกระป๋องฉีดน้ำในมือลงที่โต๊ะกลางหน้าโซฟาที่ตนนั่งอยู่
พี่ชายนั่งลงที่โซฟาเป็นคนสุดท้าย เขายิ้มกริ่มในความเล่นใหญ่ของน้องสาวตนเอง เรื่องเพียงแค่นี้ แต่น้อง
สาว ของเขากลับทำคนเป็นพ่อเป็นแม่ตกอกตกใจได้ถึงเพียงนี้

“ปิดเทอมนี้พี่บ่าวจะล่องใต้ค่ะ สาวนุ้ยอยากไปด้วย ขอสาวนุ้ยไปด้วยนะคะคุณพ่อคุณแม่” ไม่
ว่าเปล่า เธอใช้สองมือมากุมเข้าด้วยกันไว้ที่ใต้คางของเธอเอง พร้อมทั้งทำตาปริบ ๆ ส่งไปให้คุณพ่อคุณแม่
ของเธอ

“โธ่ สาวนุ้ย เรื่องแค่นี้เอง หนูทำซะเป็นเรื่องใหญ่โตเชียวนะ” ผู้เป็นแม่พูดไปพร้อมกลั้วหัวเราะ
ในลำคอ นึกเอ็นดูลูกสาวของตน

“ไปได้นะ พ่ออนุญาตให้ไป”
“ไชโย!……” น้องสาวกระโดดดีใจตัวลอยอีกครั้ง
“แต่มีข้อแม้ว่า พี่บ่าวห้ามพาน้องไปในที่สุ่มเสี่ยง อันตราย หรือว่าทางทุรกันดารเกินไปนะลูก”
ผู้เป็นพ่อ หันไปคุยกับพี่ชายของบ้าน
“รับประกันได้ครับ ไม่มีที่ที่เป็นอันตรายต่อน้องแล้วก็ต่อตัวผมแน่นอนครับ” พี่ชายยืนยันด้วยเสียง
หนักแน่น
“งั้นแม่ขอดูแผนการเดินทางของเราทั้งสองคนหน่อยสิลูก”
“สักครู่นะครับ” พี่ชายลุกจากโซฟาแล้วเดินเข้าไปในห้องของตน หอบหนังสือท่องเที่ยวออกมา
พะรุงพะรัง พร้อมทั้งแผนที่ที่ตนได้ขีดเขียนไว้เมื่อครู่มากางให้พ่อแม่ของตนดู

“ผมคิดว่าจะเริ่มต้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชครับ เพราะอยากไปสักการะพระธาตุทองคำ อย่างวัด
พระธาตุฯ สักครั้งในชีวิต อีกอย่างตำนานการแห่ผ้าขึ้นธาตุก็น่าสนใจมาก ๆ เลยครับ”
พ่อแม่และน้องสาวนั่งฟังพี่ชายของบ้านพูดอย่างตั้งใจ โดยไม่มีใครขัด

“และผมคิดว่าโบราณสถานแล้วก็วัฒนธรรมประเพณีที่คล้ายกับนครศรีธรรมราชมาก ๆ ก็คือ
สุราษฎร์ธานีครับ ผมเลยจะเดินทางต่อไปที่นั่นด้วย มีทั้งพระธาตุไชยา ตำนานบ้านเคียนซา อีกทั้ง
หนังสือบุดที่น่าศึกษามากเลยครับ”

พ่อแม่ได้แต่นั่งยิ้มกับสิ่งที่ลูกชายพูดให้ฟัง พวกเขาทั้งคู่ส่อแววตาที่ภาคภูมิใจและคอยสนับสนุนความฝัน
ของลูกชายอย่างเต็มที่

“ยังมีอีกเยอะเลยนะครับที่ผมยังไม่ได้กล่าวถึง”
“เอาเถอะลูก พ่อแม่รับรู้แล้วค่ะ ว่าลูกอยากเป็นมัคคุเทศก์มากจริง ๆ ไม่อย่างนั้นลูกไม่เตรียมข้อมูล
มาเยอะแยะขนาดนี้”
"พ่อแม่หวังว่าการออกเดินทางของลูกทั้งสองในครั้งนี้จะเต็มไปด้วยความสุขประสบการณ์ และ ความ
ปลอดภัยนะคะ” ผู้เป็นแม่กล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม
“ขอบคุณคุณพ่อคุณแม่มาก ๆ เลยครับ ผมสัญญาว่าจะเก็บเกี่ยวประสบการณ์การออกเดินทางใน
ครั้งนี้ ให้มากที่สุด อีกทั้งจะดูแลสาวนุ้ยเป็นอย่างดีครับ คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ”

ผู้เป็นพ่อและแม่หันหน้ามายิ้มให้กัน น้องสาวคนเล็กพุ่งตัวเข้ากอดคุณพ่อคุณแม่ก่อนเป็นคนแรก และ
พี่ชายก็เข้าสวมกอดสบทบ ทั้งสี่คนพ่อแม่ลูกสวมกอดกันอยู่แบบนั้นสักพัก บรรยากาศรอบข้างอบอวลไป
ด้วยความสุข ความเข้าใจ และการเริ่มต้นตามหาความฝันของสองพี่น้อง……..พี่บ่าวกับสาวนุ้ย

บทที่ ๑
เล่าขานตำนานถิ่นใต้

สาระที่ ๑ การอ่าน
มาตรฐาน/ตัวชี้วัด

มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพื่อนำไปใช้ตัดสินใจ แก้ปัญหาใน
การดำเนินชีวิต เเละมีนิสัย รักการอ่าน

ท ๑.๑ ม.๒/๒ จับใจความสำคัญ สรุปความ และอธิบายรายละเอียดจากเรื่องที่อ่าน
ท ๑.๑ ม.๒/๓ เขียนผังความคิดเพื่อแสดงความเข้าใจในบทเรียนต่างๆ ที่อ่าน
ท ๑.๑ ม.๒/๘ มีมารยาทในการอ่าน
จุดประสงค์การเรียนรู้
๑.นักเรียนสามารถบอกความมาย ความสำคัญ และหลักการอ่านจับใจความสำคัญได้
๒.นักเรียนสามารถสรุปใจความสำคัญที่ปรากฎในย่อหน้าจากเรื่องที่อ่านได้
๓.นักเรียนสามารถสรุปใจความสำคัญด้วยการสรุปความ และอธิบายรายละเอียดจากเรื่องที่อ่านได้
๔.นักเรียนสามารถเขียนผังความคิดเพื่อแสดงความเข้าใจในเรื่องที่อ่านได้
๕.นักเรียนมีความรู้เเละความเข้าใจเกี่ยวกับวัฒนธรรมท้องถิ่นของจังหวัดนครศรีธรรมราชและ
สุราษฎร์ธานีที่ปรากฎในงานวรรณกรรมพื้นบ้าน ได้เเก่ ตำนาน นิทานพื้นบ้าน และเพลงพื้นบ้าน
สมรรถนะของผู้เรียน
ความสามารถในการคิด



เล่าขานตำนานถิ่นใต้…
เช้าตรู่ของวันเสาร์ กลิ่นกาแฟจากแก้วสีครีมค่อย ๆ ลอยมาตามสายลม ชายวัยกลางคนผู้เป็นพ่อ
กำลังยกแก้วขึ้นจิบพร้อมทั้งสายตาที่จับจ้องไปยังโทรทัศน์จอแบนเครื่องใหญ่กลางบ้านที่มีนักข่าวสองคน
กำลังรายงานข่าวหลากหลายประเด็น ส่งเสียงเจื้อยแจ้วมาไม่ขาดสาย ส่วนหญิงวัยกลางคนผู้เป็นแม่กำลัง
ง่วนอยู่ในครัว เพื่อทำอาหารเช้าแสนอร่อยให้แก่สามี และลูก ๆ ทั้งสองของเธอ โดยปกติแล้วงานในครัว
ตอนเช้านั้นไม่ได้วุ่นวายถึงเพียงนี้ แต่เนื่องจากวันนี้จะเป็นวันออกเดินทางล่องใต้ของสองพี่น้อง ผู้เป็นแม่
จึงจัดแจงทำข้าวห่อให้ทั้งสองนำไปรับประทานในระหว่างทางอีกด้วย
“กลิ่นอะไรครับเนี่ย หอมฉุยเชียว” เด็กชายผู้เป็นพี่เดินออกมาจากห้องนอนของตน พร้อมทั้งสะพาย
กระเป๋าเป้ใบโตไว้ที่บ่าข้างขวาเพียงข้างเดียว
เมื่อเดินมาถึงโต๊ะที่พ่อของเขานั่งอยู่ เด็กชายค่อย ๆ วางกระเป๋าเป้ลงยังพื้นไม้ที่ถูกขัดอย่างเงาวับ ชายผู้
เป็นพ่อละสายตาจากจอโทรทัศน์ แล้วจึงค่อย ๆ มองสำรวจลูกชายของเขาอย่างฉงน
“ลูกเอาของไปแค่ใบเดียวเองหรือ พ่อคิดว่าไปเที่ยวกันนานกว่านี้เสียอีก นึกว่ากระเป๋าจะใหญ่
กว่านี้นะ”
“ผมก็อยากเอาไปเยอะกว่านี้ครับ แต่คิดว่าคงเดินทางไม่สะดวกเท่าไร ถ้าสัมภาระเยอะเกินไปไม่
ค่อยคล่องตัวครับ” เด็กชายว่าพลางยิ้มน้อย ๆ ให้พ่อของเขา
“ออ อย่างนั้นหรือ แล้วนี่สาวนุ้ยน้องสาวเราตื่นหรือยังล่ะ ไม่ใช่ขี้เซาจนพาลตกรถกันไปหมดนะ”
“แฮะแฮ่ม…..” เสียงกระแอมเล็ก ๆ ดังมาจากด้านหลังของผู้เป็นพี่ชาย คงเป็นใครไปเสียไม่ได้



“พูดถึงสาวนุ้ยเหรอคะ ใครจะยอมตื่นสายล่ะคะคุณพ่อ มีหวังพี่บ่าวทิ้งสาวนุ้ยให้อยู่บ้านคนเดียวแน่
ๆ” เธอพูดพลางเดินเข้ามานั่งข้าง ๆ พี่ชาย

“แล้วไหนกระเป๋าของน้องล่ะ” พี่ชายเอ่ยถาม
“อยู่ในห้องค่ะ น้องยังไม่ได้เอาออกมาด้วยค่ะ”
“อย่าเอาไปเยอะนะ พี่คิดว่าถ้าของน้อย ๆ เราสองคนจะเดินทางกันได้สะดวกมากกว่า”
“ไม่เยอะค่ะ ไม่เยอะเลย” เด็กหญิงปฏิเสธพลางโบกมือป้อย ๆ ประกอบคำพูดของตน
ไม่ทันที่การสนทนาจะดำเนินต่อไป ผู้เป็นแม่ก็เดินออกมาพร้อมกับกล่องข้าวห่อสองกล่องที่จัดเตรียมไว้ใน
กระเป๋าผ้าอย่างดี อีกทั้งข้าง ๆ ก็มีกระติกน้ำประจำตัวของสองพี่น้องใส่มาด้วย เธอวางมันลงบนโต๊ะกิน
ข้าวตรงหน้าของทั้งสามคน ผู้เป็นพ่อยกยิ้มให้กับปฏิกิริยาของสองพี่น้อง ที่ดูตื่นเต้นไปกับทุกอย่าง แม้
กระทั่งข้าวห่อของแม่ตัวเอง
“กลิ่นหอมโชยออกมาจากกล่องเลยค่ะคุณแม่” เด็กหญิงยื่นหน้าไปสูดกลิ่นหอมของข้าวห่อตรงหน้าเสีย
เต็มปอด
“ขอบคุณนะครับคุณแม่” พี่ชายเป็นคนเอ่ยขึ้นก่อน
“ขอบคุณค่ะคุณแม่” น้องสาวเอ่ยตาม พร้อมฉีกยิ้มสดใสส่งไปให้แม่ของเธอ
“ไม่เป็นไรค่ะ แม่เต็มใจทำให้ เอ้า ลุกไปช่วยแม่ขนอาหารเช้าหน่อยเร็วสองแสบ”

