ขุ น ช้ า ง ขุ น แ ผ น
ตอน ขุนช้างถวายฎีกา
ผู้ประพันธ์
ไม่ปรากฏนามผู้แต่งตอนขุนช้างถวายฎีกาแต่ได้รับ
การยกย่องจากวรรณคดีสโมสรว่าแต่งดีเยี่ยมโดยเฉพาะ
กระบวนกลอนที่สื่ออารมณ์สะเทือนใจ(เป็น ๑ ใน ๘ ตอนที่
ได้รับการยกย่อง) ในตอนขุนแผนขึ้นเรือนขุนช้างและตอน
ขุนแผนพานางวันทองหนีเป็นพระราชนิพนธ์ในพระบาท
สมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ตอนขุนช้างขอนางพิมและ
ขุนช้างตามนางวันทองเป็นพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จ
พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ตอนกำเนิดพลายงามเป็นสำนวนของ
สุนทรภู่
สำหรับกลอนเสภานั้นใน ๑ วรรคจะมี ๖-๙ คำ/พยางค์ และมีชื่อเรียก
แตกต่างกันดังนี้
วรรคแรก มีชื่อเรียกว่า นารีเรียงหมอน
วรรคที่สอง มีชื่อเรียกว่า ชะอ้อนนางรำ
วรรคที่สาม มีชื่อเรียกว่า ระบำเดินดง
วรรคสุดท้าย มีชื่อเรียกว่า หงส์ชูคอ
ลักษณะคำประพันธ์
กลอนเสภาเป็นกลอนสุภาพ เสภาเป็นกลอนขั้นเล่าเรื่องอย่างเล่านิทาน
จึงใช้คำมากเพื่อบรรจุข้อความให้ชัดเจนแก่ผู้ฟังและมุ่งเอาการขับได้ไพเราะ
เป็นสำคัญ สัมผัสของคำประพันธ์ คือ คำสุดท้ายของวรรคต้น ส่งสัมผัสไปยัง
คำใดคำหนึ่งใน ๕ คำแรกของวรรคหลังสัมผัสวรรคอื่นและสัมผัสระหว่าง
บทเหมือนกลอนสุภาพ
แก่นเรื่อง
แก่นเรื่องหลักของขุนช้างขุนแผ
น คือ ความรักที่สามารถทำได้ทุก
อย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งคนที่ตนเองรัก เช่น ขุนข้างพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อ
ให้ได้ตัวแม่วันทองมาเป็นของตนซึ่งเป็นบุคคลอันเป็นที่รักยิ่ง และในที่สุด
ก็ได้แต่งงานกับแม่วันทอง ทำให้แม่วันทองได้เห็นถึงความดีของขุนช้าง
และยังเป็นคนที่มีพระคุณอย่างยิ่งส่วนขุนแผนเป็นคนที่ตนรักแต่กับกลาย
เป็นรักที่เจ็บปวดเพราะขุนแผนเป็นคนเจ้าชู้
โครงเรื่อง
การนำเรื่อง
• นางวันทองมีชื่อเดิมว่า พิมพิลาไลย ซึ่งเป็นเพื่อนเล่นกับพลายแก้ว
และขุนช้างในตอนเด็ก
• เมื่อโตขึ้นนางพิมได้พบกับพลายแก้วอีกครั้งซึ่งในตอนนั้นพลายแก้ว
บวชเณรอยู่ ซึ่งทั้งสองก็แอบรักใคร่ชอบพอกันเณรแก้วจึงแอบสึกและขึ้น
ไปหานางพิมบนเรือน
• ทางด้านขุนช้างซึ่งมีฐานะร่ำรวยแต่หน้าตาอัปลักษณ์ก็หลงรักนางพิม
เช่นกันจึงวอนให้นาง เทพทอง (เป็นมารดา) ไปสู่ขอนางพิม
โครงเรื่อง
• นางพิมเกรงว่ามารดาตนจะรับขันหมากของขุนช้างจึงให้นางสาย
ทอง (พี่เลี้ยง) ไปส่งข่าว ให้เณรแก้วรีบชิงมาสู่ขอก่อน
• เณรแก้วลาสิกขาและให้นางทองประศรีมารดาของตนไปสู่ขอนาง
พิมทั้งคู่จึงได้แต่งงานกัน
• หลังเข้าหอได้เพียงสองวันพลายแก้วได้รับคำสั่งให้นำทัพไปรบกับ
พระเจ้าเชียงใหม่
โครงเรื่อง
ปมเรื่อง
พระไวยอยากให้แม่มาอยู่กับตนและคืนดีกับพ่อ จึง
ไปลักพานางวันทองมา ขุนช้างเคืองมากไปฟ้อง
สมเด็จพระพันวษา จึงมีการไต่สวนคดีกันอีกครั้งหนึ่ง
ในที่สุดสมเด็จพระพันวษาก็ถามความสมัครใจของ
นางว่าจะเลือกอยู่กับใคร นางตัดสินใจไม่ได้ สมเด็จ
พระพันวษาหาว่านางเป็นหญิงสองใจจึงสั่งให้นำตัว
ไปประหารชีวิต
โครงเรื่อง พระพันวษาให้โอกาสนางวันทองเลือกว่าจะอยู่กับใครระหว่าง
ขุนช้าง ขุนแผน หรือจมื่นไวย แต่นางวันทองเลือกไม่ได้เพราะขุน
ช้างก็ผู้ที่มีพระคุณ ขุนแผนก็คนรักเก่า ส่วนจมื่นไวยก็ลูกอันเป็นที่รัก
พระพันวษาจึงโกธรแม่วันทอง ต่อว่าและสั่งประหารชีวิตแม่วันทอง.
