The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หนังสือเรียนแบบเรียน เล่าเรื่อง… ณ เมืองคอน-สุราษฎร์ สู่ปราชญ์ภาษาไทย

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by chonrada8344, 2022-04-01 08:55:54

หนังสือเรียนแบบเรียน เล่าเรื่อง… ณ เมืองคอน-สุราษฎร์ สู่ปราชญ์ภาษาไทย

หนังสือเรียนแบบเรียน เล่าเรื่อง… ณ เมืองคอน-สุราษฎร์ สู่ปราชญ์ภาษาไทย

๔) สื่อ/ช่องทางติดต่อ (Media/Medium/Channe) หมายถึง ช่องทางที่ผู้พูดใช้ส่งสารไปยังผู้รับสารหรือผู้ฟัง
ซึ่งผู้พูดต้องรู้จักเลือกช่องทางที่จะสื่อสารเนื้อหาไปยังผู้ฟังให้เหมาะสม และผู้พูดจะเลือกทางใดเพื่อสื่อสารก็ขึ้นอยู่กับ
ลักษณะของสารที่จะส่งด้วยเช่นกัน
๕) การตอบสนอง (Feedback/ response) ได้แก่ ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นหลังจากที่ผู้ฟังได้ยินสารที่ถูกส่งมา แล้ว
ตอบสนองกลับไปยังผู้ส่งสารหรือผู้พูด อาจเป็นการตอบสนองด้วยวาจา หรือภาษากายก็ได้ และการตอบสนองอาจเป็น
ได้ทั้งทางบวก เช่น หัวเราะ ปรบมือ ยิ้ม เป็นต้น และทางลบ เช่น ส่ายหน้า ไม่สนใจ ขมวดคิ้ว เป็นต้น
คุณสมบัติของผู้พูด ฟองจันทร์ สุขยิ่ง และคณะ (๒๕๕๙ :๘๙-๙๐) กล่าวถึง คุณสมบัติของผู้พูดมีดังนี้
๑) มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องที่จะพูด เมื่อจะพูดเรื่องใด ผู้พูดต้องรู้เรื่องอย่างละเอียดไม่ใช่รู้แค่ใคร ทำอะไร
ที่ไหนเท่านั้น ต้องรู้ว่าทำไม เพราะอะไร อย่างไรอีกด้วย เพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐานในการพูด ถ้าความรู้พื้นฐานเดิมมีไม่พอ
ต้องค้นคว้าเพิ่มเติม หรือถ้าเกรงว่าจะพูดจัดลำดับได้ไม่ดีควรเตรียมบันทึกย่อไว้เพื่อช่วยให้การพูดประสบความสำเร็จ

๒) รู้จักผู้ฟัง ผู้พูดต้องรู้จักวิเคราะห์ผู้ฟัง เพื่อให้ทราบพื้นฐานความสนใจ ความสามารถของผู้ฟังแต่ละกลุ่ม
โดยพิจารณาจากเพศ วัย ความรู้ และอาชีพ ทั้งนี้ในขณะที่พูดก็สามารถวิเคราะห์ผู้ฟังได้จากความตั้งใจของผู้ฟัง แล้วจึง
พูดให้ผู้ฟังเกิดความสนใจ โดยอาศัยปฏิภาณไหวพริบ เมื่อสังเกตได้ว่าผู้ฟังเกิดความเบื่อหน่าย ต้องแก้ไขเพื่อทำให้
บรรยากาศการฟังแจ่มใส น่าสนใจ ดังนั้น ถ้าผู้พูดทราบพื้นฐานความสนใจของผู้ฟังก่อนการพูด ย่อมช่วยให้การพูดน่า
สนใจและช่วยให้การพูดดำเนินไปอย่างราบรื่นและประสบผลสำเร็จตามจุดมุ่งหมาย

๓) ใช้ภาษาถูกต้องเหมาะสม การพูดต่อหน้าผู้อื่น ต้องระมัดระวังเรื่องการออกเสียง ผู้พูดควรออกเสียงให้
ชัดเจน ถูกต้อง โดยเฉพาะคำควบกล้ำ ตัว ร ล เพราะการออกเสียงผิดอาจทำให้ความหมายของคำเปลี่ยนไป หรือฟัง
แล้วน่าขำ ทำให้เสียบรรยากาศ บั่นทอนความน่าเชื่อถือของผู้พูด

๔) มีความเชื่อมั่นในความรู้ความคิดของตน การพูดวิเคราะห์ต้องมีความเชื่อมั่นในตนเองก่อนที่จะพูดให้ผู้ฟังเชื่อ
มั่นตาม ดังนั้นจึงต้องเตรียมตัวให้พร้อม แต่งกายสุภาพเหมาะสมและวางท่าทีให้สง่างาม ไม่หวาดหวั่น ไม่ประหม่า พูด
ด้วยเสียงที่มั่นคง หนักแน่น เสียงดังชัดเจน อาจใช้ท่าทางประกอบบ้างอย่างเป็นธรรมชาติ มีชีวิตชีวา น่าสนใจ เพื่อให้ผู้
ฟังคิดตามอย่างตั้งใจ

๕) มีความประพฤติดี มีคุณธรรม ผู้พูดต้องเป็นแบบอย่างที่ดีในเรื่องที่พูด ใช้ภาษาสุภาพให้เกียรติผู้ฟัง ส่วนการ
พูดวิเคราะห์นั้นผู้พูดต้องมีใจเป็นกลาง ไม่อคติ

๓๗

มารยาทการพูด

การพูดเป็นการสื่อสารและแสดงความคิดเห็นแลกเปลี่ยนกัน โดยเฉพาะการพูดวิเคราะห์เป็นการพูดแสดงข้อมูล
ข้อเท็จจริงเพื่อแก้ปัญหา ดังนั้นจึงควรมีมารยาทการพูด ดังนี้

๑) พูดด้วยคำสัตย์จริง ผู้พูดควรนำเสนอเนื้อหาให้ถูกต้องตามความเป็นจริง เป็นข้อเท็จจริงที่พิสูจน์ได้ มีเหตุผล
ที่น่าเชื่อถือสนับสนุนอย่างเพียงพอ

๒) รับผิดชอบต่อคำพูด ผู้พูดควรมีความรับผิดชอบต่อคำพูดหรือสิ่งที่ได้สื่อสารไปสู่ผู้ฟังหากมีการกล่าว
พาดพิงถึงบุคคลอื่น หรือให้ข้อมูลบกพร่อง ไม่ครบถ้วนควรแสดงความรับผิดชอบด้วยการกล่าวขอโทษและชี้แจงแสดง
ข้อมูลที่ถูกต้อง

๓) ใช้ภาษาสุภาพ ผู้พูดควรใช้คำพูดที่สุภาพสื่อสารเรื่องราวต่างๆ ไปสู่ผู้ฟัง เพราะคำพูดที่สุภาพย่อมทำให้ผู้
ฟังเกิดความรู้สึกชื่นชม นำไปสู่ความศรัทธาในตัวผู้พูดและเรื่องที่ฟังได้

๔) อ่อนน้อมถ่อมตน ผู้พูดควรแสดงภาษากายหรือท่าทางที่เป็นมิตรต่อผู้ฟัง และสื่อถึงความอ่อนน้อมถ่อมตน
เพราะความอ่อนน้อมย่อมสร้างความชื่นชมให้เกิดขึ้นได้ง่าย

๕)ควบคุมอารมณ์ให้มั่นคง ผู้พูดควรควบคุมอารมณ์ของตนเองให้เป็นปกติ ในขณะสื่อสารจะเกิดสถานการณ์
ต่างๆ ไม่ควรใช้อารณ์ตอบโต้หรือแสดงท่าทางไม่พอใจ แต่ควรใช้วาจาและกิริยาที่สุภาพสื่อสารกับผู้ฟัง

แบบฝึดหัดความรู้พื้นฐานของการพูด

แบบฝึดหัดที่ ๑
คำชี้แจง ให้นักเรียนอธิบายความหมายของการพูด
การพูดหมายถึง

.……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………...........................................................................................................................

๓๘

การพูดอวยพร

ฟองจันทร์ สุขยิ่ง และคณะ (๒๕๕๙ : ๙๖) กล่าวถึงความหม

ายและหลักการของการพูดอวยพรไว้ดังนี้
ความหมายของการพูดอวยพร

การพูดอวยพร หมายถึง การพูดเพื่อแสดงความปรารถนารี ยินดีต่อบุคคลอื่นในโอกาสที่เป็นมงคล เช่น งาน
มงคลสมรส งานวันเกิด งานขึ้นบ้านใหม่ งานปีใหม่ งานฉลองการเลื่อนยศ ตลอดจนการกล่าวอวยพรจากญาติผู้ใหญ่
ที่อำนวยพรแก่ลูกหลาน ครูอวยพรแก่ลูกศิษย์ หรือผู้บังคับบัญชาอวยพรแก่พนักงาน ใน การกล่าวคำอวยพร ผู้กล่าว
จึงต้องใช้วิจารณญาณในการพูดให้สอดคล้อง เหมาะสมกับบุคคล โอกาส และสถานที่ รวมถึงบุคคลผู้ร่วมงานด้วย
การพูดอวยพรมีหลักการพูดดังนี้

๑) ผู้พูดควรเริ่มต้นทักทายผู้ฟัง กล่าวแสดงความยินดีดีที่ผู้มีเกียรติมาร่วมงาน กล่าวถึงความสัมพันธ์ของตนเองที่
มีต่อเจ้าภาพ แล้วจึงกล่าวอวยพร

๒) ผู้พูดควรคำนึงถึงบุคคลและกาลเทศะ การกล่าวอวยพรให้ผู้ใหญ่ หรือผู้ที่มีคุณวุฒิ วัยวุฒิสูงกว่า ควรกล่าว
อ้างสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก่อน เป็นต้น

๓) ผู้พูดควรพูดด้วยถ้อยคำสุภาพ นุ่มนวล และแสดงความปรารถนาดีต่อผู้อื่น
๔) ผู้พูดควรแสดงกิริยาอ่อนน้อม สุภาพ เรียบร้อย แสดงความเคารพยกย่อง ให้เกียรติบุคคลที่อวยพรให้
๕) ผู้พูดควรพูดด้วย ใบหน้าสดชื่น ยิ้มแย้ม จริงใจและใช้เสียงดังพอควร
๖) ข้อความที่กล่าวอวยพร ควรเป็นข้อความที่ก่อให้เกิดความปีติยินดี และมีความสุขทั้งผู้พูดและผู้ฟัง การพูด
อวยพรไม่ว่าในโอกาสได้ นับเป็นการพูดที่เป็นมงคล ผู้พูดควรเลือกใช้ถ้อยคำที่เป็นมงคลเหมาะสมกับงานนั้นๆ เชลล์
การพูดอวยพรในวันเกิดไม่ควรพูดถึงอาการ แก เจ็บ ตายหรือไม่ควรพูดยืดยาวซ้ำซาก ใช้เวลานานเกินไปเป็นต้น
การพูดอวยพรไม่ว่าโอกาสใด นับเป็นการพูดที่เป็นมงคลผู้พูดควรเลือกใช้ถ้อยคำที่เป็นมงคลเหมาะสมกับงาน
นั้นๆ เช่น การพูดอวยพรในวันเกิดไม่ควรพูดถึงอาการแก่ เจ็บ ตาย หรือไม่ควรพูดยืดยาว ซ้ำซาก ใช้เวลานานเกิน
ไป เป็นต้น

๓๙

ตัวอย่างบทพูดอวยพร



การพูดอวยพร





ตัวอย่าง การพูดอวยพรเนื่องในโอกาสสวัสดีปีใหม่ แด่ผู้บริหารและพนักงาน

เรียน ผู้บริหารและพนักงานทุกท่าน
เนื่องในโอกาสขึ้นปีใหม่ ผมขออำนวยชัยให้พรพร้อมด้วยข้อคิดแด่ท่านทั้งหลาย ด้วยคำสองคำคือ ป ที่