ผู้เป็นแม่เอ่ยชวนลูกทั้งสองเข้าไปในครัวด้วยกัน เด็กทั้งสองไม่รอช้า พลางเดินเข้าครัวไปนำอาหาร
เช้าออกมาอย่างว่องไว เพราะนี่เป็นหน้าที่หลักของทั้งสองคนในทุก ๆ เช้าอยู่แล้วนั่นเอง

“รีบทาน เดี๋ยวพ่อจะไปส่งขึ้นรถ” ผู้เป็นพ่อเอ่ยกำชับอีกรอบ เพราะหวั่นว่าถ้าช้ากว่านี้ลูกทั้งสอง
ของเขาจะต้องตกรถเสียก่อน คงเป็นการเริ่มทัวร์ที่ไม่น่าประทับใจสักเท่าไหรนัก

“ครับ/ค่ะ” ขณะนี้ เวลาเกือบแปดนาฬิกา สามคนพ่อลูกเดินทางมาถึงสถานีขนส่งผู้โดยสาร โดยผู้เป็น
แม่ไม่ได้ออกมาส่งลูกทั้งสองคนด้วยกันเพราะที่ฟาร์มผักเกิดปัญหาขึ้นจนเธอปลีกตัวออกมาด้วยไม่ได้ แต่
ถึงกระนั้น ลูกทั้งสองก็ได้กอดลาแม่ของพวกเขา พร้อมทั้งผู้เป็นพี่ชายก็ได้ตกปากรับคำผู้เป็นแม่ไว้ว่าจะ
ดูแลน้องสาวเป็นอย่างดีตลอดการล่องใต้ในครั้งนี้

“ตั๋วรถอยู่ไหนหรือ” ผู้เป็นพ่อเอ่ยถาม
“อยู่นี่ครับ” พี่ชายชูตั๋วสองใบให้พ่อของเขาดู



“ขึ้นรถได้แล้ว พ่อขอให้ลูกของพ่อทั้งสองคนเดินทางโดยสวัสดิภาพ และขอให้มีความสุขกับการเดิน
ทางในครั้งนี้นะ” ผู้เป็นพ่อเอ่ยอย่างใจเย็น พร้อมทั้งใช้มือทั้งสองข้างลูบหัวลูกทั้งสองไปด้วย

“ผมไปก่อนนะครับคุณพ่อ” พี่ชายยกมือไหว้ลา
“สาวนุ้ยสัญญาว่าจะรักษาตัวเองให้ปลอดภัย แล้วก็จะกลับมาพร้อมกับความสุขแน่นอนค่ะ” เด็ก
หญิงโผเข้ากอดผู้เป็นพ่อ

พ่อกอดตอบลูกสาวของตน พร้อมเอ่ยเร่งให้ทั้งคู่ไปขึ้นรถเสียที ก่อนจะตกรถเสียจริง ๆ ทั้งสองคนพี่
น้องขึ้นรถโดยสารพร้อมโบกมือลาพ่อของตนที่นั่งของทั้งคู่อยู่ติดกับประตูทางออกด้านหน้าตัวรถ ดังนั้นที่
ว่างด้านหน้าจึงมีเยอะกว่าที่นั่งส่วนอื่นๆ เด็กหญิงยืดขาออกไปเสียเต็มความยาว เพราะเธอคิดว่า แค่เริ่ม
ต้นการเดินทางก็พบเจอเรื่องดีๆ แล้วหนึ่งเรื่อง ก็คือที่นั่งที่มีพื้นที่ให้พวกเขานั่งสบายกว่าใครนี่แหละนะ

“พี่บ่าวคะ” เด็กหญิงหันไปเรียกพี่ชายที่นั่งอยู่ข้าง ๆ
“ว่าไงเอ่ย”
“เราใช้เวลาเดินทางกี่ชั่วโมงหรือคะ”
“ประมาณสามชั่วโมงครับ”
“น้องไม่อยากนั่งเปื่อย ๆ ฆ่าเวลาไปเสียเปล่าประโยชน์ พี่บ่าวช่วยเล่าเรื่องเกี่ยวกับจังหวัดที่เราจะ
ไปทัวร์ให้น้องฟังหน่อยได้ไหมคะ”
“ได้สิครับ แต่พี่พูดเสียงดังไม่ได้นะ จะรบกวนคนอื่น ๆ เขาได้” พี่ชายพูดกระซิบกระซาบ
“ได้สิคะ เรานั่งใกล้กันแค่นี้เอง พูดกันเบา ๆ ก็ได้ค่ะ” เด็กหญิงคลี่ยิ้มออกมาพร้อมทั้งเอียงหูไปหาพี่
ชายของเธอ

“งั้นน้องอยากฟังเกี่ยวกับอะไรหรือ”
“อืม…….” เด็กหญิงทำหน้าครุ่นคิด

“งั้นเอาเรื่องที่เกี่ยวกับตำนาน นิทานพื้นบ้านของจังหวัดนครศรีธรรมราชและของจังหวัด
สุราษฎร์ธานีดีไหมครับ” พี่ชายลองเสนอ

“น้องจะไม่ง่วงหลับไปก่อนเหรอคะ คิกคิก” เด็กหญิงหัวเราะชอบใจ



“ไม่ง่วงหรอกนะ เพราะเรื่องราวนั้นสนุกมาก ๆ น้องจะต้องตาลุกวาวอย่างแน่นอน”
พี่ชายยืนยันเสียงแข็งให้กับเรื่องราวที่เขาศึกษามาอย่างดี

“งั้นก็เริ่มเลยสิคะ น้องจะตั้งใจฟัง” เด็กหญิงจ้องมองพี่ชายของเธอไม่วางตา นัยน์ตาเด็กหญิงเต็มไป
ด้วยประกายของความอยากรู้

ที่มา https://www.lib.ru.ac.th
“งั้นพี่เล่าตำนานของจังหวัดนครศรีธรรมราชก่อนแล้วกัน เรื่องที่พี่จะเล่าเรื่องแรกนี้เป็นตำนาน
ของวัดพระธาตุ ที่ปกติคนทั่วไปจะคุ้นกับชื่อ พระธาตุยอดทอง หรือจริง ๆ แล้ว นั่นคือ วัดพระ
มหาธาตุวรมหาวิหาร โดยตำนานนั้นเล่าขานกันมาปากต่อปาก ไม่อาจสืบทราบได้ว่าจริงแท้แค่ไหน
แต่ตำนานเหล่านี้ล้วนปรากฏหลักฐานไว้ให้เห็นทั้งสิ้น เรื่องก็มีอยู่ว่า……



ที่มา https://clib.psu.ac.th

ประมาณ 40 ปีหลังจากพระพุทธเจ้าสวรรคต เจ้าชายทนต์กุมาร และองค์หญิงเหมมาลาได้นำ
พระทันต์ธาตุมาจากศรีลังกา โดยบรรทุกสำเภามา ก่อนถึงหาดทรายแก้วเกิดพายุใหญ่พัดเรือสําเภา
อับปาง คลื่นได้ซัดเจ้าชายทนต์กุมารและองค์หญิงเหมมาลาพร้อมด้วยพระทันต์ธาตุมาขึ้นฝั่งที่หาด
ทรายแก้ว เมื่อถึงหาดทรายแก้วเจ้าชายทนต์กุมารและองค์หญิงเหมมาลาได้ฝังพระทันต์ธาตุแล้วก่อ
เป็นเจดีย์ ณ หาดทรายแก้ว โดยตั้งอธิษฐานให้ลา 4 ตัวเป็นผู้ปกปักษ์รักษาพระทันต์ธาตุ แล้ว
อธิษฐานว่าที่แห่งนี้จะเป็นอาณาจักรเจริญต่อไป

จากนั้นพระเจ้าศรีธรรมโศกราชได้สร้างอาณาจักรศรีวิชัยและสร้างเจดีย์ทรงระฆังคว่ำครอบเจดีย์
ทรายที่เจ้าชายทนต์กุมารและองค์หญิงเหมมาลาได้สร้างไว้เมื่อก่อนนี้ต่อมาอาณาจักรศรีวิชัยได้ล่ม
สลายจึงขาดการบำรุงรักษาเป็นเวลาช้านานมีพระภิกษุรูปหนึ่งชื่อ ปาน เกิดศุภนิมิตเห็นว่าเจดีย์นี้
บรรจุพระทันต์ธาตุของพระพุทธเจ้าจึงได้ป่าวประกาศเชิญชวนประชาชนร่วมกันบูรณะวัดพระบรม
ธาตุ โดยสร้างเจดีย์ระฆังคว่ำ พระวิหารหลวง พระวิหารทัพม้า พระวิหารคด พระวิหารโพธิ์ลังกา
พระวิหารทัพเกษตร พระวิหารธรรมศาลา ดังที่เห็นในปัจจุบันนี้คือ “วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร”



พอเล่าจบพี่ชายควานหากระติกน้ำที่อยู่ในกระเป๋าผ้าขึ้นมาดื่ม เพราะแค่เรื่องแรกก็ทำเขาคอแห้งไปพอ
สมควร บวกกับสีหน้าของน้องสาวที่ตั้งใจฟังจนเกินไป ทำเอาพี่ชายอย่างเขาก็ประหม่าขึ้นมากลัวว่าเรื่องที่
เขาเล่านั้นจะทำให้น้องเบื่อหรือไม่

“แปะ แปะ” เสียงปรบมือเบา ๆ ดังขึ้นจากฝ่ามือเล็ก ๆ ของเด็กหญิง เธอยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ด้วยความ
ปลาบปลื้มในตัวพี่ชายของเธอ

“สนุกมากเลยค่ะ น้องไม่คิดว่าตำนานวัดพระธาตุจะยาวนานขนาดนี้ แถมพี่ชายของน้องยังเล่าออก
มาไม่มีสะดุดสักคำ อย่างกะท่องมาทุกตัวอักษร ดูท่าแล้วอาชีพมัคคุเทศก์คงอยู่ไม่เกินเอื้อมแล้วนะคะ”
เด็กหญิงคลี่ยิ้มอย่างจริงใจส่งไปให้พี่ชายที่นั่งอยู่ข้าง ๆ

“สาวนุ้ย น้องก็ชมพี่เกินไปหรือเปล่า” พี่ชายว่าพลางใช้มือเกาท้ายทอยแก้เขิน
“ไม่นะคะ ไม่เกินไปสักนิด พี่จำวิหารทั้งหมดได้ยังไงคะ น้องฟังแล้วยังมึนเลยค่ะ คิกคิก”
“พี่อ่านมามากกว่าสิบรอบแล้วน่ะสิ จึงพูดออกมาจากความจำและความเข้าใจ ไม่ใช่ว่าท่องไปเรื่อย
โดยไม่ใส่ใจเรื่องราวเลย”
น้องสาวฟังคำพี่ชายพูดจบ ถึงกับยกนิ้วโป้งให้พี่ชายของเธอพร้อมกันทั้งสองมือ
“ฟังต่อเลยไหมครับ”
“ได้เลยค่ะ”
“งั้นพี่ขอเลือกเป็นเรื่องเรือสำเภาที่นำอัฐิของพระพุทธเจ้ามาแล้วกันนะ เรื่องราวจะได้สอดคล้องไปกับ
ตำนานของวัดพระธาตุ เรื่องมีอยู่ว่า……

"แต่แรกสมัยก่อนมีเรือสำเภาลำหนึ่ง ได้เดินทางขนของมาจากอินเดีย พร้อมด้วยอัฐิของ
พระพุทธเจ้ามาทางทะเลจะไปประเทศไหนก็ไม่ทราบ ต่อมาเรือสำเภาลำนั้นก็เข้ามาทางจังหวัด
นครศรีธรรมราช โดยเดินทางผ่านมาทางแม่น้ำปากยาจะไปหาดทรายแก้ว ปัจจุบันคือที่ตั้งของพระบรมธาตุ
แต่เรือสำเภาลำนั้นโชคไม่ค่อยดีก็เลยจบลงก่อน ที่แม่น้ำปากยาที่นาวง ตำบลปากนคร อำเภอเมือง
นครศรีธรรมราช"