วิกฤตเรื่อง
สมเด็จพระพันวษาทรงคิดว่าสาเหตุของความวุ่นวายทั้งหมดนี้ เกิดจากนางวันทอง
จึงให้นางวันทองตัดสินใจว่าจะอยู่กับใคร นางวันทองตกใจประหม่า อีกทั้งจะหมด
อายุขัยจึงบันดาลให้พูดไม่ออกบอกไม่ถูกว่าจะอยู่กับใคร นางให้เหตุผลว่านางรัก
ขุนแผน แต่ขุนช้างก็ดีกับนาง ส่วนพลายงามก็เป็นลูกรัก ทำให้สมเด็จพระพันวษากริ้ว
มาก เห็นว่านางวันทองเป็นคนหลายใจเป็นหญิงแพศยา จึงให้ประหารชีวิตนางวันทอง
เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่ผู้อื่นต่อไป
โครงเรื่อง
จบเรื่อง
สมเด็จพระพันวษาหาว่านางเป็นหญิงสองใจ จึงสั่งให้นำตัวนาง
วันทองไปประหารชีวิต พระไวยพยายามอ้อนวอนขออภัยโทษได้
แต่ไปห้ามการประหารไม่ทัน ทำให้แม่วันทองถูกประหารชีวิตใน
ที่สุด
ตัวละคร
นางพิมพิลาไลย/นางวันทอง
นางวันทอง
เป็นหญิงรูปงามแต่ปากจัดเป็นบุตรของพันศรโยธาและนางศรีประจัน
ต่อมาได้แต่งงานกับพลายแก้วซึ่งภายหลังมีลูกชายด้วยกันคือพลายงาม
และได้เปลี่ยนชื่อเป็นนางวันทอง ต่อมานางถูกแม่บังคับให้แต่งงานใหม่
กับขุนช้างทำให้ถูกประนามว่าเป็นหญิงสองใจ
ลักษณะนิสัย
คนเจ้าคารมโวหาร คนซื่อ รักลูก
ตัวละคร
ขุนแผน
ขุนแผน
ขุนแผนเดิมชื่อพลายแก้วเป็นบุตรของขุนไกรพลพ่าย
และนางทองประศรีมีรูปร่างหน้าตางดงามคมสัน
สติปัญญาเฉลียวฉลาด
ลักษณะนิสัย
เป็นคนเจ้าชู้และมีคารมคมคาย
ตัวละคร
ขุนช้าง
ขุนช้าง
ขุนช้างมีลักษณะรูปชั่วตัวดำหัวล้านมาแต่กำเนิด
เป็นบุตรของขุนศรีวิชัยและนางเทพทอง ซึ่งมีฐานะ
ร่ำรวยมาก
ลักษณะนิสัย
เจ้าเล่ห์เพทุบาย
ตัวละคร
พระพันวษา
พระพันวษา
สมเด็จพระพันวษา เป็นพระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา ยุคนี้เป็นยุคที่
บ้านเมืองเจริญรุ่งเรืองมีความอุดสมบูรณ์ราษฎรทั้งหลายอยู่กันอย่างร่มเย็น
เป็นสุขบรรดาประเทศใกล้เคียงก็อ่อนน้อม เพราะยำเกรงบารมี
ลักษณะนิสัย
สมเด็จพระพันวษามีพระอารมณ์ร้อน แต่พระองค์ก็นับว่าเป็น
พระมหกษัตริย์ที่มีความยุติธรรมต่อพวกทหาร เสนาอำมาตย์ และราษฎร
พอสมควร เมื่อมีคดีฟ้องร้องกันก็จะให้มีการไต่สวน และพิสูจน์ความจริง
ตัวละคร
จมื่นไวย/พลายงาม
จมื่นไวย/พลายงาม
มีตำแหน่งราชการเป็นจมื่นไวยวรนาถซึ่งมักเรียกสั้นๆว่า
พระไวยหรือหมื่นไวย เป็นลูกของขุนแผนกับนางวันทองแต่
ไปคลอดที่บ้านของขุนช้าง
ลักษณะนิสัย
ความสามารถคล้ายขุนแผนข้อดีของพลายงาม คือ มีความสามารถ
ในการออกรบทำศึกสงคราม พลายงามมีความกตัญญู
เนื้อเรื่องย่อ
ฝ่ายพลายงามเมื่อชนะความขุนช้าง
แล้วก็อยู่มาด้วยความสุข ต่อมาคิดว่ายัง
ขาด แต่มารดาเห็นว่าไม่ควรคู่กับขุนช้างแล้วคิดว่าจะรับแม่กลับมาอยู่กับขุนแผน