๑ประโยชน์ หมายถึงสิ่งใดที่เป็นประโยชน์ เราควรแสวงหา เช่น หน้าที่ตำแหน่งการงานทรัพย์สิน เงินทอง และความ
ร่มเย็นเป็นสุข ทั้งนี้ประโยชน์ดังกล่าวพึงได้มาโดยความถูกต้องดีงาม และไม่ก่อให้เกิดความทุกข์ยากทั้งต่อตนเองและ
ผู้อื่นในภายหลัง ป ที่ ๒ ปรับปรุง หมายถึงการดำเนินชีวิตของคนเรา อาจมีขาดตกบกพร่องด้วยประการใดก็ดี เราพึง
แก้ไขปรับปรุงให้ได้มาตรฐานที่ถูกต้องดีงาม และให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้หน้าที่การงานของเราเจริญก้าวหน้าอย่าง
ต่อเนื่องและยาวนาน

ดังนั้นจึงขอส่งความปรารถนาดี อำนวยอวยชัยให้พรปีใหม่ดังกล่าวมานี้แด่ท่านทั้งหลายได้มี ป ปลา ทั้งสอง
ตัว เพื่อไว้เป็นครรลองประกอบการดำเนินชีวิต ตลอดกาลปีใหม่และตลอดไปเทอญ

อ้างอิงข้อมูลจาก ภูวดล ภูภัทรโยธิน. (2553). สูตรสำเร็จบทพูดสุนทรพจน์เเละคำอวยพรสำหรับทุกๆโอกาส.
กรุงเทพฯ : ซีเอ็ดยูเคชั่น

๔๐

ตัวอย่าง การพูดอวยพรเนื่องในพิธีอุปสมบท
เรียน ผู้มีเกียรติที่เคารพทุกท่าน

ผมรู้สึกเป็นเกียรติและยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาร่วมในพิธีอุปสมบทของคุณสมชาย เชื้อไทยบุตรของคุณสมศักดิ์ และ
คุณสมจิต เชื้อไทยในวันนี้

การบวชถือว่าเป็นประเพณีอันดีงามอย่างหนึ่งของชาวพุทธการบวชเป็นงานบุญที่ก่อให้เกิดความสุขใจแก่ผู้บวชบิดา
มารดาญาติพี่น้องของผู้บวช และผู้ที่มาร่วมงานบวชสำหรับผู้บวชหรือพ่อนาคนั้น การบวชครั้งนี้เป็นโอกาสที่จะสร้าง
กุศลอันยิ่งใหญ่อย่างหนึ่งนั่นคือเป็นการแสดงความกตัญญูกตเทดแทนคุณบิดามารดาที่ได้อบรมเลี้ยงดูเรามาการบวช
ทดแทนคุณบิดามารดานี้เชื่อกันว่าบิดามารดาจะได้เกาะชายผ้าเหลืองขึ้นสวรรค์นอกจากนี้ ผู้บวชยังได้มีโอกาสศึกษา
ธรรมะ รู้จักการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ และเป็นการขัดเกลาจิตใจให้เป็นผู้มีศีลธรรม คุณธรรมและมีจริยธรรม
ผมรู้สึกปลาบปลื้มแทนเจ้าภาพจริงๆ ที่ได้เห็นท่านผู้มีเกียรติมาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง ในวันนี้ผมเชื่อว่า ทุกท่านมา
ร่วมงานด้วยความศรัทธาในพุทธศาสนา ศรัทธาต่อคุณงามความดีของเจ้าภาพ และศรัทธาต่อผู้บวช และตั้งใจมาด้วย
จิตอันเปี่ยมด้วยกุศล ซึ่งความศรัทธาที่ท่านมีต่อเจ้าภาพก็ดี หรือต่อผู้บวชก็ดี นับว่าเป็นสิริมงคลต่อชีวิต
ผมขออาราธนาคุณพระพุทธคุณพระธรรม และคุณพระสงฆ์จงช่วยปกปักรักษาให้เจ้าภาพและพ่อนาครวมทั้งท่านผู้มี
เกียรติทั้งหลายที่มาร่วมสร้างบุญสร้างกุศล ในวันนี้จงประสบแด่ความสุขความเจริญตลอดไป
อ้างอิงข้อมูล วิทยาธร ท่อเเก้ว. กลยุทธ์การสื่อสารด้วยการพูดในที่ชุมชน. มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมมาธิราช.

๔๑

แบบฝึดหัดการพูดอวยพร



คำชี้แจง ให้นักเรียนนำความรู้ที่ได้จากการศึกษาเกี่ยวกับการพูดอวยพรมาใช้ร่างบทพูด โดยสมมติให้
ตนเองเป็นผู้ใหญ่ของฝ่ายเจ้าสาวขึ้นกล่าวอวยพรในงานมงคลสมรส

๔๒

การพูดรายงานการศึกษาค้นคว้า



ฟองจันทร์ สุขยิ่ง และคณะ (๒๕๕๙ : ๑๐๑-๑๐๓) ได้กล่าวถึงความหมาย หลักการ และขั้นตอนของการพูดรายงาน
การศึกษาค้นคว้าไว้ดังนี้
ความหมายของการพูดรายงานการศึกษาค้นคว้า

การพูดรายงาน เป็นทักษะที่ควรศึกษาเรียนรู้และฝึกฝนให้เกิดความชำนาญ โดยเฉพาะในวัยศึกษาเล่าเรียนที่จะ
ต้องใช้ทักษะนี้เพื่อรายงานผลการศึกษาค้นคว้าเรื่องต่างๆ ให้ครูและเพื่อนๆในชั้นเรียนฟัง แม้แต่วัยทำงานก็ต้องใช้
เพื่อกล่าวรายงานสรุปผลการประชุมของหน่วยงาน สมาคมหรือมูลนิธิต่างๆ ดังนั้น ในการพูดรายงานผู้พูดจึงต้องมี
ความสามารถในการชี้แจง บอกเล่า หรืออธิบาย ได้ชัดเจน ตรงประเด็น
หลักการพูดรายงาน การพูดรายงานมีหลักการพูด ดังนี้
๑) พูดเสนอเนื้อหาสาระที่เป็นประโยชน์ เป็นข้อๆ ชัดเจน ตรงประเด็น
๒) อาจมีอุปกรณ์ประกอบการพูดรายงาน เช่น เอกสาร รูปภาพ แผ่นใส แผนผัง แผนภูมิ
๓) มีความรู้ความเข้าใจเรื่องทั้งหมดเป็นอย่างดี
๔) พูดด้วยน้ำเสียงแจ่มใส ชัดเจน เสียงดังพอควร ออกเสียง และแบ่งวรรคตอนในการพูด
๕) มีท่าทางประกอบการพูดที่เป็นธรรมชาติเพื่อให้ผู้ฟังรู้สึกผ่อนคลาย
๖) ใช้เวลาให้พอเหมาะ โดยเฉพาะถ้ามีการกำหนดเวลาไว้ล่วงหน้าแล้ว ต้องรู้จักรักษาเวลา
๗) พูดด้วยภาษาทางการ อาจมีบางตอนที่ยกมาจากแหล่งอ้างอิงอื่นผู้พูดสามารถใช้ภาษากึ่งทางการได้ ควรหลีกเลี่ยง
ภาษาที่ไม่สุภาพเพื่อให้เกียรติผู้ฟัง
ขั้นตอนการพูดรายงาน

การพูดรายงานมีขั้นตอน ดังนี้
๑) กล่าวทักทายผู้ฟังโดยคำนึงถึงสถานภาพของบุคคล แนะนำตนเอง และคณะผู้ร่วมงาน
๒) กล่าวชื่อเรื่องรายงาน
๓) กล่าวถึงที่มา ความสำคัญของหัวข้อรายงาน วิธีการศึกษาค้นคว้า
๔) กล่าวชื่อบุคคลหรือสื่อที่ให้ความรู้และข้อมูลสำหรับค้นคว้า
๕) กล่าวถึงเนื้อหาตามลำดับขั้นตอนโดยพูดให้กระชับ ชัดเจน เข้าใจง่าย ใช้เวลาน้อย แต่ได้ความมาก เสนอความคิด
เห็นที่เป็นประโยชน์ อาจใช้สื่อหรืออุปกรณ์ประกอบ๔เพื่๓อความเข้าใจ

ตัวอย่างการพูดรายงานการศึกษาค้นคว้า

เรียนอาจารย์ที่เคารพและสวัสดีเพื่อนๆ ทุกคน ดิฉันชื่อเด็กหญิงกุลธิดา นารินรักษ์ เป็นตัวแทนของกลุ่มที่
๑ ซึ่งมีสมาชิกกลุ่มดังต่อไปนี้ เด็กหญิงชลรดา สกุลแก้ว และ เด็กชายมุ่งมั่น ใจดี รายงานที่กลุ่มของดิฉันจะนำเสนอ
ในวันนี้มีชื่อเรื่องว่า"ศูนย์การเรียนรู้ชุมชน: ปฐมบทแห่งการพัฒนา"

สาเหตุที่กลุ่มของข้าพเจ้าเลือกศึกษาค้นคว้าเรื่องดังกล่าวเพราะในปัจจุบันเทคโนโลยีจากต่างประเทศได้
เข้ามีบทบาทต่อวิถีการดำเนินชีวิตของคนไทยมากขึ้น ชุมชนในท้องถิ่นมีความตื่นตัวกับปัจจัยภายนอก หลงลืมวิถี
ชีวิตความเป็นอยู่ ภูมิปัญญาพื้นถิ่น จากสถานการณ์ดังกล่าวได้มีชุมชนแห่งหนึ่งเล็งเห็นว่าการที่ประเทศชาติจะ
พัฒนาได้อย่างยั่งยืนนั้นต้องเริ่มที่ชุมชน หากชุมชนมีความเข้มแข็งสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืนก็จะส่งผลให้
ประเทศชาติเกิดการพัฒนาอย่างมั่นคง

วิธีการดำเนินการศึกษาค้นคว้าของกลุ่ม คือ เก็บข้อมูลภาคสนามจากการสัมภาษณ์บุคคลในชุมชนรวม
ถึงการค้นคว้าจากสื่อต่างๆ เช่น อินเทอร์เน็ต วิทยุ โทรทัศน์ จากนั้นจึงนำข้อมูลทั้งหมดมารวบรวมนำเสนอ ดังนี้
ชุมชนบ้านท่าข้าม เป็นชุมชนเล็กๆ ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ผู้คนมีวิถีชีวิตความเป็นอยู่ที่เรียบง่ายในขณะที่ความ
เจริญทางวัตถุเข้ามามีอิทธิพล คนในชุมชนเห็นว่าถ้าไม่รวมตัวกันอาจทำให้วัฒนธรรมดั้งเดิมของชุมชนสูญหายไป
กับกาลเวลา คนในชุมชนจึงเริ่มรวมตัวกันเพื่อปฏิบัติกิจกรรมและนำไปสู่การพึ่งพาตนเอง โดยมีนายชาติชาย
เหลืองเจริญ ประธานสภาองค์กรชุมชนและเป็นคณะแกนนำในการปฏิรูปชุมชน โดยยึดหลัก ๘ ประการ คือ
๑. เปลี่ยนแปลงความคิดของคนในชุมชนจากการรอคอยความช่วยเหลือ ให้หันมาพึ่งพา
๒. เลิกพึ่งพาปัจจัยภายนอก โดยการปลูกพืชผักกินเองในครัวเรือน ทำเกษตรอินทรีย์
๓. ให้คนในชุมชนได้ทำในสิ่งที่ตนเองถนัดและชื่นชอบ
๔. ให้คนในชุมชนเคารพ ไว้ใจซึ่งกันและกัน
๕. มีการส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน
๖. อย่าคิดถึงปัญหาก่อนลงมือทำ ให้ลงมือทำถ้ามีปัญหาจึงค่อยๆ แก้ไข
๗. ร่วมแสดงความคิดเห็นภายในชุมชน ทุกคนมีสิทธิแสดงความคิดเห็นในเรื่องต่างๆที่เกี่ยวข้องกับชุมชน
๘. ร่วมคิด ร่วมทำ มีผลประโยชน์ร่วมกัน