ที่มา https://clib.psu.ac.th



จังหวัดนครศรีธรรมราช และทำให้สินค้าที่อยู่ในเรือสำเภาก็จมลงไปในแม่น้ำหมด ปัจจุบันก็ยังมีหลักฐานให้
เห็นอยู่ คือ “ข้อเรือสำเภาที่จม”
พี่ชายเปิดสมุดที่เก็บหลักฐานเกี่ยวกับเรือสำเภาลำนั้นให้น้องสาวดู เพื่อประกอบกับเรื่องที่เล่า เธอทำตาลุก
วาวยิ่งกว่าได้ทานขนมชิ้นโปรดเสียอีก

“ไม่น่าเชื่อนะคะ ว่าเรื่องแบบนี้จะเป็นจริง มันฟังเหมือนนิทานที่แต่งขึ้นมา แต่พอมีหลักฐานปรากฏให้
เห็น น้องก็เลยรู้สึกว่ามันช่างน่าประหลาดใจเสียจริง ๆ”

“พี่ก็คิดแบบนั้นไม่ต่างจากน้องเลยครับ ถ้าน้องคิดว่าเรื่องนี้ฟังแล้วเหมือนนิทาน พี่จะเล่าอีกเรื่องหนึ่ง
ให้ฟัง พี่เชื่อว่าน้องจะอึ้งยิ่งกว่านี้เสียอีก เรื่องมีอยู่ว่า……

เมื่อก่อนมีตำนานของวัดพระธาตุ ถ้าคนสร้างเสร็จหลังมัน มันจะกินคน
เสีย การสร้างเจดีย์ดำเนินไป แต่คนนั้นมีกำลังแข็งแรงน้อยกว่ายักษ์มาก
จึงสร้างเจดีย์ได้ช้ากว่ายักษ์ ยักษ์มันรู้ว่าตนเองต้องชนะแน่ก็ชะล่าใจ
มันคิดว่าเหลืออีกนิดเดียวค่อยสร้างใหม่ก็ได้คนนั้นหรือจะสร้างเสร็จ
ก่อนเราต้องได้กินคนแน่ ๆ มันคิดแล้วก็นอนหลับไป

ที่มา https://thailandtourismdirectory.go.th

คนก็คิดว่ามันก็มีปัญญาเหนือกว่ายักษ์ แม้ความแข็งแรงและกำลังจะน้อยกว่า คนคิดว่าถ้าไม่เอาด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วย
กล คนคิดไปคิดมาก็คิดได้และมองไปทางยักษ์ที่กำลังนอนหลับอย่างสบาย เราคงมีเวลาที่จะสร้างเจดีย์ตามแผนที่วางไว้โดย
การเอาผ้ามาวาดเป็นรูปเจดีย์และเอาไม้มาสร้างเป็นโครงเจดีย์แล้วเอาผ้าที่วาดรูปเจดีย์มากลุ่มไว้ พอยักษ์ตื่นนอนขึ้นมาก็
ตกใจและโมโหในความชะล่าใจของตนเองจึงเตะยอดเจดีย์หัก ปัจจุบันซากเจดีย์พุพังสลายไปแล้วอยู่ข้างเทศบาลอำเภอ
เมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช



เมื่อฟังจบ น้องสาวโผเข้ากอดพี่ชายของตัวเองอย่างแนบแน่น พี่ชายรู้สึกตกใจจนต้องกอดน้องตอบ
“เป็นอะไรหรือเปล่าสาวนุ้ย”
“เรื่องเล่าสนุกมากเลยค่ะ แต่ทำไมยักษ์มันน่ากลัวจังเลย ที่นครศรีธรรมราชจะมียักษ์หลงเหลืออยู่ไหม
คะ น้องกลัว”
“ฮ่าฮ่า” พี่ชายเผลอหลุดเสียงขำออกมาเพราะนึกเอ็นดูน้องสาวในอ้อมกอดของตน
“ไม่มีแล้วล่ะ มันเป็นแค่ตำนานนะสาวนุ้ย ไม่ต้องกลัว แต่ถึงจะมียักษ์อยู่จริง ๆ พี่ชายคนนี้แหละที่จะ
ปกป้องน้องเอง”เด็กหญิงค่อยๆคลายกอดจากพี่ชายพร้อมพยักหน้ารับกับคำสัญญาของพี่ชายที่บอกว่าถ้ามี
ยักษ์เขาก็จะปกป้องน้องสาวของเขาเด็กหญิงอ้าปากหาวหวอด ๆ จนน้ำตาค่อย ๆ ซึมผ่านเส้นขนตาดำยาว
ทั้งสองข้าง
“ง่วงแล้วเหรอครับ”

“นิดหน่อยค่ะ น้องฟังพี่บ่าวเล่าเพลินเลย” เด็กหญิงทำหน้ามุ้ยสวนทางกับคำพูดที่บอกว่าตนนั้นง่วง
เพียงนิดหน่อย

“ง่วงก็นอนเถอะ เดี๋ยวพี่จะร้องเพลงชาน้องกล่อมสาวนุ้ยนอนเอง”
“เพลงชาน้องเหรอคะ คืออะไรคะ” เด็กหญิงถึงแม้จะง่วงงุนเสียเต็มประดาแต่ความสงสัยของเธอนั้น

กลับแรงกล้าเสียยิ่งกว่า
“เป็นเพลงพื้นบ้านของชาวใต้นี่แหละครับ แต่พี่จะร้องเพลงชาน้องของสุราษฎร์ธานีให้น้องฟัง

เพราะพี่ชอบเป็นพิเศษครับ นอนเถอะนะพี่จะกล่อม”
เด็กหญิงพยักหน้าสองสามครั้ง พร้อมค่อย ๆ เอียงศรีษะลงซบที่ไหล่ของพี่ชายตน เด็กชายจัดท่านั่งให้

เหมาะสม เพื่อไม่ให้ทั้งน้องสาวและตนเองปวดเมื่อยไปเสียก่อน เมื่อจัดท่านั่งเสร็จสิ้น เสียงฮำเพลงเบา ๆ ก็
หลุดออกมาจากปากของผู้เป็นพี่ ความว่า……



ฮา เฮอ เห้อ เพลงชาน้อง
คือน้องเหอ อือ อือ หือ
หนทางไปวัด คิดต้นยานัด
สวดให้ดังดังหลวงพี่เหอ ทัดเดาะพุมเรียง
ทัดเดาะพุมเรียง น้องจะฟังเอาแต่เสียง
ฟังเสียงพี่ชายสวด…เหอ

ที่มา https://library.stou.ac.th

เมื่อสิ้นเสียงกล่อมของพี่ชาย เด็กหญิงก็ผล่อยหลับเข้าสู่ห้วงนิทราไปเป็นที่เรียบร้อย ส่วนผู้เป็นพี่ชายก็ขอ
งีบเอาแรงสักหน่อยแล้วกันเพราะใช้เวลาอีกหลายชั่วโมงกว่าเดินทางถึงจังหวัดนครศรีธรรมราช การเดินทาง
ของพวกเขาสองพี่น้องเริ่มต้นขึ้นแล้วจริง ๆ และนี่คือจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ที่ทำให้ทั้งสองพี่น้องใจพองฟูจนเกิน
บรรยายออกมาได้

๑๐

การอ่านจับใจความสำคัญ



ความหมายการอ่านจับใจความสำคัญ

ผกาศรี เย็นบุตร (๒๕๔๒: ๑๓๗) ให้ความหมาย การอ่านจับใจความ หมายถึง การอ่านเพื่อเก็บสาระ
สำคัญของเรื่องที่อ่านที่ผู้เขียนต้องการสื่อ เช่น เก็บจุดมุ่งหมายสำคัญของเรื่อง เก็บเนื้อเรื่อง เก็บแนวคิดหรือ
ทัศนคติของผู้เขียน เก็บข้อเท็จจริงหรือความรู้สึก อารมณ์ของผู้เขียน
ประเภทของการอ่านจับใจความสำคัญ การอ่านจับใจความสำคัญเเบ่งออกเป็น ๒ ประเภท
ได้เเก่
๑.การจับใจความสำคัญที่ปรากฏในย่อหน้า

๑.๑ ส่วนประกอบย่อหน้า จินต์นิภา ศรีไสย์ (๒๕๔๙ : ๓๐) กล่าวว่า ในเเต่ะละย่อหน้าจะมีส่วนประกอบ
ดังนี้

๑) ใจความสำคัญ หรือประเด็นหลัก หมายถึง ข้อความสำคัญที่สุดในแต่ละย่อหน้าจะตัดข้อความสำคัญ
นั้นออกไม่ได้เพราะจะไม่ได้ความหมาย ขาดส่วนสำคัญไป

๒) ใจความรอง ประเด็นรอง หรือพลความ หมายถึง ข้อความสำคัญรองๆลงไป สามารถตัดทิ้งได้ไม่
ทำให้ข้อความในย่อหน้านั้นเปลี่ยนความหมาย

ในส่วนของใจความรอง อาจใช้เป็นส่วนขยายประโยคใจความสำคัญ เป็นส่วนการสนับสนุนด้วยการยก
ตัวอย่าง เปรียบเทียบ ให้ข้อมูล ตัวเลข สถิติ ฯลฯ ซึ่งช่วยให้เข้าใจเนื้อเรื่อง

๑.๒ การพิจารณาตำเเหน่งใจความสำคัญ มาโนช ดินลานสกูล (๒๕๕๘ : ๒๔-๒๖) กล่าวว่า ตำแหน่ง
ของประโยคใจความสำคัญของเรื่องในเเต่ละย่อหน้าจะปรากฏ ดังนี้

๑๑

๑) การอ่านจับใจความสำคัญประโยคตอนต้นย่อหน้า
ตำแหน่งของประโยคใจความสำคัญที่วางไว้ตอนต้นย่อหน้าจะทำให้ผู้เขียนระลึกอยู่เสมอว่า กำลัง
เขียนเรื่องอะไร ทั้งยังทำให้ผู้อ่านทราบทันทีว่าความคิดสำคัญที่ผู้เขียนต้องการนำเสนอคือเรื่องใด




ตัวอย่าง

จังหวัดสุราษฎร์ธานีเป็นเมืองเก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ มีชนพื้นเมืองเป็น
พวกเซมังและชาวมลายูดั้งเดิม ซึ่งอาศัยอยู่ในเขตลุ่มน้ำหลวง (แม่น้ำตาปี) และบริเวณอ่าวบ้านดอน
จากการค้นพบร่องรอยของอารยธรรมศรีวิชัยในเขตอำเภอไชยา และพบร่องรอยของเมืองเก่าอีกหลาย
แห่งบริเวณรอบอ่าวบ้านดอน เช่น เมืองกาญจนดิษฐ์ เมืองท่าทอง เมืองพุนพิน และเมืองเวียงสระ จึง
สันนิษฐานว่าเมืองไชยาเคยเป็นราชธานีของอาณาจักรศรีวิชัยในอดีตเมื่ออาณาจักรศรีวิชัยเสื่อม
อำนาจลง

ใจความสำคัญ คือ จังหวัดสุราษฎร์ธานีเป็นเมืองเก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์

๑๒

๒) การอ่านจับใจความสำคัญประโยคตอนท้ายย่อหน้า
ผู้เขียนต้องการเน้นย้ำความคิดสำคัญไว้ตอนท้าย โดยเริ่มอธิบายขยายความก่อนแล้วจึงปิดท้ายด้วยการ
สรุปเป็นประโยคใจความสำคัญวางไว้ท้ายย่อหน้า การทำเช่นนี้จะช่วยให้ผู้อ่านจับใจความสำคัญได้ง่าย แต่ที่
สำคัญผู้เขียนต้องไม่ลืมสรุปความคิดสำคัญไว้ในตอนท้ายของย่อหน้า