พอตกค่ำจึงออกเดินทางไปบ้านขุนช้าง สะกดผู้คน ภูตพราย และแก้อาถรรพณ์
แล้วสะเดาะกลอนเข้าไปถึงชั้นสามห้องนอน ถอนสะกดนางวันทองแล้วเจรจากัน
พระไวยแจ้งว่าจะมารับนางวันทองกลับไปบ้าน นางวันทองแนะนำให้นำเรื่องขึ้น
กราบทูลพระพันวษา
เนื้อเรื่องย่อ
พลายงามไม่เห็นด้วยและจะพาไปให้ได้ นาง
วันทองจนใจจึงยอมไปกับพระไวย ขุนช้างตื่นขึ้นมา
พบนางวันทองให้บ่าวไพร่ค้นหาไม่พบฝ่าย พลายงามคิดว่าถ้าขุนช้างรู้ว่าได้ลักพาตัวนางวันทองมาก็
คงจะนำความขึ้นกราบทูลสมเด็จพระพันวษา มารดาก็จะต้องโทษ คิดแล้วจึงให้หมื่นวิเศษผลไปหา
ขุนช้างที่บ้าน ช่วยไกล่เกลี่ยเรื่องราวอย่าให้ขุนช้างโกรธด้วย เป็นคนที่เคยชอบพอกัน โดยบอกให้ขุน
ช้างว่า ตนจับไข้อยู่หลายวันเกรงว่าแม่ไม่ทันจะเห็นหน้า จึงให้คนไปพาแม่มา พอให้ตนหายไข้แล้ว
จะส่งมารดาคืนกลับไป หมื่นวิเศษรับคำแล้วก็รีบไปบ้านขุนช้าง แจ้งเรื่องตามที่พระไวยสั่งมาทุก
ประการ ขุนช้างได้ฟังทั้งโกรธและแค้น เมื่อข่มความโกรธแล้วก็ตอบไปว่าไม่เป็นไรเรื่องการเจ็บไข้
ถ้าขัดสนสิ่งไรก็ขอให้มาเอาที่ตนได้ แล้วก็ปิดหน้าต่างใส่ ด้วยความเดือดดาลและแค้นใจ
ฉากตอนที่ ๓๕ ขุนช้างถวายฎีกา
ขุนช้างโมโหและแค้นยิ่งนักที่พลายงามทำเหมือน
ข่มเหงไม่เกรงใจตน จึงร่างคำร้องถวายฎีกาแล้วลอยคอ
มายังเรือพระที่นั่งของสมเด็จพระพันวษาเพื่อถวายฎีกา
ทำให้สมเด็จพระพันวษาพิโรธมาก ให้ทหารรับคำฟ้องมา
แล้วให้เฆี่ยนขุนช้าง ๓๐ ที แล้วปล่อยไป และยังทรงตั้ง
กฤษฎีกาการรักษาความปลอดภัยว่าต่อไปข้าราชการผู้ใด
ที่มีหน้าที่รักษาความปลอดภัยแล้วปล่อยให้ใครเข้ามา
โดยมิได้รับอนุญาตจะมีโทษมหันต์ถึงประหารชีวิต
ฉากตอนที่ ๓๖ นางวันทองถูกประหารชีวิต
สมเด็จพระพันวษาทรงคิดว่า สาเหตุของความวุ่นวาย
ทั้งหมดนี้เกิดจากนางวันทองจึงให้นางวันทองตัดสินใจว่าจะอยู่
กับใคร นางวันทองตกใจ ประหม่า อีกทั้งจะหมดอายุขัยจึง
บันดาลให้พูดไม่ออกบอกไม่ถูกว่าจะอยู่กับใคร นางให้เหตุผล
ว่า นางรักขุนแผน แต่ขุนช้างก็ดีกับนาง ส่วนพลายงามก็เป็น
ลูกรัก ทำให้สมเด็จพระพันวษากริ้วมากเห็นว่านางวันทองเป็น
คนหลายใจเป็นหญิงแพศยา จึงให้ประหารชีวิตนางวันทองเพื่อ
มิให้เป็นเยี่ยงอย่าง
คุ ณ ค่ า ที่ ไ ด้ รั บ
ด้านเนื้อหา
เนื้อหาหมายถึงใจความของเรื่องรายละเอียดที่ปรากฏอยู่ในเหตุการณ์ต่าง ๆ
ของวรรณคดีและวรรณกรรมเนื้อหา จึงประกอบด้วยฉากตัวละครเหตุการณ์ต่าง ๆ
บทสนทนาของตัวละครการพิจารณาคุณค่าด้านเนื้อหา จึงต้องพิจารณาองค์ประกอบ
เหล่านี้ว่ามีครบถ้วนหรือไม่ สมจริงอย่างไร มีเหตุผลเพียงใด มีคุณค่าต่อผู้อ่าน
อย่างไร ในด้านเนื้อหานอกจากเนื้อเรื่องสนุกสนาน แล้วยังต้องมีความไพเราะของ