จากความร่วมมือ ร่วมใจ ณ วันนี้ทำให้คุณภาพชีวิตของคนในชุมชนบ้านจำรุงดีขึ้นจากเดิมชุมชนมีความ
สงบเรียบร้อย วิถีชีวิตดั้งเดิมเริ่มกลับคืนมา พึ่งพาเทคโนโลยีน้อยลง หันมาคิด พูดทำ และมีส่วนร่วมในการพัฒนา
ชุมชน

จากผลการศึกษาค้นคว้าสามารถสรุปได้ว่า ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนเปรียบเสมือนองค์กรกลางที่ทำให้คนใน
ชุมชนรวมตัวกันได้ มีสิ่งยึดเหนี่ยวและเป้าหมายเดียวกัน คือ "เพื่อชุมชน" จากผลประโยชน์ที่คนในชุมชนบ้านจำรุง
ได้รับนั้น เป็นข้อสนับสนุนอย่างดีว่า ศูนย์การเรียนรู้ของชุมชนเปรียบเสมือนปฐมบทหรือบทเริ่มต้นแห่งการพัฒนา
เพราะถ้าชุมชนเข้มแข็ง มีการพัฒนาที่ยั่งยืนและพึ่งพาตนเองได้ ก็จะส่งผลให้ประเทศชาติพัฒนาไปด้วย

กลุ่มของดิฉันคิดว่า ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนมีประโยชน์ต่อทุกชุมชน หากนำไปปฏิบัติโดยปรับใช้ให้เข้า
กับสภาพแวดล้อมก็จะทำให้สามารถพัฒนาไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งการศึกษาค้นคว้าของกลุ่มข้าพเจ้าเป็นเพียง
การนำเสนอผลการศึกษาจากชุมชนเล็กๆ เพียงแห่งเดียว ซึ่งผู้สนใจยังสามารถนำแนวทางการศึกษาพัฒนาไปต่อย
อดองค์ความรู้ เพื่อเป็นการเผยแพรให้เห็นถึงประโยชน์ของศูนย์การเรียนรู้ชุมชนต่อไป

๔๔

แบบฝึดหัดการพูดรายงานพูดรายงานการศึกษาค้นคว้า



คำชี้แจง ให้นักเรียนสืบค้นความรู้ในประเด็น “พหุวัฒนธรรมทางศาสนาของจังหวัดนครศรีธรรมราชและ
สุราษฎร์ธานี” โดยสืบค้นความรู้ที่ได้จากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ จากนั้นเรียบเรียงข้อมูลตามขั้นตอนที่ถูกต้องของ
การทำรายงานการศึกษาค้นคว้า และนำเสนอหน้าชั้นเรียน

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………......
..

๔๕

รู้หรือไม่ : พระธาตุไร้เงา : วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร








ที่มา https://thailandtourismdirectory.go.th

พระบรมธาตุเจดีย์ เป็นเจดีย์สถาปัตยกรรมแบบล้านนา มีจุดเด่นที่ยอดเจดีย์ ซึ่งหุ้มด้วยทองคำแท้ จากความ
เชื่อ เล่าสืบตอบกันมาว่าองค์พระธาตุประกอบด้วยทองรูปพรรณและของมีค่ามากมายจรดปลายเจดีย์ ซึ่งสิ่งของมีค่า
เหล่านี้พุทธศาสนิกชนนำมาถวายแด่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่อให้ตนได้พบกับนิพพาน จากคำขวัญประจำ
“จังหวัดเมืองประวัติศาสตร์ พระธาตุทองคำ ชื่นฉ่ำธรรมชาติ แร่ธาตุอุดม เครื่องถมสามกษัตริย์ มากวัดมาก
ศิลป์” พระธาตุทองคำ จึงหมายถึง ยอดเจดีย์ทองของพระบรมธาตุนั่นเอง นอกจากนี้พระบรมธาตุเจดีย์นั้นยังมีความ
น่าอัศจรรย์ใจอีกอย่างหนึ่งจนผู้คนต่างพากันเรียกว่า “พระธาตุไร้เงา” เนื่องจาก องค์พระธาตุจะไม่มีเงาทอดลงพื้นไม่
ว่าแสงอาทิตย์จะส่องกระทบไปทางไหนซึ่งยังไม่มีใครสามารถหาคำตอบได้ว่าเป็นเพราะอะไรทำให้พระบรมธาตุเจดีย์
กลางเป็นหนึ่งใน Unseen Thailand
อ้างอิงข้อมูลจาก กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา : วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร (พระธาตุไร้เงา) (๒๕๖๔). จาก
เว็บไซต์ https://thailandtourismdirectory.go.th

๔๖

คำถามประจำหน่วยการเรียนรู้
๑.การเป็นผู้พูดที่ดีควรมีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง
๒.จงอธิบายความหมาย และหลักการของการพูดอวยพร
๓.การกล่าวอวยพรมีขั้นตอนการพูดออย่างไรบ้าง จงอธิบาย
๔.การพูดรายงานการศึกษาค้นคว้ามีความสำคัญต่อการศึกษาของนักเรียนอย่างไร
๕.การพูดรายงานการศึกษาค้นคว้ามีขั้นตอนอย่างไร จงอธิบาย

กิจกรรมสร้างสรรค์พัฒนาการเรียนรู้
๑. ให้นักเรียนฝึกกล่าวคำอวยพร โดยเลือกสถานการณ์มาคนละ ๑ สถานการณ์ เช่น อวยพรวันคล้ายวันเกิดเพื่อน
อวยพรวันปีใหม่แด่ญาติผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ อวยพรในโอกาสที่เพื่อนไปศึกษาต่อยังต่างประเทศ เป็นต้น พร้อมออก
ไปพูดหน้าชั้นเรียนให้ครูและเพื่อนๆ ในชั้นเรียนช่วยกันเสนอแนะ
๒. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอการพูดรายงานการศึกษาค้นคว้าในเรื่องหรือประเด็นที่สนใจเกี่ยวกับท้องถิ่นของ
ตนเอง จากการศึกษาค้นคว้าจากแหล่งข้อมูลต่างๆ พร้อมนำเสนอหน้าชั้นเรียน

๔๗

บทที่ ๓
เมืองพี่เมืองน้อง เมืองสองอารยะ

สาระที่ ๔ หลักการใช้ภาษาไทย
มาตรฐาน/ตัวชี้วัด
มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและพลังของ
ภาษาภูมิปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัติของชาติ

ท ๔.๑ ม.๒/๑ สร้างคำในภาษาไทย
ท ๔.๑ ม.๒/๒ วิเคราะห์โครงสร้างประโยคสามัญ ประโยครวม และประโยคซ้อน
จุดประสงค์การเรียนรู้
๑. นักเรียนอธิบายลักษณะของคำที่มาจากภาษาบาลีและสันสกฤตได้
๒. นักเรียนสามารถบอกวิธีการสมาสคำได้
๓.นักเรียนอธิบายลักษณะของคำสมาส และคำสมาสแบบสนธิได้
๔,นักเรียนอธิบายลักษณะของประโยคสามัญ ประโยครวม และประโยคซ้อนได้
๕.นักเรียนสามารถวิเคราะห์โครงสร้างของประโยค พร้อมทั้งระบุประเภทประโยคได้
๖.นักเรียนมีความรู้เเละความเข้าใจเกี่ยวกับประเพณีเเละอารยธรรมของจังหวัดนครศรีธรรมราช
และสุราษฎร์ธานี
สมรรถนะของผู้เรียน
ความสามารถด้านการคิด
ความสามารถในการสื่อสาร

๔๘

เมืองพี่เมืองน้อง เมืองสองอารยะ



เป็นเวลาเช้าตรู่ ที่พี่น้องทั้งสองกำลังนั่งรถแท็กซี่เพื่อเดินทางไปยังสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัด
นครศรีธรรมราช จุดหมายของการเดินทางในวันนี้คือ จังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดที่เปรียบเสมือนพี่น้องคลาน
ตามกันมากับจังหวัดนครศรีธรรมราช เนื่องจากเป็นจังหวัดที่มีอาณาเขตติดกัน ใช้เวลาเดินทางไม่เกินสอง
ชั่วโมง อีกทั้งประเพณี ขนมธรรมเนียม วัฒนธรรม ประวัติศาตร์ความเป็นมาก็คล้ายคลึงกัน รวมถึงเรื่อง
ศาสนาก็มีทั้งความเหมือนและต่างกันที่น่าสนใจ ดังนั้นข้อมูลทุกอย่างจึงได้รับการค้นคว้าและเรียบเรียงไว้ใน
สมุดจดบันทึกเล่มหนาของผู้เป็นพี่

สองพี่น้องนั่งรถออกมาจากโรงแรมได้สักครู่หนึ่ง บรรยากาศภายในรถนั้นเงียบจนเกินไป ได้ยินแม้กระทั่ง
เสียงลมแอร์ที่พ่นออกมา นั่นเป็นความรู้สึกที่ผู้เป็นน้องสาวไม่ค่อยชอบสักเท่าไร เธอชวนพี่ชายคุยจ้อเกี่ยวกับ
เรื่องราวในวันที่ผ่านมา คือการเดินทางไปไหว้สักการะพระธาตุนครศรีธรรมราช เดินชมพิพิธภัณฑ์ที่ให้ความรู้
ภายในก็มีการเก็บดูแลรักษาของเก่าของโบราณไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ชมและศึกษาอีกทั้งช่วงค่ำบริเวณหน้าวัด
พระมหาธาตุวรมหาวิหาร ก็มีการจ่ายตลาดซึ่งเป็นตลาดถนนคนเดินที่มีระยะทางยาวพอสมควร ของกิน
ของใช้มากมาย ซุ้มขายของก็ทำเป็นศาลามุงด้วยตับจาก พ่อค้าแม่ขายก็ใส่ชุดไทยย้อนยุค เปรียบเสมือนว่านี่
คือตลาดในยุคอดีต อีกทั้งมีการละเล่นทั้งหนังตะลุง มโนราห์ซึ่งทำการแสดงโดยเยาวชนรุ่นใหม่

เดินทางไม่นานทั้งสองพี่น้องก็มาถึงสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดนครศรีธรรมราช ผู้เป็นพี่เป็นคนไปซื้อตั๋ว
และกำชับให้น้องสาวนั่งรออยู่ในโซนของอาคารผู้โดยสาร ไม่เช่นนั้นอาจจะพลัดหลงกันได้ เพราะช่วงนี้เป็น
ช่วงปิดเทอม ก็จะมีหลายครอบครัวที่หาเวลาว่างพาบุตรหลานไปท่องเที่ยวต่างจังหวัด วันนี้เป็นวันอาทิตย์
ผู้คนคับคั่งมากกว่าวันเสาร์เสียอีก เมื่อซื้อตั๋วเสร็จรอประมาณยี่สิบนาที รถตู้ที่จะเดินทางไปจังหวัด
สุราษฎร์ธานีก็พร้อมออกเดินทางจากจังหวัดนครศรีธรรมราช

“วันนี้น้องตื่นเต้นอีกแล้วค่ะ เมื่อวานก็ตื่นเต้น” เด็กหญิงหันไปกระซิบกับพี่ชาย
“พี่ก็ตื่นเต้นครับ พี่ยังไม่เคยไปจังหวัดสุราษฎร์ธานีมาก่อนเลย” พี่ชายเอ่ยขึ้นบ้าง
“น้องอยากเห็นพระธาตุไชยาเร็ว ๆ แล้วสิคะ จะสวยสมกับในรูปที่พี่บ่าวให้น้องดูหรือเปล่านะ”
“ต้องสวยมาก ๆ อย่างแน่นอนครับ แต่ว่าตอนนี้เราพูดคุยกันเยอะมากไม่ได้นะครับ จะรบกวนผู้โดยสาร
ท่านอื่น ๆ ได้”
“งั้นน้องไม่พูดแล้วค่ะ” เด็กหญิงคว้าหนังสือการ์ตูนเล่มโปรดที่ใส่ติดกระเป๋ามาด้วย ยกขึ้นให้พี่ชายดู