ตัวอย่าง

วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร หรือที่ชาวนครเรียกว่า วัดพระธาตุ โบราณสถานสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และ
เป็นมิ่งขวัญชาวเมืองนครศรีธรรมราชตลอดจนพุทธศานิกชนทั้งหลาย สัญลักษณ์ของจังหวัด
นครศรีธรรมราชที่รู้จักกันแพร่หลายก็คือ พระบรมธาตุเจดีย์ ซึ่งเป็นเจดีย์สถาปัตยกรรมแบบทรงระฆังคว่ำ
มีจุดเด่นที่ยอดเจดีย์ ซึ่งหุ้มด้วยทองคำแท้ ตั้งอยู่ภายในวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหารเนื่องจากเป็นที่บรรจุ
พระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหารจึงเป็นโบราณสถานที่นับเป็นปูชนีย
สถานที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของภาคใต้

ใจความสำคัญ คือ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหารจึงเป็นโบราณสถานที่นับเป็นปูชนียสถานที่สำคัญที่สุด
แห่งหนึ่งของภาคใต้

๑๓

๓) การอ่านจับใจความสำคัญประโยคตอนกลางย่อหน้า
ผู้เขียนจะเริ่มด้วยประโยคขยาย อาจจะมีลักษณะเป็นข้อความนำมาก่อนแล้วตามตัวประโยคใจความ
สำคัญ ต่อจากนั้นจะเป็นการอธิบายขยายความเพิ่มเติมเพื่อให้เนื้อความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ย่อหน้ารูปแบบนี้เขียน
ค่อนข้างยาก เนื่องจากว่าผู้เขียนจะต้องระวังไม่เขียนส่วนขยายในตอนต้นและตอนท้ายของย่อหน้าให้ออกนอก
เรื่อง และที่สำคัญผู้อ่านอาจจะจับใจความสำคัญได้ไม่ชัดเจน



ตัวอย่าง

ในพุทธศตวรรษที่ ๑๗-๑๙ พระพุทธศาสนาได้เจริญรุ่งเรืองสูงสุดในนครศรีธรรมราช ภายใต้การ
ปกครองของราชวงศ์ศรีธรรมาโศกราช โดยเฉพาะพระพุทธศาสนานิกายหินยานลัทธิลังกาวงศ์เพราะ
นครศรีธรรมราชได้สัมพันธ์ใกล้ชิดกับศรีลังกาเป็นอย่างมาก นครศรีธรรมราชเป็นศูนย์กลางของการ
เผยแพร่พุทธศาสนาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากนครศรีธรรมราชครั้งนั้นกว้างขวาง มีเมือง
ขึ้นรายรอบ ๑๒ เมือง เรียกว่า เมืองสิบสองนักษัตร ตั้งแต่ชุมพรลงไปถึงเมืองปาหัง กลันตัน และไทรบุรี
ดินแดนโบราณแถบนี้ส่วนใหญ่ได้รับอิทธิพลพุทธศาสนานิกายลังกาวงศ์และศิลปะแบบลังกาไปจาก
นครศรีธรรมราช

ใจความสำคัญ คือ นครศรีธรรมราชเป็นศูนย์กลางของการเผยแพร่พุทธศาสนาในเอเชียตะวันออก
เฉียงใต้

๑๔

นอกจากที่กล่าวมาข้างต้นเเล้วตำเเหน่งในการพบใจความสำคัญยังพบในตำเเหน่งประโยคตอนต้นเเละ
ตอนท้ายย่อหน้าใจความสำคัญเช่นนี้พบไม่บ่อยครั้งผู้เขียนบอกประเด็นสำคัญไว้ที่ตอนต้นของย่อหน้าและเน้น
สรุปใจความสำคัญอีกครั้งที่ท้ายย่อหน้าดังตัวอย่างต่อไปนี้

๔) การอ่านจับใจความสำคัญประโยคตอนต้นเเละประโยคตอนท้ายย่อหน้า
ผู้เขียนจะวางประโยคใจความสำคัญไว้ตอนต้นย่อหน้าก่อน แล้วตามด้วยการอธิบายขยายความให้ชัดเจน
หลังจากนั้นจึงปิดท้ายย่อหน้าด้วยการเน้นย้ำความคิดสำคัญที่ต้องการนำเสนออีกครั้ง โดยการเขียนเป็น
ประโยคใจความสำคัญในทำนองเดียวกันกับประโยคใจความสำคัญข้างต้นวางไว้ท้ายย่อหน้า การวางประโยค
ใจความสำคัญไว้ทั้งต้นและท้ายย่อหน้าเช่นนี้ จะช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจอย่างชัดเจนว่าอะไรคือใจความสำคัญที่ผู้
เขียนต้องการนาเสนอ

ตัวอย่าง
จังหวัดนครศรีธรรมราชมีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์อันยาวนาน ก่อนกรุงสุโขทัยซึ่งถือว่าเป็น

ราชธานีแรกของไทยมีความเจริญรุ่งเรืองทางพุทธศาสนาและศาสนาพราหมณ์มาก่อนศิลปวัฒนธรรม
เช่น ประติมากรรม สถาปัตยกรรม จิตรกรรม ช่างฝีมือพื้นบ้าน การละเล่น และ ขนบธรรมเนียม
ประเพณีอันเป็นมรดกทางวัฒนธรรมจึงมีมาก ซึ่งชาวเมืองยังยึดถือเเละปฏิบัติกันอยู่ในปัจจุบันทำให้
นครศรีธรรมราชมีอารยธรรมและศิลปวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของชาติบ้านเมืองมาจนถึง
ปัจจุบัน

ใจความสำคัญ คือ คือจังหวัดนครศรีธรรมราชมีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์อันยาวนาน และตอน
ท้ายคือ ทำให้นครศรีธรรมราชมีอารยธรรมและศิลปวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของชาติบ้านเมือง
มาจนถึงปัจจุบัน

การจับใจความสำคัญที่ปรากฏในย่อหน้าข้างต้นมักพบในงานเขียนเชิงวิชาการเช่น หนังสือเรียน
ตำราบทความวิชาการ เเละสารคดีเป็นต้น

๑๕

๒.การจับใจความสำคัญด้วยการสรุปความ(๕W๑H)
ลักษณะการอ่านสรุปใจความ

การจับใจความสำคัญด้วยการสรุปความ เรียกว่า “การอ่านสรุปใจความสำคัญ" มักพบในสารที่ไม่ปรากฏ
ประโยคใดอย่างชัดเจนอาจอยู่ในหลายประโยคหรืออยู่รวมๆในย่อหน้า ซึ่งผู้อ่านจะต้องสรุปออกมาเองนับ
เป็นใจความสำคัญที่ยากกว่าอย่างอื่นอาจจะใช้วิธีการตั้งคำถามแล้วตอบตัวเองให้ได้ว่าใคร ทำอะไรที่ไหน เมื่อ
ไหร่อย่างไร ทำไมซึ่งจะทำให้มองเห็นส่วนที่เป็นประเด็นสำคัญและส่วนที่เป็นประเด็นเสริม หรือการขยายความ
ง่ายขึ้น (แววมยุรา เหมือนนิล, ๒๕๔๑ : ๒๘)

การตั้งคำถามเพื่อหาสาระสำคัญของเรื่อง

ใคร (Who) - เรื่องนี้กล่าวถึงใคร
- ใครเป็นบุคคลสำคัญเรื่องนี้

ทำอะไร (What) - เรื่องนี้เกี่ยวกับอะไร (ความคิด กระทำ เหตุการณ์)
ที่ไหน (Where) - เรื่องนี้ตัวละคร/บุคคล/สิ่งมีชีวิต ทำอะไร

- เหตุเกิดที่ไหน

เมื่อไร (When) - เรื่องเกิดเมื่อไร
อย่างไร (How) - เรื่องเกิดเวลาใด
- (ตัวละคร) เป็นคนอย่างไร
ทำไม (Why) - (ตัวละคร)/(สิ่งที่กล่าวถึง) ทำอย่างไร




- ทำไมจึงเป็นเช่นนี้
- เพราะเหตุใด
- เพราะอะไร

๑๖

ตัวอย่าง การอ่านเพื่อจับใจความสำคัญด้วยการสรุปความ (๕W๑H)
ตามตำนานประเพณีแห่ผ้าขึ้นธาตุมีว่า ในสมัยที่พระเจ้าสามพี่น้อง คือพระเจ้าศรีธรรมโศกราช
พระเจ้าจันทรภาณุ และพระเจ้าพงษาสุระ กำลังดำเนินการสมโภชพระบรมธาตุอยู่นั้น คลื่นได้ซัดผ้าแถบยาว
ชิ้นหนึ่ง ซึ่งมีลายเขียนเรื่องราวพุทธประวัติ (เรียกว่า พระบฎ หรือ พระบต) ขึ้นที่ชายหาดปากพนัง จึงนำผ้า
ผืนนั้นไปถวายพระเจ้าศรีธรรมโศกราช พระองค์จึงรับสั่งให้ซักจนสะอาด แต่ลายเขียนพุทธประวัติก็ไม่ลบ
เลือนยังคงสมบูรณ์ดีทุกประการ จึงรับสั่งให้ประกาศหาเจ้าของได้ความว่าชาวพุทธกลุ่มหนึ่งจะเดินทางไป
ลังกา เพื่อนำพระบฎไปถวายเป็นพุทธบูชาพระทันตธาตุคือ พระเขี้ยวแก้ว แต่เรือถูกมรสุมซัดแตกที่ชายฝั่ง
เมืองนครรอดชีวิต ๑๐ คน ส่วนพระบฏถูกคลื่นซัดขึ้นฝั่งปากพนัง พระเจ้าศรีธรรมโศกราชทรงพิจารณาเห็น
ว่าควรจะนำขึ้นไปห่มพระบรมธาตุเจดีย์เนื่องในโอกาสสมโภชพระบรมธาตุ เจ้าของพระบฎที่รอดชีวิตก็ยินดี
ด้วยจึงโปรดให้ชาวเมืองนครจัดเครื่องประโคมแห่แหนผ้าห่มโอบฐานพระบรมธาตุเจดีย์จึงเป็นประเพณี
ประจำเมืองนครสืบมาจนทุกวันนี้

ใคร

ทำอะไร ตอบคำถามเพื่อหาสาระสำคัญของเรื่อง
ที่ไหน
เมื่อไหร่



อย่างไร พระเจ้าศรีธรรมโศกราช
ผลเป็นอย่างไร รับสั่งให้ประกาศหาเจ้าของพระบฎ
ชายหาดปากพนัง
ชาวพุทธกลุ่มหนึ่งเดินทางไปลังกาเพื่อนำพระบฎไปถวายพระเขี้ยว
แก้วถูกมรสุมซัด
นำพระบฎขึ้นไปห่มพระบรมธาตุเจดีย์เนื่องในโอกาสสมโภชพระบรมธาตุ
ประเพณีแห่ผ้าขึ้นธาตุจึงเป็นประเพณีประจำเมืองนครสืบมาจนทุกวันนี้

๑๗

สรุปใจความได้ ดังนี้
พระเจ้าศรีธรรมโศกราชรับสั่งให้ประกาศหาเจ้าของพระบฎ เมื่อทราบว่าชาวพุทธกลุ่มหนึ่งเดินทางไป

ลังกาเพื่อนำพระบฎไปถวายพระเขี้ยวแก้ว แต่ถูกมรสุมซัดที่ชายหาดปากพนัง พระองค์ทรงพิจารณาเห็นว่าควร
จะนำพระบฎขึ้นไปห่มพระบรมธาตุเจดีย์เนื่องในโอกาสสมโภชพระบรมธาตุ จึงทำให้ประเพณีแห่ผ้าขึ้นธาตุเป็น
ประเพณีประจำเมืองนครสืบมาจนทุกวันนี้

วนิดา พรมเขต (๒๕๕๙ : ๒๗ ) กล่าวว่า การจับใจความสำคัญด้วยการสรุปความ จะใช้ในกรณีที่ไม่
สามารถหาตำแหน่งของใจความสำคัญในย่อหน้าได้ ผู้อ่านควรสรุปใจความสำคัญของสาร ด้วยการตอบคำถาม
๕W๑H คือ ใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ อย่างไร และทำไม แล้วจึงนำคำตอบที่ได้มาจัดลำดับและเขียนเรียบ
เรียงโดยใช้คำเชื่อมที่เหมาะสม