คำประพันธ์ด้วยเนื้อหาที่ดีจะต้องอ่านแล้วประทับใจในแง่มุมใดแง่มุมหนึ่งที่ทำให้
วรรณคดีเรื่องนั้นเป็นอมตะ
คุ ณ ค่ า ที่ ไ ด้ รั บ
คือ ได้รับความนิยมและมีผู้ชื่นชอบมาตลอดจนถึงปัจจุบัน เช่น วรรณคดีเรื่อง
พระอภัยมณีที่ยังมีผู้สนใจนำมาดัดแปลงเป็นการ์ตูน สร้างเป็นละครโทรทัศน์
และน่าไปสอดแทรกในนวนิยายวรรณคดีบางเรื่อง ทำให้ผู้อ่านรู้สึกอิ่มอารมณ์
อิ่มใจ เพราะมีเนื้อหาน่าประทับใจ เช่นกาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง มี
เนื้อหาเล่าเรื่องการเดินทางไปพระพุทธบาทในจังหวัดสระบุรี และชมธรรมชาติ
อันงดงามระหว่างทางชมสัตว์บกสัตว์น้ำชมนกชมไม้ คุณค่าด้านเนื้อหาจึงให้
ความรู้เรื่องธรรมชาติอันเป็นลักษณะเด่นของวรรณคดีเรื่องนี้
คุ ณ ค่ า ที่ ไ ด้ รั บ
ด้านสังคม
๑. ลักษณะทางสังคม ยกตัวอย่างเช่น ตอนขุนช้างถวายฎีกา เป็นตอนที่ชะตา
ชีวิตของนางวันทองตกต่ำถึงที่สุด คือ ถูกพระพันวษาพิพากษาให้ประหารชีวิต
ซึ่งจะเป็นตอนที่มีหลากหลายอารมณ์ ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่อยู่ในสถานภาพใดใน
สังคม กษัตริย์ สามี ภรรยา มารดา บุตร ตัวละครในตอนนี้แทบทุกตัวมี
บทบาทสำคัญ
คุ ณ ค่ า ที่ ไ ด้ รั บ
๒. ฐานะและบทบาทของสตรีในสังคม นางวันทองเป็นตัวอย่างของสตรีไทย
สมัยโบราณโดยแท้ คือเกิดมาเพื่อรับบทของบุตรี ภรรยาและมารดา
๓. บทบาทของกษัตริย์ต่อประชาชนในสังคมไทย สมเด็จพระพันวษานั้น ถ้าจะ
พิจารณาอย่างละเอียด ก็จะเห็นได้ว่าแม้จะทรงเป็นเจ้าชีวิต มีพระราชอำนาจอัน
ล้นพ้น แต่ก็มิได้ทรงใช้อำนาจอย่างปราศจากเหตุผลหรือด้วยพระอารมณ์ หาก
ได้ทรงปฏิบัติอย่างเหมาะสม และทรงมีพฤติกรรมไปในทางที่สมเหตุสมผลที่สุด
คุ ณ ค่ า ที่ ไ ด้ รั บ
๔.ค่านิยมและความเชื่อเกี่ยวกับสตรี สังคมไทยไม่นิยมสตรีเยี่ยงนาง
วันทอง คือมีสามีสองคนในเวลาเดียวกัน
คุ ณ ค่ า ที่ ไ ด้ รั บ
ด้านวรรณศิลป์
๑.สะท้อนถึงอารมณ์โกรธแค้นและสะเทือนใจ (พิโรธวาทัง) ยิ่งคิดเดือดดาลทะยานใจ
ฉวยได้กระดานชวนมาร่างฟ้องท่องเทียบให้เรียบร้อย ถ้อยคำถี่ถ้วนเป็นหนักหนา...
๒. มีการพรรณนาถึงเรื่องฝันร้าย ...ครั้งนี้น่าจะมีอันตราย ฝันร้ายสาหัสตัดตำรา พิเคราะห์
ดูทั้งยามอัฐกาล ก็บันดาลฤกษ์แรงเป็นหนักหนา มิรู้ที่จะแถลงแจ้งกิจจา กอดเมียเมินหน้า
น้ำตากระเด็น...
คุ ณ ค่ า ที่ ไ ด้ รั บ
๓.ใช้ถ้อยคำเกิดความเศร้าสะเทือนใจสงสารในชะตากรรมของตัวละคร
(สัลลาปังคพิสัย) ...วันนี้แม่จะลาพ่อพลายแล้ว จะจำจากลูกแก้วไปสูญสิ้น พอ
บ่ายก็จะตายลงถมดิน ผินหน้ามาแม่จะขอชม เกิดมาไม่เหมือนกับเขาอื่น มิได้
ชื่นเชยชิดสนิทสนม......