๔๙

เดินทางไม่นานทั้งสองพี่น้องก็มาถึงวัดแหลมทองโดยที่วัดยังคงเก็บเรือพระที่เคยได้รับรางวัลไว้ที่โรงเก็บเรือ
ทั้งสองพี่น้องไม่รอช้า เดินเข้าไปสอบถามผู้ดูแลวัดในทันที ผู้ดูแลวัดได้นำทางเด็กทั้งสองไปยังโรงเก็บเรือซึ่งใน
ปัจจุบันนั้นเรือพระอาจจะไม่ได้สวยงามเท่าวันแข่งขันประกวดแต่ก็ยังคงสภาพความสวยงามไว้ให้ชมอยู่บ้าง
อีกทั้งมีข้อมูลเกี่ยวกับประเพณีที่น่าสนใจอีกมากมาย ไม่ได้มีแค่ข้อมูลของประเพณีชักพระแต่ยังรวมไปถึง
ประเพณีบุญสารทเดือนสิบอีกด้วย

“เรือพระของวัดแหลมทองนี่สวยมากเลยค่ะพี่บ่าว” ผู้เป็นน้องเอ่ยขึ้นทันทีที่ได้เห็นเรือพระลำใหญ่ที่
จอดนิ่งอยู่ตรงหน้า

“สวยจริง ๆ ครับ” ผู้เป็นพี่เองก็ตะลึงในความสวยงามเช่นกัน
“น้องอยากรู้ว่าประเพณีชักพระของสุราษฎร์ธานีกับนครศรีธรรมราชต่างกันไหมคะ”

“ไม่ต่างมากครับ ทั้งสองจังหวัดจัดประกวดเรือพระในวันสารทเดือนสิบเหมือนกัน และมี
พิธีกรรมที่คล้ายคลึงกันมาก อาจจะต่างกันแค่สำรับในพิธีเท่านั้น พี่จะเล่าให้ฟังนะครับ โดยพี่จะเริ่มเล่า
ข้อมูลของจังหวัดนครศรีธรรมราชก่อนนะครับ”

ความว่า……
ประเพณีลากพระบางครั้งเรียกว่าประเพณีชักพระหรือประเพณีแห่พระเป็นประเพณีที่มีในจังหวัด
นครศรีธรรมราชและหลายจังหวัดของภาคใต้ได้สืบทอดกันมาเป็นตั้งแต่โบราณ ดังปรากฏในจดหมายเหตุของ
ภิกษุจีนชื่ออิจิง (หงีจิง) ซึ่งจารึกผ่านนครศรีธรรมราชไปอินเดียเมื่อ พ.ศ. 1272 กล่าวไว้ว่า “พระพุทธรูป
ศักดิ์สิทธิ์องค์หนึ่งมีคนแห่แหนออกจากวัด โดยประดิษฐานบนรถมีพระสงฆ์และฆราวาสหมู่ใหญ่แวดล้อมมามี
การตีกลองและบรรเลงดนตรีต่าง ๆ มีการถวายของหอมดอกไม้และถือธงชนิดต่าง ๆ ที่ทอแสงในกลางแดด”
จดหมายเหตุฉบับนั้นเรียกนครศรีธรรมราชว่าโฮลิง ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับตั้งมาหนึ่งหรือตามพรลิงค์นั่นเอง ระยะ
เวลาในการจัดงานมักทำกันในวันออกพรรษาคือวันแรมหนึ่งค่ำเดือนสิบเอ็ด

ที่มา https://iaekdekweb.blogspot.com

๕๐

ส่วนประเพณีชักพระในจังหวัดสุราษฎร์นั้นจะมีการทอดผ้าป่าร่วมด้วย ความว่า……

ประเพณีชักพระ ทอดผ้าป่า ของจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็น

ประเพณีที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่อดีต เชื่อว่าเกิดขึ้นมายาวนาน

เนื่องด้วยพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีเคยเป็นดินแดนที่มีความ

เจริญรุ่งเรืองมาตั้งแต่โบราณ มีหลักฐานให้เห็นชัดเจนในสมัย

ที่มา https://tiewthaietc.com อาณาจักรศรีวิชัย ซึ่งมีศูนย์กลางความเจริญของอาณาจักร

ศรีวิชัยคือที่ตั้งของอำเภอไชยาในปัจจุบันมีความเจริญรุ่งเรืองในทุกด้าน โดยเฉพาะด้านพระพุทธศาสนา

ปัจจุบันยังคงมีการจัดงานประเพณีชักพระในหลายพื้นที่ได้แก่อำเภอไชยา อำเภอท่าฉาง อำเภอพุนพิน

อำเภอกาญจนดิษฐ์ อำเภอเกาะสมุย อำเภอเกาะพะงัน อำเภอเวียงสระอำเภอเมือง ส่วนอำเภออื่นๆ แม้ไม่

ได้มีการจัดงานประเพณีชักพระในอำเภอ แต่ล้วนมีส่วนร่วมในงานประเพณีซักพระทั้งสิ้นคือส่งเรือพระเข้า

ร่วมงานประเพณีชักพระที่ทางอำเภอเมืองจัดขึ้น ซึ่งปัจจุบัน ถือว่าเป็นงานประเพณีที่สำคัญและยิ่งใหญ่

ที่สุดของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ระยะเวลาในการจัดงานจะจัดขึ้นในช่วงเทศกาลออกพรรษาของทุกปี

“สาวนุ้ยพอจะเห็นความคล้ายและแตกต่างของสองจังหวัดไหมครับ”
“น้องพอจะเข้าใจแล้วค่ะ ว่าทั้งสองจังหวัดมีประเพณีชักพระเหมือนกัน เรือตกแต่งสวยงาม และมี
ผู้คนออกมาชมเรือพระกันเยอะแยะเลย อีกทั้งมีการทำบุญตามความศรัทธาอีกด้วยและที่สำคัญจัดขึ้น
ในวันออกพรรษาเหมือนกันเลยค่ะอาจจะต่างกันตรงที่สุราษฎร์ธานีมีการทอดผ้าป่าเพิ่มเข้ามาด้วยค่ะ”
เด็กหญิงอธิบายด้วยความเข้าใจ ทำเอาผู้เป็นพี่ยิ้มจนหน้าชื่นหน้าบาน ไม่คิดว่าน้องสาวของตนจะหัวไวได้
ถึงเพียงนี้

“แล้วประเพณีบุญสารทเดือนสิบเป็นอย่างไรคะ เหมือนหรือต่างกันมากหรือเปล่าคะ” เด็กหญิง
ยังซักถามพี่ชายของตนต่อไป

“มีทั้งความคล้ายและเหมือนครับ พี่จะเล่าให้ฟังนะครับ”

๕๑

ความว่า……

งานเดือนสิบเป็นงานประจำปีที่ชาวใต้จัดขึ้นแทบทุกจังหวัด แต่ใคร ๆ มักจะนึกถึงงานเดือนสิบที่

จังหวัดนครศรีธรรมราชก่อนเพราะเป็นดังสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองนครศรีธรรมราชมาช้า

นาน แต่เดิมงานนี้ เน้นการปฏิบัติภาคพิธีกรรมในประเพณีท้องถิ่นนครศรีธรรมราชเรียกว่า "งานสารทเดือน

สิบ" เมื่อทางการเข้ามาจัดงานตั้งแต่พ.ศ.๒๔๖๖ เป็นต้นมาได้มีการออกร้านและจัดกิจกรรมรื่นเริงเพิ่มเข้ามา

ด้วยจึงเกิดเป็น "งานเดือนสิบ" ซึ่งจัดขึ้นในช่วงเดือนสิบของทุกปี

อันเป็นช่วงที่ผลผลิตทางการเกษตรงอกงามชาวนครศรีธรรมราช

จึงนําพืชผลนานาชนิดไปถวายพระด้วยการจัด "หมฺรับ"

(เป็นภาษาใต้หมายถึงสำรับ) ความหมายของเทศกาลนี้ คือ

เพื่ออุทิศส่วนกุศลแก่บรรพบุรุษผู้ล่วงลับและเป็นการเตรียม

เสบียงสำหรับพระภิกษุจะได้เก็บไว้ในฤดูฝนหรือในยามน้ำท่วม ที่มา https://www.brighttv.co.th

ส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานีก็มีการจัดงานบุญสารทเดือนสิบเหมือนกัน
ความว่า……

วันสารทเดือนสิบ หรือภาษาท้องถิ่นเรียกว่า วันชิงเปรตนั้นใน
เดือนสิบ(กันยายน) มีการทำบุญที่วัดสองครั้ง โดยครั้งแรก คือ
วันแรมหนึ่งค่ำเดือนสิบ เรียกว่า วันรับเปรต และครั้งที่สอง
คือ วันแรมสิบห้าค่ำเดือนสิบเรียกว่า วันส่งเปรต

ที่มา https://www.komchadluek.net

การทำบุญทั้งสองครั้งเป็นการทำบุญที่แสดงถึงความกตัญญูต่อบุพการีผู้ล่วงลับไปแล้วโดยอุทิศส่วนกุศล
ไปให้วิญญาณของบรรพบุรุษที่ตกอยู่ในเปรตภูมิเป็นคติของศาสนาพราหมณ์ที่ผสมในประเพณีของพุทธศาสนา
พุทธศาสนิกชนนิยมไปทำบุญ ณ วัดที่เป็นภูมิลำเนาของตนเพื่อร่วมพิธีตั้งเปรตและชิงเปรต อาจสับเปลี่ยนกัน
ไปทำบุญ ณ ภูมิลำเนาของฝ่ายบิดาครั้งหนึ่งฝ่ายมารดาครั้งหนึ่งจึงทำให้ผู้ที่ไปประกอบอาชีพจากถิ่นห่างไกล
จากบ้านเกิดได้มีโอกาสได้กลับมาพบปะสังสรรค์และรู้จักวงศาคณาญาติเพิ่มขึ้น

๕๒

“สาวนุ้ยพอจะเข้าใจไหมครับ ผู้เป็นพี่หันไปถามน้องสาวของตน”
“เข้าใจค่ะ” เด็กหญิงพยักหน้าตอบพี่ชายของตน
“เข้าใจว่าอย่างไรครับ”
“น้องเข้าใจว่าประเพณีบุญสารทเดือนสิบนั้นก็จัดขึ้นตรงตามชื่อของประเพณีเลย คือจัดในเดือนสิบ
ตามจันทรคติ คือเดือนกันยายนนั่นเอง วัตถุประสงค์ในการจัดประเพณีนี้ขึ้นมาก็คืออุทิศส่วนบุญส่วนกุศล
ให้แก่ญาติที่เสียชีวิตไปแล้ว อีกทั้งญาติ ๆ ที่แยกย้ายกันไปทำงานต่างจังหวัดก็ได้กลับบ้านมาพบหน้าพบ
ตากัน ถือเป็นประเพณีที่ดีงามและน่าอนุรักษ์ไว้มาก ๆ เลยค่ะ”

“ถูกต้องครับ น้องสาวของพี่นี่เก่งเสียจริง” ผู้เป็นพี่ลูบหัวน้องสาวของตนด้วยความเอ็นดู
“พี่บ่าวจะพาน้องไปวัดพระธาตุไชยาไหมคะ” เด็กหญิงเอ่ยถามพี่ชายของตน
“พี่กลัวว่าเวลาอาจจะไม่พอ แต่ถ้าน้องอยากไปไว้คราวหน้าได้ไหมครับ ตอนนี้พี่อยากศึกษาข้อมูล
ของประเพณีชักพระและประเพณีบุญสารทเดือนสิบให้มากกว่านี้ อีกทั้งเรือพระที่งดงามขนาดนี้ พี่อยาก
เข้าไปชมให้มากกว่านี้ครับ”
“ก็ได้ค่ะ น้องสาวคนนี้ตามใจพี่บ่าวเสมอ” เด็กหญิงยิ้มร่า ไม่ได้แสดงอาการน้อยใจแต่อย่างใด
“งั้นคุณมัคคุเทศก์ต้องเดินแนะนำลูกทัวร์ให้เยอะกว่านี้ค่ะ” เด็กหญิงทำเสียงแข็งขึ้นมา ราวกับว่า
ตนเองนั้นเป็นลูกทัวร์จริง ๆ