หากผู้อ่านมีการฝึกฝนการสรุปใจความจนคุ้นเคยก็ไม่จำเป็นต้องแยกคำถาม ๕W๑H ออกเป็นข้อๆ
เหมือนตัวอย่างข้างต้น แต่สามารถอ่านแล้วสรุปใจความสำคัญได้เลย เพียงแต่ผู้อ่านพึงระลึกการใช้คำถามข้าง
ต้นเพื่อเป็นแนวทางการอ่านสรุปใจความสำคัญให้ได้ใจความที่สมบูรณ์ และโดยมากสารที่ต้องใช้วิธีการอ่าน
สรุปใจความ ได้แก่ ข่าว เรื่องเล่า นิทาน เรื่องสั้น และนวนิยายเป็นต้น

ความสำคัญของการอ่านจับใจความสำคัญ ฟองจันทร์ สุขยิ่ง และคณะ (๒๕๕๙ :๒๓-๒๖) กล่าวถึง
ความสำคัญของการอ่านจับใจความ ดังนี้

๑) เป็นพื้นฐานของการอ่าน สามารถนำไปต่อยอดเป็นการวิเคราะห์และประเมินค่าเรื่องที่อ่านได้
เพราะการอ่านเพื่อจับใจความสำคัญทำให้ทราบข้อมูลเบื้องต้นว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไรหรือใคร ทำอะไร ที่ไหน
เมื่อไร อย่างไร และทำไม

๒) เป็นการรับทราบข้อมูลในระยะเวลาสั้น การอ่านจับใจความสำคัญเป็นการอ่านคร่าวๆเพื่อค้นหา
ใจความสำคัญที่สุด ผู้อ่านจึงใช้เวลาในการอ่านสั้นและรับสารได้ตรงประเด็น

๓) เป็นการนำความรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวัน การอ่านจับใจความสำคัญทำให้ทราบความคิดและความ
รู้ที่ผู้เขียนถ่ายทอด เมื่อนำสารที่ได้มาวิเคราะห์และประเมินค่า ก็สามารถเลือกสรรสิ่งที่เป็นประโยชน์มาใช้ใน
ชีวิตประจำวันได้

๑๘

หลักการอ่านเพื่อจับใจความสำคัญ การอ่านเพื่อจับใจความสำคัญมีหลักการ ดังนี้
๑) อ่าน ผู้อ่านควรทำความเข้าใจเนื้อหาตั้งแต่ต้นจนจบ เพื่อสรุปให้ได้ว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร หรือใคร
ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไร อย่างไร และทำไม
๒) พิจารณา ผู้อ่านควรพิจารณาข้อความในแต่ละย่อหน้า เพื่อค้นหาใจความสำคัญหลักซึ่งจะมีลักษณะ
เป็นประโยค โดยอาจปรากฏตอนต้น ตอนกลาง หรือตอนท้ายย่อหน้า นอกจากนี้ควรพิจารณาใจความรองที่
เป็นรายละเอียดสนับสนุนใจความสำคัญให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
๓) เรียบเรียง ผู้อ่านควรเรียบเรียงใจความสำคัญของเรื่องที่รวบรวมได้ด้วยสำนวนภาษาของตนเอง ให้
เนื้อหาสอดคล้องกัน โดยเลือกใช้สันธานหรือคำเชื่อมให้เหมาะสม
๔) ทบทวน ผู้อ่านควรทบทวนเนื้อหาที่เรียบเรียงขึ้นใหม่ว่ามีใจความสำคัญครบถ้วนหรือไม่ รวมถึง
พิจารณาความถูกต้องเหมาะสมของภาษา

๑๙

แบบฝึกหัดการอ่านจับใจความสำคัญ



แบบฝึกหัดที่ ๑ เพลงชาน้อง
คำชี้แจง : ให้นักเรียนอ่านข้อความ/เรื่องต่อไปนี้ แล้วขีดเส้นใต้ในตำเเหน่งของประโยคที่เป็นใจ
ความสำคัญพร้อมทั้งระบุประโยคใจความสำคัญของเรื่องที่อ่าน

เพลงชาน้อง
เพลงร้องเรือ หรือ "เพลงชาน้อง" เป็นเพลงที่ชาวบ้านภาคใต้ใช้กล่อมเด็กเพื่อต้องการให้เด็กหลับอย่าง
ง่ายดายและสนิท ผู้ร้องเพลงกล่อมอาจเป็นพ่อ แม่ พี่ ป้า น้า อา หรือ ปู้ ย่า ตา ยาย ที่เลี้ยงดูเด็กนั่นเอง โดย
ให้เด็กนอนเปลที่ผูกไว้ใต้ถุนบ้าน ขณะที่มือไกวเปลก็ร้องกล่อมไปด้วยเพลงร้องเรือนี้มิได้มีเพียงเพื่อกล่อมให้
เด็กหลับเท่านั้นแต่ยังสอดแทรกความรู้ ปฏิภาณ ไหวพริบความเจ้าบทเจ้ากลอนและใช้อบรมสั่งสอนเด็กอีก
ด้วย เพลงร้องเรือนั้นมีเนื้อหาหลากหลาย เช่น เกี่ยวกับความอาลัยรัก วรรณคดี ความเชื่อ การปลูกฝัง
คุณธรรมคำสอน การตัดพ้อต่อว่า การเสียดสีสังคม การประกอบอาชีพ และประวัติตำนานของสิ่งสำคัญ
ต่างๆ
อ้างอิงข้อมูลจาก วิทยานิพนธ์เรื่อง คติพุทธในชุมชนไทยพุทธพุมเรียงอำเภอไชยา จังหวัด
สุราษฎร์ธานี (๒๕๕๗) โดย ทิตยาพร มิตรอุดม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ใจความสำคัญ คือ
……………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………….............................
.........................................................................................................................................

๒๐

แบบฝึกหัดที่ ๒ ตำนานบ้านเคียนซา



คำชี้แจง : ให้นักเรียนอ่านข้อความ/เรื่องต่อไปนี้ พร้อมตอบคำถามและเขียนสรุปใจความสำคัญ

ตำนานบ้านเคียนซา
ในอดีตว่าชื่อบ้านเคียนซาเดิมมาจาก "เกวียน" เกวียนซา กล่าวถึงการเดินทางของพระเจ้า
อโศกเสด็จหาสถานที่เพื่อสร้างพระธาตุเดินทางด้วยเรือสำเภามาทางคลองแม่น้ำตาปีครั้นมาถึงท่า
ข้ามคลองตื้นเขินเรือสำเภาเข้าไม่ได้ ต้องใช้เรือประทุนเล็กๆ หลายร้อยลำ เรียกว่า "เรือเกวียน"
เดินทางช่วงเดือนสิบเอ็ดเดือนสิบสองตรงกับฤดูน้ำหลากน้ำท่วมมาก ต้องแวะพักเรือแถวนั้นซึ่งมี
บ้านสองหลังจึงเรียกกันทั่วไปว่า บ้านเกวียนซา อันหมายถึงขบวนเรือเกวียนมาซา (พัก) อยู่ที่นี่

อ้างอิงข้อมูลจาก วารสารเรื่อง วรรณกรรมท้องถิ่นตามเเนวลำน้ำตาปี (๒๕๕๗) โดย ปริญญา
ปานชาวนา วารสารมนุษยศาสตร์เเละสังคมศาสตร์




ตอบคำถามต่อไปนี้

เรื่องนี้กล่าวถึงใคร …………………………………………………………………………………….

ทำอะไร ……………………………………………………………………………………..

ที่ไหน ……………………………………………………………………………………..

เมื่อไร ……………………………………………………………………………………..

ทำอย่างไร ……………………………………………………………………………………..

ผลเป็นอย่างไร ……………………………………………………………………………………..

สรุปใจความสำคัญ
…………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………..........................................
............................................................




๒๑

การเขียนผังความคิด

ความหมายของผังความคิด
ผังความคิด หรือ Mind Map คือ การสรุปความรู้ ความคิดโดยใช้ภาพ สี เส้น และการเชื่อมโยง แทน

การจดบันทึกในรูปแบบความเรียง ผู้เขียนผังความคิดสามารถแตกประเด็นความคิดได้หลากหลายไม่จำกัด แต่
ทั้งหมดต้องสัมพันธ์กันโดยเริ่มจากประเด็นหลักเชื่อมโยงไปสู่ประเด็นรอง แต่แขนงไปสู่ประเด็นย่อย
การเขียนผังความคิดมีขั้นตอนดังนี้

๑.เขียนประเด็นหลักไว้ตรงกึ่งกลางหน้ากระดาษที่ไม่มีเส้นบรรทัดและวางในแนวนอน
๒.เขียนประเด็นร้องไว้รอบๆประเด็นหลัก แล้วจึงลากเส้นเชื่อมโยง
๓.เขียนประเด็นย่อยที่สัมพันธ์กับประเด็นรอง แตกออกไปเรื่อยๆ แล้วจึงลากเส้นเชื่อมโยง
๔.เขียนสัญลักษณ์สื่อความหมาย เป็นเครื่องแทนความคิดให้มากที่สุด
๕.ระบายเส้นสีประเด็นรองและประเด็นย่อย แต่ละด้านที่เชื่อมโยงออกไปให้มีสีเดียวกัน
การใช้ผังความคิดมีประโยชน์ดังนี้
๑.ช่วยให้เข้าใจและจดจำเรื่องที่อ่านได้ดียิ่งขึ้น เพราะจดจำผ่านภาพ ถ้อยคำ หรือข้อความสั้นๆ
๒.ช่วยให้จัดการความคิดเป็นระบบ มองเห็นความสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกันของข้อเท็จจริงต่างๆ ที่ปรากฏ
ในเรื่องที่อ่านและศึกษาค้นคว้า
๓.ช่วยให้เกิดจินตนาการในการสร้างสรรค์ผลงานเพราะผังความคิดสามารถ อธิบายขยายความคิดต่อไปได้อีก
หลายประเด็น
ตัวอย่าง การเขียนผังความคิดสรุปความเข้าใจ



โคลงสุภาษิตอิศปปกรณำ เรื่องราชสีห์กับหนู
มีราชสีห์ตัวหนึ่งนอนหลับ มีหนูตัวหนึ่งวิ่งไปบนหน้า ราชสีห์นั้นตกใจตื่นลุกขึ้นโดยความโกรธ จับหนูไว้ได้จะ
ฆ่าเสีย หนูจึ่งอ้อนวอนว่า ถ้าเพียงแต่ท่านไว้ชีวิตข้าพเจ้า ๆ คงจะแทนคุณท่านที่มีใจดีเป็นแน่ ราชสีห์หัวเราะ
แล้วปล่อยเขาไป อยู่มาไม่ช้ากว่านี้นัก ราชสีห์ต้องพรานจับผูกไว้ด้วยเชือกแข็งแรงหลายเส้น หนูได้ยินเสียง
ราชสีห์ร้องจำได้ก็ขึ้นมาช่วยกัดเชือก ปล่อยราชสีห์ออกได้แล้ว จึ่งร้องว่าท่านยิ้มเยาะความคิดข้าพเจ้าที่ว่าคง
สามารถช่วยที่จะช่วยท่าน ๆ ไม่หมายว่าจะได้รับอันใดตอบแทนนั้น เดี๋ยวนี้ท่านคงทราบแล้ว ว่าถึงเป็นแต่
เพียงหนูตัวหนึ่งก็อาจที่จะให้ความอุปถัมภ์ท่านได้
อ้างอิงข้อมูลจาก อิศปปกรณัม : ราชสีห์กับหนู (๒๕๖๒). โดย สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์
กรมศิลปกร

๒๒

จากการศึกษาโคลงสุภาษิตอิศปปกรณำ เรื่องราชสีห์กับหนู สามารถเขียนผังความคิดสรุปความเข้าใจ
จากเรื่องที่อ่านได้ ดังนี้