๔. การบรรยายโวหาร (เสาวรจนีย์) ฟ้าขาวดาวเด่นดวงสว่าง จันทร์กระจ่างทรง
กลดหมดมฆสิ้น จึงเซ่นเหล้าข้าวปลาให้พรายกิน เสกขมิ้นว่านยาเข้าทาตัว
คุ ณ ค่ า ที่ ไ ด้ รั บ
๕. การพรรณนาโวหาร (นารีปราโมทย์) จะเป็นตายง่ายยากไม่จากรัก จะ
ฟูมฟักเหมือนเมื่ออยู่ในกลางเถื่อน ขอโทษที่พี่ผิดอย่าบิดเบือน เจ้าเพื่อน
เสน่หาจงอาลัย
๖. เชิงเปรียบเทียบ (อุปมาโวหาร) อีวันทองตัวมันเหมือนแก้ว ถ้าตัดโคน
ขาดแล้วก็ใบเหี่ยว ใครจะควรสู่สมอยู่กลมเกลียว ให้เด็ดเดี่ยวรู้กันแต่วันนี้
คุ ณ ค่ า ที่ ไ ด้ รั บ
๗. กวีแทรกอารมณ์ขันในการแต่ง (หาสยรส) ขุนช้างเห็นข้าไม่มาใกล้ ขัดใจ
ลุกขึ้นทั้งแก้ผ้า แหงนเถ่อเป้อปังยืนจังกา ย่างเท้าก้าวมาไม่รู้ตัว ยายจันงันงก
ยกมือไหว้ นั่นพ่อจะไปไหนพ่อทูนหัว ไม่นุ่งผ่อนนุ่งผ้าดูน่ากลัว ขุนช้างมองดู
ตัวก็ตกใจ
บทสนทนา
การใช้ถ้อยคำและสำนวนโวหารในเรื่องขุนช้างขุนแผน ง่าย งาม
และมีพลัง นอกจากจะสร้างภาพของตัวละครได้ชัดเจนแล้วยังสามารถ
กระตุ้นอารมณ์และความรู้สึกของผู้อ่านให้คล้อยตามอารมณ์และ
ความรู้สึกของตัวละครได้ด้วย ทำให้เกิดรสวรรณคดีที่หลากหลาย เช่น
ตอนที่ขุนช้างฟื้นตื่นขึ้นมาไม่มีผ้าติดกายข้าไทที่เป็นหญิงในบ้านเห็น
เข้าก็ตกใจ
ตัวอย่างบทสนทนา
ว่าพลางเอนแอบลงแนบข้าง จูบพลางชวนชิดพิศมัย
ลูบไล้พิไรปลอบให้ชอบใจ เป็นไรจึงไม่ฟื้นตื่นนิทรา
เจ้าวันทองน้องตื่นจากที่นอน โอนอ่อนวอนไหว้พิไรว่า
หม่อมน้อยใจฤาที่ไม่เจรจา ใช่ตัวข้านี้จะงอนค่อนพิไร
ถอนความได้ว่า ขุนแผนพูดไปแล้วก็ก้มลงแนบข้างๆนางวันทองพร้อม
พรมจูบ ลูบแขนและถามนางวันทองว่าทำไมไม่ตื่นขึ้นมาคุยกับขุนแผน
นางวันทองจึงตื่นขึ้นมาบอกว่าขุนแผนน้อยใจนางวันทองเหรอ นางวัน
ทองไม่ได้งอน
โวหาร ภาพพจน์
จะกล่าวถึงโฉมเจ้าพลายงาม ถ้าเป็นความชนะขุนช้างนั่น
กลับมาอยู่บ้านสำราญครัน เกษมสันต์สองสมภิรมย์ยวน
พร้อมญาติขาดอยู่แต่มารดา นึกนึกตรึกตราละห้อยหวน
โอ้ว่าแม่วันทองช่างหมองมวล ไ
ม่สมควรเคียงคู่กับขุนช้าง
เออนี้เนื้อเคราะห์กรรมมานำผิด น่าอายมิตรหมองใจไม่หายหมาง
ฝ่ายพ่อมีบุญเป็นขุนนาง แต่แม่ไปแนบข้างคนจัญไร
จมื่นไวยฯ แม้จะอยู่บ้านอย่างสุขสบายพร้อมพรั่งทั้งญาติมิตรและภรรยา แต่ก็เกิดคิดถึงแม่ซึ่งก็คือนางวันทอง
แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกโกรธที่แม่ต้องไปอยู่กับคนเลว ๆ อย่างขุนช้าง ทั้ง ๆ ที่พ่อของตนเป็นถึงขุนนางจมื่นไวย ฯ
จึงคิดหาทางพาแม่กลับมาอยู่ด้วยกัน แต่บ้านของทั้งสองอยู่ห่างไกลกันมาก จมื่นไวย ฯ จึงต้องใช้วิชาอาคมใน
การเดินทางไปหาแม่
เสาวรสจนี