“ได้เลยครับคุณลูกค้า เชิญทางนี้เลยนะครับ ผมจะทำการบรรยายในลำดับถัดไปครับ” ผู้เป็นพี่
ผายมือให้ผู้เป็นน้องที่รับบทเป็นลูกค้าให้เดินนำหน้าตนไปก่อน
ทั้งสองคนพี่น้องขลุกตัวอยู่ในโรงเก็บเรือเกือบครึ่งวัน และคอยเก็บเกี่ยวข้อมูลประสบการณ์ที่ตนเองต้องการ
ไว้อย่างเต็มเปี่ยม

การเดินทางในครั้งนี้ล้วนเต็มไปด้วยความสุข ความอบอุ่น ความรู้ และความรักที่ทั้งสองพี่น้องมีให้แก่กัน
และมีให้แก่ถิ่นฐานบ้านเกิด เด็กทั้งสองคนเป็นเยาวชนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจต่อพระพุทธศาสนาและประเพณีที่ดีงาม
ของบ้านเกิด ดังนั้นการเดินทางล่องใต้ในครั้งนี้จะยังคงดำเนินต่อไปด้วยความสุขและรอยยิ้ม เฉกเช่นกับ
ศาสนา ประเพณี ขนบธรรมเนียมและวัฒนธรรมที่ยังคงอยู่สืบไปเช่นกัน

๕๓

คำสมาส

ความหมายของคำสมาส
คำสมาส หมายถึง คำประสมแบบภาษาบาลีและสันสกฤต คำสมาสเป็นคำใหม่ที่เกิดจากคำที่ใช้อยู่เดิม

๒ คำขึ้นไป มารวมกันในภาษาบาลี คำสมาสจะต้องนำคำที่มีใช้อยู่ในภาษาบาลีเท่านั้นมารวมกัน
หลักการสังเกตภาษาบาลีเเละสันสกฤต

วนิดา พรมเขต ( ๒๕๕๙ : ๑๑๑ ) กล่าวว่า ภาษาบาลีและสันสกฤตไม่ใช่ภาษาเดียวกัน แต่มักเรียก
พร้อมกัน เพราะเป็นภาษาตระกูลเดียวกัน แต่มีข้อแตกต่างเพื่อให้แยกแยะได้ ดังนี้

ภาษาบาลี ภาษาสันสกฤต

๑.ใช้สระ ๘ ตัว ได้แก่ อะ อา อิ อี อุ อู เอ โอ ๑.ใช้สระเหมือนภาษาบาลี และเพิ่ม ฤ ฤๅ ฦ ฦๅ ไอ

เช่น อริยะ สาระ โมลี อุตุ เอา เช่น ฤๅษี ไมตรี เมาลี ไพบูลย์
๒.คำที่ใช้ ส เป็นคำในภาษาบาลี เช่น ๒.คำที่ใช้ ศ ษ เป็นคำในภาษาสันสกฤต เช่น ศาสนา
สาสนา สิริ สูญ สุกกะ ศรี ศูนย์ ศุกร์
๓.คำที่ใช้ ฬ เป็นคำในภาษาบาลี เช่น ๓.คำที่ใช้ ฑ เป็นคำในภาษาสันสกฤต เช่น บีฑา ครุฑ
จุฑา กรีฑา จุฬา กีฬา บีฬ ครุฬ
๔.ใช้พยัญชนะเรียงพยางค์ เช่น ๔.ใช้พยัญชนะควบกล้ำ และพยัญชนะประสม เช่น กริยา

สวามี ปรกติ ประถม กิริยา ปรกติ ปฐม
๕.ใช้พยัญชนะสะกดและตัวตาม ๕.ใช้ รร (แผลงมาจากร เรผะ ในภาษาสันสกฤต)
ตัวเดียวกัน เช่น กัมม ธัมม สัพพ วัณณ เช่น กรรม ธรรม สรรพ วรรณ
๖.ใช้หลักตัวสะกดตัวตาม เช่น ภิกขุ กัมม

บุปผา องค์

๕๔

ข้อแตกต่างของภาษาบาลีและสันสกฤต ช่วยให้สังเกตได้ว่าคำใดเป็นคำที่ยืมมาจากภาษาต่างประเทศ คำ
ใดเป็นคำไทยแท้ เพื่อให้รู้เกี่ยวกับที่มาของคำ
ลักษณะของคำสมาส

เสนีย์ วิลาวรรณ และคณะ (๒๕๕๑ : ๔ ) กล่าวว่า คำสมาสมีลักษณะสำคัญ ดังนี้
๑.เกิดจากคำมูลตั้งแต่ ๒ คำขึ้นไปมารวมกัน
๒.ต้องเป็นคำที่มาจากภาษาบาลีหรือสันสกฤตเท่านั้น
ตัวอย่าง

ที่มาของคำ คำ ความหมาย


ภัยที่เกิดจากลม
วิชาที่เกี่ยวข้องกับตัวอักษร
บาลี + บาลี วาตภัย ผู้ที่มีความกล้าหาญ
สันสกฤต + สันสกฤต อักษรศาสตร์
บาลี , สันสกฤต + บาลี , สันสกฤต วีรชน

๓.พยางค์สุดท้ายของคำหน้าประวิสรรชนีย์หรือเป็นตัวการันต์ไม่ได้
ตัวอย่าง

ที่มาของคำ คำ ความหมาย



วิชาที่ว่าด้วยการป้องกันและบำบัดโรค
บาลี + สันสกฤต แพทย์ศาสตร์ การศึกษาที่จะนำไปสู่ควาเจริญพัฒนา

พลศึกษา การทางร่างกาย
สาธารณชน ประชาชนทั่วไป
บาลี , สันสกฤต + สันสกฤต



บาลี , สันสกฤต +บาลี , สันสกฤต

๕๕

๔.เกิดจากคำที่มีความหมายหลักหรือที่เรียกว่าคำตั้งอยู่หลังคำขยายอยู่หน้า ในการแปลความหมายจะ
ต้องแปลจากคำหลังไปยังคำหน้า
ตัวอย่าง

ที่มาของคำ คำ ความหมาย



แพทย์ผู้มีหน้าที่ตรวจรักษาโรคทางฟัน
บาลี , สันสกฤต + บาลี ทันตแพทย์ โรคในช่องปาก
บาลี , สันสกฤต + บาลี ,สันสกฤต วีรชน ผู้ที่มีความกล้าหาญ
บาลี , สันสกฤต + สันสกฤต อารยประเทศ
ประเทศที่มีอารยธรรม หรือความเจริญ

แต่อาจพบคำสมาสบางคำเรียงคำตั้งไว้หน้า คำขยายไว้หลัง แปลจากคำหน้าไปยังคำหลังอย่างคำประสม
หรือคำซ้อน มีหลักสังเกต คือ พยางค์ท้ายคำตั้งจะต้องไม่ประวิสรรชนีย์หรือไม่เป็นตัวการันต์ และจะต้องออก
เสียงพยางค์ท้ายของคำตั้ง เช่น บุตรธิดา บุตรภรรยา ทาสกรรมกร สวัสดิมงคล เป็นต้น

๕. การออกเสียงคำสมาส ส่วนมากออกเสียงพยางค์ท้ายของคำหน้า ถึงแม้ไม่มีรูปสระกำกับก็จะต้องออก
เสียงสระอะ
ตัวอย่าง

ที่มาของคำ คำ ความหมาย


หนังสือที่ออกเพื่อคัมครองการประดิษฐ์

บาลี , สันสกฤต + บาลี ,สันสกฤต สิทธิบัตร

สันสกฤต + บาลี ,สันสกฤต ทัศนคติ แนวความคิดเห็น
บาลี , สันสกฤต + บาลี , สันสกฤต จินตกวี ผู้สามารถแต่งร้อยกรองตามจินตนาการ
ของตน



๕๖

หมายเหตุ คำสมาสบางคำอาจจะออกเสียงได้ ๒ แบบ คือ ออกเสียงพยางค์ท้ายของคำหน้าหรือไม่ออกเสียง
พยางค์ท้ายของคำหน้าก็ได้
ตัวอย่าง

คำสมาส คำอ่าน

ถา-วอ-ระ-วัด-ถุ, ถา-วอน-วัด-ถุ
อุ-ดม-มะ-คะ-ติ, อุ-ดม-คะ-ติ
ถาวรวัตถุ ปรา-กด-ตะ-กาน, ปรา-กด-กาน

เก-ตุ-มา-ลา, เกด-มา-ลา

อุดมศึกษา



ปรากฏการณ์



เกตุมาลา

คำสมาสบางคำไม่ออกเสียงสระตรงพยางค์ท้ายของคำหน้า คำอ่าน
ตัวอย่าง มง-คน-กาน
สะ-ไหม-นิ-ยม
คำสมาส สา-ทก-โว-หาน

สุ-พาบ-บุ-หฺรุด

มงคลกาล



สมัยนิยม



สาธกโวหาร
สุภาพ
บุรุษ

๕๗

๖. คำบาลีสันสกฤตที่มีคำ “พระ” ซึ่งกลายเสียงมาจากคำบาสีสันสกฤต วร ประกอบข้างหน้า ถึงแม้คำ
“พระ” จะประวิสรรชนีย์ก็เป็นคำสมาสด้วย เช่น พระกรรณ พระขรรค์ พระคทา พระจันทร์ พระฉวี เป็นต้น
คำสมาสแบบมีสนธิ

วนิดา พรมเขต ( ๒๕๕๙ : ๑๑๒-๑๑๔ ) ให้ความหมาย สนธิ หมายถึง การกลมกลืนหน่วยเสียง
ของภาษาบาลีและสันสกฤต ไทยได้นำมาใช้ในการสร้างคำและได้ดัดแปลงให้เป็นการ

สนธิแบบไทย
ประเภทของคำสมาสแบบมีสนธิ คำสมาสแบบมีสนธิ แบ่งได้ ๓ ประเภท ดังนี้
๑. สระสนธิ คือ การนำคำภาษาบาลีและสันสกฤตมาสนธิคำที่ขึ้นต้นด้วยสระ

ตัดสระท้ายของศัพท์คำหน้า ความหมาย คำ
และใช้สระหน้าของศัพท์คำหลัง


ผลานิสงส์
ผล (บาลี + สันสกฤต) + สิ่งที่เกิดจากการกระทำ

อานิสงส์ (บาลี + สันสกฤต) ผลแห่งกุ
ศลกรรม พุทโธวาท
พุทธ (บาลี + สันสกฤต) + ผู้ตรัสรู้, ผู้ตื่นแล้ว
โอวาท (บาลี + สันสกฤต) คำแนะนำ, คำสอน




ตัดสระท้ายคำหน้า ใช้สระหน้าของคำ ความหมาย คำ
หลังแต่เปลี่ยน อะ เป็น อา , อิ เป็น


เอ, อุเป็น อู โอ แล้วใช้หลักการเดียว





เทศกับ(สแันบส
บกทีฤ่ ต๑) + เทศาภิบาล
อภิบาล (บาลี + สันสกฤต) ถิ่นที่, ท้องที่

บำรุงรักษา, ปกครอง คเชนทร์





คช (บาลี + สันสกฤต) + ช้าง
อินทร์ (สันสกฤต) ชื่อเทวราชผู้เป็นใหญ่ในสวรรค์ชั้น

ดาวดึงส์และชั้นจาตุมหาราช




๕๘

เปลี่ยน อิ อี เป็น ย, อุ อู เป็น ว ความหมาย คำ
แล้วใช้หลักการเดียวกับแบบที่ ๑ ความปรอ
งดองกัน

ผู้สั่งสอนวิชาความรู้ สามัคยาจารย์

ราศีที่ ๘ ในจักรราศี

สามัคคี (บาลี) + ธันวาคม
อาจารย์ (บาลี) การมาถึง



ธนู (บาลี) +
อาคม (บาลี + สันสกฤต)