เหตุการณ์ โคลงสุภาษิตอิศปปกรณำ เรื่อง ข้อคิด
ราชสีห์กับหนู

ราชสีห์นอนหลับอยู่ มีหนูวิ่งไปบนหน้า ไม่ควรรังแกซึ่งกันและกัน
ทุกชีวิตต้องพึ่งพาอาศัยกัน
ราชสีห์จับหนูไว้ได้จะฆ่าหนู
หนูอ้อนวอนขอชีวิต ราชสีห์จึงปล่อยหนูไป อย่าดูถูกคนที่ด้อยว่าตน
ราชสีห์ติดบ่วงนายพราน

หนูมาช่วยกัดบ่วงนายพราน

ตัวละคร

ราชสีห์ หนู

๒๓

แบบฝึกหัดการเขียนผังความคิด


แบบฝึกหัด ตำนานพญาท่าข้าม


คำชี้แจง : ให้นักเรียนการเขียนผังความคิดสรุปความเข้าใจจากเรื่องที่อ่านต่อไปนี้
ตำนานเรื่องเจ้าพญาท่าข้าม


ตำนานเรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าสืบต่อกันมาตั้งแต่ปลายสมัยอยุธยา ซึ่งสะท้อนความเชื่อเกี่ยวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์
เครื่องรางของขลัง คาถาวิชาอาคมต่าง ๆ รวมทั้งวิถีชีวิตชาวบ้านท่าข้าม ซึ่งตั้งถิ่นฐานริมแม่น้ำตาปี สะท้อน
ศีลธรรมจริยธรรมด้านความซื่อสัตย์ ด้านวินัย ความสามัคคี และมีน้ำใจด้านความซื่อสัตย์แสดงโดยผ่าน
ลักษณะตัวละครพระยาท่าข้าม ซึ่งเป็นบุคคลที่มีความประพฤติดีต่อหน้าที่ของตนเอง มีความจริงใจ รับรู้
หน้าที่ของตน และปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถในการปกป้องบ้านเมืองเมื่อเกิดสงครามด้านวินัยแสดง
ถึงลักษณะนิสัยของตัวละครพระยาท่าข้าม ซึ่งเป็นผู้นำที่ดี มีวินัยต่อตนเอง และปฏิบัติหน้าที่ในการต่อสู้เพื่อ
ปกป้องบ้านเมืองด้วยความเต็มใจ ด้านความสามัคคีแสดงถึงลักษณะนิสัยของตัวละครพระยาท่าข้าม ซึ่งเป็น
บุคคลเปิดใจกว้าง ยอมรับความแตกต่างในฐานะที่ตนเองเป็นผู้นำรับฟังความคิดเห็นของทหารและมุ่งมั่นต่อสู้
เพื่อปกป้องบ้านเมืองเมื่อเกิดสงครามความมีน้ำใจแสดงถึงลักษณะนิสัยของตัวละครพระยาท่าข้าม ซึ่งเป็น
บุคคลที่มีน้ำใจชอบช่วยเหลือผู้อื่น โดยปรากฎในฉากที่โจรกำลังปล้นครอบครัวของนายบุญมั่น ซึ่งเป็นเศรษฐี
ในหมู่บ้านพุนพิน พระยาท่าข้ามและทหารได้เข้าไปช่วยเหลือเศรษฐีและครอบครัวให้รอดพ้นจากการถูก
ทำร้าย
อ้างอิงข้อมูลจาก วารสารเรื่องตำนานเเละนิทานพื้นบ้านกับกระบวนการขัดเกลาเยาวชนภาคใต้ โดย ทวัช
บุญเเสง

๒๔

ผังความคิดเรื่อง ตำนานพญาท่าข้าม

๒๕

รู้หรือไม่ : หนังสือบุด เป็นคัมภีร์โบราณแห่งปักษ์ใต้




ที่มา https://clib.psu.ac.th

หนังสือบุดหรือหมุด คือหนังสือซึ่งทำด้วยกระดาษข่อยหรือกระดาษย่านปริหนาซึ่งพับเป็นชั้นๆ
ภาคกลางเรียกว่า "สมุดไทย" หรือสมุดข่อย" 2 หนังสือบุดมีอยู่ 2 ลักษณะ คือ "บุดดำ" ซึ่งเป็นกระดาษสี
ดำเขียนด้วยอักษรสีขาว และ "บุดขาว" เขียนด้วยอักษรสีดำ ในพื้นที่ชุมชนพุมเรียงโดยเฉพาะที่วัดทุกวัด
มีหนังสือบุดอยู่มากมาย และพบหนังสือบุดอยู่ในเรือนของตระกูลเก่าแก่ในชุมชน เช่นพบที่บ้านศรียา
ภัยและบ้านโอสถปถัมภ์ซึ่งจะพบเป็นตำรายาโบราณ ตัวอักษรที่พบมีทั้งอักษรไทยและขอม หนังสือบุดที่
พบในวัด ได้แก่นิทาน ตำนาน ตำราหมอดู สุภาษิต ความเชื่อ ตำราดูฤกษ์ยาม ตำราดูพื้นที่ ตำราปลูก
เรือน ตำรายา เป็นต้น หนังสือบุดจำนวนไม่น้อยมีภาพเขียนปรากฏอยู่ เช่น ตำราโหราศาสตร์
ไสยศาสตร์ พระมาลัย พระธรรมคำสอนทางพุทธศาสนา ตำราประกอบพิธีกรรม ตำรานวด และตำรา
เกี่ยวกับโรค เป็นต้น หนังสือบุดที่พบในชุมชนพุมเรียงบางเล่มเก่าแก่ถึงปลายอยุธยา ปัจจุบันหนังสือบุด
ส่วนใหญ่ของชุมชนพุมเรียงถูกเก็บรักษาไว้ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี และยังคงมีบางส่วนหลง
เหลืออยู่ตามตู้คัมภีร์ของวัดต่างๆ โดยเฉพาะวัดพุมเรียงที่มีหนังสือบุดเกี่ยวกับพระธรรมคำสอนอยู่มาก
และวัดศักดิ์คุณารามที่มีหนังสือบุดเกี่ยวกับการรักษาโรคอยู่มาก

อ้างอิงข้อมูลจาก วิทยานิพนธ์เรื่อง คติพุทธในชุมชนไทยพุทธพุมเรียง อำเภอไชยา จังหวัด
สุราษฎร์ธานี (๒๕๕๗) โดย ทิตยาพร มิตรอุดม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

๒๖

คำถามประจำหน่วยการเรียนรู้




๑. การอ่านจับใจความสำคัญมีความหมายว่าอย่างไร
๒. การอ่านจับใจความสำคัญมีกี่ประเภท อะไรบ้าง พร้อมอธิบายให้เข้าใจ
๓. การอ่านจับใจความสำคัญมีความสำคัญต่อชีวิตประจำวันอย่างไร จงอธิบายพร้อมแสดงความคิดเห็น
๔. จงอธิบายขั้นตอนการเขียนผังความคิด
๕. การอ่านจับใจความสำคัญมีความสัมพันธ์กับการเขียนผังความคิดอย่างไร จงอธิบาย

กิจกรรมสร้างสรรค์พัฒนาการเรียนรู้

ให้นักเรียนเลือกอ่านบทความ บันทึกเหตุการณ์ หรือเรื่องสั้น ๑ เรื่อง เกี่ยวกับข้อมูลท้องถิ่นที่ตนเอง
สนใจ แล้วจับใจความสำคัญ อธิบายรายละเอียด พร้อมเขียนผังความคิดแสดงความเข้าใจจากเรื่องที่
อ่าน

๒๗

บทที่ ๒
ย้อนรอยเมืองคอน สู่เเดนสุราษฎร์ฯเรียนรู้เรื่องประวัติศาตร์

สาระที่ ๓ การฟัง การดู เเละการพูด
มาตรฐาน/ตัวชี้วัด
มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังเเละดูอย่างมีวิจารณญาณ เเละพูดเเสดงความรู้ ตวามคิด เเละความ
รู้สึก ในโอกาสต่างๆ อย่างมีวิจารณญาณเเละสร้างสรรค์

ท ๓.๑ ม.๒/๔ พูดในโอกาสต่างๆ ได้ตามวัตถุประสงค์
ท ๓.๑ ม.๒/๕ พูดรายงานเรื่องหรือประเด็นที่ศึกษาค้นคว้า
ท ๓.๑ ม.๒/๖ มีมารยาทในการฟัง การดู เเละการพูด
จุดประสงค์การเรียนรู้
๑.นักเรียนสามารถอธิบายความหมาย และองค์ประกอบของการพูดได้
๒.นักเรียนสามารถบอกคุณสมบติของผู้พูดได้
๓.นักเรียนมีมารยาทในการพูด
๔.นักเรียนสามารถอธิบายความหมาย หลักการ และขั้นตอนของการพูดอวยพรได้
๕.นักเรียนสามารถพูดอวยพรตามที่กำหนดได้
๖.นักเรียนสามารถอธิบายความหมาย หลักการ และขั้นตอนการพูดรายงานการศึกษา
ค้นคว้าได้
๗.นักเรียนสามารถพูดรายงานหรือประเด็นจากการศึกษาค้นคว้าได้
๘..นักเรียนมีความรู้เเละความเข้าใจเกี่ยวกับความเป็นมาของพระพุทธศาสนาของจังหวัด
นครศรีธรรมราชและสุราษฎร์ธานี ผ่านศาสนสถานที่ที่มีคุณค่าทางประวัติศาตร์
สมรรถนะของผู้เรียน
ความสามารถในการสื่อสาร
ความสามารถในการคิด
ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต

๒๘

ย้อนรอยเมืองคอน สู่แดนสุราษฎร์ฯ เรียนรู้เรื่องประวัติศาสตร์




รถทัวร์คันใหญ่แล่นเข้ามาจอดในสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดนครศรีธรรมราช ผู้เป็นพี่ก้าวเท้าลง
มาจากรถด้วยความตื่นเต้น นึกทะโมนในใจว่าตนนั้นจะได้เห็นสิ่งต่าง ๆ ที่ได้เก็บข้อมูลรวบรวมไว้ในสมุด
บันทึกคู่กายเสียที ส่วนน้องสาวนั้นยังคงงัวเงียจากการนอนหลับมาตลอดทาง เธอใช้มือขยี้ตาเบา ๆ ก่อน
จะโดนพี่ชายเอ็ด เพราะอาจจะทำให้ดวงตาอักเสบได้

ผู้เป็นพี่เดินนำหน้าน้องสาวไปนั่งยังที่นั่งผู้โดยสาร น้องสาวเดินตามมาติด ๆ เธอยังคงตื่นไม่
เต็มตา ดังนั้นพี่ชายจึงหยิบน้ำในกระเป๋าผ้าส่งให้น้องสาวดื่มเพื่อเพิ่มความสดชื่นเสียหน่อย เธอรับน้ำไปดื่ม
และเทน้ำใส่มือเล็ก ๆ ของเธอเพื่อนำมาลูบไปที่หน้าของตนเองสองสามครั้ง ผู้เป็นพี่หยิบโทรศัพท์เครื่อง
หรูออกมาจากกระเป๋ากางเกง กดโทรหาใครบางคน รอไม่นานก็มีคนปลายสายกดรับ

“สวัสดีครับคุณพ่อ”
“ว่าไงลูก ถึงแล้วหรือ”
“ถึงแล้วครับ ตอนนี้เราสองคนยังนั่งอยู่ที่สถานีขนส่งผู้โดยสารอยู่เลยครับ”
“ดีแล้ว ๆ”

“ทานข้าวห่อที่แม่ทำไปให้หรือยังลูก” ผู้เป็นแม่ถามแทรกขึ้นมาในสายเพราะผู้เป็นพ่อเปิด
เสียงโทรศัพท์ให้เธอได้ยินด้วย

“ยังเลยครับ ผมคิดว่าจะต่อรถไปยังวัดพระธาตุก่อน แล้วค่อยหาสถานที่นั่งทานข้าวอีกที
ครับ”