การวิเคราะห์รสวรรณคดีไทย
1. เสาวรจนีย์ คือ (บทชมโฉม) คือการเล่าชมความงามของตัวละครในเรื่อง ซึ่ง
อคาวจาเมป็เนก่ตงักวลล้าะขคอรงทีก่เปษ็ันตมริยน์ุษคยว์าอมมงนาุมษขย์อหงปรือร
าสัสตาว์ทซึ่รงากชาวรังชหมรนืีอ้อคาวจาจมะเเจป็รินญกรุา่งรเชรือมง
ของบ้านเมือง
ตัวอย่างบทประพันธ์
นวลนางวันทอง สวยสดดั่งทอง
เป็นที่หมายปอง ของทั้งสองชาย
ขุนแผนรักมั่น ขุนช้างนั้นหมาย
หลงใหลรูปกาย
อยากได้วันทอง
ถอดบทความได้ว่า :
นางวันทองนางสวยเหมือนทองคำ และเป็นที่หมายปองทั้งขุนช้างและ
ขุนแผน ทั้งขุนแผนและขุนช้างต่างก็หลงรักนาง หลงใหลอยากได้นางมา
เป็นเมีย
นารีปราโมทย์
คือ (ซึ่งเป็นที่ยินดีของหญิง) คือ การแต่งบทร้อยกรองให้มีเนื้อความ
และท่วงทำนองฝากรัก และแสดงความรักต่อนางอันเป็นที่ต้องใจ
ตัวอย่างบทประพันธ์
ความรักพี่ยังรักระงมใจ อ
ย่าตัดไมตรีตรึงให้ตรอมตาย
ว่าพลางทางแอบเข้าแนบอก ประคองยกของสำคัญมั่นหมาย
เจ้าเนื้อทิพย์หยิบชื่นอารมณ์ชาย ขอสบายสักหน่อยอย่าโกรธา
ใจน้องมิให้หมองอารมณ์หม่อม ไม่ตัดใจให้ตรอมเสนหา
ถ้าตัดรักหักใจแล้วไม่มา หม่อมอย่าว่าเลยฉันไม่คืนคิด
ถอดบทความ
ความรักที่ขุนแผนมีให้ยังมีอยู่เต็มหัวใจ อย่าตัดความสัมพันธ์ให้เจ็บช้ำ
ขุนช้างพูดไปก็ซบนางวันทอง นางวันทองไม่เคยตัดใจจากขุนแผน ถ้า
ตัดใจแล้วคงไม่กลับมาหาขุนแผน
พิโรธวาทัง
คือ การแสดงความโกรธ ตัดพ้อต่อว่า ประชดประชัน เสียดสี (ถ้อยคําที่แสดงความ
โกรธ) คือ การแต่งบทร้อยกรองให้มีเนื้อความและ ท่วงทํานอง แสดงความโกรธ ตัดพ้อ
ต่อว่า เสียดสีเหน็บแนม ประชดประชัน
ตัวอย่างบทประพันธ์
ทรพลอัปรีย์ไม่ดีได้
รูปร่างวิปริตผิดกว่าคน
ทั้งใจคอชั่วโฉดโหดไร้ ช่างไปหลงรักใคร่ได้เป็นดี
วันนั้นแพ้กูเมื่อดำน้ำ ก็กริ้วซ้ำจะฆ่าให้เป็นผี
แสนแค้นด้วยมารดายังปรานี ให้ไปขอชีวีขุนช้างไว้
แค้นแม่จำจะแก้ให้หายแค้น ไม่ทดแทนอ้ายขุนช้างบ้างไม่ได้
หมายจิตคิดจะให้มันบรรลัย ไม่สมใจจำเพาะเคราะห์มันดี
ถอดบทความ
รูปร่างน่าเกลียด ใจคอโหดเหี้ยม ไม่รู้ว่าแม่วันทองไปรักขุนช้างได้อย่างไร ท้าว
ความถึงตอนที่ขุนช้างดำน้ำ เพื่อพิสูจน์โทษเมื่อเป็นคดีกับตน พลายงามโกรธมากและ
จะฆ่าขุนช้างให้ตาย แต่มารดาห้ามและขอช
ีวิตไว้
สัลปังคพิสัย
คือ (วิสัยแห่งการรำพัน) คือ การแต่งบทร้อยกรองให้มีเนื้อความและท่วงทำนอง
คร่ำครวญ หรือรำพันถึงบุคคลอันเป็นที่รัก หรือรำพันถึงความทุกข์กายทุกข์ใจ
ตัวอย่างบทประพันธ์
ครานั้นจึงโฉมเจ้าวันทอง
เศร้าหมองด้วยลูกเป็นหนักหนา
พ่อพลายงาม ทรามสวาดิ ของแม่อา แม่โศกาเกือบเจียนจะบรรลัย