๒. พยัญชนะสนธิ คือ การนำคำภาษาบาลีและสันสกฤตมาสนธิกับพยัญชนะ

คำที่ลงท้ายด้วย ส สนธิกับพยัญชนะ ความหมาย คำ
ให้เปลี่ยน ส เป็น โ-










มนัส (บาลี + สันสกฤต) + ใจ มโนกรรม
กรรม (สันสกฤต) การกระทำ





รหัส (บาลี + สันสกฤต) + เครื่องหมายหรือสัญลักษณ์ลับที่รู้ รโหฐาน

ลำดับกัคนวเฉา
พมเาปะ็นอยู่

ฐาน (บาลี + สันสกฤต)



คำ




อุปสรรค ทิสฺ กั
บ นิสฺ สนธิกับ

พยัญชนะให้เปลี่ยน ส เป็น ร ความหมาย


ทุรกันดาร








ทุสฺ (บาลี + สันสกฤต) + ยาก, ลำบาก, ไม่มี นิรภัย
กันดาร (บาลี) อัตคัต, ฝืดเคือง







นิสฺ (บาลี + สันสกฤต) + ไม่, ไม่มี
ภัย (บาลี + สันสกฤต) สิ่งที่น่ากลัว, อันตราย













๕๙

๓. นฤคหิตสนธิ คือ การนำคำภาษาบาลีและสันสกฤตสนธิกับนฤคหิต

นฤคหิตสนธิกับสระ ความหมาย คำ
เปลี่ยน เป็น ม


- สมาคม
สํ (บาลี + สันสกฤต) +

อาคม (บาลี + สันสกฤต) การมา, การมาถึง

สํ (บาลี + สันสกฤต) + - นิรภัย
อาทาน (บาลี + สันสกฤต)

การรับ, การยึดถือ


คำ


นฤคหิตสนธิกับพยัญชนะวรรค ความหมาย

เปลี่ยนเป็นพยัญชนะท้าย
สัญ

จร
ของวรรคนั้น -

สัม

ผัส



สํ (บาลี + สันสกฤต) + ไป, เที่ยวไป

จร (บาลี + สันสกฤต)



-
สํ (บาลี + สันสกฤต) + คำ
ผัส (บาลี + สันสกฤต) การกระทบ,
การถูกต้อง







สังสรรค์


นฤคหิตสนธิกับเศษวรรค ความหมาย

เปลี่ยน เป็น ง
สังหรณ์




-

สํ (บาลี + สันสกฤต) +

สรรค์ (สันสกฤต) พบปะกันเป็นครั้งคราวด้วยความ

สนิทสนม


สํ (บาลี + สันสกฤต) +
หรณ์ (บาลี + สันสกฤต) รู้สึกทคำล้ใาหย้รูม้ีว่อา-ะจไะรมมีเาหดตุลใจ















๖๐

แบบฝึกหัดคำสมาส
แบบฝึกหัดที่ ๑




คำชี้แจง ให้นักเรียนใช้ความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับคำสมาส เพื่อระบุว่าคำสมาสที่กำหนดให้ประกอบขึ้น

มาจากจากคำใดบ้าง พร้อมทั้งระบุประเภทของคำสมาส

คำ ส่วนปร
ะกอบ ประเภท


เทวราชา

วิทยาลัย

ปรมาณู

ราชินูปถัมภ์

ยุทธวิธี

ประวัติศาสตร์

มหานุภาพ

วัฒนธรรม

นิลุบล

มิจฉาชีพ

๖๑

แบบฝึกหัด




คำชี้แจง ให้นักเรียนใช้ความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับคำสมาส เพื่อเชื่อมคำสมาสที่กำหนดให้ต่อไปนี้ให้ถูกต้อง

๑. จุฬา + อลงกรณ์ …………………………………………………………….

๒. พุทธ + โอวาท …………………………………………………………….

๓. นิร + อันดร …………………………………………………………….

๔. มหา + ไอศวรรย์ …………………………………………………………….

๕. พงศ + อวตาร …………………………………………………………….

๖. ปรม + อินทร์ …………………………………………………………….

๗. อริ + อินทร์ …………………………………………………………….

๘. มาลี + อาภรณ์ …………………………………………………………….

๙. ธนู + อาคม ……………………………………………………………

๑๐. สุข + อุทัย …………………………………………………………….







๖๒

ประโยคในภาษาไทย

ความหมายของประโยค
วนิดา พรมเขต ( ๒๕๕๙ : ๑๒๑-๑๒๒ ) กล่าวว่า ประโยค เกิดจากคำหลายๆ คำ หรือวลีที่นำมาเรียงต่อกัน

อย่างเป็นระเบียบ เพื่อให้แต่ละคำมีความสัพันธ์กัน มีใจความสมบูรณ์ ประกอบไปด้วยนามวลีและกริยาวลี ซึ่งแสดงให้รู้
ว่าใคร ทำอะไรที่ไหน เมื่อไร อย่างไร เช่น แม่ไปตลาด ตำรวจจับคนร้าย เป็นต้น
ส่วนประกอบของประโยค

ประโยคประกอบด้วยส่วนสำคัญ ๒ ส่วน คือ นามวลี ทำหน้าที่เป็นภาคประธาน และกริยาวลี ทำหน้าที่เป็นภาค
แสดง ซึ่งประโยคอาจมีเพียงกริยาวลีได้แต่จะมีเฉพาะนามวลีไม่ได้

ความรู้เพิ่มเติม
นามวลื คือ วลีที่มีนามหรือกลุ่มนามเป็ นส่วนหลัก มีส่วนประกอบ ๒ ส่วน ได้แก่

ส่วนหลัก กับ ส่วนขยาย ส่วนหลักของนามวลีอาจเป็ นคำนาม หรือกลุ่มคำนามก็ได้ แต่จะต้องปรากฎ
เสมอ ส่วนขยายอาจเป็ นคำ กลุ่มคำ หรือวลีก็ได้ แต่ไม่จำเป็ นต้องปรากฎในประโยค นามวลีทำหน้าที่ได้
หลายประการในประโยค ได้แก่ เป็ นประธาน เช่น "นกพวกนี้กินแมลงเป็ นอาหาร" เป็ นกรรมของกริยา
เช่น "เขาชอบภาษาไทย" เป็ นหน่วยเติมเต็มของกริยา เช่น "เขาหน้าตาเหมือนพ่อ" เป็ นหน่วยเสริม
ความ เช่น"พ่อกลับบ้าน"

กริยาวลี คือ วลีที่มีหน่วยกริยาเป็ นส่วนประกอบหลัก ซึ่งกริยาวลีเป็ นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดของ
ประโยค ส่วนหลักของกริยาวลีอาจเป็ นเพียงคำกริยาคำเดียวหรือคำกริยาเรียงต่อกันก็ได้

ข้อความต่อไปนี้เป็นประโยค เพราะประกอบด้วยกริยาวลีเพียงลำพัง หรือประกอบด้วยนามวลี
กรุณานั่งลง
ต้องสู้ต่อไป
นักเรียนทุกคนนั่งลง

๑) ภาคประธาน คือ คำหรือกลุ่มคำที่ทำหน้าที่เป็นผู้กระทำหรือผู้แสดง เป็นส่วนสำคัญของประโยค ซึ่งภาคประธานอาจมี
บทขยายที่เป็นคำหรือกลุ่มคำต่อท้ายเพื่อทำให้ใจความของประโยคชัดเจนยิ่งขึ้น
๒) ภาคแสดง คือ คำหรือกลุ่มคำที่ประกอบด้วยบทกริยา บทกรรม หรือส่วนเติมเต็มบทกริยาทำหน้าที่เป็นตัวกระทำหรือ
ตัวแสดงของประธาน ส่วนบทกรรมทำหน้าที่เป็นผู้ถูกกระทำและส่วนเติมเต็มทำหน้าที่เสริมใจความของประโยคให้สมบูรณ์

๖๓

นามวลี กริยาวลี
ภาคแสดง
ภาคประธาน

- หิว

น้อง หิว

น้องของฉัน หิวมาก

น้องของฉัน หิวมากจนตาลาย

พี่ชาย เป็นคนเรียนเก่ง

พี่ชายของหน่อย เป็นคนเรียนเก่งที่สุดในชั้นเรียน

พี่ชายของหน่อยซึ่งเป็นเพื่อนของฉัน เป็นคนเรียนเก่งที่สุดในชั้นเรียนจนใครๆ ต่างชื่นชม

จากตารางจะเห็นว่า ประธาน คือ นามวลีซึ่งอาจเป็นคำนามคำเดียว หรือคำนามกับส่วนขยายทำหน้าที่เป็นผู้แสดง
อาการ ส่วนภาคแสดง คือ กริยาวลีที่แสดงอาการของประธาน ซึ่งภาคแสดงจะต้องมีคำกริยาปรากฎเสมอและอาจมีหน่วย
กรรม หน่วยเติมเต็ม หรือหน่วยขยายด้วยก็ได้
การจำแนกประเภทของประโยค

หากพิจารณาโครงสร้างของประโยคเป็นเกณฑ์จะสามารถจำแนกประเภทของประโยคลักษณะต่าง ๆ ได้เป็น ๓
ประเภท (ราตรี ธันวารชร (๒๕๕๒ : ๘๙-๑๐๗ อ้างอิงจาก จุไรรัตน์ ลักษณะศิริ.๒๕๕๖: ๔๓-๕๕)
๑.ประโยคสามัญ หมายถึงประโยคที่มีเนื้อความ ๑ เนื้อความ ประโยคสามัญในภาษาไทยมีส่วนประกอบดังนี้

๑) ประธาน + กริยา เช่น ย่านอน หลานนั่ง ยายตักบาตร พระบิณทบาต
๒) ประธาน + กริยา + กรรม เช่น สภากาชาดไทยรับบริจาคโลหิต
๓) ประธาน + (ส่วนขยายประธาน) + กริยา + (ส่วนขยายกริยา) + (กรรม) + (ส่วนขยายกรรม) เช่น
ผู้ป่วยโรคหวัดควรพักผ่อนมาก ๆ
นักศึกษาชั้นปีที่ ๑ ทุกคนควรพบอาจารย์ที่ปรึกมาของตนเองอย่างสม่ำเสมอ
ผู้เข้าร่วมสัมมนาระดับนานาชาติครั้งนี้ด่างประทับใจการบรรยายทางวิชาการของวิทยากรอย่างยิ่ง
โดยทั่วไปประโยคสามัญในภาษาไทยประกอบด้วยประธานกับกริยา และอาจมีกรรมมาประกอบด้วยในกรณีที่คำ
กริยาในประโยคเป็นกริยาที่ต้องการกรรม นอกจากนี้เพื่อให้การสื่อความสมบูรณ์ยิ่งขึ้นประโยดความเดียวจึงอาจมีส่วน
ขยาย ซึ่งสามารถมีได้ทั้งส่วนขยายประธาน ส่วนขยายกริยา และส่วนขยายกรรม ดังแสดงในตารางด้านล่างดังนี้

๖๔

ประธาน ส่วนขยาย กริยา ส่วนขยาย กรรม ส่วนขยาย
ประธาน กริยา กรรม
ย่า นอน


หลาน
นั่ง


ยาย
ตักบาตร



พระ
บิณฑบาต


สภากาชาดไทย
รับบริจาค
โลหิต

ผู้ป่วย
ควรพักผ่อน


โรคหวัด มาก ๆ











ชั้นปีที่ ๑ อาจารย์ที่ ของตนเอง
ทุกคน ปรึกษา
นักศึกษา ควรพบ อย่างสม่ำเสมอ




ผู้เข้าร่วมสัมมนา ระดับ ต่างประทับใจ อย่างยิ่ง การบรรยาย ทางวิชาการ
นานาชาติ ของวิทยากร




๒.ประโยครวม หมายถึง ประโชคที่มีเนื้อความมากกว่า 1 เนื้อความ หรืออาจ กล่าวได้ว่า ประโขครวมคือประ โยคที่
ประกอบด้วยประโยคย่อยมากกว่า ๑ ประโยค โดยประโยคย่อยที่มารวมกันนั้นต้องมีเนื้อความที่มีน้ำหนักเท่า ๆ กัน
และมักมีคำเชื่อมทำหน้าที่เชื่อมระหว่างประโยคย่อยที่มาประกอบกันเป็นประโยครวม
คำเชื่อมในประโยครวม แบ่งออกเป็น ๔ ประเภท ดังนี้