“ได้จ้ะ แล้วสาวนุ้ยไปไหน ทำไมแม่ไม่ได้ยินเสียงน้องเลย”
“นั่งอยู่ข้าง ๆ ผมนี่แหละครับ แต่ยังงัวเงียอยู่เลยครับ ฮ่าฮ่า” พี่ชายหันไปมองหน้าน้องสาว
ที่กำลังทำหน้ามุ้ยใส่เขา
“โอเคจ้ะลูก เดินทางกันดี ๆ นะ ระวังตัวกันด้วยล่ะ”
“ครับคุณแม่”
“แล้วลูกจองโรงแรมหรือยัง เสียงผู้เป็นพ่อแทรกถามลูกชายด้วยความเป็นห่วง”

๒๙

“จองไว้แล้วครับ ผมจะเข้าพักที่โรงแรมสักช่วงค่ำ ๆ เลยครับ วันนี้วันเสาร์มีตลาดนัดหน้าวัด
พระธาตุ ผมกับสาวนุ้ยจะหาอะไรทานกันที่นั่นเลยครับ”

“โอเค มีปัญหาอะไรโทรหาพ่อด่วนเลยนะ” ผู้เป็นพ่อกำชับเสียงแข็ง
“ครับคุณพ่อ งั้นผมกับสาวนุ้ยไปขึ้นรถก่อนนะครับ”
“อืม ไปเถอะ เที่ยวให้สนุกนะลูก”
“ครับ สวัสดีครับ”
เด็กชายกดวางสายจากผู้เป็นพ่อ เขาหันไปมองน้องสาวของตนเองอีกครั้ง สีหน้าของเธอสดใสขึ้นหลัง
จากเริ่มปรับสายตาจากความงัวเงียเมื่อครู่ได้
“พร้อมไปต่อหรือยังสาวนุ้ย”
“พร้อมค่ะ” เธอยิ้มบาง ๆ ให้พี่ชายของเธอ
“งั้นมัคคุเทศก์คนนี้จะพาคุณลูกค้าเข้าสู่โปรแกรมทัวร์อย่างเต็มรูปแบบเลยนะครับ” พี่ชาย
ทำท่ายืดอกอย่างกับว่าเขานั้นคือมัคคุเทศก์มืออาชีพและมีบรรดาลูกทัวร์นับร้อยกำลังรอเขาอยู่
“ฮึกเหิมดีจังเลยค่ะ คิกคิก” น้องสาวลอบขำท่าทางของพี่ชาย
“ไปกันเถอะ ถ้าเรายังนั่งขำกันอยู่แบบนี้ พี่คิดว่าอาจจะค่ำเสียก่อน ฮ่าฮ่า”
เด็กชายลุกขึ้นเดินนำหน้าน้องสาวของเขาไปเรียกรถแท็กซี่ที่จอดอยู่แถวนั้น คุณลุงคนขับก็เดินนำ
หน้าทั้งคู่ไปยังรถของเขา ขึ้นรถมาได้ไม่กี่นาทีก็เดินทางมาถึงวัดพระธาตุที่เป็นจุดหมายแรกของทั้งคู่ตาม
การวางแผนของผู้เป็นพี่
เมื่อก้าวขาลงจากรถแท็กซี่ ทั้งสองพี่น้องยังคงยืนตะลึงอยู่กับความงดงามและยิ่งใหญ่ขององค์พระ
ธาตุเจดีย์ที่ตั้งตระหง่านใจกลางเมืองอีกทั้งบริเวณวัดก็เต็มไปด้วยต้นโพธิ์ที่อายุอานามคงมากกว่าร้อยปี
เป็นแน่ขาก้าวแรกที่เหยียบลงไปยังพื้นที่วัดก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษไปกว่าวัดอื่นๆ ที่ทั้งคู่เคยไปแต่กลับทำให้ทั้ง
สองพี่น้องรู้สึกขนลุกไปตามๆ กัน ตำนานหาดทรายแก้วที่เด็กชายเคยศึกษามา และเล่าให้น้องสาวของเขา
ฟังมาตลอด บัดนี้ประจักษ์แก่สายตาของทั้งสองแล้ว หาดทรายแก้วมาอยู่กลางเมืองได้อย่างไรกันในเมื่อ
อำเภอเมืองนครศรีธรรมราชไม่ได้อยู่ติดทะเลทรายที่ละเอียดเหมือนผงแก้วแบบนี้ต้องอยู่บริเวณชายหาด
ไม่ใช่หรือ

๓๐

“พี่บ่าวคะ นี่มันคือทราย ทรายจริง ๆ เลยค่ะ”

เด็กหญิงหยิบทรายขึ้นมาหนึ่งกำแล้วค่อย ๆ ปล่อยให้ปลิว
ไปตามลม เธอดูตื่นเต้นกว่าพี่ชายของเธอเสียอีก

“ประนมมือสักการะองค์พระธาตุก่อนสิสาวนุ้ย”
ผู้เป็นพี่เอ็ดน้องสาว

ที่มา https://www.paiduaykan.com

เด็กหญิงปัดทรายออกจากมือป้อย ๆ พร้อมยกมือขึ้นประนมไว้ที่หน้าอก แล้วเธอก็ยกมือขึ้นให้นิ้วโป้งจรด
ไว้ระหว่างคิ้วตามที่พี่ชายของเธอทำให้เห็นเป็นตัวอย่าง
“เราเข้าไปในองค์พระธาตุกันเถอะ” พี่ชายเอ่ยปากชวน

ทั้งสองเดินสำรวจรอบบริเวณองค์พระธาตุที่รายล้อม

ไปด้วยองค์เจดีย์บริวารมากถึง 149 องค์ โดยเจดีย์เหล่านี้

คือสถานที่เพื่อบรรจุอัฐิของบรรพบุรุษผู้ล่วงลับโดยลูกหลาน

ได้ตั้งจิตอธิษฐานว่า ขอให้ญาติของตนได้มาเกิดในศาสนา

ของพระพุทธองค์อีกครั้งในภพหน้า และใกล้กันนั้นยังมีวิหาร

พระแอดที่พุทธศาสนิกชนมีความเชื่อกันว่าถ้าหากนำลูกมา ที่มา https://www.paiduaykan.com
ฝากไว้กับพระแอด ลูกของตนนั้นจะไม่เจ็บไข้ได้ป่วย

และมีอายุมั่นขวัญยืนอีกด้วย

เมื่อทั้งสองเข้าไปสักการะบูชาองค์พระธาตุเสร็จแล้ว ก็พา

กันไปยังหอพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมไว้ทั้งข้อมูลที่น่าสนใจและ

โบราณวัตถุมากมายซึ่งอยู่ภายในบริเวณวัดพระธาตุนั่นเองเดิน

เท้าไปไม่ถึงห้านาทีก็ถึง

“พี่บ่าวคะ น้องมีข้อสงสัยค่ะ” น้องสาวเอ่ยขึ้น

ที่มา https://www.paiduaykan.com

๓๑

ที่มา https://www.paiduaykan.com

“ว่าไงครับ”

“น้องอยากรู้ว่าพระพุทธศาสนาเริ่มเข้ามาในจังหวัด
นครศรีธรรมราชได้อย่างไรคะในเมื่อการเดินทางในอดีตนั้นใช้
เวลานาน และมีอุปสรรคมากมาย”

“นี่ไงครับ ข้อมูลที่ทางพิพิธภัณฑ์ได้เขียนไว้ พี่จะอ่าน
ให้ฟังนะ”

“ความว่า……

ครั้นราวพุทธศตวรรษที่ 17-19 พระพุทธศาสนาได้เจริญรุ่งเรืองสูงสุดในนครศรีธรรมราช โดยเฉพาะ
พระพุทธศาสนานิกายหินยาน ลัทธิลังกาวงศ์ เพราะนครศรีธรรมราชได้สัมพันธ์ใกล้ชิดกับลังกา(ศรีลังกา)มาก
นครศรีธรรมราชจึงเป็นศูนย์กลางของการเผยแผ่พุทธศาสนาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ดินแดนโบราณแถบนี้
ส่วนใหญ่ได้รับอิทธิพลพุทธศาสนานิกายลังกาวงศ์ และศิลปะแบบลังกาไปจากนครศรีธรรมราช ดังที่พระบรม
ธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราชได้รับอิทธิพลจากศิลปะแบบโปลนนารุวะของศรีลังกาแล้วพระบรมธาตุเจดีย์องค์นี้
ได้กลายเป็นต้นแบบของเจดีย์ในภูมิภาคต่าง ๆ ในประเทศไทยและดินแดนใกล้เคียง”

“อ๋อ เดินทางมาจากศรีลังกานี่เอง ถ้าให้น้องคาดเดาก็คงจะมาพร้อมกับเรือสำเภาใช่ไหมคะ”
“ใช่ครับ เพราะในสมัยอดีตเราใช้การเดินทางด้วยเรือเป็นหลัก ยังไม่ได้มีถนน รถ หรือเครื่องบินเหมือน
สมัยนี้หรอกนะ”

“แล้วสุราษฎร์ธานีล่ะคะ ได้รับอิทธิพลเหมือนกับนครศรีธรรมราชหรือเปล่า”
“ถ้าพี่จำไม่ผิด สุราษฎร์ธานีเป็นเมืองขึ้นของนครศรีธรรมราชมาก่อน ดังนั้นศาสนาพุทธก็ได้รับการ
เผยแผ่เข้าไปด้วยเช่นกัน”
“พี่ขอหาสมุดบันทึกของพี่ก่อนนะ พี่เก็บข้อมูลไว้ในนั้น”
“ได้เลยค่ะ”
ผู้เป็นพี่ก้มหน้าก้มตาค้นกระเป๋าของตนอยู่เพียงชั่วครู่ก็เจอสมุดบันทึกของเขา มันทั้งหนาและเก่าเพราะ
ถูกใช้งานมาอย่างหนัก รับรู้ได้เลยว่าเด็กชายนั้นใช้สมุดเล่มนี้ในการจดบันทึกทุกอย่างที่เขาสนใจและอ่านมัน
ทุกตัว

๓๒

วันเป็นแน่เพราะสีของหน้าปกบางส่วนเริ่มซีดจากการถูไปมาของนิ้วมือผู้อ่าน อีกทั้งกระดาษด้านในก็มี
รอยพับอยู่หลายหน้า
เด็กชายเปิดสมุดบันทึกของตนไปเพียงไม่กี่หน้าก็พบข้อมูลที่น้องสาวของตนกำลังสงสัย

“นี่คือข้อมูลที่พี่หามา พี่จะอธิบายให้สาวนุ้ยฟังนะครับ”
“ความว่า……
จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นที่ตั้งของเมืองเก่า เป็นศูนย์กลางของเมืองศรีวิชัย มีหลักฐานแสดงถึงการตั้ง
รกรากและเส้นทางสายใหม่ในอดีตพื้นที่อ่าวบ้านดอนเจริญขึ้นจนเป็นอาณาจักรศรีวิชัยในช่วงหลังพุทธ
ศตวรรษที่๑๓ โดยมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์เป็นเครื่องยืนยันความรุ่งเรืองในอดีตภายหลังยังเชื่อว่าเมื่อ
อาณาจักรตามพรลิงค์หรือเมืองนครศรีธรรมราชมีความรุ่งเรืองมากขึ้นนั้น เมืองไชยา ก็เป็นหนึ่งในเมืองสิบ
สองนักษัตรของเมืองนครศรีธรรมราชด้วยชื่อว่า"เมืองบันไทยสมอ"นอกจากนี้ในยุคใกล้เคียงกันนั้นยังพบ
ความเจริญของเมืองที่เกิดขึ้นในบริเวณลุ่มแม่น้ำตาปีได้แก่ เมืองเวียงสระ เมืองคีรีรัฐนิคม และเมืองทอง โดย
เชื่อว่าพระเจ้าศรีธรรมาโศกราช ผู้ครองเมืองนครศรีธรรมราชนั้นอพยพย้ายเมืองมาจากเมืองเวียงสระ
เนื่องจากเป็นเมืองที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลรวมทั้งเกิดโรคภัยระบาดและเมื่อเมืองนครศรีธรรมราชเจริญรุ่งเรือง
นั้นได้ยกเมืองไชยาและเมืองทองเป็นเมืองสิบสองนักษัตรของตนด้วย”