ใช่จะอิ่มเอิบอาบด้วยเงินทอง มิใช่ของตัวทำมาแต่ไหน
ทั้งผู้คนช้างม้าแลข้าไท ไม่รักใคร่เหมือนกับพ่อพลายงาม
ทุกวันนี้ใช่แม่จะผาสุก มีแต่ทุกข์เจ็บดังเหน็บหนาม
ต้องจำจนทนกรรมที่ติดตาม จะขืนความคิดไปก็ใช่ที
ถอดบทความ
นางวันทองก็ตอบพลายงามว่า เศร้าใจเจียนตาย เงินทองข้าทาสบริวารไม่มีอะไร
ทสำนคอัญยู่ทกำว่ตาลาูมกใทุจกตวันนเนอี้ทงี่กน็ไามง่วไันด้ทองทนอยู่ก็มีแ
ต่ความทุกข์ไม่ได้มีความสุขเลยแต่ก็ต้อง
รสวรรณคดีสันสกฤต
การวิเคราะห์รสวรรณคดีไทยและวรรณคดีสันสกฤตจากเรื่อง ขุนช้างขุนแผน ตอน ขุนช้าง
ถวายฎีกา, กำเนิดพลายงาม
1.ศฤงคารรส คือ (รสแห่งความรัก นารีปราโมทย์) พรรณนาให้ผู้อ่านเกิด ความรัก (รัก
ญาติ รักเพื่อน รัก คนรัก) ทำให้เห็นคุณค่าของความรัก
ตัวอย่างบทประพันธ์
ความรักพี่ยังรักระงมใจ อย่าตัดไมตรีตรึงให้ตรอมตาย
ว่าพลางทางแอบเข้าแนบอก ประคองยกของสำคัญมั่นหมาย
เจ้าเนื้อทิพย์หยิบชื่นอารมณ์ชาย ขอสบายสักหน่อยอย่าโกรธา
ใจน้องมิให้หมองอารมณ์หม่อม ไม่ตัดใจให้ตรอมเสนหา
ถ้าตัดรักหักใจแล้วไม่มา หม่อมอย่าว่าเลยฉันไม่คืนคิด
ถอดบทความ
ความรักที่ขุนแผนมีให้ยังมีอยู่เต็มหัวใจ อย่าตัดความสัมพันธ์ให้เจ็บช้ำ ขุนช้างพูด
ไปก็ซบนางวันทอง นางวันทองไม่เคยตัดใจจากขุนแผน ถ้าตัดใจแล้วคงไม่กลับมาหา
ขุนแผน
หาสยรส
คือ (รสแห่งความขบขัน) เป็นการพรรณนาที่ทำให้เกิดความร่าเริง สดชื่น เสนาะขบขัน
อาจทำให้ผู้อ่าน ผู้ดูยิ้มกับหนังสือ ยิ้มกับภาพที่เห็น ถึงกับลืมทุกข์ดับกลุ้มไปชั่วขณะ
ตัวอย่างบทประพันธ์
บ่าวผู้หญิงวิ่งไปอยู่งกงัน เต
ห็กนตนะาลยึงนัแ้นลแดูกไ้ผม้่าเขก้าามงขาาอยู่
ต่างคนทรุดนั่งบังประตู
ขุนช้างเห็นข้าไม่มาใกล้ ขัดใจลุกขึ้นทั้งแก้ผ้า
แหงนเถ่อเป้อปังยืนจังกา ย่างเท้าก้าวมาไม่รู้ตัว
ยายจังงันงกยกมือไหว้ นั่นพ่อจะไปไหนพ่อทูนหัว
ไม่นุ่งผ่อนนุ่งผ้าดูน่ากลัว ขุนช้างมองดูตัวก็ตกใจ
ถอดบทความ
บ่าวที่เป็นผู้หญิงก็วิ่งกันไปหาแต่เห็นขุนช้างแก้ผ้าอยู่ ก็หลบกันไปอยู่หลังประตูไม่กล้า
เข้ามา ชุนช้างเห็นดังนั้นก็ขัดใจจึงลุกขึ้นทั้งๆที่ยังแก้ผ้าอยู่ ยืนค้างถ่างขาแล้วก้าวออกไป
โดยที่ไม่รู้ตัว ยายจันก็ยกมือไหว้แล้วถามขุนช้าง
ว่าจะไปไหน เสื้อผ้าไม่ใส่ พอขุนช้างมองดู
ตัวเองก็ต้องตกใจ
กรุณารส
คือ (รสแห่งความเมตตากรุณาที่เกิดภายหลังความเศร้าโศก) เป็นบทพรรณนาที่ทำให้ผู้
อ่านหดหู่เหี่ยวแห้ง เกิดความเห็นใจถึงกับน้ำตาไหลพลอยเป็นทุกข์ เอาใจช่วยตัวละคร (ตอน
กำเนิดพลายงาม )
ตัวอย่างบทประพันธ์
ตามทำนองพระหมื่นศรีสั่งถี่ถ้วน
"ให้พลายงามตามไปนั่งตรงตั้งของ