๑). คำเชื่อมแสดงความคล้อยตามกัน เช่น และ แล้ว แล้วถึง ครั่น จึง เป็นต้น
๒). คำเชื่อมแสดงความขัดแย้งกัน เช่น แต่ ทว่า แต่ทว่า เป็นต้น
๓). คำเชื่อมแสดงการให้เลือกเอา เช่น หรือ มิฉะนั้น ไม่เช่นนั้น ไม่...ก็ เป็นต้น
๔). คำเชื่อมแสดงความด่างตอนกัน เช่น ส่วน ฝ่าย เป็นต้น
ตัวอย่างประโยดที่มีคำเชื่อมแสดงความคล้อยตามกัน เช่น
เขาลงจากรถโดยสารที่ท่าพระจันทร์แล้วนั่งเรือข้ามฟากไปตลาดวังหลัง

๖๕

ขอให้สังเกตว่า ประโยคย่อย 2 ประโยด เมื่อนำมารวมกันแล้ว สามารถละประธานได้
ตัวอย่างประโยคที่มีคำเชื่อมแสดงความขัดแย้ง เช่น
เราไม่ได้ต่อสู้กับ "คนโหดร้าย" แต่เราต่อสู้กับ "ความโหดร้าย" ในตัวคน
เขาเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด แต่ทว่าไม่ยอมให้การเป็นพยานในคดีนี้
ตัวอย่างประโยดที่มีคำเชื่อมแสดงการให้เลือกเอา เช่น
นักเรียนสามารถนำอาหารกลางวันจากบ้านมารับประทานที่โรงเรียน หรือจะซื้ออาหารกลางวันที่
โรงอาหารของโรงเรียนก็ได้
เราต้องไม่ขับรถขณะมึนเมา มิฉะนั้นอาจเกิดอุบัติเหตุได้
นักศึกษาต้องไม่ข้องเกี่ยวกับยาเสพติด ไม่เช่นนั้นอาจต้องเสียใจไปตลอดชีวิต
ตัวอย่างประโยกที่มีคำเชื่อมแสดงความต่างตอนกัน เช่น
นักศึกษาชั้นปีที่ ๑ จะได้เรียนตามหลักสูตรฉบับปรับปรุงใหม่ ส่วนนักศึกษาชั้นปีอื่น ๆ ยังคงต้องเรียนตามหลักสูตรเดิมไป
จนสำเร็จการศึกษา
โจทก์ยื่นฟ้องข้อหายักยอกทรัพย์ ฝ่ายจำเลยฟ้องกลับข้อหาหมั่นประมาท
๓. ประโยคซ้อน หมายถึง ประโยคที่มีเนื้อความมากกว่า 1 เนื้อความกล่าวคือ ประโขคซ้อนประกอบด้วยประโยคอย่าง
น้อย ๒ ประโยก ซึ่งมีน้ำหนักหรือความสำคัญไม่เท่ากันประโยคที่มีความสำคัญมากกว่า เรียกว่า ประโยคหลักหรือมุข
ประโยค ประโยคที่มีน้ำหนักหรือความสำคัญน้อยกว่า เรียกว่า อนุประโยค โดยอนุประโยคจะซ้อนอยู่ในประโยคหลัก
และมีคำเชื่อมทำหน้าที่เชื่อมระหว่างประโยดหลักกับอนุประโยค
อนุประโยคมี ๓ ประเภท ได้แก่ นามานุประโขค คุณานุประโยค และวิเศษณานุประโยค

นามานุประโยค คือ อนุประโยคคที่ทำหน้าที่เหมือนนามวลี กล่าวคือ ทำหน้าที่เป็นประธาน กรรม หน่วยเติมเต็ม
หรือหน่วยเสริมความ

คุณานุประโยค คือ อนุประโยดที่ทำหน้าที่เหมือนคุณศัพท์วลี กล่าวคือ ทำหน้าที่ขยายนามที่นำมาข้างหน้า
วิเศษณานุประโยค คือ อนุประโยคที่ทำหน้าที่เหมือนวิเศษณ์วดี กล่าวคือ ทำหน้าที่ขยายกริยาวลี
ประเภทของประโยคซ้อน
ประโยคซ้อนแบ่งตามประเภทของอนุประโยคได้เป็น ๓ ประเภท ได้แก่ ประโยคซ้อนที่มีนามานุประโยค ประโยคซ้อน
ที่มีคุณานุประโยค และประโยคซ้อนที่มีวิเศษณานุประโยค
๑. ประโยคซ้อนที่มีนามานุประโยค มีคำเชื่อมระหว่างประโยคหลักและนามานุประโขค ได้แก่ "ที่" "ที่ว่า" "ว่า"
"ให้"

๖๖

ตัวอย่างประโยคซ้อนที่มีนามานุประโยค
ที่พยานให้การในศาลนั้นเป็นความจริงทั้งหมด
ที่พยานให้การในตาลนั้น เป็นนามานุประโยค ทำหน้าที่เป็นประธานของกริยา "เป็น"
ประชาชนต้องการให้รัฐบาลบริหารประเทศด้วยความซื่อสัตย์สจริต
ให้รัฐบาลบริหารประเทศด้วยกวามซื่อสัตย์สุจริด เป็นนามานุประโยก ทำหน้าที่เป็นกรรมของกริยา "ต้องการ"

ปรากฏการณ์ฝนดาวตกเป็นที่สนใจของคนจำนวนมาก
ที่สนใจของคนจำนวนมาก เป็นนามานุประโยค ทำหน้าที่เป็นหน่วยเดิมเต็มของกริยา “เป็น”

๒.ประโยคซ้อนที่มีคุณานุประโยค มีคำเชื่อมระหว่างประโยคหลักและคุณานุประโยค ได้แก่ ที่ ซึ่ง อัน และคำเชื่อม
นั้นเป็นประธานของคุณานุประโยคด้วย
ตัวอย่างประโยคซ้อนที่มีคุณานุประโยค
เขาเป็นคนที่รักศักดิ์ศรีของตนเองเป็นอย่างยิ่ง
ที่รักศักดิ์ศรีของตนเองเป็นอย่างยิ่ง เป็นคุณานุประโยคขยายนาม "คน"
เขาเป็นเจ้าของภาพวาดซึ่งมีอายุราว 3ร0 ปี
ซึ่งมีอายุราว 350 ปี เป็นคุณานุประโยคขยายนาม "ภาพวาด"

๓.ประโยคซ้อนที่มีวิเศษณานุประโยค มีคำเชื่อมระหว่างประโยคหลักและวิเศษณานุประโยค ซึ่งแบ่งออกได้เป็น ๖
ประเภท ดังนี้
เชื่อมบอกเวลา เช่น เมื่อ ขณะที่ ก่อน หลัง หลังจากที่ แต่ ตั้งแต่
คำเชื่อมบอกเหตุ เช่น เพราะ เนื่องจาก
คำเชื่อมบอกผล เช่น จึง จน กระทั่ง จนกระทั่ง
คำเชื่อมบอกความมุ่งหมาย เช่น เพื่อ
คำเชื่อมบอกเงื่อนไข เช่น ถ้า หาก หากว่า ถ้ำหากว่า
คำเชื่อมบอกความขัดแย้ง เช่น ทั้งที่ แม้ว่า
ตัวอย่างประโยคซ้อนที่มีวิเคษณานุประโยค
ประชาชนชาวอิตาลีต่างตกตะลึงเมื่อได้ทราบว่าอดีตผู้นำประเทศของตนเองทุจริต
เมื่อได้ทราบความจริงอันปรากฏขึ้นมาว่าอดีดผู้นำประเทศของตนเองทุจริต เป็นวิเศษณานุประโยคขยายกริยาวลี "ตก
ตะลึง"

๖๗

นักศึกษาคนนั้นมาสายเกิน 30 นาที จึงไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าห้องสอบ
จึงไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าห้องสอบ เป็นวิเศษณานุประโยคขยายกริยาวลี "มาสายเกิน 30 นาที"
ถ้าเก็บเงินได้มากพอ เขาจะเดินทาง ไปเที่ยวรอบโลก
ถ้าเก็บเงินได้มากพอ เป็นวิเศษณานุประโยคขยายกริยาวลี "จะเดินทางไปเที่ยวรอบโลก"

๖๘

แบบฝึกหัดประโยคในภาษาไทย
แบบฝึกหัดที่ ๑ ประโยคสามัญ











คำชี้แจง ให้นักเรียนบอกส่วนประกอบของประโยคต่อไปนี้

ประโยค ประธาน กริยา กรรม ส่วนขยาย
๑.นกบินบนท้องฟ้า
๒.ไก่ขันตอนใกล้รุ่ง




๓.สาวนุ้ยพูดอย่างสุภาพ




๔.พี่บ่าวชอบเล่นฟุตบอล




๕.คุณแม่ของฉันซื้อกระเป๋า











๖๙

แบบฝึกหัดที่ ๒

ประโยครวม









คำชี้แจง ให้นักเรียนแยกโครงสร้างของประโยคต่อไปนี้ให้ถูกต้อง
๑.สาวนุ้ยจะไปร้านหนังสือแต่พี่บ่าวจะไปตลาดนัด
๒.เพราะเขาขยัน เขาจึงได้รับคำชมเชย
๓.เธอเป็นเด็กที่น่ารักและชอบพูดช่างเจรจา
๔. นักการเมืองให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนแล้วจึงเข้าร่วมประชุมรัฐสภา
๕.น้องสาวเผลอหลับไป ส่วนผู้เป็นพี่ชายของีบเอาแรงสักหน่อย

ประโยคย่อยที่ ๑ ประโยคย่อยที่ ๒ คำเชื่อม

๑.



๒.



๓.



๔.



๕.



๗๐

แบบฝึกหัดที่ ๓

ประโยคซ้อน

คำชี้แจง ให้นักเรียนบอกประเภทของประโยคต่อไปนี้

๑.คุณแม่ทำงานหนักเพื่อหาเงินมาเลี้ยงดูลูก

ประเภท ………………………………………


๒.กุลธิดาได้ยินชลรดาพูดว่าพรุ่งนี้จะสอบเก็บคะแนน
ประเภท ………………………………………

๓.คุณตานั่งพักผ่อนหลังจากตัดหญ้าเสร็จ
ประเภท ………………………………………

๔.คุณครูชอบนักเรียนที่ตั้งใจเรียน
ประเภท ………………………………………

๕.เดือนนี้เป็นช่วงวันออกพรรษาชาวสุราษร์ธานีจึงมีการจัดงานทอดผ้าป่า
ประเภท ………………………………………

๗๑

รู้หรือไม่ : “ ประเพณีชิงเปรต ” ของชาวปักษ์ใต้ อาจเริ่มมากจาก “ชาวฮอลันดา”

คนใต้โดยเฉพาะชาวบ้านในนครศรีธรรมราชและสุราษฎร์ธานีจะ ที่มา สารานุกรมวัฒนธรรมไทยภาคใต้
มีประเพณีหนึ่งซึ่งจัดขึ้นประจำช่วงประมาณเดือนกันยายน,ตุลาคม
(วันแรม ๑ ค่ำ เดือนสิบ ถึง วันแรม ๑๕ ค่ำ เดือนสิบ) เรียกว่า
ประเพณี “ชิงเปรต” ในโอกาสเทศกาล “สารทเดือนสิบ” ซึ่งชาวบ้าน
จัดขึ้นเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับบรรพชน มีงานบุญเพื่อ “รับ-ส่งตายาย”
หรือผีบรรพบุรุษผู้ล่วงลับ โดยชาวบ้านจะจัด “หฺมฺรับ” หรือสำรับ
อาหารคาวหวานมอบให้แก่บรรดาผีบรรพบุรุษเป็นสำคัญ เมื่อเสร็จพิธี
บรรดาลูกหลานก็จะเข้าแย่งอาหารเหล่านี้ที่จะตั้งอยู่บนร้านเปรตซึ่งมีทั้ง
แบบร้านยกเสาสี่ต้นและแบบที่เป็นเสาต้นเดียวทำจากลำต้นไม้หมาก
หรือไม้ไผ่ หรือไม้หลาโอน(เหลาชะโอน) จึงได้ชื่อว่าเป็นการ “ชิงเปรต”