“นี่คือข้อมูลที่ยืนยันว่าสุราษฎร์ธานีตกเป็นเมืองขึ้นของนครศรีธรรมราชมาก่อน ดังนั้นเมื่อถึง
ช่วงพุทธศตวรรษที่๑๘พระพุทธศาสนาจากศรีลังกาเข้ามานครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานีก็จะต้องได้รับ
พระพุทธศาสนาเข้าไปด้วยเช่นกัน น้องพอจะเข้าใจใช่ไหมครับ”

“เข้าใจค่ะ น้องหัวไวมาก ๆ พี่บ่าวน่าจะรู้ดีที่สุดนะคะ คิกคิก” เด็กหญิงหัวเราะชอบใจ
“ตัวแสบ” พี่ชายเอ่ยด้วยความเอ็นดู
“แล้วองค์พระธาตุนั้นเป็นศิลปะแบบศรีลังกาเลยหรือเปล่าคะ เพราะคนสร้างก็ไม่ใช่ชาวศรีลังกาแต่
เป็นคนนครศรีธรรมราชแล้วคนนครศรีธรรมราชเขาไปรับอิทธิพลสถาปัตยกรรมเหล่านั้นมาได้อย่างไรคะ”
“น้องสาวของพี่นี่ช่างขี้สงสัยเสียจริง” พี่ชายเอ่ยด้วยความเอ็นดูน้องสาวตัวน้อยอีกเช่นเคย
“ก็น้องเป็นคนใฝ่รู้ไงคะ เป็นมัคคุเทศก์ก็ต้องตอบลูกค้าได้ทุกข้อสงสัยสิคะ ฮ่าฮ่า” น้องสาวนึกสนุก
กับการรับบทเป็นลูกค้าให้พี่ชายของตนที่รับบทเป็นมัคคุเทศก์

๓๓

“งั้นน้องฟังพี่นะครับ”
“พระบรมธาตุเจดีย์ นครศรีธรรมราช ซึ่งเชื่อกันว่าเดิมเป็นเจดีย์แบบอิทธิพลศิลปะศรีวิชัย คือเป็นเจดีย์

ทรงมณฑปมีหลังคาเป็นสถูปห้ายอดคล้ายพระบรมธาตุเจดีย์ที่อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ราวพุทธ
ศตวรรษที่ ๑๓-๑๕ ต่อมา พระสถูปแบบศรีวิชัยทรุดโทรมลง จึงได้มีการสร้างเจดีย์องค์ใหญ่ทรงลังกาซึ่งเป็น
เจดีย์องค์ปัจจุบันครอบไว้ เชื่อกันว่าในขณะนั้นคือราวพุทธศตวรรษที่๑๘ อิทธิพลพุทธศาสนาแบบลังกาในดิน
แดน นครศรีธรรมราชเข้มแข็งมาก นครศรีธรรมราชจึงได้รับอิทธิพลทั้งศาสนาและศิลปกรรมจากลังกา”

น้องสาวฟังเสร็จก็ทำหน้าตาสงสัยกับข้อมูลที่ตนได้รับ พี่ชายสังเกตสีหน้าของน้องสาวตนเองก็รู้ว่าน้องคง
สับสนเป็นแน่ ไม่ทันที่น้องสาวจะเอ่ยถามคำถามถัดไป พี่ชายก็พูดขัดขึ้นมาเสียก่อน

“น้องคงสับสนใช่ไหมครับ” น้องสาวพยักหน้าหงึก ๆ
“งั้นพี่จะเล่าถึงสถาปัตยกรรมของพระบรมธาตุเจดีย์ที่อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานีให้ฟังนะ
ครับ ว่ามีความเป็นมาอย่างไร”

ที่มา http://amuletacademy.com

“รูปแบบแผนผังโครงสร้างของสถาปัตยกรรมที่เรียกว่าพระบรมธาตุไชยานี้ได้รับการตีความอย่างกว้างขวาง
บ้างก็ว่าคล้ายคลึงกับสถาปัตยกรรมที่เรียกว่า จันทิ ในศิลปะชวาภาคกลาง เช่น จันทิปะวน จันทิเซวู จัน
ทิเมนดุต อายุราวพุทธศตวรรษที่ ๑๔-๑๕ ซึ่งมีลักษณะโดยรวมคล้ายคลึงกับสถาปัตยกรรมแบบอินเดียใต้ แต่
เปลี่ยนรูปจำลองอาคารขนาดเล็กบนชั้นหลังคาซึ่งเป็นเทวาลัยในศาสนาพราหมณ์ให้กลายเป็นลักษณะสำคัญ
ของสถาปัตยกรรมในพุทธศาสนา”

๓๔

ที่มา http://amuletacademy.com

พี่ชายพูดอธิบายให้น้องสาวฟังไปพลางก็ชี้ให้ดูรูปในสมุดบันทึกไปด้วย
“พี่จะสรุปให้ฟังนะครับก่อนหน้าที่สุราษฎร์ธานีจะตกเป็นเมืองขึ้นของนครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี

ก็ได้รับอิทธิพลพระพุทธศานานิกายมหายานมาก่อน ทำให้ได้รับศิลปะแบบอินเดียใต้หรือชวาเข้ามาก่อน
นครศรีธรรมราชจึงนำลักษณะสถาปัตยกรรมมาใช้ด้วย และเมื่อนครศรีธรรมราชได้รับพระพุทธศานา
นิกายหินยาน ลัทธิลังกาวงศ์เข้ามา พร้อมทั้งสุราษฎร์ธานีตกเป็นเมืองขึ้น จึงได้รับอิทธิพลพระพุทธ
ศาสนาแบบลังกาวงศ์เข้าไปเผยแผ่ด้วยเช่นกัน”
น้องสาวยังคงทำหน้าตางงงันกับสิ่งที่พี่ชายอธิบายเสียยาวยืด

“สรุปให้สั้นที่สุดก็คือ นครศรีธรรมราชกับสุราษฎร์ธานีคือเมืองพี่เมืองน้องแห่งพระพุทธศนาอย่าง
แท้จริง ทั้งการเผยแผ่ศาสนาทั้งสองนิกายที่ผสมกันอยู่ และศิลปะสถาปัตยกรรมที่ได้รับอิทธิพลร่วมกัน
นั่นเอง”

“คราวนี้พอจะเข้าใจมากขึ้นไหมครับ” ผู้เป็นพี่ยีผมน้องสาวของตนสองสามครั้ง
“เข้าใจแล้วค่ะ ยิ่งพี่บ่าวอธิบาย น้องยิ่งอยากเห็นองค์พระบรมธาตุไชยาเร็ว ๆ เสียแล้ว”
“อดใจไว้ พรุ่งนี้พี่จะพาไปแน่นอน วันนี้เราหาสถานที่ทานข้าวกันก่อนเถอะนะ” ผู้เป็นพี่เอ่ยขึ้น
พร้อมลูบท้องของตนเองป้อย ๆ
“พี่บ่าวพูดแล้วน้องก็หิวเลยค่ะ เราสองคนตื่นเต้นกันมากจนลืมทานข้าวเที่ยงเสียแล้ว” เด็กหญิง
ยิ้มให้พี่ชายของเธออย่างไร้เดียงสา
พี่ชายพาน้องสาวไปหาสถานที่นั่งทานข้าวกันอย่างเอร็ดอร่อย บวกกับความตื้นตันใจและหน้าตาที่
อิ่มเอมไปด้วยความสุข เพราะวันนี้ถือเป็นการเริ่มเดินทางล่องใต้ที่น่าประทับใจเป็นอย่างมาก ทั้งสองพี่น้องได้
เข้ามาสัมผัสความงดงามของพระพุทธศานา ได้พบกับตำนานที่ยังหลงเหลืออยู่ ได้พบว่าการเดินทางนั้นยังอีก
ยาวไกล เพราะพรุ่งนี้ทั้งคู่กำลังจะเดินทางไปยังจังหวัดสุราษฎร์ธานี เมืองพี่เมืองน้องของจังหวัด
นครศรีธรรมราช….

๓๕

ความรู้พื้นฐานของการพูด



ความหมาย
สมปราชญ์ อันนะพันธ์ (2529 : 6) กล่าวว่าการพูด เป็นพฤติกรรมตามธรรมชาติอย่างหนึ่งของมนุษย์ที่ใช้เป็น

เครื่องช่วยในการสื่อความหมายให้เข้าใจซึ่งกันและกัน โดยใช้เสียงรหัส หรือสัญลักษณ์ต่างๆเพื่อถ่ายทอดความรู้ ความ
รู้สึก ความคิดเห็น และความต้องการจากผู้พูดไปสู่ผู้ฟังให้ได้ผลตรงตามความมุ่งหมายของผู้พูด เช่น ต้องการให้เกิดความ
รู้สึก เกิดความเข้าใจหรือจูงใจให้คล้องตามความคิดเห็นของผู้พูด

การพูดที่ดี คือ การใช้ถ้อยคำ น้ำเสียง รวมทั้งกิริยาอาการอย่างมีประสิทธิภาพและถูกต้องตามจรรยามารยาทและ
ประเพณียมของสังคม เพื่อถ่ายทอดความคิด คามรู้ความรู้สึก และคามต้องการที่เป็นคุณประโยชน์ ให้ผู้ฟังรับรู้และเกิด
การตอบสนอง สัมฤทธิ์ผลตรงตามจุดมุ่งหมายของผู้พูด (สวนิด ยมาภัย และ ถิรนันท์ อนวัชศิริวงศ์, ๒๕๒๖ : ๑)
องค์ประกอบของการพูด

ศิริรัตน์ กลยะณี และพระมหาขวัญชัย กิตฺติปาโล (๒๕๕๘ : ๑๗) การพูด เป็นการสื่อสารที่เกิดขึ้นอย่างเป็นกระ
บวนการ (Process) ที่ต่อเนื่องกล่าวคือ เป็นกระบวนการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารระหว่างบุคคลต่อบุคคล หรือระหว่าง
บุคคลต่อกลุ่ม โดยใช้สัญลักษณ์ สัญญาณ หรือพฤติกรรมที่เข้าใจกันได้ ซึ่งมีองค์ประกอบ ๕ประการ ดังนี้

๑) ผู้พูด หรือ ผู้ส่งสาร (Sender/Encoder) ได้แก่ ผู้ที่ทำหน้าที่ถ่ายทอดความรู้ความคิดไปสู่ผู้ฟัง ผู้พูดต้อง
รู้จักใช้ภาษา น้ำเสียง หน้าท่าทางอย่างเหมาะสม ตลอดจนใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ ประกอบเพื่อให้การพูดบรรลุจุดมุ่งหมาย
บางครั้งผู้พูดก็หมายถึงกลุ่มบุคคลได้เช่นกัน

๒) ผู้ฟัง หรือ ผู้รับสาร (Receiver/Recipient /Decoder) ได้แก่ ผู้ที่เป็นเป้าหมายที่ผู้พูดต้องการจะสื่อสาร
ไปถึง หรือผู้ฟัง ดังนั้น การที่ผู้ฟังจะเข้าใจในสิ่งที่ผู้พูดต้องการจะสื่อสารมากเพียงใดขึ้นอยู่กับระดับความรู้ การตอบ
สนองต่อสาร เช่น การพยักหน้า ปรบมือ ยิ้ม หัวเราะ ก้มหน้า ขมวดคิ้ว ฯลฯ และความน่าเชื่อถือของผู้ส่งสาร

๓) สาร/หรือเนื้อหาที่พูด (Massage) ได้แก่ เนื้อหาที่ผู้พูดต้องการจะสื่อสาร เป็นสิ่งที่จะทำให้ผู้ฟังได้ตอบสนอง
กลับไปยังผู้พูด ดังนั้น ในกระบวนการสื่อสาร เนื้อหาสาระต้องมีความถูกต้องชัดเจน มีประยชน์ เป็นไปในทางสร้างสรรค์

๓๖


Click to View FlipBook Version