ฝ่ายข้าเฝ้าเจ้าพระยาเวลาจวน ต่างก็ชวนกันเข้ามาหน้าพระโรง
นุ่งสมปักชักชายกรายกรีดเล็บ ผ้ากราบเหน็บแนบหน้าดูอ่าโถง
พอเวลานาทีถ้วนสี่โมง เข้าพระโรงพร้อมหน้าข้าราชการ"
ถอดบทความ
จมื่นศรีกราบทูลว่า พลายงามเป็นบุตรของขุนแผน หลานนางทองประศรี มีความรู้
เรียบร้อย อยากจะขอรับใช้เบื้องพระยุคลบาท
สมเด็จพระพันวษามองพลายงามด้วยความ
สงสาร แต่อาจเป็นเพราะกรรมของขุนแผนยังมีอยู่ ทำให้พระองค์ไม่ได้บอกยกโทษให้ เมื่อ
พลายงามเป็นมหาดเล็กแล้ว ก็ยังคงอยู่กับจหมื่นศรี ขุนนางผู้ใหญ่ต่างๆก็เอ็นดู
รุทรรส/เราทรรส
คือ (รสแห่งความโกรธเคือง) บทบรรยายหรือพรรณนาที่ทำให้ผู้ดูผู้อ่านขัดใจฉุนเฉียว
ขัดเคืองบุคคลบางคนในเรื่อง บางทีถึงกับขว้างหนังสือทิ้งหรือฉีกตอนนั้นก็มี
ตัวอย่างบทประพันธ์
อย่าเลยจะรับแม่กลับมา ให
้อยู่ด้วยบิดาเกษมศรี
พรากให้พ้นคนอุบาทว์ชาติอัปรีย์ ยิ่งคิดก็ยิ่งมีความโกรธา
อัดอึดฮึดฮัดด้วยขัดใจ เมื่อไรตะวันจะลับหล้า
เข้าห้องหวนละห้อยคอยเวลา จวนสุริยาเลี้ยวลับเมรุไกร
เงียบสัตว์จัตุบททวิบาท ดาวดาษเดือนสว่างกระจ่างไข
น้ำค้างตกกระเซ็นเย็นเยือกใจ สงัดเสียงคนใครไม่พูดจา
ถอดบทความ
พลายงามแค้นขุนช้างมาก จะต้องหาทางแก้แค้นขุนช้างให้ได้ ใจก็อยากให้ขุนช้างตาย
แต่ขุนช้างดวงดีไม่เป็นดังที่ตนหวังไว้ ก็เลยจะรับแม่(นางวันทอง)ให้มาอยู่บ้านกับพ่อ
(ขุนแผน) จะพาแม่หนีให้พ้นจากขุนช้างคนชั่วช้าใจทราม ยิ่งคิดก็ยิ่งคับแค้นใจ
กระวนกระวายว่าเมื่อไรจะค่ำ ที่จะได้ไปรับแม
่กลับบ้าน จนตะวันลับขอบฟ้า ไม่มีแม้แต่
เสียงเท้าสัตว์เดิน ดาวที่อยู่บนท้องฟ้าส่องแสงสว่าง ในตอนมืดอากาศเริ่มเย็นมีน้ำค้าง
เงียบสงัดไม่มีแม้แต่เสียงคนพูด ได้ยินเสียง
วีรรส
คือ (รสแห่งความกล้าหาญ) บทบรรยายหรือพรรณนาที่ทำให้ผู้อ่าน ผู้ดู ผู้ฟังพอใจผล
งานและหน้าที่ ไม่ดูหมิ่นงาน อยากเป็นใหญ่ อยากร่ำรวย อยากมีชื่อเสียง
ตัวอย่างบทประพันธ์
ครานั้นทองประศรีผู้มารดา
ลคงรั้บนันไดไ้ดแงจั้นงกงิกจจตากไนม่อนิก่งกไดช้าน
เด็กเอ๋ยวิ่งตามมาไวไว
พลายชุมพลกอดก้นทองประศรี กูมิใช่ช้างขี่ดอกลูกหลาน
ลุกขึ้นโขย่งโก้งโค้งคลาน ซมซานโฮกฮากอ้าปากไป
ครั้นถึงยั้งอยู่ประตูวัง ผู้รับสั่งเร่งรุดไม่หยุดได้
ขุนแผนวันทองพระหมื่นไวย เข้าไปเฝ้าองค์พระภูมี ฯ
ถอดบทความ
เมื่อแม่ของนางวันทองได้รู้ข่าวก็ร้อนใจ รีบเรียกลูกหลานให้วิ่งตามมาให้รีบลงจาก
บันไดจนตกออกนอกชาน พลายชุมพลก็เข้ากอดก้นนางทองประศรี นางทองประศรีจึง
ตะโกนบอกว่าพลายชุมพลว่าตนไม่ใช่ช้าง แล
้วก็ลุกขึ้น เมื่อถึงหน้าประตูวัง ทั้งสามคนจึง
รีบเข้าไปเข้าเฝ้าพระมหากษัตริย์