ในขณะเดียวกัน หากมองในเชิงการละเล่นแล้ว
การชิงเปรตของไทยแบบร้านที่ตั้งขึ้นบนเสาต้นเดียวดูจะ
คล้ายคลึงกับกับประเพณีที่เรียกว่า “ปันจัตปีนัง”
(panjat pinang) ของชาวอินโดนีเซียที่ป็นการตั้งเสาชะ
โลมน้ำมันให้คนขึ้นไปแย่งชิงของรางวัลเหมือนกัน

ที่มา (AFP PHOTO / MOHD RASFAN)

แต่ปันจัตปีนังมีความต่างจากของการชิงเปรตไทยในเชิงของความเชื่อ เพราะประเพณีไทยเชื่อมโยงกับศาสนา
ผีของชนพื้นเมือง แต่ปันจัตปีนังของอิโดนีเซียนั้นหากแต่เป็นการละเล่นที่เจ้าอาณานิคมฮอลันดาในอดีตเอามาให้
ชนพื้นเมืองได้เล่นกันเพื่อความบันเทิง (ของเจ้าอาณานิคมเอง) ในงานฉลองต่างๆ ตั้งแต่เมื่อราว ๒-๓ ร้อยปีก่อน
คนอินโดนีเซียในปัจจุบันยังรักษาประเพณีนี้เอาไว้ในงานฉลองต่างๆ ในฐานะการละเล่นเพื่อความสนุกสนาน ซึ่ง
รวมถึงงานฉลองวันได้รับอิสรภาพของประเทศ

อ้างอิงข้อมูลจาก ผิน ทุ่งคา. (๒๕๖๔). วัฒนธรรม : “ชิงเปรต” อาจเป็นประเพณีที่เริ่มจาก “ชาวฮอลันดา”
เอารางวัลมาล่อให้ชนพื้นเมืองแย่งชิง?. จากเว็บไซต์ https://www.silpa-mag.com

๗๒

คำถามประจำหน่วยการเรียนรู้
๑.จงอธิบายลักษณะของคำที่มาจากภาษาบาลีและสันสกฤต
๒. คำสมาสแบบมีสนธิมีเเบ่งออกเป็นกี่ประเภท อะไรบ้าง
๓. คําสมาสแบบมีสนธิกับคําสมาสแบบธรรมดามีความแตกต่างกันอย่างไร จงอธิบาย
๔. นักเรียนมีวิธีการอย่างไร เพื่อให้ทราบว่าคำสมาสแบบมีสนธิ ประเภทสระสนธิ เกิดจากคำใดประสมกับคำ
ใด จงอธิบายให้เข้าใจ
๕.ส่วนประกอบของประโยคประกอบด้วยอะไรบ้าง พร้อมอธิบายให้เข้าใจ
๖.ประโยครวมต่างจากประโยคซ้อนอย่างไร จงอธิบาย
กิจกรรมสร้างสรรค์พัฒนาการเรียนรู้
๑.ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันแต่งประโยคสามัญ ประโยครวม และประโยคซ้อนมาอย่างละ ๓ ประโยค แล้ว
นำประโยคที่แต่งมาเรียบเรียงเป็นนิทานสั้นๆ ๑ เรื่อง จากนั้นนำมาเล่าให้เพื่อนๆ ฟังหน้าชั้นเรียน
๒.ให้นักเรียนหาบทความเกี่ยวกับข้อมูลของประเพณีในจังหวัดจังหวัดนครศรีธรรมราชและสุราษฎร์ธานี
มากลุ่มละ ๑ เรื่อง เเล้วช่วยกันรวบรวมคำสมาสลักษณะต่างๆ ให้ได้มากที่สุด พร้อมทั้งบอกด้วยว่าเป็นคำ
สมาสประเภทใด

๗๓

บรรณาณุกรม



กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา. (๒๕๖๔). วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร (พระธาตุไร้เงา). สืบค้นจาก
เว็บไซต์ https://thailandtourismdirectory.go.th

จินต์นิภา ศรีไสย์. (๒๕๔๙). ภาษาไทยเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต. กรุงเทพฯ : คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย.
ทวัช บุญเเสง. (๒๕๖๐). ตำนานเเละนิทานพื้นบ้านกับกระบวนการขัดเกลาเยาวชนภาคใต้. วารสารวิจัย

ราชภัฎธนบุรีรับใช้สังคม.สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยลัยราชภัฏธนบุรี, ๓(๒), ๙๓- ๑๑๖.
ทิตยาพร มิตรอุดม. (๒๕๕๗). คติพุทธในเรือนพื้นถิ่นชาวไทยพุทธ ชุมชนพุมเรียง อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี.

กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. สืบค้นจาก
เว็บไซต์http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/46223
ปริญญา ปานชาวนา.(๒๕๕๗). วรรณกรรมท้องถิ่นตามเเนวลำน้ำตาปี. วารสารคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
มหาวิทยาลัยราชภัฏราษฎร์ธานี, ๖(๑), ๑๐๑-๑๐๓.
ปริญญา มงคลพาณิชย์. (๒๕๕๗). งานเดือนสิบ นครศรีธรรมราช : บทบาทและอิทธิพลของรัฐต่อ พัฒนาการของงานใน
ช่วงพ.ศ. ๒๕๒๐-๒๕๕๐. วารสารมนุษยศาสตร์เเละสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ ปีที่ ๙ ฉบับที่ ๑
(กันยายน-กันยายน ๒๕๕๗). สืบค้น ๑๕ มีนาคม ๒๕๖๕
จากเว็บไซต์ https://so02.tci-thaijo.org/index.php/HUSOTSU/article/download/43560/36000/
ปรีชา นุนสุ. (๒๕๕๔). บทความเชิงวิชาการเรื่อง ประวัติศาสตร์วัฒนธรรมของนครศรีธรรมราช.
สืบค้นเมื่อ ๑๔ มีนาคม ๒๕๖๕ จากเว็บไซต์ dspace.nstru.ac.th:8080/dspace/
bitstream/123456789/400/1/ประวัติศาสตร์วัฒนธรรมของนครศรีธรรมราช.pdf
ผกาศรี เย็นบุตร. (๒๕๔๒). การอ่าน.กรุงเทพฯ : ภาควิชาภาษาไทยและภาษาตะวันตก คณะมนุษยศาสตร์.
ผิน ทุ่งคา. (๒๕๖๔). วัฒนธรรม : “ชิงเปรต” อาจเป็นประเพณีที่เริ่มจาก “ชาวฮอลันดา” เอารางวัลมาล่อให้

ชนพื้นเมืองแย่งชิง?. จากเว็บไซต์ https://www.silpa-mag.com
ฟองจันทร์ สุขยิ่ง และคณะ. (๒๕๕๙). เอกสารประกอบคู่มือครู ภาษาไทยหลักภาษาและการใช้ภาษา

ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒. กรุงเทพฯ : อักษรเจริญทัศน์
ภูวดล ภูภัทรโยธิน. (๒๕๕๓). สูตรสำเร็จบทพูดสุนทรพจน์เเละคำอวยพรสำหรับทุกๆโอกาส. กรุงเทพฯ : ซีเอ็ดยูเคชั่น.
มาโนช ดินลานสกูล. (๒๕๕๘). เอกสารคำสอนเรื่องร้อยแก้ว. สาขาวิชาภาษาไทย คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์

มหาวิทยาลัยทักษิณ. สงขลา. (อัดสำเนา).
วนิดา พรมเขต.(๒๕๕๙). เอกสารประกอบการสอนรายวิชาการพัฒนาทักษะการอ่าน. คณะมนุษยศาสตร์ และสังคมศาสตร์

บรรณาณุก
รม (ต่อ)
มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี. สืบค้นจากเว็บไซต์ http://portal5.udru.ac.th
วรารัชต์ มหามนตรี. (๒๕๕๗). โลกทัศน์ของคนไทยจากภาษิต. รายงานวิจัย : คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร.
วิทยาธร ท่อเเก้ว. กลยุทธ์การสื่อสารด้วยการพูดในที่ชุมชน. มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมมาธิราช.
วิรัตน์ เลี้ยงสมบูรณ์. (๒๕๕๐). ดนตรีประกอบเรือพระจังหวัดนครศรีธรรมราช. รายงานวิจัยคณะ

มนุษยศาสตร์เเละสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราฎภัฏนครศรีธรรมราช.สืบค้นเมื่อ ๑๖ มีนาคม ๒๕๖๕
จากเว็บไซต์ dspace.nstru.ac.th:8080/dspace/bitstream/123456789/260/1/รายงานการวิจัย
เรื่อง%20ดนตรีประกอบเรือพระ%20จังหวัดนครศรีธรรมราช.pdf
แววมยุรา เหมือนนิล. (๒๕๔๑). การอ่านจับใจความ. กรุงเทพฯ : สุวีรยาสาส์น.
ศิริรัตน์ กลยะณี และพระมหาขวัญชัย กิตฺติปาโล (๒๕๕๘). ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการพูด. วารสาร มจร
มนุษยศาสตร์ปริทรรศน์. คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, ๑(๑), ๑๗-๒๙.
สามารถ บุญรัตน์, พระมหาอิสรกานต์ ฐิตปุญฺโญ และคณะ. (๒๕๕๙). รายงานการวิจัยเรื่อง การบริหารจัดการเเหล่ง
โบราณคดีเพื่อการท่องเที่ยวเชิงพุทธขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สุราษฎร์ธานีธานี. สืบค้นเมื่อ ๑๕
มีนาคม ๒๕๖๕ จากเว็บไซต์ http://lpn.mcu.ac.th/mculpn/wp-content/uploads/2021/05/การบริหาร
จัดการแหล่งโบราณสถานเพื่อการท่องเที่ยว.pdf
สุภารัตน์ ชาญแท้ , พระครูวิจิตรศีลาจาร และพระครูสิริธรรมาภิรัต.(๒๕๖๕). ศึกษาความเชื่อเกี่ยวกับพระบรมธาตุเจดีย์
นครศรีธรรมราช . วารสารวิชาการ มจร บุรีรัมย์ .สืบค้นเมื่อ ๑๔ มีนาคม ๒๕๖๕
จากเว็บไซต์ https://so06.tci-thaijo.org/index.php/ambj/article/download/241602/164269
เสนีย์ วิลาวรรณ และคณะ. (๒๕๕๑). หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน ภาษาไทย ม.๒ เล่ม ๑ หลักภาษาและการใช้
ภาษา.กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์วัฒนาพณิชย์ จำกัด.
สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดสุราษฎร์ธานี.(๒๕๖๕). ออนไลน์.สืบค้นเมื่อ ๑๔ มีนาคม ๒๕๖๕
จากเว็บไซต์https://www.m-culture.go.th
อมรา ศรีสุชาติ, (๒๕๕๗). ศรีวิชัยในสุวรรณทวีป.กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร.
อ่อนลา ยวนเกิด. (๒๕๕๗). วิทยานิพนธ์เรื่อง พัฒนาการเเละการเปลี่ยนแปลงการทำเรือพระบกในอำเภอ
กาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี.สืบค้นเมื่อ ๑๖ มีนาคม ๒๕๖๕ จากเว็บไซต์ http://www.thapra.lib.su.pdf
อรุณ แก้วพิชัย. (๒๕๔๒). วิเคราะห์นิทานพื้นบ้าน อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช.
สืบค้นเมื่อ ๑๔ มีนาคม ๒๕๖๕ จากเว็บไซต์ http://kb.tsu.ac.th/jspui/bitstream/123456789/1437/1/
อรุณ%20แก้ว พิชัย%2000050067.pdf
อิศปปกรณัม : วรรณกรรมแปลจากจากตะวันตกยุคแรกของไทย. (๒๕๖๒).กรมศิลปากร สำนักวรรณกรรมและ
ประวัติศาสตร์.

เล่าเรื่อง… ณ เมืองคอน-สุราษฎร์
สู่ปราชญ์ภาษาไทย


Click to View FlipBook Version